เจฟฟรี่ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เมื่อไคซัคแจ้งจุดประส่งค์ของชีครามิล ที่ให้ส่งแจ็คไปอยู่ที่อื่นโดยเร็วที่สุด รวมถึงต้อง ไม่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงรับรองคืนนี้ด้วย
“ทำไมไม่อธิบายให้แจ็คฟังตรงๆละครับว่าเกิดอะไรขึ้น ผมว่าการทำแบบ นี้จะทำให้เรื่องมันยุ่งมากกว่า”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของประเทศเรา ฝ่าบาทย่อมไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายด้วย” ไคซัคตอบหยันๆเมื่อกล่าว ถึงแจ็ค
เจฟฟรี่เริดคิ้วนิดหนึ่ง ชักสงสัยว่าทั้งหมดนี่ไคซัคคงพูดเองมากกว่าจะเป็นคำพูดของชีครามิล
“นี่ผมถามจริงๆเถอะ อย่างแจ็คนี่ยังเป็นคนนอกอีกเหรอ?”
“มากไปแล้วนะ! กล้าดียังไงมาพูดจาลบหลู่ฝ่าบาท” ไคซัคหน้าตึงด้วยความไม่พอใจ หงุดหงิดและขุ่นเคืองทุกครั้งที่มีใครเอ่ยถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่
“ผมไม่คิดจะลบหลู่ แต่คุณปฏิเสธได้ไหมล่ะว่าท่านชีคไม่ได้รักแจ็ค”
“เรื่องนั้นผมไม่ทราบ”ไคซัคไหวไหล่แล้วมองเมินไปข้างนอก
“ผมไม่เข้าใจว่านายคุณจะอยู่หลังม่านน้ำแข็งนั่นไปอีกนานแค่ไหน บอกตรงๆนะไคซัค ผมกลัว…กลัวว่าสักวันไอ้กำแพงที่เขาก่อมันจะทำให้เขาพลาด”
“คุณหมายความว่ายังไง?”ไคซัคหันกลับมามองเจฟฟรี่เขม็ง
“คุณยังไม่รู้นิสัยของแจ็ค เมื่อรักเขาก็ทุ่มเทสุดชีวิต หากผิดหวังเขาต้องแหลกเป็นชิ้นๆแน่ จู่ๆจะมากันเขาออกห่างโดยไม่มีเหตุผล แถมยังดึงเอาคุณริช เข้ามาพัวพันอีก ผมว่ามันจะยุ่งกันใหญ่” ทำไมเจฟฟรี่จะดูไม่ออกว่าชีครามิลมีเจตนาอะไร การที่อยู่ๆลุกขึ้นมาจี๋จ๋ากับริชย่อมต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง ดูเหมือนนายน้อยของเขาก็สนุกกับการเล่นตามบทเสียด้วย สำหรับริชน่ะไม่เท่าไหร่หรอก เพราะยังไงคนรักก็อยู่ไกลหูไกลตา แต่แจ็คเล่าจะรู้สึกยังไง?
“แต่ถ้าบอกให้รู้ตัวก็ต้องบอกรายละเอียด ผมว่าฝ่าบาทคงไม่ยอม” ไคซัค เสียงอ่อนลง เพราะตัวเองก็มีความรัก มีหรือจะไม่เข้าใจความเจ็บปวดของแจ็ค
“ตามใจพวกคุณก็แล้วกัน หากเกิดอะไรขึ้นก็อย่ามาเสียใจภายหลังล่ะ”
เจฟฟรี่ส่ายหน้าอย่างระอา ไคซัคนิ่งไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อ
“เอ่อ…ผมขอรบกวนอีกเรื่อง”
“ครับ?”
“ฝากอองรีด้วย...ช่วงนี้ผมเข้าใกล้เขาไม่ได้เด็ดขาด เพราะคนของชีคฟาฮัส จับตามองผมอยู่แน่ๆ” แม้จะทั้งกระดาก ทั้งเจ็บใจที่ต้องฝากคนของตัวเองไว้กับคนอื่น แต่ตอนนี้ความปลอดภัยของอองรีสำคัญเกินกว่าจะมามัวทิฐิอยู่
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก อองรีต้องไปตรวจงานกับฝึกอบรมพนักงานใหม่ที่ออสเตรเลียอีกเป็นเดือนคงไม่มีปัญหา ระวัง ก็แต่เรื่องโทรศัพท์เท่านั้น”
“ผมเตรียมไว้พร้อมแล้ว ไม่มีทางจับสัญญาณกันได้ง่ายๆ”
“ถ้างั้นผมจะไปจัดการเรื่องแจ็ค”
“ขอบคุณครับ”
เจฟฟรี่โทรศัพท์หาแจ็คทันทีที่ไคซัคกลับไป
“แจ็ค…มาที่ออฟฟิศหน่อย”
“ครับคุณเจฟ”
“คุณริชให้นายบินไปออสเตรเลียพร้อมอองรีพรุ่งนี้นะ” เจฟฟรี่สั่งทันทีที่แจ็คโผล่หน้าเข้าไปในห้อง
“เอ๊ะ!…ทำไมครับ?”
“เราอยากให้นายสืบอะไรทางนั้นให้หน่อย เรามีเรื่องบางอย่างที่…ไม่ค่อยดีที่โน่น ส่งอองรีไปคนเดียวอาจไม่ค่อยปลอดภัย”
“ได้ครับ”
“คืนนี้ฉันจะเอารายละเอียดไปให้ที่บ้านหลังงานเลี้ยง”
“ได้ครับ งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
เจฟฟรี่เรียกคนสนิทเข้ามาทันทีที่แจ็คลับหลังไป
“วิกโก้”
“ครับคุณเจฟ”
“ถ่วงเวลาแจ็คไว้จนกว่างานเลี้ยงคืนนี้จะเลิก อย่าให้เขาเข้ามาร่วมงานได้เด็ดขาดและ...ระวังอย่าให้แจ็ครู้ตัวด้วย”
“ทราบครับ”
“ขอบใจมาก…โทษทีนะแจ็คที่ต้องทำแบบนี้กับนาย”
…… ……
งานเลี้ยงที่ไม่ได้แตกต่างจากงานเลี้ยงไหนๆ ทำให้ทราวิสเบื่อแทบอ้วก หากไม่ติดว่างานนี้เขาถูกขอให้มาเพื่อช่วยไนท์เขาคงไม่มาร่วมงานเด็ดขาด ดูเหมือนคนสนุกคือคนข้างตัวเขา ตาโตเป็นประกายระยับอย่างตื่นเต้นเมื่อได้เห็นแขกบางคน ที่เคยเห็นเฉพาะทางโทรทัศน์หรือหน้าหนังสือพิมพ์มาเดินกันให้ไขว่
“ทราวิส...คนที่ใส่สูทสีเทานั่นใช่...เขาไหม?”
“ใคร?”
“ก็...เจ้าพ่อวงการซอฟแวร์ไง...เศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกเชียวนะ”
“หึ...เจ้าพ่อวงการซอฟแวร์คงใช่ แต่ไม่ใช่เศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกหรอกนะ”
“แต่หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่างั้นนี่”
“โธ่เอ๊ยที่รัก...เศรษฐีตัวจริงน่ะ ไม่ค่อยเปิดเผยรายได้ตัวเองกันง่ายๆหรอกนะ ไอ้ที่เขาเอามาจัดอันดับโลกน่ะ มันธุรกิจที่ต้องเปิดเผยกันตามกฎหมายต่างหาก ไม่มีใครเขามานั่งโพนทะนาหรอกน่าว่าเขามีรายได้จริงๆเท่าไหร่ สรรพากรจะได้เล่นงานตาย”
“ยังมีคนที่รวยยิ่งกว่านั้นอีกเหรอ?”
“มี...มากด้วย อย่างคนที่กำลังเดินเข้ามานั่น แค่คนใดคนหนึ่ง ก็มีทรัพย์สินมากว่าที่เธอจะนึกออกแล้ว” ทราวิสบุ้ยใบ้ไปที่ประตูทางเข้า แสงแฟลสสว่างวูบวาบราวกับเพชรเมื่อชีคฟาฮัสเสด็จเข้ามา ขนาบด้วยริชและไนท์คนละด้าน ท่วงท่าแย้มยิ้มโอภาปราศรัยนั้นดูเป็นกันเองจนทราวิสอยากขย้อน ถึงจะไม่ได้อยู่กับไนท์ แต่เขาก็ได้รู้ข่าวสารของน้องชายอย่างละเอียด มีหรือจะไม่รู้ว่าชีคฟาฮัสนั้นจ้องจะเล่นงานไนท์อยู่ตลอดเวลา
“นั่นเหรอครับชีคฟาฮัส”
“ใช่...อย่าเข้าใกล้เลยจะดีที่สุด ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
คนที่อยู่ในหัวข้อสนทนาเองก็เหลือบไปเห็นทราวิสเช่นกัน แต่คนระดับทราวิสไม่เคยอยู่ในสายตาอยู่แล้ว และชีคฟาฮัสก็ไม่คิดว่าทราวิสจะเป็นจุดอ่อนของรามิล แค่ลูกนอกสมรสที่แม้แต่องค์ฮัสซาก็ไม่เหลียวแล จะไปมีประโยชน์อะไร ที่สำคัญเขาไม่อยากนับญาติกับลูกนังหัวแดงต่างชาติ
“ฝ่าบาท...ได้เวลากล่าวเปิดงานแล้วกระหม่อม”
“ขอบใจไคซัค” ชีคฟาฮัสขึ้นไปบนเวทีเพื่อกล่าวเปิดงานและขอบคุณแขก ทำให้ทราวิสกับจีนส์ถือโอกาสแวบ นักข่าวที่แอบตามมาทำข่าวทราวิสก็เลิกสนใจด้วยเหมือนกัน ก็แค่ดีไซน์เนอร์ชื่อดังคนหนึ่ง มีหรือจะสู้นักธุรกิจที่ระดับโลกที่มารวมกันเต็มห้องอย่างนี้ได้ นับว่าการตามมาทำข่าวครั้งนี้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
นักข่าวมากมายทั้งที่ได้รับเชิญอย่างเปิดเผยและแฝงตัวเข้ามาอยู่เต็มงานทำให้แผนของคนอีกกลุ่มจำต้องเลื่อนออกไป แม้จะดูว่าการป้องกันหละหลวม แต่ชีครามิลก็ไม่ใช่คนที่ใครจะลูบคมได้ง่ายๆ ยิ่งอยู่ในถิ่นของแฮมิลตัน ยิ่งทำให้ต้องระมัดระวังขึ้นอีกหลายเท่า
องครักษ์คนสนิทเกร่เข้าไปใกล้ ชีคฟาฮัสเหลือบเห็นก็ขอแยกตัวจากแขกที่สนทนาอยู่เดินออกมาที่ระเบียง องครักษ์ก็รีบตามไปประกบ
“ว่าไง?”
“กระหม่อมหาจังหวะไม่ได้เลยฝ่าบาท คนของแฮมิลตันยุบยับยังกับหนอน กระหม่อมเกรงว่าไอ้พวกนั้นจะยิงสุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามา”
“ยุซุฟมันไม่โง่หรอก ถ้าไม่ส่งสัญญาณไปมันย่อมต้องรู้ว่าข้ายังอยู่ในงาน”
“แต่ถ้า...เอ่อ...” แม้คันปากอยากจะบอกว่า เกรงว่าไอ้ยูซุฟมันจะหวังกำจัดชีครามิลเสียจนไม่สนว่าจะชีคฟาฮัสจะโดนลูกหลงไปด้วยหรือไม่ล่ะจะทำอย่างไร แต่ก็ทำได้เพียงกลอกตาไม่กล้าเอ่ย...
คนที่ถูกกล่าวถึงในคราบปาปารัสซี่ ซึ่งมีอยู่มากมายที่เข้าไปในเกาะไม่ได้ และพากันเช่าเรือมาวนรอบๆเกาะเพื่อถ่ายภาพ ยูซุฟทำเป็นหิ้วกล้องติดเลนส์ยาวถ่ายมุมโน้นมุมนี้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ของเกาะที่คอยวนเรือออกตรวจ แม้เรือจะลอยลำอยู่นอกเขตที่อนุภาพของ L115A สนิปเปอร์ ไรเฟิ้ลจะหวังผลร้อยเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งลมทะเลก็เป็นอุปสรรค แต่ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับปืนยิงจรวดรุ่นพิเศษที่เพิ่งได้มา รอเพียงทางโน้นส่งสัญญาณมาเท่านั้น ห้องจัดเลี้ยงซึ่งอยู่ตรงไหนสักแห่งในรีสอร์ทก็จะแหลกเป็นจุล
“ว่าไง?”
“ไม่มีการติดต่อมาเลยครับผม”
“จะเอาไงกัน...นี่เราลอยลำอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้วนะ เกิดพวกมันมาตรวจอีกรอบต้องสงสัยแน่”
“แต่ทางโน้นไม่ส่งสัญญาณมาเลย”
ยูซุฟสบถหลายคำก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดูแล้วตัดสินใจ
“รออีก5นาที หากไม่มีการติดต่อมาก็ยกเลิกแผนเลย”
“ครับผม”
งานเลี้ยงจบลงอย่างสมบูรณ์งดงาม ต่างชื่นมื่นกันทั่วหน้า ทั้งนักข่าวที่ได้ภาพข่าวไปเต็มที่ ทั้งนักธุรกิจที่ได้เจรจากับเจ้าภาพได้ความหวังไปหลายรายกว่าจะล่ำลากันเสร็จก็เกือบตี2 ไนท์และริชจึงไปส่งชีคฟาฮัสถึงห้อง
“งานคืนนี้จัดได้ดีมากมิสเตอร์แฮมิลตัน”
“ขอบคุณครับ”
“เสด็จอาทรงพักผ่อนเถอะ ทรงเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว”
“ขอบใจมากทั้งสองคน ไปพักเถอะ เดี๋ยวอาก็จะนอนแล้ว”
“กระหม่อม”
ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกระด้างขึ้นทันทีที่ทั้งสองลับตา องครักษ์ปราดเข้ามาหาทันที
“เราส่งสัญญาณไม่ได้ ทางโน้นเลยไม่ลงมือกระหม่อม”
“ไอ้แฮมิลตันมันไม่โง่สักนิด เห็นฉาบไปฉวยมาอย่างนั้น แต่มันกลับระวังตัวแจ ครั้งนี้เราคงทำอะไรพวกมันไม่ได้”
“กระหม่อมจะหวาดเสียวไม่หาย...โชคดีจริงๆที่ไอ้ยูซุฟมันไม่ลงมือ เพราะที่ผ่านมามันไม่เคยรั้งรอถ้ามันมีโอกาสอย่างนี้”
“เพราะมันมีสัญญากับข้าไว้นะสิ”
“สัญญา?”
“ใช่...เจ้ารู้เท่านี้ก็พอ”
ชีคฟาฮัสตอบห้วนๆแล้วเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้านอน หนุ่มน้อยหน้าหวานที่พาติดมาด้วย แต่ถูกสั่งให้อยู่แต่ในห้อง ถลาเข้ามารอรับอย่างเอาอกเอาใจ
“ฝ่าบาท...เหนื่อยหรือเปล่ากระหม่อม”
“เหนื่อย”
“กระหม่อมเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้สรงแล้ว แต่ว่า...ทรงอยากได้คนปรนนิบัติหรือไม่กระหม่อม”
สีหน้าบึ้งตึงของชีคฟาฮัสค่อยสดชื่นขึ้น ปล่อยให้หนุ่มน้อยปลดเปลื้องเครื่องทรงออกจากตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน แม้จะมีร่างบางคอยคลอเคลียแต่ชีคฟาฮัสก็ยังไม่หายหงุดหงิด เสียดายโอกาสที่ผ่านไปต่อหน้า
...ผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวมากับนักข่าว ยิงจรวดเข้าไปในงานระหว่างที่ชีคฟาฮัสอยู่ในห้องน้ำ...ชีครามิลตายและคนที่ต้องรับผิดชอบคือแฮมิลตัน ทุกอย่างถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แต่กลับหาโอกาสลงมือไม่ได้ ช่างน่าแค้นในอย่างยิ่ง
“ฝ่าบาทเครียดจัง...กระหม่อมจะนวดถวาย” เด็กหนุ่มกระชิบอย่างเอาใจขณะล้างฟองสบู่ออกจากร่างท้วมขาว ชีคฟาฮัสพยักรับทั้งที่ยังมีสีหน้าครุ่นคิด
“ก็ดี”
เด็กหนุ่มเช็ดตัวให้อย่างรวดเร็ว ร่างท้วมขาวเดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียงอย่างล้าๆ มือนุ่มๆกดไปตามต้นคอและบ่าอย่างคล่องแคล่วทำให้อาการปวดตึงด้วยความเครียดบรรเทาลง ชีคฟาฮัสหลับตาพริ้ม คิ้วที่ขมวดมุ่นค่อยคลายตัวช้าๆ
‘ช่างมัน...ถึงครั้งนี้พลาด ก็คงมีโอกาสอีกจนได้ ขอเพียงหาจุดอ่อนรามิลให้เจอ อะไรๆก็คงง่ายเข้า...ยังไงเสียยูซุฟกับองค์กรก็ต้องช่วยหาทางจัดการรามิล อย่างเต็มที่ เพราะมันย่อมต้องหวังตั้งองค์กรของมัน ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าคนครองราชย์ไม่ใช่เรา’
นั่นคือข้อตกลงระหว่างชีคฟาฮัสกับองค์กรก่อการร้ายข้ามชาติที่หวังจะฟื้นฟูฐานปฏิบัติการขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากถูกกองทัพภูติของชีครามิลทำลายจนราบ ทั้งยังการให้การศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับหลักการแท้จริงของศาสนาตามพระคัมภีร์ที่เคยถูกบิดเบือน ก็ทำให้ประชาชนทั่วไปเริ่มรู้และเข้าใจหลักศาสนาอย่างถูกต้อง ไม่ตกเป็นเหยื่อให้องค์กรเหล่านี้หลอกใช้ได้อีกต่อไป ทำให้ชีครามิล ถูกวางไว้ในฐานะศัตรูหมายเลขหนึ่งขององค์กรนี้ และยูซุฟคือตัวแทนที่มีอำนาจในการบังคับบัญชากองกำลังใต้ดินของมัน ชีคฟาฮัสเผลอยิ้มเหี้ยมอย่างไม่รู้ตัว
“ฝ่าบาททรงยิ้มน่ากลัวจัง”
“ก็เราหาวิธีจัดการกับเจ้าได้แล้วน่ะสิ...มานี่”
เด็กหนุ่มหัวเราะคิกเมื่อถูกกระชากลงไปนอนแทนที่ ฟันคมๆกัดทึ้งไปทั่วร่างบอบบางจนขึ้นแนวจ้ำเขียว เช่นเดียวกับที่เด็กหนุ่มก็ทั้งกัดและจิกกระชากเล็บจนเรียกรอยเลือดซิบ ทั้งแผลเก่าแผลใหม่ทิ้งร่อยรอยเต็มแผ่นหลัง แต่กลับกระตุ้นอารมณ์ชีคฟาฮัสให้ลุกโพลงยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาท...คืนนี้ต้องทรงสุขสุดขีดเลยล่ะ...กระหม่อมสัญญา” เด็กหนุ่มกระซิบข้างหูก่อนจะเหวี่ยงตัวเองขึ้นคร่อม แล้วใช้เชือกจากเสื้อคลุมอาบน้ำมัดข้อมือชีคฟาฮัสติดกับหัวเตียง มือเล็กเลื่อนลงไปที่หน้าท้องขาวโพลน ลูบไล้และขยับมือไปมาขณะที่ฟันก็กัดทึ้งยอดอกแดงที่แข็งเป็นไตอย่างรวดเร็ว มืออีกข้างคว้ากระดิ่งบนหัวเตียงมาเขย่าเบาๆ...
สิ้นเสียงกระดิ่งแก้ว ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มสูงใหญ่กล้ามเป็นมัดสองคนในสภาพเปลือยเปล่า ปราดเข้ามาช่วยรุมปลุกเร้าชีคฟาฮัส เด็กหนุ่มร่างบางยิ้มหวานหันไปสบตาผู้เข้ามาใหม่แล้วเลื่อนตัวลงไปรอ ทั้งสองคนเข้าไปนอนขนาบข้างตัวชีคฟาฮัส ต่างยกขาที่เนื้อเริ่มนิ่มเหลวด้วยวัย แยกออกคนละทาง ขณะที่ปากก็กัดทึ้งยอดอกที่แดงจัดให้ห้อเลือด เด็กหนุ่มยิ้มเย็นขณะแทรกตัวลงไปนั่ง จรดร่างกายให้พอดีกับช่องทางด้านหลังแล้วกระทั้นตัวเข้าไปอย่างเร็วและแรง เสียงชีคฟาฮัสกรีดร้องลั่น
ร่างท้วมขาวสะท้านสะเทือนด้วยแรงกระแทกและปลุกเร้า แต่กลับครวญครางอย่างมีความสุข ยอมแม้กระทั่งใช้ปากให้เด็กหนุ่ม ขณะที่หนุ่มนักกล้ามทั้งสองช่วยกันขย่มอยู่ข้างหลัง แน่นอนหากไม่ฝึกกันมาจนเชียวชาญ การต้องรับคนสองคนพร้อมกันชีคฟาฮัสคงได้รับบาดเจ็บ แต่เมื่อผู้กระทำฝึกท่านี้มาจนช่ำชอง จึงทำให้ชีคฟาฮัสสุขสมเกินกว่าจะบรรยาย จนต้องระบายความสุขด้วยการดื่มกินเด็กหนุ่มจนคับปากระหว่างที่จะไปถึงจุดสุดยอด
ในขณะที่ในห้องมีแต่เสียงครวญคราง องครักษ์คนสนิทกลับนั่งทำหน้าเมื่อยอยู่ข้างนอก ด้วยต้องฟังเสียงนี้อยู่ทุกคืนมาหลายสิบปีแล้ว และตนเองก็ไม่ได้รู้สึกรู้สมกับอารมณ์นั้น เพราะร่างกายถูกทำให้ไร้ความปรารถนา ชีวิตนี้จึงรักและภักดีต่อนายเพียงคนเดียว และชีคฟาฮัสเองก็ไว้ใจจนให้อยู่ข้างกายไปทุกที่ทุกเวลายิ่งกว่าคนสนิทอีกคน
เงาที่ไหวเพียงวูบเดียวก็ทำให้ร่างสูงใหญ่กระชากมีดออกจากฝัก แต่คนที่มาก้าวเข้ามาในแสงไฟให้เห็นเสียก่อน
“เจ้าเข้ามาได้ยังไง?” แม้จะเห็นชัดแล้วว่าคนเข้ามาคือยูซุฟแต่องครักษ์สนิทของชีคฟาฮัสก็ยังไม่คลายความระวัง เพราะยังไงก็ไม่เคยไว้ใจไอ้หมอนี่
“ก็เพราะที่นี่มีแต่คนของฝ่าบาทฟาฮัสน่ะสิถึงลอบเข้ามาได้...ทำไมวันนี้ไม่ออกไปส่งข่าว”
“เหอะ! จะออกไปได้ยังไง คนของไอ้แฮมิลตันเฝ้าอยู่ตลอดเวลา แปลกนะที่เจ้าเข้ามาได้...เอ๊ะ!”
ทั้งคู่สบตากันอย่างตกใจ ต่างสงสัยว่านี่อาจเป็นกับดัก แต่ยูซุฟยังคุมสีหน้าได้ราบเรียบทั้งที่ใจร้อนเหมือนไฟลน
“ข้าพลาดแล้ว ต้องรีบไปก่อน แล้วจะติดต่อไปเอง”
ร่างนั้นเร้นหายไปราวกับเงา แต่ไม่นานกลับได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาจากในสวน เสียงต่อสู้ค่อยๆห่างออกไป องครักษ์ของชีคฟาฮัสเตรียมคำแก้ตัวไว้แล้วหากคนของริชจะเข้ามาจับผิด แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเงียบสนิท...จนน่ากลัว
เกือบสว่างหนุ่มร่างใหญ่สองคนจึงออกมาจากห้องชีคฟาฮัส และอีกครู่ใหญ่กว่าเด็กหนุ่มจะตามออกมา
“ฝ่าบาทบรรทมหรือยัง?”
“อย่าเข้าไปดีกว่าท่านองครักษ์ ท่านก็รู้ว่าฝ่าบาทไม่ชอบให้รบกวนตอนบรรทม ไว้พรุ่งนี้เราจะทูลให้ ว่าแต่...มีเรื่องอะไรเหรอ ด่วนหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่กิจของเจ้า”
“แหม!ท่านราชองครักษ์ เราก็ไม่ได้อยากจะวุ่นวายอะไรหรอก หากท่านไม่ไว้ใจเรา พรุ่งนี้พอฝ่าบาทตื่นบรรทมเราจะออกมาตามท่านแล้วกัน”เด็กหนุ่มงอน ป่องๆไปราวกับเป็นสตรี ทำให้องครักษ์คนสนิทของชีคฟาฮัสมองตามอย่างรำคาญ
............
แล้วเจอกันใหม่
เรื่องหนังสือตอนนี้รอทาง ใบปอ อยู่คะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบนะ
ขอบคุณคะ