แค่มีนาย by โอนนิมารุ *Rebirth*
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แค่มีนาย by โอนนิมารุ *Rebirth*  (อ่าน 272172 ครั้ง)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50

40


วันชนะโดนสมภพลากแขนไปที่บันไดหนีไฟที่มีคนเปิดเอาผ้าขี้ริ้ววางกั้นไว้ให้ประตูแง้มอยู่หน่อย
คาดว่าคงเป็นพนักงานทำความสะอาดเพราะพอเข้าไปก็มีรถเข็นคันใหญ่ที่มีอุปกรณ์ทำความสะอาดจอดทิ้งไว้
“หนู...ทำไมยังติดต่อกับตั้มอยู่อีก เราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือ” น้ำเสียงนั้นไม่เชิงอ้อนวอนหรือต้องการคำตอบ
“เอ่อ...คุณลุงครับ” วันชนะกลืนอะไรบางอย่างที่เหมือนจะติดอยู่ที่คอลงไปก่อนจะพูดต่อ “ผมกับตั้ม...เราไม่ได้ติดต่อกันมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะครับ”
“แล้วทำไม?” สมภพซักไซ้
วันชนะหลบสายตาที่ดูจะเหนื่อยต่อเรื่องนี้ของผู้อาวุโสกว่าตรงหน้า

นักขัตรู้สึกแปลกๆอย่างไรไม่รู้ ในใจมันโหวงเหวง เป็นห่วงพ่อ แต่ก็มีใบหน้าของวันชนะแทรกมา พลางคิดถึงวันชนะขึ้นมาอีกคน พอดีเห็นพ่อตัวเองลากต้นแขนวันชนะเข้าไปตรงประตูหนีไฟ ก็เลยเดินตรงไป

เอาเข้าจริงๆเขาก็ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นต่อสู้เพื่อหัวใจตัวเองเท่าไรนัก วันชนะรู้สึกปั่นป่วนไปหมดกับสถานการณ์ที่เผชิญ นึกถึงคำพูดที่สมภพเคยพูดเอาไว้สมัยก่อนแล้วจิตใจเริ่มจะอ่อนแอลงทุกที สมภพพูดเอาไว้ถูกต้องทุกอย่าง นักขัตเป็นลูกชายคนเดียว คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมหวังที่จะเห็นลูกของตนมีอนาคตที่ดี ไม่ออกนอกลู่นอกทาง วิถีที่ผู้ชายจะมีในสังคมนี้คือเรียนจบแล้วมีงานทำ จากนั้นก็หาผู้หญิงดีๆแต่งงานด้วยและมีลูก เป็นพ่อคนแม่คนที่จะต้องดูแลชีวิตที่ให้กำเนิดขึ้นมาเพื่อเติมเต็มคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ ซึ่งนั่นจะทำให้สังคมขับเคลื่อนไปในทางที่ถูกที่ควร

“ผม...”
วันชนะเกือบจะยอมแพ้อีกครั้ง ถ้าไม่มีเสียงริงโทนจากมือถือดังขึ้น หน้าจอโชว์ชื่อบอส
วันชนะไม่ได้กดรับสายนั้น แต่เสียงของบอสที่พูดเมื่อวานดังขึ้นในหัว
 
‘คุณรักเขา แล้วเขาก็ยังรักคุณ ทำไมต้องยุ่งยากด้วย ทำไมต้องแคร์คนอื่นด้วย ขนาดผมเป็นคนอื่นผมยังไม่กล้าเข้าไปแทรกระหว่างคุณกับเขาเลย แล้วเรื่องอะไรคุณจะปล่อยให้ความรักของคุณมันหลุดลอยไป’

ความกล้าเกิดขึ้นได้อย่างประหลาด คนที่คอยแต่ก้มมองพื้นเงยหน้าขึ้นมั่นคง

“คุณลุงครับ...ผมกับตั้ม...เรารักกันครับ” เขามองหน้าสมภพด้วยความกล้าทั้งหมดที่รวบรวมได้
แต่คนตรงข้ามกลับไม่คิดอย่างนั้น มันคือสายตาของคนอวดดี...ลองดี

“แก!”

สมภพพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่โมโหเด็กรุ่นลูก แต่ที่สุดก็อดไว้ไม่ได้ แต่ก่อนที่มือข้างหนึ่งที่เงื้อขึ้นสูงจะได้ทำร้ายคนตรงหน้า สมภพก็รู้สึกเหมือนมีแรงกระแทกที่หน้าอกข้างซ้ายอย่างแรงและรวดเร็วจนต้องเอามืออีกข้างกุมเอาไว้ เข่าก็ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง

“พ่อ!” นักขัตเข้ามาก็เจอตอนที่สมภพล้มลงกับพื้นมือกุมอกแน่นจนเสื้อยับย่น ขณะที่วันชนะยืนมองร่างพ่อของตัวเองล้มลงอย่างไม่แยแส ตั้งสติได้เขารีบวิ่งเข้าไปประคองร่างที่เกร็งกับพื้นนั่น
แต่ที่จริงแล้ว วันชนะตกตะลึงจนขยับเขยื้อนตัวไม่ได้
“แก!” สมภพชี้หน้าวันชนะอย่างรังเกียจ
“เกิดอะไรขึ้นวิน” นักขัตมองตามมือที่คนเป็นพ่อชี้หน้าวันชนะ “วินทำอะไรพ่อตั้ม!”
“ปะ...เปล่า...” ร่างตะลึงเอ่ยเสียงผะแผ่วพลางก้าวถอยหลังอย่างคนกลัวความผิด จนหลังชนกับรถเข็นที่จอดไว้ ฉับพลันนั้นล้อก็เลื่อนไปข้างหน้าตามแรงที่มากระทบพาร่างที่เอาหลังพิงพาหนะขนอุปกรณ์ทำความสะอาดนั้นติดลงไปทางบันไดชันด้วย
“วิน!” ด้วยไหวพริบและความไวอย่างที่เคยใช้ในกีฬาบาสเกตบอล และเพราะคนที่กำลังจะร่วงลงไปนั้นคือวันชนะ...คือคนรัก นักขัตถึงกับปล่อยมือที่ประคองร่างผู้ให้กำเนิดไปคว้าตัววันชนะเอาไว้
แต่กลับกัน...ร่างที่หงายหลังตกลงไปคือนักขัต!
“ตั้ม!” สองเสียงตะโกนเรียกพร้อมกัน

สมภพแทบจะกระโดดลงไปให้ถึงตัวลูกให้เร็วที่สุด แต่เพราะลำพังตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด เลยแทบจะคลานลงไปหาลูกในขณะที่วันชนะหมอบตะลึงอยู่กับที่มองร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่ปลายบันไดข้างล่างนั่น
   กว่าจะรู้สึกตัว วันชนะวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือเหมือนคนคลั่ง จากนั้นจึงมีคนโทรเรียกรถฉุกเฉิน อุษาถึงกับทำอะไรไม่ถูก เมื่อทั้งลูกทั้งสามีต้องกลายเป็นคนป่วยอย่างกะทันหันอย่างนั้น
   
   ที่หน้าห้องฉุกเฉิน
“หนู...เกิดอะไรขึ้น” อุษาพยายามเก็บอารมณ์เต็มที่ แต่ปากของหล่อนสั่นเทาอย่างปิดไม่มิด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอาการไม่ได้ดีไปกว่าตนหล่อนก็ลูบที่บ่าวันชนะเบา ไม่ใช่เพราะหล่อนนึกเอ็นดูหรือเห็นใจวันชนะหรอก แต่เป็นเพราะพื้นนิสัยใจดีของหล่อนต่างหาก ในขณะที่ลึกลงไปตอนนี้หล่อนนึกเกลียดวันชนะที่เข้ามาปั่นป่วนครอบครัวของหล่อน
   จนเมื่อประตูห้องเปิดออกมาพร้อมกับหมอเจ้าของไข้ อุษาก็ปราดเข้าไปหา
   “คุณหมอคะ อาการพวกเขาเป็นยังไงบ้างคะ” หล่อนละล่ำละลักถาม
   “สามีคุณปลอดภัยแล้วครับ ต่อไปอย่าให้มีเรื่องกระทบจิตใจเขาอีกนะครับ” นายแพทย์กล่าวแล้วก็ทำท่าหนักใจก่อนจะพูดต่อว่า “ส่วนอีกคน...เราต้องรอดูอาการหน่อยนะครับ เพราะสมองของคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือน ส่วนแขนที่หักเราเข้าเฝือกให้แล้วครับ”
   สิ้นคำหมอคนนั้นอุษาก็ทรุดลงกับพื้นทันที วันชนะรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าลงมาที่ตัวจนชาไปหมด ก่อนที่ทั้งสองจะได้รับการปฐมพยาบาลโดยนางพยาบาลที่อยู่ตรงนั้น
“ผมขอโทษครับ” ไม่มีคำไหนดีไปกว่านี้อีกแล้วที่วันชนะจะสรรหามาพูดในเวลานี้ เขายกมือขึ้นพนมก่อนจะก้มลงกราบแทบตักของอุษา
หล่อนไม่ขยับหนีอย่างรังเกียจกริยานั้นของวันชนะ แต่หล่อนหลับตาไม่รับรู้...จะให้หล่อนให้อภัยเขาตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้!


เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมาด้วยเสียงเรียก “คุณหนูคะ คุณผู้ชายเรียกค่ะ”
“พี่เล็ก บอกป๊าทีว่าบอสนอนแล้ว” คนในห้องพยายามทำเสียงงัวเงียเต็มที่
“โธ่! คุณหนูคะ เดี๋ยวท่านก็มาตามด้วยตัวเองอีกหรอกค่ะ” หล่อนพูดให้เจ้านายน้อยรู้สึกเห็นในขณะที่ข่มขู่กลายๆ
เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะจำใจบอกผ่านประตูไปว่า “เดี๋ยวบอสลงไป”
พี่เลี้ยงที่ชื่อเล็กคนนั้นจึงยิ้มอย่างโล่งอกก่อนลงไปรายงานเจ้าของบ้าน
แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทิ้งห้องไป เสียงมือถือของตัวเองที่ดังขึ้น
“ว่าไงคุณ โทรไปไม่เคยรับเลยนะ” บอสพูดประชดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
ปลายสายเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างที่มันดูตะกุกตะกัก ก่อนที่เสียงร้องไห้โฮจะดังผ่านมือถือนั้น
“คุณเป็นอะไรไปน่ะ” บอสกรอกเสียงลงไปอย่างเป็นห่วง “คุณอยู่ไหน”
แล้วเด็กหนุ่มก็วิ่งผ่านหน้าคนที่ต้องการพบตัวออกจากบ้านไป โดยไม่สนใจเสียงเรียก


พอบอสมาถึงโรงพยาบาลเขาก็ตรงไปหาวันชนะทันที พอไปถึงก็พบวันชนะนั่งเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง...หรือจะเรียกว่าหมดอาลัยตายอยากก็คงไม่ผิดนัก
“คุณไม่เป็นอะไรนะ” บอสปลอบ เห็นนักขัตนอนบนเตียงก็พอจะเข้าใจ “เขาคงไม่เป็นอะไรมากหรอก”
วันชนะไม่อยากมองหน้านักขัตด้วยซ้ำ เพราะมันตอกย้ำความผิดที่เขาทำลงไป
ประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างอ่อนระโหยของอุษา หล่อนเดินมาหยุดตรงหน้า
“หนู...วิน...กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมเขาก็ได้” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงแห้งแล้ง
“แล้วคุณน้าจะไหวเหรอครับ” วันชนะถาม
“สามีน้าดีขึ้นแล้วจ้ะ เดี๋ยวเขาก็คงจะมาอยู่เป็นเพื่อนน้าที่ห้องนี้แหละ” หล่อนพูด แต่พอเห็นสีหน้ายังไม่คลายกังวลของวันชนะหล่อนก็เอ่ยต่อว่า “วิน...น้ารู้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าสักวันวินมีลูก...วินก็จะรู้ว่าพวกเรารู้สึกกันยังไงกับเรื่องที่วินกับตั้มกำลังเป็นอยู่” 
วันชนะรู้สึกว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้อีกแล้ว เขาอยากรู้เหลือเกินว่าคนอื่นๆที่มีความรักนั้น กว่าจะได้มามันยากเข็ญเหมือนความรักของเขาหรือเปล่า             
“ผมก็ว่าคุณกลับไปพักก่อนดีกว่านะ” บอสเห็นด้วยกับคำของอุษา

“ขอโทษนะที่เรียกออกมากลางดึก” วันชนะพูดขณะเดินริมถนนกับบอส พอได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกอาการเขาก็ดีขึ้น
“ไม่เป็นไร” บอสว่า “พ่อแม่เขารู้แล้วเหรอ”
“อืม” วันชนะเอ่ยเสียงแผ่ว “ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นโรคหัวใจ...”
บอสไม่ว่าอะไรต่อ แต่เขาเอื้อมมือว่าโอบไหล่วันชนะเอาไว้เป็นการปลอบโยน
“ขอบใจนะบอส” วันชนะหันมามองหน้าเขา “ทั้งคำพูดที่ทำให้ผมได้ทำตามหัวใจเรียกร้องและก็ขอบใจสำหรับตอนนี้...ถึงแม้ผลมันจะออกมาอย่างที่เห็น แต่อย่างน้อยตั้มก็ได้รู้ว่าผมยังรักเขาอยู่”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งนะ” บอสว่า
“อย่าเลย เลี้ยวตรงมุมข้างหน้านี้ก็บ้านนายแล้วนี่ ไม่ต้องไปส่งหรอก” วันชนะว่า
บอสไม่รบเร้า
“เอางี้แล้วกันเดี๋ยวผมไปส่งบอสดีกว่า เด็กๆกลับบ้านดึกอย่างนี้กลับเข้าไปเดี๋ยวโดนป๊านายดุเอา เผื่อว่ามีผมไปส่งเขาอาจจะไม่ว่า”
“โอ๊ย! ป๊าผมนะ ถ้าจะให้ดุด่าใครล่ะก็ไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหมหรอก” บอสยักไหล่

จนแล้วจนรอดก็เป็นวันชนะที่มาส่งบอสเสียเอง เพราะบ้านเขาอยู่ใกล้กว่าแล้วในฐานะอาจารย์ของเขาวันชนะก็คิดว่าสมควรมากกว่าที่จะให้เขาเป็นฝ่ายไปส่ง แต่พอไปถึงที่ประตูใหญ่หน้าบ้าน
“คุณหนูอ้อมไปเข้าข้างหลังบ้านเถอะค่ะ” พี่เลี้ยงที่ชื่อเล็กที่ดูเหมือนจะรอการกลับมาของบอสอยู่แล้วแทรกตัวเข้ามากระซิบกระซาบ
เป็นที่รู้กันว่าพี่เลี้ยงหมายความว่ายังไง บอสพยักหน้า
“คุณ ผมไปก่อนนะ ตะกี้ผมออกบ้านมาเลยไม่ได้คุยกับป๊าก่อน เขาคงจะโกรธน่ะ”
“อืม นายไปเถอะ” วันชนะปั้นยิ้มให้เขาเห็นว่าอาการดีขึ้นแล้ว
แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้แอบไปทางไหนเสียงแหบๆก็ดังแหวกอากาศมา

“ไอ้บอส! หยุดเลยนะ” 
“ป๊า!”
พูดได้เท่านั้นแหละ บอสหน้าหันตามแรงกำปั้นที่คนเป็นพ่อชกให้ต่อหน้าต่อตาคนแปลกหน้าอย่างวันชนะ
“เมื่อไรลื้อถึงจะเชื่องเสียที” เสียงนั้นตวาดลั่นหน้าบ้าน
วันชนะรีบเข้าไปหาบอสขณะที่พี่เลี้ยงคนเดิมยืนหลับตาไม่กล้ามองอยู่ข้างๆ
“แล้วค่ำมืดดึกดื่นอย่างนี้ลื้อยังจะออกไปไหนอีก” ชายวัยกลางคนหน้าตาเต็มไปด้วยริ้วรอยที่เคยผ่านชีวิตตรากตรำคนนั้นยังกำหมัดตรงเข้ามาทั้งที่วันชนะก็อยู่กันบอสเอาไว้
“เฮ้! คุณ ฟังกันก่อนสิ” วันชนะยืนบังบอสเอาไว้
“ลื้อเป็นใคร เข้ามาในบ้านอั๊วได้ไง มาเกี่ยวอะไรด้วย พ่อจะทำโทษลูกมันไม่เกี่ยวกับคนอื่น หลีกไป!” พ่อของบอสชี้หน้าวันชนะ
“ผมเรียกเขาออกไปเองแหละ ผมเป็นอาจารย์ของเขา” พูดไปหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น
“ลื้อเป็นอาจารย์ของมันอย่างนั้นเหรอ ดี! พรุ่งนี้ลื้อขนข้าวของออกไปจากโรงเรียนได้เลย อั๊วไล่ลื้อออก”
สิ้นเสียงแหบๆนั้นวันชนะก็หมดความอดทน อาจเพราะวันนี้เขาเพิ่งเจอเรื่องร้ายๆมา ความเครียดที่สะสมอยู่มากมายแต่กลับได้ระบายเพียงร้องไห้จึงไม่พอ
“คุณมันบ้าไปแล้ว คุณเป็นพ่อของเขาจริงรึเปล่า แบบนี้เขาไม่ได้เรียกทำโทษหรอกนะ ตีลูกอย่างกับตีนักโทษ ตีหมูหมา เขาเป็นคนนะ!” วันชนะเถียงปากสั่น

 พอดีกับแสงจากไฟหน้ารถส่องเข้ามา พี่เลี้ยงที่ยืนตัวสั่นจึงรีบวิ่งไปเปิดประตู

“มีอะไรกันครับป๊า” ภัทรลงรถมาพร้อมกับหญิงสูงวัยอีกคนที่วันชนะคาดว่าจะเป็นแม่ของบอส
หากแต่พ่อของบอสไม่สนใจกลับตั้งใจต่อปากต่อคำกับวันชนะ
“ลื้อจะไปรู้อะไร มันเป็นความหวังของบ้านนี้ เป็นความหวังของวงศ์ตระกูล ดังนั้นมันจะทำตัวเหลวไหลไม่ได้”
“ไม่เห็นเขาจะเหลวไหลตรงไหน เรียนก็เก่งมาตลอด” วันชนะบีบมือบอสเสียแน่น “คุณเคยรู้ไหมว่าเด็กมันไม่อยากเป็นหมอ คุณก็ยังพยายามจะให้เขาเป็นให้ได้ แบบนี้มันจะดีเหรอ ที่คุณเป็นหมอไม่ได้คุณก็ทุกข์ทรมานไม่ใช่เหรอ แล้วคุณยังจะเคี่ยวเข็ญให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาไม่ได้ชอบ คุณจะให้เขาเป็นทุกข์อย่างคุณด้วยใช่มั้ย”
“คุณ...พอเถอะ” บอสบีบมือวันชนะเพื่อเรียกสติ

จากนั้นทุกสิ่งรอบตัวก็เงียบกริบ หญิงสูงวัยที่ลงรถมากับภัทรเดินเข้าไปหาคนที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้าวันชนะ
“กลับเข้าบ้านก่อนเถอะป๊า” ภัทรเดินไปแตะแขนคนเป็นพ่อ ก่อนจะหันมาทางวันชนะ “เล่าให้พี่ฟังได้มั้ยวิน”
จากนั้นวันชนะก็เล่าเรื่องให้ภัทรฟังโดยเริ่มตั้งแต่ตอนที่มาส่งบอสที่หน้าบ้าน แทนที่จะบอกว่าเป็นนักขัตที่เข้าโรงพยาบาล วันชนะกลับบอกเป็นญาติคนหนึ่ง
“วินไม่คิดจะเรียกพี่เหรอ” ภัทรชำเลืองไปที่บอส
บอสยักไหล่
วันชนะไม่ตอบคำถามนั้นของภัทรจนสุดท้ายภัทรก็พูดขึ้นว่า “ยังไงก็ขอบใจแทนบอสนะวิน ป๊าคงได้คิดมากขึ้น คนอย่างป๊าน่ะคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่สุดในครอบครัว คำสั่งของตนเองเป็นเด็ดขาด บางทีอาจจะต้องให้คนอื่นมาชี้ทางสว่างให้เสียบ้าง”
“บอสไปนอนได้แล้ว” ภัทรสั่ง เขาเองก็ติดนิสัยชอบสั่งมาเหมือนกัน
หากคนถูกสั่งยังลอยหน้าลอยตา จนวันชนะส่งสัญญาณให้ทำตามเขาจึงยักไหล่ทีนึงแล้วลุกออกไปจากตรงนั้น
“พี่ภัทรมีอะไรจะคุยกับวินอีกหรือเปล่าครับ” วันชนะเตรียมท่าจะขอตัวกลับ เพราะเสร็จเรื่องแล้วความเหนื่อยล้าก็เริ่มกลับมามีอิทธิพลอีกครั้ง
“ไป พี่ไปส่ง” ภัทรชิงลุกขึ้นก่อน สายตาเขาฉายแววเครียดขึ้น

วันชนะกลับมาถึงอพาร์ทเมนต์อย่างคนสิ้นเรี่ยวแรง ร่างอ่อนระโหยนั้นทิ้งตัวลงที่นอนทันทีที่ไปถึง ก่อนที่สติจะเข้าสู่ห้วงหลับใหล เขายังคิดถึงคำพูดของภัทรตอนที่อยู่บนรถ
“วินบอกพี่ไม่หมด แต่พี่ไม่โกรธหรอกนะ...หวังว่าวินพร้อมเมื่อไรพี่คงจะได้รู้เรื่องทั้งหมด”

...คืนนั้นวันชนะหลับฝันถึงแม่อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ฝันถึงมานาน แม่ก็ยังมีรอยยิ้มเหมือนเคย
แต่คราวนี้วันชนะรู้สึกเหมือนมันเป็นยิ้มปลอบใจ...ที่มีให้สำหรับคนสิ้นหวังแล้ว
“แม่ ดูตั้มด้วยนะ” วันชนะพึมพำก่อนจะงัวเงียตื่นขึ้นมาพบว่าเป็นเวลาบ่ายแก่ๆของอีกวัน
ไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะต้องไปหานักขัต แม้ว่าพ่อของเขาจะไม่ค่อยชอบใจนักก็ตาม แต่ถ้าหากเข้าไปอย่างมีสัมมาคารวะ...อย่างเด็กเข้าหาผู้ใหญ่ คิดว่าผู้ใหญ่คนนั้นก็คงจะใจอ่อนลงบ้าง คิดได้อย่างนั้นวันชนะก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปหากระเช้าของฝากที่มีพวกโสมและของบำรุงร่างกายต่างๆเอาติดมือไปด้วย


...แต่พอเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องที่คิดว่าจะเจอนักขัตนอนอยู่ตรงนั้น...

กลับเจอแต่เตียงที่ว่างเปล่า!

KriT_SuN

  • บุคคลทั่วไป
 :a6: อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก เศร้าอีกแล้ว เฮ้อ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :o12: :o12: :o12: บีบหัวจายเหลือเกิน  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ Otaku

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-1
 :sad2: :sad2: :sad2:

จะเศร้าไปถึงไหนเนี่ย

 :o12:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ทำไมใจร้ายกันแบบนี้ สงสารวินนะ

 :o12: :sad2: :o12: :sad2:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
อาไรนี่ แย่ๆๆๆๆ

เสร้าอย่า
แรงอ่า

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
ดีกันได้ไม่เท่าไหร่ เศร้าอีกแล้ว  :sad2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เมื่อไหร่มันจะดีกันซักทีเนี่ย 
คู่นี้มันเป็นกรรมอะไรนักหนา  แงแง

รออ่านต่อนะ พูห์

ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เห้อ.. ยอมแพ้แระ เลิกกันเหอะ
รู้สึกจะทุกข์ มากกว่าสุขเสียอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
โห.............................จะทำร้ายจิตใจไปถึงไหนกันเนี่ย

แมววาย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] แค่มีนาย by โอน$
«ตอบ #851 เมื่อ03-04-2008 01:13:29 »

เศร้านานขนาดนี้  เลิกกันเหอะ   :sad2:   ฉันเศร้ามาปีกว่าแล้วนะ ตั้งแต่ติดตามความรักของ ต้นน้ำกะนิติ มานี่ (ขอโทษสับสนกับชื่อบ่อยๆ อ่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2008 01:18:33 โดย MeowY »

TaDa

  • บุคคลทั่วไป


เศร้าได้อีกพี่ เศร้าได้อีกกกกกกกกกกกก

อาร๊ายยยยย มานจะรันทดขนาดดดดดดดดนี้

สุขซะทีดีไหมคร๊าบบบบบบบบบ พี่น้อง

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :serius2: มันไรนักหนาเนี่ย อุปสรรคเยอะเกินไปแล้วนะ ใจร้ายมากไปแล้วคนแต่ง  :o


เศร้า  :o12: :o12: มากๆ

beboy

  • บุคคลทั่วไป
อุปสรรคทำให้ชีวิตมีรสชาติ  ...  เจ็บบบ..ปวดดดด
ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เง้อ..............เกิดอารายขึ้นนะ

ทามั้ยมานถึงต้องเปงแบบนี่ด้วยละคับ............ทามั้ยพี่วินต้องเจอแต่เรื่องแบบนี่นะ

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกนะคับ..........รอต่อไปนะคับ o7 o7

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
41


วันชนะเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาล ความรู้สึกครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกๆครั้ง...ความรู้สึกที่โดนกีดกัน!
พยาบาลที่เคาน์เตอร์บอกว่านักขัตถูกย้ายไปอยู่โรงพยาบาลที่เชียงใหม่แล้วเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว คงจะเป็นใครไปไม่ได้ที่ทำเรื่องแบบนี้นอกจาก...
คิดแล้วอกุศล วันชนะรีบสะบัดหน้าตัวเอง
คำพูดของแม่ของนักขัตผุดขึ้นในสมอง

‘แต่ถ้าสักวันวินมีลูก...วินก็จะรู้ว่าพวกเรารู้สึกกันยังไงกับเรื่องที่วินกับตั้มกำลังเป็นอยู่’

จะโทษพวกเขาก็ไม่ถูก พ่อแม่ก็ย่อมรักลูกทั้งนั้น

กลับมาตั้งต้นใหม่ที่ห้องของตัวเอง วันชนะเอาแต่เหม่อลอย ลืมแม้กระทั่งว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
และชีวิตดูจะเคว้งคว้างไม่มีจุดหมายอะไรให้เขาทำอีกต่อไป วันหนึ่งๆถ้าไม่มีเหตุจำเป็นเช่นว่าต้องออกไปหาอะไรกินวันชนะก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย โทรศัพท์มือถือเขาก็ปิดเครื่องเอาไว้

จนผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ เมื่อวันชนะรู้สึกว่าตัวเองเหงาเหลือเกินที่ต้องอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน จึงหยิบมือถือมาเปิดเครื่องในใจหวังว่านักขัตจะติดต่อมา หากแต่ข้อความอัตโนมัติที่จะโชว์เมื่อมีสายโทรเข้ามาแล้วไม่ได้รับหรือแม้แต่แบตเตอรี่หมดที่โชว์มากกว่ายี่สิบข้อความนั้นไม่มีเบอร์ของนักขัตเลย ส่วนใหญ่เป็นเบอร์ของภัทรกับบอส เขาตัดสินใจโทรเข้ามือถือของนักขัตแล้วก็เป็นอย่างที่คิด...ไม่มีสัญญาณติดต่อ
เขาถอนหายใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นลบข้อความขยะเหล่านั้น ไม่ทันที่จะลบข้อความได้หมดก็มีสายโทรเข้ามา

“ครับพ่อ” วันชนะรับสายด้วยเสียงเนือยๆ
“เป็นไรรึเปล่าวิน” ปลายสายถามมาด้วยจับได้ในน้ำเสียง
“เปล่าครับพ่อ” วันชนะปฏิเสธ หากแต่ซาบซึ้งในความเป็นห่วงของพ่อจึงไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ แต่ยิ่งคุยต่อไป ภาพของสมภพกับอุษายิ่งซ้อนทับเข้ามาจนทำให้วันชนะน้ำตาไหล
เขาเข้าใจแล้ว ก็เหมือนที่พ่อห่วงเขาอยู่ตอนนี้
“...” ปลายสายเงียบไป
“พ่อ...พ่อ...ยังอยู่ไหม” คนเป็นลูกพยายามกลั้นสะอื้น
“อยู่...ปัญหาหนักมากหรือวิน” อย่างไรเสียปลายสายก็รู้จนได้
วันชนะเงียบไป มีแต่เสียงถอนหายใจที่ผ่านเข้าไปในมือถือ จนสุดท้ายก็ตัดสินใจพูดออกไป
“พ่อ...” หยุดเพื่อเรียบเรียงคำพูด
“อืม...” ปลายสายรอให้วันชนะพูดออกมา
“พ่อจะยังรักวินอยู่มั้ย...ถ้า...ถ้าวินไม่ได้ปกติเหมือนคนอื่นๆ” วันชนะกลั้นใจพูด
คำว่า ‘ไม่ปกติ’ ของวันชนะตีความหมายได้หลายอย่าง แต่คนเป็นพ่อก็ไม่ได้สนใจจะคาดคั้นว่าหมายถึงอะไร

   เสียงของพ่อลอยมาตามสายว่า “พูดอะไรอย่างนั้นวิน คนเป็นพ่อเป็นแม่นะ ต่อให้ลูกที่เกิดออกมาไม่สมประกอบ ง่อยเปลี้ยเสียขาหรือสติปัญญาไม่สมบูรณ์ พวกเขาก็ยังรักลูกไม่น้อยกว่าพ่อแม่คนไหนหรอก อาจจะมีบ้างที่พ่อแม่บางคนตีลูกแต่นั่นก็เพราะพวกเขาหวังว่าจะให้ลูกของเขาได้ดิบได้ดี”
   วันชนะปล่อยเสียงโฮอย่างไม่อายอีกต่อไปแล้ว...ร้องไห้เหมือนตอนเด็กๆ
   “พ่อ วินเป็นเกย์!” วันชนะสารภาพ จากนี้ไปหากพ่อจะโกรธเขาก็จะไม่โกรธตอบ เพราะเรื่องราวมันถาโถมเหลือเกิน “วินรักผู้ชาย...”
   ปลายสายเงียบเสียงไปอึดใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “วิน พ่อกับแม่เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เด็ก มีหรือที่พ่อกับแม่จะไม่รู้”
   “พ่อ...รู้” วันชนะเพิ่งจะรู้ความจริงข้อนี้
   “ฟังพ่อให้ดีนะวิน คนเราเกิดมาพอตายไปจะเอาอะไรติดตัวไปสักชิ้นก็ไม่ได้ แล้วทำไมจะต้องไปยึดติดกับมัน พ่อกับแม่เลี้ยงวินมาก็เพื่อจะให้โตขึ้นมาเป็นคนที่ดี เท่านี้พวกเราก็พอใจแล้ว เราไม่อยากจะไปขีดเส้นทางให้ลูกเดินเพื่อตัวพ่อหรือแม่จะได้พอใจในผลงานของตัวเองหรอก ส่วนวินจะเป็นอะไรนั้นวินต้องเลือกทางของวินที่จะเดินต่อไปเอง เพียงแต่วินต้องใช้สติสัมปชัญญะของตัวเองเข้าพิจารณาเพื่อให้ทางเดินนั้นไม่ไปในทางที่ไม่ดี พ่อกับแม่เพียงแต่คอยดูลาดเลาดูทางที่ไม่ดีเหล่านั้นไม่ให้มาใกล้ลูก จริงอยู่ว่าเรื่องแบบนี้มันใช่เรื่องปกติที่คนส่วนใหญ่จะยอมรับกัน แต่ในเมื่อวินเดินมาทางนี้แล้วพ่อก็ไม่ห้ามวินหรอก เพราะวินโตแล้วนะลูก”
   “พ่อ” วันชนะที่หยุดร้องไห้เพราะอัดอั้นตันใจ หากแต่น้ำตาที่ยังไหลเพราะรักพ่อและตื้นตัน “ผมรักพ่อครับ”
   “ต่อจากนี้ไปมีปัญหาอะไรก็ค่อยๆคิดนะ” เสียงพ่อยังลอยมาตามสาย
   หลังจากคุยกับพ่อแล้ววันชนะก็โล่งใจอย่างประหลาด นี่สินะที่เขาเรียกว่าพรของผู้ให้กำเนิด เขาเข้าใจอะไรได้มากขึ้น เพียงแค่ค่อยๆคิดเขาก็มองเห็นหนทางที่ตัวเองจะต้องทำต่อจากนี้แล้ว




    “พี่ภัทรว่างรึเปล่าครับ วินจะชวนไปทานข้าวได้มั้ยครับ” วันชนะเป็นฝ่ายโทรไปหาเขาเอง
“ได้สิวิน พี่ว่าง” ปลายสายตอบมา น้ำเสียงไม่ยินดีอย่างเคย อาจเพราะเขารู้ว่าวันชนะพร้อมที่จะคุยเรื่องนั้นแล้ว
เย็นนั้นวันชนะจึงได้รับประทานอาหารกับภัทรที่ร้านอาหารหรู วันชนะเล่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น นั่นทำให้ภัทรรู้สึกอิ่มขึ้นมาทันที แต่เพราะชายหนุ่มเตรียมใจไว้ก่อนเขาจึงไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรอย่างอื่นออกมา

“พี่เดาได้” ภัทรถอนหายใจ
“พี่ภัทรรู้?” วันชนะแปลกใจ
“ไม่...พี่ไม่รู้ เพียงแต่มันควรจะเป็นอย่างนั้น วินก็รู้ว่าพี่ชอบวินมาตั้งแต่ตอนที่เราเจอกัน...ถึงตอนที่วินไม่มีใคร วินก็ไม่เคยยอมรับพี่เข้าไปในหัวใจ” สุดท้ายเขาก็หมดหวังแล้วจริงๆ ทั้งที่ใจเย็นคอยมาตลอด แต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นก็ยังแต้มด้วยรอยยิ้มบางๆ
“พี่ภัทรคงไม่รังเกียจที่จะมีวินเป็นน้องอีกคนนะครับ” วันชนะพูดเสียงแผ่ว
อึดใจแต่เหมือนนานนับวันที่ภัทรต้องตัดสินใจตอบออกไปว่า “ได้...ได้สิ”
จากนั้นวันชนะก็ขอร้องให้ภัทรพาไปซื้อกระเช้าสำหรับเยี่ยมผู้ใหญ่แล้วจึงตรงกลับบ้านของภัทร

วันชนะยกมือไหว้ป๊าของภัทรอย่างนอบน้อมแล้วจึงวางกระเช้าไว้ตรงหน้า
“ผมขอโทษครับ ที่วันก่อนเสียมารยาทไป”
 หากแต่ชายสูงวัยก็ยังนั่งเฉย สีหน้าก็เรียบเฉย
“ป๊าครับ” ภัทรเรียกเหมือนบอกเป็นนัยให้รับกระเช้านั่นด้วย หากแต่ชายสูงวัยก็ทำเมินเฉย
“เท่านี้ใช่มั้ย ธุระของลื้อ” ป๊าของภัทรชายตามอง
“ครับ ที่มาในวันนี้ก็เพื่อขอโทษแล้วก็อยากให้ท่านคิดถึงเรื่องอนาคตของบอสด้วยครับ” วันชนะเจรจาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“อั๊วต้องไปทำธุระแล้ว” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเสียอย่างนั้น แต่ก่อนที่จะเดินจากไปเขาก็พูดทั้งที่หันหลังให้ว่า “อั๊วจะลองคิดดู”

นั่นทำให้คนในบ้านรู้ว่าป๊าของเขาเปลี่ยนใจแล้ว เพราะถ้ายังยืนกรานความคิดเดิม ป๊าของเขาจะเถียงหัวชนฝาหรือไม่ก็พูดอะไรที่ยืนยันความคิดตนออกไปแล้ว
“พี่ขอบใจแทนบอสนะ” ภัทรยิ้ม
“เขาก็ยังไม่รับปากนี่ครับ” วันชนะยังเป็นห่วง
“ไม่หรอก” ภัทรยังคงรอยยิ้ม
“จากนี้วินจะทำยังไง” ภัทรเปลี่ยนเรื่อง
วันชนะยิ้ม “วินจะไปเชียงใหม่”
“อืม” ภัทรพยักหน้า แล้วจึงให้สัญญาณก่อนจะบอกว่า “งั้นพี่ไปทำธุระหลังบ้านก่อนนะ”
พอร่างสูงเดินจากไปวันชนะถึงเข้าใจสัญญาณนั้น เมื่อบอสกระโดดมานั่งที่โซฟาแทนที่พี่ชาย
“โหย อะไรอ่ะ น่ากินจัง” บอสดึงกระเช้าของป๊าไปดู พลางแกะพลาสติกที่หุ้มกระเช้าเอาไว้หน้าตาเฉย
“เฮ้ย! นั่นมันของป๊านายนะ” วันชนะดึงกระเช้ากลับ
“น่านะ นิดเดียว” บอสดึงกลับ
“ไม่ได้!” วันชนะดุ
“ก็ป๊าบอกว่ากระเช้านั่นของป๊า แต่ให้บอสกินได้อ่ะ” เด็กหนุ่มดึงกลับ
คราวนี้วันชนะปล่อยให้เขาเอากระเช้าไปเลย รอยยิ้มผุดขึ้น เป็นอย่างที่ภัทรว่าเอาไว้จริงๆ

“คุณจะไปเชียงใหม่จริงๆน่ะเหรอ” บอสถามก่อนที่วันชนะจะกลับ
“อืม” วันชนะพยักหน้า มองหนทางข้างหน้ายังไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง
คนเรามักจะกลัวกับสิ่งที่ตนไม่รู้หรือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ก็เหมือนกับเดินในถ้ำมืดมิดที่ไม่รู้ว่าจะเดินไปเจอหุบเหวหรือเจอสัตว์ร้ายแห่งรัตติกาลเข้าตอนไหน นั่นคือสามัญของมนุษย์ ก็คงเหมือนกับวันชนะตอนนี้ แต่เพราะใจที่ตั้งมั่นแม้รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะต้องเจอเหวลึก

เขาก็จะยอมตกลงไป!

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
คนแต่งใจร้ายไปป่าว

สงสารวินจริงๆนะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: ยังเศร้าอยู่  :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เศ้ราตอนนี้ แต่สุขตอนหน้า

นะครับผม javascript:void(0);
javascript:void(0);

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ถ้าพ่อแม่นักขัตเข้าใจได้สีกครึ่งแบบพ่อวิน ทุกอย่างก็คงดีกว่านี้แน่ๆ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :o12: :o12: :o12:

เศร้า  :sad2:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
เอาใจช่วยวิน  :a2:

ออฟไลน์ Otaku

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-1
 :o12: :o12: :o12:

หวังว่าตอนหน้าคงมีความสุขได้แล้วนะ

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :m23: :m23:  ในที่สุดก็ช่วยน้องบอสได้แล้วนะครับ   :m4: :m4:

 :m15: :m15:ต่อไปก็เรื่องของวินกะตั้มแล้วนะครับ  :m15: :m15:  หวังว่าจะไม่ต้องเสียน้ำตามากกว่าที่เคยเปนมานะครับ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ออออ.....

อะไรมันจะขนาดน้านนนนน

ฮือๆๆๆ  :o12:  :o12:  :o12:

โอนริโอ้

  • บุคคลทั่วไป
ตอนหน้าก็ยังเศร้าอยู่นะ  :m23:

 :m15:

ออฟไลน์ Phoeniz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนหน้าเศร้าอยู่ก็ไม่เปงรายคับ
มาต่อไวๆ จะได้ถึงตอนมีความสุขไวๆไงคับ คิคิ
ติดตามอยู่ตลอดคับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50

42


ไม่ง่ายนักที่จะกลับไปสถานที่เดิมที่เคยไปเพียงครั้งเดียวในอดีต แต่สุดท้ายวันชนะก็ฝ่าฟันมาจนได้
ต้นจำปีที่เรียงสองแถวตลอดทางเดินเข้าสู่ตัวบ้านสูงขึ้นมาก แต่กลิ่นก็ยังหอมเหมือนเดิมขณะเดียวกันก็เป็นกลิ่นแห่งความทรงจำที่เลวร้าย...

คือจุดเริ่มต้นของปัญหาที่เรื้อรังมานาน!

วันชนะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกความกล้าของตัวเองก่อนจะแบกเป้ขึ้นหลังแล้วเริ่มก้าวเท้าตรงไปตามทางร่มรื่นนั้น พอไปถึงที่หน้าบ้านวันชนะก็หยุดเพราะมีเสียงเรียกดังขึ้นจากที่แปลงมะเขือเทศข้างๆบ้าน

“มาหาใครครับ” เสียงนั้นตะโกนมาขณะที่เจ้าของเสียงก็เดินเข้ามาใกล้เรื่อย
วันชนะไม่ตอบจนกระทั่งเสียงฝีเท้าหยุดที่ข้างหลัง จึงหันไปด้วยใจที่เต้นโครมคราม ก็เขาจำได้ถนัดใจว่านั่นคือเสียงของสมภพ
เพียงเท่านั้นแหละวันชนะก็ลงไปกองกับพื้นดินแห้งๆอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ว๊าย!”

วันชนะจำได้ว่าเป็นเสียงของอุษาที่ดังมาจากบันไดบ้าน หล่อนกำลังลงมาพอดีก็เห็นเหตุการณ์และมาทันห้ามสามีตนเองก่อนที่วันชนะจะโดนชกอีกหมัด

“อย่าภพ!” หล่อนรีบเข้ามากัน
หล่อนไม่ได้อยากจะช่วยวันชนะนักหรอก “เดี๋ยวอาการกำเริบ”
พอเห็นวันชนะชัดตาอุษาก็พูดขึ้นทันทีว่า “มาทำไมอีก” น้ำเสียงนั้นกึ่งกังวลกึ่งขับไล่ แต่พูดได้เท่านั้นหล่อนก็จนด้วยคำพูดเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
วันชนะก้มลงกราบคนทั้งสองกับพื้นดินนั้น ก่อนจะพูดทั้งที่หน้ายังติดดิน

“คุณลุง คุณน้า ผมขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นครับ ที่ผมมาที่นี่ผมไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่ามาเยี่ยมเขา...เป็นครั้งสุดท้าย ผมเองก็มีพ่อ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้ว่าพ่อผมรักผมมากแค่ไหน ก่อนนี้ผมอาจจะยังไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณลุงคุณน้า แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันก็คงเหมือนกันกับที่พ่อผมรักผม”

สองสามีภรรยามองหน้ากันก่อนที่คนเป็นสามีจะเดินหัวเสียเข้าไปในบ้าน
“ลุกขึ้นเถอะหนู...วิน” อุษาแตะที่ไหล่ลู่ลงของวันชนะ แล้วจึงเดินนำเข้าไปในบ้าน หล่อนอดเกลียดตัวเองไม่ได้ ทั้งๆทีไม่ได้ชอบหน้าวันชนะสักเท่าไรแต่หล่อนก็ดุด่าเขาไม่ได้
อุษาเดินนำอาคันตุกะรุ่นลูกไปยังห้องรับแขกที่มีเพียงโต๊ะกลางล้อมด้วยโซฟาสามด้าน
“อยู่นี่ก่อนนะ” แล้วหล่อนก็ลุกจากไป จนอึดใจหนึ่งหล่อนก็กลับมาพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ สีหน้าของอุษาเคร่งขึงขณะที่หล่อนบรรจงทายาให้อย่างเบามือ
“ตั้มหลับอยู่ข้างบน” หล่อนถอนหายใจ “เดี๋ยวน้าพาไป”
อุษาทำตามคำพูด พอทายาเสร็จแล้วหล่อนก็พาวันชนะขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ห้องเดิมที่วันชนะเคยมาเมื่อครั้งก่อน นักขัตหลับอยู่ที่เตียง
น้ำตาเหมือนจะซึมในความรู้สึกครั้งแรกแต่พอรู้สึกตัวอีกทีสองแก้มก็เปียกปอนเป็นสาย
“ผมเข้าไปดูเขาใกล้ๆได้ไหมครับ” วันชนะขออนุญาต และได้รับการพยักหน้าของอุษาเป็นคำตอบ
นักขัตหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้าไม่มีวี่แววของความเจ็บปวด แต่เฝือกสีขาวที่เข้าไว้กับแขนข้างขวานั้นเตือนให้ภาพเหตุการณ์วันนั้นผุดขึ้นอีกครั้ง
“ตามสบายนะ น้าจะออกไปก่อน” อุษาปล่อยโอกาสให้
“ขอบคุณครับ” วันชนะเอ่ยเสียงแผ่ว สายตาไม่ได้ละไปจากร่างตรงหน้าเลย
วันชนะไล้มือไปตามใบหน้าของนักขัตอย่างแผ่วเบา ไล่ลงมาจนถึงสร้อยที่เขาได้ให้ไว้

...แม่ครับ คุ้มครองเขาด้วยนะครับ...

“ใคร!”

ร่างที่นอนบนเตียงสะดุ้งตื่นพร้อมกับปัดมือวันชนะออกไปทันที จากนั้นจึงกำล็อกเก็ตนั้นไว้แน่น
วันชนะแปลกใจที่นักขัตเห็นหน้าเขาแล้วพูดว่า ‘ใคร’
ความคิดหนึ่งแล่นวูบขึ้น วันชนะยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วโบกมือไปมาพลางสังเกตที่ตาของนักขัต

ไม่มีการตอบสนอง!
ไม่จริง!
นักขัตตาบอด!

นั่นยิ่งตอกย้ำให้วันชนะรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก ชีวิตนี้เขาจะชดใช้ให้คนตรงหน้าได้ยังไง
“วิน...” วันชนะเอ่ยเสียงเบาแผ่ว ความรู้สึกผิดแล่นไปทั่วอณูของร่างกาย
“วิน?” นักขัตทวนเสียงสูง ก่อนจะพูดต่อว่า “มาเยี่ยมเราเหรอ”
“อืม” วันชนะตอบเสียงอยู่ในลำคอ
คนนอนบนเตียงขยับตัวด้วยมือข้างที่ยังดีให้เป็นกึ่งนั่งกึ่งนอน “นาย...วิน ช่วยเอาน้ำเย็นให้เราแก้วหนึ่งได้มั้ย” เขาทำท่าคอแห้ง
“ได้ๆ” วันชนะผลุนผลันลุกออกไป สักพักน้ำเย็นที่นักขัตอยากได้ก็มาเสิร์ฟถึงที่
“ขอบใจนะ” เขายิ้มหลังจากที่ดื่มน้ำจนหมดแก้ว
“อาการของตั้มเป็นยังไงบ้าง” วันชนะจับที่ต้นแขนของคนที่ยังกึ่งนอนกึ่งนั่งบนเตียง
“นอกจากแขนนี่แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น” เขาตอบ
วันชนะยิ่งเสียใจหนักที่คนตรงหน้าพูดได้อย่างกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ นักขัตคงจะพูดไม่ให้เขารู้สึกผิด ยิ่งเขาเสเปลี่ยนเรื่องว่า “พาเราออกไปสูดอากาศข้างนอกได้มั้ย”
วันชนะลังเล เพราะเกรงว่าพ่อแม่ของนักขัตจะห้ามเอาไว้
“นะ นะ” นักขัตเร่งเร้า
“ได้สิ” วันชนะค่อยๆช่วยพยุงนักขัตขึ้นมาแล้วเดินนำหน้ามือจูงนักขัตไว้พลางหันมามองคนตามหลังเป็นระยะๆ พอมาถึงหน้าบ้านที่มองไปไกลหลายกิโลฯก็เจอแต่แปลงมะเขือเทศ วันชนะก็หยุด เพราะสมภพที่กำลังยืนทำอะไรอยู่ใกล้ๆหยุดมือแล้วเดินเข้ามาหา
“อะ...เอ่อ ตั้มอยากออกมาเดินข้างนอกน่ะครับ ผมก็เห็นว่าดีกว่าที่จะนอนอยู่ในห้องทั้งวันน่ะครับ...” คนพามาชิงพูดก่อนอย่างละล่ำละลัก
สมภพไม่ว่าอะไรเพียงแต่มองหน้าวันชนะอย่างขัดใจก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้าน ลับหลังเขาอุษาก็เดินออกมา
“หนู...” อุษากำลังจะเอ่ยคุยอะไรสักอย่าง แต่ก็จบเพียงเท่านั้นเมื่อนักขัตเรียกเสียก่อน
“แม่ พาตั้มไปทางนู้นหน่อย”
อุษาย่นคิ้วกับอาการของลูกก่อนจะเดินเข้าไปหา
วันชนะคิดว่าจะเข้าไปหาด้วยแต่คิดได้ว่านักขัตเรียกเฉพาะแม่ของเขา ดังนั้นจึงยืนอยู่กับที่
สองแม่ลูกเบาเสียงคุยกันได้ยินเพียงสองคนแม้ระยะที่ยืนจะห่างกันไม่ไกลนักก็ตาม สุดท้ายคนเป็นแม่จึงถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วจึงเดินกลับมาหาวันชนะ
“หนู...วิน คืนนี้หนูจะนอนที่ไหน” หล่อนถาม
“ผมนอนที่โรงแรมในเมืองครับ” วันชนะตอบ
คนฟังมีท่าทางลังเลแต่แล้วก็ตัดสินใจไม่ชวนเพื่อนของลูกให้นอนที่บ้านตามมารยาท แล้วจึงเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นว่า “แล้วมาอย่างนี้ไม่ต้องไปสอนนักเรียนเหรอจ๊ะ”
“ไม่ครับ ผม...ออกแล้ว” วันชนะไม่บอกว่าโดนไล่ออก
ที่จริงภัทรก็บอกแล้วว่าไม่ต้องถือสาคำพูดของป๊าก็ได้ แต่ถึงยังไงวันชนะก็คงต้องหยุดสอนเพื่อมาที่นี่ให้ได้อยู่ดีนั่นแหละ
“อืม” หล่อนไม่ซักไซ้ต่อ
แต่ก่อนที่อุษาจะหันหลังกลับ วันชนะก็เอ่ยขอ
“คุณน้า...พรุ่งนี้ผมมาเยี่ยมเขาอีกได้ไหมครับ”
หล่อนไม่รับคำ เพียงแต่หันหลังกลับ และนั่นก็คือการไม่ปฏิเสธ

“ตอนนี้วินทำอะไรอยู่” นักขัตถามขณะเดินหน้าไปเรื่อยๆระหว่างแปลงผักโดยมีวันชนะคอยพยุงห่างๆ
“ก็...ไม่ได้ทำอะไรแล้ว”
“เหรอ” นักขัตพูดแค่นั้น
จากนั้นก็คุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยจนกระทั่งตะวันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มที่เหลี่ยมเขา ทั้งสองจึงพากันกลับ


ที่โต๊ะประจำบ้าน สามพ่อแม่ลูกกำลังรับประทานอาหารเย็นเหมือนเช่นทุกวัน หากแต่ในใจต่างคนก็ต่างมีเรื่องที่คอยรบกวนทำให้กับข้าวที่ดูน่ากินตรงหน้าไม่อร่อยไปถนัดใจ

“คิดยังไงน่ะตั้ม ไปหลอกเพื่อนว่าตาบอด” อุษาเปิดบทสนทนา
สมภพหยุดมือทันทีที่ภรรยาพูดถึงคนนอก
นักขัตใช้มือข้างที่ยังดีอยู่ตักกับข้าวมาวางในจานก่อนค่อยตอบว่า “ไม่รู้สิแม่ เขาพูดขึ้นมาเอง ตั้มเลยอยากจะลองดูว่าถ้าเขาคิดว่าตั้มมองไม่เห็น เขาจะทำอะไรบ้าง” คนเป็นลูกยกแก้วน้ำเย็นขึ้นดื่มก่อนพูดต่อว่า “บางทีเขาอาจจะช่วยให้ตั้มจำเรื่องราวที่ขาดหายไปขึ้นมาได้...เพราะรู้สึกว่าตั้มจะคุ้นหน้าเขา แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดี ถ้าพูดออกไปว่าตั้มความจำเสื่อม เขาก็คงจะพยายามยัดเรื่องราวต่างๆเข้ามา มันอาจจะไม่ได้ผลก็ได้ แต่ถ้าตั้มอยู่กับเขาแล้วเริ่มคุ้นทีละน้อยๆด้วยตัวเอง อาจจะเป็นวิธีที่ดีก็ได้”
“แต่...แบบนี้ก็ไม่เป็นไรนี่ ตั้มยังจำตอนก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยได้นี่ลูก” สมภพขัดขึ้น
อุษาก็คิดแบบเดียวกับสามี
“พ่อ แม่ มันเป็นเป็นชีวิตส่วนหนึ่งของตั้มนะครับ ตั้มคงรู้สึกเหมือนเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตถ้าละทิ้งมันไปโดยไม่พยายามตามหา”

นั่นทำให้คนเป็นบุพพการีไม่มีเหตุผลจะขัดแย้ง
ตอนที่นักขัตผละจากสมภพที่บันไดหนีไฟเพื่อไปรับวันชนะจนตัวเองตกบันไดลงไปแทนนั้นเขาเอาแขนข้างขวาลงก่อนแล้วจึงเป็นศีรษะ นั่นเป็นเหตุของแขนหักและความจำเสื่อม!

สมองของเขาถูกกระทบกระเทือน แต่ความทรงจำไม่ได้หายไปทั้งหมด หากแต่หายไปตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามหาวิทยาลัย นักขัตจึงจำได้ว่าใครคือพ่อแม่เพื่อนบ้านเพื่อนๆสมัยมัธยมและเรื่องราวในตอนนั้นเท่านั้น

สมองของมนุษย์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เพราะควบคุมความรู้สึกนึกคิด เรื่องราวที่สำคัญต่างๆจะถูกบันทึกจดจำเอาไว้เพื่อระลึกถึงบ่อยครั้งนั่นคือความสุข หากแต่ในช่วงเวลาเหล่านั้นก็ยังมีทุกข์
และสาเหตุของสุขและทุกข์ก็เพราะคนเพียงคนเดียว...คือวันชนะ
เมื่อสมองได้รับความกระทบกระเทือน ระบบที่ซับซ้อนก็ทำการลบข้อมูลทุกอย่างออกไป...แม้กระทั่งช่วงเวลาที่มีความสุข

เขาลืมวันชนะ!

“วินเป็นเพื่อนตั้มใช่ไหมครับ?” นักขัตมองหน้าพ่อแม่เพื่อขอคำตอบสนับสนุนความคิด “แต่ทำไม...ดูเขาเป็นห่วงตั้มมากจังเลย” นักขัตนึกถึงดวงตาที่วันชนะมองเขา ที่มันฉายแววราวกับตัวเองเป็นคนผิด
สองสามีภรรยามองหน้ากันก่อนจะตอบว่า

“ใช่ เขาเป็นเพื่อนเท่านั้น”



KriT_SuN

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด