.....
เมื่อกลับไปถึงบ้านพักที่เกาะหมอและองครักษ์มารออยู่ที่ท่าเรือแล้ว แจ็คถูกประคองเข้าไปข้างในเพราะเขาไม่ยอมนอนไปในเปลหาม
“ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้างกระหม่อม?”อามิลปราดเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล
“เราไม่เป็นไร แต่แจ็คช่วยเราก็เลยได้รับบาดเจ็บ”
“เป็นความผิดของกระหม่อมเองที่บกพร่อง”
“คนจ้องอยู่แล้วกับคนระวังมันก็มีโอกาสพลาดอย่างนี้แหละ...”ไนท์ชะงักเมื่อรู้ตัวว่าเขาเอาคำพูดใครมาใช้ แม้แต่อามิลยังทำหน้าชอบกลเมื่อได้ฟัง นี่ไม่ใช่ปรกติวิสัยของชีครามิล ผู้เกลียดความผิดพลาดเป็นที่สุด
“แต่กระหม่อม…”
“ช่างเถอะ เราจะเข้าไปดูแจ็คก่อน”
“กระหม่อม”
แจ็คถอดเสื้อนั่งอยู่กลางห้องรับแขก หมอกำลังพันผ้าพันแผลให้
“เป็นไงบ้างหมอ?”
“กระสุนถากไปกระหม่อม เสียเลือดไม่มาก แต่คืนนี้อาจมีไข้ กระหม่อมฉีดยาให้แล้ว และจะจัดยาแก้ปวดลดไข้ไว้ให้ ขอฝ่าบาทโปรดวางพระทัย”
“ขอบใจมากหมอ”
ไนท์มองคนเจ็บนิ่งทั้งที่นึกขันสีหน้าเคร่งเครียดของแจ็คเต็มที รอจนหมอถวายคำนับแล้วออกไปแล้วนั่นแหละถึงได้ทรุดลงนั่งข้างๆ นิ้วยาวแตะที่รอยแผลเป็นเกือบกลางอกของแจ็คเบาๆ
“ว่าจะถามตั้งหลายครั้งแล้ว รอยแผลนี่?…”
“เมื่อสองปีก่อนมีเรื่องกับคนที่เกาะคู่แฝด ก็เลยโดนยิงครับ”
“ฝีมือระดับเธอเนี่ยนะโดนทำร้ายได้?”
“ตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีฝีมืออะไรหรอกครับ หลังจากเกิดเรื่องก็เลยขอเข้ารับการอบรมกับพวกบอดี้การ์ด คุณริชให้อดีตนาวิกโยธินของซีลมาสอนให้”
“แต่ที่เธอใช้มัน...ไทยบ๊อกซิ่ง?”
“ครับ...คุณริชให้ไปเรียนเพิ่มเติมตามแต่ใครจะสนใจศิลปะการต่อสู้แบบไหน ผมชอบมวยไทย ก็เลยไปเรียนอยู่เกือบปี”
“มิน่าฝีมือถึงได้ดีนัก ขนาดองครักษ์ของฉันยังโดนสอยร่วงไปเสียสองคน”
“ผมยังรู้สึกแย่ไม่หายจนทุกวันนี้”
“ทำไม?”
“ครู…ผมหมายถึงคนที่สอนมวยไทยให้ผม เขาให้ผมปฏิญาณว่าจะไม่เอาวิชาต่อสู้ไปใช้เพื่อทำร้ายคนอื่น สิ่งที่เขาสอนมีไว้ป้องกันตัวเองและเพื่อฝึกร่างกายแข็งแรง แต่ผมกลับใช้ทำร้ายคนอื่นเพราะความโกรธ...”
“คนอ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อเสมอ ถ้าเธอคิดจะมีชีวิตรอดในโลกใบนี้เธอก็ต้องแข็งแกร่งกว่าถึงจะอยู่ได้ คนเราน่ะ...พึ่งได้เชื่อได้ ก็แต่ตัวเองเท่านั้นแหละ”
“แปลว่าเราจะไว้ใจใครไม่ได้เลยเหรอครับ ชีวิตแบบนั้นมัน...มันน่าเศร้านะครับ”
“มันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่สำหรับฉันการไว้ใจคนอื่นคือความประมาท และความประมาทคือหายนะ”
“แล้วผมละครับ เชื่อใจได้บ้างไหม?”
“ของแบบนี้มันต้องดูกันนานๆแจ็ค เราเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นนะ”
“…นั้นสินะครับ ผมน่าจะรู้ตัว…” แจ็ครำพึงเสียงแผ่วแล้วก้มลงหยิบเสื้อเปื้อนเลือดมาถือไว้
“สักวันผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมเป็นคนที่คุณเชื่อใจได้”
“ฉันจะรอดูวันนั้น”ไนท์กอดอกแล้วพิงพนักเก้าอี้มองชายหนุ่มด้วยใบหน้าเรียบเฉย แจ็คพยักหน้าน้อยๆ ดวงตาหม่นแสง ชายหนุ่มกลับไปที่ห้องตัวเอง ซึ่งตลอดอาทิตย์ เขาใช้เป็นที่อาบน้ำและเก็บเสื้อผ้าเท่านั้น แต่คืนนี้เขาคงได้ใช้มันอย่างคุ้มค่า
♜...........♜...........♜
♚..14..♚
ร่างโปร่งยืนมองทะเลสีครามนิ่ง แม้ภาพตรงหน้าจะงดงามเพียงใดแต่ชีคหนุ่มกลับมองไม่เห็น ด้วยสมองมัวครุ่นคิดถึงใครบางคน
“ข่าวจากฮาลีกระหม่อม” ไคซัคเข้ามาค้อมกายเคารพ
ไนท์พยักหน้าเดินลิ่วไปยังห้องทำงาน สัญญาณภาพมารออยู่แล้ว ฮาลียิ้มกว้างกว่าเคย ท่าทางตื่นเต้นเห็นได้ชัด
“มีอะไรฮาลี?”
“เราไขปริศนาของแผนที่ได้บางส่วนกระหม่อม”
“ว่าไงบ้าง?”
“คล้ายรหัสมอสกระหม่อม แต่ถ้าแปลตรงๆจะออกมาไม่เป็นคำ”
“หมายความว่าคนเขียนเป็นทหาร?”
“อาจใช่กระหม่อม แต่ที่เราตรวจสอบยังหาข้อมูลใดๆไม่ได้เลยกระหม่อม...เกรงว่าเขาจะ...ถูกเก็บไปแล้วกระหม่อม”
“หาให้ละเอียด บางทีครอบครัวเขาอาจรู้เรื่องนี้”
“กระหม่อม...มีอีกเรื่องกระหม่อม ชีคซารีฟต้องการพบฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์”
“ที่ไหน?”
“ที่วังขาวกระหม่อม”
“ตกลง...เราจะรีบไป...มีอะไรอีกหรือเปล่า?”ไนท์ดักคอเมื่อสังเกตเห็นท่าทางอึกอักของคนสนิท
“เอ่อ..กระหม่อมไม่กล้าทูล”
“พูดมา”
“ท่านชีคเปรยว่าอยากเจอ...เอ่อ...คนของฝ่าบาท”
“เจ้าหมายถึงใคร?” ไนท์นั่งตัวตรงขึ้น ตาคมเป็นประกายวาววับจนฮาลีหน้าเจื่อน
“ท่านชีคพูดถึงคนที่เกาะส่วนตัวกระหม่อม”
“...งั้นเหรอ...ไว้เราคิดดูก่อนแล้วกัน”
“กระหม่อม”
ไนท์กดตัดสัญญาณแต่ปลายนิ้วยังค้างอยู่ที่ปุ่ม ขนาดท่านอาซารีฟอยู่ไกลขนาดนั้นยังรู้เรื่องของแจ็ค โอกาสที่อาฟาฮัสจะรู้เรื่องแจ็คย่อมไม่ใช่เรื่องยาก เขาไม่รู้ว่าจะกันแจ็คให้ห่างจากสถานการณ์นี้ได้นานแค่ไหน แต่หากเขายังคบกับแจ็คต่อไปไม่ช้าแจ็คต้องเข้าสู่วังวนนี้อย่างไม่มีทางเลี่ยง
มือขาวแตะที่อกแล้วดึงสร้อยที่ห้อยคอออกมา มุกสีชมพูเม็ดจิ๋วถูกฝังบนกางเขนของมารดา น่าแปลกที่ของที่มาจากคนละคนกลับเข้ากันได้อย่างลงตัว ราวกับแม่เว้นจุดกึ่งกลางนี้ไว้ให้ประดับมุก นานแค่ไหนแล้วที่เขากับเจ้าของมุกเม็ดนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง นับตั้งแต่กลับจากเกาะ เขากับริชก็ประชุมเครียดกันตลอดสัปดาห์ ตอนนี้ริชเองก็รีบกลับไปนิวยอร์คเพราะห่วงคนรัก
“ไคซัค” ไนท์เรียกคนสนิทผ่านอินเทอร์โฟน ร่างสูงใหญ่เข้ามารวดเร็วราวกับรออยู่แล้ว
“กระหม่อม”
“เตรียมตัวเดินทาง เราจะไปวังขาวพรุ่งนี้
“กระหม่อม”
“ดูตารางงานของแจ็คด้วย”
ร่างสูงชะงักกึกหันกลับมามองเขาด้วยความประหลาดใจ
“พาคุณแจ็คด้วยหรือกระหม่อม?”
“ใช่”
“กระหม่อมจะจัดการให้เรียบร้อย”
“ขอบใจ”
ไคซัคค้อมกายเคารพแล้วออกไปจากห้อง ไนท์ถอนใจยาว ทำไมจะไม่รู้ว่าไคซัคไม่เห็นด้วย แต่อาจถึงเวลาแล้วก็ได้ที่เขาต้องตัดสินใจเสียที ว่าจะวางแจ็คไว้ในฐานะอะไร............
ก็อกๆๆ แจ็คโผล่หน้าเข้าไปในสำนักงาน เจฟฟรี่เงยหน้าขึ้นจากเอกสารกองใหญ่และยิ้มให้
“คุณเจฟเรียกผมเหรอครับ?”
“นายไปส่งใบลาพักร้อนให้เรียบร้อยนะ”
“ลาพักร้อน...จะให้ผมไปไหนครับ?”แจ็คขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“ชีครามิลจะกลับประเทศพรุ่งนี้ คุณริชให้นายลาพักร้อน”
“...อ่า...ครับ...กี่วันครับ?” แจ็คอึ้งอยู่นานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ
“นายมีวันลากี่วันก็ลาไปหมดนั่นแหละ”
“ครับผม” แจ็คหันกลับออกไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับเปิดประตูพรวดกลับเข้ามาใหม่ ใบหน้าเป็นสีเข้มขึ้นเพราะระงับอาการดีใจไว้ไม่อยู่
“เอ่อ...ขอบคุณครับคุณเจฟ ฝากขอบคุณเจ้านายด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไร เที่ยวให้สนุกนะ”
“ครับ”
เจฟฟรี่หัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู เสียดายที่ริชไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแจ็คตอนนี้
............
เครื่องบินโดยสารที่ถูกเช่าเหมาลำค่อยๆร่อนลงแตะรันเวย์อย่าง นุ่มนวล ทันทีที่เครื่องจอดสนิทองครักษ์ในชุดดำทั้งหมด ก็ปลดเข็มขัดแล้วลุกขึ้น หายไปรวมทั้งไคซัคด้วย มีเพียงไนท์เท่านั้นที่ยังจ้องจอคอมพิวเตอร์ง่วนอยู่ ครู่เดียวไคซัคก็กลับเข้ามาพร้อมกับองครักษ์หน้าคุ้นๆคนหนึ่ง ทั้งคู่เปลี่ยนจากชุด สากลเป็นชุดพื้นเมืองเรียบร้อยแล้ว
“เปลี่ยนเครื่องทรงเถอะกระหม่อม”
“อืม…แป๊บนึง แจ็คแน่ะ...ไปเปลี่ยนก่อนไป”
“เชิญทางนี้ครับคุณแจ็ค” องครักษ์หน้าตายอีกคนผายมือไปยังม่านด้าน ข้าง แจ็คลุกตามไป...ชุดพื้นเมืองอีกชุดแขวนรออยู่แล้ว
องครักษ์หน้าเคร่งให้คำแนะนำการสวมทีละชิ้น มาติดปัญหาที่ผ้าคลุม ศีรษะกับเชือกรัดที่แจ็คสวมเองไม่ถนัด แถมองครักษ์ของไนท์ก็ไม่ยอมทำให้
“คงต้องให้ฝ่าบาทสวมให้ครับ”
“อ้าว!ทำไมละครับ”
“กัฟฟียากับอะกาลเป็นของประทาน คนอื่นจะหยิบจับส่งเดชไม่ได้ครับ”
แจ็คได้แต่พยักหน้าทั้งที่ยังงุนงงกับธรรมเนียมที่แปลกและยุ่งยากสำหรับคนตะวันตกแบบเขา แต่เมื่อกลับเข้ามาที่ห้องก็พบว่าไนท์เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยแล้ว
เดิมทีแจ็คคิดว่าคนเป็นชีคต้องสวมเสื้อผ้าที่ตกแต่งหรูหราเหมือนที่เคยเห็นในภาพยนตร์...แต่เครื่องแต่งกายของไนท์กลับไม่แตกต่างจากที่พวกองครักษ์ใส่ เพียงแต่อะกาลเท่านั้นที่เป็นสายรัดสีดำและทองไขว้ขัดกันเป็นเกลียวมีตราประทับรูปเหยี่ยวประดับด้วยเพชร ซึ่งของเหล่าองค์รักษ์จะเป็นสีน้ำเงินขาวธรรมดา
แจ็คมองคนรักด้วยอาการคล้ายตะลึง เขาเคยคิดว่าไนท์ช่างดูโดดเด่นและงามสง่าในเครื่องแต่งกายแบบสากล แต่เมื่อได้เห็นไนท์สวมชุดพื้นเมืองเขากลับรู้สึกว่า ไม่มีชุดใดในโลกที่ทำให้ไนท์ดูสง่างามและฉายรัศมีแห่งอำนาจได้มากไปกว่าเครื่องแต่งกายประจำชาติของไนท์อีกแล้ว และนั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความแตกต่าง ระหว่างเขากับไนท์มากขึ้น
ไนท์หันมามองแล้วยิ้ม เมื่อแจ็คส่งกัฟฟียาให้ด้วยใบหน้าเหยเก
“ผมใส่เองไม่ถนัด คุณคนนี้เขาก็ไม่ยอมใส่ให้”
“อ๋อ…มันเป็นกฎน่ะ ของประทานใครก็ใส่ให้กันไม่ได้ทั้งนั้น เอาละเรียบร้อยแล้ว”ไนท์ถอยออกมามองชายหนุ่มด้วยสีหน้าพึงพอใจ ขณะที่แจ็คก้มมองตัวเอง ถึงไม่มีกระจกเขาก็แน่ใจว่าตัวเองคงดูเปิ่นในเครื่องแต่งกายแบบนี้
“เชิญเสด็จกระหม่อม” องครักษ์คนหนึ่งเข้ามาถวายคำนับแล้วแหวกม่านรอ ไนท์ออกเดินนำ ไคซัคตามประกบทันที แจ็คยืนลังเลไม่รู้ว่าเขาควรอยู่ที่ใดในขบวนแต่องค์รักษ์หน้าเคร่งก็เป็นผู้จัดการให้โดยการดันหลังเขาให้เดินตามไคซัคไปติดๆ
พรมสีแดงปูลาดจากบันได้เครื่องและทอดยาวไปถึงรถบัสที่ติดม่านทึบทั้งคัน ชายในชุดพื้นเมืองยืนเรียงเข้าแถวจากเชิงบันได้จนถึงหน้ารถบัสเป็นแถวตรงเป๊ะ ทันทีที่ไนท์ก้าวลงไปทั้งหมดก็ค้อมศีรษะลงพร้อมกันพรึบ ไม่มีดนตรีหรือดอกไม้มาต้อนรับแบบที่แจ็คเคยเห็นในภาพยนตร์ บรรยากาศเต็มไปด้วยพิธีการที่เคร่งขรึมจนชายหนุ่มรู้สึกเครียด หากแต่ในคณะผู้ต้อนรับกลับมีคนที่แตกต่างจากคณะเพราะยิ้มแย้มกว้างขวาง และไนท์ก็พุ่งตรงไปหาทันที
“ไงฮาลี…สีหน้าแบบนี้หวังว่าเราคงได้ฟังข่าวดีสินะ”
“กระหม่อม มีแต่เรื่องดีๆกระหม่อม”
“แล้วไงเดินทางสะดวกสบายดีหรือเปล่า?”
“กระหม่อม…ฝ่าบาทเสด็จห้องประชุมเลยไหมกระหม่อม?”
“ไปเฝ้าเสด็จอาก่อนดีกว่า…ไคซัคไปพักเถอะ ให้ฮาลีดูแลเราแทน”
“กระหม่อม”
องครักษ์ทั้งหมดค้อมตัวรับคำสั่งแล้วเดินแยกไปขึ้นรถอีกคัน แจ็คเดินตามไปด้วยแต่ฮาลีปราดมาแตะแขนเขาเดินตามไนท์ไปขึ้นรถ แถวที่รอรับเสด็จค้อมตัวราวกับอ้อลู่ลมเมื่อไนท์เดินผ่าน แจ็คสังเกตว่าฮาลีเดินตามไนท์ก็จริง แต่ไม่ได้เดินไปในพรมแดง แจ็ครีบเลื่อนลงไปเดินด้านข้างๆแต่ฮาลีรั้งศอกไว้ให้เดินไปบนพรม
“ผมเดินข้างล่างดีกว่า” แจ็คกระซิบเสียงเครียด แต่ฮาลียิ้มเฉย
“ทางนี้ขอรับ”ฮาลีค้อมศีรษะให้แจ็ค องครักษ์ที่ยืนหน้าประตูก็เช่นกัน แจ็คจำต้องก้าวขึ้นรถด้วยความกระอักกระอ่วน
ในรถตกแต่งราวกับเป็นห้องๆหนึ่งมากกว่าจะเป็นรถ พื้นปูด้วยพรมสีครีมเกือบขาว มีเก้าอี้ประทับอยู่ด้านหนึ่งตั้งโต๊ะคั้นกลางเก้าอี้อีกตัว เห็นได้ชัดว่าเก้าอี้ตัวนี้เพิ่งถูกเสริมเข้ามา ห่างออกมามีเก้าอี้เรียงอยู่เป็นแถว และมีชายในชุดพื้นเมืองนั่งรออยู่แล้ว ทันทีที่ไนท์เข้าไปทุกคนก็ลุกขึ้นค้อมกายเคารพพร้อมกันพรึบ ฮาลีผายมือเชิญแจ็คไปยังเก้าอี้ที่วางคู่กับเก้าอี้ประทับ ไนท์ทรุดลงนั่งก่อน แจ็คเดินเข้าไปและเหลือบมองฮาลี ฮาลีขยิบตาแล้วก้มศีรษะให้ดู แจ็คก้าวไปโค้งให้ไนท์ก่อนจะทรุดลงนั่ง ทุกคนจึงค้อมตัวแล้วนั่งลงพร้อมกัน รถค่อยๆเคลื่อนตัวไปอย่างนิ่มนวล ............
ชีคซารีฟเป็นบุรุษร่างสูงสง่า ผู้มีใบหน้าที่ยังคงหล่อเหลา แต่ดูแข็งแกร่งและบึกบึนแม้จะเลยวัยกลางคนแล้วก็ตาม
เมื่อเห็นไนท์ก็ยิ้มกว้าง ทำให้ใบหน้ากร้าวแกร่งดูอ่อนโยนเปี่ยมเมตตา จนทุกคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ
“ไงเจ้าตัวแสบ?”
“เสด็จอา”ไนท์เดินเข้าหาไปกอดทักทาย ในอกวาบลึกเมื่อรู้สึกหนาวหัวใจ อกอุ่นที่ไว้ใจได้เหลือเพียงหนึ่งเดียวเสียแล้ว
“หายหน้าไปเลยนะ อาไม่ได้เจอเรามานานแค่ไหนเนี่ย?”
“2 เดือนกระหม่อม”
“ดีนะ...นี่ถ้าอาไม่ใช้ให้ฮาลีตามมา คงจะไม่เจอเราเลยละสิ”
“ก็งานหลานเยอะ”
“มิน่าพ่อเรานั่งหน้าเป็นม้าหมากรุกทุกที ขนาดอายังไม่ได้เจอ...แล้วไปหาพ่อบ้างหรือเปล่า?”
“เอ่อ...หลานไม่ค่อยว่าง”
“เลิกอ้างได้เลย...แล้วนี่เพื่อนหลาน?”
“แจ็ค มิเคเน่ กระหม่อม”
แจ็คค้อมกายเคารพได้งดงามตามพิธีการ ไนท์มองนิ่งอย่างแปลกใจและพอใจ
“ยินดีต้อนรับสู่เมืองแห่งตะวันแจ็ค...เป็นไงเดินทางสะดวกสบายดีหรือเปล่า?”
“ด้วยพระบารมี การเดินทางสะดวกสบายดีกระหม่อม”
ใช่แต่ชีคซารีฟที่อึ้งไปเมื่อได้ยินภาษาอาหรับที่ถูกต้องตามแบบแผนจากปากแจ็ค แม้แต่ไนท์และองครักษ์ต่างก็หันไปมองแจ็คเป็นตาเดียว มีแต่ฮาลีเท่านั้นที่ยิ้มกว้างอย่างถูกใจ
“เก่งนะพูดภาษาเราได้คล่องเชียว”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“ตามสบายนะ ถือซะว่ามาเที่ยวบ้านอีกหลัง อย่าพะวงกับราชาศัพท์ให้ยุ่งยากเลย คิดเสียว่าฉันเป็นอาเธอก็แล้วกัน”
“เป็นพระมหากรุณากระหม่อม”
“ไปคุยที่ห้องโน้นดีกว่า ป่านนี้เขาคงตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว ไปไนท์ แจ็ค “
“กระหม่อม”
ทั้งแจ็คและไนท์ต่างค้อมกายเคารพพร้อมกัน ไนท์เหลือบมองแจ็ค นิดหนึ่งก่อนจะเดินนำเข้าไป............
แจ็คตื่นแต่เช้าทั้งที่นอนไม่ค่อยหลับ เมื่อคืนเขากับไนท์ไม่ได้พูดอะไรกันเป็นการส่วนตัวเลย ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกังวล เขาแน่ใจว่าไนท์คงโกรธเรื่องที่เขาพูดภาษาอาหรับได้แล้วไม่บอก ชายหนุ่มรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปหาไนท์แต่พบว่าหน้าห้องของไนท์มีทหารยืนเฝ้าอยู่หลายคน
“ผมมาขอพบ...เอ่อ ขอเฝ้าฝ่าบาทครับ”
“กรุณารอสักครู่ครับผม” นายทหารคนหนึ่งเดินเข้าไปด้านในก่อนจะออกมาเชิญแจ็คเข้าไป
แจ็คเคาะประตูเบาๆก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไป รอยยิ้มกว้างสลายวับเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ร่างโปร่งนั่งพิงเอนๆอยู่บนเตียง ร่างท่อนบนเปลือยเปล่า กำลังอ่านข้อมูลจากโน้ตบุ๊คบนตัก ไคซัคยืนอยู่ไม่ห่างนักและมีเสื้อคลุมพาดอยู่บนแขน พอเหลือบเห็นเขาไนท์ก็ลุกขึ้น ท่อนล่างมีเพียงผ้าสีขาวผืนยาวถึงข้อเท้าพันอยู่ผืนเดียว ไคซัคกางเสื้อคลุมออก ไนท์สวมแล้วพยักหน้าให้ไคซัคออกไป
ไนท์เดินไปทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ริมหน้าต่างบานกว้าง แจ็คตามเข้ามาวาง กัฟฟิยาที่ใส่ไม่เป็นบนโต๊ะ ในอกร้อนวูบวาบด้วยความหึงหวง ยิ่งเห็นท่าทางเฉยเมยเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ไคซัคจะถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้เขายิ่งหงุดหงิด
“ไม่เห็นบอกเลยว่าเธอพูดภาษาฉันได้” ไนท์เอ่ยเสียงเรียบแต่ในใจขุ่นมัว ด้วยไม่คิดว่าแจ็คจะกล้ามีความลับกับเขา
“ก็คุณไม่เคยถามนี่ครับ”
“ทำไมต้องรอให้ถาม จะบอกเองไม่ได้หรือไง?”
“ผมไม่รู้ว่าควรบอกคุณตอนไหน ในเมื่อทั้งคุณแล้วก็องครักษ์ของคุณก็พูดภาษาอังกฤษกันทุกคน”
“คิดจะล้วงความลับจากพวกเราหรือไงแจ็ค?” ไนท์แซวยิ้มๆ แต่คนฟังเจ็บลึกในอก แจ็คหยิบกัฟฟิยาขึ้นมากำไว้แน่น
‘พวกเรา...นั่นสินะ ในสายตาของไนท์ เราเป็นคนนอกเสมอ’
“ก็คงงั้นมังครับ ผมจะได้รู้ไงว่าโดนนินทาหรือเปล่า” แจ็คแสร้งหัวเราะเบาๆ
“แล้วเป็นไงได้ข้อมูลลับอะไรไปบ้างล่ะ?”
“แหม...พวกคุณรอบคอบกันขนาดนั้น ผมคงล้วงความลับได้ยาก”
ไนท์หรี่ตามองชายหนุ่มเขม็ง...แม้เสียงจะสดใสขี้เล่น แต่มีอะไรบางอย่างในคำพูดบอกให้รู้ว่าแจ็คกำลังน้อยใจ
“เป็นอะไรไปวันนี้ดูแปลกๆ”
แจ็คเมินมองออกไปนอกหน้าต่าง ใจยังขุ่นมัวด้วยความหึงหวง เมื่อนึกถึงตอนที่เข้ามาพบไคซัคจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ไนท์ ทั้งๆที่ไนท์ยังนอนอยู่บนเตียงในสภาพเกือบเปลือย
“ผมไม่ชอบที่คนของคุณเข้ามาในห้อง ทั้งๆที่มันควรเป็นที่ส่วนตัว”
“มันเป็นหน้าที่ของไคซัค”
“หมายความว่าหมอนี่เข้านอกออกในห้องนอนคุณได้ตลอดเวลางั้นเหรอ?”
“ใช่...เขาต้องดูแลฉัน มันเป็นเรื่องของการรักษาความปลอดภัย”
“อย่างนี้ตอนเราเมคเลิฟกันเขาควรต้องอยู่ด้วยสินะ....จะได้มั่นใจในความปลอดภัยไง” แจ็คประชดด้วยความหึงหวง
“อย่ามาประชดประชันเป็นเด็กๆ เธอควรรู้ด้วยว่าฉันมีสถานภาพยังไง ฉันทำอะไรตามใจตัวเองเหมือนเธอไม่ได้หรอกนะ”
“จริงสินะ...กระหม่อมเป็นใคร?...ฝ่าบาทเป็นใคร?...ความจริงกระหม่อมควรพึงสังวรให้มากกว่านี้ถูกไหมฝ่าบาท”
“แจ็ค!...อย่าให้ความอดทนฉันสิ้นสุดลงเพราะวาจาโง่ๆ ฉันมีเรื่องให้ปวดหัวมากพออยู่แล้ว เธอไม่ควรมาสร้างความยุ่งยากให้ฉันมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะส่งเธอกลับ…” หลุดปากออกไปแล้วไนท์ก็ใจหาย แต่เมื่อพูดไปแล้วจะเรียกกลับคืนได้อย่างไร
แจ็คชะงัก...ชายหนุ่มถอยหลังแล้วค้อมกายทำความเคารพตามประเพณีแล้วถอยออกไปจากห้องเงียบๆ
ไนท์ถอนใจยาว...ในอกวาบลึกอย่างประหลาด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเสียใจในคำพูด ทั้งๆที่เขาเป็นคนรอบคอบและระมัดระวังคำพูดทุกคำอยู่เสมอ แต่กับแจ็คเขามักเผลอหลุดปากพูดอะไรไม่คิดไปประจำ นี่หากท่านราชครูยังอยู่เขาคงถูกตำหนิ
‘ฝ่าบาทเป็นรัชทายาท...วันหน้าต้องทรงเป็นกษัตริย์แทนพระบิดา...สิ่งที่พระองค์ตรัสโยกย้ายได้แม้แผ่นดิน...ทุกคำที่ออกจากโอฐจึงต้องระมัดระวังยิ่ง’
หน้าที่ของรัชทายาททำให้เขาถูกปลูกฝัง เคี่ยวเข็ญ ไว้ในกรอบอันเข้มงวดนับตั้งแต่ลืมตาตื่นจนเข้านอน ยามอยู่ในพระราชฐานเขาเป็นองค์รัชทายาท แต่ยามอยู่ในค่ายทหารเขาเป็นเพียงทหารคนหนึ่งที่ต้องฝึก ต้องถูกเคี่ยวเข็ญ ตรากตรำไม่ต่างจากทหารทุกนาย อาจจะหนักกว่าผู้อื่นด้วยซ้ำเพราะเขาเป็นผู้นำจะให้มีฝีมือเท่าๆกับลูกน้องคงไม่ได้
แต่เมื่อได้อยู่กับแจ็ค เขาไม่ต้องระแวดระวัง อบอุ่นในหัวใจเสียจนแทบกลายเป็นความประมาท นับวันแจ็คก็ยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นทุกทีจนเขานึกกลัว........กลัว ที่ไม่อาจควบคุมหัวใจตัวเองได้อีกต่อไป...
เสียงโทรศัพท์ปลุกชีคหนุ่มขึ้นจากภวังค์
“ฝ่าบาท”
“ว่าไงไคซัค?”
“ฮาลีส่งข่าวมาแล้วกระหม่อม...ตอนแรกเข้าใจกันว่า เป็นรหัสมอส ธรรมดา แต่กลายเป็นภาษาชาวเลโบราณ คนส่งต้องมีความรู้เชี่ยวชาญทางภาษาและน่าจะเป็นทหารกระหม่อม”
“หมายความว่าไง?...เป็นทหารแต่เชี่ยวชาญด้านภาษา...คนที่มีความสามารถเฉพาะแบบนี้น่าจะมีไม่มาก ลองตรวจสอบ ดูซิ”
“กระหม่อม”
“แล้วแปลได้บ้างหรือยัง?”
“ได้บางส่วนแล้วกระหม่อม แต่เรียงเป็นประโยคไม่ได้ ข้อความบางส่วนที่ลบเลือนไปฮาลีกำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ใกล้เคียงที่สุด กระหม่อมกำลังจะไปสมทบกับฮาลีที่ฐานลับ...หากได้รายละเอียดจะได้ออกค้นหาเดินทันทีกระหม่อม”
“ได้ความว่ายังไงแล้วส่งข่าวมาด่วนนะ”
“กระหม่อม”
“โชคดีไคซัค”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ไนท์กดปิดโทรศัพท์ ดวงตาคมเป็นประกายกล้า หากเสร็จงานนี้ อาจได้หยุดพักสักระยะ...อย่างน้อย ก็น่าจะพาแจ็คไปเที่ยวชมความงามของทะเลทรายให้ทั่ว อาจช่วยให้แจ็คคุ้นเคยและเข้าใจในสถานภาพของเขาได้มากกว่านี้
......
แดดร้อนระอุทำให้แจ็คต้องคว้าน้ำมาดื่มติดๆกันหลายครั้ง เหงื่อ ไหลท่วมตัวราวกับอาบน้ำทำให้เขารู้สึกอ่อนเพลีย
แจ็คเหลือบมองทหารองครักษ์ด้านหลังอย่างทึ่งๆ พวกนั้นยืนนิ่งจนแทบไม่ขยับได้อย่างไรในเปลวแดดร้อนระอุเช่นนี้ แม้แต่ม้าก็ดูอดทนและสงบนิ่งไม่ต่างกัน
“อย่าดื่มมากนัก พวกเรายังต้องไปกันอีกไกล เดี๋ยวน้ำจะหมดเสียก่อน” ไคซัคเตือนเบาๆเมื่อสังเกตเห็นแจ็คดื่มน้ำติดๆกันหลายครั้ง
“พวกคุณเก่งแฮะ...ร้อนขนาดนี้ไม่เห็นดื่มน้ำกันสักที แถมยังยืนได้นิ่งยังกับหุ่นแบบนั้นอีก” แจ็คเอ่ยอย่างชื่นชม อามิล ยิ้มเยาะเอ่ยสอดขึ้นมาลอยๆ
“ก็เราเป็นทหาร จะมาเหยาะแหยะใจเสาะอยู่ได้ยังไง ขืนกินน้ำจนหมดตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง คงได้ตายอยู่กลางทะเลทรายโดยยังไม่ได้รบกับใคร”
“อดน้ำไม่กี่ชั่วโมงคงไม่ถึงตายกระมังครับ อีกอย่างผมก็ไม่ได้เป็นทหารคงไม่ต้องไปรบกับใคร ยกเว้นแต่จะออกกำลังกันเล็กๆน้อยๆก็ยังไหวอยู่นะครับ”
แจ็คหันไปตอบยิ้มๆ แต่ดวงตาเย็นเยือกแน่วแน่จนอามิลเผลอหลบตาวูบอย่างลืมตัว ก่อนจะนึกเดือดตัวเองที่ทำอย่างนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเกรงหมอนั่นจนเผลอหลบตา ทั้งที่เขายังแค้นหมอนี่ไม่หายที่ซัดคนสนิทของเขาที่เสียหมอบตอนไปฮาวาย ความอับอายครั้งนี้ทำให้อามิลยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้หนุ่มต่างชาติ ‘ตัวเท่าลูกหมา’ คนนี้มากขึ้น
“งั้นก็ดีสิกำลังอยากลองอยู่พอดี” องครักษ์ร่างยักษ์ขยับเข้ามาใกล้หมายจะเล่นงานแจ็คให้เข็ด แต่ไคซัคขึงตาห้ามไว้เสียก่อน
“อามิล!อย่าเสียมารยาท”
“ขออภัยครับผม”
“ไปเตรียมเดินทางได้แล้ว”
“ครับผม”
อามิลถอยออกไปทันที แต่กระนั้นก็ยังไม่วายส่งสายตาอาฆาตมาให้ แจ็คมองตามอย่างหนักใจเขาคิดผิดหรือถูกกันแน่ที่ตามไคซัคออกมา
กว่าจะถึงจุดนัดหมายก็เกือบบ่าย3โมง แจ็คดื่มน้ำหยดสุดท้ายตั้งแต่ยังไม่เที่ยง แต่เขาก็กัดฟันเดินทางจนมาถึงโดยไม่ยอมรับน้ำจากไคซัคแม้แต่หยดเดียว ทันทีที่เข้าเขตเมืองแจ็คก็แยกไปหาบ่อน้ำโดยไม่สนใจว่าใครจะหัวเราะเยาะ
ชายหนุ่มตักน้ำขึ้นมาถังใหญ่แต่กลับเอาไปให้ม้ากินก่อน พฤติกรรมของเขาทำให้นายทหารที่ไม่ชอบหน้าเขาถึงกับอึ้งไป หลายคนรู้สึกดีกับหนุ่มต่างชาติผิวบางคนนี้ขึ้นมาเล็กน้อยเพราะสำหรับพวกเขา ม้าเปรียบเสมือนเพื่อนตาย เมื่อแจ็คแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับม้าก่อนตัวเองก็ทำให้อคติที่หลายคนมีลดลง
“ที่พักของคุณอยู่ทางนี้ครับ”
แจ็คเหลือบมองก็จำได้ว่าเป็นนายทหารคนที่เอาม้าทรงมาให้เขา ชายหนุ่มยันกายลุกขึ้นแล้วคว้าบังเหียนจูงสกายไปด้วย แต่มีนายทหารอีกคนมารับบังเหียนไปจากเขาเสียก่อน
“พวกนั้นเขาจะดูแลสกายอย่างดี คุณไม่ต้องห่วง...เชิญด้านนี้เลยครับ...นี่เป็นกระโจมส่วนตัวของคุณ พักผ่อนให้สบายนะครับ”
“เอ่อ...ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม...คุณไคซัคไปไหนแล้ว?”
“ท่านราชองครักษ์อยู่ที่กระโจมด้านโน้นครับ”
“ขอบคุณมากครับ คุณ...?”
“กระผมรามเรส หากคุณไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”
“ขอบคุณอีกครั้งครับ”
องครักษ์คนนั้นพยักหน้าให้แล้วจากไปเงียบๆ แจ็คทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มด้วยความอ่อนล้า...นึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้า เขาผลุนผลันออกมาจากห้องไนท์ด้วยความขมขื่นและน้อยใจ จนมาเจอเข้ากับไคซัคและเหล่าองครักษ์ที่กำลังจะเดินทาง ความเซ็งทำให้แจ็คขอตามมาด้วย
ตอนแรกไคซัคทำท่าจะไม่ยอม แต่เมื่อเขายืนยันว่าจะตามมาให้ได้ ไคซัคจึงต้องไปรายงานไนท์ และเมื่อกลับลงมาเขาก็สั่งให้คนจัดม้าให้แจ็ค
รามเรสจัดเจ้าสกายมาให้ สร้างความไม่พอใจให้กับทุกคนเพราะมันเป็นม้าทรงของชีคซารีฟ แต่เมื่อรามเรสยืนยันว่าเป็นรับสั่งของชีคซารีฟทุกคนก็นิ่งไป ยิ่งทำให้แจ็คหนักใจ...ดูเหมือนเรื่องระหว่างเขากับไนท์จะไม่เป็นที่ยอมรับของเหล่าบรรดาองครักษ์ ทุกคนทำท่ารังเกียจเขาเหลือเกิน ไม่ใช่แค่เรื่องความรักที่ผิดจารีตประเพณีอย่างร้ายแรงเท่านั้น...หากแต่ฐานันดรของไนท์ก็เป็นกำแพงมหึมา ที่แจ็คมองไม่เห็นหนทางว่าเขาจะฝ่าข้ามมันไปได้อย่างไร
แจ็คพลิกตัวกระสับกระส่ายแต่ความอ่อนล้าก็ทำให้ชายหนุ่มผล็อยหลับไปในที่สุด............
..........
ขอบคุณมากคะที่ติดตาม
