¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12  (อ่าน 237847 ครั้ง)

morrian

  • บุคคลทั่วไป
น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน

เพราะงั้นหัวใจอ่อนๆของพี่หนุ่ย

ต้องเป็นของน้องเกี๊ยงซักวัน ว่ะฮ่าฮ่า

///

นั่นสินะ ไรเตอร์ คู่นี้มันจะเป็นไงต่อไป :z2:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
แอร๊ยยยยยยยยยย ความสันพันธ์กระดึ๊บได้อีก-"-

ใกล้เข้ามาอีกนิด ชิดชิดเข้ามาอีกหน่อย

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
พัวพันกันไปมา อีกหน่อยก็แก้กันไม่ออกเอง

ลุ้นให้เป็นเกลียวรักเกลียวสวาทกันไปเลยคู่นี้  :o8:

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณที่ยังตามกันค่ะ :pig4:
**************
 ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเราคบกันแบบไหน ผมไม่ได้คิดมากแบบเพลงของดา เอ็นโดฟินนะครับ  ที่จริงผมไม่เคยคิดเลยต่างหากล่ะ แต่มันก็มีเหตุให้ผมเริ่มคิดอย่างจริงจังว่าเราคบกันแบบไหนก็เมื่อเวลาผ่านไปกว่าหกเดือนแล้วมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ทำให้ผมต้องมาทบทวนความรู้สึกกันใหม่

ตอนแรกที่ผมรู้จักพี่หนุ่ย ความรู้สึกก็ไม่แตกต่างจากที่ผมรู้จักรุ่นพี่คนอื่นๆหรอกครับ พี่หนุ่ยเป็นประเภท ‘ปากหมาแต่จริงใจ’ พี่แบบนี้ผมมีหลายคน ทั้งพี่ฝันนั่นก็ใช่  แต่พี่หนุ่ยเริ่มแตกต่างก็เมื่อเจอกันครั้งแรกแกก็ชวนผมไปทำงานด้วย แล้วยังพาผมไปบ้านแก ที่จริงผมก็มีบ้านกับเค้าเหมือนกันนะครับ แต่ที่ผมกวนๆแกไปแล้วเอาแต่ร้องเพลงกรุงเทพฯ เพราะผมไม่อยากกลับบ้านมากกว่า
ผมก็ไม่นึกว่าคนที่รู้จักกันครั้งแรกจะใจดีกับผมขนาดนี้ ถึงแกจะด่าๆแต่ก็ให้ผมนอนด้วย  มันทำให้ผมลืมไปเลยว่าเราเพิ่งจะรู้จักกันยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเสียด้วยซ้ำไป  ราวกับว่าเรารู้จักกันมานานแล้ว และพี่ก็เป็นพี่ของผมคนหนึ่งที่พร้อมจะยื่นมือมาช่วยผมเมื่อผมมีปัญหา

ผมยังจำได้ดี...วันนั้นวันที่ผมกำลังมึนๆงงๆอยู่ระหว่างสงครามของครอบครัวพี่หนุ่ยก็โทรมาพอดี  ผมออกจากบ้านมานั่งดื่มอยู่คนเดียว คิดวนไปวนมาว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับผมด้วย แต่ในห้วงความคิดแวบหนึ่งก่อนที่ผมจะเมาจนเกินไป ผมนึกขึ้นมาได้ว่าพี่หนุ่ยโทรหาผม  ผมตัดสินใจเรียกรถไปที่บ้านที่ผมเคยไปนอนมาแล้วครั้งหนึ่ง  ผมอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าในช่วงเวลาที่ผมอยากหลีกหนีไปจากเรื่องร้ายๆ เหมือนประตูบ้านพี่หนุ่ยรอเวลาให้ผมเปิดประตูเข้าไปหา  ผมไม่รู้ว่าพี่หนุ่ยจะต้อนรับผมรึเปล่า แต่พี่หนุ่ยก็ให้ผมเข้าไป

"เข้าไปในบ้านก่อน มีอะไรค่อยคุยกัน” น้ำเสียงที่อ่อนโยน มือแข็งแรงของพี่หนุ่ยที่จูงผม คนที่ไม่รู้ว่าควรไปทิศทางไหน มันช่างอบอุ่นไปถึงใจ
 แต่พอผมเจอคำว่า     “นี่มันบ้านกู ไม่ใช่โรงแรม นึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ไม่ใช่ม่านรูด”
ความรู้สึกน้อยใจ เสียใจมันพุ่งขึ้นมาถึงขอบตา  วันนั้นผมอ่อนไหวกับเรื่องทุกเรื่องง่ายไปหมด  ผมเอามือเช็ดน้ำตาอีกครั้งไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอนี้ ผมยกมือไหว้พี่หนุ่ยก่อนเดินออกมา  “ขอโทษพี่ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว”

ไม่มีเสียงเรียกจากพี่หนุ่ยหรือแม้แต่จะเดินตามผมออกมา ผมเดินโซเซออกจากบ้านมาแต่ก็ยังเมา  ผมเลยไปได้แค่หน้าประตูต้องทรุดตัวลงนั่งอยู่ที่หน้าประตูอีกครั้ง นั่งร้องไห้เสียสะใจด้วยความสมเพชตัวเอง ผมมันไม่มีใครจริงๆ พี่หนุ่ยเดินออกมาปิดประตูแล้วก็เดินเข้าบ้านไป ผมเหลือบตามองแล้วก็หัวเราะกับตัวเองพูดคนเดียวว่า
 “มึงกำลังคิดอะไรวะ เค้าก็แค่คนรู้จักมึงจะไปหวังอะไรนักหนากับเค้า คิดได้ไงว่าเค้าจะห่วงมึง”

ผมไม่ศรัทธาในความรักอีกต่อไป พ่อแม่ผมอยู่กินกันมากว่ายี่สิบปี เป็นที่ชื่นชมของผู้คนทั่วไปทั้งสองแทบไม่เคยห่างกัน พ่อแสดงออกเสมอมาว่ารักแม่มากในขณะที่แม่ดูแลพ่ออย่างดี ถึงแม่จะไม่ใช่คนพูดมากแต่เราก็รู้ว่าแม่รักพ่อไม่น้อยไปกว่ากัน แต่อยู่ๆ พ่อก็มาบอกว่าพ่อมีคนอื่นที่รักพ่อมากกว่าแม่ ให้อิสระกับพ่อมากกว่า พ่อจะเลิกกับแม่ ขนาดว่าผมไม่ได้เป็นเมียพ่อแค่เป็นลูกผมยังช็อก แล้วแม่ที่นอนเตียงเดียวกับพ่อมาตลอดจะไม่เสียใจได้ไง  คืนนั้นผมนั่งคิดวนเวียนเรื่องครอบครัวตัวเองอยู่ที่หน้าบ้านพี่หนุ่ยจนเกือบสว่างเพราะผมไม่มีที่ไปจริงๆ

หลังจากนั้นมาผมเจอพี่หนุ่ยอีกหลายครั้งแต่ผมก็เดาใจแกไม่ถูก ผมเองก็ไม่มีแก่ใจจะไปสนใจความรู้สึกของคนอื่นเพราะแค่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้นิ่งก็ยังยาก
ผมไม่รู้ว่ามีอะไรในตัวพี่หนุ่ยที่ดึงดูดผมให้เข้าไปหา ผมแค่รู้สึกอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้ และผมรู้ว่าในคำด่าที่แกมีให้ผม มันมีความปรานีและน้ำใจอยู่ในนั้น  ถึงแกจะไม่เปล่งประกายมีรังสีออร่าออกมาจากตัว แต่ผมก็ยังรู้สึกดีทุกดีครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน เราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆจนบางครั้งผมเผลอนึกว่าเราเป็นพี่น้องกันไปแล้วจริงๆ ทั้งที่พี่หนุ่ยปฏิเสธผมมาตลอด ผมพยายามไม่คิดมากกับท่าทีของพี่หนุ่ยที่บางครั้งก็อบอุ่นแต่บางครั้งก็เย็นชา สำหรับผมไม่ว่าจะแบบไหนพี่หนุ่ยก็ยังเป็นพี่หนุ่ย เป็นคนที่ผมชื่นชม

“เกี๊ยงมึงกินข้าวบ้างรึเปล่านี่ ทำไมผอมขนาดนี้ แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนทำงาน” แรงกดจากฝ่ามือที่จับบนไหล่ผม เรียกให้ผมหันหน้าไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนชะโงกหน้ามองงานผมอยู่ข้างหลัง  ผมส่งยิ้มให้พี่หนุ่ยก่อนยกไหล่ขึ้นแล้วเอียงคอเอาหัวถูมือพี่หนุ่ยเล่น
“ไม่หิวเลยพี่ แต่ง่วง” ผมหลับตาพักชั่วครู่บนมือนั้นและคงจะหลับไปเลยถ้าพี่หนุ่ยไม่ใจร้ายดึงมือออกไปก่อน
“ทำไมมึงชอบเล่นแบบนี้วะกูขนลุก” พี่หนุ่ยบ่นๆแล้วเปลี่ยนที่มานั่งอยู่ตรงหน้าผม
“ไม่รู้สิพี่ ชอบอะ ชอบทำกับพี่คนเดียวด้วยนะ เหมือนพี่เป็นเจ้าของผมเลย” ผมบอกพี่หนุ่ยไปอายๆ ไม่รู้ว่าอายไปทำไมเหมือนกัน
“ท่าจะบ้า กูไม่ได้ให้ข้าวมึงทุกวันสักหน่อย หึหึ”
“นั่นแหละ ไม่ให้ข้าวก็ให้ยอดข้าว ฮ่าๆ” ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาห้อยอยู่ตรงหน้า  แล้วทำท่าหมาแลบลิ้นแผลบๆ กะพริบตาถี่ๆ ให้พี่หนุ่ย พี่หนุ่ยหัวเราะก๊าก
“ไม่ใช่แล้ว มึงนี่มั่วเรื่อย ทำไปได้นะมึง ไม่รู้จักอายบ้าง โตไม่รู้จักโต” พี่หนุ่ยหยิบงานผมมาพลิกๆดูแล้วยิ้มมุมปาก
“งานเยอะนะ  ขนาดว่ามึงเพิ่งเริ่มเข้ามาทำงาน ทำไมมึงไม่ขึ้นค่าตัวสักหน่อย จะได้คุ้มเหนื่อย”
“ไม่หรอกพี่ ผมอยากให้เค้าขึ้นให้เพราะเค้าชอบงานผมมากกว่า ค่าจ้างแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว แต่ถ้าเค้าจะให้มากขึ้นผมก็จะยิ่งดีใจ”

พี่หนุ่ยลุกขึ้นเอามือมาแปะหัวผมแล้วขยี้เหมือนเช็ดมือ น้ำเสียงของพี่หนุ่ยฟังดูก็รู้ว่าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ “มึงมันดื้อ ถือดี อวดเก่งสารพัด นี่แหละไอ้เตี้ย หึหึ”
ผมกำลังยิ้มค้าง ผมถือว่านี่คือคำชมจากพี่เค้า “อ้าว ไปไหนล่ะ”
พี่หนุ่ยเดินไปแล้วโบกมือให้ผม “กูก็ไปนอนสิ มึงอย่านอนดึกนักล่ะ พักผ่อนบ้าง วันพรุ่งนี้ยังมี ไม่ใช่ว่าเที่ยงคืนนี้เวลามันจะหมด”
“งานมันเร่งน่ะพี่ อยากให้เจ้าของงานเค้าได้ไวๆ”
พี่หนุ่ยหันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง “เออ มึงก็เป็นซะอย่างนี้ ถ้าทุกคนเหมือนมึงก็ดีสิ ให้ห้าสิบทำไปซะห้าร้อย”
พี่หนุ่ยเดินขึ้นข้างบนไปนานแล้ว แต่คำพูดของพี่หนุ่ยยังก้องในหูผม ผมอยากบอกพี่ว่าไม่เฉพาะเรื่องงานหรอกเรื่องใจก็เหมือนกัน ให้ผมมาห้าสิบผมก็ให้ไปห้าร้อยเหมือนกัน

หลังจากนั้นช่วงที่มีงานที่บริษัทฯพี่หนุ่ย  ผมก็เข้าไปนั่งทำงานที่ออฟฟิศประจำ จนสนิทกับพี่นิ่มผู้ช่วยพี่หนุ่ยไปแล้ว
“วันนี้พี่หนุ่ยไปไหนอะพี่ ไม่เห็นหูเห็นหางเลย” ผมมาทำงานตั้งแต่สิบโมงยังไม่เห็นหน้าพี่เค้าโผล่มาเลย
“แอร๊ย  เกี๊ยงเรียกซะหมดท่าเลย พี่เค้าไม่ใช่หมา คิคิ อย่าไปพูดให้เค้าได้ยินล่ะ เดี๋ยวโดนตบหัว”
“โดนจนชินแล้วพี่ อีกหน่อยผมคงหัวล้านโดนพี่หนุ่ยตบกบาลประจำ ฮ่าๆ”
“ก็เราปากดีนักนี่ชอบไปกวนเค้า  ดีที่พี่หนุ่ยแกเอ็นดูเรานะ ไม่งั้นคงไม่ปล่อยหรอก”
ผมแอบดีใจที่พี่นิ่มพูดแบบนั้น ผมถึงมีความสุขทุกครั้งที่ทำงานที่นี่
“พี่ตุ้มขา มาพ่อดีเลย พี่หนุ่ยเรียกหานานแล้วค่ะ” ผมเหลียวหน้าไปมองพี่ตุ้มที่พี่นิ่มเรียก หญิงสาวร่างเล็กกะทัดรัด ที่กำลังเดินเข้ามา แต่งตัวเก๋ผมซอยสั้นรับกับใบหน้าขาวผ่อง ดวงตาสดใสเป็นประกายรับกับคิ้วเรียวยาว ส่งรอยยิ้มสว่างมาที่พี่นิ่มและเผื่อแผ่มาที่ผมด้วย
“เหรอ หนุ่ยมีอะไรกัน เมื่อวานพี่ว่าคุยไปหมดแล้วนะ งั้นเดี๋ยวพี่ออกมานะคะ หนูนิ่มอยู่นี่ก่อนนะพี่มีงานคุยนิดนึง”
“ได้ค่ะ เชิญด่วนเลยพี่ เดี๋ยวพี่หนุ่ยคิดถึงหนักกว่านี้ คิคิ” พี่นิ่มแซวเสียจนพี่ตุ้มหน้าแดงระเรื่อ อมยิ้มเหมือนเขินอาย  ก่อนโบกมือไปมาให้พี่นิ่ม
“พูดอะไรเป็นเล่น พี่ไปแล้วจ๊ะ”

ผมมีสมาธิอยู่กับงานตรงหน้าก็จริงแต่ประสาทหูผมยังดีพอที่จะได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ผมคงมองพี่ตุ้มนานเกินไปจนพี่นิ่มที่มองตามสายตาผมเห็น “น่ารักเนอะ มิน่าพี่หนุ่ยถึงชอบ”
ผมไม่รู้ว่าผมถามไปได้ยังไงเหมือนกัน “แฟนพี่หนุ่ยเหรอพี่ พี่ตุ้มคนนี้” ถามไปแล้วก็เหมือนลืมหายใจ รอฟังคำตอบ
พี่นิ่มยักไหล่ “ไม่แน่ใจแต่ดูพี่หนุ่ยแกมีความสุขม้ากมากตอนอยู่กับพี่ตุ้ม ก็แกน่ารัก หน้าตาดี นิสัยดี เริ่ดไปหมด”
ผมเผลอพูดไปเหมือนละเมอ “เค้าเป็นแฟนกันนานแล้วเหรอ ทำไมผมไม่รู้เลย” พี่นิ่มหัวเราะแล้วตีแขนผม
“วุ้ย เธอจะไปรู้อะไร พี่ตุ้มเค้าไปๆมาๆ เค้าไม่ได้เป็นพนักงานประจำที่นี่ เป็นฟรีแลนซ์ มีงานเค้าถึงมา แต่เค้าจะไปนัดเจอกันข้างนอกรึเปล่าพี่ก็ไม่รู้”
“อืม...”ผมครางในลำคอ นั่นสินะเค้าอาจจะนัดเจอกันข้างนอก แล้วพี่หนุ่ยก็ไม่ได้อยู่กับผมตลอดนี่นาทำไมผมถึงต้องรู้ด้วยล่ะ ผมถึงรู้สึกแปลกๆในใจเหมือนแน่นๆที่หน้าอกเมื่อรู้เรื่องนี้ ผมเป็นอะไรผมก็ไม่เข้าใจ เสียงเจื้อยแจ้วของพี่นิ่มยังดังต่อไปถึงแม้มือจะทำงานไปด้วย

“พี่หนุ่ยแกเลือกแฟนจะตาย เห็นอย่างนี้เนื้อหอมนะ ก็แกเฟรนด์ลี่ คุยสนุกจะตาย ใครอยู่ใกล้ก็อดหลงรักไม่ได้”
“อืม...นั่นสินะ” ผมเห็นด้วย กับประโยคสุดท้ายของพี่นิ่ม ถามพี่นิ่มไปอย่างเบลอๆ
“แล้วพี่นิ่มล่ะ ไม่รักเหรอ” พอผมถามจบพี่นิ่มตีป๊าปมาที่แขนผมอย่างแรง หน้าแกแดงไปจนถึงใบหู เหมือนผมไปจี้ใจแกเข้า แต่แกก็ตอบผมไม่ตรงคำถาม
“ถามอะไรบ้าๆ หลงรักเค้าข้างเดียวเค้าไม่รักตอบมีประโยชน์อะไรเล่า ไปหาคนที่รักเราดีกว่า”
“แต่ผม...”ไม่คิดแบบนั้น ผมยังไม่ทันได้พูดต่อ เสียงร่าเริงของพี่หนุ่ยก็ดังแทรกขึ้นมา

“เกี๊ยง นิ่ม พี่ออกไปข้างนอกนะ ไม่เข้าออฟฟิศแล้ว มีอะไรโทรมาแล้วกัน ไปละ” พี่หนุ่ยไม่รอให้เราตอบรับทำท่าจะเดินออกไป แต่พี่ตุ้มดึงแขนพี่หนุ่ยไว้ก่อนให้หยุดรอ
“เดี๋ยวสิหนุ่ย ตุ้มจะคุยกับนิ่มนิดนึง”
 พี่หนุ่ยหัวเราะร่วน ยิ้มหวานส่งให้พี่ตุ้ม แววตาสดใสกว่าที่ผมเคยเห็น “ผมหิวนี่นา ไหนตุ้มบอกจะพาไปร้านอร่อย อยากกินไวๆ”
พี่ตุ้มดึงแขนพี่หนุ่ยแรงๆอีกที แล้วทำหน้าดุแต่กลับน่ารักในสายตาผมและคงในสายตาพี่หนุ่ยด้วย  “ก็ตุ้มมีงานหนุ่ยหิวก็ลงไปรอก่อนไปข้างล่างเลยไป”
พี่หนุ่ยส่ายหน้ายิ้มเล็กๆให้พี่ตุ้ม “ไม่ไปหรอกอยู่กดดันตุ้มที่นี่แหละจะได้ไม่ช้า” พี่หนุ่ยเดินอ้อมมาหาผมเอามือแตะไหล่ผมไว้แต่หันไปบอกพี่ตุ้มกับพี่นิ่มว่า

 “มีอะไรก็รีบคุยเลย นิ่มให้ไวเว้ย” เสียงพี่นิ่มหัวเราะกิ๊ก สาวๆหัวเราะกันร่วนแล้วก็คุยงานกันจุ๊กๆจิ๊กๆ  ผมก็แค่มองดูเหมือนเป็นคนวงนอกอยู่ห่างๆ น้ำหนักที่มือของพี่หนุ่ยกดลงบนบ่าผม แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนไม่มี ผมพยายามจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า
“งานไปถึงไหนแล้ว เงียบเชียว” พี่หนุ่ยก้มหน้าลงมาดูงานในจอคอมฯของผม ผมมัวหมกมุ่นคิดอะไรอยู่เลยไม่ได้ตอบ จนพี่หนุ่ยตบปั๊กมาที่ไหล่ผมอีกที
“เอ้า...ทำงานหรือเหม่อ ตายห่...ใจลอยคิดอะไรอยู่วะ พี่ถามก็ไม่ตอบ”
พี่หนุ่ยเลื่อนมือมาโอบไหล่ผม ใบหน้าพี่หนุ่ยที่หันมามองผมมันใกล้ขนาดนี้ แต่ทำไมสำหรับผมมันถึงห่างไกลเหลือเกิน ผมเป็นอะไรไปวะ ผมหลับตาหายใจออกแรงๆ  ผมสบายดีออก ผมสะกดจิตบอกตัวเองอีกครั้ง ทำน้ำเสียงให้ร่าเริงเมื่อหันหน้าไปแล้วเปิดรอยยิ้มกว้างให้พี่หนุ่ย
“ใกล้เสร็จแล้วพี่ ดูสิ ตาสั้นหรือเปล่า ขนาดเห็นอยู่ยังมาถาม”
ฝ่ามือของพี่หนุ่ยตบลงมาที่หัวผมเบาๆ พี่หนุ่ยแยกเขี้ยวให้ผมก่อนดุ “ปากดีอีกนะมึง อย่าให้กูต้องหยาบคายต่อหน้าตุ้ม ถามดีๆก็ตอบดีๆอย่ามากวน”

“ไม่เป็นไรหนุ่ย เรารู้ เราชินแล้ว ไม่ต้องสร้างภาพ” เสียงเล็กๆใสราวกับระฆังของพี่ตุ้มพูดลอยๆออกมาเจือด้วยเสียงหัวเราะ บรรยากาศดูสดใสขึ้นมาทันตาด้วยเสียงใสๆนั้น
“เนอะพี่เนอะ พี่หนุ่ยชอบสร้างภาพ ทั้งที่สร้างภาพแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่าเดิมเลย” ผมหันไปเออออกับพี่ตุ้ม พี่นิ่มเองก็นั่งหัวเราะไปอีกคน เสริมขึ้นมาอีก“ถูกที่ซู้ด เกี๊ยงมันพูดถูกใจจริงๆ”
พี่หนุ่ยจับหัวผมโยกแรงๆจนผมเวียนหัวไปหมด “นี่แน่ะๆ หาว่ากูสร้างภาพ”
“โอ๊ยยย...ช่วยผมด้วยพี่แกล้งผม คนแก่แกล้งเด็ก” เสียงหัวเราะของสาวๆประสานกันกับเสียงโวยวายปนเสียงหัวเราะของผม ผมกำลังมีความสุขเมื่อพี่มีความสุข ใช่ผมคิดแบบนั้น

วันนั้นผมส่งงานให้พี่นิ่มเสร็จก็กลับบ้านไปหาแม่ด้วยอาการหมดแรง แม่นั่งดูทีวีอยู่เงียบๆ มือก็ถักโครเชต์ไปด้วยตาเหลือบดูทีวีเป็นระยะ  ผมย่องไปข้างหลังแม่แล้วยื่นหน้าไปหอมแก้ม  แก้มแม่ยังหอมเหมือนเดิม
“อุ๊ย...ลูกคนนี้นี่มาเงียบๆ”
“แม่ทำไร”ผมเลื่อนตัวไปนั่งข้างๆแม่แล้วลงไปนอนบนตักแม่ทันที แม่ตกใจตีแขนผมเบาๆ
“โตแล้วยังชอบเล่นเป็นเด็ก ก็เห็นๆอยู่ว่าทำอะไรยังมาถามอีก วันนี้กลับบ้านได้นะเรา”
ผมหันหน้าเข้าไปกอดแม่ตอบเสียงอู้อี้ว่า “ก็ไม่มีที่ไป งานเสร็จแล้วด้วย”
ผมเหงาจริงๆ ไม่มีที่จะไป ทำไมผมถึงเป็นแบบนั้นได้ “ก็ดี ไปกวนบ้านเพื่อนบ่อยๆเกรงใจเค้า”
“ไม่ใช่เพื่อน เป็นพี่น่ะแม่”
“นั่นแหละ เพื่อนหรือพี่ก็เหมือนกัน ไปนอนบ้านเค้าบ่อยๆเกรงใจ” ผมส่ายหน้าอยู่ที่พุงแม่จนแม่รำคาญตีผมอีกครั้งผมเลยนอนหงายแล้วดึงมือแม่มากอดไว้
“เกรงใจทำไม เค้าอยู่คนเดียว ผมไปอยู่เป็นเพื่อนเค้านะแม่ เค้าต้องดีใจสิ”
“รู้ได้ยังไง เค้าอาจอยากมีเวลาส่วนตัวบ้างก็ได้ คนโสดนั่นแหละ เค้าหวงชีวิตอิสระจะตายไป” นั่นสินะพี่หนุ่ยอาจอยากพาพี่ตุ้มมาเที่ยวบ้านบ้างก็ได้ แต่ติดที่ว่าผมชอบไปสิงอยู่ที่บ้านแก
“หวงอะไร ผมยังไม่หวงเลย”

แม่ลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา เสียงใจดีของแม่ถามผม “ถ้าไม่หวงแล้วทำไมไม่หาแฟน จะได้ไม่เหงา”
“ฮื้อ...ใครว่าผมเหงา ผมไม่เหงา ยังมีความสุข ยังสนุกอยู่” ผมบิลด์ตัวเองให้สนุกใส่ความสดใสเข้าไปในน้ำเสียงและใบหน้า 
แม่หัวเราะ “ไม่เหงาจะมานอนอ้อนแม่แบบนี้เหรอ” เสียงนุ่มนวลของแม่ดังเข้ามาในใจผม
“หาใครสักคน มาดูแล มาห่วงใยกัน เป็นเพื่อนกัน” ผมแหงนมองหน้าแม่ แววตาของแม่ที่มองลงมาที่ผมดูเศร้าสร้อย ผมรู้ว่าแม่ยังคิดถึงพ่ออยู่ แต่แม่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ ผมดึงมือแม่มาแนบแก้ม ใจประหวัดไปคิดถึงอีกคนแต่ก็สลัดความคิดนั้นไป  ผมบอกแม่ด้วยเสียงที่พยายามทำให้ร่าเริง
“คนนั้นผมมีแล้ว ก็แม่ไง แม่เป็นทุกอย่างของผม เป็นแม่ผมด้วย เป็นกิ๊กผมด้วยไง”
แม่ยิ้มแต่ก็เศร้า “อะไรก็ไม่แน่หรอกเกี๊ยง ถ้ารักใครชอบใครก็บอกเค้าไป อย่าไปคิดว่าเค้าจะรู้เอง ไม่มีใครรู้ใจใครหรอกถ้าไม่พูดกัน”แม่คงคิดถึงพ่อ การกระทำของแม่คงไม่บอกอะไรกับพ่อ พ่อถึงคิดว่าแม่ไม่ได้รักพ่อเท่าพ่อรักแม่ เลยไปหาคนอื่นที่เค้าแสดงออกมากกว่าแม่

 ผมถึงมานึกได้ว่าผมทิ้งแม่นานไปแล้ว แม่ต่างหากที่ผมควรอยู่ใกล้ๆคอยดูแลกัน คนอื่นเค้าคงมีคนคอยอยู่เป็นเพื่อน เป็นคนใกล้ชิดอยู่แล้ว ผมหลับตาบนตักแม่บอกแม่ว่า “ผมขอนอนแบบนี้นะแม่นะ ผมขอพักใจที่เหน็ดเหนื่อยหน่อย นะครับกิ๊กของผม”

*****************
 :a3:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เอาใจช่วยน้องเกี๊ยงนะ โอ๋ๆๆๆๆ  :กอด1:

wan2055

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ O_cha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ติดตามอยู่เสมอครับ

คุณแม่ในเรื่องอ่อนโยนทุกคนเลย

ส่วนน้องเกี๊ยง ถ้าพี่หนุ่ยไม่สนใจ ส่งมาทางนี้ก็ได้ครับ    :o8:

Ploy-Tawan

  • บุคคลทั่วไป
ได้รู้ความในใจของน้องเกี๊ยงบ้างแล้ว
ขุดหลุมไปเรื่อย ๆ นะเกี๊ยง อีกไม่นานพี่หนุ่ยจะต้องตกหลุม (รัก) เราบ้าง
เอาใจช่วยสุดชีวิต  :a2:

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
สงสารน้องเกี๊ยงอ่า  :sad4:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
สงสารน้องเกี๊ยงและคุณแม่

รักแท้ สัมผัสได้ด้วยใจ
ถ้าคิดจะหาเหตุผลในการไม่รักหรือจากลา การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
เพียงไม่พูด ใช่ว่าไม่รัก แต่ถ้ายังไม่เริ่มต้น คงต้องพูดเพื่อให้รู้ก่อน

บวก 1 แต้ม รอลุ้นน้องเกี๊ยงต่อค่ะ
ขอบคุณนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
มามุมน้องเกี๊ยง โหมดเศร้ามาก เพิ่งรับรู้ถึงความเหงา เศร้า เพราะปกติเกี๊ยงดูบ้าๆ บอๆ กวนๆ เฮฮาตลอดเวลา

ที่แม่บอกน่ะถูกต้องจริงๆ...ไม่บอกแล้วเขาจะรู้ได้ยังไง

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
โถๆๆ น้องเกี๊ยงเหงาใจ
มาซบอกพี่เลยนิ มาๆๆ   :กอด1:
พี่หนุ่ยไประริกระรี้กับสาวอื่นได้ไงเนี่ย  :beat:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
 :beat:  หมั่นไส้ไอ่พี่หนุ่ย 

อะไรกันยัยผู้ ญ คนนั้น


 :กอด1: น้องเกี๊ยงของเจ้  เศร้าเลย


 :beat:  อิพี่หนุ่ยอึกที



ตามมาง้อน้องเลย :angry2:


morrian

  • บุคคลทั่วไป

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
บ้านเมืองไม่เสถียร  :serius2:
*******************
หลังจากวันนั้นมาผมก็ไปทำงานที่อื่นถ้าเลี่ยงได้ผมก็จะเลี่ยงงานของพี่หนุ่ย   ผมคิดถึงพี่หนุ่ยนะครับแต่ก็พยายามหักห้ามใจตัวเอง ผมไม่อยากไปเกะกะพี่เค้า อยากให้เค้าได้มีเวลาส่วนตัวกับพี่ตุ้มอย่างจริงจัง แต่ละวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อ ผมทำงานไปอย่างแกนๆใช้ชีวิตเช้าจรดเย็นอยู่ที่ทำงาน เหมือนเครื่องจักรที่ไร้จิตใจ ใครชวนไปไหนผมก็ปฏิเสธหมด เลิกงานก็มุ่งหน้ากลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนแม่  มันเบื่อๆ เซ็งๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังๆพี่นิ่มโทรมาชวนผมไปทำงานอีกแต่ผมก็ปฏิเสธมาหลายครั้งจนพี่นิ่มเริ่มผิดสังเกตโทรมาบ่นแกมโวย

 “นี่แกเป็นไรไปวะเกี๊ยง มีอะไรไม่พอใจพี่รึเปล่า นี่ไม่ได้มาช่วยงานพี่หลายงานแล้วนะ พี่ต้องไปเรียกไอ้บ้าคนเดิมมาทำ นี่พี่จะตีกับมันตายอยู่แล้ว ประสาทจะกิน”
ผมหัวเราะขำพี่นิ่ม ออกจะคิดถึงทีมงานของพี่นิ่มเหมือนกัน ผมมีความสุขเมื่ออยู่ที่นั่น
“งานมันติดพันจริงๆพี่ เอางี้งานใหม่นี่เลทสุดได้วันไหน เดี๋ยวผมเร่งงานทางนี้ก่อนแล้วผมเฟิร์มกับพี่อีกที” ผมก็กะว่ารับปากไปก่อนแล้วค่อยไปปฏิเสธเอาทีหลัง พี่แกคงไม่ว่าอะไร

“มึงไปรีบเคลียร์เลย แล้วมาทำให้ไวที่สุด ไม่มาคราวนี้ก็ไม่ต้องมาทำกับกูอีก” เสียงดุๆที่คุ้นเคยดังขึ้นมาแทนเสียงพี่นิ่ม ได้ยินพี่นิ่มบ่นอยู่ข้างๆ 'พี่ไปพูดแบบนี้เกี๊ยงมันกลัวตายเลย'
ผมอึ้งไป ยังคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรกับพี่หนุ่ย คิดถึงเสียงนี้อยู่ตงิดๆ ไม่อยากเชื่อหูตัวเองนึกว่าฟังผิดไป จนพี่หนุ่ยถามมาอีกครั้ง
“ว่าไง ทำไมเงียบไป มีปัญหาอะไรรึเปล่า รึว่าโกรธกูอย่างที่นิ่มบอก หยิ่งรึไงพูดดด้วยทำเป็นไม่พูด” ผมดีใจจนเผลอยิ้มออกมา ทั้งที่ก็แค่ฟังเสียงเท่านั้นเอง ใจผมมันมีความสุข ไม่รู้สึกเลยว่าพี่หนุ่ยดุผมอยู่
“ไม่มีปัญหาพี่  ไม่ได้โกรธด้วย ใครจะกล้าโกรธท่านพี่  ผมกลัวแล้ว” ผมยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับพี่หนุ่ยอีกครั้ง

“แล้วมึงจะมาทำรึเปล่า อย่าลีลา บอกมาไวๆ” เสียงพี่หนุ่ยคาดคั้นมาอีกครั้ง แต่ผมก็ยังคิดว่าพี่เค้าไม่ดุอยู่ดี
 “เดี๋ยวไปทำครับพี่ อย่าดุผมนักสิ กลัวจนทั้งหัวทั้งหำหดไปหมดแล้ว กินน้ำตาลมากไปรึเปล่า ดุไปแล้วนะ” ผมแซวไปอย่างคะนองปาก มันอารมณ์ดีจนอยากจะกัดคน แต่พี่หนุ่ยไม่ยักโกรธ
เสียงพี่หนุ่ยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะด่าเล็กๆ แล้วสั่งผมอีกว่า “เดี๋ยวเหอะมึง ไม่เจอกันนานปากยังไงยังงั้น ไม่เปลี่ยนเวอร์ชั่นมั่งเลยนะ  วันนี้เกี๊ยงไปที่บ้านพี่หน่อยนะ ไปคุยงานกันก่อน จะได้แพลนงานถูก” ผมคิดว่าพี่เค้ายิ้มอยู่เมื่อพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้กับผม แอบเข้าข้างตัวเองว่าพี่หนุ่ยก็ดีใจที่ได้คุยกับผม
“ครับพี่ ...” ผมเองก็ยิ้มด้วยเหมือนกัน
“แค่นี้นะ”พี่หนุ่ยกำลังจะวางหูไปแต่ผมกลับเรียกเอาไว้ ผมยังอยากพูดอยู่
 “เดี๋ยวพี่....เดี๋ยวก่อน”
“มีอะไร กูจะไปทำงาน” เสียงพี่หนุ่ยบ่นเหมือนรำคาญผมมาอีกครั้ง แต่ผมก็ไม่ลังเลที่จะพูดไป

“คิดถึงพี่นะ”

ผมพูดจบแล้วรีบวางสายไป แต่ก่อนที่ผมจะปิดโทรศัพท์ไปยังได้ยินเสียง 'เฮ้ย 'จากพี่หนุ่ยแว่วเข้ามาในสาย ผมพยายามที่จะไม่ยิ้มแต่มุมปากผมกลับเหยียดยิ้มขึ้นมาได้  หัวใจเต้นตุบตับเหมือนเจอผี แล้วมันก็เป็นแบบนั้นอยู่ทั้งวัน จนเพื่อนมันถามผม
 “เกี๊ยง มีอะไรดีในชีวิตหรือวะ ยิ้มไม่หุบ หมาเหมอหลบเข้าคอกหมด ไม่เห่าเลยนะมึง เงียบกริ๊บ”
ปากไวกว่าความคิด “ที่รักกูโทรมา” พูดไปแล้วยังตกใจตัวเองว่าผมพูดอะไรไป พูดไปแล้วก็หน้าแดงเสียเอง พวกเพื่อนๆหัวเราะกันครืน ยังนึกว่าผมยิงมุก
“กูว่าแม่มันว่ะ ทำเป็นมาโม้ กูเห็นแต่แม่มันโทรมาคนเดียว”
ผมไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใคร ผมรู้แค่ว่าได้ยินเสียงพี่หนุ่ยวันนี้ ผมถึงรู้ว่าหลายวันที่ผ่านมาความสุขผมหายไปไหน มันแอบไปอยู่กับพี่หนุ่ยนี่เอง

ผมแวะซื้อของกินหลายอย่างก่อนเข้าบ้านพี่หนุ่ย แต่ก็ไม่ลืมซื้อเบียร์ คึกคักเหมือนกำลังจะไปสังสรรค์ฉลองอะไรที่ไหนสักแห่ง ผมพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าพี่หนุ่ยชอบกินอะไร เห็นอะไรที่คิดว่าอร่อยเลยซื้อหมด กว่าจะรู้ว่าซื้อไปเยอะก็ตอนที่สองมือสิบนิ้วของผมไม่มีที่จะแขวนถุงของกินแล้ว ดูแล้วท่าทางสองคนคงจะกินไม่หมดด้วย ผมซ้อนมอเตอร์ไซด์ไปที่บ้านพี่หนุ่ยอย่างทุลักทุเล เพราะมือไม่ว่างพอที่จะจับยึดอะไรเลย แต่เมื่อไปถึงกลับกลายเป็นว่าพี่หนุ่ยยังมาไม่ถึงบ้าน

ผมก็ต้องนั่งรอที่เดิมอยู่ดี  ผมรอไปนานแค่ไหนไม่รู้จนมารู้สึกตัวก็เมื่อมีมือของใครสักคนมาลูบหัวผมอยู่ ผมเงยหน้าขึ้นมองเห็นรอยยิ้มอบอุ่นคุ้นตามองลงมา ร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยอยู่บนใบหน้านั้นแต่ก็ยังมียิ้มนั้นให้ผม
“ขอโทษนะมาช้าไปหน่อย ติดงานจริงๆ” พี่หนุ่ยขมวดคิ้วมองเพ่งที่พื้นเห็นของกินที่ผมซื้อวางเต็มไปหมด
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ มึงหิวมากรึไง”
ผมลุกขึ้นส่ายหัวแล้วตอบกวนๆ “ไม่ได้หิว แต่ซื้อมาฝากพี่ มาบ้านพี่หลายครั้งแล้ว เลยซื้อมาให้พี่กินบ้างไง แค่นี้ก็ไม่รู้   คนเดียวจะกินหมดได้ไงเล่า”
 ผมหลบไม่ทันเมื่อฝ่ามือพี่หนุ่ยตบป้าบมาที่หัวผมเหมือนเคย  “ปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง กูจะไปตรัสรู้ได้ยังไงว่ามึงซื้อมาทำไมมากมาย  ไอ้เตี้ยนี่กวนตีนไม่มีเปลี่ยน” พี่หนุ่ยบ่นพึมพำแล้วก็เดินนำผมเข้าบ้านไป ผมถือของกินไม่หมดต้องตะโกนขอความช่วยเหลือ

“พี่หนุ่ย มาช่วยถือไปหน่อยดิ เอาไปไม่หมดอ่า มันเยอะแยะไปหมด” พี่หนุ่ยหยุดยืนเท้าสะเอวก่อนหันเดินกลับมาบ่นกระปอดกระแปด แล้วคว้าเอาของกินที่ผมวางไปทั่วขึ้นมาสองสามถุง แต่ยังไม่วายบ่น
“นี่มึงเห็นกูตายอดตายอยากมาจากไหน ถึงซื้อมามากขนาดนี้ ฮึ”
“อูย...บ่นเข้าไป ตาแก่เอ๊ย บ่นจนเหนียงยานไปถึงตาตุ่มแล้ว”ผมกระเซ้าแกกลับไปบ้าง พี่หนุ่ยเลยยกเท้ากระดกมาเตะผมที่เดินตามหลังมา แต่ผมหลบทันได้อีก แล้ววิ่งวนหนีเท้าไปรอบๆตัวพี่หนุ่ย จนพี่หนุ่ยอ่อนใจเลิกเตะผม บ่นกับตัวเองว่า
“ปากหมาอีกแล้ว ไอ้เตี้ย กูคิดถูกหรือคิดผิดวะที่เรียกมึงมาทำงานอีก”
ผมฟังแล้วกลับหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข คิดถึงทุกๆคำพูดเหล่านี้ จนต้องวิ่งตามไปกอดแขนพี่หนุ่ยไว้เอาหัวไปถูไหล่พี่หนุ่ยตามเคย

 “คิดถึงพี่จริงๆนะ” พี่หนุ่ยหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผมอย่างสงสัย ขมวดคิ้วเอียงคอมองหน้าผม
“มึงไม่สบายมากรึเปล่า พูดจาแปลกๆ”
 พี่หนุ่ยยกหลังมือมาแตะหน้าผากผมทั้งๆที่ถือถุงก๋วยเตี๋ยวในมือ จนถุงแกว่งมาโดนหน้าผม
 “จ๊ากกก ร้อนอะพี่ จะฆ่ากันรึไง” ผมแทบจะโยนของกินทั้งหมดทิ้งมันแสบร้อนไปหมดทั้งหน้า ได้แต่ร้องโอดโอย
พี่หนุ่ยไม่สงสารพอเห็นหน้าผมกลับหัวเราะเสียงดังเหมือนถูกใจ แล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่สนใจ
 “ช่วยไม่ได้เว้ยใครอยากซื้อมาเองล่ะ”
ผมแสบหน้าจนต้องวิ่งแซงหน้าพี่หนุ่ยเข้าบ้านไป พอวางของกินทั้งหมดลงบนโต๊ะได้ก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำดูหน้าตัวเอง มันแดงทั้งหน้าผาก จมูก และแก้ม เหมือนผมมีปานแดงอยู่เต็มหน้าดูแล้วน่าขำ แต่ผมกลับขำไม่ออกมันยังแสบไปหมด
“พี่หนุ่ยอ่า ผมเจ็บทำไงดี มันจะพองรึเปล่า ผมจะเสียโฉมมั้ยนี่ ....”

พี่หนุ่ยเดินตามมาดูผมอีกครั้งแต่ยังไม่หยุดหัวเราะ พูดไปก็หัวเราะไปไม่รู้มีความสุขบนความเจ็บปวดของน้องรึยังไงกัน “ก็มึงซุ่มซ่ามเอง เอาหน้ามาโดนถุงร้อนๆทำไม”
ผมเหลือบตาไปที่พี่หนุ่ยทันทีทำปากแบะใส่แล้วชกแขนพี่หนุ่ยเบาๆ  “พี่พูดผิดพูดใหม่ได้นะ พี่นั่นแหละเอาถุงมานาบหน้าผม ผมก็อยู่ของผมดีๆ”
“ไหนมาดูซิ”
พี่หนุ่ยยังหัวเราะหึหึ เข้ามาประคองหน้าผมไว้แล้วมองหน้าผมทั่วๆ ผมเองก็เผลอมองหน้าพี่หนุ่ยเหมือนกัน พลางคิดในใจว่าผมไม่ได้เจอพี่มานานแค่ไหนแล้วนะ  พี่หนุ่ยไม่ใช่คนหล่อ เรียกได้ว่าเป็นคนหน้าตาสะอาดมากกว่า พี่หนุ่ยมีผิวขาวละเอียดแบบคนเชื้อสายจีน ผมพี่หนุ่ยที่เคยยาวระต้นคอตอนนี้ดูสั้นขึ้นไปอีก ทำให้พี่หนุ่ยดูเป็นหนุ่มน้อยขึ้น ดวงตายาวรียังคงมองหน้าผมอย่างเพ่งพิศ 

“เค้าโดนแบบนี้เค้าทำไงกันล่ะ มันจะได้ไม่พองไม่แสบ เอาแป้งเย็นมาทาหายมั้ย” พี่หนุ่ยไม่พูดเปล่าเอานิ้วมาจิ้มๆลูบไปตามหน้าผม สัมผัสจากปลายนิ้วพี่หนุ่ยเหมือนยาชั้นดี หรือผมจะอุปทานไปก็อาจเป็นได้ ผมรู้สึกเหมือนพี่หนุ่ยกำลังให้ยาผมมันเย็นวาบไปถึงใจ  ผมเพลินมัวแต่มองหน้าพี่หนุ่ยจนพี่เค้าถามมาหลายครั้งผมก็ไม่ได้ยิน จนพี่หนุ่ยต้องตะโกนทั้งที่ผมก็อยู่ต่อหน้านี่
“อ้าวทำไมเงียบไป เจ็บรึเปล่าพี่ถามก็ไม่ตอบ พี่จับๆดูมันก็ไม่พองนะ” พอพี่หนุ่ยสบสายตาผมที่มองนิ่งอยู่เท่านั้น พี่เค้าทำหน้าแปลกๆ ไม่มองตาผมตรงๆ แต่ปากก็ยังพูดต่อ
 “กูว่ามึงสำออย ไม่เห็นเป็นอะไรมากเลย โวยไปงั้นแหละ”
 ผมมองหน้าพี่หนุ่ยไม่ละสายตาแถมยังไม่ยอมพูดอะไร พี่หนุ่ยทำท่าจะชักมือกลับ แต่ผมรีบกุมมือพี่หนุ่ยไว้ บอกพี่หนุ่ยยิ้มๆว่า“ผมหายเจ็บแล้ว ไปกินกันเถอะ”

พี่หนุ่ยส่ายหน้า  ค่อยๆ ดึงมือออกจากมือผม หน้าแดงพูดติดๆขัดๆ “กะ...กูกำลังจะไปหายาสีฟันมาทาหน้ามึงไว้ก่อน มึงไปจัดโต๊ะไป ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว เอามาดูหน้าตากันหน่อยว่ามีอะไรกินมั่ง” พี่หนุ่ยเดินลับตาไปแล้ว ผมเอามือที่เมื่อสักครู่จับมือพี่หนุ่ยไว้มาดมแล้วยิ้มกับตัวเอง
 “กูเป็นไรวะ ท่าจะบ้า...อูยยย..เจ็บ”
ผมจัดโต๊ะเสร็จพอดีกับที่พี่หนุ่ยเดินถือหลอดยาสีฟันเข้ามา  “อ้าว ทำไมไม่ไปจัดที่โต๊ะกินข้าว มาจัดตรงนี้จะไปวางหมดได้ยังไง เล่นซื้ออย่างกับจะเลี้ยงคนทั้งกองทัพ”
ผมยิ้มแหะๆมองอาหารที่วางบนโต๊ะรับแขกตัวเล็ก บางส่วนวางที่พื้น ไอ้ที่ยังไม่แกะถุงออกมาก็มีวางอยู่ข้างๆตัวผม  ผมคลานเข่าเข้าไปนั่งอยู่หน้าพี่หนุ่ย เกาะแขนแล้วแหงนหน้ามองพี่เค้าตาละห้อย
“ผมชอบนั่งตรงนี้อะพี่ มันดูเป็นกันเองดี เหมือนอยู่บ้าน ไม่ชอบกินเป็นเรื่องเป็นราว มันไม่อบอุ่น”พี่หนุ่ยแกะแขนผมออกเดินไปนั่งที่โซฟา ก้มหน้าลงดูของกิน

“บ้านกูเค้าเรียกคนไม่มีระเบียบเว้ย เออ...แต่ที่ซื้อมาน่ากินว่ะ” พี่หนุ่ยกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่
พี่หนุ่ยเงยหน้ากวักมือเรียกผม “ไอ้เตี้ยมานี่ก่อน มาทายา”
ผมคลานมานั่งขัดสมาธิอยู่หน้าพี่หนุ่ยอีกครั้ง เอามือลูบหน้าตัวเอง “มันไม่ค่อยแสบแล้วนะพี่ ต้องทาเหรอ” พี่หนุ่ยปัดมือผมออก แล้วขมวดคิ้วมองจ้องหน้าผมอีกครั้ง
“กูว่ามันแดงนะ  ไม่มากแต่ทากันไว้ก่อน” พี่หนุ่ยบีบยาสีฟันใส่นิ้วแล้วค่อยๆป้ายลงบนสันจมูกผม ความเย็นจากยาสีฟันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นคลายความแสบร้อนลงไป กลิ่นยาสีฟันให้อารมณ์เหมือนตอนแปรงฟันก่อนเข้านอน มันเย็นสบายจนผมเผลอหาวออกมาทั้งที่พี่เค้ายังละเลงยาสีฟันเต็มหน้าผม

“เฮ้ย...ง่วงได้ไง กูยังทาไม่เสร็จเลย”
แรงกดจากนิ้วพี่หนุ่ยที่แก้มแรงจนผมเจ็บ “โอ๊ย...แสบๆๆๆ”
พี่หนุ่ยหัวเราะ “เสร็จแล้ว มึงนี่หน้าใหญ่นะ เปลืองยาสีฟันกูจริง”
ผมหน้าคว่ำทันที “มาว่าผมอีก ตัวเองก็หน้าจืด เปลืองน้ำปลาเหมือนกันแหละ”  พี่หนุ่ยเขกหัวผมแรงๆ
“เถียงคำไม่ตกฟาก กินดีกว่า เถียงกับมึงไม่มีที่สิ้นสุดสักที ไม่มีจน”
“ไม่จนก็ดีแล้วไง รวยๆๆ หึหึ”
“ไม่จนคำพูดเว้ย” พี่หนุ่ยส่ายหัวระอาแต่ก็ยิ้มนิดๆ

พี่หนุ่ยหยิบเบียร์ส่งมาให้ผม  ผมยิ้มแล้วหยิบส่งให้พี่หนุ่ยบ้าง พี่หนุ่ยหัวเราะเบาๆอย่างพอใจ  พี่หนุ่ยกับผมใช้เวลากินไม่นาน ไม่ค่อยได้คุยเรื่องอื่นนอกจากชี้ชวนกันกินของอร่อยๆ เรานั่งดื่มนั่งกินกันไปเรื่อยๆ ไอ้ที่คิดว่าเยอะๆ ก็กินกันเกือบหมด เพราะทั้งผมและพี่หนุ่ยต่างคนต่างหิว พอกินเสร็จพี่หนุ่ยนั่งผึ่งพุงอยู่บนโซฟาส่วนผมนอนเลื้อยเป็นงูเค้เก้อยู่ที่พื้น ยังดีที่เราไม่ถึงกับเมาแค่มึนๆ
“เอิ้ก...อิ่มตายห่...กูจะไขมันอุดตันเพราะที่มึงซื้อมามั้ยนี่ ปกติกูไม่เคยกินอะไรเยอะขนาดนี้มาก่อน ที่กินๆนี่เพราะเสียดายนะนี่”  พี่หนุ่ยเอาเท้ามาจิ้มๆ เขี่ยๆ ที่ตัวผม
“เน่ๆ ไอ้เตี้ย ไหนมึงหันหน้ามานี่หน่อย”

ผมขยับตัวนอนตะแคงหันหน้ามาหาพี่หนุ่ยเรอเอิ้กออกมา  ไม่กล้าขยับตัวกลัวอ้วกครับ ตอนนี้ทุกอย่างมันมาจ่อที่คอหอยแล้วครับ ผมกินไปเยอะกว่าพี่หนุ่ยอีกเพราะกลัวโดนแกด่าว่าซื้อมาทิ้งๆขว้างๆ ตอนนั้นอารมณ์กลัวโดนด่าเยอะกว่าเลยเผลอกินไปหมด แต่ตอนนี้มันทรมานครับ
“ไม่พูดนะพี่ เดี๋ยวมันออกมา ไม่ไหวแล้ว”
“ไม่พูดได้ไง มึงก็ลุกนั่งสิ หึหึ...หึหึ...กร๊ากกกก” ไม่พูดอะไรต่อพี่หนุ่ยกลับหัวเราะเอาเป็นเอาตาย เบียร์คงมีผลกับต่อมอารมณ์ดีพอสมควร เพราะพี่หนุ่ยหัวเราะง่ายกว่าปกติ พี่หนุ่ยชี้หน้าผม
“หน้ามึงเหมือนแมวเลย ฮ่าๆ”  ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย ผมจะไปเหมือนแมวได้ยังไง หน้าผมออกจะหล่อ ผมเอามือลูบหน้าตัวเอง คราบยาสีฟันเหนียวๆติดมือผมขึ้นมาผมถึงนึกออก
 “อี๋...เหนียว” ผมลุกขึ้นจะไปล้างออก มันเหนอะหนะไม่สบายหน้าเลยครับ ไม่รู้พวกผู้หญิงเค้าทนเอานู่นนี่มาทาหน้าได้ยังไง พี่หนุ่ยคว้าแขนผมไว้ก่อน ดึงผมกลับมานั่งที่พื้นอีกครั้ง
“ยังไม่ต้องล้างหรอก เดี๋ยวก่อนก็ได้ ตลกดี กูชอบ ฮ่าๆๆ”

พี่หนุ่ยตบที่เบาะเป็นการบอกให้ผมเลื่อนมานั่งข้างๆ  แต่ผมอยากนั่งกับพื้นมากกว่า “ตรงนี้ดีแล้ว ไม่อยากขยับ”
เลยกลายเป็นว่าพี่หนุ่ยนั่งบนโซฟา ส่วนผมนั่งกับพื้นเอาตัวพิงที่โซฟาสบายไปอีกแบบ
“ทำไมหมู่นี้มึงหายไป ที่บ้านมีเรื่องอะไรรึเปล่า”  พี่หนุ่ยเอามือจับหัวผมให้หันหน้ามาทางแก แล้วเอามือวางแปะไว้อยู่อย่างนั้น สบตาผมนิ่งๆ หน้าพี่หนุ่ยเป็นสีชมพูไปด้วยฤทธิเบียร์
ผมส่ายหัวตอบพี่หนุ่ยไปว่า “ไม่มี”
“แล้วมีอะไรไม่รับงานกู หรือดังแล้วหยิ่ง”
ผมส่ายหัวอีกครั้ง “เปล่า”
“งั้นมึงมีเหตุผลอะไร ถึงให้นิ่มมันโทรเก้อตั้งหลายหน ไม่ยอมมาทำงานด้วย”

ผมส่ายหัวอีก “พูดไม่ได้”
******************************
 :call: ขอให้พระคุ้มครองประเทศเรา

wan2055

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เฮ้อ อยากให้ชวงเวลาดีๆอยู่อย่างงี้นานๆ :-[

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
พี่หนุ่ยก็ไม่ปกตินะ
น้องเกี๊ยงบอกเลยค่ะ บอกเลย

ขอบคุณมากนะคะ บวก 1 แต้มค่ะ

morrian

  • บุคคลทั่วไป
พูดไม่ได้ เพราะว่าผมรักพี่หนุ่ย  :z3:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
เรื่องพี่ตุ้มยังไม่เคลียร์เลย

ถ้าสุขคงสุขได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวสิเนี่ย  :เฮ้อ:

ขอให้พี่หนุ่ยใจตรงกะน้องเกี๊ยงทีเห้อออ ลุ้นตัวเกร็งตัวโก่งแล้วจ้ะ คนเขียนจ๋า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






OhJa

  • บุคคลทั่วไป
พี่หนุ่ยเห็นใจน้องเกี๊ยงมันมั่งเหอะ  สงสารน้องเกี๊ยง  :เฮ้อ:

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
น้องเกี๊ยงพูดไปเลยค่ะ
ไอ้พี่หนุ่ยจะได้รู้ซักที
 :L2:

mini

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักดีคับพี่หนุ่ย  น้องเกี๊ยง

สงสัยคู่นี้จะเป็นคู่แ้ท้เพราะ

มีอะไรเหมือน ๆ กัน

อะไรที่ว่าเหมือนก็ปากไงคับ

หมาทั้งคู่  แต่ก็หมาอย่างน่ารักนะ  :z1:

Phawaii

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะบอกคนเขียนว่าชอบเรื่องนี้มาก ๆ ๆเลยครับ บ  :3123:
ขอบคุณครับที่เอาเรื่องดีๆ มาให้อ่านน อ่านไปเครียดไป ยิ้มไป กรี๊ดดไป :z2: น้ำตาจะไหลไป  :pig4:
เรื่องนี้ติด ท็อป 5 ในใจผมไปเรียบร้อย ย ย ^^
ชอบอ่ะ ผมว่ามันเป็นธรรมดาชาติดี ค่อยเป็นค่อยไป(ถึงจะนานไปหน่อย) และชอบที่พระเอกไม่เจ้าชู้ ^^
ถ้าเขียนว่าเป็น"เรื่องเล่า" ผมก็เชื่อน่ะ  ^^ ดูไม่เว่อร์ไป ไดูม่เหนื่อธรรมชาติเกินไป(เอ๊าา) ก๊าก ๆ
แต่อยากบอกคนเขียนว่า า เป็นนิยายที่ใช้เวลาอ่านนานม๊าก ก ก  นั้งอ่านตั้งแต่ 6 โมงเย็น ถึงเที่ยงคืนยังไม่ถึงหน้า 15 เลยย
วันนี้เลยมาไฟล์ต่อให้มันถึง สนุก ช๊อบบ ชอบบ บ

มารอลุ้นน ว่าพี่หนุ่ยจะใจอ่อน น ให้เกี๊ยงป๊ะเนี้ย ย ย เหอ  ๆ !! ขอให้ได้กันสาธุ :call:

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
พูดไม่ได้เพราะเนื่องมาจากพี่นั่นแล....ใช่บ่? อิอิ

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
แหม อิพี่หนุ่ย เค้าหายไป ก็แอบคิดถึงเค้าชิมิล่า แล้วทำเป็นมาดุ ชิส์

ตอนนี้แอบน่ารัก  อิพี่หนุ่ยการกระำทำกับน้องก็ำไม่ธรรมดานะโว้ย ลูบหัวน้องน่ะ แอร๊ยยยย

ลุ้นมะไหร่มันจะรักกันซะดีหว่า แอร๊ยยย 

รอตอนต่อไปจ้า

 


Phawaii

  • บุคคลทั่วไป

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
พี่ฟาง น่างบเสร็จแล้ว

ตั้งสติแล้วกลับมาแต่งต่อนะ น้องรออยู่

อ๊ากกกกส์ น้องเกี๊ยงของพี่หนุ่ย

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
ได้ข่าวว่างบยังไม่เสร็จ อีกยาวเลย แต่ส่งมาลงให้ก่อนค่ะ :z2:
**************************
 ผมส่ายหัวอีก “พูดไม่ได้”

พี่หนุ่ยคงหมดความอดทนกับผม มือที่วางแปะอยู่ทุบหัวผมเบาๆ ไปหลายที
“มึงเป็นใบ้เหรอถึงพูดไม่ได้” ผมยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิมคือไม่อยากพูด
 “เปล่า”
“เอ๊ะ...ไอ้เตี้ย!”
 คราวนี้พี่หนุ่ยคงนึกว่าผมกวนจริงๆ จับตัวผมเขย่าแรงๆ แต่ผมไม่มีเวลามาคิดอะไรครับมันทนไม่ไหวแล้ว  ผมสะบัดตัวจากมือพี่หนุ่ยเอามือปิดปากไว้แล้ววิ่งไปห้องน้ำ อาเจียนของที่กินไปยังไม่ทันถึงชั่วโมงออกมาจนเกือบหมด สรุปว่าของกินที่เสียดายๆ จนกินเข้าไปจนหมดมันก็ต้องเอาออกมาอยู่ดี ผมอาเจียนเสียหมดแรงนั่งเปลี้ยอยู่บนพื้นห้องน้ำ ในปากทั้งขมทั้งเปรี้ยว พี่หนุ่ยเดินเข้ามาดูยืนพิงประตูส่ายหัวแบบสมเพชแล้วหัวเราะ หึหึ ไม่หยุด
“ไอ้อ่อนเอ๊ย แดกไปแค่นี้ก็ออกมาหมด” พี่หนุ่ยส่งแก้วน้ำดื่มมาให้ผม
 “เอ้า ล้างปากซะหน่อย แล้วมึงล้างหน้าล้างตา เป็นผู้เป็นคนแล้วออกมาคุยกับกู”

“อารายพี่...ยังจะคุยอีกเหรอ...ง่วงแล้วน้า บอกแล้วว่าไม่พูด ไม่พูด ก็ไม่เชื่อ เพราะพี่คนเดียวเลย แกล้งผม”
 พี่หนุ่ยคงไม่ได้ยินที่ผมพูด เดินออกไปโดยไม่ช่วยผมเลย ผมล้างปาก ล้างหน้าตาพอจะสร่างขึ้นมาบ้าง รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย อาการผะอืดผะอมหายไป คิดแล้วก็ดีที่เอาออกไปเสียได้
ผมออกมานอนแผ่อยู่ที่พื้นหน้าโซฟาอย่างหมดแรง ตาปรือจวนจะปิด เพลียหมดแรงจนจะหลับมิหลับแหล่ พี่หนุ่ยนั่งลงกับพื้นเขย่าตัวผม ไม่ยอมให้ผมหลับ ใจร้าย...จริงเว้ย
“ตื่นมาคุยกันก่อน ตกลงมึงมีเรื่องอะไรกันแน่ อย่ามาท่ามาก เดี๋ยวกูรำคาญไล่ออกไปนอนนอกบ้านนะ”
“พี่หนุ่ย ไม่มีอะไรจริงๆ” ผมลุกขึ้นนั่งอย่างมึนๆ ขยับตัวไปพิงไว้กับโซฟา แต่ตัวก็คอยจะโอนเอนไปมาอยู่ข้างกายพี่หนุ่ย
“มึงแน่ใจนะ กูรู้นะว่ามึงก็ไม่ได้งานยุ่งอะไรมากมาย”

ผมหันไปหาพี่หนุ่ย “พี่รู้เรื่องผมได้ไง” ผมชี้หน้าพี่หนุ่ย ยิ้มกวนๆ ก่อนพูดย้อนพี่หนุ่ยว่า
 “อย่ามาอำกันดีกว่า พี่ยุ่งจะตายเอาเวลาที่ไหนมาสนใจผม”  พี่น่าจะเอาเวลาไปอยู่กับแฟนมากกว่า ผมคิดของผมแบบนี้ เหอะ ทำมาพูดรู้ดี
“กูโทรไปบ้านมึงมา คุยกับแม่มึง เค้ายังบอกว่าบางวันมึงนอนเล่นอยู่กับบ้าน” น้ำเสียงพี่หนุ่ยจริงจัง มองหน้าเหมือนจะจับผิดผม ผมยังอ้าปากค้างเมื่อได้ยินว่าพี่หนุ่ยโทรไปบ้านผม แถมคุยกับแม่ด้วย
“มึงไม่พอใจอะไรกู บอกมาดีกว่า กูโทรเข้ามือถือก็ไม่รับสาย มันอะไรกัน กูอยากรู้”
ผมหลบตาพี่หนุ่ยแล้วหัวเราะดังๆ ตอบเลี่ยงไป “พี่ก็...คิดมาก มันก็มีบ้างอารมณ์ขี้เกียจ จะใส่ใจอะไรกับคนไร้สาระอย่างผม”

“แค่นั้น?”

ผมพยักหน้าแต่ไม่หันไปมองพี่หนุ่ย ผมไม่อยากพูดมากเพราะผมไม่อยากโกหก ในเมื่อมันไม่ใช่ 'แค่นั้น' แต่มันมีมากกว่านั้น
“เกี๊ยง!” พี่หนุ่ยเอามือจับหัวผมให้หันหน้ามาหา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเคย
“พูดตรงๆ กับพี่”
ผมลังเลไม่รู้จะเอายังไงดี แต่พี่เป็นคนบังคับผมเองนะ  ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่หนุ่ย ยังไม่อยากตอบแต่อยากถามมากกว่า
 “งั้นผมถามพี่บ้าง ตอนผมทำงานอยู่ใกล้ๆ พี่คิดถึงผมมั้ย”
พี่หนุ่ยไม่ใช้เวลาคิดเลยส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่ มึงจะเพี้ยนรึเปล่า เห็นๆ กันจะคิดถึงกันทำไม”
“แต่ผมคิดนะ” ผมตอบแล้วเบะปาก
“เออ ก็มึงเพี้ยนไง” พี่หนุ่ยยิ้มเล็กๆ เอามือขยี้หัวผมเล่น “บ้าด้วย”
“แล้วพี่นึกไงโทรหาผมที่บ้าน” ผมปัดมือพี่หนุ่ยออกแล้วถามอีก
“ก็เห็นหายไปนาน สงสัยว่าเป็นอะไรรึเปล่า ก็เลยโทรไป ทำไม มึงมีความลับอะไร ทำไมกูจะโทรไปไม่ได้”

ผมไม่ตอบคำถามพี่หนุ่ยแต่พูดสวนกลับ “เพราะพี่คิดถึงผมใช่มั้ยล่ะ” หึหึ ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจ พอคิดได้แบบนี้ผมแทบจะหายเมา เอาหัวไปสีไหล่พี่หนุ่ยอย่างประจบ ความรู้สึกเหมือนมีดอกไม้บานในหัวใจ
“เฮ้ย...ก็” พี่หนุ่ยกัดปากแน่น ไม่พูดต่อ
“ก็ใช่มั้ยล่ะ หุหุ” ผมกอดแขนพี่หนุ่ยแน่น เอาหน้าแนบกับต้นแขน แต่พี่หนุ่ยกลับพยายามแกะแขนผมออก แล้วเมือดันหน้าผม
“ก็มึงหายไปนาน กูก็โทรไปไม่คิดอะไรจริงๆ แล้วมึงจะมาเกาะแขนกูทำไมวะ เอาออกไป!”
ในที่สุดผมยอมปล่อยแขนพี่หนุ่ยอย่างเสียดาย เพราะถ้าไม่ปล่อย ผมคงน่วมเพราะแกเอามือดันหน้าผมจนเจ็บระบมไปหมด บวกกับแผลที่ยังแสบเลยทำให้ผมสู้ไม่ไหว ได้แต่ใช้คำพูดสู้

“พี่ก็งี้แหละ ปากแข็งแล้วยังสายตายาวอีก”
“นี่มึงพูดดีๆ กูไปปากแข็งตรงไหน แล้วกูก็ไม่สายตาทั้งยาวทั้งสั้น สายตาปกติเว้ย” ผมย่นจมูกใส่พี่หนุ่ยแล้วเถียง
“ไม่สายตายาวยังไง ต้องให้ผมหายไปนานถึงจะคิดถึง ปากก็แข็ง คิดถึงยังไม่ยอมรับอีก เชอะ”
พี่หนุ่ยเม้มปากแน่น คงจะเถียงผมไม่ออกบ่นกับตัวเอง “มันท่าจะบ้า สายตายาวสั้นอะไรของมัน ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน”
ผมเลื่อนตัวเองไปเก็บของกินที่เหลืออยู่ ยังวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ ปากก็บ่น “ใครจะเหมือนผม สายตาปกติ อยู่ใกล้ก็คิดถึง อยู่ไกลก็คิดถึง”
“มึงนี่เพี้ยนใหญ่ ไปนอนดีกว่าท่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ถึงเช้าก็ยังไม่ไปไหน”
พี่หนุ่ยทำท่าจะหันหลังเดินขึ้นข้างบน ผมเข้าไปเกาะแขนพี่เค้า “ขอนอนด้วยคนนะพี่นะ นะครับ”
พี่หนุ่ยสะบัดแขน ไม่รู้รำคาญอะไรผมนักหนา ไอ้ผมก็นึกว่าแกจะไม่อนุญาตให้ผมไปนอน พี่หนุ่ยมองผมด้วยหางตาแล้วว่า “เออ ทำเป็นมาขอ ไม่เคยมารึไง เก็บของให้เรียบร้อยแล้วค่อยขึ้นมาล่ะ”
ผมยิ้มกว้างให้แกด้วยความดีใจ “พี่น่ารักที่สุดเลย”

พี่หนุ่ยอ้าปากค้างเมื่อเจอคำชมของผมเข้าไป หน้าเป็นสีชมพูแกล้งเกาหัวเขินๆแล้วเดินออกไปบ่นพึมพำ “บ้าป่าววะ มาชมกูน่ารัก”
ผมใช้เวลาเก็บของเช็ดทำความสะอาดสถานที่ไม่นานก็ตามเข้าไปที่ห้องพี่หนุ่ย ออกจะมึนๆก็ทำไปส่งๆ ล่ะครับ พรุ่งนี้เช้าค่อยมาเก็บอีกที แอร์ในห้องเย็นเฉียบจนผมหนาว ผมล้มตัวลงนอนข้างเตียงบนฟูกที่พี่หนุ่ยจัดไว้ให้ผม ผมชะโงกมองดูบนเตียงพี่หนุ่ยนอนหันหลังให้ผมเหมือนเคย
ผมไม่แน่ใจว่าแกหลับไปรึยัง ผ้าห่มกองอยู่แค่เอวเพราะพี่หนุ่ยเป็นคนขี้ร้อน
“พี่หนุ่ย หลับแล้วเหรอ”  ผมถามไปเบาๆเหมือนกระซิบ
ผมตาสว่างไปแล้ว ตอนนี้ในสมองกำลังสั่งงานเต็มที่ การคุยกันเมื่อครู่นี้ทำให้ผมไม่ง่วงอีกต่อไป พี่หนุ่ยไม่ตอบคำถามผม แกคงจะหลับไปแล้วจริงๆ

 ผมถอนหายใจยาวนอนเอามือก่ายหน้าผาก  ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตมีเรื่องใหญ่สำหรับผมไม่มากนัก เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตและความคิดของผมเรื่องหนึ่ง  ผมผ่านปัญหาครั้งนั้นมาได้ทำให้ผมได้ข้อคิดหลายอย่าง บางเรื่องต้องเอาหลักธรรมะมาช่วย แต่บางเรื่องก็เพราะมีพี่หนุ่ยคอยชี้ทาง ผมยกตัวขึ้นนั่งแล้วหันไปมองพี่หนุ่ยอีกครั้ง
แผ่นหลังกว้างของพี่หนุ่ยที่นอนอยู่ใกล้ๆ ปรากฏขึ้นต่อสายตา ผมเท้าคางบนเตียงนั่งมองพี่หนุ่ยเงียบๆในความมืด อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ทำไมบางครั้งเหมือนอยู่ไกลกัน คนๆหนึ่งอยู่ห่างจากผมไม่ถึงคืบแค่เอื้อมมือคว้าไปก็ถึงตัว แต่ผมกลับไม่กล้าทำ ผมนั่งอมยิ้มความรู้สึกดีๆที่ได้แค่มองมันเกิดขึ้นได้ยังไงผมยังสงสัย ผมนั่งมองอยู่นานความรู้สึกแปลกๆ อยากสัมผัสพี่หนุ่ยเกิดขึ้นมาอีกครั้ง ผมเอื้อมมือไปอยากแตะไหล่แต่ก็ต้องเงื้อมือค้างไว้
ผมถามตัวเองว่า 'ผมคิดอะไรกับพี่หนุ่ยกันแน่'

ความรู้สึกหวั่นไหวเมื่ออยู่ใกล้ชิด ความอบอุ่นในใจเมื่อพี่หนุ่ยสัมผัสร่างกายผมถึงแม้จะเป็นเพียงการตบหัว หัวใจที่เต้นแรง รอยยิ้มที่เกิดขึ้นมาเองยามเราต่อล้อต่อเถียงกัน มันเป็นเพราะอะไร ผมทำใจกล้าขยับตัวขึ้นไปนอนบนเตียงข้างพี่หนุ่ยอย่างเงียบๆ  ห่างกันไม่ถึงช่วงแขน แต่รับรู้ถึงไออุ่นจากร่างกายจากร่างกายพี่หนุ่ยที่แผ่มาถึงใจผม ผมเอามือแตะไหล่พี่หนุ่ยเบาๆ ผมคิดว่าผมรู้แล้ว ผมบอกกับตัวเองว่า
“ผมคิดว่า...ผมรักพี่แล้วนะ พี่หนุ่ย”
ผมชักมือกลับแล้วข่มตานอนให้หลับลงทั้งที่รอยยิ้มยังแต้มอยู่ที่ริมฝีปาก อย่างน้อยคืนนี้ผมก็หาคำตอบให้หัวใจตัวเองได้แล้วว่ามันเป็นอะไร แต่คำตอบนั้นจะได้คะแนนเต็มหรือสอบตก คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ ไม่ก็ต้องให้พี่หนุ่ยของผมเป็นคนให้คะแนน ผมจะรอวันนั้น ไม่ลังเลที่จะทำข้อสอบข้อต่อไป
***********************************

ผมยังไม่หลับเมื่อเกี๊ยงเข้ามาในห้องเพียงแต่ผมไม่อยากคุยกับมันอีก คืนนี้มันดึกเกินกว่าจะมาคุยกัน เมื่อมันถามว่าผมหลับรึเปล่าผมจึงไม่ตอบ ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่นอนอยู่ข้างล่างหลายครั้ง ร่ำๆจะหันไปถามว่ามึงเป็นอะไรหนักหนาถึงต้องถอนหายใจมากมายขนาดนั้น แต่เสียงถอนหายใจก็เงียบไปในที่สุด
จนผมเคลิ้มๆเกือบจะหลับ ถึงรับรู้ความเคลื่อนไหวของคนที่นอนอยู่ข้างล่างอีกครั้ง น้ำหนักที่กดลงบนเตียงทำให้รู้ว่ามันคงทำอะไรสักอย่างใกล้ๆ ตัวผม แต่ผมก็ไม่กล้าหันไปดู จนเมื่อแรงหนักกว่าเดิมเสียงขยับร่างกายของคนที่เปลี่ยนที่มานอนข้างๆผม สัมผัสอันแผ่วเบาที่ไหล่ ทำให้ผมสงสัยว่ามันคิดจะทำอะไรกันแน่
“ผมคิดว่า...ผมรักพี่แล้วนะ พี่หนุ่ย”
น้ำเสียงนุ่มนวลไม่ร่าเริงจนทะเล้นเหมือนอย่างเคยแต่ก็จริงจัง ถึงจะแผ่วเบาแต่ผมก็ได้ยินชัดเจน ทำเอาผมตัวเย็นเฉียบ  'มันล้อเล่นอะไรกูแน่ๆ' ผมยังนอนนิ่งรอดูท่าที เผื่อมันจะบอกว่า 'ล้อกันเล่น' หรือมันจะแอบเอากล้องวีดีโอมาติดเอาไว้ แล้วเอามาแซวผมทีหลัง ถ้าผมเผลอหันไปคุยกับมันเข้า

แต่ทุกสิ่งก็ยังเหมือนเดิม มีแต่ความเงียบที่ยังอยู่เป็นเพื่อนผม เสียงลมหายใจแผ่วๆของคนที่นอนอยู่ข้างหลังดังสม่ำเสมอ เป็นสัญญาณว่าน้องเกี๊ยงมันหลับไปแล้ว เล่นมาหย่อนคำพูดไว้แล้วก็ทิ้งกันไปดื้อๆ แบบนี้นะไอ้เตี้ย!
ข้อความที่มันพูดทำให้ผมกลับนอนไม่หลับทั้งที่เกือบจะหลับไปแล้ว ไม่เฉพาะคำพูดพวกนั้นเท่านั้น แต่เพราะผมยังจำได้ถึงสายตาของมันที่มองผมหลายครั้ง แล้วยังรวมถึงกิริยาคลอเคลียของมันที่ผมรู้สึกว่ามันมากกว่าปกติ ทั้งหมดทั้งมวลทำผมหนาวๆร้อนๆตลอดเวลาที่มันมาอยู่ใกล้ๆผม
 ถ้ามันจะรักผมจริงๆไม่ได้ล้อเล่น ...แล้วผมล่ะ 'รักมันรึเปล่า?' ผมถามตัวเองบ้าง แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้

ผมค่อยๆ พลิกตัวนอนหงาย ถอนหายใจขึ้นมาบ้าง ลมหายใจของเราสองคนคงลอยวนเวียนไปด้วยความสงสัยและกังวลใจเต็มไปหมดในห้องนี้ ผมพยายามจะไม่ให้คนข้างกายรู้สึกตัวตื่น พยายามมองทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายดายเหมือนเคย
 ถ้ามันจะชอบผมจริงๆ จะแปลกตรงไหน ผมก็ดีกับมันทุกอย่างเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ทั้งเจ้านาย เป็นธรรมดาที่มันจะต้องชื่นชอบผม ผมอย่าไปหลงตัวเองว่ามันจะมารักใคร่ชอบพออะไรทำนองชู้สาว ไม่สิใช้คำนั้นไม่ได้ มันคงจะไม่ชอบผมในทำนองคู่รัก ไอ้เตี้ยมันคงใช้คำผิดมากกว่า มันควรจะใช้คำว่า 'ชอบ' มากกว่าคำว่า 'รัก'

นี่แหละเด็กสมัยใหม่แค่จะเลือกใช้คำยังใช้ผิดเลย มาทำเอาหัวใจผมแกว่ง ผมคิดได้แบบนี้แล้วก็หันไปดูไอ้เตี้ยอีกครั้ง ท่าทางมันจะฝันดีรอยยิ้มยังติดอยู่ที่ริมฝีปากถึงแม้จะนอนเงียบไปนานแล้ว
ผมพยายามข่มตาหลับเมื่อหาเหตุผลกับตัวเองได้ ถ้าพรุ่งนี้มันจะมาถึง ผมก็คงจะเหมือนเดิมสำหรับน้องเกี๊ยง อีกหน่อยพอมันคิดได้มันก็คงจะเลิกเพ้อไปเอง ผมหวังไว้แบบนั้น

เช้านี้ผมตื่นสายกว่าปกติอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็ยังใช้เวลาอีกนาน เพิ่งมาหลับเอาจริงๆตอนตีสาม ผมนอนไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อมีอะไรเย็นๆมาแนบแก้ม
“ว้ากกก...เล่นอะไรวะ” ผมต้องตื่นขึ้นมาโวยจนได้ เสียงหัวเราะดังๆของคนที่อยู่ตรงหน้าทำเอาผมฉุน
“กว่ากูจะหลับก็ตั้งดึก มึงยังมาแกล้งกูอีกนะ คนจะนอนสบายๆสักหน่อย”
เจ้าตัวดียืนดื่มนมเย็นจนเห็นหยดน้ำเกาะพราวที่แก้ว คราบนมเป็นเขี้ยวติดอยู่ที่แก้ม เหมือนเด็กเล็กๆไม่มีผิด
ไอ้ตัวแสบทำหน้าฉงนแต่ก็ยังยิ้มจนผมหมั่นไส้ มันจะอารมณ์ดีอะไรนักหนาวะ
 “พี่นอนดึกเหรอ ตอนผมขึ้นมาพี่หลับไปแล้วนี่ ไม่เห็นดึกเลยตีหนึ่งกว่าเอ๊ง”

ผมสะดุ้งไปหน่อยก่อนโวยต่อ “มึงอย่ามาจับผิดคำพูดกู” ผมล้มตัวลงนอนอีกที “ไปไหนก็ไป กูจะนอนต่อ” ผมโบกมือไล่มันไป ยังนอนได้ไม่เต็มอิ่มจริงๆ
ความเย็นจากแก้วนมมาแตะที่แก้มผมอีกครั้ง ผมลุกขึ้นนั่งหันหน้าจะไปด่า ไอ้เตี้ยมันก็เอามือมาอุดปากผมไว้ ยื่นหน้ามาเสียชิด “จุ๊ๆ มันเที่ยงแล้วพี่ จะนอนไปถึงไหน ทำเป็นคนแก่นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ หึหึ” น้องเกี๊ยงปลดมือลงจากปากผมแล้วนั่งบนเตียงมองผมยิ้มกริ่มก่อนที่จะดื่มนมต่อทำไม่รู้ไม่ชี้
ในขณะที่ผมยังเหวอๆกับท่าทางของมันอยู่ ตาก็เหลือบไปดูนาฬิกา“เที่ยงแล้วเหรอ กูนอนนานขนาดนั้นเลย เฮ้อ” ผมเอามือลูบหน้าอย่างเพลียๆ หรือผมจะแก่ไปแล้วจริงๆ  ก่อนที่ผมจะทำอะไรต่อไป เกี๊ยงมันเอามือมาดันตัวให้ผมนั่งพิงหัวเตียง

 “นั่งก่อนแป๊ปนึงพี่ ลุกไวๆเดี๋ยวหน้ามืดนะ” ผมมองหน้ามันอย่างงงๆ 
ไอ้เตี้ยยิ้มกว้างอีกครั้งก่อนบอกว่า“ผมเป็นห่วง”
แขนของมันเสียดสีกับแขนผม กระไอร้อนออกมาจากร่างกายมัน สัมผัสได้ถึงเลือดเนื้อของเด็กหนุ่ม ผมพยายามไม่หันไปมองมัน เอ่ยขึ้นมาลอยๆ “มึงตื่นนานแล้วเหรอ”
“อืม...นอนหลับสนิท... มีความสุข”
ผมอดไม่ได้ต้องหันไปมองมัน น้องเกี๊ยงเองก็หันมามองหน้าผมพอดี ผมเกือบยกมือเช็ดคราบนมที่แก้มมันแล้วแต่ผมก็ไม่ทำ แก้มขาวๆของมันเปลี่ยนเป็นสีชมพู มันคงร้อน ผมยังร้อนเลย ทำไมมันร้อนอย่างนี้วะ 

“เหรอ ก็ดีแล้วนี่สุขดีกว่าทุกข์” ผมส่งยิ้มไปให้มัน หัวเราะเสริมไปด้วยแต่ไม่ยักมีเสียงออกมา รู้สึกเหมือนกันว่าหน้าตาผมคงแปลกๆ บังคับริมฝีปากแค่จะยิ้มยังยาก
ผมลุกขึ้นตั้งใจว่าไปอาบน้ำดีกว่า มึงมาใกล้กูเกินไปแล้วไอ้เตี้ย เสียงมันตะโกนตามหลังผมมา ได้ยินเต็มสองหู
“ผมกำลังมีความรัก...พี่”
ผมหยุดนิ่งไปทันทีก้าวขาต่อไปแทบไม่ออก ตอบมันไปเสียงสั่นๆว่า “ดีๆ มีความรัก กูยินดีด้วย” ผมโบกมือให้มันแต่ไม่หันหลังไป ผมต้องเดินหน้าครับ อาบน้ำๆเราต้องอาบน้ำ มันร้อนทำไมหน้ากูมันร้อนขนาดนี้ 

กว่าผมจะอาบน้ำดับความร้อนในใจไปได้ก็กินเวลาเกือบชั่วโมง พอลงมาน้องเกี๊ยงมันก็ไม่อยู่แล้วครับ มีก๋วยเตี๋ยวสองห่อวางอยู่บนโต๊ะพร้อมจดหมายน้อยฉบับหนึ่ง

พี่หนุ่ยคร้าบบ...
ผมไปแล้วนะ จะรีบไปเคลียร์งาน กินเยอะๆนะผมตั้งใจซื้อมาให้  จะได้โตไวๆ
ไปแล้ว...
ไอ้เตี้ยของพี่


“มันมาเป็นของกู ตอนไหนวะ” ผมเกาหัวแกรกๆ แล้วถอนหายใจมาอีกที ผมไม่รู้ตัวหรอกครับว่าผมเผลอยิ้มอยู่
*********************
 :pig4:

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
ไอ้พี่หนุ่ย เป็นๆไปเหอะ  :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด