¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12  (อ่าน 238007 ครั้ง)

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
อันแน่ พี่หนุ่ยแอบปลื้มอะดิ๊

เจอคำสารภาพรักของน้องเกี๊ยงเข้าไปเต็มๆ  :m3:

 

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกก พี่หนุ่ยเริ่มหวั่นไหวซะแล้ววววว
น้องเกี๊ยงน่าร๊ากก  :-[

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
เย้ๆๆๆ ขอบพระคุณคุณพี่ที่เจียดเวลาแต่งต่อ

น้องจะรอตอนต่อๆไปอย่าง รอคอย

สู้เค้านะน้องเกี๊ยงงงงงงงงงงงงงงงงง อย่าปล่อยพี่หนุ่ยเด็ดขาด  o13

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
น้องเกี๊ยงแอบบอกรักโดยไม่รู้ตัว (ว่าคนถูกบอกได้ยิน)

ท่าจะเป็นหวั่นไหวเพราะใช่รัก

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
กรี๊ดดดดดดดด เผลอบอกรักโดยไม่รู้ตัวไปซะแล้ว

อิี่พี่หนุ่ยจะทำไงต่อไป โฮะ ๆๆๆ หวั่นไหวสิ หวั่นไหว  :oni3:

รึต้องมีหนุ่มมาขายขนมจีบน้องเกี๊ยง เผื่อต่อมอะไรมันจะทำงาน  :z2:


Phawaii

  • บุคคลทั่วไป
อ๊า ย ย ย ย ย ยย ย  ยย ย 

น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :pighaun:

หลงรักกันแล้ว ว อ๊า ยย ย ย ย ยย  * มารอตอนต่อไปว่า เกี๊ยงจะจีบพี่หนุ่ยยังไง !!*


สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
 :try2: ตกหน้าไปไกลเลย แหะๆ ขอโทษที่มาลงช้านะคะ
******************************************
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาน้องเกี๊ยงก็ดูร่าเริงขึ้น แต่ก็ยังไม่มีคำพูดอะไรใหม่นอกจากคำว่า “คิดถึงพี่นะ” ที่มันพยายามขยันหมั่นเพียรบอกผมอยู่เสมอๆ ทั้งต่อหน้า เอสเอ็มเอสหรือแม้แต่บางครั้งถ้าไม่เจอหน้ากันนานๆ น้องเกี๊ยงจะมาทิ้งโน้ตไว้ที่โต๊ะผม จนกลายเป็นคำติดหู ติดตาของผมไปแล้ว

 ทำให้ผมเบาใจว่ามันคงแค่ชอบผมเหมือนที่ผมคิด คำว่า ‘รัก’ ใครจะมาพูดกันพร่ำเพื่อง่ายๆ  แต่ก็ออกจะแปลกใจไม่ได้ว่ามันจะคิดถึงอะไรกันนักหนา

น้องเกี๊ยงอารมณ์ดีมากขึ้นปล่อยหมาออกมาจากปากประปราย กลับมาทำงานกับทีมงานของผมอย่างสนุกสนาน ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ผมต้องเป็นกังวลอีกแล้ว ดูท่าทางมันก็แฮปปี้ดี ผมตัดความกังวลใจต่างๆออกไป เพราะปกติผมจะไม่สนใจความรู้สึกของใครที่มีต่อผมอยู่แล้ว ผมแคร์ตัวเองมากกว่าว่าผมรู้สึกยังไงกับคนๆนั้น

“หนุ่ย ไปกินข้าวกันหน่อยสิ วันนี้โดนเจ้าของงานเล่นมา กำลังเซ็งอยากหาเพื่อนคุย” เสียงเจื้อยแจ้วส่งมาตามสาย นานๆ ผมจะมีสาวชวนไปกินข้าวทั้งทีมีหรือผมจะปฏิเสธ
“ได้เลยตุ้ม ไปกินที่ไหนดี ให้ตุ้มเลือกดีกว่า”
“เอาร้านใกล้ๆที่ทำงานหนุ่ยแล้วกัน ร้านที่เคยพาตุ้มไป ร้านนั้นบรรยากาศดี ชื่อร้านอะไรนะ นึกไม่ออก” 
“อ๋อ ร้านวิวสบายใช่มั้ย ที่ตุ้มบอกว่าชอบห้องน้ำเค้า ใช่ร้านนั้นรึเปล่า หึหึ”เสียงเคาะประตูกระจกข้างนอกดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นไปเป็นน้องเกี๊ยงนั่นเองครับ ผมพยักหน้าให้ น้องเกี๊ยงเดินเข้ามาในห้องผมแล้วนั่งรอเงียบๆ
“บ้าเหรอ จำได้แค่เรื่องนี้ ตุ้มชมไปตั้งหลายอย่าง พิลึกคนจริงๆจำแต่เรื่องห้องน้ำ”
ผมกับตุ้มต่างหัวเราะกันทั้งคู่ ก็จริงของตุ้ม “เออ ผมก็ไม่รู้ตัวนะ แต่ผมจำได้แค่นี้เองนี่นา ตุ้มจะมาได้กี่โมงครับ เดี๋ยวผมจะได้กะเวลาบ้าง”

ผมเหลือบไปดูน้องเกี๊ยงที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาดูงานที่อยู่ในมือ ทำให้ผมไม่เห็นหน้ามันเลย เห็นแต่คิ้วที่ขมวดกันอยู่ ผมเอานิ้วเคาะโต๊ะเรียกความสนใจจากมัน น้องเกี๊ยงเงยหน้าขึ้นมามอง ส่งตาขวางมาให้ผม ทำเอาผมสะดุ้ง อากาศก็ร้อนจัดขนาดนี้หวังว่ามันคงไม่บ้าคลั่งมากัดผมนะ ผมมองหน้ามันเพลินจนตุ้มพูดอะไรไม่ผ่านหูผมเลย มารู้ตัวก็เมื่อตุ้มถามคำถามขึ้น
“หนุ่ยทำอะไรอยู่ทำไมเงียบไปคะ”
“ก็คุยโทรศัพท์อยู่นี่ไง คุยกะคุณตุ้มอยู่ขอรับ” น้องเกี๊ยงเอางานมาวางบนโต๊ะ ทำหน้ามุ่ยหันหลังจะเดินออกไป มันคงเบื่อที่ต้องมานั่งรอ ไม่พูดอะไรสักคำ
“แล้วทำไมเงียบไป” เสียงของตุ้มถามมาอีก ทำเอาผมละล้าละลัง ว่าจะเอายังไงดี
“ตุ้ม แป๊ปนะครับ” ผมหันไปตะโกนเรียกน้องเกี๊ยงก่อนที่มันจะก้าวออกจากห้องผมไป

“เกี๊ยงรอเดี๋ยวสิ พี่คุยด้วย” น้องเกี๊ยงหันมามองผมทำสีหน้าเบื่อหน่าย  แล้วจะก้าวออกไปอีกครั้ง
“เฮ้ย จะไปไหนมาๆ เร็ว กูวางสายแล้ว ใจร้อนจริงเว้ย” ผมเรียกมันไว้ได้แล้วก็รีบวางสายดีกว่า
“ตุ้มครับ ตกลงกี่โมงนะ เดี๋ยวผมต้องทำงานแล้ว น้องเค้าเอางานมาส่ง” เสียงหัวเราะของตุ้มดังเข้ามา ก่อนที่เสียงใสๆ จะบอกอย่างเข้าใจว่า
“แล้วก็ไม่บอกแต่แรก ไปประมาณหกโมงครึ่งถึงหนึ่งทุ่มแล้วกันนะคะ โอเคไม่กวนแล้วล่ะ มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่อยโทรหากันนะคะ “
“ครับผม แล้วเจอกันหกโมงครึ่งครับ” ผมวางสายไปแล้วแต่ยังไม่หยุดยิ้ม แต่เปลี่ยนรอยยิ้มมาส่งให้น้องเกี๊ยงแทน แต่กลับได้หน้างอๆ คืนกลับมา
“พี่รีบดูงานสิ เดี๋ยวผมจะไปแล้ว” น้ำเสียงของมันไม่น่ารักเอาซะเลย ผมหยิบเอางานมาดู แต่ปากก็พูดไปด้วย
“เป็นไร  ฮอร์โมนไม่ปกติเหรอ รอแค่นี้ก็ทำอารมณ์เสีย”

“....” ไม่มีเสียงตอบจากมัน มีแต่ความเงียบ มันเงียบจนผมไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจของมัน หรือว่ามันออกจากห้องไปแล้ววะ ผมเงยหน้าขึ้นมาจากงาน ก็สบกับสายตาของมันที่มองผมอยู่พอดี มันทำท่าจะหลบแต่ก็ไม่ทันแล้ว
“มีอะไรอยากถามกูรึเปล่า” มันทำท่าจะส่ายหน้า หลบสายตาผมอีก ผมวางงานลงทันที
“อย่าหลบ อย่าปฏิเสธ ตอบมา กูรู้ว่ามึงมี” มันต้องมีสิน่า
“...ทำไมต้องมี พี่จะรู้ดีกว่าผมได้ไง” น้องเกี๊ยงทำปากเบ้ พูดเสียงเหมือนเยาะ เหลือบตามองไปทางอื่น ไม่ยอมมองหน้าเวลาพูดกัน
“กูเห็นตามึง กูก็รู้แล้วว่ามึงคิดอะไรอยู่” ผมรู้ว่ามันต้องคิดแต่บางครั้งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าคิดเรื่องอะไร  ผมก็พูดไปอย่างนั้นเอง มันอยากกวนดีนัก

“โกหกกันชัดๆ พี่เป็นใครจะมารู้ใจผม”
 ฟังมันพูดแล้วผมเกิดโมโหครับ มันตั้งใจเหวี่ยงใส่ผมเห็นๆ ผมพยายามสะกดอารมณ์ พูดกับมันอย่างใจเย็น ก้มหน้าลงดูงานต่อ เวลางานไม่อยากเสียเวลามาทะเลาะกับใครครับ
“ไม่รู้ก็ไม่รู้  กูไม่ได้เป็นใคร กูก็เป็นของกูแบบนี้”

ผมนั่งดูงานเงียบๆ สงสัยตรงไหนก็ถามมัน มันก็ถามคำตอบคำ ไม่พูดนอกเรื่องอะไรอีก เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าน้องเกี๊ยงเริ่มมองนาฬิกาบ่อยครั้งขึ้น จนผมรำคาญ
“ทำไม มึงมีนัดเหรอ จะไปไหนก็ไป พรุ่งนี้ค่อยมาเอางานคืน” ผมทำงานต่อไป แต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงลุกออกจากห้องของมัน จนผมเงยหน้าอีกครั้ง เกี๊ยงมันถึงบอกผมว่า
“ผมไม่ได้มี พี่สิมี มีนัดกับแฟนไม่ใช่เหรอ นี่มันหกโมงกว่าแล้วนะ ไม่รีบไปจะมาทันนะ” ผมคิดไปพักใหญ่กว่าจะนึกออกว่าแฟนที่น้องเกี๊ยงว่ามันหมายถึงใคร ผมมีนัดหรอกรึเย็นนี้
“เฮ้ย จริงนี่หว่า ตายกูไปไม่ทันแล้ว”

 ผมโทรศัพท์หาตุ้มทันที ผมไม่ชอบไปสายครับ เสียหมดไม่อยากเป็นคนไม่ตรงต่อเวลา
“ตุ้มครับ ผมทำงานจนลืมเลย ไปช้าหน่อยนะ” ตุ้มไม่ว่าอะไรเพราะเธอก็ยังไปไม่ถึงเหมือนกัน วางสายแล้วผมรีบเก็บงานบนโต๊ะใส่กระเป๋าบอกเกี๊ยงว่า
“พี่ไปกินข้าวก่อนนะ พรุ่งนี้พี่จะมาแต่เช้าดูงานให้ จะทันรึเปล่า”
น้องทำหน้างอๆ “ไม่ทันแล้วพี่แคร์เหรอ ไม่ทันก็ไม่ทัน” ผมยังงงๆกับที่มันพูด ว่าตกลงมันทันหรือไม่ทันกันแน่ มันเมินหน้าหนีแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมเรียกมันอีกครั้งก่อนที่มันจะไปจริงๆ
“เดี๋ยวเกี๊ยง  ตุ้มไม่ใช่แฟนพี่นะ”

น้องเกี๊ยงมองกลับมา ดวงตาสดใสขึ้นริมฝีปากขยับยกขึ้นเหมือนยิ้มนิดๆ แต่ผมยังพูดไม่จบ
ผมเดินมาที่ประตูบอกกับน้องเกี๊ยงที่ยืนนิ่งอยู่ “แค่คนที่อาจจะเป็นแฟนเท่านั้นเอง”
ผมเดินผ่านหน้ามันออกไป สายตาน้องเกี๊ยงมองตามผม หน้าตามันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก นิ่ง เฉย ไม่ได้พูดอะไรอีก อารมณ์กลับไปกลับมาสมเป็นวัยรุ่นจริงๆ
ผมบอกมันคำสุดท้ายก่อนจะจากมาแค่ว่า “พรุ่งนี้เช้าเจอกัน” ผมยังจำสายตาของน้องเกี๊ยงที่มองมาได้ดี ผมไม่รู้ว่ามันคิดยังไง รู้แค่ว่าเห็นแล้วผมไม่สบายใจเอาเสียเลย

สภาพการจราจรในช่วงเวลาเย็นที่คนพร้อมใจกันเลิกงานแสนจะติดขัด ถึงแม้ระยะทางมาร้านอาหารจะใกล้แต่ผมก็ยังไปสายจนได้  อากาศยามเย็นริมแม่น้ำก็ยังคงร้อนอยู่ดี โลกร้อนมันมีผลอย่างที่เราคาดไม่ถึงจริงๆ ผมเดินเข้าไปในร้านกวาดตามองหาตุ้ม  ตุ้มนั่งอยู่ด้านในสุดของร้าน นั่งเท้าคางมองเหม่อออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอก บนโต๊ะวางแก้วเบียร์ที่พร่องไปกว่าครึ่งขวด
“สวัสดีครับ โทษนะมาช้าไปเยอะเลย” ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู ผมมาถึงเกือบสองทุ่มเลยเวลานัดไปนานเลย 
ตุ้มหันหน้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง พวงแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อคงเพราะมาจากเบียร์ที่ดื่มเข้าไป “ปรับดีกว่า มาช้าขนาดนี้”
“ได้เลย มื้อนี้ผมเป็นเจ้ามือเอง”
ตุ้มหัวเราะ แต่ส่ายหน้า มีรอยยิ้มในแววตา คงเพราะเบียร์ที่ดื่มไป “ไม่เอาค่าปรับแบบนั้นมันง่ายเกินไป เอาอย่างอื่นดีกว่า”
เข้าทางผมพอดี “งั้นเอาตัวผมไปเป็นทาสรับใช้ดีมั้ย ใช้งานง่ายนะ”
สีหน้าตุ้มแดงจัดไปกว่าเดิม แต่ยังเสหัวเราะร่วน ส่ายหัวแรงกว่าเดิม “นั่นยิ่งไม่เอาใหญ่เลย รับไม่ไหว”
“ทำไมล่ะ ผมเป็นคนดีนะ หน้าตาไม่หล่อแต่เร้าใจ ทำงานบ้านได้พอสมควร กับข้าวพอทำได้แต่กินไม่อร่อย ซักผ้าใช้เครื่องก็พอไหว อะไรอีกดีล่ะ แล้วแต่เจ้านายจะเรียกใช้เลย”

ตุ้มยิ้มแล้วส่งเมนูให้ผม “สั่งอาหารก่อน เอาแบบแซ่บๆนะ หวานๆไม่เอา มันเลี่ยน” ตุ้มมองหน้าผมแล้วอมยิ้มจนแก้มป่อง
“ผมก็นึกว่าชอบหวานๆเสียอีก หึหึ”
ผมสั่งอาหารไปสองสามอย่างแล้วขอเบียร์เพิ่ม  การคุยกันของเราเป็นไปอย่างออกรส ตุ้มไม่ใช่สาวเปรี้ยวจนเข็ดฟันแบบส้ม แต่ก็ไม่เรียบร้อยจนเกินไป เป็นตัวของตัวเองไม่มีการไว้ฟอร์ม ฉลาดรอบรู้ไปหมด แต่ไม่อวดเก่ง นี่แหละที่ทำให้ผมสบายใจเมื่ออยู่ใกล้
ตุ้มรินเบียร์ให้ผมบ้างไม่ยอมให้ผมนั่งมองเธอดื่มคนเดียว “ตุ้มรู้ตัวรึเปล่า พอดื่มเบียร์เข้าไปแล้ว แก้มแดงๆแบบนี้น่ารักนะ”
เจอผมชมเข้าไป ตุ้มแอบยิ้มเขินสบตาผมตรงๆ “หนุ่ยเป็นผู้ชายปากหวานนะ ใครอยู่ใกล้เคลิ้มตายเลย”
ผมส่งสายตาหวานไปให้บวกกับเลือดในกายที่ร้อนผ่าวจากฤทธิเบียร์ทำให้ตัวตนผมกลับมาอีกครั้ง  “แล้วเมื่อไหร่ตุ้มจะเคลิ้มซะทีล่ะ ผมก็รออยู่”

ตุ้มย่นหน้ายกนิ้วชี้ส่ายไปมาให้ผม “หนุ่ยอย่านะ อย่ามาหวานใส่กัน อย่ามาหยอดด้วย”
ผมขำที่ตุ้มห้ามผมหยอด “ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ ใครๆเค้าก็ชอบคนพูดหวานใส่ทั้งนั้น”
“ชอบสิ แต่ก็กลัว”
“กลัวอะไรครับ ผมออกจะใจดี”
“กลัวจะหวานไม่ตลอด กลัวจะปากหวานแต่ใจไม่ได้คิดแบบนั้น หนุ่ยอย่าโกรธนะ ตุ้มเป็นคนตรง”
ผมหัวเราะ “คนตรงดีกว่าคดนะ ผมชอบ ผมไม่แก้ตัวหรอก ว่าผมปากหวาน ก็ผมเป็นแบบนี้นี่ แต่ผมบริสุทธ์ใจ ไม่ได้คิดจะหลอกใคร”
 “งั้นตุ้มถามตรงๆอีกครั้ง หนุ่ยกำลังจีบตุ้ม หรือว่าหนุ่ยแค่พูดคำหวานไปเพลินๆ ตามความเคยชิน” ตุ้มถามผมจริงจัง แต่ท่าทีกลับดูสบายๆ ไม่ได้เคร่งเครียดอะไร
“จีบจริงๆสิ ถ้าตุ้มโอเคเราก็เป็นแฟนกันได้เลย ทันที”

ตุ้มไม่ตอบแต่ก้มหน้าตักกับข้าว เอาพริกใส่จานผมกองพะเนิน “ตุ้มทำอะไร ผมไม่ได้ทานเผ็ดเก่งขนาดนั้น”
“รู้ไง เลยให้กินพริกเยอะๆ เวลาพูดอะไรจะได้พูดยากๆ มั่ง ให้ปากแสบๆหน่อย  พูดเรื่องแฟนเป็นเรื่องง่ายไปซะหมดอย่างกับของเล่นของเด็ก ระวังเถอะ เดี๋ยวจะแช่ง ให้เวลาพูดของจริงให้พูดไม่ออกกันเลย” ตุ้มส่งสายตาค้อนขวับมาให้ผม ผมขำก็ขำ แต่อารมณ์สนุกยังมีอยู่
“แล้วตุ้มโอเครึเปล่าล่ะ เอาแต่กินทำไมเงียบไป”
“ไม่โอเคหรอก ใครเค้าจะไปโอเคง่ายๆ  คนเค้ามีพ่อมีแม่นะ ทำอะไรก็ต้องคิดให้ดีก่อน”
“แสดงว่าผมยังมีหวังใช่ไหม ตัดสิทธิ์นั้นของผมไปรึยัง”
“คุณยังได้สิทธิ์นั้นอยู่” ตุ้มหัวเราะออกมาจนได้ “ยังไม่ตัดสิทธิ์ แต่ยังไม่ตกลง ขอคบกันเป็นเพื่อนดีกว่า แล้วไม่ต้องมาหวานใส่แล้วนะ ไม่ไหว กลัวเป็นเบาหวาน อยากให้สุขภาพใจแข็งแรงหน่อย”
“แปลกคนจริงๆ ทำไมไม่ชอบนะ ไม่เข้าใจ”

ตุ้มหยิบน้ำมาดื่มก่อนอึกใหญ่ก่อนบอกผมว่า “เพราะกลัวติดหวาน พออีกหน่อยหนุ่ยไม่หวาน ตุ้มจะเสียใจ ถึงจะหวานแบบเป็นเพื่อนก็เถอะ หนุ่ยไม่รู้อะไร ผู้หญิงใจอ่อนนะเจอคนมาพูดหวานๆด้วย ถึงใจว่าไม่คิดว่าเค้ารัก มันก็แอบเข้าข้างตัวเองได้เรื่อย ตุ้มเองก็ไม่ใช่คนหนักแน่นอะไรนักหนา  ยังไม่อยากน้ำตาเช็ดหัวเข่าโดยไม่ได้ตั้งใจ”
ตุ้มพูดแบบนี้ขึ้นมาเหมือนความทรงจำย้อนกลับมาอีกครั้ง ผมจำได้ว่าฝันมันก็เคยบอกผมทำนองนี้เหมือนกัน หรือว่าผมเป็นแบบนั้นแล้วจะทำให้คนอื่นต้องเสียใจจริงๆ
“ผมมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอตุ้ม” ผมขมวดคิ้วถอนหายใจขึ้นมาบ้าง
ตุ้มหัวเราะเบาๆ แล้วยิ้ม “ไม่ได้แย่นะ ยังไงล่ะ ความหวานมันเหมือนดาบสองคม บางทีหนุ่ยอาจะใช้ความหวานมากไปโดยไม่รู้ตัว บางครั้งมันทำให้คนอื่นชุ่มชื่นหัวใจ แต่บางครั้งมันเหมือนโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ รอวันที่มันจะปะทุขึ้นมา เหมือนโรคเบาหวานกว่าจะรู้ตัวก็ป่วยไปซะแล้ว”

เจอคำเปรียบเทียบของตุ้มเข้าไปผมถึงกับหายเครียด ได้แต่ขำ “ตุ้มคิดได้ไง ยอดไปเลย แต่มันเห็นภาพชัดเลยนะ ช่วยได้เยอะ ผมรู้เลยว่าผมคงต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้แล้ว ผมคงทำอะไรคิดน้อยไปหน่อยจริงๆด้วย”
“อืม ที่จริงหนุ่ยน่ารักนะ คุยด้วยแล้วสนุก แต่ให้เป็นคนรัก บอกตรงๆ ตุ้มไม่กล้า ไม่มั่นใจด้วย”
“พูดแบบนี้ผมใจเสียเลย แรกๆมาทำผมหัวใจพองโต เต็มไปด้วยความหวัง ต่อมาก็เยียบหัวใจผมซะเละคาเท้า ผู้หญิงอะไรใจร้าย” ผมแกล้งตัดพ้อตุ้มด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แต่ตุ้มคงไม่หลงกล
รอยยิ้มขันประดับบนใบหน้าตุ้มอีกครั้ง แววตารื่นรมย์ “อีกแล้วนะ น้ำเน่าได้อีก หึหึ”

“สมมุตินะ  ถ้าเราเป็นแฟนกันหนุ่ยคิดจะคบไปถึงแต่งงานกับตุ้มเลยมั้ย” ผมฟังตุ้มพูดจบแล้วก็หัวเราะ
“ตุ้มจะถามผมตรงไปไหน อะไรกันนี่ ฮ่าๆๆ” ตุ้มทำเอาผมอึ้งได้อีก ที่กล้าถามผมแบบนี้ แต่ผมก็กล้าตอบตรง
“ถามตรงมาผมก็ตอบตรงไป ว่าไม่แน่ใจ ผมยังไม่อยากแต่งงานกับใคร” ตุ้มเอาแต่ส่ายหน้าแล้วยิ้ม
“ ตุ้มก็คิดแบบนั้น ถึงบอกว่าเราคบเป็นเพื่อนกันดีกว่าเยอะเลย” ตุ้มยกแก้วเบียร์ชนแก้วผมเบาๆ ยิ้มมุมปาก
“แด่มิตรภาพของเราค่ะหนุ่ย”
“ครับ แด่มิตรภาพของเรา”
ระหว่างตุ้มกับผมเราคงคบกันแบบผู้ใหญ่ที่มองเรื่องชีวิตคู่เป็นเรื่องรองสำหรับชีวิตไปแล้ว หลังจากที่ผมพลาดจากส้มครั้งที่แล้ว ความรู้สึกอยากแต่งงานมันก็หายไปอีก ผมคงพอใจชีวิตแบบนี้ไปซะแล้ว ชีวิตที่อยู่คนเดียว

คืนนี้กว่าเราจะแยกย้ายกันกลับบ้านก็สี่ทุ่มกว่า ถ้าถามผมว่าผมมีความสุขรึเปล่า ผมตอบได้เลยว่าผมสนุก ผมมีความสุขกับการได้ใช้เวลากับตุ้ม ถึงแม้จะเป็นแบบเพื่อนก็ตาม ผมไม่เสียใจที่ตุ้มบอกว่าขอคบกันแบบเพื่อนไปก่อน  ยังไงผมก็ยังมีเวลาไม่เห็นต้องรีบ  ถ้าเราจะได้เป็นคู่กันไม่ว่านานแค่ไหนก็คงได้เป็น แต่ถ้ามันไม่ใช่ ถึงตกลงคบกันตอนนี้อนาคตก็อาจต้องเลิกรากันไปอยู่ดี
กลับมาถึงบ้านถอดเสื้อผ้ากำลังจะอาบน้ำแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า น่าจะโทรหาน้องเกี๊ยงสักหน่อย  ผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูมีเอสเอ็มเอสของน้องเกี๊ยงส่งมา
“ผมนอนไม่หลับ ทำไงดี”
ผมอ่านแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ มันนอนไม่หลับ ผมไม่ใช่ยานอนหลับนี่จะได้ทำให้มันหลับได้ ดูเวลามันส่งมาตอนสามทุ่ม
“ท่าจะบ้า สามทุ่มจะไปหลับได้ยังไงวะ ทุกทีก็นอนเที่ยงคืนไปแล้ว กวนนะมึง”

“ว่าไง หลับรึยัง” ผมส่งเสียงทักทายไปก่อนที่มันจะพูดอะไรซะอีก
“คร่อกกก...ฟี้...” ฟังมันครับ ทำมากรนใส่หูผม
“ว้าหลับซะแล้ว งั้นพี่วางสายดีกว่า หึหึ”
ยังไม่ทันที่ผมจะวางไปจริงๆ เสียงโวยวายก็ดังมาตามสาย “เฮ้ย...ยังๆ ยังไม่หลับพี่ หูยยย...ใจร้าย โทรมาเหมือนเสียไม่ได้ ไม่ฟังกันมั่งเลย เอะอะวาง เอะอะไป อะอะไล่ เหอะ...”
“ถ้ามึงไม่เลิกบ่น กูวางจริงดีกว่า อุตส่าห์โทรมาก็บ่นเป็นตาแก่ไปได้ กูไม่ใช่ลูกมึงนะ ”
เสียงหัวเราะกิ๊กดังเข้ามา “อย่าเป็นคนแก่ใจน้อยไปสิพี่ พี่โทรมาผมก็ดีใจ ปลาบปลื้มจนนอนไม่หลับไปกว่าเดิม”
ผมคงโกรธมันไม่ลงจริงๆ แต่เถียงมันไม่ทัน แต่วันนี้เหมือนขาดหายอะไรบางอย่างไป

“คิดถึงพี่นะ” เมื่อเสียงนุ่มนวลกว่าเคยของมันเอ่ยขึ้นมา ผมยิ้มกับตัวเองจนได้ นี่ไงล่ะที่ขาดหายไป
“กูขอซื้อได้มั้ยคำนี้ พูดบ่อยเหลือเกิน ไม่รู้ดีแต่พูดรึเปล่า จะคิดถึงกันจริงมั้ยก็ไม่รู้”
“คิดถึงจริงนะ ผมพูดออกมาจากใจ” ผมไม่รู้ว่ามันพูดเล่นหรือพูดจริง แต่ผมก็เลือกที่จะเชื่อมันไปแล้ว
“คิดถึงกูน้อยหน่อยก็ได้” ผมเขินที่จะพูดแต่อาจจะเพราะยังมึนๆเบียร์อยู่ทำให้ผมพูดต่อ
“แค่ไม่ลืมคิดถึงกูก็พอแล้ว”
“...” เงียบกริบไม่มีเสียงเย้าแหย่จากน้องเกี๊ยงอีก หรือผมพูดอะไรผิด สายอาจจะหลุดไปก็ได้ แต่ในที่สุดมันก็เอ่ยเสียงแผ่วๆสวนขึ้นมา
“ผม...พี่นะ” เสียงน้องเกี๊ยงเบาไป ผมได้ยินไม่ชัดเลย
“อะไรนะ ไม่ได้ยิน พูดใหม่อีกที”

เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น “วันนี้ไม่พูดแล้ว นอนดีกว่า เริ่มง่วงแล้วพี่ พี่เป็นยานอนหลับที่ดีจริงๆ คุยกับพี่ทีไรหัวถึงหมอนปุ๊ปผมหลับสบาย”
“หึหึ งั้นก็นอนซะ กูจะไปอาบน้ำแล้ว”
“พี่เพิ่งกลับมาเหรอ”
“อืม มีอะไรรึเปล่า” 
“ไม่มี” ถึงมันจะบอกแบบนั้นแต่ผมว่ามัน 'มี' น้ำเสียงที่พูดฟังดูอ่อนระโหยไปเฉยๆ อะไรกันอีกล่ะ
“บอกมา” ผมพูดเสียงเข้ม บังคับให้มันตอบ
“...” น้องเกี๊ยงเงียบไปอีก
“จะบอกมั้ย” ไม่มีเสียงตอบจากมันอีกตามเคย มันกลายเป็นคนพูดน้อยไปได้ยังไง ผมก็ยังแปลกใจ เสียงผมดังขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่กำลังขึ้น

“กูไม่ชอบมึงที่เป็นแบบนี้เลย มีอะไรก็อ้ำๆอึ้งๆ จะพูดอะไรก็ไม่พูด” ผมถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด
“บางทีกูก็นึกว่าเราสนิทกันอย่างที่มึงว่า แต่บางครั้งกูก็ไม่รู้จริงๆ” ไม่มีคำพูดอะไรจากมันอีก ผมเริ่มเหนื่อย
“แค่นี้นะ พอกันแค่นี้” ผมวางสายไปก่อนที่มันจะพูดอะไรอีก 
****************
ตอนนี้ยาวไปนิดนะคะ ไรท์เตอร์บอกว่า เขียนแล้วก็เอาไปให้หมด แต่ตอนหน้ารอไปก่อน 555+ :angry2:

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
ใครบอกว่ายาว  ไม่จริ๊งงงงงงงงงง :angry2:
อิพี่หนุ่ยไม่ชัดเจนอะไรซักอย่าง  เฮ้อๆ สงสารน้องเกี๊ยงงง :เฮ้อ:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป

morrian

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: พี่หนุ่ยใจร้ายว่ะ

ทิ้งท้ายโทรศัพท์แบบนี้

น้องเกี๊ยงมันจะนอนหลับลงได้ยังไง

ร้องไห้ตามบวมฉึ่งละไม่ว่างานนี้  :เฮ้อ:

แต่ก็นะ ,,, น้องเกี๊ยงอ้ำๆอึ้งๆ บางครั้งคนคุยด้วย

ก็หงุดหงิดได้เหมือนกัน เลือกบอกตรงๆวัดกันไปเลยน้องเกี๊ยง  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อ่านเรื่องนี้ช่วงนี้ทีไร เศร้าในใจลึกๆทุกที  :monkeysad: เราเคยเป็นแบบเกี๊ยงอ่ะ แอบรักข้างเดียวไม่กล้าบอก อีกฝ่ายก็ไม่เคยจะรู้ไรบ้างเลย 

wan2055

  • บุคคลทั่วไป
ค้างขั้นรุนแรง  ไอ้พี่หนุ่ยยยยย
ทำไมเป็นอย่างนี้เล่า
สงสารก็แต่น้องเกี๊ยง  :o12:

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
พี่หนุ่ยงอนก็ไม่บอก

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
ยาวแต่มันค้างนะคะ  :impress3:

รู้อยู่แก่ใจว่าน้องเกี๊ยงคิดยังไงแล้วยังไม่ยอมรับความจริงอีก  :beat:


snowblack

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกส์ อารมณ์ค้าง พี่ฟางต้องมาต่อไวๆแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ


สงสารน้องเกี๊ยงอ่ะ สู้เค้า น้องเกี๊ยงงงงงงงงงงงงง.... :serius2:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกปรี๊ด !! ยังไงไม่รู้   :fire:
เซ็งไอ่พี่หนุ่ยขั้นรุนแรง ชักเริ่มไม่ชอบแระ เฮอะ
มีหน้าไปหยอดจีบยัยตุ้มไรนั่น แหม ๆๆๆ แม่ละอยากให้ยัยตุ้มคนนั้นตกลง
เป็นแฟนกันไปเลย(เล่นตัวนะยะหล่อน)  เชิญเลยค่ะ  ยินดีที่สุด 
แหมๆๆ เสียดายน่าจะเป็นแฟนกันไปเลย    น้องเกี๊ยงจะได้ตัดใจซะที เบื่ออออออออออออ

แล้วก็นะ ไม่รู้ว่าโง่หรือแกล้งโง่กันแน่ ผู้ชายที่ไหนเค้าบอกคิดถึงกันทุกวันแบบนี้
แล้วก็ที่แอบได้ยินน้องมันสารภาพอีก 

เหมือนจะรู้นะ ว่าเกี๋ยงน่าจะรู้สึกอะไรกับตนมากกว่าพี่ที่รู้จัก

แล้วการที่พูดบอกว่าตุ้ม ยังไม่ใช่น่าแฟนแต่อนาคตไม่แน่ ไรนั้นบอกให้น้องมันฟังเพื่อ?
 
ต้องการดักทางน้องมันเหรอ   แล้วจะบีบให้พูดออกมาเพื่อ?  :angry2:

แต่ประโยคที่ปิดท้ายนี่ถูกใจนะเคอะ (อย่ากลืนน้ำลายตัวเองนะไอ้พี่หนุ่ย)
แล้วน้องเกี๊ยงคะในเมื่อเค้าตัดบทมาแบบนี้ ตัดใจซะเถอะ  อย่ารักมันเลยไอ่คนงี่เง่าแบบนี้ เหอะ ปล่อยให้ไปมีความสุขกะ ตุ้มของเค้าเถอะ(เห็นชมซะขนาดนั้น สบายใจ มีความสุข  :oak:)  เราก็เลิกไปเลย ไม่ต้องยุ่งเกี่ยว เค้าบอกเองนี่ว่าพอกันแค่นี้
ใจแข็งไว้นะ อย่าใจอ่อน  หายไปจากชีวิตเค้าเลย ชิส์ ไม่ต้องยุ่ง เกี่ยวติดต่อ โทรก็ไม่ต้องรับสาย ไอ่คำว่าคิดถงคิดถึง ก็ไม่ต้องไปบอกมานนนนนนนนแล้ว   พอกันที   ให้มันรู้ไปสิ ว่าไม่มีเค้าเราจะอยู่ไม่ได้  หาใหม่เลย  55555555

(กรี๊ดดด อิน!! โหมดเหวี่ยงแทนน้องเกี๊ยง  :laugh:

ปล มั่นใจนะว่าไอ่พี่หนุ่ยมันเป็นพระเอก กร๊ากกกกกกก   :pigha2: 
ปล ใจแข็งนะน้องเกี๊ยง อย่าใจอ่อนง้อมันก่อนเด็ดขาดนะคะลูกกก   ใจแข็ง + ตัดใจ ท่องไว้   555   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2010 21:32:05 โดย Ak@tsuKII »

mini

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: หนักใจแทนเกี๊ยง

เมื่อไหร่พี่หนุ่ยจะหายโง่ซะที  :z3:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านจนจะลงแดง ลงไปแดดิ้น  :serius2:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
ปั่นทู้ กรั่กๆๆๆ   

เ้ข้ามารอน้องเกี๊ยง(คนเดียว)  :กอด1: 


ส่วน(ว่าที่) คู่รักบรรลือโลก  :a14: :oak: 


5555555

บวก 1 ค่ะ





ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 :oni1: วิ่งมาดันบ้าง แต่ก็ยังไม่มีตอนใหม่มาอยู่ดี 55+
ให้ตบอีพี่หนุ่ยได้ตามใจค่ะอยากมาหลอกให้รักแล้วทำเมิน  :beat:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
กระโดดเสยตูดคนแต่ง  :oni2:

มาทั้งทีไม่มีของฝากนักอ่านกันเลยน้า  :z3:


ปล. พี่หนุ่ยงี่เง่ามาก อย่างนี้ส่งคุณรณมาแทนเลยได้มั้ยคะ คุณรณยังว่าอยู่อะ  :laugh:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววววววววววว

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

 :m31: :m31: :m31: :m31:

Ploy-Tawan

  • บุคคลทั่วไป
พี่หนุ่ยแก่แล้วเลยตามความรู้สึกตัวเองช้า อดทนนะครับน้องเกี๊ยง
รักซึมลึกยังไม่ถึงบาดาลใจ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
พี่หนุ่ยยังคงคอนเซ็ป ความใจร้าย ไว้อยู่เหมือนเดิม
นึกว่าจะใจอ่อนบ้างแล้ว
 :เฮ้อ:

บวก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
จับไอพี่หนุ่ยมัด เตรียมบูชายันต์ o18

 :z13:+1 คนเขียน ให้มีแรงเข็นตอนใหม่มาเร็ว ๆๆๆ อิอิ

ปล น้องเกี๊ยงคะ อย่าลืมคอนเซปท์เรานะคะ ใจแข็ง+ตัดใจ ๆๆๆๆ 5555

อยากดัดนิสัยอิพี่หนุ่ย  :beat:

b_hihi

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านอยู่นะ

รีบๆมาเร้วๆๆๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
รู้สึกอยากตบกะโหลกอิพี่หนุ่ยอะ  :m16:

Phawaii

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มจะเกลียดพี่ หนุ่ยแล้วว่ะ  :z6: ไอ้พี่หนุ่ยบ้า รุ้ว่าเค้าชอบก็ยังทำร้ายจิตใจเค้า  :impress3:
มาทำร้ายเกี๊ยง ม๊าย ย ย  :fire:

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
พี่หนุ่ยเรทติ้งตกก็นะ...มันน่า :laugh:
***************************
ผมใช้เวลาอาบน้ำอยู่นานคิดอะไรไปด้วย พออาบน้ำเสร็จเข้าไปในห้องนอนก็ต้องตกใจเพราะมีใครบางคนเดินวนไปมาเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอนผม พอผมเห็นชัดๆเท่านั้น ไอ้น้องเกี๊ยงนั่นเองครับ สภาพของมันที่ผมเห็น ดูแล้วยังแปลกใจว่ามันกล้าออกมาจากบ้านด้วยชุดแบบนี้ได้ยังไง น้องเกี๊ยงหน้าซีดเผือด ผมบนศีรษะยังหมาดอยู่เหมือนอาบน้ำสระผมเสร็จใหม่ๆ ใส่เสื้อกล้ามสีเทา กางเกงขาทั้งสั้นทั้งบานจนผมหนาวแทนมัน ถ้าเป็นผมคงนอนสบายไปแล้ว อะไรดลใจให้มันมาหาผมกันแน่
“ไอ้เตี้ย!...มึงมาได้ไง กูตกใจหมด เข้ามาได้ไงนี่”

ถ้าผมไม่มึนจนเกินไปผมจำได้ว่าผมปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้วนี่หว่า หรือว่ามันปีนเข้าบ้านมา น้องเกี๊ยงมันยิ้มอวดก่อนยกพวงกุญแจให้ผมดู ให้ผมรู้ว่ามันเข้ามาง่ายๆด้วยวิธีนี้เอง  
ผมชี้หน้ามัน “มึงอย่าบอกนะว่าไปปั๊มกุญแจบ้านกูมา”
มันไม่ตอบแต่แลบลิ้นให้ผมทำหางตาตก หูตก ก้มหน้า เหมือนสำนึกผิด ผมเดินเข้าไปตบหัวมันก่อนด่า
“ถือวิสาสะนะมึง กูอยากรู้ว่าใครอนุญาตให้มึงทำแบบนี้”

อารมณ์กรุ่นขึ้นมาเล็กๆ หงุดหงิดขึ้นมาได้อีก  ผมถือเรื่องการเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของผมพอสมควร ถึงเราจะสนิทกันมันมานอนที่บ้านผมหลายครั้งแต่ทุกครั้งผมเป็นคนให้มันมา ไม่ใช่ตามใจมัน
น้องเกี๊ยงส่ายหน้ายกมือไหว้ผม พยายามยิ้มแต่หน้าตามันกลับดูแปลกๆ “ขอโทษพี่ ผมไม่อยากไปนั่งรอข้างนอกอีกแล้ว ผมปั๊มมาตั้งนานแล้วนึกว่าพี่รู้แล้วเสียอีก ไม่รู้เหรอ?”

มันยังมีหน้ามาถามผมอีก คำสุดท้ายที่พูดมีน้ำเสียงล้อเล่น ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทำผิด เหมือนขอโทษไปอย่างนั้นเอง แถมด้วยท่าทางกวนๆ ของมันก่อกวนอารมณ์ผมขึ้นมาจนได้  ผมตวาดเสียงดังขึ้นมาทันที
“มึงก็รู้ว่ากูชอบความเป็นส่วนตัว ทำไมมึงทำอะไรไม่ขอกู กูไม่ชอบ ไหน เอากุญแจมานี่”

ผมยื่นมือไปแต่น้องเกี๊ยงยังคงถือไว้อยู่อย่างนั้นไม่ส่งให้  ผมมองมันเขม็งแล้วดึงกุญแจมาจากมือมัน คราวนี้มันหน้าซีดขาวจนเหมือนกระดาษ ดวงตาแวววาวมีน้ำตาคลอๆ เม้มปากแน่น  ผมไม่อยากเห็นหน้าตาที่ทำท่าน่าสงสารแบบนั้น ความใจดีของคนเราก็มีขีดจำกัด ผมหันหลังให้แล้วใส่เสื้อผ้าโดยไม่สนใจมันอีกต่อไป
“กูจะนึกซะว่ามึงเอากุญแจมาคืน ไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปซะ” พอผมหันหน้ากลับมา น้องเกี๊ยงยืนทำตาปริบๆ อยู่อย่างนั้น ยังไม่ไปไหน
“ทำไมยังไม่ไปอีก”
“พี่...”เสียงแหบแห้งของมันเรียกผมไว้แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก
“ตามมานี่” ผมเดินไปที่ประตูเดินนำลงมันไปข้างล่าง น้องเกี๊ยงเดินตามผมมาอย่างเงียบๆ ผมเปิดประตูบ้านค้างไว้แล้วหันหน้าไปที่น้องเกี๊ยง  ผมยืนกอดอกพิงประตูบอกมันด้วยเสียงนิ่งๆ
“ออกไปซะ”
“...”

มันไม่มีทีท่าจะขยับตัวเลย มองหน้าผมด้วยแววตาขอร้อง มีแววเสียใจอย่างชัดเจน มันก็ควรจะเสียใจ โตขนาดนี้แล้วจะทำอะไรไม่คิด อย่างน้อยถ้ามันอยากได้กุญแจจริงๆทำไมไม่ขอผมดีๆ ผมคงด่าไป...แต่ก็ให้ เพราะมันก็เหมือนน้อง
แต่นี่มันบอกว่าทำไปนานแล้ว ยังมาเย้ยผมอีกว่าทำไมผมไม่รู้  'ตกลงกูผิดเองสิที่ไม่รู้ว่ามึงทำอะไร...ไอ้เตี้ย!'  ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ทั้งที่ผมไว้ใจมัน มาแอบเอาของผมไปปั๊ม มันทำแบบนี้โจรชัดๆ

ผมเดินเข้าไปกระชากแขนมันดึงตัวมันออกไปจากบ้าน แต่มันก็ฝืนตัวไว้
 “พี่หนุ่ยผมขอโทษจริงๆครับ ผมไม่รู้ว่าพี่จะโกรธขนาดนี้” น้ำเสียงของมันสั่นเหมือนคนจะร้องไห้ ดวงตาแดงก่ำ เข้ามาเกาะแขนผมเอาไว้ ผมเบี่ยงแขนออกแต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อย ผมแกะแขนมันไปก็พูดไป

“มึงไม่ต้องมาร้อง มึงอายุเท่าไหร่แล้ว ทำอะไรไม่คิดแบบนี้ได้ยังไง”
“ผมคิดนะพี่” น้องเกี๊ยงพูดเสียงอ่อยๆ ก่อนมองผมตรงๆ
 “ก็ผมคิดถึงพี่เมื่อไหร่ผมก็มาหาพี่ได้ ผมคิดแบบนี้จริงๆ”
‘คิดถึง’ คำนี้อีกแล้ว มันจะอะไรกันนักหนา ความอึดอัดใจลึกๆ ที่คอยก่อกวนอารมณ์ผมอยู่เสมอๆจี๊ดขึ้นมาอีก
 “มึงมีอะไรจะบอกกู นอกจากคำว่าคิดถึง เฮี้ยๆ นี่มั้ย”
พอผมพูดจบ น้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลลงมาบนแก้มของน้องเกี๊ยงพอดี  มันรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนบอกผมด้วยเสียงขาดเป็นห้วงๆ แรงบีบจากมือมันกดแน่นจนผมเจ็บ

“ก็ผม...ฮึกๆ...รักพี่ ผมคิดถึงพี่...ฮึก... มันจะผิดตรงไหนล่ะ”

ผมได้ยินเต็มสองหู ชัดเจนเข้าไปถึงใจ ถึงแม้เสียงจะขาดๆ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม แต่ผมคิดว่าผมฟังไม่ผิด มือที่พยายามแกะแขนมันออกหมดแรงไปเสียเฉยๆ ตกลงไปข้างตัวผม ความโกรธค่อยๆ ลดระดับลงไป
“...”
 ผมพูดอะไรไม่ถูก ต่างคนต่างเงียบ ได้ยินเสียงสะอึกของน้องเกี๊ยงดังขึ้นมาเป็นพักๆ ผมถอนลมหายใจยาวด้วยความหนักใจ เราคงยืนอยู่แบบนี้กันไปทั้งคืนไม่ได้ ถ้าต่างใช้อารมณ์กันทั้งคู่ อีกหน่อยอาจจะมองหน้ากันไม่ติด ผมเองก็หงุดหงิดง่ายๆโดยไม่มีสาเหตุ หรือผมจะเข้าวัยทองไปแล้วอารมณ์เลยไม่เสถียร ผมเหลือบตามองน้องเกี๊ยงตอนนี้มันหยุดร้องแล้ว แต่ยืนสะอึกอยู่ มันแอบมองผมเป็นพักๆ พอเราสบตากันมันก็หลบตา

ผมเดินไปรินน้ำมาให้มันดื่ม พอส่งให้ผมก็บอกมันไปว่า “เลิกพูดเล่น แล้วกลับบ้านไปซะ วันนี้กูไม่อยากพูดอะไรกับมึงอีก” น้องเกี๊ยงรับน้ำมาดื่มอย่างว่าง่าย แต่มันก็ยังไม่หายสะอึก
“ผมไม่ได้พูดเล่น ผมพูดจริง  พี่หายโกรธผมแล้วรึยัง อึก...ผมขอโทษ ทุกเรื่องที่ทำให้พี่ไม่พอใจ...อึก”
ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงหัวเราะเยาะมันไปแล้วที่สะอึกไม่หยุด แต่ตอนนี้แค่จะยิ้มยังไม่กล้าเลย

ผมหายโกรธมันไปแล้ว ตอนนี้สมองวุ่นวายเรื่องที่มันเพิ่งบอกมากกว่า หลังจากคาดคั้นมานานให้มันบอกเรื่องที่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูด แต่พอมันพูดออกมาผมกลับไปต่อไม่ถูก ยังไม่ทันเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ ถึงแม้จะเคยสงสัยอยู่บ้างแต่ก็ไม่แน่ใจ
“หายแล้ว กลับบ้านไปซะ พรุ่งนี้ไปเจอกันที่ทำงาน ว่างมีเวลาแล้วค่อยมาคุยกัน”

  ผมดันหลังมันให้ออกไปจากบ้านผม เนื้อตัวน้องเกี๊ยงเย็นชืดเพราะใส่เสื้อผ้าบางเบา แต่ก็เต็มไปด้วยเหงื่อ ผมถึงนึกได้ “มึงมายังไง ในสภาพแบบนี้”
“มาวินมอไซด์”
ผมเหลือบตามองอย่างประหลาดใจ ได้แต่ระอากับมัน “แล้วมึงจะรีบร้อนมาทำไม มีอะไรพรุ่งนี้ก็เจอกัน ค่อยคุยกันก็ได้”
ไม่เห็นต้องรีบมาให้ผมด่า ไม่ต้องรีบมาให้ผมไล่ แล้วก็ไม่เห็นต้องรีบมาบอกรักผมเลย รีบมาทำให้กูหัวใจกระตุกทำไม

“พี่บอกผมว่า พอกันแค่นี้ ผมก็ตกใจ นึกว่าพี่จะเลิกคบผม คิดอะไรไม่ทัน คิดแต่ว่าต้องมาขอโทษพี่”
 ฟังมันพูดแล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ “โทรมาก็ได้ ดึกแล้ว ไกลก็ไกล จะมาทำไมให้เหนื่อย”
น้องเกี๊ยงทำหน้าเบ้ ขมวดคิ้วมุ่น “ผมโทรมาแล้ว แต่พี่ไม่รับ โทรกี่ครั้งก็ไม่รับ ผมยิ่งนึกว่าพี่โกรธผมมาก ผมถึงต้องรีบมา”
ผมก็อยู่ตลอดนี่หว่า ทำไมผมไม่ได้ยินเลยล่ะ “อ่อ กูอาบน้ำ แต่นานไปหน่อย” แต่ยังไงก็ตามพรุ่งนี้ค่อยคุยก็ได้ ผมไม่เห็นความจำเป็นต้องรีบร้อนแบบนี้เลย

ผมเดินตามมันออกมามองซ้ายขวาถนนทั้งสองข้างมีแต่ความมืด ไม่มีใครรออยู่สักคน   “แล้ววินไปไหน มึงจะกลับไงนี่”
“ผมไม่ได้บอกให้เค้ารอ ไม่เป็นไรพี่ ผมเดินกลับเอง เดี๋ยวออกไปอีกหน่อยคงมี ผมชินแล้ว”
มองสายตาละห้อย ฟังเสียงเศร้าๆของมันแล้วผมก็สงสารนะครับ ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร แต่ผมไม่รู้ว่ามันหลอกด่าผมรึเปล่า ที่ปล่อยให้มันลำบากกลับเองแบบนี้บ่อยๆ อยากจะให้สมใจมัน ให้เดินโชว์หวิวซะให้เข็ด อยากใจร้อนไม่เข้าท่า  ผมไม่พูดห้ามอะไรปล่อยให้มันเดินไป อยากวัดใจว่ามันจะเอาจริงรึเปล่า

ผมมองเด็กหนุ่มที่เดินคอตกออกไปอย่างหงอยๆ มันยังยกไม้ยกมือขึ้นปาดน้ำตาทั้งที่มันควรจะหยุดร้องไห้ได้แล้ว เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่หายจากสะอึก  ผมยืนมองอยู่อย่างนั้นเผื่อมันจะเดินย้อนกลับมาหาผม มาบอกผมว่าไม่กลับแล้วขอนอนที่บ้านผมเหมือนเคย แต่มันก็เดินหายไปจนลับตาไม่หันกลับมาอีก  ผมปิดประตูบ้านแล้วตั้งใจจะนอน มีเรื่องวุ่นวายให้ผมคิดนอกจากเรื่องงานจนได้  ล้มตัวลงนอนแล้วก็นอนไม่หลับ ภาพของน้องเกี๊ยงที่ลับหายไปในความมืดยังติดตา

“มันจะเป็นอะไรรึเปล่าวะ ไอ้เตี้ยเอ๊ย...ทำให้กูเป็นห่วงจนได้”

ผมผุดลุกจากที่นอนคว้ากุญแจรถแล้วขับรถออกไปจากบ้าน ดึกดื่นเที่ยงคืนมันเงียบสนิทจริงๆครับ กลางคืนแบบนี้ทุกคนต่างก็นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสบาย แต่ผมต้องออกมาขับรถส่องดูคนตามถนนเหมือนพวกโรคจิต “ชีวิตกู วุ่นวายจริงหนอ”
“มันไปอยู่ไหนวะ”
 ผมเริ่มร้อนใจ จนต้องบ่นกับตัวเอง ผมขับออกจากซอยมาสู่ถนนย่อยของหมู่บ้าน ปกติจะมีวินมอเตอร์ไซด์จอดอยู่ปากซอย แต่คืนนี้ไม่มีเลยสักคัน แทบไม่มีคนให้เห็นมีแต่หมาเดินเล่นวิ่งเล่นสองสามตัว ผมขับรถต่อออกมาเพื่อสู่ถนนใหญ่ ปากก็บ่นไป
 “ ทำไมมันเดินไวขนาดนี้วะ หรือว่าโดนฉุดลงข้างทางไปแล้ว ทั้งเปลี่ยว ทั้งมืด ไอ้เตี้ยนะไอ้เตี้ย ”

ผมขับหามันไปจนถึงถนนใหญ่ ก็ยังไม่เห็น ทั้งที่ระยะทางไกลพอสมควร ถ้าเดินเท้าออกมาเดินเร็วแค่ไหนหรือต่อให้วิ่งยังไงก็คงไม่มาถึงตรงนี้ ผมตัดสินใจวกรถกลับแล้วมองหามันใหม่อีกรอบ ถ้าไม่เจอจริงๆ มันคงเรียกรถกลับบ้านได้แล้วผมหวังว่าจะเป็นแบบนั้น
ในที่สุดผมก็เจอ น้องเกี๊ยงกำลังจะยืนคุยกับคนขับมอเตอร์ไซด์ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าใช่วินรึเปล่า  ผมไม่มีเวลาคิดว่าทำไมเมื่อกี้ผมไม่เห็นมัน เพราะตอนนี้กลัวว่ามันจะกระโดดขึ้นรถไปก่อนมากกว่า

“ทำอะไรไม่ระวังตัวเล้ย ไอ้เตี้ย” ผมจอดรถลงข้างทาง แล้วรีบวิ่งลงไปดึงแขนมันไว้
 น้องเกี๊ยงทำตาโต ถามผมอย่างประหลาดใจ “พี่หนุ่ยมาได้ไง?”
“มึงจะไปไหน” ผมถามมันแล้วหันไปมอง คนที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าตาไม่น่าไว้ใจแววตาลอกแลกไปคุยกันทำไม
น้องเกี๊ยงบอกผมเสียงอ่อยๆ ทำไมมันตาบวมๆวะ “พี่คนนี้เค้าอาสาไปส่ง ผมหารถไม่ได้เลย”  
“ไม่ต้องแล้ว กลับไปนอนที่บ้านพี่” ผมบอกมันจบก็หันไปบอกเจ้าของมอเตอร์ไซด์ แล้วโค้งหัวให้เค้า
“ไม่รบกวนแล้วพี่ เดี๋ยวผมพาน้องกลับเอง ขอบคุณนะครับ ขอโทษด้วยที่น้องผมทำให้เสียเวลา”

ไอ้เจ้านั่นยักไหล่ทำหน้าฉุนๆ ขี่รถออกไปทันที ไม่ได้ว่าอะไร ผมถึงกับถอนหายใจโล่งอก แล้วหันมามองเจ้าตัวดีที่ยังยืนจ้องหน้าผมเขม็ง
“มองอะไร! ทำอย่างกับไม่รู้จักกัน” ผมถามมันไปอย่างโมโห ชอบทำให้กูเหนื่อยเรื่อยเลย
“มองพี่ ให้เห็นชัดๆว่าไม่ได้ตาฝาดไป” มันไม่พูดอย่างเดียว แต่ริมฝีปากมันยังยิ้มไม่หุบ
“ไม่ต้องพูดมากเลย ขึ้นรถ กลับบ้านเรา”
ผมดึงมือมันเปิดประตูรถแล้วผลักมันเข้าไป ผมเข้าไปนั่งที่คนขับแล้วหันมาจับเกียร์แล้วถึงหันมาดูหน้าไอ้ตัวดี ที่เกือบขึ้นรถไปกับใครแล้วก็ไม่รู้
น้องเกี๊ยงมันเบือนหน้ามองออกไปข้างนอก เหมือนคนคอเคล็ดที่หันหน้ามองตรงไม่ได้ ผมขับรถออกมาครู่ใหญ่แล้วมันก็ยังนั่งนิ่งเงียบ จนผมอึดอัด

“ หาเจอมั้ย” ผมถามมันขึ้นมา
“หาอะไรพี่” ก็ยังดีที่มันตอบผม ถึงแม้มันจะยังคอแข็งอยู่ แต่เสียงพูดค่อยเหมือนคนคอเจ็บ ผมแทบไม่ได้ยิน
“กูไม่รู้ เห็นมึงมองออกไปข้างนอก กูนึกว่ามึงทำอะไรหายไป”
น้องเกี๊ยงหันมาจนได้ มองผมตาใสบอกกับผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ที่หายไปอย่างเดียวคือใจผม”

ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงอ้วกไปแล้ว คงด่ามันไปด้วย หรืออาจจะหัวเราะเสียงดัง ด่าว่ามึงพูดบ้าอะไรกัน ผมกับมันคงหัวเราะกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้น้องเกี๊ยงไม่หัวเราะและที่ผมทำได้คือหัวเราะฝืดๆแค่นั้น ลมหายใจติดๆขัดๆ  ไม่รู้อะไรที่ทำให้ผมตอบมันกลับไปว่า “เดี๋ยวก็หาเจอเอง”

น้องเกี๊ยงถอนหายใจ แล้วหันหน้ามองตรงไปข้างหน้า พูดเบาๆ  “พี่ออกมาตามผมทำไม”
ผมอยากจะพูดไม่ตรงกับใจเพราะกลัวเสียฟอร์ม แต่ผมก็ไม่ทำ “ กูนอนไม่หลับ...”
ผมเลียริมฝีปากที่แห้งผากขึ้นมาพูดต่อไป “กูเป็นห่วงมึง”
ถึงผมจะไม่หันหน้ามามอง แต่ผมก็สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกว่าน้องเกี๊ยงมองผมอยู่ แต่มันก็เงียบไป หลังๆ มานี้บางครั้งมันพูดน้อยมากจนผมลืมเด็กหนุ่มช่างพูดช่างกวนที่ผมเคยรู้จักไปเลย  
“พี่ห่วงผมด้วย” เสียงของมันพูดเหมือนไม่แน่ใจ จนต้องถามกับตัวเอง
“ผมยังไปบ้านพี่ได้เหรอ พี่ไม่ไล่ผมอีกเหรอ" ”

 คำพูดตรงๆแบบนั้นราวกับมันกำลังตัดพ้อผม ทำเอาผมสะอึก หรือว่าผมทำผิดไป บางทีน้องเกี๊ยงมันอาจจะเด็กเกินไปไม่คิดอะไรซับซ้อนแบบผม หรืออาจพูดได้เลยว่าผมน่าจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้
“ไปได้สิ แต่รู้มั้ยว่าการแอบเอากุญแจบ้านคนอื่นไปปั๊มเองแบบนี้มันผิด”
“ครับ ผมขอโทษ”  น้องเกี๊ยงก้มหน้า ยกมือไหว้ผม ไม่มีท่าทางล้อเล่นอีกแล้ว
รถเลื่อนมาจอดหน้าบ้านพอดีในขณะที่ผมยังอยากพูดต่อ ผมยังไม่ลงไปเปิดประตู แต่หันหน้าไปคุยกับมันตรงๆ
“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก ไม่ว่ากับใคร” มันก้มหน้างุด คอตกเป็นหมาหงอยผิดฟอร์มจนผมขำ ผมเอามือแปะหัวมันเขย่าๆ แล้วลูบหัวมัน “ไปนอนเถอะ พี่ง่วงแล้ว”

ผมเอารถเข้าบ้านแล้วเดินนำมันเข้าไป พอหมดเรื่องแล้วก็อยากนอนเป็นที่สุด “ไปอาบน้ำใหม่ก่อนนะ เหงื่อโทรมตัวเลย”
“ผมไม่มีเสื้อผ้าเลยพี่ ใส่ตัวเดิมก็ไม่ไหว” มันยกแขนขึ้นดมตัวเองแล้วทำหน้าย่น ถ้าผมให้มันมานอนด้วยทั้งตัวเหม็นๆ ผมคงนอนไม่หลับเป็นแน่ ผมหาเสื้อผ้าให้แล้วโยนไปให้มัน “กูมีแต่แบบนี้ ใส่ไปก่อน”
แบบนี้ที่ผมว่าคือเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้นเพราะผมเป็นคนขี้ร้อน ระหว่างที่มันไปอาบน้ำผมเผลอนอนหลับไปก่อน มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเตียงยวบด้วยน้ำหนักของน้องเกี๊ยง ผมขยับตัวไปดู
“เดี๋ยวนี้มึงนอนบนเตียงกูเลยนะ”
ผมอ้าปากจะไล่มันลง แต่นึกในใจว่าวันนี้ไล่มันหลายรอบแล้ว ไม่อยากใจร้ายอีกวันละหลายๆหน ผมเลยหันหลังให้มัน
“ผมขออนุญาตนะพี่ นะครับ” เสียงกลัวๆกล้าๆเอ่ยออกมาจนได้ ก็ยังดีที่ยังรู้จักขอบ้าง

“อืม”
ผมข่มตาให้หลับแต่จนค่อนคืนคำว่า ‘รัก’ กลับก่อกวนผมจนหลับไม่ลง ต้องพลิกตัวไปมา น้องเกี๊ยงนอนหันหน้ามาทางผมอยู่แล้ว ผมใช้เวลานี้มองมันเงียบๆ  มันนอนเงียบคงหลับไปแล้ว  ก็น่าจะเป็นแบบนั้นคงเหนื่อยจากการเดินระยะทางไม่ใช่น้อย
ถ้ามันรักผมอย่างที่มันบอก แล้วมันจะจบลงตรงไหน คบกันเหรอ ปฏิเสธไป หรือยังไง ผมถามตัวเอง ผมต้องตอบมันไปยังไง ในเมื่อตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ใจตัวเองเลย ผมรู้แค่ว่าเรื่องของมันก่อกวนใจผมจริงๆ

แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง แยงตาจนผมต้องจำใจตื่นทั้งที่ยังนอนไม่เต็มอิ่ม ผมขยับตัวจะลุกขึ้นอย่างเคย แต่แรงกดที่ตัวทำให้ผมขยับตัวลำบาก คนที่ขยับตัวไปมาอยู่ข้างกายผมยังคงนอนหลับตาพริ้ม ปากอิ่มขยับปากไปมาเหมือนเคย  ผมค่อยๆแกะแขนมันออกจากตัว ลุกขึ้นไปอาบน้ำเงียบๆ

เมื่อผมกลับมาไอ้เตี้ยมันนั่งหลับสัปงกอยู่บนเตียง ก่อนหันมามองผมแล้วหาว “พี่ไม่เรียกผม จะได้เข้าบริษัทพร้อมกัน”
“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวพี่รอ”
ผมแต่งตัวเสร็จลงมานั่งรอมันข้างล่าง เอานมมานั่งดื่มเงียบๆ เช้าๆแบบนี้ผมไม่ค่อยทานอะไร ดื่มแต่นมจนชิน กว่าจะทานข้าวรวบสองมื้อก็เที่ยงไปแล้ว คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ยังคิดไม่ตก เลยหันไปหยิบงานของน้องเกี๊ยงมาดูไปพลางๆ  แต่เจ้าตัวดีเดินหัวยุ่งลงมาหายังใส่เสื้อผ้าชุดเดิม
“พี่หนุ่ย ผมไม่มีเสื้อผ้าใส่ ทำไงดี สงสัยผมต้องกลับบ้านก่อน”
“ยุ่งกะกูอีกแล้ว เดี๋ยวเอาของกูใส่ไปก่อน”

ผมผละจากงานตรงหน้าแล้วไปหาเสื้อผ้าลำลองของผมมาให้มันใส่ น้องเกี๊ยงไม่ใช่พนักงานประจำดังนั้นการแต่งตัวไม่จำเป็นต้องใส่เชิ้ตผูกเน็กไทเหมือนผมขอแค่สุภาพก็พอ แต่รูปร่างที่ต่างกันให้ใส่ยังไงก็ดูรู้อยู่ดีว่าไม่ใช่เสื้อผ้ามัน เสื้อยืดอาจดูไม่แตกต่างเท่าไหร่ แต่ขากางเกงที่ยาวจนมันต้องพับขาขึ้นก็ทำให้มันหงุดหงิด หมดความมั่นใจ บ่นพึมพำเบาๆ
“กูจะกล้าเดินมั้ยนี่”
“ใครเค้าจะสนใจว่ามึงแต่งตัวแบบไหน วันหลังมึงเอามาทิ้งไว้ที่นี่สักชุดสองชุดเผื่อฉุกเฉินแล้วกัน”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมบอกมันไปแบบนั้น รู้แต่ว่าน้องเกี๊ยงมันยิ้มกว้างให้ผมเมื่อผมพูดจบ มันคงจะดีใจมากเกินไปแล้ว

 ผมผละจากมันมาแล้วนั่งดูงานต่อ สักพักน้องเกี๊ยงเดินลงมาแตะไหล่ผม แล้วชะโงกหน้าก้มลงมามองงานด้วย เหมือนมันจะไม่รู้ตัว แต่ผมขัดเขินในความชิดใกล้ขนาดนี้
“พี่ดูเสร็จรึยัง ถ้าเสร็จเดี๋ยวผมได้เอาไปทำต่อให้เสร็จวันนี้เลย”
เสียงเจื้อยแจ้วข้างหู  ลมหายใจแผ่วๆของมันข้างแก้มผมทำผมร้อนไปหมด “นี่มึงไปนั่งตรงนั้นก็ได้ มากระซิบกระซาบอะไรตรงนี้ กูร้อน” ผมปัดมือมันออกจากไหล่ผม แล้วชี้ที่นั่งข้างๆให้มัน
“อืม ร้อนเนอะ อาบน้ำเสร็จยังร้อนเลย” น้องเกี๊ยงขยับตัวไปนั่งข้างๆ แต่แขนมันก็ยังใกล้จนเสียดสีแขนผม ผมต้องขยับตัวออกห่าง  ผมนั่งมองงานแต่ใจกลับลอยไปถึงไหน น้องเกี๊ยงมันคงเห็นผมเหม่อๆ มันเลยสะกิดผม
“พี่ไปกันรึยัง เดี๋ยวสาย”
ผมสะดุ้ง รีบตอบเสียงตะกุกตะกัก “เออ เออ ลืมไปเลย ไปๆ”

เราออกจากบ้านมาด้วยกัน น้องเกี๊ยงดูเงียบๆไป ผมก็จนคำพูด ทุกสิ่งที่คาใจเต็มไปหมด แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน  บ่อยครั้งที่มีคนมาบอกรักผม แต่ไม่มีครั้งไหนลำบากใจเท่านี้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายมาบอกรักผม ผมตัดสินใจเริ่มการสนทนาก่อนที่จะอึดอัดกันไปทั้งคู่แบบนี้
“เมื่อคืนที่มึงบอกรักกูพูดเล่นล่ะสิ หึหึ เดี๋ยวนี้เล่นหนักนะไอ้เตี้ย” ผมฝืนยิ้มให้น้องเกี๊ยง หวังว่ามันจะคิดว่าผมพูดเล่น ทั้งที่ผมหลอกให้มันพูดเรื่องจริงออกมาต่างหากล่ะ
“ไม่ได้พูดเล่น พูดจริง ผมรักพี่” มันหันมาบอกผมเสียงกระตือรือร้น แววตาเป็นประกายแรงกล้า จนผมไม่กล้ามอง แต่ก็ต้องดันทุรังคุยกันต่อไป
“อย่ามาอำกัน มึงพูดอย่างกับเป็นเกย์ มาเที่ยวบอกรักผู้ชาย สนุกนักรึไง”

น้องเกี๊ยงทำท่าฮึดฮัด “ก็บอกว่าไม่ได้เล่น ไม่ได้อำ พี่จะว่าเป็นเกย์ก็เป็น แต่ก่อนไม่เป็นพอมาเจอพี่นี่ล่ะงานเข้าเลย ผมคงเป็นไบมั้ง ก็รักพี่นี่”
แล้วมันก็บ่นกับตัวเอง แต่ผมได้ยินด้วย “สนุกบ้าอะไร โดนด่า โดนไล่ตลอด ดุยังก๊ะ...”
ผมเอื้อมมือไปเขกหัวมัน “ว่ากูเหรอ”

ผมครุ่นคิดที่มันพูด มันมาโทษผมได้ยังไงที่ทำให้มันเป็นเกย์  ก็ผมไม่เป็นแล้วมันเป็นมันจะไปเกี่ยวกับผมได้ยังไง ของแบบนี้มันสืบทอดเพราะอยู่ใกล้กันเหมือนไข้หวัด2009ได้ที่ไหน
“แล้วพี่ว่าไงล่ะ” มันเม้มริมฝีปากแน่น
“อะไรว่าไง ว่าอะไร?” ผมไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่
“ที่ผมรักพี่”
ผมเหลือบตาไปมองมันแวบหนึ่งแล้วหันมาให้ความสนใจกับการขับรถต่อ ชัดเต็มสองหูเสียยิ่งกว่าเมื่อคืน
 “ ก็เรื่องของมึงนี่ ใช่เรื่องกูที่ไหน”
มันนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนยิ้มกว้าง “ก็จริงของพี่ แต่...พี่ไม่ห้ามผมนะ”
ผมคิดชั่วครู่ก่อนส่ายหน้า “ใครจะห้ามใจใครได้”

“แล้วพี่รักผมบ้างมั้ย” มันช่างกล้าถามผมแบบนี้ แต่ผมจะกล้าตอบมันรึเปล่า
“ กูไม่รู้” เลี่ยงไปก่อน แต่ผมไม่รู้จริงๆนี่นา
“ไม่เป็นไร สักวันพี่คงรู้เอง ผมจะรอ”
รถค่อนข้างติดทำให้ผมยังไม่ถึงที่ทำงานสักที แต่ตอนนี้ให้ติดนานแค่ไหนใจผมก็ไม่รู้สึกรู้สา มือเท้าขับรถไปตามสัญชาตญาณมากกว่า สติ สมาธิหายไปหมด รถติดไฟแดงพอดีตอนที่ผมถามมันไป
“ถ้ากูไม่รักมึงตอบล่ะ มึงจะทำไง”
“นั่นก็เรื่องของผมไม่ใช่เหรอ” มันย้อนผมครับมันยอกย้อน ดูมันมั่นใจมากขึ้นกว่าเมื่อวาน
“พี่แค่หาคำตอบในใจของพี่ก็พอ เราก็ต่างทำหน้าที่ของเราไป” มันยิ้มน่ารักให้ผม

“พี่แค่อนุญาติให้ผมรักพี่ ให้ผมรอ ให้ผมคิดถึง ให้ผมได้ไปบ้านพี่ ให้...” มันทำท่าจะพูดไม่จบ กลับมาพูดมากเหมือนเคย จนผมต้องเอามือปิดปากมันไว้ ให้มันหยุดพูด
“ทำไมมึงขอเยอะอย่างนี้วะ กูต้องอนุมัติมึงทุกเรื่องรึไง ฮึ” น้องเกี๊ยงไม่ตอบแต่จับมือผมที่ปากมันไว้ แล้วจูบที่ฝ่ามือผม ผมตกใจรีบชักมือออก น้องเกี๊ยงหัวเราะเสียงดัง
“จูบมือแค่นี้หน้าแดงเลยเหรอพี่ ฮ่าๆ”
ผมไม่กล้าพูดอะไร จังหวะนั้นรถเริ่มเคลื่อนพอดี ผมยอมรับว่าผมอึ้งไป ไม่คิดว่ามันจะทำอะไรแบบนั้น นี่ผมหน้าแดงจริงรึนี่ มิน่าทำไมมันร้อนขนาดนี้

“เฮ้อ สบายใจจัง ที่ผมบอกพี่ไปหมดแล้ว พี่รู้มั้ยผมอึดอัดแค่ไหน ท้องผูกยังไม่ทรมานอย่างนี้เลย”
“ช่วงก่อนผมก็กลุ้มใจนะ เหมือนคนที่หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจพี่ด้วย ว่าพี่คิดยังไงกับผม”
น้องเกี๊ยงหันมาหาผมที่ตอนนี้นั่งหน้าร้อนฉ่าอยู่ เลือดในกายมันสูบฉีดแรงจนผมกลัวหัวใจจะหยุดเต้นไปก่อน เพราะมันเต้นถี่เกินไป

“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าถ้าผมรักพี่ มันก็เรื่องของผม พี่จะคิดยังไงกับผมก็ช่าง แต่ผมบอกพี่ก่อนนะ ว่าผมไม่ใช่พระรอง เพราะงั้นผมก็ยังหวังที่จะได้รับความรักจากพี่ตอบด้วย ผมคงไม่ยอมเสียสละรักพี่ข้างเดียวแน่ๆ”
ผมยังคงฟังมันพูดไปเรื่อยๆ สมองก็คิดตามไปด้วย จนต้องสวนกลับ “มึงนี่พูดจาวกวน อะไรไม่รู้ กูแก่แล้วกูไม่รู้หรอก ไม่เข้าใจ”

น้องเกี๊ยงหัวเราะ “ยอมรับแล้วล่ะสิว่าแก่ เป็นคนแก่ที่ขี้เหวี่ยงซะด้วย” น้องเกี๊ยงเกาะแขนผมแน่น ผมอยากจะสะบัดออกก็ไม่ถนัดเพราะขับรถอยู่
“พี่ไม่ต้องเข้าใจอะไร แค่รู้ไว้ว่าผมรักพี่ อย่าผลักไสผม อย่าไล่ผมให้ไกลจากพี่แค่นี้ก็พอแล้ว”
รถมาถึงหน้าบริษัทพอดี  ผมจอดรถรอเลี้ยวขึ้นตึก น้องเกี๊ยงเปิดประตูแล้วหันมาขโมยหอมแก้มผม ก่อนวิ่งลงไปจากรถ โบกมือให้ผม
“เจอกันข้างบนนะพี่”

ผมจับแก้มตัวเองไปตลอดเวลาที่ผมขับขึ้นไปจอดรถ บอกตัวเองว่าไม่ไหวแล้ว ผมกำลังโดนเด็กจีบจริงหรือนี่
*************************************
 เห็นเค้าว่าใกล้จบแล้วมั้ง   :a1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2010 21:57:21 โดย คิคิคุคุ...zzZ »

ออฟไลน์ MoPPeT

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
น้องเกี๊ยงน่าร้ากกกกกกกกก :impress2:
อิพี่หนุ่ยใจอ่อนไวๆนะเฟ้ย
อย่าให้น้องเกี๊ยงรอนาน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด