ขออภัยที่มาช้านะคะ
สำหรับเรื่องหนังสือ ภาคนี้ยังมีอีกเหลืออีก 3 เล่มคะ ถ้าใครอยากได้ PM มานะคะ
มาอ่านกันต่อเลยคะ
..............
อองรีเปิดประตูเข้าไปในห้องพัก สัญชาติญาณทำให้เขาทิ้งตัวราบลงกับพื้นแต่ร่างที่พุ่งเข้าหากลับตามลงมาคร่อมทับเขาทันควัน อองรีพยายามแก้ให้หลุดจากการถูกล็อคแต่ไม่สำเร็จ
“หึๆขนาดพนักงานต้อนรับยังถูกฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยเหรอเนี่ย ถามจริงๆเถอะอองรี นายคุณเขาทำโรงแรมหรือทำค่ายทหารกันแน่?”
“ปล่อยผมได้แล้ว” อองรีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นๆอย่างไม่พอใจ นี่มันห้องพักส่วนตัวของเขาแต่ไคซัคถือวิสาสะเข้ามาทั้งที่เขาไม่อนุญาต
“โกรธที่ผมว่านายคุณ หรือไม่พอใจที่ผมเข้ามาในห้อง” ไคซัคถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆขณะที่ปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ อองรีสะบัดแขนที่ถูกบีบจนชาเบาๆเดินหนีไปยืนอยู่ที่มุมห้องอย่างหงุดหงิด
“ทั้งสองอย่าง คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาในนี้ทั้งๆที่ผมไม่ได้อนุญาต”
“ก็ตั้งแต่วันนั้นคุณก็หลบผมมาตลอด แล้วจะให้ผมขออนุญาตคุณตอนไหน?”
“ผมก็ต้องทำงานนะคุณ”
“แต่ผมอยากเจอคุณนี่”
“ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณนะที่คุณจะมาสั่งโน่นสั่งนี่”
“แต่เรา…คบกันแล้วนะ”
“นี่…การที่เรานอนด้วยกันครั้งสองครั้งมันไม่ได้แปลว่าผมจะต้องคบกับคุณหรอกนะ”
อองรีหันกลับมาสบตาอย่างไม่พอใจ รู้สึกถึงความยุ่งยากที่กำลังตามมารำไร นึกโมโหตัวเองที่เผลอใจไปกับคนอย่างไคซัค ทั้งที่เขาก็พอรู้ว่าคนพวกนี้เจ้าอารมณ์แค่ไหนแต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องยุ่งแบบนี้
“ผิดแล้วอองรี ธรรมเนียมของพวกผม ถ้าผู้หญิงคนไหนเสียพรหมจรรย์ให้ใคร นั่นหมายถึงชายคนนั้นย่อมเป็นเจ้าของ มีอำนาจเหนือชีวิตเธอไปตลอดกาล”
“บ้าแล้ว! นี่ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ แล้วยิ่งไม่ใช่คนประเทศคุณด้วย อีกอย่างระหว่างเราก็แค่เซ็กส์ คุณไม่ใช่ผู้ชายคนแรกหรอกน่าที่ผมนอนด้วย”
“แต่ผมก็เป็นคนแรกของคุณ”
“ถ้าจะหมายถึงผมรับคุณเป็นคนแรกคงใช่ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ ผมว่าคุณกลับไปดีกว่า คืนนี้ผมต้องรีบนอนพรุ่งนี้ผมมีงานแต่เช้า” อองรีเดินผ่านร่างสูงใหญ่เพื่อไปเปิดประตูไล่ แต่กลับถูกเหวี่ยงล้มกลิ้งไปบนเตียงโดยมีร่างหนาโถมทับไว้แน่นจนกระดิกตัวไม่ได้ ดวงตาดุวาววับด้วยความโกรธเกรี้ยวทำให้อองรีหนาวเยือกทั้งตัวด้วยความกลัว
“อย่ามาไล่ฉัน! เพราะตั้งแต่นี้เธอเป็นสมบัติของฉันจำไว้!”
“ไม่…ไคซะ...โอ้ย!…” อองรีร้องไม่ออกเมื่อปากร้อนกระแทกลงมาจนปากเขาแตก เสียงเสื้อผ้าฉีกขาดพร้อมๆกับมือร้อนๆที่บีบเคล้นไปทั่วร่าง อองรีสับสันมือไปที่ลำคอหนาแต่ถูกยึดมือไว้
เพี๊ยะ!!! หน้านวลสะบัดไปตามแรงตบ รอยนิ้วขึ้นเป็นผื่นทันทีพร้อมๆกับเลือดที่ซึมมุมปากช้ำ อองรีตาลุกวาบด้วยความโกรธพยายามจะทำร้ายอีกฝ่ายแต่กลับถูกกดจมลงในที่นอน ร่างบางผวาและกัดฟันแน่นเมื่อร่างหนาแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว เจ็บแปลบเมื่อช่องทางด้านหลังฉีกขาดเพราะต้องเปิดรับแรงแทรกสอดกะทันหัน แม้จะเจ็บจนน้ำตาแทบร่วงแต่ชายหนุ่มก็ไม่ร้องขอความเมตตา อองรีหลับตาแล้วกัดฟันแน่น นอนนิ่งแม้ร่างหนาจะเบียดรุกรุนแรงแค่ไหนก็ตาม
ไคซัคกัดกรามกรอดให้มันรู้ไปว่าเขาจะเอาชนะอองรีไม่ได้ องครักษ์มือหนึ่งหยุดการรุกรานแช่สะโพกนิ่ง มือกร้านปลุกเร้าร่างบางใหม่
แม้จะพยายามอดทนแต่ไม่นานอองรีก็ต้องหลุดเสียงครางเมื่อร่างกายตื่นเพริดไปกับมือร้อนผ่าว สะโพกหนาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ร่างบางขยับรับอย่างลืมตัว ทั้งสองเคลื่อนตัวเข้าหากันถี่รัว อองรีกอดรัดร่างหนาแน่นขณะที่ร่างกายบิดเกร็งด้วยความเจ็บปวดและสุขสมพร้อมๆกับหยาดร้อนพุ่งเหมือนจะทะลุผ่านเข้าไปในกาย ร่างหนาซุกซบลงมากอดไว้แน่น ไม่นานก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งแม้จะไม่เต็มใจและเจ็บปวดแทบขาดใจ แต่อองรีก็ไม่อาจปฏิเสธว่าเขาก็สุขจนล้นไปด้วยทุกครั้ง............
เจฟฟรี่รับฟังรายงานเงียบๆก่อนจะพยักหน้าให้หัวหน้าฝ่ายบุคคลออกไป
“ผมจะไปเยี่ยมอองรีสักหน่อยนะครับ”เจฟฟรี่หันไปรายงานริชเบาๆ
“ก็ดี…ฝากบอกอองรีด้วยว่าเรายินดีช่วยถ้าเขาต้องการ”
“ครับผม” เจฟฟรี่รับคำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
อองรีทำงานกับตระกูลแฮมิลตันมานาน เป็นคนซื่อสัตย์และเป็นที่ไว้วางใจมากคนหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างอองรีกับ องครักษ์ของชีครามิล ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ แต่เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเขาถึงทำเฉย จนกระทั่งได้รับรายงานว่าอองรีไม่มาทำงาน หลายวัน และมีจดหมายลาออกที่ไม่มีลายเซ็นของอองรีส่งมา เขาถึงต้องมาดูด้วยความเป็นห่วง
บ้านพักของอองรีเงียบกริบและไม่มีคนอยู่อย่างที่คิด เจฟฟรี่เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ทันที
ลูกน้องของไคซัคมีสีหน้าลำบาก ใจ เมื่อเขาขอเข้าไปพบ
“ขอผมรายงานท่านราชองครักษ์ก่อนนะครับ”
“ครับ”
ไม่นานนักเขาก็ถูกเชิญเข้าไปข้างใน บ้านพักดูแปลกตาไปเมื่อมีพรมลวดลายแปลกตามาตกแต่ง กลิ่นน้ำมันหอมอวลอ่อนไปทั่วห้อง ไคซัคสวมชุดประจำชาติแต่ลุกขึ้นต้อนรับเขาตามธรรมเนียมตะวันตก
“วันนี้คุณให้เกียรติมาถึงนี่”
“ผมอยากพบอองรี เขาเป็นไงบ้าง?”
องครักษ์ร่างใหญ่อึ้งไปนิดกับคำพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม ใบหน้าเข้มคมยัง คงเรียบเฉยแต่ดวงตาเป็นประกายกร้าวอย่างไม่พอใจ
“ผมว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ”
“ผมคงไม่สอดจมูกเข้ามาถ้าไม่ใช่อองรี เขาเป็นคนในครอบครัวของเรา คุณเข้าใจใช่ไหมครับ?”
“…ก็ได้…กรุณารอสักครู่”
ไคซัคลุกออกไปอย่างจำยอม ไม่นานนักอองรีก็เดินตามเขาออกมา
“คุณเจฟ!” อองรีผวาเข้าหา แต่ไคซัคยึดไหล่เขาไว้แน่น
เจฟฟรี่ผุดลุกขึ้นช้าๆสบตากับไคซัคไม่หลบ ไคซัคยืนนิ่งขึงอยู่ครู่หนึ่งจึงยอมปล่อยไหล่บางเป็นอิสระ อองรีก็ผวาเข้าหาเจฟฟรี่ทันที
“เจฟผมไม่อยากอยู่ที่นี่ พาผมออกไปที” อองรียึดแขนแข็งแน่น ไม่กล้าหันไปมองคนข้างหลังแต่ก็สัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยว
เจฟฟรี่ตบไหล่บางเบาๆอย่างเข้าใจ เขาสบตาไคซัคที่จ้องเขม็ง
“ผมจะพาเขากลับ”
“ไม่ได้!อองรีต้องอยู่ที่นี่” ไคซัคเค้นเสียงตอบ แทบกระโจนเข้ามาแยก อองรีออกห่างจากเจฟฟรี่
“อองรีเป็นพนักงานของบริษัทแฮมิลตันคอปฯครับ”
“เขาลาออกแล้ว”
“ไม่นะเจฟผมไม่ได้ลาออก” อองรีปฏิเสธละร่ำละลัก ไม่สนใจตาวาววับด้วยความโกรธของไคซัค
“ไม่ว่าเขาจะลาออกหรือไม่เรื่องนี้ขอเราพิจารณาเองได้ไหมครับ?”
“ไม่ได้อองรีต้องอยู่ที่นี่” ไคซัคเสียงเย็นมากขึ้นทุกทีเพราะภายในกำลังเดือดพล่านด้วยความโกรธ
“งั้นคุณควรบอกผมว่าเขา ‘ต้องอยู่’ เพราะอะไร?”
“ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องตอบคุณ” ไคซัคกัดกรามกรอดเมื่อเจฟฟรี่ลุกขึ้นยืนประจันหน้า รอยยิ้มยังประดับที่เรียวปากแต่ดวงตาสีฟ้าที่เคยอ่อนโยนเป็นประกายกล้าแข็ง
“ขึ้นอยู่กับความพอใจของอองรี หากเขาต้องการไปผมต้องพาเขาไป แต่ถ้าเขาเลือกจะอยู่ผมก็ให้อยู่ อย่างนี้ดีกว่านะครับ”
“ผมอยากไป ผมไม่อยากอยู่ที่นี่” อองรีตอบสวนขึ้นมาทันควัน
“อองรี!” ไคซัคเค้นเสียงหนักอย่างเหลืออด แต่อองรีไม่ยอมหยุด
“คุณบังคับผมไม่ได้ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากอยู่กับคุณ!”
ดวงตาสีดำลุกวาบอย่างเกรี้ยวกราด ไคซัคจ้องมองร่างบางราวกับจะเผาให้เป็นจุล กว่าจะเค้นเสียงรอดไรฟันออกมา
“ก็ตามใจ…เมื่อต้องการอย่างนั้นก็ตามใจ แล้วจะเสียใจอองรี”
“ไม่มีวันนั้นหรอก ผมคงไม่ต้องขอบคุณสำหรับความกรุณาที่ผ่านมา”
อองรีประชด ไคซัคกัดกรามกรอดแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปข้างใน เจฟฟรี่พาอองรีออกมาโดยไร้การขัดขวางจากคนของไคซัค
“ขอบคุณนะครับเจฟ ถ้าคุณไม่ไปช่วยผมคงแย่”
“แน่ใจเหรออองรีว่าเธอดีใจที่ฉันไปช่วย”
“คุณพูดอะไร หมอนั่นน่ะบ้าจะตาย ทั้งรุนแรงทั้งหิวกระหายยังกับ…สัตว์ป่า” อองรีโวยวายแต่ไม่ยอมสบตา
เจฟฟรี่มองอย่างอ่อนใจ ดูท่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ อองรีพลาดเสียแล้วที่ลองดีกับคนอย่างนั้น แค่ดวงตาวาววับที่เห็นเมื่อครู่ก็รู้แล้วว่าไคซัคไม่ยอมให้เรื่องจบง่ายๆแบบนี้แน่
“ก็ถ้าคิดอย่างนั้นก็ตามใจ ฉันไปละ วันนี้ก็พักผ่อนก่อนก็แล้วกัน”
อองรีมองตามร่างสูงไปอย่างหงุดหงิด ทำไม่เจฟฟรี่ต้องทำท่าเหมือนไม่เชื่อทั้งที่เขาพูดเรื่องจริง สามวันที่ต้องอยู่กับไคซัคทำให้เขาแทบไม่เหลือความเป็นตัวเอง ยามโกรธไคซัคทำให้เขากลัวแทบขาดใจ แต่ยามอยู่บนเตียงไคซัคกลับออดอ้อนอ่อนหวาน สัมผัสเร่าร้อนชวนให้มึนเมาเคลิบเคลิ้ม เขาไม่อาจต้านทานหรือขัดขืนไคซัคได้เลย ราวกับกลายเป็นเพียงหุ่นให้ไคซัคชักเชิดตามใจ
“บ้าแล้วเรา! คิดถึงคนทุเรศๆอย่างนั้นอยู่ได้ อาบน้ำดีกว่า”
อองรีถอดเสื้อผ้าออกแล้วชะงักเมื่อเห็นเงาสะท้อนในกระจก แหวนตราที่คล้องอยู่บนคอส่องประกายล้อกับแสงไฟวาวระยับ
‘ “ห้ามถอดออกเด็ดขาด จำไว้!” ‘ ดวงตาคมกริบที่จ้องมองอย่างขู่เข็ญยังคงติดตรึงในหัว อองรีจ้องมองเงาสะท้อนของเพชรนิ่ง ก่อนจะไหวไหล่
“ช่างปะไร ถือซะว่าเป็นค่าสึกหรอก็แล้วกัน” อองรีพึมพำเบาๆเพื่อลบเสียงร่ำร้องแปลกๆในหัวใจ เปิดน้ำแรงๆสาดทั้งตัว รอยช้ำแดงเต็มตัวไปหมด บางแห่งกลายเป็นสีม่วงจางๆด้วยซ้ำอองรีมองร่องรอยเหล่านั้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ น่าตกใจที่เขาจำที่มาของแต่ละรอยได้ชัดเจน ฟองครีมอาบน้ำที่ไหลผ่านซอกขาทำให้เขาร้อนวาบเมื่อนึกถึงมือร้อนที่ซอกซอนไปทั้งร่างและนิ้วยาวที่แทรกลึกเข้าไปสำรวจ…
’บ้าจริง คิดอะไรอยู่นี่?’ อองรีล้างฟองออกจากตัวแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า พยายามทำทุกอย่างให้เร็วๆเพื่อไม่ให้มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นแล้วตัดสินใจไปทำงานแทนที่จะพักผ่อนอย่างที่ตั้งใจ
……………………
ลอเรนซ์เดินวนเวียนอย่างหงุดหงิด เกือบอาทิตย์ที่เขามาถึงเกาะนี้ แต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดชีครามิลหรือริชเลย ทั้งคู่ตั้งหน้าตั้งตาประชุมบ้าบออะไรไม่รู้อยู่ในห้อง กว่าจะเลิกก็ดึกดื่นเกินกว่าจะรอไหว
วันนี้ก็เข้าประชุมกันตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อยแล้วก็ยังไม่ออกมา นายแบบดังตาลุกวาบเมื่อความคิดบางเกิดขึ้น ร่างสูงพรวดพราดไปที่ห้องประชุมแต่โดนขวางไว้ด้วยการ์ดร่างใหญ่สองคน ลอเรนซ์โวยวายเสียงดังลั่นจนเจฟฟรี่ต้องออกมาดู แล้วให้สัญญาณคนของเขาปล่อยนายแบบหนุ่มเข้าไป
ร่างสูงยืนก้มตัวอยู่ข้างพนักเก้าอี้ของชีครามิล ทั้งคู่ก้มอ่านเอกสารบางอย่าง แต่ในสายตาของลอเรนซ์เหมือนริชกำลังจะจูบชีครามิลมากกว่า
“แหม!ประชุมกันเครียดเชียวนะครับ” ลอเรนซ์ทักยิ้มๆแต่ตาวาววับด้วยความโกรธ ทั้งชีครามิลและริชเหลือบมองเขาก่อนที่ริชจะถอยกลับมานั่งที่ตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไนท์มองตามอย่างรู้ทันแต่ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์
“ก็จวนจะเสร็จแล้วละครับ…คุณโซว์วาร์ดมีอะไรเหรอครับ?”ริชถามยิ้มๆ
“บอกแล้วไงครับว่าให้เรียกลอเรนซ์”
“ครับคุณลอเรนซ์…ต้องการอะไรเหรอครับ?”
“ก็เห็นพวกคุณประชุมกันดูเครียดๆก็อยากให้ออกไปพักสมองบ้าง”
“ก็ดีนะครับ…หรือไงครับชีค?”
“ครับ...ก็ดี”ไนท์รับคำหน้าเรียบเฉยไม่บอกอารมณ์ว่าพอใจหรือไม่
ลอเรนซ์หน้าระรื่นที่ทั้งคู่ให้ความสำคัญกับเขาจนยอมทิ้งการประชุม แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องให้ริชรู้ว่าเขาเป็นคนที่ชีครามิลแคร์กว่าที่ริชคิด
“คืนนี้ผมอยากชวนดินเนอร์กลางแสงเทียน อ้อ!ขอร้องเลยนะครับว่าแค่เราสามคนไม่มีคนอื่น”
“ได้ครับ” ริชรับคำยิ้มแย้ม............
อาหารค่ำสุดหรูจัดที่ริมน้ำตกจำลอง โต๊ะเก้าอี้จัดไว้ในธารน้ำตื้นแค่ข้อเท้าตามคำสั่งของลอเรนซ์ อาหารฝรั่งเศสหรู และเลิศรส สมความต้องการ ของนายแบบหนุ่มเช่นกัน
ลอเรนซ์เทคแคร์ชีครามิลเต็มที่ แต่บ่อยครั้งที่ดวงตาวาวหวานทอดมองมายังร่างสูงอีกด้าน ยิ่งดึกลอเรนซ์ก็ยิ่งครองสติ ไม่อยู่ เขาพยายามแตะเนื้อต้องตัวไนท์บ่อยครั้ง แต่ไนท์ก็เลี่ยงไปได้อย่างไม่น่าเกลียด
แจ็คกำขวดแชมเปญแน่นเมื่อจมูกโด่งแหลมยื่นเข้าไปแทบจรดแก้มเนียนแต่ไนท์เบี่ยงหลบ คราวนี้นายแบบหนุ่มตะโกนอ้อแอ้ด้วยความโกรธ
“กาบ...แฮมิลตันม่าย...เห็นฝ่าบาทปา...ติ...เสด...เหมือนโผมเลย…โผม...ซ่อค้าวว...ไม่ได้ที่ตรงหนายย...?”
ใบหน้าไนท์ยังคงเรียบเฉย แต่ตาคมฉายแววอำมหิตขึ้นมาวูบหนึ่ง และริชก็เห็นเข้าพอดีจึงรีบลุกขึ้นกันนายแบบหนุ่มออกห่าง
“ผมว่าคุณดื่มมากไปแล้ว…กลับที่พักดีกว่า” ริชแย่งแก้วจากลอเรนซ์ก่อนจะเหนี่ยวร่างโปร่งลุกขึ้น
“คุณหึงละสิ...ฮะๆๆ...หึงช่ายป่ะ...ที่โผม...ให้ความสนใจชีค...มากกว่าคุณ” ลอเรนซ์กระซิบชิดหูร่างสูงก่อนจะคอพับคออ่อนไปอีกด้วยความเมา ริชได้แต่ยิ้มอย่างสมเพชก่อนจะประคองลอเรนซ์ไปส่งที่บ้านพัก
ไนท์เหลือบมองคนที่คอยเติมไวท์ ใบหน้าคล้ำก้มต่ำทำให้มองไม่เห็นว่ามีสีหน้าเช่นไร ชีคหนุ่มยื่นแก้วที่ยังมีไวน์เหลือติดอยู่เล็กน้อยไปหา แจ็คเข้ามาเติมแล้วถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
“เธอเคยทำงานอยู่ที่นี่เหรอ?” ไนท์ถามขึ้นลอยๆทำให้คนที่ทำท่าจะถอยห่างชะงัก ต้องหยุดตอบคำถาม
“ครับ…ผมเริ่มทำงานที่นี่เป็นที่แรก”
“งั้นเหรอ…มิน่าดูสนิทกับคนที่นี่มาก”ไนท์แซวยิ้มๆทั้งที่ในใจขุ่นมัวเมื่อนึกถึงสาวน้อยหน้าตาคมขำเมื่อวันที่มาถึงเกาะ
“ผมทำงานที่นี่หลายปีแล้วครับ…ไม่ทราบว่าจะรับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ?”
“ไม่ละสั่งเก็บโต๊ะเลย”
“ครับ” แจ็คหันไปให้สัญญาณ พนักงานที่ยืนรออยู่ห่างๆต่างรีบเข้ามาช่วยกันเก็บโต๊ะ
ไนท์ผุดลุกขึ้นเดินแยกไปอีกทาง อาการเซน้อยๆทำให้แจ็คเป็นห่วง เขาสั่งให้ลูกน้องดูแลที่เหลือต่อ ส่วนตัวเขารีบเดินตามร่างบางไปห่างๆ ชายหนุ่มกัดกรามกรอดเมื่อเห็นสถานที่ที่ไนท์ไป ชีคหนุ่มเดินไปหยุดยืนหน้าบ้านพักของ
ลอเรนซ์ ริชลงบันไดมาเผชิญหน้า เขาไม่รู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกันแต่ริชก้มลงกระซิบบางอย่างข้างหูและไนท์หัวเราะ กังวานเสียงสดใสบาดความรู้สึกจนทนไม่ไหว แจ็คหมุนตัวเดินเร็วแทบเป็นวิ่ง เขาไม่เคยแคร์ว่าไอ้นายแบบนั่นจะทำท่าสนิทสนมกับไนท์แค่ไหน แต่หากเป็นริชเขาไม่สิทธิ์เผยอ
“โธ่โว้ย! “ แจ็คต่อยต้นไม้ข้างทางเต็มแรง มือเขาเจ็บแปลบและชาดิก แต่เขาไม่สนใจชายหนุ่มลุยลงไปในทะเล ดำผุดดำว่ายอยู่นาน แต่ความคับแค้นก็ไม่คลาย เสียงต่อว่าไนท์ของลอเรนซ์ดังก้องอยู่ในหู ตอนแรกเขายังปลอบใจตัวเองว่าหมอนั่นพูดเพราะความพาล แต่ภาพที่เห็นเมื่อครู่บอกให้เขารู้ว่าระหว่างไนท์กับริช มีอะไรที่มากกว่าธุรกิจเสียแล้ว............