กำแพงใจ ผู้ประพันธ์ "ใบปอ"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กำแพงใจ ผู้ประพันธ์ "ใบปอ"  (อ่าน 281996 ครั้ง)

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
อ่านเล่มจริงจบหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังอยากตามอ่านในนี้ด้วย อิอิ

พี่เทียนฉินจะเป็นโพสเรื่องใหม่ของพี่ปอที่นี่ด้วยรึเปล่าคะ อยากอ่านมากกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
คือเห็นรายชื่อคนจองไว้ เป็น ysuyu คือว่า ตกลงเป็นเราใช่มั้ย เพราะว่า ชื่อเราเป็น tsuyu อ่ะค่ะ  :monkeysad:

แก้แล้วนะคะ ขอโทษคะ :call:

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
ขอบคุณสำหรับการจองหนังสือนะคะ คืบหน้าเป็นอย่างไรจะมาแจ้งให้ทราบคะ

รายชื่อคะ
donpoper/ohja/thaitanoi / muyong / pokky/ little devil /Moo_Aor/ DEMON3132 /Namtaan / tsuyu /DEVIL DEWA/raruruz /THIP/joobperman(2)/maicy/va_yu/perfectpie/

รวม 18 เล่มคะ
............

มาอ่านกันต่อได้เลยคะ

.........
หลังงานเลี้ยง ไนท์ก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหิ้วกระเป๋าลงไปยังท่าจอดเรือ  องครักษ์ที่เฝ้าเรือโดดขึ้นมาค้อมกายเคารพ
“เราจะขับเรือเอง  พวกเจ้าไม่ต้องไป”
“กระหม่อม”
ไนท์เอากระเป๋าลงไปเก็บแล้วกลับขึ้นบนดาด  ฟ้าเห็นองครักษ์ยืนจับกลุ่มกันอยู่ที่สะพานเดินเรือ  ก็ส่งสัญญาณให้แก้เชือกแล้วกลับเข้าห้องเครื่อง  องครักษ์ที่ยังอยู่บนเรือทำหน้าอึดอัดแต่ก็ยกสมอขึ้นเรือก่อนจะโดดขึ้นท่าน้ำไป  ชีคหนุ่มขับเรือด้วยความเร็วสูง  แสงไฟจากเรือประมงกระพริบพราวไปทั่วท้องทะเลที่มืดมิด  สวย...ราวจะแข่งกับแสงดาวบนท้องฟ้า
เรือโผนเข้าตัดคลื่นด้วยความเร็วสม่ำเสมอ  สองชั่วโมงเศษๆก็เข้าเทียบท่าที่เกาะขนาดไม่ใหญ่นัก แสงไฟจากบ้านพักหลังเดียวบนเกาะสว่างเรืองเช่น เดียวกับทางเดินอันสว่างไสว  ไนท์ดับเครื่องแล้วออกไปยังท้ายเรือ ยังไม่ทันถึงน้ำก็ดังตูมเมื่อสมอถูกโยนลงไป  แจ็คเหวี่ยงเชือกไปคล้องกับหลักอย่างคล่องแคล่ว
“แจ็ค…นี่เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะมา?”
“บังเอิญผมออกจากงานมา...เห็นคนของคุณเตรียมการอยู่ที่เรือ...ก็พอจะเดาได้  กระเป๋าคุณอยู่นี่แล้ว” แจ็คตอบแค่นั้นก็โดดลงจากเรือไป  ความจริงเขาตามไคซัคออกมาต่างหาก  แล้วก็เลยได้ยินไคซัคสั่งให้คนเตรียมเรือเขาถึงได้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตามไนท์มา โดยที่องครักษ์ที่เฝ้าเรือไม่กล้าขัดขวางตอนเขาขึ้นเรือ
แจ็คโดดลงจากเรือไปพร้อมกับกระเป๋าใบย่อมสองใบเดินนำลิ่วไปยังบ้านพัก  ไนท์มองตามด้วยสีหน้าเรียบเฉยหากแต่แววตาไหวระริก
“ฉันสั่งแล้วนี่ว่าไม่ให้ใครตามฉันอยากพักผ่อน...ตามลำพัง…” ไนท์เน้นประโยคท้ายด้วยน้ำเสียงยั่วเยาะ  แจ็คหันขวับมาตาขุ่นด้วยความโกรธ
“ตามลำพังหรือนัดกับใครไว้กันแน่?” ชายหนุ่มคำรามเสียงกร้าว  ทำไมเขาจะไม่เห็นว่าไอ้มิสเตอร์ตื้อนั่น  มาวนเวียนอยู่ที่ท่าเรือ  หมอนั่นรออยู่พักใหญ่ถึงได้กลับไปเขาไม่คิดว่าไนท์จะนัดกับหมอนั่น  แต่ความหึงหวงก็ทำให้อดแขวะไม่ได้
“…ความจริง...ฉันจะมากับใครก็เรื่องของฉันนะ”
เหมือนราดน้ำมันลงบนกองไฟ  แจ็คโยนกระเป๋าในมือทิ้ง  หันกลับมากระชากร่างบางเข้าไปในอ้อมกอดแถมยังบิดข้อมือเล็กไพล่หลังไว้ดันให้อกกดเข้าหากันแนบแน่น  ไนท์อุทานออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ
“เป็นบ้าไปแล้วหรือไงแจ็ค?”
“คุณเพิ่งรู้เหรอว่าคบกับคนบ้า”แจ็คคำรามเสียงกร้าว  บีบข้อมือบอบบางราวกับจะให้แหลกคามือ  ไนท์มองหน้าเครียดขึงที่ห่างไม่ถึงคืบด้วยสายตาท้าทาย
“อย่าท้าผมนะคุณไนท์  ความอดทนของผมมันแทบไม่เหลือแล้ว”
“จะทำอะไร…เธอกล้าทำร้ายฉันเหรอแจ็ค?”
“ผมไม่คิดจะทำร้ายคุณหรอกนะ  แต่ผมจะทำให้คุณรู้ว่าคุณเป็นของผม...ของผมคนเดียวเท่านั้น!” แจ็คก้มลงขยี้ปากบางแรงๆจนบวมเห่อขึ้นมาทันทีที่ถอนปากออก
“ของๆผมไอ้หน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะ” แจ็คคำรามเสียงต่ำในลำคอ  ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยวหึงหวง  ไนท์ยังคงยิ้มยั่วแม้ปากจะระบมด้วยรสจูบรุนแรงเมื่อครู่
“ฉันไม่เห็นรู้สึกเลยว่าเป็นสมบัติของใคร...”
“ผมจะพิสูจน์ให้คุณดู” แจ็คช้อนร่างบางเดินลิ่วเข้าสู่ห้องนอนด้านใน  ทันทีถึงเตียงไนท์ก็ถูกทาบทับด้วยร่างหนาหนัก
แจ็คบดปากนุ่มแรง  ความหึงหวงเดือดพล่านอยู่ในอกจนระงับไว้ไม่ได้อีกต่อไป...ผิวสีทรายนวลเนียนนี้เป็นของเขา...ร่างแสนงามนี้เป็นของเขา...ทุกซอกทุกมุมของร่างนี้ไม่มีส่วนใดที่เขาไม่เคยลองลิ้มชิมรส ไนท์เป็นของเขาไม่ใช่ของลอเรนซ์  ไม่ใช่ของริช และไม่ใช่ของเพื่อนร่วมธุรกิจเหล่านั้น
เสียงเสื้อฉีกขาดเมื่อไนท์พยายามจะลุกขึ้น  เนื้อนวลๆแดงเป็นปื้นตามรอยบาดของกระดุมและรอยนิ้ว  แต่วงหน้างามยังคงมีรอยยิ้มท้าทายไม่หาย  แจ็ค กดตรึงร่างบอบบางไว้แน่น  ทรวงอกตึงนูนเด่นด้วยกล้ามเนื้องดงามสะท้อนขึ้นลง
“คิดว่าใช้กำลังแล้วจะชนะฉันได้เหรอแจ็ค…รู้อยู่แล้วนี่ว่าฉันฆ่าคนตัวโต กว่าเธอได้สบาย…ยังจะกล้าอีกเหรอ?” ไนท์กระซิบเสียงเย็น  แต่ดวงตาวาววามไม่ดิ้นไม่ขยับหนี  กลับยกศีรษะขึ้นจนจ้องตาแจ็ค...ใกล้จนลมหายใจอุ่นริดรดกัน
“อยากฆ่าผมก็เชิญ  แต่ตราบใดที่ผมยังหายใจ คุณจะเป็นของใครไม่ได้นอกจากผม” แจ็คจ้องตาคมหวานไม่หลบ  หากต้องสูญเสียไนท์ไปชีวิตเขาก็ไม่เหลืออะไรเช่นกัน แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม  แจ็คก้มลงกดปากลงบนปากนุ่มจนไนท์ต้องเอนลงบนหมอนอีกครั้ง เบียดกระชับและแทรกซอนเข้าชิมความหอมหวานภายใน  สองมือเลื่อนลงไปปลดเปลื้องกางเกงผ้าเนื้อนุ่มรูดรั้งออกไปพร้อมกางเกงชั้นในสีขาวสะอาด  ผิวสีทรายเปลือยเปล่าอวดความนวลเนียนท้าแสงไฟ
แจ็คปล่อยปากนุ่มเป็นอิสระ  หันมากัดเม้มไปตามเนื้อนวลทิ้งรอยแดงเป็นปื้นทุกที่ที่ปากสัมผัสผ่าน
“นี่ก็ของผม...ตรงนี้ก็ของผม...” แจ็คกดจมูกและปากบนซอกคอขาว  อดไม่ได้ที่จะดูดเม้มที่ต้นคอจนทิ้งรอยแดง  ไนท์หลับตาพริ้ม  สองมือยกขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรง  ปล่อยให้ปากร้อนผ่าวเลื่อนจากซอกคอลงไปหาแผ่นอก  ฝ่ามือสากบีบเคล้นบนกล้ามเนื้อนูนงามหนักๆ  ปากก็ดูดดึงยอดตึงอีกข้างอย่างหิวกระหาย
ฟันคมที่ขบเม้มก่อให้เกิดความเจ็บแปลบแต่ปลายลิ้นที่ตวัดรัดตามหลังมาก่อให้เกิดประกายไฟร้อนๆไหลวนไปทั้งร่าง  แผ่นหลังตึงหยัดขึ้นรับการเล้าโลม แจ็คถือโอกาสนั่นสอดมือไปไล้แผ่นหลังและลูบลงไปยังสะโพกตึง  ขณะที่ปากก็เลื่อนลงมาสู่หน้าท้อง  ปากร้อนปัดผ่านส่วนร้อนรุ่มเพียงวาบเดียว  ไนท์เม้มปากแน่นแต่ลมหายใจกระชั้นขึ้น  ต้นขาเกร็งรับสัมผัส  แต่แจ็คกลับผละออกไปถอดเสื้อผ้า 
ชีคหนุ่มลืมตาขึ้นมอง  เรือนร่างกำยำเปลือยเปล่าได้ในชั่วไม่ถึงนาทีนั้นกลับขึ้นมานั่งบนเตียง  ชายหนุ่มวางหลอดเจลลงข้างหมอนขณะรั้งขาเรียวให้แยกออกและแทรกกายเข้าไปอยู่ตรงกลาง  ดวงตาที่ยังกรุ่นด้วยไอโทสะสบกับดวงตาหวานยั่วอย่างไม่พรั่นพรึง  มือสากลูบไล้จากข้อเท้าเรียวขึ้นไปลูบวนเบาๆที่ปลี่น่องและเลยขึ้นไปสัมผัสต้นขาเนียน  ไนท์ยังคงมองตาม  แต่ดวงตาหรี่ปรือลง  และลมหายใจก็หอบแรงขึ้น  ด้วยทุกครั้งที่มือกร้านลูบผ่านหน้าขา  กระแสเสียวแปลบปลาบจะไหลวาบขึ้นมาถึงหน้าท้อง  ส่วนชูชันขยับตัวรับสัมผัสอย่างไม่อาจควบคุม 
แจ็คค่อยๆช้อนท่อนขาเนียนขึ้นพาดไหล่  ปากร้อนจูบไซร้จากน่องขึ้นมาหาโคนขา  ไม่ลืมที่จะกัดเม้มทิ้งรอยแดงเป็นระยะ  จนจรดซอกขา  เส้นผมที่พริ้วผ่านเสียดสีความชูชันเพียงวูบเดียวก็ผละห่าง
ไนท์สูดลมหายใจลึก  นิ้วยาวเรียวสอดเข้าไปในกลุ่มผมหนา พยายามดึงรั้งให้ปากร้อนช่วยปลดปล่อยความอัดอั้น  แต่แจ็คขืนไว้  เขาต้องทำให้ไนท์รู้ว่าเรือนร่างนี้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว  ลิ้นร้อนกวาดไล้หยอกล้อซอกขาขาวแผ่วเบาลากผ่านไปตามหน้าท้องเนียน หยุดแวะไล้เลียที่สะดือบุ๋มลึกแล้วเลยมายังซอกขาอีกด้าน         
“แจ็ค…อา…” ไนท์นิ่วหน้าเมื่อความต้องการไม่ถูกตอบสนอง  สะโพกขยับเลื่อนไปมาอย่างทรมาน  แจ็คแตะปากบนเนื้อร้อนตึงแผ่วเบาแล้วกลับเลื่อนขึ้นมาจูบทรวงอกตึงนูนแทน  ฝ่ามือสากลูบไล้บนหน้าขาแต่ไม่ยอมแตะต้องจุดอ่อนไหว
ดวงตาสีน้ำตาลอมทองหม่นมัวด้วยไฟพิศสวาท  ไนท์ผุดลุกขึ้นดันร่างหนาออกแต่แจ็ครู้ทัน  จึงกดร่างบางลงคว่ำกับเตียง  และตรึงไว้ไม่ให้ขยับ ชายหนุ่มก้มลงกัดที่ใบหูเล็กแผ่วๆ  เลาะเล็มซอกคอแล้ววนมาหาต้นคอ   ลากปลายลิ้นจากลงมาตามแนวกระดูกสันหลังช้าๆ  ทิ้งรอยชื้นเป็นทาง  ไนท์สูดลมหายใจลึกแผ่นหลังหยัดขึ้นอย่างลืมตัวเมื่อ ฝ่ามือกร้านกอบกุ่มสะโพกขาวแยกเนื้อแน่นออกจากกันเพื่อลากปลายลิ้นผ่านจุดอ่อนไหว  ช่องทางแคบบีบรัดแน่นขึ้นทุกครั้งที่ลิ้นตวัดผ่านซ้ำๆ  แจ็คดึงสะโพกขาวให้ยกสูงเพื่อสำรวจทุกซอกมุมได้ขึ้นถนัดกว่าเดิม
ไนท์หอบหายใจหนัก  มือทั้งสองจิกกำผ้าปูที่นอนแน่น  น้ำตาซึมด้วยความเสียวกระสันเมื่อลิ้นที่สำรวจอยู่ภายนอกจนชุ่มโชกพยายามสอดเข้าไปข้างใน
“อือ...อะ...”
แจ็คประคองร่างบางให้คุกเข่าขึ้น  แล้วเลื่อนปลายลิ้นลงไปยังพวงเนื้อร้อนรุ่ม  สอดตัวเองเข้าไปข้างใต้เพื่อสัมผัสเอ็นเนื้อเกร็งเขม็งนั้นได้ถนัด  แรกๆชายหนุ่มเพียงลูบไล้ท่อนเนื้อเกร็งนั้นจนเปียกชุ่ม  ก่อนจะบรรจงจุมพิตบนส่วนยอดแผ่วเบาแล้วเม้มรูดท่อนเนื้อร้อนผ่าวเข้าไปในปาก  เสียงอุทานระรัวพร้อมๆกับอาการเกร็งหน้าท้องรับนั้นไม่ได้เป็นเพราะความเจ็บ  แต่เกิดจากความพอใจ  แจ็คตวัดลิ้นไล้ส่วนที่อยู่ในปากแรงๆ  ขณะที่รูดรั้งเข้าออก
ไนท์เท้าศอกข้างหนึ่งลงกับเตียง  ขณะที่มืออีกข้างเลื่อนลงไปจิกรั้งผมหนาไว้  สะโพกขยับโยกเข้าหาปากร้อนผ่าวรับแรงดูดรัดที่แรงและเร็วขึ้นทุกขณะ                ปลายนิ้วสากที่สอดผ่านรอยแยกเข้าไปแทบไม่ต้องออกแรง  ด้วยสะโพกขาวที่โยกคลอนอยู่ทำให้มันสอดเข้าไปได้ลึกสุด
“โอ...อือ...” ไนท์ครางระงมทุกครั้งที่เร่งจังหวะขึ้น   ด้านหน้ากำลังถูกดูดกลืนอย่างหิวกระหาย  ส่วนด้านหลังก็ถูกสะกิดกระตุ้นราวกับรู้ว่าควรสัมผัสตรงไหนจะทำให้เขาเสียวซ่านได้มากขึ้น     
ไนท์หลับตาแน่น  ในท้องเหมือนมีเชือกนับพันที่บิดควั่นกันไว้แน่นเขม็งขึ้นทุกที  ความเสียวกระสันทวีขึ้นจนเห็นจุดสูงสุดอยู่รำไร  ร่างกายแอ่นเกร็งเพื่อปลดปล่อย  จู่ๆสวรรค์ก็หายวับเมื่อปากและนิ้วยาวถอนออกไป         
“แจ็ค!” ไนท์อุทานด้วยความโกรธและเสียดาย  แจ็คพลิกร่างบางให้นอนหงายแล้วเลื่อนตัวขึ้นทาบทับอย่างรวดเร็ว  ดวงตาคมเป็นประกายวาววับทั้งทีน้ำตาคลอ  แจ็คยิ้มตอบไม่สะทกสะท้านขณะสอดนิ้วที่ชโลมเจลไว้จนชุ่มเข้าไปในทางแคบ  ไนท์สะท้านนิดหนึ่งเมื่อความเย็นลื่นนั้นสอดเข้ามาและขยับเข้าออกอย่างรู้ตำแหน่ง
“คุณเป็นของผม…จำไว้นะครับว่าคุณเป็นของผมเท่านั้น” แจ็คก้มลงคำรามชิดใบหูเล็ก ฝ่ามือกร้านช้อนสะโพกกลมขึ้นขณะดันตัวเองเข้าไป  ช่องทางแคบร้อนจัดบีบรัดต่อต้านทันที  แต่ชายหนุ่มก็ยังกดตัวเองเข้าไปเรื่อยๆโดยไม่ยอมขยับถอยสักมิลเดียว 
ไนท์ผวาทั้งตัวปากบางกัดแน่นเพื่อกั้นเสียงครางเพราะความเจ็บ สัมผัสร้อนจัดเสียดลึกเข้ามาช้าๆ  แม้จะพยายามผ่อนคลายแต่ก็ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ  ปลายเท้าเรียวที่ลอยคว้างอยู่เหนือไหล่ของแจ็คจิกเกร็งเข้ามาแล้วคลายออกเป็นระยะ   แจ็คก้มลงจูบปากที่เม้มแน่นให้คลายออกขณะดันกายเข้าไปได้จนสุด 
ไนท์ปล่อยมือจากหมอนมายึดไหล่หนาไว้  แม้ลิ้นแจ็คจะยังคงพัวพันอยู่ในปากแต่สะโพกแข็งกลับถอยร่นออกช้าๆและดันกลับหาเนิ่บๆ  เสียงอุทานด้วยความเจ็บดังอยู่ในลำคอและแจ็คก็ดูดกลืนเข้าไปในปากเขา  ชายหนุ่มบดสะโพกหนักๆขณะดันเข้าไปเพื่อสัมผัสจุดกระสันของไนท์ได้ถนัดขึ้น
ไนท์เกร็งตัวด้วยความเจ็บทำให้ส่วนที่ดันเข้ามาถูกบีบรัดแรงกว่าเดิม  แจ็คต้องปล่อยปากนุ่มเป็นอิสระเพื่อหอบหายใจ
“โอว...ซี๊ด...ไนท์...คุณ...”  ชายหนุ่มยกสะโพกออกจนทั้งคู่เกือบหลุดออกจากกันแล้วกระแทกกายลงไปสุดตัว
“โอ...อืออ...อออ...”ไนท์อ้าปากหายใจ  นิ้วยาวจิกครูดไหล่หนาแรงขึ้นเพื่อระบายความเจ็บและเสียดเสียวนั้นออกไปบ้าง
แจ็คปลดขาเรียวลงจากไหล่  โน้มตัวลงไปแทบอยู่ในระนาบเดียวกันเพื่อให้ส่วนชูชันของไนท์สัมผัสกับหน้าท้องขณะดันกายเข้าออก  มือข้างหนึ่งกดท่อนเนื้อร้อนให้แนบชิด  ส่วนอีกข้างเลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นอกตึงสวย  ขณะที่ปากก็กัดเม้มยอดอกตึงเป็นระยะๆ 
ขาเรียวตวัดรัดสะโพกแข็งไว้แน่น  แผ่นหลังบางเดาะขึ้นรับปากและมือ  ร่างบางสะเทือนไปทั้งตัวด้วยแรงกระทั้น  ที่เคยเนิบช้าเปลี่ยนเป็นเร่งแรงขึ้นทุกที           
แม้จะแสบหลังไปหมดทั้งไหล่จากแรงจิกของเล็บคม  แต่แจ็คไม่สนใจเพราะตอนนี้เขาเองก็ถูกความลุ่มลึกแสนหวานบีบคั้นจนแทบทนไม่ไหว  เลือดในกายร้อนจนเหมือนจะปะทุ  ชายหนุ่มเหยียดตัวขึ้นตรง ปล่อยมือจากอกและท่อนเนื้อร้อน  หันมามารั้งสะโพกตึงกระชากเข้าหา  ขณะกระแทกกายสวนเข้าไปถี่ระรัวจนร่างบางโยกคลอนไปทั้งตัว  สะโพกแข็งกระหน่ำกายกระชั้นเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่เห็นอยู่ลิบๆ         
“…โอย...แจ็ค!” ไนท์อุทานเรียกชายหนุ่มเสียงกระเส่า แรงเสียดสีเสียวกระสันถึงขีดสุด สะโพกแอ่นเกร็งขึ้นรับแรงกระทั้น  ก่อนฉีดหยาดร้อนพร่างพรูจนเปียกเปื้อนทั้งตัวเองและหน้าท้องแข็งที่ขยับดันเข้าหา แจ็คยังคงโหมตัวเข้าออกระรัวก่อนจะหยุดฝังร่างในลึกปลดปลดปล่อยไอรักร้อนเข้าไปจนบางส่วนทะลักล้นออกมาภายนอก  ชายหนุ่มทิ้งตัวลงซุกซบกับซอกคอขาว  จุมพิตแผ่วซับเหงื่อที่เปียกชุ่มให้ทั้งที่ตนเองยังหายใจกระชั้นด้วยความเหนื่อย
ไนท์หอบหายใจ  ในอกยังเต้นระรัวแทบระเบิด  มือหยาบใหญ่สัมผัสทั่ววงหน้าอย่างอ่อนโยน  ขณะที่ปากร้อนๆที่เกลื่อนไปทั่วแผ่วเบา
“ถอยออกไปได้แล้ว”  ไนท์สั่งเสียงแผ่วหลังจากนอนนิ่งๆอยู่เกือบ10นาที  โดยมีเนื้อร้อนผ่าวฝังอยู่ในกาย  แม้จะทำให้รู้สึกดีที่ได้แนบชิดกันสนิทแต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนและการขยายตัวของท่อนเนื้อในกาย  ชีคหนุ่มก็อึดอัดจนต้องดันไหล่หนาออก  แจ็คเท้าแขนขึ้นแต่ชะโงกหน้าเข้ามาจนใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันไม่กี่นิ้ว  ดวงตาคมเป็นประกายวับล้อกับแสงไฟเจ้าเล่ห์จนไนท์หวั่น แต่สะโพกแข็งกลับยอมขยับถอยออกช้าๆ  ลมหายใจที่ผ่อนตามเมื่อแจ็คยอมถอยสะดุดกึกเมื่อร่างหนาดันตัวกลับเข้ามากระทันหัน
 “แจ็ค...หยุดนะ...ฉันเหนื่อย...อา...” ไนท์ห้ามเสียงกระเส่าเมื่อฝ่ามือสากกอบกุมส่วนอ่อนไหวขยับเป็นจังหวะ         
“คุณเป็นของผม…ทุกตารางนิ้วบนตัวคุณเป็นของผม…ของผมคนเดียวเท่านั้น  ห้ามให้ใครแตะอีกรู้ไหม?…” แจ็คกระซิบเสียงเครียด  แล้วตวัดลิ้นเลียยอดอกตึงแรงๆ  บางครั้งก็ขบดึงจนแดงจัด  ขณะสะโพกยังขยับเข้าหาทางแคบเป็นจังหวะ
ไนท์โหนลำคอแข็งประคองตัวขึ้น  จูบตอบที่สันกรามแต่ต้องนิ่วหน้าเมื่อแจ็คดันกายเข้ามาอีก
“พอก่อน...เถอะ...ฉันเหนื่อยจริงนะ...อือ...แจ็ค...ให้ฉันพัก...อะ..ก่อน” ไนท์กระซิบเสียงสั่นและจูบใบหูแข็งเบาๆอย่างเอาใจ  แต่แทนที่แจ็คจะยอมปล่อยกลับรั้งร่างบางขึ้นนั่งคร่อมตัก  ยกสะโพกบางขึ้นแล้วกระชากลงมาขณะดันกายสวนขึ้นแรงๆ  ไนท์กัดปากแน่น  จิกเล็บไปบนไหล่หนาแรงๆแต่แจ็คก็ไม่ยอมหยุด  ซ้ำยังเร่งจังหวะขึ้นทุกที  จนร่างบางต้องขยับกายรับเมื่อทนต่อแรงเสียดเสียวไม่ไหว
อารมณ์ถูกเคี่ยวจนลอยลิบแล้วระเบิดออกอย่างรวดเร็ว  หากแต่แจ็คยังไม่สาสมใจ  ร่างงามถูกพลิกผันเปลี่ยนแปลงท่าทางไปตามความทะยานอยากทั้งคืน 
เสียงครางระโหยด้วยความสุขสมเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า  ยาวนานจนไนท์คิดว่ามันคงจบสิ้นเมื่อเขาขาดใจตายเท่านั้น…ดอกไม้แสนงามจากทะเลทรายผวาขึ้นสุดตัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบไป         
สายน้ำเย็นฉ่ำไหลผ่านจนน่าจะสะท้านหากไม่ได้อยู่ในอกอุ่นที่โอบกอดเอาไว้แนบแน่น  ดวงตาคู่งามขยับเขยื้อนอย่างยากเย็นกว่าจะลืมขึ้นแต่แล้วกก็ต้องหลับลงไปใหม่เมื่อพบกับแสงสว่างจ้ากะทันหัน  กว่าจะปรับสายตาได้ก็ครู่ใหญ่  ไนท์กวาดตาไปรอบๆอย่างงุนงงเมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้อง  แต่แช่อยู่ในลำธารตื้น  ละอองน้ำเย็นฉ่ำจากน้ำตกกระเซ็นมาสัมผัสใบหน้าและเนื้อตัวเป็นระยะ  ใบหน้าคร้ามที่คลอเคลียอยู่กับแก้มนวลแจ่มใสจนน่าหมั่นไส้
“อรุณสวัสดิ์ครับ...อ้อ! ไม่สิ  ต้องสวัสดียามบ่ายต่างหาก”
“ปล่อย!”
“คงจะไม่ได้หรอกครับ…คุณไม่มีแรงยืนด้วยซ้ำ”         
“สะใจละสิที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้ได้”         
“ใครบอก  ผมไม่ได้อยากแกล้งคุณสักนิด  แต่ผมต้องการพิสูจน์ต่างหากว่าคุณเป็นของผม”ไนท์ตวัดตามองอย่างขุ่นเคือง  อยากซัดหน้ายิ้มๆนั้นให้หงายแต่แค่ขยับกายยังยากเย็น  ต้องปล่อยให้มือสากๆโลมลูบทำความสะอาดให้ทั่วกาย  ดวงตาคมเหลือบแลไปรอบๆ  เพิ่งสังเกตเห็นที่ผ้านวมผืนใหญ่ปูอยู่บนผ้าใบใต้ร่มไม้ไม่ห่างนัก 
แจ็คมองตามก่อนจะช้อนร่างงามขึ้นจากน้ำมาวางบนที่นอนใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้ม  แสงแดดยามบ่ายส่องลอดกิ่งไม้ลงมาอาบไล้เนื้อเนียนจนแทบเปล่งประกาย จุดสีแดงช้ำกระจายทั่ว บางแห่งกลายเป็นสีม่วง  ไนท์พิงหมอนกองโตเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความเคือง         
“คุณจะโกรธผมก็ได้…แต่อย่าเกลียดผม  จะทำร้ายผมให้เจ็บแค่ไหนผมก็ยอม...แต่อย่าให้ใครแตะคุณ  สัมผัสคุณ เหมือนที่ผมสัมผัส...ผมทนไม่ได้”         
ดวงตาคมดุตวัดกลับมาจ้องหน้าแจ็คเขม็ง  ชายหนุ่มจ้องตอบไม่หลบ เขาเลื่อนตัวลงไปช้าๆและคุกเข่าลงที่ปลายเท้าเนียนสะอาด  แจ็คก้มลงจูบหลังเท้าเนียนแผ่วเบา  ขาเรียวกระตุกหนีนิดเดียวก็ต้องสะดุดกึกด้วยความเจ็บร้าวที่สะโพก
 “อย่าทำแบบนี้นะ…เธอไม่มีศักดิ์ศรีหรือไงถึงได้มาจูบเท้าคนอื่น” ไนท์หน้าบึ้งตาขุ่นด้วยความโกรธผสมกับความตกใจ  รู้อยู่หรอกว่าแจ็ครักและลุ่มหลงแค่ไหน  แต่ถ้าทำขนาดนี้เขาก็ไม่ต้องการ
แจ็คยิ้มกว้าง  ดวงตาใสซื่อเปี่ยมด้วยความรักจนแทบทะลักล้นออกมา  ไนท์เบือนหน้าหนีไม่อาจสบตาได้อีก
“มองผมสิครับ…ผมไม่จำเป็นต้องมีศักดิ์ศรีกับคนที่ผมรัก  ผมมีแต่หัวใจกับชีวิต  ผมให้คุณไปหมดแล้ว  อยู่ที่คุณว่าจะเก็บไว้หรือจะโยนทิ้ง”
“พูดออกมาได้...เลี่ยนจะตาย” ไนท์ทำปั้นปึ่งทั้งที่หน้าร้อนวาบจนต้องเมินไปทางอื่น  ไม่อยากให้แจ็ครู้ว่าเขาปลื้มแค่ไหน
“ทำเป็นโรแมนติกไปได้...ก็แค่เซ็กส์...” ไนท์หยุดพูดเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบกับคำพูดของตัวเอง  เขาไม่ชอบโกหก  และเพิ่งรู้ว่ากำลังพูดเรื่องไม่จริง
นิ้วยาวกร้านแตะคางมนให้หันกลับมาแผ่วเบา  ดวงตาคมเป็นประกายแน่วแน่ อ่อนโยน  และเว้าวอนจนไนท์สะท้าน
“ไม่ใช่แค่เซ็กส์สำหรับผม  การสัมผัสคุณคือการอธิบายคำว่า ‘รัก’ อย่างหนึ่ง...ความรู้สึกบางอย่างมันสื่อด้วยคำพูดไม่หมดหรอกครับ  แต่ผมคิดว่าคุณเข้าใจ”
ไนท์พูดไม่ออกได้แต่จ้องใบหน้าคมคายนิ่งงัน แจ็คยิ้มให้แล้วก้มลงจุมพิต นิ้วเท้าเรียวที่ละนิ้ว  ไล่เรื่อยตามเรียวขาขึ้นมาจนถึงหน้าท้อง ทรวงอก ใบหน้าและเรือนผม จากนั้นก็พลิกร่างบางนอนคว่ำ จูบไล่ลงไปที่หลัง จนจรดปลายเท้าอีกครั้งก่อนจะพลิกร่างบางให้นอนหงาย  และเลื่อนตัวขึ้นมาเท้าแขนคร่อมร่างบาง  ไล้ข้อนิ้วไปตามแก้มละมุนแล้วแทนที่ด้วยปาก  สุดท้ายก็หยุดจุมพิตที่เปลือกตากว้างเบาๆ
ไนท์จ้องการกระทำนั้นเขม็ง  เขาเคยถูกบอกรักด้วยหลายวิธี  จากหลายภาษา  แต่แจ็คกลับทำให้ทุกคำรักของคนอื่นไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง  ไม่ใช่การจูบเขาทั้งตัว  หากแต่เป็นความจริงใจที่เอ่อท้นจนแทรกซึมเข้าไปถึงวิญญาณ           
ไนท์ดึงใบหน้าระคายด้วยไรหนวดมาจูบตอบอ่อนโยน  เมื่อถอนปากออกก็ได้เห็นดวงตาวาววามด้วยความยินดีจนน่าหมั่นไส้  ไนท์คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะผลักร่างหนาลงนอนแล้วขึ้นนั่งทับต้นขาแข็ง  มือนุ่มลูบไล้กล้ามอกแน่นตึงแผ่วเบาก่อนจะลูบเลื่อนลงมาบนกล้ามท้อง
แจ็คกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว  ยิ่งมือนุ่มไล้วนเบาๆบนหน้าท้องเขาก็ชูชันขึ้นสู้ตาทันที
“หน้าไม่อาย...” ไนท์ชะโงกขึ้นไปกระซิบเบาๆที่ข้างหูแถมยังแกล้งเป่าลมอุ่นๆเข้าไป  แจ็คถอนใจหนักๆเอื้อมมาคว้าร่างบางไปกอดแต่ไนท์ปัดแขนเขาทิ้งเลื่อนตัวกลับมาลูบบนหน้าขาเบาๆ  อาการเสียววาบจนแสบยะยิบไปถึงท้องทำให้แจ็คต้องหลุดเสียงครางในลำคอแผ่วเบา  ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อปากนุ่มสัมผัสเขาแผ่วเบา  ผิวแห้งตึงร้อนผ่าวขึ้นทันใด  เสียงแจ็คอุทานแผ่วอย่างคาดไม่ถึง  อย่าว่าแต่แจ็คเลย ตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดว่ารามิล ราจีสอับดุลผู้ยิ่งใหญ่จะยอมทำอะไรอย่างนี้
ลิ้นสีชมพูสดแลบเลียส่วนยอดเบาๆด้วยความไม่คุ้น  ผิวแห้งระคายปากแต่ร้อนผ่าวกระตุ้นให้ชีคหนุ่มทดลองไล้เลีย  เพียงส่วนปลายมุดหายเข้าไปแจ็คก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างน่าตกใจ  ไนท์ดูดกลืนชายหนุ่มเข้าไปจนรู้สึกแน่นปากก็ถอยออก บางครั้งก็ลากลิ้นลงไปจนถึงโคน             
แม้จะไม่มีประสบการณ์ตรงแต่ก็มีประสบการณ์ทางอ้อมที่เคยได้รับการปรนเปรอแบบนี้มามาก  ไนท์ตอบแทนคำรักด้วยความตั้งอกตั้งใจ  แม้บางครั้งฟันจะกระทบโดนบ้างแต่เสียงครางกระเส่าของชายหนุ่มก็ทำให้เขาภูมิใจ มือกร้านลูบไล้เส้นผมของเขาหนักหน่วงขึ้นทุกที  ไนท์แทบผวาเมื่อสะโพกหนาขยับยกสวนขึ้นจนความร้อนเสียดแทงแทบถึงคอหอย  นานจนปากชากว่าที่สะโพกหนาจะแอ่นเกร็ง  ของเหลวอุ่นร้อนหลั่งรินออกมาไนท์ตั้งใจจะกลืนลงไป  ในเมือแจ็คทำให้เขาออกบ่อยเขาก็ทำได้  แต่แจ็คดึงหน้านวลขึ้นเสียก่อน
“อย่าครับ…สกปรก” แจ็คห้ามเสียงหอบๆ  ดวงตาไหวระริกด้วยความสุข  ปล่อยให้หยาดอุ่นรินรดลงบนผ้าห่มขณะจูบปากนุ่มดื่มด่ำด้วยความซาบซึ้งใจ
“ทำไม? เธอยังทำได้เลย” ไนท์ถามทันทีที่ปากเป็นอิสระ
“มันไม่เหมือนกัน…คุณไม่เคยทำแบบนี้  ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกไม่ดี”
แจ็คกระซิบชิดปากบางก่อนจะจูบคว้านไปทั่วโพลงปากนุ่ม
“ขอบคุณมากครับที่ยอมทำแบบนี้ให้ผม” 
สายตาวิบวับภาคภูมินั้นทำให้ไนท์รู้สึกเขินและเสียหน้าหน่อยๆ 
“ฮึ…อย่าทะนงตัวไปนะแจ็คว่าที่ทำให้เพราะฉันแพ้เธอ”
“ผมไม่เคยทะนงตัว  แต่ผมแน่ใจว่าไม่มีที่ไหนในตัวคุณที่ผมไม่รู้” แจ็ค กระซิบชิดใบหูนิ่มก่อนจะเป่าลมเข้าไปเบาๆ  ไนท์ผวาขนลุกซู่ ยังไม่ทันขยับทรวงอกก็ถูกดูดดึงจนต้องผวาโอบรอบคอหนาแน่น  ปลายนิ้วระคายแทรกเข้ามาในทางแคบสอดสะกิดจุดอ่อนไหวจนเสียวซ่านไปทั้งท้อง         
“แจ็ค….”         
“ดูสิครับ…ร่างกายคุณทรยศคุณแล้ว…ผมบอกแล้วว่าคุณเป็นของผม…ของผมคนเดียวเท่านั้น” แจ็คโอบประคองร่างงามให้นอนลงบนกองหมอน  ไนท์กอดรัดไหล่หนาแน่น  ร่างกายสั่นไหวไปตามจังหวะที่คนรักชักนำ  ดวงตาคู่งามหรี่หลบแสงแดดที่ลอดลงมาจากกิ่งไม้เบื้องบน  ปล่อยให้ความพิศวาสชักนำไปจนสุดทาง         

เสียงน้ำกระซิบกระซาบกับชายฝั่งแผ่วเบา  แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดกว้างจนห้องสว่างไสว  ไนท์เหลือบมองคนข้างๆแจ็คนอนคว่ำซบหน้ากับหมอน  แขนยังโอบรอบเอวเขาไว้แน่นราวกับกลัวหาย  ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยอาหารกับเซ็กส์  วันคืนดูเหมือนจะลับหายไปกับอ้อมกอดเร่าร้อน  ร่างกายเหมือนถูกแผดเผาจนหลอมละลายนับครั้งไม่ถ้วน  จนร่างกายนี้เหมือนจะไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป เพราะมันขยับเขยื้อนไปตามแต่แจ็คจะชักเชิดเท่านั้น         
พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายถอนใจยาว  ไม่อยากจะเชื่อว่าคนแพ้จะกลายเป็นเขา  บางครั้งความพ่ายแพ้ก็หอมหวานได้อย่างไม่น่าเชื่อ  เสียงลมหายใจสม่ำเสมอสะดุดนิดหนึ่ง  อ้อมแขนร้อนรัดรึงแน่นหนากว่าเดิม  ศีรษะยุ่งๆเลื่อนขึ้นมาก่ายเกยบนอก         
“ของผม…คุณเป็นของผมเท่านั้น…ที่รัก”
ไนท์ยิ้มหวาน  แม้ในยามหลับแจ็คก็ยังบอกรักไม่คลาย  และครั้งนี้เขามีพยานเป็นพระจันทร์สุกสว่างภายนอก............

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.......
ไคซัควางโทรศัพท์ลงช้าๆ  ช่างเป็นโอกาสที่ดีอะไรเช่นนี้  เขาได้รับอนุญาตให้ลาพักร้อนได้ถึง7วัน เพราะชีครามิลต้องการพักผ่อนเงียบๆที่เกาะส่วนตัว  แน่นอนว่าเขารู้ว่าท่านชีคอยู่กับใคร  หน้าที่เขาเพียงจัดเวรยามไม่ให้ใครเข้าใกล้เกาะนั้นอย่างแน่นหนา  และลูกน้องเขาก็ไว้ใจได้  คงถึงเวลาที่เขาจะได้สะสางปัญหาในหัวใจเสียทีเขาปล่อยให้อองรีได้ใจมานานเกินไปแล้ว
           ............
 
แผนกต้อนรับแทบลมจับไปตามๆกันเมื่อหัวหน้าแผนกมาตรวจงานแล้วพบข้อบกพร่อง  คำเตือนเย็นเยือกแต่เจ็บแสบไปถึงหัวใจเล่นเอาทุกคนตัวลีบยามอองรีเดินผ่าน  สองสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนหัวหน้าแผนกต้อนรับจะน่ากลัวขึ้นทุกทีจนตอนนี้ไม่มีใครกล้ารอหน้าแล้ว
เจฟฟรี่ขันสีหน้ากระอักกระอ่วนของแม่สาวแผนกต้อนรับตอนที่เขาถามถึงอองรี         
“คุณอองรีอยู่ที่เวทีการแสดงค่ะ  เอ่อ…คุณเจฟฟรี่คะ ระวังตัวหน่อยนะคะ”         
“ทำไมล่ะ?”         
“ช่วงนี้คุณอองรีดูอารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะค่ะ”         
“งั้นเหรอ  ขอบใจนะที่เตือน” เจฟฟรี่รับคำขันๆ 
ร่างบางดูเพรียวผอมกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอมาก  ไม่รู้ว่าอองรีพูดอะไรแต่แม่สาวที่กำลังจัดดอกไม้ถึงกับปล่อยโฮออกมาโดยที่เพื่อนๆได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งไม่มีใครกล้าปลอบ         
“ขอตัวสาวๆไปช่วยงานสัก5นาทีได้ไหมครับ?”         
“ไม่ได้!…เอ่อ…คุณเจฟ ขอโทษครับจะให้พนักงานไปทำอะไรเหรอครับ?”         
“ล้อเล่นน่ะ...เห็นกำลังเคร่งเครียดกันอยู่ ความจริงฉันมีธุระกับเธอมาก กว่า”         
“ได้ครับ เชิญที่ห้องทำงานผมดีกว่า” พนักงานในบริเวณนั้นแทบปรบมือให้เจฟฟรี่  ที่ขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ทันก่อนที่ทุกคนจะลมใส่จนทำงานไม่เสร็จ         
“คุณเจฟมีอะไรครับ?”         
“ช่วงนี้เป็นอะไรไป...เล่นงานลูกน้องไม่เว้นแต่ละวัน จนพนักงานเราจะลาออกกันหมดอยู่แล้ว” สีหน้ารื่นเริงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเอาจริง  อองรีหลบตาวูบ
“…ผม…”         
“ถ้าคิดถึงเขาก็ไปหาสิอองรี  อย่ามัวแต่ทิฐิ”         
“คิดถึง…ผมไม่เห็นคิดถึงใคร” อองรีทำไขสือแต่ไม่ยอมสบตาเจฟฟรี่         
“อย่ามาแกล้งไถล  ทำไมละอองรี? มันไม่ได้เสียหน้าอะไรหรอกนะที่จะไปหาเขาก่อน”
อองรีลูบหน้าด้วยความกลัดกลุ้ม           
“ผมคงเป็นบ้าไปแล้วที่เอาแต่คิดถึงคนที่ทำร้ายตัวเองขนาดนั้น”         
“ความรักไม่ใช่เรื่องบ้าหรอกนะอองรี”         
“…แต่ผมรู้สึกตัวเองเหมือนคนบ้า ที่ไปหลงรักคนป่าเถื่อนอย่างนั้นจนทำให้เสียงาน  ผมก็รู้ว่าตัวเองทุเรศที่อารมณ์เสียเรื่องส่วนตัว แล้วมาระบายกับคนอื่น ทำให้งานเสียหาย”
“งานยังไม่เสียหาย แต่พนักงานแผนกเธอขวัญหายกันหมดแล้ว”         
“ผมขอโทษครับ…ผมอยากลาออก” อองรีโพล่งออกมาอย่างที่ใจคิด         
“แล้วกัน! พูดแค่นี้ถึงกับลาออกเลยเหรอ?”         
“ไม่ใช่หรอกครับ...แต่ผมรู้สึกละอายแก่ใจที่ตัวเองไร้ประสิทธิภาพแบบนี้  นะครับให้ผมลาออกเถอะ”         
“คิดให้ดีๆนะอองรีอย่าทำอะไรด้วยอารมณ์…เอางี้ดีกว่า ฉันให้เธอลาพักร้อน  จะสักกี่เดือนก็ตามใจ ไว้สบายใจค่อยกลับมาทำงานต่อ”         
“แต่………..ขอบคุณครับ  งั้นผมขอไปมอบหมายงานก่อน”         
“เที่ยวให้สนุกนะอองรี แล้วก็ขอให้นายหาทางออกให้ตัวเองได้ด้วย คุณริชเป็นห่วงนายมากนะ”         
“ขอบคุณครับคุณเจฟ ฝากขอบคุณคุณริชด้วย ผมขอพักให้หัวเย็นแล้วจะกลับมารับใช้คุณริชแน่นอนครับ” ............
         
อองรีโยนกระเป๋าลงบนเตียงอย่างเซ็งๆ  คิดไม่ออกว่าควรไปไหนดี  หลายปีมาแล้วที่เขาไม่ขอใช้วันหยุดพักร้อน เพราะเขาแน่ใจว่าไม่มีที่ไหนในโลกจะสวยงามและเพียบพร้อมไปกว่ารีสอร์ทที่เกาะส่วนตัวของตระกูลแฮมิลตัลอีกแล้ว  เมื่อเจฟฟรี่ยื่นข้อเสนอให้เขาพักร้อน แถมยังให้ฮอมาส่งให้ถึงบนฝั่ง เขาจึงทำได้เพียงหาโรงแรมพักไปก่อน
ชายหนุ่มเลื่อนกระเป๋าลงใต้เตียงก่อนจะปิดไฟนอน  ไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดแล้วกันว่าจะไปไหน  คืนนี้ขอเขาพักให้สบายใจแล้วกัน         
ชายหนุ่มหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้  แต่มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้กลิ่นหอมเอียนฟุ้งทั้งห้อง  อองรีพยายามลุกขึ้นแต่ร่างกายชาและไร้เรียวแรง  มีคนเข้ามาในห้องแต่เปลือกตาเขาหนักเกินกว่าจะขยับ  ร่างเขาถูกพันห่อด้วยผ้าแล้วถูกยกลอยลิ่วขึ้นจากนั้นเขาก็หมดสติไป         
น้ำเย็นเฉียบปลุกสติเขาให้กลับมา พร้อมกับสัมผัสร้อนผ่าวเบียดกระชับที่ปาก  อองรีเบือนหน้าหนีแต่กลับถูกยึดคางไว้มั่น         
“อย่าทำสะบัดสะบิ้งไปหน่อยเลยน่า ของมันเคยๆกันอยู่” เสียงคำรามข้างหูทำให้หนุ่มฝรั่งเศสรู้สึกตัวว่าอยู่กับใคร         
“คุณ! นี่คุณมาอยู่ในห้องผมได้ยังไง?”         
“ลืมตาแล้วมองไปรอบๆสิอองรีว่านี่ที่ไหน?”
อองรีมองไปรอบๆ  ฤทธิ์ยาทำให้เขาเบลออยู่ครู่หนึ่งกว่าจะรู้ตัวว่าอยู่ในกระโจมกว้างใหญ่  ที่สำคัญคือเขาแน่ใจว่านอกจากผ้าห่มนี้เขาก็ไม่มีอาภรณ์ใดอีก         
“คุณลักพาตัวผม!…คุณทำอย่างนี้ทำไม?”  อองรีพยายามดันใบหน้าที่ซุกไปตามซอกคอออกห่าง  ขืนปล่อยให้ไคซัคแนบชิดอยู่อย่างนี้สุดท้ายเขาเองนั้นแหละที่จะแพ้ใจตัวเอง
“ลืมแล้วเหรอว่าเธอคือสมบัติของฉัน  การที่ฉันจะหอบหิ้วสมบัติไปไหนๆมันก็เป็นสิทธิ์ของฉันถูกไหม?” ไคซัคเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างท้าทาย       
“ธรรมเนียมป่าเถื่อนอะไรนั่นใช้กับผมไม่ได้หรอกนะ แล้วผมก็ไม่ใช่สมบัติของคุณ!”         
“อยากให้ฉันทบทวนความสัมพันธ์ของเราไหมล่ะอองรี?”
“คุณ!…คุณจะเอายังไง?”อองรีตวาดเบาๆอย่างหงุดหงิด
“หึ!...ทำเป็นปากแข็ง...ทั้งที่เธอก็แทบคลั่งที่ฉันไม่สนใจ” สีหน้าอิ่มเอมอย่างคนเหนือกว่าของไคซัคทำให้อองรีหน้าชาด้วยความโกรธและอาย   
“ไม่จริง! ผมไม่เห็นแคร์ว่าคุณจะทำอะไร ผมสบายใจด้วยซ้ำที่คุณอยู่ห่างๆ”         
“งั้นเหรอ?...แล้วทำไมที่งานเลี้ยงเธอถึงทำหน้าบึ้งนักล่ะ”ไคซัครุกต่อทันที  อองรีอึ้งไปครู่หนึ่งกว่าจะหาคำตอบได้         
“ผมอาจจะอารมณ์เสียเพราะคนอื่นต่างหาก  คิดว่าผมรอคุณอยู่หรือไง?”
อองรีเยาะยิ้มๆ ซึ่งมันก็ได้ผลเสมอ 
   “สันดานมากรักหลายใจนี่มันอยู่ในสายเลือดเลยหรือไงนะ...หรือที่ฉันปรนเปรอให้มันไม่อิ่ม?” มือแข็งบีบแก้มนุ่มจนเจ็บร้าวไปหมด  แต่อองรีก็ยังตีฝีปากอย่างสะใจที่ได้เห็นความเกรี้ยวโกรธของไคซัค
 “พระเจ้า!คุณคิดว่าเซ็กส์ของคุณมันเยี่ยมยอดเสียจนผมยังหลงละเมอเพ้อหาอยู่หรือไง?  จะบอกอะไรให้นะ...คุณน่ะ...ห่วยแตก! ช่วยตัวเองยังสนุกกว่าเลย”
ไคซัคตาลุกวาบแต่แล้วกลับเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกจนอองรีสะดุ้งพยายามจะขืนตัวหนีเมื่อไหล่สองข้างถูกบีบแน่นจนเจ็บร้าวไปทั้งแขน         
“งั้นรึ...อย่างฉันมันห่วยแตก  แล้วอยากได้แบบไหนล่ะ...เอาอย่างนี้ดีกว่าอองรี...เรามาเล่นเกมกัน ฉันให้โอกาสเธอเลือก ข้างนอก...มีทหารของฉันมากมาย  เธอเลือกใครก็ได้  ลองนอนกับเขาดูซิว่ายอดเยี่ยมกว่าฉันแค่ไหน...หรือถ้าคนเดียวไม่ถึงใจจะลองแบบหมู่ดูก็ได้นะ...ฉันอนุญาต”
“คุณจะบ้าเหรอ…คิดได้ยังไง ทุเรศที่สุด!...เกมอุบาทว์อย่างนั้นเชิญคุณเล่นไปคนเดียวเถอะ” อองรีตะโกนใส่ไคซัคลั่น...ช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่อยากจะเชื่อว่าไคซัคจะเหี้ยมโหดได้ขนาดนี้
“เลือกเอา...นอนกับเขา...แล้วฉันจะปล่อยให้เธอกลับไป  หรือจะทนมีเซ็กส์กับผู้ชายห่วยแตกอย่างฉัน”         
“บ้า!...คุณบ้าไปแล้ว...ปล่อยนะผมไม่ใช่ลูกน้องคุณ  คุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับผม แล้วผมก็ไม่เล่นเกมทุเรศๆนี้ด้วย  ปล่อย!”
“ฉันพูดจริง  ว่าไงอองรี  ข้างนอกมีคนที่พร้อมจะให้เธอเลือก  มาสิ...มาดูกัน”
อองรีแทบคว้าผ้าห่มไว้ไม่ทันเมื่อถูกลากออกมานอกกระโจมอย่างรวดเร็ว   ทหารที่ยืนยามอยู่ข้างนอกขยับตัวพรึ่บเมื่อร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวหน้ากระโจม         
“ไปเรียกทหารองครักษ์มา  ให้มาเข้าแถวที่นี่...ทุกคนนะ!”       
“อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” อองรีกระซิบเสียงเครียด  แต่ดวงตาคมที่มองสบมาไม่บอกว่าล้อเล่นสักนิด  ทำให้หนุ่มเลือดฝรั่งเศสหนาววาบด้วยความกลัว         
ทหารองครักษ์ร่างสูงใหญ่จนเกือบจะเท่าๆกันหมด เดินเรียงเข้ามาในเขตกระโจมของไคซัค  ก่อนจะผ่านแนวเขตผ้าที่กางกั้นอยู่ต่างก็ปลดอาวุธส่งให้ทหารพื้นเมืองร่างเตี้ยล่ำที่คอยแหวกผ้ากั้นเขตให้  ทุกนายมาเข้าแถวพร้อมพรึ่บอย่างรวดเร็ว  ไคซัคสั่งให้เดินเรียงเข้ามาให้อองรีดูทีละคน  ทหารทุกนายทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดทั้งๆที่ไม่รู้เหตุผล
อองรีกัดปากแน่นด้วยความโกรธและเสียใจ ไม่เคยสักครั้งในชีวิตที่ถูกหยามแบบนี้  ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีไม่ยอมเลือกใครจนทหารคนสุดท้ายออกไปด้านนอกเขตกระโจม         
“ตกลงจะไม่เลือกใครเลยเหรอ? น่า...ไหนว่าอยากให้ฉันปล่อยไปไม่ใช่เหรอ  เลือกเอาสักคนสิ จะได้จบเกมกันไป”  ไคซัคพูดปนหัวเราะอย่างสะใจ ที่อองรีไม่กล้าจริงอย่างปาก แม้การทำแบบนี้จะเหมือนฉีกหน้าอองรี แต่หากเขาไม่กำราบไว้ตั้งแต่ตอนนี้  อองรีจะยิ่งได้ใจ  กล้าท้าทายเขาอีกก็ได้       
“คุณมันไอ้ทุเรศ! ไอ้คนป่าเถื่อนทุเรศ”         
“อย่าปากดีนักนะอองรี  ที่ฉันยอมขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว  ขืนสามหาวกับฉันมากนักแล้วเธอจะเสียใจ” มือแข็งบีบแก้มนุ่มจนช้ำ  อองรีจ้องตอบไม่กลัวเกรง         
“เอาสิ!...นี่มันถิ่นนายนี่...จะทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว  แต่อย่าให้ฉันรอดก็แล้วกัน...ฉันจะทำให้นายเจ็บจนตายแน่!” อองรีตวาดสวนทันควัน ในเมื่อไคซัคดูถูกเขาขนาดนี้  ก็ให้มันหมดเยื่อใยกันไปในวันนี้เลย         
“กล้าขู่ฉันเหรออองรี?”  ไคซัคลากร่างบางไปเหวียงบนที่นอนและทาบทับลงไปอย่างรวดเร็ว  ไม่สนใจแรงดิ้นเร่าเบื้องล่างสักนิด       
“ปล่อย…บอกว่าให้ปล่อย!…ปล่อยสิ!”         
“ในเมื่อไม่เลือกใคร ตัวเลือกสุดท้ายก็คือฉัน”ไคซัคเย้ยยิ้มๆ         
“ใครบอกว่าไม่เลือก” อองรียิ้มหวาน สะใจที่เห็นไคซัคหุบยิ้มฉับ         
“หมายความว่าไง?”       
“ทหารยามข้างหน้านั่นปะไร  เข้าท่าดีนะ”         
“หมายถึงพวกที่ยืนยามอยู่หน้ากระโจมหรือไง?”         
“ไม่ใช่...ผมหมายถึงคนที่ยืนอยู่ตรงผ้ากั้นด้านนอกนั่นต่างหาก…ผมเลือกคนนั้น” ทำไมอองรีจะไม่รู้ว่าคนที่เขาพูดถึงคือพวกทหารรับใช้ชาวพื้นเมือง  แต่เขาต้องการให้ไคซัคเจ็บอย่างที่เขาเจ็บ  หรืออย่างน้อยก็เสียหน้าอย่างไม่อาจกู้คืน         
ไคซัคกัดกรามกรอด อองรีเจตนาหักหน้าและประชดเขาน่ะเรื่องแน่  แต่เขาพูดไปแล้วไม่อาจคืนคำ  ร่างสูงผุดลุกขึ้นอย่างด้วยความเกรี้ยวโกรธ         
“ตกลงอองรี...แต่งตัวซะฉันจะพาเธอไปหามัน!”
อองรีหนาวเยือกกับสิ่งที่ตัวเองเลือก  แต่เปลี่ยนใจตอนนี้คงถูกไคซัคหัวเราะเยาะ  ทิฐิทำให้ชายหนุ่มคว้าเสื้อผ้ามาสวมทั้งที่มือสั่นเทา  ทันทีที่แต่งตัวเสร็จไคซัคก็เรียกทหารยามให้มาพาเขาออกไป  ลมร้อนผ่าวปะทะหน้าเมื่อออกมาพ้นกระโจม  แม้จะเย็นมากแล้วแต่ความร้อนยังไม่คลาย  ทหารยามหนุ่มตัวเตี้ยล่ำ ผิวดำมะเมื่อม ทำหน้างงเมื่อเขาถูกเรียกมารับตัวอองรีไปนอนด้วยคืนนี้  แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่เขาก็นำหนุ่มต่างชาติหน้าสวยกลับไปยังหมู่กระโจมหลังเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากเขตกระโจมใหญ่  ที่นี่แออัดด้วยทหารพื้นเมือง  ทุกคนจ้องมองอองรีด้วยท่าทางหื่นกระหายแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าใกล้           
“เอ่อ…ผมพักหลังนี้  ท่านเข้าไปนั่งพักข้างในนะขอรับ  ผมจะไปเอาน้ำกับอาหารมาให้” ทหารรับใช้พูดภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นก่อนจะรีบจ้ำหนีไป         
อองรีจำต้องเข้าไปในกระโจมหลังเล็กค่อนข้างเก่า  ทหารที่อยู่ในนั้น2คนรีบหอบผ้าและเครื่องนอนลุกออกมา อองรีทรุดตัวลงนั่งที่พื้นอย่างหมดแรง  ใจสั่นระรัวกับสิ่งที่เลือก  ดวงตาคู่งามแห้งผากทั้งที่อยากจะร้องไห้เต็มที  แม้นายทหารคนนั้นจะหายหน้าไปแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเครียดคลายลง  อองรีมองเหม่อไปรอบๆอย่างหวาดวิตก  การรอคอยดูเหมือนจะโหดร้ายจนแทบทนไม่ไหว 
กว่าทหารยามหนุ่มจะกลับมาก็มืดสนิท  แต่อองรีกลับรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปแป๊บเดียว  เสียงสนทนากันแว่วๆด้านนอก  ก่อนที่เงาดำๆจะปรากฏที่รอยแหวกของกระโจม 
“ท่านขอรับ  ผมเอาอาหารมาให้”
หนุ่มหน้าสวยกัดปากแน่นหน้าซีดขาวด้วยความกลัว  สายตาเหลือบไปเห็นมีดในปลอกแกะสลักหยาบๆ  ชายหนุ่มลนลานคว้ามาซุกไว้ใต้ผ้าห่ม  เขาจะขอร้องหมอนี่ดีๆให้ปล่อยเขาและจะให้ค่าตอบแทนอย่างงาม แต่ถ้าหมอนั่นไม่ยอม  บางที…คืนนี้เขาอาจต้องจบชีวิตลงที่นี่  อย่างน้อยการตายด้วยน้ำมือตัวเองก็คงอดสูน้อยกว่าต้องถูกข่มขืน
         ร่างเตี้ยล่ำเข้ามาพร้อมกับอาหารและน้ำนำมาวางไว้ที่หีบเก่าคร่ำตรงปากทางเข้ากระโจม
“อาหารของพวกผมมีแต่แบบนี้  ท่านกินเสียนะขอรับ”         
“คุณกินเถอะ  ผมไม่หิว”         
“ผมมีส่วนของตัวเองแล้วขอครับ  ผมวางไว้ตรงนี้นะขอรับ  แล้วผมจะมาเก็บถาดทีหลัง”
อองรีนั่งมองอาหารเฉย  ให้ตายเขาก็กลืนมันไม่ลง  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดกำลังจะเกิด  ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามีเซ็กส์  แต่เขาไม่เคยนอนกับคนแปลกหน้า  ตั้งแต่มาทำงานกับริชเขาก็ไม่เจอใครที่ถูกใจ  ไคซัคเป็นคู่นอนคนแรกในรอบหลายปี  และที่สำคัญเขาไม่เคยปล่อยให้ใครล่วงล้ำมาก่อน           
อองรีข่มกลืนความแค้นและเจ็บช้ำเมื่อนึกถึงไคซัค เขาบ้าไปเองที่ไปหลงรักผู้ชายเลือดเย็นคนนั้น  จู่ๆกระโจมก็ถูกแหวกเข้ามา  อองรีสะดุ้งกำมีดใต้ผ้าห่มแน่น  แต่พอเห็นหน้าคนที่เข้ามาเขาก็ดีใจจนแทบระงับอาการไม่อยู่         
ไคซัคยืนกอดอกมองเขานิ่ง  ทหารคนหนึ่งเข้ามาวางเก้าอี้แล้วออกไป  ร่างสูงใหญ่ทรุดลงนั่งที่เก้าอี้มองเขาราวกับมองทาส  อองรีเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากให้ไคซัคได้ใจ  หากรู้ว่าเขาดีใจแทบตายที่คนเข้ามาเป็นไคซัค
“เผอิญฉันชอบชมการแสดง  เธอคงไม่ว่านะหากฉันจะขอชมลีลาของเธอกับทหารยามว่าจะดุเด็ดเผ็ดมันแค่ไหน”
ยิ่งกว่าถูกตบหน้า!  อองรีชาวาบทั้งตัวแล้วเจ็บแปลบจนแทบทนไม่ไหว  เขาหันไปจ้องมองคนพูดอย่างคาดไม่ถึง  ใบหน้าเย็นชาเรียบเฉยไม่เปลี่ยน แต่ดวงตาเยาะหยันถากถางให้เจ็บแสบไปถึงไหนๆ  อองรีจ้องตอบด้วยความแค้นและเจ็บช้ำ  ไม่สนใจแม้จะรู้ว่าทหารยามคนนั้นเข้ามาในกระโจมแล้ว
“เอาละ  เริ่มการแสดงเสียที” ไคซัคสั่งหน้าตาย
ทหารยามทำหน้ากระอักกระอ่วน  ถึงหนุ่มต่างชาติตรงหน้าจะสวยเสียจนใจเต้นไปหมด  แต่การที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาเป็นสมบัติของใคร มิหนำซ้ำเจ้าของยังมานั่งอยู่ด้วยเล่นเอาเกร็งไปหมด...เขาคุกเข่าลงข้างร่างบาง  ก้มมองพื้นเพราะไม่กล้ามองคนตรงหน้า  ด้วยอาการหนาวต้นคอยะเยือกไปจนถึงสันหลัง
อองรีค่อยๆคลายฟันที่ขบกันแน่นออกช้าๆ  จะมีอะไรต้องเสียอีกเล่า...ในเมื่อไคซัคทำลายทุกอย่างของเขาจนสิ้นแล้ว  เมื่อไคซัคอยากดูเขาก็จะให้ดู           
นิ้วเรียวขาวปลดกระดุมเสื้อออกเสียเอง  แม้แรกๆนิ้วเขาจะแข็งเกร็งและสั่น  แต่สุดท้ายกระดุมเสื้อทั้งหมดก็ถูกปลดออก     
“เดี๋ยว!...เจ้าผูกตาเสีย” ไคซัคตวาดเสียงห้วนแล้วกัดกรามกรอด  รู้สึกเหมือนหน้าร้อนผ่าวเมื่อเห็นสายตาเยาะหยันของอองรี  นายทหารหนุ่มรีบดึงผ้าโพกศีรษะมาคาดตาอย่างรวดเร็ว  อองรีไหวไหล่แล้วสลัดเสื้อออกไป ร่างขาวตึงด้วยกล้ามเนื้องามสะท้อนกับแสงไฟจากตะเกียงลุกขึ้นยืน แล้วถอดกางเกงออกช้าๆ  ทันทีที่กางเกงชั้นในตัวจิ๋วปลิวลงไปอยู่ที่พื้นอองรีก็ทรุดลงนอน           
“ฉันถอดเสร็จแล้ว...เชิญ”
ทหารยามหนุ่มค่อยๆขยับเข้าไปใกล้  ถึงจะมองไม่เห็นแต่คลื่นความโกรธของนายเขาดูเหมือนจะทวีขึ้นทุกทีจนอารมณ์อื่นไม่มีเหลือ  มือเขาสั่นขณะเอื้อมไปหาร่างที่อยู่บนที่นอน ยังไม่ทันแตะเขาก็ถูกกระชากไหล่จนหัวซุน         
“แค่นี้แหละ!…พรุ่งนี้ไปเอารางวัลที่หัวหน้าหน่วย”         
“ครับผม”
ทหารหนุ่มทำความเคารพส่งเดชด้วยยังไม่ได้ดึงผ้าคาดตาออก  รอจนเสียงย่ำเท้าหนักๆกับเสียงอุทานอู้อี้ห่างออกไป จึงกล้าดึงผ้าลง  กระนั้นยังทันได้เห็นนายเขาอุ้มร่างบางนั้นไป  โดยมีผ้ารองนอนของเขาพันร่างบางไปด้วย         
ไม่นานนักทหารหน้ากระโจมท่านราชองครักษ์ก็เอาผ้ารองนอนเขามาคืนให้  แม้จะไม่รู้ว่านายเล่นอะไรกัน  แต่เขาก็โล่งใจที่ไม่ต้องแตะหนุ่มต่างชาติหน้าสวยคนนั้น  ถึงจะเสียดายแค่ไหนก็ตาม  แต่เขาก็แน่ใจว่าเขาเพิ่งรอดตายมาอย่างฉิวเฉียด
“นี่ปล่อยนะ! นายพูดแล้วนะว่าจะปล่อยฉันไป ถ้าฉันเล่นตามเกมของนาย”
อองรีดิ้นขลุกขลักอยู่ภายในผ้าห่มที่พันจนหนาแน่น  แต่ดูเหมือนไม่ทำให้คนอุ้มรู้สึกรู้สา         
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”         
“นายเสียสัตย์นี่  พูดแล้วคืนคำได้ยังไง?”         
“หาพยานมาสิอองรี”         
“นาย!”อองรีพูดไม่ออกเมื่อถูกโยนลงบนกองผ้าหนานุ่มบนพื้น ผ้าห่มที่พันตัวมาถุกไคซัคกระชากออกไปส่งให้ทหารยามข้างนอก  อองรีรีบคว้าผ้าบนที่นอนมาคลุมกายไว้แทน  ไคซัคเปลื้องเสื้อผ้าออกจากกายช้าๆอย่างใจเย็น         
“ทำไม?...อยากนอนกับทหารยามจนตัวสั่นเชียวเหรอ...เสียดายมากไหมที่ไม่ได้นอนกับมัน?”         
“นายมันทุเรศ!” อองรีสะดุ้งสุดตัวเมื่อร่างหนาโถมลงทับเขาไว้แน่น มือแข็งเหมือนคีมบีบคางเขาจนเจ็บแปลบ         
“จำใส่หัวไว้ว่าเธอเป็นของฉันเท่านั้น!”  ไคซัคคำรามชิดปากนุ่มแล้วขยี้ด้วยความเกรี้ยวกราด         
“ไค…อื้อ…” อองรีดิ้นพล่านอยู่ใต้ร่างหนา  เรี่ยวแรงค่อยๆหดหายไปเพราะฤทธิ์ฝ่ามือร้อนและปากร้อนผ่าว  ไม่นานร่างบางก็บิดเร่าไปตามแต่มือร้อนจะชักเชิด  เสียงครางกระเส่ายามร่างหนาโหมกระแทกกระทั้นลอยลอดออกมาให้ทหารยามข้างนอกหนาวๆร้อนไปด้วย  กว่าเสียงครวญครางจะสงบก็ทำให้ทหารยามไม่มีใครง่วงลงแม้แต่กะเดียว ............
   
   เนื้ออุ่นจัดจนผะผ่าวที่เบียดเข้ามาหาทำให้ไคซัคตื่นทันทีเพราะนอนไว  ร่างในอ้อมแขนเขาร้อนแต่กลับสั่นสะท้านอยู่ตลอดเวลา  ไคซัคสัมผัสแก้มและซอกคอขาวจนแน่ใจว่าอองรีมีไข้จึงลุกขึ้นจุดเทียนเพื่อค้นยาจากกล่องที่ให้หมอเตรียมไว้ให้  จะว่าไปก็ตรงกับที่คิดว่าอองรีอาจจะเจ็บป่วยได้  เพียงแต่สาเหตุที่ทำให้ป่วยกลับเป็นเพราะเขาไปเสียนี่  มุมปากหนาจุดรอยยิ้มน้อยอย่างภาคภูมิ  ขณะประคองร่างขึ้นพิงอก  แสงจากเทียนส่องหน้านวลให้ดูแดงจัดกว่าปรกติ
   “อองรี...กินยาหน่อยนะ”
   “อื้อ...อย่า...หนาว...”
“ฉันรู้...แต่เธอต้องกินยาก่อน...อองรี”
อองรีเบือนหน้าหนีและพยายามจะซุกลงนอนต่อ  ไคซัคส่งยาเข้าปากตัวเอง  ตามด้วยน้ำแล้วดึงคางมนขึ้นรับยาจากปาก  แม้จะไม่เต็มใจ  แต่อองรีก็จำต้องกลืนยาที่ชายหนุ่มป้อนให้  แถมยังต้องรับจูบหนักหน่วงอยู่ครู่ใหญ่กว่าไคซัคจะยอมปล่อยให้เขานอน  อองรีพลิกตัวหนันหลังให้ทันที แผ่นหลังเปลือยเปล่า  กระทบแสงเทียนผุดผ่องเป็นสีส้ม  นิ้วยาวสากลากไล้แผ่วเบาอย่างอดใจไม่ไหว   ไคซัคก้มลงกัดใบหูนิ่มเบาๆ  อย่างหยอกเย้า  ก่อนจะช้อนร่างบางให้หันกลับมาหา
“อองรี...ยังโกรธฉันอยู่อีกเหรอ?”
“เลิกงอนซะทีเถอะน่า...”   
อองรีนอนนิ่ง  ดวงตาที่หรี่ปรือเมื่อครู่ตื่นเต็มที่  ซ้ำยังเบือนหนีไปจากหน้าไคซัค  นิ้วยาวเกี่ยวคางมนกลับมาสบตากัน  เห็นแววขมขื่นแกมเศร้าก็ใจหาย
“ใจคอจะไม่พูดกันเลยหรือไงหืม?”
“ยังมีอะไรต้องพูดกันอีก  อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ...สักวัน  ผมจะไปจากคุณให้ได้”
“จนป่านนี้แล้ว  ยังคิดว่าเธอจะไปจากฉันได้อีกเหรอ  เธอไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอกอองรี”
“หึ...ก็ให้มันรู้ไป  ว่าคุณจะไม่เผลอ”
“จะบอกอะไรให้นะอองรี  ต่อให้ฉันไม่ควบคุมไว้เธอก็ไม่มีวันไปจากฉันได้หรอก”
“ลองดูสิ  ป่วยแค่นี้ผมไม่ถึงตายหรอก  ถ้าคุณยอมปล่อยผมผมก็จะไปทันที”
“ไม่ว่าตัวเธอจะไปได้ไกลแค่ไหน  แต่หัวใจเธอมันอยู่ที่ฉัน  แล้วเธอจะหนีหัวใจตัวเองพ้นได้ยังไง?”
“พูดบ้าๆ  หลงตัวเองมากไปแล้ว”
“อองรี...เรามาพูดกันดีๆเถอะนะ  ฉันไม่อยากเดินอ้อมอีกแล้ว  ทำไมเราต้องทิฐิใส่กันด้วย  ทั้งๆที่เรารักกันขนาดนี้”
“...โกหก...”
“งั้นเหรอ  เธอนี่ปากแข็ง  แต่ใจเธอไม่ได้แข็งอย่างปากหรอกนะ  ไม่อย่างนั้น  ระหว่างเราคงไม่มาถึงขั้นนี้กันหรอก”
“คุณจะพูดยังไงก็ได้...แต่การกระทำกับคำพูดของคุณมันสวนทางกันตลอด...ทั้งดูถูกทั้งเหยียดหยามสารพัด  ทำกับผมเหมือนผมเป็นไอ้ตัวนี่นะที่คุณว่ารัก”
“อะไรที่ทำให้เธอเข้าใจอย่างนั้น  ฉันแน่ใจว่าไม่เคยดูถูกเธออย่างนั้นแน่”
“แล้วไอ้แหวนนี่...เอ่อ...มัน...ไปไหน?” อองรีใจหายเมื่อพบว่าลำคองว่างเปล่า
“สงสัยจะขาดหายไปแล้ว  เมื่อเย็นฉันเห็นแต่สร้อยคอหล่นอยู่บนที่นอน  แต่ไม่มีแหวน...ช่างมันเถอะเรื่องนั้น  มาพูดเรื่องที่เธอคิดว่าฉันดูถูกเธอก่อนดีกว่า  ว่ามันเกี่ยวอะไรกับแหวน”
“ก็ตอนที่...เจอกันครั้งแรก  คุณให้แหวนผมเป็นค่าตัวที่นอนกับคุณไม่ใช่หรือไง  จะบอกให้นะว่าคนอย่าง...” พูดไม่ทันจบก็สะดุ้งทั้งตัวเพราะไคซัคจับเขาลุกขึ้นเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน  ท่าทางโกรธจัด
“บ้า!  คิดอะไรบ้าๆ  แหวนนั่นน่ะเป็นแหวนตระกูล  เป็นของที่ฉันรักมาก  เธอคิดว่าฉันจะให้ของที่เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลกับคนที่ฉันเห็นเป็นแค่คู่นอนชั่วคราวงั้นเหรอ?”
“...ก็...คุณ...”
“วันนั้นฉันต้องรีบไปดูแลฝ่าบาท  ถึงต้องทิ้งเธอไว้คนเดียว  กลับมาแทนที่จะเจอเธอกลับเจอแหวนโดนปาทิ้งไม่ใยดี  คิดบ้างไหมว่าฉันรู้สึกยังไง?...ทั้งที่ฉันแค้นนักที่เธอกล้าทำอย่างนั้นกับฉัน  แต่ใจฉันมันหยุดโหยหาเธอไม่ได้  ถึงต้องตามไปหาเธอถึงห้อง...แล้วไง?เธอกลับบอกว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นแค่เซ็กส์  คนที่ควรจะโกรธน่าจะเป็นฉันมากกว่า! ทั้งๆที่ฉันจริงจัง...แต่เธอต่างหาก ที่เอาแต่หลบหลีก  รู้ไหมอองรี?...ถ้าฉันเห็นเธอเป็นแค่ไอ้ตัวอย่างที่เธอพูด  ฉันคงไม่ยอมให้เธอหยามฉันขนาดนี้หรอกนะ  ฉันแล่เนื้อเธอเป็นชิ้นๆไปแล้ว  ให้สมกับที่เธอกล้าดูถูกฉัน!”
“ก็...เอ่อ...ผม...”
“ต้องให้ฉันทำยังไงอองรี  ต้องให้ฉันลงไปคุกเข่าให้เธอหรือไงถึงจะยืนยันว่าฉันรักเธอแค่ไหน...หืม? ต้องให้ฉันทำยังไง?”
“หยุดเขย่าผมเสียที  จะบ้าหรือไง...ไม่ต้องทำอะไรขนาดนั้นหรอก  ผมไม่ใช่ผู้หญิงจะได้ให้คุณมาคุกเข่าขอความรัก  ผมแค่อยากให้คุณเห็นผมเป็นคนไม่ใช่ตุ๊กตา  ไม่ใช่ทาสที่จะสั่งให้ทำโน่นทำนี่  สิ่งที่คุณทำกับผมมันไม่เหมือนรักแต่มันเหมือนผมเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของคุณเสียมากกว่า”
“...งั้นเหรอ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าต้องทำยังไง  เพราะตั้งแต่เกิดมาฉันก็ไม่เคยรักใครเสียด้วย...เอาเป็นว่าถ้าเธออยากให้ฉันทำยังไงก็บอก  ฉันจะได้ทำตัวถูก”
อองรีเหลือกตาขึ้นมองเพดานแล้วถอนใจเฮือกอย่างฉุนๆ  อยากจะพูดแรงๆให้หน้าหงายแต่เห็นสีหน้าจริงจังของไคซัคแล้วก็พูดไม่ออก
“...แค่คุณอย่าบังคับผมก็พอแล้วมั้ง”
“ตกลง...ฉันจะไม่บังคับเธอก็อีกแล้ว  ฉันสัญญาเลย”
“ดี  งั้นพรุ่งนี้ส่งผมกลับ”
“ตกลง”
อองรีนิ่งงันไปชั่ววินาทีด้วยไม่คิดว่าไคซัคจะรับปากง่ายๆขนาดนี้  ชักไม่แน่ใจว่าไคซัคจะมีแผนอะไรอีกหรือเปล่า  แล้วก็จริงดังคาด
“แต่ต้องไปแวะที่บ้านฉันก่อนนะ  เห็นว่าซ่อมแซมเสร็จแล้ว  พักที่นั่นสักคืนสองคืนก่อน”
“ไหนว่าจะตามใจผมไง?”
“อ้าว! ก็ตามใจไง  เธออยากกลับเราก็กลับ  ฉันแค่แวะทำธุระนิดหน่อยเท่านั้น  น่า...บ้านฉันน่าอยู่ออก  รับรองว่าเธอต้องชอบพรุ่งนี้เราเดินทางกันเลย”
ไคซัคยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์ขณะจ้องมองหน้ามุ่ยๆของอองรีอย่างพอใจ  แม้ว่าจะไม่ได้ยินคำบอกรักตอบจากอองรี  แต่เขามั่นใจว่าอีกไม่นานอองรีต้องเป็นฝ่ายบอกเขาเอง
............   


ขอบคุณที่ติดตามคะ :pig4:


สำหรับเรื่องใหม่ของคุณใบปอ เทียนฉินจะนำมาลงให้อ่านแน่นอนคะ รับประกันความสนุกคะ  :z2:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ไนท์น่าร๊ากที่สุดอ่ะตอนนี้ อิอิ ชีคขี้วีนของนายแจ๊ค >.<

raruruz

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ด อองรีกะไคซัค ไปๆมาๆเชียร์คู่นี้มากกว่า  :z1:
รอรวมเล่มอยู่นะคะ

วันนี้ก็นึกอยู่ว่าจะมาต่อไหม 

เดี๋ยวไปทำงานต่ออย่างแฮปปี้ 

underscoreONES

  • บุคคลทั่วไป



ใจหายหมดเลย นึกว่าทิฐิจะทำให้ไคซัคกับอองรีต้องเสียใจกันไปมากกว่านี้ซะแล้ววววว   ดีกันเถอะนะ เข้าใจกันซักทีเถอะน๊าาาา


ท่านชีคก็ด้วย เลิกล้อเล่นกับหัวใจนายแจ็คเถอะ  :o12:


Little Devil

  • บุคคลทั่วไป

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
2 คู่......เรียกเลือดกันเลยทีเดียว
ขอบคุณค่า

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
หวานๆๆๆๆทั้งสองคู่เลย  :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ไคซัคกับอองรีก็เข้าใจกันไปมากแล้ว
ลุ้นคู่ของแจ็คกับไนท์ต่อ ว่าเมื่อไรจะหวานชื่นเต็มร้อย

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากนะคะ
รอเรื่องใหม่ด้วยค่ะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
โอ๊ยย :m25: :m25:ไม่ไหวๆ อ่ะ ตอนที่แจ๊คแสดงออกถึงความรักโดยการก้มลงไปจูบเท้าเราแทบกรี๊ดแน่ะ
สุดๆเลย ซาบซึ้งดื่มด่ำอ่ะ
คู่ของอองรีกะไคซัคก็ให้รสชาดเข้มข้นดี สนุกมากค่ะ ขอบคุณค่ะคนแต่งและคนโพสต์ o13 :pig4:

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
 :m25:    เลือดพุ่งกันอีกรอบ  หวานชื่นกันแล้วววววว  อ่านอีกๆๆๆๆ  ชอบจริงๆเลย

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
 :m25:  ละลายเลยตอนนี้



ออฟไลน์ iNklaNd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้
ดีใจที่หลวมตัวเข้ามาอ่าน เพราะสนุกมากกกกกกกกกก  o13

กำลังอยากอ่านพล็อตเรื่องที่ชีคเป็นฝ่ายรับอยู่พอดี
เพราะกี่เรื่องๆ ก็มีแต่ชีคที่เป็นฝ่ายรุก

อีก 2 เรื่องก่อนหน้านี้ยังไม่ได้อ่านเลย
เดี๋ยวจะไปอ่านให้ครบ

ขอบคุณคุณเทียนฉินที่นำมาโพสต์
และคุณใบปอคนแต่งมากๆ น้าาาา

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
ขอบคุณครับ มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปในทางที่ดีแล้วนะ

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
อย่างงี้ก้อ สองคู่ชูชื้น อ่ะ ดิ

หวาน แบบนี้ คราวหน้า ได้กลิ่น พายุเข้า

 :fire:

raruruz

  • บุคคลทั่วไป
“มองผมสิครับ…ผมไม่จำเป็นต้องมีศักดิ์ศรีกับคนที่ผมรัก  ผมมีแต่หัวใจกับชีวิต  ผมให้คุณไปหมดแล้ว  อยู่ที่คุณว่าจะเก็บไว้หรือจะโยนทิ้ง”


ประทับใจกับคำนี้สุดๆอยากให้มีคนมาพูดแบบนี้กับเรามั่งจัง

KriT_SuN

  • บุคคลทั่วไป
 o13 แหวนหายไปแล้วจิง ๆ เหรอ สงสารแหวน เปนของล้ำค่าเลยนะนั่น แหะ ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เข้ามารอ  :กอด1:

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
มารอค่ะ

คาดว่า พายุจะเข้า  o18

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
มาต่อแล้วคะ ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ มาลุ้นกันว่ากำแพงศักดินานี้จะถูกทำลายได้ไหม

............

อองรีกลิ้งผลไม้ในถาดเล่นอย่างเบื่อๆ  ไคซัคออกไปที่กระโจมสื่อสารเพราะมีข่าวบางอย่างและหายไปนานหลายชั่วโมงแล้ว           
“ขออนุญาตครับผม” เสียงขออนุญาตดังอยู่หน้ากระโจม อองรีกระชับเสื้อคลุมให้มั่นใจว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อยจึงอนุญาต  ทหารยามเข้ามาพร้อมกับวางวัตถุบางอย่างบนโต๊ะ         
“เอามาจากไหน?”         
“ทหารยามข้างนอกเอามาให้ครับผม”         
“ให้เขารอก่อนฉันจะออกไปพบ”         
“ท่านสั่งไม่ให้คุณออกไปไหนครับผม”         
“งั้นก็ให้เขาเข้ามาก็ได้”         
“ที่นี่เป็นเขตที่พักส่วนตัวของท่านราชองครักษ์  ให้เข้ามาไม่ได้ครับผม”         
“อ้าว!แล้วจะเอายังไง  ออกไปก็ไม่ได้  ให้เข้ามาก็ไม่ได้?”อองรีอุทานด้วยความฉุน  ไม่รู้ว่าจะห้ามอะไรกันนักหนา  ทำยังกับเขาเป็นอาชญากรก็ไม่ปาน         
“ไม่ได้จริงๆครับผม”         
“งั้นฝากบอกเขาแล้วกันว่าขอบใจมาก  อ้อ!ฝากนี่ให้เขาด้วย” อองรีวิ่งไปหยิบมีดที่เขาถือติดมือมาคืนให้พร้อมกับเงินที่ติดตัวเขามาจำนวนหนึ่ง  ทหารยามทำหน้าลำบากใจแต่ก็ยอมนำออกไป
อองรีหยิบแหวนเพชรขึ้นมาอย่างยินดี  เขาเกือบตัดใจอยู่แล้วตอนที่รู้ว่ามันขาดหายไป  แหวนวงนี้ไคซัคให้เขาเมื่อมีความสัมพันธ์กันครั้งแรก  จำได้ว่าเขาโมโหและหลบหน้าคนป่าเถื่อนอยู่หลายวันจนไคซัคตามไปลากตัวเขาถึงห้อง  ความจริงหากไคซัคบอกเขาแต่แรกว่าให้ด้วยความเสน่หาเขาคงไม่โมโห แต่นี่เล่นวางไว้ให้แบบนั้นมันเหมือนเป็นค่าตัวที่เขานอนด้วย  เป็นใครก็เดือด
“ดีใจมากนักเหรอที่มันมาหา” อองรีสะดุ้งเมื่อจู่ๆร่างสูงก็ถึงตัว แถมยังเขย่าเขาเสียหัวสั่นหัวคลอน
“นี่ปล่อยผมนะ  ผมเจ็บ” อองรีอุทานออกมาอย่างตกใจและงุนงง  ไม่เข้าใจว่าทำไมไคซัคกลับมาทำอย่างนี้อีก  ในเมื่อที่ผ่านมาก็ได้ปรับความเข้าใจกันดิบดีแล้ว
“เจ็บเป็นด้วยเหรอ นึกว่าชอบแรงๆแบบนี้เสียอีก?” ไคซัคคำรามชิดหน้านวลอย่างเดือดดาล เขาผลุนผลันมาทันทีที่ทหารยามไปรายงาน         
“นี่คุณเป็นบ้าหรือไงจู่ๆก็มาเขย่าๆผมแบบนี้นะ?”
“แล้วเธอส่งอะไรให้ชู้รักล่ะ?”         
“บ้าเหรอ! เขาเอาแหวนมาคืน ผมก็ให้เงินเขา”         
“โกหก! เธอให้สัญญากับมันด้วยคนของฉันบอกหมดแล้ว”         
“สัญญาบ้าบออะไร?”อองรีเบิกตากว้างอย่างงุนงง แต่ไคซัคกลับตาลุกเรืองอย่างโกรธเกรี้ยว         
“แล้วเธอให้อะไรมันล่ะนอกจากเงิน”         
“ไม่นี่…อ้อใช่! ผมคืนมีดให้เขา”         
“นั่นไง!”         
“หมายความว่าไง ‘นั่นไง’ ของคุณ?”         
“ก็เธอส่งสัญญาณรักมั่นเสียขนาดนั้นแล้วยังตอแหลอีกเหรอว่าไม่ได้ทำอะไร?”         
“โอ้ย!..นี่ปล่อยผมนะ  ผมคืนมีดให้เขานี่มันสัญญาณบ้าบออะไรอีก”         
“คืนมีด?”
“ใช่…คืนนั้นผมกลัว...เอ้อ...ผมหยิบมีดเขามาดูเล่น แต่คุณไปเอาตัวผมมากะทันหัน มีดมันก็เลยติดมาในผ้าห่ม  พอเขาเอาแหวนมาคืน ผมก็คืนมีดให้เขาไปนะสิ”         
ไคซัคทำหน้าชอบกล  แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยไหล่บางเป็นอิสระ  อองรีลูบบ่าป้อยด้วยความเจ็บ         
“ธรรมเนียมของเรา  การแลกมีดระหว่างชายหญิงถือเป็นการสัญญาหมั้นหมาย  แต่ถ้าเป็นชายด้วยกันถือเป็นการสาบานว่าจะเป็นมิตรต่อกันจนตาย”ไคซัคอธิบายเรื่อยๆเมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้ว         
“แล้วไงคิดว่าผมจะสัญญาว่าจะเป็นมิตรกับเขาจนตายนี่ต้องมาเขย่าคอผมด้วยเหรอ?”         
“ฉันคิดว่าเธอสัญญาหมั้นหมายกับมันต่างหาก” ไคซัคตอบยิ้มๆด้วยอารมณ์ดีขึ้นเยอะเมื่อรู้ว่าเข้าใจผิด
“บ้าสิ!ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ อย่าดูถูกกันให้มากนัก” หน้าขาวแดงแจ๊ดด้วยความโกรธ  ไคซัคคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้อย่างรวดเร็ว         
“ฉันไม่เห็นรู้สึกว่าเธอเป็นผู้ชาย”ไคซัคซุกไซ้ซอกคอขาวเบาๆ         
“ลองไหมล่ะ  ผมทำให้คุณได้แบบที่คุณทำกับผมนั่นแหละ  ผมมีประสบการณ์มาพอตัวเชียวล่ะ ก่อนที่จะมาเจอกับคุณ…โอ้ย…”อองรีร้องลั่นเพราะคางถูกบีบจนเจ็บ  มือแข็งดึงแก้มนุ่มมาจนชิดและคำรามใส่ด้วยเสียงกร้าว         
“อย่าพูดถึงคนอื่นอีก  เธอเป็นของฉันแล้วห้ามคิดถึงคนอื่น จำไว้”         
“ไค…อือ…” อองรีพูดไม่ออกเพราะถูกปากร้อนๆขยี้ปากนุ่มจนช้ำ  ร่างบางถูกกดจมบนกองผ้าด้วยร่างหนาหนัก  ไม่นานเสียงครางก็ลอดออกมาข้างนอก  ยังดีที่คราวนี้ทหารยามถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ห่างเกินกว่าจะได้ยิน
                    ............

แจ็คตรวจดูข้าวของจนแน่ใจว่าไม่ลืมอะไรแล้วจึงขึ้นไปบนบ้าน 
บนเตียงนอนว่างเปล่า...แต่มีเสียงฝักบัวลอดออกมาจากห้องน้ำแว่วๆ ชายหนุ่มจัดเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาวางไว้ให้ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องน้ำเปิดออกมาพอดี         
“หายไปไหนมาแต่เช้า?” ไนท์เดินมานั่งบนเตียงส่งผ้าขนหนูให้แจ็คเช็ดผมให้  แจ็คก้มลงสูดดมผมหอมเบาๆแล้วเช็ดต่อ
“ผมไปเตรียมเรือมาครับ”
“จะไปไหน?”
“พาคุณไปเที่ยวไงครับ”
“เที่ยว?...ที่ไหน?”
แจ็คพาดผ้าขนหนูบนราวแล้วหันกลับมาหลิ่วตาให้อย่างขี้เล่น
“ความลับครับ บอกก็ไม่ตื่นเต้นสิ”
ไนท์ไหวไหล่แต่ก็ยอมแต่งตัวโดยดี  ทั้งที่รู้ดีว่านี่เป็นเรื่องเสี่ยงไม่น้อยที่เดินทางโดยไม่ได้บอกให้เหล่าองครักษ์รู้ หากคาดคั้นให้แจ็คบอกโดยอ้างความปลอดภัยแน่นอนว่าแจ็คต้องบอกแน่ แต่ไนท์ไม่ต้องการให้แจ็คเสียความรู้สึก และไม่อยากให้บรรยากาศดีๆในเวลานี้กร่อยลง           
แจ็คขับเรือพาเขาออกทะเลอย่างชำนาญ  ไนท์นั่งหัวเรือปล่อยให้ลมตีจนผมปลิวไสว  นี่อาจเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งในชีวิตที่เขาได้ทำตัวสบายๆโดยไม่ต้องมีสายตาของเหล่าองครักษ์คอยจ้องมอง  แต่...ก็ใช่จะเป็นอิสระเสียทีเดียว ชีคหนุ่มอมยิ้มเมื่อเหลือบไปเห็นสายตาละห้อยที่มองอย่างอ้อนวอนผ่านกระจกห้องเคบิลออกมา  ไนท์ลุกเดินเอื่อยๆเข้าไปข้างใน  พออยู่ในระยะที่คว้าถึงแจ็คก็ไม่รั้งรอที่จะดึงเขาเข้าไปกอดไว้แน่น
“อะไรอีกละ?”
“ไปยืนทำไมครับหัวเรือ  ลมแรงออก  มาอยู่กับผมในนี้ดีกว่า  อุ่นอกอุ่นใจกว่าตั้งเยอะ”
“หึ...ใครอุ่นใจ?”
“ผมไงครับ...”  แจ็คตอบพร้อมกดจมูกลงบนแก้มเนียนหนักๆ  กลิ่นหอมอ่อนเบาที่ติดตรึงไปจนถึงในฝันชวนให้กดจมูกซ้ำ  ไนท์เบี่ยงหน้าหนีแต่ไม่พ้นสักทีจนอ่อนใจต้องปล่อยให้แจ็คหากำไรจนพอใจนั่นแหละ  ถึงได้ยอมปล่อยให้เขายืนพิงอกสบายๆ  แม้ระหว่างนั้นจะไม่มีใครพูดอะไร  แต่ความรู้สึกอ่อนหวานลึกซึ้งก็ถ่ายทอดถึงกันผ่านความเงียบและอ้อมกอดอันอบอุ่น
เพียง20นาทีเรือก็ลอยลำอยู่ไม่ห่างจากเกาะเล็กๆกลางทะเลมากนัก  แจ็คทอดสมอแล้วหิ้วอุปกรณ์ดำน้ำมาส่งให้         
“ปะการังที่นี่สวยมากเลยครับ มีปลาหายากให้ดูด้วย  แล้วที่พิเศษสุดๆเราอาจได้ไข่มุกดำที่แสนจะหายากติดมือไปก็ได้ถ้าเราโชคดีพอ”
“ทำไมต้องรอโชค?”
“เพราะที่นี่เคยมีไข่มุกดำมากสมัยก่อน แต่หลายปีแล้วที่ไม่มีใครเจอมันอีก”
“แปลว่าถ้าเราไม่ได้ไข่มุกดำก็เท่ากับมาเสียเวลาเปล่าสิ?” ไนท์แกล้งถามสีหน้าจริงจัง  นึกขันที่ได้เห็นแจ็คหน้าเก้อ  ลูบต้นคอไปมาอย่างอึดอัด
“ผมว่าแค่ปะการังกับปลาก็คุ้มค่าแก่การลงไปแล้วครับ...ที่นี่ปะการังสวยมากนะครับ...แต่ถ้าคุณไม่ชอบ...เอ่อ...”
“ฉันล้อเล่นน่า...คิ้วจะเป็นปมอยู่แล้ว” ปลายนิ้วยาวลูบหัวคิ้วขมวดของ แจ็คล้อๆ  แจ็คหัวเราะออก  คว้ามือขาวมาจูบปลายนิ้วอย่างแสนรัก  ไนท์มองตามด้วยสายตาอ่อนโยน
“ไปดำน้ำกันดีกว่า”
“มาครับผมช่วย”แจ็คกุลีกุจอยกถังออกซิเจนใส่หลังให้ไนท์  แล้วจึงสวมให้ตัวเอง  จากนั้นก็ทิ้งตัวลงสู่ผืนน้ำใสแจ๋วเบื้องล่าง
หมู่ปลาสีสดว่ายน้ำผ่านไปราวกับมนุษย์สองคนที่ดำผ่านพวกมันเป็นปลาเหมือนกัน  ไนท์มองตามอย่างขันๆเมื่อแจ็คพุ่งสู่กลางฝูงปลาขนาดเล็กจนมันตกใจว่ายหนีแตกฮือ   แจ็คว่ายตีวงกลับมาหาแล้วกวักมือให้ไนท์เข้าไปหา  พอไนท์เข้าไปใกล้ก็คว้าไหล่บางไว้ ชะโงกเข้ามาทำเหมือนจูบผ่านหน้ากากออกซิเจน  ถึงจะไม่ได้สัมผัสกันจริงๆ  แต่ไนท์กลับรู้สึกอุ่นๆในใจจนต้องแก้เก้อด้วยการจิ้มหน้า ผากแจ็คแรงๆ  แจ็คคว้าข้อมือเล็กฉุดให้ว่ายต่ำลงไปเพื่อดูปะการังสีสดเบื้องล่าง
ดอกไม้ทะเลสีสดแข่งกันบานสล้างแต่เมื่อมีมนุษย์โฉบเข้าใกล้มันก็หุบหายวับอย่างน่าขัน  ไนท์ถูกดึงให้ว่ายลัดเลาะไปตามช่องหินอย่างเพลิดเพลิน  จู่ๆแจ็คก็หยุดลอยตัวนิ่งๆแล้วให้สัญญาณไปด้านข้าง ไนท์มองตามแล้วชะงักกึกเมื่อเห็นสิ่งที่แจ็คชี้ให้ดู  ฉลามขาวตัวหนึ่งว่ายผ่านไปในระยะไม่ห่างนัก  ไนท์ผงะหนีแต่แจ็ค เลื่อนตัวมาประชิดและยึดเขาไว้แน่น  เมื่อฉลามตัวนั้นว่ายกลับมาสำรวจแถวนั้นอีกครั้งแจ็คก็โผว่ายตามมันไปราวกับเป็นเพื่อนร่วมฝูง  มันว่ายวนเวียนอยู่ครู่เดียวก็ผละออกห่าง  ไนท์ค่อยๆผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก  และอดทึ่งในความบ้าบิ่นของแจ็คไม่ได้ 
แจ็คให้สัญญาณให้ไนท์ขึ้นก่อนแล้วดำดิ่งลึกลงไป  ชีคหนุ่มลอยตัวขึ้นเหนือน้ำแล้วปีนขึ้นไปบนเรือ  พักใหญ่กว่าที่แจ็คจะโผล่ขึ้นมา
“ทำไมนานจัง? ฉันกำลังจะไปตามอยู่พอดี” ไนท์ถามด้วยความเป็นห่วงขณะที่ช่วยรับมือแจ็คดึงขึ้นมา  แจ็คยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวตัดกับหน้าคล้ำๆ  ดวงตาเป็นประกายพราวอย่างมีความสุข  ชะโงกเข้ามาจูบปากบางอย่างรวดเร็ว
“ดีใจจังที่คุณห่วงผม”
ไนท์มองหน้าทะเล้นอย่างหมั่นไส้  และบีบจมูกโด่งแรงๆ  แจ็คร้องโอดโอยราวกับเจ็บปวดนักหนา แต่พอเห็นไนท์ยืนกอดอกมองเฉยก็ได้แต่ทำหน้าจ๋อย วางหอยตัวใหญ่ลงบนพื้นเรือเพื่อปลดถังออกซิเจนออกจากไหล่
“แล้วนั่นอะไร?”
“หอยมุก  ผมเลือกตัวที่ใหญ่ที่สุดมาเลยนะเนี่ย”
“จะเอามันมาทำไม?”
“ผมว่าวันนี้ผมอาจเป็นคนโชคดีได้ไข่มุกดำให้คุณเป็นที่ละลึกไง”
แจ็คโอ่ยิ้มๆรีบอุ้มเจ้าหอยตัวโตไปยังท้ายเรือ  ครู่เดียวก็เดินมายืนหน้าจ๋อยอยู่ข้างๆ
“ไหนละมุกสีดำ ฉันรออยู่เชียวนะ”ไนท์แกล้งถามยิ้มๆ
“ได้มุกครับ แต่มันไม่ใช่สีดำ” แจ็คแบมือที่ไพล่หลังออกให้ดูมุกเม็ดเล็กแวววาวสีขาวอมชมพูนิดๆ
“แล้วก็เม็ดเล็กนิดเดียว แหม...เจ้าหอยนั่นตัวเบ้อเร่อ แต่ดันให้ไข่มุกเม็ดนิดเดียวเอง”
“ก็สวยดีออก  น่าอย่าไปคิดมาก”
ไนท์รับมุกเม็ดเล็กมาใส่กระเป๋าเสื้อ  ก่อนจะดึงคางระคายเข้ามาจูบเบาๆเป็นการขอบคุณ  แจ็คได้ทีไล่ปากตามติดแนบจูบดื่มด่ำอยู่พักใหญ่กว่าจะยอมปล่อย
“ว่าแต่ฉันชักหิวแล้วสิ”
“งั้นเราไปพักทานมื้อกลางวันที่เกาะกันนะครับ”
แจ็คพาเรือเข้าเทียบฝั่งก่อนจะยกตะกร้าปิกนิกนำลงไปก่อน ไนท์กวาดตามองไปรอบๆ เกาะขนาดเล็กมีต้นไม้ขึ้นประปรายเงียบสงบและปราศจากผู้คน  และยากแก่การหลบซ่อนหากมีเหตุฉุกเฉิน
“เราจะทานมื้อเที่ยงกันที่นี่เหรอ?”
“ครับ…มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เปล่า…ก็แค่ถามดู มีอะไรมาบ้างล่ะ?”
แจ็คจัดอาหารลงบนผ้าปูรองอย่างรวดเร็ว แต่ในใจยังครุ่นคิดถึงสีหน้าของไนท์เมื่อครู่  มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ไนท์ไม่บอกเขา
หลังอาหารไนท์ก็ออกเดินสำรวจรอบๆเกาะ  ส่วนแจ็คเอาตะกร้าและของขึ้นไปเก็บบนเรือ
“ขึ้นมาเถอะครับ…เดี๋ยวเราจะไปดูพระอาทิตย์ตกไม่ทัน”
“ตลกน่าแจ็คนี่เพิ่งเที่ยงจะไปดูพระอาทิตย์ตกไม่ทันได้ยังไง”
“ก็ที่ที่ผมจะพาคุณไปมันอยู่ไกลจากที่นี่ตั้งเยอะนะครับ  แต่รับรองครับว่าสวยจนคุณลืมไม่ลงแน่ๆ”
“งั้นเชียว”
“จริงๆนะครับ มาเถอะ”
ไนท์ยอมขึ้นเรือตามคำชวน  แจ็คเดินไปยังห้องเครื่องเพื่อสตาร์ทเรือ  แต่กลับชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นเรือเร็วลำหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว  สัญชาติญาณทำให้แจ็ควิ่งกลับไปที่หัวเรือ  แล้วกระชากร่างบางให้ล้มลง...แต่ช้าไปเสี้ยววินาที เปรี้ยงๆๆๆ!!!
เสียงปืนดังระรัวพร้อมๆกับอาการเจ็บแปลบที่สีข้าง แจ็คกระชากโต๊ะ ปิกนิกลงมาบังกระสุนไว้ทันท่วงทีก่อนที่กระสุนชุดที่สองจะสาดมาถึง           
“บัดซบ! แกได้เห็นดีกันแน่  แจ็ครออยู่นี่นะ” ไนท์ตวาดออกมาเป็นภาษาอาหรับอย่างลืมตัว ร่างเพรียวพุ่งปราดไปยังเคบิลก่อนที่แจ็คจะห้ามทัน เป็นจังหวะเดียวกับที่เรือเร็วเทียบมาที่ท้ายเรือ  ชายฉกรรจ์หลายคนโดดขึ้นมาบนเรือแล้วกระจายกันโจมตีอย่างรวดเร็ว  เมื่อไนท์โผล่ออกมาจากห้องเครื่องมันก็สาดกระสุนเข้าใส่ทันที     
ร่างบางทิ้งตัววูบลง  กระสุนร้อนๆพุ่งผ่านไปชั่วเสี้ยววินาที และทันทีที่ตั้งหลักได้เสียงปืนก็แผดก้องสวนกลับไป ร่างหนาล้มโครมลงโดยไม่มีเสียงร้อง  กระสุนจากลำกล้อง Desert Eagle.357 เจาะทะลุกลางดั้งจมูกยุบหายไปรูเบ้อเริ่ม แต่กะโหลกด้านหลังแหว่งหายไปทั้งแถบ  ไนท์ไม่ได้รอดูผลงานแต่กลิ้งหลบเข้าไปในเคบิลเรือ  เสียงกระสุนถากขอบประตูจนไม้กระจายฟุ้ง  ไนท์ยิงตอบโต้ขณะถอยหนีไป  แต่ต้องชะงักกึกเมื่อโผล่ออกไปด้านข้างกราบเรือแล้วประจันหน้ากับมือปืนทั้งสองคน  พวกมันต่างจ้องปืนมาที่เขา  หนึ่งในสองแสยะยิ้มอย่างพอใจ เสียงกุกกัก ที่หัวเรือก็เรียกให้อีกคนวิ่งไปทันที  ไนท์เหลือบมองตามด้วยความห่วงแจ็ค
“อ๊ะๆ...อย่ามัวแต่ห่วงคนอื่นดีกว่า…วางปืนลงเดี๋ยวนี้แล้วนอนคว่ำหน้าลงกับพื้น...ช้าๆนะท่านชีค ไม่อย่างนั้นสมองกระจุยแน่”
ไนท์ก้มลงวางปืนลงช้าๆ ขณะที่มันขยับเข้ามาเตะปืนออกไปไกล ทันทีที่มือถึงพื้น ไนท์ก็ตวัดส้นเท้าข้ามศีรษะไปกระแทกกลางศีรษะของร่างหนา  มือปืนร่างยักษ์ร้องลั่น เซถลาไปด้านหลัง  ร่างเปรียวพุ่งตามติด มีดคมกริบที่น่องถูกกระชากติดมือปราดและเสือกเข้าใส่สุดแรง  มันสะดุ้งเฮือกทั้งตัว  ก่อนจะทรุดลงกับพื้น ใบมีดคมกริบเสียบทะลุลำคอมิดถึงด้าม  เลือดสีคล้ำฉีดพุ่งออกมาขณะที่มันคว่ำโครมลงกับพื้น
ไนท์เหลือบมองแวบเดียวขณะก้มลงหยิบปืนแล้วพุ่งไปยังหัวเรืออย่างร้อนใจ  แต่ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างนัก  มือกุมอยู่ที่สีข้าง  เลือดเปียกมือจนชุ่มบางส่วนไหลหยดลงสู่พื้น  ที่หัวเรือมือปืนอีกคนนอนกลิ้งอยู่กับพื้นสลบเหมือด  มีเก้าอี้ที่อยู่ในสภาพพังยับกลิ้งอยู่ไม่ห่าง
“เป็นไงบ้าง?”
“ไม่เป็นไรครับโดนเฉียดๆเท่านั้น”
“เอาผ้านี่ห้ามเลือดไว้  เดี๋ยวกลับไปทำแผลที่บ้านพัก” ไนท์ล้วงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าส่งให้  แจ็ครับไปกดไว้กับแผลด้วยสีหน้าเรียบๆเหมือนไปไม่สะดุ้งสะเทือนกับบาดแผลที่ได้รับ
“ผมขับให้นะครับ”
“อย่าทำเก่งนักเลย…เจ็บออกขนาดนี้แล้ว ไปนั่งพักเถอะเดี๋ยวฉันขับเองได้…มาสิ”
“ครับ” แจ็คเหลือบมองร่างที่นอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นนิดหนึ่งก่อนจะเดินตามเข้าไปข้างใน ไนท์กำลังพูดโทรศัพท์อยู่พอดี
“กำลังจะไปที่บ้านพักส่งหมอมาด้วย” ไนท์วางโทรศัพท์ลงแล้วหันมาเลิกชายเสื้อเชิ้ตของแจ็คขึ้นสูง  รอยกระสุนถากไปก็จริง แต่...หากวิถีกระสุนเบนเข้ามาอีกนิด...นั่นหมายถึงกลางอกของแจ็คพอดี
“ขอบใจมากที่ช่วยฉัน แต่ทีหลังอย่าทำตัวเป็นฮีโร่แบบนี้อีกนะ คราวหน้าเธออาจไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้”         
“นี่ยังมีคนตามล่าคุณอยู่อีกเหรอครับ?”         
“ฮื่อ”         
“พวกมันรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่?...อย่างนี้แสดงว่ามันรู้ทุกการเคลื่อนไหวเราเลย...ผมนึกว่าไม่มีอะไรแล้วเสียอีก...มันเรื่องอะไรกันแน่?...”
“...”
แจ็คมองปากบางที่เม้มสนิท  แววครุ่นคิดทำให้เขาค่อยๆรู้สึกตัว ที่ผ่านมา เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไนท์เลยสักอย่าง เพราะไนท์ไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับ ตัวเองเลย  คงเป็นเพราะ...เขาไม่น่าไว้ใจหรือไม่  เขาก็ไม่สำคัญพอที่จะรู้
“ขอโทษ...ผมไม่ควรถาม” แววตาของแจ็คทำให้คนมองใจหาย  ในอกวาบลึกด้วยรับรู้ถึงความเจ็บปวดของชายหนุ่ม  น้ำเสียงของไนท์จึงอ่อนลงจนแทบเป็นง้องอนอย่างไม่รู้ตัว
“...ฉันเองก็ไม่แน่ใจ  ศัตรูของฉันมีมากเกินกว่าที่เธอจะนึกถึง”
“ถึงกับต้องตามฆ่ากันเชียวเหรอครับ?...แค้นอะไรกันนักหนา...”         
“ต่อให้ไม่มีความแค้นอะไรกัน แต่ถ้าฉันตายก็ต้องมีการหาตัวผู้ที่เหมาะ สมจะมาเป็นรัชทายาทแทน...ซึ่งก็มีคนรออยู่ไม่น้อย” ไนท์ไหวไหล่ราวกับสิ่งที่พูดไม่สลักสำคัญแต่สีหน้าคนฟังซีดสลดจนชีคหนุ่มหงุดหงิด
“ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่บอกผม  ผมจะได้ไม่พาคุณออกมาตามลำพังแบบนี้  หรืออย่างน้อยก็แจ้งให้องครักษ์ของคุณรู้ก่อนก็ยังดี”         
“กลัวจะรับผิดชอบไม่ไหวหรือไงแจ็ค?”
“ผมไม่ได้กลัวที่จะต้องรับผิดชอบ  แต่กลัวคุณได้รับอันตรายต่างหาก”         
“ฉันเอาตัวรอดได้น่า นี่ก็คอยระวังอยู่แล้ว”         
“แต่คนระวังกับคนจ้องทำร้ายมันต่างกันนะครับ  คนระวังอาจพลาดเข้าสักวันจนได้”  แจ็คยั้งปากไว้ไม่อยากพูดถึงครั้งที่ไนท์พลาดเสียจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดด้วยซ้ำ  แต่ถึงไม่พูดไนท์ก็นึกไปถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นเช่นกัน  ชีคหนุ่มรู้สึกอายจนพาลโกรธ
“อย่าจุกจิกไปหน่อยเลยน่า เรื่องแค่นี้เอง”         
“มันอาจเป็นเรื่องเล็กสำหรับคุณแต่สำหรับผมมันเรื่องใหญ่  ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก  ไม่สิ...ต้องไม่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด”
“ทำยังกับเธอห้ามไม่ให้พวกนั้นมาตามฆ่าฉันได้อย่างนั้นแหละ”
“ถึงผมห้ามพวกมันไม่ได้แต่ผมป้องกันได้  ต่อไปนี้ผมจะไม่พาคุณไปไหนโดยไม่บอกให้คนของคุณรู้อีกแล้ว  อย่างน้อยคุณก็ควรมีคนคอยดูแลใกล้ชิด”
“ไม่มั่นใจในตัวเองเลยเหรอแจ็คว่าคุ้มครองฉันได้”
“ผมมีแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น  ถ้าพวกมันยกโขยงกันมามากกว่านี้ล่ะ ถึงผมตายผมก็ต้องแน่ใจว่าคุณต้องปลอดภัยผมถึงจะตายตาหลับ”
 ไนท์ยิ้มเฉยเสียไม่ตอบโต้เพื่อไม่ให้แจ็คโมโหไปมากกว่านั้น

............      

ออฟไลน์ tianqin

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
.....

เมื่อกลับไปถึงบ้านพักที่เกาะหมอและองครักษ์มารออยู่ที่ท่าเรือแล้ว   แจ็คถูกประคองเข้าไปข้างในเพราะเขาไม่ยอมนอนไปในเปลหาม         
“ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้างกระหม่อม?”อามิลปราดเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล         
“เราไม่เป็นไร  แต่แจ็คช่วยเราก็เลยได้รับบาดเจ็บ”         
“เป็นความผิดของกระหม่อมเองที่บกพร่อง”
“คนจ้องอยู่แล้วกับคนระวังมันก็มีโอกาสพลาดอย่างนี้แหละ...”ไนท์ชะงักเมื่อรู้ตัวว่าเขาเอาคำพูดใครมาใช้  แม้แต่อามิลยังทำหน้าชอบกลเมื่อได้ฟัง  นี่ไม่ใช่ปรกติวิสัยของชีครามิล  ผู้เกลียดความผิดพลาดเป็นที่สุด
“แต่กระหม่อม…”
“ช่างเถอะ เราจะเข้าไปดูแจ็คก่อน”
“กระหม่อม”
แจ็คถอดเสื้อนั่งอยู่กลางห้องรับแขก  หมอกำลังพันผ้าพันแผลให้
“เป็นไงบ้างหมอ?”         
“กระสุนถากไปกระหม่อม  เสียเลือดไม่มาก แต่คืนนี้อาจมีไข้ กระหม่อมฉีดยาให้แล้ว และจะจัดยาแก้ปวดลดไข้ไว้ให้ ขอฝ่าบาทโปรดวางพระทัย”
“ขอบใจมากหมอ”
ไนท์มองคนเจ็บนิ่งทั้งที่นึกขันสีหน้าเคร่งเครียดของแจ็คเต็มที  รอจนหมอถวายคำนับแล้วออกไปแล้วนั่นแหละถึงได้ทรุดลงนั่งข้างๆ นิ้วยาวแตะที่รอยแผลเป็นเกือบกลางอกของแจ็คเบาๆ
“ว่าจะถามตั้งหลายครั้งแล้ว  รอยแผลนี่?…”
“เมื่อสองปีก่อนมีเรื่องกับคนที่เกาะคู่แฝด  ก็เลยโดนยิงครับ”
“ฝีมือระดับเธอเนี่ยนะโดนทำร้ายได้?”
“ตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีฝีมืออะไรหรอกครับ  หลังจากเกิดเรื่องก็เลยขอเข้ารับการอบรมกับพวกบอดี้การ์ด  คุณริชให้อดีตนาวิกโยธินของซีลมาสอนให้”
“แต่ที่เธอใช้มัน...ไทยบ๊อกซิ่ง?”
“ครับ...คุณริชให้ไปเรียนเพิ่มเติมตามแต่ใครจะสนใจศิลปะการต่อสู้แบบไหน  ผมชอบมวยไทย  ก็เลยไปเรียนอยู่เกือบปี”
“มิน่าฝีมือถึงได้ดีนัก ขนาดองครักษ์ของฉันยังโดนสอยร่วงไปเสียสองคน”         
“ผมยังรู้สึกแย่ไม่หายจนทุกวันนี้”
“ทำไม?”         
“ครู…ผมหมายถึงคนที่สอนมวยไทยให้ผม  เขาให้ผมปฏิญาณว่าจะไม่เอาวิชาต่อสู้ไปใช้เพื่อทำร้ายคนอื่น  สิ่งที่เขาสอนมีไว้ป้องกันตัวเองและเพื่อฝึกร่างกายแข็งแรง  แต่ผมกลับใช้ทำร้ายคนอื่นเพราะความโกรธ...”         
“คนอ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อเสมอ  ถ้าเธอคิดจะมีชีวิตรอดในโลกใบนี้เธอก็ต้องแข็งแกร่งกว่าถึงจะอยู่ได้  คนเราน่ะ...พึ่งได้เชื่อได้  ก็แต่ตัวเองเท่านั้นแหละ”
“แปลว่าเราจะไว้ใจใครไม่ได้เลยเหรอครับ  ชีวิตแบบนั้นมัน...มันน่าเศร้านะครับ”
“มันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน  แต่สำหรับฉันการไว้ใจคนอื่นคือความประมาท  และความประมาทคือหายนะ”
“แล้วผมละครับ  เชื่อใจได้บ้างไหม?”
“ของแบบนี้มันต้องดูกันนานๆแจ็ค  เราเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นนะ”
“…นั้นสินะครับ  ผมน่าจะรู้ตัว…” แจ็ครำพึงเสียงแผ่วแล้วก้มลงหยิบเสื้อเปื้อนเลือดมาถือไว้
“สักวันผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมเป็นคนที่คุณเชื่อใจได้”
“ฉันจะรอดูวันนั้น”ไนท์กอดอกแล้วพิงพนักเก้าอี้มองชายหนุ่มด้วยใบหน้าเรียบเฉย  แจ็คพยักหน้าน้อยๆ ดวงตาหม่นแสง  ชายหนุ่มกลับไปที่ห้องตัวเอง ซึ่งตลอดอาทิตย์  เขาใช้เป็นที่อาบน้ำและเก็บเสื้อผ้าเท่านั้น แต่คืนนี้เขาคงได้ใช้มันอย่างคุ้มค่า
          ♜...........♜...........♜


    ♚..14..♚

 ร่างโปร่งยืนมองทะเลสีครามนิ่ง แม้ภาพตรงหน้าจะงดงามเพียงใดแต่ชีคหนุ่มกลับมองไม่เห็น ด้วยสมองมัวครุ่นคิดถึงใครบางคน 
 “ข่าวจากฮาลีกระหม่อม”   ไคซัคเข้ามาค้อมกายเคารพ
ไนท์พยักหน้าเดินลิ่วไปยังห้องทำงาน  สัญญาณภาพมารออยู่แล้ว  ฮาลียิ้มกว้างกว่าเคย ท่าทางตื่นเต้นเห็นได้ชัด
“มีอะไรฮาลี?”
“เราไขปริศนาของแผนที่ได้บางส่วนกระหม่อม”
“ว่าไงบ้าง?”
“คล้ายรหัสมอสกระหม่อม  แต่ถ้าแปลตรงๆจะออกมาไม่เป็นคำ”
“หมายความว่าคนเขียนเป็นทหาร?”
“อาจใช่กระหม่อม แต่ที่เราตรวจสอบยังหาข้อมูลใดๆไม่ได้เลยกระหม่อม...เกรงว่าเขาจะ...ถูกเก็บไปแล้วกระหม่อม”         
“หาให้ละเอียด  บางทีครอบครัวเขาอาจรู้เรื่องนี้”         
“กระหม่อม...มีอีกเรื่องกระหม่อม  ชีคซารีฟต้องการพบฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์”         
“ที่ไหน?”         
“ที่วังขาวกระหม่อม”         
“ตกลง...เราจะรีบไป...มีอะไรอีกหรือเปล่า?”ไนท์ดักคอเมื่อสังเกตเห็นท่าทางอึกอักของคนสนิท         
“เอ่อ..กระหม่อมไม่กล้าทูล”         
“พูดมา”         
“ท่านชีคเปรยว่าอยากเจอ...เอ่อ...คนของฝ่าบาท”         
“เจ้าหมายถึงใคร?” ไนท์นั่งตัวตรงขึ้น  ตาคมเป็นประกายวาววับจนฮาลีหน้าเจื่อน         
“ท่านชีคพูดถึงคนที่เกาะส่วนตัวกระหม่อม”         
“...งั้นเหรอ...ไว้เราคิดดูก่อนแล้วกัน”         
“กระหม่อม”
ไนท์กดตัดสัญญาณแต่ปลายนิ้วยังค้างอยู่ที่ปุ่ม  ขนาดท่านอาซารีฟอยู่ไกลขนาดนั้นยังรู้เรื่องของแจ็ค  โอกาสที่อาฟาฮัสจะรู้เรื่องแจ็คย่อมไม่ใช่เรื่องยาก  เขาไม่รู้ว่าจะกันแจ็คให้ห่างจากสถานการณ์นี้ได้นานแค่ไหน  แต่หากเขายังคบกับแจ็คต่อไปไม่ช้าแจ็คต้องเข้าสู่วังวนนี้อย่างไม่มีทางเลี่ยง
มือขาวแตะที่อกแล้วดึงสร้อยที่ห้อยคอออกมา  มุกสีชมพูเม็ดจิ๋วถูกฝังบนกางเขนของมารดา  น่าแปลกที่ของที่มาจากคนละคนกลับเข้ากันได้อย่างลงตัว  ราวกับแม่เว้นจุดกึ่งกลางนี้ไว้ให้ประดับมุก  นานแค่ไหนแล้วที่เขากับเจ้าของมุกเม็ดนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง นับตั้งแต่กลับจากเกาะ  เขากับริชก็ประชุมเครียดกันตลอดสัปดาห์ ตอนนี้ริชเองก็รีบกลับไปนิวยอร์คเพราะห่วงคนรัก         
“ไคซัค” ไนท์เรียกคนสนิทผ่านอินเทอร์โฟน ร่างสูงใหญ่เข้ามารวดเร็วราวกับรออยู่แล้ว         
“กระหม่อม”         
“เตรียมตัวเดินทาง  เราจะไปวังขาวพรุ่งนี้         
“กระหม่อม”         
“ดูตารางงานของแจ็คด้วย”
ร่างสูงชะงักกึกหันกลับมามองเขาด้วยความประหลาดใจ         
“พาคุณแจ็คด้วยหรือกระหม่อม?”         
“ใช่”         
“กระหม่อมจะจัดการให้เรียบร้อย”         
“ขอบใจ”
ไคซัคค้อมกายเคารพแล้วออกไปจากห้อง  ไนท์ถอนใจยาว  ทำไมจะไม่รู้ว่าไคซัคไม่เห็นด้วย  แต่อาจถึงเวลาแล้วก็ได้ที่เขาต้องตัดสินใจเสียที ว่าจะวางแจ็คไว้ในฐานะอะไร............
         
ก็อกๆๆ  แจ็คโผล่หน้าเข้าไปในสำนักงาน  เจฟฟรี่เงยหน้าขึ้นจากเอกสารกองใหญ่และยิ้มให้           
“คุณเจฟเรียกผมเหรอครับ?”         
“นายไปส่งใบลาพักร้อนให้เรียบร้อยนะ”         
“ลาพักร้อน...จะให้ผมไปไหนครับ?”แจ็คขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ         
“ชีครามิลจะกลับประเทศพรุ่งนี้ คุณริชให้นายลาพักร้อน”         
“...อ่า...ครับ...กี่วันครับ?” แจ็คอึ้งอยู่นานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ         
“นายมีวันลากี่วันก็ลาไปหมดนั่นแหละ”         
“ครับผม” แจ็คหันกลับออกไปอย่างรวดเร็ว  แต่กลับเปิดประตูพรวดกลับเข้ามาใหม่  ใบหน้าเป็นสีเข้มขึ้นเพราะระงับอาการดีใจไว้ไม่อยู่         
“เอ่อ...ขอบคุณครับคุณเจฟ  ฝากขอบคุณเจ้านายด้วยนะครับ”         
“ไม่เป็นไร เที่ยวให้สนุกนะ”         
“ครับ”
เจฟฟรี่หัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู  เสียดายที่ริชไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแจ็คตอนนี้
                    ............

เครื่องบินโดยสารที่ถูกเช่าเหมาลำค่อยๆร่อนลงแตะรันเวย์อย่าง นุ่มนวล  ทันทีที่เครื่องจอดสนิทองครักษ์ในชุดดำทั้งหมด ก็ปลดเข็มขัดแล้วลุกขึ้น หายไปรวมทั้งไคซัคด้วย  มีเพียงไนท์เท่านั้นที่ยังจ้องจอคอมพิวเตอร์ง่วนอยู่  ครู่เดียวไคซัคก็กลับเข้ามาพร้อมกับองครักษ์หน้าคุ้นๆคนหนึ่ง ทั้งคู่เปลี่ยนจากชุด สากลเป็นชุดพื้นเมืองเรียบร้อยแล้ว         
“เปลี่ยนเครื่องทรงเถอะกระหม่อม”         
“อืม…แป๊บนึง  แจ็คแน่ะ...ไปเปลี่ยนก่อนไป”         
“เชิญทางนี้ครับคุณแจ็ค” องครักษ์หน้าตายอีกคนผายมือไปยังม่านด้าน ข้าง  แจ็คลุกตามไป...ชุดพื้นเมืองอีกชุดแขวนรออยู่แล้ว           
องครักษ์หน้าเคร่งให้คำแนะนำการสวมทีละชิ้น มาติดปัญหาที่ผ้าคลุม ศีรษะกับเชือกรัดที่แจ็คสวมเองไม่ถนัด  แถมองครักษ์ของไนท์ก็ไม่ยอมทำให้         
“คงต้องให้ฝ่าบาทสวมให้ครับ”         
“อ้าว!ทำไมละครับ”         
“กัฟฟียากับอะกาลเป็นของประทาน  คนอื่นจะหยิบจับส่งเดชไม่ได้ครับ”
แจ็คได้แต่พยักหน้าทั้งที่ยังงุนงงกับธรรมเนียมที่แปลกและยุ่งยากสำหรับคนตะวันตกแบบเขา  แต่เมื่อกลับเข้ามาที่ห้องก็พบว่าไนท์เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยแล้ว           
เดิมทีแจ็คคิดว่าคนเป็นชีคต้องสวมเสื้อผ้าที่ตกแต่งหรูหราเหมือนที่เคยเห็นในภาพยนตร์...แต่เครื่องแต่งกายของไนท์กลับไม่แตกต่างจากที่พวกองครักษ์ใส่  เพียงแต่อะกาลเท่านั้นที่เป็นสายรัดสีดำและทองไขว้ขัดกันเป็นเกลียวมีตราประทับรูปเหยี่ยวประดับด้วยเพชร  ซึ่งของเหล่าองค์รักษ์จะเป็นสีน้ำเงินขาวธรรมดา         
แจ็คมองคนรักด้วยอาการคล้ายตะลึง  เขาเคยคิดว่าไนท์ช่างดูโดดเด่นและงามสง่าในเครื่องแต่งกายแบบสากล แต่เมื่อได้เห็นไนท์สวมชุดพื้นเมืองเขากลับรู้สึกว่า ไม่มีชุดใดในโลกที่ทำให้ไนท์ดูสง่างามและฉายรัศมีแห่งอำนาจได้มากไปกว่าเครื่องแต่งกายประจำชาติของไนท์อีกแล้ว และนั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความแตกต่าง ระหว่างเขากับไนท์มากขึ้น         
ไนท์หันมามองแล้วยิ้ม เมื่อแจ็คส่งกัฟฟียาให้ด้วยใบหน้าเหยเก         
“ผมใส่เองไม่ถนัด  คุณคนนี้เขาก็ไม่ยอมใส่ให้”         
“อ๋อ…มันเป็นกฎน่ะ  ของประทานใครก็ใส่ให้กันไม่ได้ทั้งนั้น  เอาละเรียบร้อยแล้ว”ไนท์ถอยออกมามองชายหนุ่มด้วยสีหน้าพึงพอใจ  ขณะที่แจ็คก้มมองตัวเอง  ถึงไม่มีกระจกเขาก็แน่ใจว่าตัวเองคงดูเปิ่นในเครื่องแต่งกายแบบนี้
“เชิญเสด็จกระหม่อม” องครักษ์คนหนึ่งเข้ามาถวายคำนับแล้วแหวกม่านรอ  ไนท์ออกเดินนำ  ไคซัคตามประกบทันที  แจ็คยืนลังเลไม่รู้ว่าเขาควรอยู่ที่ใดในขบวนแต่องค์รักษ์หน้าเคร่งก็เป็นผู้จัดการให้โดยการดันหลังเขาให้เดินตามไคซัคไปติดๆ
พรมสีแดงปูลาดจากบันได้เครื่องและทอดยาวไปถึงรถบัสที่ติดม่านทึบทั้งคัน  ชายในชุดพื้นเมืองยืนเรียงเข้าแถวจากเชิงบันได้จนถึงหน้ารถบัสเป็นแถวตรงเป๊ะ ทันทีที่ไนท์ก้าวลงไปทั้งหมดก็ค้อมศีรษะลงพร้อมกันพรึบ  ไม่มีดนตรีหรือดอกไม้มาต้อนรับแบบที่แจ็คเคยเห็นในภาพยนตร์  บรรยากาศเต็มไปด้วยพิธีการที่เคร่งขรึมจนชายหนุ่มรู้สึกเครียด  หากแต่ในคณะผู้ต้อนรับกลับมีคนที่แตกต่างจากคณะเพราะยิ้มแย้มกว้างขวาง  และไนท์ก็พุ่งตรงไปหาทันที
“ไงฮาลี…สีหน้าแบบนี้หวังว่าเราคงได้ฟังข่าวดีสินะ”
“กระหม่อม  มีแต่เรื่องดีๆกระหม่อม”
“แล้วไงเดินทางสะดวกสบายดีหรือเปล่า?”
“กระหม่อม…ฝ่าบาทเสด็จห้องประชุมเลยไหมกระหม่อม?”
“ไปเฝ้าเสด็จอาก่อนดีกว่า…ไคซัคไปพักเถอะ  ให้ฮาลีดูแลเราแทน”
“กระหม่อม”
องครักษ์ทั้งหมดค้อมตัวรับคำสั่งแล้วเดินแยกไปขึ้นรถอีกคัน  แจ็คเดินตามไปด้วยแต่ฮาลีปราดมาแตะแขนเขาเดินตามไนท์ไปขึ้นรถ  แถวที่รอรับเสด็จค้อมตัวราวกับอ้อลู่ลมเมื่อไนท์เดินผ่าน  แจ็คสังเกตว่าฮาลีเดินตามไนท์ก็จริง  แต่ไม่ได้เดินไปในพรมแดง  แจ็ครีบเลื่อนลงไปเดินด้านข้างๆแต่ฮาลีรั้งศอกไว้ให้เดินไปบนพรม
         “ผมเดินข้างล่างดีกว่า” แจ็คกระซิบเสียงเครียด  แต่ฮาลียิ้มเฉย
         “ทางนี้ขอรับ”ฮาลีค้อมศีรษะให้แจ็ค  องครักษ์ที่ยืนหน้าประตูก็เช่นกัน  แจ็คจำต้องก้าวขึ้นรถด้วยความกระอักกระอ่วน
ในรถตกแต่งราวกับเป็นห้องๆหนึ่งมากกว่าจะเป็นรถ  พื้นปูด้วยพรมสีครีมเกือบขาว  มีเก้าอี้ประทับอยู่ด้านหนึ่งตั้งโต๊ะคั้นกลางเก้าอี้อีกตัว  เห็นได้ชัดว่าเก้าอี้ตัวนี้เพิ่งถูกเสริมเข้ามา  ห่างออกมามีเก้าอี้เรียงอยู่เป็นแถว  และมีชายในชุดพื้นเมืองนั่งรออยู่แล้ว  ทันทีที่ไนท์เข้าไปทุกคนก็ลุกขึ้นค้อมกายเคารพพร้อมกันพรึบ  ฮาลีผายมือเชิญแจ็คไปยังเก้าอี้ที่วางคู่กับเก้าอี้ประทับ  ไนท์ทรุดลงนั่งก่อน  แจ็คเดินเข้าไปและเหลือบมองฮาลี ฮาลีขยิบตาแล้วก้มศีรษะให้ดู  แจ็คก้าวไปโค้งให้ไนท์ก่อนจะทรุดลงนั่ง  ทุกคนจึงค้อมตัวแล้วนั่งลงพร้อมกัน  รถค่อยๆเคลื่อนตัวไปอย่างนิ่มนวล  ............

ชีคซารีฟเป็นบุรุษร่างสูงสง่า  ผู้มีใบหน้าที่ยังคงหล่อเหลา  แต่ดูแข็งแกร่งและบึกบึนแม้จะเลยวัยกลางคนแล้วก็ตาม 
เมื่อเห็นไนท์ก็ยิ้มกว้าง  ทำให้ใบหน้ากร้าวแกร่งดูอ่อนโยนเปี่ยมเมตตา  จนทุกคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ
“ไงเจ้าตัวแสบ?”         
“เสด็จอา”ไนท์เดินเข้าหาไปกอดทักทาย  ในอกวาบลึกเมื่อรู้สึกหนาวหัวใจ  อกอุ่นที่ไว้ใจได้เหลือเพียงหนึ่งเดียวเสียแล้ว
“หายหน้าไปเลยนะ  อาไม่ได้เจอเรามานานแค่ไหนเนี่ย?”
“2 เดือนกระหม่อม”
“ดีนะ...นี่ถ้าอาไม่ใช้ให้ฮาลีตามมา คงจะไม่เจอเราเลยละสิ”
“ก็งานหลานเยอะ”
“มิน่าพ่อเรานั่งหน้าเป็นม้าหมากรุกทุกที  ขนาดอายังไม่ได้เจอ...แล้วไปหาพ่อบ้างหรือเปล่า?”
“เอ่อ...หลานไม่ค่อยว่าง”
“เลิกอ้างได้เลย...แล้วนี่เพื่อนหลาน?”
“แจ็ค มิเคเน่ กระหม่อม”
แจ็คค้อมกายเคารพได้งดงามตามพิธีการ  ไนท์มองนิ่งอย่างแปลกใจและพอใจ
“ยินดีต้อนรับสู่เมืองแห่งตะวันแจ็ค...เป็นไงเดินทางสะดวกสบายดีหรือเปล่า?”
“ด้วยพระบารมี การเดินทางสะดวกสบายดีกระหม่อม”
ใช่แต่ชีคซารีฟที่อึ้งไปเมื่อได้ยินภาษาอาหรับที่ถูกต้องตามแบบแผนจากปากแจ็ค  แม้แต่ไนท์และองครักษ์ต่างก็หันไปมองแจ็คเป็นตาเดียว  มีแต่ฮาลีเท่านั้นที่ยิ้มกว้างอย่างถูกใจ
“เก่งนะพูดภาษาเราได้คล่องเชียว”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“ตามสบายนะ  ถือซะว่ามาเที่ยวบ้านอีกหลัง  อย่าพะวงกับราชาศัพท์ให้ยุ่งยากเลย  คิดเสียว่าฉันเป็นอาเธอก็แล้วกัน”
“เป็นพระมหากรุณากระหม่อม”
“ไปคุยที่ห้องโน้นดีกว่า ป่านนี้เขาคงตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว  ไปไนท์  แจ็ค “
“กระหม่อม”
ทั้งแจ็คและไนท์ต่างค้อมกายเคารพพร้อมกัน ไนท์เหลือบมองแจ็ค นิดหนึ่งก่อนจะเดินนำเข้าไป......ƒ......
         
แจ็คตื่นแต่เช้าทั้งที่นอนไม่ค่อยหลับ  เมื่อคืนเขากับไนท์ไม่ได้พูดอะไรกันเป็นการส่วนตัวเลย  ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกังวล  เขาแน่ใจว่าไนท์คงโกรธเรื่องที่เขาพูดภาษาอาหรับได้แล้วไม่บอก  ชายหนุ่มรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปหาไนท์แต่พบว่าหน้าห้องของไนท์มีทหารยืนเฝ้าอยู่หลายคน
“ผมมาขอพบ...เอ่อ ขอเฝ้าฝ่าบาทครับ”
“กรุณารอสักครู่ครับผม” นายทหารคนหนึ่งเดินเข้าไปด้านในก่อนจะออกมาเชิญแจ็คเข้าไป 
แจ็คเคาะประตูเบาๆก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไป  รอยยิ้มกว้างสลายวับเมื่อเห็นภาพตรงหน้า  ร่างโปร่งนั่งพิงเอนๆอยู่บนเตียง  ร่างท่อนบนเปลือยเปล่า  กำลังอ่านข้อมูลจากโน้ตบุ๊คบนตัก  ไคซัคยืนอยู่ไม่ห่างนักและมีเสื้อคลุมพาดอยู่บนแขน  พอเหลือบเห็นเขาไนท์ก็ลุกขึ้น  ท่อนล่างมีเพียงผ้าสีขาวผืนยาวถึงข้อเท้าพันอยู่ผืนเดียว  ไคซัคกางเสื้อคลุมออก  ไนท์สวมแล้วพยักหน้าให้ไคซัคออกไป
ไนท์เดินไปทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ริมหน้าต่างบานกว้าง  แจ็คตามเข้ามาวาง กัฟฟิยาที่ใส่ไม่เป็นบนโต๊ะ   ในอกร้อนวูบวาบด้วยความหึงหวง  ยิ่งเห็นท่าทางเฉยเมยเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ไคซัคจะถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้เขายิ่งหงุดหงิด     
“ไม่เห็นบอกเลยว่าเธอพูดภาษาฉันได้” ไนท์เอ่ยเสียงเรียบแต่ในใจขุ่นมัว ด้วยไม่คิดว่าแจ็คจะกล้ามีความลับกับเขา
“ก็คุณไม่เคยถามนี่ครับ”
“ทำไมต้องรอให้ถาม จะบอกเองไม่ได้หรือไง?”         
“ผมไม่รู้ว่าควรบอกคุณตอนไหน ในเมื่อทั้งคุณแล้วก็องครักษ์ของคุณก็พูดภาษาอังกฤษกันทุกคน”       
“คิดจะล้วงความลับจากพวกเราหรือไงแจ็ค?” ไนท์แซวยิ้มๆ  แต่คนฟังเจ็บลึกในอก  แจ็คหยิบกัฟฟิยาขึ้นมากำไว้แน่น 
‘พวกเรา...นั่นสินะ  ในสายตาของไนท์  เราเป็นคนนอกเสมอ’         
“ก็คงงั้นมังครับ ผมจะได้รู้ไงว่าโดนนินทาหรือเปล่า” แจ็คแสร้งหัวเราะเบาๆ         
“แล้วเป็นไงได้ข้อมูลลับอะไรไปบ้างล่ะ?”
“แหม...พวกคุณรอบคอบกันขนาดนั้น ผมคงล้วงความลับได้ยาก”
ไนท์หรี่ตามองชายหนุ่มเขม็ง...แม้เสียงจะสดใสขี้เล่น แต่มีอะไรบางอย่างในคำพูดบอกให้รู้ว่าแจ็คกำลังน้อยใจ
“เป็นอะไรไปวันนี้ดูแปลกๆ”
แจ็คเมินมองออกไปนอกหน้าต่าง  ใจยังขุ่นมัวด้วยความหึงหวง เมื่อนึกถึงตอนที่เข้ามาพบไคซัคจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ไนท์  ทั้งๆที่ไนท์ยังนอนอยู่บนเตียงในสภาพเกือบเปลือย
“ผมไม่ชอบที่คนของคุณเข้ามาในห้อง ทั้งๆที่มันควรเป็นที่ส่วนตัว”
“มันเป็นหน้าที่ของไคซัค”
“หมายความว่าหมอนี่เข้านอกออกในห้องนอนคุณได้ตลอดเวลางั้นเหรอ?”
“ใช่...เขาต้องดูแลฉัน มันเป็นเรื่องของการรักษาความปลอดภัย”         
“อย่างนี้ตอนเราเมคเลิฟกันเขาควรต้องอยู่ด้วยสินะ....จะได้มั่นใจในความปลอดภัยไง” แจ็คประชดด้วยความหึงหวง
“อย่ามาประชดประชันเป็นเด็กๆ  เธอควรรู้ด้วยว่าฉันมีสถานภาพยังไง  ฉันทำอะไรตามใจตัวเองเหมือนเธอไม่ได้หรอกนะ”
“จริงสินะ...กระหม่อมเป็นใคร?...ฝ่าบาทเป็นใคร?...ความจริงกระหม่อมควรพึงสังวรให้มากกว่านี้ถูกไหมฝ่าบาท”
“แจ็ค!...อย่าให้ความอดทนฉันสิ้นสุดลงเพราะวาจาโง่ๆ  ฉันมีเรื่องให้ปวดหัวมากพออยู่แล้ว เธอไม่ควรมาสร้างความยุ่งยากให้ฉันมากกว่านี้  ไม่อย่างนั้นฉันจะส่งเธอกลับ…”  หลุดปากออกไปแล้วไนท์ก็ใจหาย  แต่เมื่อพูดไปแล้วจะเรียกกลับคืนได้อย่างไร
แจ็คชะงัก...ชายหนุ่มถอยหลังแล้วค้อมกายทำความเคารพตามประเพณีแล้วถอยออกไปจากห้องเงียบๆ         
ไนท์ถอนใจยาว...ในอกวาบลึกอย่างประหลาด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเสียใจในคำพูด  ทั้งๆที่เขาเป็นคนรอบคอบและระมัดระวังคำพูดทุกคำอยู่เสมอ แต่กับแจ็คเขามักเผลอหลุดปากพูดอะไรไม่คิดไปประจำ นี่หากท่านราชครูยังอยู่เขาคงถูกตำหนิ         
‘ฝ่าบาทเป็นรัชทายาท...วันหน้าต้องทรงเป็นกษัตริย์แทนพระบิดา...สิ่งที่พระองค์ตรัสโยกย้ายได้แม้แผ่นดิน...ทุกคำที่ออกจากโอฐจึงต้องระมัดระวังยิ่ง’
หน้าที่ของรัชทายาททำให้เขาถูกปลูกฝัง  เคี่ยวเข็ญ ไว้ในกรอบอันเข้มงวดนับตั้งแต่ลืมตาตื่นจนเข้านอน ยามอยู่ในพระราชฐานเขาเป็นองค์รัชทายาท  แต่ยามอยู่ในค่ายทหารเขาเป็นเพียงทหารคนหนึ่งที่ต้องฝึก ต้องถูกเคี่ยวเข็ญ ตรากตรำไม่ต่างจากทหารทุกนาย  อาจจะหนักกว่าผู้อื่นด้วยซ้ำเพราะเขาเป็นผู้นำจะให้มีฝีมือเท่าๆกับลูกน้องคงไม่ได้ 
แต่เมื่อได้อยู่กับแจ็ค  เขาไม่ต้องระแวดระวัง  อบอุ่นในหัวใจเสียจนแทบกลายเป็นความประมาท  นับวันแจ็คก็ยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นทุกทีจนเขานึกกลัว........กลัว  ที่ไม่อาจควบคุมหัวใจตัวเองได้อีกต่อไป...
เสียงโทรศัพท์ปลุกชีคหนุ่มขึ้นจากภวังค์
“ฝ่าบาท”
“ว่าไงไคซัค?”
“ฮาลีส่งข่าวมาแล้วกระหม่อม...ตอนแรกเข้าใจกันว่า เป็นรหัสมอส ธรรมดา  แต่กลายเป็นภาษาชาวเลโบราณ คนส่งต้องมีความรู้เชี่ยวชาญทางภาษาและน่าจะเป็นทหารกระหม่อม”
“หมายความว่าไง?...เป็นทหารแต่เชี่ยวชาญด้านภาษา...คนที่มีความสามารถเฉพาะแบบนี้น่าจะมีไม่มาก ลองตรวจสอบ ดูซิ”
“กระหม่อม”
“แล้วแปลได้บ้างหรือยัง?”
“ได้บางส่วนแล้วกระหม่อม  แต่เรียงเป็นประโยคไม่ได้  ข้อความบางส่วนที่ลบเลือนไปฮาลีกำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ใกล้เคียงที่สุด  กระหม่อมกำลังจะไปสมทบกับฮาลีที่ฐานลับ...หากได้รายละเอียดจะได้ออกค้นหาเดินทันทีกระหม่อม”
“ได้ความว่ายังไงแล้วส่งข่าวมาด่วนนะ”
“กระหม่อม”         
“โชคดีไคซัค”         
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ไนท์กดปิดโทรศัพท์  ดวงตาคมเป็นประกายกล้า  หากเสร็จงานนี้  อาจได้หยุดพักสักระยะ...อย่างน้อย ก็น่าจะพาแจ็คไปเที่ยวชมความงามของทะเลทรายให้ทั่ว อาจช่วยให้แจ็คคุ้นเคยและเข้าใจในสถานภาพของเขาได้มากกว่านี้
......

แดดร้อนระอุทำให้แจ็คต้องคว้าน้ำมาดื่มติดๆกันหลายครั้ง เหงื่อ ไหลท่วมตัวราวกับอาบน้ำทำให้เขารู้สึกอ่อนเพลีย 
แจ็คเหลือบมองทหารองครักษ์ด้านหลังอย่างทึ่งๆ  พวกนั้นยืนนิ่งจนแทบไม่ขยับได้อย่างไรในเปลวแดดร้อนระอุเช่นนี้  แม้แต่ม้าก็ดูอดทนและสงบนิ่งไม่ต่างกัน
“อย่าดื่มมากนัก  พวกเรายังต้องไปกันอีกไกล เดี๋ยวน้ำจะหมดเสียก่อน” ไคซัคเตือนเบาๆเมื่อสังเกตเห็นแจ็คดื่มน้ำติดๆกันหลายครั้ง
“พวกคุณเก่งแฮะ...ร้อนขนาดนี้ไม่เห็นดื่มน้ำกันสักที  แถมยังยืนได้นิ่งยังกับหุ่นแบบนั้นอีก” แจ็คเอ่ยอย่างชื่นชม   อามิล ยิ้มเยาะเอ่ยสอดขึ้นมาลอยๆ
“ก็เราเป็นทหาร จะมาเหยาะแหยะใจเสาะอยู่ได้ยังไง  ขืนกินน้ำจนหมดตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง  คงได้ตายอยู่กลางทะเลทรายโดยยังไม่ได้รบกับใคร”         
“อดน้ำไม่กี่ชั่วโมงคงไม่ถึงตายกระมังครับ  อีกอย่างผมก็ไม่ได้เป็นทหารคงไม่ต้องไปรบกับใคร  ยกเว้นแต่จะออกกำลังกันเล็กๆน้อยๆก็ยังไหวอยู่นะครับ”
แจ็คหันไปตอบยิ้มๆ แต่ดวงตาเย็นเยือกแน่วแน่จนอามิลเผลอหลบตาวูบอย่างลืมตัว  ก่อนจะนึกเดือดตัวเองที่ทำอย่างนี้  แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเกรงหมอนั่นจนเผลอหลบตา  ทั้งที่เขายังแค้นหมอนี่ไม่หายที่ซัดคนสนิทของเขาที่เสียหมอบตอนไปฮาวาย ความอับอายครั้งนี้ทำให้อามิลยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้หนุ่มต่างชาติ ‘ตัวเท่าลูกหมา’ คนนี้มากขึ้น
“งั้นก็ดีสิกำลังอยากลองอยู่พอดี” องครักษ์ร่างยักษ์ขยับเข้ามาใกล้หมายจะเล่นงานแจ็คให้เข็ด  แต่ไคซัคขึงตาห้ามไว้เสียก่อน         
“อามิล!อย่าเสียมารยาท”
“ขออภัยครับผม”
“ไปเตรียมเดินทางได้แล้ว”
“ครับผม”
อามิลถอยออกไปทันที แต่กระนั้นก็ยังไม่วายส่งสายตาอาฆาตมาให้ แจ็คมองตามอย่างหนักใจเขาคิดผิดหรือถูกกันแน่ที่ตามไคซัคออกมา
กว่าจะถึงจุดนัดหมายก็เกือบบ่าย3โมง  แจ็คดื่มน้ำหยดสุดท้ายตั้งแต่ยังไม่เที่ยง แต่เขาก็กัดฟันเดินทางจนมาถึงโดยไม่ยอมรับน้ำจากไคซัคแม้แต่หยดเดียว  ทันทีที่เข้าเขตเมืองแจ็คก็แยกไปหาบ่อน้ำโดยไม่สนใจว่าใครจะหัวเราะเยาะ 
ชายหนุ่มตักน้ำขึ้นมาถังใหญ่แต่กลับเอาไปให้ม้ากินก่อน  พฤติกรรมของเขาทำให้นายทหารที่ไม่ชอบหน้าเขาถึงกับอึ้งไป  หลายคนรู้สึกดีกับหนุ่มต่างชาติผิวบางคนนี้ขึ้นมาเล็กน้อยเพราะสำหรับพวกเขา ม้าเปรียบเสมือนเพื่อนตาย เมื่อแจ็คแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับม้าก่อนตัวเองก็ทำให้อคติที่หลายคนมีลดลง         
“ที่พักของคุณอยู่ทางนี้ครับ”
แจ็คเหลือบมองก็จำได้ว่าเป็นนายทหารคนที่เอาม้าทรงมาให้เขา  ชายหนุ่มยันกายลุกขึ้นแล้วคว้าบังเหียนจูงสกายไปด้วย แต่มีนายทหารอีกคนมารับบังเหียนไปจากเขาเสียก่อน
“พวกนั้นเขาจะดูแลสกายอย่างดี คุณไม่ต้องห่วง...เชิญด้านนี้เลยครับ...นี่เป็นกระโจมส่วนตัวของคุณ พักผ่อนให้สบายนะครับ”
“เอ่อ...ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม...คุณไคซัคไปไหนแล้ว?”
“ท่านราชองครักษ์อยู่ที่กระโจมด้านโน้นครับ”
“ขอบคุณมากครับ  คุณ...?”
“กระผมรามเรส  หากคุณไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”
“ขอบคุณอีกครั้งครับ”
องครักษ์คนนั้นพยักหน้าให้แล้วจากไปเงียบๆ  แจ็คทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มด้วยความอ่อนล้า...นึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้า  เขาผลุนผลันออกมาจากห้องไนท์ด้วยความขมขื่นและน้อยใจ  จนมาเจอเข้ากับไคซัคและเหล่าองครักษ์ที่กำลังจะเดินทาง  ความเซ็งทำให้แจ็คขอตามมาด้วย
ตอนแรกไคซัคทำท่าจะไม่ยอม  แต่เมื่อเขายืนยันว่าจะตามมาให้ได้ ไคซัคจึงต้องไปรายงานไนท์  และเมื่อกลับลงมาเขาก็สั่งให้คนจัดม้าให้แจ็ค   
รามเรสจัดเจ้าสกายมาให้ สร้างความไม่พอใจให้กับทุกคนเพราะมันเป็นม้าทรงของชีคซารีฟ แต่เมื่อรามเรสยืนยันว่าเป็นรับสั่งของชีคซารีฟทุกคนก็นิ่งไป  ยิ่งทำให้แจ็คหนักใจ...ดูเหมือนเรื่องระหว่างเขากับไนท์จะไม่เป็นที่ยอมรับของเหล่าบรรดาองครักษ์  ทุกคนทำท่ารังเกียจเขาเหลือเกิน  ไม่ใช่แค่เรื่องความรักที่ผิดจารีตประเพณีอย่างร้ายแรงเท่านั้น...หากแต่ฐานันดรของไนท์ก็เป็นกำแพงมหึมา  ที่แจ็คมองไม่เห็นหนทางว่าเขาจะฝ่าข้ามมันไปได้อย่างไร
แจ็คพลิกตัวกระสับกระส่ายแต่ความอ่อนล้าก็ทำให้ชายหนุ่มผล็อยหลับไปในที่สุด......ƒ......
..........


ขอบคุณมากคะที่ติดตาม :pig4:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
^
^
^
จิ้ม + พี่เทียนฉินนนนนนน

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
กำแพงยังสูงเหมือนเดิมอะ่ แต่มันบางลงๆ


Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
 :z3: อยากอ่านอีก
ต้องรอลุ้นกี่วันเอ่ย

punch-punch

  • บุคคลทั่วไป
อยากรู้จังตอนจบจะเป็นไง   Happy ending ที่เถิดดดด  อย่าจบเศร้าเลยนะ นะ นะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :z3: :z3: :z3: เริ่มบีบหัวจาย

ออฟไลน์ IRIS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 434
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ขอบคุณค่า..

ขอถอนหายใจที :เฮ้อ:หนักใจแทนแจ็คซะแล้ว.. :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด