ถึงคนอ่านที่คิดถึง
สวัสดีครับพี่ๆทุกคน(ผมเหมาเอานะว่าคนอ่านควรจะแก่กว่าผมทั้งหมด เพราะผมไม่อยากแก่ แหะๆ)
พี่ใหญ่บอกให้ผมเขียนจดหมายมาหาคนอ่าน เค้าบอกว่ามีคนคิดถึงผมกับปู่(หนุ่ย)
ก็พอเข้าใจว่ามีคนคิดถึงคนน่ารักอย่างผม แต่จะไปคิดถึงปู่ทำไม คนอะไรไม่รู้เอาแต่ทำงาน มีแฟนก็ไม่คิดถึงแฟน
คงจะจริงที่เค้าว่าพอมีแฟนแล้วผู้ชายก็มักจะเปลี่ยนไป กระซิก กระซิก (แต่ผมก็เป็นผู้ชายทำไมผมยังไม่เปลี่ยนเลย)
ที่จริงผมอยากคุยเรื่องดีๆนะแต่เราไม่ได้เจอกันนานผมขอบ่นก่อนแล้วกัน เพราะผมไม่รู้จะบ่นให้ใครฟัง
ปู่ชอบทำงานไม่เป็นเวลา เวลางานเยอะก็หายไปเลยทิ้งผมไปไม่ไยดี พอเวลางานน้อยก็หนีไปดื่มเหล้ากับเพื่อนมั่ง
ที่สำคัญไม่ยอมให้ผมไปด้วยอ้างว่าผมเป็นเด็ก จะหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ก็ไม่ได้ ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย
(ผมเลยเรียกพี่หนุ่ยว่าปู่ตั้งแต่นั้นมา โดยเฉพาะเวลาเราทะเลาะกัน)
พอผมงานเยอะขึ้นมาบ้าง หายไปทำงานหลายๆวัน กลับโวยวายกับผม
ต้องโทรตามไปเรียกตัวกลับจนผมเสียงานเสียการ ทำแบบนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นเด็กกว่าใคร
เรามีปัญหาไร้สาระแบบนี้บ่อยๆก็จริง แต่ถ้าถามผมว่าเรายังรักกันดีอยู่มั้ย
อืมมม...สำหรับผม มันน่าจะพูดได้ว่าตอนนี้ผมยิ่งรักพี่หนุ่ยมากกว่าเดิม และมันก็คงมากขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงขีดสุดของมัน
แต่เมื่อไหร่มันจะถึงขีดสุด ผมก็ยังไม่รู้ หรือมันอาจไม่มีวันนั้นก็ได้ เพราะผมคงจะรักพี่หนุ่ยไปเรื่อยๆ
ผมก็สงสัยว่าเวลาเราอยู่ด้วยกัน ยิ่งเราใกล้ชิดกัน นิสัยต่างๆที่เราไม่ชอบมันจะต้องมีเพิ่มขึ้น
ผมเคยกลัวว่าเราอาจจะสะสมความไม่พอใจเอาไว้ จนเปลี่ยนมาเป็นเบื่อหน่ายแล้วทำให้ความรักของเราลดลง
เพราะไม่ใช่ว่าผมและพี่หนุ่ยจะพอใจกันและกันไปหมดทุกอย่างนะครับ เราก็ทะเลาะกันบ่อย
พี่หนุ่ยชอบบอกว่าผมมีนิสัยขี้เหวี่ยง คิดมาก ขี้งอนแบบเด็กๆ ซึ่งมันก็จริงผมยอมรับ
แต่ผมเองก็ไม่ชอบที่พี่หนุ่ยคิดอะไรแล้วบางครั้งไม่แสดงออกมาตรงๆ ทำให้ผมต้องเดาเอง คิดเอง
ซึ่งบ่อยครั้งเรื่องพวกนี้ทำให้เราต้องเข้าใจผิดกัน
พูดกันตรงๆความแตกต่างของเรามันเยอะเอาเรื่องเหมือนกันครับ
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผมรักพี่หนุ่ยน้อยลง ผมรักปู่ของผมยังไงก็รักอยู่อย่างนั้น
เพราะยังมีเรื่องดีๆอีกมากมายเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน
มาชดเชยเรื่องเล็กน้อยที่เหมือนเศษฝุ่นที่ทำให้เราระคายเท้าเวลาเราเดินเหยียบเท่านั้น....
“ไอ้เตี้ย ทำอะไรอยู่” พี่หนุ่ยเดินเข้ามาจับหัวผมโยกแบบที่ชอบทำ แล้วชะโงกหน้ามาดู
“เขียนหาใคร เขียนทำไม??” พี่หนุ่ยถามเหมือนระแวง กลัวผมเขียนจดหมายหากิ๊กรึไง
“พี่ใหญ่เค้าให้เขียนหาคนอ่านที่คิดถึงเรา”
“ก็ใครล่ะ เรารู้จักเหรอ” ทำไมพี่หนุ่ยชอบมีปัญหานะ ผมเริ่มหงุดหงิด จะมาซักอะไรกันมากมาย
แล้วยังเอามือมายีหัวผมเล่นอีก จนผมต้องปัดมือทิ้ง
“เอ๊ะ ไม่รู้จัก แต่จะเขียน มีอะไรมั้ย อย่ามายุ่ง”
“ทำไมพี่ถามดีๆต้องโมโห ไหนลุกซิพี่อ่านหน่อย เขียนว่าไง”
ผมจะไม่ลุกก็ได้ครับ แต่พี่หนุ่ยคงเขกหัวผมจนหัวบวม เลยลุกดีกว่าไม่อยากเจ็บตัวแต่ขอบ่นหน่อย
“ลุกแล้วไม่เขียนต่อนะ พี่เขียนเองแล้วกัน ผมไปอาบน้ำแล้ว อยากยุ่งดีนักก็จัดการให้สำเร็จด้วย เหอะ”
ผมถือโอกาสชิ่งให้ปู่แกเขียนต่อ วิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปเลย
พอกลับมาอีกทีพี่หนุ่ยแกขึ้นเตียงนอนไปแล้วครับ
ตะโกนมาว่า “ไอ้เตี้ยไปอ่าน จะแก้ตรงไหนรึเปล่า แล้วส่งๆไปซะ แล้วรีบมานอนพี่ง่วงแล้ว”
“รอด้วยๆ ผมก็ง่วง” ผมรีบกลับไปดูหน้าจอ จะรีบจบจดหมายจะได้ไปนอนมั่ง พี่หนุ่ยเขียนต่อจากที่ผมเขียนแค่เว้นบรรทัดนิดหน่อย
“สวัสดีครับ ผมเองหนุ่ย
ผมไม่เคยเขียนจดหมายหาคนแปลกหน้าเลย แต่เรารู้จักกันมานานแล้วนี่ครับ
งั้นเราคงไม่แปลกหน้าต่อกัน ก็คงไม่ผิดอะไรที่เราจะคิดถึงกันใช่มั้ยครับ
ไม่รู้ว่ามีคิดถึงผมกันบ้างรึเปล่าครับหรือคิดถึงแต่ไอ้เตี้ย ต้องขอความรักกันหน่อยแค่ไอ้เตี้ยมาเรียกผมว่าปู่ทำเอาคะแนนผมตกไปเยอะเลย
เรื่องที่ไอ้เตี้ยมันเขียนอย่าไปเชื่อนะครับ ผมก็เหมือนเดิมทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนไป นิสัยยังไงก็ยังเป็นแบบนั้น
แต่ผมก็ยังเห็นน้องเกี๊ยงเป็นเด็กเหมือนเมื่อรู้จักกัน ผมก็เลยทำอะไรไปแบบนั้น ไม่มีอะไรจะแก้ตัวครับ
เมื่อก่อนผมอยู่คนเดียวก็อิสสระ สบายดีไม่เคยสนใจใคร แต่พอมีไอ้เตี้ย ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องห่วงทั้งที่มันก็บอกเรื่อยว่าโตแล้ว
แต่ถ้าผมไม่รักก็คงไม่ห่วงหรอกครับ
ส่วนเรื่องความรักของเราเป็นยังไงบ้าง ผมบอกได้ว่ามันยังดีอยู่ครับ เรื่องทะเลาะอะไรที่น้องเกี๊ยงว่า
ผมไม่เคยนับเป็นเรื่องทะเลาะสักครั้ง ผมกลับสนุกที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเกี๊ยง มันเป็นสีสันของชีวิตมากกว่า
เรื่องความแตกต่างอะไรนั่น ผมไม่สนหรอกครับ ความแตกต่างที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ต่างหากที่เป็นปัญหา
แต่ถ้าแตกต่างแล้วอยู่ร่วมกันได้ ผมว่านั่นน่ะดียิ่งกว่าไม่แตกต่างด้วยซ้ำไป
เรื่องที่น้องเกี๊ยงว่า ผมไม่ค่อยชอบพูดชอบแสดงออกว่าผมคิดอะไรยังไง มันก็คงจะจริงต่อไปผมจะปรับปรุงตัวครับ ผมสัญญา
อย่าถามผมนะครับว่าความรักของผมเป็นแบบเดียวกับน้องเกี๊ยงรึเปล่า
ที่ว่ารักผมเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ มันมาพูดให้คนแก่อย่างผมตัวลอยได้ หึหึ ถึงแม้ผมว่ามันออกจะเพ้อฝันไปหน่อย
แต่ผมแอบดีใจนะครับเพียงแต่ผมไม่กล้าพูดแบบนั้น
ผมรู้แค่ว่าทุกนาทีที่อยู่ด้วยกันผมมีความสุข แล้วมันก็คงจะเป็นแบบนี้ตลอดไป...เพราะผมได้อยู่กับคนที่ผมรัก
ไม่ต้องรักผมมากกว่านี้หรอกครับ แค่รักผมนานๆก็แล้วกัน
หวังว่าทุกคนจะสบายดีนะครับ ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกัน
ปู่หนุ่ยกับไอ้เตี้ยเกี๊ยง"
ผมอ่านจดหมายพี่หนุ่ยแล้วก็เผลอยิ้ม พี่หนุ่ยเขียนจดหมายหาคนอ่านหรือเขียนจดหมายบอกรักผมกันแน่
ผมกระโดดขึ้นเตียงเข้าคลุกวงในพี่หนุ่ยที่นอนอยู่ อยากให้รางวัลคนปากแข็งเลยขโมยหอมแก้มพี่หนุ่ยเบาๆ
พี่หนุ่ยขยับแขนมาโอบตัวผมไว้ ผมแหงนหน้ามองพี่หนุ่ยเห็นยังหลับตาอยู่
“อ้าว ผมนึกว่าพี่หลับแล้ว”
“ยัง รอเรานั่นแหละ” พี่หนุ่ยตอบผมเบาๆเหมือนละเมอ ก่อนรัดอ้อมแขนแน่นขึ้น ผมยกตัวขึ้นจูบคางพี่หนุ่ยอีกครั้ง
“ขอบคุณนะครับปู่”
พี่หนุ่ยเกลี่ยแขนผมเล่น “ขอบคุณอะไร”
“ขอบคุณที่สัญญา ว่ามีอะไรจะบอกกันตรงๆ”
“อื้อ พี่สัญญากับคนอ่าน”
“ไม่ใช่ สัญญากับผมสิ”
“อือๆ สัญญาก็สัญญา ตื๊อเป็นเด็กๆ” พี่หนุ่ยหัวเราะเบาๆ
“ขอบคุณที่บอกรักผมด้วย” ผมปีนขึ้นไปบนตัวพี่หนุ่ยแล้วกดปากลงจูบเบาๆ พี่หนุ่ยลืมตาพร้อมเปิดยิ้ม
“พี่ไม่เคยบอกรักเกี๊ยงเหรอ”
ผมส่ายหน้า “ไม่เคยเลย บอกกับปากได้มั้ย สักครั้ง อยากได้ยินสดๆ ออกอากาศ ไม่ใช่เป็นแค่ข้อความ หรืออ้อมไปมา”
“พี่หนุ่ยลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา พูดคล้ายกระซิบ มองตานิ่งจนผมเขิน“แล้วไม่รู้หรือว่าพี่...รัก”
ผมส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่รู้”
พี่หนุ่ยหัวเราะดัง แล้วบีบจมูกผม “เฮ้อ รักขนาดนี้ยังไม่รู้อีก โง่รึเปล่าเรา”
“ก็ผมไม่แน่ใจนี่ ถ้าพี่ไม่บอก เรียกโง่ได้ไง” ชักโมโห ให้พูดว่ารักแค่นี้ยังมาว่าผมโง่อีก
“เออๆ ไม่โง่ก็ไม่โง่” พี่หนุ่ยจับหัวผมเขย่าแรงๆ จนผมต้องเอามือปัด ชอบเห็นผมเป็นเด็กเรื่อย “อื้อ”
แต่แค่พี่หนุ่ยพูดคำนี้เท่านั้นก็ทำให้ผมตัวเบา นอนกอดพี่หนุ่ยแน่นกว่าเดิม
“แต่ไม่ต้องห่วงถึงโง่ก็รักนะ ไอ้เด็กโง่”
"ผมก็รักพี่ครับ"
