......
ชีค รามิล ราจีสอับดุล มององครักษ์คนสนิทนิ่งจนเจ้าตัวอึดอัด
“ฝ่าบาท…เอ่อ…ต้องการอะไรหรือกระหม่อม?” สุดท้ายไคซัคก็ต้องถามหลังจากที่เลี่ยงทำเป็นจัดโน่นจัดนี่ยุ่งไปหมดจนไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว
“เราสิต้องเป็นฝ่ายถาม เจ้ามีอะไรหรือเปล่าไคซัค?”
“ไม่มีกระหม่อม”
สายตาที่ทอดมองนิ่งไม่เปลี่ยนทำให้ไคซัคละอายแก่ใจ ที่ทำให้เจ้าชีวิตต้องมากังวลกับเรื่องของเขาไปด้วย
“มันก็...ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยฝ่าบาท”
“ถ้าไม่สำคัญคงไม่ทำให้เจ้าพล่านอย่างนี้หรอก จะเล่าเองหรือจะให้เราไปถามจากคนอื่น”
“เล่าเองกระหม่อม…กระหม่อมพบคนถูกใจ...เรามีสัมพันธ์กันแต่เขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…แค่นี้กระหม่อม” ไคซัคเล่ารวบรัดเสียจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง...เพราะเขาเองก็สับสนจนไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
“แล้วไง?...จะปล่อยให้มันจบกันไปง่ายเลยเหรอ...เจ้าไม่คิดจะทำอะไรสักอย่างหรือไง...ไคซัค...พระเป็นเจ้าจะไม่มีวันประทานพร หากเจ้าไม่ได้ใช้ความพยายามเสียก่อน”
“...แต่…มันผิดจารีตของเรากระหม่อม”
“ห่วงจารีตจนปล่อยให้สิ่งที่ต้องการหลุดมือก็ตามใจเจ้าสิ...ทำให้เจ้าร้อนรนได้ขนาดนี้ ท่าทางคนนี้จะเอาจริงละสิ”
“…กระหม่อม”
“หากเจอคนที่เจ้าหามาทั้งชีวิตแล้วปล่อยให้หลุดลอย เราว่าเจ้าโง่มากนะไคซัค” ไนท์ลุกขึ้นตบไหล่องครักษ์หนักๆแล้วลุกออกไปจากห้อง ไคซัคค่อยๆยืดตัวขึ้นดวงตาเป็นประกายวาววับด้วยเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ ซึ่งหากใครได้เห็นคงขนหัวลุกด้วยความกลัว
…………………….
งานเลี้ยงคืนนี้เต็มไปด้วยนักธุรกิจคนดัง และทุกคนก็มีจุดประสงค์ที่คล้ายๆกันคือหาโอกาสในการร่วมมือทางธุรกิจ กับสองทายาทผู้กุมเศรษฐกิจโลกยิ่งมีข่าวว่าทั้งสองฝ่ายร่วมกันเปิดบริษัท นั้นหมายถึงคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับบริษัทที่ทำธุรกิจตัวนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคน จะต้องพยายามหาข่าวให้ได้ ว่าสองตระกูลใหญ่ จะจับมือกันทำธุรกิจอะไรบ้าง
ริช แฮมิลตัน เดินเคียงกับ ชีครามิล ราจีสอับดุลรับแขก ทั้งสองทักทาย และพูดคุยกับแขกทุกคนด้วยสีหน้าแจ่มใส ริชนั้นดูสบายๆและมีวาจาหยิกแกมหยอกที่เจ็บๆคันๆให้คนที่มีชนักปักหลังได้สะดุ้งเล่นอยู่เรื่อยๆ
แต่ชีครามิลกลับนิ่ง และลึกล้ำจนไม่อาจประเมิน เมื่อได้เวลาทั้งคู่ก็ขึ้นไปบนเวทีเพื่อเซ็นสัญญาร่วมลงทุนด้วยกัน จากนั้นริชก็เป็นผู้กล่าวขอบคุณ แขกแทนสองตระกูล
“ขอบทุกท่านครับที่ให้เกียรติมาร่วมงานในการเซ็นสัญญาร่วมทุนของบริษัทเอชอาร์อินเตอร์เนชั่นแนล ผมกับชีคราจีส อับดุล ทำธุรกิจร่วมกันมาหลายปี จึงได้ตัดสินใจลองสร้างแบรนด์ใหม่ คาดว่าต้นปีหน้าทุกท่านคงได้ยลโฉมบริษัทใหม่ของเรา และหวังว่าทุกท่านคงให้โอกาสแก่บริษัทของเรานะครับ……………”
หลังจบการขอบคุณแขก ก็เป็นการตอบคำถามสื่อมวลชนที่มาทำข่าว ตลอดเวลาไนท์แทบไม่แสดงความคิดเห็นใดๆเลย นอกจากมีใครถามเจาะจงมา ซึ่งก็มักจะได้รับคำตอบสั้นๆเท่าที่จำเป็น แม้จะมีคนคันปากอยากถามไปถึงข่าวลือเรื่องปัญหาการส่งสินค้าระหว่างสองตระกูลเมื่อ3-4เดือนก่อน แต่ดวงตาเย็นเยือกของไนท์ก็ทำให้คนคันปากทั้งหลายจำต้องปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เมื่อทั้งสองลงจากเวทีแต่สองหนุ่มกลับแยกกันไปคนละทาง
บรรดาแขกอาวุโสต่างเข้ามาแสดงความยินดีในการเปิดบริษัทใหม่ หลายคนแบะท่าเต็มที่ว่าอยากจะร่วมลงทุนด้วย ไนท์เพียงยิ้มรับ แต่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ
“ฝ่าบาทราจีสอับดุล จำกระหม่อมได้หรือไม่ กระหม่อมไคล์ มอร์แกน จากไอทีซีทาว์กระหม่อม” ชายร่างอ้วนในชุดสูทขาวที่ทำให้เขาดูอ้วนและเตี้ยกว่าเดิมปราดเข้ามาทัก แม้จะนึกเกรงบารมีของชีคหนุ่มจนเหงื่อซึมหัวล้าน แต่ผลประโยชน์มหาศาลที่ต้องการก็ขับดันให้เกิดความกล้าเสนอหน้าเข้ามา
“สวัสดีมิสเตอร์มอร์แกน”
“กระหม่อมทราบมาว่าจะเปิดให้คนนอก เข้าร่วมทุนในคาสิโนที่สร้างใหม่ ไม่ทราบว่า...เอ่อ...จะเปิดขายหุ้นเร็วๆนี้หรือไม่กระหม่อม”
“นั่นเป็นหุ้นในส่วนมิสเตอร์แฮมิลตัน คงต้องถามเจ้าตัวเขาเองกระมัง”
“คือในส่วนของมิสเตอร์แฮมิลตันเขาเต็มหมดแล้ว กระหม่อมก็เลยอยากทราบว่าในส่วนที่ฝ่าบาทถืออยู่จะเปิด...เอ่อ...ขายเมื่อไหร่กระหม่อม”
“คุณคงทราบข่าวมาผิด เราไม่คิดจะเปิดขายหุ้นในส่วนของเรา”
“แต่ว่าฝ่าบาท...กระหม่อมแน่ใจว่าทางบริษัทกระหม่อมจะให้ราคา...”
“ฝ่าบาท...ทรงพระสำราญดีหรือไม่” ร่างสูงหนาของหนุ่มผมสีน้ำตาล ก้าวเข้ามาทักไนท์ราวกับไม่เห็นคนที่ยืนอยู่ก่อน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับดารายิ้มพราย ดวงตาที่มองชีคหนุ่มแพรวพราวเกินกว่าจะเป็นเพียงความสนใจเรื่องธุรกิจ แต่ไนท์ยังสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ได้เหมือนเคย
“ก็ตามอัตภาพมิสเตอร์เอเบลล์”
“เอ่อฝ่าบาทกระหม่อมคิดว่า...”ร่างอ้วนเตี้ยพยายามเรียกร้องความสนใจแต่ดูเหมือนผู้มาใหม่จะผูกขาดการสนทนาไว้เฉพาะตัว ทำให้คนอยู่ก่อนหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ
“กระหม่อมได้รับเชิญจากทางญี่ปุ่นให้ไปร่วมงานเทคโนโลยี ทราบมาว่าฝ่าบาทก็ได้รับเชิญไปเป็นแขกกิตติมศักดิ์...ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะเดินทางเมื่อไหร่ คือ...กระหม่อมเช่าเครื่องเหมาลำไว้ และคงเป็นเกียรติอย่างยิ่งถ้าฝ่าบาทจะเสด็จ”
“ผมเกรงว่ามิสเตอร์เอเบลล์คงต้องผิดหวัง เพราะผมกับท่านชีคมีกำหนดว่าจะไปอัมสเตอร์ดัมหลังจากเสร็จงานทางนี้แล้วครับ”
ริชแทรกเข้ามาระหว่างชีคหนุ่มกับ‘มิสเตอร์ตื้อ’ ที่ดูเหมือนจะพยายามกระแซะเข้าไปจนไนท์แทบจะเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนอยู่แล้ว แม้จะไม่ถึงกับโอบไหล่ แต่กิริยาของริชก็แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าเขากับชีครามิลเป็นมากกว่าหุ้นส่วน โดยเฉพาะหูตาแพรวพราวของริช ส่วนไนท์ยังคงสีหน้าเรียบกริบราวกับสวมหน้ากากไว้เหมือนเคย ทำให้มิสเตอร์ตื้อทั้งสองจำต้องถอยร่นออกไปในที่สุด
“ดูคุณสนุกจังนะ” ไนท์เอ่ยเสียงเรียบเมื่อไม่มีคนที่อยู่ใกล้พอจะได้ยิน
“แน่นอน...หรือว่าคุณไม่สนุก?”
“นั่นสิ...ได้ดูละครนอกเวทีก็น่าสนใจดีนะ”
“ผมไม่เกี่ยงสักนิด...ถ้ามันจะไม่ใช่แค่ละคร” ริชจงใจกระซิบแทบชิดแก้มอีกฝ่าย แต่ไม่อาจชิดมากกว่านั้นด้วยชีคหนุ่มเลื่อนศอกเข้ามากันไว้เสียก่อน
“หึ...อย่าพูดในสิ่งที่ทำไม่ได้ดีกว่า” ไนท์ยิ้มเย็นเหมือนเคย ดวงตาเป็นประกายขบขันปนเยาะๆนั้นทำให้ริชขมวดคิ้วมุ่น
“ผมเนี่ยนะทำไม่ได้”
“หึ...เด็กหนอเด็ก” ไนท์เย้ยเบาๆก่อนจะผละออกมาห่าง ริชยังคงยิ้มแต่มีรอยงุนงงมากกว่าหงุดหงิด นึกสงสัยว่าไนท์ต้องรู้อะไรมาสักอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำเหมือนเหนือเขาอยู่นิดๆอย่างนี้แน่
ทุกอิริยาบถของชีคหนุ่มถูกจับตามองจากมุมหนึ่งของห้องอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเขาจะสนทนาหรือยิ้มกับใคร สายตาหวงแหนจนแทบลุกเป็นไฟก็มองตามไม่คลาดสายตา กระนั้นก็ยังรักษากิริยานิ่งเฉยไว้ได้อย่างแนบเนียน
ไนท์รับแก้วจากไคซัคที่นำมาเปลี่ยนให้และอดเหลือบมองร่างสูงในชุดสากลที่หลบอยู่มุมห้องไม่ได้ ดวงตาวาววับที่จ้องแน่วแน่ไม่หลบทำให้ชีคหนุ่มอิ่มเอมระคนพอใจ รื่นรมย์กับสายตาของแจ็คที่หากเป็นเปลวไฟเขาคงมอดไหม้ไม่เหลือซาก
นี่เป็นเพียงการสั่งสอนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เพราะชีคหนุ่มยังขัดเคืองไม่หายที่รู้ว่ามีคนมาถามหาแจ็คที่ฮาวายอยู่บ่อยๆ ทั้งผู้ชายผู้หญิง แต่คนดูเหมือนคนชื่อมาร์คัส และอัลเฟรดจะมาบ่อยเสียจนน่าหงุดหงิด ไม่รู้ว่าสนิทกันแค่ไหนถึงมาหากันบ่อยอย่างนั้น คนหน้าซื่อๆไม่นึกว่าจะหว่านเสน่ห์ไว้ทั่ว...
“มันคงเตรียมส่งข่าวเร็วๆนี้กระหม่อม”ไคซัคกระซิบบอกทั้งที่ปากแทบไม่ขยับ นัยน์ตาจับนิ่งอยู่ที่เอเบลล์เย็นนิ่ง ไนท์ยิ้มหยันและตอบด้วยวิธีเดียวกัน
“จับตาดูให้ดีๆ อย่าให้มันกลับไปมือเปล่า หาข่าวให้มันไปบอกอาฟาฮัสด้วย”
“กระหม่อม”ไคซัครับคำสั่งแล้วทำท่าจะรีบไป แต่ไนท์ทักขึ้นเสียก่อน
“อย่ามัวแต่ทำงานจนลืมเรื่องสำคัญไปล่ะ...บางเรื่องปล่อยไว้นานก็มีแต่ผลเสียมากกว่าผลดีนะ”
“กระหม่อม”
“แล้วก็...คืนนี้เราจะไปค้างที่เกาะ ไม่ต้องให้ใครตามล่ะ เราอยากพัก”
“กระหม่อม”
ไคซัคแยกออกไปจัดการตามคำสั่ง แต่ก็มีอามิลปราดเข้ามาทำหน้าที่แทน ไนท์ยังคงทักทายกับแขกไปเรื่อยๆ แต่อดหงุดหงิดไม่ได้เมื่อสังเกตเห็นว่าแจ็คหายไปจากงานเลี้ยงนานแล้ว ยังดีที่ริชคอยมากันให้เวลาที่เอเบลล์เข้าใกล้สร้างความขุ่นเคืองให้พ่อค้าเพชรคนดังไม่น้อย แต่นั่นแหละ...เอเบลล์ไม่ใช่คนโง่ที่จะปล่อยให้ความหงุดหงิดมาทำลายธุรกิจของตนเอง หากเทียบกับริช เขามันแค่ปลาซิวปลาสร้อย ถ้าริชไม่พอใจขึ้นมาเขานี่แหละที่จะหายไปจากวงการได้ง่ายๆ ที่สำคัญเขายังมีงานใหญ่รออยู่ ............
มารอลุ้นกันในตอนหน้านะคะว่าคู่นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
ขอบคุณคะ