ส่งท้าย
[/color]
“เรียบร้อยรึยังตั้ม เดี๋ยวไม่ทันนะ”
เสียงตะโกนเรียกดังจากชั้นล่างของบ้าน สักพักนักขัตจึงเดินลงบันไดมา ร่างสูงหล่อเหลาอยู่ในชุดทำงาน “อืม”
“วันนี้คงกลับดึกหน่อยนะ” นักขัตไม่บอกเหตุผล จากนั้นก็ตรงออกจากบ้านไปเลย
จนเสียงรถยนต์หายไปกับถนน วันชนะจึงได้นั่งที่โต๊ะแล้วกินเข้าเช้าคนเดียว ต้มข่าไก่ที่อุตส่าห์ลงมือทำเองดูเหมือนจะจืดชืดไปเสียสนิท
แปดเดือนที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกัน เจอหน้ากันทุกวัน บอกรักกันทุกวัน อาจทำให้นักขัตเบื่อเขาแล้วก็ได้ เคยเจอมาเยอะเหมือนกัน คู่รักที่เลิกรากันเพราะเบื่อน้ำพริกถ้วยเก่า แต่เขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด นับวันยิ่งจะรักนักขัตมากขึ้นๆจนแทบจะทะลักออกมา กลัวเหลือเกินว่ายิ่งนานวันความรักที่นักขัตมีให้จะลดลงจากร้อยไปหาศูนย์ และประเมิณจากสถานการณ์หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ชี้ว่าความสัมพันธ์อยู่ในขั้นวิกฤตเสียแล้ว ยิ่งตอนนอนเขาหลับอย่างรวดเร็ว ไม่สนที่จะจิ๊จ๊ะกันก่อนนอนนั่นยิ่งทำให้วันชนะคิดมาก ระแวงไปสารพัด ความคิดน่ากลัวอย่างหนึ่งคือนักขัตนอกใจ โดยเฉพาะปกติวันเสาร์เขาไม่เคยออกไปทำงานมาก่อน
จนบ่ายสามโมงวันชนะสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ ในบ้านดัง เขาหยิบรีโมทมากดปิดทีวีที่เปิดค้างเอาไว้ก่อนจึงค่อยเดินไปรับสาย
“วินพูดครับ” พูดจบก็ปิดปากหาว
“ตั้มเองนะ ขอโทษทีนะวิน พอดีว่าตั้มลืมแฟ้มงานอันหนึ่งน่ะ วางอยู่ในลิ้นชักที่โต๊ะทำงาน วินช่วยเอามาให้หน่อยได้มั้ย ตั้มปลีกตัวไปจากที่นี่ไม่ได้จริงๆ” เสียงปลายสายฟังดูรีบร้อนมากๆ
“ได้สิตั้ม ชั่วโมงนึงนะ” วันชนะรับคำ
มันน่าน้อยใจไหมล่ะ พอเอามาให้ที่หน้าบริษัท นักขัตออกมาเจอโดยคุยมือถืออยู่ตลอดเวลาปล่อยให้วันชนะยืนเงียบอยู่เป็นสิบนาทีกว่าจะวาง
“ขอบใจมากนะ” นักขัตพูดเท่านั้นก็มีสายเข้ามาอีก “กลับไปได้แล้วล่ะ” เขาไล่วันชนะก่อนจะอมยิ้มมองสายที่โทรเข้ามาแล้วกดรับพร้อมกับเดินหายเข้าไปในบริษัท
อะไรกัน คิดว่าเขาเป็นอะไรกันเนี่ย ไม่ใช่คนรับใช้นะ วันชนะทั้งงอนทั้งน้อยใจ แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นมือถือของตัวเองก็มีสายเข้า
“ว่าไงบอส” วันชนะกดรับ
“ไปดูหนังกันป่าว” ปลายสายชวน “วันเสาร์ทั้งทีนา อย่าจำเจอยู่กับพี่ตั้มทั้งวันเลยนะ”
“จำเจอะไรกัน เขาไม่อยู่บ้านเสียหน่อย” วันชนะกระแทกเสียงใส่
“อ้าว กรรม ทะเลาะกันเหรอ มาระบายใส่ผมถูกมั้ย” บอสพูดด้วยน้ำเสียงกวนสุดๆ
“แค่นี้นะ” ก่อนจะกดวางสายวันชนะยังทันได้ยินเสียงเอะอะของบอสจึงยกมือถือขึ้นมาคุยต่อ
“แหม แซวเล่นหน่อยเดียว โกรธซะมากมาย อ่ะ ไถ่โทษ จะเป็นฝ่ายเลี้ยงหนังละกัน เจอกันที่โรงหนังนะ โอเคนะ” บอสวางสายไปเลยเป็นการมัดมือชก
วันชนะถอนใจให้นิสัยไม่รู้จักโตของบอส เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งแล้วแท้ๆยังทำตัวเป็นเด็กมัธยม ในเมื่อเห็นประโยชน์มากกว่ากับการไปดูหนังกับบอสเขาก็ตรงไปยังที่นัดหมาย
กว่าหนังจะจบก็เกือบสองชั่วโมง ขากลับรถก็ติดทั้งที่เป็นวันเสาร์แท้ๆ สุดท้ายกว่าจะมาถึงหน้าบ้านก็มืดแล้ว ถอนใจไปหนึ่งเฮือกใหญ่ๆก่อนจะไขกุญแจเข้าบ้าน...เหงาเหลือเกิน
แต่พอเข้าไปในบ้านวันชนะก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
กลิ่นกุหลาบอบอวลไปหมด มือรีบควานหาสวิทซ์ไฟแล้วกดเปิด
พอได้เห็นน้ำตาแทบจะไหล ดอกกุลาบแดงเต็มบ้านไปหมด!
“ปิดไฟดีกว่านะที่รัก” นักขัตเดินออกมาจากอีกห้อง มือข้างหนึ่งถือเชิงเทียนที่จุดเทียนสว่างนวล อีกมือมีกุหลาบสีขาวสด
วันชนะยังค้างอยู่จนนักขัตเดินเข้ามาใกล้
“ตั้มขอปิดไฟนะ” เขาเลยไปปิดไฟแล้วกลับมาที่ตรงหน้าวัน แล้วจึงพากันไปที่โซฟา เชิงเทียนถูกวางไว้ที่โต๊ะตรงหน้า
“ไปดูหนังกับบอสสนุกมั้ยครับที่รัก” นักขัตจูบริมฝีปากอย่างนุ่มนวล
“อ๋อ วางแวนเอาไว้เหรอ” วันชนะทำท่าฮึดฮัด
“ก็จะได้มีเวลาขนดอกกุหลาบเข้ามายังไงล่ะ” นักขัตตอบ
“วันนี้ไม่ใช่วันเกิดวินสักหน่อยนะ” วันชนะเริ่มยิ้มได้
“ก็ไม่ใช่นี่ วันเกิดวินเดือนหน้า วันนี้วันครบรอบที่เราเจอกันต่างหากล่ะ” นักขัตจูบที่ปากวันชนะอีกครั้งและได้รับการตอบสนองอย่างอ่อนนุ่มเช่นกัน
“นึกว่าจะมีแต่วินจำได้อยู่คนเดียวเสียอีกนะ” ที่จริงวันชนะไม่คิดว่านักขัตจะเห็นความสำคัญของวันนี้ เขาจึงไม่อยากเอามาตั้งเป็นวันพิเศษ โดยเฉพาะที่นักขัตทำเฉยชาใส่ ว่าแล้วก็อยากจะทดลองฟังคำอธบาย “แล้วพักหลังนี่ ดูหมางเมินใส่วินเพราะแผนนี้ด้วยหรือเปล่า”
“คิดว่าตั้มแอบไปมีคนอื่นล่ะสิ” นักขัตรู้ทัน
“ก็ตั้งใจจะให้คิดอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ” วันชนะเริ่มงอนอีกแล้ว
“วิน...ที่รักจ้ะ ตั้มไม่คิดจะมีใครอื่นอีกแล้วล่ะ ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่สิบปีก็ตามตั้มก็จะมีวินคนเดียวนี่แหละครับ เชื่อใจตั้มนะ”
วันชนะยิ้มทั้งยินดีและทั้งเขินปะปน
“และเพื่อพิสูจน์ว่าที่ตั้มทำเฉยใส่เป็นหนึ่งในแผนการเซอร์ไพรส์ครั้งนี้...” นักขัตลากเสียงพร้อมทำตาเจ้าเล่ห์ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงว้อนท์สุดๆว่า
“มานี่เลยวิน ตั้มอดทนมาตั้งเจ็ดวันแน่ะ”
อวสาน
[/color]