พิมพ์หน้านี้ - ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: สาวบ้านนอก ที่ 14-08-2009 17:58:58

หัวข้อ: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 14-08-2009 17:58:58
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
--------------------------
ขออนุญาตินำเรื่องมาให้อ่านกันนะคะ ชอบไม่ชอบติชม ได้เต็มที่

*************************************
(ตอนที่๑)

เคยมีคนบอกผมว่าการจากตายเศร้าก็จริงแต่ทรมานน้อยกว่าการจากเป็น  ผมก็ไม่เคยเข้าใจความหมายของมันสักที จนวันเวลาผ่านไปผมถึงรู้ว่ามันก็ไม่ผิดไปจากที่เค้าว่ากันจริงๆ  เพียงแต่ผมไม่เคยคิดเท่านั้นเองว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับผม
*****************************************************************
“มาทางนี้ก็เงียบดีนะไม่มีใครเลย เพื่อนเราคนอื่นไปไหนกันหมดแล้ว นี่มึงจะพากูมาหมกป่ารึเปล่าเนี่ย” ปากผมพูดไปอย่างนั้นแต่ใจผมไม่ได้คิดหรอกครับ ก็ไอ้ใหญ่มันหันมามอบโชค  เอ๊ยๆไม่ใช่....มอบรอยยิ้มมาให้ผมแบบนั้น 

แต่คำพูดที่มันพูดต่อไปนี่ซิ ผมชักอยากเปลี่ยนใจไปหมกมันซะเอง
“พามาหมกทำไม เดี๋ยวมึงก็ต้องตายอยู่ดี” ฟังจากที่มันพูดเหมือนๆจะเป็นสัจธรรม แต่ก็เหมือนๆจะเป็นการแช่งยังไงไม่รู้ครับ
ผมเอื้อมมือจะไปตบหัวมันซักหน่อยก็กลัวรถจะล้ม  ยังขี่ไม่แข็งพอครับ แล้วมันก็นกรู้หลบมือผมไปได้

 “ปากดี นะมึง แต่กูว่ามึงตายก่อนกู ด้วยน้ำมือกูเองมากกว่า ...แม่ม..เสือกมาแช่ง” ไอ้ใหญ่มันหัวเราะเสียงดังทำหน้ามีความสุขที่ยั่วให้ผมด่ามันได้ ผมว่ามันคงเป็นโรคจิตชอบถูกผมด่า  แต่เวลามันหัวเราะทีไรโกรธมันไม่ลงครับ หน้าตามันน่าเอ็นดู  โกรธไม่ลง...มิน่าเค้าถึงว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เกี่ยวมั้ยครับเนี่ย

“อ้าว.....ใครๆเกิดมาก็ต้องตาย รึมึงเป็นผีดิบไม่มีวันตาย กูเองก็ต้องตาย หรือมึงจะเถียง ไอ้ผีดิบยักษ์ ฮ่าๆๆ” ไอ้ใหญ่เอียงหน้ามาแลบลิ้นใส่ผมแล้วสปีดเร่งขี่จักรยานแซงผมไปไกล ไปลิบๆเลยครับ

  “ทำให้กูต้องเหนื่อยอีกแล้วนะมึง “
ผมได้แต่ส่ายหัวกับตัวเอง แล้วตะโกนเรียกรั้งมันไว้ก่อน
 “เฮ้ย...รอกูด้วย กูตามไม่ทัน”

ผมใส่แรงรีบปั่นให้เต็มที่ ขี่จักรยานที่เช่ามา  เร่งตามมันไป อากาศที่นี่ดีจริงๆครับ จะว่าไม่มีคนเลยก็ไม่ใช่ แต่มีคนอยู่น้อยมากกว่า มหาวิทยาลัยของผมอยู่ออกมาทางชานเมืองครับ อยู่ติดกับมหาวิทยาลัยนานาชาติอีกแห่งหนึ่ง  แล้วที่ไอ้ใหญ่มันพาผมมาเนี่ยก็มหาวิทยาลัยข้างๆครับ  มหาวิทยาลัยของตัวเองมันไม่ตื่นตาตื่นใจครับ  อาหารที่อื่นก็ดีกว่าอาหารที่มหาวิทยาลัยตัวเองด้วยครับ ที่ไอ้ใหญ่เป็นคนพามาเพราะมันอยู่หอใน แต่ผมเดินทางไปกลับเลยไม่ค่อยได้มีเวลามาเที่ยวเล่นซักเท่าไหร่

แล้วในที่สุดมันก็จอดครับ  แล้วนั่งรอผมที่ม้าหินขัดใต้ต้นไม้ใหญ่ ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าที่นี่อยู่ส่วนไหนของมหาวิทยาลัย  แต่บรรยากาศมันดีจริงๆครับ อากาศที่สดชื่นในยามเย็น สายลมพัดเบาๆ ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“เหนื่อยว่ะใหญ่....ไม่ได้ขี่จักรยานไกลๆแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย”

ใหญ่ไม่ตอบคำรำพึงของผมแต่ส่งสายตาเรียกให้ผมมานั่งใกล้ๆ   ผมเข้าไปนั่งใกล้ๆมัน  หลับตาลงแล้วพักสูดลมหายใจช้า  คลายเหนื่อย  สูดอากาศบริสุทธ์เข้าไปเต็มปอด ลมเย็นๆพัดมาเป่าเหงื่อบนหน้าผมให้แห้ง  เย็นสบายจริงๆ นิ้วเล็กๆของใหญ่ปาดเหงื่อที่หน้าผากของผม ผมสะดุ้งแล้วลืมตาขึ้นมา สบสายตาของใหญ่ที่มองมาพอดี  ตาของใหญ่ดูนิ่งมากไม่ได้ตกใจอะไรที่ผมมองจ้องกับอาการแปลกๆนี้ แล้วใหญ่ก็ยิ้ม

 “ทำไมเหงื่อมึงเยอะจัง  ของกูไม่เห็นมี สงสัยรูตัน ฮ่าๆๆๆ” ใหญ่หัวเราะเสียงดัง แต่ผมไม่เห็นขำเลย แต่ก็ต้องฝืนหัวเราะไปให้มัน ได้แต่คิดในใจว่ามันเป็นอะไรของมัน ทำท่าแปลกๆ พูดแปลกๆ

“แล้ว...ตกลงนี่มึงพากูมาที่นี่ทำไม” เข้าประเด็นไปเลยดีกว่า ผมไม่ชอบอะไรที่มันค้างๆคาๆ หรือว่าจะพาผมมารู้จักธรรมชาติ เรียนวิชาสปช.สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต

“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง....” พูดเสร็จแล้วมันก็ลุกเดิน เดินวนไปวนมา อยู่เกือบ1นาที แหะๆไม่นานหรอกครับ แต่ใจผมน่ะซิมันบอกว่านานมากกกก...ก็มันเดินเงียบๆหันมามองหน้าผมเป็นช่วงๆขมวดคิ้ว  แล้วก็เดินต่อ

“นี่ตกลงมึงจะมาเดินทำสมาธิใช่มั้ย...กูจะได้กลับ” หมดกันความอดทนที่มีน้อยนิด  มันอยากรู้ให้มันจบๆไป   แล้วไอ้ใหญ่มันก็ไม่บอกมาซักที ผมทำลีลาลุกขึ้นจะเดินไปที่จักรยาน แต่ก็นึกมาได้ว่ากลับทางไหนว่ะ ผมว่าไอ้ใหญ่มันจงใจขับให้วกวน  ทำให้คนฉลาดๆอย่างผมก็เปลี่ยนเป็นคนโง่ไปฉับพลัน แต่เมื่อบอกไปแล้วว่าจะกลับ จะเปลี่ยนใจก็กลัวเสียฟอร์ม ผมเลยหันไปดูมันอีกที มันก็ยืนมองผมอยู่แต่ทำไมมึงไม่เรียกกูไว้ แล้วบอกว่า “อย่าเพิ่งกลับล่ะ”

“เงียบทำสมาธิอีกหรือมึง...กูให้โอกาสมึงอีกครั้งพูดมา”
ผมเริ่มต้นนับอย่างช้าๆ “ 1..2...3...4..5...6...7...8....9..10 10.ครึ่ง”
ผมหยุดพักหายใจ แล้วคิดว่ากลับดีกว่า แต่....

“11...12..13...”ไอ้ใหญ่มันนับต่อจากผมน่ะซิครับ ผมเดินเข้าไปหาใหญ่อีกครั้งแล้วผลักไหล่มันเบาๆ
“พอๆเลยมึงอย่ามากวนตีนกับกู..ตกลงมีเรื่องอะไรบอกมา อย่ามาโยกโย้ให้เสียเวลา”
ผมยกข้อมือไอ้ใหญ่ดูเวลา “ดูซิ5โมงกว่าแล้ว กูจะกลับแล้วนะ บ้านก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ไม่ได้อยู่หอเหมือนมึงนะ”

“ไม่เห็นมีปัญหามึงก็นอนกับกู ไม่ใช่เรื่องใหม่..”
ผมคิดในใจว่าก็จริงของมัน แต่ไม่อยากยอมมันง่ายๆ เดี๋ยวมันจะนึกว่าผมง่ายๆใครมาจุ๊ๆเรียกก็วิ่งกระดิกหางตามเค้าไป
“กูก็คนมีบ้านนะมึง..ไม่กลับได้ไง” ไอ้เรื่องลีลาลังเลนี่ต้องมีไว้อย่าให้ขาด
เราก็พูดเถียงกันไปมาเรื่องนี้อีกพักใหญ่เลยครับ จนนึกขึ้นมาได้ว่า
 “แล้วตกลงมึงมีอะไรจะบอกกู”

ไอ้ใหญ่ถอนหายใจ “มึงก็รู้ว่าพวกเราปี4แล้ว” ท่าทางมันจะเกริ่นนาน เหมือนเริ่มตั้งแต่กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.. ผมเลยต้องขอแทรกไปหน่อย
“ใครๆเค้าก็รู้มึง เรื่องเนี้ยนะที่มึงจะมาบอกกู กูยังไม่ปัญญาอ่อนจนไม่รู้ว่าตัวเองเรียนปีอะไรอยู่หรอกเว้ย”

ใหญ่มันส่ายหัวแล้วพูดต่อ ไม่ได้สนใจว่าผมจะกวนตีนมันยังไง ก็มันอยากทำหน้าจริงจังทำไมล่ะครับ ผมเริ่มกลัวนี่นา  ผมไม่ชอบฟังอะไรยาวๆ
“อีกไม่กี่เดือนเราก็ต้องแยกย้ายจากกันแล้ว”ผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ
แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า...แล้วยังไง “แต่เราก็นัดสังสรรค์กันได้ พวกไอ้ด้า ไอ้เกียรติ มันก็ต้องนัดแดกเหล้าเคล้านารีกันอยู่แล้ว มึงก็..

“กูก็คงต้องกลับบ้าน”มันเงยหน้ามองผม  ไอ้ใหญ่บ้านมันอยู่ทางเหนือครับ  มันก็ไกล
 แล้ว..

 “เราจะได้เจอกันอีกมั๊ย”

ผมพูดไปแล้วก็ใจหาย ทั้งที่รู้อยู่ตลอดว่าวันนึงพอเรียนจบ ทุกคนก็ต้องไปตามทางของตัวเอง  แต่ผมลืมไปว่าเวลามันผ่านไปเร็ว แต่ระยะทางที่ต้องห่างกันไม่เคยสั้นลงมาเลย  ยังคงไกลอยู่เหมือนเดิม

ผมเอื้อมมือไปจับมือมัน ผมไม่รู้ว่ามือผมเย็นหรือมือไอ้ใหญ่เย็นกว่ากัน  แต่มันเย็นเฉียบไปถึงหัวใจจริงๆ  เสียงแผ่ว ๆของไอ้ใหญ่ที่ตอบมา ทำเอาผมมือตก

 “คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว”

ความเงียบเข้ามาครอบครองบรรยากาศอีกครั้ง ต่างคนต่างใช้ความคิด

“ทำไมล่ะ..กูไม่เข้าใจ ก็เราอยู่ประเทศไทยนะ ทำไมเราจะไม่ได้เจอกันอีก”
ถึงปากผมจะพูดไปแบบนั้น แต่ในใจผมซิ ผมไม่เคยรู้สึกเศร้าขนาดนี้มาก่อน แต่แค่คิดว่าต่อไปนี้จะไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้กวนตีนใส่กัน เหมือนที่ทำมาตลอด3ปีกว่า ผมก็ปวดหัวใจหนึบๆ ใจมันหาย ชาๆมึนๆ ก็ตลอดเวลาที่เรียนด้วยกัน4ปี  ผมอยู่กับมันตลอดแทบจะใช้เวลาอยู่กับมันมากกว่าอยู่กับคนที่บ้านอีก

"กูก็ไม่รู้....แค่คิดว่าจะไม่ได้คุยกับมึงอีก กูก็..กูก็...กูๆๆ..”

“ใจหาย...”เราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมๆกัน
น้ำตาไอ้ใหญ่คลออยู่ที่ดวงตา  มันรีบกระพริบตาถี่ๆให้น้ำตาหมดไป แต่มันกลับไหลลงมาได้อีก มันเป็นคนแบบนี้ครับ ฟังเพลงซึ้งๆก็น้ำตาไหล ดูหนังเศร้าๆก็น้ำตาไหล กับข้าวไม่ถูกปากก็น้ำตาไหล เห็นหมาขี้เรื้อนก็น้ำตาไหล ร้องเพลงชาติมันยังน้ำตาไหล ไม่รู้ว่ามันเป็นดาวพระศุกร์กลับชาติมาเกิดรึเปล่า พี่ภาคย์อย่างผมก็อดไม่ได้  ผมไม่รู้ตัวว่าเอานิ้วเช็ดน้ำตาให้ใหญ่ไปตอนไหน แต่รู้เพียงว่าผมรับรู้ความรู้สึกที่ใหญ่คิด เพราะผมก็คิดแบบเดียวกัน ไอ้ใหญ่เอามือของตัวเองปัดมือผมออกจากใบหน้าตัวเอง

“อย่าสงสารกู มึงก็รู้พูดอะไรกูก็อิน”     
“กูรู้..กูก็อิน แต่กูไม่ร้องมึงเสือกมาร้องทำไม เดี๋ยวกูร้องตาม ทำอย่างกับจะจากตายไม่ใช่จากเป็น  เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายนะมึง”

“แต่ทำไมกูรู้สึกเหมือนจะจากตายก็ไม่รู้...เมื่อคืนพ่อกูโทรมาบอกว่าแม่เป็นโรคหัวใจ  อยากให้กูเรียนจบแล้วรีบกลับ พ่อก็ทำงานกลัวไม่มีเวลาดูแม่ได้เต็มที่”น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยของมัน ทำเอาผมหดหู่ไปด้วย ตกลงมันมีเรื่องเป็นเรื่องตายที่ซ้อนเรื่องนี้อยู่จริงๆด้วย มิน่าดูอารมณ์ไอ้ใหญ่มันวูบวาบมากมาย

“กูคุยกับแม่ แม่ก็เสียงใสดี แต่กูก็ไม่รู้ว่าแกเป็นมากน้อยแค่ไหน  พ่อรักแม่มากก็คงกังวล แต่แม่บอกให้กูสบายใจ เรียนจนจบแล้วค่อยกลับ ทั้งที่กูบอกจะขึ้นไปเยี่ยมแกก็ยังไม่ยอม” ผมเอื้อมมือไปลูบหัวมัน ผมสูงกว่ามันมากขนาดนั่งบนเก้าอี้ก็ยังคงสูงกว่าเยอะ ผมรู้สึกเหมือนมันเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งน้อง

“คนเป็นโรคหัวใจเดี๋ยวนี้หมอเค้ารักษาได้ มึงไม่ต้องกังวลใจไป รู้ว่าเป็นก็ไปหาหมอตามที่เค้าสั่ง ไม่เป็นอะไรมากหรอกเชื่อกูซิ” ผมก็ปลอบใจมันไปตามเท่าที่รู้

 “มึงก็โทรไปหาเค้าบ่อยๆ น้องแจน น้องนิ น้องกบไรของมึง ก็เพลาๆซะบ้าง โทรไปหาแม่แทน เข้าใจ๋”ผมเอาไหล่กระแทกมันเบาๆ มันหันมายิ้มให้ผมแล้วบอกว่า

 “ไอ้เชี่ย...แอบด่ากู” ผมดีใจที่เห็นมันยิ้มได้
 “กูแอบที่ไหน ..กูด่าตรงๆ ไม่เอียง ไม่เฉียง ไม่แอบไม่ซุก  หึๆ”

“เออๆๆ..ไม่แอบก็ไม่แอบ..แต่มึงว่าแม่กูจะไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย”สายตาที่มีความหวังของมันที่มองมา  ทำเอาผมต้องคิดนิดนึงก่อนจะพูดอะไรออกไป ไม่อยากให้รู้ว่ามันเป็นแค่คำพูดปลอบของคนนอกอย่างผม

“ไม่เป็นหรอก พ่อมึงก็รักแม่ขนาดนั้น มึงก็เป็นลูกแสนดีขนาดนี้ คนเป็นโรคหัวใจถ้ามีความสุข ไม่เครียด หาหมอเรื่อยๆ รับรองอยู่ได้เหมือนคนปกตินะมึง เชื่อกูดิ”

นะ..เชื่อกูหน่อย กูปลอบเหนื่อยแล้ว กูจะขาดใจแล้ว  ผมอยากบอกมันอย่างนั้น แต่ประกายตาใสซื่อ และรอยยิ้มที่ดีใจเปี่ยมด้วยความหวังของมัน  ทำเอาผมต้องรีบหยุดแม้กระทั่งความคิดที่อยากจะกวนตีนออกไป มันคงจะเชื่อสิ่งที่ผมพูดจริงๆ

“งั้นเรากลับกันเถอะ  กูหิวข้าวแล้ว”
ไอ้ใหญ่มันรีบลุกขึ้นแล้วลากผมไปที่รถ แล้วหันมาบอกผมว่า
“มึงขี่ตามมาไวๆนะกูเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ากูนัดน้องกบไว้ ลืมสนิทเลย เดี๋ยวน้องเค้างอนกูอีก”พอมันตั้งตัวได้ มันก็ลิ่วไปเลยครับ ผมได้แต่ส่ายหัวแล้วรีบขับตามมันไป
“อารมณ์เปลี่ยนไปเลยนะมึงพอคิดถึงหญิงขึ้นมา หึหึ”

ผมรู้ซึ้งดีในความเป็นไอ้ใหญ่  ใหญ่เป็นคนหน้าตาดี ยิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดีเป็นมิตรกับทุกคน ไม่แปลกหรอกครับที่จะมีผู้หญิงมาชอบมากมาย แต่สำหรับตัวผมก็ไม่มีผลอะไร เพื่อนจะมีแฟนรึเปล่าเพื่อนก็ยังคงให้เวลากับผมเสมอๆ

“คิดไรอยู่ว่ะไอ้ใหญ่”ผมเดินเข้าไปตบไหล่ไอ้ใหญ่ที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่ริมระเบียง สายตามองออกไปเบื้องหน้า  ความเงียบเข้าคลอบคลุมบรรยากาศระหว่างผมสองคน มันไม่ตอบผมทันทีเหมือนกำลังใช้ความคิดคำนึงเรื่องอะไรอยู่  แล้วใหญ่มันค่อยๆเบือนหน้ามามองหน้าผม แล้วก็..........

.................กลายเป็นหมาป่า.......เอ๊ยยย...ไม่ใช่แล้ว...

มันบอกผมเบาๆว่า “กูกำลังมองพระจันทร์ทรงกลด...”
“สวยนะมึง ดีจังเลยที่ได้ดูพระจันทร์สวยๆอยู่กับมึง”
ผมเกือบจะสวนออกไปแล้วว่า—กูยังไม่ได้ดูเลย  มึงดูอยู่คนเดียวแล้วมาตู่ว่าผมไปดูกับมันได้ยังไง---

แต่สำนึกของความเป็นเพื่อนที่ดีบอกผมว่า...อย่าไปกวนตีนมัน ..รักษาบรรยากาศกันหน่อยนึง..
 ผมก็เลยตอบไปแค่ว่า “อืมมม....ก็สวยนะมึง”ก็คืนนี้พระจันทร์สวยจริงๆนี่ครับเต็มดวงสวยสว่าง

“เอ... แต่วันนี้มันไม่ใช่วันลอยกระทงนี่หว่าทำไมพระจันทร์เต็มดวงล่ะ”ผมรู้แล้ว หรือว่า

 “ใช่แล้ว..วันนี้วันไหว้พระจันทร์ซิ มิน่าสวยเชียว” ไอ้ใหญ่มันไม่พูดอะไรครับมันหันหลังให้ผมแล้วก็ตัวสั่นเทา นี่มันคงซึ้งจนร้องไห้อีกแล้ว แต่มันคงอายผมเลยหันหลังให้ ผมเลยค่อยๆเอามือไปตบไหล่มันเบาๆ

“ใหญ่มึงไม่ต้องเสียใจไป..วันหลังเรายังมีโอกาสดูพระจันทร์ด้วยกันอีก..นะอย่าร้องดิมึง”

มันค่อยๆหันหน้ามาครับโถ..น้ำตาคลอตาเชียวมึง ผมค่อยๆเอามือเช็ดน้ำตาให้มัน นี่กูเช็ดบ่อยแล้วนะเนี่ย จะร้องไห้บ่อยไปไม๊ หน้ามันแดงเชียวครับ   ไอ้ใหญ่ค่อยๆเอ่ยปากพูดอย่างยากเย็น
“ก...กะ..กูไม่ได้ร้องไห้  กูขำมึง..ไอ้ฟายย...ที่ไหนว่ะวันนี้วันไหว้พระจันทร์ ฮ่าๆๆๆๆ” มันเอามือกุมท้องแล้วหัวเราะเอาเป็นเอาตายน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วง จะขำบ้าอะไรนักหนา

ผมงงได้แต่ขมวดคิ้วหรือไม่ใช่เหรอ “อ้าว...แต่วันนี้ไม่ใช่วันลอยกระทงนี่..แล้วทำไมพระจันทร์เต็มดวงล่ะก็ต้องเป็นวันไหว้พระจันทร์ซิ” ไอ้ใหญ่มันระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง

 “มึงอย่าบอกนะว่ามึงคิดว่าพระจันทร์จะเต็มดวงแค่สองวัน”ไอ้ใหญ่มันชี้หน้าผม ผมไม่ชอบเลยเหมือนผมทำอะไรผิดไป
 “ก็หรือไม่ใช่ล่ะ เอ๊า...ขำให้ตายไปเลยนะมึง ขำเสร็จแล้วไปส่งกูด้วยกูจะกลับบ้าน” ผมชักโมโห..พูดอะไรก็ไม่พูดเอาแต่หัวเราะเป็นบ้าเป็นบอ

มันคงรู้ว่าผมงอนมันเลยเดินมากอดเอวผมทั้งๆที่มันยังหัวเราะอยู่อย่างนั้น “โอ๋ๆๆๆอย่างอนมึง ตัวใหญ่ๆงอนแล้วฮามากกว่าน่ารัก ...”มันเริ่มลามปามเอามือมาลูบหัวผม แล้วทำเป็นพูดเสียงอ่อนโยน

“ก็มันใช่ที่ไหนเล่ามึง พระจันทร์น่ะมันก็เต็มดวงเรื่อยแหล่ะ  เดือนนึงมันก็เต็มดวงหนนึง  ไอ้ฝันเอ๊ยมึงจะน่ารักไปไหน ฮ่าๆๆๆ”ผมฟังแล้วถึงกับเหวอ..นี่ผมเข้าใจผิดมาตลอดเกือบ20ปีหรือนี่ ดีที่ผมไม่ไปปล่อยไก่กับใครอีก เง้อ...อายนะเนี่ย

 ไอ้ใหญ่มันกอดผมแล้วเอามือลูบหลังผมอยู่อย่างนั้น
“กูจะไม่มีวันลืมวันนี้เลย ถ้ากูเห็นพระจันทร์เมื่อไหร่กูจะนึกถึงมึงนะ”
ร่างกายผมกับมันแนบชิดกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มันอุ่นจังเลยครับ ผมไม่รู้สึกแปลกอะไรเลย กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ เวลาไอ้ใหญ่พูดขึ้นมาผมรู้สึกเหมือนคำพูดนี้เพื่อผมเท่านั้น คนเดียวในโลกจริงๆ ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วๆที่ต้นคอของผม ผมก้มลงมองหน้ามันหน้าเราใกล้กันมากจริงๆ

“กูก็จะคิดถึงมึง..ไม่ต้องมองพระจันทร์กูก็จะคิดถึงมึง....กูสัญญา”มือของไอ้ใหญ่ค่อยๆตกลงไปจากเอวผม มันเอามือเช็ดน้ำตาป้อยๆ แล้วเอากำปั้นชกที่อกผมเบาๆ
“มึงนี่ชอบพูดอะไรให้กูตื้นตัน..”
“อ้าว..ความผิดกูอีก..เหอๆๆๆ..หึหึ..ไอ้ขี้แยเอ๊ย”
คราวนี้เป็นผมเองที่ลูบหัวมัน แล้วโอบมันหลวมๆ ความรู้สึกของผมกับไอ้ใหญ่มันบอกไม่ถูกครับ จะว่ามากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนมันก็ไม่ใช่ ผมไม่รู้ว่าจะนิยามว่ายังไงมากกว่า แต่ผมรู้แค่ว่าคงมีมันคนเดียวที่ผมจะมีความรู้สึกแบบนี้ได้

ผมใช้เวลาคืนนั้นที่หอกับเพื่อนผมคนนี้เป็นคืนสุดท้ายครับ แล้วผมก็ไม่เคยได้มีโอกาสไปนอนค้างกับมันอีกเลย การเรียนในปีสุดท้าย ทำให้เราต้องใช้เวลาในการตั้งใจเรียนอย่างมาก ผมโชคดีที่มีเพื่อนดีๆหลายๆคน เวลาเพื่อนไม่เข้าใจอะไรก็มาสอนกัน  ทำแบบฝึกหัดด้วยกัน กว่าจะรู้ตัวว่าเราจบแล้วและคงถึงเวลาที่ต้องจากกันก็ตอนที่จะสอบปลายภาค แล้วไอ้ด้าก็เสนอขึ้นมาว่า

“กูว่าสอบเสร็จก่อนเราจะแยกย้ายกันไปเที่ยวกันดีกว่าว่ะ ฝันมึงว่าไปไหนดีว่ะ แต่กูอยากไปทะเล”
“อ้าว...ก็มึงบอกมาแล้วยังมีหน้ามาถามกูอีก ถามพวกสาวๆดีกว่าว่าอยากไปไหน  ไปไหนดีอ้อย”
“ถามอ้อยคนเดียวเลยนะมึง”ไอ้ด้ามันแซวผม
ใครๆก็รู้ครับว่าผมแอบชอบอ้อยมานานแล้ว แต่ใครๆก็ชอบอ้อยกันทั้งนั้น ก็อ้อยทั้งเรียบร้อย ขาว สูง นิสัยอ่อนหวาน สวย แล้วยังเรียนเก่ง  ได้ข่าวว่าเกียรตินิยมอันดับสองได้แน่ๆรอลุ้นแค่เกรดเทอมนี้เท่านั้นเองว่าจะได้อันดับหนึ่งหรือเปล่า

“ไม่รู้ซิ..ไปไหนก็ไป กล้วยว่าไง ไปไหนดี”ต่างคนก็ต่างเสนอกันมาหลายๆที่ครับ แต่ในที่สุดก็ตกลงกันที่เกาะตะรุเตา  เรายังไม่ได้ถามกันหมดทุกคนว่าจะมีใครไปได้บ้าง แต่ผมก็อยากให้ไปกันได้มากที่สุดเป็นการเที่ยวส่งท้ายของพวกเรา แล้วผมก็หวังว่าไอ้ใหญ่มันจะไปด้วยเหมือนทุกครั้ง

“ทริปนี้กูนับมึงไปแล้วนะใหญ่ มึงห้ามเบี้ยวด้วย สอบเสร็จแล้วคืนนั้นไปเลยนะเว้ย”ผมย้ำกับไอ้ใหญ่อีกครั้งก่อนที่ผมจะกลับบ้าน
ใหญ่มันยิ้มตอบผม “กูจะพลาดได้ไง..ทริปส่งท้ายชีวิตนักศึกษาของพวกเรา กูไปแน่”

จนวันที่สอบเสร็จก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปเอากระเป๋าเสื้อผ้ากัน ผมยังเจอไอ้ใหญ่  ยังบอกกับมันว่า “เจอกันที่สายใต้เลยนะ มึง ทุ่มนึงอย่าลืมล่ะเผื่อเวลาด้วย” ใหญ่ก็ยังตอบผมว่า
“เออน่า..กูไม่มีทางลืมมึงหรอกเชื่อกูสิ” ผมยังจำคำพูดสุดท้ายของมันได้เลยจนวันนี้
************************



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๑๑๑จดหมายจากเพื่อนรัก๑๑๑๑(ตอนที่๑)
เริ่มหัวข้อโดย: หอยทาก ที่ 14-08-2009 18:04:54
ก่อนอื่น ขอเจิมเรื่องใหม่เยยนะคร้าบ
อิอิ ส่วนเรื่องนี่แบบว่าพออ่านแล้ว...
ง่ะ ง่า ทำไมวันรู้สึกโหวงๆจังเยยอ่ะ
เหมือนจะเศร้านานยังไงไม่รู้
มาต่อเร็วๆนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๑๑๑จดหมายจากเพื่อนรัก๑๑๑๑(ตอนที่๑)
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 14-08-2009 18:09:30
มาจิ้มเรื่องใหม่อีกแล้ว

ช่วงนี้ออกมาเยอะจัง
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๑๑๑จดหมายจากเพื่อนรัก๑๑๑๑(ตอนที่๑)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 14-08-2009 19:03:55
ชื่อใหญ่แต่ขี้แงจัง อ่อนไหว อ่อนโยนอีกต่างหาก
แล้วคำพูดสุดท้ายนี่ คือลางบอกเหตอะไรรึป่าวนะ
ดูท่าใหญ่จะรู้สึกกับฝันไม่ใช่ แค่เพื่อนธรรมดาๆแน่ๆ
แต่แค่ยังไม่เคยกล้าบอกออกไปก็เท่านั้น

+1 คะ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๑๑๑จดหมายจากเพื่อนรัก๑๑๑๑(ตอนที่๑)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 14-08-2009 21:29:35
เข้ามา +1 (แต้มที่ 11) เป็นกำลังใจ และเจิมเรื่องใหม่ด้วย  :mc4:
อ่านเนื้อเรื่องตอนนี้ก็ยังเห็นภาพความรักระหว่างเพื่อน ซึ้งดีค่ะ
มิตรภาพที่แท้จริงระหว่างเพื่อนมักจะหาได้ตอนเรียนอยู่เท่านั้น
เพราะเป็นช่วงที่ไม่ต้องแข่งขันกัน แต่เมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงานแล้ว
เกิดมิตรภาพที่ดี ๆ จริงใจค่อนข้างยาก (ยังมีอยู่นะคะแต่น้อยลง)
เพราะจะเริ่มมีการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกัน ถึงจะมีมิตรภาพแต่ก็มัก
จะมีอะไรแฝงผลประโยชน์หรือการตอบแทนมาด้วย เก็บเอาไว้ให้ดี
นะคะมิตรภาพและความรักระหว่างเพื่อนในวัยเรียน
เขียนได้ดีค่ะ ถูกอักขระภาษาไทย อ่านดูยังไม่เจอเขียนตัวสะกดผิดเลย
ขอปรบมือให้ในฐานะที่เป็นคนไทย รักภาษาไทย  :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๑๑๑จดหมายจากเพื่อนรัก๑๑๑๑(ตอนที่๑)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 15-08-2009 21:13:05
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเจิมเรื่องใหม่ +1 เป็นกำลังใจนะคราบ อิๆ
o13 o13 o13
ยอมรับเลยอ่านจบตอนแรกแล้วเสียวมากมายกับประโยคสุดท้าย
“เออน่า..กูไม่มีทางลืมมึงหรอกเชื่อกูซิ” ผมยังจำคำพูดสุดท้ายของมันได้เลยจนวันนี้
ลุ้นสุดๆว่าจะเกิดอะไรต่อไป แล้วจะรออ่านต่อนะคราบ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๒๒๒จดหมายจากเพื่อนรัก๒๒๒๒
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 16-08-2009 12:08:43
ขอบคุณทุกๆคำติชมค่ะ และทุกๆ+กำลังใจค่ะ  หวังว่าจะติดตามกันต่อไปค่ะ :pig4:
***************************************
ตอนที่๒

แล้วในที่สุดใหญ่ก็ไม่ได้ไปครับ  ช่วงนั้นมือถือส่วนตัวยังไม่มีกัน มันได้แต่ฝากบอกเพื่อนที่อยู่หอเดียวกันให้มาบอกผมว่า แม่มันอาการกำเริบเข้าโรงพยาบาลกะทันหันต้องทำบอลลูนวันพรุ่งนี้  มันเลยต้องรีบขึ้นเชียงใหม่คืนนี้เลย แล้วฝากโน้ตแผ่นเล็กๆมาให้ผมด้วย

“กูขอโทษว่ะ ที่ไม่ได้ไปเที่ยวกับมึง กูอยากมีประสบการณ์ร่วมกับมึงและเพื่อนๆให้มากที่สุด แต่โอกาสสำหรับกู  มันคงมีเพียงแค่นี้   ยังไงกูก็รักแม่ ถ้ากูไปเที่ยวแล้วกูไปทำหน้าเป็นตูด พวกมึงก็คงไม่สนุก  กูคงไปแล้วไม่กลับลงมากรุงเทพอีก ไม่รู้จะได้เจอมึงอีกมั๊ย แต่กูจะเขียนจดหมายหามึง กูให้ที่อยู่กูมาด้วย ถ้ามึงคิดถึงกูมาก มึงก็เขียนจดหมายไปหากูนะ กูจะรอ กูจะคอยรอจดหมายจากมึงเสมอ

ไม่ต้องโทรหากู มึงก็รู้กูมันชอบต่อมน้ำตาแตก กูไม่อยากพูดไปสะอื้นไป กูกลัวเสียฟอร์มว่ะ

สุดท้ายนี้(มึงว่ากูเขียนเป็นทางการไปมั๊ยว่ะ ฮ่าๆๆ) ขอให้พวกมึงเที่ยวให้สนุก แล้วเที่ยวเผื่อกูด้วย
บอกพวกเพื่อนๆด้วยว่าถึงกูไม่ได้ไปทริปนี้ แต่กูก็มีความทรงจำที่ดีของพวกเราอยู่ในใจแล้ว แล้วกูก็จะไม่มีวันลืมตลอดไป
ขึ้นเชียงใหม่ก็ไปหากูได้ แต่จะเจอไม่เจอค่อยว่ากันไป

สุดท้ายของสุดท้าย(จริงๆแล้ว)
ฝัน...กูดีใจที่ได้มาเจอมึงนะ ขอบคุณมึงทุกความทรงจำที่มอบให้กูตลอด4ปี ให้มึงรู้ไว้เลย 4ปีที่ผ่านมา จะอยู่ในใจของกูตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของกู

ไอ้ใหญ่ ปี4”

ผมอ่านจดหมายมันแล้ว ใจมันโหวงๆ ในขณะที่คนอื่นคุยเฮฮากัน ผมกลับสนุกได้ไม่เต็มที่ มันเหมือนความสุขของผมมันหล่นหาย และไม่รู้ว่าจะเติมเต็มได้อย่างไร  ผมขึ้นรถไปอย่างเซ็งๆแล้วก็หลับไปด้วยความกังวลใจลึกๆเกี่ยวกับไอ้ใหญ่ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมกังวลอะไร
  เรื่องอาการของแม่มัน
หรือเรื่องที่ผมไม่มีมันมาเที่ยวด้วย
 หรืออาจจะเป็น..เรื่องที่ผมกับมันจะไม่ได้เจอกันแล้ว

เมื่อพวกเราไปเดินเที่ยวในตลาดผมเห็นโปสการ์ดสวยๆแล้วผมก็นึกถึงมัน..ไอ้ใหญ่ ผมส่งจะโปสการ์ดไปให้ใหญ่ เพื่อนๆถามกันใหญ่ว่าผมส่งไปให้ใคร แต่ผมก็ไม่บอก นาทีนั้นผมก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องปิดบังเพื่อนๆว่าผมคิดถึง...ผมคิดถึงไอ้ใหญ่   สุดท้ายผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกเหงาลึกๆในใจเมื่อมันไม่ได้มาด้วยได้ยังไงให้มันรู้
 ผมเลยเขียนไปแค่ว่า

“ทะเลสวย..
น้ำใสมากเลยมึง....
ฟ้าก็สว่าง...งามจับตา...
ตากูพร่ากับแสงตะวัน...
แต่มันเหงาว่ะ...เมื่อไม่มีมึง
.
.
.
อยากให้มึงได้มาเห็นเหมือนที่กูเห็น
อยากให้มาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน..”

พอส่งไปแล้วผมพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่า..
”ชิบหายแล้ว...ไปรษณีย์บัตรเค้าก็อ่านกันได้หมดนี่ อายพ่อ อายแม่ อายไปรษณีย์”  

อยากจะล้วงเอาคืนออกมาจากตู้ก็ไม่ได้  แต่ก็นึกมาได้อีกว่าผมไม่ได้เขียนที่อยู่  กับลงชื่อไปด้วย คงไม่เป็นไร แล้วก็นึกได้ว่าลืมถามเรื่องอาการป่วยของแม่ไอ้ใหญ่ไป ผมเลยซื้อไปรษณียบัตรอีกใบแล้วส่งไปให้มันใหม่ คราวนี้เขียนว่า

“แม่มึงเป็นไงบ้าง ขอให้พระคุ้มครองนะ กูเอาใจช่วย” คราวนี้ผมลงชื่อที่อยู่เรียบร้อยครับ

ทะเลที่ตะรุเตานี่น้ำใสจริงๆครับ  ทะเลสวยๆน้ำใสๆ ลมเย็นๆและเพื่อนๆทำให้ผมสนุกมาก  แต่ผมก็ยังคิดถึงไอ้ใหญ่อยู่ดี

 “ฝันมานั่งทำไมเงียบๆคนเดียว พวกด้าเค้าถามหากันใหญ่เค้าตั้งวงไพ่กันแล้วนะ  ไม่ไปเล่นกับเค้าเหรอ” เสียงหวานๆของอ้อยทำผมสะดุ้ง กำลังคิดอะไรเพลินๆครับ รอยยิ้มสดใสทำเอาผมลืมเรื่องที่คิดอยู่เมื่อสักครู่ไปเลย
“ก็คิดอะไรเล่นๆ เรื่องงาน เรื่องเพื่อนๆ เรื่องชีวิต ไปเรื่อยเปื่อยน่ะอ้อย แล้วทำไมเธอไม่ไปเล่นกะเค้าล่ะ”

“อ้อยเล่นไม่เป็นฝันไม่รู้เหรอ ไม่เคยคิดจะเล่นด้วย เคยเห็นคนใกล้ชิดเป็นผีพนันมาแล้ว ไม่อยากยุ่งเลยเรื่องการพนันอะไรแบบนี้” ยังมีด้วยเหรอครับคนที่ไม่เล่นไพ่ ผมก็เห็นเค้าเล่นกันทั่วไปทั้งชายหญิง ก็เราเล่นกันขำๆ

“แต่นี่เราเล่นกันขำๆนี่อ้อย อีแก่กินน้ำไม่เหรอ ก็เล่นไปซิสนุกดี”ไม่งั้นมาเที่ยวแล้วมานอนกันอย่างเดียวจะดีเหรอครับ เบื่อแย่ อ้อยส่ายหน้าจนเส้นผมมาบังหน้า ผมเผลอใจเอื้อมมือจะช่วยหยิบเส้นผมที่ติดอยู่ที่แก้มออก แต่อ้อยก็เขี่ยมันออกไปก่อน แก้มของเธอเป็นสีระเรื่อ  คงเห็นสิ่งที่ผมเกือบจะทำไปแล้ว  

“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจเล่นมานั่งคุยกันดีกว่า อีกหน่อยก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว จะมีเวลามาคุยแบบนี้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เนอะ"
เรานั่งมองทะเลกันเงียบๆ ลมทะเลพัดมาเย็นๆคืนนี้เราอยู่เป็นคืนสุดท้ายแล้วครับ พรุ่งนี้ก็กลับกรุงเทพกัน
“ดีจังเลยนะ ดีที่ได้มา เมืองไทยนี่สวยจริงๆ เรามากันไกลมาจริงๆ”
อ้อยพยักหน้าเห็นด้วย  “มากับเพื่อนๆก็สนุกด้วย อีกหน่อยคงไม่ได้มาแบบนี้อีกแล้วล่ะ”
ผมหันไปมองหน้าอ้อย เธอน่ารักจริงๆครับ แก้มขาวๆใสๆน่าจูบเป็นที่สุด ผมต้องข่มใจไม่ให้มองจ้องอ้อยมากเกินไป
“ทำไมล่ะอ้อย วันหลังถ้าอยากมาอีกบอกผมนะ ผมพามาเอง”

“มากับเธอเนี่ยนะ คริคริ ไม่เอาหรอก”อ้อยหัวเราะเบาๆ
“วันๆเอาแต่นั่งเหม่อไม่รู้คิดถึงใครกัน ถ้ามากับเธอเราก็คงนั่งจมจ่อมทั้งวัน”
ผมละงงกับอารมณ์ผู้หญิงก็เมื่อกี้เพิ่งบอกผมว่าไม่เล่นไพ่แต่อยากคุยมากกว่า   พอมานั่งคุยกับผมกับบอกว่าไม่ชอบอีก ตกลงจะเอายังไงกันแน่
“แล้วคุยกับผมไม่สนุกเหรอ ถึงไม่อยากมากับผม”

อ้อยรีบส่ายหน้าปฎิเสธ
“ไม่ใช่ เราไม่ได้คิดแบบนั้น แค่คิดว่ามากันหลายๆคนสนุกดี ฝันเธอน่ะคิดมาก ไม่เอาแล้ว เราไปเตรียมอาหารเย็นดีกว่า แล้วตามมานะ”
ดูซิครับคุยกันอยู่ดีๆก็ลุกหนีไปเสียแบบนั้นเอง แต่กำลังคุยกันดีๆแบบนี้ผมก็ต้องตามไปซิครับ “อ้อยรอด้วย...ผมไปช่วย”

ในทริปนั้นผมได้ใช้เวลากับอ้อยมากกว่าทุกครั้ง อ้อยยังคงเป็นผู้หญิงในฝันเหมือนเช่นเคย ทุกครั้งที่อ้อยยิ้มให้(ถึงจะยิ้มให้คนอื่นก็เถอะ)ผมก็ยังอิ่มเอมใจ แต่ลึกๆมันก็ยังไม่ใช่ที่สุดของผม แต่บอกได้เลยว่านี่เป็นโอกาสสำคัญในชีวิตผมที่ทำให้อ้อยหันมามองผมในฐานะผู้ชายอย่างจริงจังไม่ใช่ในฐานะเพื่อนอย่างที่เคยเป็นมา  มันเป็นจุดเริ่มต้นของวันนี้ของเรา

หลังจากกลับมาจากการไปเที่ยวครั้งนี้พวกเราต่างเร่งหางานทำกัน ใครที่มีธุรกิจทางบ้านก็แยกย้ายกันไปทำเอง ผมหางานทำได้ในเวลาไม่นาน  มีหลายบริษัทที่เลือกให้ผมเข้าไปทำ  บริษัทที่ผมเลือกทำก็ไม่ได้ดีไปกว่าบริษัทอื่นๆเท่าไหร่  แต่ที่ผมเลือก......เพราะมีอ้อยอยู่ด้วยต่างหากล่ะ  

เมื่อเริ่มเข้าทำงานผมเริ่มสนุกกับการทำงาน การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่พบในการทำงานจริงนอกเหนือจากที่เรียนมา เพื่อนร่วมงานใหม่ๆ ที่รวมถึงอ้อยด้วย ตอนนี้เราเริ่มมีสถานะใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกในฐานะเพื่อนร่วมงาน ผมยอมรับว่าช่วงนั้นผมลืมไอ้ใหญ่ไปเลย  จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมกลับบ้านไปแล้วมีจดหมายส่งมาถึงผม แล้วพี่สาวผมเอาไปวางให้ที่โต๊ะ

ผมเห็นลายมือของมันผมก็จำได้ทันที ผมรีบเปิดซองจดหมาย เพิ่งรู้สึกกับตัวเองว่าคิดถึงมันมากจริงๆ

หวัดดีมึง(ต้องกราบเท้าด้วยความเคารพมั๊ย)

   เป็นไงบ้างมึง สบายดีป่าว ลืมกูไปแล้วซิ ไหนๆลองบอกมาซิกูชื่อไรเพื่อนมึงคนนี้..ที่มึงอ่านจดหมายมันอยู่ ไหนพูดซิ ให้หลับตานึกว่ากูฟังอยู่ด้วยล่ะมึง

ผมก็บ้านะครับหลับตาแล้วนึกถึงหน้ามันแล้วก็พุดขำๆกับตัวเอง
 “ก็มึงไง..ไอ้ใหญ่..กวนตีนจริง..ขนาดเขียนจดหมายยังมาสั่งกูให้ทำนู่นนี่อีก เออ..แล้วก็นะกูก็บ้าจี้ตามมัน หึหึ”
 ผมอ่านไปก็ยิ้มไป  แล้วผมก็อ่านจดหมายมันต่อ

เออดีมากเพื่อนรัก ที่มึงยังจำชื่อกูได้ ก็ยังดีที่มึงยังพอสำนึกว่ายังมีกูเป็นเพื่อนมึงอยู่  
ติดหญิงอยู่ล่ะซิ กูได้ข่าวว่ามึงทำงานที่เดียวกับอ้อยนี่  เข้าทางแล้วซิ กูเอาใจช่วยนะเว้ย  
ยังไงๆอ้อยก็ผ่านเสมอในสายตากู เค้าต้องดูแลมึงได้ดีแน่ๆ

“ยุ่งเรื่องกูจริง...ใครคาบข่าวไปบอกมันว่ะ”ก็คงเป็นเพื่อนคนอื่นๆ แต่ผมก็ยังสงสัยว่ามันติดต่อกันยังไง ขนาดผมสนิทกับมันที่สุดแล้ว แต่ไอ้ใหญ่ไม่เคยแม้แต่จะโทรหาผมเลยซักครั้ง ชักน้อยใจโว้ย

กูรู้ว่าช่วงนี้มึงคงยุ่งกับงานใหม่ คงต้องพยายามเข้าอีกมาก โง่ๆอย่างมึงเก็บเขาหน่อยนะเว้ย เดี๋ยวเค้ารู้กันหมด โดยเฉพาะอย่าให้อ้อยเห็นเขาบนหัวมึงเชียว เดี๋ยวเค้าไม่เลือกมึง เห็นว่ามีคนเล็งอ้อยเยอะด้วย มึงอย่ายอมแพ้นะ

ผมรู้สึกดีใจที่มันเห็นด้วยกับผมที่ผมจะเริ่มจีบอ้อยจริงๆจังๆเสียที  เพราะมันรู้มาตลอดว่าผมชอบอ้อย
แต่ “หลอกด่ากูเป็นควายอีกแล้วนะมึง..จำไว้เลย”

กูสบายดี อยากบอกมึงแบบนี้ถึงมึงจะไม่ถามกู แม่กูก็สบายดี (มึงก็ไม่ถามอีกแหล่ะ ไอ้ฝัน..ไอ้คนใจดำ) ตอนนี้แม่ทำบอลลูนไปแล้ว ช่วงนี้กูต้องคุมเรื่องอาหาร ให้ลดไขมันลงไป พ่อกูก็สบายใจขึ้นเพราะมีกูมาช่วยงานและช่วยดูแลแม่เพิ่มมาอีกคน งานก็ไปด้วยดีพ่อกูทำไว้ดี กูเลยสบาย ใครๆก็เรียกกูเสี่ย มีเพื่อนๆพ่ออยากได้กูไปเป็นลูกเขยทั้งนั้น
กูก็ไม่ยอมแพ้มึงหรอกนะเรื่องแฟน กูคงหาได้ในเร็วๆนี้แหล่ะ แต่ปัญหาคือตัวเลือกมันเยอะชิบ...ไม่รู้จะเลือกใครว่ะ

“น่าหมั่นไส้..ไอ้ใหญ่ไอ้ขี้โม้เอ๊ย”
ยังไงไอ้ใหญ่ก็คือไอ้ใหญ่ชอบพูดให้เกินจริง  แล้วผมก็เกิดมีความคิดอีกอย่างขึ้นมา  ผมอยากให้มันมีแฟนมันจะได้ไม่เหงา แต่ทำไมผมถึงนึกว่ามันจะเหงาล่ะ คนอย่างมันมีแต่คนรัก คงมีเพื่อนฝูงทางนู้นมากมาย เชียงใหม่ก็ไม่ใช่จังหวัดเล็กๆ ที่เที่ยวมากมายมันคงไม่เหงาหรอก แต่ในใจลึกๆก็ค้านกับความคิดแรกว่าไอ้ใหญ่คงจะต้องเหงาแน่นอน  แต่มันจะเหงาหรือไม่เหงามาเกี่ยวอะไรกับผมกันล่ะ  ผมจะคิดไปทำไมให้ปวดหัวกัน

มึงรู้มั๊ยเค้าจะรับปริญญากันเมื่อไหร่ว่ะ มึงช่วยทำเรื่องให้กูหน่อยซิ กูส่งใบมอบอำนาจมาให้มึงแล้วด้วย แต่ส่งมาแล้วดันนึกได้ว่าต้องปิดอากรแสตมป์รึเปล่าว่ะ จ่ายให้หน่อยนะเว้ย นิดหน่อยเอง แหะๆ

ตอนนี้อากาศที่นี่ร้อนมากเลยมึง ถ้ากูไม่กลัวลูกน้องสาวๆของกูเค้าตากุ้งยิง กูกะว่าจะถอดเสื้ออยู่บริษัทแล้ว แล้วมึงล่ะอยู่เมืองศิวิไลส์ร้อนมั๊ยวะ แต่คงไม่ร้อนหรอกนอกจากจะอยู่แต่ห้องแอร์แล้ว  มึงยังมีสุดที่รักให้นั่งมองหน้ากันทุกวัน อิจฉาคนจะมีแฟนโว้ย กูอยากมีมั่ง..เดี๋ยวไปเลือกมาซักคนดีกว่า จุ๊บแจง น้องส้ม น้องข้าวปุ้น น้องดาว น้องสุ่ย เอ....กูจะเลือกใครดีนะ คราวหน้ากูส่งรูปมาให้มึงช่วยเลือกดีกว่า

แต่วันนี้แค่นี้ก่อนนะมึง เมื่อยมือว่ะ แต่กูชอบมากเลยนะ อารมณ์ตอนเขียนไปนึกไปมันดีน่ะมันดีมึงรู้สึกเหมือนกูบ้างมั๊ย  กูชอบเขียนด้วยลายมือกู แต่มึงจะชอบอ่านลายมือกูรึเปล่าซิ

แต่ช่างซิ กูเขียนไปแล้วก็เรื่องของมึงละที่ต้องพยายามแกะลายมือกูให้ออก แล้วตอบมาด้วยล่ะ อย่าให้กูรอนาน

กูเอง..เพื่อนมึง..ไหนอ่านชื่อกูอีกครั้งซิ..ขอหวานๆหน่อยนะ

ปล.มึงไม่ต้องตอบกูทางอีเมลล์ กูชอบฟ้อนท์ฝัน(ไม่ต้องทำหน้างงก็ฟ้อนท์ชื่อของมึงไง...ไอ้ตุ่นนน) มากกว่าฟ้อนท์อังศนา หรือฟ้อนท์คอร์เดีย

ปลล.โปสการ์ดสวยดี แต่ที่มึงเขียนมาไม่สัมผัสเลยว่ะ...แต่ยังไงกูก็ชอบ ขอบใจนะมึง”


“ไอ้ใหญ่..”ผมอ่านไปก็ยิ้มไป นึกถึงหน้ามันไปด้วย มันคงตั้งใจเขียนจริงๆ ลายมือมันหวัดมาก แต่ผมก็อ่านออก ก็อ่านมาตลอด4ปีนี่ครับ จะอ่านไม่ออกได้ยังไง  ผมควานหากระดาษเขียนจดหมายจะตอบกลับก็ไม่มี  เลยกะว่าวันรุ่งขึ้นจะไปซื้อกระดาษกับสมุดมาไว้เขียนหามัน แล้วไปอาบน้ำนอน แล้วผมก็นอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียอย่างรวดเร็ว

แต่จนแล้วจนรอดผมก็ลืมซื้อทุกทีครับ เพราะช่วงนี้งานเร่งมาก ผมต้องกลับดึกๆทุกวัน พอถึงบ้านก็เหนื่อยอยากจะนอนท่าเดียว ขนาดเวลาจะชวนอ้อยไปเที่ยวยังแทบไม่มี แล้วเวลาผ่านไปผมก็ไม่ได้ตอบจดหมายมันเกือบเดือน จนกระทั่งจดหมายฉบับที่สองของมันส่งมา

กูโป้งมึงแล้ว

ปล่อยให้กูรอคอยลอยคอ อ๋อๆๆมึงเห็นกูอยู่บ้านนอกใช่มั๊ย  มึงไม่อยากคบกูแล้วซิ เลยไม่ตอบจดหมายกู หรือถ้าคิดอีกอย่าง จดหมายกูไม่ถึง แน่เลยเนี่ย กูว่าแล้ว....ไอ้ไปรษณีย์คนนี้มันแปลกๆ รับจดหมายกูแล้วยิ้มแปลกๆ
แล้วยังมาถามนู่นถามนี่อีกมากมาย  ไม่เอาแล้ววันหลังกูส่งตู้ดีกว่า แต่กูไม่ย้อนเรื่องแล้วนะ กูลืมไปแล้วว่าเขียนอะไรไปมั่ง เริ่มใหม่เลยดีกว่า

กูจะบอกว่ากูส่งใบมอบอำนาจมาให้มึงอีกใบแล้วนะ แล้วมึงอย่าเอาชื่อเสียงกูไปทำไรเลวๆล่ะ  เช่นอย่าเอาชื่อกูไปจดทะเบียนสมรสกับใคร หรือเอาชื่อกูไปกู้เงินมาใช้นะเว้ย   เอ..หรือว่านี่กูชี้โพรงให้มึงไปแล้วเนี่ย ตายละลบๆๆๆดีกว่า

ผมเห็นลอยลบๆเลอะเทอะมากมาย แต่ก็ไม่มีข้อความอะไรเปลี่ยนไป “ไอ้ซกมกเอ๊ย ไอ้ใหญ่ หึหึ”

คือที่กูส่งมาเนี่ยอยากให้มึงช่วยจัดการเกี่ยวกับเรื่องวันรับปริญญา หรือถ้าต้องมีทำเรื่องอะไรก็ทำให้กูด้วย กูคงไม่มีเวลาลงมาทำเรื่องเองแน่ๆ ยังไงเวลามึงไปทำของมึง ก็นึกซะว่ามีกูไปด้วย กูไปทำด้วย แต่มึงทำให้กูไง

 ขอบคุณล่วงหน้านะฝัน ช่วงนี้กูกำลังสนใจหญิงคนนึงว่ะ ชื่อน้องออม เรียบร้อยน่ารักมาก ไว้จะพยายามหารูปมาให้มึงดู  กูไปก่อนนะลืมไปอีกแล้วว่านัดน้องออมไว้ จะไปกินข้าวด้วยกัน ช่วงนี้กูกำลังทำคะแนนคนมารุมรักเค้าเยอะน่าดู แต่มึงก็รู้นี่ใครจะสู้กูได้ ใช่ปะล่ะ ฮ่าๆๆๆ

คิดถึงมึงว่ะ แล้วตกลงมึงจะตอบจดหมายกูบ้างรึเปล่า
กูเอง..ใหญ่...เพื่อนมึง

*****************************
ขอบคุณที่มาอ่านค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๒๒๒จดหมายจากเพื่อนรัก๒๒๒๒
เริ่มหัวข้อโดย: Seiki ที่ 16-08-2009 13:04:08
เจิมๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๒๒๒จดหมายจากเพื่อนรัก๒๒๒๒
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 16-08-2009 20:36:05
 :z2: :z2: :z2:
สำผัสได้ถึงคำๆนึงสั้นๆ "เหงา"
เป็นกำลังใจให้นะคราบ แล้วจะรออ่านต่อน๊่า
นิว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๒๒๒จดหมายจากเพื่อนรัก๒๒๒๒
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 16-08-2009 21:17:23
"ฟ้อนฝัน" :m3:
>>>คิดได้ยังไงเนี่ย น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกก
จดหมายฉบับแรกของใหญ่มันมากับค.น้อยใจนะ ชัวร์
ก็เพื่อนหายเงียบไปเลยหนิ เป็นจั่วหัวก็รู้แล้วว่าโคดน้อยใจเพื่อนรัก ณ เมืองศิวิลัย เอิ๊ก
ความโลเทคโนโลยีมันดีแบบนี้นี่เอง จดหมายน้อยถึงได้ดูมีคุณค่ามากๆ
ยิ่งลายมือของคนที่เค้าเขียนถึงเราอ่ะนะ สุดๆอ่ะ ช๊อบชอบคะ
ต่างคนต่างมีทางเดินของตัวเอง แล้วตอนนี้ใหญ่ก็กำลังจะ
อยากเดินเคียงคู่กับสาวน้อยรึเนี่ย ม่ายยย เอาใหญ่เซนส์ซิทีฟคนนั้น
คืนมานะ ส่วนฝันไมไม่ตอบจดหมายเพื่อนล่ะ แย่ๆๆๆๆๆ นิสัย!!!!
จดหมายฉบับที่สองอ่ะ ทั้งน้อยใจ และโคดเสียใจเลยที่เพื่อน ละเลย
เชอะๆๆๆ น่าลงมาเขกกะโหลกเจ้าฝันนะใหญ่ เอาให้จำเพื่อนรักไม่ลืมเลย
หนอยบังอาจลืมตอบกลับได้ รู้มั๊ยว่าค.รู้สึกของคนคอยอ่ะมันช่าง
ต่างจากคนรับเสียนี่กระไร เฮ้อออออออให้ไวนะฝัน

+1 จัดให้คะ  น่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๒๒๒จดหมายจากเพื่อนรัก๒๒๒๒
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 16-08-2009 21:20:24
ก่อนอื่น +1 ไปก่อนเลย เป็น 12 นะครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ  อ่านแล้วนึกถึงตอนที่เรียนจบใหม่ ๆ

แล้วก็เขียนจ.ม. หาเพื่อนแบบนี้แหละ เขียนไปเขียมมา หายไปเลย :z2:

รอจ.ม. ฉบับที่ 3 นะครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๓๓๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๓๓๓
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 18-08-2009 16:09:57

คนเขียนฝากบอกมาว่า ดีใจจังที่มีคนอ่าน ถึงจะเป็นส่วนน้อยก็ตาม ถ้ามีตรงไหนที่ผิดพลาดก็ขออภัยด้วยค่ะ :pig4:
*****************************
ตอนที่ ๓

หลังจากที่ได้รับจดหมายจากไอ้ใหญ่ก็เป็นวันเสาร์พอดี ผมนัดอ้อยว่าจะไปเดินเล่นกันแล้วก็ดูหนัง พอเดินผ่านแผนกเครื่องเขียนผมเลยนึกขึ้นมาได้
“อ้อย ผมขอแวะซื้อของใช้หน่อยซิ อ้อยรอแป๊ปนะ”
อ้อยพยักหน้าแล้วบอกว่า “ งั้นเราไปเดินดูของอื่นด้วย เธอเสร็จแล้วเรียกมาแล้วกันนะ เรารอแถวๆนี้แหล่ะ”
 “ครับ ผมซื้อนิดเดียวไม่ช้าหรอก”

ผมเดินซื้อสมุดโน้ต ซองจดหมายเรียบร้อย แล้วก็ไปจ่ายเงิน แล้วเดินไปหาอ้อยที่กำลังเลือกสติ๊กเกอร์ที่เป็นแผงๆแขวนอยู่ “อ้อยเอาไปทำอะไรน่ะ..มันของเด็กๆเล่นนะ หึหึ”
 อ้อยไม่ตอบผมได้แต่ยิ้มแล้วเลือกต่อ “ก็เราชอบนี่ มันน่ารัก เอาไปเก็บไว้ดู อันนี้ก็ดีนะ รูปหัวใจ รูปดาว มันนูนๆด้วย”
 ผมดูแล้วก็น่ารักดีครับอ้อยกุ๊กกิ๊กสมเป็นผู้หญิงดีจัง 

แล้วผมก็คิดอะไรได้ เอาด้วยดีกว่า ผมหยิบรูปหัวใจมา2แผง แล้วซื้อสมุดเล่มเล็กๆขนาดเท่าฝ่ามืออีกสองเล่ม อ้อยเองยังงงตอนที่ผมมาเอาของอ้อยไปจ่ายรวมกัน “มาผมซื้อให้อ้อยเอง”
อ้อยทำตาโต “เธอจะเอาไปทำอะไรฝัน นี่เราซื้อเอาไปเก็บนะ”
“เอาน่า..เดี๋ยวบอกอ้อยเอง...แต่หลังดูหนังจบนะ”

“โอเค..ทำเป็นมีลับลมคมในนะ  แล้วนี่ฝันซื้อซองจดหมายไปทำไมน่ะ เดี๋ยวนี้เค้าไม่ใช้กันแล้ว ถ้าจะใช้ทำไมไม่เอาของที่บริษัทล่ะ”  ฟังแล้วก็ขำ ผมว่าหลายๆคนก็คงใช้วิธีนี้ เอาของบริษัทมาใช้ พี่สาวผมออกจากที่ทำงานเก่ามาเป็นปี ป่านนี้ผมยังเห็นใช้สมุดฉีกของบริษัทอยู่เลย แต่ไม่คิดว่าอ้อยก็เป็นกับเค้าไปด้วย หรือมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว

“นั่นซิ...ผมลืมนึกไปเลยน่าไปเอาของบริษัทจริงๆด้วย   พอดี..แม่ฝากซื้อน่ะสงสัยจะเขียนจดหมายไปหาเพื่อน แหะๆ ก็อย่างนี้แหล่ะอ้อยคนโบราณชอบใช้วิธีแบบโบราณๆ”
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องปิดบังอ้อยเรื่องการเขียนจดหมายหาไอ้ใหญ่ ผมคงอายที่ผมใช้วิธีแบบเก่าๆมั๊ง ตอนนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ

พอดูหนังเสร็จ ผมก็ส่งสมุดโน้ตเล่มหนึ่งให้อ้อยพร้อมกับสติ๊กเกอร์รูปหัวใจหนึ่งแผง อ้อยรับมาอย่างงงๆ
“เธอจะให้เรามาทำไมฝัน ไม่ต้องซื้อให้เราหรอก”ผมยิ้มดีใจสนุกกับความคิดของตัวเอง  สิ่งที่ผมจะทำ และกำลังจะอธิบายให้อ้อยฟัง
“อ้อยรู้ใช่มั๊ยว่าผมชอบอ้อย”ผมพูดตรงๆไปเลยครับ อ้อยพยักหน้ายิ้มอายๆแล้วแกล้งหัวเราะแก้เขิน
“ฝันพูดอะไร มันเขินนะเนี่ย” ผมเกาหัวแกรกๆ ที่จริงผมก็เขิน แต่ใครๆก็บอกว่าจีบหญิงต้องด้านเข้าไว้

“ก็..ผมพูดความจริงนะ ที่ผมให้สมุดเล่มนี้ กับหัวใจอ้อยไป คือ...”พอต้องพูดออกมาจริงๆชักอายครับ ไม่รู้สิ่งที่ผมทำอ้อยจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระแบบเด็กๆหรือเปล่า เลยได้แต่อื้อๆอ้าๆอยู่แบบนั้น
“ยังไงเหรอฝัน..บอกมาเหอะไม่ต้องทำหน้าแดง เดี๋ยวเราเผลอขำออกมาได้อายเค้าไปทั้งร้านนะ”

 ผมสูดลมหายใจลึกๆเข้าไป  ก่อนที่จะพูดต่อ “คือผมให้หัวใจอ้อยไปทั้งหมดไง แล้วผมก็อยากให้อ้อยให้ใจผมบ้าง”
ผมปล่อยลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกลั้นใจพูดต่อ ตอนนี้อ้อยหน้าแดงมากครับ พยายามกลั้นยิ้มไว้แต่ก็ปกปิดสายตาผมไม่ได้หรอก ผมรู้ว่าเธอกำลังเขินมากๆ แต่ว่าผมจะน้ำเน่ามากไปมั๊ยเนี่ย

ผมค่อยๆพูดต่อไปอย่างช้าๆ“เวลาที่เราเจอกัน...ถ้าผมทำอะไรให้อ้อยรู้สึกดีๆผมอยากให้อ้อย จดไว้ แล้วแปะหัวใจให้ผม ถ้าผมทำดีมากอ้อยก็ให้ใจผมมากหน่อย ..นะครับ”
“แล้ว....ถ้าวันนึงที่อ้อยให้ใจผมหมดแล้ว ผมก็อยากรู้จากอ้อย  ผมอยากให้เราข้ามความสัมพันธ์แบบเดิมๆที่เป็นเพื่อนออกไป อ้อย..อ้อยว่าเป็นไงครับ” ผมชักรู้สึกว่าตัวเองพร่ำรำพันอยู่คนเดียวเลยกลับไปถามอ้อยแทน เราสบตากันจนอ้อยต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาผมไปก่อน

“อ้อยจะลองดูแล้วกัน..ฝันนี้ทำอะไรเป็นเด็กๆกว่าที่คิดนะ  เจ้าชู้จัง”อ้อยส่งค้อนให้ผมวงใหญ่
ผมขำกับอาการเขินของอ้อย แล้วบอกว่า“อะไรกัน คนเค้าให้ใจไปทั้งหมดขนาดนี้ให้คนเดียวด้วย ยังมาว่าเจ้าชู้ได้อีก ” แล้วผมก็อ้อนต่อ
“ผมให้ใจอ้อยหมดแล้ว อ้อยอย่าเอาใจอ้อยไปให้ใครนะครับ”ผมรู้ว่ามีคนมาชอบอ้อยอีกหลายคนที่ทำงาน ยังไงขอดักทางไว้ก่อนครับ อย่างลองหยั่งเชิงดูด้วย

“ฝันพูดอะไร... ใจเรา เรายังไม่ให้ใครทั้งนั้น ทุกคนเป็นเพื่อนเป็นพี่กันหมด ให้เวลาเป็นตัวบอกอนาคตของเราก็แล้วกัน”

   พออ้อยพูดแบบนี้ผมก็เบาใจครับว่าคงยังไม่มีใครแซงหน้าผมไป อย่างน้อยผมก็ได้เปรียบที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วยังทำงานที่เดียวกันด้วย แต่ตอนนี้ผมดีใจมากที่สุดที่ผมได้บอกอ้อยไปแล้วว่าผมรู้สึกยังไงกับอ้อย มันโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ผมจะได้เดินหน้าเต็มที่อย่างจริงๆจังเสียที

คืนนั้นพอกลับบ้านผมถึงได้มีเวลาเขียนจดหมายตอบไอ้ใหญ่มัน ก็คนกำลังอารมณ์ดีนี่ครับ อารมณ์นี้อยากอวดเพื่อน

โย่ว...วอทซับแมน ไงไอ้ใหญ่เพื่อนกู ไอ้บ้านนอกกก...(อย่าโกรธกูนะ..โอ๋ๆๆๆเพื่อนล้อเล่น)

โทดทีว่ะมึง กูไม่มีเวลาเล้ย งานมากมายท่วมหัวหู ไอ้วิชาการตลาดที่มึงเพียรพยายามสั่งสอนกู กูเพิ่งเห็นคุณค่าก็วันนี้ เสียดายมึงดันโลว์เทค ไม่ยอมใช้โทรศัพท์ซะงั้น กูจะได้โทรไปถามมึงหน่อย

คิดถึงกูอะดิ๊..เขียนจดหมายรักมาหากูตั้งสองฉบับ กูโคตรคิดถึงมึงเลย อยากเห็นหน้า อยากกอดรัดฟัดเหวี่ยง อยากนวดๆๆๆด้วยฝ่าเท้าให้มึง ไอ้ลูกหมาเอ๊ย ดันไปอยู่ซะไกล กูเหงาเฉาปากเลย ไม่รู้จะบ่นเรื่องที่กูมีความสุขให้ใครฟัง

มึงรู้ปะ...กูบอกอ้อยไปแล้วว่า...กูชอบเค้า กูจีบเค้าอยู่ นี่ๆๆๆกูให้หัวใจเค้าไปด้วย กูให้เค้าไปหมดเลย หัวใจแบบนี้ไงมึง (ผมปะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจไปในจดหมายด้วย) กูบอกเค้าว่า วันไหนที่เค้าให้ใจกูหมดแล้วให้เค้าบอกกู คราวนี้เราจะได้เป็นแฟนกันเสียที
กูแทบจะรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว เนี่ยๆๆๆมึงน่าอยู่ที่นี่ กูจะได้เล่าให้มึงฟังละเอียดๆทุกๆชอทที่กูคุยกะอ้อย แม่ม..เวลาอ้อยหน้าแดง น่ารักมากเลยมึง กูแทบจะอยากรวบตัวเค้ามากอด นี่ถ้ามึงอยู่กูกอดมึงแทนไปแล้ว  เอาว่ะขาวๆเหมือนกันกูหลับหูหลับตากอดมึง คงไม่ต่างกัน

แล้วแม่มึงเป็นไงมั่ง(กูถามแล้วนะมึงห้ามด่าว่ากูใจดำอีก ..มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนดี) อาการดีขึ้นรึยัง  กินข้าวได้ดีรึเปล่าล่ะ แล้วพ่อมึงล่ะเป็นไงมั่ง (กูถามเผื่อพ่อแล้วนะ ฮ่าๆๆ เพื่อนมึงน่ารักมั้ยละ) แล้วมึงล่ะแดกข้าวตรงเวลาป่าว ชอบนักเชียวกินข้าวตอนบ่ายๆ เดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหา ด่าเท่าไหร่ สั่งสอนเท่าไหร่ไม่มีฟังกัน เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นมา กูไม่ไปเผามึงนะเว้ย โทษฐานไม่เชื่อกู กูเหนื่อยขี้เกียจนั่งรถไปเผามึง...มันไกล

เรื่องรับปริญญาไม่ต้องห่วง กูจะจัดการให้ ถึงกูจะไม่ค่อยรู้เรื่องเดี๋ยวตามๆคนอื่นไป เค้าทำไรกูทำด้วย จะพยายามคิดว่ามึงอยู่ด้วยตลอดจะทำเผื่อมึงแล้วกัน

 เออ..กูว่าจะถามกูส่งโปสการ์ดไปให้มึง จากที่ตะรุเตาน่ะ สวยมากเลยมึง มึงน่าไปด้วยกันจริงๆนะ  แต่คิดไปคิดมามึงไม่ไปก็ดีอย่าง(กูเป็นคนมองโลกในแง่ดีโว้ย)มึงรู้ปะกูมีเวลาคุยกับอ้อยเยอะเชียว ถ้ามึงไปกูก็คงอยู่กับมึงมากกว่าเหมือนเคย  แต่ต่อให้กูอยากคุยกับอ้อยมากแค่ไหนก็อยากให้มึงไปด้วยอยู่ดี จริงๆนะ (ไม่มีมึงเหมือนกูขาดพลังงานชีวิตยังไงไม่รู้ )

มึงจะลงมากรุงเทพเมื่อไหร่ กูอยากเจอมึง  กูเกือบลืมหน้ามึงไปแล้วนะ ตอนนี้ผมยาวรึยังเห็นว่ามึงอยากไว้ผมยาว คราวนี้น่าจะไว้ได้แล้วนี่ ตอนนี้กูอ้วนขึ้นด้วย กินดีอยู่ดีว่ะแถมต้องพาสาวเที่ยวด้วย  กูว่ากูจะลงพุงแล้วสงสัยต้องหาทางไปออกกำลังกายหน่อย แล้วมึงล่ะ ส่งรูปมาให้กูดูหน่อยนะ  ถ่ายกะน้องออมของมึงก็ได้ อยากรู้จักเพื่อนสะใภ้หน่อย ท่าทางจะงามไม่เบา ทำเอามึงเพ้อได้นี่

เฮ้อ.....ง่วงแล้ว แต่เราจะไม่โทรคุยกันจริงๆเหรอ หรือจะส่งอีเมลล์ดี  แต่กูใช้ไม่ค่อยเป็น เขียนแบบนี้ก็ดีไปอย่างแต่มึงว่ามันเชยมั๊ย แต่เอาเหอะแบบไหนก็ได้ แต่กูอาจไม่มีเวลาตอบมึงบ่อยๆนะ  งานแยะจริงๆ ไปละ

เจอกันเพื่อน...ฝัน..เพื่อนมึงเหมือนกันไง
ปล.กูลืมตัวเขียนไปซะยาวเลย แหะๆ

ผมส่งจดหมายไปแล้วก็รอมันตอบกลับครับ  แต่มันก็ไม่ตอบมา จนสามอาทิตย์ผ่านไป ผมทนไม่ไหวเพิ่งรู้ว่าการรอคอยมันทรมานแบบนี้นี่เอง   มิน่ามันถึงต่อว่าผมว่าไม่ตอบจดหมายมันสักที กลับบ้านมาทีไรผมถามแม่ว่ามีจดหมายมั้ยพอแม่บอกไม่มีผมหงุดหงิดสุดๆ จนแม่สงสัยว่าผมรอจดหมายใคร ผมก็บอกไปตรงๆครับว่าจดหมายไอ้ใหญ่ ก็ไม่เห็นเค้าว่าอะไรกัน ผมรอจนทนไม่ไหวต้องเขียนไปอีกฉบับ

ไอ้ตูดใหญ่..ทำไมไม่ตอบจม.กู

กูรอตั้งนานจนทนไม่ไหวเนี่ย..หรือว่ามึงป่วย เป็นไรป่าว เผาเมื่อไหร่ละมึง พิมพ์การ์ดไว้แล้วส่งมาให้กูด้วย แต่บอกมาก่อนนะว่าตายเพราะอะไร ถ้าตายเพราะกินข้าวไม่ตรงเวลา...กูไม่ไป

 หรือว่างานยุ่ง แต่กูรู้มาว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำงานนี่หว่า  ให้แต่พ่อทำ แล้วทำไมไม่ตอบกู  สงสัยเอาแต่ไปเที่ยวกับน้องออมสินล่ะซิ  มีแฟนแล้วลืมเพื่อนนี่หว่า ถ้ามึงไม่ตอบกูภายใน7วัน  ขอให้มึงกำพร้าแฟนคอยดู แล้วไม่ต้องมาง้อกูด้วย ทำงานก็เหนื่อยๆคิดถึงเพื่อน เพื่อนก็ทิ้ง  ไม่ตอบมากูจะสะกดจิตตัวเองให้ลืมมึงเลย

ปล.วันนี้กูไปกินข้าวกับอ้อยด้วยเค้าถามถึงมึง กูเลยบอกว่ามึงสบายดี ใช่มั้ย กูตอบถูกรึเปล่า
ปลล.อ้อยน่ารักว่ะ พอกูถามว่าให้หัวใจกูมากี่ดวงแล้วเค้าไม่ตอบ แต่ยิ้มแล้วทำท่าอายๆ

ผมไม่เคยถามอ้อยอีกเลยครับว่าตอนนี้คะแนนใจของผมไปได้เท่าไหร่แล้ว ผมก็ได้แต่รอคอยเท่านั้นเอง แต่ก็ยังพยายามแบ่งเวลาทำคะแนนอยู่เสมอๆ แต่ผมก็ยังไม่ลืมนะครับว่าใหญ่มันยังไม่ตอบจดหมายผมอีก

จากวันนั้นที่ผมส่งไปหามันอีกฉบับ  ผมก็เริ่มนับวันรอจดหมายตอบจากไอ้ใหญ่ ถึงแม้จะทำงานเหนื่อยแค่ไหนแต่พอกลับมาบ้านสิ่งที่ผมนึกถึงเรื่องแรกก็คือจดหมายจากมัน ชักจะเป็นห่วงว่ามันจะไม่สบายมากกว่า  พอวันที่7 ผมก็ได้จดหมายมาจากมันครับ ถ้าบอกว่าดีใจก็ยังน้อยไป ต้องบอกว่าโคตรรดีใจเลยมากกว่า อย่างน้อยก็ให้รู้ว่ามันตอบมา.......แค่ตอบมาเท่านั้นเอง ผมก็พอใจแล้ว

ไอ้บ้าฝัน..มาแกล้งกู ให้เวลากูโคตรน้อยแค่7วัน ยังดีนะมึงกูกลับมาทัน

กูไปเที่ยวมา ฮ่าๆๆอิจฉาล่ะซิกูไปกับน้องออมสินด้วย แต่ไปไม่กี่วันหรอก แต่พอกลับมามาเจอเส้นตายมึงเข้า กูจะบ้า ทีมึงยังตอบจดหมายกูช้าเลย ทีงี้ทำมาบ่นทำโวยวาย กูอยากตอบจดหมายมึงจะตาย กูก็ว่างอย่างที่มึงเดาแหล่ะ  แต่นี่กูไม่อยู่ไงล่ะ  เออวันนี้กูขโมยหอมแก้มน้องออมด้วย น้องเค้าทำหน้างงๆว่ะ โคตรน่ารักเลย ฮ่าๆๆๆ คราวนี้กูตกหลุมรักน้องเค้าเข้าจริงๆแล้ว เฮ้อ...ใจละลายเป็นยังไงกูก็เพิ่งรู้วันนี้เอง

เรื่องแม่...เค้าไม่เป็นอะไรแล้ว แต่แกก็ยังเหนื่อยนิดหน่อย (แต่ที่มึงถามถึงนี่...จริงใจป่าวว่ะ)กูต้องแบ่งเวลาจากน้องออมมาดูแม่บ้างเหมือนกัน  ใครจะสบายเหมือนมึงมีเวลาให้อ้อยเต็มที่
เรื่องอ้อยกูดีใจด้วยมึงนี่น้ำเน่าน่าดู แต่มึงก็รอมานานแล้วนี่  ดีใจที่อาจจะได้สมหวังว่ะ

 แต่....มึงจะไม่แบ่งใจมาให้กูมั่งเหรอ กูก็อยากได้ใจมึงเหมือนกันนะเว้ย
คืนนี้แค่นี้นะ ..กูจะรอใจจากมึง
เพื่อนมึงเอง..ใหญ่ใจกว้าง..ไม่มีเส้นตายเว้ย...ตอบเมื่อไหร่ก็ได้

ปล.กูส่งรูปกูมาด้วย แต่ไม่ได้ส่งรูปน้องออมมา น้องเค้าไม่ยอมถ่ายรูปกับกูเค้าคงยังอายอยู่ แต่คอนเฟิร์มว่าน่ารักจริงๆโดยเฉพาะเวลายิ้ม ใจละลายว่ะ
ปล.1 อีเมลล์กูไม่สะดวกว่ะ กูชอบเวลาเขียนจดหมาย เงียบๆ มืดๆ เปิดเพลงเบาๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆเขียน ได้อารมณ์ดีนะมึง เชยที่ไหนกัน
ปล.2 ลืมบอกไปว่าคนอย่างกูยังไม่ตายง่ายๆหรอก หรือถึงตายกูก็ไม่บอกมึง (กูไม่อยากได้เงินช่วยงานจากมึงหรอกไอ้บ้าฝัน)
ผมมองดูรูปไอ้หนุ่มผมยาวหน้ามนที่มันส่งมาให้ผม แววตาของไอ้ใหญ่ยังเป็นประกายเหมือนเดิม ปากแดงๆของมันยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวๆซี่เล็กๆ  จมูกเล็กๆเชิดรั้นมีเหงื่อเกาะอยู่ ผมมันยาวขึ้นเยอะแต่กลับทำให้หน้ามันดูเด็กกว่าเดิม เหมือนเด็กอายุ18มากกว่าคนที่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว ผมเอานิ้วลูบใบหน้ามันแล้วก็คิดถึงมันจับใจ ไอ้ใหญ่เอ๊ย..ไอ้ใหญ่ กูคิดถึงมึงว่ะ...รู้ตัวไม๊
**********************
ขอบคุณเช่นเคยค่ะที่ติดตาม :really2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๓๓๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๓๓๓
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 18-08-2009 19:34:57
ฮาโคด
ในจดหมายของฝันมีแต่สาวอ้อยอ่ะ เฮอ้พ่อลิเก
นุ้งอ้อยคงติดดาวยังไม่หมดแผงมั้งถึงยังมะพูดอะไร
กว่าจะตอบให้เพื่อนได้ มีแต่ อ้อย อ้อย แล้วก็อ้อย
เป็นไงล่ะคนรอมันทรมานมะ เหอะๆต้องส่งจม.ไปทวง
ยังกะจดหมายลูกโซ่เลยนะนั่น ส่วนนุ้งใหญ่ก็คุยโวเรื่องนุ้งออม
เป็นลูกที่ดีมากๆ แบ่งเวลาจากน้องออมมาให้แม่ แม่แกรจะดีใจป่ะห๊ะ :o อิอิ
"แต่....มึงจะไม่แบ่งใจมาให้กูมั่งเหรอ กูก็อยากได้ใจมึงเหมือนกันนะเว้ย"
>>  :monkeysad: หยอดเล่นๆ หรือคิดจริงๆอ่ะนุ้งใหญ่ ชื่อใหญ่แต่หน้าตาน่ารักชิมิ

แต่ละคนคุยโวเรื่องแฟนตัวเอง แต่ว่าใหญ่อะมีแฟนจริงๆเรอะ มะอยากจะเชื่อเลยนะนั่น
พ่อหนุ่มยอดดอย อิอิ

ปล. สู้ๆนะคะ ผลงานดีมีคุณภาพ o13
แปลกแหวกม่าน อิอิช๊อบชอบคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ +1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๓๓๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๓๓๓
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 18-08-2009 20:42:52
สงสารใหญ่จัง คงแอบรักเพื่อน เฮ้อออออออออออ

เหมือนรู้สึกมีเรื่องอะไรมากกว่านั้นเลย เหมือนใหญ่ปิดบังไรอยู่ เพื่อให้ฝันสบายใจ

เรื่องน้องออมสินไรนั่นก็คงจะโกหก? สินะ 

อยากให้สมหวังเร็วๆ ฝันก็รีบๆๆให้ใจ ใหญ่ทีนะ  :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๓๓๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๓๓๓
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 18-08-2009 22:00:37
ตามทันแย้ว เขียนดีจังค่ะ ภาษาสวยลื่นไหลดี มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้หลังๆ ต้องโศกน้ำตารินแหง เดาว่าน้องออมต้องเป็นบุคคลที่ถูกใหญ่อุปโลกน์ขึ้นมาแน่เลย จม.ของใหญ่แฝงความเศร้าไว้ยังไงไม่รู้สิคะ

เชียงใหม่ใกล้แค่นี้ แปปเดียวก็ไปถึง  :o12:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๓๓๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๓๓๓
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 18-08-2009 22:24:25
ใช่เลย การรอคอยมันเป็นอะไรที่...สุด ๆ

เป็นกำลังใจให้นะครับ อย่าพึ่งท้อนะครับ  +1 ให้อีกด้วย
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๓๓๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๓๓๓
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 19-08-2009 02:23:19
 :z2: :z2: :z2:
คนที่ชื่อ ออมสิน ที่ว่ามีตัวตนจริงหรือเปล่าน๊า
เหตุผลอะไรถึงไม่ใช้อีเมล์ และต้องอยู่แต่เชียงใหม่ไม่ลงมาเลย
ชอบความคิดของตัวละครในเรื่องแต่ละตัวมีเอกลักษณ์
มีการใช้ภาษาที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นคนๆนั้นดีอ่านแล้วชิวๆ
ยังไงก็มาต่อเรื่อยๆน๊าจะรออ่านต่อ อิๆ

นิว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๓๓๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๓๓๓
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-08-2009 22:39:32

ไอ้สองคนนี้มันชักจะยังไงๆ กันอยุ่นะ  อิอิ

เจ้สอง  :bye2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๔๔๔๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๔๔๔
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 20-08-2009 14:44:06
เวลาเราห่างจากเพื่อนนานๆ แล้วเราก็มีนู่นนี่นั่นทำมากมาย ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราลืมกันใช่มั้ยค่ะ
เพราะเพื่อน...ก็คงอยู่ตรงนั้นเสมอในใจของเรา
****************************************
(ตอนที่๔)

พอผมได้ข่าวจากไอ้ใหญ่มันมาบ้าง   ผมก็ค่อยเบาใจว่าอย่างน้อยมันก็อยู่สุขสบายดี...ยังไม่ตาย 
หลังจากนั้นงานก็สุมรุมเร้ามาเรื่อยๆแถมอ้อยมาชวนผมไปเรียนปริญญาโทด้วย   ผมเลยต้องแบ่งเวลามาเตรียมอ่านหนังสือสอบบ้าง  เพราะไม่อยากเข้าห้องสอบแบบสมองว่างเปล่า เลยลืมเรื่องเขียนจดหมายตอบไอ้ใหญ่มันไปเลย ส่วนไอ้ใหญ่เองก็คงลืมผมไปแล้วเหมือนกัน เพราะไม่มีมีข่าวคราวจากมันอีกหลายเดือน

“อ้อยว่าเราจะสอบเข้าได้มั้ย..ผมว่าผมทำข้อสอบไม่ค่อยได้เลย”
ผมว่าผมก็พยายามทำแล้วนะครับ แต่ก็ยังไม่มั่นใจกลัวสอบไม่ได้ แล้วต้องห่างจากอ้อยไป เพราะผมไม่อยากให้อ้อยมาเรียนโทโดยไม่มีผมมาด้วย ใครๆก็รู้ว่ามาเรียนโทต้องเจอคนอีกมากมาย ผมไม่อยากเปิดโอกาสให้กับใครเข้ามาเป็นคู่แข่งของผมอีก
“อ้อยว่าฝันน่าจะได้นะ ฝันไม่รู้ตัวหรอกฝันก็เก่งนะ อย่าถ่อมตัวไปเลย”
ถึงแม้อ้อยจะให้กำลังใจผม พูดเพราะๆกับผม  แต่พอผมเผลอถามเรื่องที่ว่าเมื่อไหร่อ้อยจะให้ใจผมจนเต็ม
อ้อยกลับบอกว่า “มันก็ต้องใช้เวลานะฝัน เราคงไม่ให้ใจใครไปหมดง่ายหรอก เดี๋ยวถึงวันนั้นไม่ว่าจะเป็นใคร เราจะบอกฝันเอง”

ความสัมพันธ์ของเรายังคงเป็นเพื่อนครับ แต่สนิทกันมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง เจอกันทุกวัน คุยสนุกหัวเราะกันได้ทุกวัน แต่เหมือนอ้อยก็ยังคงขีดเส้นไว้ที่แค่คำว่าเพื่อน ผมเลยไม่กล้าก้าวข้ามเส้นนั้นไป คงต้องรอจนกว่าเจ้าของเค้าจะตัดเส้นนั้นให้ขาด  แล้วเชื้อเชิญให้ผมก้าวข้ามไป ตอนนี้ผมเลยได้แต่ชะโงกหน้าเข้าไปแอบดูเท่านั้นเอง

ลึกๆผมแอบกังวลใจนิดหน่อยในเรื่องนี้แต่เมื่อมองไปรอบๆตัวอ้อย ผมก็ไม่เห็นใครที่จะมีภาษีดีไปกว่าผม ผมก็เลยยังไม่เร่งรัดอ้อยให้มากไปกว่านี้ ถ้าเราจะมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนในอนาคต ถึงแม้จะต้องใช้เวลามากขึ้นผมก็ยินดี จนเมื่อมีคนที่เป็นบุคคลที่3เข้ามา มันชื่อหนุ่ย

คุณหนุ่ยเป็นซัพพลายเออร์เข้ามาติดต่องานที่บริษัทเราแล้วก็ให้บังเอิญที่ผมกับอ้อยต้องเข้าไปคุยด้วยกัน เราไม่รู้หรอกครับว่าไปๆมาๆจากคนที่ทำธุรกิจกัน คุณหนุ่ยมันจะกลายเป็น “พี่หนุ่ย”สำหรับอ้อย แล้วก็กลายเป็น “ไอ้หนุ่ย”สำหรับผม ก็มันเป็นคนเข้ากับคนง่ายมากครับ ถ้าคุณเจอมันวันแรกคุณจะเหมือนกับรู้จักกันมาอาทิตย์นึง พอคุยๆกันต่อไปคบๆกันต่อไป เจอครั้งต่อๆมาคุณก็จะเหมือนรู้จักกันมาหลายปีแล้ว คุยเรื่องอะไรก็สนุกรู้ใจกันไปหมด เวลาคุยกับอ้อยก็จะกลายเป็นพี่ชายที่แสนดี แต่เวลาคุยกับผมหนุ่ยก็จะกลายเป็นเพื่อนที่คุยสนุกจริงๆ

มันจะไม่เป็นเรื่องหรอกครับ ถ้าอ้อยจะทำเหมือนกับเวลาเจอคนอื่นๆ แต่กลายเป็นว่าผมพอมองออกว่าอ้อยเองดูจะชื่นชมเจ้าหนุ่ยนี่มากกว่าเพื่อนธรรมดาไปแล้ว จนผมเริ่มกังวลใจ  ผมไม่รู้จะระบายเรื่องนี้ให้ใครฟังดีก็เลยนึกถึงไอ้ใหญ่ขึ้นมา ผมแอบละอายใจนิดๆที่พอไม่สบายใจก็กลับคิดถึงมัน แต่ผมก็ยังเป็นคนนี่ครับ  ย่อมคิดถึงตัวเองก่อนเป็นธรรมดา

ใหญ่เพื่อนรักและเคารพ

ขอโทษจริงๆ ไม่ได้เขียนจดหมายหามึงนานเลย โกรธกูป่าว...อย่าโกรธเลยนะกูยุ่งจริงๆ  ช่วงก่อนเพิ่งสอบเข้าเรียนปริญญาโทมา ก่อนหน้านี้ก็งานยุ่งแล้วยังต้องอ่านหนังสือสอบอีก ไม่ได้ลืมมึงไปจริงๆ แต่หาเวลายากเย็นจริงๆ แล้วมึงเป็นไง แม่มึงด้วย เอ้ากูแถมพ่อมึงอีกคน สบายดีป่าว  (เหมือนโปรโมชั่นซื้อ1แถม2เลยว่ะ 555) หวังว่าทุกคนสบายดี ที่บ้านกูทุกคนแม้กระทั่งหมายังสบายดีเลยมึง (อันนี้เป็นบริการสริม กูบอกให้โดยมึงไม่ต้องถามกลับตามมารยาท หึหึ)

 งานการมึงเป็นไงมั่ง ป่านนี้มึงเป็นอาเสียหย่ายแล้วซิ  มีเงินเยอะป่าวแบ่งมาให้กูช่วยใช้มั่งมั๊ย กูก็ไม่ใช่ไม่มีนะแต่ว่าจะเก็บเงินไว้แต่งงานว่ะ ฮ่าๆๆ
มึงไม่ต้องถามกูเลยเรื่องอ้อย กูกับเค้ายังคบกันอยู่ดีเว้ย ถึงแม้เค้าไม่เป็นมีกูเป็นแฟน แต่กูมีเค้าเป็นแฟนไปแล้ว น่าน....งงล่ะซิ ก็กูยังงงเลย ฮ่าๆๆๆ

  เออกูมีเรื่องถามความเห็นมึงหน่อยซิ กูว่ามึงเหมาะมากที่จะเป็นศิราณีตอบปัญหาศาลาคนเศร้า พอดีเพื่อนที่ทำงานกูเค้ามีปัญหาเรื่องความรัก เค้าไปชอบผู้หญิงคนนึงนานแล้ว ดูๆทีแรกผู้หญิงก็เหมือนมีใจให้เค้า  แต่ต่อมาผู้หญิงคนนั้นเริ่มมีท่าทีกับผู้ชายคนอื่น มึงว่าเพื่อนกูจะทำไงดีว่ะ แล้วที่สำคัญผช.ที่ผญ.คนนั้นไปชอบก็เป็นเพื่อนกันกับเพื่อนกูด้วย มึงงงมั๊ยว่ะ กูเริ่มงงอีกแล้ว เฮ้อ ปวดกบาล

ถ้ามึงเริ่มงง............กูว่า........... มึงไปอ่านใหม่อีกรอบนะ กูขี้เกียจเขียนใหม่อีกรอบ เมื่อยมือแล้ว แหะๆ
มึงว่าให้เพื่อนกูไปบอกกับเพื่อนมันเลยมั๊ยว่าผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ  แต่กูว่าผญ.คนนั้นจะโกรธรึเปล่าถ้ารู้ เพราะเพื่อนกูกับเค้าก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน  ที่จริงเพื่อนกูก็ไม่มีสิทธิที่จะไปห้ามไม่ให้เค้าไปรักไปชอบใคร ตอนนี้เพื่อนกูเศร้ามากว่ะ มันน่าสงสารเหมือนรักจะหลุดลอยแต่ก็ไม่กล้าพูด แต่มึงคงไม่เข้าใจเรื่องความรักที่ไม่สมหวังหรอก เพราะตอนนี้มึงมีแต่น้องออมสินนี่หว่า นึกไปนึกมากูไม่น่าถามมึงเลย มึงจะช่วยอะไรได้ ถือว่ากูไม่ได้เขียนแล้วกัน (ทำไมกูเป็นคนแบบนี้ว่ะกลับไปกลับมา เฮ้อ...กลุ้มใจตัวเอง)

ช่วงนี้เพื่อนๆมันเริ่มนัดกันแล้วนะเว้ยงานรับปริญญาน่ะ ตกลงเป็นวันที่2 สิงหาคมน่ะ มึงไปเตรียมจัดเวลาด้วย กูจองเช่าชุดครุยให้มึงแล้ว  น่าจะพอดี  แล้วมึงอย่าผอมลงล่ะเดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวย วันซ้อมมึงจะมารึเปล่า แต่กูอยากให้มึงมา เรื่องคนถ่ายรูปมึงไม่ต้องห่วงกูจ้างไอ้น้องเกี๊ยงไว้แล้ว  มันจะมาถ่ายให้กูกะมึง เป็นแพคเกจคู่ราคาพิเศษ  รับรองว่าเราเป็นดาวแน่ รูปออกมาต้องเพอร์เฟค

ช่วงนี้ไอ้ห่าด้ามันเริ่มมาชวนกูออกนอกลู่นอกทางอีกแล้ว  ทุกศุกร์มันต้องเรียกกูไปกินเหล้าทุกที  กูก็ขัดมันไม่ค่อยได้เลยต้องไปกับมันเกือบทุกศุกร์ ฮ่าๆๆ ก็กูมันคนรักเพื่อน  แฟนก็ไม่มี ไปกับเพื่อนก็สนุกดีว่ะ บางทีก็ไปนั่งเหล่สาว  แต่มึงก็รู้พอมาแข่งกับไอ้ด้าทีไรกูเป็นต้องแพ้ทางมันทุกที ไม่มีสาวๆคนไหนได้ตกถึงท้องกูซักคน แต่คิดในทางที่ดีก็ดีเหมือนกัน กูจะได้บริสุทธ์เวลาเข้าหอกับเจ้าสาวกู หึหึ ไม่เหมือนไอ้ด้าตอนนี้กูว่ามันเป็นคาสโนว่าไปแล้วว่ะ แถมเดี๋ยวนี้มันหล่อขึ้นทุกทีๆ ไปเที่ยวกันมีแต่คนมาเหล่มันทั้งสาวทั้งชาย กูย้ำเลยนะเว้ยว่าทั้งสาวและชาย กูว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆว่ะ  มึง นี่กูเองก็กะว่าถ้ามีชายมาจีบก็จะลองพิจารณาดู มึงว่าดีมั๊ยว่ะ กูอยากมีประสบการณ์หลายๆแบบในเรื่องความรักว่ะ แต่ตอนนี้ท้องกูร้องแล้ว กูไปกินมาม่าหน่อยนะ ไว้คุยกันใหม่

กูเอง...ฝัน
ปล.แล้วมึงอย่าไปบอกไอ้ด้าล่ะว่ากูนินทามัน เดี๋ยวมันไม่เลี้ยงเหล้ากูอีก    

ความจริงผมก็อยากจะเล่าอะไรกับมันตรงไปตรงมานะครับ แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่แน่ใจอะไรหลายๆอย่าง เลยต้องใช้วิธีถามแบบอ้อมๆแบบนี้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะอยากตอบผมรึเปล่า หรือว่ามันจะรู้หรือเปล่าว่าคนที่ผมเล่าก็คือตัวผมเอง  บางทีเพื่อนผมคนนี้ก็ฉลาดจนผมคาดไม่ถึงเหมือนกัน

เวลาที่เราเพิ่งเริ่มทำงานแรกๆเราจะสนุกไปกับงานใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ  แต่การคบกันมันก็ยังไม่สนิทใจหรอกครับผมยังคิดถึงเพื่อนสมัยเรียนอยู่เสมอๆ ต้องแอบดอดไปกินเหล้ากับเพื่อนเก่าอยู่เรื่อยๆ แล้วก็คุยสัพเพเหระกันเหมือนสมัยเรายังเรียนอยู่เลยครับ  ถ้าใครมาฟังเราคุยกันจะไม่รู้สึกเลยว่าพวกนี้เป็นคนวัยทำงานแล้ว  ผมว่าเราเปลี่ยนแค่แพคเกจภายนอกเท่านั้นเองครับ เรากินหรูขึ้น เราขึ้นแท็กซี่บ่อยกว่าเดิม  แต่ข้างในเราก็ยังเป็นไอ้ด้า ไอ้ฝัน ไอ้ใหญ่ ไอ้เมศเหมือนเดิม  และเมื่อผมไปเจอเพื่อนกลุ่มมหาลัยครั้งใด  ผมก็ยังต้องคิดถึงคนที่อยู่ไกลอยู่ดี ......ไอ้ใหญ่

ผมใช้เวลารอจดหมายอยู่ไม่นานไอ้ใหญ่ก็ตอบผมมา  ผมว่ามันเองก็คงรอจดหมายจากผมเหมือนกัน

ฝันเพื่อนกู

กูเองก็ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกัน  แม่อาการไม่ค่อยดีเลย แกยังบ่นเหนื่อยอยู่เสมอๆ  กูเลยต้องคอยพาไปหาหมอเรื่อยๆ พ่อกูเองก็เริ่มป่วยอีกคน  วันก่อนแกไปหกล้ม เดินไม่ได้อยู่หลายวันกูเลยต้องวิ่งวุ่นอยู่คนเดียว ดูแลทั้งสองคน เหนื่อยจังว่ะเพื่อน   เรื่องเพื่อนมึงกูก็ไม่รู้นะ  เรื่องความรักกูเองยังเอาตัวไม่รอด

แล้วมึงรู้ได้ไง..ว่ากูไม่เข้าใจคนที่รักไม่สมหวัง มึงนี่....ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกูเลยจริงๆ เป็นเพื่อนกูจริงๆรึเปล่าว่ะ
ส่วนเรื่องมึงเรียนโท กูขอให้มึงสอบได้แล้วกัน วันนี้แค่นี้ก่อนนะพ่อจะเข้าห้องน้ำกูไปช่วยเค้าก่อน

ใหญ่..ลูกกตัญญูเว้ย..

คราวนี้ไอ้ใหญ่มันตอบจดหมายผมสั้นกว่าปกติไปจริงๆ แถมไม่ค่อยกวนตีนด้วย ผมชักเป็นห่วงมัน แต่ก็ติดอะไรหลายๆอย่าง งานก็มาก แถมผมสอบโทได้ต้องไปติดต่อเรื่องเรียนอีก และยังต้องแบ่งเวลาให้อ้อยให้มากขึ้นกันโดนไอ้หนุ่ยมาแย่งเวลาอ้อยไปอีก ปวดกบาลไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี

  แล้วผมไม่มีเบอร์โทรศัพท์ไอ้ใหญ่ แต่ผมก็รู้ถ้าผมอยากโทรไปหามันผมก็ต้องมีวิธีหาได้ แต่ผมก็ไม่ได้หา    ใจผมก็คิดแต่ว่าไว้ก่อนแล้วกัน คงไม่มีอะไรหรอกน่ะ  ผมว่าคนเราส่วนใหญ่มักคิดเรื่องตัวเองเป็นหลักก่อนเสมอๆ  ใช่ครับผมเข้าเรียนโทกำลังเห่อกับสิ่งใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง เพื่อนใหม่ วิชาความรู้ใหม่ๆที่ผมได้เรียน ผมกลับมารู้สึกคึกคักอีกครั้ง เหมือนตอนเข้าปี1ไม่มีผิด  แต่ครั้งนี้ความมั่นใจมันมากกว่าเดิมเยอะเหมือนเราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เวลาคุยกันก็เป็นเรื่องที่คนทำงานคุยกัน 

“พี่ธี..คืนนี้มาเร็วหน่อยนะครับเรามีนัดทำงานกลุ่มกัน แล้วเรื่องหุ้นที่ผมถามไปพี่ว่าน่าสนใจซื้อมั๊ยครับ”
“น้องขวัญ พี่ไม่เข้าใจหนังสือตอนนี้เลย น้องขวัญมาช่วยพี่แปลให้ฟังหน่อยนะเด็กอักษรนี่”
“อ้อย...คืนนี้เลิกคลาสแล้วไปกินข้าวกันที่เยาวราชดีกว่า มีร้านอาหารทะเลเจ้าอร่อย กินหลายๆคนสนุกดี”

 เวลาของผมในแต่ละวันหมดไปกับงาน การเรียนและเพื่อนใหม่  แต่พอว่างทีไรผมก็ยังอดคิดถึงไอ้ใหญ่ไม่ได้ มันขาดการติดต่อไปจากผมเป็นเดือนแล้ว ผมเริ่มรู้สึกว่าผมให้ความสนใจเพื่อนสนิทน้อยเกินไป ผมจึงเขียนจดหมายไปหามันอีกครั้ง

ไอ้ใหญ่..

หวัดดีว่ะ กูขอโทษที่ตอบมึงช้าไปหน่อย ตกลงตอนนี้พ่อมึงเดินได้ปกติยัง แล้วแม่มึงเป็นไงบ้าง ตัวมึงด้วยดูแลตัวเองบ้างหรือเปล่า กูอยากคุยกับมึงจังว่ะ ขอเบอร์โทรมึงหน่อยซิ กูบอกเบอร์ที่ทำงาน กับที่บ้านมาให้มึงอีกที ยังไงมีอะไรโทรหากูนะ ถ้ามึงโทรหากู1ครั้งกูไม่รับ มึงโทรใหม่ ยังไงไม่ว่ากี่ครั้งต้องมีสักครั้งที่กูได้รับสายมึง หรือไม่มึงก็ต้องเอาเบอร์มึงมา มึงจะหวงไปทำไมยังไงกูก็ไม่มีเวลาไปโทรกวนมึงได้ทุกวันหรอกน่า

ถ้ามึงหายไปนานๆกูก็ไม่สบายใจ ยังไงก็เจียดเวลาตอบจดหมายกูด้วย ส่งเป็นไปรษณียบัตรก็ยังดี อย่างน้อยให้เราได้ keep contact กัน 

ตอนนี้กูเองก็มีกิจกรรมมากมาย กูลืมบอกตอนนี้กูได้เรียนโทแล้วนะ เรียนตอนกลางคืนเกือบทุกวัน เสาร์อาทิตย์กูก็ต้องไปเรียน ตอนนี้กูเลยเบาใจหน่อยที่ได้อยู่กับอ้อยแทบจะตลอดเวลา เรื่องเพื่อนที่กูถามมึงไปคราวก่อน ตอนนี้มันก็กำลังทำคะแนนอยู่ แต่เห็นมันบอกว่าไอ้ผช.ที่เข้ามาใกล้ชิดเพื่อนมันก็เป็นคนดี ถ้าผญ.จะเลือกคนนั้นมันเองก็คงต้องทำใจ  (กูก็งงกับมันว่าแล้วมันจะบ่นไปทำไม เนอะ)

ทำไมคิดถึงมึงวะ..ไม่เข้าใจ
ฝัน..ฝันหวาน
******************************
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๔๔๔๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๔๔๔
เริ่มหัวข้อโดย: Seiki ที่ 20-08-2009 15:47:04
เข้ามาอ่านจดหมาย  :impress2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๔๔๔๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๔๔๔
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 20-08-2009 17:00:02
 :z2: :z2: :z2:
อ่านเพลินๆดีคราบ อิๆ
อยากรู้เรื่องของใหญ่บ้างจังเลย
มันจะมีความหมายไหมน๊าที่ใหญ่ตอบกลับมาว่า
ทำไมจะไม่เข้าใจคนที่ไม่สบายใจในเรื่องความรัก

นิว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๔๔๔๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๔๔๔
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 21-08-2009 03:29:48
 :เฮ้อ:
เวลามีเรื่องไม่สบายใจต้องการที่ระบาย
เพื่อนนี่แหละคือหมอใจยามฉุกเฉิน
แล้วนี่ใหญ่คงยุ่งจริงๆอ่ะนะ อีกอย่างไม่เห็นผู้ถึงออมเลย
แสดงว่าไม่มีอยู่จริงหรอกชิมิ
ส่วนเรื่องค.รักที่ฝันเอามาปรึกษาอ่ะเราว่านะ ใหญ่รู้ดีเลยล่ะว่าใคร
ต่อให้เป็นเรื่องของเพื่อนฝันก็ตาม ใหญ่จะเป็นยังไงบ้างนะ ดูจากจม.
ก็คงน้อยใจขวัญโคดๆเลยอ่ะ ที่ถามว่าเคยรู้เรื่องอะไรของใหญ่บ้างมั๊ย :เฮ้อ:
สงสารใหญ่จัง ใหญ่ตอบจม.ไวไวนะ ให้เบอร์ด้วย พ่อคู๊นนนนนนนนนเลิกทรมานตัวเองซะทีล

+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๔๔๔๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๔๔๔
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 21-08-2009 05:48:39
เป็นเรื่องที่อ่านง่าย ทั้งส่วนของการบอกเล่าจากตัวละคร และส่วนของจดหมาย
ดำเนินเรื่องได้มีเอกลักษณ์ ใช้ภาษาได้ดี กระชับ ถ่ายทอดได้ตรงไปตรงมา
หาคำสะกดผิดแทบไม่มีเลย ชวนติดตามต่อๆไปมากค่ะ
สงสัยว่าจะไม่ใช่แค่จดหมายจากเพื่อนรัก แต่เป็นรักเพื่อนด้วยสินะ
เพิ่งเข้ามาอ่านนะคะ บวก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์ด้วยค่ะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๔๔๔๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๔๔๔
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 21-08-2009 06:08:07

เห็นด้วยกับคุณน้ำตาลรีบน ในเรื่องการใช้ภาษาไทยได้ดี
การดำเนินเรื่องที่เป็นตัวของตัวเอง
อ่านแล้วอยากเขียนให้ได้แบบนี้บ้าง
เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ บวกเพิ่มให้อีก ๑ เป็น ๑๘ นะ


ฝากถึงคนเขียน
~ อย่าท้อเพราะคนอ่านน้อย หรือเรียกเม้นท์ไม่ได้เยอะๆ
เพราะงานเขียนที่ดีไม่ได้ดูแค่จำนวนคลิกหรือจำนวนโพสต์ ~

:impress2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๔๔๔๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๔๔๔
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 21-08-2009 07:05:53
เป็นกำลังใจให้เช่นกัน ขอจื้มทะลุ คุณเบ๊อะ ถึงน้องสาวคนเก่ง

ได้กูรูทางภาษา มาเป็นกำลังใจให้ ยินดีด้วยครับ  :mc4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๔๔๔๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๔๔๔
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 21-08-2009 09:30:57
:sad4: สงสารใหญ่อ่า  เฮ้ออออออออ มีอะไรมากรึเปล่านี่ เป็นห่วงจัง

แล้วมึงรู้ได้ไง..ว่ากูไม่เข้าใจคนที่รักไม่สมหวัง มึงนี่....ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกูเลยจริงๆ เป็นเพื่อนกูจริงๆรึเปล่าว่ะ
>>  :เฮ้อ: โธ่ เฮ้ออออออ  ทำไมใหญ่จะไม่เข้าใจ เพราะตอนนี้ก็กำลังเป็นอยู่

ส่วนยัยอ้อย :mc4:   ใกล้แล้วอีกนิดเดียว ฝันจะได้ตาสว่างซักที   

อยากให้สมหวังเร็วๆๆ ไม่อยากให้เศร้าเลย เฮ้อออออออ


ขอชมว่าเขียนได้ดีค่ะ  ภาษาอ่านง่ายด้วย o13
แทบจะไม่เจอคำผิดเลยด้วย ขอชมค่ะ

ให้กำลังใจคนเขียนและคนโพสต์ด้วยค่ะ หนึ่ง+

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๔๔๔๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๔๔๔
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 21-08-2009 17:43:11
เพื่อนถึงอยุ่ห่างกัน ที่ในใจก็ยังเหมือนเดิม หวังว่าใหญ่คงจะไม่ใช่คนสุดท้ายที่ฝันจะคิดถึงยามเสียใจ  :o12:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๔๔๔๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๔๔๔
เริ่มหัวข้อโดย: Seiki ที่ 21-08-2009 22:27:48
ฉบับต่อไปมารึยังเอ่ย  :z10:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๕๕๕๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๕๕๕๕
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 22-08-2009 11:17:50
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจค่ะ คนเขียนขอขอบคุณมาด้วยค่ะ  :pig4:
ส่วนเรื่องภาษาก็พยายามที่จะให้มีผิดน้อยที่สุดค่ะ(ถ้าไม่หลุดหรือไม่รู้จริงๆ) แต่อาจจะมีติดภาษาวัยรุ่นบ้าง หรือมีคำที่ใช้กันเฉพาะเพื่อนที่อาจดูไม่สุภาพเท่าไหร่ และถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยมาด้วยค่ะ
********************************************
(ตอนที่๕)

การเรียนปริญญาโทไม่ง่ายอย่างที่คิด  ผมต้องคร่ำเคร่งกับการเรียนและการสอบที่มีเข้ามาเรื่อยๆอย่างที่ผมไม่ทันตั้งตัว
ไหนจะปวดหัวกับเท็กซ์ภาษาอังกฤษเล่มโต  ที่ผมต้องใช้ความพยายามในการทำความเข้าใจให้มากขึ้น  เพื่อนๆพี่ๆที่มาเรียนทุกคนต่างก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ไม่มีใครว่างพอจะมาช่วยใครเท่าไหร่ ตอนนี้เวลาของผมใน1วันมีตารางแน่นไปหมด ทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องเรียน

พอกลับถึงบ้านผมก็แทบหมดแรง อาบน้ำแล้วนอนทันที ขนาดเวลาจะโทรไปคุยกับอ้อยผมยังไม่คิดจะทำเลย  เรื่องอ้อยกับไอ้หนุ่ยเองผมก็ยังดูไม่ออก และผมก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามอ้อยตรงๆ เพราะยังไงเราก็ยังเป็นแค่เพื่อนอยู่ดี   ผมเองก็อดแปลกใจในความรู้สึกของตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมกังวลใจกับเรื่องนี้น้อยมาก

 หรือว่าผมชอบนิสัยไอ้หนุ่ยมาก....จนพอที่จะวางใจให้อ้อยไปรักกับมันได้

 หรือว่า...ผมไม่ได้รักอ้อยมากพอกันแน่

“ฝัน!ไปกินข้าวฟังเพลงกัน..กูชวนน้องอ้อยแล้วด้วย”วันดีคืนดีไอ้หนุ่ยก็โทรหาผมที่บ้าน ปกติมันเป็นคนงานยุ่งมากครับ ทำงานจนดึกแทบจะทุกวัน  แต่สงสัยเพราะคืนนี้เป็นคืนวันเสาร์
“แล้วทำไมมึงไม่ไปกันสองคนล่ะ มาชวนกูไปเป็นก้างทำไม”แอบเหน็บมันไปหน่อยครับ แต่ไอ้หนุ่ยมันไม่ถือสาผมหรอก แค่หัวเราะเบาๆ

 “ก้างเห้.....อะไรล่ะ น้องอ้อยก็เพื่อนมึง กูก็เพื่อนมึง รึไม่ใช่..ไอ้ฝันน..มึงหึงกูเหรอ...หึหึ”
ดูมันครับตัวมันเองก็ไม่ได้มีท่าทีกับอ้อย แล้วฟังที่มันพูดก็ถูกของมันอีก เรื่องที่ว่าเราต่างก็เป็นเพื่อนกัน   ผมจะไปเกลียดขี้หน้ามันลงได้ยังไง  ผมว่ามันปากแบบนี้แต่ใจมันไม่ได้คิดอะไรจริงๆครับ
 “เออๆๆไอ้คนหลงตัวเอง.....กูหึงมึง ก็มึงก้นงอนซะขนาดนี้ กูก็อดหวงไม่ได้ซิ.."
"ไปก็ได้ กูอยากจับก้นมึงไม่ได้จับตั้งนาน คิดถึงจริงๆ” หึหึ เล่นมากูก็เล่นไปเว้ย

“เชี่ยยยย..แระ...ไม่ต้องมายุ่งกับก้นกู ไปห่างๆเลยถ้ายังไม่อยากโดนตีน..”
กวนๆกะไอ้หนุ่ยแล้วสนุกดีครับ  ด่าได้ไม่ต้องยั้ง ไม่ต้องเกรงใจ  ผมเคยเรียกมันว่าพี่แค่ไม่กี่ครั้งตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ  แล้วหลังจากนั้นเราก็คือเพื่อนครับไม่มีพี่ไม่มีน้อง
“อ้าว  ไล่กูไป....แล้วตกลงมึงจะให้กูไปรึไม่ให้ไป  เดี๋ยวชวนเดี๋ยวไล่ กูสับสนหัวใจไปหมดแล้วนะมึง เอาให้แน่ กูได้วางแผนว่าจะไปไหนยังไง” ผมกับมันยังคุยวกวนกันไปมาเรื่อยๆจนเรื่องไปไม่ถึงไหนซักที

“เอ๊า..พูดไม่รู้เรื่องก็ไปดิ๊...อย่าทำกวนตีน กูฝากเหล้าไว้แล้ว แดกๆให้หมดๆซะที อยากมีเพื่อนดื่มหน่อย วันนี้กูอารมณ์ดี ขายงานได้หลายล้าน” พูดแบบนี้แต่แรกก็จบ เหล้าฟรีไม่ต้องใช้เหตุผลในการตัดสินใจครับ ไปแน่นอนของฟรีใครๆก็ชอบ
“แล้วอ้อยเค้าตกลงกะมึงรึยังล่ะ”ลืมไปเลยว่ามันบอกว่าชวนอ้อยด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นผมไปกันสองคนมันจะเหงาหัวใจไปหน่อย ไม่มีสาวๆมาเคียงข้าง

“ตกลงอะไรล่ะถ้าแต่งงานล่ะก็ยังไม่ตกลง  เพราะกูยังไม่ได้ขอ ฮ่าๆๆๆ รอขอมึงก่อน มึงไม่แต่งกะกูกูค่อยไปขออ้อย”
“ลามมมแล้วมึงงง  เล่นของสูงถึงแต่งงานเลยเหรอ กูหมายถึงว่า...เค้าจะไปเที่ยวด้วยมั้ย”เสียงไอ้หนุ่ยมันหัวเราะสะใจ มีความสุขจริงนะมึง
“กูบอกเค้าไปแล้ว แต่เค้าบอกให้มาชวนมึงด้วย แต่กูก็กะชวนมึงไปอยู่แล้ว  มึงไปรับอ้อยมาด้วยนะ แล้วขากลับกูไปส่งเค้าเอง”มันพูดง่ายครับ เพราะมันมีรถ แต่มันลืมอะไรไปมั้ย  ผมมีเหมือนกันรถ แต่มันเป็นรถแท็กซี่นี่ซิ แล้วกะนี้ผมก็คืนรถไปแล้วด้วย ...เอ๊ยยยไม่ใช่..

  มันทำแบบนี้จะให้ผมกับมันเปรียบเทียบกันไปถึงไหน....แต่จะทำยังไงได้ความจริงก็คือความจริง ในเมื่อมันไม่มีก็คือไม่มี
“เออๆๆ..เดี๋ยวกูถอยโตโยต้ารุ่นใหม่ไปรับอ้อยเอง แล้วเจอกันกี่ทุ่มดีมึง ร้านเดิมของมึงใช่มั้ย”
“ช่ายย..ที่Riccoแหล่ะ เอ๊ะตกลงมึงซื้อรถแล้วเหรอ เมื่อไหร่วะไม่เห็นปรึกษากูเลย”
“ฮ่าๆๆ....มึงเป็นพ่อกูเหรอต้องปรึกษา....ก็รถพี่แท็กไง...แท็กซี่นะมึงรู้จักมั้ย แล้วตกลงกี่โมง พูดไม่รู้เรื่อง นี่กูจะไปเข้าส้วมแล้ว ให้ไวมึง..บอกมา”

“สาดดดฝัน..ด่ากู  หลอกกูเรื่อย คุยกะมึงแล้วเหนื่อยจริงๆ  ก็เจอกัน 3ทุ่มเป็นไง เจอกันนะเว้ย ไปแล้ว เจ้านายเรียก ขี้ให้สุดชีวิตเลยนะมึง”
ไอ้หนุ่ยกวนตีนไม่สร่างจริงๆ พอมันวางสายผมก็โทรนัดกับอ้อยครับ เราเลยตกลงใจกันว่านัดเจอที่มหาวิทยาลัยก่อนไปคุยๆเรื่องรายงานแล้วค่อยไปต่อด้วยกัน
เราเที่ยวกันสามคนแบบนี้อยู่บ่อยๆครับ มันก็สนุกนะครับแต่มันก็ทำให้ผมกับอ้อยเป็นเพื่อนกันมากขึ้นไปทุกที ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
*****************************************************************************
ผมลืมไปว่าผมให้เบอร์โทรศัพท์ไอ้ใหญ่มันไปนานมากแล้ว เพราะมันก็ยังคงไม่โทรหาผมเช่นเคย  จนผมเรียนจะจบเทอมแรกถึงมีจดหมายมาจากไอ้ใหญ่อีกครั้ง

เฮ้อ...เป็นไงวะเพื่อนฝัน

กูสบายดี ชีวิตเหมือนทุกวัน ตื่น(สาย)มาทำงาน กลางวันทำงาน ตกเย็นพาพ่อกับแม่ไปเดินเล่น กลับมาทำงานต่ออีกหน่อย จนเย็นกินข้าวเสร็จก็เข้าห้องนอน ชีวิตกูวนๆเวียนๆอยู่แบบนี้ เหงาว่ะมึง บางทีก็เบื่อๆ อยากทิ้งทุกอย่างที่นี่ แล้วไปแสวงหาหนทางของตัวเองดู กูไม่ได้เสียใจนะที่ต้องมาทำงานที่นี่ มาดูแลพ่อแม่ มันเป็นสิ่งที่กูควรจะทำ แต่ทำไมกูรู้สึกว่าชีวิตกูทำไมมันว่างเปล่าขนาดนี้  เหมือนกูไร้ตัวตน

เหงาว่ะมึง…………..
ไอ้ใหญ่..คนที่ไร้ตัวตน

ผมอ่านจดหมายมันแล้วก็เป็นห่วงมันอีก  มันโหวงๆในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก สงสัยคงเหงาตามมันไปแล้ว ทำไมมันชอบทำให้ผมเป็นห่วงได้เรื่อยๆเลยก็ไม่รู้ ผมจะไปหามันดีกว่า ผมจะขึ้นไปเชียงใหม่ไปดูให้เห็นกับตาว่ามันสบายดี  ไปหามันตามที่อยู่ที่ผมส่งจดหมายไปทุกครั้ง

ใหญ่....

กูว่ามึงคงไม่ได้สบายดีอย่างทีมึงบอกกูหรอก กูอ่านจม.ของมึงแล้ว เหมือนคนมีปัญหาเลย มึงเป็นไรรึเปล่า????ให้กูขึ้นไปหาดีมั้ย เดี๋ยวกูจะลางานขึ้นไปหามึง

 กูแค่อยากบอกมึงว่า....ที่มึงทำเป็นสิ่งที่ดีแล้ว มึงเป็นคนกตัญญู ใครๆก็รู้ ใครๆก็เห็น  ใครกันที่ว่ามึงไร้ตัวตน  อย่างน้อยมึงก็มีตัวตนอยู่ในใจกูนะเว้ย เราห่างกันก็จริง แต่กูก็คิดถึงมึงเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่ใช่3เวลาหลังอาหาร แต่ก่อนนอนกูก็คิดถึงมึงเรื่อยแหล่ะมึงวางใจเหอะ   ถ้ามันเครียดมากๆหาเวลาไปเที่ยวหน่อยดีกว่านะมึง ลงมากรุงเทพซิอีกไม่กี่เดือนก็จะรับปริญญาแล้ว บอกที่บ้านว่ามาจัดการเรื่องนี้ก็ได้ หรือว่าไงดี ตัดสินใจยังไงบอกกูมา ให้กูขึ้นไปหรือมึงลงมาก็ได้
โทรหากูมั่งดิ ....

ฝัน..เพื่อนที่ไม่ไร้ตัวตนของมึง

วันรุ่งขึ้นผมไปขอลางาน แต่หัวหน้าไม่อนุมัติเนื่องจากมีงานเร่งด่วนที่ผมต้องดูแล พอหัวหน้าซักคาดคั้นมากๆว่าผมจะลาไปทำไม ผมก็อึกๆอักๆพูดเหตุผลไม่ถูก  ในที่สุดเลยสรุปว่าผมจะลาได้ก็ต้องผ่านต้นเดือนหน้าไปแล้วซึ่งก็ต้องใช้เวลาอีกเกือบเดือน
“ฝันเป็นอะไรน่ะ หมู่นี้ดูหงอยๆ กังวลๆยังไงไม่รู้”อ้อยถามผมขึ้นมาวันหนึ่ง หลังจากที่ผมเซ็งไอ้ใหญ่มันที่มันเงียบหายไปหลายอาทิตย์แล้วและมันก็ไม่ได้ตอบจดหมายผมอีกเลย ผมก็ส่งไปตามนะครับแต่ก็ไร้วี่แวว  จะติดต่อมันทางอื่นก็ไม่ได้ จนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงดี

“ก็เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อยนะอ้อย  ตุ๋มเพื่อนในกลุ่มผมน่ะ ชอบหลบเวลาทำรายงาน คนอื่นๆในกลุ่มก็บ่นกัน แล้วผมเป็นคนไปชวนตุ๋มมาเข้ากลุ่มด้วย เลยรู้สึกผิดต่อเพื่อนๆ”
เรื่องนี้ผมก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆครับ แต่ก็ยังน้อยกว่าความจริงที่ว่าผมกังวลเรื่องไอ้ใหญ่มัน จากจดหมายของมันฉบับก่อนผมกลัวว่ามันจะมีปัญหาอะไรน่ะซิครับ แต่ผมไม่อยากเล่าให้อ้อยฟังตรงๆมันเหมือนกับว่าผมจะคิดมากไปเอง  แต่คนที่เป็นเพื่อนสนิทอย่างผมก็ควรจะคิดไม่ใช่เหรอครับ

“ตุ๋มเหรอ  ก็เห็นว่าที่ทำงานเค้ายุ่งๆน่ะฝัน เห็นว่าเปลี่ยนสายงาน คงกลัวเจ้านายว่า เลยไม่มีเวลามาทำรายงานมั๊ง  อันนี้เพื่อนตุ๋มเล่าให้เราฟังอีกทีนะ ไม่ได้รู้มาโดยตรงหรอก”
“อ้าวเหรอ  แต่เค้าก็น่าจะมาบอกเพื่อนๆนะ กินแรงกันแบบนี้ไม่ดีหรอก ยังเหลืออีกหลายวิชา เดี๋ยวอีกหน่อยจะไม่มีคนอยากรับเข้ากลุ่มน่ะซิ”
ธุระมันก็มีกันทุกคนแหล่ะครับ ก็ทำงานแล้วนี่ แต่มันจะเอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้ คนเรามันต้องมีความรับผิดชอบ  ถ้าตัวเองไม่พร้อมที่จะเรียนหรือแบ่งเวลาไม่ได้ ก็น่าจะทำงานไปก่อน  เพราะทำแบบนี้ไอ้ความรู้ที่ควรจะได้จากการเรียน การทำรายงาน  มันก็จะไม่ได้ไปด้วย

“ฝันอย่าใจร้ายนักเลย  เดี๋ยวเอางี้อ้อยจะฝากเพื่อนเค้าไปบอกแล้วกัน”อ้อยก็ใจดีแบบนี้ล่ะครับ แต่บางคนที่ชอบเอาเปรียบเพื่อนคิดแต่ว่านิดๆหน่อยๆไม่เห็นเป็นไรก็มีเยอะเหมือนกัน
“ฝันไม่น่าเครียดเรื่องแค่นี้เลย ทำหน้าตาเป็นคนแก่เลย หมดหล่อกันพอดีนะ”
อ้อยเอานิ้วมาเขี่ยๆที่หัวคิ้วผมที่ผูกโบว์ไว้อยู่ “เลิกขมวดคิ้วได้แล้วจ้า”

ผมเลยอดยิ้มตอบไม่ได้  คลายเครียดไปหน่อยที่ยังมีคนมาคอยเป็นห่วงเป็นใย  แล้วความคิดหนึ่งก็แวบข้ามา ผมคิดถึงไอ้ใหญ่ มันอยู่ทางนู้นมันจะมีใครที่คอยดูแลมันรึเปล่า
“เออ...หมู่นี้พี่หนุ่ยหายไปเลยนะ ฝันได้โทรคุยกะเค้าบ้างมั้ย นี่เราโทรไปหาก็ไม่ติดเลย”พออ้อยถามขึ้นมาผมก็เพิ่งนึกได้ว่าไอ้หนุ่ยมันสั่งผมไว้ว่าให้บอกอ้อยว่าไป ทำงานที่ญี่ปุ่น  
“ไอ้หนุ่ยมันไปญี่ปุ่น มันฝากให้บอกอ้อยด้วย ผมก็ลืมสนิทเลย มัวแต่คิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ อ้อยมีอะไรกับมันรึเปล่า”
ถามไปแล้วก็ไม่ได้เพราะว่าหึงนะครับ แค่อยากรู้เท่านั้นเอง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยากรู้ไปทำไม แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมความรู้สึกหวงมันหายไปไหนหมด

“เปล่าหรอก ก็เห็นหายไปปกติพวกเราก็เจอกันแทบทุกอาทิตย์ เลยอดแปลกใจไม่ได้น่ะ แล้วพี่หนุ่ยจะกลับเมื่อไหร่เหรอ เค้าบอกไว้รึเปล่า” อืมม...ผมชักสงสัยมากขึ้นไปอีกว่าอ้อยคิดยังไงกับไอ้หนุ่ย  บางทีความรู้สึกของผมอาจจะถูกก็ได้ที่ว่าอ้อยสนใจไอ้หนุ่ย
“เค้าไม่ได้บอกไว้ กลับมาเมื่อไหร่คงติดต่อมาน่ะอ้อย  แล้วถ้ามันโทรมาผมจะบอกให้โทรหาอ้อยแล้วกัน ดีมั้ยครับ”
อ้อยหัวเราะเขินๆ  แก้อายด้วยการเอามือมาตีแขนผม แล้วบอกผมว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ซีเรียส  แล้วนี่ฝันจะกลับบ้านเลยไหม หรือจะไปไหนก่อน”
“กลับเลยดีกว่า ช่วงนี้แม่ก็ไม่ค่อยสบายไม่รู้เป็นอะไร เห็นบ่นๆปวดขา  ปวดหัว มึนหัว ว่าจะกลับไปดูซักหน่อย”แม่ผมก็เริ่มแก่ลงทุกวันครับ ยังไงวันนี้ผมก็เซ็งๆไม่อยากไปไหน กลับไปอ้อนแม่ดีกว่า

“เหรอ..งั้นก็รีบกลับเถอะ เอางี้ดีกว่าอ้อยตามไปเยี่ยมแม่ด้วยดีกว่า ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว วันนี้อ้อยว่างๆ แต่เดี๋ยวไปซื้อของไปเยี่ยมแม่กันหน่อยดีกว่า”
ตกลงวันนี้ผมเลยต้องไปซื้อของกินกับอ้อยไปเยี่ยมแม่ผมเอง อ้อยเป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ เคยไปที่บ้านบ่อยๆจนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ก็ไม่แปลกอะไรครับ แม่ผมเองก็ดูจะชอบอ้อยอยู่มากเหมือนกัน พี่สาวผมก็ไม่ใช่คนชอบอ้อนแม่ แม่เองก็ชอบที่จะมีลูกสาวอีกคนมาคอยอ้อนเอาใจ  ก็อ้อยเป็นคนน่ารักมีน้ำใจใครอยู่ใกล้ๆแล้วไม่รักก็คงเป็นคนใจแข็งน่าดู

พออ้อยกลับไปแล้วผมถึงเห็นจดหมายของไอ้ใหญ่ที่อยู่ในห้องผม ผมรีบแกะจดหมายของมันออกมามือไม้สั่นด้วยความดีใจ  อยากรู้เหตุผลที่มันหายไปนาน  และความรู้สึกจริงๆก็คือ....ผมคิดถึงมันมาก

“ฝัน....

ขอโทษว่ะที่หายไปนาน พอดีที่บ้านมีเรื่อง  น้องสาวกูกับน้องเขยเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายวัน ก่อนที่จะเสียชีวิตไปทั้งคู่  นี่กูก็เพิ่งกลับมาจากงานเผาศพ เลยไม่มีเวลาเลยจริงๆ แม่ก็มาล้มป่วยลงไปอีกเพราะเสียใจที่น้องกูตาย 
 
มึงเคยคิดบ้างรึเปล่าว่าชีวิตคนมันไม่แน่นอนจริงๆ  น้องกูอายุน้อยกว่ากูตั้ง2ปีกลับต้องมาตายก่อน  กูเริ่มปลงแล้ว มันเกิดขึ้นไวมาก กูไม่มีเวลาแม้แต่จะบอกขอบใจน้องกูเลย มันอุตส่าห์ไม่มาเรียนที่กรุงเทพเพราะจะดูแลพ่อแม่แทนกู อยากให้กูได้มาเรียนที่กรุงเทพฯตามความฝัน แล้วพอกูกลับไปช่วยให้เค้าสบายขึ้น เค้ากลับมาตาย กูไม่รู้จะทำยังไงดีว่ะ มันสับสนไปหมด
กูเหนื่อย  ช่วงนี้กูขออยู่เงียบๆซักพักนะ

 มึงไม่ต้องเขียนจดหมายมาหากู ถ้ากูพร้อมกูจะตอบไปเอง มึงคงไม่ว่ากูนะ
ยังไงกูก็เพื่อนมึง..ไม่ต้องห่วงกู กูเข้มแข็งพอ

ปล.มึงอย่ามาหากูนะ
คิดถึงมึง...กูอยากบอกคำนี้กับมึง.......เผื่อกูจะไม่ได้พูดอีก”
ผมวางจดหมายของมันลงด้วยใจที่หนักอึ้งกว่าปกติ จดหมายของมันมีคราบน้ำตาให้เห็นเป็นจุดๆ ผมรู้ว่ามันร้องให้อีกตามเคย มันคงร้องไห้คนเดียว ใหญ่มันไม่เคยท้อแท้ ไม่เคยบ่น จดหมายของมันแม้จะดูเครียดบ้าง แต่ก็ยังมีมุกตลกสอดแทรกให้ผมได้ยิ้มอยู่เสมอๆ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนกับว่ามันเหน็ดเหนื่อยจนดูเหมือนจะยอมแพ้ให้กับชีวิตไปจริงๆ

 ผมลังเลว่าผมควรจะทำอย่างไรดี ทำตามอย่างที่มันบอกมา ไม่มีการติดต่อใดๆ ไม่เขียนจดหมาย  ไม่ไปหามัน ทิ้งมันไว้ให้อยู่กับตัวเองตามลำพัง  แล้วนับวันรอเวลาให้มันติดต่อมาเอง

ผมถามตัวเองหลายๆครั้งว่า มันจะถูกต้องเหรอ มันสมควรแล้วหรือที่ผมจะทิ้งเพื่อนในช่วงเวลาที่เศร้าใจและหดหู่ไว้คนเดียวแบบนั้น
แล้วผม...จะมีความสุขอยู่คนเดียวแบบนี้ได้ยังไง ผมจะทำได้หรือ
+
+
+
แต่ผมก็เชื่อที่มันพูดว่า...ไม่ต้องห่วงกูเข้มแข็งพอ ผมอยากให้เวลากับมัน
 ผมจะรอ...รอจนกว่าผมจะทนไม่ไหว  แล้วผมจะไปหามันที่เชียงใหม่
****************************
เรามารอด้วยกันค่ะ   :call:


หัวข้อ: Re: (นิยาย)๕๕๕๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๕๕๕๕
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 22-08-2009 14:04:49
เข้ามาอ่านจดหมายด้วยคนนะคับ

แอบเศร้าเหมือนกัน

รออ่านฉบับต่อๆไปนะคับ

ฝัน_ใหญ่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๕๕๕๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๕๕๕๕
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 22-08-2009 16:08:44
  มาลงชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวมาดิทเม้น  

สงสารใหญ่มากๆๆอ่า   เฮ้อ ปัญหาทุกอย่าง ถาโถม แล้วมีความรู้สึกว่า
ใหญ่ต้องมีอะไรที่ยังไม่บอกฝัน อีกเยอะ จึงย้ำนักย้ำหนา ว่าห้ามให้ฝันไปหาตน
โอ้ยยยยย เศร้า เป็นห่วงใหญ่จัง มีอะไรที่ยังปิดบัง :z3:

เฮ้อ...เป็นไงวะเพื่อนฝัน
<< -ขึ้นต้นประโยคก็ถอนหายใจมาเลย เฮ้อออออ  หนักน่าดู

คิดถึงมึง...กูอยากบอกคำนี้กับมึง.......เผื่อกูจะไม่ได้พูดอีก”
>> อย่าพูดเป็นลางอย่างนั้นสิ  :m15:


ส่วนหนุ่ย 55  ไม่อยากให้หนุ่ย คิดอะไรกะอ้อย กร๊ากกกกก จะได้สมน้ำหน้า หุหุ

อยากโลเลจับปลาหลายมือ  ดีที่ฝันไม่ชอบยัยอ้อยแล้ว จากที่ดู ความรู้สึกมันเบาบางลงไปมากแล้ว

 ขอให้ให้ฝันอย่ารอ ตามคำบอกของใหญ่  เดินทางไปให้เห็นกะตาตัวเองเลย  :z3:

 :L2: !+ 1
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๕๕๕๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๕๕๕๕
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 23-08-2009 02:32:28
 :เฮ้อ: สงสารใหญ่จัง เรื่องปัญหาครอบครัวเนี่ย
ถึงเราอยากช่วยแต่คงได้แค่ส่งกำลังใจอ่ะนะคะ
ฝันน่าจะไปหาใหญ่อ่ะนะ จะได้มีคนคอยปลอบและให้กำลังใจ
ที่ฝันพูดอ่ะคงไม่อยากให้ฝันเห็นว่าตัวเองอ่อนแอหรอกเนอะ  :เฮ้อ:


+1 จัดให้คะ  o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๕๕๕๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๕๕๕๕
เริ่มหัวข้อโดย: JkrR ที่ 23-08-2009 04:27:57
ชอบคับ ตะละตอนยาวได้ใจ

ชอบแนวจกหมายด้วย แหะๆ ประมาณว่าชอบเจือกเรื่องชาวบ้าน แหะๆๆ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๕๕๕๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๕๕๕๕
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 23-08-2009 06:52:58
อย่ารอเลยเป็นเราจับเครื่องบินไปหานานแล้ว เง้อ  :sad11:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๕๕๕๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๕๕๕๕
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 23-08-2009 21:37:09
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
เฮ้อเศร้ากว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ
เป็นกำลังใจให้ใหญ่ และคนเขียนนะ แล้วจะรออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๕๕๕๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๕๕๕๕
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-08-2009 21:53:08
จดหมายฉบับหลังๆชีวิตใหญ่ช่างหนักอึ้งเลย
แต่เหมือนใหญ่จะพยายามกันฝันให้อยู่ห่างจากชีวิตของตนเองไปช่วงหนึ่งอยู่ตลอด
อืมมม อ่านแล้วทำไมคิดว่า หนุ่ยจะไม่ได้คิดกับฝันแค่เพื่อนซะแล้ว
ส่วนสาวอ้อยคงชอบหนุ่ยไปแล้วจริงๆ
บวก 1 แต้มให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๑๖.๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๑๖.๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 25-08-2009 10:55:34
วันนี้ขอมาแบบไม่ยาวนะคะ :really2:
***********************
(ตอนที่๖.๑)

“ใกล้บ้าแล้วเหรอมึง...ชวนไปไหนก็ไม่ไป ปล่อยให้กูไปกับน้องอ้อยคนเดียว สอบก็ไม่ได้สอบ งานก็ไม่ได้ยุ่ง เป็นบ้าอะไรว่ะ”
ไอ้หนุ่ยมันชวนผมหลายครั้งแต่ผมก็ปฏิเสธมาตลอดหลายอาทิตย์  จนในที่สุดมันคงสงสัยว่าผมเป็นอะไรแน่  มันบุกมาหาผมถึงที่ทำงานแล้วลากผมไปกินข้าวกลางวัน

“แล้วดูหน้าตามึง  ทำยังกับโดนของ ทำไมมันซีดเซียวขนาดนี้ว่ะ”ผมเอามือลูบหน้าตัวเอง รู้สึกสัมผัสได้เหมือนกันครับว่ามันช่างแห้งผาก กระด้างไปหมดแม้กระทั่งผิวหน้าเลย
“กูนอนไม่หลับ หน้ากูโทรมมากเลยหรือ”เสียงผมยังแทบจะไม่มี

 “มึงไม่โทรมหรอก แค่เหมือนคนป่วยหนักที่น่าจะส่งไปห้องICU ไม่ก็ห้องดับจิต”
ไอ้หนุ่ยยังกวนตีนเหมือนเดิมครับ  เวลาไม่ได้เปลี่ยนคนจริงๆ
“ก็กูกินข้าวไม่ลง นอนไม่หลับ แล้วมึงจะให้กูทำยังไง”
ผมหันไปถามมัน แต่ก็อยากรู้จริงๆครับว่าจะให้ผมทำยังไง ตัวผมเองผมยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นอะไรไป
“อ้าว....แล้วกูจะรู้ไม๊ แล้วทำไมมึงถึงเป็นแบบนี้ล่ะ...หรือว่ามึงอกหักที่อ้อยไปเที่ยวกับกู”

ผมเหล่สายตาไปมองหน้าไอ้หนุ่ย ไม่รู้ว่ามันคิดยังไงที่พูดแบบนี้   พูดจริงๆหรือพูดเล่นกันแน่  แล้วผมก็กลับมาคิดตามคำพูดของมันว่าผมเป็นแบบนี้เพราะเรื่องอ้อยหรือเปล่าผมกำลังใช้ความคิดอยู่ตอนที่ไอ้หนุ่ยมันพูดขึ้นมา
“กูก็มีบ้างที่ไปกับเค้าสองคน แต่มึงสบายใจได้กูไม่ได้คิดกับน้องอ้อยแบบนั้น”

เรื่องที่ไอ้หนุ่ยไปกับอ้อยสองคนเป็นเรื่องใหม่สำหรับผมครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อน เลยออกจะแปลกใจมากกว่า  ที่จริงเรื่องนี้ก็อยู่ในใจลึกๆของผม ผมเองก็อยากถามมันอยู่หลายครั้งว่ามันคิดยังไงกันแน่กับอ้อย แต่พอไอ้หนุ่ยพูดออกมาก่อนแบบนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ดี
“แต่มึงก็หวานใส่เค้าตลอด...ทำ.ทำไม”
ผมถามเพราะผมคิดแบบนั้นจริงๆ ถึงแม้ผมจะรู้ว่าที่ไอ้หนุ่ยมันพูดคุยก็เพื่อความสนุกสนาน ใจไม่ได้คิดอะไร   แต่ใจคนมันห้ามกันยากครับ ผมคบอ้อยมากี่ปีทำไมจะสังเกตไม่เห็นว่าเวลาไอ้หนุ่ยคุยเล่นกับอ้อย  อาการมันออกครับ  ผมออกจะหนักใจแทนอ้อยไม่เบาเมื่อไอ้หนุ่ยพูดแบบนั้น

“ก็...กูก็เป็นแบบนี้..กูเป็นอย่างนี้ตลอด  แต่ความจริงใจกูก็มีให้เต็มร้อยนะเว้ย กูไม่ได้คิดจะหลอกใคร” มันก็ยังพูดไปยิ้มไปตามสไตล์ของมัน
 ผมจะทำอะไรได้ ผมเลยชี้หน้ามัน “มึงอย่ามาทำให้เพื่อนกูเสียใจนะเว้ย กูเอามึงตายแน่” พูดไปแล้วก็รู้สึกเจ็บๆในใจนิดๆ นิดเดียวจริงๆครับ

“กูไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกคนก็เพื่อนกันหมด กูพวกรักสนุกไม่ผูกพัน จริงใจแต่ไม่จริงจัง  กับมึงกูก็ไม่คิดอะไรถึงมึงจะมารักกู กูก็ไม่คิดอะไร มึงรักกู แต่กูไม่ได้รักมึงนี่หว่า”
“เชี่ยแระใครไปรักมึงกัน...” ผมอดใจไม่ไหวขอด่ามันไปหน่อย
“แต่....มึงกำลังจะบอกว่า ถ้าใครมารักมึงก็เรื่องของเค้าไม่ใช่เรื่องของมึงงั้นซิไอ้หนุ่ย”
 ถ้าเพื่อนที่เรารักคิดแบบนี้กับเพื่อนของเรา เราจะทำยังไงดีครับ เรื่องมันชักหาทางออกไม่ได้ แต่ผมคิดไปคิดมามันก็ไม่ใช่เรื่องของผมเหมือนกันนี่นา  หรือมันไม่ใช่เรื่องโดยตรงก็เรื่องอ้อมๆ

“ช่ายยย...ที่สุด  ก็ไม่ใช่เรื่องของกูจริงๆนี่”ไอ้หนุ่ยยักไหล่ทำท่าไม่แคร์
“ แต่กูว่ากูลากมึงมาแดกข้าวฟรีนี่...กูจะถามมึงว่าเป็นอะไร  ไม่ใช่ให้มาถามเรื่องกูนะ อย่ามาเบี่ยงเบนประเด็น”
ผมจะบอกมันได้ยังไงในเมื่อผมเองยังไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ผมเบื่อไปหมด ไม่มีอารมณ์อยากทำอะไร ไปไหน หรือแม้แต่หายใจผมก็ยังเบื่อ

“กูไม่ได้เป็นอะไร แค่เบื่อๆ เซ็งๆ ไม่มีเหตุผล”ผมยกกาแฟขึ้นมาจะดื่มแล้วก็ไม่อยากดื่ม วางลงไปเฉยๆ  ข้าวนั่นวางช้อนไปตั้งแต่คำแรกแล้ว กินไม่ลง เบื่ออาหาร เบื่อๆๆๆ....
“มึงนี่ท่าจะเป็นเอามาก  หรือว่ามึงอกหัก ใครมาหักว่ะ หวังว่าไม่ใช่กูนะ กูบอกมึงแต่แรกแล้วนะ กูไม่สนมึง”
“เชี่ยยยย......น่ารักตายอ่า....หลงตัวเอง...” ผมเอามือเขี่ยข้าวในจาน แล้วก็ถามตัวเองอีกบ้างว่าผมเป็นอะไร

ไอ้หนุ่ยส่ายหัว “กูดูแล้วนะ มึงต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ แต่มึงไม่บอกกูเอง เล่ามาซิถ้ายังคิดว่ากูเป็นพี่เป็นเพื่อนมึง อย่าให้ต้องใช้กำลังกัน”ไม่ทันระวังตัวไอ้หนุ่ยมันเอื้อมมือมาตบหัวผมหน้าเกือบคว่ำลงจานข้าว
“เฮ้ยย...เล่นแรงนะมึง..เล่นกันเจ็บๆเกิดกูคออ่อนหน้าทิ่มจานไปใครรับผิดชอบกู..เล่นไรบ้าๆกลางร้านอาหาร”
ผมยังคงบ่นพึมพำๆ ไอ้หนุ่ยมันหัวเราะเบาๆ
 “เออหน้าไม่ทิ่มลงไปแสดงว่ามึงยังมีสติอยู่บ้าง เล่ามาอย่าให้ช้า กูยิ่งไม่ค่อยมีเวลา”

“กูไม่รู้จะเริ่มยังไง...เรื่องคนอื่นแท้ๆเลย”จริงๆคือผมไม่อยากเล่ามากกว่า ไม่รู้จะเล่าไปเพื่ออะไร ไอ้หนุ่ยกอดอกขมวดคิ้ว ถามเสียงเครียด“ใครกัน...เรื่องใคร”
“เพื่อนกู มันมีปัญหา จดหมายมาก็ดูหดหู่ เศร้าหมอง แต่มันห้ามไม่ให้กูไปปลอบมัน แต่กูก็ห่วงมันอยู่ดี”
“เค้าเป็นอะไร  อกหักเหรอ”ไอ้หนุ่ยก็ยังสงสัยได้อีก

“เปล่า...คิดว่าไม่นะ พอดีพ่อแม่ป่วย น้องสาวน้องเขยตาย มันคงเหงาด้วย...อยู่ไกล ไม่มีเพื่อน”
ในใจผมบอกว่า ไม่มีผมอยู่มันคงเหงาน่าดู ผมเผลอถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ผมเหลือบตาขึ้นมาเห็นไอ้หนุ่ยมันมองหน้าผมอยู่ แล้วมันก็บอกว่า
 “คงเป็นเพื่อนรักมึงมากนะ เพื่อนคนนี้”

 ผมพยักหน้าหงึกๆหลายๆครั้ง “กูเป็นห่วงมัน มันเหมือนน้องกู”ไอ้ใหญ่มันเป็นยิ่งกว่าเพื่อนสำหรับผม
“มึงก็ไปปลอบเค้าซิ มานั่งหน้าโทรมเป็นหมาป่วยทำไม หึหึ”
“เอ๊า..ก็บอกอยู่ว่ามันไม่ให้ไปปลอบ  อย่ามาทำเป็นจำไม่ได้ ยังไม่แก่เลยนะมึง”
ผมเผลอตักข้าวมาทานช้อนนึง จืดชืดสิ้นดีกินไม่ลง ต้องวางช้อนลงไปอีกครั้ง

“กูว่ามึงคิดซับซ้อนไป....เค้าไม่สบายใจบอกไม่ให้มึงไป มึงก็โง่ไม่ไป แต่ก็มาทำหน้าอย่างกับคนจะตาย  บ้าหรือเปล่า”
ผมไม่เข้าใจที่มันพูด”กูซับซ้อนยังไง ก็เค้าไม่สบายใจอยากอยู่คนเดียว  กูก็อยากให้เค้าดีขึ้นก่อน แล้วกูค่อยไปหา ก็ถูกแล้วนี่”
ไอ้หนุ่ยสบถเบาๆ “ไอ้ดื้อเอ๊ย..ทั้งดื้อทั้งโง่ ทั้งซื่อ มึงจะตรงไปถึงไหน”
“ก็พูดอยู่นี่ไง  เราเป็นห่วงก็ไปปลอบเค้า จะมารออะไรล่ะ คิดอะไรให้มันง่ายๆหน่อย”  ผมเงยหน้ามองหน้าไอ้หนุ่ย มันยักคิ้วยิ้มกวนๆให้ผม  “เข้าใจรึยัง...... ไปหาเค้าซะ”

ผมพยักหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ “เข้าใจแล้วว่ะ...พี่หนุ่ย หึหึ”
จริงของไอ้พี่หนุ่ยครับ ผมห่วงมันขนาดนี้ กังวลขนาดนี้ ทรมานใจมากมาย แล้วไอ้ใหญ่เองก็คงไม่ได้ดีไปกว่าผม มันคงกำลังทุกข์ใจอย่างหนัก แล้วผมไปคิดอะไรให้มากมายทำไม

ผมบอกกับไอ้หนุ่ยไปว่า“พรุ่งนี้กูจะไปลางาน ไปหามันดีกว่า ขอบใจว่ะมึงสำหรับคำแนะนำ”
ไอ้หนุ่ยขยับจานกับข้าวมาให้ผม ตักน้ำแกงให้แล้วบอกว่า
“ก็แค่นั้น...คราวนี้ก็กินข้าวซะ ผอมจนจะกลายเป็นซากอยู่แล้ว กูเลี้ยงก็ได้ ถือว่าให้ข้าวหมาหงอย หึหึ”
********************************
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๑๖.๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๑๖.๑
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 25-08-2009 11:07:47
นั่นสิคิดอะไรให้ยาก

ว่าแต่เรื่องอ้อยกับหนุ่ยนี่ของเรื่องของเค้าสองคนจริงๆนั่นแหละ  :z10:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๑๖.๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๑๖.๑
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 25-08-2009 11:40:36
 :m1: อาการห่วงใหญ่เป็นเอามานะเนี่ย นายฝัน
มีเพื่อนจุดประเด็นเข้าหน่อย ฮึดเลยทีเดียวไปหาเพื่อนนะ
ทำตามที่ใจต้องการจะไปยากอะไร ใหญ่มันคงไม่ไล่ตะเพิดออกมาหรอกครึๆ
จะมาซบอกร้องไห้หนะสิไม่ว่า เฮ้อออออออ
ส่วนอิพี่หนุ่ย เหอะๆๆ พี่หนุ่ยรักทุกคนสินะ คอนเซปต์เฮียเค้าเนี่ย
พูดไรตรงๆเกิ๊น ไม่ใช่เรื่องของกรู แต่ว่าอ้อยนี่คิดไปลึกแค่ไหนกันแล้วนะ

+1 จัดให้นะคะ   :กอด1: :man1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๑๖.๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๑๖.๑
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-08-2009 01:26:48
 :impress2: :impress2:
จะได้เจอกันไหมน๊า ใหญ่จะว่าไงถ้าอยู่ๆฝันโผล่ไปหาถึงที่นะ
อยากจะรู้ใจจะขาดลุ้นๆ
แล้วจะรออ่านต่อนะคราบ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๑๖.๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๑๖.๑
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 26-08-2009 03:04:11
ฝันคิดมากเนอะ
แต่ใหญ่อาจคิดมากกว่า
สำหรับหนุ่ยเนี่ย ยังไงไม่รู้ น่าจะไ่ม่ได้คิดกับฝันแบบธรรมดาซะแล้วหละมั้ง
บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๑๖.๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๑๖.๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 26-08-2009 04:52:58
 :mc4: ตามไปเล้ยยยยย

หนุ่ยเยี่ยมมากก o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๒๖.๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๒๖.๒
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 27-08-2009 17:44:34
ขอบคุณสำหรับทุก+และทุกรีพลายค่ะ :L2: เป็นกำลังใจอย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ
******************************
(ตอนที่ ๖.๒)
วันรุ่งขึ้นผมก็เสนอหน้าไปลางานอีกหน โดยอ้างความจำเป็นที่ว่าผมกำลังป่วยหนักต้องไปหาหมอ
ใครจะไปบอกละครับว่าไปต่างจังหวัด หัวหน้ามองหน้าผม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“หน้าตาคุณตอนนี้ดูไม่ได้เลย ไปหาหมอก็ดีเหมือนกัน ท่าทางจะไม่สบายเอาจริงๆ โทรมดูไม่ได้ขนาดนี้ไปหาลูกค้าก็คงไม่ดี  งั้นพรุ่งนี้ก็ลาไปหาหมอซะ แต่ถ้าไม่เป็นอะไรก็รีบกลับมาทำงานแล้วกัน”
ไม่วายบอกให้กลับมาทำงานต่อจนได้หัวหน้าผม ไม่ค่อยโหดเลยจริงๆ  แต่ผมก็ไม่โทษแกหรอกครับช่วงนี้งานยุ่งจริงๆ  แล้วผมก็โกหกแกด้วยเรื่องป่วยเลยถือว่าเจ๊าๆกันไป

“ฝันให้เราไปหาหมอเป็นเพื่อนมั้ย ไหวรึเปล่า”อ้อยก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิม  เป็นห่วงคนอื่นเสมอๆ ทั้งที่คนอย่างผมก็ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่
“ไม่ต้องหรอกอ้อย ขนาดผมกว่าจะลาได้ยังยาก จะลากอ้อยให้ไปยุ่งยากทำไมกัน ผมไม่เป็นไรจริงๆ เดี๋ยวก็กลับมาทำงานต่อได้”  
 ผมไม่ได้บอกอ้อยเรื่องที่ผมจะไปเยี่ยมไอ้ใหญ่ แล้วก็กำชับไอ้หนุ่ยว่าไม่ต้องบอกอ้อย ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ครับ ก็แค่เพื่อนเยี่ยมเพื่อนเท่านั้นเอง

ผมกะว่าผมจะไปรถทัวร์ตอนกลางคืนก็ไปถึงเช้าพอดี พอเย็นก็กลับ ก็ลางานแค่วันเดียว ถึงจะเหนื่อยไปหน่อยแต่ก็ขอให้ได้ไปจะดีกว่า ผมจะได้เลิกอึดอัดใจแบบนี้ วันนี้ผมเลยทำงานด้วยใจที่กระชุ่มกระชวย รู้สึกคึกคักเป็นพิเศษโดยไม่รู้สาเหตุ จนหัวหน้าอดแปลกใจไม่ได้เดินมาถาม
“ตกลงคุณหายแล้วหรือเนี่ย ดูท่าทางสดชื่นดีนี่ ตกลงต้องไปหาหมอรึเปล่า” ผมเกือบๆจะเกลียดหัวหน้าแล้วครับ ดีที่หัวหน้าพูดต่อขึ้นมาว่า “แต่ยังไงก็หาหมอให้รู้เรื่องเถอะ  อาการกลับไปกลับมาไม่แน่นอนแบบนี้ ไม่น่าไว้ใจ” โล่งอกไปครับ กลัวหัวหน้าจะจับได้จริงๆ

คืนนั้นผมขึ้นรถไปด้วยความตื่นเต้น ผมไม่ได้เจอไอ้ใหญ่นานแค่ไหนแล้วนะ ผมนับดูไม่ถึงปีหรอกครับแต่ทำไมรู้สึกเหมือนนานแสนนาน ผมคิดวนเวียนไปมา
ไอ้ใหญ่มันจะดีใจรึเปล่าที่ผมไปหามัน
ผมจะทักมันว่าอะไรดี
ผมจะปลอบใจยังไงไม่ให้มันร้องไห้
ผมจะพูดจะคุย จะเล่าเรื่องอะไรดีให้มันฟัง
แล้ว.....มันจะดีใจเหมือนที่ผมดีใจหรือเปล่าที่ได้เจอกัน
มันจะ..คิดถึงผมมั้ย  
ผมคิดจนเผลอหลับไปโดยสิ่งที่ติดอยู่ในความจำของผมคือหน้าเปื้อนรอยยิ้มของมันที่ส่งมาให้ผมในรูปที่มันส่งมาคราวก่อน

อากาศยามเช้าของเชียงใหม่ปลุกให้ผมตื่นก่อนที่จะถึงสถานี อากาศตอนตี5 ยังคงหนาวไปสำหรับคนกรุงอย่างผมอยู่ดี   ท้องผมเริ่มร้องอุทธรณ์ด้วยความหิว เมื่อวานเย็นอาหารกล่องที่แจกบนรถทัวร์คงย่อยไปหมดแล้ว  หรือว่าผมเครียดเกินไปจนน้ำย่อยมันหลั่งออกมามากไปก็ไม่รู้  

ผมยื่นที่อยู่ของไอ้ใหญ่ให้รถรับจ้างแถวท่ารถทัวร์ดู คนขับดูเข้าใจเป็นอย่างดี
 “แต่ไกลหน่อยนะพี่  ไปกันเลยหรือว่าพี่จะไปไหนก่อนมั้ยครับ” ผมยกข้อมือดูเวลาเพิ่งจะตี5กว่าๆยังไม่ถึง6โมงดี ออกจะลังเลว่าเช้าไปหรือเปล่า แต่ใจก็อยากเจอมันให้เร็วที่สุด ผมส่ายหน้ากับคนขับรถ
 “ไม่ไปไหนหรอก ไปตามที่อยู่เลยน้อง”
   
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงรถก็มาจอดหน้าร้านของไอ้ใหญ่   เป็นตึกแถวร้านขายของขนาด2คูหา อยู่ไม่ไกลจากชุมชนมากนัก เวลาเพิ่งจะหกโมง ร้านจึงยังไม่เปิดผมเลยตัดสินใจเดินไปตลาดที่อยู่ใกล้ๆหาอะไรกินรองท้องก่อน  แล้วกลับมาใหม่ตอนหกโมงครึ่ง ผมนั่งรออยู่หน้าร้านไม่อยากจะไปกดกริ่งรบกวนคนที่ยังไม่ตื่นนอน

 เมื่อก่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยไอ้ใหญ่เป็นคนตื่นสาย ถ้าไม่9โมงมันเป็นไม่ยอมตื่น ถ้ามีชั่วโมงเรียนเช้าวันไหนผมต้องมามหาวิทยาลัยเช้ากว่าเดิมเพื่อขึ้นไปปลุกมันที่หอทุกครั้ง นึกแล้วก็ยังแปลกใจตัวเองไม่หายว่าช่างมีความอดทนกับมันจริงๆ เพื่อนคนอื่นปลุกมันก็ไม่ยอมลุกด้วยต้องเป็นผมเท่านั้น จนเพื่อนๆยังล้อกันว่าไอ้ใหญ่ต้องจ้างผมไปเป็นนาฬิกาปลุกให้มันตลอดชีวิต

ผมคิดนู่นนี่จนเพลินไม่รู้ตัวว่ามีคนลงมาเปิดร้านแล้วและคงสงสัยว่าไอ้คนนี้มันเป็นใครมานั่งอยู่หน้าร้าน
ผมรีบลุกขึ้นแล้วบอกกับเด็กหนุ่มที่มาเปิดร้านที่กำลังทำหน้างงๆอยู่
 “ผมมาหาอะไอ้..เอ๊ยย..คุณใหญ่ครับ ผมเป็นเพื่อนมาจากกรุงเทพ”
 เด็กหนุ่มเปิดรอยยิ้มกว้างให้ทันที “อ้อพี่ฝันนี่เอง มิน่าหน้าคุ้นๆผมจำได้...เสี่ยยังไม่ตื่นเลยครับ จะฮื้อผมขึ้นไปตามหรือว่าปี้จะขึ้นไปหาเสี่ยเอง”
ผมถึงกับงงเด็กคนนี้มารู้จักชื่อผมได้จะได เอ๊ยยได้ยังไง แต่เรื่องนี้ช่างมันไว้ก่อนอยากเจอหน้าเพื่อนมากกว่า แสดงว่ามันยังคงไม่ทิ้งนิสัยเดิมๆคือเป็นคุณชายตื่นสาย

“ไปหาเองเลยดีกว่า พาผมไปทีน้อง”ไอ้หนุ่มนี่ก็ดีครับเรียกคนอื่นมาเปิดประตูร้านต่อแล้วพาผมขึ้นบ้านทันที  ผมอดขำว่ามันช่างไว้ใจคนง่ายจริงๆถ้าผมเป็นโจรมิตีหัวมันแล้วขโมยของไปหมดบ้านแล้วเหรอเนี่ย
“แล้วพ่อแม่ของใหญ่ ยังไม่ตื่นเหรอ พี่จะได้ไปไหว้ก่อน”ผมถามไอ้หนุ่มน้อยเบาๆ คิดว่ายังไงถ้าไปไหว้ผู้ใหญ่ก่อนท่าจะดีมีมารยาท
“ตื่นแล้วมั๊งครับ แต่ยังไม่ออกมาจากห้อง”
“อืม..เหรองั้นไปหาใหญ่เลยก็ได้”ผมเลยเปลี่ยนใจตรงไปที่ห้องไอ้ใหญ่เลย เด็กหนุ่มชี้ห้องให้ผมแล้วก็ขอตัวลงไปเปิดร้านก่อน
“ตามสบายนะพี่ฝัน” ผมหัวเราะกับตัวเอง ไอ้นี่มันมาสนิทสนมเรียกผมเป็นพี่  มาเป็นน้องเป็นนุ่งกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่นี่

ผมค่อยๆบิดลูกบิดประตูกลัวจะส่งเสียงดังทำให้เพื่อนตื่น แล้วค่อยๆเดินย่องเข้าไปในห้อง  แสงสว่างจากภายนอกลอดผ้าม่านเข้ามาในห้องทำให้พอมองเห็นสภาพภายในห้องชัดเจน ด้านหนึ่งเป็นชั้นวางหนังสือมีหนังสืออยู่เต็มไปหมด แต่หนังสือคงเยอะมากจนไม่มีที่จะวาง เลยมีหนังสืออีกหลายกองที่ยังวางอยู่ที่พื้น ข้างชั้นหนังสือมีโต๊ะทำงานอยู่มีสมุดกระดาษวางระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ  ก้อนกระดาษขยำทิ้งอยู่บนพื้นหลายก้อน  ผมเลยเดินไปหยิบทิ้งลงถังขยะ ด้วยความรำคาญ  ได้แต่ส่ายหัวแล้วบ่น“รกจริงๆเลย”

ผมไล่สายตามองสำรวจต่อ เตียงนอนอยู่ชิดริมหน้าต่าง แสงสว่างส่องเป็นลำมาที่หน้าไอ้ใหญ่แต่มันก็ยังคงไม่ยอมตื่นอยู่ดี   ท่านอนขดคุดคู้อยู่บนเตียงเป็นท่านอนของมันที่ผมเห็นจนเจนตา ผมเข้าไปยืนมองมันใกล้ๆ ไอ้ใหญ่ผมยาวขึ้นอีกนิดหน่อย ผมว่ามันผอมลงไปเยอะแก้มมันดูซูบไป  เห็นปากมันขยับบ่นอะไรเบาๆแต่ก็ยังไม่ตื่น ดูแล้วก็ขำ ชายผ้าห่มเปิดให้เห็นขาของมันที่โผล่พ้นออกมา มันก็ยังคงใส่บ๊อกเซอร์นอนเหมือนเดิม ขาขาวๆของมันดูจะซีดไปกว่าเดิมด้วยซ้ำไป เสียงลมหายใจของมันยังคงสม่ำเสมอ ผมกำลังจะเอื้อมมือไปปลุกมันเหมือนเคยๆแต่ก็คงค้างมือไว้อย่างนั้น   ก็ผมไม่อยากขัดความสุขจากการนอนของมัน

ผมเปลี่ยนใจเป็นเดินดูรอบๆห้องมันอีกครั้ง แล้วมาหยุดนั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วก็หายสงสัยว่าทำไมไอ้หนุ่มคนที่เปิดประตูมันถึงจำผมได้  
รูปของผมกับไอ้ใหญ่ที่ถ่ายที่มหาวิทยาลัยวันรับน้องตอนปี3 ผมเอาแขนเกี่ยวล็อคคอมันไว้แล้วโน้มตัวมันลงมาเพื่อทำท่าจะหอมแก้ม  ไอ้ใหญ่เปิดรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันหมดปาก  ดูทีไรก็อดยิ้มไม่ได้ เหมือนยังได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนๆที่ส่งเสียงเชียร์ในวันนั้นแว่วเข้าหูมา

บนโต๊ะมีกระดาษเขียนจดหมายวางอยู่ แต่เหมือนเขียนไม่จบค้างอยู่แค่ครึ่งๆ  ผมเกือบจะละความสนใจในข้อความตรงหน้า ถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นว่ามีชื่อของผมอยู่ในนั้น  มันเป็นจดหมายที่ไอ้ใหญ่เขียนถึงผมนี่นา ผมยอมเสียมารยาทอ่านจดหมายของคนอื่น ไม่ใช่ซิมันเป็นจดหมายของผมอย่างแน่นอนที่สุด ผมก็ต้องมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะอ่าน....มั๊ง

ฝัน....
   กูต้องพยายามอย่างมากที่จะผ่านวันคืนที่เหงาไปให้ได้โดยไม่มีมึง  กูยังต้องหักห้ามใจไม่ให้เขียนจดหมายไปหามึง ทั้งที่ปากกูก็บอกว่ามึงอย่าเขียนมาหากู แต่กูก็อยากอ่านข้อความปลอบใจจากมึง  มึงว่ากูเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจอยู่บ่อยๆ กูชักเริ่มรู้แล้วว่าที่มึงพูดมันคงจะจริง  
   
บางทีกูก็รู้สึกว่าทำไมเรื่องร้ายๆปัญหาซ้ำๆซากๆมันต้องมาเกิดขึ้นกับกูคนเดียว  แล้วที่แย่ก็คือกูต้องเป็นคนตัดสินใจเสียทุกเรื่อง มึงรู้มั้ยว่ากูต้องพยายามทำตัวเข้มแข็งแค่ไหน ทั้งที่ในใจกูกลัวตลอดเวลา  กูไม่มั่นใจแต่ก็ต้องพยายามทำเป็นมั่นใจ กูไม่แน่ใจแต่ก็ต้องทำเป็นแน่ใจ  กูอยากร้องไห้แต่ก็ต้องกลั้นน้ำตาไว้ กูไม่อยากยิ้มแต่กูก็ต้องพยายามยิ้ม แต่กูบอกกับใครไม่ได้  

กูดีใจที่มีสิ่งหนึ่งที่กูทำได้  ก็คือการเขียนจดหมาย  กูเขียนจดหมายระบายได้เต็มที่เพราะกูรู้ว่ายังไงกูก็ไม่ส่งถึงมึงแน่ๆ  กูคงไม่เอาความอ่อนแอของกูไปตีแผ่ให้ใครๆฟังแน่ๆ มันคงจะอยู่ในใจของกูคนเดียว   กูอายว่ะฝัน แล้วกูก็ไม่อยากเอาความทุกข์ในใจของกูไปให้มึงต้องมาเครียดไปอีกคน

 มึงอย่าบอกนะว่ามึงไม่เครียด กูไม่เชื่อ มึงมันใจดีเกินไป ใจอ่อนเกินไป เห็นใจคนเค้าไปหมดทุกเรื่อง กูรู้ขนาดนี้แล้วยังจะเอาความทุกข์ของตัวเองไปใส่ให้มึงอีก กูก็คงไม่มีสิทธิพอที่จะเป็นเพื่อนรักของมึงแล้ว

กูอยากเจอมึงว่ะ...ฝัน กู..คิดถึงมึง...
ผมอ่านข้อความของมันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ละสายตาจากจดหมายแล้วเหลือบมองไปที่ไอ้ใหญ่    มันคงอยู่ในช่วงที่กดดันและอ่อนแอช่วงหนึ่งในชีวิต  คนอายุ20ต้นๆยังเด็กเกินไปที่ต้องมารับผิดชอบชีวิตคนป่วยสองคน และรับกิจการโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจมาก่อน หรืออาจจะมีเรื่องอื่นที่ทำให้มันกลุ้มใจแต่ผมไม่รู้อีกก็ได้

ผมเดินไปหาไอ้ใหญ่ที่นอนอยู่  ผมค่อยๆนั่งลงไปบนเตียง...ลูบหัวมันเบาๆ  เส้นผมของมันยังคงนุ่มมืออยู่เสมอ ไอ้ใหญ่คงจะชอบให้ผมลูบหัว  มันเลยเอาหัวขยับไปมาในมือผมเหมือนลูกแมวกำลังอ้อนอย่างไรอย่างนั้น  หน้าไอ้ใหญ่เหมือนเด็กผู้ชายตัวโตๆวัยซนมากกว่าที่จะมาเป็นเสี่ยเจ้าของร้าน

 ผมแกล้งเอามือบีบจมูกปลุกมันเหมือนเมื่อก่อน  ไอ้ใหญ่เอามือปัดมือผมออกบ่นงึมงำๆ“ไอ้ฝัน เอาอีกแล้วแกล้งกู...”
 แต่ตายังไม่ยอมลืมครับ มันคงเผลอปากไป ผมแกล้งปล่อยแล้วบีบอีกที มันทำตายุกยิกเหมือนจะตื่นแต่ก็ยังไม่อยากตื่น ปากบ่นพึมพำๆ พอผมปล่อยมือเลิกแกล้งมันก็หลับต่อ

ผมตัดสินใจปล่อยให้มันนอนต่อไป แล้วมานั่งที่โต๊ะมันใหม่อีกครั้ง แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ผมหยิบก้อนกระดาษที่ผมทิ้งลงถังขยะมาคลี่ดูอีกครั้ง   แล้วก็เห็นว่ามันเป็นจดหมายที่ไอ้ใหญ่เขียนหาผมแต่เขียนไม่จบ หลายฉบับ บางฉบับก็มีแต่คำขึ้นต้นแล้วก็รอยกาแฟหกใส่ บางฉบับเขียนไปครึ่งหนึ่งก็มีแต่รอยน้ำตาเป็นหยดๆ  แต่รวมๆแล้วก็เป็นถ้อยความคล้ายๆกับจดหมายฉบับที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ

ผมนั่งคิดอะไรเงียบๆเกี่ยวกับจดหมายพวกนี้ ถ้าเราเขียนอีเมลล์คุยกัน แล้วเขียนผิดเราก็คงลบมันไปหมดแล้ว ถ้าผมมาที่นี่ผมก็คงไม่เห็นสิ่งที่ไอ้ใหญ่มันเขียน คงไม่รู้ว่าใจของมันตอนนี้คิดอะไรขนาดไหนกัน  หรือนี่มันคือเสน่ห์ของการเขียนจดหมายกันแน่  ไม่ว่านานแค่ไหนเนื้อความในจดหมายก็ยังคงอยู่  เหมือนความจริงที่มันอยู่เสมอไม่เคยถูกลบเลือนไปหรือไม่สามารถซ่อนจากใจของเพื่อนผมไปได้

 ผมถือวิสาสะเปิดลิ้นชักของไอ้ใหญ่ดู  ออกจะเสียมารยาทอยู่สักหน่อย แต่ผมก็บอกตัวเองว่ามันจะมีความลับอะไรนักหนากัน อีกอย่างผมกับมันก็เพื่อนสนิทกัน  ถ้ามันจะโกรธอย่างมากมันก็คงด่าผมแค่นั้นเอง คงไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น แล้วแค่เรื่องด่าหรือจะมาปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นของผมไปได้

ใหญ่เก็บจดหมายของผมอย่างดีในลิ้นชักกลาง  กระดาษยับย่นไปหมดเหมือนถูกเปิดอ่านหลายครั้ง ผมอ่านจดหมายตัวเองอีกรอบแล้วก็ขำสิ่งที่ตัวเองเขียนมา  เวลาของผมผ่านไปอย่างช้าๆกับจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่า  ไม่น่าเชื่อว่าเราเขียนคุยกันมากมายขนาดนี้  กว่าผมจะรู้ตัวว่า 7โมงกว่าแล้วก็ตอนที่ผมพักสายตาบิดตัวเพื่อคลายเมื่อย  แล้วเหลือบมาเห็นสายตาของไอ้ใหญ่ที่มองผมอยู่อย่างเงียบๆ  ผมไม่รู้ว่าไอ้ใหญ่มองผมนานแค่ไหนแล้ว แต่แววตาของมันยังคงเหมือนเดิม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ได้เจอกันแล้วนะ :really2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๒๖.๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๒๖.๒
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 27-08-2009 17:51:00
อะลัลลาาา เจอกันแล้ว  :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๒๖.๒ จดหม
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 27-08-2009 18:22:07
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดีใจจังที่ฝันกลับมาอ่านซากอารยธรรมของจดหมายที่
ใหญ่เขียนไว้เพื่อระบายแต่ไม่ได้ส่ง นี่แหละเสน่ห์ของจดหมายคือ หลักฐานมัดตัวคนก่อ เอิ๊ก
ส่วนนุ้งใหญ่ เซอร์ไพรส์มั๊ย อิอิ มอนิ่งคิสหน่อยเป็นไง :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: เอาให้เหม็นน้ำลายบูด
ตายไปเลย เนอะๆๆๆ :m3:
ส่วนนุ้งฝัน โดนเจ้าของเค้าจับได้แล้นว่าแอบดู แต่ว่าก้อนะ
ความเป็นเพื่อน และความรู้สึกที่ท่วมท้นของนุ้งใหญ่ มันแสดง
ออกผ่านสายตาคู่นั้นนี่เอง ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยจริงๆชิมิ แววตาของความรักเืพ่อน :กอด1:

+1 จัดให้คะ  o13 เลิศ!!~ ได้เจอกันแล้วสินะ ดีใจจัง
ปล. เจ้านายฝันนี่ สุดๆจริงๆจะไร้น้ำใจไปไหนเนี่ย เหอะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๒๖.๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๒๖.๒
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 28-08-2009 00:18:20
 :z3: :z3: :z3:
ค้างได้ใจมากครับคุณคนเขียน
ไม่รู้ว่าใหญ่จะรู้สึกอย่างไรบ้าง
เมื่อเห็นเพื่อนมาหา แต่เค้ากลับถือวิสาสะเปิดดูของตามใจชอบ
แล้วเรื่องจะเป็นเช่นไรจะรออ่านต่อ
นิว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๒๖.๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๒๖.๒
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 28-08-2009 00:27:41
ได้พบเจอกันเสียที
และฝันยังได้รับรู้ความรู้สึก และความทุกข์ของใหญ่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ตอนต่อไปจะเป็นยังไงหนอ
เมื่อเพื่อนรักสองคนที่จากกันไปเกือบปีได้มาพบกันอีกครั้ง
บวก 1 แต้ม ขอบคุณนะคะ รออ่านต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๒๖.๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๒๖.๒
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 28-08-2009 11:15:26
ได้พบกันสักที พอได้อ่านจดหมายฉบับนี้ของใหญ่ ฝันต้องเสียใจแน่ถ้าไม่ได้จับรถมาหาถึงเชียงใหม่ คิดอะไรต้องลงมือทำเลยเนอะ ปล่อยเวลาผ่านไปโดยไม่ทำอะไรมีแต่จะทำให้เราเสียดายและเสียใจ

เพื่อนใหญ่ลัลล้าแน่เลยงานนี้
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๖.๒๖.๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๖.๒๖.๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 28-08-2009 15:13:55
เย้ๆๆๆ เจอกันแล้ว :mc4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๗๗๗๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๗๗๗๗
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 28-08-2009 19:07:01
พอดีจะไม่อยู่หลายวันเลยมาลงก่อนค่ะ กลัวคนอ่านลืม  :3123:
************************************
(ตอนที่ ๗)

แล้วไอ้ใหญ่ที่ผมเห็นก็กำลังร้องไห้ น้ำตาของมันไหลรินลงเปียกหมอน มันกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาออกไป   
ผมเดินไปหามันอย่างช้าๆนั่งลงที่เตียงแล้วเอามือเช็ดน้ำตาที่แก้มให้มัน ไอ้ใหญ่ขยับหัวจากหมอนมาวางบนตักผมแล้วเริ่มต้นร้องไห้เงียบๆใหม่อีกรอบ
 “ใหญ่ร้องไห้ทำไม....หรือเสียใจที่เห็นกูมา”
ผมถามมันอย่างที่ตัวผมเองยังรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเสียงของผมช่างอ่อนโยนกับเพื่อนได้ขนาดนี้ แล้วผมก็เอามือลูบหัวปลอบมัน

 “กูดีใจต่างหากล่ะ..ตอนที่มึงนั่งเฉยๆกูยังนึกว่ากูฝันไป  แต่พอมึงหันหน้ามามองกู กูรู้ทันทีว่ากูไม่ได้ฝัน...มึงเป็นตัวจริง”
มันพูดไปสะอื้นไป  เสียงอู้อี้ ทำอย่างกับเห็นผมเป็นวิญญาณที่ตายแล้วครบ7วันกลับมาเยี่ยมญาติ

 ผมพูดอะไรไม่ออกแต่ปฏิกิริยาของมันที่มีต่อการมาของผมก็คงบอกได้แล้วว่า  มันรู้สึกอย่างไรกับผม ความผูกพันของเรามันมีมากมายเกินกว่าที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดใดๆได้ มือของผมยังคงลูบหัวมันต่อไป ผมให้ไอ้ใหญ่มันปลดปล่อยน้ำตาออกมาเต็มที่ 

ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเศร้าขนาดนี้  แต่แค่ผมมาอยู่ข้างๆมัน ให้มันได้ร้องไห้  ไม่ต้องเก็บทุกสิ่งอย่างไว้กับตัวเองตามลำพัง ผมก็พอใจแล้ว ไม่มีคำพูดปลอบประโลมใจใดๆระหว่างผมกับมัน  ผมรับรู้ด้วยหัวใจถึงความเศร้าที่ฝังลึกอยู่ในใจมัน ขณะที่ไอ้ใหญ่เองก็คงสัมผัสความหวังดีและเป็นห่วงของผมผ่านทางมือที่ลูบหัวมันอยู่

พอมันร้องไห้จนพอใจแล้วมันก็เอามือปัดมือผมออกจากหัวมัน แล้วลุกขึ้นนั่งมองหน้าผมถามเสียงสั่นๆทันที
“มึงมาทำไม มาได้ไง ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมา”
ผมขำกับอาการเขินของมัน เมื่อสักครู่ยังร้องไห้กับตักผมสะอึกสะอื้น แต่พอตั้งตัวได้ก็กลับมากวนเหมือนเดิม ทำหน้าตาแปลกๆจะยิ้มก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง ทั้งที่คราบน้ำตายังเปรอะแก้ม พอผมไม่ตอบเอาแต่อมยิ้ม ไอ้ใหญ่คงทนไม่ไหวมันมาเขย่าไหล่ผมแรงๆ  ท่าทางโมโหผม
“ทำไมไม่พูดยิ้มอยู่ได้  ขำบ้าอะไรนักหนาว่ะ”

ผมขำกับท่าทางมันจนในที่สุดก็ต้องตอบมันไป “ก็ขำมึงไง ท่าจะเพี้ยนไปแล้ว ไม่เจอกันไม่นาน ประสาทกลับไปแล้วมั๊ง”
 ผมเอามือเขกหัวมันให้หายบ้า มันร้อง “โอ๊ย..”แต่หัวเราะ ผมถึงว่ามันประหลาดขึ้นจริงๆ อารมณ์เปลี่ยนได้ตลอด

“มึงรอกูแป๊ปนึงนะ กูไปอาบน้ำ ล้างหน้าเดี๋ยวมา”มันไม่รอคำตอบจากผม วิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่วายชะโงกหน้ามาอีกที สั่งผมว่า
 “มึงอย่าหายไปไหนนะ รอกูด้วย” ผมได้แต่ส่ายหัวขำกับมัน มันก็ยังคงเป็นเด็กซนๆคนเดิมเพื่อนของผม

ใช้เวลาไม่นานไอ้ใหญ่ก็ออกมาพร้อมกับหยดน้ำพราวเต็มตัว มันนุ่งผ้าขนหนูเปลี่ยนเสื้อผ้าไป พูดกับผมไปด้วยไม่หยุดปาก
“มึงมาแต่เช้า คงยังไม่ได้กินอะไรเดี๋ยวกูจะพามึงไปตลาดไปกินข้าว หรือจะกินข้าวอร่อยๆของบ้านกู”
“แล้วนี่มึงคิดไว้รึยังว่าจะไปเที่ยวไหนเดี๋ยวกูจะได้ไปสั่งงานลูกน้องไว้แล้วพามึงเที่ยวเต็มที่”
“มึงไม่ได้เอารถมาล่ะซิ งั้นเดี๋ยวกูไปสั่งให้ลูกน้องเตรียมรถไว้”
“แล้วไหนว่างานยุ่ง โดดงานมาล่ะซิมึง”
“มาทำไมไม่บอกกูก่อน กุได้ไปรับที่สถานี”
“มึงเจอพ่อแม่กูรึยังน่าจะตื่นแล้วนะ”

มันคงจะพูดต่อไม่หยุดถ้าผมไม่เบรกมันไว้ก่อนที่มันจะขาดใจตายไปก่อน
“พอๆๆๆ มึงหยุดพูดบ้างก็ได้ หยุดถามด้วยกูตอบไม่ทัน พูดอย่างกับคนเพิ่งพูดได้หลังจากเป็นใบ้ไปหลายวัน”
ผมสาวเท้าเดินไปหามันก็พอดีกับที่เห็นว่ามันติดกระดุมผิดแถวทำให้เสื้อเบี้ยวไปเป็นแถบ
  “ไหนๆๆ หนูใหญ่ มาๆๆป๋าจะติดกระดุมให้ แค่นี้ก็ติดผิด เด็กหนอเด็ก หึหึ”
ไอ้ใหญ่ไม่ยักกะเถียงกลับครับ แต่มันทำหน้าแดงๆ คงจะอายเสแกล้งทำเป็นเอามือเกาหัวแก้เขิน
พูดเก้อๆว่า “กูก็มัวแต่มองหน้ามึงเลยไม่ได้ดูน่ะซิ นิดเดียวเอง กูทำเองด้ายยย” แต่ผมก็ดึงเสื้อมาหาตัวจนตัวมันชิดกับตัวผมจนได้กลิ่นสบู่อ่อนๆรวยรินเข้าจมูก
 “ไม่ต้องเลย อยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูดแล้ว พูดพอแล้ว”

ผมค่อยๆแกะกระดุมทีละเม็ดๆจนออกมาหมด เห็นหยดน้ำยังเกาะอยู่ที่หน้าอกมัน แล้วก็บ่นออกมา
“เช็ดตัวก็ไม่แห้งแล้วใส่เสื้อเดี๋ยวก็เหม็นอับ เอาผ้ามาเช็ดก่อนซิ”
โดยที่มันไม่ทันตอบ และโดยที่ผมไม่ทันคิด ผมแหวกเสื้อมันออกแล้วดึงผ้าที่มันนุ่งอยู่ออกทันที   ชะรอยมันคงเป็นบุญของผมที่ไอ้ใหญ่มันไม่ลืมยังนุ่งบ๊อกเซอร์ลายโดเรมอนอยู่ครับ  ผมดึงผ้าหลุดติดมือมาแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้  มันก็คงตกใจรีบเอามือปิดของสงวนข้างล่าง
“ไอ้เชี่ยยยย....เล่นอะไรเสียวๆๆ”

แต่ผมก็ไม่สนใจครับเอาเช็ดตัวเช็ดหน้าอกให้มัน เช็ดซอกแขน “บอกว่าไม่ต้องพูด ยกมือขึ้นซิเช็ดไม่ถนัด”
 มันก็ว่าง่ายครับยกมือขึ้นข้างนึง แต่อีกข้างยังปิดส่วนล่างไว้อยู่ ผมได้แต่ขำแต่ต้องทำหน้าเก็กไว้ เดี๋ยวงานไม่เสร็จครับ
“อีกข้างล่ะ จะปิดไปทำไม กูไม่สนหรอกน่า”
ไอ้ใหญ่มันเลยกระมิดกระเมี้ยน ค่อยๆยกมือขึ้นสองข้าง ผมเช็ดเสร็จหันซ้ายหันขวาเห็นกระป๋องแป้งวางอยู่เลยเอาแป้งเด็กโปะจักกะแร้มันให้หอมๆ  แล้วก็บอกให้มันเอามือลงมันก็ทำตามครับ
“คราวนี้ยืนถ่างขากว้างๆหน่อยมึงจะหนีบไว้ทำไมว่ะ...”มันอ้าปากจะเถียง “ก็..กะ..กู”

ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตามัน “มึงไม่เชื่อกูเหรอ..”
ผมเห็นมันหลบตาผมอ้อมๆแอ้มๆบ่น “ทำไมมันดุจังว่ะ..กูก็เชื่ออยู่นี่ไง”
ผมเอาผ้าเช็ดไปตามหน้าขามัน เช็ดอ้อมหน้าอ้อมหลังจนแห้ง แล้วหยิบกระป๋องแป้งเอามือจับขอบบ๊อกเซอร์เตรียมจะดึงยางยืดออกแล้วโปะแป้งเข้าไปที่ส่วนสำคัญเบื้องล่าง แต่ไอ้ใหญ่รีบคว้าจับมือผมไว้แล้วทำหน้าแดง
 “ไม่ต้องๆ..กูทำเอง”ผมขำแต่ก็ปล่อยมันไป ยังไม่อยากทำไข่ชุบแป้งแต่เช้าเหมือนกัน

“โอเค..งั้นกูติดกระดุมให้มึงทาแป้งไป”
ผมดึงตัวมันมาใกล้ๆ กลิ่นสบู่ กลิ่นแป้ง กลิ่นกายมันเข้าสู่จมูกผมเต็มๆ ผมรู้สึกหวิวๆปั่นป่วนใจอย่างบอกไม่ถูก  ผมค่อยๆติดกระดุมให้มันอย่างช้าๆ ไอ้ใหญ่เองก็ยังคงถือกระป๋องแป้งในมือไม่ทำอะไรต่อ จนผมติดกระดุมเสร็จ
“อ้าว..ไม่ทาแป้งล่ะถือไว้ทำไม” ผมมองหน้ามันที่ยังคงแดงอยู่

“กะ...ก็มึงอยู่ตรงนี้กูจะทาก็ไม่สะดวกนะซิ..ไอ้บ้า...กูก็อายเป็นนะเว้ย” ในที่สุดผมก็หัวเราะออกมาจนได้ ไอ้ใหญ่มันเขินจนน่ารักจริงๆครับ
เหมือนเด็กนักเรียนยืนอยู่ตรงหน้าผม “กูไม่ดูก็ได้แล้วมึงก็ทาซะจะได้ใส่กางเกงให้เรียบร้อย"
  “เออ..มึงห้ามดูนะ”
“อืมมม..ไม่ดูก็ไม่ดูซิ”
“มึงก็หันไปดิ ยืนจ้องหน้ากูอยู่อย่างงี้ ใครจะไปทาได้เล่า..เง้อ” ผมหัวเราะเบาๆอีกครั้ง

 “งั้นกูทำแบบนี้ได้มั้ย” โดยไม่รอคำตอบรับจากมัน  ผมรั้งตัวมันให้เข้ามาหาตัวผมแล้วเอามือคล้องคอมันไว้หลวมๆ  ตอนนี้คางมันเลยพาดอยู่ที่ไหล่ผมจนรู้สึกถึงลมหายใจของไอ้ใหญ่ที่แผ่วๆอยู่ที่ลำคอผม        ไอ้ใหญ่ดิ้นขยับตัวไปมาในอ้อมแขนผมอยู่พักหนึ่ง  จนผมต้องกดบ่ามันเอาไว้
“ขอกูกอดมึงให้หายคิดถึงหน่อยไม่ได้เหรอ” 

ไอ้ใหญ่หยุดขยับตัวแล้วนิ่ง ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงสัมผัสจากอ้อมแขนของมันที่ค่อยๆกอดตอบอย่างลังเล  ผมได้ยินเสียงกระป๋องแป้งหล่นลงพื้น ความเงียบกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่งไม่มีคำพูดใดๆผมลูบหัวมันอีกครั้ง  อ้อมกอดของมันรัดลำตัวผมแน่นขึ้น ก่อนที่ใหญ่จะพูดเสียงสั่นๆว่า “ขอบใจนะฝัน....ที่มาหากู”

ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกที่หลั่งไหลมาในใจผมตอนนี้คือความรู้สึกอะไร รู้แต่ว่ามันเต็มตื้นในใจ  มันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้  เหมือนได้กลับมาบ้านเก่า ความรู้สึกเดิมๆที่อบอุ่นใจ อิ่มใจ กลับเข้ามาอีกครั้ง

“มึงไม่น่าต้องเสียเวลามาเลย ก็กูบอกแล้วว่าไม่เป็นไร กูยังไหว”
ผมถึงกับถอนหายใจ ทั้งที่แย่ขนาดนี้ยังทำปากดีอีก“แล้วมึงไม่ดีใจเหรอ ที่เห็นกู”ผมแกล้งทำเสียงตัดพ้อ ปนน้อยใจ
“กะ...กู..ดีใจซิ..แต่เกรงใจมึงต้องลางานมา”คราวนี้ผมดันตัวมันออกมาอยากมองหน้ามันเต็มๆชัดๆเสียที  เราสบตากันตรงๆ ผมพูดช้าๆชัดๆ

“คำว่าเกรงใจ..มึงไม่ควรนำมาใช้กับกู  คำนั้นมันไม่ใช้หรอกสำหรับ.....เพื่อน”
 มีแววตาวูบหนึ่งของไอ้ใหญ่คล้ายๆจะตัดพ้อ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า  เสียงของมันยังคงแผ่วเบาจนผมไม่รู้ว่าตกลงมันป่วยหรือเปล่าเสียงพูดถึงดูเหมือนคนไม่มีแรงเอาเสียเลย
“เพื่อน..”เสียงของไอ้ใหญ่แหบพร่า มือที่กอดผมอยู่ตกลงทันที ใหญ่ยิ้มให้ผมแต่ทำไมมันช่างดูเศร้าเหลือเกิน
“ใช่ซินะ..ก็เราเป็น..เพื่อน..กันนี่นา” แค่คำพูดนี้ก็ทำเอาผมใจหายๆ ทำไมฟังแล้วมันหวิวๆบอกไม่ถูก

เสียงของผมที่พูดตอบไปเลยเหมือนคนเหม่อลอยไม่เหมือนตัวผมเอง“ใช่เพื่อนกัน..มึงมีอะไรอยากพูดอยากระบายก็บอกมาให้หมดนะ กูอยู่นี่แล้ว” ใหญ่ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก กูรู้ว่ามึงรับรู้ทุกอย่างที่กูคิด แค่เห็นมึง... ไม่ต้องพูดอะไร แค่นั้น...พอ”
รอยยิ้มของไอ้ใหญ่ที่ส่งให้ผม  ทำให้ผมรู้ว่าผมคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจมา เรายืนส่งความรู้สึกอยู่นิ่งๆแบบนั้นและคงอยู่อีกนานถ้าไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูเรียก

 “เสี่ยครับ..เถ้าแก่ให้มาเชิญเสี่ยกับเพื่อนทานข้าวเช้าครับ” ไอ้ใหญ่เปลี่ยนสีหน้าเป็นกระปรี้กระเปร่าทันที   มันคงดีใจที่จะได้กินข้าว คว้ามือผมแล้วดึงผมให้ตามไปทันที

“ไปทานข้าวกัน กูหิวแล้ว แล้วเดี๋ยวกูจะได้พามึงไปเที่ยวกัน” ผมยิ้มรับคำชวนของมันไม่อยากจะบอกให้มันเสียน้ำใจว่าผมไปทานที่ตลาดมาแล้ว ผมเลยไม่ทักท้วงอะไรเดินตามแล้วแต่มันจะพาไป ก็วันนี้ผมตั้งใจแล้วนี่ว่าจะให้เวลากับเพื่อนเต็มที่
*************************
ขอบคุณทุกๆคำติชมค่ะ :pig4:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๗๗๗๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๗๗๗๗
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 28-08-2009 20:54:37
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
สุดยอดดดดดดน่ารักกกกกกกกทั้งหวานทั้งซึ้งทั้งอิ่มใจ
ใหญ่คงดีใจมากๆที่ฝันมาตัวเป็นๆแล้วก้อไม่ใช่แค่ฝันไป
นอนซบตักร้องไห้ด้วยอ่ะ แล้วไอ้เรื่องเช็ดตัวให้แห้ง
ทาแป้งให้นวลทุกจุดแม้กระทั้งใหญ่น้อยก้อคิดจะโรยให้
กรี๊ดดดดดดดดน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพื่อนรักกับรักเพื่อน เส้นกั้นมาบางมากจริงๆ
ใหญ่รู้ตัวแล้วล่ะแ่ต่ฝันเนี่ยสิ เมือ่ไหร่กันนะถึงจะรู้ตัวสักที
ว่าความรู้สึกห่วงใย ผูกพัน อยากดูให้เห็นกับตานั่นอ่ะ
มันคือความรู้สึกที่มีมากกว่าคำว่ามิตรภาพ  :sad4:

“ขอกูกอดมึงให้หายคิดถึงหน่อยไม่ได้เหรอ” 
>> กรี๊ดดดดดดดดดดอุตส่าห์มาขอกอดให้ชื่นหัวจิตหัวใจหน่อยนะเพื่อนร้ากกกกกกกกกก :กอด1:

เลิศมากๆคะ อ่านแล้วน้ำตาซึมๆเลยอ่ะสงสารใหญ่
แบบไม่มีคำบรรยาย ถึงไม่รู้ว่าใหญ่เจออะไร
แต่เชือว่ามันต้องหนักแน่ๆและต้องการคนปลอบโยนหรือไม่ก้อ
ให้กำลังใจ ซึ่งก้อคือ เพื่อนใหญ่ นั่นเอง   :o8:

+1 จัดให้คะ ความเลิศ 10 แต้มชนะเลิศ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๗๗๗๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๗๗๗๗
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 28-08-2009 21:53:10
เพื่อนรักกับรักเพื่อน กับคำที่สลับกันแต่ความหมายมันต่างกันราวฟ้ากะดิน

เมื่อไหร่ฝันจะรู้ใจตัวเองเหมือนกับที่ใหญ่รู้ใจตัวเองแล้ว

มารอลุ้นและเป็นกำลังใจให้ทั้งสอง รู้ใจกันและกัน

+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ รอตอนต่อไปอยู่ ฉบับที่ 8
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๗๗๗๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๗๗๗๗
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 29-08-2009 06:25:39
^
^
จิ้มพี่ชายสุดที่เลิฟ

เจอกัน ร้องไห้ ตื้นตันใจ
แล้วฝันก็ยังไม่เข้าใจอะไรเหมือนเดิม
สงสารใหญ่ คงพูดอะไรไม่ออก พูดมากไปก็กลัวเีสียเพื่อนอีก
บวก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณนะ
คนเขียนบอกว่าจะหายไปหลายวันเหรอ แล้วจะรออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๗๗๗๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๗๗๗๗
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 29-08-2009 12:20:49
เล่นแต่งตัวกันแต่เช้า ใหญ่ขี้เกรงใจแบบนี้ ชาตินี้จะมีวันได้เผยความในใจไปไหมเนี่ย :call:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๗๗๗๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๗๗๗๗
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 30-08-2009 03:27:45
+1 ให้เลยครับ
มาแต่ละทีไม่มีผิดหวังยาวได้ใจทุกตอน 555+
อ่านตอนนี้แล้วแอบลุ้นๆนะเนี่ยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นไหม
แหมๆแต่ปรากฏว่าไม่ แอบเสียดายแต่ก็เข้าใจว่า เราเป็น เพื่อน สินะ
แล้วจะรออ่านต่อนะคราบบบบ
นิว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๗๗๗๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๗๗๗๗
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 30-08-2009 11:49:21
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  ชอบตอนนี้มากๆๆ

เห็นมะ ดีแล้วที่ฝันตัดสินใจไปหาใหญ่   

ฉากเจอกันชอบมาก  หวานมาก ชอบที่นอนหนุนตักด้วยอ่ะ


กรี๊ดดดดดดด มีทาแป้งติดกระดุมให้กัน  แอร๊ยยยยยยยย ตีลังกาเขินแทนใหญ่   :-[

อิ่มเอมตอนนี้ :monkeysad:   อยากให้ตั้งคู่เปิดใจกันเร็วๆๆ ก้าวข้ามผ่านเส้นของคำว่า เพื่อน   :กอด1:


ไม่อยากเห็นใหญ่เศร้าอีก ปวดตับ :z3:

หนึ่งบวกสำหรับตอนนี้นะจ๊ะ 


หัวข้อ: Re: (นิยาย)๘๘๘๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๘๘๘๘
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 01-09-2009 12:52:28
อย่าเพิ่งเริ่มเบื่อนะคะ ถ้ามีคนอ่านเรื่อยๆคนเขียนก็คงเขียนไปเรื่อยๆ :L2:
*****************************************
(ตอนที่๘)
“เอ้า...มาๆๆใหญ่พาเพื่อนทานข้าวเร็วๆ ดูซิเราน่ะตื่นสาย เห็นว่าเพื่อนมาตั้งแต่เช้าแล้ว ดูสิเลยทำให้เพื่อนพลอยทานข้าวสายตามเราไปด้วย”
พ่อมันส่งสายตาดุปนเอ็นดูใส่ลูกชายตัวดี “ตื่นสายซะเคยตัว....มานั่งซิลูก”
พ่อของใหญ่กวักมือเรียกให้ผมนั่งที่โต๊ะทานข้าว แล้วกำลังจะเริ่มบ่นลูกชายต่อ  “พ่อนี่ไง..ไอ้ฝันเพื่อนผมไงพ่อ..”ไอ้ใหญ่รีบชิงแนะนำผมตัดหน้าก่อนที่พ่อมันจะบ่นไปมากกว่านี้

“สวัสดีครับพ่อ..”ผมไม่ลืมที่จะทำความเคารพพ่อเพื่อนก่อน ผมจำได้ว่าผมเคยเห็นรูปพ่อมันก่อนที่มันจะกลับมาบ้าน ผมบอกได้แค่ว่าพ่อผอมลงไปเยอะเลยทีเดียว  ผมก็ดูจะเป็นสีขาวมากขึ้น สีหน้าดูซีดๆเหมือนคนป่วย มีเพียงรอยยิ้มที่ยังดูว่ายังสดใสอยู่บ้าง
“แล้วคุณพ่อทานรึยังครับ แล้วคุณแม่...”
ผมกำลังจะถามอาการว่าแม่เป็นอย่างไรบ้าง แต่พ่อไอ้ใหญ่โบกไม้โบกมือพูดขึ้นมาก่อนว่า
“ไม่ต้องห่วงลูก ทุกคนเค้าทานกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครเค้าตื่นสายเหมือนเจ้าใหญ่ซักคนหรอก แม่เค้าก็เรียบร้อยแล้ว คนป่วยยังไงก็ต้องทานข้าวให้ตรงเวลาเพราะต้องทานยาน่ะลูก”

ผมพยักหน้าเข้าใจแล้วก็ต้องเริ่มทานข้าวอีกครั้ง เพราะพ่อมันนั่งจ้องอยู่เห็นๆ “นี่ถ้าฝันไม่ไปปลุกเจ้าใหญ่สงสัยมันจะยังไม่ยอมตื่น นอนกินบ้านกินเมือง กลางคืนก็ไม่ค่อยยอมหลับยอมนอนไม่รู้นั่งทำอะไรอยู่ได้”
ไอ้ใหญ่เริ่มแสดงท่าทีฮึดฮัดที่พ่อมันยังตำหนิเรื่องที่มันนอนตื่นสายไม่ยอมเลิก
“เอาอีกแล้ว..พ่อนี่แปลกคน ชอบว่าลูกตัวเองต่อหน้าชาวบ้าน..บอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง เฮ้อ...ฝันมันไม่ฟังพ่อหรอก..มันรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนยังไง”ไอ้ใหญ่บ่นไปกินข้าวไป   มือก็ตักกับข้าวให้ผมไปด้วยผมขมวดคิ้วนิ่วหน้าใส่มันว่ามันตักให้มากไปแล้ว พอได้แล้วกูกินไม่หมดแน่ๆ  แต่มันก็ยังไม่หยุดตักให้ผมอยู่ดี

“ฟังมันพูดกับพ่อซิลูก...ไม่อายเพื่อนมั่งหรือยังไงพูดจากับพ่อแบบนี้”พ่อไอ้ใหญ่เริ่มหาพวก
“อายทำไม..เพื่อนกัน..เนอะ...กินซิฝัน...อย่ามัวแต่ยิ้ม..ยิ้มแล้วอิ่มหรือไง ที่กูตักให้น่ะกินให้หมดนะห้ามเหลือ ข้าวของมันแพงรู้มั้ย”

 ผมได้แต่ฟังไปยิ้มไป ดูเหมือนพ่อลูกกำลังเหวี่ยงใส่กัน แต่ดูจากสีหน้าฟังจากน้ำเสียง ก็รู้ว่ารักกันแค่ไหน แบบที่เรียกว่าทะเลาะกันไปก็รักกันไป  เห็นแล้วก็คิดถึงแม่ตัวเอง  ผมไม่มีเวลาพูดคุยกับแม่ผมเลย วันๆเอาแต่ทำงานกับเรียนหนังสือ กลับบ้านเหนื่อยจัดๆก็นอน มีแค่คำทักทายแม่เท่านั้นเอง   วันหยุดก็ออกจากบ้านมาเที่ยวกับเพื่อนมั่ง ไปพักผ่อนส่วนตัวดูหนังฟังเพลงมั่ง  ผมมาคิดๆดูนี่ผมแทบไม่ได้ให้เวลากับแม่ผมเลย  กลับไปผมคงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างแล้ว

“แล้วใครไปส่งน้องออมล่ะพ่อ”ผมหันไปมองหน้าไอ้ใหญ่ น้องออม...ใครหว่าชื่อคุ้นๆ
“ก็เราลงมาสายพ่อก็ให้ไอ้หมึกไปส่งน่ะซิ..จะให้ใครล่ะ..แกก็ไม่ยอมตื่นเช้าๆ”ไอ้ใหญ่ขมวดคิ้วแล้วบ่น
“อีกแล้วพ่อ..ผมบอกแล้วไม่อยากให้ไอ้หมึกไปส่ง ผมไม่ไว้ใจมัน..บอกก็ไม่ฟังกันบ้าง”พอได้ยินแบบนั้นพ่อเริ่มออกอาการครับ หน้าบึ้งเลยคราวนี้ ผมก็เริ่มรู้สึกว่าตัวลีบลงไปทุกที เหมือนตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง

“แล้วก็จะให้ฉันทำไง..ตัวเองไม่ดูแลเองแล้วยังมาพาลเรื่องไม่เป็นเรื่อง  ไอ้หมึกมันเป็นยังไงทำไมไม่ไว้ใจมัน”ผมชักเริ่มรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินมากขึ้นไปอีก  เพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย แถมสงสัยด้วยว่ามันเรื่องอะไรยังไงกันแน่
“ก็ออมก็เป็นสาวแล้ว คนสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน ทำไมพ่อไม่ให้นุ่นมันขับไปส่งแทน”
พ่อเริ่มทำหน้าแบบระอาใจ“ก็นุ่นมันมาสาย พ่อกลัวออมจะไปสาย” คราวนี้ก็เงียบไปทั้งคู่ครับ

ผมกลอกตามองไปมาระหว่างสองคนที่กำลังทำลายบรรยากาศยามเช้าของผมไปแล้วด้วยการทะเลาะกัน แต่พอพ่อหันขวับมามองที่ผม  เหมือนพึ่งนึกได้ว่ามีผมนั่งอยู่ด้วยตรงนั้น ผมกลับรีบหลบตาวูบ ผมอยากบอกว่าผมไม่ได้อยากรู้เรื่องชาวบ้านแล้วก็ไม่ได้แอบฟังนะ แต่มันได้ยินเอง  พอเงยหน้าไปสบตากับไอ้ใหญ่ ผมก็ส่งสายตาไปเชิงถามมันว่าเรื่องเห้...อะไรว่ะกูงง มึงช่วยกูด้วย  น้องออมไหนว่ะ

ผมว่าสัญญาณทางสายตาของผมอาจบอกไอ้ใหญ่ไม่ได้หมด แต่คงบอกอะไรมันไปบ้างว่าเพื่อนเริ่มอึดอัดแล้ว
ไอ้ใหญ่เลยพยายามเปลี่ยนบทสนทนามาที่ผมแทน “วันนี้เราไปเที่ยวไหนดี มึงอยากไปไหนบ้างล่ะ”พูดจบโดยไม่รอคำตอบจากผม มันก็หันไปหาพ่อแล้วบอกว่า

 “พ่อ..วันนี้ผมพาเพื่อนไปเที่ยวนะ พ่อเฝ้าร้านด้วย แล้วเย็นผมไปรับน้องออมเอง  พ่อไม่ต้องให้ใครไปแทน”ผมว่าไอ้ใหญ่มันพูดกับพ่อไม่เพราะเลย แต่พ่อมันก็ไม่ว่าอะไรนะครับ
“เออ..เพื่อนมาทั้งทีพาไปเที่ยวซะ...แล้วฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องน้องออมของแกแล้ว ไปรับไปส่งจัดการกันเอาเอง”เหมือนๆพ่อจะงอนนะครับ ไอ้ใหญ่ก็ไม่เห็นสนใจ แต่พ่อก็มาชวนผมคุยต่อ ผมว่าจะถามเรื่องน้องออมว่าเป็นใครเลยลืมไปเลย

“แล้วนี่ฝันลางานมาเหรอลูก แล้วไหนกระเป๋าล่ะ เอาไปไว้ไหน จะได้ให้เด็กเอาขึ้นไปเก็บที่ห้องใหญ่ก่อน”ผมเริ่มงงว่าพ่อพูดถึงกระเป๋าอะไร ผมไม่ใช่จิงโจ้หรือโดเรม่อนที่มีกระเป๋าติดตัวเป็นเนื้องอกนี่นา
 “กระเป๋า..กระเป๋าอะไรครับพ่อ??” พ่อเลยเริ่มงงบ้าง
“อ้าวก็กระเป๋าเสื้อผ้าของลูกไง เอาไปไว้ไหนทำไมไม่เห็นมี” ผมเลยถึงเข้าใจว่าพ่อคิดว่าผมจะมาเที่ยวหลายวันก็ต้องมีกระเป๋ามาด้วย ผมหัวเราะเบาๆแล้วบอกพ่อไปว่า “ไม่มีหรอกครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมก็กลับแล้ว ลางานมาได้วันเดียวเอง พรุ่งนี้มีงานต้องรีบกลับไปทำครับ”

เพล้ง!!!!ผมถึงกับสะดุ้ง ก็ไอ้ใหญ่นะซิครับอยู่ดีๆก็กระแทกช้อนดังโครมลงบนจาน พ่อเองก็คงตกใจ
 “ใหญ่...เป็นอะไรไป พ่อตกใจหมดเลย ”
“นั่นซิ..เป็นอะไรกัน”ผมก็สงสัยผมแทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ ไอ้ใหญ่ไม่ตอบผมแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดลุกขึ้นยืนแล้วดึงข้อมือผมให้ลุกตาม “มึงไม่ต้องกินแล้ว....เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ผมได้แต่มองหน้ามัน “คุย...อารายยก็คุยตรงนี้ซิ..”

“นั่นซิอะไรกันลูกคนนี้..มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากัน” ถึงพ่อจะพูดแบบนั้นเพื่อให้ใหญ่ใจเย็นขึ้น  แต่ไอ้ใหญ่มันก็ยังดึงดันที่จะลากผมไปกับมันให้ได้  ผมพูดอะไรต่อไม่ได้อีกเพราะตอนนี้ไอ้ใหญ่มันทำตาขวาง ทำหน้าเหมือนว่าถ้ามันขบหัวผมได้มันคงทำไปแล้ว  ผมเลยจำใจต้องลุกตามแล้วแต่มันจะลากไป  เรากลับขึ้นไปบนห้องมันอีกครั้ง ไอ้ใหญ่ลากผมมาที่เตียงมันแล้วดันให้ผมนั่งลง แล้วมันก็ไม่พูดอะไรซักทีเอาแต่ขมวดคิ้ว เม้มปากเดินวนไปวนมาอยู่แบบนั้น

จนผมชักสงสัยว่าเพื่อนผมท่าจะบ้าไปแล้ว “เอาอีกแล้วนะมึง  นี่...มึงลากกูจากจานข้าว ให้กูทิ้งช้อนทิ้งส้อม แล้วขึ้นมาเพื่อมานั่งดูมึงเดินจงกรมท่าคนบ้าเนี่ยนะ..มีอะไรทำไมไม่พูด..”
มันยืนเท้าสะเอวมองหน้าผม  แล้วจ้องอย่างกับคนจะหาเรื่องชวนทะเลาะ
“มึงมาทำไม..ฮึ...มึงมาทำไม”

“อ้าว..ไอ้นี่..นี่”ผมชักโมโหมัน ผมเริ่มเลือดขึ้นหน้า
 “กูมาหาพ่อมึงมั๊ง..กูมาเยี่ยมพ่อมึง.พอใจรึยัง”ผมชักหน้างอบ้าง ก็รู้อยู่แล้วว่ามาหามันแล้วจะมาคาดคั้นอะไรกับผมว่ามาทำไม  ทำอย่างกับว่าผมทำผิดที่มาที่นี่ ผมเลยล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังให้มัน ให้มันรู้บ้างว่าผมโกรธ  ผมก็เดาว่ามันก็คงรู้ เพราะเสียงของไอ้ใหญ่ยังพูดต่อแต่น้ำเสียงอ่อนลงแล้วไม่แข็งกร้าวเหมือนคนโมโหแบบเมื่อครู่  แต่ก็ยังไม่วายเหยียบต่อมหงุดหงิดผมอีกจนได้

 “แล้วมาทำไม..วันเดียว” ผมเซ็งจนไม่อยากตอบ จุกจิกกับกูชิบ.......อดทนไว้ไอ้ฝันอย่าอารมณ์เสียกับเพื่อน
“ลางานมาได้แค่นี้แล้วมาทำไม...”พอมันพูดแบบนี้ขึ้นมาอีก ผมโมโหจนต้องลุกขึ้นมาโวย
“ถ้าการที่กูมาที่นี่เพียงวันเดียว แล้วมันเป็นเรื่องที่ผิดมากมายสำหรับมึง มาทำให้มึงยุ่งยาก ลำบากใจ ทำให้มึงไม่มีเวลาไปส่งน้องออมอะไรของมึง” ผมลุกขึ้นยืนทันทีแล้วผลักตัวไอ้ใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างเตียงให้หลีกออกไป เราต่างก็มองหน้ากันอยู่ชั่วครู่ แล้วผมก็พูดขึ้นมาว่า

“งั้น....กูกลับ”
*************************
ช่วงนี้ฝนตกทุกวันดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๘๘๘๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๘๘๘๘
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 01-09-2009 13:22:00
 :z3: :monkeysad: โหยอะไรกันเนี่ย
ฝันอย่าพึ่งน้อยใจนะัฟังใหญ่อธิบายก่อน
ใหญ่แค่เพียงน้อยใจหนะที่ฝันมาได้แค่วันเดียว
เหมือนหรอกให้เค้าดีใจเก้อหนะ  :sad4: ใหญ่มันก้อน้อยใจตามประสา
คนขี้ใจน้อยอะไรแบบนี้ล่ะ ส่วนเรือ่งน้องออมก้อคงเป็นแค่เหตที่ไม่ใช่เหตล่ะมั้งนะ
น้องออมนี่ คงไม่แฟนหรอกมั้ง แต่เป็นอะไรล่ะ????
ส่วนเจ้าฝันใจร่มๆเน้อ เพื่อนมันวีนใ่ส่นิดๆหน่อยๆอย่าเสียเวลามาทะเลาะกันเลยนะนะๆ
ดีๆกันไว้ 24 ชั่วโมงเนี่ย ไม่ได้มากมายอะไรเลยนะ คุยกันดีๆก่อนจิ น้าๆๆๆๆ

+1 จัดให้คะ รักฝันรักใหญ่ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๘๘๘๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๘๘๘๘
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 01-09-2009 14:58:31
อย่าเพิ่งงอลซี่ พูดกันด้วยเหตุและผลนะนะ มีเวลาอยุ่ด้วยกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงอย่าให้มันต้องหมดไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องน้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๘๘๘๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๘๘๘๘
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-09-2009 15:16:25
อ่านทันแล้ว   :m4:

น่าเห็นใจทั้งคู่เลย กว่าจะได้เจอกัน เวลาอยู่ด้วยกันก็สั้นจนน่าใจหาย

ชื่อ ฝัน น่ารักจัง  :man1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๘๘๘๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๘๘๘๘
เริ่มหัวข้อโดย: zingiber ที่ 01-09-2009 21:18:54
มาต่อเร็วๆน๊าา  ฝันงอนแล้ว อยากรู้ว่าใหญ่จะง้อยังไง  :z1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๘๘๘๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๘๘๘๘
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 01-09-2009 22:09:07
ความน้อยใจที่เพื่อนรัก ( รักเพื่อน ) มาแค่วันเดียว

จะทำให้ความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อนสะดุดลงเลยหรือ

มารอลุ้นกันดีกว่าว่า ใหญ่จะจัดการกับปัญหาที่ตัวเองเป็นคนเริ่มยังไง

+1 ให้เป็นกำลังใจในการมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๘๘๘๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๘๘๘๘
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 01-09-2009 22:26:09
^
^
 :z13: จิ้มพี่ชายนะคะ หุหุ


ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างงอน
ยังไม่ทันฟังกันให้ดี
ใช้อารมณ์น้อยใจเข้าหากัน เพื่อนรักจะหนีกลับแล้ว ฝ่่ายรักเพื่อนจะง้อยังไงดี
บวก 1 แต้มจ้า รออ่านต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๘๘๘๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๘๘๘๘
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 02-09-2009 01:24:56
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อย่าโกรธกันเลยนะ นานๆเจอกันทีแค่มีเวลาให้กันบ้างก็พอละ
ที่แสดงออกขนาดนี้มันหมายความว่าไง แล้วจะรออ่านต่อ
นิว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๘๘๘๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๘๘๘๘
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 02-09-2009 14:51:39
แอร๊ยยยยย ตามอ่านทันแระ 

งานนี้มีงอนวุ้ย  หุหุ  ... :impress2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๘๘๘๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๘๘๘๘
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 02-09-2009 15:14:47
^
^
กระซวกรีบน   สปีดเทพมาก  :mc2:

ลงชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวมาดิทเม้นจ้า  :z2:




เข้าใจทั้งสองฝ่าย ทั้งใหญ่และฝัน

ใหญ่เค้าก็อยากอยู่กับฝันนานๆอ่ะนะ  คนที่เราคิดถึงและรอมานาน
เคยคุมอารมณ์ไม่อยู่

ส่วนฝัน อยู่ดีๆๆใหญ่ก็๋พูดออกมาแบบนี้ มันคงมีงอนน้อยใจแหละ เราอุสาห์ดั้นด้นมาหาทั้งที
ใครมันจะรู้ว่าใหญ่คิดอะไรอยู่ เฮ้อออออ  แถมเรื่องน้องออมไรนั่น  เหมือนเราไม่รู้อะไรเลย

ให้กำลังใจค่ะ ทั้งคนโพสต์ คนเขียน !+ 1


เพิ่งสังเกต เราจะเป็นเม้นท์สุดท้ายก่อนคุณคิคิคุคุ  มาโพสต์ตอนต่อไป หลายทีแระ คึคึ :z2:
V
V
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๙๙๙๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๙๙๙๙
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 02-09-2009 17:13:48
ตอนที่๙แล้ว เลขนี้สวยดีนะคะ ชอบจริงๆ :really2:
*********************************
(ตอนที่ ๙)

พอผมพูดจบเหมือนบรรยากาศในห้องเป็นสภาวะไร้เสียง  มันเงียบกริบจนผมเองรู้สึกวังเวง ไอ้ใหญ่ไม่พูดอะไรอีก ผมเดินไปที่ประตูมือยังคงจับที่ลูกบิด  รู้สึกเสียใจที่อุตส่าห์มาทั้งทีแต่กลับมาทะเลาะกัน ผมก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องมันกลับตาลปัดไปแบบนี้ได้ยังไง ทั้งที่ก่อนหน้าเรายังคุยกันอยู่ดีๆแท้ๆ  

แต่ก่อนที่ผมจะก้าวออกไปจากห้องนี้แล้วก็จบความรู้สึกดีๆเมื่อมาถึงเชียงใหม่  แล้วต้องกลับไปอย่างมืดมนว่าจะแก้ไขเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องระหว่างผมกับไอ้ใหญ่ให้ดีขึ้นได้อย่างไร   ผมก็ต้องหยุดนิ่งเพราะอ้อมกอดที่เอวผม  ความรู้สึกจากไอ้ใหญ่ที่กอดผม รั้งไว้ทำให้ผมไม่สามารถก้าวขาออกไปจากห้องได้

“กะ..กูขอโทษ..มึงอย่าพึ่งไปนะ..กูขอโทษ ฮึกๆ” ผมรู้สึกได้ถึงความชื้นจากน้ำตาของไอ้ใหญ่ที่ชุ่มอยู่ข้างหลังผม  อาการสั่นสะท้านจากการร้องไห้ของมัน  เสียงที่สั่น แรงรัดจากอ้อมแขนของมัน ทำให้ความรู้สึกโมโหที่ก่อนหน้านี้มันพุ่งขึ้นถึงจุดที่เกือบระเบิด  ค่อยๆลดระดับลงมาทีละน้อย แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด

“แล้วมึงมาโมโหใส่กูทำไม...กูทำอะไรผิด  ที่กูมานี่มึงไม่ต้องการใช่มั้ย”
ผมยังคงสงสัยอยู่ไม่หาย ถ้าเรื่องนี้ไม่เคลียร์  เราก็คงค้างคาในความรู้สึกไปตลอด และมันอาจจะกลายเป็นสะเก็ดในใจของทั้งผมและไอ้ใหญ่ต่อไปก็ได้

“กูแค่น้อยใจ..เหมือนมึงไม่ได้เต็มใจ ไม่ได้ตั้งใจมาหากู..”
ไอ้ใหญ่ยังคงรั้งเอวผมไว้แน่นจนผมแทบหายใจไม่ออก พาลจะอ๊อกเอาอาหารเช้าที่กินเข้าไปสองรอบออกมา
ไอ้ใหญ่พูดเสียงอ่อยๆต่อไปว่า “มาทั้งทีก็มาแค่วันเดียว  เหมือนมาแบบเสียไม่ได้”

ผมฟังที่ไอ้ใหญ่มันพูดแล้วก็อ่อนใจกับมัน แต่ถ้ามันไม่พูดออกมาตรงๆ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะคิดอะไรในมุมกลับกันกับผมได้ขนาดนี้  ผมกลับคิดว่าขนาดแค่มีเวลาวันเดียวผมยังตั้งใจมาหามัน   มันควรจะดีใจสุดๆเลยไม่ใช่หรือถึงจะถูก

ไอ้ใหญ่หยุดพูดแต่เอาหน้ามาเกลือกกับหลังผมเช็ดน้ำตา น้ำมูก ซวยแล้วกู..แล้วจะกลับยังไง เสื้อก็เอามาตัวเดียว  แล้วตอนนี้ผมอึดอัดกับแรงควายของมันที่รัดเอวผมอยู่ เลยพยายามแกะมือของมันที่รัดแน่นอย่างกับคีมเหล็กออก  แต่ไอ้ใหญ่คงเข้าใจท่าทางที่ผมแสดงออกผิดไป
“อื้อ...กูยังไม่ให้มึงไป..ก็กูบอกแล้วกูแค่น้อยใจ ทำไมมึงยังจะไปอีก กูขอโทษ..ไอ้ฝัน..กูขอโทษ”
เสียงมันสั่นๆทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ แถมด้วยอาการกระทืบเท้า งอแงเหมือนกับเด็กๆไม่มีผิด คราวนี้ผมเลยหายโมโหเปลี่ยนอารมณ์มาขำมันแทน  ตัวโตเสียเปล่า

“กูไม่ได้จะกลับ..แต่มึงเอาแรงควายๆมารัดกูแน่นขนาดนี้ ข้าวเช้าที่กูพึ่งกินมันจะพุ่งออกมาข้างนอกอยู่แล้ว มึงช่วยปล่อยกูก่อนได้มั้ย   กูจะได้หันไปคุยกะมึงตรงๆ..ไอ้ใหญ่”
“อ้าว....ก็กูไม่รู้นี่”
ผมหันหลังกลับมาพอดีได้ทันเห็นหน้าแดงๆของมันที่ก้มหน้างุดอยู่ที่อกผม “ไหนมึงมองหน้ากู  กูจะอธิบายให้มึงฟัง”

 ไอ้ใหญ่ยังคงก้มหน้าไม่ยอมเงย มันคงอายที่ปล่อยน้ำตาร้องไห้ฟูมฟายออกมามากมาย ทำตัวเป็นคนงี่เง่าให้ผมเห็น ทั้งที่ผมเคยเห็นจนออกจะบ่อยไปไม่เห็นว่าน่าอายตรงไหน ออกจะน่ารักมากกว่า
ผมเลยต้องเอามือประคองหน้ามันให้มองหน้าผม  แววตาของมันยังคงรื้นด้วยน้ำตา ดูแล้วน่าสงสารจริงๆครับ ผมเอามือค่อยๆเช็ดน้ำตาที่แก้มของมัน เอามือเกลี่ยผมที่ปิดบังดวงตาของมันเอาไว้  มองหน้ามันตรงๆแล้วเริ่มพูดอย่างช้าๆ

 “กูมาได้แค่วันเดียว ทั้งที่ใจกูอยากมาหลายๆวัน เพราะว่างานกูยุ่งมาก เจ้านายไม่ยอมให้ลา นี่กูก็บอกเค้าว่าลาไปหาหมอ” ไอ้ใหญ่ขมวดคิ้วทันที “มึงเป็นอะไร..ทำไมต้องไปหาหมอ แล้วนี่ดีขึ้นรึยัง ไปหาหมอที่ไหนมา หมอเค้า....”
ผมต้องรีบเอามือปิดปากมันก่อนที่มันจะถามผมต่ออีกร้อยคำถาม แล้วผมก็คงไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก คงจะไม่มีใครรู้เรื่องกันแน่ถ้าแย่งกันพูดแบบนี้

“กูไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่กูกินข้าวไม่ค่อยลงเท่านั้นเอง มึงอย่าเว่อร์”  ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากมัน พอผมเริ่มเอ็ดมันคราวนี้มันเลยทำหน้าง้ำขึ้นมาบ้าง  แล้วค้อนผมทันที ดูมันครับ สาวเข้าไปทุกที   แต่ผมก็รักมันที่มันเป็นแบบนี้แหล่ะ ไอ้ใหญ่ไม่พูดอะไรอีกแต่ผมรู้ว่ามันงอน ผมเลยรั้งตัวมันเข้ามากอดแล้วตบไหล่มัน

 “มึงเลิกงอนกูซักที เราจะได้คุยกันดีๆให้หายคิดถึง แล้วไหนมึงว่าจะพากูเที่ยว กูอยากไปไหว้พระ พากูไปทีนะใหญ่”
ไอ้ใหญ่ยังคงไม่พูดอะไร ผมกอดมันไว้นิ่งๆอยู่แบบนั้นแล้วเอามือลูบหัวมัน  
“กูเป็นห่วงมึงนะ พอกูได้จดหมายมึงว่ามึงไร้ตัวตน กูก็เริ่มไม่สบายใจแล้ว แล้วพอมึงบอกให้กูเลิกติดต่อกับมึง กูก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่”
ผมว่ามันเริ่มร้องไห้อีกครั้งแล้วครับหรือว่าผมพูดอะไรผิดไปอีก  
“มึงอย่าร้องไห้ซิ กูตัวแฉะไปหมดแล้ว ยังไม่อยากเป็นปอดบวมเพราะน้ำตามึง แฉะหน้าแฉะหลังเลยไอ้บ้านี่...”คราวนี้ไอ้ใหญ่มันทุบผม แล้วโวยวายทั้งน้ำตา“มึงนี่กวนตีน ชอบว่ากู”ผมหัวเราะกับอาการของไอ้ใหญ่

“มึงก็หยุดร้องซักทีซิ ทำอย่างกับกูจะตาย  ร้องมากไปแล้วมึง”คราวนี้ไอ้ใหญ่กลับต่อยที่ท้องผมทำให้ผมจุกกว่าเดิมอีก
“มึงห้ามพูดเรื่องตายอีกนะ น้องกูตายไปคนเดียวกูก็เสียใจมากพออยู่แล้ว มึงอย่าตายนะ ห้ามตาย”คราวนี้น้ำตามันร่วงพราวเลยครับทำเอาผมใจเสีย  ผมน่าจะระวังคำพูดให้มากกว่านี้ ทั้งที่ผมก็รู้ว่าน้องมันเพิ่งตายไป ไอ้ใหญ่ดึงเอาเสื้อผมไปเช็ดน้ำตามัน

“กูขอโทษ...กูจะไม่ตายก่อนมึงโอเค๊ คราวนี้มึงหยุดร้องได้แล้ว น้ำตามึงทำให้กูต้องไปอาบน้ำแล้วเนี่ย มึงไปหาเสื้อมาให้กูใหม่เลย”ผมผลักมันไปออกจากตัว มานัวๆเนียๆแบบนี้มันทำเอาผมใจสั่นแปลกๆ  ถึงเราจะสนิทกันมากขนาดไหน มันก็ไม่เคยแสดงอาการกับผมมากขนาดนี้  แล้วไอ้ใหญ่มันดูอ่อนไหวมากกว่าแต่ก่อน หรือจะเป็นเพราะเราห่างกันมานานเกินไป หรือว่าฮอร์โมนเพศมันเปลี่ยนอารมณ์เลยไม่แน่นอน  

ไอ้ใหญ่หาผ้าเช็ดตัวมาให้ผมก่อนที่จะไล่ให้ผมไปอาบน้ำ “ไปอาบน้ำซะเดี๋ยวกูหาเสื้อให้” ผมหันไปมองมันก่อนที่จะเข้าห้องน้ำเห็นมันอมยิ้มนิดๆ  ทำให้อย่างน้อยผมก็รู้ว่า มันดีใจที่ผมมาจริงๆ
พอผมอาบน้ำเสร็จออกมาก็ไม่เห็นไอ้ใหญ่ในห้องแล้ว เจอแต่เสื้อที่มันวางไว้ไห้ผม  ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินลงมาข้างล่าง เห็นไอ้ใหญ่กำลังทำงานอยู่ครับ  ผมแอบมองมันทำงานยังไม่เดินเข้าไปหามันทันที  เวลาทำงานมันก็ดูขึงขังเอาจริงเอาจังดี  ท่าทางยังเคลียร์งานไม่เรียบร้อยผมเลยเข้าไปนั่งรอที่โต๊ะมัน  ไอ้ใหญ่เงยหน้ามามองผมแล้วยิ้ม
 “รอเดี๋ยวนะมึง  เดี๋ยวกูพาไปไหว้พระ  นานๆเพื่อนจะเข้าวัดทั้งที  ต้องเต็มที่หน่อย ไปปล่อยผี”
ผมส่ายหัวได้แต่ยิ้มแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง “กวนตีนนะมึง”

ร้านไอ้ใหญ่มันขายเครื่องมือเกษตรกรรมนะครับ มีหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ปุ๋ย เครื่องมือ ท่อประปา หลายอย่างแต่ผมไม่รู้เท่านั้นเองว่าเอาไปทำอะไรมั่ง  ท่าทางงานมันก็เยอะนะครับ ขนาดผมนั่งไม่นานยังรู้เลยว่ามันเองก็ไม่มีเวลาว่างมากซักเท่าไหร่   มีทั้งลูกค้า เซลส์ขายของเข้ามาติดต่อตลอดเวลา บางครั้งลูกน้องก็เข้ามาถามปัญหาต่างๆ ไม่ใช่ปัญหาอะไรเอ่ยที่เด็กๆชอบเล่นกันนะครับเช่น ผู้หญิงกลัวปลาอะไร???

  แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับงานเช่นจะลดราคาได้เท่าไหร่ จะเสนอราคาอย่างไรมากกว่า ถึงแม้ไอ้ใหญ่จะยังอายุน้อยแต่ดูลูกน้องก็ให้ความเคารพมันดีครับ เรียกมันเสี่ยทุกคำ มันก็คงเป็นเสี่ยจริงๆ  คิดๆแล้วก็น่าอิจฉา แสดงว่ามันก้าวข้ามคำว่าลูกจ้างมาเป็นเถ้าแก่น้อยไปแล้ว  ล้ำหน้าเพื่อนฝูงอย่างผมหรืออ้อยที่ยังทำงานเป็นลูกน้องกินเงินเดือนกันอยู่เลย

นั่งเล่นดูหนังสือนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยผมพึ่งนึกขึ้นมาได้“เฮ้ยย....ตายห่า กูลืม”
ผมเพิ่งนึกได้ครับว่าผมลืมอะไรไปบางอย่าง แต่เสียงร้องของผมคงดังเกินไปทำเอาไอ้ใหญ่สะดุ้งมองหน้าผมหน้าตาตื่น
 “ลืมอะไรว่ะ”
“ กูยังไม่ได้ไปไหว้แม่มึงเลย  แม่อยู่ไหน โคตรเสียมารยาทเลย มึงพากูไปที” แม่ผมสอนเสมอไปที่ไหนต้องไปทำความเคารพเจ้าของบ้านให้เรียบร้อยก่อน  อย่าให้เค้าตำหนิได้ว่าไม่มีมารยาท

“โธ่เอ๊ย..กูก็นึกว่าเรื่องอะไร กูจะเสร็จงานแล้ว เดี๋ยวกูพาไปเอง แม่คงนอนอยู่ กูจะไปบอกพ่อด้วยว่ากูจะพามึงออกไปข้างนอกแล้ว” ผมเลยค่อยเบาใจถ้าแม่หลับอยู่ก็คงไม่เป็นไร แต่คิดไปคิดมา
 “กูไปเองก็ได้นี่หว่า มึงบอกกูว่าไปทางไหน จะได้ไม่เสียเวลามึงด้วย แล้วกูได้ไปคุยกับพ่อแม่หน่อย ไม่ใช่มาไหว้เสร็จแล้วก็เปิดตูดลากลูกเค้าหนีงานไปเที่ยว”

คราวนี้ไอ้ใหญ่หัวเราะร่าเลยครับ “ไอ้ฝันเอ๊ยยย....พ่อแม่มึงสั่งสอนมาดีว่ะ  ไม่รู้จะมารยาทดีไปไหน เค้าน่าส่งมึงไปประกวดหนุ่มไทยใจทรามเอ๊ย...ใจงามว่ะ  งามอย่างไทย ฮ่าๆๆ ไม่เลว ไม่เลว” ผมเลยเดินไปตบหัวมันทีหนึ่งโทษฐานมามอบตำแหน่งให้ผม “พูดมากนะมึง บอกมาซิไปทางไหน”

พ่อแม่ไอ้ใหญ่อยู่ห้องหลังร้านครับ  บ้านมันเป็นอาคารพาณิชย์ก็จริงด้านหน้าทำเป็นร้านขายของแต่ด้านหลังทำเป็นที่พักอาศัย  ตัวห้องเปิดโล่งสามารถเปิดประตูออกไปสู่สนามหญ้าเพื่อชมธรรมชาติที่อยู่ภายนอกได้  อากาศยามสายๆของเชียงใหม่ถึงแม้จะมีแดดออกแล้ว  แต่ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความเย็นสบายจากสายลมที่พัดมาเบาๆ  บรรยากาศเงียบสงบน่าอยู่จริงๆครับ

พ่อกับแม่ไอ้ใหญ่นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้วยกันเงียบๆ จนผมชักลังเลว่าควรจะเข้าไปขัดเวลาพักผ่อนของท่านหรือเปล่า ขณะที่ผมยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเข้าไปหาหรือถอยหลังออกมาดี พ่อไอ้ใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี
“อ้าว ยังไม่ไปเที่ยวกันอีกเหรอลูก” ผมยกมือไหว้แม่ขึ้นทันทีที่แม่เงยหน้าขึ้นมา  แม่ดูไม่ผอมเหมือนคนป่วยก็จริง  แต่สีหน้าดูหมองเศร้าจนผมรู้สึกได้   แต่แม่ก็ยังยิ้มตอบผม “ไหว้พระเถอะลูก”
“สวัสดีครับแม่   ยังไม่ได้ไปครับพ่อ...ใหญ่กำลังเคลียร์งาน  ผมต้องขอโทษพ่อด้วยครับที่วันนี้มาพาไอ้ใหญ่โดดงาน” แต่พ่อกลับกวักมือเรียกผมให้มานั่งคุยกับพ่อ

“ขอโทษทำไม  พ่อดีใจนะที่ฝันมา  มาๆนั่งคุยกันก่อน ช่วงนี้ใหญ่ดูเครียดๆตั้งแต่เล็กตายไป ยังดีที่มีน้องออมมาทำให้คลายเหงา  พ่อก็สงสารมัน บอกให้ออกไปข้างนอกบ้าง ออกไปเที่ยวบ้าง ก็ไม่ยอมไป”
แม่พยักหน้าเสริม “ไปเที่ยวกันเถอะลูก แม่เป็นห่วงใหญ่ ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพ ก็เอาแต่ทำงาน ดูแลคนนู้นคนนี้  แล้วมาเจอเรื่องเล็กอีก เลยยิ่งเครียดไม่ยิ้มเลย  แม่เสียใจจริงๆที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย”เสียงของแม่สั่นเครือเหมือนจะร้องไห้  ทำเอาผมใจเสียไม่รู้จะทำตัวยังไงดี  จะให้ปลอบผู้ใหญ่ผมก็ทำไม่เป็น แต่ผมรู้แล้วว่าไอ้ใหญ่มันบ่อน้ำตาตื้นเหมือนใคร  

พ่อบีบมือแม่เบาๆเป็นการให้กำลังใจ  “เอาน่าเธอ อย่าทำให้ฝันเค้าใจเสียซิ  เสียบรรยากาศหมด  ฝันไม่ต้องห่วงทางนี้นะไปเที่ยวให้เต็มที่ พ่อดูร้านเอง ไม่เป็นไร” ผมพูดคุยกับพ่อพักใหญ่สอบถามอาการป่วยของแม่  ซึ่งดูๆแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไรเพราะไปหาหมอตามนัดอย่างสม่ำเสมอ   เว้นเสียแต่ว่าดูแม่ไม่มีกำลังใจเอาเสียเลย เหมือนคนหมดอาลัยในชีวิต พ่อเลยดูเหงาๆไปด้วยไม่ดูสนุกสนานเหมือนตอนที่คุยกับไอ้ใหญ่

บรรยากาศในบ้านที่มีแต่คนป่วยมันทำให้จิตใจห่อเหี่ยวจริงๆครับ  ผมพอเข้าใจความรู้สึกของไอ้ใหญ่  ขนาดผมมานั่งคุยไม่นานผมยังรู้สึกถึงความไม่สบายใจที่รุมล้อมอยู่รอบๆกายเลย
“ไงมึงหลอกอะไรพ่อแม่กูบ้าง  พ่อ แม่อย่าไปฟังมันมากนะมันขี้โม้” ไอ้ใหญ่คงจัดการสั่งงานเรียบร้อยแล้วมันเลยตามมาหาผม
“ไม่ต้องหลอกพ่อแม่มึงก็รักกูแล้ว แล้วนี่มึงทำงานเรียบร้อยแล้วเหรอ”

“อืม..ไปกันได้แล้ว พ่อ..ผมจะพาเพื่อนไปเที่ยวก่อนนะ ฝากร้านด้วยแล้วกันนะพ่อ ถ้ามีอะไรด่วนๆก็โทรหาผม ผมคงเที่ยวอยู่ในเมืองนี่แหล่ะ เพื่อนมันงานยุ่งมาได้แค่วันเดียว ไปไหนไกลๆไม่ทันหรอก”มันยังไม่วายแอบกัดผม  จนผมชักไม่แน่ใจว่าที่ผมมาได้แค่วันเดียวมันถูกหรือผิดกันแน่ หรือคนอย่างผมจะทำอะไรก็ผิดไปหมด
******************************************
ยาวไปมั้ยเนี่ย มันตัดตอนไม่ลงจริงๆ เอิกซ์ซซซซซซ :z10:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๙๙๙๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๙๙๙๙
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 02-09-2009 18:05:04
ไม่ยาว ยิ่งยาวยิ่งดี  :z1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๙๙๙๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๙๙๙๙
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 02-09-2009 18:17:47
ตามอ่านรวดเดียวเลยค่ะ เรื่องราวน่าสนใจ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย รวมแล้วชอบมาก ๆ ค่า  o13
จะติดตามต่อไปนะค้า
+1 ให้ค่า เรื่องสนุกมาก ๆ ค่า
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๙๙๙๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๙๙๙๙
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 02-09-2009 21:31:54
เย้ๆๆๆๆๆๆ  หายงอนกันแล้ว 

ต่างคนก็ต่างคิดคนละมุมอ่านะ เลยเข้าใจผิด

แต่ตอนนี้เข้าใจกันแล้ว  อย่างน้องใหญ่ก็รู้ว่าฝันตั้งใจมาหาจริงๆๆ

ไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่เพราะสำคัญมากต่างหาก :z2:

ชอบๆๆ  เรื่องนี้  :man1:  มะไหร่จะเปิดใจกันซะทีน้า 

เราว่าฝันก็ชอบใหญ่อยู่เหมือนกัน แต่เพียงแต่ยังไม่รู้&เข้าใจหัวใจตัวเองก็เท่านั้น 

ทั้งที่ใหญ่มีอิทธิพลต่อฝันมากขนาดนี้   :impress2:



 แอร๊ยยยย ไม่อยากให้เศร้า
ชอบเวลาสองคนกุ๊กกิ๊กกันน่ารักมากมาย :-[


 o13  ยกโป้งให้คนเขียนเหมือนเดิม เ



สู้ๆๆค่ะ  รอตอนต่อไป  อิอิ อยากอ่านแย้วววว


ปล. อยากให้ฝันอยู่กะใหญ่นานๆๆเหมือนกัน เฮ้อออไม่น่าลาได้แค่วันเดียวเลย :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๙๙๙๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๙๙๙๙
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 02-09-2009 22:43:51
เข้าใจกันซะที
ไม่งั้นเสียความรู้สึกกันทั้งคู่
ฝันมีอาการใจสั่นซะด้วย แต่ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดี
แต่ใหญ่คงรู้ใจตัวเองนานแล้ว ไม่งั้น ไม่เศร้าขนาดนี้
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๙๙๙๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๙๙๙๙
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 02-09-2009 23:00:53
เมื่อเช้าถูกจิ้ม ตอนดึกจิ้มคืน น้องสาว  ^^

กลับมาเข้าใจกันแล้ว ไปไหว้พระจะอธิฐานอะไรน้า เจ้าใหญ่เนี่ย

รอฉบับที่ 10 ครับ +1 ให้เป็นกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๙๙๙๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๙๙๙๙
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 02-09-2009 23:21:05
 ว้าว เข้าใจกันแล้ว เจ้าใหญ่เสียน้ำตาอีกแล้ว:กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๙๙๙๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๙๙๙๙
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 02-09-2009 23:24:52
 :m15: :m15: :m15:
บรรยากาศท้ายๆตอนมันเศร้าๆจังอ่านแล้วเศร้าตาม
เรื่องราวไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไปรู้แต่สองคนยังไม่รู้จักกันดีพอแน่ๆ
เพราะแม้แต่หัวใจตัวเองยังไม่ค่อยจะรู้เลย
แล้วจะรออ่านยาวๆน๊า(ตอนนี้แอบสั้นไปหน่อย อิๆ)
นิว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๙๙๙๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๙๙๙๙
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 03-09-2009 10:40:29
คนอ่านรักเพื่อนใหญ่จัง เพื่อนใหญ่ทั้งน่ารักและน่าทะนุถนอม
กอดเอวเพื่อนร้องไห้ฟูมฟาย จะขาดใจได้น่าสงสารมากๆ
โธ่ๆพ่อคุณ น้อยใจเพื่อนก้อสารภาพว่าน้อยใจน่ารักจริงๆ
ส่วนเพื่อนฝัน หึหึ เราว่าฝันที่มองว่าใหญ่อ่อนแอกว่าสมัยก่อนอ่ะ
เราว่าไม่ใช่หรอก แต่เป็นใจฝันมากกว่าที่สัมผัสความอ่อนแอที่ใหญ่
มีมาเสมอได้ต่างหากล่ะ คนเรา ถ้ารู้สึกและใส่ใจอารมณ์ของอีกฝ่ายอ่ะนะ
เราจะรู้สึกได้เลยว่า คนที่เรารักถึงแม้ว่าจะในฐานะเพื่อนตายก้อตามอ่ะ
เราจะหยั่งความรุ้สึกและมีอารมณ์ร่วมตามได้มากมายกว่าที่คิดไว้
น้องออมเนี่ย เป็นใครกันนะ เป็นน้องบุญธรรมอะไรแบบนี้รึป่าว
เอามาแทนน้องสาวตัวเองไงเนอะ พ่อกับแม่จะได้ไม่เหงาด้วยอ่ะ

+1จัดให้คะ ชอบมากมาย :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๙๙๙๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๙๙๙๙
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 03-09-2009 12:21:12
โธ่ใหญ่เพื่อนลามาได้วันเดียว ไหงกลับเข้าใจไปได้โน่น น่าจะซาบซึ้งน้ำใจเพื่อนว่างานยุ่งวันเดียวก็ยังอุตสาห์มา เชียงใหม่ไม่ใช่หน้าปากซอย จะได้ไปมาง่ายๆ เง้อ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑0๑0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑0๑0
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 04-09-2009 12:24:07
วันนี้เล้าด๋อยๆเนอะ อาการน่าเป็นห่วงจริงๆ :เฮ้อ:
**************************
(ตอนที่ ๑0)

ไอ้ใหญ่พาผมไปเที่ยววัดพระธาตุดอยสุเทพครับ อากาศยามใกล้เที่ยงก็ยังไม่ร้อนมากเท่าไหร่  เนื่องจากวันนี้ไม่ใช่วันหยุดผู้คนจึงบางตา แต่ก็นับว่าไม่น้อยทีเดียวสมกับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเชียงใหม่ที่ต้องมาให้ได้

“เราจะเดินขึ้นหรือขึ้นรถรางดีฝัน”เดี๋ยวนี้ดอยสุเทพมีรถรางขึ้นไปข้างบนได้ครับ  เป็นทางเลือกสำหรับคนสูงอายุหรือคนที่ไม่อยากเหนื่อยกับการเดินขึ้นบันได 306 ขั้น
ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นแล้วเบ่งกล้ามโชว์ “เฮ้ยระดับกูแล้ว...แข็งแรงฟิตเปรี๊ยะ ขึ้นกระเช้าทำไม หรือมึงไม่ไหว แค่นี้เองสบายๆ”
ไอ้ใหญ่ไม่ตอบได้แต่หัวเราะ “เออๆๆ...กูจะดุหนุ่มกรุงคนฟิตเปรี๊ยะ  ถ้าไม่ไหวอย่ามาโทษกูนะ กูถามแล้วนะ ให้ทางเลือกมึงไปแล้ว”

ผมไม่พูดคุยโวอะไรอีกเงยหน้ามองบันไดนาคที่ทอดยาวลงมากลืนน้ำลายอีกครั้ง  แล้วบอกกับตัวเองว่าไหนๆก็มาถึงแล้วกะอีแค่บันไดไม่กี่ร้อยขั้นทำไมจะขึ้นไม่ไหว

ผมเดินนำหน้าไอ้ใหญ่ไปก่อน  ช่วงแรกๆอากาศเย็นสบายครับผมเร่งสปีดเร็วหน่อยเพราะแรงยังเยอะอยู่  ผมสังเกตว่าคนเดินขึ้นมีบางตาครับแต่ก็มีคนเดินสวนลงมาเป็นระยะๆมากกว่า   ช่วงที่เราเดินไปช่วงแรกๆยังไม่มีใครพูดอะไรครับต่างมีสมาธิกับการเดิน ผมเดินนำไปได้ระยะหนึ่งเริ่มรู้สึกเหมือนมาคนเดียวมันเงียบเกินไป ได้ยินแต่เสียงหายใจของตัวเองที่มันดังถี่ๆ เริ่มหอบนิดหน่อยแล้วครับ  หันหลังมาดูไอ้ใหญ่มันยังเดินตามผมอีกไกลครับ  แต่มันกำลังถ่ายรูปผมอยู่พอดี

“อ้าวจะถ่ายรูปก็ไม่บอกกูจะได้หันหน้ามา แปลกคนนะมึงใครเค้าถ่ายด้านหลังกัน”
ไอ้ใหญ่ยิ้มกว้างตะโกนตอบผมมา “ก็กูทำได้แค่มองมึงข้างหลังนี่ว่า จะให้ทำยังไง”
ผมเลยได้โอกาสหยุดพักเหนื่อยโดยการตะโกนคุยกับไอ้ใหญ่“ก็มึงก็เดินตามมาเร็วๆซิ ช้าแบบนี้กูไม่รอนะ”
“ไม่เป็นไรมึงไม่ต้องรอ  แค่กูรู้ว่าปลายทางมึงต้องอยู่ตรงนั้น แค่นี้กูก็ไม่กลัวอะไรแล้ว”

“มึงไม่กลัวว่าปลายทางไม่มีกูเหรอ ถ้ามึงตามมาช้ากูอาจไม่อยู่แล้วนะ” ผมหยุดยืนรอยังไม่เดินต่อขณะที่เราคุยกันอยู่  ไอ้ใหญ่มันเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆเหมือนไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
“กูรู้ว่ายังไงมึงต้องรอกูแล้วหยุด  รอ....จนกูตามมึงทัน”พอมันพูดจบมันก็มายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ  มันยกกล้องขึ้นถ่ายรูปผมอีกใบทันที  ผมยังไม่ทันตั้งตัว  เลยเก็กหน้าหล่อไม่ทันเพราะแอบยืนหอบอยู่ด้วยความเหนื่อย แววตาของมันที่มองมาแรงกล้าจนผมกลับเป็นคนต้องหลบสายตาเสียเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหลบ

“เห็นมั้ย..ในที่สุดมึงก็หยุดรอกู  จนกูเดินตามมึงทัน”ผมเงยหน้ามองหน้ามันอีกครั้ง  ตอนนี้หน้ามันแดงระเรื่อคงเพราะเดินขึ้นบันไดมาหลายขั้น  ใบหน้าของมันดึงดูดใจผมจนไม่อาจละสายตาไปในทันทีได้ ผมเงียบไปชั่วขณะยังคงคิดถึงคำพูดที่แฝงความหมายบางอย่างในนั้น ไม่รู้ว่าจะพูดต่อว่าอย่างไรดี ผมไม่รู้ว่าเรากำลังคุยเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ดูเหมือนเราต่างจะเข้าใจว่าจริงๆแล้วมันหมายถึงอะไร แต่คิดตรงกันรึเปล่านี่ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ

เรายืนให้ลมเย็นๆพัดจนคลายเหนื่อยไม่นานนัก  แล้วไอ้ใหญ่ก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้เริ่มเดินต่อ  แต่ผมยังคงกระพือเสื้อให้คลายร้อนเป็นสัญญาณเหมือนกันว่ายังเหนื่อยอยู่ ไอ้ใหญ่ยิ้มกว้างประกายตาสดใส
 “มึงเหนื่อยแล้วล่ะซิ หน้าแดงเหงื่อซกเลยนะมึง แล้วทำมาคุย”ไอ้ใหญ่เอื้อมมือมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากผมอย่างอ้อยอิ่ง เรามองตากันนิ่ง ผมรู้สึกถึงความสับสนในใจที่อธิบายออกมาไม่ถูก ก่อนที่มือของผมจะจับมือของไอ้ใหญ่ไว้ “เราต้องขึ้นอีกหลายขั้น ไปต่อกันเถอะ”

ผมหันหลังกลับเดินขึ้นบันไดต่อไป คราวนี้ไอ้ใหญ่เดินขึ้นมาเคียงคู่ไปกับผมเราเดินคู่กันไปเงียบๆ ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดในใจของตนเอง เดินต่อมาอีกหน่อยผมเริ่มเหนื่อยจนต้องหยุดขณะที่ไอ้ใหญ่เดินนำขึ้นไปก่อนสองสามขั้นถึงรู้ว่าผมหยุดพัก “อ้าวเหนื่อยอีกแล้วเหรอมึง ไหนว่าฟิตเปรี๊ยะ นี่ยังไม่ถึงครึ่งเลยนะ”

“เออดิ ร้อนว่ะ..ขนาดบนดอยทำไมร้อนไปได้เนี่ย มึงขึ้นล่วงหน้าไปก่อนเลยไม่ต้องรอกู เดี๋ยวกูตามไป”ผมอยากจะพักให้นานซักหน่อยค่อยเดินต่อไปครับ   มองขึ้นไปดูแล้วยังเหลืออีกว่าครึ่งจริงๆ ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงตามประสาคนไม่ได้ออกกำลังกายมานาน   รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นตุ๊บๆแรงกว่าปกติจนผมรู้สึกได้

“ถ้ามึงอยู่ข้างหลัง กูก็ต้องลงมาหามึงซิ ยังไงกูก็ทิ้งมึงหรอก เหมือนที่มึงไม่ทิ้งกู”ไอ้ใหญ่เดินลงมาหาที่ผมยืนอยู่
“มึงจะขาดทุนนะเดินขึ้นไปแล้วต้องเดินย้อนลงมา เหนื่อยฟรี”
“มันไม่มีคำว่ากำไรขาดทุนสำหรับมึงหรอก”ไอ้ใหญ่หยุดยืนเอนตัวพิงราวบันไดนาค  หยุดพักรอข้างๆผม
“เราไม่ต้องรีบนี่ วันนี้เรามีเวลาทั้งวัน กว่ารถจะออกก็กลางคืน หนึ่งวันที่มึงมามันไม่มากก็จริง  แต่มันก็ไม่น้อยสำหรับกูจนเกินไปนะ” 

ผมเลยต้องเหน็บมันกลับไปบ้าง“หึหึ ไม่น้อยจนเกินไปแต่ใครก็ไม่รู้โกรธกูแทบจะเป็นจะตายที่มาวันเดียว”
ผมนึกแล้วก็ขำ บางทีขนาดเราอายุ20กว่าแล้ว เรียนจบจนทำงานกันแล้ว แต่เราก็ยังมีอารมณ์แบบเด็กๆอยู่เลย โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่กับเพื่อนรักของเรา 

ไอ้ใหญ่มันไม่ว่าอะไรครับแค่เหวี่ยงหมัดมาตุ๊ยท้องผมเบาๆเท่านั้นเอง แล้วก็ทำหน้าเขินๆ “มึงอย่าพูดมาก หายเหนื่อยรึยังจะได้ไปต่อ”
ผมถึงกับต้องหัวเราะออกมาดังๆเมื่อเห็นหน้าไอ้ใหญ่ในตอนนี้  ก็มันหน้าแดงน่ะซิครับมันคงอายที่ทำเรื่องงี่เง่าไว้กับผม พอมันเห็นผมหัวเราะมันเลยเดินขึ้นบันไดไปก่อนเลยครับ ไม่ยอมรอผมแล้ว
ผมตะโกนถามมันทั้งที่ยังยิ้มค้างๆอยู่นี่แหล่ะครับ ขำไอ้ใหญ่ที่มันเขิน“อ้าวไหนว่าจะรอกูไง ทำไมหนีไปแล้วล่ะ กูยังไม่หายเหนื่อยเลย กูไม่ใช่สิงโตเดอะสตาร์นะเว้ยจะได้ไปต่อ”

“ไอ้บ้า ...ไม่รอแล้ว มึงตามกูมั่งแล้วกัน”มันหันกลับมาตอบผมทำหน้ายู่ใส่ผมแล้วยกหมัดให้ ผมเลยวิ่งตามไปจนทันมัน แล้วหันไปบอกมันว่า “ไม่เป็นไรถ้ามึงนำกูก็จะตาม  ถ้ากูนำกูก็จะรอ”
“ยังไงกูก็ไม่ให้มึงหนีไปไหนหรอก กูก็อยู่ข้างมึงอยู่แบบนี้แหล่ะ”
 ไอ้ใหญ่หันมามองหน้าผมแล้วยิ้มตอบ ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างเราอีกจนกระทั่งเราเดินไปถึงพระธาตุ  อาจจะเป็นเพราะเราเหนื่อยกับการเดินขึ้นบันได หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเราได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเราไปจนหมดแล้วก็ได้

ผมไหว้พระ  ปิดทอง  ทำบุญ  เดินเวียนรอบพระธาตุ เสี่ยงเซียมซี  เคาะระฆัง ชมวิวในมุมสูงของเมืองเชียงใหม่แล้วจึงมานั่งชมพระธาตุอยู่เงียบๆกับไอ้ใหญ่ที่ระเบียงวัด   ผมเคยเข้าวัดหลายๆแห่งทุกวัดจะให้ความรู้สึกเหมือนๆกันอยู่อย่างหนึ่งคือความสงบ และความเย็นที่มาจากทั้งอากาศภายนอกและความเย็นที่เกิดขึ้นมาจากภายในใจเราเอง  ทุกครั้งที่ไปวัดผมจึงอยากใช้เวลานั่งเงียบๆแล้วซึมซับความเย็นให้เกิดขึ้นในใจผม   

ไอ้ใหญ่เองมันก็รู้นิสัยผมครับเพราะเราเคยไปนั่งที่วัดพระแก้วในกรุงเทพฯกันบ่อยๆ  ผมกับมันจึงไม่เคยมีความคิดที่จะเที่ยวตามแบบสมัยนิยมคือไหว้พระเก้าวัดภายใน1วัน   การเข้าวัดควรจะให้อะไรกับเรามากกว่าจะมาขอพรกับพระหรือทำสถิติว่าได้ผ่านวัดที่มีชื่อเป็นมงคล  ยกมือไหว้พระมาได้แล้วถึง9วัด(ถึงแม้จะอยู่บนรถก็ตาม)

“มึงมาที่นี่บ่อยรึเปล่าใหญ่ กูชอบว่ะ สงบดีนะ ขนาดมีนักท่องเที่ยวมากๆ ทำไมใจกูยังสงบขึ้นมาได้เลย”
ไอ้ใหญ่หันหน้ามาแล้วถอนหายใจก่อนที่จะบอกผมว่า “มึงคงไม่เชื่อ ถ้ากูจะบอกว่า ตั้งแต่กูกลับมาจากรุงเทพฯ กูเพิ่งได้ขึ้นมาไหว้พระธาตุกับมึงนี่แหล่ะ”
มันยิ้มเหนื่อยๆ “ต้องขอบใจมึงที่ทำให้กูได้มา  อยู่ในวัดแล้วใจมันสงบขึ้นเยอะเลย  อย่างที่มึงบอก”
เรานั่งพิงเสาคุยกันเพื่อผ่อนคลายจิตใจให้สบายที่สุด “ถ้ามึงไม่สบายใจ  กูว่ามึงควรต้องทิ้งปัญหาไว้ก่อนบ้าง แล้วมึงก็มาที่นี่ซิ  มานั่งสำรวมกายใจ”
“กูก็อยากทำอย่างนั้น ไว้กูจะทำ”
ไอ้ใหญ่หลับตาพริ้มมันคงกำลังรู้สึกสบาย  ผมว่าลมมันเย็นจนผมเองก็แทบจะอยากล้มตัวลงนอนตรงนี้ ผมเลยได้ใช้เวลาช่วงนี้มองหน้ามันอย่างจริงจังอีกครั้ง  ผมว่ามันผอมลงไป
“มึงมีอะไรอยากจะพูดกับกูมั้ย”

“มี”ไอ้ใหญ่ลืมตาขึ้นมาทันที   แล้วมองหน้าผม ผมรอฟังคำพูดของมันอย่างตั้งใจ

“ขอบคุณนะ”
เราต่างก็มีรอยยิ้มส่งให้กัน  ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่พยักหน้าแล้วพูดเพียงแค่ว่า “อืม ด้วยความยินดี”

กว่าเราจะลงมาจากพระธาตุก็บ่ายกว่าแล้วครับ  อิ่มอกอิ่มใจแล้วแต่ท้องยังไม่อิ่ม ท้องผมเริ่มแสดงออกว่าอาหารมือเช้าได้หมดไปกับการใช้พลังงานในการเดินขึ้นบันไดไปหมดแล้ว ผมนึกขึ้นมาถึงประโยคที่ว่า

"หากมาเชียงใหม่ แล้ว ไม่ได้กินข้าวซอย
             ไม่ได้ขึ้นดอยสุเทพ ก็เหมือนกับว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่"

“กูอยากกินข้าวซอย มึงพากูไปกินที”ไอ้ใหญ่พยักหน้า “ได้เลย ไปกัน กูก็หิวเหมือนกัน”

ไอ้ใหญ่พาผมซอกซอนเข้าซอยจนไปทะลุถนนเส้นหนึ่งซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันคือที่ไหนกัน แต่ร้านที่มันพาผมไปกินชื่อ “ข้าวซอยลำดวน” เป็นร้านเล็กๆก็จริงแต่มีลูกค้านั่งเต็มร้านเลยครับถึงแม้จะเป็นเวลาบ่ายมากแล้ว
ผมกับไอ้ใหญ่ใช้เวลาในการกินไม่มากซัดกันไปคนละสามชาม คงเป็นเพราะหิวมากและอีกสาเหตุหนึ่งคืออร่อยมากจริงๆครับ  พอทานอิ่มไอ้ใหญ่ก็ถามผมว่าผมมีแผนอยากจะไปที่ไหนบ้างอีกในเวลาที่เหลืออยู่  มันจะได้วางแผนพาไปให้ถูก

“กูไม่รู้จริงๆว่ะ กูไม่ได้ตั้งใจจะมาเที่ยวนี่ กูแค่จะมาหามึงเท่านั้นเอง”ตอนที่ผมขึ้นรถมานั้นใจผมจดจ่ออยู่ที่มันจริงๆ  ไม่ได้คิดเลยว่าจังหวัดที่ผมจะไปจะมีที่เที่ยวหรือไม่  เพราะต่อให้มันอยู่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตอนนี้ไม่มีใครอยากจะเสี่ยงไป  ผมก็คงจะไปหามันอยู่ดี
“งั้นเราไปที่ไหนดี มึงอยากจะซื้อของฝากกลับบ้านรึเปล่า”ผมส่ายหน้า ผมไม่สนใจที่จะซื้อของจริงๆ  อีกเหตุผลหนึ่งคือไม่มีใครรู้ด้วยว่าผมมาที่นี่แล้วผมจะซื้อของไปฝากทำไมให้เค้ารู้ ไอ้ใหญ่ทำสีหน้าครุ่นคิด  กลายเป็นปัญหาของมันไปแล้วว่าเราจะไปที่ไหนกันดี

 “งั้นเดี๋ยวกลับบ้านกูก่อน ไปเปลี่ยนเป็นรถมอเตอร์ไซด์ กูจะขี่รถพามึงชมเมืองเชียงใหม่ไปทั่วๆ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ก็ดีเหมือนกัน มันว่าไงก็ต้องว่าตามกันอยู่แล้วครับ  ยังไงๆวันนี้ก็คงมีเพียงผมกับมัน ผมอยากใช้เวลากับมันให้มากที่สุด
************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเช่นเคยค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑0๑0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑0๑0
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 04-09-2009 14:03:57
^
^
แต่ละประโยคที่คุยกัน สื่อความนัย o13 :z2:

 :L2: ให้กำลังใจค่ะ !+1
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑0๑0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑0๑0
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 04-09-2009 14:11:44
การี๊ดดด เพื่อนใหญ๋เพื่อนฝัน น่ารักมากมายอ่ะคะ
โชว์พลังค.เป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ได้แมนแท้เสียเหงื่อไปหลายเลยเนอะ
ใหญ่น่ารักที่สุด “มันไม่มีคำว่ากำไรขาดทุนสำหรับมึงหรอก”
>ใช่สำหรับเพื่อน สำหรับคนที่เรารู้สึกว่ารักเกินคำๆนั้น ไม่มีคำว่าขาดทุนอีกแ้ล้ว
กับการที่ได้มาพบเจอกันอีกครึ่งนึง หรือจะรอคอยนานแค่ไหนก้อตามมันคุ้มแสนคุ้มต่างหาก :-[
ได้ใจหลายประโยคเลยนะเนี่ยเพื่อนใหญ่ “ไม่เป็นไรมึงไม่ต้องรอ  แค่กูรู้ว่าปลายทางมึงต้องอยู่ตรงนั้น แค่นี้กูก็ไม่กลัวอะไรแล้ว” >>  :monkeysad: รักนุ้งใหญ่

แค่คำพูดไม่กี่คำมันบอกทุกสิ่งทุกอย่างของค.รู้สึกระหว่างกันได้เลยนะเนี่ย
ไม่ต้องใช้คำพูดมากมายแต่มันทำให้การสื่อสารชัดเจนมากทั้งสายตาและการกระทำ :กอด1:
เด๋วนุ้งใหญ่จะพาสก๊อยทัวร์เมืองเชียงใหม่ อิอิ
+1 จัดให้คะ เลิศ!!1 o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑0๑0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑0๑0
เริ่มหัวข้อโดย: zingiber ที่ 04-09-2009 14:37:15
แต่ละประโยคที่คุยกันเนี่ย แบบว่า....ได้ใจสุดๆ  o13

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑0๑0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑0๑0
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 04-09-2009 16:28:45
ความนัยสุดๆเลยแต่ละประโยค
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑0๑0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑0๑0
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 04-09-2009 23:43:31
ที่สุดแล้วก็ยังไม่มีความจริงที่อยากจะพูดหลุดออกมาจากปากของเพื่อนรัก

แล้วสภาพการแบบนี้จะอีมครึมต่อไปอีกนานแค่ไหน

+1 ให้เป็นกำลังใจ ให้กล้าพูดกล้าทำในสิ่งที่อยากทำ

รอฉบับที่ 11 อย่างใจจดใจจ่อ :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑0๑0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑0๑0
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 04-09-2009 23:57:20
 o13 o13 o13
ตอนนี้เป็นตอนที่มีความหมายมากในการจับความรู้สึกของแต่ละคน
ด้วยความนัยที่ต่างฝ่ายต่างสื่อถึงกันผ่านคำพูดง่ายๆ
ถ้ามึงนำกูก็จะตาม ถ้ากูนำกูจะหยุดรอ...
มันไม่มีคำว่ากำไรขาดทุนสำหรับมึงหรอก...
แค่สองข้อความนี้ก็กินใจความสำคัญที่ต้อง การจะถ่ายทอดได้เป็นอย่างดีแล้ว
จะรออ่านตอนต่อไป ตอนที่รู้ว่าทั้งคนต้องได้ไปเที่ยวด้วยกันต่อ อิๆ
นิว

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑0๑0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑0๑0
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 05-09-2009 00:50:36
เป็นการพบกันที่น่าประทับใจจริงๆ

ทั้งสองเป็นส่วนเติมเต็มของกันและกัน

 :กอด1:

รออ่านตอนต่อไปนะค้าบ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑0๑0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑0๑0
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 06-09-2009 03:11:54
ใหญ่คงอึดอัดมากๆ ที่ต้องเก็บซ่อนความในใจบางอย่างไว้
จะพูดให้ชัดเจนออกไปก็กลัวจะเสียเพื่อนรักเพราะความรักเพื่อน
ฝันเองก็ยังไม่เข้าใจ แม้จะรู้สึกดีๆบ้างก็ตาม
จะมีวันได้เข้าใจและมีใจตรงกันบ้างมั้ยหนอ
บวก 1 แต้มนะคะ ชอบตอนนี้มากค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑1๑1 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑1๑1
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 06-09-2009 11:03:43
มาถึงตอนที่๑๑แล้ว อ่านต่อกันเลยค่ะ :really2:
******************************
(ตอนที่๑๑)

เรากลับไปที่ร้านอีกครั้ง ใหญ่ต้องใช้เวลาเคลียร์งานอีกนิดหน่อยแล้วเราก็ออกมากันอีกรอบ  พ่อของใหญ่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  ไอ้ใหญ่เองก็ดูร่าเริงดีตามประสาคนได้โดดงานน่ะครับ  ผมยังไม่เคยเห็นใครโดดงานแล้วไม่มีความสุขซักคน ตอนที่เราจะออกมา  พ่อยังมายืนส่งพวกเราด้วย แล้วสั่งเหมือนเรายังเป็นเด็กๆ
“อย่าขับเร็วนะใหญ่ มีเพื่อนไปด้วยระวังๆล่ะ”  ผมเลยสงสัยว่ามันต้องชอบขี่มอเตอร์ไซด์เร็วๆแน่นอนพ่อถึงต้องมาเตือน
 “มึงมาซ้อนท้ายกูมา จับกูให้แน่นๆ อย่าปล่อยกูไปล่ะ”

ผมเองไม่เคยขึ้นมอเตอร์ไซด์ซักที ใส่หมวกกันน็อคเก้ๆกังๆ จนมันต้องมาใส่เข็มขัดรัดคางให้  ผมออกจะตื่นเต้นนิดหน่อย
 “กูกลัวว่ะ มึงอย่าขี่เร็วนะ”
“เออน่าเชื่อมือกูเหอะ ทำเป็นป๊อดดไปได้”แต่มันก็หลอกให้ผมตายใจครับ ไอ้ใหญ่ออกตัวรถอย่างรวดเร็วแกล้งจนผมเกือบหงายหลัง ผมเลยต้องรัดเอวมันไว้แน่นด้วยความกลัว   แล้วโวยวายออกมา
“เชี่..ใหญ่  ขับซะเร็วรู้ๆอยู่ว่ากูกลัว”เสียงมันหัวเราะดังมาแว่วๆ   คงดีใจที่ทำให้ผมเสียฟอร์มได้ แล้วยังหันหน้าจะมาชวนผมคุยอีก

“ไม่ยักรู้ว่ามึงกลัวความเร็ว เห็นชอบเลวๆๆ” ผมเลยยิ่งกลัวขึ้นไปอีก  คนขับหันเล่นหน้าหันหลังคุยไปแบบนี้ กลัวมันจะขับไปชนอะไรซะก่อน  ผมเลยตะเบ็งเสียงตอบมันไปว่า
“กูคงได้เลวๆแน่ ถ้ามึงยังแกล้งกูแบบนี้ ลงจากรถเมื่อไหร่น่าดูนะมึง ขับไปดีๆไม่ต้องหันหน้ามา”
“ก็กูกลัวมึงไม่ได้ยินนี่นา”มันยังหันมาอีกครับ
“ไม่ต้องหันมา   กูได้ยิน งั้นกูอยู่ใกล้ๆมึงแบบนี้ก็ได้”ผมกอดเอวมันแน่นขึ้นจนลำตัวแนบชิดกับมันแล้วเอาหน้าไปเกยไหล่ใกล้ๆกับหน้ามันแต่ขัดที่หมวกกันน็อคมันเกะกะ  แต่หน้าเราก็ใกล้กันจนผมเห็นแก้มแดงๆของไอ้ใหญ่ที่ตอนนี้แดงไปจนถึงใบหู
 “มึงไม่ต้องใกล้กูขนาดนี้ก็ได้ กูไม่พูดแล้ว”
ผมไม่ตอบอะไรแต่กลับกอดมันแน่นยิ่งขึ้น ไม่อยากจะขยับเปลี่ยนท่าอะไรอีก

เราใช้เวลาขี่รถวนเวียนชมรอบเมืองเชียงใหม่จนค่ำ  เชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่ที่มีผู้คนมากมายพลุกพล่านไม่แพ้กรุงเทพฯ  ไปที่ไหนก็มีแต่คนมากๆ ผมเลยไม่ค่อยรู้สึกแตกต่างจากเมื่ออยู่กรุงเทพฯเท่าไหร่  จะต่างกันก็แค่ผมไม่ได้ซ้อนท้ายวิน
มอเตอร์ไซด์ แต่ผมซ้อนท้ายไอ้ใหญ่  เราคุยเรื่องทุกเรื่องที่เราสบายใจ เรื่องเพื่อนๆเรื่องงานที่เราขำๆ

ไอ้ใหญ่พาผมไปกินอาหารอร่อยๆหลายอย่างในเมืองเชียงใหม่จนผมจุกไปหมด ในตอนนี้สมองผมว่างเปล่าไม่มีเรื่องอะไรต้องคิด ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกมีเพียงผมกับมันเท่านั้น  เราคงจะลืมทุกคนที่อยู่เคยรอบกายเรา  ไม่มีใครพูดถึงเวลากลับของผมทั้งที่มันใกล้เข้ามาทุกที จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังทานข้าวเย็นอยู่  ไอ้ใหญ่พยักหน้าให้ผมรับสาย  ผมดูชื่อสายที่โทรเข้ามา เป็นอ้อยนั่นเองครับ
“ฝัน..เธอไม่มาเรียนเหรอวันนี้ ทำไมยังมาไม่ถึงล่ะ”ผมเงียบไปชั่วขณะ ไม่อยากโกหกอ้อย
“วันนี้เราไม่ไปนะอ้อย  เอ่อ...”ผมหันไปมองไอ้ใหญ่  มันไม่ได้มองผมที่คุยโทรศัพท์อยู่ก็จริง แต่ผมรู้ว่ามันได้ยินทุกถ้อยคำที่ผมพูด “ไว้เจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน มีอะไรรึเปล่าครับ”

“อ๋อ...ไม่มีอะไร เราแค่สงสัย ปกติฝันไม่ค่อยโดด เลยกลัวว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า แล้วไปหาหมอมาหมอว่าไงบ้าง”
“อืม..ไม่มีอะไรหรอกเราหาหมอเสร็จก็มาทำธุระนิดหน่อยเลยกลับไปเรียนไม่ทัน” ไอ้ใหญ่สบตาผมผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไร แต่ผมยังไม่อยากคุยโทรศัพท์กับอ้อยต่อ ผมอยากใช้เวลาก่อนกลับกับเพื่อนให้มากที่สุด
“แค่นี้ก่อนนะอ้อย ผมทานข้าวอยู่ แล้วเจอกันครับ” ผมวางสายทันทีแต่ยังทันได้ยินเสียงอ้อยที่ตอบกลับมาว่า “โชคดีจ๊ะ”

“อ้อยเหรอ?” ไอ้ใหญ่ถามผมทั้งๆที่มันรู้อยู่แล้ว หรือว่ามันไม่ได้ต้องการคำตอบจริงๆ เป็นเพียงแค่การชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบเท่านั้นเอง ผมเลยพยักหน้าตอบไปแล้วกินข้าวต่อ
“อ้อยเป็นคนดีนะ” ผมเงยหน้าขึ้นทันที ไม่เข้าใจสิ่งที่ไอ้ใหญ่กำลังจะพูด ไอ้ใหญ่มันพูดไปยิ้มไป
 “กูจะดีใจมากถ้ามึงกับอ้อยจะเป็นแฟนกันเสียที” แววตาของไอ้ใหญ่ดูจริงใจกับทุกคำที่มันพูด แต่ผมกลับรู้สึกอึดอัดใจ   ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมสงสัยว่าอ้อยอาจจะมีใจให้ไอ้หนุ่ย แต่ผมรู้แค่ว่าผมไม่ชอบที่ไอ้ใหญ่พูดแบบนี้

“กูไม่อยากพูดเรื่อง..คนอื่น...ตอนนี้”ผมตัดบทไม่อยากคุยเรื่องนี้อีก แต่ไอ้ใหญ่กลับไม่ยอมจบ
“ทำไมล่ะ..ก็มึงชอบอ้อยมากนี่..ทำไม” ผมไม่อยากตอบมัน เพราะผมเองก็ไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกันว่าตอนนี้ผมรู้สึกกับอ้อยแค่ไหน ผมกินข้าวหมดจานพอดีในขณะที่ไอ้ใหญ่กินข้าวหมดไปแค่ครึ่งจาน
“ทำไมมึงไม่กินข้าวก่อน เลิกพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องซะที” ดูเหมือนผมดุไอ้ใหญ่ไปแล้ว มันก็คงดูออกว่าผมรำคาญที่มันยังคงเซ้าซี้พูดไม่เลิก

 ไอ้ใหญ่ถอนหายใจ “มึงก็เป็นซะแบบนี้”
“กูก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว  หรือมึงไม่ชอบล่ะ”ไอ้ใหญ่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป ผมนึกว่ามันจะไม่ตอบคำถามที่ผมถามมัน แต่มันก็ตอบ....ถึงแม้มันจะไม่ยอมเงยหน้ามองผมเลยก็ตาม
“ชอบซิ.... นิสัยมึงแบบนี้กูก็ยังชอบ”

เสียงไอ้ใหญ่ไม่ดังก็จริง มันพูดเบากว่าปกติด้วยซ้ำ แต่ผมก็ได้ยินชัด ผมรู้สึกเหมือนตัวชาๆแต่ก็มีความสุขกับคำตอบมัน  จนไม่รู้ตัวว่าผมกำลังยิ้มอยู่ มันเองก็คงไม่รู้ตัวว่ามันหน้าแดง  ไฟข้างถนนไม่สว่างมากก็จริงแต่ผมก็ยังเห็นอยู่ดีว่ามันหน้าแดง
“.......”ทั้งผมและมันต่างก็เงียบ ผมตัดสินใจให้ช่วงเวลาที่ต่างคนต่างเงียบหมดไป

“มึงกับกูก็เหมือนกัน..นิสัยเลวๆที่มีเหมือนกันหมด...พอกัน” ผมพูดไปก็หัวเราะไป  มันก็หัวเราะ แต่ฟังดูก็รู้ว่าเสียงหัวเราะของเรามันก็เพียงอาการแก้เขินเท่านั้นเอง ก็ผู้ชายสองคนมาพูดอะไรแปลกๆแบบนี้นี่ครับ
“มึงซินิสัยเลว..กูไม่มี…ไอ้ฝัน” มันเงยหน้ามามองผมเอากำปั้นชกเบาๆที่ไหล่ผม แล้วเราหัวเราะด้วยกันอีกครั้ง แล้วเสียงโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้นมาบ้าง มันบอกผมว่า “พ่อกูโทรมา”
ผมพยักหน้าให้มันรับ แต่ทันทีที่รับสายมันก็ขมวดคิ้วทันที
“ครับ...ผมลืมสนิทเลย”ไอ้ใหญ่ทำสีหน้าไม่ดีเลยครับ “แล้วใครไปรับ...นุ่นใช่มั้ย...โอเค”
“ให้ผมคุยกับน้องออมเองครับ...”ผมเริ่มเครียดขึ้นมาบ้าง อยู่กับมันทั้งวันแต่ผมลืมถามมันไปเลยว่าตกลงน้องออมคือใคร
“.อย่าร้องไห้นะคะ....โอ๋ๆๆๆ....ขอโทษนะคะ....รักซิคะ..จริงๆ.”

ไอ้ใหญ่หันหลังให้ผมก็จริง แต่ผมก็ได้ยินทุกถ้อยคำที่มันพูด น้องออมคงเป็นคนที่มันแคร์จริงๆ
“เอาขนมอะไรมั้ยคะ ...เดี๋ยวซื้อไปชดเชยนะคะ...ไม่โกรธกันนะ..ดีกันแล้วนะคะ”
ผมอยากเดินไปไกลๆไม่อยากรับรู้ไม่อยากได้ยินอะไรอีก  ก็คงเป็นเหมือนผู้หญิงคนก่อนๆของมันสมัยที่มันมีแฟนอยู่กรุงเทพฯ เพียงแต่มันไม่เคยหวาน ไม่เคยอ่อนโยน และไม่นุ่มนวลขนาดนี้
ทำไมผมรู้สึกเจ็บๆในใจ ผมอาจจะหวงเพื่อนเกินไปจนไม่มีความสุข  ผมกวักมือเรียกเด็กมาเก็บค่าอาหาร ดูนาฬิกาเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถทัวร์ก็จะออกแล้ว

“ไม่ร้องแล้วใช่มั้ยพ่อ...ผมขอโทษครับพ่อ เดี๋ยวผมจะไปส่งไอ้ฝันเลยคงไม่ได้ไปแวะที่บ้านก่อน”ไอ้ใหญ่หันหน้ามาพอดี ผมฝืนใจส่งยิ้มให้มัน “ขอกูลาพ่อมึงหน่อยซิ” ไอ้ใหญ่พยักหน้า
“พ่อ...ฝันจะคุยด้วย” ไอ้ใหญ่ยื่นโทรศัพท์ให้ผม สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“พ่อครับ ผมขอโทษนะครับ ไม่ได้ไปไหว้ลาพ่อกับแม่ด้วยตัวเอง ขอลาทางโทรศัพท์แล้วกันครับ”
“ไม่เป็นไร เดินทางปลอดภัยนะลูก ขอบใจที่มาเยี่ยมใหญ่มัน พ่อไม่เห็นมันมีความสุข ร่าเริงแบบนี้มานานแล้ว”ผมดีใจที่อย่างน้อยผมก็ทำให้เพื่อนมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง  ถึงแม้จะไม่มากเท่าที่ควรก็ตามที

“บอกใหญ่นะว่าน้องออมไม่ร้องไห้แล้ว  สบายใจได้ คงหายงอนแล้วล่ะ ใหญ่มันลืมไปรับน่ะ เค้าเลยงอน”ผมพยักหน้ารับรู้ถึงแม้จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นผมลานะครับพ่อ เดี๋ยวไปขึ้นรถแล้ว”
 “โชคดีนะลูก มีเวลามาใหม่นะ”ผมวางสายจากพ่อด้วยใจที่หนักอึ้ง แต่ก็บอกไอ้ใหญ่ตามที่พ่อฝากบอกมา
“พ่อบอกว่าน้องออมไม่ร้องไห้แล้ว คงหายโกรธแล้ว”มันยิ้มอย่างดีใจ  สีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ค่อยยังชั่วหน่อย..กูลืมม....”ผมไม่ปล่อยให้มันพูดหรือเล่าอะไรต่อ  เวลาของเราหมดแล้ว

“เราต้องรีบไปแล้วใหญ่   รถจะออกแล้ว”ผมเดินไปที่รถเอาหมวกมาใส่ไอ้ใหญ่เอื้อมมือมาจะช่วยผมใส่เหมือนเคย แต่ผมปัดมือมันออก
“ไม่ต้อง..”ไอ้ใหญ่หน้าเสียทันที ผมเลยรู้สึกตัวว่าผมพูดห้วนเกินไปแล้ว ผมเริ่มคุมอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆก็หงุดหงิดขึ้นมาได้ยังไง
“กูใส่เองเป็นแล้ว”ไอ้ใหญ่ไม่พูดอะไรอีกใส่หมวกแล้วก้าวขึ้นรถทันที ผมซ้อนท้ายมันเหมือนเคย แต่ยังลังเลที่จะกอดเอวมันอีกครั้ง ไอ้ใหญ่ยังคงไม่ออกรถจนผมสงสัยต้องชะโงกหน้าไปถามมัน
“ทำไมยังไม่ไป เดี๋ยวไปไม่ทัน”

ไอ้ใหญ่ตอบเสียงเรียบๆมาว่า “มึงยังไม่จับเอวกู เดี๋ยวมึงหล่นลงไป กูไม่มีมึงกลับไปคืนให้อ้อย”
ผมกัดฟันตอบมันไป  “อืม..จริง” แปลกที่ผมหงุดหงิดเมื่อมันพูดแบบนั้นผมเลยแกล้งกอดเอวมันแน่นจนได้ยินมันร้องออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ
ไอ้ใหญ่เอามือซ้ายพยายามคลายมือผมออกไม่ให้รัดแน่นเกินไปแต่ผมกลับยึดมือของมันไม่ปล่อยคืนโดยกุมไว้อย่างนั้น ไอ้ใหญ่พยายามดึงมือออกอีกครั้งแต่ผมก็ไม่ยอม มันเลยจำใจต้องขับรถไปทั้งมือเดียวแบบนั้น

 แล้วไอ้ใหญ่ก็ออกรถด้วยความรวดเร็วอีกครั้งทั้งที่ขับมือเดียว ผมกลัวที่จะตกรถจริงๆ  เลยกอดเอวมันแน่นผมบอกตัวเองแบบนั้น  เมื่อออกถนนไปซักพักไอ้ใหญ่เริ่มชะลอความเร็วลง ผมรู้สึกเพลียกับการขี่รถมอเตอร์ไซด์ร่อนไปทั้งวัน เลยเอาหน้าแนบไปกับหลังไอ้ใหญ่เพื่อหยุดพัก  สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายมันเลือดเนื้อของมันที่ผมกอดอยู่  ผมรู้สึกสบายจนเกือบจะเคลิ้มหลับไป  ผมไม่รู้ว่ามันชะลอความเร็วลงไปอีกเมื่อไหร่  แต่รู้สึกเหมือนเรากำลังอยากทอดเวลาให้มันช้าลงเพื่อผมกับมันจะได้แยกจากกันช้าที่สุด แต่ความจริงก็คือผมมาถึงที่สถานีรถทัวร์แล้ว เหลือเวลาอีกประมาณ5 นาทีที่ผมจะต้องไป

“เดินทางปลอดภัยนะมึง แล้วเขียนจดหมายมาหากูบ้าง”ไอ้ใหญ่ฝืนยิ้มส่งให้ผม
ผมอยากได้เบอร์โทรศัพท์ของมัน “กูขอเบอร์มึงหน่อย เผื่อกูอยากคุยกับมึง”ไอ้ใหญ่เงียบไปชั่วครู่แต่ก็พยักหน้า ผมถามเบอร์มันแล้วโทรเข้าหาเพื่อให้มันบันทึกเบอร์ไว้ แต่มันก็ยังไม่วายสั่งผมว่า
“มึงอย่าโทรมานะ ไว้กูจะโทรไปเอง”ผมไม่เข้าใจว่าทำไม  แต่ผมก็เชื่อมัน อย่างน้อยผมก็ขออุ่นใจว่ามีเบอร์โทรของมันแล้ว

“ดูแลอ้อยดีๆนะ มีข่าวดีเมื่อไหร่อย่าลืมบอกกู” มันพูดกับผมอีกครั้งก่อนที่ผมจะก้าวขึ้นบันไดรถไป  ผมจุกๆในอกรู้สึกเหมือนมันกำลังยกผมไปให้คนอื่น ผมเลยหันกลับมาบอกมันบ้างว่า
“มึงก็เหมือนกันดูแลน้องออมดีๆ มีข่าวดีก็อย่าลืมบอกกูเหมือนกัน” ผมฝืนยิ้มส่งให้มันพยายามทำเสียงให้ร่าเริงเข้าไว้
“เสียดายวันนี้เลยไม่ได้เจอเพื่อนสะใภ้” ไอ้ใหญ่อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่มันก็ยังไม่พูด มีเพียงแววตาเศร้าๆที่มองกลับมา ในที่สุดมันก็พูดขึ้นมาว่า “น้องออมเค้าเป็น......”

แต่ก่อนที่มันจะพูดต่อจนจบประโยค ผมกลับไม่อยากรับรู้รีบยกมือขึ้นห้ามมันไม่ให้พูดต่อ
 “กูไม่สนใจ..ไม่ต้องบอกกู” เราสบตากันนิ่งเมื่อผมพูดจบ
ไอ้ใหญ่ถอนหายใจอีกครั้ง แล้วรำพึงกับตัวเองมากกว่าที่จะพูดกับผม
“จริงซินะ เราต่างก็มีคนที่ต้องดูแล เรื่องของกูก็ไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องสนใจ” พอมันพูดทำนองน้อยใจแบบนั้น ผมอยากจะค้านว่ามันไม่ใช่ ผมไม่ได้คิดแย่ๆแบบนั้น
“กูไม่ได้...”

ไอ้ใหญ่บีบไหล่ผมแล้วส่ายหน้า “รถจะออกแล้วมึงขึ้นไปเถอะ”
ผมเข้าใจแล้วว่ามันรู้สึกยังไงเมื่อมีคนปฏิเสธไม่อยากฟังสิ่งที่เราจะพูด แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เวลามันหมดแล้ว

เวลาของผมกับมันในหนึ่งวันกำลังจะหมดไปแล้วจริงๆ  เหมือนอย่างที่มีคนเคยบอกไว้ว่าเวลาไม่เคยรอใคร  ผมรู้สึกใจหายที่จะต้องแยกจากกันแล้ว  ผมโบกมือให้มันก่อนจะจากไป
“ไปแล้วนะ เจอกันวันรับปริญญานะมึง"
" สัญญานะ”

มันพยักหน้าอย่างหงอยๆ  แล้วผมก็ต้องขึ้นรถไป มันยังคงยืนส่งผมอยู่ข้างล่าง เราโบกมือให้กันจนรถเคลื่อนออกจากอาเขตมันพูดออกมาคำหนึ่งซึ่งผมอ่านจากปากมันได้ มันบอกว่า
“สัญญา....เพื่อน”
**************************
เฮ้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑1๑1 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑1๑1
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 06-09-2009 14:17:08
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อ่านแล้วหนักใจจังไม่พูดกันให้หมดเปลือกเอาแต่ปิดกันไปปิดกันมา
น้องออม คงจะเป็นหลาน หรืออะไรสักอย่างนี่ละถึงต้องดูแลคอยรับส่ง
แล้วจะรออ่านต่อไป ในที่สุดทั้งคู่ก็ต้องแยกกันละไวจัง
เจอกันไม่ทันไรก็ต้องแยกกันแล้ว นับตอนได้เลยที่อยู่ด้วยกัน
นิว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑1๑1 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑1๑1
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 06-09-2009 14:41:04
ตอนนี้เศร้าอะ :m15:

ได้แต่รอลุ้น เพราะในเมื่อเจ้าตัวกันเอง

ยังไม่ชัดเจนในความรู้สึกเลยว่า มีใจให้กัน

เกินคำว่า "เพื่อน" รึเปล่า  :เฮ้อ:

รอตอนต่อไปคับผม
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑1๑1 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑1๑1
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 06-09-2009 15:35:48
เก็บไว้ในใจ
พอจะพูดก็ได้แต่เอ่ยออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ ไม่เข้าในกันสักที
แบบนี้เมื่อไรจะเข้าใจกัน
เศร้าแบบอึดอัดจริงๆ
ลุ้นขึ้นมั้ยเนี่ยคู่นี้
ขอบคุณมากนะคะ รออ่านต่อค่ะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑1๑1 จดหมาย
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 06-09-2009 17:00:44
 :sad4: อะไรกันเนี่ย จะจากกันแล้วต่างฝ่ายต่างมีเรื่องต้องให้ขุ่นเคืองกันอีก
ต่างคนต่างคิดกันไปเอง  :เฮ้อ: กำลังจะลากันด้วยดีแล้วไหงเป็นแบบนี้ล่ะ
เพื่อนใหญ่ก้อคิดมากเรื่องอ้อย ส่วนฝันก้องอนไม่เป็นเรื่องๆน้องออม
ใหญ่ก้อปากหนักไปนิดส์ โดนเบรคซะหัวทิ่ม จะอ้าบอกซะหน่อยว่าน้องเอมเป็นอะไรกันตัว
แล้วนี่กะจะไปเจอกันจนกระทั่งรับปริญญารึไงเนี่ย พ่อคู๊น :z3:

+1 จัดให้คะ  o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑1๑1 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑1๑1
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 06-09-2009 17:41:33
 :z3:  แทนที่จากกัน  จะยังหลงเหลือกรุ่นแห่งความสุข เพื่อวันต่อไป ในยามคิดถึง

แล้วทำไม ต้องจากกันด้วยความไม่เข้าใจด้วย  ต่างคนต่างเข้าใจผิด เฮ้อออ  แล้วก็เป็นทุกข์

แล้วใหญ่เป็นไรนักหนา ถึงไม่อยากให้ฝันโทรหา  เฮ้อออออออออออออออออออออออออ

คนอ่านเริ่มสับสน ใครจะรับรุกกันหว่า  5555 กร๊ากกกกกก (me/ให้เค้าเปิดใจก่อนเถอะถึงไปคิดถึงขั้นนั้น :beat: )

เพราะอ่านๆๆไป ใหญ่เนี่ย ขี้อายมากๆเลย แอร๊ยยยย น่าถนุถนอม

หนึ่งบวก ค่ะ   ต่อเร็วๆๆนะ  เฮ้อออออออ ไม่อยากให้สองคนต่างเข้าใจกันผิดนาน

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑1๑1 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑1๑1
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 06-09-2009 18:59:18
อ่านแล้วทำไมถึงรู้สึกหนักๆ

อึ้งๆ บอกไม่ถูก มันเศร้าๆง่ะ - -*

น้องออมต้องเป็นเด็ก เป็นหลานปามานนี้แน่ๆเลย

ลุ้นอ่ะ เดาเรื่องไม่ออก ว่าจะเปนยังไงต่อไป

สู้ๆๆนะคนแต่ง ^^
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑1๑1 จดหมายจากเพื่อนรัก ๑1๑1
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 07-09-2009 18:20:51
เข้ามารอฝันกะใหญ่  หุหุ  วันนี้จะมาป่าวหว่า :m21:

ต่างฝ่ายต่างคิด
 :m17:  ปรับความเข้าใจกันเร็วๆๆ นะ

ให้กำลังใจคนเขียน คนโพสต์ ด้วยค่ะ 
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๒๑๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๒๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 07-09-2009 18:54:08
^
^สงสัยได้ยินคนเรียกมา :really2: เลยขอมาลงหน่อย***********************************************
(ตอนที่๑๒)

หลังจากรถทัวร์ออกจากเชียงใหม่ได้ไม่นานพนักงานบริการสาวเริ่มแจกข้าวแจกน้ำ ผมรับมาไว้อย่างนั้นแต่ก็ทานไม่ลงเพราะพึ่งทานมาอิ่มๆ  ผู้โดยสารส่วนใหญ่ใช้เวลากับอาหารสักพักก็เริ่มเงียบเสียงลง หลายๆคนเริ่มเตรียมตัวนอน ไฟในรถหรี่ลงจนเกือบมืดสนิท ผมพยายามข่มตาหลับอยากจะพักผ่อนให้มากที่สุดเพราะพรุ่งนี้เช้าก็ต้องรีบไปทำงาน  แต่ผมก็หลับไม่ลง ไม่ใช่เพราะเป็นการนอนบนรถที่ไม่สะดวกสบาย  ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่ว่าแอร์เย็นเกินไป เหตุผลทางกายไม่ใช่เรื่องที่สำคัญเลย มันอยู่ที่ความรู้สึกในใจผมเองมากกว่า

ความรู้สึกบางอย่างที่ยังคุกรุ่นในใจ  มันเหมือนมีม่านหมอกบางๆบังตาผมอยู่ เหมือนเวลาที่เรามองอะไรที่สวยงามเหมือนอยู่ในฝัน  แต่มันก็ลางๆเลือนๆไม่เคยชัดเจน
ผมดีใจที่ผมมาเชียงใหม่  ดีใจที่ได้เจอไอ้ใหญ่ ภายในเวลาหนึ่งวันที่เราอยู่ด้วยกันผมรู้ว่าทั้งมันและผมสนุกจริงๆ  เหมือนเราได้ย้อนวันเวลาเก่าๆกลับมาอีกครั้ง ทุกเรื่องที่เราคุยทุกเรื่องที่เราเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องชีวิตใหม่ๆที่เจอก็จริง  แต่เราก็ต่างเลือกที่จะแลกเปลี่ยนเรื่องราวดีสนุกๆเล่าสู่กันฟัง

ไอ้ใหญ่ละไว้ไม่พูดเรื่องปัญหาที่มันต้องรับผิดชอบ ผมเองก็ไม่ซักไซ้ไล่เรียงอะไรกับมันเพราะผมก็รู้เรื่องมาพอสมควรแล้ว  และไม่อยากให้ช่วงเวลาที่ใบหน้ามันยิ้มๆอยู่ต้องเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าที่ร้องไห้เศร้าเสียใจ  ผมปลอบใครไม่เป็นจริงๆนี่นา
ส่วนตัวผมเองก็เล่าแต่เรื่องขำๆในที่ทำงาน เราต่างไม่ถามถึงอ้อยหรือออม เหมือนละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าเวลานี้มีแค่เรื่องของเราสองคนเท่านั้น แต่พอถึงเวลาที่ผมจะกลับกรุงเทพฯ มันราวกับว่าทั้งผมและไอ้ใหญ่ต่างก็ทิ้งปัญหาไว้ในใจของกันและกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าปัญหานี้ใครจะเป็นคนที่ให้คำตอบ หรือมันไม่เคยมีคำตอบกันแน่

  ผมหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อนความรู้สึกไม่สบายใจยังกวนใจผมอยู่  แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรดี ได้แต่ปล่อยมันไปก่อน ผมคงต้องปล่อยมันไป เวลาคงจะบอกอะไรผมได้ในที่สุด ผมได้แต่หวังไว้แบบนั้น

วันเวลาของผมกลับมาอยู่ที่การทำงานและการเรียนโทเหมือนเคย ไม่มีเสียงโทรศัพท์มาจากไอ้ใหญ่อย่างที่ผมคาดไว้  ผมเองเลยไม่แน่ใจว่าผมควรจะโทรไปหามันรึเปล่า และเราก็ยังไม่มีจดหมายหากันเหมือนเคย เหมือนๆจะวัดใจว่าใครจะอดทนไม่ไหวก่อนกัน  ที่จะส่งจดหมายไปบอกว่าคิดถึงกัน  เรื่องของอ้อยกับไอ้หนุ่ยเองก็ดูวุ่นๆ เมื่อไอ้หนุ่ยมีทีท่าว่าจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน มันก็เลยหายไปนาน....ผมรู้มาตลอดว่ามันไปกับว่าที่แฟน แต่อ้อยคงไม่รู้  ปัญหาเลยมาตกอยู่ที่ผมเมื่ออ้อยเริ่มสงสัย

“ทำไมพี่หนุ่ยหายไป”
“ทำไมพี่หนุ่ยไม่มา”
“ทำไมเราติดต่อพี่หนุ่ยไม่ได้” และสารพัดกับคำถามที่ว่าทำไมหนุ่ยหายไปจากชีวิตอ้อย อ้อยเริ่มเสียการควบคุมอารมณ์อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เริ่มหงุดหงิดใส่ผมและคนรอบข้าง

“ไอ้หนุ่ย..กูไม่ไหวแล้วว่ะ..อ้อยถามกูทุกวัน กูตอบไม่ถูกเลยว่ามึงไปไหน ทั้งที่กูไม่ได้เป็นเลขามึงนะเว้ย”ผมทนไม่ไหวจนต้องโทรไปหาไอ้หนุ่ยแล้วลากมันมาดื่ม
“มึงก็บอกไปตรงๆซิ ว่ากูกำลังดูใจอยู่กับส้ม”ไอ้หนุ่ยมันพูดเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกอ้อยเลยครับ ผมเริ่มหงุดหงิดกับมัน แต่ตัวมันดื่มอย่างสบายๆสายตาก็สอดส่ายมองสาวไปทั่ว ไม่ได้ทุกร้อนอะไรเลย

“แล้วทำไมมึงไม่บอกเค้าไปเอง กูเตือนมึงแล้วใช่มั้ย ว่าทำอะไรอย่าให้ความหวังเค้า” ผมดึงแก้วเหล้าในมือมันออก อยากจะให้มันสนใจสิ่งที่ผมกำลังพูดให้มากกว่านี้
“เอ๊ะ....ไอ้ฝันนี่ ก็กูจะไปรับผิดชอบกับความรู้สึกของทุกคนที่มารักกูได้ยังไงว่ะ กูว่ากูทำดีที่สุดแล้วนะ ที่กูหลีกเลี่ยงไม่เจออ้อย อ้อยเองก็น่าจะรู้”มันกระชากแก้วเหล้ากลับคืนไป  แล้วทำหน้าดุใส่ผม
“ก็....แล้วทำไมมึงไม่ชอบอ้อย  อ้อยเค้าดีนะเว้ย”ผมเริ่มหาเหตุผลมาช่วยอ้อย
“กูไม่ถียง..อ้อยเป็นคนดี สวย น่ารัก นิสัยดี คุยด้วยแล้วสบายใจ แต่...”

“แต่...อะไร....”น้ำเสียงของผมเคร่งเครียดไปเองแล้วตอนนี้  ราวกับว่าผมเป็นตัวอ้อยเสียเองถึงอยากจะรู้เหตุผล
“แต่ปัญหาคือ...กูไม่ได้รักอ้อย..แบบนั้น” ซึ่งก็คือจบ เมื่อไม่รัก....ไอ้หนุ่ยก็คงไม่ฝืนใจมารัก มันเป็นคนทำอะไรตรงไปตรงมาในบางเรื่อง ทั้งที่เรื่องนั้นมันทำให้บางคนต้องเสียใจ
“มึงไม่ชอบบ้างเลยเหรอ ซักนิดนึงก็ไม่เหรอ”ไอ้หนุ่ยส่ายหน้า แล้วบอกว่า “ไม่ใช่..”

“กูชอบนะ..แต่แบบเพื่อนมากกว่า ไม่ใช่แบบแฟน” ผมเองก็พูดไม่ออกผมจะไปบีบให้มันมารักอ้อยได้ยังไง  แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมสงสารอ้อยที่สุด  แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ผมที่จะเป็นคนบอกอ้อยเรื่องนี้ ไอ้หนุ่ยต้องช่วยอ้อยให้รู้ด้วยการบอกกับอ้อยตรงๆ
ผมกระแอมกระไอกลืนน้ำลายก่อนที่จะบอกกับไอ้หนุ่ย
“ถ้ามึงเห็นว่ากูเป็นเพื่อนมึง แล้วมึงคิดที่จะคบกูต่อไป”ไอ้หนุ่ยเลิกคิ้วมองหน้าผมนิ่ง ผมพยายามช่วยอ้อยได้แค่นี้เอง
“กูอยากให้มึงพูดความรู้สึกของมึงตรงๆกับอ้อยไปเลย มึงอย่าให้เค้าต้องทุกข์เพราะความไม่รู้อีกต่อไปดีกว่า มึงจะทำเพื่อกูได้มั้ย” ไอ้หนุ่ยวางแก้วลงแล้วกอดอก ถอนหายใจ แต่ก็พยักหน้า

 “ก็ได้..แต่กูบอกมึงตรงๆนะ กูรักที่จะคบกับมึง กับอ้อย กูแฮปปี้นะเว้ย กูเองก็ไม่อยากเลิกคบอ้อยเพราะเรื่องนี้ แต่กูไม่ชอบฝืนใจตัวเองเพื่อความรู้สึกของใครว่ะ”
“ความจริงมันเจ็บปวดก็จริงนะฝัน แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าหลอกลวงกันไปเรื่อยๆ   ถ้าเราเริ่มที่ความรู้สึกที่มันไม่จริง   มันก็คงจบลงไม่สวย และคงไม่อยู่ได้ยั่งยืนหรอก มึงเชื่อกูสิ”

พูดอีกก็ถูกอีก ผมโต้แย้งอะไรมันไม่ได้เลย  บางทีความจริงคงเป็นยาที่ช่วยรักษาอ้อยให้หายจากอาการที่เป็นอยู่ได้บ้าง ไอ้หนุ่ยสัญญาว่าจะนัดคุยกับอ้อยในเร็ววันนี้ ผมก็ได้แต่หวังว่าอ้อยจะเป็นผู้ใหญ่พอ  แล้วใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ ผมคงทำได้เพียงมองดูเพื่อนอยู่ห่างๆเท่านั้นเอง

คืนนี้ผมกลับบ้านไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง สงสารอ้อยเป็นอันดับแรก ออกจะนับถือความเข้มแข็งของไอ้หนุ่ย มันมีจุดยืนที่หนักแน่นกับเรื่องนี้ดีจริงๆ ออกจะดูใจร้ายไปหน่อยแต่นี่แหล่ะคือไอ้หนุ่ย
ผมออกจะเหงาๆโดยไม่รู้สาเหตุ เลยหยิบจดหมายมาเขียนหาเพื่อนรักของผม...ไอ้ใหญ่

ใหญ่เว้ย...

วันนี้กูเพิ่งได้ฟังเพื่อนคนหนึ่งพูดมาว่ะ  เค้าทำให้กูได้ใช้สมองคิดเรื่องความรักอีกครั้ง  เค้าบอกว่า “ เค้าไม่อาจจะรับผิดชอบกับความรู้สึกของทุกคนที่มารักเค้าได้หมดหรอก  เพราะเค้าไม่อยากฝืนความรู้สึกของตัวเองเพื่อใคร”
“ ความจริงมันเจ็บปวดก็จริง แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าหลอกลวงกันไปเรื่อยๆ   ถ้าเราเริ่มที่ความรู้สึกที่มันไม่จริง   มันก็คงจบลงไม่สวย และคงไม่อยู่ได้ยั่งยืน”

กูฟังแล้วแย้งไม่ออกเลย แต่มึงว่ามั้ย  บางครั้งความจริงถ้ามันโหดร้ายกับเราเกินไป  เราก็ยังอยากที่จะฝันต่อแล้วไม่ยอมรับรู้ความจริง ปิดหูปิดตาแล้วหลอกตัวเองไปเรื่อยๆจะดีกว่า อย่างน้อยความฝันก็หล่อเลี้ยงให้เราได้มีกำลังใจอยู่ได้ต่ออีกไปนานๆ เพราะคนเลือกที่จะฝันในสิ่งที่สวยงามเสมอ
แล้วมึงล่ะ..เลือกแบบไหน...กูอยากรู้
คิดถึงมึงว่ะ..ใหญ่

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ อีกไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ไอ้หนุ่ยบอกว่าจะนัดคุยกับอ้อย  คืนวันหนึ่งอ้อยก็มาหาผมที่บ้านด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง ผมต้อนรับอ้อยด้วยความลำบากใจอย่างที่สุด รู้สึกเหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับไอ้หนุ่ยโดยไม่รู้ตัว

“อ้อยนั่งก่อน เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้ อ้อยอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย” อ้อยส่ายหน้าแต่ผมอยากถ่วงเวลาคุยไปก่อนเลยไปหาอะไรมาอ้อยดื่ม อ้อยมาที่บ้านผมก็3ทุ่มแล้ว แม่กับพี่สาวขึ้นไปบนบ้านกันแล้ว เราอยู่กันตามลำพังจึงคุยกันได้สะดวก
พอผมวางชาร้อนให้ที่โต๊ะ อ้อยก็เริ่มคำถามด้วยเสียงเหมือนคนจะร้องไห้ที่ทำให้ผมถึงกับเป็นใบ้
“ฝันรู้มานานแค่ไหนแล้วที่พี่หนุ่ยมีแฟน”
“.......เอ่อ....”
“ฝันรู้มานานรึยังว่าเราชอบพี่หนุ่ย”ผมก็ยังนั่งอึ้ง พูดอะไรไม่ถูกอยู่ดี จนอ้อยทำหน้าไม่ดีร่ำๆน้ำตาจะหยดอยู่แล้ว

“ฝันยังเป็นเพื่อนเรามั้ย”พออ้อยเงยหน้าขึ้นมาน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางเลยครับ แววตาที่อ้อยมองผมเหมือนจะต่อว่า อ้อนวอน หรืออะไรก็ไม่รู้ผมดูไม่ออก เห็นน้ำตาอ้อยแล้วผมใจแป้วเลย มือไม้พันกันรีบไปเอากระดาษทิชชูมาให้อ้อยเช็ดน้ำตา
“ฝันเป็นเพื่อนเรา  จริงหรือเปล่า หรือเป็นเพื่อนแค่กับพี่หนุ่ย” พอฟังแล้วมันจิ๊ดดด..ครับ

“ผมก็เป็นได้แค่เพื่อนอ้อยมาตลอดไม่ใช่เหรอ....”ผมชักน้อยใจอ้อยเหมือนกัน  คำพูดของผมจึงเปลี่ยนเป็นต่อว่าอ้อยมากกว่า “ใจของผมที่ให้อ้อยไปมันก็ยังไม่เติมเต็มหัวใจอ้อยมานานแล้วนี่”
อ้อยเลยยิ่งร้องไห้ไม่หยุด  ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาเป็นพัลวัน“เราขอโทษ....เราขอโทษ” ผมทำตัวไม่ถูกอยากจะไปจับมือปลอบอ้อยไว้แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่ขยับไปนั่งใกล้ๆกว่าเดิม

“อ้อยจะมาขอโทษเราเรื่องอะไร” อ้อยส่ายหน้าไม่พูดไม่ตอบคำถามผม เอาแต่สะอึกสะอื้น
ผมถอนหายใจบ้าง “เรื่องที่ไม่รักเราเหรอ”
นี่ก็เป็นความจริงเหมือนกันที่ผมยอมรับแต่ไม่เคยพูดออกมา เพราะอ้อยเองก็ไม่พูด พูดไปแล้วก็เจ็บ น้อยใจ แต่ไม่มาก ก็คนเค้าไม่รัก เราจะทำอะไรได้ อ้อยส่งสายตาขอโทษมาที่ผมอีกแต่ก็ยังไม่พูดอะไรต่อ ทำเอาผมอึดอัดเหมือนผมเป็นคนที่หักอกอ้อยเอง

ผมมองอ้อยร้องไห้อยู่นานจนอ้อยเริ่มสงบลงผมจึงเริ่มถามต่อ “อ้อยรักพี่หนุ่ยมากเหรอ”
 อ้อยส่ายหน้า “เราไม่รู้ว่ามากแค่ไหน  แต่กว่าจะรู้เราก็คิดถึงแต่พี่หนุ่ยตลอดเวลา เราจะทำยังไงดีล่ะฝัน”
ผมอยากจะบอกว่า....รักเค้าแล้วเค้าไม่รักตอบจะให้ทำอะไรอีก..ได้แต่ทำใจมั๊ง แต่ผมก็พูดไม่ได้  ผมจะพูดอะไรก็ช่างยากเย็นเพราะผมเป็นเหมือนคนกลางระหว่างเพื่อนสองคน ก็คงพูดได้เท่าที่ใจคิด

“พี่หนุ่ยเป็นเพื่อนที่ดีนะ  อ้อยก็เป็นเพื่อนที่ดีของผม ถ้ารักกันได้จริงๆ ผมก็ดีใจ”ผมเป็นลูกผู้ชายพอครับ ถ้าผู้หญิงไม่รัก ผมก็ไม่รู้จะหวงก้างไปทำไม เพราะผมไม่ใช่แมว
“แต่พี่หนุ่ยก็เป็นแบบนี้ เค้าเป็นผู้ชายตรงๆ ถ้าเค้าว่าไม่ก็คือไม่  ผมว่าอ้อยต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย”
“ฝันคิดว่าเราจะดันทุรังเหรอ  เราไม่ดื้อด้านขนาดนั้นหรอกนะฝัน ถ้าพี่หนุ่ยเค้าให้เราได้แค่เพื่อนเราก็ยอมรับ”ผมอยากจะบอกว่า...อ้าว...อ้าว...อ้าว...แล้วมาหาผมทำไมล่ะเนี่ย

“ที่เรามาหาฝัน ก็เพราะเราเสียใจ แล้วไม่รู้จะพูดจะระบายกับใครได้ เราแค่อยากหาที่พักพิงใจบ้าง” ผมควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ก็ไม่รู้  ที่เป็นได้เพียงที่พักพิงใจสำหรับอ้อยได้เท่านั้นเอง
ผมว่าอ้อยก็ดีนะครับ ร้องไห้แต่ไม่คร่ำครวญ ฟูมฟาย ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงยิ่งทำอะไรไม่ถูกมากกว่านี้ ดูแล้วอ้อยก็สงบขึ้น คงกำลังทำใจอยู่ ตอนนี้ก็หยุดร้องไห้ไปแล้ว

“แล้วพี่หนุ่มว่าไงบ้างล่ะอ้อย” พอผมถามอ้อยก็เงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“พี่หนุ่ยบอกว่า..ชอบที่จะคบกับเราในฐานะพี่น้อง  หรือเป็นเพื่อนกันมากกว่า เราเลยอกหักเลย”อ้อยยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ  พูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“เรื่องหัวใจนี่มันยากจริงๆนะฝัน  ทั้งๆที่รู้ว่ารักพี่หนุ่ยไม่ใช่เรื่องง่าย  เราก็ห้ามใจตัวเองมาตลอดนะ แต่ใจเราก็ยังซนไปหลงรักเค้าจนได้  ทำตัวเองแท้ๆจะโทษใครได้” ผมทำตัวกล้าๆคว้ามืออ้อยมาจับไว้ บีบมือส่งผ่านกำลังใจไปให้

“อ้อยเป็นคนดี สวยด้วย หาใหม่ให้ดีกว่าพี่หนุ่ยร้อยเท่าพันเท่ายังได้ พี่หนุ่ยกะล่อนจะตาย ลื่นยิ่งกว่าปลาไหล ขืนไปรักมัน มีแต่ต้องช้ำใจ จริงๆนะ” ผมพยายามเชียร์ให้อ้อยกลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้ง
 อ้อยยิ้มตอบผมแต่ก็ยังแอบเศร้าอยู่นิดหน่อย “ขอบใจเธอมากนะฝัน ขอบใจที่อยู่ข้างๆเรามาตลอดเลย”

ผมมองหน้าอ้อยตรงๆ อ้อยก็มองผมกลับตาของอ้อยแดงก็จริง แต่แววตาก็ดูสดใสขึ้นเยอะ “เราคงต้องใช้เวลานิดหน่อยกับเรื่องอกหักคราวนี้  ขอตัวไม่ไปเจอพี่หนุ่ยซักพักนะ ขอไปหลบเลียแผลใจก่อน” อ้อยยิ้มได้แล้วจริงๆ ทำใจได้ไวกว่าที่ผมคิดนะ  แต่ผมก็ดีใจ ผมเอามือขยี้หัวอ้อยเบาๆ
“อย่านานนะอ้อย...ผมเหงา”
“จ้า...ขอเวลาเราหน่อย ...ฝันรอเรานะ”อ้อยเอามือมากุมมือผมไว้ มืออ้อยเย็นเฉียบ  ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าอ้อยให้ผมรออะไร  แต่ผมก็พร้อมที่จะรออ้อยเสมอ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ครับ  ผมเลยส่งยิ้มตอบให้อ้อยไป

 “ได้ซิ....เรารออ้อยได้อยู่แล้ว”

**********************************
ขอบคุณทุกๆคลิกที่เข้ามาอ่านค่ะ :impress3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๒๑๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๒๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 07-09-2009 20:31:19
+1 ให้กับตอนที่สวยงามตอนนี้
อตอนนี้มีคุณค่าทางจิตใจอยู่ตรงประโยคที่ หนุ่ยพูด
“ เค้าไม่อาจจะรับผิดชอบกับความรู้สึกของทุกคนที่มารักเค้าได้หมดหรอก 
เพราะเค้าไม่อยากฝืนความรู้สึกของตัวเองเพื่อใคร”
มันคืออะไรที่จริงอ่านแล้วมันเข้าใจได้โดยไม่ต้องพูดอะไร
อ้อยอาจดูน่าสงสารแต่ก็อย่างว่า เรารักเค้าใช่ว่าเค้าต้องรักเราตอบ
ไม่งั้นจะมีคำว่ารักเค้าข้างเดียวหรือ...
อย่างที่เคยได้ยินต่อให้ฝืนคบกันไป ตบมือข้างเดียวมันก็คงจะดังไม่ได้จริงไหม
บางทีความรักก็เป็นเรื่องที่ดูเหมือนต้องงมเข็ม
สำหรับคนบางคนความรักอาจจะดูง่าย อยู่ๆจะมีก็มี
แต่กับใครอีกหลายๆคนความรักใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ
ไม่ต่างกับงมเข็มในมหาสมุทร ยิ่งงมเราก็ยิ่งจมดิ่งไปกับมัน
จมลงไปทั้งตัวและหัวใจ อาศัยความรักเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีพ
หากแต่มันใช่แน่หรือรักที่เราตามงมอยู่นั้นนะ มันอาจจะไม่ใช่อะไรเลยก็ไำด้
เราจึงต้องรู้จักยอมรับ และวางสติให้มั่นคงอย่าปล่อยให้ตัวเองเอาตัวเองลงไปเสี่ยง
ในเรื่องที่เราไม่มีทางรู้ว่ามันจะมีคำตอบให้กับหรือไม่
ใช่ ความรักเป็นเรื่องที่ไม่อาจให้คำตอบได้ว่า ใช่ หรือไม่ ถูกหรือผิด
แต่ความรักก็เป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยตัวเองว่าเราอยู่กับมันด้วยเหตุผลอะไร
รัก หรือ หลอกตัวเองไปวันๆกันแน่ อย่างงมงาย อย่าทิ้งอะไรไปกับมันให้มาก
อยู่อย่างเหงาๆบางทีอาจจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับอะไรหลักลอย
และต้องรอคอยไปวันๆว่าเมื่อไหร่มันจะเป็นอย่างนั้นน๊า อน่างนี้น๊า
แล้วจะรออ่านต่อตอนหน้า
นิว(LOVEis)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๒๑๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๒๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 07-09-2009 20:49:59
 :serius2: อ้อยคะเข้าใจอะไรผิดรึป่าว
ถ้าฝันเค้ารออ้อยในฐานะอื่นที่ไม่ใช่แฟนล่ะก้อ งานนี้มีเสียเลือดคะ
เอาเลือดหัวพี่หนุ่ยออกดีมั๊ยคะ
แต่นี่ในฐานะเพื่อน ด้วยค.บริสุทธิ์ใจจริงๆ ยังไงก้อรอให้อ้อยกลับมาเป็นคนที่น่ารัก
สดใจได้เสมออยู่แล้ว
พี่หนุ่ยแง่งเจ๋งจริงๆ เรารับผิดชอบความรู้สึกคนที่มาชอบเราไม่ได้ทุกคนหรอกนะ
ความรุ้สึกใครคนนั้นต้องรับผิดชอบเอง แม่เจ้า ถึงพี่แกจะกะล่อนปลาไหลแค่ไหน
แต่คนที่รู้จักตัวเองแบบพี่หนุ่ยอ่ะ ย่อมซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองและจริงใจในสิ่งที่ตัวเอง
คิดและทำที่สุดอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่ฝันกับนุ้งใหญ่ไม่มีก้อคืออันนี้ล่ะนะ :เฮ้อ: ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง
อีกสักนิดก้อคงดี
“เอ๊ะ....ไอ้ฝันนี่ ก็กูจะไปรับผิดชอบกับความรู้สึกของทุกคนที่มารักกูได้ยังไงว่ะ
 กูว่ากูทำดีที่สุดแล้วนะ ที่กูหลีกเลี่ยงไม่เจออ้อย อ้อยเองก็น่าจะรู้”

>> สุดยอด ซื่อสัตย์ต่อตัวเองถึงมันจะำทำร้ายใคร แต่มันก้อจะเจ็บแ่ค่แป็บเด๋วเท่านั้นล่ะ
จดหมายที่เขียนถึงใหญ่ อยากให้ใหญ่หลุดออกมาจากความฝัน หรือฝันต่างหากที่ควรจะหลุดออกมาได้แล้ว
“ใจของผมที่ให้อ้อยไปมันก็ยังไม่เติมเต็มหัวใจอ้อยมานานแล้วนี่”
>> ไม่บอกไปด้วยล่ะว่าตอนนี้ เอาคืนมาแล้ว  :laugh: ฝันไม่เหมือนเดิมแล้ว อิอิ

+1 จัดให้คะ ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๒๑๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๒๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 07-09-2009 21:15:08
พูดตรงๆก็เจ็บ แต่มันดีกว่าเจ็บแบบค้างๆคาๆ เลยเจ็บทั้งๆที่ไม่รู้อะไร
แล้วแถมยังต้องทนอยู่อย่างนั้น.....
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๒๑๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๒๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 07-09-2009 22:11:02
^^
^^
จิ้มปาล์ม ก่อนจะเมม :z2:

อกหักพร้อมกัน ก็ดีจะได้คุยกันรู้เรื่อง แต่ฝันยังไม่ยอมรู้ใจตัวเองอีกเหรอ

+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ รอฉบับที่ 13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๒๑๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๒๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 07-09-2009 23:24:59
พี่หนุ่ยตรงดีชอบ ดีกว่าผู้ชายบางคนทำปากหนักกลัวผญเสียใจเสียหน้า แล้วทำให้ทุกฝ่ายเสียใจ เหอๆ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๒๑๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๒๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 07-09-2009 23:59:02
แวะเข้ามาอ่านจดหมายก่อนนอน

รออ่านตอนต่อไปนะค้าบ 
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๒๑๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๒๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 08-09-2009 01:14:45

“ใจของผมที่ให้อ้อยไปมันก็ยังไม่เติมเต็มหัวใจอ้อยมานานแล้วนี่”
>> ไม่บอกไปด้วยล่ะว่าตอนนี้ เอาคืนมาแล้ว  :laugh: ฝันไม่เหมือนเดิมแล้ว อิอิ
:laugh:  กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  เห็งด้วยๆๆๆๆ  ที่เคยให้ไป (นิดนุง) เค้าเอาคืนมาแล้วย่ะ  555+
ใจฝันฝากอยู่ที่ใหญ่หมดแล้ว หึหึ 

สำคัญตัวผิดแล้ว  ใครรอ รอใคร  หึหึ  กลับมาคงได้อกหักอีกรอบ    :m4:

ส่วนหนุ่ย  โหยพ่อหล่อเลือกได้ 555  ตรงๆๆ ไม่อ้อมค้อมดี   ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปรับผิดชอบความรู้สึกคนอื่น 
เค้ามารักเราเองหนิ ชิมิ  ดีแล้วที่บอกตรงๆๆออกไป

แต่แฟนหนุ่ยเป็น ผู้หญิงหรือนี่ เสียดาย  :z3:อยากให้แฟนหนุ่ย เป็นเด่ะผะจายจัง กร๊ากกกกกก
 เราสนับสนุนให้ปู้จายร้ากกกกกกกัน  เพื่อลดโลกร้อน ด้วยนะ  คึคึ

หนึ่งบวกจ้า  รวดเร็วทันใจ  พอเรียกหาก็มาทันที

เช่นเคย  ให้กำลังใจคนเขียน และคน โพสต์ด้วยจ้า

ตอนนี้ ใหญ่ไม่มีบทเลย  แอร๊ยยยยยย  รอตอนหน้า ใหญ่เท่รัก คงมีซีนกะเค้าบ้างนะ  :man1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๒๑๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๒๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 08-09-2009 03:37:50
การยอมรับความรู้สึกตัวเอง และยอมรับความรู้สึกของผู้อื่นที่มีต่อเรา
เป็นการยอมรับความจริงอย่างหนึ่ง
หนุ่ยเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทั้งฝัน ใหญ่ และอ้อย
แต่ท้ายที่สุดในจดหมายของฝันฉบับนี้ก็ยังแสดงให้เห็นว่า ฝันยังเลือกที่จะหลอกตัวเอง
รวมไปถึงหลอกอ้อยด้วย หลอกคนอื่นโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว
บวก 1 แต้มนะคะ ตอนนี้แสดงความซับซ้อนของความรู้สึกตัวละครได้เยอะดีค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๓๑๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๓๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 08-09-2009 23:24:38
ตอนที่๑๓แล้ว มาไวจริงๆ คนเขียนฝากมา :pig4:ทุกๆคลิกที่เข้ามาชมค่ะ
****************************************
(ตอนที่๑๓)

ฝัน...ไอ้ฝัน วันเดียว

กูได้จดหมายมึงแล้วก็งง มึงเล่นเปลี่ยนแนวมาพูดเรื่องปรัชญาชีวิตรัก ทำเอากูเตรียมสติไม่ทัน  จำได้ว่าตอนมึงเรียนวิชาปรัชญามึงชอบนี่ ได้เอซะด้วย  แต่กูไม่นึกว่ามึงจะชอบใช้ความคิดลึกซึ้งแบบนั้น  แต่เพื่อนมึงคมเหมือนกันนะ บาดกูซะจนเลือดซิบ วันหลังคงมีโอกาสได้รู้จักมัน

ช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆมึงดูแลตัวเองด้วยล่ะ ชอบเดินตากฝนบ่อยๆไม่ยอมกางร่มแล้วก็ไม่สบาย  กูเป็นห่วง ตั้งแต่พ่อแม่กูป่วยลงคราวนี้ มันทำให้กูรู้ว่าการดูแลสุขภาพสำคัญที่สุด ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ทำอะไรก็จะติดขัดเป็นปัญหาไปหมด  เดินขึ้นดอยสุเทพก็จะต้องหยุดหอบ มึงว่ากูพูดถูกใช่มั้ย ฮ่าๆ  กูก็พล่ามนอกเรื่องมากไป

กลับมาที่คำถามของมึง  ความเดิมจากตอนที่แล้ว  ที่ว่า..ระหว่างความจริงกับความฝัน กูจะเลือกแบบไหน เลือกแบบไหนส่วนลดเยอะกว่ากันว่ะ  ฮ่าๆ  กูพูดเล่นตามประสาพ่อค้า
 
 อ้าว.... มึงไม่ขำเหรอ กูขอโทษ

กูก็นะ...คิดมาหลายวันกว่าจะเขียนมาตอบมึงเนี่ย....มึงก็รู้คำตอบอยู่แล้วกูเลือก...ฝัน...
ความฝัน...ทำให้กูมีความสุขอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะฝันดีกูเลือกที่จะจำ แต่ฝันร้ายกูก็จะลืมมันไป
ความฝัน...ทำให้กูยิ้มได้  บางทีกูก็นึกว่าระหว่างคนบ้ากับกูใครจะมีความสุขกว่ากัน แต่กูว่าคนบ้านะ แถวบ้านกูมีอยู่คนหนึ่งพี่แกยิ้มได้ทั้งวันเลย  มึงว่าเค้าจะเคยร้องไห้มั้ย แต่กูว่าไม่เคย...
ความฝัน....เป็นกำลังใจให้กูเวลากูท้อ ตามนั้น...ไม่มีคำอธิบาย

กูเลือกแล้วที่จะ...ฝัน....ถ้าความจริงมันทำให้กูทุรนทุราย อยู่อย่างไม่มีหวัง กูยอมปิดหูปิดตาปิดใจไม่รับรู้ความจริงดีกว่า
กูตอบคำถามมึงชัดเจนรึเปล่า ถ้ามึงเป็นอาจารย์มึงจะให้คะแนนกูเท่าไหร่ กูขอไม่มากแต่ฝันว่าได้Aวะ ฮ่าๆ

มึงถามกูมา..แล้วมึงได้ถามตัวเองหรือเปล่า
สำหรับกู....กูรู้ใจกูดี...แต่กูไม่รู้ใจมึงจริงๆนะฝัน

กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน....ไอ้ฝัน ณ.วันเดียว

ใหญ่....คนที่ยินดีจะฝัน

อ่านแล้วผมก็ตื้อๆ  ไอ้ใหญ่มันเขียนสั้นก็จริงผมอ่านแล้วเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่แน่ใจ  เลยไม่รู้ว่าผมโง่หรือมันพูดไม่รู้เรื่องกันแน่  หรือว่าตอนนี้ชีวิตมันไม่มีความสุขเลย ถึงต้องหล่อเลี้ยงไว้ด้วยความฝัน ผมถามคำถามมันไปแต่ผมกลับไม่เคยถามกับตัวเองซักครั้ง แล้วผมที่เป็นอยู่ในตอนนี้อยู่กับความจริงหรือความฝันกันแน่

 หรือผมเองก็เลือกคำตอบที่ว่า..อยากอยู่กับความฝันเหมือนๆกันกับมัน ผมไม่กล้าตอบจริงๆ

แต่ที่แน่ๆตอนนี้อ้อยอยู่กับความจริงอย่างแน่นอน แรกๆอ้อยก็ดูซึมๆไปบ้าง แต่หลายวันที่ผ่านมาอ้อยก็ดีขึ้นจนดูภายนอกก็เป็นปกติดี ช่วงนี้พี่หนุ่ยก็ยังโทรมาชวนผมและอ้อยไปกินไปดื่มตามปกติ แต่อ้อยหลีกเลี่ยงที่จะไม่ไป ผมกับไอ้หนุ่ยเองก็รู้เหตุผลดีอยู่แล้วเลยไม่ได้เซ้าซี้อะไร

“เป็นไงว่ะมึงกับส้ม โอเคกันรึยัง” ส้มคนที่ไอ้หนุ่ยกำลังจีบเป็นผู้หญิงเปรี้ยวๆครับดูฉลาด มั่นใจ แต่งตัวเก่ง แรงส์สสสส เข้าเสป็คไอ้หนุ่ยมัน
 “ยังไม่ตกลงใจกัน เค้าก็มีให้เลือกเยอะนะมึง ไม่ใช่แค่กูคนเดียว แต่ก็นะ กูก็พยายามต่อไป”

“แล้วน้องอ้อยเป็นไงมั่ง เมื่อไหร่จะมากินข้าวกับพวกเราอีกล่ะ” มันก็ยังดีครับที่ยังนึกถึงเพื่อนผมบ้าง
“ก็ดีแล้วนะ แต่ก็ให้เวลาอ้อยหน่อย อีกไม่นานก็คงเหมือนเดิมได้แหละ อ้อยเค้าก็สวยเลือกได้เหมือนกันนะมึง”
ไอ้หนุ่ยหัวเราะแล้วชี้มาที่ผม “มึงทำไมไม่จีบอ้อยว่ะ ดีจะตาย”ผมยกแก้วดื่มอึกใหญ่ คิดแล้วก็แค้นใจ มันพูดแบบนี้มาก่อกวนตะกอนในใจผมให้มันขุ่นขึ้นมาอีก

“พ่อมึงแน่ะไม่จีบ...กูจีบมาก่อนมึงอีก..แต่เค้าไม่สนกู  ดันหน้ามืดมาเห็นมึงดีกว่ากูไปได้”
คราวนี้ไอ้หนุ่ยหัวเราะก๊ากเลยครับ “เค้าไม่ได้หน้ามืด เค้าตาถึงต่างหากล่ะไอ้ฝัน”
“ไอ้คนหลงตัวเองเอ๊ย...เพี้ยง...ขอให้มึงอกหัก กูจะคอยยืนสมน้ำหน้ามึงอยู่นี่แหล่ะ”
ไอ้หนุ่ยทำหน้าหยิ่งใส่ผมพูดด้วยน้ำเสียงยโส “ไม่มีทาง..กูมั่นใจในตัวกู” ฟังแล้วก็หมั่นไส้มันจริงๆครับ
“เออ..กูจะคอยดู”

มิตรภาพของผมกับไอ้หนุ่ยก็ยังดีเหมือนเดิมครับ ตอนนี้ผมสนิทกับมันที่สุดแล้วถ้าไม่นับไอ้ใหญ่เพื่อนที่อยู่ไกลแสนไกลสำหรับผมนะครับ ยังไงมันก็ยังเป็นเบอร์ดี้ในใจผมเสมอ

สวัสดีเพื่อนใหญ่...พ่อคนช่างฝัน

คราวก่อนกูส่งการบ้านไปให้มึงคิด  ที่มึงตอบมากูก็ชอบนะ สมกับเป็นมึงตอบ  เอางี้กูให้มึงAไปเลย แต่พอมึงมาถามกูกลับ กูเลยลดคะแนนมึงไป+เหลือB+   เพราะมีที่ไหนตอบคำถามอาจารย์แล้วถามเค้ากลับว่าเค้าเลือกอะไร ไอ้บ้า...
ที่จริงกูไม่เคยคิดต่างหากล่ะว่ากูเลือกแบบไหน มึงไม่น่าถามกูเลย แต่กูก็จะตอบมึงนะ...
           
                      กูไม่รู้จริงๆวะ กูอาจจะเป็นคนขี้ขลาดเกินไป  ที่ไม่กล้าเลือก

กูรู้ว่าความฝันมันทำให้เรามีหวัง บางครั้งมันก็หล่อเลี้ยงใจเราให้มีความสุข แต่ใจลึกๆกูก็รู้ว่ามันไม่ยั่งยืน เมื่อกูตื่นขึ้นมา มันอาจไม่มีอะไรรอเราอยู่เลยก็ได้  บางทีกูอาจจะใช้เหตุผลมากกว่าหัวใจ หรือมึงว่าไง

     ที่กูไปเชียงใหม่คราวก่อนกูสนุกมาก เหมือนอยู่ในความฝันเลย มึงคิดเหมือนกูหรือเปล่า กูคิดทึ้งคิดถึง...อยากกินข้าวซอยว่ะ อยากไปกินอีก มากินที่กรุงเทพยังไงก็ไม่อร่อยเหมือนกินที่เชียงใหม่  หาคนเลี้ยงอย่างมึงไม่ได้จริงๆ

เดือนหน้ากูก็จะได้เจอกับมึงแล้วนะ วันงานรับปริญญาไง  ตื่นเต้นเหมือนกันแต่ก็ยังไม่เท่าพวกผู้หญิง กูเห็นพวกเพื่อนๆเรานัดกันไปแต่งหน้าทำผมกันเป็นการใหญ่ บางคนลงทุนจ้างช่างแต่งหน้ามืออาชีพมาเลยนะมึง ทุ่มกันเต็มที่ กูฟังเค้าคุยกันก็ได้แต่ขำ ดีที่ผู้ชายหล่อๆอย่างเราไม่ต้องไปทำผมแต่งหน้าด้วย ไม่งั้นกูกับมึงคงเหมือนพระเอกลิเกแน่ๆ  แต่อ้อยดีนะไม่เห็นสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ เห็นว่าทำผมแต่งหน้าเอง แต่กูว่าอ้อยเค้าแต่งนิดเดียวก็สวยอยู่แล้ว คนสวยไม่แต่งยังสวยเลย...มึงว่ามั้ย

แล้วนี่พ่อกับแม่มึงจะมาด้วยรึเปล่าให้มาพักที่บ้านกู กูจะเตรียมห้องไว้ให้ มึงบอกมาแล้วกันว่ามีใครมาบ้าง แล้วมาวันไหน  นึกๆแล้วตื่นเต้น ไม่ได้ตื่นเต้นที่จะได้ปริญญา  แต่แค่อยากเจอเพื่อนๆทุกคน แปลกดีพอทำงานแล้วก็อยากกลับไปเรียนต่อ  แต่อีตอนเรียนก็ขี้เกียจแทบตายอยากจะรีบๆจบ

 กูว่าคนเรานี่เอาแน่ไม่ได้จริงๆ  หรือมึงว่าไง
ปล.กูกำลังกลุ้มใจ กูต้องไปทำผมมั้ยวะ  มึงว่ากูหล่อพอรึยัง

ฝัน...บัณฑิตใหม่...กริ๊วๆๆๆ

ช่วงหลังๆนี้ผมสนิทกับอ้อยมากกว่าเดิม อาจเป็นเพราะพอไอ้หนุ่ยไม่มาอยู่ในหัวใจอ้อยแล้ว อ้อยก็เริ่มหันกลับมามองผมใหม่อีกครั้ง ประกอบกับทำงานที่เดียวกัน เรียนก็เรียนด้วยกันเจอกันทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ก็เลยสนิทกันไปโดยปริยาย 

แต่สำหรับตัวผมเองไม่ได้มองอ้อยในแบบนั้นแล้ว  ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าแทนที่จะดีใจกลับรู้สึกเฉยๆ  แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรอ้อยเพราะเรายังคงคบกันในฐานะเพื่อนเหมือนเดิม  แต่ตอนนี้ใครๆก็คิดว่าผมกับอ้อยตกลงเป็นแฟนกันไปแล้ว มีแค่เราสองคนเท่านั้นเองที่ยังไม่เคยพูดเรื่องนี้กันจริงจังเสียที

แต่ผมก็ยังคบไอ้หนุ่ยอยู่ครับ ก็อยู่กับมันแล้วมันสนุกนี่นา  คนรู้จักหาไม่ยากครับแต่คนรู้ใจหากันไม่ได้ง่ายๆ ถ้าเราเจอคนที่รู้ใจก็ควรรักษามิตรภาพนี้ไว้ให้ยาวนานที่สุดไม่ใช่หรือ
“มึงอย่าลืมไปวันรับปริญญากูนะเว้ย อย่าลืมดอกไม้ด้วยล่ะ” ไอ้หนุ่ยเลิกคิ้วทำหน้างงๆ แล้วก็หัวเราะกวนประสาท “มึงจะเอามงกุฎดอกไม้ด้วยรึเปล่าล่ะ เดี๋ยวกูจัดให้”

“ไม่เอา.....เดี๋ยวผมกูเสียทรง” หึหึ คนมันทันกันครับ ไอ้หนุ่ยหัวเราะก๊ากเลยครับ แต่มันยังไม่ยอมแพ้
“งั้นตัวเองเอาตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆดีมั้ย  ถ่ายรูปออกมาสวยนะตะเอง”

ท่าทางมันจะไม่เลิกกวนผมง่ายๆ  “มึงไม่ต้องเลย...กูตกลงใจแล้ว มึงไม่ต้องไปดีกว่า  ท่าทางไปแล้วจะเป็นภาระให้กับชีวิตกู ไม่ต้องมาเลย”
“ได้ยังไง..กูต้องไปซิทั้งมึงทั้งน้องอ้อยรับ กูจะพลาดได้ยังไง แล้วชาตินี้มึงคงไม่มีโอกาสแบบนี้แล้ว กูก็ต้องไปร่วมแสดงความยินดีกับมึงหน่อย”

“มึงไม่พูดก็ยังดีใจนะที่มึงจะไป แต่พอมึงพูดนี่ กูได้แต่คิดว่ากูไม่น่าบอกมึงเลยให้ตายซิ” ไอ้หนุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น มันคงพอใจที่ทำให้ผมเถียงแพ้มันได้
“มึงอย่ามาทำเป็นงอน เป็นน้อยใจ ไม่เนียนเว้ย...” มันเอาแก้วเล้ามาชนแก้วผม “ไปอยู่แล้วน่า..เพื่อนรับทั้งที”
“ไปดูหน่อยว่าจบจริง....กร๊ากกกกก”

“สาดดด...หนุ่ย..กวนตีนไปไหนว่ะมึง....คุยกะมึงไม่ได้เรื่องอะไรเลย ไร้สาระตลอด”
“หึหึ..เอาน่า คุยกันจะเอาสาระอะไรหนักหนา ไม่ใช่เวลางาน...”พนักงานเสริฟเอาอาหารมาวาง มันเลยหยุดหันไปกินพักหนึ่งก่อนที่จะถามผมว่า
“เออ....ว่าจะถามมึง เพื่อนรักมึงที่อยู่เชียงใหม่มาด้วยมั้ย  กูอยากรู้จัก”
ไม่รู้อะไรมาดลใจให้มันจำได้ ทั้งๆที่พอกลับมาจากเชียงใหม่ผมกับมันไม่ได้คุยเรื่องนี้กันเลย 

“มาซิ ก็ไม่เห็นบอกว่าจะไม่มา  รับปริญญาทั้งทีนะมึง ไม่ใช่รับกรมธรรม์ประกันชีวิต”
“อ้าวเหรอ  กูก็ถามดู อยากเห็นคนที่ทำให้มึงหงอยได้ ก็แค่นั้นเอง”
“อืม...เจอกันแล้วกูจะแนะนำให้รู้จัก”พูดแล้วก็คิดถึงมันจริงๆมันรู้สึกวาบในใจเมื่อคิดถึงไอ้ใหญ่ หลายวันก่อนมันส่งจดหมายมา

ฝัน

มึงเคยคิดรึเปล่าว่าคนเราร้อยพ่อพันแม่ อยู่ห่างไกลกันแสนไกล  แล้วอะไรที่ชักนำให้ได้มาพบมาเจอมารู้จักกัน ได้มารักกัน  แต่บางคนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดแล้วก็ให้มามีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องมาพลัดพรากจากกันไปอย่างไม่มีใครทันคิด  มึงเรียกเรื่องแบบนี้ว่าอะไรวะ

 เคยมีคนบอกกูว่า คนที่จะได้มาเจอกันมารู้จักกันมาเป็นเพื่อนเป็นญาติกันต้องมีบุญสัมพันธ์ต่อกันในชาติก่อน  แล้วมึงว่าคนที่ต้องแยกจากกันเป็นเพราะว่าบุญสัมพันธ์ระหว่างกันหมดไปรึเปล่า

กูกลัวว่าถ้าวันนึงบุญสัมพันธ์ของกูกับมึงจบลง ชีวิตที่ไม่มีมึงเป็นเพื่อนกูจะเหงามั้ยวะ กูได้แต่ถามตัวเอง แต่ก็กลัวคำตอบ เพราะถ้ากูรู้คำตอบมันก็คงเป็นวันที่ต้องเราต้องแยกจากกันจริงๆ ไม่เฉพาะทางกายแต่เป็นทางใจด้วย 

กูมีเรื่องตื่นเต้นจะเล่าให้มึงฟัง วันก่อนกูจะไปเชียงรายไปธุระแทนพ่อกู  กูก็ขับรถไปคนเดียวตอนสายๆนี่แหล่ะมึงก็รู้ว่ากูไม่ใช่คนขับรถเร็วอะไรมากมาย อย่างมากก็130 เต็มที่ วันนั้นกูก็ขับไปเรื่อยๆไม่ได้คิดเรื่องอะไรนะ ถนนก็ว่างๆไม่ค่อยมีรถ แต่ทางมันก็คดเคี้ยวเป็นช่วงๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับกู ระหว่างทางมีซ่อมถนนเป็นระยะๆ แต่ตอนที่กูกำลังขับเข้าโค้งก็เกิดเรื่องขึ้น

แป๊ปเดียวเองนะมึง......รถกูควงเป็นวงกลมหมุนติ้วๆๆๆกลางถนน  กูเพิ่งมารู้ทีหลังว่าบนถนนมันมีหินเกล็ดเม็ดเล็กๆ   แล้วพอกูแตะเบรคล้อมันฟรีเลยควงสว่าน  วินาทีนั้นกูนึกว่ากูคงไม่รอดแล้วมึง ช่วงที่รถหมุนกูได้ยินเสียงรถคันอื่นที่ตามมาเบรคเอี๊ยดๆๆๆ  กูแทบจะควบคุมทิศทางของรถไม่ได้เลย เหมือนขึ้นเครื่องเล่นที่มันหมุนๆน่ะมึง หมุนจนกูตาลาย

 กูหมุนอยู่เกือบสามนาทีได้ ช่วงนั้นหัวกูคิดถึงแต่พ่อกับแม่  เค้าจะอยู่ได้ยังไงถ้ากูตายไปอีกคน  แล้วกูก็คิดถึงมึง กูเห็นหน้ามึงลอยมาแล้วบอกให้กูมารับปริญญาด้วย  เสียงที่มึงพูด....สัญญานะ...ยังดังอยู่ในหูกูเลย  กูพยายามตั้งสติแล้วบังคับพวงมาลัยไม่ให้มันตกลงไปข้างถนน 

มึงเอ๊ยยยย...กูเกือบไม่ได้มาเขียนจดหมายหามึงแล้ว พอรถหยุดนี่มือกูเย็นเฉียบ นั่งเหงื่อแตกทำอะไรไม่ถูกเลย   มีแต่คนวิ่งเข้ามาดูว่ากูเป็นอะไรรึเปล่า  รถกูตกถนนไปก็จริงแต่ไม่ถึงกับพุ่งลง  แต่ก็ต้องเรียกรถมาลากไปอยู่ดี  กูไปหาหมอแล้วเค้าว่ากูหัวแข็งมาก ไม่เป็นอะไรเลยมีแค่รอยรัดจากเข็มขัดนิรภัยเท่านั้นเอง เขียวปี๋เลยมึง  ถ้ากูไม่รัดเข็มขัดกูคงช้ำในตายไปแล้วเพราะหน้าอกคงกระแทกกับพวงมาลัยตอนที่รถหยุดเหมือนกัน

มึงดีใจมั้ยที่กูรอด ...ตอนนี้กูเลยขับแค่60เอง กลัวตายวะ  หึหึ เดี๋ยวไม่ได้มาเจอมึง กูว่าเรายังมีบุญสัมพันธ์กันอยู่วะถึงได้เขียนมาหามึงไง

แล้วเจอกันว่ะ
ใหญ่....หนังเหนียว
****************************
 :3123:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๓๑๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๓๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 08-09-2009 23:38:38
เลือก....ฝัน ฮิฮิ
สัญญา เลยหรอ  :z1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๓๑๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๓๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 08-09-2009 23:48:58
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ความขลาดเขลาเป็นธรรมดาของผู้คน
หากแต่ยามใดใจเรากล้าที่จะยอมรับความเป็นจริง ไม่มองโลกดั่งความฝัน
วันนั้นความขลาดเขลาหรืออันใดก็ไม่มีตัวตน
เลือกที่จะฝัน ฟังแล้วอาจจะดูดีหากมันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างของคนต้องการที่ยึดเหนี่ยว
ยึดจากสิ่งที่หวาดเกรง ในขณะที่อีกคนเลือกที่จะขลาดกลัวต่อการเลือกหนทาง
สองคนไม่ได้ต่างกันเลย เหมือนกันเพียงแค่มองต่างมุมมอง
ความสัมพันธ์ของแต่ละคนในเรื่องเดินมาถึงจุดที่เรียกได้ว่าย่างกรายสู่ความเป็นมิตร
ทั้ง ฝัน - หนุ่ย, ฝัน - อ้อย และ ฝัน - ใหญ่ มิตรภาพนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหนละ
ระหว่าง ฝันกับใหญ๋ คนคู่นี้มีความผูกพันธ์ที่มีมานานยากจะสินได้
แล้วจะรออ่านต่อ
นิว(LOVEis)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๓๑๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๓๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 08-09-2009 23:58:10
เพื่อนใหญ่ >> อยาก .... ฝัน    :laugh:
เหมือนใหญ่จะเฉลยหมดแล้วอ่ะ
แต่เจ้าฝันมัน ซื่อ มันบื้อ มันแอ๊บใส (ไสหัวไป55)
น้องใหญ่เลือก...... :oo1: ฝัน แล้วฝันล่ะ ไม่เลือกสักที กรั่กๆ

ส่วนเรือ่งโชคชะตา พรหมลิขิต บุญธรรมกรรมแต่ง มันมีจริงๆนะเนี่ย
ดวงแข็งเป็นบ้า เฮ้อออออออถือว่าฟาดเคราะห์นะคะชีวิตทีเหลือคือกะไรแล้วคะ

+1 จัดให้คะ ขยันเป็นที่สุด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๓๑๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๓๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: zingiber ที่ 09-09-2009 00:06:46
ใหญ่เค้าบอกมาแล้วนะว่าเค้าเลือก.........ฝัน

แล้วฝันล่ะ เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองซะที
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๓๑๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๓๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 09-09-2009 13:57:19
ฝันให้ไกล ใครจะว่าอย่างไรช่างเขา

ขอให้จงยึดมั่นกับฝันของเรา

แล้วค่อยๆก้าว ตามให้ทัน  :a2:



รออ่านฉบับต่อไปคับผม
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๓๑๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๓๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 09-09-2009 14:19:45
กูก็นะ...คิดมาหลายวันกว่าจะเขียนมาตอบมึงเนี่ย....มึงก็รู้คำตอบอยู่แล้วกูเลือก...ฝัน..

แอบคิดไปไกลนะเนี่ย  :-[


บุญรักษา แอบคิดให้มีรักสามเส้า ฝัน ใหญ่ หนุ่ย 55555  :laugh:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๓๑๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๓๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 09-09-2009 21:32:39
กูก็นะ...คิดมาหลายวันกว่าจะเขียนมาตอบมึงเนี่ย....มึงก็รู้คำตอบอยู่แล้วกูเลือก...ฝัน...

### ใหญ่เค้าเผยไต๋ออกมาแล้ว  ฝันยังไม่เกตอีก  :z3:   ........  เพื่อนใหญ่บอกตรงๆๆ ไปเลย  ฝันมันซื้อ(บื้อ)

 แต่อ้อยดีนะไม่เห็นสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ เห็นว่าทำผมแต่งหน้าเอง แต่กูว่าอ้อยเค้าแต่งนิดเดียวก็สวยอยู่แล้ว คนสวยไม่แต่งยังสวยเลย...มึงว่ามั้ย


### จะพูดถึงยัย(ซาก)อ้อยทำมายยยยยย   :z3:  ยิ่งเป็นจุดอ่อนของใหญ่อยู่ด้วย  น่าจะเอาไปทำผลิตภัณฑ์แปลรูปแล้วชื่อนี้

“ไอ้คนหลงตัวเองเอ๊ย...เพี้ยง...ขอให้มึงอกหัก กูจะคอยยืนสมน้ำหน้ามึงอยู่นี่แหล่ะ”
 :call:  ภาวนาช่วยฝัน  กร๊ากกกกกก  เดี๋ยวจัดหนุ่มน้อยหน้าชะแล่มไปช่วยดามอก  นะท่านหนุ่ย   :laugh:
(สนับสนุนให้ท่านหนุ่ยเป็นเกย์อย่างเป็นทางการ555)

### เบอร์ดี้ หนึ่งในใจคุณ    55+  เข้าใจคิด


เกือบไปแล้วเน้อ  เฮ้ออออออ ดีนะว่ายังดวงแข็ง การที่ใหญ่เล่าเรื่องเกิดอุบัติเหตุ ครั้งนี้น่าจะเก็๋บเอามาคิดนะทั้งคู่เลย  
ว่าชีวิตคนเรามันสั้นนัก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้  เพราะฉะนั้นมีอะไรที่ยังไม่ได้ทำ ได้บอก ก็รีบๆๆซะนะ  คุคุ


+1  สำหรับตอนนี้  

ให้กำลังใจคนเขียน และคนโพสต์เช่นเคย

ฝันของใหญ่ :z2:
[/color]
      
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๓๑๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๓๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 09-09-2009 21:49:19
เอาจดหมายนี่แหละเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงให้ใจอยู่ได้อย่างปกติ

แม้จะมีความเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เมื่อทั้งสองยังไม่กล้า

เปิดใจให้กันและกันรู้ +1 ให้นะครับ รอฉบับที่ 14 ครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๓๑๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๓๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 09-09-2009 23:31:48
เจอกันครั้งนี้ ขอให้ฝันรู้ใจตัวเองและกล้าที่จะเลือกซักทีเถอะ

 o13 +1
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 10-09-2009 13:25:59
(ตอนที่๑๔)

ผมอ่านจบแล้วก็โทรศัพท์หามันทันที มือไม้เย็นเฉียบไปหมด แต่มันก็ไม่ยอมรับสาย ผมโทรอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดมันคงรำคาญผมเลยรับสาย
“ไอ้ใหญ่เหรอ..เป็นเห้....อะไรกูโทรไปก็ไม่รับ”
แต่เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่ไอ้ใหญ่ “นี่พ่อใหญ่ครับไม่ใช่ใหญ่”
 ซวยแล้วกู...เล่นด่าไม่ดูตามาตาเรือไม่ฟังให้ดีก่อน  หรือว่ามันจะเป็นมากถึงมารับสายเองไม่ได้ ผมเริ่มใจไม่ดี
“ขอโทษครับพ่อ ผมนึกว่าใหญ่รับสาย  ผมฝันเองครับ ใหญ่มันเป็นไงมั่งครับ”ไม่สบายใจเลยครับมันร้อนใจไปหมด ตราบใดที่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากมัน

“ใหญ่มันหลับอยู่ลูก  ยังช้ำในอยู่ เห็นบ่นว่าปวดหัว ตอนที่รถหมุนๆคงหัวไปโขกกระจก นี่พ่อเลยไล่ให้นอนไปแล้ว”
“แต่มันไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ยครับ  ผมอยากไปเยี่ยม”น้ำเสียงของผมยังร้อนรน มือเย็นเฉียบไปหมด รู้สึกเลยว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น
 พ่อถอนหายใจเฮือกใหญ่“ก็เท่าที่ดูก็ไม่เป็นอะไรนะ  ฝันไม่ต้องมาหรอก นี่ก็อยู่ที่บ้านแล้ว ไม่เป็นอะไรจริงๆ หมู่นี้ที่บ้านมีแต่คนเจ็บคนป่วย เฮ้อ”
ประโยคท้ายๆนี่เหมือนพ่อบ่นกับตัวเองมากกว่าจะบอกผม แต่ฟังที่พ่อเล่าผมค่อยวางใจหน่อยที่มันกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว แต่ก็ยังอยากฟังเสียงตัวเป็นๆของมันอยู่ดี
“พ่อบอกให้ใหญ่โทรกลับหาผมได้มั้ยครับ ตื่นมาแล้วให้โทรมาเลย”
“ได้ถ้าใหญ่ตื่นแล้วพ่อจะบอกให้นะ  ฝันไม่ต้องห่วง”

พอวางสายจากพ่อแล้วผมก็นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก   ผมคงยังทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ เหลือบดูเวลาก็สามทุ่มกว่าแล้ว กว่ามันจะโทรกลับก็คงเป็นวันพรุ่งนี้ คงต้องพยายามสงบจิตใจไม่ให้กังวลมากไป พ่อเองก็บอกไม่ให้ผมตกใจไป ใหญ่มันหนังเหนียวจริงๆ เมื่อเทียบกับสภาพรถแล้วมันรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ 

คืนนั้นกว่าผมจะหลับได้ก็เกือบตี2 แล้วผมยังหลับๆตื่นๆ ฝันเพ้อเจ้อว่าไอ้ใหญ่เจ็บหนัก นอนอยู่บนเตียงเข้าเฝือกทั้งที่ขา และแขน ศีรษะก็พันผ้าเอาไว้เห็นแต่เพียงตาและปากที่โผล่ออกมา แต่มันก็ยังส่งยิ้มให้ผมเหมือนเดิม บอกผมว่า “กูจะมางานรับปริญญา กูจะมาหามึง”ในฝันผมยืนนิ่งอยู่กับที่ อยากจะขยับเดินเข้าไปใกล้ๆไอ้ใหญ่แต่ก็รู้สึกเหมือนขามีหินถ่วงอยู่ ก้าวขาไม่ออก
ผมอ้าปากจะถามมันว่ามันเจ็บมากรึเปล่า แต่ก็ไม่มีเสียงออกมา  แล้วไปๆมาๆไอ้ใหญ่กลับลุกขึ้นมาจากเตียงเดินเขยกมาหาผม แต่พอมันเข้ามาเกือบจะถึงก็มีเสียงกรีดร้องดังๆออกมาจนผมสะดุ้ง

ผมลืมตาขึ้นมาเหงื่อท่วมกาย แสงสว่างลอดเข้ามาในห้องเป็นสัญญาณว่าเช้าวันใหม่แล้ว  เสียงโทรศัพท์ยังดังรบกวนเรียกให้ผมรีบไปรับ “ฮาโหล...”
“อื้ม..กูเองนะ”ได้ยินเสียงผมก็จำได้ทันทีครับ ไอ้ใหญ่นั่นเอง
“มะมึงเป็นไงบ้าง..เจ็บอะไรมากรึเปล่า กินข้าวรึยัง อยู่เชียงใหม่มั้ย”ผมละล่ำละลักรีบพูดจนลิ้นพันกันไปหมด พุดจาวกวนไม่ค่อยรู้เรื่องเลยครับ ได้ยินเสียงไอ้ใหญ่หัวเราะแว่วๆเข้ามา

“พูดอะไรวะ งง..กูก็ต้องอยู่เชียงใหม่ซิ ถามแปลกๆ” น้ำเสียงไอ้ใหญ่ดูร่าเริงดีครับ ท่าทางคงจะไม่เป็นอะไรจริงๆ
“มึง..มึง...”ผมคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี จะถามมันก็ยังเบลอๆเพราะพึ่งตื่น คิดอะไรไม่ออก ดูเวลาพึ่งจะ6โมงครึ่ง ยังแปลกใจทำไมมันตื่นเช้าได้
“กูยังไม่ตาย....หึหึ”น้ำเสียงที่มันพูดถึงแม้จะเจือด้วยเสียงหัวเราะเหมือนเย้ยหยันตัวเอง แต่ผมก็จุกในลำคอ แค่ผมคิดว่าถ้ามันตายล่ะ...แล้วผมจะทำยังไง ผมรู้สึกแน่นหน้าอก เหมือนคนหายใจไม่ออก ไม่กล้าพูดออกมาถ้าพูดเสียงก็คงสั่นด้วยความกลัว

“กูยังตายไม่ได้หรอกฝัน...ภาระเยอะ พระเลยช่วยให้กูรอด....”
“กูบอกแล้วกูหนังเหนียว”ไอ้ใหญ่พูดไปหัวเราะไป แต่ผมกลับต้องกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ต้องเอามือปิดปากตัวเอง ดีใจที่มันไม่เป็นอะไร  โล่งใจ
แต่มันคงเอะใจที่ผมไม่พูดอะไรอีก “ฝัน..ฝัน..ทำไมเงียบไป  ยังอยู่รึเปล่า”ผมต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆบังคับเสียงให้พูดกลับไปเหมือนปกติ

“ฟังอยู่...ดีจัง..ที่มึงปลอดภัย”ผมว่าไอ้ใหญ่มันคงจับความผิดปกติจากน้ำเสียงผมได้ เสียงถอนหายใจลอดเข้ามา
“รู้แบบนี้...กูไม่น่าเล่าให้มึงฟังเลย ทำให้มึงตกใจไปกันใหญ่”พอมันพูดแบบนี้ ผมกลับโมโห เลยตวาดมันกลับไปเสียงดัง  ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรอีกแล้วถึงต้องโกรธมากแบบนี้
“ถ้ามึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อนก็ไม่ต้องเล่ามา จะรอให้มึงเป็นอะไรไปมากๆหรือไงถึงมาบอก”
“.......ฝัน”ผมไม่แน่ใจว่ามันพูดอะไรอีก แต่ตอนนี้ผมควบคุมอารมณ์ไม่ได้จริงๆ
“ถ้ามึงเป็นอะไรไปกูจะทำยังไง..” ผมแทบจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง  ดีที่มันไม่เป็นอะไรมาก ดีที่มันปลอดภัย  ดีที่ได้คุยกับมัน  ดีที่เรายังมีบุญสัมพันธ์กัน

“ก็บอกแล้วว่าอย่าขับรถเร็วๆก็ไม่เชื่อกัน ถ้าพิการไปจะทำยังไง”ผมยังพูดบ่นต่อไปไม่หยุด มันคงเป็นเพราะความกังวลใจที่อัดอั้นมาตั้งแต่เมื่อคืน มีเรื่องมากมายที่ยังอยากพูดผมเลยพรั่งพรูไม่หยุด
“ไหนมึงสัญญากับกูแล้วว่าจะมารับปริญญากับกู แล้วยังไม่ระวังตัวอีก”
“มึงชอบทำอะไรเป็นเล่นไปหมด ชีวิตไม่ใช่เรื่องที่ล้อเล่นนะ” ผมพูดๆๆจนเหนื่อยแล้วถึงหยุด ไอ้ใหญ่ถึงมีโอกาสพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่มันรับฟังผมต่อว่าอย่างเงียบๆ

“กูขอโทษที่ไม่ระวัง...วันหลังกูจะขับช้าๆ”เสียงอ่อยๆของมันทำเอาผมใจอ่อน ค่อยคลายโมโหไปบ้าง คำพูดต่อๆมาของผมจึงนุ่มนวลขึ้น
“แล้ว...เจ็บตรงไหนบ้าง”
“เจ็บหัว..หัวกูไปโขกกับกระจก แต่กูหัวแข็งนะ กระจกแตกแต่หัวกูไม่แตก ฮ่าๆๆ”
“ยังมีหน้ามาพูดเล่นนะมึง..”ผมก็ดุมันไปอย่างนั้นเองครับ ทำเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อนไปได้ เรื่องอุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะครับ  พอมันเกิดแล้วก็เหมือนมาเตือนเราว่าต้องไม่ประมาทกับชีวิต นี่ยังโชคดีที่รอดมาได้

“กูไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ...ขอบใจนะมึงที่โทรมา” เสียงมันยังคงพูดอู้ๆอี้ๆ “กูดีใจ..ที่ได้ยินเสียงมึง”
แต่สัญญาณคงไม่ดี ผมเลยได้ยินไม่ชัด “อะไรนะ  ไม่ได้ยินเลย”
เสียงไอ้ใหญ่หัวเราะ “ไม่ได้พูดอะไรเลย...กูไปทำงานแล้วนะ วันหลังค่อยคุยกัน”
ผมไม่ยื้อมันไว้คุยอีกแค่มันไม่เป็นไรผมก็สบายใจอย่างที่สุด “อื้ม..ไว้เจอกันนะมึง.”

วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากวันที่ผมโทรคุยกับมันผมก็ไม่ได้โทรไปหามันอีก และมันก็ไม่ได้โทรหาผม  แต่ผมก็ไม่คิดอะไรเพราะอีกไม่กี่วันก็จะได้เจอกันแล้ว ไอ้เรื่องห่วงผมก็ห่วงนะครับแต่แค่ได้คุยกันวันนั้นผมก็พอใจแล้ว
 เพียงแต่ผมยังกังวลอยู่ที่ว่าเราจะต้องรับพระราชทานปริญญาอีกไม่กี่อาทิตย์แล้วครับ  แต่ก็ยังไม่มีวี่แววข่าวคราวจากไอ้ใหญ่ ว่ามันจะมาวันไหน ยังไง มากับใคร พักที่ไหน ผมเองก็ยุ่งๆกับงาน จนลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย จนวันซ้อมใหญ่ ไอ้ด้ามาถามผมว่าไอ้ใหญ่จะมาวันรับจริงหรือเปล่า ผมถึงกับเหวอที่ลืมติดต่อไอ้ใหญ่เพื่อนผมไปได้ยังไง

 ผมเลยโทรศัพท์ไปหามันอีกครั้ง แต่มันก็ไม่รับสายตามเคย  ก็อยากจะโมโหที่มันไม่รับสายแต่ก็ไม่รู้จะโมโหไปทำไมในเมื่อมันก็บอกผมแล้วว่าอย่าโทรไปหามัน  นับวันดูแล้วผมยังพอมีเวลาจดหมายไปหามันถึงแม้มันจะตอบไม่ทันแต่มันก็คงโทรมาในกรณีเร่งด่วน

ใหญ่...
ตกลงมึงจะลงมาวันไหน แล้วมีใครมาบ้าง ทำไมเงียบหายไป ใกล้จะถึงวันแล้วนะ กูจะได้เตรียมที่พักให้พ่อแม่มึง
แล้วรีบโทรมาบอกกูนะ  กูก็ยุ่งหลายเรื่องเลยลืมตามเรื่องมึงไป อย่าให้กูต้องห่วงนะ รีบติดต่อมาด้วย
ขอด่ามึงหน่อยทำไมต้องให้กูตามวะ...ไอ้บ้า
ฝัน ณ.กทม.
พอผมส่งจดหมายไปแล้วก็ลืมตามเลยครับได้แต่รอให้มันโทรศัพท์กลับมาเอง แต่มันก็ไม่โทรมาแต่ส่งจดหมายEMSกลับมาสั้นๆว่า

ฝัน
ไม่ต้องกังวล พ่อกับกูจะขึ้นเครื่องมาตอนเช้า แล้วพ่อจะกลับก่อนไม่ได้ค้าง แม่ก็มาไม่ได้ร่างกายไม่แข็งแรง แล้วเจอกันที่มหาลัยเลยวันงาน แต่ยังไงกูจะไปนอนกับมึง เตรียมเอากุหลาบโรยไว้บนเตียงด้วย ให้หอมๆนะมึง
ไปละ
ปล.EMS นี่มันเขียนได้ยาวๆกว่าโทรเลขมั้ยว่ะ กูไม่รู้
กูเอง ไอ้ใหญ่..ณ.เชียงใหม่  
----------
 :z10: ตอนนี้สั้นจริง
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 10-09-2009 13:50:32
 :z2: :z2: :z2:
นั่นสินะ สั้นจริงแต่เป็นสั้นที่มีแอบหยอดนิดนึง
“กูดีใจ..ที่ได้ยินเสียงมึง”
 :impress2: ไม่รู้ว่าใหญ่จะมาได้ไหมแอบกลัว
รู้สึกทุกอย่างดูไม่ชัดเจน ไม่ปะติดปะต่อ ขาดช่วงยังไงอยู่
หวังว่าฝันจะเป็นจริง
นิว(LOVEis)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 10-09-2009 14:31:02
แอบหวั่นใจ  ขอให้มาได้

และก็ขอให้เปิดเผยใจกันเร็วๆนี้ :call:

ขอบคุณจ้า :L2:

ลืมคอมเม้นท์ ขึ้นต้น จม  ของใหญ่  

ไอ้ฝัน  วันเดียว  >>> o13 คน เขียนใส่ใจในรายละเอียด

อืมๆๆ ฝันแค่วันเดียวจริงๆๆ ในวันที่ฝันไปเจอใหญ่ที่เชียงใหม่ได้แค่1วัน
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 10-09-2009 14:48:05
ดีสมน้ำหน้าใหญ่โดนดุเลยสมๆๆ ทำเหมือนเรื่องที่ตัวเองรอดมาได้
เป็นเรื่องตลกโปกฮา ทำให้เหมอืนกับว่าฝันไม่ต้องห่วงอะไรแค่นี้สบายมาก
ทำราวกับโดนมีดมามือแต่ในค.เป็นจริงมันใหญ่กว่านั้น มันหมายถึงชีวิตทั้งชีวิต
มันหมายถึงค.ห่วงใยของคนที่อยู่ข้างหลังจะเป็นยังไงถ้ามันเป็นอะไรไปจริงๆ
ทำให้ฝันร้องไห้เลยหนิคนเรา  :เฮ้อ: จริงคงใจชื่นใช่มั๊ยล่ะที่รอดมาได้
ได้มาฟังเจ้าฝันมันตวาดใส่แบบนี้ให้รู้ซะบ้างว่าฝันมันก้อห่วงตัวเองจริงๆนะ
ไม่ว่าอะไรก้อแล้วแต่ค.ผูกพันมันมีมากกว่าค.เป็นเพื่อนที่สองคนเชื่อมโยงต่อกัน
แล้วเรื่องรับปริญญา ไม่ต้องให้ฝันตามจิกนะ ไม่รายงานเพื่อนตัวเองก่อนล่ะเด๋วแม่ตบให้
 (โหมดวีนแทนฝัน  :laugh:)

ตอนหน้าคงได้เจอกันซะทีนะ  :กอด1: หวังว่าคงไม่มีอ้อยมาเป็นตัวแปรอีกนะ

+1 จัดให้คะ  o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 10-09-2009 15:43:50
คนเขาเป็นห่วง  :z1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 10-09-2009 16:08:39
อ่านคู่นี้ทีไรแอบเจ็บจิ๊ดๆ ในใจทุกที  :sad4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 10-09-2009 19:13:33
อยากอ่านตอน นอนเตียงโรยด้วยกุหลาบของฝันกะใหญ่เร็วๆจัง  :กอด1:

 :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 11-09-2009 00:34:40
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นด้วยความอึดอัดแทนใหญ่กับฝัน
ทำไมมันต้องเก็บกักความรู้สึกกันไว้ขนาดนี้นะ  :z3:
บวก 1 แต้มให้นะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 11-09-2009 07:05:37
^^
^^
จิ้มน้องสาว

กักกันเข้าไป ไอ้ความรู้สึกนะ สักวันมันคงระเบิดออกมา

แต่เอ ให้รอยกุหลาบไว้บนเตียง หรือว่าครั้งนี้ใหญ่กะจะ :oo1:ฝันหรือเปล่า

+1  และเป็นกำลังใจให้นะครับ รอฉบับที่ 15
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-09-2009 10:27:37
กว่าจะเข้าใจใจตัวเองจะสายไปหรือเปล่าหว่า  :z10:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๔๑๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๔๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 11-09-2009 17:09:39
มาบอกก่อนว่าสต็อกกำลังจะหมด คงไม่ได้ลงบ่อยๆแล้วค่ะ ขึ้นกับคนเขียนจะเขียนได้มากน้อยแค่ไหน :z2:
*****************************
(ตอนที่๑๕)


เช้านั้นผมไปที่มหาวิทยาลัยแต่เช้า7.00น. แม่กับพี่สาวบอกว่าจะตามไปตอน9โมง  ผมเลยตั้งใจว่าช่วงแรกๆจะถ่ายรูปกับเพื่อนๆให้เต็มที่ก่อน  ก็ได้แต่หวังว่าไอ้ใหญ่จะมาไวๆจะได้ถ่ายรูปกันเยอะๆ น้องที่ผมจ้างมาให้ช่วยถ่ายรูปให้ก็มาแล้วครับ
“พี่ฝันหวัดดีครับ แล้วเฮียใหญ่มารึยังครับ”
“เออ..ไหว้พระ”
“ผมยังไม่เคยบวชเลยพี่....”ผมไม่รู้ว่ามันกวนตีน หรือว่ามันโง่กันแน่ แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะด่าใคร กำลังหงุดหงิดที่ไอ้ใหญ่ไม่มาซักที เลยหยวนๆกะน้องมันไปตอบส่งๆมันไป“เออ..กูผิดเอง”

 แต่ไอ้เกี๊ยงยังไม่เลิกกวน “นั่นซิพี่ก็เรียนจบแล้วไม่น่าพลาดนะ ผิดก็รู้ตัวก็ดีแล้ว”มันลามปามมาตบไหล่ผมอีกแน่ะ อยากจะกระทืบมันก็ติดที่ใส่ครุยอยู่ เลยต้องสำรวมกายหน่อย  ไอ้เกี๊ยงทำท่าชะเง้อชะแง้มองหาคนเลียนแบบผม
“ เฮียใหญ่ยังไม่มาเลย แต่ผมไม่ลดราคานะพี่ ราคาเหมา 1คน 2 คนผมคิดเท่านี้นะ ห้ามเบี้ยว กำลังเก็บเงินจะไปซื้อกางเกงใหม่ ไม่ลดนะ” มันพูดย้ำๆแล้วทำท่ายียวน เอียงหัว ยักไหล่กวนประสาทจริงๆ

ผมต้องมองหน้ามันอีกที “นี่กูเลือกคนผิดจริงๆทำไมมึงเค็มเป็นเกลือสินเธาว์ขนาดนี้วะ” ไอ้เกี๊ยงเอามือจับคางเหลือบตามองด้านบน มันคงนึกว่าท่าทางมันน่ารักสิ้นดี “สินเธาว์นี่เหมือนลุงสีเทาที่เป็นตลกรึเปล่าพี่ แล้วเค้าอยู่คณะไหน ทำไมไม่เคยได้ยิน” ผมอยากจะหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออก คงเป็นความผิดของผมเองที่ใช้ภาษาที่เด็กมันไม่เข้าใจได้แต่ปลง “เออ กูผิดอีก”

ขี้เกียจอธิบายครับ  ตอนนี้คนเริ่มมาเยอะขึ้นเรื่อยๆเพื่อนๆผมก็มากันมากแล้ว พวกมันกวักมือเรียกให้ผมไปถ่ายรูปด้วย ขาดก็แต่ไอ้ใหญ่ที่ยังมาไม่ถึง ผมเลยต้องไปถ่ายหมู่อย่างเซ็งๆ “ไอ้เกี๊ยง..มึงจะยืนเกาหัวทำไม  ให้ไวรีบๆมาถ่ายเลยมึง อย่าให้ต้องเรียก..เงินน่ะเอามั้ย อย่าดีแต่ปากนะมึง”
“ก็สินเธาว์มันใครล่ะพี่ฝัน..” ผมกำลังจะตะโดนด่าไอ้เกี๊ยงที่ยังเป็นเด็กเจ้าปัญหา ไม่ยอมทำงานทำการถ่ายรูปให้ผมซะที ก็รู้สึกถึงแรงตบหนักๆที่ไหล่ของผมจนเจ็บ  จะเปลี่ยนหันมาด่าไอ้บ้าที่มาตบไหล่แทน แต่กลับเจอรอยยิ้มของไอ้หนุ่มเชียงใหม่ ที่ส่งมาให้

“โกรธแล้ว....ถ่ายรูปหมู่ทำไมไม่รอกู” ไอ้ใหญ่ทำเป็นโวยวายใส่เพื่อนแต่สายตาของมันก็ยังมองที่ผมคนเดียวอยู่ดี ผมเพิ่งรู้ว่ามันส่งยิ้มทางสายตาให้ผมได้ด้วย ไอ้ใหญ่เอาแขนมาพาดบ่าผม แล้วหันไปส่งยิ้มให้กล้อง
เพื่อนๆส่งเสียงทักทายไอ้ใหญ่กันเกรียวกราว จนไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร“ไอ้ใหญ่!!!....มาสายนะมึง อยู่แค่เชียงใหม่ยังมาสายอีก”
“กระผมอยู่ตั้งเชียงใหม่นะเว้ย  ไม่ได้อยู่ประตูน้ำ จะได้มาไวเหมือนขึ้นรถไฟฟ้า”
“เฮ้ย...แล้วมึงไม่ใส่ครุยวะ หรือมึงไม่จบ ฮ่าๆๆๆ”
“สาดดดด..ไอ้ด้า....นานเจอๆทีเค้ายังไม่ปล่อยหมาออกจากปากเหมือนเดิมเลยนะมึง” เสียงโต้ตอบหยอกเย้าของไอ้ใหญ่กับเพื่อนๆยังดังต่อไป  มีแต่เสียงหัวเราะล้อมรอบในหมู่ของเพื่อนๆ   ผมได้แต่ฟังแล้วก็หัวเราะตาม ปลดมือของไอ้ใหญ่ลงจากไหล่จะเดินไปเอาเสื้อครุยมาให้มันใส่  ไอ้ใหญ่ขมวดคิ้วดึงมือผมไว้ “มึงจะไปไหน..”

“กูจะไปเอาเสื้อครุยมาให้มึงไง..รอเดี๋ยวนะ”มันพยักหน้าแล้วปล่อยมือผมไป
“เอ้าใส่ซะมึง..มาซะสายเลย”ไอ้ใหญ่ผละจากเพื่อนๆรับเสื้อครุยไปใส่ มันได้แต่ยิ้มๆ ไม่ว่าอะไรที่ผมต่อว่ามัน ผมช่วยมันจัดครุยให้เข้าที่เข้าทาง แล้วก็บอกกับมันว่า “แต่กูก็ดีใจที่มึงมา”
“ก็กูสัญญาแล้วไงว่าจะมา  ก็ต้องมาซิ” ผมกับมันยังยืนคุยกันอยู่อย่างนั้น ไอ้ใหญ่เล่าให้ฟังถึงความฉุกละหุกจากการเดินทางมาที่มหาวิทยาลัย  ผมก็เล่าให้มันฟังเรื่องความกวนตีนของไอ้เกี๊ยง ได้แต่ยืนหัวเราะกันอยู่ตรงนั้น ได้ยินแต่เสียงกดชัตเตอร์รอบๆกายที่ยังคงรัวไม่หยุด

 แต่คุยได้ไม่นานเพื่อนๆก็เรียกเราสองคนไปถ่ายรูปร่วมกันอีก  หลังจากนั้นก็เป็นความชุลมุนของการถ่ายรูป  การรุมล้อมของน้องๆปีหนึ่งที่มาบูมแสดงความยินดีให้กับพี่ๆบัณฑิตใหม่ พ่อไอ้ใหญ่กับแม่และพี่สาวผมก็ตามมาร่วมถ่ายรูปทีหลังแต่ทนอากาศร้อนและความแออัดของมหาวิทยาลัยไม่ไหว แม่ผมกับพี่สาวเลยขอตัวกลับไปก่อน
บรรยากาศในมหาวิทยาลัยยังคงอบอวลไปด้วยความสุข ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกับการถ่ายรูปแต่ก็ยังคงมีแต่รอยยิ้มระบายเต็มใบหน้า  ช่างภาพลากผมกับไอ้ใหญ่ไปรัวชัตเตอร์กันแทบทุกมุมของคณะ
เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มคนหนึ่งมาถามผมว่า“เอ๊ะ..ฝันแล้วอ้อยไปไหน ยังไม่เห็นเลย”
“เออ..นั่นซิ เราก็ไม่เห็นเหมือนกัน สงสัยยังไม่มา”
“แต่เท่าที่รู้อ้อยไม่ได้ไปแต่งหน้าทำผมที่ไหนนี่นาทำไมมาช้า”ผมก็ได้แต่ชะเง้อมองอ้อยท่ามกลางผู้คนที่แน่นขนัด แต่ก็ไม่มีวี่แววเลย

“ทำไมมึงไม่โทรไปตามล่ะ”ไอ้ใหญ่ถามผม ผมถึงพึ่งนึกขึ้นมาได้ “เออ..นั่นซิ กูก็โง่ซะนาน” ผมพยายามโทรหาอ้อยไม่นานอ้อยก็รับสาย “อ้อย..มาถึงรึยัง เพื่อนๆถามหา”
ระหว่างที่ผมคุยกับอ้อยไอ้ใหญ่ก็ยืนถ่ายรูปอยู่ข้างๆผมนี่แล่ะครับ “อ้าว..แล้วเป็นอะไรรึเปล่า..จะถึงรึยังล่ะ”
“เฮียใหญ่...ถ่ายคู่กับพี่ฝันดีกว่าเร็วๆ”ได้ยินเสียงไอ้เกี๊ยงคุยกับไอ้ใหญ่เสียงดังเลยครับ แล้วมันยังมาดึงแขนผมให้มายืนคู่ไอ้ใหญ่ด้วย “เฮ้ย....กูกำลังคุยโทรศัพท์อยู่”

ไอ้เกี๊ยงมันส่ายหน้า “ก็คุยไปซิ แต่ถ่ายไปด้วย คุยอยู่ได้เสียเวลา”
แต่ไอ้ใหญ่ไม่พูดซักคำครับก็มายืนอยู่ข้างผมเงียบๆ “เอ้า....แล้วเฮียใหญ่เป็นอะไร ทำหน้ายังกับคนท้องผูก ยิ้มน่ะทำเป็นมั้ย ที่เชียงใหม่เค้าไม่ยิ้มกันเหรอ อย่าให้ต้องสอนนะเฮีย” ผมได้ยินไอ้เกี๊ยงพูดแบบนั้นอยากรี่เข้าไปอัดมัน ลามปามไม่เลิก แต่ก็ไม่วายอยากรู้หันหน้าไปดูหน้าไอ้ใหญ่ มันก็หน้าบูดจริงๆนั่นแล่ะ มิน่าให้น้องมันหลอกด่า
เสียงกดชัตเตอร์ยังคงดังต่อไป เรื่อยๆ “อ้อยรีบมาแล้วกันเดี๋ยวผมรอ”

 ผมวางสายเสร็จก็หันไปบอกไอ้ใหญ่ “รถแท็กซี่ที่อ้อยนั่งมาดันไปเฉี่ยวกับมอร์เตอร์ไซด์ เลยมาช้า แต่ใกล้ถึงแล้ว”
ไอ้ใหญ่ตอบผมสั้นๆ“อืม..”ผมดูสีหน้ามันแล้วก็แปลกใจ “มึงเป็นเห้...อะไร..หิวข้าวเหรอ”
ไอ้ใหญ่กระพริบตาปริบๆ ปากคว่ำๆ ทำอย่างกับงอนใคร “เปล่า...”
ผมรำคาญเลยหันไปบอกไอ้เกี๊ยงว่า “มึงรอกูอยู่นี่ เดี๋ยวกูมาไอ้ห่..เกี๊ยง” มันได้แต่ทำหน้างงๆว่าอยู่ดีๆทำไมผมไปด่ามัน

ผมดึงแขนไอ้ใหญ่ไปที่โต๊ะกลุ่มที่ตอนนี้มีแต่พวกพ่อแม่ไม่กี่คนนั่งพักเมื่อยกันอยู่  ส่วนเพื่อนๆน้องๆตอนนี้กระจายไปทั่วคณะแล้วครับ คนจึงบางตา  ผมปล่อยแขนไอ้ใหญ่ทันทีที่ปลอดคนแล้วถามมันอย่างไม่เข้าใจว่า
“มึงบอกกูมาตรงๆ มึงเป็นอะไร..ไอ้ใหญ่”
ไอ้ใหญ่ก้มหน้าหลบตาผมไม่ยอมตอบ ผมเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นอีก “ทำไมมึงไม่พูด กูทำอะไรให้มึงไม่พอใจรึไง” มันเงยหน้าขึ้นมามองผมทำตาปริบๆ น้ำตาเอ่อ ทำเอาผมตกใจผมคงเผลอไปตะคอกใส่มันไปแล้ว “มึงอย่าเป็นแบบนี้ซิ ถ้ากูทำกูก็ขอโทษแล้วกัน”

ในเมื่อมันไม่ยอมพูด ไม่ยอมบอกถ้าผมยังดื้อดันตะคอกถามมันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา “กูไปหาอะไรเย็นๆดื่มก่อนนะ ...มึงอารมณ์ดีแล้วตามกูมา” ผมจะเดินหันหลังจากไป แต่ไอ้ใหญ่ดึงมือผมไว้ “กูขอโทษฝัน..กูแค่ร้อนเลยหงุดหงิด” ผมขมวดคิ้วฟังแล้วก็ไม่อยากเชื่อ “แค่ร้อนนี่นะ”
“ก็กูร้อนแล้วมึงยังมาดุกูอีกอ่ะ...กูก็เลยโกรธนะซิ”ไอ้ใหญ่ทำเสียงอ่อยๆ เหมือนมันจะรู้สึกผิดที่มันร้อนแล้วมาทำหน้าบึ้งใส่ผม
“เออ...กูขอโทษที่ดุมึง มึงก็รู้ว่ากูขี้หงุดหงิด ถามอะไรมึงก็เงียบกูก็เผลอดุไปน่ะซิ” มันยิ้มขึ้นมาทันทีที่ผมเองก็ขอโทษมัน ผมยิ้มแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวมัน “งั้นไปถ่ายรูปกันต่อดีกว่านะ อย่าเสียเวลาเลย เวลายิ่งไม่ค่อยมี”
“อืม...ไปกัน”ไอ้ใหญ่ยังจับมือผมไว้เมื่อเดินมาหาน้องเกี๊ยงแล้วตะโกนบอกน้องว่า “ถ่ายรูปคู่ให้เฮียกับไอ้ฝันหน่อยเกี๊ยง” ไอ้เกี๊ยงยิ้มกว้างตะเบ๊ะให้ “กระหน่ำเลยพี่”

ทั้งผมและไอ้ใหญ่ต่างแข่งกันโพสท์ท่าอย่างไม่แคร์สายตาใคร ช่วงเวลาแห่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนี้ผมอยากให้มันอยู่กับผมนานๆ  ผมลอบมองใบหน้ายิ้มแย้มของไอ้ใหญ่ระหว่างที่เราถ่ายรูปกัน พยายามมองหาร่องรอยการบาดเจ็บของอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่เห็นมี มันยังคงดูสดใสร่าเริงแข็งแรงดี นับว่ามันยังโชคดีจริงๆ  ไอ้ใหญ่กับผมเดินตระเวนไปทั่วมหาวิทยาลัยเพื่อถ่ายรูปให้ได้มากที่สุด แดดเริ่มแรงเข้าทุกที ทั้งนายแบบและตากล้องเริ่มไม่ไหวครับ..เหนื่อยและร้อนมากๆ  เราเลยกลับมาที่กลุ่มอีกครั้ง  ผมถือโอกาสนั่งพักดื่มน้ำก่อน  กำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงไอ้ใหญ่ตะโกนดังมา

“ฝัน..มาเร็ว..คิดไรอยู่วะ”ไอ้ใหญ่ยิ้มกว้าง กวักมือเรียกผมให้ไปถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนๆคนอื่น
  “มันคงคิดถึงอ้อยมั๊ง..มาไม่ถึงซักที “ เสียงเพื่อนๆที่เหลือส่งเสียงหัวเราะยั่วเย้ากันเกรียวกราว ผมเลยพูดไม่ออก
“อ้อยมาเกือบจะถึงแล้ว..พวกมึงเป็นบ้า..อะไรกัน ปากดีนักนะมึง  ถ่ายๆๆๆให้ไว ใหญ่มาอยู่ข้างหน้ากู”ไอ้ใหญ่เองก็ทำหน้าเจื่อนๆแต่ก็ยังยิ้มให้ผม 

ใหญ่ขยับตัวมาข้างหน้าผมแล้วรีบย่อเข่าลงไม่ให้บังคนข้างหลัง ผมยืนโค้งตัวลงเอามือจับไหล่มันไว้ทั้งสองข้าง  บีบไหล่มันเบาๆ มันเอามือมาจับมือผมออกจากไหล่มัน หันหน้ามาบอกผมว่า “กูยืนไม่ถนัด ขอยึดมือมึงไว้หน่อยนะ”ผมไม่ได้ตอบมันแต่มันก็ยังกุมมือผมไว้ เพื่อนๆคนอื่นรีบวิ่งเข้าเฟรมกล้อง  เวลาถ่ายรูปหมู่ช่วงที่สนุกที่สุดก็ตรงที่คนมาทีหลังจะรีบวิ่งเข้ามาแจม  แล้วเราก็ต้องฉีกยิ้มกันอีกเรื่อยๆอีกครั้งและอีกครั้ง

“รออ้อยด้วย...มาแล้วค่า” อ้อยวิ่งเข้ามาถ่ายรูปหมู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราสบตากันแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้กัน
*********************************************
เอาดอกไม้มาฝากคนอ่านค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๕๑๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๕๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 11-09-2009 17:22:19
^
^
จิ้ม +1  ก่อนเลย  

มาบอกก่อนว่าสต็อกกำลังจะหมด คงไม่ได้ลงบ่อยๆแล้วค่ะ ขึ้นกับคนเขียนจะเขียนได้มากน้อยแค่ไหน
 :sad4:   หวังว่าคนเขียนจะไม่ดองนะ  เค้าติดเรื่องนี้แล้วอ่า

ขอตัวไปอ่านก่อน

ในที่สุดใหญ่ก็มา
 
โธ่พ่อคุณคงจะน้อยใจมาก  หน้าบอกบุญไม่รับ  แถมยังโดนดุอีก  น้ำตาแตกเลย  :impress3:

ยัยอ้อยยยย  แอร๊ยยยยยยย ใครก็ได้เอาชีไปเก็บที   :z3:  เจอชื่อนี้ทีไร จากที่มีความสุขดี ก็ดับวูบลงทุกที

ขอให้ฝันบอกกะใหญ่ที่เถอะ ว่าไม่ได้คิดอะไรกะยัย ซาก อ้อยนั้นแล้ว  จะได้เลิกนอยด์เรื่องนี้ซะที


หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๕๑๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๕๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 11-09-2009 17:26:34
 :z3: :z3: :z3:
กำลังสนุกเลยอะใกล้จะหมดแล้วหรอเนี่เศร้า
ดูตอนนี้แล้ว ใหญ่มีแสดงทีท่าไม่พอใจเรื่องอ้อยออกมาด้วยนะ
แต่อย่างว่าละจะให้ไปทำอะไรได้ ในเมื่อเรากับเค้าเป็นแค่เพื่อนิน่ะ
ส่วนฝันก็เหมือนจะไม่รู้อะไำรเลย  :เฮ้อ:
ความเป็นจริงมันช่างโหดร้าย แต่นี่ละความเป็นจริง
แล้วจะรออ่านต่อ
นิว(LOVEis)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๕๑๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๕๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 11-09-2009 17:45:55
สารภาพออกไปซะทีสิคะเสี่ย  :o12:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๕๑๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๕๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 11-09-2009 17:46:37
สองหนุ่มนี่นอกจากจะกั๊กกันเองแล้ว
ฝันก็ยังกั๊กเรื่องอ้อยด้วย
ตัวเองไม่ชัดเจน ยังไปสร้างความไม่ชัดเจนให้คนอื่นอีก
มันจะเสียใจกันไปเพราะความเข้าใจผิดหรือเปล่า

ใกล้หมดสต็อกแ้ล้วก็ไม่เป็นไรนะคะ
นานๆมาที ยังไงก็จะรออ่านค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๕๑๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๕๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 11-09-2009 18:20:45
รู้มั๊ยคนอ่านใจจะขาด  :sad4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๕๑๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๕๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 11-09-2009 18:46:01
ใหญ่น่ารักที่สุดเลย โดนฝันตะคอก ด้วยอารมณ์น้อยใจ
และหึง เลยนะน้ำตาปริ่มๆเลยอ่ะ โธ่คนดีของคนอ่านน่าสงสาร  :man1:
ส่วนฝัน เฮ้อ อ้อยมาเป็นตัวประกอบฉากอีกล่ะ เด๋วโดนจัดฉากให้ถ่ายรูปคู่กันอีก
ม่ายยยยยยยยยยยยยยแม่ยกใหญ่ไม่ยอม

+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๕๑๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๕๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 11-09-2009 22:07:43
เข้ามากอดใหญ่ แล้วก้บอกว่ายังรอคอยอยุ่ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๕๑๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๕๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 12-09-2009 13:09:32
รูปตอนเผลอ ของทั้งสองคน ที่น้องเกี๊ยง รัวชัตเตอร์ ถ่ายให้

คงน่าประทับใจ  :impress2:

อ่านตอนนี้แล้ว นึกถึงบรรยากาศงานถ่ายรูปรับปริญญาของตัวเองเลยนะเนี่ย ^^

รออ่านตอนต่อไปนะคับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๕๑๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๕๑๕
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 13-09-2009 03:29:07
:m7:

ย่องๆๆ

เข้ามารอฝันกะใหญ่


 :call:ตอน 16
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๖๑๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๖๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 13-09-2009 12:12:04
พอไม่ได้ลงแล้วมันหงุดหงิด 555+ :serius2:
เลยดอดมาลงก่อน ขอบคุณที่รออ่านกันค่ะ  :3123:
***************************
(ตอนที่ ๑๖)

“รออ้อยด้วย...มาแล้วค่า” อ้อยวิ่งเข้ามาถ่ายรูปหมู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราสบตากันแวบหนึ่ง แล้วยิ้มให้กัน
“อ้อยมาทางนี้เลยมายืนข้างๆฝัน...”ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใครที่พูดไปอย่างนั้น แต่ดูเหมือนเพื่อนๆก็พร้อมที่จะแหวกทางให้อ้อยมายืนข้างๆผม   ไอ้น้องเกี๊ยงตากล้องตะโกนเสียงดัง

“พี่ๆสลับที่..... เปลี่ยนข้างบ้าง” การเปลี่ยนที่ยืนสร้างความโกลาหลให้กับทุกคนพอควร   แต่ทุกคนก็ดูสนุกกับมัน  ในที่สุดไอ้ใหญ่ก็ต้องปล่อยมือจากผมไปยืนอีกมุมหนึ่งห่างจากผมและอ้อย  ผมส่งสายตาพยักหน้าให้มันมาอยู่ข้างๆผมเหมือนเคยแต่มันตะโกนบอกว่า “ที่กูอยู่ตรงนี้...ดีแล้ว” ผมก็เลยตามใจมันไป

 ช่วงเวลาหลังจากนั้นทั้งเพื่อนที่ทำงานผมกับอ้อย เพื่อนที่เรียนโทด้วยกันก็พร้อมใจกันมาถ่ายรูปแสดงความยินดีให้ผมและอ้อย  คนนี้มาคนนั้นไปจนผมสับสนไปหมด  รู้แต่ว่ายิ้มจนเมื่อยปากและตะโกนกันจนคอแห้ง เพื่อนๆก็ทั้งผลักทั้งดันให้ผมถ่ายคู่กับอ้อยตลอด ผมเลยต้องห่างจากไอ้ใหญ่ไปโดยปริยาย ถ่ายไปถ่ายมาไอ้ใหญ่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“เกี๊ยง..เฮียมึงไปไหนแล้ว”ไอ้เกี๊ยงเกาหัวแกรกๆ “ไม่รู้...มัวแต่ถ่ายพี่กับเจ๊อ้อย กลับมาอีกทีหายไปแระ”

“ทำงานภาษาอะไรวะ นายแบบหายยังไม่รู้อีก”ผมเดินหารอบๆนั้นอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอมัน  ผมเริ่มรู้สึกว่าวันนี้ไอ้ใหญ่มันมีผลกับอารมณ์ที่ขึ้นๆลงของผมจริงๆ  สุดท้ายเมื่อหามันไม่เจอผมลองโทรศัพท์ไปหามันสักพักมันถึงรับสาย
 “ใหญ่มึงอยู่ไหน?”
“นี่พ่อเอง....ฝันรึเปล่า”อ้าวทำไมโทรศัพท์ไปอยู่กับพ่อได้
“ครับใช่ครับ....พ่ออยู่กับใหญ่หรือเปล่าครับ”
“แยกกันไปแล้ว พอดีพ่อลืมเอาโทรศัพท์มา ใหญ่เลยให้พ่อไว้ใช้ นี่พ่อกำลังจะกลับเชียงใหม่แล้วล่ะ คิดว่าเดี๋ยวใหญ่คงเดินกลับที่กลุ่มนะ”
“อ้าว...แล้วพ่อไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนเหรอครับ”คืนนี้เรามีนัดกันว่าจะไปกินเลี้ยงฉลองกันแล้วให้พ่อแม่ไปด้วยครับไปทั้งหมดเลยแล้วหารกัน แต่แม่กับพี่สาวผมก็บอกแล้วว่าไม่ไป ผมเองก็ไม่เห็นความจำเป็นอะไรสำหรับงานเลี้ยง
“ไม่อยู่หรอกฝัน เป็นห่วงคนที่บ้านมีแต่ผู้หญิงอยู่กันตามลำพัง”ตกลงพ่อไอ้ใหญ่ก็ไม่มาอีกคน เอาไงดีละ ไอ้ใหญ่ก็ไม่รู้ไปไหน
 “งั้นผมลาพ่อเลยครับ ไว้ผมจะไปเที่ยวเชียงใหม่อีก สวัสดีครับพ่อ”
“อืม..ไหว้พระลูก คืนนี้ ฝากใหญ่ไปค้างด้วยคนแล้วกัน แค่นี้นะลูก”
พ่อไอ้ใหญ่วางสายไปแล้วไอ้ใหญ่ก็ยังไม่กลับมา  ไม่รู้หายตัวไปไหนนี่ก็ใกล้เวลาต้องเข้าหอประชุมแล้วด้วย  แม่ผมเตรียมข้าวกล่องมาให้ผมกับใหญ่แล้ว ผมเริ่มอารมณ์กรุ่นๆรู้สึกว่าทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด เริ่มเบื่อการถ่ายรูปอยากจะหยุดพักก่อน

“ฝันกินข้าวก่อนดีกว่า เดี๋ยวเข้าหอแล้วนะ เตรียมมารึเปล่า เราซื้อมาเผื่อให้ด้วยนะ” อ้อยมานั่งข้างผมตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้  ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อแต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้ผม ผมส่ายหน้าอยากจะรอไอ้ใหญ่มากินด้วยกันมากกว่า
“ยังดีกว่า..ยังไม่หิว”
“ฝันเหงื่อออกมากเลย เช็ดเหงื่อหน่อยซิ”ผมอ้าปากกำลังจะพูดว่าไม่ต้อง แต่อ้อยก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ผมแล้ว ผมจับมืออ้อยจะเอาออก ก็พอดีไอ้ใหญ่เดินเข้ามากับไอ้หนุ่ยพอดี  ผมดูสีหน้าทั้งสองคนแสดงอารมณ์แตกต่างกัน แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันคิดอะไรไปถึงไหน แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

แต่ผมสงสัยว่า“ไอ้หนุ่ยมากับเพื่อนกูได้ไงวะ” ไอ้หนุ่ยหันไปมองหน้าไอ้ใหญ่
“อ้าว...เพื่อนมึงเหรอ...กูไม่รู้..กูเห็นครุยคณะมึงเลยถามว่ามาทางไหนเค้าเลยพากูมา”
 ไอ้ใหญ่ก็แค่ยิ้มๆบอกกับผมว่า “กูไม่รู้ว่าเพื่อนมึง  กูแค่เป็นคนดี พาพี่เค้ามาที่คณะ”

“เออ..พอกันทั้งคู่ กูขอเฉ่งเป็นรายหัวนะ เริ่มที่มึงก่อนไอ้ใหญ่ นี่มึงหายหัวไปไหนมา จะเรียกมากินข้าวเดี๋ยวเข้าหอแล้ว...ปล่อยให้กูตามหา……” วันนี้ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นพ่อไอ้ใหญ่ ต้องคอยดุมันตลอดเวลา
“ไอ้หนุ่ยมึงรอก่อน ไม่มาซะตอนกูเข้าหอไปเลยล่ะ  เดี๋ยวกูค่อยจัดการมึง”

ไอ้หนุ่ยยักไหล่ไม่สนใจผม มันเดินไปหาอ้อยแล้วยื่นดอกไม้ให้ “ยินดีด้วยครับน้องอ้อย” อ้อยรับดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม ผมดูแล้วค่อยสบายใจ มันเป็นรอยยิ้มของเพื่อนที่จริงใจต่อกันจริงๆ  หันกลับมาดูไอ้ใหญ่มันก็มองทั้งคู่เหมือนกับผม มันทำหน้าสงสัยคงแปลกใจที่อ้อยรู้จักไอ้หนุ่ยด้วย
 หันกลับมาที่ไอ้ใหญ่ “ไปไหนมา...”ไอ้ใหญ่ทำหน้าสำนึกผิด “กูไปส่งพ่อขั้นแท็กซี่ พ่อจะกลับบ้าน” ผมเหลียวไปดูไอ้หนุ่ยมันกำลังถ่ายรูปกับอ้อยอยู่ ผมเลยมีเวลาคุยกับไอ้ใหญ่ต่อ
 “กูรู้แล้ว..กูคุยกับพ่อมึงแล้ว แต่พ่อมึงไปนานแล้วนะ ทำไมมาช้า ไม่รู้เหรอว่ากูรออยู่”
มันสบตาผม “กูนึกว่ามึงไม่รอกูแล้ว กูเลยเดินดูนู่นนี่เล่น”
ผมถอนหายใจ “กูบอกว่ากูจะรอ..กูก็ต้องรอซิ กูบอกมึงรึยังว่ากูเลิกรอแล้ว”ไอ้ใหญ่ส่ายหน้า

“มึงไม่เคยบอก แต่เห็นมึงมีอ้อยอยู่ด้วย กูเลยไม่ห่วง” มันเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า เหมือนมันไม่รู้ใจผมเลย
“คนอื่นไม่เกี่ยวกัน..มึงจำไว้นะ” ผมบีบไหล่มันหนักๆ ให้รู้ว่าผมพูดจริงจัง
“เฮ้ย..ฝันมาถ่ายรูปมา เดี๋ยวเข้าหอแล้วไม่ใช่เหรอ”ไอ้หนุ่ยเดินมาเรียกผมไปถ่ายรูป แล้วมันก็หันไปเรียกไอ้ใหญ่ด้วย
“น้องใหญ่ด้วยครับ เชิญๆ ได้ยินฝันมันพูดถึงหลายครั้งแล้ว มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย”กับคนรู้จักใหม่ๆไอ้หนุ่ยมันยังมีมารยาทครับ  ผมเดินเข้าไปชกแขนมันเบาๆ แล้วแบบมือขอของขวัญ

“ทำไมมึงมาสาย  กูนึกว่ามึงลืม ไหนของขวัญกูล่ะ”มันไม่เห็นมีดอกไม้ให้ผมเหมือนให้อ้อยเลยครับ โลกมันไม่ยุติธรรม
“เอาไปทำไม  เดี๋ยวก็เหี่ยว กูมาก็บุญแล้ว ปกติไม่ไปงานใครนะเว้ย” มันพูดดีมากครับเค้าให้กันทั้งเมือง ผมได้แค่ประณามมันแต่คงทำอะไรมันไม่ได้ เดี๋ยวมันจะว่าผมงกของขวัญ
“มึงมันอย่างนี้ชอบแหกคอกคนอื่น”
“ทำไมกูต้องเหมือนใคร...มึงอยากได้จริงๆเหรอ”ไอ้หนุ่ยมันคงคิดว่าผมอยากได้จริงๆ แต่ผมส่ายหน้า
 “เปล่า...ไม่อยากได้” คราวนี้ไอ้หนุ่ยยิ้มเผล่เลยครับ “เห็นมะ กูว่าแล้ว กูจะไปเสียเงินซื้อมาให้มึงทำไม เก็บเงินไว้เลี้ยงเหล้ามึงดีกว่า”
ไอ้หนุ่ยโอบไหล่ผมกระซิบ “แต่เพื่อนมึงหน้าตาดีกว่ามึงนะ หน้าตาฉลาดด้วย ไม่น่ามาคบกับมึงเลย”ผมรีบปัดมือมันออกจากไหล่ “นั่นเพื่อนกูไม่ต้องวิจารณ์เลย  แล้วมึงพูดแบบนี้มึงมาคบกูทำไม”
“คนอื่นจะได้เห็นไงว่ากูดี ฮ่าๆๆ”
มันพูดเสร็จแล้วก็เดินไปโอบไหล่ไอ้ใหญ่ครับ  ปล่อยให้ผมยังงงอยู่ว่ามันหมายความว่ายังไง
 “ไปถ่ายรูปกัน..ใหญ่...แล้วกลับวันไหน...” ไอ้หนุ่ยเดินคุยจ้อกับไอ้ใหญ่ไปแล้ว แต่ผมยังตีความที่มันพูดไม่ออก จนเดินไปถึงจุดที่ยืนถ่ายรูป  ผมถึงนึกออกเลยตบกบาลไอ้หนุ่ยไปทีแล้วด่ามัน

 “ไอ้เลว เอากูไปเป็นพระรองให้มึงดูดีกว่าเป็นพระเอกเหรอ” ไอ้หนุ่ยได้แต่หัวเราะดังๆ ไม่ว่าอะไรผม หลังจากนั้นเราก็ถ่ายรูปกันไปหลายรูปครับ ช่วงหลังๆผมได้ยินไอ้หนุ่ยเรียกใหญ่ว่า ‘น้องใหญ่’ แล้วครับ  ใหญ่มันก็ยังมารยาทดีเรียก ‘พี่หนุ่ย’ ผมก็เห็นคุยกันถูกคอดีครับแถมผมยังได้ยินไอ้ใหญ่ชวนไอ้หนุ่ยไปเที่ยวเชียงใหม่อีกด้วย
 จนกระทั่งต้องเข้าหอประชุม ไอ้หนุ่ยถึงขอตัวลากลับ มันเดินมาโอบไหล่ผมแล้วแสดงความยินดีเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง “ยินดีด้วยนะไอ้น้อง  มึงเป็นคนดี  เรียนดี มีอนาคตดี มีคนรักที่ดี รักษาความรักของมึงให้นานๆนะ” ผมฟังแล้วยังแปลกใจที่ไอ้หนุ่ยเกิดจะมาเป็นพี่หนุ่ยพูดอวยพรผมเป็นงานเป็นการ แต่ก็รู้สึกดีใจครับที่ได้มีโอกาสรู้จักกับมัน พี่หนุ่ยก็เหมือนพี่ชายผมคนหนึ่ง  ผมซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหล  ผมยกมือไหว้แล้วคว้าตัวไอ้หนุ่ยมากอด
 “ขอบคุณนะพี่หนุ่ย....แล้วอย่าลืมเลี้ยงเหล้ากูต่อไปด้วยล่ะ” เพราะนี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรักมันมากที่สุดครับ
 ไอ้หนุ่ยเลยตบหลังผมแรงๆกลับบ้าง “เออ...กูคงเป็นหนี้มึงชาติก่อน ชาตินี้เลยต้องมาเลี้ยงเหล้ามึงตลอด”

ไอ้หนุ่ยเดินไปหาอ้อยเพื่อลากลับ ทั้งสองคนต่างมีรอยยิ้มให้แก่กัน “น้องอ้อยยินดีด้วยนะครับ แล้วคราวหน้าพี่ชวนไปดื่มกันอย่าลืมไปนะ ให้พี่หนุ่ยได้เลี้ยงแสดงความยินดีกับน้องอ้อย ให้เรากลับมาเที่ยวกันสนุกๆเหมือนเดิม” ผมว่าผมเห็นอ้อยน้ำตาคลอแต่อ้อยก็ยังยิ้มได้
 ไอ้หนุ่ยยิ้มอ่อนโยนเอื้อมมือไปจับที่ไหล่อ้อย “ไม่เอาอย่าร้องไห้เดี๋ยวไม่สวย พี่ไปก่อนนะครับ”
ไอ้หนุ่ยผละจากอ้อยไปจับมือกับไอ้ใหญ่ “ดีใจนะที่ได้มารู้จักกับมึง ยินดีด้วยนะ พี่จะเป็นกำลังใจให้เราทุกเรื่อง ไม่ต้องห่วง พี่คอยดูไอ้ฝันเอง มันชอบโง่ พี่จะคอยชี้ทางสว่างให้มันเอง ฮ่าๆ”

ผมว่าผมได้ยินแต่ไม่แน่ใจ เลยเดินไปฟังใกล้ๆอีกครั้งเข้าไปกอดคอไอ้หนุ่ยแรงๆ  “เฮ้ยๆๆ..มึงว่ากูว่าโง่เหรอ...ไอ้เชี่....หนุ่ย”
“เออซิ..ไม่ได้รู้อะไรเล้ย.. กูไปแล้วเดี๋ยวต้องรีบไปหาลูกค้าอีกตอนเที่ยง มึงอย่ามารัดกูแน่นซิเสื้อยับหมด ไว้เจอกันนะใหญ่” ไอ้หนุ่ยโบกมือให้แล้วหายไปกับกลุ่มคนมากมายอย่างรวดเร็ว พวกผมไม่มีเวลาคุยอะไรกันมากรีบทานข้าวเพื่อเตรียมตัวเข้าหอประชุม
“ใหญ่ พ่อมึงกะแม่กูไม่ไปงานเลี้ยงแล้วเราจะไปกันรึเปล่าล่ะ” อ้อยที่นั่งอยู่ทานข้าวอยู่ข้างๆคงได้ยิน “จะไม่ไปกันเหรอ”
ผมยังไม่ค่อยแน่ใจ “กำลังคุยกันอยู่พอดี ว่าจะไปหรือไม่ไป อ้อยไปรึเปล่าครับ” อ้อยพยักหน้า “พ่อแม่เราก็ไปด้วย น้องสาวเราอีก คงไปนะจะได้ไม่ต้องไปเลี้ยงกันอีกรอบ” ผมหันไปถามไอ้ใหญ่ “เอาไงมึง...ไปปะ”

ผมรู้ว่ามันต้องตอบว่าแล้วแต่ผม แต่ผมรู้สึกเหนื่อยๆแล้วผมก็เจอเพื่อนๆบ่อยอยู่แล้ว การเลี้ยงรวมกันกับพ่อแม่คนอื่นก็คงไม่สนุกเท่าไหร่  ผมมองใหญ่อีกครั้ง มันก็พยักพเยิดหน้าให้  ผมเลยเดาใจว่ามันก็คงไม่อยากไป
“ไม่ไปดีกว่า..คนมากๆมีแต่ผู้ใหญ่ ผมไม่ค่อยถนัด”
อ้อยทำหน้าเสียดาย “ว้า..นานๆใหญ่มาที เรานึกว่าจะได้คุยกันเยอะๆ วันนี้เราก็มาสายไม่ค่อยได้มีเวลาคุยเลย”
“อ้อยคุยกับฝันก็เหมือนคุยกับเราแล่ะ บ้าๆพอกัน”ดูไอ้ใหญ่มันมาว่าผมบ้า
“ไม่ๆ ไม่เหมือน กูมันพวกบ้าเป็นพักๆ แต่บ้ารักทุกวันเว้ย” อ้อยหัวเราะหน้าแดงเอามือมาตีแขนผมเบาๆ  แล้วมาชวนคุยต่อ
“ฝันน่ะชอบพูดเล่นเรื่อย.....เออแต่วันนี้ที่แผนกที่ออฟฟิศเรามากันหมดเลยนะ ดีใจจังเลย เห็นพี่บีบอกว่าจะเลี้ยงให้เราสองคนอีกรอบนะ” อ้อยยังพูดถึงเพื่อนๆคนนู้นคนนี้ที่เรียนโทด้วยกัน ไอ้ใหญ่ก็เอาแต่ยิ้มมองผมกับอ้อยคุยกัน จนผมเริ่มสังเกตว่ามันเงียบเสียงไป

“ใหญ่มึงไม่เห็นคุยอะไรมั่ง เงียบเชียวมึง ง่วงแล้วเหรอ”
“เปล่า...กูไม่รู้จะคุยอะไร กูไม่รู้จักเพื่อนๆมึงนี่” พอมันพูดออกมาแบบนี้ผมตำหนิตัวเองทันที  ผมมันแย่ทั้งที่มันก็มาได้แค่วันเดียวผมน่าจะใส่ใจความรู้สึกมันมากกว่านี้  “โทษทีว่ะมึง...กูก็ลืมไป”
ไอ้ใหญ่ส่ายหัว “เรื่องเล็กๆน่ะ อย่าคิดมาก” เริ่มมีเสียงตามสายเรียกบัณฑิตให้เตรียมตัวเข้าหอประชุม  เราคงต้องเตรียมตัวแล้ว “โอเค....งั้นกูว่าเราไปรวมกับเพื่อนๆดีกว่า เดี๋ยวคงทยอยเข้าหอกันแล้ว...ไปอ้อย”
ระหว่างเดินไปเข้าแถวผมกระซิบบอกใหญ่ว่า “ใครถามก็ให้บอกว่าเราไปกินเลี้ยงด้วยนะ แล้วเราค่อยแอบปลีกตัวออกมา ถ้าบอกพวกมันว่าไม่ไปเดี๋ยวเรื่องจะยาว”  ไอ้ใหญ่ยิ้มยกนิ้วให้เป็นสัญลักษณ์ว่าโอเค  ผมรู้สึกเหมือนสมัยที่เรากำลังวางแผนจะโดดเรียนกัน
อ้อยเดินตามมาทันพวกผมพอดี“คุยอะไรกันเหรอสองคนนี้ทำท่าลึกลับ”

“ไม่มีอะไรอ้อย  เรื่องไม่มีสาระอะไร” อ้อยทำหน้างงๆแต่ก็ยิ้มรับฟังด้วยดีหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครได้คุยอะไรกันอีก   การเข้ารับพระราชทานปริญญาเราต้องนั่งเรียงตามตัวอักษร ผม ใหญ่และอ้อยจึงแยกกันนั่ง  แต่ผมกับไอ้ใหญ่นัดกันไว้แล้วว่าออกมาแล้วจะไปเจอกันที่กลุ่ม เพราะไอ้ใหญ่มันไม่มีโทรศัพท์ติดตัวแล้ว
กว่าจะออกมาจากหอประชุมได้ก็เย็นๆ  ผมนั่งหลับน้ำลายไหลยืดไปหลายรอบกว่าจะถึงคิวของตัวเอง  แต่ไอ้ใหญ่มันรับก่อนผมเพราะมันได้เกียรตินิยมอันดับสองน่าภูมิใจแทนพ่อแม่ของมัน เสียดายที่แม่มันไม่ได้มาด้วยแต่ถ้ามาก็คงลำบากน่าดูเพราะคนก็มากอากาศก็ร้อน  ถ้าป่วยขึ้นมาคงทุลักทุเล

หลังจากรับปริญญาเพื่อนๆลากพวกผมไปถ่ายรูปถือใบปริญญากันอีกรอบ  ทั้งๆที่ผมว่าแต่ละคนหน้าตาโทรมกันหมดแล้วครับตากแดดกันมาทั้งวัน  พวกสาวๆต้องรีบทาแป้งเติมหน้ากันวุ่นวายผมเห็นแล้วก็เหนื่อยแทน ถ่ายกันไปเยอะแล้ว  ไอ้ใหญ่เริ่มมาสะกิดผม “เราจะออกกันไปได้หรือยัง กูเบื่อคนเยอะๆแล้ว เหนื่อยด้วย”
 ดูหน้าตาแล้วผมก็ว่ามันดูเหนื่อยมากจริงๆ  ก็มันดั้นด้นมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า  เดินทางมาตลอดแล้วยังมาตากแดดร้อนๆอีกทั้งวัน ผมว่าหน้าขาวๆของมันคล้ำลงไปตั้งเยอะ

 “อืม..เดี๋ยวเอาอย่างนี้นะพอเค้าถ่ายหมู่กันเพลินๆ เราก็ไปถ่ายซะหน่อย แล้วมึงค่อยๆเดินหลบออกไปรอกูที่ประตูใหญ่ฝั่งคณะสังคมนะ แล้วกูจะหลบตามมึงออกไป” เหมือนลักลอบทำอะไรเลวๆเลยครับ แต่มันก็ตื่นเต้นดี  มิน่าคนเลยชอบทำอะไรหลบๆซ่อนๆ
ผมไปกระซิบบอกไอ้เกี๊ยงก่อนว่าผมจะไม่ไปต่อ ถ้าผมหายไปเมื่อไหร่มันก็เสร็จงานได้ทันที แต่มันก็ยังไม่วายสงสัยอีก
 “แล้วทำไมพี่ไม่ไป”
“แล้วทำไมเฮียก็ไม่ไปด้วย”
“แล้วพี่กับเฮียจะไปไหนกัน”
“แล้วเจ๊อ้อยล่ะ ไม่ไปกะพี่เหรอ” มันถามผมจนผมอยากเตะมัน “นี่ตกลงนอกจากมึงจะรับจ้างกูถ่ายรูป มึงยังมีของแถมเป็นคำพูดกวนๆ กับคำถามซอกแซกเรื่องชีวิตกูอีกใช่มั้ย แล้วมึงอย่าปากดีไปบอกใครล่ะ”
ได้ยินเสียงมันหัวเราะแหะๆ แล้วมันก็มาผลักไหล่ผม “พี่ฝันก็...อารมณ์เสียอีกแล้ว  เฮียใหญ่หายทีไรอารมณ์เปลี่ยนทุกที”
 ทนไม่ไหวต้องเตะไปมันไปสักทีจนได้ครับ แต่ก็ไม่โดนเพราะไอ้เกี๊ยงไวยังกับลิงวิ่งหนีไปได้ทัน

ใช้เวลาไม่นานผมก็แอบหนีกลุ่มเพื่อนๆออกมาได้ รีบจ้ำเดินมาที่ประตูอีกไม่พ้นช่วงตึกนี้จะถึงประตูอยู่แล้ว
“ฝันจะไปไหน.??” อ้อยวิ่งตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เอามือมาดึงแขนผมไว้
“เราจะกลับแล้ว...ไม่ไปกินหรอก ถ้าใครถามอ้อยก็บอกว่าไม่รู้ว่าไปไหนนะ” อ้อยขมวดคิ้วทำหน้าเบ้ทันที  ดูเหมือนจะอารมณ์เสียนิดหน่อยด้วย
“เราอยากให้ฝันไปด้วย...ฝันไม่ไปเราไม่รู้จะตอบคำถามคนอื่นว่าฝันไปไหนได้ยังไง เมื่อกี้คนก็ถามกันมากแล้ว เราตอบไม่ถูก”
“ก็ตอบไปว่าไม่รู้ซิ...ยากตรงไหน ในเมื่อไม่รู้ก็ตอบไปว่าไม่รู้”
“แต่ทุกคนคาดหวังว่าเราจะต้องรู้นี่” ผมชักงงทำไมเพื่อนจะต้องคาดหวังแบบนั้น แล้วถึงจะคาดหวังแบบนั้นแล้วถ้าไม่ใช่ ทำไมอ้อยต้องเดือดร้อนด้วย
 “มันเป็นเรื่องเล็กมากเลยนะอ้อย..ถึงอ้อยไม่รู้ก็ไม่มีใครว่าหรอก ผมไม่อยู่คนนึงมันไม่ใช่ปัญหาเลยนะ”พูดๆไปสีหน้าอ้อยก็ไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าเสียงผมมันเริ่มดังขึ้นก็ไม่แน่ใจ
“อ้อยก็รู้ว่าพวกเพื่อนๆเรานัดมีทติ้งกันบ่อยจะตายไป”

“แล้วทำไมฝันต้องรีบไป คนอื่นเค้ายังถ่ายรูปกันไม่เสร็จเลย”ผมยกข้อมือดูเวลานี่ผมปล่อยให้ไอ้ใหญ่รอเกือบสิบห้านาทีแล้ว
  แล้วผมก็ยืนคุยกับอ้อยนานเกินไปด้วยเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง  ผมไม่เคยหงุดหงิดเพราะอ้อยแต่วันนี้ผมเริ่ม ‘รำคาญ’ทั้งที่ผมไม่อยากใช้คำๆนี้กับอ้อยเลย ผมค่อยๆพูดช้าๆชัดๆกับอ้อย อยากให้อ้อยเข้าใจเสียที

“คนอื่นถ่ายรูปยังไม่เสร็จ  แต่สำหรับผม..ผมพอแล้ว ผมเหนื่อย..อยากพักผ่อน อยากกลับ ถ้าเพื่อนๆยังอยากสนุกต่อก็แล้วแต่เค้า ผมไปก่อนนะอ้อย ไว้เจอกันที่ทำงาน” ผมปลดมืออ้อยที่จับแขนผมอยู่แล้วผละจากอ้อยมาทันที ถึงแม้ผมจะเห็นว่าอ้อยเริ่มน้ำตาคลอแล้วก็ตาม   ผมไม่ชอบให้เกิดเรื่องแบบนี้เลยเพราะเราไม่ได้กำลังทะเลาะกัน แต่ผมรู้สึกว่าเวลานี้อ้อยกำลังงอแงกับผมมากเกินไป เหมือนเด็กที่พูดไม่รู้เรื่อง

อ้อยตะโกนตามหลังผมมา “เพราะฝันจะไปหาใหญ่ใช่มั้ยล่ะ....ฝันบอกเราตรงๆก็ได้”
ผมหยุดเดินทันทีแล้วหันมาบอกอ้อย “ใช่...พรุ่งนี้ใหญ่จะกลับแล้ว ผมอยากให้เวลากับเพื่อนผมให้มากที่สุด ผมไปนะอ้อย”

ผมไม่ได้หันไปดูอีกว่าอ้อยจะทำหน้ายังไง  ทุกอย่างที่ผมพูดไปมันเป็นความจริงอย่างที่สุด  ถ้าอ้อยจะโกรธผมเรื่องนี้ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ ผมคงไม่สามารถรับผิดชอบกับความต้องการของใครได้หมด..... นี่ผมคงเหมือนไอ้หนุ่ยเข้าไปทุกทีแล้ว
****************************
ลงเสร็จสบายใจ แล้วค่อยไปตามเรื่องตอนต่อไป  :z3:
VV ขอบคุณ คุณnamtaanค่ะ สำหรับข้อผิดพลาดแก้แล้วนะคะ  :pig4:
 
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๖๑๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๖๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-09-2009 12:33:47
อ่านจบตอนนี้ทั้งหงุดหงิดฝัน ทั้งสะใจเล็กๆ
เรื่องของอ้อยกับฝันนี่มันไม่น่าจะมีอะไรแล้วนะ ในเมื่อฝันก็เหมือนจะชัดเจนกับตัวเองแล้วว่า จริงๆมีความรู้สึกพิเศษกับอ้อยแค่ไหน
อ้อยเองสินะ พอพลาดจากหนุ่ยก็ทำเหมือนกับจะหันมามองฝัน
(โทษอ้อยคนเดียวก็ไม่ได้ ก็ฝันเคยพูดรับปากเหมือนว่าจะรอ รออะไรตัวเองเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้)
ยิ่งพอมาอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่คิดว่า ฝันกับอ้อยคือคนพิเศษของกัน (แม้แต่ใหญ่ยังคิดเลย ก็ฝันมันซื่อบื้อทำให้ึคนอื่นคิดไปไกล)
ปากเพื่อนที่พูดกันไป เจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง ก็คงฉุดความคิดของอ้อยที่พลาดกับเรื่องหนุ่ยมาแล้วให้กลับมาหาฝันอย่างชัดเจนอีกรอบ
ไม่งั้นอ้อยคงไม่แสดงออกหลายอย่างแบบนี้ แถมอ้อยก็คงอายถ้าเพื่อนจะรู้่ว่าฝันทำเหมือนไม่ได้สนใจอ้อยมากไปกว่าเพื่อนคนอื่น
แต่ตอนต้นที่หนุ่ยพูดออกมาหลายประโยคนั้น เหมือนหนุ่ยจะสังเกตรู้ว่าระหว่างฝันกับใหญ่มันน่าจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนรัก
หรือหนุ่ยก็คงมองเห็นว่าใหญ่คิดยังไงกับฝัน (ทำไมคนอื่นเขายังมองออกขนาดนี้ ฝันมันไม่ได้หลอกตัวเองอยู่ใช่มั้ย)
 :laugh: ตอนนี้อินจัดเป็นพิเศษ
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากนะคะ

เจอที่ผิดตรงนี้ค่ะ >> “ครับใช่ครับ....พ่ออยู่กับฝันหรือเปล่าครับ”
ฝันคุยโทรศัพท์กับพ่อของใหญ่ แล้วถามถึงใหญ่นี่นา

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๖๑๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๖๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 13-09-2009 13:17:40
ใหญ่น่ารักที่ซู๊ดด

ขอบคุณที่มาต่อให้นะคับ

รออ่านตอนต่อไปคับผม
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๖๑๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๖๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 13-09-2009 14:37:34
+1 ให้กับตอนนี้ นานๆฝันจะกล้าทำไรที่เด็ดขาดขนาดนี้
อ่านแล้วมันแบบโดนใจที่สุดเลย  :กอด1: เป็นกำลังใจให้น๊า
จริงๆจะบอกว่าโดยส่วนตัวอ่านแล้วไม่ชอบอ้อยเท่าไหร่
ด้วยพฤติกรรมที่ผ่านๆมา อ้อยทำตัวได้น้ำเน่ามาก ทั้งเรื่องของการแสดงออกของความรัก
การเลือกผู้ชายแบบฉาบฉวยจริงๆไม่อย่างใช้คำนี้แต่มันตรงตัวดี
แล้วพอเธอไม่ได้ในสิ่งที่ตัวต้องการก็มองหาทางเลือกที่เหมือนกำลังสำรอง
พอมาเจอการตอกกลับแบบเหมือนจะนิ่มๆแต่ก็ดุดันแบบที่ฝันไม่เคยแสดงออกมา
เธอก็เริ่มรับรู้ทำตัวเป็นนางเอกเต็มจอ
แล้วจะรออ่านต่อเป็นกำลังใจให้ครับ
นิว(LOVEis)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๖๑๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๖๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: baroona59 ที่ 13-09-2009 15:17:05
 :3123: :3123: :3123: :3123:


สนุกมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



แล้วเมื่อไหร่ ฝันจะรู้ซักทีนะ ว่า


คนใกล้ตัวคิดยังไง


 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๖๑๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๖๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 13-09-2009 16:01:22
อ่านตอนนี้แล้วรำคาญ อ้อย ยกกำลัง แปดสิบ :fire: 

สมน้ำหน้า สะใจจริงๆ  โดนฝันตอกหน้าไป ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปรับผิดชอบความสึกคนอื่น

สำหรับฝันอ้อยคือคนอื่น หุหุ  แล้วนะคงกลัวเสียหน้าอายกลุ่มเพื่อนๆ ที่คอยแซว

เหมือนที่รีบนบอกพฤติกรรมการเลือกผู้ชายที่ฉายฉวย  พอผิดหวังจากหนุ่ยก็เบนเป้ามาหาฝันทันที  :z6:

แล้วก่อนหน้านั้นไม่แลความรู้สึกฝันเลยไม่ใช่เหรอ  พอฝันทำแบบนี้เองบ้างแล้วเป็นไง  :z2:

มีประชดประชันเรื่องใหญ่ด้วย  มันน่า  :beat:  นัก ใหญ่เค้าเป็นเบอร์ดี้ในใจฝันไม่รู้เหรอ  โหะ ๆ(หัวเราะแบบนางมารร้าย)

ส่วนท่านหนุ่ย นึกว่าจะปิ๊งใหญ่เข้าซะแล้ว  เห็นเรียก น้องใหญ่ๆ  555  นี่จะรับจ๊อบเป็น กาม-มา- เทพ ให้ทั้งคู่ชิมิ 

อิอิ  คงมองออกละนะว่าใหญ่รู้สึกยังไงกะฝัน  รวมทั้งความรู้สึกฝันที่มีต่อใหญ่ด้วย (ด้วยการที่ฝันบ่น รึจะเป็นจะตายตอนได้รับ จม จากใหญ่)
แต่ฝันมันโง่ ต้องให้ท่านหนุ่ยเคาะกระโหลก  ให้ฉลาดซะที 

ปล,ว่าแต่หนุ่ยจะอกหักจากสาวเมื่อไหร่อ่ะ 5555  ยังสติลเชียร์ให้หนุ่ยมันเป็นเกย์ :jul3:



ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อ   รอตอน17 ต่อไป มาต่อไวๆนะ

+1  เป็นกำลังใจให้คนเขียน คนโพสต์เช่นเดิมจ้า

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๖๑๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๖๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 13-09-2009 18:16:36
อ้อยนี่ยังไงไม่รู้
แบบทำตัวน่าเกลียดอะ อย่างงี้คนที่โดนเขาก็รู้สึกแบบไม่มีใครแล้วค่อยเหลียวไรเงี้ย
แล้วคนยิ่งแทบจะหมดความรู้สึกเขาจะแคร์ยังไงถ้าทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๖๑๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๖๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 13-09-2009 19:01:58
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ีพี่หนุ่ยได้ใจมากๆ ทั้งฉลาดและไม่ซื่อบื้อเหมือนเจ้าฝัน ครึๆ
ส่วนน้องอ้อย 555 นาทีนี้อะไรก้อเปลี่ยนความรู้สึกของฝันไมได้แล้วคะ
ให้รู้ๆกันไปเลยว่า ฝันอ่ะไม่ใช่คนที่ให้ใจเธอไปแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
ฝันตอนนี้ในสายตาอ่ะมีแต่ใหญ่ ทั้งๆที่มันไม่รู้ัตัวหรอกนะ
แต่การแสดงออก แต่การให้ความสำคัญกับเพื่อนใหญ่หนะ
มันออกนอกหน้ามากกว่าคนเป็นเพื่อนจะรู้สึกและแสดงออกมา
ทั้งขี้วีน น้อยใจ หงุดหงิด โมโห ทุกๆอย่างที่ฝันเป็นเพียงเพราะ
นาทีนั้นใหญ่ไม่ได้อยู่ในสายตา และคิดแทนใหญ่เอาเองกลัวใหญ่รอ
กลัวใหญ่น้อยใจ กลัวใหญ่คิดมาก ทุกสิ่งทุกอย่างอ่ะฝันเป็นไปโดยอัตโนมัติ
แค่นี้ก็มองออกแล้วล่ะว่าความสำคัญของอ้อยกับใหญ่อ่ะมันไม่เท่ากันและมันไม่เหมือนกันเลย
คงมีเพียงแต่พี่หนุ่ยนั่นแหละที่มันฉลาด 5555 มองออกหมดทุกหยดเลย
ส่วนใหญ่อ่ะนะก็คงได้แต่เก็บเอาภาพอ้อยกับฝันไปคิดมากเอาเอง ทั้งๆที่มัน
ไม่มีอะไร แต่เป็นเพราะใหญ่ไม่อาจแสดงออกอะไรได้ พี่หนุ่ยเลยต้องเป็นคนสะกิดเองไง
กรี๊ดดดดดดดดด ถูกใจที่สุด

“กูบอกว่ากูจะรอ..กูก็ต้องรอซิ กูบอกมึงรึยังว่ากูเลิกรอแล้ว”
>>>  :-[ ฝันเอ้ยโคตรน่ารักเลย
“คนอื่นไม่เกี่ยวกัน..มึงจำไว้นะ”
>> กรี๊ดดดดดดดดดดดได้ในแม่ยกนุ้งใหญ่  :m1:

ฮาฝันนะ ดูท่าจะหวงแล้วก็แสดงออกถึงค.เป็นเจ้าของน้องใหญ่
โดยไม่รู้ตัวด้วย แ่ค่พี่หนุ่ยมันแหย่เล่นแค่นี้ก็นะ จัดการพี่หนุ่ยไปซะล่ะ เฮ้อ แจ่มเลย

+1 จัดให้นะคะ  o13 เลิศเลอที่สุด
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๖๑๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๖๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 14-09-2009 11:20:57
ทำถูกแล้วล่ะฝันพูดตรงๆ ดีที่สุด ชอบจังคนแบบนี้

พี่หนุ่ยเซนส์ดีกว่าฝันเยอะเลยนะเนี่ย

แอบเศร้าใจตอนใหญ่ต้องย้ายไปยืนไกลๆ ฝัน ทำไมช่างไม่ทะเยอทะยานและทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างเลย  :z10:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๖๑๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๖๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 14-09-2009 16:50:28
“ที่กูอยู่ตรงนี้...ดีแล้ว”
### เพื่อนใหญ่ เจียมบอร์ดี้จริงๆ :impress3: 

แล้วปฏิกิริยาที่มีต่อใหญ่ก็เป็นไปแบบอัตโมมัติจริงๆๆ 
ขนาดนี้แล้วพี่ท่านยังไม่รู้ตัวอีก


สงสัยควรมีตัวแปรมาเร่งซะแล้ว หากมีคนมาจีบใหญ่ คงตามหึงดีพิลึก :laugh3:


 :call:  17 

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๗๑๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๗๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 15-09-2009 11:14:08
(ตอนที่๑๗)

ถึงแม้จะเป็นเวลาเย็นแล้วแต่ที่มหาวิทยาลัยก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งตัวบัณฑิตจบใหม่ ทั้งญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และนักศึกษาที่ยังคงอยู่กันเกือบเต็มพื้นที่ของมหาวิทยาลัย  ผมเดินจ้ำด้วยความเร็วก็จริงแต่ก็ยังต้องหลบหลีกผู้คนที่เดินสวนไปมา ทำให้พาเท้าไปได้ไม่ไวเท่าความคิด แต่ไอ้ใหญ่ก็ยังยืนรออยู่ตรงนั้น มันยืนกอดอกหันหลังให้ผม มองเหม่อไปทางวัดพระแก้วที่ดูงดงามยิ่งนักในยามค่ำคืน ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่แต่สีหน้าด้านข้างของมันดูเศร้าหมอง แล้วก็...เหงาๆ

ผมเดินไปข้างหลังใหญ่เงียบๆแต่มันก็ยังไม่รู้ตัว ผมเอาแขนไปโอบไหล่มัน ไอ้ใหญ่สะดุ้งแต่เมื่อเห็นว่าเป็นผมมันก็หันมายิ้มให้ “ไงมึง...โทษทีนะใหญ่ กูมัวแต่วิ่งไล่เตะไอ้เกี๊ยงมัน เล่นเอาเหนื่อยเลย ไปกันเถอะ”
“อืม...แต่เราจะไปไหนดี...กูหิวแล้วล่ะ เมื่อกลางวันกินไม่ค่อยลงมันรีบๆด้วย” พอมันพูดแบบนี้ผมก็รู้สึกหิวเหมือนกัน อยากจะหาอะไรกินแถวนี้จะได้ไม่ต้องแบกท้องไปไกลๆ
“ไปกินริมน้ำกันมั้ย จะได้นั่งพักเหนื่อยแล้วคุยกันไปด้วย เราไม่ต้องรีบกลับบ้านหรอก กูบอกแม่ไปแล้วว่าอาจกลับดึก” ไอ้ใหญ่ยังไม่ทันตอบอะไรแต่เหมือนจะเห็นอะไรซักอย่าง มันรีบลากผมออกมาจากหน้าประตูไปโบกแท็กซี่ทันที “มึงจะพากูไปไหนก็รีบไปเลย เพื่อนเราทั้งกลุ่มเดินกันมาแต่ไกลนู่นแล้ว ถ้ายังไม่อยากโดนมันด่า”

ไอ้ใหญ่มันตาดีจริงๆเลยครับผมมองตามที่มันชี้ให้ดู เห็นไอ้ด้าเดินนำมาก่อนใครเพื่อน อีกไม่นานมันคงมาถึงที่พวกผมยืนกันอยู่ จังหวะเหมาะแท็กซี่มาจอดพอดี  ผมเลยรีบดันไอ้ใหญ่ขึ้นรถไปก่อน แล้วรีบปิดมือถือกลัวเพื่อนโทรตาม  พี่แท็กซี่หันมาถาม “ไปไหนครับ” ผมยังตอบพี่เค้าไม่ถูก เลยบอกไปว่าให้ขับเส้นเลียบริมแม่น้ำไปก่อนเพราะมีอยู่หลายร้าน 

ในที่สุดผมเลือกได้ร้านอาหารที่ผมเคยมาทานกับไอ้หนุ่ย  ร้านนี้ตกแต่งร้านได้ทันสมัย บรรยากาศเงียบสงบเห็นวิวสะพานแขวนริมแม่น้ำ  ไอ้ใหญ่เองก็ดูตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศในร้าน ผมเดินนำเข้าไปก่อนไอ้ใหญ่เดินขึ้นบันไดตามหลังผมมา
“ร้านสวยจัง มึงเคยมาเหรอฝัน”
“กูเคยมากับไอ้หนุ่ย กับอ้อย แต่เคยมาหนเดียวเอง ร้านนั่งสบายแต่อาหารไม่เท่าไหร่ แค่พอกินได้”
“เหรอ...พวกมึงสนิทกันกับพี่หนุ่ยจังนะ แต่พี่เค้าคุยสนุกดี”
“ใช่...กูไม่มีมึงก็ได้เค้านี่แหล่ะเป็นเพื่อน  คุยกับมันแล้วไม่เครียดดี  แต่ไม่ค่อยมีสาระนะ”
ได้ยินเสียงไอ้ใหญ่หัวเราะเบาๆ “กูก็นึกว่าไม่มีกูแล้วมึงมีอ้อยซะอีก  ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพี่หนุ่ยไปได้” ผมไม่รู้ว่าพอไอ้ใหญ่พูดแบบนี้ ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาล้มลุกของทั้งไอ้ใหญ่และอ้อย  ทั้งสองคนต่างผลักผมให้กันและกัน โดยที่จริงๆแล้วมีใครเคยคิดถึงความรู้สึกผมหรือเปล่า...ว่าผมเต็มใจที่จะอยู่กับใครมากกว่า

“อุ๊บ....มึงหยุดเดินทำไม ถึงโต๊ะแล้วเหรอ” หน้าไอ้ใหญ่ชนกับหลังผมพอดีเมื่อผมหยุดเดินกะทันหัน  มันเอามือมาจับเอวผมไว้ ผมหันหลังมามองหน้ามัน
“กูขอร้อง วันนี้กูอารมณ์ไม่ค่อยดี มึงเลิกพูดเรื่องคนอื่นทีได้มั้ย” ไอ้ใหญ่ทำสีหน้าแปลกๆอ้าปากกำลังจะพูดออกมา แต่น้องที่พามาที่โต๊ะเดินย้อนกลับมาเรียกเราพอดี “พี่ครับทางนี้เลยครับ สองที่พอดี”

เราเลยยังไม่ได้พูดอะไรต่อ พากันไปนั่งที่โต๊ะ “พี่จะรับอะไรดีครับ” ผมหมดความรื่นเริงไปเยอะไม่อยากตัดสินใจอะไรอีก
“ใหญ่มึงสั่งแล้วกัน กูกินได้หมด” ไอ้ใหญ่พยักหน้าแล้วสั่งกับข้าวไปสามสี่อย่าง แต่ผมก็ไม่ลืมสั่ง “น้องเอาเบียร์มาด้วยนะ” ไอ้ใหญ่ทำหน้าประหลาดใจ  ปกติเวลาผมอยู่กับมันผมไม่ค่อยดื่มเพราะมันก็ไม่ชอบดื่ม แต่หลังจากที่ผมคบกับไอ้หนุ่ยและตั้งแต่เริ่มทำงาน ผมมีรายการเที่ยวสังสรรค์มากขึ้นเลยติดที่จะดื่มเมื่อมีโอกาสไปโดยไม่รู้ตัว
“มึงดื่มเป็นเพื่อนกูนะ” มันทำหน้าอึกอัก “แต่กู..ไม่ชอบ..” ผมทำหน้านิ่วอีกครั้ง “เพื่อกู...นะ”
ไอ้ใหญ่เลยรับคำอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ “ก็ได้..แต่ไม่มากนะ”

วันนี้เป็นวันรับปริญญาร้านอาหารส่วนใหญ่เลยเต็มไปด้วยผู้คนมาเลี้ยงฉลองกัน  แต่ผมยังโชคดีที่พอดีมีคนยกเลิกโต๊ะที่จองไว้เลยมีโต๊ะนั่ง ช่วงนี้ฝนตกบ่อยก็จริงแต่วันนี้คงเป็นฤกษ์ดีเลยมีละอองฝนเหมือนพรมน้ำมนต์ให้ในตอนเช้า แล้วทั้งวันก็ไม่มีฝนอีก อากาศยามเย็นริมแม่น้ำกำลังเย็นสบาย แสงไฟจากสะพานแขวนส่องสว่างสวยงาม แสงไฟแวววาวจากบ้านเรือนริมแม่น้ำ และจากเรือที่ล่องอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เหมือนดวงดาวที่ระยิบระยับอยู่ใกล้ๆ  ใกล้จนเราอาจจะคว้ามาได้แต่มันก็คงเป็นเพียงภาพลวงตา

ระหว่างนั่งรออาหาร ทั้งผมและใหญ่นั่งมองความงดงามของวิวจากแม่น้ำที่เป็นสายหลักของประเทศไทย ลมเย็นจากริมแม่น้ำช่วยให้เราคลายความเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมทั้งวันลงไปบ้าง
 “สวยนะมึง”
“อืม...สวย” ไอ้ใหญ่หันมาที่ผม พร้อมรอยยิ้ม  ราวกับมีแสงสะท้อนออกมาจากดวงตาของใหญ่  มันส่องสว่างเป็นประกายเข้าไปในใจผม   ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสงบที่อยู่ในใจ หยุดความวุ่นวายทั้งมวลที่เกิดขึ้นในวันนี้
“มึงจำได้มั้ย แต่ก่อนตอนที่เราอยู่ทำรายงานกันดึกๆ พอทานข้าวเสร็จเราก็ต้องมานั่งริมแม่น้ำ มองเรือแล่นผ่านไปมา  สมัยนั้นกูว่าไฟมันไม่เยอะขนาดนี้นะ” แววตาของไอ้ใหญ่ขณะที่กำลังย้อนคิดถึงความหลังดูรื่นรมย์
“ใช่..ทั้งที่ผ่านมาไม่กี่ปี อะไรๆก็เปลี่ยนไปนะ” ทุกๆอย่างเปลี่ยนได้หมด ไม่เคยมีอะไรหยุดนิ่งแม้กระทั่งใจคน

เด็กเสริฟรินเบียร์แล้วส่งให้ผมกับใหญ่คนละแก้ว ไอ้ใหญ่รับมาจิบแล้วทำหน้าเบ้ ผมเห็นแล้วก็หัวเราะหน้าตาของมัน
รสชาติของเบียร์เย็นๆทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายลง “กูถามมึงหน่อยซิ มึงนึกยังไงให้กูเขียนจดหมายติดต่อกับมึง ทั้งที่โลกเค้าเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว สมัยนี้มันยุคไอทีใครๆก็ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ทกันทั้งนั้น”
ไอ้ใหญ่ยักไหล่ “ก็แค่กูชอบ..ไม่มีความหมายอะไร” มันเผลอยกเบียร์ขึ้นมาดื่มอีกครั้งคราวนี้ไม่ทำหน้าเบ้ มันคงเริ่มชินกับรสขมๆแล้ว ไอ้ใหญ่ย้อนถามผมว่า “มึงไม่ชอบเหรอ”
 ผมส่ายหัว “เปล่า..กูแค่คิดไม่ถึงว่ากูจะได้เขียนจดหมายหาใครอีก” ใหญ่เลิกคิ้วสงสัย “มึงเคยเหรอ เขียนหาใครวะ”
“เคยซิ กูเคยเขียนไปจีบสาวตอนสมัยประถมนู่น นึกแล้วก็ขำ ทำไปได้ยังไงไม่รู้” พูดแล้วก็หัวเราะออกมา ผมเล่าให้ใหญ่ฟังว่า  ผมเคยเขียนอยู่2-3ฉบับ แต่สาวเจ้าไม่ตอบ กลับพาแม่มาชี้ตัวผมต่อหน้าครูต่อหน้าเพื่อนในห้องเรียน เพื่อนๆหัวเราะกันเกรียวกราว  ผมเลยไม่กล้าเขียนหาใครอีกเลย...เข็ดจนตาย เรื่องเขียนจดหมายรัก

ไอ้ใหญ่ฟังแล้วยิ้ม ตอนนี้แก้มมันเริ่มแดงแล้วครับทั้งที่ดื่มไปแค่ครึ่งแก้ว  ดูแล้วก็แปลกตา
“แต่กูพึ่งเคยเขียนหามึงเป็นคนแรกนะ....”ผมว่าเวลามันพูดแก้มมันแดงยิ่งขึ้นไปอีก หรือว่าผมคิดไปเองก็ไม่แน่ใจ
“เหรอ..ไม่น่าเชื่อ มึงเขียนดีนะ กูชอบอ่าน เวลาเห็นลายมือมึง กูนึกถึงตอนเอาสมุดจดมึงมาลอก ต้องมานั่งเดาว่ามึงคิดอะไร เขียนอะไร” พนักงานเอาอาหารมาเสริฟพอดี เราเลยหยุดพักรอให้บริกรออกไปก่อน
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย  ลายมือกูก็เหมือนตัวกูอ่านง่ายจะตาย มึงน่าจะเป็นคนที่อ่านออกมากที่สุดนะ”
“เป็นงั้นไป  หึหึ กูจะไปรู้หมดได้ยังไง ถ้ามึงไม่บอก บางเรื่องกูก็ไม่รู้หรอกนะ”  พอคุยไปดื่มไป ผมดื่มหมดไปแก้วหนึ่งแล้ว ส่วนไอ้ใหญ่มันก็จิบมั่งดื่มมั่ง แต่ผมต้องเรียกให้เค้าเอามาเบียร์มาเพิ่มอีกขวดแล้ว

“มึงก็ถามกูซิ ถ้ามึงไม่รู้” ไอ้ใหญ่มันเอาแก้วมาชนกับแก้วผม ตาเริ่มหวานเข้าไปทุกที ตอนนี้หน้ามันแดงลามไปใบหูแล้ว ผมว่าเราเริ่มสนุกกับการต่อคารมกัน  คุยกันแบบนี้ไม่มีจบง่ายๆ
“แล้วถ้ากูไม่ถาม มึงทำไมไม่บอกกูมาเองล่ะ มึงก็รู้ว่ากูมันเป็นคนประเภทอยากรู้แต่ไม่อยากถาม”
“มึงมันนิสัยเสียแบบนี้เรื่อย...... อยากรู้แต่ไม่ถาม กูก็ไม่อยากบอกเหมือนกันเพราะกลัวมึงไม่อยากรู้”
ผมหัวเราะออกมาดังๆ ชักเห็นด้วยกับที่มันพูด “เออก็จริงอย่างมึงพูด....บางเรื่องกูก็ไม่อยากรู้” ผมถอนหายใจยาว
“รู้ไปก็เท่านั้น ทำอะไรไม่ได้ แก้อะไรเปลี่ยนอะไรไม่ได้ สู้ไม่รู้ดีกว่า”

ใหญ่ไม่ได้พูดอะไรอีกเห็นเพียงรอยยิ้มขื่นๆที่ริมฝีปากมันเท่านั้น แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินไปเงียบๆ  ผมกินข้าวไปไม่มากรสชาติอาหารสำหรับผมเป็นอย่างไรอร่อยหรือไม่อร่อยผมยังตอบไม่ได้เลย  เรานั่งกันเงียบๆอยู่นานต่างคนก็ต่างใช้ความคิดกันไป ผมไม่ได้สังเกตเลยว่าโต๊ะอื่นๆทยอยกลับกันไปมากแล้ว เหลือเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้นเอง

ผมรู้แต่ว่าตอนนี้ผมเริ่มเมานิดๆแล้ว จำไม่ได้ว่าดื่มไปมากแค่ไหน  แต่แอลกอฮอล์ในเลือดผมคงมากเกินไปผมถึงทำอะไรแปลกๆ ผมยื่นหน้าเข้าไปชิดหน้าไอ้ใหญ่แล้วเอามือจับหน้ามันไว้  ไอ้ใหญ่ตกใจร้องออกมาดังๆ “เฮ้ย...ทำไร”
ผมเอานิ้วชี้มาปิดปากไอ้ใหญ่  บอกมันอย่างอารมณ์ดี “จุ๊...จุ๊  อย่าเสียงดังซิ ไม่อายคนอื่นเหรอมึง”
ไอ้ใหญ่หน้าแดงแต่มันยังไม่ยอมหยุดพูด ผมมองริมฝีปากของมันที่ขยับไปมาทั้งที่นิ้วผมยังแตะที่ปากมัน “ก็มึงจะทำอะไรเล่า ที่มึงทำมันทำให้กูอายมากกว่าอีก”
 ผมบอกตัวเองว่าผมคงเมาคำว่า ‘อาย’ ผมถึงไม่ใส่ใจกับมัน

ผมเอานิ้วค่อยๆลูบริมฝีปากมันแล้วเปลี่ยนไปลูบไล้แก้มไอ้ใหญ่ทั่วๆใบหน้า กวาดสายตามองแทบจะทุกๆรายละเอียดบนหน้ามัน ผมพูดอย่างช้าๆ
 “กูก็แค่...ดูให้ละเอียดว่ามึงรถไปชนเจ็บตรงไหนบ้าง  มีแผลตรงไหนมั้ย...”นิ้วของผมไปสะดุดแผลที่หางคิ้วมันพอดี พอนิ้วผมไปโดนเข้า ใหญ่มันสะดุ้งแสดงว่ามันยังเจ็บอยู่ “เจ็บมากมั้ย...กูขอโทษ”
ไอ้ใหญ่พยักหน้าแล้วเอามือมาจับมือผมไว้ “กูเจ็บ...เจ็บมาก”
มันคงเจ็บมากจนแทบจะร้องไห้แต่ผมไม่อยากเห็นน้ำตามัน “กูขอโทษ..ที่เผลอไปทำให้มึงเจ็บ”
ไอ้ใหญ่ส่ายหน้าพูดเสียงแผ่วๆ “กูรู้ว่ามึงไม่ตั้งใจ กูไม่โกรธมึงหรอก”

เหมือนลมหายใจของผมขาดไป สายตาไอ้ใหญ่ที่มองมาสะกดใจผมจนนิ่ง  ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันไปหมด ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่พูดไปเหมือนละเมอ “ทำไมมึงต้องไปอยู่ไกลกูด้วยนะ..”

ผมวางมือจากหน้าไอ้ใหญ่ลงปล่อยให้มันเป็นอิสระ แล้วกลับไปนั่งพิงเก้าอี้หลับตา  หายใจเข้าไปลึกๆ เอามือลูบหน้าตัวเอง “ไม่รู้กูเป็นอะไรว่ะมึง...สงสัยกูจะเมาแล้ว ฮ่าๆ”ผมฝืนหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆที่ไหลเข้ามาในใจ
“นั่นน่ะซิ ดึกแล้ว มึงก็ดื่มมากไป กูว่าเรากลับกันดีกว่า”  ผมก็เห็นด้วยถ้าดื่มไปมากกว่านี้คงเดินไม่ไหวแน่ๆ
“อืม..ดี เรียกเค้าเก็บเงินเลย”

ผมกับไอ้ใหญ่ค่อยๆเดินลงบันไดกันอย่างทุลักทุเลเพราะกรึ่มกันได้ที่ทั้งคู่  ไอ้ใหญ่มันดื่มน้อยกว่าผมก็จริงแต่มันก็คออ่อนกว่าผมเพราะไม่ค่อยได้ฝึกปรือฝีมือ มันเดินลงไปก่อนแต่อยู่ดีๆก็เกิดเข่าอ่อนขึ้นมาทำท่าจะตกบันได ผมต้องรีบคว้าแขนมันไว้ แล้วดุมันไป “มึงระวังหน่อยซิ ไม่ใช่รอดจากรถชนมาเป็นตกบันไดนะมึง กูพยุงมึงดีกว่า”
ไอ้ใหญ่หัวเราะหึหึ “เดี๋ยวก็ได้ตกบันไดไปทั้งคู่ล่ะมึง เมาพอกัน”
ผมตอบมันไปแค่ว่า “พร้อมกันก็พร้อมกัน ดีกว่ามึงตกคนเดียว มึงจะได้ไม่เหงา” ไอ้ใหญ่ไม่พูดอะไรผมได้ยินแค่เสียงถอนหายใจ และถ้าผมไม่ตาฝาดผมว่ามันเห็นมันเอามือปาดน้ำตา

กว่าเราจะเดินออกมาเรียกรถได้ก็ทำท่าจะกองลงไปที่พื้นทั้งคู่ พอขึ้นรถได้ผมง่วงจนอยากจะหลับ พอบอกว่าบ้านผมอยู่ตรงไหนกับพี่แท็กซี่ไปแล้วก็หลับตาลง  ไอ้ใหญ่พูดค่อยๆว่า “มึงหลับแล้วเหรอฝัน”
“อือฮึ...ยัง..แต่ใกล้แล้ว”  ได้ยินเสียงเสียงหัวเราะเบาๆข้างหู  “กินไปมากมายนี่มึง มาพิงไหล่กูมา”
ไอ้ใหญ่เอามือมาจับหัวผมให้อิงกับไหล่มัน ผมเลยคว้ามือไอ้ใหญ่เอาไว้แล้วกุมไว้ไม่ปล่อย ก่อนที่ผมจะหลับลงไปผมบอกมันว่า “ขอกูจับไว้หน่อยนะ กูจะไม่ปล่อยให้มึงไป” ก่อนที่ผมจะหลับสนิทไปยังได้ยินมันพูดว่า
“ กูไม่เคยปล่อยมึงต่างหากล่ะ”

ผมหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ รู้ตัวก็เมื่อพี่แท็กซี่มาเขย่าตัวผม “พี่ๆซอยไหนครับ”ผมสะลึมสะลือตื่นมาบอกทางพี่คนขับ ปรากฏว่าตอนนี้ไอ้ใหญ่หลับสนิทและมาเป็นฝ่ายพิงไหล่ผมแทน แต่มือของเรายังคงจับกันไว้ จนรถมาจอดสนิทที่หน้าบ้านผม ผมถึงปลุกให้มันตื่นไอ้ใหญ่งัวเงียเหมือนยังไม่ตื่นดี
“ถึงแล้วเหรอ  ไวจัง” ไอ้ใหญ่จะปล่อยมือผมเพื่อเปิดประตูแต่ผมไม่ยอมปล่อยมือมัน “ก็ไหนบอกว่ามึงไม่เคยปล่อยกูไง”
ไอ้ใหญ่ทำตาโต “มึงได้ยินด้วยเหรอ”
ผมไม่ตอบแต่ดันให้มันลงไปก่อนทั้งๆที่มือของเราก็ยังคงจับกันไว้ ไอ้ใหญ่ก้มหน้างุดบ่นพึมพำๆอยู่ที่ประตูหน้าบ้านผม “ทำไมมันได้ยินวะ”

 ผมพยายามล้วงกุญแจบ้านในกระเป๋ากางเกงอย่างทุลักทุเล จนข้าวของที่ถืออยู่หล่นหมด เพราะไม่ยอมปล่อยมือไอ้ใหญ่  ผมโมโหตัวเองจนขำต้องหัวเราะออกมา  ไอ้ใหญ่เองก็หัวเราะไปด้วย “ก็มึงก็ปล่อยกูซิ จะจับเอาไว้ทำไม”
“ก็กูไม่อยากปล่อยนี่ กูไม่อยากปล่อยมึงก่อน” มันเหมือนเกมวัดใจระหว่างผมกับไอ้ใหญ่นะครับว่าใครจะปล่อยใครก่อน ไอ้ใหญ่มันคงเห็นว่าถ้าไม่มีใครปล่อยก่อนคงไม่ได้เข้าบ้านแน่ๆเลยเสนอว่า

“งั้นนับ3แล้วเราปล่อยพร้อมกันดีมั้ย” ผมก็เห็นด้วยกับมันครับเลยพยักหน้าตกลง แต่ก็บอกกับมันว่า
 “ถ้าเราจะปล่อยเราต้องปล่อยพร้อมกันนะ อย่ามีใครปล่อยก่อน”
ไอ้ใหญ่สบตาผมพยักหน้าแล้วมันก็เริ่มนับ “1...2...3”พอถึงสามเราก็ปล่อยมือพร้อมกันครับ  ผมยิ้มแล้วไขกุญแจเปิดประตูอย่างสบายใจ  เราช่วยกันเก็บข้าวของขึ้นมาแล้วหิ้วเข้าบ้าน ผมยิ้มเพราะผมรู้ว่าถึงตอนนี้ผมกับไอ้ใหญ่จะปล่อยมือจากกันไปแล้ว แต่ในใจของเรายังไม่มีใครปล่อยใครไปครับ
*************************
ตอนนี้มัน :-[ ยังไงไม่รู้นะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๗๑๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๗๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 15-09-2009 11:44:45
ความรู้สึกนี้ การกระทำแบบนี้ของทั้งคู่ อยากให้มันเพิ่มขึ้นๆ อีกเยอะๆๆจัง
จะปิดจะบังกันไว้ทำไม ใจตรงกันมากซะขนาดนี้แล้ว

บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากๆๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๗๑๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๗๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 15-09-2009 13:52:27
 :m3: :m1: :m11:
กรี๊ดดดดดดดดดดดดรักที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดด
น่ารักมากกกกกกกกกกกฝันเอ้ยอ้อนให้เพื่อนดื่มเนี่ย
ไม่ได้คิดอะไรชิมิ นุ้งใหญ่เจอฤทธิ์เบียร์เข้าไป หุหุ
หน้าแดงหวานเชื่อมเลยลูก น่าเอ็นดูเป็นที่สุด
เฮ้อ ทำไมฝันมันอ่อนโยนแบบนี้นะ มีการจับหน้าแล้วเอานิ้วลูบปาก
ลูบหน้า ดูว่ามีแผลเป็นรึป่าวด้วยกรี๊ดดด ใจน้องใหญ่กระเด็นออกนอกอก
แล้วใช่มั๊ยเนี่ยลูก ฝันแง่งทำอะไรไม่คิดถึงใจดวงน้อยๆของใหญ่เลยนะ

ผมไม่รู้ว่าพอไอ้ใหญ่พูดแบบนี้ ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาล้มลุกของทั้งไอ้ใหญ่ฃและอ้อย  ทั้งสองคนต่างผลักผมให้กันและกัน โดยที่จริงๆแล้ว
มีใครเคยคิดถึงความรู้สึกผมหรือเปล่า...ว่าผมเต็มใจที่จะ อยู่กับใครมากกว่า

>> กรี๊ดดด แล้วแกคิดยังไงอ่ะฝัน ไม่บอกไม่พูดไม่แสดง
แบบนี้นุ้งใหญ่จะกล้าคิดเข้าข้างตัวเองรึ
“อืม...สวย” ไอ้ใหญ่หันมาที่ผม พร้อมรอยยิ้ม
 ราวกับมีแสงสะท้อนออกมาจากดวงตาของใหญ่

>> เจ้าซื่อบี้อฝัน อ่านอะไรได้จากดวงตาคู่นั้นบ้าง รู้แต่ว่าหัวใจตัวสงบนิ่ง
แล้วรู้มั๊ยว่าดวงตาคู่นั้นอ่ะมันบอกอะไร เฮ้อออ
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย  ลายมือกูก็เหมือนตัวกูอ่านง่ายจะตาย
มึงน่าจะเป็นคนที่อ่านออกมากที่สุดนะ”

>>  :man1: น้องใหญ่ของอิป้าบอกเค้าหมดเลยลูก โธ่ๆ

ฝันอ่ะพูดจริงพูดหยอดมากๆ น้องใหญ่ก็แยกไม่ออกหรอกวา
อันไหนจริงอันไหนล้อเล่น เฮ้อ น้องใหญ่ก็คงไม่กล้าคิดไปเองแค่
ได้ฟังเหมือนเพื่อนให้ค.หวังโธ่ๆน้ำตาหยดเลยลูก

 o13 เลิศเลอ +1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๗๑๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๗๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-09-2009 15:22:09
ผมยิ้มเพราะผมรู้ว่าถึงตอนนี้ผมกับไอ้ใหญ่จะปล่อยมือจากกันไปแล้ว แต่ในใจของเรายังไม่มีใครปล่อยใครไปครับ
*************************
ตอนนี้มัน :-[ ยังไงไม่รู้นะ

นั่นสิค่ะ แต่ที่แน่ๆ แอบคาดหวังกับตอนหน้า
ไหนๆ ใจ ก็ไม่ยอมปล่อยกันทั้งคู่ ก็มัดใจมันให้แน่นๆ ไปเลยสิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๗๑๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๗๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 15-09-2009 17:40:14
 :-[
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๗๑๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๗๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 15-09-2009 18:19:13
 :-[
หวานกันจังคู่นี้แหมมีจับมือกันด้วยเอาหัวอิงไหล่อีก หึหึ
อ่านแล้วชอบบทสนทนาช่วงนึงมากมันกินความบางอย่างเอาไว้
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ลายมือกูก็เหมือนตัวกูอ่านง่ายจะตาย
  มึงน่าจะเป็นคนที่อ่านออกมากที่สุดนะ”
“เป็นงั้นไป  หึหึ กูจะไปรู้หมดได้ยังไง ถ้ามึงไม่บอก บางเรื่องกูก็ไม่รู้หรอกนะ”
“มึง ก็ถามกูซิ ถ้ามึงไม่รู้”
“แล้วถ้ากูไม่ถาม มึงทำไมไม่บอกกูมาเองล่ะ..."

“เจ็บมากมั้ย...กูขอโทษ”
“กูเจ็บ...เจ็บมาก”
 “กูขอโทษ..ที่เผลอไปทำให้มึงเจ็บ”
“กูรู้ว่ามึงไม่ตั้งใจ กูไม่โกรธมึงหรอก”
เหมือน ลมหายใจของผมขาดไป สายตาไอ้ใหญ่ที่มองมาสะกดใจผมจนนิ่ง 
ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันไปหมด ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่พูดไปเหมือนละเมอ “ทำไมมึงต้องไปอยู่ไกลกูด้วยนะ..”

อ่านแล้วจะเป็นลมมีแต่โดนๆ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกแล้วจะรออ่านต่อน๊า
นิว(LOVEis)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๗๑๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๗๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 15-09-2009 21:37:50
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  อิชั้นขอกรี๊ดดดดดดก่อนเลยค่า  
มันหวานไม่แคร์สื่อ (พี่แท็กซี่) จริงๆเลยวุ้ย!! จับมือกันไม่ปล่อยเลยยยยยยยยย


แอร๊ยยยยยยยยแอบหวังคืนนี้เหมือนกัน    :pighaun:  

(อยากให้ลูกสาว(?)ออกเรือนเต็มทน :laugh:)

“พร้อมกันก็พร้อมกัน ดีกว่ามึงตกคนเดียว มึงจะได้ไม่เหงา” ไอ้ใหญ่ไม่พูดอะไรผมได้ยินแค่เสียงถอนหายใจ และถ้าผมไม่ตาฝาดผมว่ามันเห็นมันเอามือปาดน้ำตา

###ตอนนี้นุ้งใหญ่ของเพ่ ก็น้ำตาแตกอีกแล้ว อยากเข้าไปซับน้ำตาให้จริงๆ :impress3:


“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย  ลายมือกูก็เหมือนตัวกูอ่านง่ายจะตาย มึงน่าจะเป็นคนที่อ่านออกมากที่สุดนะ”

“มึงก็ถามกูซิ ถ้ามึงไม่รู้” ไอ้ใหญ่มันเอาแก้วมาชนกับแก้วผม ตาเริ่มหวานเข้าไปทุกที ตอนนี้หน้ามันแดงลามไปใบหูแล้ว ผมว่าเราเริ่มสนุกกับการต่อคารมกัน  คุยกันแบบนี้ไม่มีจบง่ายๆ
“แล้วถ้ากูไม่ถาม มึงทำไมไม่บอกกูมาเองล่ะ มึงก็รู้ว่ากูมันเป็นคนประเภทอยากรู้แต่ไม่อยากถาม”
“มึงมันนิสัยเสียแบบนี้เรื่อย...... อยากรู้แต่ไม่ถาม กูก็ไม่อยากบอกเหมือนกันเพราะกลัวมึงไม่อยากรู้”
ผมหัวเราะออกมาดังๆ ชักเห็นด้วยกับที่มันพูด “เออก็จริงอย่างมึงพูด....บางเรื่องกูก็ไม่อยากรู้” ผมถอนหายใจยาว
“รู้ไปก็เท่านั้น ทำอะไรไม่ได้ แก้อะไรเปลี่ยนอะไรไม่ได้ สู้ไม่รู้ดีกว่า”

###   :m15:ใหญ่ของเจ้



ขอกรี๊ดดดดดดดดดด  ให้กะซีนนี้ :m11:
ผมเอานิ้วค่อยๆลูบริมฝีปากมันแล้วเปลี่ยนไปลูบไล้แก้มไอ้ใหญ่ทั่วๆใบหน้า กวาดสายตามองแทบจะทุกๆรายละเอียดบนหน้ามัน ผมพูดอย่างช้าๆ
 “กู ก็แค่...ดูให้ละเอียดว่ามึงรถไปชนเจ็บตรงไหนบ้าง  มีแผลตรงไหนมั้ย...”นิ้วของผมไปสะดุดแผลที่หางคิ้วมันพอดี พอนิ้วผมไปโดนเข้า [ฝันบ้าทำอะไรก็ไม่รู้  กรี๊ดดดดมันจะหวานเกินไปแระ (แต่ชอบ)  :o8:]
ใหญ่มันสะดุ้งแสดงว่ามันยังเจ็บอยู่ “เจ็บมากมั้ย...กูขอโทษ”[วิ๊ดวิ้วววววววว]
ไอ้ใหญ่พยักหน้าแล้วเอามือมาจับมือผมไว้ “กูเจ็บ...เจ็บมาก”[ :o12:  ]
มันคงเจ็บมากจนแทบจะร้องไห้แต่ผมไม่อยากเห็นน้ำตามัน “กูขอโทษ..ที่เผลอไปทำให้มึงเจ็บ”
ไอ้ใหญ่ส่ายหน้าพูดเสียงแผ่วๆ “กูรู้ว่ามึงไม่ตั้งใจ กูไม่โกรธมึงหรอก”


[สรุป สองคนนี้จะคุยแบบปกติเป็นมั้ย555 คุยแบบเล่นจิตวิทยากันตลอด  ต้องเก็บเอามาตีความหมาย]

เหมือน ลมหายใจของผมขาดไป สายตาไอ้ใหญ่ที่มองมาสะกดใจผมจนนิ่ง  ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันไปหมด ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่พูดไปเหมือนละเมอ “ทำไมมึงต้องไปอยู่ไกลกูด้วยนะ..”[กรี๊ดดดดฝันบ้า อยากตีลังกาเขินแทนใหญ่  :o8:     ]

ผมไม่รู้ว่าพอไอ้ใหญ่พูดแบบนี้ ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาล้มลุกของทั้งไอ้ใหญ่ฃและอ้อย  ทั้งสองคนต่างผลักผมให้กันและกัน โดยที่จริงๆแล้ว
มีใครเคยคิดถึงความรู้สึกผมหรือเปล่า...ว่าผมเต็มใจที่จะ อยู่กับใครมากกว่า

###  :fcuk:  ขอซักหน่อยเถอะ  หมั่นไส้ว่ะ  แล้วก็ไม่เคยบอกอะไรเค้าเลย นอกจากให้ใหญ่มันอ่านใจฝันเอาเอง  โธ่ใครมันจะไปตรัสรู้ฟระ  แต่ก่อนอะไรก็อ้อยๆๆๆ  ใหญ่เค้าก็ยังเข้าใจผิดอยู่น่ะสิ  ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง  


ขอบคุณที่มาต่อค่ะ  หนึ่งบวกนะ  เป็นกำลังใจให้คนเขียนคนโพสต์เหมือนเดิม

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๗๑๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๗๑๗
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 15-09-2009 21:44:56
ผมยิ้มเพราะผมรู้ว่าถึงตอนนี้ผมกับไอ้ใหญ่จะปล่อยมือจากกันไปแล้ว แต่ในใจของเรายังไม่มีใครปล่อยใครไปครับ

 :impress2:

อมยิ้มแก้มปริ


สองคนนี้ออกอาการกันมากๆ เลย ชอบพูดอะไรแฝงนัย

ทำเอาคนอ่านขัดเคืองใจ จับกดไปเลยเพ่  :laugh:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๘๑๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๘๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 16-09-2009 17:16:07
(ตอนที่๑๘)

พอเข้าบ้านมาแล้วต้องใช้เสียงค่อยๆครับไม่งั้นแม่ผมตื่นมาว่าแน่ๆที่กลับมาในสภาพนี้  เราค่อยๆย่องขึ้นบ้านอย่างเงียบๆ  ผมไล่ให้ไอ้ใหญ่ไปอาบน้ำก่อนส่วนผมก็นั่งรอมัน  ตอนนี้ตาสว่างแล้วครับเลยได้แต่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เมื่อก่อนผมมีโอกาสเห็นหน้ามันทุกวันเจอกันตลอดเวลา   จนบางครั้งมีความรู้สึกเห็นไอ้ใหญ่ก็เหมือนเห็นตัวเอง  คือใส่ใจบ้างไม่ใส่ใจบ้างรู้แต่ว่าอยู่ตรงนั้น  แต่พอมันแยกไปอยู่ไกลๆในบางครั้งผมก็คิดแวบขึ้นมาว่าชีวิตผมไม่เหมือนเดิมมันมีอะไรบางอย่างหายไป  เรื่องนี้มันกวนใจผมอยู่เสมอๆ ผมก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้  

จนกระทั่งผมไปหาใหญ่ที่เชียงใหม่ ผมถึงรู้ว่ามันมีความหมายในชีวิตผมมากจริงๆ  มันคงจะจริงที่ว่าบางครั้งสิ่งต่างๆเมื่ออยู่ใกล้เราจนเกินไป บางทีเราก็ละเลยมองไม่เห็นค่าของมัน  ต้องให้อยู่ห่างออกไปเราถึงจะมองได้ชัดเจนขึ้น  เหมือนคนที่สายตายาวจะเห็นได้ชัดเมื่อมองระยะไกล   ผมคงจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน  

การลาจากเพราะเราอยู่ไกลๆกันมันทำให้เราเหงาและคิดถึงกันก็จริง แต่มันทำให้เรารู้ถึงคุณค่าของกันและกันเมื่อเราได้มาเจอกันมากกว่าครั้งที่เราอยู่ด้วยกันทุกๆวันเสียอีก
“คิดอะไรอยู่เหรอมึง  หรือว่าหลับไปแล้ว”ไอ้ใหญ่มานั่งข้างๆผม กลิ่นสบู่อ่อนๆหอมๆทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นแต่ผมก็ยังไม่ง่วง “คิดอะไรเล่นๆ มึงง่วงรึยังล่ะ จะตี1อยู่แล้ว”
ไอ้ใหญ่ตอบผมตาใส “ไม่ง่วง อาบน้ำเข้าไปกูตื่นเลย  ทั้งที่ทีแรกจะหลับให้ได้เลย ไหนมึงเล่าให้กูฟังซิว่าคิดเรื่องอะไรกัน”ไอ้ใหญ่มันสระผม เลยวุ่นวายกับการเช็ดผมให้แห้ง  
“กูเป่าให้เอามั้ย กูมีไดร์นะ รอเดี๋ยว” ไอ้ใหญ่รีบปฏิเสธแต่ผมก็จัดการไปหยิบมาเป่าให้มัน “มึงอยู่เฉยๆ กูจัดการเอง”

เส้นผมของไอ้ใหญ่เส้นเล็กละเอียดนุ่มมือ  เส้นผมยาวขึ้นไปกว่าเดิมมาก กลิ่นหอมของแชมพูสระผมลอยเข้าจมูกผม “มึงจะไว้ผมยาวเหรอ ไว้ยาวๆเหมือนดูเหมือนผู้หญิงเลย”
 ไอ้ใหญ่หัวเราะ “เปล่า...เพียงแต่กูไม่มีเวลาไปตัด แต่ถ้าเหมือนผู้หญิงไม่ดีเหรอ ไว้ผมยาวหน้ากูจะได้ดูหวานๆด้วยไง”
แต่ผมไม่เห็นด้วย “มึงไม่ใช่ผู้หญิงมันจะดีไปได้ยังไง ชอบคิดอะไรแปลกๆ”  

ไอ้ใหญ่บ่นพึมพำ “มึงนี่นอกจากจะดุแล้วยังเอาใจยากอีกด้วยนะ” ผมเอามือผลักหัวมันแรงๆ “เงียบไปเลยมึง ให้กูเป่าให้เสร็จก่อน” ใช้เวลาเป่าไม่กี่นาทีผมมันก็แห้ง ไอ้ใหญ่ได้ทีไล่ผมไปอาบน้ำ
“มึงไปอาบน้ำก่อน กูเหม็นตัวมึงจะแย่แล้ว แล้วรีบมาคุยต่อกับกู....กูจะพยายามไม่หลับ แต่เมื่อกี้ตอนมึงเป่าผมให้กูมันอุ่นๆสบายว่ะ  กูเริ่มเคลิ้มๆแล้ว”
“เออๆ...มึงรอกูก่อนนะอย่าพึ่งนอนล่ะ”ผมรีบวิ่งไปอาบน้ำ สระผม ยังอยากคุยอะไรกับไอ้ใหญ่ตั้งมากมาย แต่พออาบน้ำเสร็จไอ้ใหญ่กลับนอนหลับอยู่บนเตียงไปแล้ว

“ไรว้าหนีกูไปนอนก่อนได้ไง” ตอนนี้ผมไม่ง่วงเลยแล้วมันจะมาหนีไปนอนก่อนแล้วผมจะคุยกับใคร ผมเลยไปเขย่าตัวมันให้ตื่น “ใหญ่ๆ..ตื่นๆๆ มึงมาคุยกับกูก่อนไหนว่ามึงอยากรู้ว่ากูนั่งคิดเรื่องอะไรอยู่ไงล่ะ มึงหลับแล้วเหรอ”
ไอ้ใหญ่ตอบผมทำตาปรือๆ“กูใกล้หลับแล้ว  กูอยากคุยแต่ตากูจะปิดแล้วนี่....โอ๊ววว...” มันหาวขึ้นมาอีกครั้งแล้วก็หลับตาลง
“ก็กูยังไม่ง่วงนี่”ผมพยายามเขย่ายังไงมันก็ไม่ยอมลุก จนปัญญาเลยต้องล้มตัวลงนอนข้างๆมัน
“หูย...เซ็งเลย กูอุตส่าห์รีบอาบ  งั้นมึงฟังแล้วกันกูพูดเอง” ยังไงผมก็ยังมีความพยายามอยู่ดีครับ
 “เออ...กูลืมเอากุหลาบมาโรยเตียงอย่างที่มึงว่า”ผมผลุดลุกขึ้นมาอีกแล้วพยายามดึงแขนทั้งสองข้างของไอ้ใหญ่ให้มันนั่งขึ้นมาจนได้ คราวนี้มันนิ่วหน้าแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมตื่นอยู่ดี นั่งตัวโยกโงนเงนไปมาผมต้องดึงมือมันไว้ไม่ให้นอน

“นี่ๆ...กูไม่ได้เอากุหลาบโรยบนเตียงนะ มึงไม่ลุกมาบ่นกูเหรอ”ผมยกเอาเหตุผลบ้าๆมาหลอกมัน แต่มันก็ไม่สนใจสะบัดมือผมออกแล้วล้มตัวลงนอนต่อ แต่ก็ยังพูดอมยิ้มทั้งๆหลับตาว่า“ไม่เป็นไร เอาไว้เราเข้าหอค่อยโรยก็ได้ กูจะนอนนนนน.....”

ท่าทางคืนนี้คงไม่ได้คุยกันแน่ อาจจะเป็นเพราะเบียร์ที่ดื่มเข้าไปเลยทำให้ไอ้ใหญ่มันง่วงมากกว่าปกติ ผมล้มตัวลงนอนไปข้างๆมันอีกครั้ง  แต่ก็ยังข่มตาไม่หลับกลิ้งตัวพลิกไปพลิกมา ในขณะที่คนข้างๆหลับสนิทไปแล้ว ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ
ผมเอามือก่ายหน้าผากเพราะเตียงมันเล็กเกินไปสำหรับผู้ชายสองคนที่จะนอนด้วยกัน ถ้าเอาแขนลงมาตัวของเราก็จะเบียดกันเกินไป  ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมไม่หลับและอยากจะพูด ถึงแม้จะไม่มีใครฟังก็ยังอยากพูด

“แปลกนะใหญ่ แต่ก่อนที่เราอยู่ด้วยกันตลอด กูไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ ว่าเวลามึงไม่อยู่กูจะคิดถึงมึงขนาดนี้”
“แต่นั่นไม่เท่าตอนที่กูรู้ว่ามึงเกิดอุบัติเหตุ มึงรู้มั้ยกูตกใจมากเลยนะ  พออ่านจดหมายกูเป็นห่วงมาก  กลัวว่ามึงจะเป็นอะไรหรือเปล่า” เหมือนผมจะเมาจริงที่พูดอยู่คนเดียวก็ได้  แต่ผมก็พูดต่อไปครับ

“วันนี้ก็เหมือนกัน กูอารมณ์แปรปรวนตลอดเวลาก็เพราะมึง  กูเป็นอะไรไป กูคงบ้าไปแล้วแน่ๆ หึหึ”ผมพลิกตัวนอนตะแคงหันไปดูไอ้ใหญ่  ก็พอดีกับที่มันขยับตัวมาด้านข้างหันหน้ามาทางผมพอดี  แสงจันทร์จากภายนอกลอดเข้ามาในห้องทำให้ผมพอเห็นหน้าไอ้ใหญ่ลางๆ  ตัวมันเองก็หลับสนิทเลยเปิดโอกาสให้ผมได้นอนมองสำรวจหน้ามันง่ายๆ  ตอนที่ใหญ่นอนหลับดูเหมือนเพื่อนกวนๆคนเดิมของผม อาจจะมีแค่ความรู้สึกของผมเองก็ได้   ที่เมื่อมองมันต่างหากล่ะที่เปลี่ยนไป  แต่ผมก็มีความสุขกับช่วงเวลานี้  เวลาที่มันเป็นของผมอย่างแท้จริงไม่มีใครมาแบ่งไปจากผมได้ ผมรำพึงกับตัวเองเบาๆ
“ตอนนี้กูก็คงบ้า พูดคนเดียวก็ได้”

    ไม่รู้เป็นว่าเป็นมนตราของแสงจันทร์ หรือฤทธิ์ของเบียร์ทำให้ผมใจกล้าเอื้อมมือไปที่หน้าไอ้ใหญ่  นิ้วของผมค่อยๆแตะลูบไล้ไปบนใบหน้ามัน สัมผัสอันแผ่วเบาไม่ได้ทำให้มันตื่นขึ้นมา  ผมนึกถึงตอนที่ริมฝีปากขยับพูดในขณะที่นิ้วของผมแตะอยู่  ริมฝีปากที่มีรอยยิ้มให้ผมอยู่เสมอ  ผมค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าที่ยังหลับใหลเหมือนผมละเมอ  ในสมองผมว่างเปล่ารู้แต่ว่าทุกความเคลื่อนไหวมันมาจากใจของผมโดยไม่ผ่านสมองคิดหาเหตุผลอีกต่อไป  ริมฝีปากของผมสัมผัสกับริมฝีปากแดงๆของไอ้ใหญ่อย่างแผ่วเบา  ผมเข้าไปใกล้จนลมหายใจของเราใกล้กัน ผมไม่กลัวว่ามันจะตื่นแค่ทำความต้องการของผมในตอนนี้ที่ไม่มีอะไรมาหยุดไว้ได้

ไม่ได้มีแรงผลักทางเพศใดๆที่ทำให้ผมทำไปแบบนั้น เป็นเพียงรู้สึกอยากสัมผัส ความรู้สึกดีๆที่ผมอยากจะทำกับใหญ่  
 ผมเลื่อนปากมาสัมผัสที่แก้มของมันต่ออย่างย่ามใจ  กลิ่นสะอาดของแป้งเด็กอ่อนๆทำให้ผมรู้สึกดีและไม่อยากหยุด  ไอ้ใหญ่ย่นจมูกเอามือมาปัดที่ปากที่หน้าเหมือนรำคาญที่ผมไปรุกรานกับร่างกายของมัน   แต่ก็ยังนอนขี้เซาไม่ยอมตื่นมารับรู้อะไร   ผมหัวเราะเบาๆกับตัวเองแล้วผละออกจากมันอย่างเสียดาย  ไม่อยากกวนคนนอนหลับอีกต่อไป  แต่ก็ยังอยากที่จะนอนมองหน้ามันอยู่เงียบๆ

อากาศเริ่มเย็นลงไปอีกได้ยินเสียงฝนภายนอกที่ตกลงมาพรำๆ    ไอ้ใหญ่นอนขดตัวงอเป็นกุ้ง ผมดึงเอาผ้าห่มมาห่มให้มัน  แล้วสอดแขนเข้าไปใต้คอให้มันหนุน ใช้มืออีกข้างกอดตัวมันเอาไว้  ไอ้ใหญ่ขยับซุกตัวเข้าหาผมแล้วหลับอย่างสบาย ผมรู้สึกอบอุ่นในใจ ความสุขไหลรินเข้ามาในหัวใจผมอย่างเงียบๆจนเอาแต่นอนยิ้มไปคนเดียว   ผมคิดแค่วันตอนนี้วันนี้คืนนี้ผมขอทำแบบนี้ตามใจตัวเอง ถ้าพรุ่งนี้ไอ้ใหญ่มันตื่นขึ้นมาแล้วมันอาจจะโกรธผม  ผมก็ยอมรับผลของมันทุกประการ  

เมื่อมีไอ้ใหญ่ในอ้อมแขนผม ผมไม่ต้องพูดคนเดียวอีกต่อไปภาษาทางกายของผมมันกำลังพูดทุกอย่างที่ผมไม่เคยพูด ไม่เคยแสดงออกมา ใช้เวลาไม่นานเราต่างหลับสนิทไปทั้งคู่จนไม่รู้เลยว่าฝนหยุดตกไปตั้งแต่เมื่อไหร่

ช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวันโดยเฉพาะตอนเช้าๆอากาศกำลังสบายจนผมไม่อยากลุกจากที่นอนไปทำงาน  แต่วันนี้ผมกลับไม่รู้สึกหนาวซักเท่าไหร่แต่ความรู้สึกปวดเมื่อยแขนกลับเข้ามาแทนที่  แต่ตัวต้นเหตุคงจะไม่รู้สึกเพราะนอนยังนอนหลับสบายแล้วดูเหมือนจะนอนยิ้มเสียด้วยไม่รู้ว่าฝันดีอะไรกัน

  วันนี้ผมลางานจึงไม่ต้องรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ดูนาฬิกาพึ่งจะ6โมงกว่าๆแต่ผมก็นอนดึกตื่นเช้าเสียเคย เลยไม่อยากจะนอนต่อ  แสงแดดยามเช้าส่องผ่านเข้ามาทั่วห้องผมแล้ว  หลังจากเมื่อคืนผมแอบดูมันแบบมืดๆมาแล้วเช้านี้ผมเลยต่อภาค2ด้วยการพิจารณาไอ้ใหญ่อีกรอบ   ผมเอามือปัดเส้นผมที่ปรกหน้ามันออก  ก้มลงสูดดมความหอมที่ศีรษะของมัน เอานิ้วพันผมมันเล่นแล้วก็ลูบหัวมันไปยิ้มไป  มีความรู้สึกอยากให้มีเวลาแบบนี้นานๆ   ผมยังไม่อยากคิดว่าถ้ามันตื่นขึ้นมาในสภาพที่มุดอยู่ในอ้อมแขนผมมันจะว่ายังไงบ้าง  

ผมเอามือลูบแก้มมันเบาๆแก้มมันนิ่มเหมือนอย่างกับก้นเด็ก  อยากจะชะโงกหน้าไปหอมแก้มมันอีกเหมือนเมื่อคืนก็กลัวขยับตัวมากไปแล้วมันจะตื่น  แต่อ้อมแขนของผมยังคงโอบกระชับร่างของไอ้ใหญ่ไว้แน่น

ตอนนี้สติสัมปชัญญะของผมครบถ้วน แรงผลักจากเบียร์และความขลังของแสงจันทร์เมื่อคืนหมดไปแล้ว  อีกไม่นานไอ้ใหญ่ก็คงตื่น  หรือถึงเวลาที่ผมก็ต้องตื่นเหมือนกัน  เมื่อคืนมันเหมือนความฝันแต่ก็ช่างเป็นฝันที่แสนสุข  พอพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาแสงสว่างก็ทำให้เราเห็นความจริงชัดเจนขึ้น  ความจริงที่เราคอยซ่อนไว้บนสีหน้าอาการที่เหมือนมันไม่มีอะไร    แล้วก็คอยเวลาที่จะออกจากที่ซ่อนยามที่เราอยู่คนเดียว นี่เป็นเหตุผลที่ผมไม่อยากเลือกความจริง

ในที่สุดผมก็เผลอหลับไปอีกครั้งจนได้  มารู้สึกตัวเอาตอนที่ไอ้ใหญ่มันขยับตัวยุกยิก
“อื้อ..ตื่นแล้วเหรอ หลับสนิทเชียวนะมึง”
ไอ้ใหญ่มันพูดอุบอิบๆไม่ยอมมองหน้า ผมเลยฟังไม่ค่อยถนัด “ตื่นนานแล้ว...แต่ลุกไม่ได้”
ผมก็ได้ยินไม่ชัด “มึงพูดอะไร...ทำไมพูดค่อยขนาดนี้ ฮ่าๆ”
ขำท่าทางมันครับทำแปลกๆ  คราวนี้มันเงยหน้าขึ้นมามองผมทำตาเขียวใส่  แล้วพูดช้าๆทีละคำเน้นๆ
“ตื่นนานแล้ว....แต่ลุก..ไม่..ได้” ผมอมยิ้มพยายามกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้ระเบิดออกมา “ก็..ทำไมลุกไม่ได้ล่ะ ขาก็มี” แกล้งเอาแขนรัดมันไว้แน่นกว่าเดิมอีก

พอผมพูดจบไอ้คนมีขาเลยเอาขามันเตะผม ผมไม่ทันตั้งตัวเกือบเอาน้องชายหลบไม่ทัน ถ้าพลาดไปโดนละแย่เลย ขาไอ้ใหญ่เลยเตะไปโดนแค่หน้าแข้ง “เอ๊ย.....เตะได้ไงคนเค้าอุตส่าห์ให้ความอบอุ่นทั้งคืน ..หืม.”
คราวนี้ไอ้ใหญ่เลือดฉีดขึ้นหน้าแดงไปจนถึงใบหูครับหยุดดิ้นไปชั่วคราว “ว่าไงล่ะ...ไม่พูดต่อ ปกติก็เห็นพูดเก่ง  ทำไมวันนี้เงียบไป หืม...”
ผมแอบจับหูแดงๆของมัน “เป็นไรหูแดงเชียว...หึหึ” ไอ้ใหญ่มันคงโกรธผมที่ไปล้อ มันเลยส่ายหน้าหนีมือผม  แล้วเงยหน้าส่งสายตาพิฆาตมาให้ผมอีกรอบ “มึงจะปล่อยกูได้หรือยัง”
ผมทำหน้ากวนๆแล้วพูดกับมันค่อยๆว่า “ขอกอดแบบนี้อีกแป๊ปนะ  แล้ววันหลังจะไม่ขอเลย(กะว่ากอดมันไม่บอกเลยต่างหาก หุหุ)”คราวนี้ไอ้ใหญ่มันเลยเงียบเสียงไป แล้วก็ยอมนอนนิ่งๆ

ผมขยับอ้อมแขนกอดมันแน่นขึ้น มันเองก็ขยับตัวเอาหน้าเข้าซุกซอกคอผม รู้สึกถึงลมหายใจแผ่วๆอยู่ที่คอผม ฝ่ามืออุ่นร้อนของมันแตะอยู่ที่หัวใจผม  เหมือนกับจะบอกผมว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ  เป็นตัวตนเลือดเนื้อของไอ้ใหญ่ที่อยู่ชิดกับผมขนาดนี้ ผมลูบหัวมันไปพูดไป “เมื่อคืนกูอยากคุยกับมึง มึงก็มาหนีกูไปนอน ปล่อยให้กูพูดอยู่คนเดียว มึงก็ไม่ได้ยินอีกว่ากูพูดอะไร”
ไอ้ใหญ่มันพูดกระซิบว่า“มึงก็พูดซิตอนนี้  กูตื่นแล้ว กูอยากฟัง”
ผมถอนหายใจ ผมจะพูดอะไรได้ในตอนนี้ “กูพูดไปหมดแล้ว พูดจนจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปบ้าง ที่กูกอดมึงอยู่นี่ก็แทนคำพูดทั้งหมดแล้วนะ” ไอ้ใหญ่ตอบผมเพียงแค่ว่า “เหรอ...”  เหมือนความเงียบกลับมาเป็นเพื่อนเราอีกครั้งเมื่อเราอยู่ด้วยกันสองคน

ผมนอนกอดมันอยู่อีกพักใหญ่ก่อนที่จะจูบมันที่ศีรษะอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจปล่อยมันไป  “กูก็ต้องปล่อยมึงอยู่ดี”เดี๋ยวมันก็ต้องกลับเชียงใหม่แล้ว ไอ้ใหญ่ยังคงเงียบ ผมก้มลงไปดูเห็นขนตามันขยับๆ แสดงว่ามันก็ไม่ได้หลับ  ผมเลยถามมันไปว่า “เครื่องออกกี่โมงนะใหญ่” ผมคลายอ้อมแขนออกแต่ไอ้ใหญ่ยังนอนนิ่งอยู่ที่ตัวผม แต่ก็ตอบผม “บ่ายสามโมงห้าสิบ”
“น่าจะค้างอีกซักคืนไม่น่ารีบกลับเลย”
“มึงก็ต้องทำงานนี่  กูก็ต้องกลับไปทำงาน เราต่างก็มีเรื่องมากมายที่ต้องทำ”
ฟังที่มันพูดแล้วก็เหนื่อยใจ “...จริงของมึง...มึงไปอาบน้ำก่อนซิ  กูขอนอนเล่นก่อน” ไอ้ใหญ่ขยับตัวลุกไปพร้อมกับทิ้งรอยสัมผัสเบาๆที่คางผม กว่าผมจะรู้ว่ามันจูบผม  มันก็วิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปแล้ว  ผมลูบรอยสัมผัสที่คางยังรู้สึกอุ่นๆเหมือนจูบยังคงฝังรอยอยู่แล้วก็ยิ้มกับตัวเอง “ไอ้ใหญ่...เปรี้ยวนะมึง”
*********************
จะลุ้นไหวมั้ยไอ้คู่นี่ :try2:

ปล.แก้แล้วค่ะคุณ Ak@tsuKII  ขอบคุณที่ช่วยบอกค่ะ แหะๆ   :pig4:
 
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๘๑๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๘๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 16-09-2009 17:40:24
ต้องแยกกันอีกแล้ว  :serius2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๘๑๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๘๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 16-09-2009 17:41:23
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
 :o8: :-[
น้องใหญ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆน่ารักกกกกกกกกกกกกกกก
มีจูบแตะปลายคางด้วยกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ฝันเอ้ยแกพูดได้แค่คำว่า "เปรี้ยว" เรอะ ทำแบบนี้อ่ะ
มันมากกว่าคำว่าเปรี้ยวอีกนะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
น้องใหญ่ของคนอ่านโคตรน่ารักกกกไม่น่าเลยเมื่อคืนถ้าไม่ได้ฤทธิ์แอลกอฮอลล์ไปนะ
คงได้ยินคนปากแข็งพูดพร่ำเพ้อโน้นนี่ให้ฟังแล้วอ่ะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
น่ารักโคตรๆอิคู่นี้
ฝันเอ้ยเมื่อคืนก็ขโมยหอมไปหลายทีนะน้องใหญ่เค้าช้ำหมด
"ตอนที่ใหญ่นอนหลับดูเหมือนเพื่อนกวนๆคนเดิมของผม
อาจจะมีแค่ความรู้สึกของผมเองก็ได้   ที่เมื่อมองมันต่างหากล่ะที่เปลี่ยนไป"

>>  :m1: เจ้าฝันมีอะไรก็พอจิ นะๆๆๆ ตอนนี้รู้ใจตัวเองรึยังห๊ะ
คิดไงรู้สึกยัไงถ้ามัวแต่กัวค.จริงคอยแต่จะหลบอยู่ในค.ฝัน
ค.สุขที่เห็นมันก็จะเป็นแค่ค.สุขชั่วครั้งชั่วคราวอ่ะนะมันจะไม่สุขแบบสุดๆ ซะที เฮ้ออออ

น้องใหญ่ของอิป้าน่ารักกกเขินหูแดง หน้าแดงเลยลูก
โดนเค้ากอดมาทั้งคืนไม่รู้ตัวอ่ะนะแล้วมาตอนนี้จะมาเขินอะไรกันอีกล่ะคะ

+1 จัดให้คะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด o13
อยู่ได้แค่วันเดียวเองอ่ะ หวานกันแป็บเดียวเอง เสียดายจัง
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๘๑๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๘๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 16-09-2009 17:49:26
 :impress2:
คู่นี้นับวันจะยิ่งหวานกันนะเนี่ย ล่นมีทั้งหอม จูบปาก กอด ...
แล้วก็หยอดคำเล็กๆน้อยๆ ยิ่งอ่านถึงช่วงตอนที่ใหญ่นอนไปแล้วมีความสุขจัง
...ในสมองผมว่างเปล่ารู้แต่ว่าทุกความเคลื่อนไหวมันมาจากใจของผมโดยไม่ผ่านสมอง คิดหาเหตุผลอีกต่อไป  ริมฝีปากของผมสัมผัสกับริมฝีปากแดงๆของไอ้ใหญ่อย่างแผ่วเบา ผมเข้าไปใกล้จนลมหายใจของเราใกล้กัน ผมไม่กลัวว่ามันจะตื่นแค่ทำความต้องการของผมในตอนนี้ที่ไม่มีอะไรมาหยุดไว้ได้...
เป็นปลื้มดีแท้แล้วจะรออ่านต่อน๊า
นิว(LOVEis)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๘๑๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๘๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 16-09-2009 19:57:16
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

น่ารักโคดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :o8:

ทั้งกอดจูบลูบคลำ กรี๊ดดดดดดดดดด 

ผมนอนกอดมันอยู่อีกพักใหญ่ก่อนที่จะจูบมันที่ศีรษะอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจปล่อยมันไป 
โฮก!! :m25:   

 “เอ๊ย.....เตะได้ไงคนเค้าอุตส่าห์ให้ความอบอุ่นทั้งคืน ..หืม.”
กรี๊ดดดดดดดด  ฝันบ้า  :-[  ชอบตรงคำว่า หืม  นี่แหละ รู้สึกดีชะมัด  มันแฝงความรู้สึก หยอกเอิน เอ็นดู และอบอุ่นดีอ่ะ

“กูพูดไปหมดแล้ว พูดจนจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปบ้าง ที่กูกอดมึงอยู่นี่ก็แทนคำพูดทั้งหมดแล้วนะ”

เจ้าฝัน เจ้าคารมยิ่งนัก  กรี๊ดดดดดดดด  อ้อมกอดที่ใช้แทนคำพูดทุกอย่าง 


ส่วนใหญ่ของเจ้  กรี๊ดดดดดดดด   :man1: ยังน่ารักกกกกกกกกกก  เท่าโลกเสมอ  มีจุ๊บคางฝันด้วย  ตรูจะบ้า 
จะน่ารักไปไหนนนนนนนน  แอร๊ยยยยยยย ถ้าป็นเจ้าฝันจะจับกดแม่มเลย  :oo1:

ส่วนฝัน ขอให้กล้าเผชิญความจริงโดยเร็ววววว   อย่าเอาแต่ฝันอยู่เลย

คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ทุกอย่างคงเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะฝันหรือใหญ่คงสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง
เหมือนใจรู้ ทั้งที่ปากยังไม่ได้พูด  ว่าทั้งคู่เป็นคนพิเศษของกันละกัน

ขอบคุณที่มาต่อค่ะ   รอตอน สิบเก้า  :z3:

อ้างถึง
เวลาที่เป็นมันของผมอย่างแท้จริงไม่มีใครมาแบ่งไปจากผมได้

#### คำตรงนี้มันสลับกันป่ะ  น่าจะเป็น เวลาที่มันเป็นของผมอย่างแท้จริงไม่มีใครมาแบ่งไปจากผมได้[/color]
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๘๑๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๘๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 17-09-2009 02:29:09
ต่างฝ่ายต่างรู้กันอยู่แก่ใจ และรู้ใจอีกฝ่ายไม่มากก็น้อยแล้วสินะ
แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างมันค้ำคอ ค้ำใจอยู่ เลยไม่สามารถบอกกันตรงๆได้
น่าสงสารเหมือนกัน

บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๘๑๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๘๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 17-09-2009 08:16:24
เเค่ได้อ่านสองตอนหลัง

ตอนนี้ทำเอาผมหน้าบานเป็นกระด้งเลย  :-[ :o8:

เพื่อนที่ทำงานเเซวใหญ่เลย หาว่ามีเเฟนใหม่

ที่ไหนได้ ความรักในเล้าเล่นเอากาเเฟในเเก้วหวานไปโม๊ดดดดดด
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๘๑๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๘๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 17-09-2009 15:47:24
จูบคางแค่นี้หาว่าเค้าเปรี้ยว ตัวเองทั้งกอดทั้งหอม ไม่เปรี้ยวเลยนะพ่อคุณ 5555  :m20:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๘๑๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๘๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 17-09-2009 16:06:26
" ไอ้ใหญ่  เปรี้ยวนะมึง "

ใหญ่จะเปรี้ยวรึเปล่าไม่รู้

แต่ที่แน่ๆ สองคน หวาน กันมากเลย.... :o8:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๘๑๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๘๑๘
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 18-09-2009 19:25:10
 :o8:    หวานนนนนน !

ลุ้นด้วยจริงๆเลย  น้องใหญ่ไม่น่าหลับไปก่อนเลยอ่า
จะได้ฟังฝันซะหน่อย

แหมๆ มีจูบคาง ปลื้มมมมม >///<
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 19-09-2009 10:48:43
ได้มาอีกหนึ่งก้าว(๑๙)แล้วนะ  ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ o15

ตอนที่(๑๙)

  แต่พอผมจะลุกขึ้นบ้างกลับต้องลงไปนอนเล่นจริงๆ เพราะลุกขึ้นมาแล้วแขนชาไปหมดต้องค่อยๆงอแขนช้าๆบีบเบาๆให้หายตะคริวกิน จนไอ้ใหญ่ออกมาจากห้องน้ำผมก็ยังนวดแขนอยู่ “ฝันเป็นอะไร...ทำอะไรอยู่”
ไอ้ใหญ่นุ่งผ้าขนหนูมายืนกอดอกดูผมนวด ตามเนื้อตัวยังมีหยดน้ำเกาะอยู่  มันก็ทำตัวเหมือนเคยไม่ชอบเช็ดตัวให้แห้ง  หยดน้ำยังเกาะเต็มใบหน้า

นอนดูมันแต่งตัวล่อแหลมแบบนี้แล้วผมรู้สึกเขินๆยังไงไม่รู้ครับ ทั้งที่แต่ก่อนก็เห็นออกจะบ่อย เลยเผลอกวนมันไป
 “นวด...ไม่รู้จักรึไง” พูดไปแล้วก็รีบหลบตาทำเป็นนวดต่อ
“รู้จัก...ทำไมต้องกวนด้วยวะ กูก็ถามดีๆ”มันพูดเหมือนน้อยใจที่ผมไปกวนมัน เลยต้องง้อมันก่อน
“ไม่ได้กวน...ก็แขนกูเป็นตะคริว ไม่รู้เลย  ว่าเอาแขนไปเป็นหมอนมันจะทำให้เป็นตะคริวไปได้”

ไอ้ใหญ่ทำปากขมุบขมิบ“ดี...สมน้ำหน้า...มาๆช่วยนวดให้ แค่นี้ทำเป็นบ่น”
ไอ้ใหญ่นั่งลงที่เตียงแล้วคว้าเอาแขนผมมาวางที่ตักมันแล้วช่วยนวดให้  มันเอียงคอถามผม“ต้องใช้เคาน์เตอร์เพนมั้ย จะได้ร้อนๆ”
ผมส่ายหน้าแต่ไม่ตอบ นอนมองหน้าไอ้ใหญ่ที่ดูตั้งอกตั้งใจเหลือเกินกับการนวด พยายามดูแค่ที่หน้าไม่ไปดูเนื้อตัวขาวๆของมัน อยากเอื้อมมือไปเช็ดหยดน้ำบนแก้มไอ้ใหญ่ก็ไม่กล้า ไอ้ใหญ่มันขยำไปขยำมาจนผมรู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังสบายจนไม่อยากให้มันเลิกนวด  รู้สึกเพลินจนผมเผลอเอามือลูบเข่ามันที่โผล่พ้นผ้าขนหนูออกมา ไอ้ใหญ่มันเริ่มเหล่มองหน้าผม ผมก็มองหน้ามันแกล้งพูดยิ้มๆ กะว่าจะล้อมันเล่น
“ขาวดีนะเนี่ย”
“เชี่...แล้วไงมึง”ไอ้ใหญ่มันสวนกลับทำหน้าโกรธแยกเขี้ยวใส่ผม แล้วก็เลิกนวดโยนแขนผมทิ้งทันทีลุกขึ้นทำท่าจะหนีผมไป ผมรีบลุกตามแล้วคว้ามือมันเอาไว้ “ล้อเล่นแค่นี้เองทำเป็นโกรธ ก็ขาวจริงๆนี่นา”

เสียงไอ้ใหญ่มันเหมือนโกรธแต่หน้ามันยังซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่อยู่เลย “มึงไม่ต้องเลย..ช่วยนวดแล้วยังไม่ดีอีก กูจะไปแต่งตัวแล้ว”
ผมดึงตัวมันมากอด กระซิบมันที่หูว่า“รักดอกจึงหยอกเล่น.....หึหึ” ตอนนี้หูมันแดงมากครับ แล้วมันก็ผลักผมออก
 “มึงนี่ท่าจะบ้า  เมาข้ามวันข้ามคืน”แล้วมันก็คว้าเอาเสื้อผ้าเดินหนีเข้าห้องน้ำไปเลยครับ ผมเห็นแล้วก็ขำ รู้ว่ามันมีอาการแบบนี้ก็แกล้งหยอกมันไปนานแล้วครับ

แต่พอผมอาบน้ำเสร็จออกมาไอ้ใหญ่ก็ลงไปเจ๋อนั่งกินข้าวเช้ากับแม่ผมเรียบร้อยแล้ว ท่าทางกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานเสียด้วย  “ฝันเร็วเข้า ชักช้าจริงๆ ใหญ่เค้าต้องกลับแทนที่จะทำอะไรรีบๆเข้า เผื่อเพื่อนอยากไปซื้อของอะไรจะได้พาไป”
 ผมโดนแม่ดุจนได้ แต่ก็จริงของแม่ แต่ว่า “แม่เชยไปแล้ว...เชียงใหม่เจริญจะตาย กรุงเทพมีอะไรเชียงใหม่มีหมด ใช่มั้ยใหญ่” ไอ้ใหญ่พยักหน้ากับแม่ “ใช่ครับ มีหมดทุกอย่างที่นั่น ไม่มีอย่างเดียวเองครับ”

 แม่เลยสงสัย “อะไรเหรอ” ไอ้ใหญ่มันหัวเราะ “ก็ไม่มี...ฝันไงแม่  ที่เชียงใหม่ไม่มีมันไปอยู่กวนผมเหมือนที่กรุงเทพ” แม่เลยหัวเราะ “นั่นซิ   มิน่าที่นี่เลยมีฝันอยู่กวนแม่แทน  อยากเอาไปกวนที่นู่นมั้ยล่ะ”
ไอ้ใหญ่หัวเราะโบกมือเป็นการใหญ่ “ไม่เอาหรอกแม่ มันชอบกวนประสาทผม ขืนผมอยู่กับมันทุกวันแบบแต่ก่อน คงตีกันตาย เดี๋ยวนี้มันดุด้วยไม่รู้กินน้ำตาลมากไปรึเปล่า” ผมเลยได้โอกาสรีบฟ้องแม่

“แม่ไอ้ใหญ่มันว่าแม่เป็นหมา” ไอ้ใหญ่สะดุ้งเลยครับหน้าเสีย  รีบบอกแม่ผมเสียงละล่ำละลัก
 “ผมไม่ได้ว่าแม่นะครับ  ผมว่าไอ้ฝันมันคนเดียว” แม่ได้แต่มองสลับหน้าไปมาระหว่างผมกับไอ้ใหญ่ พูดไม่ทันหรอกครับ ผมต้องรีบเสริมต่อทำสีหน้าให้จริงจัง
“ก็ว่ากูเป็นลูกหมา แม่เป็นแม่กู มึงก็ต้องว่าแม่เป็นหมาด้วยซิ”คราวนี้ไอ้ใหญ่หน้าซีดแก้ตัวไม่ถูก รีบลุกไปยืนไหว้แม่ ทำหน้าตาสำนึกผิดเหมือนจะร้องไห้  แม่ก็เนียนครับทำหน้าเฉย เอ๊ะหรือแม่จะโกรธมันจริงๆ
“แม่ครับผมขอโทษ ผมไม่ได้ว่าแม่จริงๆนะครับ  ผมแค่จะว่าไอ้ฝันมัน เมื่อวานมันดุผมทั้งวันเลย เมื่อคืนก็แกล้งผมด้วย”

ผมเลยรีบโวย  “กูไปแกล้งมึงยังไงเมื่อคืน ไหนมึงบอกมาซิ” ไอ้ใหญ่รีบเถียงตอบ แต่ก็กลับเป็นคนพูดติดอ่างไปซะได้
 “ก็มึงกะ...กะกักตัวกูไว้....ทั้งคืนเลย”มันพูดเสร็จมันก็หน้าแดงครับแล้วไม่ยอมมองหน้าผม เห็นแล้วอยากไปหยิกแก้มมันจริงๆ ตายๆๆ.....นี่ผมคิดอะไรกันนี่  แต่ตอนมันเขินหน้าตามันน่ารักน่าแกล้งมากเลยครับ

คราวนี้ไอ้ใหญ่คุกเข่ากราบที่ตักแม่ผม “แม่ครับใหญ่ขอโทษที่พูดเล่นมากไปจนลามปามไปถึงแม่ด้วย แม่ยกโทษให้ใหญ่นะครับ”ดูมันอ้อนแม่ผมครับ ต่อให้แม่โกรธจริงก็คงใจอ่อนแล้วครับ ก็มันเล่นทำน้ำตาเอ่อคลอเบ้าขนาดนั้น แม่ก็เริ่มขำแต่ก็ลูบหัวมันด้วยความปรานี
“แม่ไม่โกรธหรอกลูก รู้ว่าพูดเล่นกัน แต่วันหลังใหญ่ไปล้อใครก็ดูหน้าดูหลังให้ดีๆนะลูก ผู้ใหญ่บางคนเค้าถือนะ แต่แม่ไม่ว่า”แล้วแม่ก็หัวเราะ ไอ้ใหญ่มันเลยยิ้มออกเลยรีบประจบประแจงเป็นการใหญ่  เข้าไปกอดเอวแม่“ขอบคุณครับแม่ที่ไม่โกรธผม   เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกแม่อยากกินอะไรบ้างครับ เดี๋ยวผมจะให้ฝันมันไปซื้อมาให้แม่”

ผมแอบขวางมันที่เอาใจแม่ผมเกินเหตุ  แต่พอดูไปดูมาแล้วมันน่ารักดีครับตัวผมเองยังเขินๆไม่เคยทำกับแม่ตัวเองขนาดนี้  ไอ้ใหญ่มันสนิทกับแม่ผมมากเพราะเคยมาเที่ยวที่บ้านบ่อย  แม่ผมก็รักมันด้วยเพราะมันอ้อนเกินหน้าเกินตาผมนี่แล่ะครับ
“ไม่อยากได้อะไรเลย  แต่ใหญ่มาบ้านแม่ถึงได้เห็นหน้าฝันมันนะ ปกติไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย” ผมเริ่มไม่อยู่ในสายตาแม่แล้วครับตอนนี้   แม่กับไอ้ใหญ่ชวนคุยกันเหมือนโลกนี้ไม่มีผม   ผมกินข้าวไปก็มองแม่ลูกสองคนเค้าคุยกันอย่างหมั่นไส้  กำลังคุยกันเพลินๆเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น “สวัสดีครับ...พ่อเหรอครับ  อ๋อจะพูดกับใหญ่ครับๆ...รอซักครู่ครับพ่อ”
 ผมส่งโทรศัพท์ยื่นให้ไอ้ใหญ่ “พ่อมึงโทรมา”
ไอ้ใหญ่ทำหน้าสงสัยแล้วรับโทรศัพท์ไป   “โหล...พ่อเหรอมีอะไรครับ....อ้าว”
ไอ้ใหญ่หน้านิ่วอีกแล้วครับ แต่ยังมารยาทดีมาขออนุญาตแม่ผมอีก “ขอโทษนะครับแม่..ขอคุยโทรศัพท์หน่อยครับ” ไอ้ใหญ่มันเดินห่างออกไปคุยก็จริงแต่ผมก็ยังได้ยินสียงมันอยู่

“ให้ผมคุยกับน้องออมเองครับ....” ผมหูผึ่งขึ้นมาทันที...น้องออมอีกแล้ว.. “น้องออม..เดี๋ยวก็กลับแล้วนะคะ อย่าดื้อซิคะ รับรองว่ามีของฝากให้แน่ๆ....ไม่ลืมจริงๆค่ะ...สัญญา....” ผมฟังแล้วหงุดหงิด ไม่รู้จะง้องอนกันไปถึงไหนท่าทางจะคุยกันยาวเลยหนีไปเข้าห้องน้ำ  

พอออกมาไอ้ใหญ่ก็วางสายไปแล้วกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานกับแม่ผมต่อ
“ฝันพาใหญ่ไปซื้อของไป”พอเดินมาแม่ก็สั่งผมทันที
 “แม่จะเอาอะไรเหรอ เดี๋ยวผมไปซื้อให้ทีหลังก็ได้”แม่ตีผัวะมาที่แขนผม “ไม่ใช่..แม่ไม่ได้อยากได้อะไร พาใหญ่ไปซื้อของให้น้องออม” เอาอีกแล้วน้องออมอีกรอบผมเริ่มงอแงบ้างทำท่าอิดออดไม่อยากไป “ออมไหนล่ะ...ไม่รู้จัก”
แม่ตีผมอีกผัวะ “อย่ามากวน...ก็น้องออมหลานของใหญ่ไง” ผมถึงกับตาสว่าง

หลาน...เป็นหลานเหรอ...อ้าว...แล้วทำไมผมไม่รู้ล่ะ... “หลานมึงเหรอ...น้องออม...ไม่ใช่...ฟะ..แฟน.”ไอ้ใหญ่มันหัวเราะอย่างมีความสุขที่ทำให้ผมเหวอได้ “ก็หลานน่ะซิ...4ขวบแล้ว กำลังพูดเก่ง น่ารักมาก”
ฟังแล้วโมโหต้องถองศอกเข้าไปซักที  “แล้วก็ปล่อยให้กูเข้าใจผิดตั้งนาน  ทำไมไม่บอกกูวะ”
 แม่ผมฟังอยู่ยังสงสัย “แล้วเราไม่รู้เหรอ...ทำไมไม่รู้ เป็นเพื่อนกันยังไง”
ฟังแล้วก็รู้สึกเสียหน้า ผมเลยหันไปฟ้องแม่อีก “ก็มันไม่เล่าให้ผมฟังนี่แม่ แล้วผมจะรู้ได้ไง”

แต่ไอ้ใหญ่มันไม่ยอมแพ้รีบแก้ตัว“ไม่ใช่นะแม่....ผมจะบอกมันแล้ว...ฝันมันก็ไม่ยอมฟังเอง”
แม่เลยหัวเราะ “ดี..แล้วยังมาโวย...นิสัยแบบนี้ประจำ ไม่ค่อยสนใจอะไร พอมารู้ทีหลังก็โอดโอยว่าไม่มีใครบอก...สมน้ำหน้า”
ให้มันได้อย่างนี้ซิ “นี่ไม่มีใครเข้าข้างผมเลยใช่มั้ย...นี่ผมลูกใครกันแน่นี่” คราวนี้แม่ผมเดินหนีไปเลยครับ ไม่เข้าข้างแล้วยังไม่ไยดีอีก “ไปไหนก็ไปกันเถอะใหญ่..รำคาญไอ้ลูกคนนี้ เอาไปไหนไปเลย  เอาไปเชียงใหม่เลยยิ่งดี โตไม่รู้จักโต” แถมด้วยไล่ส่งอีก กรรมของผม

แม่เดินไปแล้วเหลือแต่ผมยืนหน้าเหี่ยวกับไอ้ใหญ่ที่ยังยืนหัวเราะไม่หยุด จนผมชักโมโหต้องเอาขาเตะมันไปที
“โอ๊ย...มาเตะกูทำไม”ไอ้ใหญ่ร้องโวยวายแต่สีหน้ายังยิ้มล้อเลียน ตามด้วยเสียงหัวเราะอีกชุด
“มึงจะขำอะไรวะ..ขำอะไร”
“ก็ขำมึงไง...โตไม่รู้จักโต...แม่มึงพูดถูกที่สุดเลยว่ะ”แล้วมันก็หัวเราะอยู่นั่นจนผมไม่รู้จะทำอย่างไรให้มันหยุดเลยเดินไปเอามืออุดปากมัน “มึงหยุดหัวเราะได้แล้ว ไม่หยุดมีเรื่อง”
ไอ้ใหญ่ไม่ยอมแพ้ดิ้นๆหนีแล้วเอาขาเตะผมไปด้วย ผมเลยเอาแขนรัดมันไว้แล้วเอาขาผมแทรกไปขัดขามันให้เดินไปต่อไม่ได้  
แต่ฤทธิมันมากจริงๆครับ ขนาดผมเอามืออุดไว้ปากไอ้ใหญ่มันก็ยังพูดไม่หยุดครับ ฟังๆได้ว่า “เค้าเรียกหน้าแตกแล้วยังมาพาลอีก” ผมเลยต้องถลึงตาใส่แกล้งขู่มันไปว่า “มึงไม่เลิกกวนกู...เดี๋ยวเจอดีนะมึง”
ไอ้ใหญ่ทำตาขี้เล่นตอบออกมาอย่างไม่แคร์ว่า “กลัวก็ไม่ใช่กูซิ” แถมยังเล่นลิ้นมาเลียมือผมแผล็บๆ
ผมจั๊กจี้เลยเอามือออก แล้วก็เอามือเช็ดกางเกงมัน “อี๋..น้ำลายเพียบเลย..นี่มึงเป็นหวัด2009รึเปล่าวะ”
 เสียงไอ้ใหญ่หัวเราะต่อแล้วยังปากดีท้าทายผมอีก  แถมด้วยยักคิ้วกวนๆให้ผม“ไหนว่าจะเจอดีไง...โธ่นึกว่าแน่”

พอมันพูดท้าทายแบบนั้นผมเลยดึงตัวมันมาปะทะตัวผม  ไอ้ใหญ่ตกใจยืนจ้องหน้าผม
ตอนนี้ดวงตาของมันอยู่ต่อหน้าผมจนเห็นขนตาดำขลับกระพริบถี่ๆ  
จมูกของมันอยู่ใกล้ผมจนเห็นหยดเหงื่อที่เกาะอยู่บนปลายจมูก
 แก้มของมันอยู่ใกล้ผมจนเห็นเส้นเลือดที่กำลังฉีดขึ้นไปทั่วใบหน้า
และริมฝีปากของมันอยู่ใกล้จนเมื่อผมค่อยๆก้มหน้าประทับริมฝีปากลงไปไอ้ใหญ่ไม่ทันส่งเสียงอุทธรณ์ใดๆ  

 ผมไม่คิดว่าเพียงแค่การสัมผัสเบาๆเมื่อคืนมันจะทำให้ผมหาญกล้ามาเรียกร้องรสสัมผัสที่จริงจังต่อในวันนี้ เรายืนจูบกันอยู่ตรงนั้นจนได้ยินเสียงครางจากลำคอของไอ้ใหญ่เบาๆ ฝ่ามือของผมแทรกเข้าไปในเส้นผมอ่อนนุ่มของมัน  มืออีกข้างหนึ่งยังรั้งตัวมันไว้แนบกาย  ผมรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของเราทั้งคู่ๆ ผมค่อยๆเลื่อนปากมาสัมผัสแก้มไอ้ใหญ่ไล่มาจนถึงใบหู ซอกคอ และคงทำต่อไปเรื่อยๆถ้าไอ้ใหญ่มันไม่เตือนสติผมด้วยแรงทุบเบาๆที่ไหล่  เสียงกระซิบของไอ้ใหญ่ทำให้ผมดึงสติกลับมาจนได้ “ฝัน...หยุดเถอะ”

ผมปล่อยตัวใหญ่ให้หลุดออกจากวงแขนของผมอย่างอ้อยอิ่ง เราแยกจากกันแล้วต่างคนก็ต่างทำหน้าไม่ถูก ยืนเก้ๆกังๆไม่รู้ว่าจะคุยหรือจะทำยังไงต่อให้หายกระดากจากสิ่งที่ผมทำลงไป ผมแอบเหลือบตามองดูไอ้ใหญ่มันยืนเอามือลูบหน้าก้มหน้าก้มตาถอนหายใจอยู่  ผมกำลังจะเดินไปหามัน “ใหญ่.....”

 “อ้าว...ยังไม่ไปกันอีกเหรอ แม่เห็นเงียบๆนึกว่าออกไปกันแล้วซะอีก เครื่องออกบ่ายสามกว่าไม่ใช่เหรอลูก  เดี๋ยวต้องไปสนามบินอีกนะ จะไปซื้อของก็รีบไปซิ”
แม่เดินลงมาจากข้างบนพอดีเดินเข้าไปถามไอ้ใหญ่มันเลยต้องเงยหน้าหันมาหาแม่ผม  พอแม่เห็นหน้ามันเข้าเท่านั้น
 “ใหญ่ไม่สบายรึเปล่าลูก ทำไมหน้าแดงๆเหมือนคนเป็นไข้เลย ไหนๆตัวร้อนรึเปล่า” แม่เอามือไปจับหน้าผากไอ้ใหญ่ที่ตอนนี้ทำหน้าแปลกๆจะยิ้มก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง  ใหญ่รีบอธิบายกับแม่“ผมไม่เป็นไรครับแม่แค่ร้อนๆเฉยๆ”
“อืม....ตัวก็ไม่ร้อนนะ แต่ทำไมหน้าแดง”

 พอแม่พูดจบผมอยากจะหัวเราะขำมันแต่ก็กลัวมันโกรธเลยต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้  แต่ก็ยังอดปากเสียไม่ได้
 “มันเขินผมเองแม่” คราวนี้ไอ้ใหญ่ถลึงตาใส่ผม แล้วยกกำปั้นให้ด้วย
 พอแม่หันขวับมาถามไอ้ใหญ่ “เขินเรื่องอะไรกัน” มันรีบเอากำปั้นลงแทบไม่ทัน แล้วเกาหัวแกรกๆ “คือ....คือ...”

 ผมเห็นแล้วก็สงสารเลยต้องรีบช่วยดึงมันขึ้นมาจากหลุมที่เมื่อกี้ผมเพิ่งถีบมันตกลงไปเอง “ผมล้อมันว่าเป็นพ่อลูกอ่อน ไปไหนก็มีน้องออมโทรตาม” ไอ้ใหญ่ถอนใจอย่างโล่งอก  แม่ก็หัวเราะขำท่าทางมัน
“โธ่เอ๊ย...เรื่องแค่นี้  เล่นกันเป็นเด็กๆ อีกหน่อยใหญ่ก็หาแม่ให้น้องออมก็หมดเรื่อง จริงมั้ยลูก”

คราวนี้ทั้งผมและมันขำไม่ออก ได้แต่ยิ้มแหยๆไป  ผมเลยตัดบทพาไอ้ใหญ่ไปข้างนอกดีกว่า “ใหญ่ไปกันเหอะ...แต่ไม่รู้จะกลับมาบ้านอีกรอบทันรึเปล่านะแม่ อาจจะเลยไปสนามบินเลย... ใหญ่มึงลาแม่กูไปเลยดีกว่า” ประโยคสุดท้ายนั่นผมหันไปบอกไอ้ใหญ่ที่ยังยืนทำหน้าประหลาดอยู่
ไอ้ใหญ่เลยเข้าไปไหว้แล้วกอดแม่ผม “ผมไปก่อนนะแม่...แล้วผมจะมาเยี่ยมแม่ใหม่  หรือแม่ไปหาผมที่เชียงใหม่ก็ได้ให้ฝันมันพาไปก็ได้มันเคย...จ๊ากกกก”
ผมต้องรีบหยิกมันก่อนที่มันจะเผลอปากไปบอกแม่ว่าผมเคยไปเยี่ยมมันมาแล้วเพราะแม่ไม่รู้เลยว่าผมไปมาตั้ง 1 วัน แต่ไอ้ใหญ่มันไม่ยอมให้ผมกระทำฝ่ายเดียวมันรีบฟ้องแม่ผมอีกแล้ว “แม่ดูซิไอ้ฝันอยู่ดีๆก็มาหยิกผม....ผมบอกแล้วมันชอบแกล้ง” แม่ก็ยุติธรรมครับพอจำเลยฟ้องเบิกความ แม่ก็ตัดสินความผิดผมแล้วลงโทษทันที แม่เอาฝ่ามือตีผัวะมาที่แขนผมอย่างแรง จนผมกลัวว่าแม่จะเจ็บมือมากกว่าผมเสียอีก
“อู๊ย....เจ็บนะแม่...นี่ลูกนะ...ไม่ใช่ยุง...ตีอยู่ได้...มันเจ็บ” ผมต้องลูบแขนตัวเองเปิดแขนเสื้อดูเห็นเป็นรอยฝ่ามือแดงเป็นปื้น แต่แม่กลับยิ้มชอบใจ

“เออ...ดี ชอบแกล้งเพื่อนดีนัก...ใหญ่แม่ขอร้อง...รีบๆไปกันเถอะทะเลาะกันจนแม่เวียนหัว ใครบอกว่าเมื่อวานเพิ่งไปรีบปริญญาตรีมาเป็นไม่เชื่อ...”  หลังจากนั้นแม่ก็เริ่มเอาเรื่องเก่าๆที่ผมเคยทำวีรกรรมอะไรบ้างออกมารื้อฟื้นตั้งแต่สมัยประถม จนผมเห็นว่ามันจะกลายเป็นรายการแฉแต่เช้าไปแน่ๆ  ท่าทางอยู่ต่อจะเป็นเรื่องยาวจริงๆด้วยผมรีบลากไอ้ใหญ่ขึ้นรถแล้วออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็วก่อนที่แม่จะบ่นตามมาอีกหลายชุดใหญ่

พอออกจากบ้านมาได้ผมถึงกับถอนหายใจอย่างสบายใจ “เฮ้อ...หูกูชาเลยว่ะ.....แม่บ่นยาวที่สุดในรอบเดือนนี้เลยนะ  เพราะมึงมาทีเดียว” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้ใหญ่ แต่มันกลับยิ้มเยาะผม  ไอ้ใหญ่ถองข้อศอกมาที่แขนผม
“มึงไม่ต้องมาโทษกูเลย....ชอบแกล้งกูดีนักก็สมควรแล้วที่แม่จะลงโทษ”

 ผมหันไปมองหน้ามันแล้วก็กลับมามองที่ถนนขับรถต่อไปแล้วก็พูดว่า “แกล้งก็มี...ไม่แกล้งแต่ทำจริงก็เยอะ....” ผมไม่หันหน้าไปก็จริงแต่ก็รู้ว่ามันหันมามองหน้าผมพักใหญ่แต่ไม่พูดอะไรแล้วก็หันมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง  
ผมเลยพูดต่อ“เดี๋ยวมึงก็กลับแล้ว   อยากแกล้งก็ต้องรีบแกล้ง อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำ”

เสียงไอ้ใหญ่พูดเบาๆว่า “ที่มึงทำ...มึงเมา...กูรู้”
ผมเหลือบตามาดูไอ้ใหญ่ให้ชัดๆแต่มันยังไม่ยอมมองหน้าผมสนใจแต่วิวด้านนอก ผมตอบมันไปอย่างอารมณ์ดีว่า “มึงเคยฟังนิราศภูเขาทองของท่านสุนทรภู่มั้ย กูจะท่องให้มึงฟัง มึงฟังดีๆนะ” คราวนี้ไอ้ใหญ่หันหน้ามามองผมขมวดคิ้ว ผมหันมายิ้มให้มันอีกครั้งก่อนจะท่องบทกลอนให้มันฟังอย่างช้าๆ

ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
 สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
        ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
      แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน


พอผมพูดจบรถก็ติดไฟแดงพอดีผมเลยมีโอกาสหันไปหาไอ้ใหญ่ เห็นมันกำลังเอาหลังกำปั้นปิดไว้ที่ปากพอดี  ตัวสั่นไปหมดมองไม่ออกว่าหัวเราะหรือร้องไห้อยู่  ผมเลยดึงมือมันออกจากปาก “มึงเป็นอะไรวะ...”
ไอ้ใหญ่มันเอากำปั้นมาชกแขนผมแล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา “ฝัน...มึงทั้งเชยทั้งน้ำเน่า”

 ดูมันครับพอผมพูดจริงๆจังๆมันกลับมาขำผม จนผมพูดอะไรต่อไม่ออกเลย คราวนี้เลยกลายเป็นว่าผมงอนมันแทนแต่ก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลยต้องหันหน้าหนีทำเป็นมาสนใจกับเส้นทางข้างหน้าต่อไป ทั้งที่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังขับไปที่ไหนกันแน่
**********************************
 :oni1: ไปตามล่าตอนต่อไปก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 19-09-2009 11:37:36
กรี๊ดดด มาเร็วทันใจ :impress2:
ขอบคุณนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 19-09-2009 12:10:04
ผมควรจะอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคและเริ่มเคลียร์รายงานได้แล้ว

แต่.....


เรื่องนี้สุด ๆ จริง ๆ ครับ

ชอบมาก....  โอยยย


ยิ่งตอนล่าสุด  จูบขนาดนั้นคงรู้ใจกันไปแล้วล่ะ
ซึ้งอ่ะครับ

แต่สังหรณ์ว่าจบเศร้า   :m15:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 19-09-2009 13:32:35
 :-[

น่ารักทั้งคู่เลย

คืบหน้าไปมากแล้วนะเนี่ย หุหุ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 19-09-2009 16:37:42
ใหญ่มัีนซึ้งจะร้องไห้นี่แหละ
แต่ว่ามันจะดูไม่ดีเลยขำกลบเกลื่อน  :z1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 19-09-2009 17:20:09
ได้เเต่ร้องเพลงรอ

เมื่อไหร่จะรักกกก


 :o8:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 19-09-2009 17:35:36
 :impress2: ในที่สุดก็ลงมือกันเสียทีนะคู่นี้ หึหึ
แต่ปิดท้ายตอนได้ฮามาก 555+ เล่นยกสุนทรภู่มาสู้รักเลยนะนั่น
แล้วจะรออ่านต่อ
นิว(งามอย่างผู้ดี)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-09-2009 20:04:57
อ่านไปลุ้นไป ความสัมพันธ์กำลังไปได้สวย แต่ต้องห่างกันอีกแล้ว แล้วแบบนี้มันจะก้าวหน้าหรือก้าวหลังเนี่ย
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 19-09-2009 20:36:46
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ตอนนี้อ่านไป  บิดผ้าไป   :o8:    ชอบมากกกกกกก  เอาอีกๆๆๆๆๆ  

เจ้าฝันกรี๊ดดดด  นี่สินะที่บอกว่า มีอะไรทำต้องรีบทำ  ใส่ซะเต็มสตรีมเลย  แม่ยกใหญ่ตีลังกาเขิน :-[

ทั้งกอด จูบ ลูบคลำ  แอร๊ยยยยยยยยย ทำใหญ่เขินหน้าแดงหูแดง อ้ากกกกกกกกก น่ารักกกกกกก

ขาวดีนะ  

โฮก!  เจ้าฝันลวนลามทั้งการกระทำ และคำพูด      :z1:  สภาพใหญ่ก็นะ  เซ่ะซี่เหลือหลาย ดีนะเจ้าฝันมันโฟกัสไปแค่ที่

หน้า ไม่งั้นตบะแตกแน่ๆ   :oo1:  (รึไม่ดีหว่า น่าจะจับกดไปเลย  )

ผมดึงตัวมันมากอด กระซิบมันที่หูว่า“รักดอกจึงหยอกเล่น.....หึหึ”



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ในที่สุดดดดดดดด


ก็เฉลยเรื่องน้องออมแล้ว  55555   ดีจริงๆๆ  ฝันจะได้เข้าใจถูกซะที  (เหลือแค่เรื่อง ซากอ้อย น่าจะเคลียร์เร็วๆนี้นะ  อิอิ)

เสียงไอ้ใหญ่พูดเบาๆว่า “ที่มึงทำ...มึงเมา...กูรู้”


ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
 สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
        ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
      แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน


>>>  ฝันบอกรักใหญ่กลายๆแล้ววววววววววววววว  มียกกลอนมาบอกรักกกกกกกก  เน่าจริงๆๆ อย่างที่ใหญ่บอก  

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
แหมๆๆ จริงๆๆ ใหญ่ก็คงอยากจะร้องไห้ด้วยความซึ้งใจอ่าแหละ ไม่คิดว่าจะได้ยิน แต่ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน  

ฝันงอนแล้ว  

>>> ใหญ่จะง้อไงน้าาา  อิอิ  


 

ขอบคุณทั้งคนเขียน และ คนโพสต์มากๆค่ะ ให้กำลังใจคนโพสต์ในการไปตามต้นฉบับต่อไป  +1  จ้า

ส่วนคนเขียน  ยังเขียนได้ดี แล้วถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครออกมาได้ดีมากค่ะ  
อ่านแล้วชอบมากๆๆ  เห็นพัฒนาการของตัวละคร   o13
เป็นกำลังใจให้นะคะ

ปล... อ่านมาซะก็นาน จะเกือบ 20 ตอนแระ แต่ยังไม่รู้จักนามผู้แต่งเลย  ว่านามแฝงอะไรอ่าคะ  
ปล... อย่าจบเศร้านะ    :m15:

 

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 20-09-2009 00:24:24
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
ลูกชายฝันของคุณแม่ทำงามหน้า จ้วงจูบเพื่อนกลางบ้าน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
น่ารักโคดๆๆๆ หาวิธีแกล้งเพือนได้ตามใจตัวเองมากเลยนะคะฝัน
แล้วอีกอย่าง หนูออมคือหลาน กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คนมันหึงมันหวงไปแล้วนี่นา หน้าแตกเลยมั๊ยคะ แบบนี้  :o8:
หนูใหญ่บอกไปสิคะลูก ว่ายังโสดยังซิงไม่มีแฟน 5555
ไอ้เพือ่นบ้าจะได้เลิกเหวี่ยงทำเป็นสาววัยทองไปได้
ฝันเอ้ย ได้อยู่กันสองต่อสองอ่ะ เอากลอนมาพูดเนี่ย
บอกเป็นคำพูดตรงๆไปได้มั๊ย ว่าไอ้ที่จูบที่หอมที่คลำเนี่ย
ไมได้เมาไม่ได้เล่นๆ แต่จริงจัง พูดไปนะฝัน ทำเป็นป่าว
ส่วนน้องใหญ่ ที่เชียงใหม่มีทุกอย่าแค่ไม่มีไอ้ฝัน อัยยยยย
เอาฝันไปเลี้ยงที่บ้านด้วยมั๊ยคะลูก เฮ้ออออออออออออออออออ

แม่ของฝันเค้ายกให้แล้วนะ เลือกแต่น้องใหญ่นั่นแหละจะรับเลี้ยงป่าว

 :jul3:

+1 จัดให้คะ เลิศ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 20-09-2009 01:51:25
คงรู้ใจกันแล้วหละ ขนาดนี้แล้ว
แต่รู้ใจกันแล้ว จะสานต่อได้มั้ยนี่
ใครจะไปหาใคร จะัยังไงดีหละทีนี้
หรือว่าจะปล่อยให้เป็นเหมือนเดิมอีก
บวก 1 แต้มนะคะ กำลังสนุกมากๆเลยหละ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๑๙๑๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๑๙๑๙
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 20-09-2009 20:30:08


ใหญ่จับฝันยัดใส่ถุงแล้วพากลับไปเจียงใหม่ด้วยเลย  

ยังไงคุณแม่ก็ยกให้แล้ววว  :laugh:


 :mc1:    

รอฝันกะใหญ่  chapter ๒๐  :call:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 21-09-2009 17:29:25
(ตอนที่ ๒o)

ผมนั่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่นานไอ้ใหญ่มันคงผิดสังเกตเลยเหลือบตามองหน้าผม  แล้วก็ถามว่า “นี่เรากำลังจะไปที่ไหนฝัน” แต่ผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้แกล้งไปเปิดวิทยุฟังเพลง แต่ที่จริงคือ...ผมเองก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะไปที่ไหน ในยุคที่น้ำมันแพงขนาดนี้จะมาทำงอนแล้วขับรถไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมายก็จะเป็นการทำร้ายตัวเองและโลกมากเกินไป  เค้ายิ่งรณรงค์ให้ลดการใช้พลังงานเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนอยู่ด้วย

“มึงอยากไปไหนล่ะ...คนน้ำเน่าอย่างกูจะพาไป” อยากจะเลิกงอนแต่ก็อดไม่ได้ครับ  กูขอหน่อยนะไอ้ใหญ่ ผมพูดโดยไม่หันไปมองหน้ามันก็ขับรถอยู่นี่ครับหันไปหันมาถึงได้ชนกันตายให้เห็นบ่อยๆ
 แต่ไอ้ใหญ่คงไม่เข้าใจ “พูดกับกูแต่ไม่มองหน้ากู...ดุ..เอาใจยาก..แล้วยังขี้งอนอีกนะมึง”

อารมณ์กูมันเลว กูมันชั่ว กูมันไม่มีดีเข้าแถวมาเลยครับ “เออ...กูมันไม่ดี...น้ำเน่า..เชย....มึงทำไมไม่พูดให้ครบๆล่ะ”
ไอ้ใหญ่หัวเราะชอบใจที่ยั่วให้ผมโกรธได้ “เออใช่....กูลืมไปอีกหลายอย่าง...ช่างประชดประชัน.....กวนตีนด้วย...แล้วก็”
ผมรีบยกมือเป็นปางห้ามญาติ ต้องห้ามไม่ให้มันพูดต่อ  ก่อนที่มันจะขุดคุ้ยนิสัยแย่ๆของผมขึ้นมาจนหมด “พอแล้วๆ.....เซ็ง..ไม่มีอะไรดีซักอย่าง....พูดอะไร ทำอะไรก็ผิด แม่ก็ไม่รัก เพื่อนก็ไม่รัก”

ไอ้ใหญ่หัวเราะอยู่ในคอแล้วก็ส่ายหน้า “มึงนี่ยิ่งโตยิ่งบ้าว่ะ...ปริญญาไม่ช่วยอะไรจริงๆ”

ผมก็ไม่เข้าใจ “มึงเอาอีกคนแล้วนะ  กูไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมวะคนอย่างกูนี่ดูไม่เหมือนคนที่จบปริญญามาได้เลยรึไง”  ผมตีโพยตีพายต่อไปเรื่อยๆ “ไอ้หนุ่ยก็คน  แม่ก็อีก แล้วยังมึงอีก...นี่ใครๆเห็นกูเป็นคนไม่ได้ความขนาดนั้นเลยเหรอ นี่กูน้อยใจแล้วนะ”ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกเสียเซลฟ์ขึ้นมาจริงๆแล้วครับ ทั้งที่ผมก็ฝ่าฟันจนเรียนจบปริญญาตรีมาได้ ถึงเกรดจะไม่สวยเลิศหรูแต่ก็ไม่เคยติดโปร หรือต้องมาสอบซ่อม ไม่เคยสอบได้F แค่ไม่เคยได้ A มาสวยหรูชูสง่าอยู่บนทรานสคริปท์ผมเท่านั้นเอง
 
ไอ้ใหญ่เอื้อมมือจะลูบหัวผมพยายามจะปลอบหรือด่าก็ไม่รู้เพื่อให้ผมหายงอน แต่ผมก็เอาหัวหลบมือมัน ไอ้ใหญ่เลยหัวเราะแล้วส่ายหัวด้วยความระอา “มึงอย่าให้กูต้องเพิ่มนิสัยขี้น้อยใจเพิ่มให้มึงอีกอย่างเลย....แค่นี้ก็มากมายพูดกันไม่จบมาสามวันแปดวันแล้ว” คิ้วผมเริ่มกระตุกด้วยความโมโห กำลังจะโวยวายที่มันมาหาข้อเสียเพิ่มให้ผมอีกจนได้

“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าเพื่อนไม่รัก...............” เสียงเบาๆของไอ้ใหญ่ที่พูดต่อมา   ทำให้ผมเปลี่ยนเป็นพูดไม่ออกได้แต่เบือนหน้าไปแอบยิ้มไม่ให้มันเห็น
ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ผมควรจะพูดว่าอะไร หรือไม่ควรพูด ไอ้ใหญ่เองมันก็ไม่พูดอะไรต่อ เราก็เลยเงียบกันอยู่อย่างนั้น   ไอ้ใหญ่มันจะรู้สึกยังไงผมไม่รู้ แต่ผมรู้ตัวเองว่าผมยังไม่หยุดยิ้ม จนผมขับรถมาถึงห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่แห่งหนึ่ง พอรถเข้าที่จอดเรียบร้อยไอ้ใหญ่ทำท่าจะลงจากรถผมคว้ามือไอ้ใหญ่ไว้ก่อน แล้วถามสิ่งที่มันพูดค้างๆไว้ว่า
 “ตกลง...เพื่อน...รัก..ใช่มั้ย”

มันหน้าแดงแต่ไม่ตอบอะไรเอามือมาปลดมือผมออกจากแขนมัน  ไอ้ใหญ่ไม่ยอมมองตาผมก้มหน้าพูดเบาๆว่า
 “มึงนี่เข้าใจอะไรยากนะ....ถ้ามึงดูไม่ออก..มึงก็ไม่ต้องรู้ต่อไป” แล้วไอ้ใหญ่ก็ลงไปจากรถ ทิ้งให้ผมนั่งคิดกับคำพูดของมันอยู่ไม่ยอมลงจากรถ จนมันต้องเคาะกระจกเรียกผมลงไป “รีบไปซื้อของกันเถอะ”

ผมเดินตามไอ้ใหญ่ไปซื้อของอย่างมึนๆเบลอๆ  ผมยังไม่กล้าพูดอะไรอีก ความคิดหลายร้อยเรื่องวนเวียนอยู่ในหัวแต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้  พอคิดถึงเมื่อคืนและสิ่งที่ผมทำไป คิดถึงรอยจูบเมื่อเช้า  ไอ้ใหญ่ในอ้อมแขนผม แม้กระทั่งกลิ่นแป้งเด็กที่ผมสูดดมจากแก้มของไอ้ใหญ่ยังติดอยู่ในความทรงจำ
และคำถามสุดท้ายที่มันพูดกับผม “แล้วมึงรู้ได้ไงว่าเพื่อนไม่รัก...............” เสียงของไอ้ใหญ่ยังก้องอยู่ในหูผม

บางทีผมก็คิดว่าผมรู้ใจผมแต่ผมไม่รู้ใจมัน  แต่ผมไม่รู้ใจมันจริงหรือเปล่า หรือที่ผ่านมาแม้แต่ใจตัวเองผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกัน

มันทำให้ผมออกจะเขินอยู่เหมือนกัน...เมื่อมาลองคิดดูว่าเพื่อนที่รู้จักกันมานานกว่าสี่ปีแล้ว....เพียงข้ามคืนก็จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำมาตลอดให้เป็นในรูปแบบที่แตกต่างออกไปผมก็ยังทำตัวไม่ถูกอยู่ดี

 แต่ไอ้ใหญ่ก็ไม่ปล่อยให้ผมคิดอยู่นาน “ฝัน...มึงไม่เคยเดินห้างเหรอ...ทำไมมึงต้องทำท่าแปลกๆด้วยวะ  แล้วเดินช้าแบบนี้กูจะซื้อของทันได้ยังไง  ให้ไวมึง”มันเดินเข้ามาลากแขนผมให้เดินมาทันแล้วชี้ชวนให้ผมช่วยมันเลือกซื้อของฝากกลับบ้าน

 ผมไม่รู้ว่ามันซื้อของอะไรให้ใครบ้างรู้แต่ว่ามันซื้อของมากมายทั้งของกินของใช้ของเล่น เหมือนไม่ได้ซื้อมานานชั่วชีวิต  ใช้เวลาไม่นานผมก็ลืมเรื่องสารพันที่ผมหมกมุ่นครุ่นคิดมาเป็นชั่วโมง  แล้วเริ่มสนุกกับการที่ได้อยู่กับไอ้ใหญ่  เราเดินซื้อของกันจนผมเริ่มหิวเลยลากไอ้ใหญ่ให้ไปหาอะไรกินก่อนเพื่อเป็นการพักเหนื่อยจากการเดินซื้อของหลายชั่วโมง “มึงเป็นบ้านนอกเข้ากรุงตัวจริงแล้วไอ้ใหญ่...ไหนมึงบอกว่าอะไรๆที่เชียงใหม่ก็มีหมด  แล้วไอ้ของที่มึงขนซื้อมาเยอะแยะจนกูช่วยถือจนเมื่อยนี่...บ้านมึงไม่มีขายเหรอ”
“มีทั้งนั้นแหละ...ฮ่าๆๆ” มันกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย หน้าตามีความสุข
“อ้าวปัญญาอ่อนรึเปล่ามึง...แล้วมึงมาขนซื้อทำไม  แล้วก็ต้องหอบขึ้นเครื่องไปให้ลำบากอีก” ที่สำคัญผมก็เหนื่อยด้วยต้องมาช่วยมันหิ้วของ
“ก็มันมีอยู่สองอย่างที่มันไม่มีที่นู่นน่ะซิ”ไอ้ใหญ่พูดไปก็ยักคิ้วใส่ผม “ไหนมึงทายซิ...อะไรเอ่ย??”

เอาแล้วครับไอ้คำถามประเภทอะไรเอ่ย เป็นสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด ถ้าคุณตอบถูกคุณจะไม่ภูมิใจหรอกครับเพราะเท่ากับว่าคุณเคยเจอคำถามนี้มาแล้วและคุณรู้คำตอบอยู่แล้ว หรือถ้าคุณตอบได้เองคุณก็จะเหมือนกับพวกเพี้ยนๆที่ตอบคำถามเพี้ยนๆได้   แต่ถ้าคุณตอบไม่ได้ คุณก็อาจจะดูโง่ เพราะไม่รู้จักพลิกแพลงคำถามคำตอบหลายๆมุม ซึ่งบางครั้งเด็กกลับตอบได้เก่งกว่าคุณซะอีก  ความรู้สึกมันแย่พอๆกับคนที่ไปออกรายการผมมันแย่ผมแพ้ป4 ยังไงยังงั้นเลยครับ ผมเลยไม่ยอมทายปัญหาของไอ้ใหญ่
“ไม่เอากูไม่ทาย  เล่นอะไรเป็นเด็ก” จะทายถูกได้ยังไงครับไปเชียงใหม่มาแค่1 วัน
ไอ้ใหญ่หัวเราะ “มึงมันกลัวเสียฟอร์มตลอด กูแค่ถามเล่นๆ”

“ก็นั่นแหละกูจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันไม่มีอะไร 2อย่างที่ว่า มึงบอกมาเลยดีกว่า”ที่จริงไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่ แต่ในเมื่อไอ้ใหญ่มันอยากถามผม  ผมก็เลยอยากรู้ก็ได้ ไอ้ใหญ่กินข้าวเสร็จพอดียกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้วก็เริ่มเฉลยคำถาม
 “อย่างแรก...กูไม่มีเวลา...ทั้งวันกูก็ทำแต่งานไม่มีเวลาไปซื้อของอะไรพวกนี้หรอก” คำตอบมันเหนือความคาดหมายจริงๆ ตอบแบบนี้ใครจะรู้  เฮ้อ...“โธ่เอ๊ย...กูก็นึกว่าอะไร เวลามีเยอะแยะไม่รู้จักไปเองมากกว่า แล้วอย่างที่สองล่ะ”

“อย่างที่สอง.....ก็ไม่มีมึงไง....กูไม่มีเพื่อนไปซื้อของ...กูก็เลยเซ็งไม่อยากไปไหน” ผมยิ้มเลยครับที่ผมก็เป็นหนึ่งในคำตอบของไอ้ใหญ่มันด้วย  แอบภูมิใจนิดหน่อย แต่ก็แอบเขินเลยยกมือเกาหัวแก้เขิน “กูไม่เห็นช่วยอะไรมึงได้เลยซักอย่าง”
“ที่จริงมึงช่วยได้นะ ช่วยจ่ายเงินยังไงล่ะ  แต่ก็ไม่เห็นจ่าย...ไอ้งก”ไอ้ใหญ่มันไม่ยอมให้ผมจ่ายต่างหากล่ะครับพอมันซื้อๆเสร็จมันก็ควักเงินไวมากผมจะไปจ่ายให้ทันได้ยังไง
“กูไม่ได้งก  แต่กูจ่ายไม่ทันมึง ควักมาจ่ายไวอย่างกับไอ้พวกล้วงกระเป๋า” ไอ้ใหญ่หัวเราะกับคำเปรียบเปรยของผมแล้วก็ยกข้อมือดูเวลาตอนนี้มันบ่ายโมงกว่าแล้วครับ
“สงสัยเราต้องไปแล้วล่ะฝัน  จะได้ไม่ต้องรีบๆร้อนๆ มึงจะซื้ออะไรอีกรึเปล่า”  ผมก็ดูเวลาตามมันแล้วก็ใจหาย เวลาของมันกับผมช่างหมดไปอย่างรวดเร็ว  “กูไม่อยากได้อะไร งั้นเราไปกัน”

เราออกจากห้างสรรพสินค้าแล้วตรงไปที่สนามบินกันเลย ตลอดการเดินทางเราคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วๆไปไม่มีใครเอ่ยพูดเรื่องความรู้สึกระหว่างกันออกมา เหมือนเก็บมันไว้เป็นเรื่องที่เรายังหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง
 “น้องออมเป็นไงมั่งวะ เลี้ยงยากมั้ย มึงเลี้ยงเป็นเหรอ” ผมไม่ค่อยชอบเด็กเพราะผมทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่กับเด็ก ไม่รู้ว่าควรจะเล่นยังไง คุยยังไง
“ก่อนที่เล็กแม่เค้าจะตาย น้องออมน่ารักมาก เลี้ยงง่าย ไม่งอแงเลย แต่หลังจากที่พ่อแม่เค้าตายไป เค้าจะงอแงมากขึ้น” เสียงไอ้ใหญ่ถอนหายใจ ฟังจากน้ำเสียงที่มันเล่าผมรู้เลยว่ามันค่อนข้างหนักใจกับเรื่องนี้
“กูก็ไปปรึกษาหมอ เค้าก็บอกว่าเด็กจะเรียกร้องความสนใจจากเรามากขึ้นเพราะเค้าจะกลัวว่าจะไม่มีใครรัก  น้องออมเค้าเลยติดกูมาก นี่ยังดีนะตากับยายช่วยเลี้ยง กลางคืนก็ไปนอนกับแม่กู กูเลยพอมีเวลาส่วนตัวบ้าง  แต่กูก็สงสารหลานต้องมากำพร้าตั้งแต่เด็กๆ”

ผมฟังแล้วก็เข้าใจความรู้สึกไอ้ใหญ่ มันเป็นลูกคนโตภาระหน้าที่ต้องดูแลครอบครัวเป็นสิ่งที่มันต้องทำอยู่แล้ว  แต่เรื่องเลี้ยงเด็กเพิ่มขึ้นมาอีกคนมันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครจะคาดคิด “ตอนนี้มึงก็เลยเป็นเหมือนพ่อน้องออมเลยซิ”
ไอ้ใหญ่พยักหน้ายิ้มๆ “กูมีลูกโดยไม่ต้องทำเลยมึง  แต่มึงรู้มั้ยเลี้ยงเด็กนี่มันเหนื่อยนะ  แต่ก่อนกูเคยมาเล่นกับหลานเป็นบางครั้งก็รู้สึกสนุกดี  แต่พอต้องมาดูแลจริงๆจังๆ  เราต้องให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด ไหนจะต้องสอนสิ่งที่เค้าไม่รู้ไม่เข้าใจ  มันไม่ง่ายเลยมึง”

ฟังดูแล้วตอนนี้ไอ้ใหญ่มันคงเลี้ยงเด็กเก่งพอดูเลยครับ“อีกหน่อยมึงมีลูกของมึงเอง  มึงคงเลี้ยงเก่งเลย”
 ไอ้ใหญ่มันถอนหายใจยาวพูดด้วยน้ำเสียงปลงๆ “กูคงไม่มีหรอก  จะไปมีได้ยังไง” มันเหมือนกับว่าผมวกกลับมาพูดเรื่องที่ไม่น่าจะพูดไปอีกแล้ว  เรื่องที่ละเอียดอ่อนระหว่างผมกับมันมีเพิ่มมากขึ้นทุกที  ผมคงต้องคิดก่อนพูดให้มากกว่านี้ ผมก็เลยยิ้มปลอบใจมันไป “อืม...งั้นมึงก็เลี้ยงหลานไป”

    รถเราเลื่อนเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิพอดีอีกไม่นานเราก็ต้องแยกจากกันจริงๆ ผมได้โอกาสเปลี่ยนเรื่องคุย
“มึงกลับไปกูคงเหงา  เมื่อไหร่จะได้มาเจอกันอีกก็ไม่รู้” เหมือนยังมีเรื่องที่อยากคุยกับไอ้ใหญ่อีกเยอะเลยครับ
 “มึงก็เขียนจดหมายไปหากูบ่อยๆซิ แต่มึงมีกิจกรรมทำเยอะแยะมีเวลาเหงาด้วยเหรอ” ถึงแม้ไอ้ใหญ่จะพูดแบบนั้น และถ้าเทียบกันแล้วผมก็ไม่รู้ว่าระหว่างไอ้ใหญ่กับผมใครจะมีกิจกรรมทำมากกว่ากันแต่นั่นมันไม่ได้เป็นเครื่องวัดหรอกครับว่าใครจะเหงามากกว่ากัน

“บางทีมีคนอยู่รอบๆตัวเรามากมาย มีเรื่องที่ต้องทำมากก็จริง แต่มันก็ยังเหงานะมึง”
 ผมรู้สึกว่าแค่คนๆเดียวอยู่กับเราแค่ไม่กี่นาที คุยกับเราไม่ถึงสองประโยคก็อาจทำให้เรามีความสุขไปได้ทั้งวันแล้วนะครับ  จำนวนคนที่อยู่กับเรามันไม่ได้ช่วยหรอกครับเมื่อเราเหงาขึ้นมาถ้าเขาไม่ใช่คนที่เราต้องการ

แต่ผมก็ไม่ได้บอกความรู้สึกนี้ให้กับไอ้ใหญ่ไป  ผมช่วยมันขนข้าวของไปเช็คอินจัดการเรื่องตั๋วเสร็จเราพอมีเวลาเหลือเลยตัดสินใจหาร้านกาแฟนั่งดื่มรออยู่ข้างนอก  เวลาที่ผ่านไปทุกนาทีมันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนเวลาแห่งการลาจากที่เชียงใหม่ย้อนกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง  เพียงแต่สลับตัวระหว่างผมกับไอ้ใหญ่ที่จากไปเท่านั้นเอง ตัวไอ้ใหญ่เองพูดน้อยลงไปทุกทีเหมือนมันเองก็คิดอะไรอยู่  ปล่อยให้ผมพูดอยู่คนเดียว
“มึงไปถึงแล้วโทรบอกกูด้วยนะ  ไม่ต้องจดหมายมาบอกล่ะว่าถึงแล้ว”
พอผมพูดจบไอ้ใหญ่ยิ้มขึ้นมาทันที“กูอีเอ็มเอสมาบอกก็ได้ เร็วเหมือนกัน”
ผมหัวเราะ“ไอ้บ้า....เดี๋ยวกูออกค่าโทรศัพท์ให้มึงก็ได้”
“กูไม่ได้กลัวเปลือง...กูพูดเล่น ถึงแล้วจะโทรบอก” น้ำเสียงของมันดูเหงาๆเหมือนรอยยิ้มของมัน

 ผมเอื้อมมือไปกุมมือไอ้ใหญ่ไว้แล้วบีบเบาๆ “มีอะไรก็บอกกูมา มึงก็รู้แล้วนี่ว่าสำหรับกูมึงเป็นมากกว่าเพื่อน”
ไอ้ใหญ่เงยหน้าขึ้นสบตาผมตรงๆ “กูไม่อยากเอาเรื่องหนักๆมาให้มึงเป็นกังวลไปด้วย”
“คราวนี้กูบังคับ  มึงต้องบอกกูทุกเรื่อง  ถ้ากูจะกังวลก็เรื่องของกูมึงไม่เกี่ยว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ผมอยากรับรู้เรื่องทุกเรื่องที่เป็นเรื่องของมัน  “แค่เราอยู่ไกลกันก็พอแล้วนะใหญ่  อย่าต้องให้ห่างไปซะหมดทุกอย่างซิ”

ผมมองหน้าไอ้ใหญ่อยากให้มันรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดคือสิ่งที่ผมคิดจริงๆ  ผมยังคงจับมือมันไว้ไม่ยอมปล่อยแล้วพูดต่อ “กูเคยคิดว่าเราไม่น่าอยู่ห่างกัน  แต่ถ้ากูยังติดต่อมึงได้ ถึงจะนานๆครั้ง กูก็ยังพอใจ  ถ้ากูไม่รู้ว่ามึงอยู่ดีมีสุขยังไง มึงคิดว่ากูจะมีความสุขได้เหรอ”
ไอ้ใหญ่ยิ้มเศร้าๆแล้วค่อยๆดึงมือออกจากมือผม “กูมีความสุขนะฝัน  แค่มึงพูดแบบนี้กูก็ดีใจแล้ว  ต่อให้เราต้องแยกกันอยู่แบบนี้ตลอดไปกูก็ไม่เสียใจ”

 ไอ้ใหญ่น้ำตาคลอแต่ใจผมซิพอเห็นน้ำตามัน แค่คำพูดที่มันพูดขึ้นมา ใจผมหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้   เหมือนชีวิตผมกับมันจะต้องเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่มีทางที่จะได้กลับมาอยู่ข้างๆกันอีกแล้ว
 
เสียงประกาศครั้งสุดท้ายจากสนามบินของเที่ยวบินที่ไปเชียงใหม่ดังขึ้น  ไอ้ใหญ่เหลือบดูเวลาอีกครั้ง “กูต้องไปแล้วล่ะ”
ไอ้ใหญ่ลุกขึ้นแล้วเดินมาจับมือผมไว้ มือของมันเย็นเฉียบ  ผมบีบมือมันเบาๆเราเดินจูงมือกันจนมาถึงประตูทางเข้าไปด้านใน
 “มึงต้องดูแลตัวเองนะใหญ่ กูเป็นห่วง ขับรถก็ระวังๆ” หน้าตาของมันซีดเซียว
 ผมดึงตัวมันเข้ามากอดอีกครั้งตบไหล่มันเบาๆแล้วนิ่งอยู่ชั่วขณะ ผมรับรู้ถึงตัวที่สั่นเทาของมันในอ้อมกอดผม  ผมไม่อยากให้มันต้องกลับไป ผมไม่อยากปล่อยมันจากอ้อมแขนของผม  ผมไม่อยากจะกระวนกระวายกับการรอคอยข่าวคราวของมันอีกแล้ว แต่ผมทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ได้แต่ปล่อยให้มันจากไป  แต่ละคำพูดของผมมันช่างยากที่จะเอ่ยออกมา

“มึงดูแลตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวมึงนะ   กูฝากให้มึงดูแลตัวเองก็...เพื่อกูด้วย”
เสียงของผมสั่น พูดไปน้ำตาผมจะไหล ผมอยากจะบอกออกมาว่าถ้ามันเป็นอะไรไปผมคงทนไม่ไหวแต่ผมก็ไม่ได้พูด ผมพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองให้สงบลง ได้แต่ข่มความรู้สึกไว้ในใจ   ไอ้ใหญ่ค่อยๆดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดผม ตามันแดงๆแต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้ผม

“กูคงไม่ได้เห็นมึงยืนส่งจนเครื่องออกเหมือนตอนที่กูไปส่งมึงที่รถทัวร์  กูไปนะฝัน กูมีความสุขมากทั้งสองวันที่เราอยู่ด้วยกัน  ไว้เราเขียนจดหมายคุยกัน ฝากลาแม่มึงด้วย”

ผมยืนมองใหญ่เดินจากไปจนลับตา  พยายามส่งยิ้มให้มันแม้เมื่อไอ้ใหญ่หันหลังจากผมไป  ถึงแม้เราจะอยู่ไกลกันผมก็จะพยายามยิ้มให้ได้  ผมไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าระหว่างเราจะต้องแยกจากกันนานแค่ไหน  ถ้าชีวิตมันยังไม่ถึงตอนจบเหมือนในนิยาย.....ผมก็ไม่ผิดที่จะยังมีความหวังอยู่เรื่อยๆไม่ใช่หรือ หรือถึงแม้ว่าเรื่องมันจะไม่จบแบบที่ผมหวัง  วันนั้นมันก็ยังมาไม่ถึง...ตอนนี้ถ้าผมเลือกได้ผมก็ขอเลือกที่จะยิ้มไว้ก่อนดีกว่า 
******************************
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะจบยังไง แต่เห็นว่าตอนใหม่เขียนไปแค่3บรรทัด :laugh:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 21-09-2009 17:42:00
^
^
เหอๆๆๆ ดูท่าทางจากสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ดำเนินมาแล้ว
เหมือนมันจะจบเศร้าเลยนะ
แต่อะไรๆก็ไม่แน่ใช่มั้ยจ๊ะ คนแต่งจ๋า
อย่าบีบคั้นหัวใจกันเลยเนอะ

ตอนนี้สองคนก็รู้อยู่แก่ใจกันมากขนาดนี้แล้ว
ถ้าจะตัดสินใจทำให้ชีวิตมีความสุขกว่านี้ก็น่าจะเป็นไปได้นะ

บวก 1 แต้มเช่นเคย ขอบคุณมากค่ะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 21-09-2009 17:44:22
 o13 ขอบคุณทั้งคนโพสและคนเขียนจ่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 21-09-2009 18:06:48
จากกันอีกแล้ว  จากกันทีไร  ใจหายทุกที่เลย  เฮ้อออออ  เหมือนอยู่คนละโลก
จะติดต่อกันที่ก็ยากส์เหลือแสน ต้องคอยลุ้นว่าจะได้รับการตอบกลับจากอีกฝ่ายไหม
เป็นกังวลสารพัดสารเพ  :z3:

ฝันย้ายไปทำงานที่เชียงใหม่ดีมะ จะได้อยู่ใกล้ๆกัน

(แต่ก็เป็นห่วงแม่ของฝันอีก  ถ้าฝันย้ายไปนู่น ไม่มีใครดูแลแม่  แถมยังต้องเรียนอยู่อีก  :z3:)

แหมฝันน่าจะบอกรักและขอใหญ่เป็นแฟนไปตรงๆๆเลย 
แต่ก็คงต่างรับรู้แล้วละนะ  ว่าใจตรงกัน

+1

ปล คนเขียนอย่าจบเศร้าน้าาาา :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 21-09-2009 19:47:28
จากกันแล้ว แค่คงจากกันไม่ตลอดไปหรอกนะ
เชียงใหม่แค่นี้เอง  :m15:

“แค่เราอยู่ไกลกันก็พอแล้วนะใหญ่  อย่าต้องให้ห่างไปซะหมดทุกอย่างซิ”
>> โหยฝันพูดแบบนี้ เอาแม่มาขอเลยดีกว่าัมั๊ย โคดน่ารัก :กอด1:

“มึงดูแลตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวมึงนะ   กูฝากให้มึงดูแลตัวเองก็...เพื่อกูด้วย”
>> ใหญ่อิป้าว่านู๋ขนเสื้อผ้าหนีตามเ้จ้าฝันมากทม.เหอะ แม่เจ้าฝันเค้าก็รับเป็นลูกแล้วหนิ
เข้ามาอยู่บ้านเลยกรี๊ดดดดดดด ซึ้งจัง

สองคนนี้สุดๆเลยอ่ะ ฝันมันก็แง้มสี่ห้องหัวใจให้ดูแล้วนะ
นุ้งใหญ่ก็ไมไ่ด้คิดจะปิดบังอะไร เหลือแต่รอคอยวันเวลา
เพื่อค.แน่ใจ หรือเพื่ออะไรหลายๆอย่างชิมิคะลูก :man1:

“ตกลง...เพื่อน...รัก..ใช่มั้ย”
“มึงนี่เข้าใจอะไรยากนะ....ถ้ามึงดูไม่ออก..มึงก็ไม่ต้องรู้ต่อไป”
>> คนบ้าเจ้าฝัน ยกขันหมากไปขอจิ ทำมาปากหวาน
เจ้าชู้ไก่แจ้กับเพื่อนเป็นที่ซู้ดดดดดดดดด

บางทีผมก็คิดว่าผมรู้ใจผมแต่ผมไม่รู้ใจมัน  แต่ผมไม่รู้ใจมันจริงหรือเปล่า
หรือที่ผ่านมาแม้แต่ใจตัวเองผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกัน

>> ตอนนี้อ่ะต่างคนต่างหยั่งเชิงกันอยู่ ใหญ่ก็ดูเหมือนจะมีค.หวังอะไรมากขึ้น
เพราะสิ่งที่ฝันแสดงออกมาช่างตรงไปตรงมาแบบไม่ต้องตีความ ใหญ่ควรจะมั่นใจ
ในตัวฝันบ้างได้แล้ว หุหุ เพราะฝันก้ออกนอกหน้าซะขนาดนั้นแล้วไหนจะกอด
จะหอม อะไรอีกล่ะ ถ้าเพื่อนไม่คิดอะไรป่านนี้ตกเตียงไปแล้ว อิอิ
ส่วนฝันต้องแสดงออกให้มากกว่านี้อ่ะนะ หมายถึงทำให้ต่อเนื่อง
เพราะยังไงใหญ่มันก็รักของมันอยู๋แล้วล่ะแต่แค่กัวเลยไม่แสดงออกมาแบบออกนอกหน้าอ่ะนะ


+1 จัดให้คะ ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: zingiber ที่ 21-09-2009 22:39:02
อ่านเรื่องนี้ทีไร ใจจะขาดดดดดดด :m15:

จะบีบหัวใจคนอ่านไปถึงไหนเนี่ย :o12:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 21-09-2009 22:43:36
ประทับใจแบบเศร้าๆอะ  :o12:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 22-09-2009 17:04:29
จะเศร้าไปไหนคะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 22-09-2009 17:29:52
 :z3:
รู้สึกถึงความบีบคั้นของอารม - -

หนุกมากเลยอ่า แต่อย่าจบเส้าได้มั้ยยย
ข้าน้อยจะตายเอา 555555

เปนกำลังใจนะคนแต่ง!! ^^
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 22-09-2009 18:35:18
ต่างคนต่างรู้ใจตัวเองแล้ว มีเพียงความรู้สึกและแผ่นบาง ๆ เท่านั้นที่ขวางกัน :กอด1:

+1 ให้นะครับ สำหรับการบีบคั้นในความรู้สึก

ปล. ให้พ่อเอาโทรศัพท์ ไป แล้วไงใหญ่ยังรับโทรศัพท์พ่อได้ละครับ  :m28:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 22-09-2009 19:39:35
 :z3: ขนาดคนโพสยังอ่านข้ามไปเลย ขอบคุณคุณWan ค่ะที่ช่วยสังเกตเห็น :pig4:
ไปแก้ให้แล้วนะคะ คนแต่ง(แก่ๆ)555+ฝากมาขอโทษในความผิดพลาดด้วยค่ะ

วันนี้คงไม่ได้มาลงเพราะตอนต่อไปยังไม่เสร็จค่ะ คาดว่าพรุ่งนี้คงได้มาลง
ขอบคุณสำหรับทุกรีพลาย และทุกๆคลิกที่เข้ามาอ่านด้วยค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-09-2009 21:21:33
จะเป็นแบบเกือบจะรัก แต่แพ้ระยะทาง หรือเปล่า ม่ายยยนะ :sad4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒o๒o จดหมายจากเพื่อนรัก ๒o๒o
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 22-09-2009 21:36:21
ชอบตอนเขียนจดหมายหากันจังเลยครับ  แต่อ่านแล้วอดระแวงไม่ได้   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 23-09-2009 16:54:52
โพสไป2รอบแล้วคอม Non responding  :z3:
************************
(ตอนที่ ๒๑)

พอส่งไอ้ใหญ่ขึ้นเครื่องไปแล้วผมก็ตรงกลับบ้านอย่างคนที่ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรต่อ ขับรถไปเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตจิตใจ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมาได้ เป็นอ้อยที่โทรศัพท์มาหาผม
 “ฝันเหรอ...”
“ครับ..อ้อยว่าไงครับ”
“ใหญ่กลับไปรึยัง....หรือฝันยังอยู่ด้วยกัน”น้ำเสียงของอ้อยเหมือนลังเลใจที่จะถามกับผมแบบนั้น
“ใหญ่ขึ้นเครื่องไปแล้ว  อ้อยมีธุระอะไรกับมันรึเปล่า”ผมกำลังเซ็งๆ ไม่ค่อยมีอารมณ์จะคุยโทรศัพท์กับใคร “ถ้าไม่มีอะไรผมกำลังขับรถขอวางสายก่อนนะ”
“เอ่อ...งั้นเดี๋ยวอีกสักพักเราโทรไปใหม่แล้วกันนะฝัน” พออ้อยวางสายไปแล้วผมก็อดสงสัยว่าอ้อยมีธุระอะไรกันแน่ถึงได้ทำน้ำเสียงซีเรียสขนาดนั้น   พอกลับไปถึงบ้านผมก็ขึ้นไปนอนทันทีลืมเรื่องอ้อยไปเสียสนิท

จนผมหลับไปพักใหญ่อ้อยก็โทรมาอีกครั้ง “ฝัน..เราเองนะ”
ผมสะลึมสะลือรับสายตั้งสติอยู่พักหนึ่งถึงนึกออกว่าเป็นอ้อยโทรมา “อืม..รู้แล้วมีเรื่องอะไรเหรออ้อย”
 ผมเปิดปากหาวยังอยากจะนอนต่อ  แต่คิดไปคิดมาคุยกันไปเลยก็ดีจะได้รู้เรื่องกันไป อ้อยเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะพูดเสียงอ่อยๆ “เราจะโทรมาขอโทษเธอ”
“ขอโทษเรื่องอะไร”ผมคิดเท่าไหร่ก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าเรื่องอะไรกันที่อ้อยต้องมาขอโทษผม
“ก็ที่เมื่อวานเราพูดไม่ค่อยดีกับเธอไป  เหมือนเราเอาแต่ใจไปหน่อย” พออ้อยพูดขึ้นมาผมกลับคิดว่าผมต่างหากที่เป็นคนพูดจาห้วนๆใส่อ้อยแล้วยังเดินทิ้งอ้อยไปเลยด้วยซ้ำ อ้อยน่าจะเป็นคนที่ไม่พอใจผมมากกว่า
“ผมลืมไปแล้วอ้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

ผมรู้สึกว่าตอนนี้เรื่องอะไรสำหรับผมมันก็เป็นเรื่องเล็กไปหมดเสียทุกเรื่องถ้าไม่ใช่เรื่องของไอ้ใหญ่ เสียงอ้อยถอนหายใจเหมือนโล่งอกเบาๆก่อนที่จะพูดต่อด้วยน้ำเสียงร่าเริงขึ้นมาอีกนิด
“ขอบคุณนะฝัน  เรารู้ว่าใหญ่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ ยังไงเธอก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ”
ผมไม่อยากจะพูดอะไรให้มากไป ยังไงเรื่องของผมกับไอ้ใหญ่ก็เป็นแค่เรื่องของเราสองคนไม่จำเป็นต้องมาอธิบายอะไรให้ใครฟังอยู่แล้ว และผมก็ไม่รู้ว่าที่อ้อยพูดขึ้นมาแบบนี้หมายความจริงๆตามนั้นหรือไม่ใช่  แต่ผมก็ไม่แคร์ผมเลยตอบสั้นๆไปว่า “ใช่”
จากนั้นมันเหมือนผมไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไรกับอ้อยต่อไปดี อ้อยเองก็เงียบๆไปจนผมนึกว่าคงไม่มีอะไรแล้ว
“มีอะไรอีกรึเปล่าครับ ถ้าไม่มีผมขอตัวนะอ้อย  พอดีเมื่อกี้นอนอยู่  ยังง่วงๆอยู่เลย”
“ฝัน...เรา...”ฟังน้ำเสียงอ้อยคงยังจะคุยต่อไปอีก ผมเลยล้มตัวนอนลงกะว่าคงจะคุยยาว “อืม..มีอะไรเหรอ”
“เราอยากจะถามเธอ...”อ้อยยังพูดไม่จบแล้วก็เงียบไปอีกครั้ง
ผมเริ่มรู้สึกว่าอ้อยพูดช้าจนผมเริ่มอึดอัด “ถามอะไรครับ”
“ที่เธอเคยบอกว่าจะรอเรา....เธอยังรอเราอยู่รึเปล่า”ถ้าอ้อยมานั่งถามผมต่อหน้าผมก็คงจะรู้ว่าอ้อยรู้สึกอย่างไรกับคำถามนี้แต่เมื่อเราคุยกันทางโทรศัพท์ผมก็ต้องมาหยุดคิดก่อนว่าผมพูดไปเมื่อไหร่ แล้วรอเรื่องอะไรกัน
“อ้อยผมยอมรับนะว่าผมขอโทษที่จำไม่ได้จริงๆว่าพูดไปตอนไหน”
“ก็..วันที่เราไปหาฝันที่บ้าน...วันที่พี่หนุ่ยเค้าบอกกับเราว่าเค้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว...ฝันจำได้มั้ย” ใช้เวลาไม่นานผมก็จำได้ทันทีว่าผมพูดอะไรออกไปแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอ้อยมาถามผมเพื่ออะไรกัน “จำได้แล้ว  ก็ผมบอกว่าจะรออ้อยกลับมาเที่ยวสนุกกันต่อยังไงล่ะ”

อ้อยครางเสียงอ่อยๆจนผมรู้สึกได้ “เหรอ...เรื่องนั้นเองเหรอ  เราก็นึกว่า...”แล้วอ้อยก็หยุดเงียบไปอีกครั้ง ผมว่าวันนี้อ้อยดูแปลกๆไปแต่ก็ยังนึกว่าอ้อยจะคุยต่อ แต่อ้อยกลับจบการสนทนาด้วยการบอกผมว่า
“งั้นเราไม่กวนเธอนอนแล้ว  ยังไงพรุ่งนี้เจอกันที่ทำงานแล้วกัน แค่นี้นะ”ผมยังไม่ทันบอกลาอ้อยก็วางสายไปก่อน  ผมไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างผมกับอ้อยจะเป็นยังไงต่อ  แต่มันก็คงไม่มีอะไรที่จะไปไกลได้มากกว่านี้แล้ว ได้แต่หวังว่าความเป็นเพื่อนของเราจะยังคงอยู่เหมือนเดิม

พออ้อยวางสายไปแล้วผมถึงได้รู้ว่ามีสายเข้าซ้อนขึ้นมาแต่ผมไม่ได้รับ มันเป็นสายของไอ้ใหญ่ ผมเลยรีบโทรกลับทันที ไม่นานนักไอ้ใหญ่ก็รับสายผม “ใหญ่รึเปล่า...”
กลัวหน้าแตกครับ เสียหน้าไปหลายครั้งหลายหนที่กลายเป็นพ่อมันรับสาย
“อืม.ถึงแล้วนะ ปลอดภัยดีครบ31” แล้วมันก็หัวเราะ ฟังแล้วผมก็ยังงงๆแต่ก็พลอยหัวเราะไปกับมันด้วย “ผิดแล้วมึง...เค้าต้องครบ32 ทำไมมึงมีแค่31”

ไอ้ใหญ่ยังหัวเราะขำได้อยู่คนเดียวต่อไปได้อีก แต่ก็ยังไม่ยอมพูดต่อจนผมต้องถามซ้ำ “เอ้า...บอกมาซิ  ก็กูไม่รู้จริงๆ”
“ก็กูเอากลับมาไม่ครบ....มันมีบางอย่างหล่นหายอยู่ที่กทม.  มึงหาเจอมั้ยล่ะ”
ผมอมยิ้มทันที เข้าใจความหมายที่มันบอกมา ได้ยินเสียงของมันรู้ว่ามันคงยิ้มอยู่ ผมก็มีความสุขไปด้วยหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง
“กูเจอแล้วอันนึง  แต่ของกูก็โดนขโมยไปเชียงใหม่ มึงเห็นบ้างหรือเปล่าล่ะ” ไอ้ใหญ่หัวเราะเสียงดัง เราคงหัวเราะและยิ้มได้พร้อมๆกัน “ถ้าอย่างนั้นทั้งมึงและกูก็ครบ32 ซิ ยกเว้นไอ้อันที่ได้มาใหม่มันเป็นของคนอื่นเท่านั้นเอง”

“ใครว่าของคนอื่น...ของคนรักต่างหากล่ะ”
พูดไปเองแล้วก็เขินเองครับเอาผ้ามาคลุมโปง ทำไปได้นะผม ระหว่างเราสองคนไม่เคยมีคำพูดหวานๆให้แก่กันมาก่อนเลย  แต่การพูดแบบนี้มันก็ทำให้ผมมีความสุขอย่างที่ผมคาดไม่ถึง เหมือนกลับไปเป็นเด็กวัยรุ่นอีกครั้ง

เสียงไอ้ใหญ่เขินๆบอกผมว่า “ปริญญาทำให้มึงเปลี่ยนไป คนอื่นเค้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นทำไมมึงน้ำเน่าขึ้นไปได้นะฝัน” ผมกลับไม่โกรธที่มันมาแซวเรื่องปริญญาอีกครั้ง “กูว่าปริญญาทำให้กูฉลาดขึ้นมากกว่า”
แล้วก็พูดต่อ  “ แต่ที่ทำให้กูน้ำเน่าน่ะ...มึงทั้งนั้นเลยไอ้ใหญ่..มึงแล่ะตัวดีเลย”
 ไอ้ใหญ่โวยขึ้นมาว่า “อย่ามาโทษกู” แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ผมได้แต่นอนยิ้มอยู่คนเดียวไม่รู้ว่าไอ้ใหญ่มันจะยิ้มอยู่ด้วยหรือเปล่า แต่มันเป็นความเงียบที่เป็นสุขเมื่อรู้ว่าอีกด้านหนึ่งของสายมีคนๆนั้นรอเราอยู่ด้วยรอยยิ้ม

“แล้วมึงเดินทางเหนื่อยมั้ย  ง่วงรึเปล่า”
“ไม่เหนื่อยเลย หลับตาแป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว  แล้วมึงทำอะไรอยู่”
“กูกำลังนอนเล่นบนเตียง  กลับมาก็หลับไปอีกรอบ” บนเตียงยังมีกลิ่นของมันอยู่เลยครับ  หรือว่ากลิ่นมันยังติดอยู่ที่ใจของผมมากกว่า แล้วผมก็พูดขึ้นมาว่า “กลิ่นมึงหอมชื่นใจ” ตามด้วยเสียงหัวเราะของตัวผมเอง ขำกับกระทำและคำพูดของตัวเอง  ผมว่าผมยิ่งพูดมากก็ยิ่งน้ำเน่าอย่างที่ไอ้ใหญ่มันบอกจริงๆด้วย

ผมไม่รู้ว่าไอ้ใหญ่มันจะทำหน้ายังไงแต่มันพูดขึ้นมาว่า “มึงนี่ท่าจะบ้า...กูวางสายก่อนนะ”
“มึงจะไปไหนอีก”เพิ่งจะคุยกันไม่ถึง10นาทีเลยครับ  มันจะทิ้งผมไปแล้ว “น้องออมกลับมาแล้ว ไว้ค่อยเขียนจดหมายคุยกันนะฝัน” ได้ยินเสียงเด็กพูดอยู่จ๋อยๆลอดเข้าโทรศัพท์มา “พ่อใหญ่คุยกับใครคะ”
“แป๊ปนึงนะฝัน..”เสียงไอ้ใหญ่พูดกับน้องออม “พ่อคุยอยู่กับลุงฝันค่ะน้องออม..”
“พ่อๆ..แล้วลุงฝันคือใครคะ” ผมฟังๆดูแล้วไอ้ใหญ่คงไม่มีเวลาคุยกับผมแล้วครับ  คงต้องคุยกันวันอื่นแล้ว
  “ใหญ่ไปหาลูกมึงซะ  กูยอมให้ลูกมึงคนนึง”
แต่ก่อนที่มันจะวางหูไปผมกระซิบบอกมันไปอีกทีว่า “กูเป็นห่วงนะใหญ่”
ไอ้ใหญ่ตอบผมว่า “กูรู้...”
ยังได้ยินเสียงน้องออมพูดอีกว่า “แล้วลุงฝันเค้าคุยอะไรกับพ่อค่ะ” ผมก็อยากรู้ว่าไอ้ใหญ่มันจะตอบน้องออมว่าอะไร แต่ผมก็ต้องวางสายไปอย่างก่อน  เสียดายเหมือนกันที่ได้คุยกับไอ้ใหญ่นิดเดียว  แต่ก็แปลกที่ว่าผมก็ยังอารมณ์ดีอยู่ถึงแม้จะวางสายไปนานแล้ว

ผมยังนอนคิดอะไรอยู่นานทั้งเรื่องของไอ้ใหญ่ เรื่องที่อ้อยโทรมา พอเคลิ้มๆจะหลับก็มีโทรศัพท์มาอีก
 “พี่ฝัน..ผมไรท์รูปลงแผ่นเสร็จแล้วทั้งของพี่ของเฮียจะให้เอาไปให้ที่ไหน”  ไอ้น้องเกี๊ยงมันโทรมาครับคงหมายถึงรูปที่ถ่ายไปเมื่อวาน “มึงเอามาให้กูที่บ้านได้มั้ย กูขี้กียจออกว่ะ” ไหนๆก็ลาหยุดไม่ต้องไปทำงานแล้ว  ก็แทบไม่อยากจะขยับตัวเลยครับ
“ได้พี่ฝัน  แล้วของเฮียล่ะเอาไปด้วยรึเปล่า”ไอ้นี่ก็ถามจุกจิกกวนใจอยู่ได้ “เอามาด้วยเลย เดี๋ยวกูส่งให้มันเอง แค่นี้นะกูจะนอนรอ” แค่พูดนี่ก็จะไม่ไหวแล้วครับตาจะปิดให้ได้

    ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งห้องก็มืดแล้วครับผมดูเวลา6โมงกว่าแล้ว ไอ้เกี๊ยงนั่งหันหลังให้ผมอยู่ที่หน้าจอทีวีนั่งดูรูปผมอยู่อย่างเงียบๆ  ผมเลยนั่งดูกับมันไปด้วยแต่ก็ไม่ได้เรียกให้มันรู้ตัวว่าผมตื่นแล้ว  ช่วงแรกๆเป็นรูปที่ผมถ่ายกับเพื่อนไม่กี่คนที่มาเช้าๆหน้าตายังดูสดใสอยู่  บางรูปผมไม่รู้ว่าไอ้เกี๊ยงมันแอบถ่ายเมื่อไหร่แต่ผมก็ดูดีนะครับ ผมดูรูปแล้วก็สรุปกับตัวเองได้ว่าผมก็หน้าตาดีพอได้เลย ถึงแม้จะไม่หล่อคมแต่ก็พอเข้าเทรนด์สมัยนี้ตี๋ๆขาวๆ  

รูปเลื่อนมาถึงตอนที่ไอ้ใหญ่มาพอดีรอยยิ้มกว้างของมันสร้างความสดใสให้กับรูปหมู่ขึ้นมาทันที   ยิ่งมันใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวทำให้หน้ามันดูเหมือนนักศึกษารุ่นน้องมากกว่าที่จะเป็นบัณฑิตที่กำลังจะรับปริญญา  ในรูปสายตาของผมที่มองมายังไอ้ใหญ่มันช่างเปิดเผยความรู้สึกเสียจนผมเห็นได้ชัด  รูปนี้ผมยิ้มไม่หุบไม่ยอมมองที่กล้องตาจับจ้องอยู่แต่ที่มันเพียงคนเดียว

รูปถัดๆมาเป็นรูปผมถ่ายคู่กับมันเป็นส่วนใหญ่ มีรูปที่ผมกับมันทำหน้าตาประหลาดๆใส่กัน บางรูปผมดูแล้วก็เผลอหัวเราะเสียงดังจนไอ้เกี๊ยงมันได้ยินเลยหันมามองผม แล้วยกมือไหว้ “อ้าว...หวัดดีพี่ฝัน   ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็ไม่เรียก”
ผมขยับเลื่อนตัวมานั่งข้างๆมัน “กูตื่นนานแล้ว ดูรูปไปกับมึงไปด้วย  มึงถ่ายรูปดีนี่หว่าสงสัยเป็นเพราะนายแบบหน้าตาดี” ไอ้เกี๊ยงพยักหน้าเห็นด้วย “ผมว่าแสงดี นายแบบ....เฮียใหญ่ก็หน้าตาดี  ผมก็ฝีมือดีเลยได้ผลงานดีน่ะพี่ ฮ่าๆๆ”
ผมเลยตบหัวมันไปที “มึงจะชมกูคนจ่ายเงินให้มึงซักหน่อยมันลำบากมากหรือไง...ไอ้น้องเวรนี่”
ไอ้เกี๊ยงหัวเราะ “แต่เฮียใหญ่ถ่ายรูปขึ้นนะพี่ ” ผมก็เห็นด้วยกับไอ้เกี๊ยง “อืมม...”

ไอ้ใหญ่มันถ่ายรูปขึ้นจริงๆด้วยครับไปเป็นดาราหนังได้สบาย  รูปในจอยังคงเปลี่ยนไปเรื่อยๆมีทั้งรูปหมู่รูปเดี่ยว รูปคู่ ไอ้เกี๊ยงดึงแขนผม “พี่ๆ..ดูรูปนี้ซิผมชอบมากเลย เวลาดูต่อๆกันเหมือนดูมิวสิควีดีโอเลย”

รูปที่ไอ้เกี๊ยงมันเรียกผมดูเป็นรูปที่ผมกำลังโทรศัพท์อยู่ไม่ได้มองกล้อง ไอ้ใหญ่ยืนห่างออกไปไม่ไกลก็จริงแต่เห็นสายตาที่มันมองมาที่ผม สีหน้าของมันดูก็รู้ว่ามันอารมณ์ไม่ดีเลย  รูปถัดมามันมองกล้องแต่ก็หน้างอผมยังยืนโทรศัพท์อยู่ข้างๆมันตาเหลือบมองกล้อง  แล้วก็เป็นรูปที่ผมจับมือลากมันไปคุยที่โต๊ะ ตามมาด้วยรูปที่ผมลูบหัวมันเราทั้งสองคนยิ้มให้กัน  ได้แต่คิดในใจว่าไอ้เกี๊ยงมันอาชีพหลักเป็นปาปารัสซี่หรือเปล่า

  ไอ้เกี๊ยงเอามือตบเข่าดังฉาด“เฮียใหญ่แกหน้าตาเหมือนเด็กขี้งอนเลย น่ารักจัง  ทำไมผมไม่จีบเฮียแกวะ เสียดายจริงๆ”
ผมเลยตบหัวมันไปอีกที “เดี๋ยวเหอะมึง...ล้ำเส้นแล้วนะ รู้ซะมั่งไหนหัวไหนก้อย” ไอ้เกี๊ยงหันหน้ามามองผม ทำหน้ากวนประสาท “อ๋อพี่ฝันเป็นหัวล่ะซิ หึหึเลยต้องจีบก่อน” คราวนี้ผมเลยเอากำปั้นทุบลงไปที่ท้องมันทีนึง “ลามปามนะมึง ปากดีนักนะ” ต้องทำร้ายน้องกลบเกลื่อนอาการที่ถูกมันรู้ทันครับ

“อูย...ล้อแค่นี้ก็ไม่ได้  รู้ละๆ ว่าของๆใครของใครก็ต้องหวง”ไอ้เกี๊ยงมันเป็นน้องรหัสผมเอง  สนิทกับมันจนมันชอบลืมตัวนึกว่าผมเป็นเพื่อนเล่นมัน  ถึงมันจะก่อกวนประสาทผมมากไปหน่อยแต่มันเป็นคนจิตใจดี ผมก็เลยสามารถพูดกับมันได้ทุกเรื่อง “มึงนี่ชอบรู้ดี...แต่  กูดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

ไอ้เกี๊ยงหัวเราะอยู่ในคอทำเป็นกอดอก “หึหึ...หึหึ”มันเอียงคอมองผมด้วยหางตาแล้วยิ้มกริ่ม เห็นมันทำหน้าแบบนี้แล้วมือมันไปเองครับผลักหัวมันไปอีกรอบ “ดูมึงมาทำหน้ากวนตีน...จะพูดอะไรก็พูดมา”
“พี่ฝันอ่ะ ผมน่วมไปทั้งตัวแล้วนะชอบเล่นแรงๆ  จะดุไปถึงไหน”พอไอ้เกี๊ยงมันโอดครวญ ผมก็หัวเราะ “ก็มึงชอบกวนนี่หว่า  ทำหน้าเป็นรู้ดีไปซะทุกเรื่อง”

มันบ่นพึมพำๆ “ไม่รู้เฮียใหญ่ไปหลงเสน่ห์ได้ยังไง” ผมดูรูปไปด้วยแล้วก็ยิ้ม รูปนี้ผมเอามือจับไหล่ไอ้ใหญ่ไว้ข้างหนึ่งมืออีกข้างจับมือมันไว้  เราหันหน้ามายิ้มให้กันทั้งคู่  ไอ้เกี๊ยงมันพูดลอยๆออกมาว่า“ก็ดูออกกันทั้งคู่ละว้า” ผมหันไปมองหน้ามัน
 “พี่ดูรูปเฮียรูปต่อไปซิ” รูปนี้เป็นตอนที่อ้อยมาถึงไอ้เกี๊ยงมันถ่ายรูปตอนที่ผมกำลังปล่อยมือไอ้ใหญ่พอดี มันหันหน้ามามองผมแววตาของมันดูเศร้า  แต่ผมก็ไม่ได้มองไปทางไอ้ใหญ่เลยตอนนั้น  แต่อีกรูปที่เราเปลี่ยนที่ยืนไอ้ใหญ่ยืนห่างออกจากผมไป  กลับเป็นสายตาของผมที่มองหาไอ้ใหญ่
 “คนอื่นเห็นรึเปล่าผมไม่รู้ แต่พอผ่านเลนส์ ผ่านตาผมแล้ว...มันชัดน่ะพี่” แล้วไอ้เกี๊ยงมันก็แหกปากร้องเพลงของพี่ติ๊กชิโร่ครับ.....ชัดเจน

ปิดตา แต่ยังคงได้ยิน
ปิดหูก็ยังได้กลิ่น ปิดไฟก็เห็นด้วยจินตนาการ
อยากอยู่ ดูแลเธอใกล้ใกล้
โอบกอดและเอาใจใส่ ไม่ให้ใจว้าเหว่ ได้เลย

ชัดเจน นี่แหละรักที่พองเต็มใจ
ที่ไม่ใช่เป็นความรักที่ว่างเปล่า ที่เหงาเหมือนเงาที่เบลอๆ
ชัดเจน นี่แหละรักที่โตเต็มใจ
ที่ไม่ใช่เป็นความรักที่แปลกๆ เหินๆ ห่างๆ
อยากใกล้กัน อยากชิดกัน อยากพูดทุกวัน
ฉันรักเธอ เออ...ชัดเจน....โอ โอ โอ

คิดถึง อยากดึงเธอมาใกล้
แหละนี่คือเรื่องใหญ่ อยากบอกให้เธอเข้าใจ ชัดเจน
เรื่องจริง ไม่ต้องอิง นิยาย
ไม่ต้องรอเมื่อไหร่ อยากบอกให้เธอเข้าใจ...รักเธอ

ชัดเจน นี่แหละรักที่พองเต็มใจ
ที่ไม่ใช่เป็นความรักที่ว่างเปล่า ที่เหงาเหมือนเงาที่เบลอๆ
ชัดเจน นี่แหละรักที่โตเต็มใจ
ที่ไม่ใช่เป็นความรักที่แปลกๆ เหินๆ ห่างๆ
อยากใกล้กัน อยากชิดกัน อยากพูดทุกวัน
ฉันรักเธอ เออ...ชัดเจน....โอ โอ โอ

เธอ...ฉัน...ชัดเจน...เย..เย...เย.........เย...ฮู

รัก รัก รักเธอชัดเจน...


ผมเกือบจะด่ามันไปแล้วครับแต่ภาพแต่ละภาพที่ผมดูอยู่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำเอาผมพูดไม่ออก  เราอาจจะไม่ได้พูดกันตรงๆถึงความผูกพันของเรา  เราอาจไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกออกมามากมาย แต่แววตาของผมและใหญ่ปิดไม่มิดจริงๆ  ชัดเจนไปตามเพลงจนรู้สึกอายไอ้เกี๊ยงมัน  รู้สึกว่าหน้าร้อนวูบวาบ มันคงเหมือนเวลาเราดูรูปที่เราถ่ายกับคนที่เรารัก  ถ้าเรามีความสุขทั้งสีหน้าและแววตาของเราจะแสดงออกมาให้เห็นชัดเจน

กำลังดูรูปอยู่เพลินๆไอ้เกี๊ยงก็พูดขึ้นมาอีก“ดีว่ะ”
ผมหันไปมองหน้าไอ้เกี๊ยงสงสัยว่ามันอารมณ์ไหนกันแน่ “อะไรของมึง...ที่ว่าดี”
มันหันมายิ้มให้ผมทำตาฝันๆ “ก็ความรักของพี่กับเฮียซิ......”
ตาของผมยังจับอยู่ที่รูป   ผมกับไอ้ใหญ่ยืนกอดอกอยู่คนละฝั่งของเสาหันหลังพิงเสา แต่หันหน้ามายิ้มให้กัน   รูปนี้ก็บอกอะไรผมได้ชัดเจนเหมือนกันมันมากระแทกความรู้สึกของผมโดยไม่ทันตั้งตัว   ผมพูดออกไปด้วยความเศร้าลึกๆในใจได้แต่แค่นยิ้มให้กับตัวเอง

“ดียังไงว่ะ....รักกันแต่ก็ได้แค่อยู่ห่างกันคนละฝั่ง...ทำได้แค่มองกันแต่ไปไม่ถึงกันซักที”
  ผมถอนหายใจยาวชันเข่าขึ้นมากอด ความเศร้ามันมาพร้อมความรักได้ยังไงผมก็ยังไม่เข้าใจ

“มันก็ยังดีนะพี่...ถึงจะอยู่ไกลกันแต่เราก็ยังรู้ว่าเรามีคนที่เรารักแล้วก็รักเราอยู่ตรงนั้น...ไม่เหมือนคนเหงาๆอย่างผม” น้ำเสียงของไอ้เกี๊ยงดูเศร้าไม่แพ้ผม “ยืนอยู่ตรงนี้....โดดเดี่ยวคนเดียว....แค่คนในความฝันยังไม่มี”
ไอ้เกี๊ยงมันเข้าสู่โหมดจริงจังเป็นกับเค้าเหมือนกันครับ  มันเองก็คงมีเรื่องในใจเหมือนกัน  ผมโอบไหล่มันไว้ตบไหล่เบาๆปลอบใจมัน “มึงกะกูก็เศร้าพอกันแล่ะไอ้เกี๊ยง”

วันนั้นผมกับไอ้เกี๊ยงเลยเลิกดูรูปแล้วแยกย้ายกันไปด้วยความหดหู่  ผมเอาจดหมายมาเขียนถึงไอ้ใหญ่พร้อมกับจะส่งรูปไปให้มันด้วย

ใหญ่พ่อน้องออม

หวัดดีใหญ่....เหมือนเราเพิ่งเจอกันมาไม่นานเลยนะ  ห่างกันไม่ถึง 24ชั่วโมงกูก็ทนไม่ไหวต้องเขียนจดหมายมาหามึงแล้ว (แต่กูคิดถึงมึงจริงๆนะ)  วันนี้ไอ้เกี๊ยงมันเอารูปที่ถ่ายเมื่อวานมาให้กูกับมึง  เก็บเงินไปเรียบร้อย  ไม่น่าเชื่อว่าเราสองคนจะหน้าตาดีขนาดนี้  นี่ถ้าไม่ติดว่ามึงอยู่เชียงใหม่และไม่ติดว่ากูยังไม่อยากดังไปมากกว่านี้  กูว่าจะส่งรูปเราสองคนไปโมเดลลิ่งหรือค่ายเพลงท่าจะดี  เราจะได้เป็นคู่ดูโอออกอัลบั้มด้วยกัน ฮ่าๆ
เดี๋ยวมึงเปิดดูรูปมึงคงคิดเหมือนกัน  มีรูปที่กูชอบหลายรูปแต่ไม่รู้ว่ามึงดูแล้วจะคิดเหมือนกูมั้ย  ตอนที่กูดูรูปกับน้องเกี๊ยงมันร้องเพลง ชัดเจน ของพี่ติ๊ก ชิโร่ให้กูฟัง มึงเคยฟังรึเปล่า  กูฟังแล้วคิดตามเพลงมันชัดเจนจริงๆนะมึง สำหรับกูมันชัดเจนมากถึงมากที่สุด  กูอยากจะร้องเพลงให้มึงฟังด้วยตัวเอง  แต่ก็ติดตรงที่ว่ากูไม่รู้จะหานิโคลที่ไหนมาร้องคู่กับกู มึงก็ไปหาฟังเอาเองแล้วกันนะ คิดซะว่าเสียงพี่ติ๊กก็เหมือนเสียงกู
โดยเฉพาะท่อนนี้ที่กูอยากร้องให้มึงฟัง

คิดถึง อยากดึงเธอมาใกล้
แหละนี่คือเรื่องใหญ่ อยากบอกให้เธอเข้าใจ ชัดเจน
เรื่องจริง ไม่ต้องอิง นิยาย
ไม่ต้องรอเมื่อไหร่ อยากบอกให้เธอเข้าใจ...รักเธอ

คิดถึงมึงหนักกว่าเดิมอีก....
ฝัน..ชัดเจน
*************
ชัดเจนจริงๆ :impress3:
http://www.4shared.com/embed/58058541/32015290

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหม&#
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 23-09-2009 17:33:32
 :m3: :m11: :m1:
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เป็นแฟนกันแล้วนะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อิพ่อพระเอกลิเก๊ ลิเก พูดกันออกมาแต่ละคำ หว๊าน หวาน
มดกัดปากแล้ว ฝันแ่ง่งหยอดแต่ละทีนุ้งใหญ่ม้วนไปแปดตลบแล้ว  :o8: คนบ้าๆๆ
พ่อหนุ่มเจี๋ยงใหม่กับ หนุ่มใหญ่เมืองกรุง สาดความหวานให้กันใหญ่เชียว
เอาฟ่ะไหนๆก็ไหนๆแล้วจะย้อนวัยซักหน่อยเป็นไร อย่างกับวัยรุ่่นเลยเนอะ อิอิ
“ก็กูเอากลับมาไม่ครบ....มันมีบางอย่างหล่นหายอยู่ที่กทม.  มึงหาเจอมั้ยล่ะ”
>> นุ้งใหญ่ถ้าอยู่ใกล้ๆนะ จะลากมา :oo1: เลยน่ารักกกกกกกกกกกกกกกก
“ใครว่าของคนอื่น...ของคนรักต่างหากล่ะ”
>> เต็มที่เลยคะ อิอิ ไหนๆก็เปิดเผยกันซะขนาดนี้ ฮิ้ววววววววววววววววว
น้องออมได้พ่อใหม่อีกคนนึงแล้ว อิอิ ลุงฝัน ได้อารมณ์แก่จริงๆ :m20:
พูดไปเองแล้วก็เขินเองครับเอาผ้ามาคลุมโปง ทำไปได้นะผม
>> หึหึ เลือดหนุ่มกันสูบฉีดชิมิ รู้งี้ฉุดน้องใหญ่ซะตั้งนานแล้วเนอะ :m12:
"ปริญญาทำให้มึงเปลี่ยนไป คนอื่นเค้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นทำไมมึงน้ำเน่าขึ้นไปได้นะฝัน”
>> ถึงน้ำจะเน่าแต่ก็ชอบชิมิล่ะ นุ้งใหญ่ อิอิ กี้วๆๆๆ
“เฮียใหญ่แกหน้าตาเหมือนเด็กขี้งอนเลย น่ารักจัง 
ทำไมผมไม่จีบเฮียแกวะ เสียดายจริงๆ”

>> เกี๊ยงถ้ารักชีวิต เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวเหอะอิอิ
คนเค้ากำลังข้าวใหม่ปลามัน อย่ามาลามๆ แต่ว่าฝีมือถ่ายรูปของน้องเนี่ย
สุดยอดดดดดดดด แบบนี้นะ ต้องให้พี่ฝัน :beat:รางวัลให้งามๆเลย
แต่แปลกนะเรียกใหญ่ว่าเฮีย แต่เรียกพี่รหัสตัวว่า พี่ 555555 ฮาจริงๆ
“คนอื่นเห็นรึเปล่าผมไม่รู้ แต่พอผ่านเลนส์ ผ่านตาผมแล้ว...มันชัดน่ะพี่”
>> เกี๊ยงบอกไปสิ ที่ดูออกเพราะผมฉลาดนะ พี่ฝัน  :m20:

 :m18:
อ้อยคะ อยากบอกเธอว่า "โส น้ำ หน้า" เป็นที่ซู้ดดดดด :m14:
นาทีนี้มีแต่คำว่าสะใจคะ มาช้าเกินไปแล้วนะคะอ้อยฝันเค้าเห็นทาง
สว่างแล้วคะ ปล่อยๆเค้าไปนะคะ อิอิ

เลิศเอาไปแปดดาวเลยนะคะ เต็มแปดนั่นแหละคะ555
+1 จัดให้คะ   o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-09-2009 18:06:39
 :m1: อร้ายยยยยยยยยยยยยยย ความรักลอยวนรอบตัวสองหนุ่มอย่างชัดเจนที่สุด
กรี๊ดค่ะกรี๊ด กรี๊ดมากๆ ถึงมากที่สุด
รักของฝันกับใหญ่เป็นความรักฉบับซึมลึกใช่มั้ยนี่
ค่อยๆซอกซอนลงไปกลางใจทีละเล็กทีละน้อยจนมันล้นออกมา ให้ทั้งสองคนได้รับรู้ความในใจของกันและกัน
ตกลงนี่บอกรักกันแล้วใช่มิ  :-[
>> “ใครว่าของคนอื่น...ของคนรักต่างหากล่ะ”
>>  “กลิ่นมึงหอมชื่นใจ”
ฝันก็กล้าพูดเนอะ พอรู้แบบนี้แล้วน้ำเน่าจริงๆ้ด้วยอ้ะ เน่าสนิทที่สุดเลย
แต่จะว่าไปแล้ว คนเริ่มก่อนก็คือใหญ่นี่นะ
>> “อืม.ถึงแล้วนะ ปลอดภัยดีครบ31”

ตอนนี้ความรักของสองคนคงชัดเจนจริงๆ
ขนาดเกี๊ยงยังมองออก >> “ก็ความรักของพี่กับเฮียซิ......”
ต่อจากนี้ไป คงมีจดหมายกับโทรศัพท์เป็นพยานรักสินะ
ลุ้นจริงๆว่าชีวิตรักของฝันกับใหญ่จะไปต่อยังไง

บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 23-09-2009 18:34:01
 :o8: ชัดเจนมากๆด้วยล่ะตอนนี้ หุหุ

น่าประทับใจแบบไม่เศร้าแล้วล่ะคับ

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเอมใจจริงๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: zingiber ที่ 23-09-2009 19:15:26
กรี๊ดดดดๆๆๆๆๆ ชัดเจนนนนนน

พอเปิดใจกันปุ๊บก็หวานปั๊บเลยนะเนี่ย อิอิ

โอ๊ยยยย อ่านตอนนี้แล้วเบาหวานขึ้น นั่งเขิลอยู่คนเดียวว :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 23-09-2009 21:46:58
ชอบมากเลยครับ

ผมอ่านแล้วเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งเลย...  เขินจนเอาผ้าคลุมโปง  :)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 23-09-2009 23:31:48
 o13 :-[ :o8:

เป็นแฟนกันแล้ว
ดีใจจจังงง  หวานได้อีกนะ 555

ต่อเร็วๆนะค๊า!!!~~~
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 24-09-2009 01:18:57
กรี๊ด น่ารักมาก ชันเจน แจ่มแจ้งแดงแจ๋แล้วล่ะ  คนรัก ฮิ้ว  ชอบๆ รักของทั้งคู่ที่ค่อยๆซึมลึก และวันนี้ก็ชัดเจนแล้ว  ส่วนซากอ้อย  แอร๊ย นี่ยังดีนะเนี่ยที่ฝันมันพูดปฎิเสธแบบ ซอฟท์ๆ กร๊าก คิดว่าฝันจะแคร์ชีล่ะสิ กร๊ากก ที่มาทำเป็นพูดว่า เข้าใจว่าฝันเป็นเพื่อนสนิทให้อยากให้ฝันบอกว่า กับใหญ่แค่เพื่อนกะเธอคือคนพิเศษรึไง น้องเกี๊ยงน่ารัก งั้นรอพี่หนุ่ยไปช่วยคลายเหงานะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 24-09-2009 02:23:12
หวาน เวียนวน สับสน จนใจ ...
ไม่มีไรจะพูดเกี๊ยงได้ใจมากลูก
นิว(วันวานยังอยู่ในสายตา แม้วันหน้าจะหากันไม่เจอ...)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-09-2009 11:04:07
ชัดเจนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว โอ๊ย....จะหวานกันก็นะ
แล้วเมื่อไรจะได้เจอกัน ฝัน เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าบินไปหาเลย  :m4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 24-09-2009 17:31:13
ถึงตอนที่คุยโทรศัพท์เเล้วเอาผ้าห่มคลุม

ทั้งฮา ทั้งเขิน



ขอให้ตอนจบมันเศร้าเลยนะ

ทรมานใจคนอ่านเหลื๊อเกินนน :o12:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 26-09-2009 14:30:56
 o13ให้ได้อย่างนี้ซี่ เจ้าฝัน
แต่ระยะทางยังเป็นอุปสรรคต่อไป
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๑๒๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๑๒๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 28-09-2009 14:09:46
ชอบมากๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒2๒2 จดหมายจากเพื่อนรัก ๒2๒2
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 28-09-2009 17:32:33
เข้ามาลงฉลองโฮสใหม่ :mc4:มาอ่านต่อกันเลยค่ะ
*************
(ตอนที่ ๒๒ )

อีกสองวันต่อมาผมก็ได้จดหมายจากไอ้ใหญ่ครับ แต่จดหมายคงจะสวนกันเพราะมันไม่ได้พูดถึงรูปที่ผมส่งไปเลย

ฝันเอ๊ย...หายเมายัง

ถ้ากูบอกว่าสวัสดีก็คงจะซ้ำซาก  งั้นกูพูดทักทายแบบคนลาวดีกว่า..สบายดี...
เป็นไงมั่งฝัน  พอกลับมาเชียงใหม่เหมือนกูกลับจากการชาร์จแบตมาเลย  มันรู้สึกเหมือนกูมีพลังใจเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า  ต้องขอบใจมึงสำหรับทุกอย่าง (รวมทั้งคำพูดเน่าๆของมึง...แต่กูกลับจำได้ดีแล้วเก็บเอามาขำตอนกำลังเครียดๆ)

 กูรู้สึกเหมือนกูไม่ได้แค่ไปรับปริญญามาอย่างเดียว  ที่กูได้มันมากกว่านั้นคือ....ความทรงจำที่ดี  กูอารมณ์ดีซะจนลูกน้องมันทักว่าเสี่ยไปทำอะไรมาหน้าตาเบิกบาน  กูเลยหลอกมันไปว่ากูไปทำสปามา  แต่มันไม่รู้จักหรอกว่าสปาคือกูไปทำอะไร   แต่สปาของกูไปหาทำที่ไหนก็คงไม่มี....เพราะกูไปทำสปาที่หัวใจมา................ฮิ้ววววววววววววว.....ฮ่าๆๆ
   ตายๆๆ..กูเริ่มน้ำเน่าตามมึงไปติดๆ  วันหลังเราสองคนอยู่ด้วยกันคงไม่ได้เพราะยุงมันจะบินว่อนตามกลิ่นน้ำเน่าของเรา แต่กูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะไอ้ฝัน

    ก่อนกูไปกูก็มีความสุขอย่างหนึ่งที่จะได้เจอมึง เจอเพื่อนๆ  ตื่นเต้นที่จะได้รับปริญญา  แต่ตอนที่เราอยู่ด้วยกันกูมีความสุขยิ่งกว่าอีก  ไม่ว่ามึงจะทำทุกสิ่งทุกอย่างไปเพราะอะไร เพราะเบียร์หลายๆขวดนั่น  เพราะลมของแม่น้ำเจ้าพระยา หรือเพราะปริญญาที่มึงได้รับ  กูก็ขอน้อมรับทุกสิ่งที่มึงทำไว้ด้วยใจ
 กูไม่รู้หรอกว่าอนาคตข้างหน้ามึงกับกูจะเป็นแบบไหน  แต่ที่แน่ๆวันนี้ตอนนี้กูไม่เสียใจเลยที่ได้มีวันดีๆร่วมกับมึง  มึงอ่านแล้วอาจจะงงว่ากูยังไม่หายเมาเบียร์อีกรึไงถึงพร่ำเพ้ออยู่ได้   แต่กูว่าถ้ากูเมาจริงมึงคงเมานานกว่ากูแน่ๆ  พูดมาแต่ละคำทำเอากูใจสั่นเลย...คาดไม่ถึงว่ะ

   ตอนนี้ดึกมากแล้วกูก็เลิกงานนานแล้วด้วย  น้องออมก็เข้านอนไปแล้วหลังจากงอแงอยู่นาน พ่อแม่กูก็เข้านอนไปหมด  ที่นี่มันเงียบมากเลยฝัน มีแค่กูอยู่เพียงคนเดียว.....กูคนเดียวจริงๆ  กูไม่ได้ไปเรียนเหมือนมึง กูไม่ได้มีเพื่อนใหม่เหมือนที่มึงมี  กูไม่ชอบเที่ยวกลางคืนมึงก็รู้   เมื่อก่อนกูเหงาจับใจทำได้ก็แค่เอาจดหมายฉบับเก่าๆของมึงมาอ่านคลายเหงา อ่านซ้ำไปซ้ำมาเพราะมึงไม่ค่อยตอบจดหมายกู  ต่อนี้ไปกูก็คงต้องทำเหมือนเดิมอีก แต่ภายในใจกูมันไม่เหมือนเดิมแล้วฝัน ถึงตอนนี้กูจะยังเหงาแต่กูก็ยังยิ้มได้
 ถ้ากูคิดถึงมึงมากๆแล้วเผลอเขียนจดหมายไปหามึงบ่อยๆมึงอย่าว่ากูนะ
 มึงจะตอบจดหมายกูทุกฉบับหรือเปล่ากูก็ไม่ว่ามึง
มึงจะอ่านจดหมายกูทุกฉบับรึเปล่ากูก็คงไม่รู้
แต่แค่กูได้เขียนไปหามึงกูก็พอใจแล้ว

กูกลับไปย้อนอ่านจดหมายที่กูเขียนตั้งแต่ต้นแล้วแปลกๆว่ะฝัน เอ๊ะหรือว่ากูเมาจริงๆ  หรือว่ากูต้องท่องกลอนท่านสุนทรภู่แบบมึงแล้ว  อายว่ะ....แต่กูไม่แก้แล้วนะ.....เขียนแล้วเขียนเลย จบแค่นี้ดีกว่า

กูไม่รู้กูมาว.....
ใหญ่....หัวใจทำสปา
   อ่านจดหมายใหญ่รวดเดียวแล้วมันหลากหลายอารมณ์บอกไม่ถูกจริงๆครับ อ่านไปก็ยิ้มไป ขำบ้างกับมุกตลกของมัน  แต่พออ่านถึงตอนที่มันบอกว่ามันอยู่คนเดียวแล้วเหงาจับใจ ผมน้ำตาคลอเลย  เหมือนผมรับรู้ถึงใจใหญ่ว่ามันเหงาสุดใจขนาดไหน  ผมเคยได้ยินมาว่า ‘ความรักทำให้เราอ่อนแอ’ ผมก็ยังไม่เข้าใจแต่พอผมมาเจอเรื่องของใหญ่   ผมก็รู้เลยว่าผมหวั่นไหวทุกครั้งกับทุกเรื่องราวของมัน ผมต้องมีน้ำตาหลายครั้งก็เพราะเรื่องของมันผมถึงรู้ว่าผมอ่อนแอลงไปจริงๆ ใหญ่มันอยู่คนเดียวทางนั้นก็คงเหงาน่าดู  แต่ผมก็ดีใจที่จดหมายของผมก็ช่วยให้มันคลายเหงาลงไปได้บ้าง ผมหยิบกระดาษจดหมายมาเขียนถึงมันอีกครั้งทั้งที่เพิ่งจะเขียนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน

ใหญ่...เมาดิบ

กูว่ามึงเมาดิบว่ะ....เขียนหากูหวานๆแล้วแก้เกี้ยวว่าเมา   คิดถึงกูอยากเขียนหากูก็บอกมาตรงๆก็ได้  ไม่ต้องบอกว่าเมาหรอก  ยังไงกูก็ร้ากกก......ฮิ้ววววววววววว เขียนแบบนี้แล้วมึงอย่ามาว่ากูเมาอีกนะ ตอนนี้กูมีสติครบถ้วน รับจดหมายมึงมาแล้วมันคันไม้คันมือ  ต้องรีบเอาจดหมายมาเขียนปลอบใจคนขี้เหงา   มึงอย่าเหงาบ่อยนะเพราะมึงเหงาทางนู้นกูคนทางนี้ก็เหงาด้วย  ถ้ามึงยิ้มได้กูก็ยิ้มไปด้วยกันกับมึง
   กว่าจดหมายฉบับนี้ของกูจะไปถึง มึงก็คงได้จดหมายฉบับก่อนของกูแล้ว  ตอนนี้มึงอาจจะดูรูปไปแล้วยิ้มไปแบบกูก็ได้  นึกๆดูแล้วก็แปลกนะใหญ่ เมื่อก่อนเราถ่ายรูปกันน้อยมากๆ ขนาดว่าไปเที่ยวกันเรายังหารูปที่ถ่ายด้วยกันอย่างยาก    รูปที่กูส่งไปให้มึงมันถึงมีค่าสำหรับกูจริงๆ  กูจะบอกกับมึงว่าวันนั้นมันเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับกูเหมือนกัน  ถ้าอีกหน่อยเราแก่ๆแล้วเราเอารูปพวกนี้มาดูเราคงมีความสุขนะ 
   ส่วนเรื่องจดหมายที่มึงบอกว่าจะเขียนมาหากูบ่อยๆ   กูจะไปว่ามึงได้ยังไง...กูต้องดีใจมากกว่าที่มึงคิดถึงกู การที่เราได้รู้ว่ามีคนคิดถึงเรามันเป็นความรู้สึกที่มีค่านะ  แต่กูอาจจะเขียนไปหามึงน้อยกว่าก็ไม่ใช่ว่ากูไม่คิดถึงนะ เพียงแต่กูอาจบอกมึงไปไม่หมดเท่าที่กูคิดเท่านั้นเอง กูได้แต่หวังว่าความคิดถึงของกูกับของมึงมันจะเป็นอยู่แบบนี้ไปอีกนานๆ  จนเหมือนกับอากาศที่เราต้องหายใจทุกวัน  ใช่...เราจะคิดถึงกันทุกวัน

   วันนี้อยู่ดีๆพี่ฝ้ายพี่สาวกูก็เข้ามาบอกว่าจะแต่งงาน กูก็ยังงงๆอยู่ที่จริงก็รู้มาตั้งนานแล้วว่าเค้ามีแฟน  กูก็เคยเจอตัวแฟนเค้าแล้วด้วย  แต่ก็ไม่คิดว่าอยู่ดีๆจะคิดแต่งงานขึ้นมา กูก็ยังไม่รู้ว่าต่อไปชีวิตกูจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง  แต่ชีวิตเราก็ยังต้องดำเนินต่อไปใช่ไหมใหญ่  ชีวิตคนอื่นรอบๆตัวเราอาจเปลี่ยนไปแต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในที่สุดตัวเราเองก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย  เหมือนที่แม่มึงป่วยแล้วมึงถึงต้องกลับบ้านยังไงล่ะ

ตอนนี้กูก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี  อย่างน้อยพี่กูก็ได้มีคนดูแลเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
วันนี้ขอคุยแค่นี้ก่อนนะใหญ่  อ่านจดหมายกูแล้วนอนหลับฝันดี แล้วไม่เหงานะ

ปล.มึงไปทำสปาหัวใจที่ไหนมา...กูสงสัยว่าเราจะไปทำที่เดียวกัน ...ก็กูก็อารมณ์ดีเหมือนมึงเลย
กูเอง...ฝัน..ของมึง
จดหมายของเราสองคนมันเหมือนความในใจที่เราสื่อถึงกัน  บางทีผมก็รู้สึกว่าการคุยกันต่อหน้าผมยังพูดไม่ได้มากเท่านี้ อาจจะเป็นเพราะเมื่อเราเจอหน้ากันเราถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปกับสิ่งอื่นๆคนอื่นๆรอบกาย  ในขณะที่เมื่อเราอยู่คนเดียวกับกระดาษที่อยู่ตรงหน้าความคิดของเรามุ่งอยู่กับคนที่รับสารจากเราเท่านั้น  ความรู้สึกของเราจึงแสดงออกมาเต็มที่

ไม่กี่วันต่อมาไอ้ใหญ่ก็ตอบจดหมายผมมาอีกก็คงส่งสวนทางกันอีกครั้ง

แหวะ....ไอ้ฝันนายแบบ

กูดูรูปตั้งนานพยายามตั้งใจดูก็ไม่เห็นว่ามึงจะหล่อตรงไหน เห็นก็แต่ไอ้ฝันคนหน้าซีดๆคนเดิมสมัยที่อยู่ปี1 ที่มาอ้อนวอนขอเล็คเชอร์กูไปซีร็อกซ์  ที่เห็นชัดๆก็แค่รอยตีนกาเล็กๆบนหน้ามึงที่มันเพิ่มขึ้นมา  ยังดีนะที่มีแค่รอยตีนกาไม่มีตีนกู ฮ่าๆ ล้อเล่น...อย่าโกรธกันนะ 
ฝากบอกน้องเกี๊ยงด้วยว่าเฮียใหญ่ชอบรูปมาก ถ้าไปกทม.เมื่อไหร่จะตกรางวัลให้อย่างงาม  แต่แนะนำน้องให้ไปสมัครเป็นช่างภาพให้หนังสือกอสซิปดาราท่าจะดี กูว่ามันมีแวว  แต่ถ้ามันไปเที่ยวถ่ายใครทุกชอทแบบนี้มันก็มีแววเหมือนกัน..มีแววโดนทุบ...รูปที่มันถ่ายมานี่กูว่ามันรูปส่วนตัวกูมากๆเลยนะ  แต่รวมๆกูก็ชอบรูปที่น้องถ่ายโดยเฉพาะรูปที่มึงมองหน้ากูตอนที่กูมาถึงใหม่ๆกูดูแล้วรู้สึกดีว่ะ  มันทำให้กูรู้ว่ามึงดีใจที่ได้เจอกูอีกครั้ง 

มึงจะเชื่อมั้ยถ้ากูบอกว่ากูดูรูปไปสามรอบแล้วนะรอบแรกดูคนเดียว รอบที่สองเปิดให้ที่บ้านดู รอบที่สามกูมาดูคนเดียวอีกครั้งดูไปก็ยิ้มไป  ถ้ากูได้นั่งดูกับมึงคงสนุกดี ทีแรกกูลืมเรื่องเพลง ‘ ชัดเจน’  ที่มึงบอกมา  แต่พอเอาจดหมายมึงมาอ่านอีกรอบก็มานึกได้เลยไปหาโหลดมาฟัง ฟังไปก็ดูรูปไปด้วย  เพลงเพราะ...ถ้ามึงได้มาร้องให้กูฟังจริงๆกูคงปลื้ม แต่แค่ได้ฟังกูก็ปลื้มจะแย่แล้วว่ะ ขอบคุณสำหรับเพลงที่แนะนำมาให้กูฟัง

 แต่ก่อนกูก็ไม่รู้ว่ากูมีสายตาแบบนี้ให้มึงกูรู้แค่ใจตัวเอง  แต่รูปมันทำให้กูรู้ตัว  ทำไปได้นะกู
แค่นี้นะ...เขียนๆไปแล้วไม่ไหวมันอิน ไม่อยากเพ้อไปมากกว่านี้
ไปละ

ปล.ฝากแสดงความยินดีกับพี่ฝ้ายด้วย...ยินดีกับความรักที่สมหวังของพี่ฝ้าย
ใหญ่.....เพิ่งชัดเจน
 ผมกับใหญ่ไม่ได้โทรหากันอีก  แต่ยังคงส่งจดหมายคุยกันอย่างสม่ำเสมอ  บางครั้งเราก็หวานใส่กัน บางฉบับเราก็คุยเฮฮากันตามปกติแล้วแต่อารมณ์ของแต่ละคนในตอนที่เขียนจดหมาย
 ช่วงนี้ผมเริ่มมีสอบทำให้ต้องแบ่งเวลาไปอ่านหนังสือ  และเพราะพี่สาวผมกำลังจะแต่งงานเรื่องบางเรื่องผมในฐานะน้องชายคนเดียวก็เลยต้องเสนอตัวไปช่วยบ้าง    พี่สาวผมต้องย้ายออกจากบ้านไปอยู่บ้านแฟน  ก็จะเหลือผมกับแม่เพียงสองคนที่อยู่บ้านนี้  อย่างแรกที่ผมต้องทำก็คือผมคงต้องให้เวลากับแม่มากขึ้นกว่าเดิม เรื่องเที่ยวก็คงต้องเพลาๆลงไปบ้าง  แต่ไอ้หนุ่ยมันก็ชอบมาชวนผมออกท่องราตรีเสมอๆ

“เป็นไงวะมึง...หมู่นี้ดูอารมณ์ดีจริงนะ  มีอะไรดีๆรึเปล่า” ไอ้หนุ่ยมันช่างสังเกตครับ  แต่ผมก็ว่าผมอารมณ์ดีอยู่แล้วนะ  วันนี้พี่สาวผมยังอยู่บ้านเลยต้องรีบออกเที่ยวก่อนครับ
“เปล๊า...ก็พี่กูจะแต่งงานมั๊ง  เค้ามีความสุขกูก็เลยพลอยแฮปปี้ไปด้วย” ไอ้หนุ่ยเองก็ดูอารมณ์ดีเหมือนเคย แต่พอพูดเรื่องแต่งงานมันกลับทำหน้าแหยงๆ
“กูไม่เข้าใจ....ทำไมผู้หญิงอยากแต่งงาน”
ไอ้หนุ่ยทำท่ากอดอกแล้วขนลุก “แค่คิดก็บรื๋อ....แล้ว” ผมเห็นท่าทางมันแล้วก็ขำ หรือว่าเพลย์บอยทุกคนต้องกลัวการแต่งงาน

“มึงไม่อยากแต่งงานเหรอ  แล้วกับน้องส้ม..มึงก็ไม่อยากแต่งเหรอ” ไอ้หนุ่ยมันอายุมากกว่าผมหลายปี  การงานก็ค่อนข้างมั่นคง บ้านก็มีแล้ว ถ้าพูดถึงความพร้อมที่จะมีครอบครัว ผมว่ามันพร้อมมากที่สุดแล้ว ยกเว้นก็แต่ตัวของมันเองที่จะแต่งหรือไม่แต่ง
ไอ้หนุ่ยทำหน้าย่น “กูยังไม่อยากแต่ง....แต่ถ้าแต่งหมายถึงมีอะไรกันกับแฟนได้ทุกวัน...กูก็คงเรียกได้ว่าแต่งไปแล้วมั๊ง...ฮ่าๆๆ”
“มึงมันหื่น...พูดออกมาได้  สงสารผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนมึงจริงๆ” แววตาของไอ้หนุ่ยกรุ้มกริ่มขึ้นมาทันทีพอพูดถึงผู้หญิง “มึงก็พูดไป...กูจุ๊กจิ๊กกับแฟนมันผิดตรงไหน  อีกอย่างกูไม่ได้ไปพรากผู้เยาว์ใครนะ  โตๆกันแล้ว”

“ก็แล้วทำไมมึงไม่อยากแต่ง  กูว่าแฟนมึงเค้าก็ต้องคิดอยากจะแต่งนะ”
 ไอ้หนุ่ยยักไหล่ “กูก็ไม่รู้ว่าเค้าอยากแต่งกับกูมั้ย  โลกส่วนตัวกูยังมีเยอะ  ถ้าแต่งเมื่อไหร่กูก็ต้องมั่นใจว่ากูพร้อมที่จะแบ่งส่วนหนึ่งในชีวิตกูให้กับเค้าให้กับลูก” ไอ้หนุ่ยมันก็คิดมากกว่าที่ผมคิดนะครับ ผมถึงชอบคุยกับมัน “หมายความว่ามึงยังไม่เจอคนๆนั้นที่มึงพร้อมจะเสียสละ...งั้นซิ”
ไอ้หนุ่ยกอดอกครุ่นคิด “อืม...ก็อาจใช่  กับส้มกูก็ชอบนะอยู่ด้วยก็มีความสุข คุยกันได้ทุกเรื่อง เข้ากันได้ดีทุกอย่าง นิสัย เซ็กส์   แต่ถ้าถามกูตอนนี้ว่ากูอยากแต่งงานรึยัง ตอบได้ทันทีว่ายังไม่คิด  แต่อนาคตไม่แน่”
“ถ้างั้นมึงก็อย่าไปให้ความหวังเค้านะ  กูสงสารผู้หญิง”พอผมพูดจบไอ้หนุ่ยมันหัวเราะเสียงดัง
 “มึงพูดเหมือนมึงเข้าใจผู้หญิง  มึงไม่รู้อะไรเดี๋ยวนี้...ผู้หญิงเค้าก็สมัยใหม่พอนะ  กูเดาว่าส้มเองก็ยังไม่คิดจะแต่งงานกับกูหรอก”
ผมได้แต่ส่ายหน้า เรื่องนี้ผมก็มีความคิดของผมที่ต่างออกไป “มึงไม่รู้อะไร ผู้หญิงปากกับใจไม่ตรงกันหรอก  ใครเค้าจะบอกกับมึงตรงๆ  ผู้หญิงที่มาคบกับมึงนี่มันไม่มีอนาคตจริงๆ”

“หึหึ...อาจจะจริงของมึง   แต่กูก็คิดแบบนี้ เป็นแบบนี้ เวลาคบกับใครกูก็พูดตรงๆไม่เคยหลอกลวง   ถ้าคบกันแล้วสบายใจก็คบต่อไป  ถ้าเค้าจะไม่มีอนาคตยาวๆกับกู เค้าก็ต้องรู้วันนี้เลย....ว่ามันไม่แน่  จะได้ไม่มาโทษกูทีหลังว่ากูพูดไม่จริง”

ไอ้หนุ่ยพูดเรื่องของมันก็จริงแต่ผมกลับวกมาคิดเรื่องของตัวเองขึ้นมาทันที เหมือนเรื่องที่ไอ้หนุ่ยพูดมันมาจี้ตรงจุดลึกๆในใจผม  ถ้าไอ้ใหญ่มันเป็นผู้หญิง ถ้ามันอยู่ที่นี่ ถ้ามันไม่ใช่ลูกคนโต ถ้าเล็กน้องสาวมันไม่ตาย ถ้าๆๆๆ.....เงื่อนไขร้อยแปดระหว่างผมกับมันเปลี่ยนไป อนาคตของผมกับมันคงมองเห็นได้ชัดเจนกว่านี้   ผมเผลอถอนหายใจ พูดขึ้นมาอย่างลอยๆไม่ได้หวังว่าจะให้ไอ้หนุ่ยตอบ
 “แล้วถ้าคบกันโดยรู้ว่ามันยังมองไม่เห็นอนาคต  เราจะคบกันไปเพื่ออะไรวะหนุ่ย”
**************************************
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ  :bye2:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒2๒2 จดหมายจากเพื่อนรัก ๒2๒2
เริ่มหัวข้อโดย: zingiber ที่ 28-09-2009 18:30:02
ฝากบอกฝันกะใหญ่ด้วยนะว่าให้เก็บจดหมายให้ดีๆ

เพราะว่า.......................เด๋วมดมันจะขึ้น ฮิ้ววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒2๒2 จดหมายจากเพื่อนรัก ๒2๒2
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 28-09-2009 19:59:10
จดหมายฉบับล่าสุดคงไม่ได้สวนทางกันมั้ง
เพราะใหญ่ยังฝากความยินดีให้กับพี่ฝ้าย แสดงว่าใหญ่ก็ต้องได้รับจดหมายฉบับที่ฝันตอบไปครั้งหลังสุดแล้วหละ
แต่คำรำพึงรำพันของฝันตอนท้ายนี่ไม่ค่อยดีเลยนะ
>>  “แล้วถ้าคบกันโดยรู้ว่ามันยังมองไม่เห็นอนาคต  เราจะคบกันไปเพื่ออะไรวะหนุ่ย”
ขอให้คำตอบมันไม่ทำให้ใจหดหู่นะฝัน
บวก 1 แต้ม ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ ณ โฮสต์ใหม่ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒2๒2 จดหมายจากเพื่อนรัก ๒2๒2
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 28-09-2009 21:55:28
หวานนนนนน

แต่ประโยคสุดท้ายชวนเศร้าได้อีก  TT

สู้ๆนะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒2๒2 จดหมายจากเพื่อนรัก ๒2๒2
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 29-09-2009 00:31:11
คนเรา..เวลามีค.รักเนี่ย ไม่ต้องพูดแค่มองสีหน้าตาก็ดูออกแล้ว
เอิ่ม...แต่อิมุก  ทำ สปา...หัวใจ ฮิ้วววววววววว เนี่ย  :m20:อยากได้อิซูลินม๊ากมาก
นุ้งใหญ่อิป้าน่ารักกกกกกกกกโดนค.รักโจมตีเข้าไป เหอะๆถึงกับเพ้อเลยรึคะเนี่ย
ตอนนี้เวลาเหงาก็จะเขียนระบายแล้วเน้ ไม่เก็บไว้คนเดียวแล้ว น่ารักกกกกกกกก

ส่วนเจ้าฝัน ค.รักมันก็ดีทั้งนั้นล่ะอย่าคิดมาก เจ้าฝัน ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง
ทำค.รักของตัวเองให้มีคุณค่าในทุกๆวัน อะไรๆก็ไม่ต้องกัวแล้วล่ะ
รีบๆทำนะเฟ้ย

+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒2๒2 จดหมายจากเพื่อนรัก ๒2๒2
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 29-09-2009 00:43:45
กลัวจบเศร้าจัง
+1  o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒2๒2 จดหมายจากเพื่อนรัก ๒2๒2
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 29-09-2009 08:25:20
หวานซะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒2๒2 จดหมายจากเพื่อนรัก ๒2๒2
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 29-09-2009 11:43:17
ก็เพื่อรอยยิ้มในวันนี้นะเซ่

แอร๊ยยย คำถามส่อแววรันทด เศร้าๆ ไม่เอานะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒2๒2 จดหมายจากเพื่อนรัก ๒2๒2
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 30-09-2009 00:39:27
ใหญ่ เริ่มน้ำเน่าตามฝันแระ 

น่ารักจริงๆๆ หว๊านนนนนนน หวาน 

ชอบๆๆ  :-[

แต่ประโยคสุดท้ายนี่   :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒2๒2 จดหมายจากเพื่อนรัก ๒2๒2
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 30-09-2009 08:02:47
อ่านสองฉบับหลังแล้วมีความสุขกับฝันกะใหญ่

ในที่สุดก็เผยความในใจกับสายตาที่ส่งให้กัน

แล้วอุปสรรคที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าของทั้งสอง จะฝ่าไปได้ยังไง  :เฮ้อ:

รอจดหมายฉบับต่อไป  +1 ให้เป็นการขอบคุณ

ปล. จะสงสารอ้อยดีไหมน้า
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๓๒๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๓๒๓
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 30-09-2009 18:38:25
(ตอนที่๒๓)

 “แล้วถ้าคบกันโดยรู้ว่ามันยังมองไม่เห็นอนาคต  เราจะคบกันไปเพื่ออะไรวะหนุ่ย”

ไอ้หนุ่ยดื่มเหล้าเข้าไปอีกแก้ว มันเหลือบมามองหน้าผมแล้วเงียบไปพักใหญ่ “เพราะว่าชีวิตเรา...มันมีอะไรมากกว่าจุดหมายมั๊ง”
ผมฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ได้แต่ขมวดคิ้ว หรือว่าผมดื่มมากเกินไปแล้ว “กูไม่เข้าใจ... Please clarify me ?”

เสียงไอ้หนุ่ยหัวเราะในลำคอ “เสล่อพูดภาษาอังกฤษนะมึง ....ภาษาไทยยังฟังไม่เข้าใจ ทำเป็นพูดต่างด้าว ฮ่าๆๆ”
ผมยิ้มรับคำเหน็บของมันแต่ก็ตอบไปว่า “เออน่า..อธิบายมา..กูโง่...กูเมา”
“ก็ถ้าเรามัวแต่มุ่งเดินไปที่จุดหมายอย่างเดียว   โดยไม่สนใจว่าข้างทางมันจะมีสวนดอกไม้ให้เราได้ชื่นชมหรือไม่  มึงไม่คิดว่าชีวิตเราพลาดโอกาสที่เราจะได้เก็บเกี่ยวความสุขที่มันควรจะได้เหรอ” 
ฟังมันพูดแล้วก็ยังไม่กระจ่าง  ผมต้องร้องขอให้มันแปลให้ฟังเพิ่ม “อธิบายเพิ่ม..ยกตัวอย่าง..อีกนิด” 

“เอางี้กูสมมุตินะ  จุดหมายของคนทั่วๆไปคือการแต่งงานมีความสุขกับครอบครัว หรือไม่ก็เป็นเศรษฐีร่ำรวย  มีชื่อเสียง หรือเป็นนายก  แต่ปัจจุบันมึงดูแล้วหนทางข้างหน้ายังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้  ถ้าเป็นมึงจะทำยังไง?”
พอมันพูดจบเจอคำถามของมันเข้าไป ผมรู้สึกว่า “มึงถามอะไรกูวะ กูคิดไม่ทัน  หลายอย่างเหลือเกิน กูว่าตัวอย่างมึงมากไป” พูดจบเราก็หัวเราะด้วยกัน ก็เมาทั้งคู่นี่ครับแล้วดันมาคุยเรื่องจริงๆจังๆขนาดนี้ ยังดีที่อ้อยไม่มา ถ้ามาผมคงคุยกันแบบผู้ชายได้ไม่ตรงๆเท่านี้

“งั้นสมมุติว่ามึงไม่รักผู้หญิงคนที่มึงคบเท่าไหร่  คือมึงไม่แน่ใจว่ามึงจะแต่งงานกับเค้ามั้ย  มึงจะคบเค้ามั้ย”
 คำถามนี้ผมตอบได้ทันที“กูคงไม่คบ”
 ไอ้หนุ่ยถามกลับทันที “ทำไม....อ้าวงั้นกูเปลี่ยนคำถามอีกรอบ  ถ้ามึงรักแต่มึงไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามึงจะได้แต่งงานกับเค้ามั้ย  มึงจะคบหรือเปล่า”
คำถามนี้ผมก็ถามตัวเองมาตลอดแต่ไม่เคยกล้าตอบตัวเองซักที  ไอ้หนุ่ยเห็นผมนิ่งไปมันเลยพูดว่า “มึงลังเล”
ผมพยักหน้า “มึงไม่แน่ใจ...ใช่มั้ย  ทำไม?” มันถามผมอีกครั้ง แต่มันตอบยากจริงๆครับแค่คำว่าทำไมนี่ล่ะ

“กูตอบมึงได้ว่ากูไม่แน่ใจ  แต่ทำไมนี่..มันพูดยากว่ะ” ไอ้หนุ่ยพยักหน้า “งั้นกูตอบแทนมึงเอง  กูรู้ว่ามึงกลัวความเสียใจ ความผิดหวังในอนาคตน่ะซิ  อีกอย่างคือ...มึงมันดีเกินไปกลัวเค้าจะเสียใจด้วยแหงๆ”  คำพูดของไอ้หนุ่ยมันเหมือนหมอที่กำลังรักษาผมอยู่  หมอยังคงพูดต่อไปแต่ตาของหมอก็มองผมอยู่ตลอดเวลา แต่ตาของหมอเริ่มเยิ้มเพราะปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดเพิ่มเข้าไปทุกทีแล้ว

 “กูอยากจะบอกกับมึงแค่ว่า  เกิดมาเป็นคนมันมีชีวิตเดียวนะ ไอ้โลกหน้ามีจริงหรือไม่มีใครจะรู้  ถ้าพรุ่งนี้อยู่ดีๆไปหาหมอฟัน หมอทำฟันให้มึงไม่ดีติดเชื้อเข้าเส้นกระแสเลือดมึงกลับมาป่วยอยู่ 2วัน แล้วตายไป” ฟังมันยกตัวอย่างแล้วก็ขำครับแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆผมคงขำไม่ออก   
“มึงตายโดยที่ตัวมึงยังไม่รู้สาเหตุของการตายเลย กูถามมึงอีกทีมึงจะเสียดายไอ้ชีวิตที่กลัวๆกล้าๆของมึงมั้ย  ทำเห้..อะไรก็ไม่ทำ  ตายไปยังตายแบบโคตรซวยอีก” ไอ้หนุ่ยหัวเราะเหมือนเยาะเย้ยโลก
แต่ผมน่ะหัวเราะท่าทางมันมากกว่า“มึงชอบแช่งกู...แต่มึงพูดต่อกูกำลังสนุก”

 สาระในชีวิตบางทีมันก็อยู่แถวๆวงเหล้านี่ล่ะครับ ไอ้หนุ่ยมันทำเป็นขำแล้วเสไปดื่มอีกแก้ว  ผมมองดูเหล้าหมดไปเกือบขวดแล้ว  แต่ไอ้หนุ่ยก็ยังพูดไม่จบ
“กูบอกมึงตรงนี้เลยนะ ถ้ามันไม่ผิดศีลธรรม ไม่ไปคดไปโกงใครเค้า มึงสุขมึงก็สุขเอง มึงทุกข์มึงก็ทุกข์เอง เพราะงั้นอะไรที่มีความสุขมึงทำไป อนาคตจะเป็นอย่างที่ใครๆหรือมึงหวังไว้รึเปล่าก็ช่างอนาคต เอิกซ์ซซซซ.....วันนี้เราต้องมีความสุขให้มากที่สุด...หมดแก้วเว้ย”
 ผมว่าหมอหนุ่ยของผมมันเมาได้ที่แล้วครับ  มาชวนผมหมดแก้วผมก็ไม่รังเกียจครับ

“แล้วถ้ารู้ว่าอนาคตมันจะเป็นอนางอล่ะ  มึงจะสุขได้อยู่อีกเหรอวะ” ผมก็คิดต่อไปได้อีก
แต่ไอ้หนุ่ยถึงเมามันก็ยังไม่ยอมแพ้  “มึงก็วกกลับมาจุดเดิม  ก็คำว่าอนาคตความหมายมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันคือวันข้างหน้า.... future น่ะ มึงรู้จักม้าย มันยังมาไม่ถึง  วันนี้ตอนนี้มึงจะไปคิดถึงทำไม เอิกซ์ซซซ..กูว่ากูเมาแล้วว่ะ  มึงหายสงสัยซักทีได้รึยัง”
“งั้นกูขอถามอีกข้อหนึ่ง....มึงว่ามันจะยุติธรรมเหรอถ้าเราจะคิดถึงความสุขของเราคนเดียว  มึงอย่าลืมนะเว้ย  เรื่องบางเรื่องมันต้องมีคู่กรณี  เรามีความสุขแต่เค้ามีความทุกข์กูว่ามันไม่ถูกนะ”

“มึงนี่ช่างเจ้าปัญหาจริงๆ  ก็กูบอกแล้วไงว่าอย่าให้ใครเดือดร้อน ถ้าอีกฝ่ายเค้าเริ่มทุกข์มึงจะสุขได้เหรอ”พูดไปแล้วเวียนหัวครับไม่รู้ว่าคนเมาคุยกันหรือเรื่องที่คุยมันเป็นเรื่องที่น่าเมาก็ไม่รู้ 
“แต่มึงจำเอาไว้อย่างนะ มนุษย์ทุกคนมันเห็นแก่ตัว   ถ้าทุกข์มากๆมันไม่มีใครทนไปได้ตลอดหรอก  แต่ถ้าเค้ายังทนได้อยู่แสดงว่าเค้ายังมีความสุขหรือมีความหวังอยู่บ้าง”

คืนนั้นผมให้ข้อสรุปอะไรกับตัวเองไม่ได้เพราะไอ้หนุ่ยมันพูดเยอะจนผมงง แต่ผมสรุปได้อย่างเดียวว่าแอลกอฮอล์ไม่ได้ทำให้สติสัมปชัญญะของไอ้หนุ่ยเปลี่ยนไป  มันยังเป็นพี่ชายที่ถึงแม้จะดูเป็นคนขี้เล่นไม่เอาจริงเอาจังกับอะไร  แต่มันเป็นก็เป็นที่ปรึกษาของผมได้ดี  แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่เคยเล่าเรื่องไอ้ใหญ่กับผมให้มันฟังซักที ได้แต่คิดว่าถ้าผมจะต้องคุยกับมันเรื่องนี้จริงๆคงเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว

   จากวันที่ผมคุยกับอ้อยทางโทรศัพท์  อ้อยก็ดูเหมือนพยายามจะหลบหน้าผม  ทีแรกผมก็ไม่ทันได้สังเกตแต่ด้วยความที่ทำงานด้วยกันเรียนด้วยกัน พอผ่านไปอาทิตย์หนึ่งผมก็เริ่มรู้ตัว กลางวันอ้อยก็ไม่ไปทานข้าวกับผม ตอนไปเรียนอ้อยก็พยายามนั่งห่างจากผม เวลาที่เราทำรายงานกลุ่มร่วมกันอ้อยก็พูดแต่กับคนอื่นแล้วหลีกเลี่ยงที่จะพูดกับผม  ไม่ได้มีผมคนเดียวที่รู้สึกแต่เพื่อนที่เรียนด้วยกันก็คงเห็นแล้วมาถามผม “ฝัน..คุณกับอ้อยทะเลาะอะไรกันเหรอ” พี่ธีที่เรียนด้วยกันถามผมในฐานะที่แกเป็นผู้ใหญ่กว่า
 ผมก็ได้แต่บอกแกไปตรงๆ “ไม่นะพี่  ผมก็ไม่รู้ว่าอ้อยเป็นอะไรไป แต่ผมรับรองว่าไม่ได้โกรธอะไรกันแน่ๆ”
พี่ธียิ้มแล้วสอนผมว่า “คนรักกันก็แบบนี้ มีงอนกันบ้างเราเป็นผู้ชายก็ง้อๆแฟนหน่อยเดี๋ยวเค้าก็หายงอนเอง”

ผมตกใจถึงกับร้องลั่นขึ้นมา “ไม่ใช่แล้วพี่ธี พี่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้เป็นแฟนกับอ้อย เราเป็นแค่เพื่อนกัน แล้วเรื่องงอนอะไรนั่นไม่ใช่แล้ว  พี่ไปเอามาจากไหนที่ว่าเป็นแฟน”
พี่ธีขมวดคิ้วทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ “ก็สนิทกันขนาดนั้น เห็นเวลาคุยอะไรกันก็ดูเหมือนแฟน ไม่ใช่เหรอ....อ้าวเค้าก็เข้าใจผิดกันหมดซิ” พี่ธีบอกว่า “พี่ว่าแรกๆเหมือนคุณจีบอ้อยนะ  หรือผมจะดูผิดไป”
ผมเลยต้องรีบอธิบายให้พี่ธีฟังจะได้ไปเป็นกระบอกเสียงให้ผมด้วย “ผมยอมรับพี่ว่าผมเคยจีบอ้อยจริงๆ แต่ตอนหลังนี่ผมไม่คิดแล้ว ผมคิดกับเค้าเป็นแบบเพื่อนจริงๆ  ไม่มีอะไรนอกในใดๆทั้งนั้น”

ผมกับพี่ธีคุยกันอยู่นานเรื่องนี้ พี่ธีเป็นคนที่อายุมากที่สุดในรุ่นเราก็คงช่วยแก้ข่าวให้ผมได้แน่ๆ  ผมค่อนข้างไม่สบายใจที่ทุกคนคิดแบบนั้นเพราะอาจเป็นการตัดโอกาสอ้อยที่จะได้เจอคนดีๆ เพราะเค้าอาจคิดว่าอ้อยมีแฟนอยู่แล้วเลยไม่กล้าเข้ามาจีบ “แปลกนะที่คุณเปลี่ยนใจ  หรือว่าคุณมีแฟนแล้ว”
ผมคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตอบพี่ธีไปตรงๆว่า “ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วครับ”
 พี่ธียังบอกว่า “เหรอ..วันหลังพามาให้รู้จักบ้างซิ”ผมพยักหน้าให้พี่ธี “ครับถ้ามีโอกาสผมจะแนะนำให้รู้จัก” กับเพื่อนๆผมเคลียร์ไปแล้วแต่กับอ้อยเองผมก็คงต้องคุยเหมือนกัน พอเจออ้อยผมเลยขอนัดมาคุย

ใหญ่

ทำไมช่วงนี้ไม่มีจดหมายมึงมาเลย  มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่างานยุ่งมาก หรือน้องออมกวนมึง กูคงจะเดาไม่ถูกถ้ามึงไม่บอกกูมา  มึงอาจจะไม่มีเรื่องอะไรก็ได้แต่กูอาจคิดไปเองใช่มั้ย  กูได้แต่หวังว่าจะเป็นแบบนั้น

ถึงมึงไม่มีเรื่องแต่กูมีเรื่องจะเล่าให้มึงฟังว่ะ  เรื่องนี้เป็นเรื่องของกูแต่ถ้าโดยอ้อมๆมันก็เกี่ยวพันกับมึงอยู่เหมือนกัน กูจะเล่าแล้วนะอาจจะเขียนไม่รู้เรื่องบ้างมึงก็พยายามทำความเข้าใจหน่อยแล้วกัน
วันก่อนกูคุยกับอ้อยเพราะช่วงหลังๆดูเค้าแปลกไป  มึงอย่าๆพึ่งเดาอะไรทั้งสิ้นนะฟังกูก่อน   กูไม่ได้คิดอะไรกับอ้อยแบบเมื่อก่อนแล้วนะ   ถ้ามึงจะถามกูว่าเป็นเพราะมึงใช่มั้ยกูก็ตอบได้อีกว่าไม่ใช่  ถ้ากูจะรักใครซักคนก็เกี่ยวที่ความรู้สึกกูต่อคนๆนั้นมากกว่า  คนอื่นๆไม่เกี่ยวข้องกัน กลับมาเรื่องที่กูคุยกับอ้อยก่อน กูยังไม่อยากออกนอกเรื่องมากไป

 กูถามอ้อยเค้าตรงๆว่าไม่พอใจอะไรกูรึเปล่าถึงทำเหมือนหลบหน้ากู  (เดี๋ยวนี้กูเหมือนไอ้หนุ่ยเข้าไปทุกที  พูดเข้าประเด็นตลอด) เค้าตอบกูว่าเค้าเพิ่งรู้ตัวว่าเค้าชอบกูหลังจากที่เค้าหันไปชอบไอ้หนุ่ยมาพักหนึ่ง  กูเองก็อึ้งไปเหมือนกันนะ  (แต่ทีแรกก็แอบหลงตัวเองดีใจไปเหมือนกัน)  แต่เค้าเริ่มรู้สึกว่าความรู้สึกของกูที่มีต่อเค้าไม่เหมือนเดิม  ซึ่งเค้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร กูก็เลยถามเค้าว่าเค้าโกรธกูที่เปลี่ยนไปหรือไง แต่เค้าบอกกูว่า ไม่ใช่อย่างนั้นแต่เค้าขอใช้เวลาสำรวจตัวเองว่าตอนนี้จิตใจเค้าเป็นยังไงกันแน่ แล้วก็เค้าจะคิดอีกทีว่าเค้าจะคบกับกูในฐานะอะไรยังไงดี

มึงอาจคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องของมึง กูมาเสียเวลามาพล่ามให้มึงฟังทำไม  แต่ที่กูตัดสินใจบอกมึงก็เพื่อที่จะเคลียร์ความรู้สึกของมึงเรื่องอ้อยกับกู   กูยอมรับว่ายังไงกูก็คงจะคบกับอ้อยต่อไป ถึงแม้เค้าจะตัดกูออกจากความเป็นเพื่อนเพราะเรื่องที่กูไม่ได้ชอบเค้าแบบนั้นแล้วก็ตาม กูรู้ว่ามึงคงเข้าใจกู.....

กูยังมีเรื่องมากมายที่อยากคุยกับมึง  เขียนมาหากูนะ มีเรื่องอะไรก็เล่าให้กูได้รู้บ้าง กูขอใช้สิทธิของความคิดถึงและความเป็นห่วงมึง  ให้มึงเล่ามาให้กูฟัง

ฝัน...โดยสิทธิของความคิดถึง

ผมว่าไอ้ใหญ่มันคงเชื่อคนง่ายหรือไม่มันก็พร้อมที่จะเล่าเรื่องให้ผมฟังแล้ว  มันถึงตอบจดหมายผมมา

ฝัน...คนดี
กูได้รับจดหมายมึงมาหลายฉบับแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกทีที่ได้เปิดอ่าน  จดหมายของมึงกลายมาเป็นความสุขใจเล็กๆของกูตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้   กูว่ามันสุขจนกลายเป็นความเคยชินของกูไปแล้วจนกูกลัว....กลัวว่าถ้าวันนึงมันไม่มีแล้วหายไปกูจะไหวมั้ย

วันนี้แม่กูเข้าโรงบาลอีกครั้งช่วงก่อนแม่เริ่มอาการไม่ดีอีก  ผลของการทำบอลลูนไม่ช่วยอะไรได้มากเพราะเส้นเลือดแม่อุดตันหลายเส้น  ตอนนี้เส้นอื่นที่ไม่ได้ทำมันกลับมาตันเพิ่มอีก  ช่วงก่อนที่กูหายไปเพราะวุ่นๆเรื่องหาข้อมูลผ่าตัด หมอบอกว่าแม่คงต้องทำบายพาส มึงอาจไม่รู้จักมันก็คือการผ่าตัดเปลี่ยนเส้นเลือดหัวใจใหม่หรือการทำทางเบี่ยงให้กับเส้นเลือดหัวใจ  ก็เหมือนทำถนนเบี่ยงเส้นใหม่ให้เลือดเดินได้สะดวกๆยังไงล่ะ  กูกลัวว่ะฝัน ที่ต้องผ่าตัด..หัวใจนะมึงไม่ใช่ขาใช่แขน....แม่ก็เป็นเบาหวานด้วย อายุก็มากแล้วเดิมร่างกายก็ไม่แข็งแรงอะไร   กูกลัวร่างกายแม่จะรับไม่ไหว 

   น้องออมเองปกติก็ติดยายมาก  พอแม่กูมาป่วยกูเลยต้องดูแลน้องออมแทนต้องเอามานอนห้องกูทุกคืน  บางครั้งกูก็ทำตัวไม่ถูก มึงก็รู้กูไม่เคยเลี้ยงเด็กพอน้องออมงอแงมากๆกูหัวหมุนไปหมด  ความกลัวมันกลับมาอีกครั้งแล้วฝัน กูกลัวว่ากูจะทำทุกอย่างได้ไม่ดีพอสำหรับทุกคน นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่กูไม่อยากเขียนจดหมายหามึงตอนนี้
กูก็คงต้องเผลอระบายความรู้สึกกลุ้มใจให้มึงฟัง  แล้วกูก็รู้นิสัยมึง...มึงก็ต้องมากลุ้มกับกูไปด้วย

ช่วงนี้ถ้ากูไม่ได้ตอบจดหมายมึงไปก็คงเพราะกูยุ่งๆเรื่องพวกนี้แล่ะ มึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ ยังไงกูไม่ลืมมึงหรอก

   ส่วนเรื่องอ้อยที่มึงเล่ามา กูไม่มีความเห็นนะเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของมึงกับอ้อย   ยังไงสำหรับกู...อ้อยก็เป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน   กูจะเข้าใจมึงทุกอย่างไม่ว่ามึงจะตัดสินใจเกี่ยวกับอ้อยยังไงก็ตาม แต่กูก็ดีใจที่มึงเล่าเรื่องของมึงกับอ้อยให้กูฟัง  เพราะแสดงว่ามึงก็แคร์ความรู้สึกกู

วันนี้กูขอจบจดหมายเท่านี้ก่อนนะ....แต่ความรู้สึกของกูกับมึงยังไม่จบหรอก...กูรับรอง
ใหญ่...confirm
*******************************
ขอให้คนอ่านทุกท่านมีความสุขค่ะ :3123:

เดี๋ยวจะไปบอกคนเขียนว่าคนอ่านชอบเศร้าๆจะได้เลิกน้ำเน่าซักที :laugh:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๓๒๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๓๒๓
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 30-09-2009 19:04:27
เย้ย

เอาเศร้ามาทำมายยยยยยยยย T^T  :sad4:

ตอนนี้แบบว่าชอบไอ้พี่หนุ่ยมาก มีสาระ ในความไร้สาระ(อย่างมาก) ตลอด  :z2:
ฝัน ก็ชอบบบ เหมือนบอกความรู้สึกตัวเองไปหน่อยๆ อยากเคลียตัวเอง  :z2:

กะริ๊กกกกกกก

เผ่นนน
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๓๒๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๓๒๓
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 30-09-2009 20:46:23
วันนี้กูขอจบจดหมายเท่านี้ก่อนนะ....แต่ความรู้สึกของกูกับมึงยังไม่จบหรอก...กูรับรอง

ฝากบอกคนแต่งได้ไหมคะว่าอยากได้หวานๆ สัก 2-3 ตอน แต่นอกนั้นโศกไม่เอาน้า
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๓๒๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๓๒๓
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 30-09-2009 21:23:53

เดี๋ยวจะไปบอกคนเขียนว่าคนอ่านชอบเศร้าๆจะได้เลิกน้ำเน่าซักที :laugh:

^
^
อย่าใจร้ายกับใหญ่ ฝัน และคนอ่านนะ พลีสๆๆๆๆๆ  :call:

ชอบแบบนี้หละ >> ฝัน...คนดี
วันนี้กูขอจบจดหมายเท่านี้ก่อนนะ....แต่ความรู้สึกของกูกับมึงยังไม่จบหรอก...กูรับรอง
ใหญ่...confirm

บวกอีก 1 แต้ม ขอบคุณนะคะ ฝากขอบคุณคนเขียนด้วยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๓๒๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๓๒๓
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 30-09-2009 21:46:37
^^
^^
จิ้มน้องสาว คืนนี้หลับฝันดีแน่ ฮิ้ววววว.....

คนแต่งคงไม่ใจร้ายไปกว่านี้มั้ง ให้ สองคนอยู่กับความจริงปนความหวังบ้างก็ยังดี

ไม่ต้องให้โศกไปกว่านี้นะครับ +1 ยังไม่ได้ พึ่ง + ไปเมื่อเช้า เอากำลังใจไปก่อนละกัน
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๓๒๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๓๒๓
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 30-09-2009 22:39:28
กรี๊ดดดดดดดดดดดพ่อคุณทูนหัวของเจ้าใหญ่
คำลงท้ายจดหมาย หวานได้อีก ฝัน...โดยสิทธิของความคิดถึง
ส่วนใหญ่ก็นะ น่ารักมากกกกกก ฝันคนดี   ฮิ้ววววววววว
>>  :o8: :-[ เขินเว้ยยยยยยยยยยยยย

พี่หนุ่ยเนี่ย สุดยอดจริงๆ นี่ขนาดเมานะ ยังพูดและอธิบายแบบมึนๆได้เป็นฉากๆ
เจ้าฝันเนี่ย ได้เก็บกลับมากี่เปอร์เซนต์เนี่ย หมอหนุ่ยเค้าฉีดยาให้ถูกโรคแล้วนะ
จะดื้อยามั๊ย อิอิ


“งั้นกูตอบแทนมึงเอง  กูรู้ว่ามึงกลัวความเสียใจ ความผิดหวังในอนาคตน่ะซิ  อีกอย่างคือ...มึงมันดีเกินไปกลัวเค้าจะเสียใจด้วยแหงๆ”
>> อืม..คนบางคนก็คิดถึงคนอื่น ไม่น้อยกว่าค.รู้สึกตัวเองอ่ะนะ คนดีจริงๆ
“มึงตายโดยที่ตัวมึงยังไม่รู้สาเหตุของการตายเลย กูถามมึงอีกทีมึงจะเสียดายไอ้ชีวิตที่กลัวๆกล้าๆของมึงมั้ย  ทำเห้..อะไรก็ไม่ทำ  ตายไปยังตายแบบโคตรซวยอีก
> เป็นการเร่งปฏิกิริยาให้ฝันตัดสินใจจะทำอะไรก็รีบๆคิด รีบๆทำด้วยชิมิ
ถูกให้คิดว่า...ถ้าปล่อยเวลาไปเรื่อยๆแบบกัวทุกสิ่งแบบนี้ ค.สุขที่เราคิดว่าสุขจริงคงไม่เกิดขึ้นหรอกเนอะ  :กอด1:
“มึงนี่ช่างเจ้าปัญหาจริงๆ  ก็กูบอกแล้วไงว่าอย่าให้ใครเดือดร้อน ถ้าอีกฝ่ายเค้าเริ่มทุกข์มึงจะสุขได้เหรอ”
>> เยี่ยมโคตรๆ

เฮ้ออออ ห่วงอาการแม่นุ้งใหญ่จัง เฮ้ออออออออออ แล้วตอนนี้
ผู้นำครอบครัวแบกภาระทุกอย่างก็อยู่ที่ใหญ่อีก  :เฮ้อ:

+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๓๒๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๓๒๓
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-10-2009 11:22:57
อยู่ไกลกันยังหยอดนิดหยอดหน่อยได้น่ารักตลอดคู่นี้  ฝันปลีกเวลาขึ้นไปหาใหญ่มั้งดิ๊

อ้างถึง
เดี๋ยวจะไปบอกคนเขียนว่าคนอ่านชอบเศร้าๆจะได้เลิกน้ำเน่าซักที
แอร๊ยยยยยย ใครบอกให้คิดแบบนี้ค่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๓๒๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๓๒๓
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 01-10-2009 11:27:11
หยอดมาเถอะ เราไม่หวั่น ชอบๆๆๆ


หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๓๒๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๓๒๓
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 01-10-2009 21:07:10
คำขึ้นต้น จ.ม ใหญ่  จะละลาย  ฝัน..คนดี 

กรี๊ดดดดดดดดดดด :-[


หนุ่ยให้คำปรึกษาได้ดีทีเดียว  เฮ้อออออออออ   :เฮ้อ:  กลุ้มคู่นี้

จะไปในทิศทางไหนเนี่ย  ฝันอย่าทำให้ใหญ่เสียใจ

ฝันไม่ขึ้นไปหา ใหญ่ที่เจียงใหม่เหรอ  ตอนนี้ใหญ่คงต้องการ

คนที่อยู่เคียงข้าง และกำลังใจนะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๔๒๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๔๒๔
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 02-10-2009 19:12:56
รู้สึกเหมือนเรื่องมันยาวๆเนอะ ปาเข้าไปตอนที่ ๒๔ แล้ว ยังดีที่ยังมีคนอ่าน แหะๆ รีกันหน่อยก็ดีค่ะจะได้รู้ว่ายังอยู่ ไม่ทิ้งเรื่องนี้ไปแล้ว  :impress3:
อ่านต่อกันเลยค่ะ :pig4:
**************************
 (ตอนที่ ๒๔ )

อ่านจดหมายเรื่องที่แม่ของใหญ่ต้องเข้าผ่าตัดแล้วผมก็กังวลใจไปกับมัน  ผ่าตัดแบบนี้ไม่เฉพาะเรื่องอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด  แต่ค่ารักษาเองก็ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆอย่างน้อยต้องมีเป็นหลักแสน  ไอ้ใหญ่คงมีเรื่องที่ต้องคิดต้องทำมากมาย ผมต่อโทรศัพท์หามันทันทีที่อ่านจบ เสียงโทรศัพท์ดังไม่นาน แต่ในความรู้สึกผมเหมือนนานจนไม่มีวันที่มันจะรับสาย  แต่ในที่สุดมันก็รับสายผมด้วยเสียงที่ผมไม่ได้ยินมานาน
“ฝันเหรอ....”
“อืม...เป็นไงมั่ง”
 เสียงถอนหายใจของใหญ่ลอดเข้ามาในสาย “ก็..สบายดี”
ไอ้ใหญ่มันพูดน้อยจริงๆครับ แต่ผมก็หลอกตัวเองว่ามันดีใจที่ผมโทรไปหา ถึงแม้ว่าเสียงคุยกับผมมันจะฟังดูเนือยเหลือเกิน “แล้วแม่เป็นไงบ้าง....จะเข้าโรงพยาบาลวันไหน”

“ตอนนี้แม่ก็อยู่โรงพยาบาล นอนรอเตรียมผ่า” น้ำเสียงของมันฟังดูก็รู้ว่ากังวลอย่างชัดเจน
“อืม...มึงอย่างกังวลไปเลย  แม่ก็อยู่โรงพยาบาลใหญ่หมอก็เก่งๆทั้งนั้น เดี๋ยวนี้โรคหัวใจไม่ใช่เรื่องอันตรายมากแล้วนะ มันรักษากันได้”
ผมก็คงทำได้แค่ปลอบใจมันได้เท่านี้  ไอ้ใหญ่เงียบๆไปจนผมไม่รู้ว่ามันยังฟังผมพูดอยู่หรือเปล่า  ผมเลยพูดต่ออย่างที่ใจคิด“มึงอยากให้กูไปหามั้ย..มึงบอกมาคำเดียวกูจะไป”
ผมรอฟังมันตอบอยู่พักใหญ่ กว่ามันจะพูดขึ้นมาอย่างพยายามให้ดูเหมือนร่าเริง “มึงไม่ต้องมาหรอก แค่มึงโทรมาได้ยินเสียงมึงกูก็ดีใจแล้ว กูยังไหวน่า”

แต่เท่าที่ผมรู้สึก ผมว่าเสียงมันก็ยังดูแย่ๆอยู่ดี “มึงแน่ใจเหรอว่ายังไหว  อย่าแค่มาหลอกให้กูวางใจนะ” ไอ้ใหญ่หัวเราะเบาๆ “จริงๆซิ ถ้าไม่ไหวกูบอกมึงแน่  ขอบใจนะฝันที่โทรมา”
“ทำไมต้องขอบใจ  เรื่องของมึงก็เรื่องของกูด้วยมึงลืมไปแล้วเหรอ” ไม่มีคำตอบใดๆจากไอ้ใหญ่อีก วันนี้เหมือนผมจะผูกขาดการสนทนาอยู่เพียงคนเดียว แต่ผมก็ไม่ย่อท้อที่จะชวนมันคุยต่อไป
 “แล้วน้องออมนอนแล้วเหรอ”แปลกที่มันไม่พูดถึงหลานเลย แล้วก็ไม่มีเสียงของเด็กๆด้วย
ไอ้ใหญ่ตอบผมว่า “น้องออมไปค้างบ้านครูเค้า...อยู่ที่บ้านกูดูแลไม่ไหว เพราะบางครั้งกูต้องวิ่งไปวิ่งมาที่โรงพยาบาลด้วย ครูเค้าเลยอาสาช่วยดูไปก่อนจนกว่าแม่จะผ่าตัดเรียบร้อย”  ครูสมัยนี้ที่ใจดีจริงๆก็คงมี ไม่เหมือนครูหลายๆคนที่ออกข่าวมาทางทีวีให้สถาบันครูเสียชื่อไปหมด

 “มึงโชคดีนะมีคนช่วยแบ่งเบาไปเรื่องหนึ่ง แล้วมึงเหนื่อยไหม” ผมพยายามชวนมันคุยให้มันรู้สึกดีขึ้น ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน  ถ้ามันไม่พูดบางทีผมก็ไม่รู้ว่ามันทุกข์ขนาดไหน
เสียงของไอ้ใหญ่ฟังดูเหมือนคนไม่อยากจะพูด  แต่ผมก็อยากให้มันพูดระบายออกมา เพื่อลดความเครียดลงไปบ้าง“กายไม่เหนื่อย มันเป็นที่ใจมากกว่า  แต่กูก็พยายามทำใจ ทำแต่ละวันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ผมอยากจะกอดไอ้ใหญ่อย่างน้อยก็แสดงความรู้สึกห่วงใยของผมที่มีต่อมัน  แต่เราก็อยู่ไกลกันเหลือเกิน ผมคงสื่อไปได้เพียงคำพูด “กูเชื่อว่ามึงทำทุกอย่างดีที่สุดแล้วนะใหญ่  ถ้ากูเคลียร์งานทางนี้ได้กูจะรีบขึ้นไปหามึงทันที” ผมไม่อยากสัญญากับมันว่าผมจะไปเชียงใหม่แต่ผมก็บังคับตัวเองไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องไป

“อืม..ขอบใจนะ..ฝัน  กูต้องวางแล้วล่ะจะไปดูพ่อก่อนว่ากินอะไรรึยัง ไว้ค่อยคุยกันนะ”
ผมยังไม่อยากวางสายแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่จำใจเลิกคุย “โอเค..กูยังไม่อยากวางแต่เพื่อพ่อมึงนะ”
พอผมพูดจบไอ้ใหญ่ก็หัวเราะดังแว่วเข้ามา  แต่ผมก็ยังห่วงมันอยู่ดีเลยต้องย้ำกับมันอีกว่า “มึงดูแลตัวเองด้วยนะไม่ใช่เอาแต่ดูแลคนอื่นจนตัวเองป่วยล่ะ”  
ไอ้ใหญ่ตอบมาทันทีว่า “มึงก็เหมือนกัน...อย่าเอาแต่คิดถึงกูจนป่วยล่ะ”
ผมยิ้มทันทีที่มันพูดจบ  “แสดงว่ามึงยังไหวจริงๆถึงพูดแซวกูแบบนี้ได้ กูดีใจนะ...แต่กูไม่รู้อย่างเดียว”
มันก็คงสงสัยว่าผมหมายถึงอะไรกันแน่ “รู้อะไร”

ผมหัวเราะเบาๆรู้สึกมีความสุขที่ได้คุยแบบนี้กับไอ้ใหญ่ “ไม่รู้ว่า..จะทำยังไงให้หายคิดถึงมึงได้น่ะซิ”
 ผมกลั้นหายใจรอฟังว่ามันจะตอบว่าอะไร ผมกะว่ามันต้องฮาแน่ๆแล้วก็คงบอกว่าผมว่าน้ำเน่าตามเคย
แต่ปรากฏว่า เงียบกริบ...ไม่มีเสียงตอบจากไอ้ใหญ่ จนผมต้องถามหา “อ้าว...วางสายไปไหนแล้ว..โหลๆ”
ไอ้ใหญ่ตอบมาค่อยๆ “กูอยู่..กูแค่ดีใจ”
น้ำเสียงของมันสั่นๆ อ่อนไหวได้อีกไอ้ใหญ่เอ๊ย ทำเอาผมใจแป้ว “มึงรู้มั้ยคำพูด การกระทำของมึง ความรู้สึกของมึงที่มึงส่งให้กูมันทำให้กูเข้มแข็งขึ้น” ผมรู้ว่ามันพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น  แต่ผมก็ยังจับน้ำเสียงของมันได้อยู่ดี แต่ผมไม่อยากให้มันร้องไห้เลยต้องใช้วิธีที่ทำให้มันยิ้มได้จะดีกว่า ผมก็ต้องปรับเสียงให้ร่าเริงเหมือนกัน

“มึงก็คิดว่า ความคิดถึงของกูเป็นวิตามิน กินแล้วดีต่อสุขภาพ  คิดเสียว่าความรักของกูเป็นเครื่องดื่มชูกำลังแล้วกัน มึงดื่มเข้าไปจะได้มีแรง เข้าใจมั้ย”
 เสียงไอ้ใหญ่หัวเราะขึ้นมา แล้วเถียงกลับผมมาว่า “งั้นกูคงรับความรักจากมึงได้ไม่มากหรอก”
“ทำไม...มึงไม่อยากได้ความรักจากกูแล้วเหรอ ไรว้า น้อยใจแล้ว”ผมชักจะน้อยใจแล้วซิ คนอุตส่าห์เป็นห่วง เสียงหัวเราะทางปลายสายแว่วๆเข้ามา
“ก็มึงไม่เคยได้ยินเหรอที่เค้าว่า ‘ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด โปรดสังเกตคำเตือนบนฉลากก่อนดื่มทุกครั้ง’.กูกลัวเป็นอันตรายต่อร่างกายว่ะ” คราวนี้เสียงหัวเราะของเราทั้งคู่ดังประสานกัน
 “ไม่เป็นไรมึงดื่มแค่วันละ2ขวดพอ มึงดื่มความรักกูมากๆเดี๋ยวมึงคึก ฮ่าๆๆๆ”
“มึงนี่แต่ละมุกคิดได้ไงว่ะ เสี่ยวเข้าไปทุกที”
“เสี่ยวแล้วชอบรึเปล่าล่ะ”

ไอ้ใหญ่พูดเสียงแข็งเหมือนคนโมโห “......ไม่ชอบ” ผมใจเสียเลยครับนึกว่ามันโกรธอะไรผมแล้วไอ้ใหญ่พูดต่อเหมือนเสียงกระซิบข้างหูผม “แต่คงรักไปแล้ว....”
“....” ผมอึ้งไปพักใหญ่ไม่คิดว่าใหญ่มันจะพูดคำนี้ออกมา ผมยังไม่ทันได้พูดตอบอะไรกลับไป  สมองยังสั่งการไม่ทัน ไอ้ใหญ่กลับบอกลาผมก่อนน้ำเสียงมันดูขัดเขิน “กูไปแล้ว...ไว้คุยใหม่ฝัน...ไปนะ”
ผมพูดทิ้งท้ายบอกมันไปแค่ว่า“อืม...เป็นห่วงนะใหญ่”

พอวางสายไปแล้วผมยังนั่งเฉยอยู่พักใหญ่  ช่วงนี้ดูเหมือนมีเรื่องราวหลากหลายรุมเร้าเข้ามาในชีวิตผม ไอ้ใหญ่เองก็คงเป็นเหมือนกัน ผมได้แต่หวังว่าอุปสรรคต่างๆจะเข้ามาเหมือนสายฝนที่ตกบ่อยๆแค่พอทำให้เรารำคาญ พอฝนหยุดเหลือเพียงร่องรอยของฝนพอเช้าขึ้นมาก็แห้งหายไป  ขออย่าให้มาเป็นพายุที่พัดเข้ามาแล้วทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังและการสูญเสียเลย

หลังจากที่ผมคุยกับอ้อยไปแล้ว ผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกต่อไปได้แต่ให้เวลาอ้อยในการตัดสินใจ  เพราะยังไงสำหรับผมอ้อยก็ยังเป็นเพื่อนหญิงที่ผมสนิทที่สุดอยู่ดี  อ้อยไม่เคยถามผมว่าผมมีคนที่รักรึยัง หรือเป็นใครกันที่ทำให้ความรักของผมที่มีต่ออ้อยเปลี่ยนไป  อ้อยได้แต่เก็บความสงสัยไว้แม้เมื่ออยู่ต่อหน้าผมเธอก็ไม่ถาม  นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมถือว่าผมผิดที่ไม่บอกกับอ้อยไปตรงๆ  แต่ผมก็พยายามให้เหตุผลกับตัวเองว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมในเมื่อไม่ถามทำไมผมต้องบอก  แต่ผมก็ไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้มากนักเพราะเรื่องของใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ผมต้องคอยใส่ใจใกล้ชิดเหมือนกัน
ผมพยายามโทรหาไอ้ใหญ่อีกหลายครั้งแต่มันก็ไม่ค่อยรับสาย หรือถ้ารับสายพูดกันไม่นานมันก็ยุ่งจนต้องวางสายไปก่อนจนผมไม่อยากโทรไปอีก

ช่วงนี้ไอ้หนุ่ยก็งานยุ่งพวกเพื่อนๆผมก็ยุ่งด้วย  ผมเลยไม่มีคนชวนไปกินเหล้าออกจะเหงาๆอยู่ซักหน่อยเลยไปซื้อเบียร์มาดื่มคนเดียวที่ห้อง  ดื่มไปจนเริ่มมึนๆคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วก็ไปหยิบกระดาษมาเขียนจดหมาย....หาไอ้ใหญ่

ใหญ่..ที่คิดถึง
กูไม่อยากกวนมึงทางโทรศัพท์อีก โทรไปหลายครั้งกูก็รู้ว่ามึงยุ่งมากจริงๆ งานกูทางนี้ก็ดันไม่ออกซักที อยากจะไปหามึงก็ยังไปไม่ได้ หวังว่ามึงคงจะไม่ว่ากูนะ  ตอนนี้มึงเป็นไงบ้าง คำถามนี้กูก็ถามมึงทุกครั้งที่เขียนไป แต่ก็ยังไม่เบื่อที่จะถามเพราะกูอยากรู้จริงๆว่ามึงเป็นยังไงบ้าง  สบายกาย สบายใจ ดีหรือเปล่า  กูเขียนมาวันนี้ก็แค่อยากคุยกับมึง     เพราะคิดถึงมึง....จริงๆนะ

วันเวลามันผ่านไปเร็วนะทำอะไรๆไปไม่นานก็หมดวัน นอนไปไม่นานก็เช้าแล้ว แต่ก็ไม่มีคืนไหนที่ทำให้กูมีความสุขเหมือนวันที่มึงนอนอยู่ที่แขนกูเลย มีหลายๆคืนที่กูนอนไม่หลับเพราะคิดถึงแต่กลิ่นกายของมึงในอ้อมแขนกู  คงจะจริงนะที่ว่าความสุขมันอยู่กับเราไม่นาน  ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไขว่คว้ามันไว้ได้มาแค่ไหน บางครั้งกูเคยนึกว่าเมื่อก่อนสมัยที่เราเรียนอยู่ด้วยกัน เวลานั้นเราทำอะไรอยู่และอะไรทำให้ระหว่างเราเป็นอย่างวันนี้  กูเสียเวลาในชีวิตไปเยอะรึเปล่า

แต่พอกูมาคิดอีกที  ช่วงนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่กูมีความสุขมากเหมือนกัน  แล้วกูก็ไม่รู้สึกว่าเวลาของกูกับมึงในช่วงนั้นเสียไป  ความรู้สึกของกูที่มีกับมึงมันคงเหมือนน้ำที่ค่อยๆหยดลงบนหินกว่าจะรู้ตัวหินมันก็กร่อนไปแล้ว  ถ้าจะให้ก้อนหินมันกลับมาเต็มเหมือนเดิมก่อนที่น้ำจะหยดมันก็คงเป็นไปไม่ได้
 อ่านแล้วมึงอาจจะสงสัยว่ากูเขียนอะไรเวิ่นเว้อให้มึงคิดอีก

 กูแค่อยากบอกมึงว่าเรื่องของเรามันไม่ใช่เรื่องที่ฉาบฉวย ไม่ใช่เรื่องที่มาจากอารมณ์ชั่ววูบ  มันคงเกิดขึ้นมานานแล้วแต่กูมันไม่รู้เอง   แต่เมื่อกูรู้แล้ว  กูก็จะไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆแน่นอน กูไม่คิดจะปล่อยมึงไปถึงแม้กูจะรู้ว่ากูไม่มีสิทธินั้น  กูอยากจะจับมึงเอาไว้อย่างนี้ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ถูกต้องก็ตาม
 ยิ่งเราอยู่ห่างกันมันยิ่งทำให้กูคิด  มึงคงไม่รู้หรอกว่ากูคิดทุกครั้งที่กูว่าง  กูคิดไปสารพัดแต่ก็หาข้อสรุปให้กับตัวเองไม่ได้  บางครั้งกูก็ไม่รู้ว่ากูควรทำยังไงกับ ‘ความรัก’ ของเราดี  กูไม่อยากจะยอมรับว่าเรื่องของเราไม่ง่าย  มันมีข้อจำกัดมากมาย มึงจะว่ากูเป็นคนขี้ขลาดก็ได้  กูจะทำยังไงดีวะ

เมื่อมีรักก็ต้องอยากครอบครอง แต่ถ้าครอบครองไม่ได้มันทุกข์  กูรักมึงกูก็สุข แต่ไม่ได้ครอบครองกูก็ทุกข์ กูจะทำยังไงกับตัวเองดีวะใหญ่ มึงช่วยตอบคำถามกูที หรือว่าควรถึงเวลาที่กูต้องเข้าวัดปฏิบัติธรรมเสียที  เผื่อกูจะเกิดพุทธิปัญญาขึ้นมาบ้าง

ฝัน ...คิดมากจริงๆ
ผมเขียนจดหมายเสร็จอ่านอีกรอบ  ขำตัวเอง แล้วผมก็ไม่ได้ส่งไป เพราะผมไม่กล้า  ผมไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกตัวเองขนาดนั้น  พอเราเขียนจดหมายความรู้สึกมันจะแสดงออกมาทางตัวอักษรที่เราคิด  แต่ความคิดบางอย่างมันผมก็ยังอยากเก็บไว้กับตัวเองไม่ไปบอกใครแม้กระทั่งกับไอ้ใหญ่เอง   ผมเพิ่งรู้ว่าผมก็คิดเรื่องนี้มากเพียงแต่ผมไม่รู้จะระบายกับใคร  และผมก็ยังไม่อยากเพิ่มความกลัดกลุ้มให้ใหญ่อีกหนึ่งเรื่องด้วย จดหมายฉบับนี้ถึงเป็นจดหมายฉบับแรกที่ผมส่งไปไม่ถึงคนรับ  มันไปได้ไกลที่สุดแค่นอนซุกอยู่ในลิ้นชักโต๊ะของผมเท่านั้นเอง
***********************************
ช่วงนี้ดูข่าวในทีวีแล้วเศร้าใจหลายๆข่าว  ชีวิตคนนี่เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงจริงๆนะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๔๒๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๔๒๔
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 02-10-2009 19:44:41
นั่นมันคงเป็นจดหมายที่ทุกคน

.
.
.

คงอยากให้มันไปให้ถึงมือคนรับมากที่สุด....
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๔๒๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๔๒๔
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 02-10-2009 20:38:49
 :z3: :z3:
คนอ่านคิดว่าเจ้าฝันจะส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้นุ้งใหญ่ซะอีก
กรี๊ดดที่ไหนได้เป็นแค่การระบายความรู้สึกแล้วก็เก็บไว้อ่านคนเดียว เฮ้อออ
แต่เท่าที่ผ่านมาถึงไม่ต้องบอกไปโ่ต่งๆว่าตัวเองคิดอะไร ก็เชื่อว่า
น้องใหญ่ก็คงรับรู้ล่ะนะแต่ถึงจะไม่ทั้งหมดก็ตาม
เมื่อมีรักก็ต้องอยากครอบครอง แต่ถ้าครอบครองไม่ได้มันทุกข์ 
กูรักมึงกูก็สุข แต่ไม่ได้ครอบครองกูก็ทุกข์ กูจะทำยังไงกับตัวเองดีวะใหญ่

>> โธ่ๆๆๆพ่อคุณ ถึงจะทุกข์แต่อย่ารีบบวชเลยนะ เอิ๊กซ์
แค่ข่มใจไว้ก็พอ ยุบหนอ พองหนอ ท่องไว้ :amen:

“มึงก็เหมือนกัน...อย่าเอาแต่คิดถึงกูจนป่วยล่ะ”
“แสดงว่ามึงยังไหวจริงๆถึงพูดแซวกูแบบนี้ได้ กูดีใจนะ...แต่กูไม่รู้อย่างเดียว”
“ไม่รู้ว่า..จะทำยังไงให้หายคิดถึงมึงได้น่ะซิ” 

> กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดหวานมากกกกกกกกกกกกกกกก
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
“มึงก็คิดว่า ความคิดถึงของกูเป็นวิตามิน กินแล้วดีต่อสุขภาพ  คิดเสียว่าความรักของกูเป็นเครื่องดื่มชูกำลังแล้วกัน มึงดื่มเข้าไปจะได้มีแรง เข้าใจมั้ย”
>> พ่อพระเอกลิเกเล่นวิกไหนคะ จะตามไปมอบพวงมาลัยติดแบงค์ให้ เอิ๊ก

“......ไม่ชอบ”
“แต่คงรักไปแล้ว....”

>> กรี๊ดดดดถ้าอยู่ใกล้ๆจะดึงมาจูบให้รางวัลซะให้เข็ด  :o8:  :-[

+1 จัดให้คะ น่ารักกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๔๒๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๔๒๔
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 02-10-2009 22:30:46
ทำไมฝันไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกล่ะ
น่าจะส่งจม. ให้ใหญ่นะ ขนาดใหญ่ยังกล้าบอกเลย
ถ้าฝันส่งจม. ฉบับนี้ไป ใหญ่คงได้กำลังใจอีกโขเลยหละนะ
คู่นี้ลุ้นยังไงดีนะเนี่ย
บวก 1 แต้ม ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสต์นะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๔๒๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๔๒๔
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 02-10-2009 22:59:25
^^
^^
เจ๊อะกันอีกแล้วน้องสาว  :กอด1:

ไอ้ความกำกวมกลับมาอีกแล้ว ถ้าฝันมัวแต่เก็บความรู้สึกเอาไว้

แล้วใหญ่จะรู้ได้ยังไงว่า ฝันกำลังคิดอะไร  :เฮ้อ:

รีบส่งไปเลยไอ้จดหมายฉบับลำพันเนี่ย

+1 ให้นะครับ สำหรับฉบับที่ 24
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๔๒๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๔๒๔
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 02-10-2009 23:09:18
ไม่ชอบ  แต่รักไปแล้ว

ไม่ชอบ  แต่รักไปแล้ว

ไม่ชอบ  แต่รักไปแล้ว

อุ๊ยยยยยยยยยย ใหญ่น่าัรักมาก   ดูๆ ใหญ่คงเหนื่อยมากจริงๆๆๆ  เหนื่อยทั้งกาย ใจ  :z3:


อ้าว ฝันทำไมไม่ส่งล่ะ  ลิเก๊มาได้ตั้งหลายตอน  

แค่นี้เองกล้าๆๆหน่อย   :beat:


 :oni3: :oni3:

จงส่ง  จงส่ง   จงส่ง



+๑


หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๔๒๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๔๒๔
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 03-10-2009 09:47:33
 :o8:
ไม่ชอบ  แต่คงรักไปแล้ว

เขินแทนเลยอ้ะ ฝันน่าจะกล้าๆตอบกลับไปมั่ง

ว่ารัก เหมือนกันนะ ^^
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๔๒๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๔๒๔
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 04-10-2009 00:46:47
ไม่ได้เข้าเล้าซะนาน ตามอ่านนิยายกันไม่หวาดไม่ไหว

ยังไงจะเป็นกำลังใจให้นะคะ


ปล.เข้ามา+1 ให้ด้วยค่า ขยันๆ ลงเรื่องนะคะ

แล้วจะตามเก็บอ่านให้ทันค่า  :m11:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๔๒๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๔๒๔
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 04-10-2009 01:06:09
จังซี่มันต้องส่งแล้ววววววววววววววววววว
ไม่ชอบ  แต่คงรักไปแล้ว
กล้าเขียนต้องกล้าส่งสู้ๆหมู่เฮาเชียร์อยู่
นิว(ลุ้นสุดตูด)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๔๒๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๔๒๔
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 04-10-2009 13:21:44
ฝันกล้าๆหน่อย :laugh:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 05-10-2009 14:38:57
(ตอนที่ ๒๕ )

 ช่วงนี้ผมไม่ได้จดหมายจากใหญ่เลย โทรไปก็ไม่ได้คุยเจอแต่พ่อบ้าง ลูกน้องบ้าง รู้แต่ว่าแม่มันผ่าตัดแล้วและใกล้จะออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้าน  ที่บ้านมันคงยุ่งน่าดูเพราะลูกที่เหลือตอนนี้ก็มีไอ้ใหญ่คนเดียว ไหนจะหลาน ไหนจะพ่อ ไหนจะงานที่ร้าน มันคงหัวหมุนกับภาระที่มาลงที่มันทั้งหมด  ผมอยากจะไปช่วยมันบ้างเลยส่งจดหมายลาพักร้อนไป1อาทิตย์ แต่ก็ต้องเคลียร์งานที่ค้างตอนนี้ให้หมดเสียก่อน แล้วก็เหลือช่วยงานแต่งพี่ฝ้ายอีกนิดหน่อย  ก็คงต้องอีกสองสามวันผมถึงจะไปได้  

แต่ผมก็ไม่คาดคิดว่าผมจะต้องไปเร็วกว่านั้นเมื่อวันรุ่งขึ้นราวๆสิบเอ็ดโมงกว่ามีโทรศัพท์เข้ามา
ผมเห็นสายแล้วต้องมองซ้ำอีกครั้งไม่แน่ใจว่าตาฝาดหรือว่าเป็นความจริงเมื่อเห็นชื่อสายโทรเข้าเป็นไอ้ใหญ่  พอรับสายผมยังไม่ทันพูดอะไรไอ้ใหญ่มันก็พูดขึ้นมาก่อนว่า

 “ฝัน...แม่กูเสียแล้วเมื่อเช้านี้เอง”
น้ำเสียงของมันไม่สั่นก็จริงแต่แผ่วเบาราวกับคนไม่มีแรงจะพูด แต่มันก็ยังพูดต่อ
“กูไม่อยากจะเชื่อเลยฝัน ว่าแม่กูตายแล้ว  กูไม่อยากเชื่อเลย เมื่อคืนเรายังนอนคุยกันอยู่เลย ฮึกๆ”

ในที่สุดใหญ่ก็ร้องไห้ออกมาจนได้ มันร้องไห้เงียบๆอีกพักใหญ่ยังไม่พูดอะไรอีก  ผมถึงกับพูดไม่ออกฟังมันร้องไห้อย่างปวดใจ ผมน่าจะได้อยู่ใกล้ๆมันในวันแบบนี้  ได้เป็นที่พักพิงใจให้มัน  ผมได้แต่โทษตัวเองที่อยู่ไกล เสียงร้องไห้ของมันยังดังอยู่ถึงแม้จะไม่ได้ดังโฮๆแต่เสียงนั้นก็รบกวนจิตใจของผมจนผมน้ำตาซึมไม่รู้ตัว ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงให้มั่นคง  ผมก็อยากให้มันรับรู้ว่ามันยังมีผมอยู่ถึงแม้เราจะอยู่ห่างกัน
 “ใหญ่..ทำใจดีๆ ท่านไปสบายแล้ว มึงทำหน้าที่ลูกได้ดีที่สุดแล้วใหญ่”
“ฮึกๆ..มันเร็วเกินไปฝัน กูไม่ทันเตรียมใจเลย หลังผ่าตัดแม่อาการดีมาตลอด”
“เป็นใครก็ต้องเสียใจเมื่อเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น  แต่มึงต้องตั้งสติไว้นะ ยังไงมึงก็มีคนที่ยังต้องดูแลเหลืออยู่อีก ทั้งพ่อ ทั้งน้องออม” เราต้องจัดการกับความรู้สึกของเราก่อนให้ดีครับ ถ้าผมอ่อนแอไปอีกคนไอ้ใหญ่มันก็จะแย่ไปด้วย ผมต้องพยายามให้กำลังใจมันก่อน

“กูรู้ กูร้องไห้ได้ก็แค่กับมึงคนเดียวเท่านั้นเอง   ต่อหน้าพ่อกับหลานกูไม่เคยให้เค้าเห็นหรอก”
“อืม..ดีแล้ว แล้วพ่อกับน้องออมเป็นไงมั่ง”คนตายก็ตายไปแล้วครับ มีแต่คนเป็นที่ยังอยู่นี่ล่ะที่เราไม่ควรละเลย
“พ่อเงียบมาก เงียบจนกูสงสาร พ่อเป็นคนแรกที่รู้ว่าแม่สิ้นลมไปแล้ว ท่านเองก็คงนึกไม่ถึงว่าแม่จะจากไปโดยไม่ทันได้ลากัน”
เสียงของไอ้ใหญ่สั่นอีกครั้ง  “ความตายมันไม่น่ากลัวเท่ากับการที่เราต้องจากลากันหรอกฝัน”
ผมฟังแล้วก็ได้แต่เศร้า  ก็คงจะจริงของใหญ่การจากลากันต่างหากที่เป็นเรื่องน่ากลัวและน่าเศร้าที่สุด
“น้องออมเองก็เอาแต่ร้องไห้ เด็กสี่ขวบที่ต้องมาเจอเรื่องตายจากกันติดๆกันภายในปีเดียว  กูสงสารหลานจนไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วฝัน กู...”
ไอ้ใหญ่ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก  เสียงสะอื้นที่มันพยายามกลั้นเอาไว้แต่ก็กลั้นไม่อยู่ทำให้ผมน้ำตาไหล   ตัวใหญ่เองก็แทบไม่ต่างไปจากหลาน  การสูญเสียเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ก็จริง  แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาบ่อยเกินไปจิตใจของคนจะทานทนไหวได้ยังไง ผมอยากจะบอกให้มันหยุดร้องไห้  แต่ผมก็กลัวว่าการที่เราเก็บความเศร้าไว้มากไปมันจะยิ่งทำให้ความเศร้ามันไม่ได้รับการปลดปล่อย ดังนั้นถ้าร้องแล้วดีขึ้นผมก็อยากให้มันร้องออกมาให้หมด

 แต่ไอ้ใหญ่เองมันก็ปรับอารมณ์ได้เร็วกว่าที่ผมคิด สักพักมันก็บอกผมด้วยน้ำเสียงที่ยังอู้อี้อยู่ว่า “ฝัน..กูคงต้องไปจัดการเรื่องงานศพก่อน กูแค่อยากได้คุยกับมึงเท่านั้นเอง ไม่ต้องห่วงนะ กูจะไม่ร้องแล้ว”
“เข้มแข็งไว้นะใหญ่ กูเสียใจด้วย”
 พอผมพูดจบไอ้ใหญ่ก็วางสายไปอย่างเงียบๆ ผมอาจจะดูไม่สนใจไอ้ใหญ่น้อยไปหน่อยเมื่อยอมวางสายไปง่ายๆไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นอีก แต่สิ่งที่ผมคิดอยู่อย่างเดียวตอนนี้ก็คือ คืนนี้ผมจะนั่งรถไปหามันที่เชียงใหม่  มันคือสิ่งที่ผมควรทำที่สุดแล้วในตอนนี้.....คืออยู่ใกล้ๆมัน

ผมรีบจัดการเรื่องงานให้เรียบร้อยแล้วกะว่าจะไปฝากงานไว้ที่อ้อย ผมเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะอ้อย กำลังลังเลว่าเริ่มต้นเอ่ยปากยังไง ระยะหลังๆเราคุยกันน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานเท่านั้น
อ้อยเงยหน้าขึ้นมาพอดีแล้วมองหน้าผมอย่างแปลกใจ “มีอะไรเหรอฝัน”
ผมไม่มีเวลามากนักเลยพูดกับอ้อยไปอย่างรวบรัดตัดความ “คือเราจะลาพักร้อนอาทิตย์หนึ่ง แล้วคืนนี้เราจะไปเชียงใหม่แล้ว แต่งานมันยังมีค้างนิดหน่อย เราฝากอ้อยช่วยต่อนิดนึงได้ไหม”
อ้อยพยักหน้าอย่างงงๆแล้วก็ตั้งใจฟังผมอธิบายเรื่องงาน ที่จริงงานก็ไม่ค้างมากมายเพราะผมเตรียมทำมาหลายวันแล้วแต่อาจจะต้องมีบางส่วนที่ต้องส่งต่อให้คนอื่นทำ  ผมเลยฝากให้อ้อยช่วยดำเนินการต่อให้ พอผมพูดจบอ้อยก็มองหน้าผมแล้วถามทันที
“มีเรื่องอะไรด่วนมากเหรอ ถึงต้องรีบร้อนขนาดนี้”ผมนิ่งอยู่อึดใจใหญ่ไม่แน่ใจว่าควรเล่าให้อ้อยฟังรึเปล่า อ้อยเลยรีบพูดขึ้นมาว่า “ถ้าไม่สะดวกตอบไม่เป็นไร เราก็ถามในฐานะเพื่อน เผื่อมีอะไรจะให้ช่วยได้บ้าง” ผมรู้สึกละอายใจที่คิดกับอ้อยในทางที่ไม่ดี ผมคงลืมไปว่ายังไงอ้อยก็เป็นเพื่อนใหญ่คนนึงเหมือนกัน แล้วเรื่องที่ผมจะไปก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

“พอดีแม่ใหญ่เสียวันนี้ ผมเลยอยากไปช่วยงานมัน” อ้อยฟังแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “อืม..เหรอ งั้นเราฝากแสดงความเสียใจให้ใหญ่ด้วยนะ แล้วขอโทษที่ไม่ได้ไปร่วมงาน”
ผมดีใจที่อ้อยเข้าใจ “งั้นผมฝากอ้อยเอาจดหมายลาไปให้แผนกบุคคลด้วย แล้วถ้ามีอะไรสงสัยเรื่องงานก็โทรถามผมได้นะ” ผมยกมือดูเวลายังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย ผมคงต้องไปทำงานต่อ “งั้นผมไปทำงานต่อก่อนนะอ้อย ฝากเรื่องงานด้วย อ้อ..เรื่องเรียนด้วยถ้ามีอะไรด่วนก็โทรไปบอกเราหน่อย”
อ้อยยิ้มรับคำผมแต่พอผมคล้อยหลังไปได้ไม่ไกลอ้อยก็วิ่งมาดึงแขนผมไว้ “ฝัน..เดี๋ยวก่อน”
ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยถามอ้อยว่า ”อะไรครับ..”
 อ้อยยัดซองจดหมายใส่ในมือผมแล้วบอกผมว่า “เราฝากซองไปช่วยใหญ่ทำบุญ  ฝากจดหมายให้ใหญ่ด้วยนะ อยู่ในซอง”

ผมยืนงงอยู่สักครู่แล้วอดยิ้มด้วยความชื่นชมอ้อยไม่ได้ “ขอบคุณแทนใหญ่มันด้วยนะ”
อ้อยส่ายหน้าแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร..ยังไงทั้งฝันทั้งใหญ่ก็ยังเป็นเพื่อนเรานี่  ไปแล้วนะจะรีบไปทำงานจะได้ทำของฝันต่อด้วย”  อ้อยเดินหันหลังกลับไปที่โต๊ะทำงาน ผมก็แยกเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองแล้วก็รีบทำงานต่อเพื่อจะไปเชียงใหม่คืนนี้

ขนส่งหมอชิตคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆไม่เว้นแม้แต่คืนนี้  ผมลงจากรถแท็กซี่แล้ววิ่งหลบฝนไปมาแต่ก็ยังไม่วายที่จะเปียกฝนจนได้ ผมก็เหมือนหลายๆคนที่ไม่ชอบพกร่มเพราะมันน่าเกะกะ เมื่อวานผมก็วิ่งตากฝน วันนี้ก็ต้องวิ่งหลบฝนอีก พอเปียกฝนเลยได้แต่ยืนกอดอกสั่นยืนมองสายฝนด้วยความหนาวรอเวลาที่รถออก  เสียงเรียกโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่นานจนเปลี่ยนเป็นระบบสั่นผมถึงรู้สึกตัว
“โหล...ทำไมรับสายช้าวะ”  เสียงไอ้หนุ่ยบ่นมาตามสาย
 “กะ..กูหนาว...”ผมเผลอพูดออกไปโดยลืมคำถามมันไปเสียสนิท แล้วก็ขำตัวเอง ได้ยินเสียงไอ้หนุ่ยก็หัวเราะด้วย
“เอ้ย...เสียงมันดังกูอยู่หมอชิต เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์”แต่ที่จริงผมคิดว่าเป็นเพราะผมกำลังเหม่อมากกว่า ใจลอยคิดไปหลายเรื่องเลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง พอเครื่องสั่นผมถึงรู้สึกตัว
“ไปทำไมหมอชิต”ไอ้หนุ่ยเองก็คงกำลังทำงานอยู่ผมได้ยินเสียงมันรัวแป้นคอมพิวเตอร์อยู่แว่วๆ
“ไอ้บ้า...กูมาตกปลามามั๊งที่หมอชิต ก็ต้องจะมาขึ้นรถซิ” ผมตอบด้วยเสียงหัวเราะ แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีจนต้องจามออกมา “ฮัดเช้ย...”

“เออ..กูโง่เองที่ถามผิด มึงจะไปไหน ไปเชียงใหม่?” ถามเองตอบเองก็ได้ด้วยไอ้หนุ่ยเพื่อนผม
“เออ..รู้ดีไปหมด แล้วมึงโทรมามีไร หายไปตั้งนาน” ช่วงที่งานมันยุ่งมันก็หายยาวเลยครับ จนอดคิดถึงมันไม่ได้
 “ก็ว่าจะชวนไปดื่มกัน คืนพรุ่งนี้ แล้วไปทำไมเชียงใหม่ตอนนี้ ยังไม่ใช่สงกรานต์ ปีใหม่ หรือตรุษจีน สักหน่อย”
ผมถอนหายใจเศร้าใจพอคิดถึงไอ้ใหญ่  เลยยังไม่นึกขำกับมุกของไอ้หนุ่ย “แม่ไอ้ใหญ่มันเสียวันนี้ กูเลยจะไปอยู่เป็นเพื่อนมัน”
เสียงรัวแป้นคอมหยุดทันที “อ้าว...จริงดิ..เออฝากแสดงความเสียใจไปให้มันด้วยนะ แล้วมึงล่ะ ไหวรึเปล่า” ไอ้หนุ่ยถามผมกลับ
“ไหวซิ กูไม่ได้เป็นอะไร”แค่ตอนนี้หนาวจริงๆจังๆแล้วจามอีกครั้ง ท่าจะไม่ดีแฮะ “ฮัดเช้ย...” เสียงไอ้หนุ่ยโวยวายบ่นมาตามสาย “เฮ้ย..มึงไม่สบายรึเปล่าไปหาซื้อยามากินดักไว้ซะ  ไม่ดูแลตัวเองแล้วจะไปดูแลคนอื่นได้ยังไง” ผมสูดน้ำมูกที่มันมาตอนไหนไม่รู้ครับแล้วตอบไอ้หนุ่ยไป “เออๆ..เดี๋ยวกูไปซื้อยากิน ไว้กลับมาค่อยคุยกันนะหนุ่ย.รถไกล้ออกแล้ว....”
“เออกลับมาแล้วโทรหากูแล้วกัน ได้ไปกินเหล้ากัน” ผมหัวเราะส่ายหัวไปกับมัน ชีวิตนี้มันคงอุทิศตนแล้วให้เหล้าถ้าผมยังคบมันต่อไปท่าทางผมจะไม่ได้ตายปกติ คงเป็นตับแข็งตายไปพร้อมๆกับมัน

ผมเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวเลยไปซื้อยาแก้ไข้มากิน กินไปเข้าไปสองเม็ดพอขึ้นรถผมก็หลับตาพักแล้วก็นอนหลับสนิทไปในเวลาไม่นาน  นอนไปด้วยความรู้สึกว่ากำลังเป็นไข้ มันหนาวจนผ้าห่มก็เอาไว้ไม่อยู่ แต่ตัวก็ร้อนผ่าวจนรู้สึกระอุไปด้วยกระไอร้อน  พอรถมาถึงเชียงใหม่ผมเดินลงจากรถมาในสภาพร่างกายที่ดูไม่ได้ ยืนทรงตัวยังแทบจะไม่ไหว  แต่ก็ยังพอตั้งสติว่าต้องไปหาไอ้ใหญ่ก่อน  ผมว่าจ้างรถสองแถวรับจ้างให้ไปส่งที่บ้านไอ้ใหญ่เหมือนเคย  เหมือนคราวก่อนที่เคยมา  ดูๆแล้วเหตุการณ์ดูจะวนเวียนกลับมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมไม่มีแรงเดินไปที่ตลาดเพื่อทานข้าว ได้แต่นั่งพิงประตูรอให้มันเปิดร้าน  ผมนั่งมองป้ายชื่อร้านมันที่มีแถบคาดเป็นกากบาทสีขาวเป็นสัญลักษณ์ว่าบ้านนี้มีคนเสียชีวิต  อดเศร้าใจแทนไอ้ใหญ่ไม่ได้นึกถึงหน้าแม่มันที่ผมเพิ่งเจอไปไม่กี่เดือนก่อน ไม่นึกว่าแม่จะจากไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ผมนั่งคิดอะไรไปเพลินๆแต่ก็ด้วยความรู้สึกที่สมองหนักอึ้งแล้วผมก็เผลอหลับไปอีกครั้งที่หน้าร้านไอ้ใหญ่นั่นเอง

ผมมารู้สึกตัวลางๆก็ตอนที่มีคนมาเขย่าตัวผม พอผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าลูกน้องของไอ้ใหญ่คนเดิม มันยกมือไหว้ผมแต่ผมกลับไม่มีแรงยกมือรับไหว้มัน “เพื่อนเสี่ยนี่เองที่เคยมา  เชิญครับเชิญเข้าบ้านก่อน”
ผมลุกแทบจะไม่ไหวจนไอ้หนุ่มนั่นคงเห็นต้องมาช่วยพยุงตัว พอมันจับตัวผมมันก็หันมาถามผมทันทีว่า “พี่ไม่สบายเหรอตัวร้อนจี๋เลย หน้าก็แดงด้วยไข้ขึ้นแน่ๆ”
ผมยิ้มให้มันอย่างเพลียๆ มันก็ฉลาดดีเป็นคนช่างสังเกต “พี่มีไข้นิดหน่อยเดี๋ยวขอน้ำทานยาหน่อยนะ แล้วพี่จะเดินขึ้นไปห้องเสี่ยเอง เสี่ยใหญ่ยังไม่ตื่นใช่มั้ย”ไอ้หนุ่มนั่นยกกระเป๋าตามมาให้ผมแล้วพาผมมานั่งที่เก้าอี้ก่อน ผมต้องกุมขมับด้วยความปวดหัวแล้วหลับตาลง “นี่ครับพี่ น้ำดื่มพร้อมยาแก้ไข้”
ผมรับน้ำและยามากินแล้วบอกขอบใจแล้วส่งคืนแก้วไป ไอ้หนุ่มนั่นยืนมองผมอยู่สักครู่แล้วก็พูดว่า “ให้ผมพาพี่ขึ้นไปดีกว่าเดี๋ยวเกิดหน้ามืดเป็นลมตกบันไดลงมา เสี่ยดุผมแย่เลย”

 ผมอยากจะบอกปฏิเสธมันไปแต่ก็ขี้เกียจพูดมากเลยปล่อยให้ไอ้หนุ่มนั่นพยุงผมขึ้นข้างบนบ้าน
“พี่มาก็ดีแล้วจะได้อยู่เป็นเพื่อนเสี่ย ช่วงนี้เสี่ยหน้าตาเครียดมากเลย แทบไม่คุยกับใคร ผมเห็นแล้วก็เป็นห่วง”
 ไอ้หนุ่มนี่ยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่อไปโดยไม่ได้สนใจว่าผมไม่ได้พูดตอบอะไรเลย  “ ตั้งแต่คุญผู้หญิงไปผ่าตัด เสี่ยก็ไม่ยิ้มอยู่แล้ว พอมาเสียไปเมื่อวาน ตอนนี้ทั้งไม่ยิ้ม ไม่พูด ผมเห็นแล้วจะบ้าตาย เฮ้อ” ฟังดูแล้วท่าทางไอ้ใหญ่ก็อาการไม่ดีเท่าไหร่แต่มันก็ยังปากแข็งกับผม

พอผมมาถึงห้องไอ้หนุ่มนี่ก็ปล่อยแขนผม “เดี๋ยวผมทำข้าวต้มให้พี่กินนะ ป่วยๆอยู่”
 ผมพยักหน้าให้แล้วก็เดินโซเซเข้าไปในห้องไอ้ใหญ่เงียบๆ มันยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงตามเคย ผมเข้าไปยืนมองหน้ามันแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงมัน ไอ้ใหญ่ผอมลงไปจากคราวก่อนที่ผมเจอมัน รอยขอบตาดำคล้ำผมยาวขึ้นมาอีกนิด ริมฝีปากที่เคยยิ้มให้ผมกลับดูแห้งผาก ผมเอื้อมมือจะไปแตะแต่ก็กลัวว่าจะไปกวนมันตื่น ผมอยากให้มันพักให้มากที่สุด ผมเลยเอาหัวเอนนอนทับแขนตัวเองแทนหมอนแล้วมองดูหน้ามัน
ความอิ่มเอมใจหลั่งไหลเข้ามาสู่หัวใจผมอีกครั้งในที่สุดผมก็ได้เจอมันแล้วหลังจากที่คิดถึงกันทุกวันผมเผลอยิ้มกับตัวเองขณะที่มองหน้ามันไปด้วย   นั่นเป็นความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่ผมจะหลับลงไปด้วยพิษไข้อีกครั้งที่ข้างๆเตียงของไอ้ใหญ่นั่นเอง
*****************************************
ยินดีต้อนรับคนที่หลงทางมาอ่านใหม่ทุกๆคนคะ :pig4:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 05-10-2009 14:46:21
 :z2:

ลิงโลดดดดดด แล้วตรู

ลาพักร้อนมาเลยนะเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 05-10-2009 15:00:36
 :m15: ใหญ่อดทนนะ สู้ๆ
เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ
เป็นผู้นำครอบครัวก็แบบนี้ล่ะนะ
ต้องรับผิดชอบทุกสิ่งอย่าง ไหนจะต้องห่วงกับความรู้สึกพ่อ ความรู้สึกของ
หลานตาดำ แล้วไหนจะความรู้สึกที่อ่อนหล้าของตัวเองอีก
สุดยอดลูกกตัญญูเลยอ่ะ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดแล้วนะเจ้าใหญ่

ส่วนเจ้าฝันก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยงกัน เดินทางมาพร้อมกับสภาพที่ไม่ค่อยปกติ
แต่ใจโคดสู้เลย เฮ้ออ พักวันนึงคงหายเนอะ ไข้กายเนี่ย เพราะมียาใจดี

+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 05-10-2009 15:43:00
 :monkeysad: ได้ฝันไปอยู่เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 05-10-2009 16:17:44
อ่านแล้วอินไปด้วย

ชอบนะ รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 05-10-2009 17:29:04
สงสารใหญ่  แต่ดีใจที่ฝันไปอยู่เคียงข้าง

กำ ฝันมาเป็นไข้อีก



หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 05-10-2009 17:38:12
สงสารใหญอ่า
แงๆ   แต่ฝันไปอยู่ข้างๆ คงจะดีขึ้นแน่ๆ^^
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 05-10-2009 17:44:13
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ฝ่าฝันอุปสรรคทั้งหลายนะคับ

รัก ฝัน+ใหญ่
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 06-10-2009 00:33:28
ในวันที่ใหญ่ต้องการฝันมากที่สุด ฝันก็จะได้อยู่ใกล้ๆ เป็นกำลังใจให้ใหญ่อีกอาทิตย์กว่าๆ
(แต่ไม่น่าป่วยเลยนะฝัน แบบนี้ใหญ่จะยิ่งทั้งห่วง ทั้งประทับใจมั้ยเนี่ย)
ดูแลซึ่งกันและกันดีๆนะ
บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 06-10-2009 00:55:44
เวลาคนเรา สั้นยาวไม่เท่ากัน

อยากทำอะไรก็ทำไป ถ้ามันไม่กระทบต่อคนอื่น  :call:




ป.ล. เเต่เรื่องนี้ อย่าให้จบเศร้าเถอะครับ สงสารคนอ่าน หัวใจอ่อนเเอหน่อยเถ๊อะ   :sad4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-10-2009 21:23:07
แอร๊ย อยากกด + สัก 100 ให้ฝัน  o13
แบบนใหญ่คงตกหลุมรักอีกรอบแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: PAN@DA ที่ 06-10-2009 22:14:37
เวลาอย่างนี้ฝันมาอยู่ข้างๆใหญ่ ถูกต้องที่สุดแล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๕๒๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๕๒๕
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 07-10-2009 02:45:08
+1 จัดไปที่รักให้กับความสม่ำเสมอ อ่านแล้วแอบยิ้มตามเลยนะตอนท้ายเนี่ย
แต่ช่วงแรกอารมณ์ก็อย่างว่าล่ะมีคนเสียนี่คงยิ้่มไม่ค่อยออก 555+
แล้วจะรออ่านตอนหน้าว่าจะมีใครสักคนมาดูแลฝันหรือเปล่าน๊า
นิว(กึ่งๆจะยิ้ม)
ปล.มีพิมพ์ผิดหนึ่งตัวนะ
“ให้ผมพาพี่ขึ้นไปดีกว่าเดี๋ยวเกิดหน้ามือเป็นลมตกบันไดลงมา เสี่ยดุผมแย่เลย”
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 07-10-2009 16:53:23
 :z3: วันนี้เน็ตเป็นไรไม่รู้ช้ามากมาย รีเฟรชเป็นสิบรอบกว่าจะได้ลง
ขอบคุณน้องนิวด้วยค่ะที่ช่วยดูเรื่องคำผิดให้ :3123:
*********************************
(ตอนที่ ๒๖)

ผมหนาวจนต้องกอดตัวเองเอาไว้  “หนาว...” ผมครางออกมาเพราะหนาวจนทนแทบจะไม่ไหว
ไม่นานผมก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นเหมือนมีผ้าห่มมาคลุมที่ตัวผม  แล้วก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่เพิ่มมากขึ้นจากร่างกายของคนๆหนึ่งที่กอดผมอยู่ ร่างกายของเราใกล้กันจนผมรู้สึกได้ถึงไอระอุจากร่างกายของอีกฝ่ายหนึ่ง   ความรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่นยังบอกผมได้ว่าแก้มของผมได้รับการสัมผัสอย่างแผ่วเบาจากริมฝีปากของใครสักคน รู้ได้ถึงลมหายใจแผ่วๆที่รินรดแก้มผม
อืม....หรือฝนจะตกอีกแล้ว  มีหยดน้ำหยดลงบนใบหน้าของผม  แล้วก็มีนิ้วของใครไม่รู้มาเช็ดคราบน้ำฝนออกจากหน้าผม ผมค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ ดวงตาหรี่ปรือด้วยพิษไข้

“ตื่นแล้วเหรอฝัน  หายหนาวรึยัง”
 เสียงนุ่มนวลของไอ้ใหญ่ถามผมทันทีที่ผมลืมตามองเห็นมัน  แล้วส่งรอยยิ้มเศร้าๆมาให้ผม  นิ้วมือของใหญ่เกลี่ยเส้นผมที่อยู่บนใบหน้าผม  มันเอาฝ่ามือจับที่หน้าผากผมแตะไว้ชั่วครู่แล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า
 “ไข้ยังสูงอยู่เลย  ป่วยแล้วมาทำไม...” เสียงของมันสั่น น้ำตาเอ่ออยู่ที่ดวงตา แต่ก็ยังฝืนยิ้ม ใบหน้าของมันอยู่ใกล้กับหน้าผมจนแทบจะเกือบเรียกได้ว่าติดกัน

ผมขยับปากกำลังจะพูดว่า ‘ใหญ่อย่าร้องไห้..' แล้วเอื้อมมือจะเช็ดน้ำตาให้มัน แต่ก็ไม่ทัน........

ใหญ่เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมค่อยๆสัมผัสริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบาแล้วจะผละออก  แต่ผมก็ไม่ยอม ผมยื่นหน้าเข้าไปจูบมันแทน แล้วเอามือจับใบหน้าของมันประคองไว้ไม่ให้หนีไปไหน มันทำท่าจะดึงหน้าออกแต่ผมก็ไม่ปล่อย ผมสบตามันอีกครั้งแววตาของมันยังมีน้ำตาคลอหน่วย  ผมค่อยๆสัมผัสริมฝีปากมันอย่างนุ่มนวล  ริมฝีปากของไอ้ใหญ่แห้งผากก็จริงแต่เมื่อผมรับรสได้ กลับรู้สึกว่ามันช่างหวานเหลือเกิน  

ไอ้ใหญ่ค่อยๆอ้าปากเพื่อรับลิ้นของผมที่ผ่านเข้าไปสัมผัสอย่างช้าๆ อ้อมแขนของไอ้ใหญ่ที่กอดผมอยู่ที่เอวรัดแน่นขึ้นจนผมรู้สึกได้  ตอนนี้ร่างกายของเราแนบชิดกันมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา เราจูบกันอยู่นานจนผมแทบจะขาดใจ  ผมไม่เคยรู้ว่าการพบกันครั้งนี้จะทำให้ผมรู้ว่าผมโหยหามันมากขนาดนี้  ผมอยากจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยขวางกั้นระหว่างเราไว้ ให้เวลาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ไม่เคลื่อนไปแม้แต่วินาทีเดียว มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนอ่อนหวานในความรู้สึกผม

ผมรู้สึกถึงรสปร่าๆของน้ำตาของไอ้ใหญ่ที่อาบแก้มไหลมาเข้าที่ปากของผม ผมหยุดการสัมผัสทันทีมองหน้าใหญ่ที่ยังหลับตาพริ้ม  แล้วดึงตัวมันเข้ามาหาอ้อมกอดของผมอย่างช้าๆ  ผมลูบหัวมันอย่างอ่อนโยน  ไอ้ใหญ่สะอื้นเบาๆอยู่ในอ้อมแขนผม ตัวสั่นเทา
“กูขอโทษ  ที่รังแกมึง กูขอโทษ  อย่าร้องไห้นะ”
ผมเอ่ยขึ้นอย่างตกใจที่เห็นมันร้องไห้ ไอ้ใหญ่เงยหน้าขึ้นมาส่ายหน้าแล้วรัดตัวผมแน่นๆ พูดเสียงอู้อี้อยู่ที่หน้าอกผม
“มึงไม่สบาย ตัวร้อนจัดเลย ไปหาหมอกันนะ”

“จริงเหรอ มิน่ามึนๆหัว แต่ไม่ต้องไปหาหมอหรอก กูกินยาแล้วนอนพักก็พอแล้ว” ไอ้ใหญ่เอามือมาจับที่หน้าผากผมอีกครั้งขมวดคิ้วมุ่น ปากก็พูดว่า “ไข้ไม่ลงเลยนะหลายชั่วโมงแล้ว”  
หลายชั่วโมงแล้วหมายความว่าผมหลับยาวเลยเหรอ “เฮ้ย....นี่กี่โมงแล้ว”
ไอ้ใหญ่หัวเราะเบาๆ  มันเหมือนเด็กจริงๆเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย “เที่ยงกว่าแล้ว  กูเห็นมึงนอนหลับสบายเลยให้นอนพักก่อน ไม่นึกว่าจะหลับยาวขนาดนี้ นี่กูมาตามไปกินข้าวนะ”

ผมเพิ่งรู้ว่าตอนนี้ผมนอนอยู่บนเตียง แต่จำได้ว่าผมนั่งหลับอยู่นี่นา “แล้วกูขึ้นมานอนบนเตียงได้ยังไง จำได้ว่านั่งอยู่นะ”
“กูกับลูกน้องช่วยกันยกตัวมึงขึ้นมานอนน่ะซิ หนักจะตาย แต่ไข้ขึ้นสูงมึงก็หลับลึก ไม่รู้สึกตัวเลยนะ” ผมเห็นมันพูดได้มากๆแบบนี้ค่อยเบาใจหน่อย ตาผมก็มองปากมันที่ขยับพูดไม่หยุด
 “ทำไมมึงจะมา  ไม่บอกให้กูรู้หน่อย กูตกใจเลยนะที่ตื่นขึ้นมาเจอมึงนั่งหลับอยู่ข้างๆเตียง” ผมยังไม่ตอบไอ้ใหญ่ อยากจะมองหน้ามันนานๆให้สมกับที่ไม่ได้เห็นมานาน
“แล้วป่วยได้ยังไง ป่วยก็ไม่น่าลำบากมา”

“มึงพูดแบบนี้อีกแล้ว เหมือนไม่รู้ใจกู”ผมแกล้งทำเสียงโอดครวญตัดพ้อ
ไอ้ใหญ่รีบละล่ำละลักบอกว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น  กูเป็นห่วงมึงนะ  ป่วยอยู่แล้วขึ้นรถมาคนเดียวกลางดึกถ้าเป็นอะไรระหว่างทางใครจะช่วย” ผมรู้สึกดีใจลึกๆที่มีคนเป็นห่วงผม
 “ยังไงกูก็ไม่เป็นไรหรอก หัวแข็ง”  ผมค่อยๆเก็บรายละเอียดบนใบหน้ามัน แก้มมันซูบไปหน่อย ตาก็แดงๆเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มา ริมฝีปากของมันแดงขึ้นมาแล้วก็คงเป็นเพราะจูบของเราเมื่อสักครู่นี้ แล้วผมก็ยิ้มออกมาไม่รู้ตัว

“ยังจะมายิ้มอีก” ไอ้ใหญ่ดุผมแล้วขมวดคิ้วย่น

ผมเอามือลูบหน้ามันอย่างแผ่วเบาไล่สายตาตาม ปลายนิ้ว ตั้งแต่หางคิ้วค่อยๆเลื่อนลงมาที่แก้ม ต่อไปที่ริมฝีปาก  แล้วไปจบลงที่ดวงตาคู่ที่ผมไม่เคยลืม  เราสบตากันตรงๆอีกครั้ง
“กูเสียใจด้วยเรื่องแม่ ......มึงไม่เป็นไรนะ” ไอ้ใหญ่เม้มปากแน่นแล้วพยักหน้า “อื้อ...” หน้าเริ่มเบ้ทำท่าจะร้องไห้
ผมเอามือแตะที่เปลือกตาเมื่อมันหลับตาลงแล้วเป่าเบาๆ “เพี้ยง...ไม่ร้องนะ” แล้วกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
 “กูอยู่นี่แล้วนะ...อย่าร้อง”

ไอ้ใหญ่ตัวสั่นเทาในอ้อมกอดผม ผมกอดมันเงียบๆอยู่แบบนั้นถ่ายเทความรู้สึก..รัก..ห่วงใย...ไปให้มันทั้งหมด ผมใกล้ชิดมันมากขึ้นไปทุกที มันมากขึ้นไปเรื่อยๆจนผมประหลาดใจ
 รักของเรามันคงเหมือนสายฝน ขนาดหลบ ขนาดหลีกเลี่ยงแล้ว ละอองของฝนก็ยังมาเปียกตัวเราจนได้ จนวันหนึ่งที่มันเปียกเรามากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆเราก็ไม่กลัวฝนอีกต่อไป  พร้อมที่จะเปียกโดยไม่กลัวอะไรอีกแล้ว

ผมไม่รู้ว่าผมกอดใหญ่ไว้แบบนั้นนานแค่ไหนมันเงียบไปแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าหลับไปหรือยัง  มือของผมลูบหลังไอ้ใหญ่รู้สึกได้เลยว่ามันผอมลงเยอะ “มึงผอมมาก กินข้าวหรือเปล่า”
พอผมพูดจบไอ้ใหญ่ลุกขึ้นทันทีจนผมตกใจนึกว่ามีเรื่องอะไร
 “ตาย......กูลืมสนิทเลย พ่อให้มาพามึงลงไปกินข้าว กูก็มัวแต่....”ไอ้ใหญ่หน้าแดงทำหน้าอายๆแล้วว่าต่อ
“....จนลืมสนิทเลย”
ไอ้ใหญ่เอามือมาดึงตัวผมที่ยังนอนอยู่ให้ลุกขึ้น “มึงลุกไหวมั้ย ไปกินข้าวกัน..จะได้กินยาแล้วมานอนพักต่อ”

ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วตามแรงดึงแต่พอจะยืนกลับรู้สึกหน้ามืดจนเกือบล้มลงไป ดีที่ว่าไอ้ใหญ่มันยืนอยู่พอดีรับตัวผมเอาไว้ เราก็เลยกอดกันอีกครั้งจนได้ ไอ้ใหญ่หน้าแดงก่ำคงเป็นเพราะว่าต้องรับน้ำหนักผมทั้งตัว  หรือไม่ก็....เพราะว่าผมกอดมันแน่นไป ใหญ่บอกขอโทษผมอีกครั้ง
 “กูขอโทษ..กูไม่น่าดึงมึงเลย คนกำลังป่วย”

 แต่ผมก็ไม่เคยเห็นความจำเป็นที่จะต้องมาขอโทษ“อย่าโทษตัวเอง ทุกอย่างที่มึงทำกูไม่เคยเห็นว่าตรงไหนที่ไม่ดี” พอผมบอกไปแบบนี้ใหญ่เลยเงียบไม่พูดอะไรอีก แล้วช่วยพยุงผมลงบันไดไป  ผมยังรู้สึกหนักๆหัว ปวดหัวมากจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อยากรบกวนใหญ่ ไม่อยากพูดให้มันตกใจกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป

พ่อของใหญ่ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วตอนที่ผมลงไปถึง เลยเหลือแค่ผมกับใหญ่สองคน ไอ้หนุ่มนั่นมันทำข้าวต้มเตรียมไว้ให้ผมอย่างที่บอกไว้ อาหารดูน่ากินทุกอย่างแต่ผมกลับกินไม่ลง ใหญ่ตักข้าวต้มแล้วยื่นให้ผม ผมกินเข้าไปคำหนึ่งก็เจ็บคอจนกลืนได้อย่างยากลำบาก กินไปได้อีกหน่อยก็ไม่อยากกินต่อ ใหญ่ที่คอยมองผมตลอดเวลามองหน้าผมอย่างเป็นห่วง “ทำไมกินน้อยจัง กินไม่ลงเหรอ เอากับข้าวอะไรเพิ่มรึเปล่า กูจะให้เด็กมันทำมาให้”

ผมส่ายหัวอย่างเพลียๆ “ไม่ต้อง  กูเจ็บคอยังไม่อยากกิน” ใหญ่เอื้อมมือมาจับที่คางผมดึงให้หันหน้ามาหามัน
“ไหนมึงอ้าปากซิ กว้างๆ”
ผมขยับคางออกจากมือมันแล้วหัวเราะ “จะบ้าเหรออยู่ดีๆมาให้กูแหกปากกลางโต๊ะกินข้าว”  
ไอ้ใหญ่อมยิ้ม “กูแค่จะดูคอมังว่าอักเสบมากรึเปล่า” แล้วก็ไม่บอกผมแต่แรก “กลายเป็นหมอไปซะแล้วเพื่อนกู”
แต่ผมก็อ้าปากให้มันดู ไอ้ใหญ่มองส่องเข้าไปในปากผมอยู่นานจนผมเมื่อยขากรรไกร
“มึงอ่าดูไปอินานม้าย กุเมื่อยยยยปาก เจออาอายมั่งลา” มันพูดยากจริงๆครับน้ำลายพาลจะไหลเอาด้วย ไอ้ใหญ่เอาแต่หัวเราะแล้วงับขากรรไกรผมที่ค้างอยู่ให้ปิดลง แล้วมันก็กลับไปกินข้าวของมันต่อ  ไม่มีรายงานผลการตรวจอะไรทั้งสิ้น

“อ้าว...ดูแล้วเป็นไงล่ะ ไม่เห็นบอกกูกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอมากเลย” ตอนพูดๆหัวมันก็หนักๆ แต่ก็ยังอยากรู้ครับ
“กูว่า..มึงเป็น..” ดูมันแกล้งผมครับไม่ยอมพูดให้จบ
“เป็นอะไร..ทำไมไม่บอกกู” หรือว่าผมจะเป็นมากจริงๆ แต่เอ๋...มันไม่ใช่หมอนี่
“เป็น..เป็นอะไรก็ไม่รู้ว่ะ  กูมองไม่เห็นอะไรเลย ฮ่าๆๆๆ”มันหลอกผมครับมันน่าไหมนี่ แต่ผมก็ไม่โกรธมันครับแค่เห็นมันยิ้มได้ผมก็ดีใจแล้ว ผมเอื้อมมือไปดึงแก้มมันแรงๆ “นี่แน่ะ...มาหลอกกู”

“โอ๊ย...กูเจ็บนะ”ไอ้ใหญ่โอดครวญ ผมเลยยิ่งดึงมากขึ้นคราวนี้ตัวมันเอียงตามมือผมมาเลยครับ ผมดึงมันจนหน้าใหญ่เข้ามาใกล้ผม  พอตาของเราสบกันผมก็ค่อยๆปล่อยมือลง แล้วเอามือตบแก้มมัน
“แก้มแดงหมดแล้ว..ไอ้คนขี้จุ๊ หึหึ” ไอ้ใหญ่ส่งตาเขียวให้ผมแล้วกลับไปนั่งกินข้าวต่อ หน้าแดงก่ำแล้วบ่นพึมพำๆ
 “ชอบแกล้งกู”

พอแกล้งมันเสร็จตัวผมเองกลับไม่ไหว ฝืนกินข้าวต่อไปอีกสองสามคำก็ต้องวางช้อนลง ไอ้ใหญ่มองผมแล้วส่ายหัว คงทนดูสภาพผมต่อไปไม่ไหว “กูว่ายังไงมึงก็ต้องหาหมอแล้วล่ะ หน้าตาแย่มาก เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วกูพาไปเอง”
ผมรีบปฏิเสธทันทีก็ผมรู้ว่ามันยุ่งจะตายไป “ไม่เป็นไรให้ลูกน้องมึงพาไปก็ได้ มึงก็ยุ่งๆอยู่”
ก็มันเป็นวันทำงานนี่ครับขนาดกินข้าวอยู่ก็ยังมีโทรศัพท์ มีลูกน้องมาถามนู่นนี่นั่น ดูวุ่นวายจริงๆ
“ไม่ได้  กูจะพาไปเอง กูอิ่มแล้วมาไปกัน”ผมแทบไม่มีแรงดื้อดึงกับมัน ใหญ่ลุกขึ้นมาพยุงผมจะพาเดินออกไปขึ้นรถหาหมอ  แต่พอมาที่รถแล้วกลับมีลูกน้องวิ่งมาตาม “เสี่ยครับเสี่ย...”

พอไอ้ใหญ่หันไปลูกน้องก็รีบรายงานว่า “ธนาคารที่เค้านัดกับเสี่ย เค้าโทรมาว่าจะถึงแล้วครับ” ผมเห็นแววตาลังเลของมันแล้วก็เข้าใจว่าคงเรื่องสำคัญเหมือนกัน ผมตบไหล่ใหญ่เบาๆแล้วบอกกับมันว่า “กูบอกแล้วไปกับลูกน้องมึงก็ได้ มึงอยู่เถอะ อย่าให้กูต้องมาเป็นภาระให้มึง”
ไอ้ใหญ่ถอนหายใจแล้วถามผม “มึงแน่ใจว่านะกูไม่ต้องไปด้วย”
 ผมยิ้มให้มันแล้วแถมด้วยเบ่งกล้ามให้ดู “กูแข็งแรงกว่าที่มึงคิดนะ ไปทำงานเถอะเดี๋ยวกูก็กลับมา”

ในที่สุดใหญ่ต้องเรียกลูกน้องให้มาพาผมไปหาหมอแทน  ยังเห็นมันยืนมองรถเลื่อนออกไปจากที่ร้านจนไกลมันถึงเดินกลับเข้าร้านไป ผมหลับตาพักอย่างอ่อนเพลียการเดินทางไกลมาตลอดคืนบวกกับอาการป่วยที่ผมเก็บสะสมไว้ทำให้ผมอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
พอไปถึงร้านหมอปรากฏว่าผมเป็นหวัดลงคอ ต้องฉีดยาแล้วพักผ่อนให้มากที่สุด หมอให้ยามากินอีกชุดใหญ่  เลยกลายเป็นว่าถึงแม้ผมจะไม่มาเชียงใหม่ผมก็คงต้องนอนป่วยอยู่กรุงเทพฯแน่ๆ พอกลับไปถึงที่ร้านผมยังมึนงงกับฤทธิยาที่ฉีด ต้องให้ลูกน้องใหญ่คอยแตะแขนพยุงตัวไว้  

แต่ผมก็ยังสายตาดีจนมองเข้ามาในร้านเห็นไอ้ใหญ่กำลังยิ้มให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นใครและเด็กที่เดาได้ว่าเป็นน้องออม  มันคงไม่ทำให้ผมสนใจมากนักถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่หน้าตาดีขนาดนั้น  
ผมไม่ได้สนใจเพราะว่าเธอสวย
แต่ผมสงสัยแค่ว่าเธอเป็นใครไอ้ใหญ่ถึงมีรอยยิ้มนี้ให้กับเธอ  
*******************************
ไปก่อนค่ะ ตอนนี้ไม่เศร้าเท่าไหร่เนอะ :o8:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 07-10-2009 17:17:52
ครูน้องออมปะ

T^T

ใหญ่ ของ ฝัน T^T


ลองรีเน็ตใหม่ดูครับ วันนี้ผมเข้าไม่ได้ พอรีมันก็เข้าได้ งงเต๊ก  :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 07-10-2009 19:53:16
ติดตามอย่างต่อเนื่องคับ

กลายเป็นมาไม่สบายซะงั้นน้องฝัน

ต้องรีบหายไวไวนะคับ ^^

ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร รออ่านอยู่นะค้าบ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 07-10-2009 20:44:53
กรี๊ดดดดด  จูบนี้หวานเหลือเกิน

แล้วใครที่ใหญ่ยิ้มให้ คงเป็นครูน้องออมละมั๊ง 


ฝันอย่าเพิ่งงอนเข้าใจผิดละ  ยังไงใหญ่ก็มีฝันในใจคนเดียว :man1:



หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 07-10-2009 20:56:21
 :z3: นางคนนั้นเป็นใครกันน๊า โผล่มาเป็นมารอีกแล้วเฮ้อ
แล้วจะรออ่านต่อน๊า
นิว(เหนื่อยๆ)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 07-10-2009 21:37:46
คุณครูของน้องออมจะมาแทรกกลางไม่ได้นะ
อย่ามายุ่งกับนุ้งใหญ่นะ ชิส์ คนอ่านหวงเจ้าฝันก็หวง

อ่านตอนนี้แล้วเต็มตื้นมากๆคะ ซึ้งอ่ะ หวานทั้งๆที่ยังอยู่ในบรรยากาศโศกอ่ะนะ
มีสัมผัสกัน มีปลอบโยนด้วยท่าทางและคำพูด
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อ่านแล้วน้ำตาปริ่ม :m15: เวลาที่เราอ่อนแอที่สุด คนที่เราอยากให้อยู่ ณ ตรงนี้
ด้วยกันก็มาอยู่แล้ว ตอนนี้จะต้องการอะไรมากไปกว่านี้ล่ะ ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

ผมอยากจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยขวางกั้นระหว่างเราไว้ ให้เวลาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ไม่เคลื่อนไปแม้แต่วินาทีเดียว มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนอ่อนหวานในความรู้สึกผม
>>  :o8:
ผมเอามือแตะที่เปลือกตาเมื่อมันหลับตาลงแล้วเป่าเบาๆ “เพี้ยง...ไม่ร้องนะ” แล้วกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
 “กูอยู่นี่แล้วนะ...อย่าร้อง”

>> ชอบวรรคนี้มากกกกกกกกกกกก เมื่อตอนเราเป็นเด็กเลยเวลาร้องไห้ ก็จะมีคนมาปลอบแบบนี้ มีเป่าหัวเพี้ยงๆด้วย อั๊ยยยยยยยยน่ารักกกกกกกและโคดซึ้ง :sad4:

รักของเรามันคงเหมือนสายฝน ขนาดหลบ ขนาดหลีกเลี่ยงแล้ว ละอองของฝนก็ยังมาเปียกตัวเราจนได้ จนวันหนึ่งที่มันเปียกเรามากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆเราก็ไม่กลัวฝนอีกต่อไป  พร้อมที่จะเปียกโดยไม่กลัวอะไรอีกแล้ว
>> เรารู้รู้ต่างหากว่าถึงหนีไปให้ไกลหรือพยายามฝืนแค่ไหน
เราก็หนีความจริงและค.รู้สึกของเราไปไม่พ้นอยู่ดี เราจึงเลือกที่จะ
ซื่อสัตย์กับค.รู้สึกของตัวเองมากกว่า

ตอนนี้น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกก ถ้าคุณครูไม่โผล่มา
ฝันหายไข้เลยดิ
+1 จัดให้คะ เืิลิศ!!!


หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 07-10-2009 21:58:38
จุ๊บ ๆ รีบน  :กอด1:
เอ..ผู้หญิงคนนั้นเป็นครูน้องออมหรือเปล่าเนี่ยะ
ตอนนี้มีจูบหวาน ๆ ปนไข้ไปด้วย ดีจัง  :o8:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 08-10-2009 02:46:53
ตอนนี้เศร้าน้อยค่ะ พอประมาณ
แต่มีทิ้งท้ายให้หวั่นใจเล็กน้อยว่า ผู้หญิงคนนั้นจะมาทำให้เกิดช่องว่างระหว่างใหญ่กับฝันมั้ย
หวังว่าฝันคงไม่คิดอยากให้ใหญ่มีคนช่วยดูแลอยู่ที่นี่นะ  :เฮ้อ:
บวกอีก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-10-2009 13:24:14
เรื่องมันต้องแบบ ฝันหวานๆๆ สิ
แบบฝันร้าย ฝันผวา ไม่เอา  :z3:

เจ้คนนั้นตัดบททิ้งไป คัตๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 08-10-2009 15:02:18
ได้จูบกันด้วย :-[
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 08-10-2009 15:44:45
จูบซะ เคลิ้มแทนเลย แอร๊ยยยยยยย   :o8: :-[
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๖๒๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๖๒๖
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-10-2009 18:39:28
ฝันหายไวๆนะจ๊ะ  จะได้มาช่วยใหญ่ดูแลน้องออม


ขอบคุณนะคะที่นำเรื่องดีๆ  มาให้อ่าน

ที่สำคัญ  เรื่องนี้เขียนได้ละเมีดละไม  อบอุ่นมากจ้า

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๗๒๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๗๒๗
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 10-10-2009 11:28:11
ช่วงนี้งานเยอะค่ะ แล้วคนแต่งก็งานเขียนไม่เดิน อาจจะทิ้งช่วงไปบ้างก็ขอโทษล่วงหน้าด้วยค่ะ :m13:
****************************
(ตอนที่ ๒๗)

รอยยิ้มนั้นยังคงมีอยู่ต่อไปจนผมเดินเข้ามาในร้านแล้วน้องออมเห็นผมก่อน “พ่อขา...นี่ลุงฝันใช่มั้ยคะ”
ใหญ่เดินจูงมือน้องออมพามาหาผมแล้วบอกน้องออมด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “สวัสดีลุงฝันซิคะลูก ไหว้สวยๆเหมือนที่คุณครูสอนนะ” น้องออมยกมือไหว้ผมแล้วย่อขาลงอย่างน่ารัก เสียงใสๆพร้อมดวงตาบริสุทธิ์ที่มองมาทำให้ผมประหม่า “สวัสดีค่ะลุงฝัน”

ผมอยากจะเข้าไปลูบหัวแล้วหอมแก้มใสๆนั้นแต่ก็รู้ตัวดีว่ากำลังไม่สบายไม่อยากจะเอาเชื้อไปแพร่ให้เด็ก เลยได้แต่ยกมือรับไหว้อยู่ห่างๆแค่นั้น “สวัสดีค่ะน้องออม  ลุงอยากเข้าไปใกล้ๆหนูนะแต่ตอนนี้ลุงฝันไม่สบายเดี๋ยวหนูจะติด”  น้องออมทำหน้างงๆแล้ววิ่งเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น
ได้ยินเสียงไอ้ใหญ่บ่นพึมพำๆ “ทีผู้ใหญ่ไม่เห็นกลัวว่าจะติด” พูดแล้วมันก็หน้าแดงเอง
“มึงพูดอะไรนะ กูฟังไม่ถนัด ”ผมย้อนถามมันยิ้มๆ แต่ไอ้ใหญ่ทำตาเขียวใส่ผมแล้วพูดกับผมเสียงดุๆว่า
 “จุ๊ จุ๊ พูดเพราะๆหน่อยครับลุงฝัน เดี๋ยวหลานผมจะติดภาษาคุณไป” ผมเลยต้องอมยิ้ม  ไอ้ใหญ่มันละเอียดอ่อนจริงๆกับการเลี้ยงหลาน

 ได้ยินเสียงใสๆแทรกขึ้นมาว่า “คุณพ่อน้องออมดุจังเลย ไม่เว้นแม้แต่กับเพื่อนนะคะ”  ผมได้แต่หันไปมองเจ้าของเสียงนั้น เธอส่งรอยยิ้มสดใสมาให้ผมแล้วยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อน้ำ เป็นครูของน้องออมค่ะ” ผมรีบยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน เสียงของเธอใสเหมือนเสียงน้ำจริงๆครับ  “ยินดีที่ได้รู้จักครับเรียกผมว่าฝันก็ได้”

ผมรับรู้ว่านี่คงเป็นคุณครูที่ใหญ่ฝากน้องออมไว้ แต่นอกเหนือจากนั้นผมก็ไม่มีข้อมูลอะไรอีก แต่ถ้าดูจากการพูดคุยกันก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องสนิทสนมกันพอสมควร ได้ยินเสียงใหญ่อธิบายให้ผมฟังว่า “คุณครูมาส่งน้องออม แล้วค่ำๆจะกลับมาใหม่มาอยู่เป็นเพื่อน ตอนที่เรากับพ่อไปที่วัด”
ใหญ่หันไปส่งยิ้มให้ครูน้ำ “รบกวนคุณครูมากจริงๆ” คุณครูไม่ตอบแต่สบตาใหญ่แล้วยิ้มหวานให้ ผมเห็นแล้วเหมือนหายใจจะไม่ออก ต้องเดินไปนั่งที่เก้าอี้ก่อน ตอนนี้ผมเริ่มจะทรงตัวไม่ไหว

 ไอ้ใหญ่เหมือนจะสังเกตเห็นเอื้อมมือมาจับที่ไหล่ผมไว้ “ไปหาหมอมาเป็นยังไงบ้างฝัน”
“ เป็นไข้หวัดลงคอ ขอนอนพักสักหน่อยก็คงดีขึ้น ฮัดเช้ย...” คุณครูรีบจูงมือพาน้องออมให้ห่างจากผมคงจะกลัวว่าเด็กจะติดหวัด
ผมเห็นท่าไม่ดีเลยขอตัวขึ้นไปนอนดีกว่า “ใหญ่กู..เอ๊ย... เราไปนอนก่อนนะ นายจะไปวัดแล้วไปปลุกเราด้วยล่ะ”
 แต่ใหญ่กลับบอกว่า “นายไม่ต้องไปหรอก ไม่สบาย ไปทำไมนอนพักเยอะๆดีกว่า”
ผมทำหน้านิ่วก็ผมมาตั้งไกลเพื่อมาช่วยงานมันแล้วจะให้ผมมานอนสบายอยู่ได้ยังไง “แต่กู..เอ๊ยเราตั้งใจมานะ”
“เรารู้  แต่ถ้านายไปแบบป่วยๆ เราก็จะเป็นห่วง”ไอ้ใหญ่ทำสีหน้าขัดใจ
แต่ใครจะไปยอมมัน “ไม่รู้ล่ะเราจะไป  อย่าลืมปลุกด้วยล่ะ คุณครูครับผมขอตัวก่อนนะครับไว้คุยกันวันหลัง วันนี้ผมไม่ไหวจริงๆ”

ครูน้ำยิ้มให้ผม “ไปพักเถอะค่ะจะได้หายไวๆ น้องออมสวัสดีคุณลุงซิคะ แล้วเดี๋ยวเราจะได้ไปทำการบ้านกัน” น้องออมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ดูแล้วก็น่าหมดห่วงจริงๆถ้าให้หลานอยู่กับครูคนนี้
ใหญ่มองครูกับหลานที่เดินจากไปด้วยสายตาอ่อนโยน ผมมองเห็นความเศร้าอยู่ในแววตาของมันอยู่ดี
“ครูดีนะ ท่าทางรักเด็ก”ผมบอกมันไปแบบนั้น
ไอ้ใหญ่หันมาตอบ “ใช่..ถ้าไม่มีครูน้ำกูคงแย่กว่านี้”ผมฟังแล้วก็จุกๆความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจผม แต่ก็ฝืนยิ้มให้มัน
 “อืม..มึงโชคดีที่มีเค้า”
 ผมพูดด้วยใจจริงๆไม่ได้ประชดแต่อย่างใด ถึงแม้ใจผมมันจะแกว่งๆก็ตาม  ผมค่อยๆดันตัวเองให้เดินขึ้นบ้านอย่างช้าๆไอ้ใหญ่เองก็เดินซ้อนตามหลังผมมา  มือของมันที่แตะเอวผมอยู่อย่างแผ่วเบาทำให้รู้ว่ายังไงใหญ่ก็ยังอยู่กับผมในตอนนี้
 “กูเป็นห่วงมึงนะ ปกติมึงไม่เคยป่วยเลยตั้งแต่เรารู้จักกันมา” เสียงของมันสงบนิ่งแต่ก็จริงใจจนผมรับรู้ได้

ผมพูดตอบไปโดยไม่ได้หันหลังไปมองมัน “กูก็คนนะ  มีป่วยเหมือนกัน แต่ไม่น่าจะมาป่วยตอนนี้เลย  กูอยากมาดูแลมึง เลยกลายเป็นว่ามึงต้องมาดูแลกูเพิ่มอีกคน” ผมกลายเป็นภาระของไอ้ใหญ่ที่นำมาส่งให้ถึงที่เลยทีเดียว
ถ้าผมไม่มา.... “ถ้ากูไม่มา มึงก็ไม่ต้องมายุ่งยากกับกู”

ผมกับไอ้ใหญ่ต่างคนต่างเดินเงียบๆเข้าไปในห้อง ผมล้มตัวนอนลงบนเตียงไอ้ใหญ่อย่างถือวิสาสะ เพราะอาการมึนจนผมทนไม่ไหว ไอ้ใหญ่นั่งลงบนเตียงข้างๆผม มันเอามือลูบหน้าผมอย่างช้าๆ ผมยังไม่อยากหลับตาทั้งที่ตาหนักจนแทบจะปิดอยู่แล้วแต่ก็ฝืนทนไว้  มือที่ลูบแก้มผมอยู่ทำเอาผมเพลินจนใกล้จะหลับ
ไอ้ใหญ่มองผมนิ่งๆจนผมเดาใจไม่ถูกว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันก็พูดขึ้นมา

“ถ้ามึงไม่มา...กูก็คงได้แต่คิดถึง มึงมา..กูก็คิดถึง”

ใหญ่มันยิ้มน้อยๆให้ผม “แต่ยังไงกูก็ดีใจที่มึงมา ถึงแม้มึงจะมาให้กูดูแล กูก็เต็มใจ”
 ผมเอามือไปจับมือมันแล้วกุมเอาไว้ “กูขอโทษนะที่ไม่ได้ช่วยอะไรมึงเลย....”ยากำลังออกฤทธิเต็มที่ทั้งยาฉีดยากิน
ผมหลับตาลงพร้อมกับคำสุดท้ายที่ได้ยินจากปากใหญ่คือ “มึงช่วยกูแล้ว  ที่มาอยู่ข้างๆกู...”

ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน จำได้ว่าตอนที่กลับมาจากไปหาหมอประมาณบ่ายสามกว่าๆ แต่ตอนนี้มองออกไปข้างนอกไม่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์อีกต่อไป   ความร้อนในร่างกายผมยังไม่ลดลงไปเท่าไหร่แต่ความรู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวกลับเพิ่มขึ้นมาแทนที่  ผมนอนไปนานมากแต่ก็ยังรูสึกว่ายังไม่เพียงพอ  แต่ผมก็ยังไม่ลืมว่าผมจะไปวัดเพื่อไปฟังสวดงานศพแม่ใหญ่

ผมพยายามลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วลากสังขารลงบันไดลงมาข้างล่าง พอลงมาก็ไม่มีใครอยู่แล้วมีเพียงโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ กับพัดลมที่เปิดไว้อยู่เหมือนกัน  ผมเดินเข้าไปปิดสวิทซ์แล้วก็นั่งลงค่อยๆคิดว่าผมจะทำยังไงต่อไปดี ใครจะพาผมไปวัดได้ ก็พอดีกับลูกน้องใหญ่เดินเข้ามาพอดี ก็คนเดิมล่ะครับ “อ้าวพี่..ตื่นแล้วเหรอ เมื่อกี้เสี่ยเพิ่งโทรมาว่าให้เอาข้าวต้มขึ้นไปให้พี่ข้างบน”
“แล้วเสี่ยอยู่ที่ไหน..น้อง...ชื่อไร..นะเรา?” ไอ้หนุ่มนั่นเกาหัวแกรกๆ “เสี่ยอยู่วัด ผมชื่อโอ้”
ผมหันมองไปรอบๆทำไมเงียบมากราวกับว่ามีผมอยู่กับนายโอ้นี่อยู่แค่สองคน “นี่ไปไหนกันหมดล่ะ  ไหนว่าครูน้ำมาอยู่เป็นเพื่อนน้องออม....แล้วไปไหนแล้ว”
“อ๋อ...น้องออมงอแงอยากไปหาคุณยายด้วย คุณครูเลยพาตามไปที่วัดแล้วครับ”ผมพยักหน้ารับรู้ ดูเวลาตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้วพระก็คงสวดจบพอดีแต่ผมก็ยังอยากไป “โอ้  พี่อยากไปวัดไปกราบศพแม่ โอ้พาพี่ไปหน่อยซิ”

 นายโอ้ทำหน้าตาลังเลใจเหมือนไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี หมุนไปหมุนมา แล้วมันก็เสนอผมว่า “พี่กินข้าวก่อนซิ เดี๋ยวเสี่ยโทรมาถามผมแล้วพี่ยังไม่กินข้าวผมโดนด่าแน่ๆ”
เฮ้อยุ่งกับชีวิตกูจริงๆไอ้นี่...ผมเลยพยักหน้าตัดความรำคาญแต่ความจริงก็เริ่มหิวขึ้นมาเหมือนกัน “งั้นรีบเอามาเลยจะได้รีบกินรีบไป” นายโอ้ยิ้มอย่างพอใจแล้วรีบมาพาผมไปที่โต๊ะ  มันจัดยาให้ผมเสร็จเรียบร้อยแล้วดูแลแขกดีเหมือนกันนะนี่  ผมเลยหันไปขอบใจมัน “โอ้จัดยาให้พี่ด้วยเหรอ ขอบใจนะเรา”
นายโอ้หัวเราะร่วนแล้วโบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่ผมครับพี่  เสี่ยซิจัดไว้ก่อนไปวัด ขานั้นจัดยาให้ทุกคนในบ้าน มือวางอันดับหนึ่ง”

ผมฟังแล้วก็อมยิ้มกับเรื่องเล็กๆเหล่านี้ใหญ่มันน่ารักเสมอๆ ดูแลเอาใจใส่ทุกคนที่อยู่รอบข้าง ผมพยายามกินข้าวให้ได้มากหน่อยจะได้มีแรงแต่ก็ยังกินไม่ค่อยลง  แต่ใช้เวลาไม่กี่นาทีผมก็กินเสร็จ ผมพยักหน้าให้นายโอ้ที่ยืนรออยู่ “ไปกัน..โอ้ เดี๋ยวจะสวนกันกับใหญ่”
ในที่สุดผมก็มาถึงวัดจนได้แม้ว่าจะไม่อยู่ในสภาพที่ควรไปไหนในตอนนี้เลย นายโอ้มันพาผมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ที่ขี่ด้วยความรวดเร็วจนผมหนาวสั่นไปหมด  รถเข้าจอดพอดีตอนที่ผมเห็นไอ้ใหญ่เดินออกมาจากศาลาวัด  น้องออมหลับคอพับพาดไหล่มันอยู่  ครูน้ำเดินอยู่ข้างๆ พ่อไอ้ใหญ่เดินตามหลังมาห่างๆ  มองดูแล้วเหมือนครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่งที่อบอุ่น  ผมรู้สึกจุกขึ้นมาอีกครั้ง  สงสัยผมจะเคืองตาน้ำตามันเลยมาคลอๆอยู่ที่ตา จนผมต้องเหลือบตาขึ้นไปมองข้างบนกลั้นความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างเงียบๆในใจ

 ผมฝืนส่งยิ้มให้ไอ้ใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าที่ตกใจของมัน “มาทำไมฝัน...ไอ้โอ้กูจะหักเงินเดือนมึง เพื่อนกูป่วยๆยังพาซ้อนมอเตอร์ไซด์ตากลมมาอีก”
ใหญ่มันเดินมาหาผมกับโอ้ทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ผมเพิ่งเห็นเวลามันดุลูกน้องแบบนี้ ดูๆไปก็น่ากลัวเหมือนกัน หันไปเห็นนายโอ้หน้าถอดสีพอเจ้านายบอกว่าจะหักเงินเดือนผมก็สงสารมัน
“อย่าไปดุมันเลย กูสั่งมันให้พามาเอง กูอยากมากราบแม่มึง” ไอ้ใหญ่ทำหน้าขัดใจเมื่อผมพูดจบแล้วก็บ่นกับผม
“มึงชอบดื้อ คนป่วยเค้าไม่ให้มางานศพ แล้วหายดีค่อยมาก็ได้ แม่กูยังสวดอีกหลายวัน หรือมึงจะรีบกลับกรุงเทพ”

 ฟังแล้วเหมือนมันเริ่มพาลขึ้นไปทุกที  พ่อไอ้ใหญ่เดินเข้ามาหาพอดีผมเลยยกมือสวัสดีเพื่อขัดจังหวะการบ่นของมัน    “พ่อหวัดดีครับ ผมขอโทษครับมาตั้งนานไม่ได้ไปไหว้พ่อเลย” พ่อยิ้มใจดีแล้วบอกว่า “ก็ป่วยอยู่ พ่อไม่ถือหรอก แล้วนี่ดีขึ้นแล้วเหรอถึงมานี่ได้”
พ่อถามผมแต่หันไปมองหน้าไอ้ใหญ่ มันเลยได้ทีกระหน่ำผมต่อ “ก็ดูหน้ามันยังเหลืองๆอยู่เลย แล้วก็ดื้อมา ไม่รู้จะรีบร้อนมาทำไม” พ่อมันเลยหัวเราะขำไอ้ใหญ่ แล้วมาพูดกับผมว่า “ฝันว่ามั้ย พ่อว่าใหญ่มันขี้บ่นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ”
ผมไม่ตอบได้แต่ยิ้มๆแล้วพยักหน้า  ไอ้ใหญ่เลยหน้างอ ครูน้ำที่ยืนอยู่ข้างๆก็อมยิ้ม

 “นี่กำลังจะกลับกันแล้วเหรอครับ” ผมมองเข้าไปในศาลาแทบไม่มีแขกอยู่แล้วครับ “งั้นผมเข้าไปกราบศพแม่ก่อน  จะไปกันก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไหว้เสร็จแล้วก็คงกลับ เลยไม่ได้มาฟังพระสวดแย่จัง”
ไอ้ใหญ่ทำหน้าลังเลใจหันไปมองหน้าพ่อมันถามความเห็น พ่อใหญ่เลยบอกว่า “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวพ่อไปส่งครูกับน้องออมเอง ใหญ่อยู่กับเพื่อนก่อนก็ได้” ผมทำหน้าสงสัยที่พ่อบอกว่าไปส่งครูกับน้องออม ครูน้ำเลยช่วยไขความกระจ่างให้ผม “คืนนี้น้องออมนอนกับน้ำค่ะ เพราะคุณใหญ่กลัวติดหวัดคุณฝัน”

ผมฟังแล้วก็รู้สึกผิดที่ไม่น่าเอาเชื้อหวัดมาแพร่ให้บ้านใหญ่ที่มีทั้งคนแก่และเด็กเลย  แต่ก็เป็นไปแล้วก็เลยได้แต่ถอนใจ  ไอ้ใหญ่ส่งน้องออมที่ยังหลับอยู่ให้พ่อก่อนที่จะสั่งนายโอ้ว่า “โอ้ทิ้งมอเตอร์ไซด์ไว้นี่ แล้วไปขับรถให้เถ้าแก่กับคุณน้ำ  แล้วก็ค่อยมาเปลี่ยนมอเตอร์ไซด์ตอนขากลับร้าน  ฉันจะใช้รถต่อ เข้าใจมั้ย” โอ้รับกุญแจไปแล้วก็รีบวิ่งไปเปิดประตูให้พ่อ  เป็นอันว่าแยกย้ายกันไปเรียบร้อย

  เสร็จแล้วไอ้ใหญ่ก็พาผมเข้าไปข้างในศาลา  ตอนนี้มีเพียงลูกน้องไม่กี่คนที่นอนเฝ้าศาลาอยู่  ใหญ่เข้าไปจุดธูปให้ผมไหว้ศพ  รูปของแม่ยังยิ้มสวยหน้าตาอิ่มเอิบกว่าครั้งที่ผมเจอ
 ผมได้แต่บอกกับแม่ว่า ‘แม่ครับ ผมฝันนะครับ ขอให้แม่อย่าห่วงคนทางนี้ ผมจะช่วยดูแลใหญ่ลูกแม่เองครับ พ่อกับน้องออมด้วยยังไงผมก็ไม่ทิ้งครับ ขอให้แม่ไปสู่ชาติภพที่ดีอย่างหมดห่วงเถอะครับ’
*******************************************
 :oni1: แล้วก็วิ่งจากไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง



หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๗๒๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๗๒๗
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 10-10-2009 13:23:59
 :z13:

จิ้มคนแต่ง กะคนโพสนะค้าบ

ขอบคุณที่มาต่อให้นะคับ

ทิ้งช่วงยังไงก็รอได้คับผม  :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๗๒๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๗๒๗
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-10-2009 14:23:45
ไกลก็ไกลกัน ภาระของแต่ละคนอีก
ไม่อยากให้เรื่องนี้มาแนวเศร้าเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๗๒๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๗๒๗
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 10-10-2009 14:34:20
ฝันอย่าคิดมาก น้ำเป็นแค่ครูของน้องออม   
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๗๒๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๗๒๗
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 10-10-2009 15:04:41
 :serius2: แอร๊ยยย อยากให้ได้อยุ่ด้วยกันอ่ะ   :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๗๒๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๗๒๗
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 10-10-2009 15:45:07
ครูน้ำไรนั่น คงชอบใหญ่นะ  เหอะ 


อย่านะ  อย่ามาสร้างความร้าวฉาน ด้วยการทำให้ฝันเข้าใจผิด (คิดว่าใหญ่คงรักฝันไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว

กลัวแต่ฝันมันจะบ้า เข้าใจผิดแล้วผลักไสใหญ่น่ะสิ

 อารมณ์มึงกลับไปเดินเส้นทางปกติเถอะว่ะ มีครอบครัว มีลูกเมีย  :z3:

หากเป็นอย่างนี้ แสรดเลย  ขออย่าให้เกิด  :call: )

‘แม่ครับ ผมฝันนะครับ ขอให้แม่อย่าห่วงคนทางนี้ ผมจะช่วยดูแลใหญ่ลูกแม่เองครับ พ่อกับน้องออมด้วยยังไงผมก็ไม่ทิ้งครับ ขอให้แม่ไปสู่ชาติภพที่ดีอย่างหมดห่วงเถอะครับ’  ฮิ้ววววววววววววววววววว  ขอใหญ่กะแม่ฝัน   


เมื่อไหน่ NC กันซะทีคู่นี้  แม่ยกแอบใต้เตียงรอแระ :z1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๗๒๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๗๒๗
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 11-10-2009 02:31:34
เฮ้ออออเจ้าฝันเอ้ย น้อยอกน้อยใจใหญ่เลยนะเนี่ย
ตัดพ้อซะ เจ้าใหญ้ต้องมาคุยให้เข้าใจเลยอ่ะ
แต่ก็นะ ภาพที่เราเห็นมันก็ทำให้เรากัวอะไรบางอย่างลึกๆก็เป็นได้
แต่เชื่อใจนุ้งใหญ่หน่อยสิ ถ้ามันจะมีใครสักคนอ่ะ มันก็มีไปนานแล้วล่ะ
เชื่อใจกันหน่อยนะ อย่าคิดไปเองเออเอง

+1 จัดให้คะ เลิศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๗๒๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๗๒๗
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 11-10-2009 02:52:35
ก็เป็นไปได้ที่ฝันจะคิดเยอะเรื่องใหญ่กับครูน้ำ
คราวที่แล้วใหญ่ก็ยังคิดมากเรื่องฝันกับอ้อยเลย
แต่ยังไง ฝันก็อย่าลืมนะว่า สัญญากับแม่ของใหญ่ไว้แล้ว ต้องทำตามนะ ห้ามทิ้ง!
บวก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 12-10-2009 17:54:53
เอามาลงต่อก่อนครึ่งเดียวนะคะ ตอนนี้มันยาว :L2:
*****************************
(ตอนที่ ๒๘)

ผมส่งธูปไปให้ใหญ่เอาไปปักในกระถางธูป  กราบแม่อีกครั้งแล้วก็ออกมานั่งกับใหญ่ด้านหน้าศาลาระหว่างที่รอรถมา  ลมจากด้านนอกพัดเข้ามาในศาลาทำให้เย็นสบายแต่ผมเริ่มหนาว  ใหญ่มันนั่งเงียบๆเหมือนใช้ความคิดอะไรอยู่จนผมไม่กล้าพูดอะไร  แล้วใหญ่ก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาว่า
  “ชีวิตก็แปลกนะฝัน ปีที่ผ่านมาเหมือนชีวิตกูมันเปลี่ยนไปหมด ทุกเรื่องจริงๆ” ใหญ่มองหน้าผมนิ่งๆเหมือนจะบอกผมว่า ที่ว่าชีวิตมันเปลี่ยนก็รวมถึงเรื่องระหว่างผมกับมันด้วย

“กูถามมึงตรงๆ ทำใจเรื่องแม่ได้รึยัง” ผมว่าใหญ่มันนิ่งมากครับตั้งแต่เช้าที่ผมนอนกอดมันแล้วมันร้องไห้  ผมก็ยังไม่เห็นมันเสียน้ำตาอีกเลย
ใหญ่บอกผมว่า “กูทำใจได้แล้ว ตอนที่แม่ป่วยกูก็รู้ว่าแม่ไม่มีความสุข  คนป่วยถ้ากำลังใจดีก็อยู่ได้อีกนานนะ  แต่พอมาเจอเรื่องเล็กตายไปกำลังใจแกไม่ฟื้นมาอีกเลย  แม่รักเล็กมากเพราะอยู่ใกล้ชิดมาตลอด แกชอบบอกว่าแม่โชคร้ายที่ต้องมาเผาศพลูกก่อน”
“แล้วพ่อล่ะ พ่อดูสงบมากเลยนะ”
ใหญ่พยักหน้า “ใช่ กูว่าพ่อคงผ่านมาเยอะแล้วเรื่องเกิดแก่เจ็บตาย  แต่มีน้องออมมาให้เลี้ยงก็ช่วยคลายเหงาไปบ้าง” ผมไม่กล้าถามเรื่องครูน้ำ ได้แต่คิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เรื่องสำคัญคืออยู่ที่ใจของใหญ่มากกว่าว่าคิดยังไง

ใหญ่พูดต่อเหมือนระบายความในใจออกมา “บางครั้งกูก็นึกสงสัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดมันคือความจริงหรือความฝัน”ผมเอื้อมมือไปกุมมือมันเงียบๆ ฟังมันพูดต่อ
 ใหญ่เอามือมันมากุมมือผมอีกทีบีบเบาๆ “มือมึงเย็นมาก หนาวเหรอ” ผมส่ายหน้าทั้งที่ในใจก็หนาวอยู่เหมือนกัน เสียงฟ้าร้องครืนๆเหมือนฝนกำลังจะตก ผมหงายมือขึ้นมาให้นิ้วของเราสอดประสานกันไว้แล้วยิ้มให้มัน “แค่นี้กูก็ไม่หนาวแล้ว”
 มันยิ้มตอบกลับมาให้ผม   ผมเลยพูดต่อเมื่อเห็นมันเงียบไป “ กูดีใจที่มึงเข้มแข็งขึ้นนะ มึงพูดต่อซิ กูกำลังฟัง” 
ใหญ่มันคงกลัวจะเสียเปรียบเมื่อเห็นผมไม่ค่อยพูด “แล้วมึงไม่เห็นพูดบ้าง”

ผมส่ายหน้า“กูอยากฟังเสียงมึง เสียงสดๆ จากมึง” ไอ้ใหญ่บีบมือผมแน่น สายตามันมองออกไปด้านนอกที่มืดมิดเห็นเพียงแนวถนนอย่างเลือนราง  เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ไอ้ใหญ่ถอนหายใจ “กูมันคนมีภาระเยอะ  มีคนที่กูต้องดูแลอีกทั้งคนแก่ทั้งเด็ก  มึงดูข้างนอกนี่ซิหนทางข้างหน้าในชีวิตกูก็มืดเหมือนข้างนอกนี่ล่ะ แสงสว่างที่เห็นมันก็มีน้อยเหลือเกิน”ฟังน้ำเสียงของมันแล้วผมพลอยรู้สึกโดดเดี่ยวไปด้วย  ดูเหมือนคนเหงาและหมดกำลังใจ

“มึงกลัวเหรอ” ผมยังไม่แน่ใจว่ามันจะพูดอะไร   หรืออะไรกันแน่ที่มันกำลังจะบอกผม ผมพยายามมองแววตาของมันก็เห็นเพียงสายตาที่มองเหม่อไปไกลที่ผมยังดูไม่ออก
“กูไม่กลัว แต่กูไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดินร่วมทางมืดๆกับกู”
ผมฟังแล้วก็เริ่มปวดหัวจิ๊ด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเกิดจากอาการไข้หรือจากคำพูดของใหญ่ที่ฟังแปลกๆ
“มึงจะบอกอะไรกับกูแน่ พูดมาตรงๆ” ไอ้ใหญ่ทำท่าจะดึงมือออกจากมือผม แต่ผมกำไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือมันไป
“มึงปล่อยมือกูก่อน”ไอ้ใหญ่มองหน้าผม เสียงมันจริงจังจนผมกลัว
แต่ผมก็.. “ไม่ปล่อย  มึงลืมไปแล้วเหรอว่าถ้าเราจะปล่อยก็ต้องปล่อยพร้อมกัน  กูจะไม่ยอมปล่อยมึงไปง่ายๆแบบนี้หรอก”

“มึงยังมีอนาคต”

มันพูดแล้วก็หันหน้าออกไปข้างนอกอีกเหมือนมันไม่อยากมองหน้าผม  แม้ผมจะเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของใหญ่ก็ยังดูเศร้าๆ   
แต่ผมเริ่มเศร้ากว่า“ใช่กูยังมีอนาคต  แต่อนาคตกูก็มีมึงด้วย” แค่มันพูดสั้นๆแค่นี้ ผมเริ่มเข้าใจลางๆแล้วว่ามันกำลังคิดอะไร

 “มึงอย่าฟุ้งซ่านใหญ่ กูรู้ว่ามึงเสียใจที่แม่มึงตาย  แต่ชีวิตมึงยังอยู่ แล้วก็ต้องอยู่อย่างมีความสุขด้วย”
“กูจะมีความสุขได้ยังไง  ถ้ากูยังผูกมึงไว้แบบนี้”มันหันมามองผมด้วยดวงตาเจ็บปวด น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนไป
“มึงป่วยขนาดนี้ มึงก็ยังดันทุรังมาหากูตั้งไกล ต้องทิ้งงานทิ้งการ ทิ้งแม่มึงมา  กูดีใจนะที่เห็นมึง แต่กูก็เศร้าใจที่กูทำให้มึงลำบาก  มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งไปเสมอๆเลยเหรอ คราวก่อนมึงก็มา  วันเดียวมึงก็ยังมา”
“...........”ผมฟังแล้วถึงกับเงียบไป

ผมฟังแล้วอยากร้องไห้เหมือนความสุขของเราเมื่อผมมาเชียงใหม่  กลับไปทำให้ใหญ่มันคิดมากจนกลายมาเป็นเรื่องที่มันยกมาพูดขึ้นในตอนนี้  ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะคิดมากขนาดนี้
“ที่มึงพูดมามันทำร้ายน้ำใจกูนะใหญ่  มึงพูดเหมือนดูถูกน้ำใจกู” ผมเริ่มน้อยใจมันแล้วเปลี่ยนมาเป็นโกรธ  คนที่รักกันในพจนานุกรมส่วนตัวมันไม่เคยต้องมีคำว่า ‘ เกรงใจ หรือ ลำบาก  ’  เพราะทุกสิ่งที่ทำมันมาจากใจทำไปด้วยความรัก

“กูขอโทษ”ใหญ่พูดเสียงสั่นๆพยายามสบตาผมเหมือนจะขอโทษ แต่ผมก็ยังโมโหอยู่ดี  ทั้งที่ตอนนี้เริ่มมึนหัวอีกครั้ง น้ำเสียงของผมแข็งขึ้นไปเรื่อยๆ “มึงขอโทษกูทำไม ทุกอย่างมึงตัดสินใจไปหมดแล้วนี่”
 ผมหยุดข่มอารมณ์แล้วพูดต่อ “ ถ้ามึงคิดถึงใจกูมากกว่านี้ มึงจะไม่พูดทั้งหมดที่มึงพูดมา”
พูดไปแล้วก็เริ่มอารมณ์ขึ้น “ถ้ามึงคิดว่าที่กูผูกกับมึงไว้มันทำให้มึงลำบากใจ  มึงก็เลยจะตัดมันไปงั้นซิ  มึงคิดแบบนี้ใช่มั้ย”

ผมพูดจบแล้วก็ดึงมือออกจากมันลุกขึ้นเดินออกมา   เดินไปรอโอ้ที่ลานจอดรถผมต้องยืนกอดอกเพราะลมพัดแรง ฝนเริ่มลงเม็ดปรอยๆ แต่ผมก็ไม่สนใจไหนๆผมก็ป่วยไปแล้วจะป่วยมากกว่านี้ก็คงเท่านั้น  โอ้ไปนานแล้วเดี๋ยวก็คงมาผมอยากกลับไปนอนไม่อยากฟังเรื่องบ้าๆที่ไอ้ใหญ่มันพูดอีก  ตอนนี้ผมปวดหัวมากขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกที่ก่อกวนใจเรื่องครูน้ำยังไม่ทำให้ผมอารมณ์เสียเท่านี้ มือไม้เย็นชืดไปหมด

“ฝัน เข้ามาข้างในเถอะ  ฝนลงเม็ดแล้วเดี๋ยวจะยิ่งแย่” ไอ้ใหญ่เดินมาดึงแขนผมให้เข้าไปข้างใน  ผมหันไปมองหน้ามันแล้วปลดมือของมันที่จับแขนผมอยู่ออก ผมยิ้มเยาะให้มัน “มึงคิดว่าถ้ากูโดนฝนมันจะแย่กว่าที่มึงพูดมาเมื่อกี้นี้เหรอ”
ไอ้ใหญ่น้ำตาร่วงลงมาอาบแก้มทันทีที่ผมพูดจบ มันเอาหลังมือเช็ดน้ำตาที่แก้มที่ไหลลงมาไม่หยุด
“กูพูดเพราะกูรักมึงนะฝัน”

ไอ้ใหญ่หันหลังให้ผมแล้วก้มหน้าร้องไห้ออกมา  ตัวมันสั่นไปหมด ถึงแม้ว่ามันจะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ดังไปกว่านี้ผมก็ยังได้ยิน  ผมเกือบจะก้าวเข้าไปโอบไหล่มันไว้ไม่ให้มันร้องไห้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำ
 “มึงไม่ต้องร้องไห้ ถ้ามึงคิดว่าที่มึงต้องการให้กูทำมึงคิดดีแล้ว มึงอย่าร้อง” ผมยังคงพูดจาทำร้ายใจมันต่อไปทั้งที่ทุกคำพูดของผม  มันก็เหมือนกรีดลงไปบนแผลเดิมที่ไอ้ใหญ่มันลงมีดกรีดลงมาแล้ว คำที่มันว่า ‘กูพูดไปเพราะกูรักมึง’  มันยิ่งทำให้ผมเจ็บ คนที่รักกันแล้วผลักไสกันจะยังเรียกว่ารักได้หรือ

คำพูดของผมยังไม่หมดแต่โอ้ก็เดินมาพอดี “พี่ผมมาแล้ว อ้าว..เสี่ยเป็นอะไร” โอ้มันเห็นเจ้านายยืนก้มหน้าหันหลังอยู่มันก็เลยสงสัย ผมเลยบอกมันไปว่า “เสี่ยเค้าคิดถึงแม่นิดหน่อยไม่มีอะไร”

 ตอนนี้ฝนเริ่มตกหนักขึ้น โอ้มันตัดสินใจทิ้งมอเตอร์ไซด์ไว้ที่วัดก่อนแล้วค่อยมาเอาพรุ่งนี้ โอ้ต้องเลื่อนเอารถไปเก็บข้างในวัดก่อน  เลยเรียกผมกับใหญ่ขึ้นไปนั่งรอบนรถ  ไอ้ใหญ่ยังยืนเฉยตอนที่ผมขึ้นไปนั่งบนรถก่อน ผมก็ไม่ไปดึงใหญ่ขึ้นรถเพราะผมยังโกรธมัน   มันยืนจนเปียกฝนไปหมดทั้งตัว เรามองกันและกันผ่านจากกระจกรถ  ผมกับมันมองตากันอย่างปวดใจ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มันยังร้องไห้อยู่รึเปล่า เพราะฝนตกแรงขึ้นจนเปียกหน้าไปหมดหรือเพราะตาผมก็พร่ามัวไปด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาเหมือนกัน

โอ้ต้องใช้แรงลากเจ้านายตัวเองขึ้นรถ “ทำไมเสี่ยไม่ไปรอบนรถ เดี๋ยวก็ป่วยไปอีกคนหรอก เฮ้อทำตัวเป็นเด็กอีกคนแล้ว ฝนนี่ก็ตกอยู่ได้ ไม่รู้ฟ้าจะร้องไห้อะไรกันนักหนา” โอ้มันบ่นๆแล้วก็หันมามองผมแล้วก็ส่ายหัว
 “พี่ฝันก็เป็นอะไรอีกคนล่ะ นอนหลับไปแล้วเหรอ หลับง่ายจริง” โอ้คงไม่เห็นน้ำตาของผมเพราะภายในรถค่อนข้างมืด เห็นผมหลับตาก็นึกว่าผมหลับ

ทั้งผมและใหญ่ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไร ตลอดทางโอ้มันพยายามชวนให้ใหญ่เปิดปากพูด แต่ใหญ่ก็ไม่พูดอะไรได้แต่นั่งเงียบ  จนโอ้มันละทิ้งความตั้งใจไปได้ยินเสียงพึมพำๆของมันคนเดียว“เป็นอะไรกันไปหมดวะเนี่ย” 
พอมาถึงบ้านใหญ่ลงจากรถเข้าบ้านไปอย่างเงียบๆ  โอ้มาเขย่าตัวผมให้ตื่น “พี่ฝันถึงแล้ว” ผมเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่มีชีวิตจิตใจเดินผ่านไอ้ใหญ่ที่นั่งซึมอยู่ที่โซฟาผมหยุดยืนมองมันชั่วครู่  ยังไงผมก็ไม่อยากให้มันป่วยไปอีกคน
“มึงรีบไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวเป็นหวัด”

 แล้วผมก็เดินขึ้นห้องไปคนเดียว  ไม่ได้มองอีกครั้งว่าใหญ่จะลุกตามผมขึ้นมารึเปล่า
ผมเอาน้ำรินรดหัวตัวเอง อยากอาบน้ำที่เย็นเฉียบเพื่อดับความร้อนรุ่มที่ระอุอยู่ในใจผม
ผมเกลียดตัวเองที่พูดไม่ดีกับมัน
เกลียดตัวเองที่ใจร้ายไม่ดึงมันมาขึ้นรถแล้วปล่อยให้มันยืนตากฝน
เกลียดตัวเองที่โกรธไอ้ใหญ่
แล้วสุดท้ายก็คือ....เกลียดตัวเองที่ทำให้เลิกรักมันเกินกว่าเพื่อนไม่ได้
 ผมได้แต่ยืนร้องไห้อยู่คนเดียวกลางสายน้ำ  เอามือทุบกำแพง  เหมือนผมทำอะไรไม่มีดีเลย
*********************************
เฮ้อ...มรสุมชีวิตเข้าเหมือนคนโพสเลย :z3:



หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 12-10-2009 18:07:49
เอาใจช่วย ให้ใหญ่กับ ฝันผ่านพ้นไปได้
ปล.เอาใจช่วยคนโพสด้วย :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-10-2009 19:14:24
กรรมเวร ต่างคนต่างกำลังอ่อนแอ อ่อนไหว ใช่มั้ยเนี่ย
จะรอดม้าย  :n1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 12-10-2009 19:20:27
โหยยยยยยยยยยยย ไรเนี่ย  :serius2:

เราไม่เอาบรรยากาศแบบนี้  ไม่เอานะ อย่างอนกัน

ใหญ่ก็นะ  เข้าใจว่าไม่อยากทำให้ฝันมาจมปรักอยููั่ที่ตน

แต่แล้วเป็นไง เฮ้อออออ  กลายเป็นทั้งทำร้ายตัวเอง
และคนที่รักไปด้่วย  แล้วเนี่ย ถ้าฝันยอมทำตาม ตัวเองจะยิ่งเจ็บปวดมากแ่ค่ไหน

แต่จริงๆก็เข้าใจใหญ่นะ ที่จะคิดแบบนั้น  

เอาใจช่วยให้ฝัน  ใหญ่ ผ่านมรสุมไปได้แล้วกัน  เฮ้อออออออ  

ฝันก็นะ น้อยใจได้ แต่อย่าทำร้่ายตัวเองสิ  

และก็อย่ายอมปล่อยมือใหญา่ไปล่ะ  จริงๆ พอฝันมีปฏิกิริยาแบบนี้ ใหญ่ก็ไม่กล้าแล้วแหละ  
เค้ารักฝันจะตาย  

และก็ขออย่าให้เรื่องครูน้ำไรนั่นมาเป็นตัวแปรนะ   :z6:  

กลั๊ว กลัว ว่าพพ่อใหญ่จะอยากให้ใหญ่หาเมีย  และแม่ให้น้่องออม

 :serius2:

ไม่ยอมนะแบบนี้
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 12-10-2009 21:33:28
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
 :z3: :z3:
ทำไมฝันถึงได้พูดทำร้ายจิตใจใหญ่แบบนี้ล่ะ
เข้าใจนะว่าฝันเจ็บแต่ก็ดูที่เจตนาของใหญ่สิ
ใหญ่ก็กลัวไงจะดึงคนที่รักมาลำบากด้วย
แต่ใหญ่ก็แค่ลืมไปว่าที่ฝันยอมลำบากเพราะอะไรและเพื่อใครกัน
โหยยยยยยยยเล่นเอ็มวีกลางสายฝนเลยลูกเอ้ย
แล้วนี่โกรธกันแบบนี้ เจ้าใหญ่ก็นะ เด๋วไม่สบายอีกคนจะแย่
ส่วนฝันอ่ะลดๆบ้างเหอะทิฐินะ โอเคใช่ที่ใหญ่มันพูดเหมือนเป็นการดูถูกน้ำใจฝัน
แต่ก็นะ เฮ้อออออออออออออออออออออ ใช้วาจาทำร้ายจิตใจกันแบบนี้อ่ะ
โหยยยยยยยย :o12: :o12: ทรมานนนนนนนนน
เวลายิ่งน้อยๆกันอยู่ด้วย ไมตอ้งมางอนแล้วก็เข้าใจเจตนาของแต่ละคนผิดแบบนี้ละ่

+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 12-10-2009 22:13:01
 :m15: ตอนนี้มันเศร้าจริงๆ มรสุมชีวิตของใหญ่ค่อนข้างหนักเอาการอยู่

เพราะไม่อยากให้คนที่รักต้องมาลำบากและเป็นทุกข์ไปด้วย ถึงได้พูดแบบ

นั้นออกไป ถึงจะคิดและพูดไปแบบนั้น แต่ฝันเชื่อเถอะ ใหญ่ก็เจ็บปวดไม่

แพ้ฝันเหมือนกัน อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะในสถานการณ์แบบนี้ การ

ที่มีคนที่เรารักมากที่สุดอยู่เป็นกำลังใจ เคียงข้างผ่านมรสุมเหล่านี้ไป-_-

ขอให้เป็นอารมณ์โกรธอารมณ์น้อยใจกันชั่วครู่เถอะนะ กลับมาดีกันเหมือน

เดิม เป็นฝันที่รักของใหญ่ ที่รักของกันและกันตลอดไปนะคับ

รออ่านครึ่งต่อไปอยู่นะค้าบ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 12-10-2009 22:21:39
 :m15:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 12-10-2009 22:24:11
ต่างคนต่างคิด ที่จะไม่ดึงดันให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวด

แต่กับทำให้ทั้งสองฝ่ายเจ็บปวดมากกว่าเดิม

หวังว่าก่อนนอนคืนนี้คงปรับความเข้าใจกันได้นะ

+1 ให้เป็นการขอบคุณที่มาต่อให้ไม่หายจาก
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-10-2009 00:31:49
ครึ่งแรกก็ปวดใจมากมาย
ครึ่งหลังคงบรรเทาไปได้นะคะ
เป็นกำลังใจให้คนโพสต์และฝันกับใหญ่ด้วยค่ะ
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘
เริ่มหัวข้อโดย: PAN@DA ที่ 13-10-2009 20:30:58
อ่านแล้วอยากร้องไห้ :o12:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 14-10-2009 13:19:49
มาอ่านต่อกันค่ะ เฮ้อ...ชีวิต
*************************
(ตอนที่ ๒๘) ต่อ

ผมอาบน้ำนานจนตัวหนาวสั่น ลืมไปแล้วว่าตัวเองยังไม่สบายอยู่   พอออกมาได้ผมก็คว้าเอาหมอนมานอนลงที่พื้น
งอนใหญ่.....ไม่อยากนอนบนเตียงมัน  แต่ใจหนึ่งก็ยังกังวลว่าใหญ่ไม่อยู่ในห้อง  ผมอดเป็นห่วงมันที่ตากฝนแล้วไม่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้ากลัวมันจะป่วยตามผมไป   แต่ความเพลียจากการอาการไข้ที่เริ่มหวนกลับคืนมามันมีมากกว่า  เลยนอนทันทีแล้วก็หลับไปหลังจากล้มตัวลงนอนไปไม่กี่นาที

 ในนาทีที่ผมกึ่งหลับกึ่งตื่นผมรู้ว่ามีคนมานอนกอดผม   ลมหายใจแผ่วๆเป่าเข้ามาที่ซอกคอผม ได้ยินแต่คำว่า “ขอโทษ”ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่หน เหมือนกับคนที่นับแกะตอนที่นอนไม่หลับ   ผมถามตัวเองว่าผมจะยกโทษให้มันดีรึเปล่า  แต่ผมก็คิดไม่ออกจริงๆแล้วก็เคลิ้มหลับไป

ผมนอนหลับอยู่อย่างนั้นอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้  รู้แต่ว่ามันเป็นการนอนที่ยาวนานตื่นก็เหมือนไม่ตื่น เหมือนความจริงกับความฝันมันปนๆกัน   เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วรู้ตัวจริงๆผมว่าผมอยู่ที่โรงพยาบาลครับ  ห้องนี้ไม่ใช่ห้องใหญ่แน่นอน  ผนังห้องเป็นสีขาวโพลนได้กลิ่นของโรงพยาบาลอย่างชัดเจน  ผมกวาดตามองไปรอบๆไม่มีใครอยู่ในห้อง  ผมเองก็ตกใจนี่ผมเป็นมากขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอหรือ  ผมเงยหน้ามองขวดน้ำเกลือที่แขวนอยู่มันเกือบจะหมดขวดอยู่แล้ว แสดงว่าผมนอนมานานพอดูทีเดียว ผมยังรู้สึกถึงกระไอร้อนจากร่างกาย อาการปวดเมื่อยตามตัวไม่มีแล้ว มีเพียงความรู้สึกที่ว่าไม่มีแรง  ต้องโทษตัวเองที่วันนั้นผมไม่น่าไปตากฝนและไม่น่าอาบน้ำนานๆเลย

 ผมนอนค่อยๆคิดเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอีกครั้ง  คืนที่นับได้ว่าเป็นครั้งแรกจริงๆที่ผมกับใหญ่ถกเถียงกันรุนแรงด้วยเรื่อง...อนาคตของเรา

   ผมเคยคิดว่าปัญหาของคนที่ต้องเลิกรากันส่วนใหญ่  จะมาจากมือที่สามที่เข้ามาสอดแทรกระหว่างคนสองคน  มันเป็นเรื่องน่าเศร้าของคนที่เคยรักกัน  แล้วรักก็หมดไปเหมือนมีวันหมดอายุเมื่อมีคนใหม่ก้าวเข้ามา   แต่เมื่อใหญ่พูดเรื่องในทำนองที่ว่าผมจะมีอนาคตกว่าที่จะมารักคนที่มีภาระแบบมัน  เลยกลายเป็นว่าตัวแปรจริงๆที่ทำให้เจ็บปวดที่สุดของการแยกทาง.........คือมาจากระหว่างคนสองคนที่รักกันมากกว่า

เสียงเปิดประตูมาพร้อมกับเสียงของคนที่เข้ามา “ตื่นแล้วเหรอ มึงเป็นไงบ้าง”
  ใหญ่รีบวางของที่โต๊ะแล้วก้าวเข้ามาหาผมอย่างดีใจ  ผมเกือบจะยิ้มตอบให้มันไปแต่ยังพอจำได้ลางๆว่าผมกับมันยังมีคดีกันอยู่ถึงแม้มันจะสะกดจิตขอโทษผมไปแล้วในคืนนั้น
 ผมไม่ได้ยิ้มตอบได้แต่ถามว่า “กูเป็นอะไร ทำไมมาอยู่โรงพยาบาล”
ใหญ่ทำหน้าไม่ค่อยดี “มึงไข้ขึ้นสูงจัด กูกลัวมึงช็อกเลยพาส่งโรงพยาบาล ตอนนี้มึงเป็นยังไงบ้าง”
“กูนอนนานรึยัง” ผมก็ยังไม่ตอบคำถามมันที่ถามซ้ำ

ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาๆเมื่อตอบคำถามผม แววตามันจ้องแต่ที่หน้าผมเหมือนอ้อนวอน “มาเมื่อคืน นี่เย็นแล้ว ของอีกวันนึง” แสดงว่าผมเสียเวลาไปสองวันแล้วกับการป่วยของตัวเอง ผมมันไม่ได้เรื่องจริงๆ  มาป่วยเอาผิดเวลา ผิดสถานที่อย่างที่สุด

ใหญ่เอามือมาจับมือผมแต่ผมค่อยๆเคลื่อนมือออกแล้วหลับตาลง  ผมยังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่มันพูดกับผม ผมตะแคงตัวหันหลังให้ใหญ่แล้วบอกมันว่า
“เย็นแล้ว มึงไปวัดเถอะ กูอยู่ได้ กูอยากนอนต่อ”คำพูดของผมเหมือนผมจะไล่มันให้ไปเหมือนกัน
 เสียงใหญ่ตอบมาอ่อยๆว่า “ยังพอมีเวลา กูอยากคุยกับมึงต่อเรื่อง.....”

ผมไม่อยากฟัง ผมไม่อยากรับรู้อะไรตอนนี้ ในขณะที่อารมณ์ผมไม่ปกติ  ผมไม่ได้พูดอะไรต่อแกล้งทำเป็นนอนหลับไป
“ฝันหลับแล้วเหรอ......”ใหญ่ถามผมเสียงเบาๆมันเอามือมาแตะที่ไหล่ผมเบาๆ ผมเบี่ยงไหล่หนีจากมือมัน ได้ยินเสียงถอนใหญ่หายใจเบาๆ ผมเองก็ไม่ได้มีความสุขที่ทำแบบนั้น  แต่ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไงดีมากกว่า

    มันก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ จนถึงวันหนึ่งที่ผมยอมรับว่าผมรักใหญ่ ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ดี  แต่กลับกลายเป็นว่าใหญ่อยากให้มันจบลง

“กูรู้ว่ามึงไม่ได้หลับ กูแค่อยากบอกว่า ที่กูพูดไปทั้งหมดก็เพราะกูรักมึง กูขอโทษ”เสียงใหญ่เหมือนสั่นๆ
“มึงอาจจะคิดว่าแค่คำขอโทษมันไม่พอกับที่มึงเสียความรู้สึกไป  แต่..แต่”
“แต่ถ้ามึงโกรธกู  มึงว่ากูมา จะด่ากูแรงๆก็ได้ แต่อย่าเฉยเมยกับกูแบบนี้”
 ใหญ่มันเคลื่อนตัวมานอนบนเตียงซ้อนอยู่ที่ข้างหลังผม เอาแขนมากอดเอวผมไว้แล้วเอาหน้าซุกอยู่ที่หลังผม  ผมรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทาอยู่ข้างหลังผม ความชื้นจากน้ำตาของมัน  มันกำลังร้องไห้อีกครั้ง.....เรื่องผม  ผมมันเลวจริงๆ

“กูรู้มาตลอดว่ายังไงๆ เราก็คงไม่มีทางได้อยู่ด้วยกัน กูพยายามห้ามใจตัวเองมาตลอดไม่ให้รักมึง”เสียงใหญ่สูดน้ำมูก เช็ดน้ำตาอยู่ข้างหลัง แต่มันก็ยังพูดต่อ”กูมีความสุขแค่ที่ได้รู้ว่ารักมึงอยู่ห่างๆ”
ผมรู้สึกเหมือนมันกำลังสารภาพรักผมยังไงยังงั้นเลย
 “กูไม่เคยหวังว่ามึงจะต้องรักตอบ  กูรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่กูก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้” ใหญ่กอดผมแน่นขึ้น
“จนตอนที่กูลงไปกรุงเทพฯ แล้วกูรู้ใจมึง”ผมหันหลังกลับมาหามันทันที แล้วกอดมันกลับ ใหญ่ทำสีหน้าตกใจเมื่อผมมองตอบกลับ ผมเลยบอกไปว่า “มึงพูดต่อซิ กูกำลังฟัง”

“จนกูรู้ใจมึง...”เสียงของมันสั่น  “มึงไม่รู้หรอกว่ากูมีความสุขขนาดไหน...ฮึกๆ”
ผมรวบตัวมันเข้ามาแนบอก แล้วลูบหัวมัน “มึงอย่าร้อง...กูรู้ซิ  กูรู้ว่ามึงมีความสุข กูก็มีความสุขมากเหมือนกัน” ใหญ่ซุกตัวกอดผมแน่น ได้ยินเสียงมันร้องไห้เมื่อไหร่ เหมือนผมใจจะขาดไปด้วย ตาผมเริ่มเคืองๆน้ำตามันจะไหล สงสารทั้งมันสงสารทั้งตัวเอง
“มึงรักกูขนาดนี้ แล้วทำไมมึงจะทิ้งกูไป”ผมถามสิ่งที่ติดอยู่ในใจผมทั้งคืน
 “มึงใจร้ายมากนะ มาหลอกให้กูรักแล้วก็ทิ้งกู”

ใหญ่เงยหน้าตาแดงๆรีบบอกผมว่า “กูไม่ได้ทิ้งมึง แต่กูอยากให้มึงเจอคนที่พร้อมกว่าคนที่มีภาระอย่างกู”
ผมลูบหน้ามันจูบที่หน้าผากมันเบาๆ “ถ้ามึงพูดแบบนี้อีกกูจะลงโทษมึง” ผมก้มหน้าลงจูบมันเบาๆ ใหญ่เองก็เงยหน้าขึ้นรับสัมผัสจากผม ผมค่อยๆเลาะเล็มกัดริมฝีปากมันเบาๆ  แล้วก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆจนใหญ่คราง “อา...”

มือของผมเริ่มไม่อยู่นิ่งลูบไล้ไปทั่วหลังมัน   ผมเอามือสอดเข้าไปที่เส้นผมมันแล้วดันศีรษะของใหญ่ให้แนบชิดผมมากขึ้น ผมเริ่มเอาลิ้นสอดเข้าไปในริมฝีปากมันแล้วหยอกล้อมัน ใหญ่เองได้แต่ส่งเสียงอือๆ อาๆ แล้วมันก็เอามือดันหน้าอกผมให้ห่าง ก่อนที่จะพยายามดันตัวเองออกมาจากผมได้สำเร็จแล้วรีบลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะพูดกับผมด้วยเสียงหอบสั่น

 “ฮึก...อย่า..นี่เราอยู่ในโรงพยาบาล เดี๋ยวคนมาเห็นเข้า” แววตาของมันถึงแม้จะยังแดงอยู่แต่ก็มีแววหวาน ผมทำท่าจะขยับตัวไปจูบมันอีกครั้ง แต่มันเอามือมาปิดปากผมไว้ “อย่า  ฝัน...มึงยกโทษให้กูแล้วนะ”
 ผมได้แต่ทิ้งตัวลงนอนอย่างขัดใจแกล้งหันหลังให้มันอีกแล้วบอกว่า “ยัง...”
ใหญ่เอากำปั้นทุบไหล่ผมเบาๆ “ทำไมล่ะ...ทำไมยังไม่หายโกรธกูอีก”

 ผมเลยหันมาบอกมันว่า “ก็มึงอ่ะ..งี่เง่า”ไอ้ใหญ่ทำท่าจะโวยอีกที่ผมไปด่ามันแต่ผมชี้หน้ามันไว้ก่อน
“อย่านะโวยอีกกูเป็นจูบ  มึงฟังกูพูดมั่ง” ใหญ่มันเลยหุบปากเงียบแล้วลงจากเตียงไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงผม “เอ้า พร้อมแล้วมึงพูดมา”
ใหญ่มันเอาข้อศอกทั้งสองข้างเท้าลงบนเตียงแล้วชันคางตั้งใจฟังผม ท่าทางมันน่ารักก็จริงแต่ผมรู้ว่ามันกำลังประชดผมอยู่  “กูถามมึงคำเดียวใหญ่” ผมหยุดนิ่งมองหน้าใหญ่ มันกำลังตั้งใจฟังอย่างจริงจัง
“ ที่มึงบอกว่ามึงมีภาระต้องดูแลพ่อ ดูแลหลาน มึงเต็มใจรึเปล่า”
 คราวนี้ใหญ่ลุกขึ้นทันที “กูเต็มใจซิก็กูรักพ่อ รักแม่ รักน้องออมนี่”  ผมเลยพูดต่อเมื่อมันเงียบไป

“แล้วมึงคิดว่ามันลำบากรึเปล่าที่ต้องไปรับไปส่งหลานที่โรงเรียน ที่ต้องพาแม่พาพ่อไปหาหมอ ที่ต้องจัดยาให้พ่อกับแม่”  ใหญ่ไม่พูดแต่ส่ายหน้า  ผมว่ามันเข้าใจแล้วว่าผมต้องการบอกอะไรกับมัน
ผมเลยหัวเราะหึหึ “เห็นมั้ย มันก็เหมือนกันกับที่กูมาหามึงเวลามึงมีปัญหา กูมาก็เพราะรักแล้วมันจะต่างกันตรงไหน” ใหญ่มันอึ้งไป  ผมได้ทีเลยพูดต่อจะได้เคลียร์กันไปเลย
“กูก็รู้ว่าอนาคตเรามันก็ยังมองไม่เห็น”

 ผมลุกขึ้นขยับมานั่งลงบนเตียงห้อยขาลง แล้วดึงใหญ่ที่ยืนอยู่ให้มายืนต่อหน้าผมแล้วก็กอดมันไว้แน่น ผมหอมแก้มมันแล้วพูดกับมันต่อที่ข้างหูว่า
 “แต่วันนี้ตอนนี้กูก็ยังอยากมีความสุข....ที่ได้รักมึง...แล้วก็ได้รู้ว่ามึงรักกู  แค่นี้เองมึงให้โอกาสกูไม่ได้เหรอใหญ่” ผมซุกหน้าลงที่ซอกคอมัน
ไอ้ใหญ่พูดเสียงกระซิบเบาๆว่า “กูผิดเอง...กูขออนุญาตรักมึงต่อไปได้มั้ยฝัน”
ผมฟังแล้วก็ยิ้มกว้างบอกมันไปว่า  “กูอนุญาต ตลอดชีวิตกูเลย”

หลังจากวันนั้นผมก็ต้องค้างที่โรงพยาบาลคนเดียวอีกหนึ่งคืนแล้วปล่อยให้ใหญ่ไปงานศพ ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นมันถึงมารับผม เลยกลายเป็นว่าตั้งแต่มาได้สามวันผมไปแค่บ้านใหญ่ วัด แล้วก็โรงพยาบาล
วันที่กลับบ้านอาการผมก็ยังไม่ดีขึ้นยังต้องนอนพักทั้งวัน ใหญ่เองก็ไม่มีเวลาดูแลผมเท่าไหร่เพราะกลางวันก็ต้องทำงาน กลางคืนก็ต้องไปวัด แต่ผมก็เอาแต่นอนจนไม่รู้เรื่องอะไรหรอกครับ คืนนี้ไอ้ใหญ่ห้ามผมขาดห้ามผมไปวัดให้นอนพัก  ผมเลยต้องรออยู่ที่บ้านคนเดียวตามเคย กินข้าวเย็นเสร็จก็นอนเลยครับ  มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนมานอนกอดอยู่ข้างๆ ผมขยับตัวแล้วทักมันไปว่า“อื้อ..ใหญ่กลับมาแล้วเหรอ”

 ในห้องมันมืดไปหมดครับแสดงว่าใหญ่ก็กำลังจะนอนเหมือนกัน กลิ่นตัวมันหอมกรุ่นคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ “อ้าวกูเลยทำให้มึงตื่น..โทษที ไหนไข้ลดรึยัง” มันเอาฝ่ามือมาแตะที่หน้าผากผมแล้วบอกว่า “ยังมีไข้นะ”
“มิน่ากูรู้สึกตัวมันระอุร้อนน่าดู” ใหญ่ขยับผ้าห่มให้ผม “นอนดีๆล่ะ อย่าดิ้นเดี๋ยวผ้าห่มหลุดป่วยไม่หายแน่ๆ”
ผมเห็นมันทำเป็นตาแก่คอยดูแลแล้วก็อยากแกล้งเลยแกล้งนอนดิ้นไปมาจนผ้าห่มหลุด เดือดร้อนไอ้ใหญ่ต้องลุกเอามาห่มให้ใหม่ แล้วมันก็เขกหัวผมทีนึง “มึงอย่าดิ้นซิ”
 ผมเลยแกล้งโวย “ก็ผืนมันเล็กขยับตัวก็ไปไหนหมดแล้วไม่รู้  กูอยากห่มกับมึงของมึงท่าทางอุ่นดีนะ นะ”

ใหญ่ขมวดคิ้ว “มึงนี่เรื่องมาก ของกูก็ใหญ่กว่าของมึงนิดเดียวไหนลองก่อน” ใหญ่มันลุกขึ้นแล้วขยับผ้าห่มอีกครั้ง ปรากฏว่าพอห่มสองคนมันพอดีเกินไป  พอใครขยับก็หลุดไปจากตัว “เห็นมั้ยกูบอกแล้ว”
ผมเลยบอกมันว่า “มึงนอนเลย เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้”
ใหญ่มันเลยหัวเราะแล้วก็ยอมนอนลงไปโดยดี  ผมห่มที่ตัวใหญ่เสร็จผมก็นอนบ้างแต่ขยับตัวไปชิดกับไอ้ใหญ่  มันมองหน้าผมเหมือนเป็นคำถาม
 ผมบอกมันว่า “ไหนมึงยกหัวซิ”มันก็ว่าง่ายทำตามที่ผมสั่ง  ผมสอดแขนเข้าไปใต้คอมันมันเลิกคิ้วทำหน้างงอีก ผมเลยทำท่าเอียงหัวให้มันนอนลงบนแขนผม มันก็ยังทำท่าลังเลอยู่
“นอนลงไปซิใหญ่”
พอมันนอนลงไปผมก็เอียงเขยิบตัวเข้าไปกอดมัน จับแขนมันมาวางแปะที่เอวผม  แล้วดึงผ้าห่มขึ้นคราวนี้ผ้าห่มพอดีเลยครับมีช่องว่างเหลืออีกเยอะ  อบอุ่นอีกต่างหาก 

ผมยิ้มในใจคิดว่าคืนนี้ผมคงหลับฝันดีแน่ๆ “แค่นี้ก็เรียบร้อย นอนได้แล้ว”
ไอ้ใหญ่ซุกตัวลงที่อกผมมันบ่นพึมพำว่า “ไอ้ฝันคนขี้โกง”
 ผมไม่ตอบมันได้แต่หัวเราะอยู่ในคอแล้วก็นอนหลับไปพร้อมรอยยิ้ม และไอ้ใหญ่ในอ้อมแขนผม
*******************************
คนแต่งมันบ้ากลับไปกลับมา ตามอารมณ์ไม่ถูกเลย :laugh:



หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 14-10-2009 13:59:27
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดขอ :beat: :beat:โชว์หน่อยเหอะเจ้าฝัน
งอนเป็นแต๋วเลย มีการสะบัดสะบิ้งอีกต่างหาก หน่อยๆน้องใหญ่อุตส่าห์มาง้อแล้ว
ร้องไห้จนน้ำท่วมรพ.ยังมาทำให้น้องใหญ่าปล่อยโฮอีก เด๋วแม่ยึดน้องใหญ่คืนเลยหนิอั๊ยย

เฮ้อออออออสารภาพกันหมดแล้วนะอย่าหาเรื่องตีกันอีกล่ะ คนอ่านใจไม่ดี
น้องใหญ่ก็นะลูกอย่าคิดมากในเมือเจ้าฝันมันรักแบบเต็มใจซะขนาดนั้นก็อย่า
คิดอะไรมากเลย เรื่องของอนาคตถ้าเราเชื่อใจกัน อะไรก็แทรกไม่ได้หรอก
ต่อให้ฟ้าจะถล่มดินจะทลายก็เหอะ

ฉากกอดเอาหน้าซบหลัง กระซิกๆสะเทือนจิต :m15:
“มาเมื่อคืน นี่เย็นแล้ว ของอีกวันนึง” แสดงว่าผมเสียเวลาไปสองวันแล้ว
กับการป่วยของตัวเอง ผมมันไม่ได้เรื่องจริงๆ  มาป่วยเอาผิดเวลา ผิดสถานที่อย่างที่สุด

>> คนป่วยสภาวะร่างกายแย่ ทำให้จิตใจพลอยแย่ไปด้วย โหยว่าตัวเองเสร็จสรรพ

“ฝันหลับแล้วเหรอ......”ใหญ่ถามผมเสียงเบาๆมันเอามือมาแตะที่ไหล่ผมเบาๆ
ผมเบี่ยงไหล่หนีจากมือมัน
ได้ยินเสียงถอนใหญ่หายใจเบาๆ
>> ทำสะดิ้งน่าตรบ คนเค้าอุตส่าห์ง้อนะ ทำเค้าใจเสียอีก
ผมรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทาอยู่ข้างหลังผม ความชื้นจากน้ำตาของมัน 
มันกำลังร้องไห้อีกครั้ง.....เรื่องผม ผมมันเลวจริงๆ

>> สะเทือนม้ามเป็นที่สุด  :monkeysad:
“มึงรักกูขนาดนี้ แล้วทำไมมึงจะทิ้งกูไป”ผมถามสิ่งที่ติดอยู่ในใจผมทั้งคืน
 “มึงใจร้ายมากนะ มาหลอกให้กูรักแล้วก็ทิ้งกู”

>>นายเอกกำลังตัดพ้อชิมิ 55555555555555 เจ้าฝันเอ้ย อย่างอนบ่อยนะ
เด่ซแม่จับกดเลย5555555
“ถ้ามึงพูดแบบนี้อีกกูจะลงโทษมึง”
>>ทำเลยๆๆๆๆ
“เห็นมั้ย มันก็เหมือนกันกับที่กูมาหามึงเวลามึงมีปัญหา
กูมาก็เพราะรักแล้วมันจะต่างกันตรงไหน”

>>กรี๊ดดดดดดดดดดไปทำหน้าที่พระเอกต่อไปเถอะพ่อคู๊นนนนนนนนนนนน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“กูผิดเอง...กูขออนุญาตรักมึงต่อไปได้มั้ยฝัน”
“กูอนุญาต ตลอดชีวิตกูเลย”

>>เป็นเมียฝันต้องอดทนเน้ 55555555555555555 เท่ชะมัด

รักกันๆๆๆ :m1: :m3: :m11:

+1 จัดให้คะ สู้นะคะคนแต่งคนโพส  o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 14-10-2009 14:17:03
 o13

อารมณ์แปรปรวนนน
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 14-10-2009 15:07:38
 :impress2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 14-10-2009 18:41:12
ตามอารมณ์ไม่ถูกจริงๆ

แต่ก็ชอบครับ

ขยันทั้งคนแต่ง ทั้งคนโพสท์  :L2:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-10-2009 21:47:24
มันต้องแบบนี้สิ ฝัน เลอเลิศ  :n1:

ถ้าคนแต่งอารมณ์กลับมาเป็นแบบนี้จนจบ ก็รับได้นะคะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 14-10-2009 22:10:43
เหยยย คนแต่งคะ พาร์ทที่แล้วเล่นทำเราร้องไห้ T-T
พาร์ทนี้ยิ้มไม่หุบ 55555

ชอบเรื่องนี้จริงจัง !
สู้ๆนะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 15-10-2009 03:56:09
เหมือนจะเข้าใจอารมณ์ที่คนแต่งสื่อนะ
อารมณ์คู่รักที่ยังไม่ลงตัว
รักกัน แต่ก็มีอุปสรรคปัญหารออยู่รอบตัว
ถ้าเข้มแข็ง รักกันจริง อดทนจูงมือฝ่าฟันไปด้วยกันได้ก็จะดียิ่งนัก
ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสนะคะ  :L2:
บวก 1 แต้มค่ะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 15-10-2009 09:30:48
แอร๊ยยยยยยยย ในที่สุดใหญ่ก็ตกอยู่ในอ้อมกอดฝันนนนนนนน :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 15-10-2009 16:08:51
แอร๊ยยยยยยยยยยย คืนดีกันแล้ว  รักกันๆ  อย่าตีกัน  :laugh:

สารภาพรักกันด้วยยยย :-[

เป็นคู่ที่ดำเนินไปแบบธรรมชาติจริงๆ ไม่นิยายเกินไป

แล้วก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆจนใหญ่คราง “อา...”


>> ผิดหวังนะเนี่ย  ที่เป็นเสียงคราง เพราะโดนจูบ  :z1:






ไอ่เราก็หวังไกล :haun4:


กอดกัน อุ๊น อุ่น  






“กูผิดเอง...กูขออนุญาตรักมึงต่อไปได้มั้ยฝัน”
“กูอนุญาต ตลอดชีวิตกูเลย”

>>เป็นเมียฝันต้องอดทนเน้ 55555555555555555 เท่ชะมัด
:z13:  แอร๊ยยยยยย  ถูกใจ เห็นด้วยเป็นที่ค่ะคุณเพ่  เป็นเมียฝันต้่องอดทน หุหุ

+1 คนโพสต์้ด้วยค่ะ 
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 16-10-2009 23:16:00
เพิ่งอ่านจบครับ ชอบมากมาย :L1:
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะ :3123:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 17-10-2009 01:10:42
หวายยยย


น้ำตาลล้นตลาดอีกเเล้ววว


 :-[
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๘๒๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๘๒๘(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 17-10-2009 07:30:29
แล้วก็เข้าใจกัน :impress2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๙๒๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๙๒๙
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 17-10-2009 11:41:42
(ตอนที่ ๒๙)

เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมารู้สึกว่าอาการดีขึ้น ยกเว้นอาการเก่าที่กลับมาคือแขนเป็นเหน็บ  แต่ถ้าจะบ่นให้ตัวการที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ได้ยิน  วันหลังผมคงไม่มีโอกาสแบบนี้แน่ๆ  ผมก็เลยต้องอดทนต่อไป ใหญ่ยังไม่ตื่นเพราะยังเช้ามาก แต่ผมก็นอนต่อไม่หลับเพราะติดนิสัยอยู่กรุงเทพฯต้องตื่นเช้าๆ  ผมเลยนอนมองมันเพลิน

นอนจ้องหน้ามันนิ่งๆอยู่แบบนั้นนานด้วยความคิดถึง แล้วก็ตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะทำอะไรดีระหว่าง จูบที่ปาก หอมแก้ม  หรือว่าซุกไซ้ใหญ่ไปทั่วทั้งตัว พอคิดแบบนี้ขึ้นมาแล้ว ผมก็ต้องตกใจกับความคิดซุกซนของตัวเอง นี่ผมคิดอะไรเลยเถิดไปมากขึ้นทุกที  ผมคิดถึงวันที่ผมนอนกอดมันที่โรงพยาบาล  แล้วผมก็หน้าแดงและแอบคิดอยากที่จะทำแบบนั้นอีกครั้ง  แต่ก็ยังไม่กล้า

ใหญ่ขยับตัวเข้าซุกที่อกผมหาความอบอุ่นเพราะอากาศตอนเช้าๆเริ่มเย็นขึ้น    ผมอยากหยุดเวลานี้ไปให้นานๆแต่ก็คงทำไม่ได้  เรื่องบางอย่างเราก็คงหยุดไม่ได้  ผมได้แต่หวังว่าเราจะมีวันนี้ที่ดีที่สุดเพื่อวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อเราผ่านพ้นวันนี้ไป  เราจะได้ไม่เสียใจว่าเราได้พลาดอะไรไป
“มึงตื่นนานรึยัง” ผมคิดอะไรเพลินจนไม่รู้ว่าใหญ่มันตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่
“ตื่นนานแล้ว  ใครจะเหมือนมึงตื่นสายซะเคยตัว” ผมหยิกจมูกใหญ่เล่น
มันย่นจมูกแล้วสะบัดหน้าหนี “อื้อ..ว่ากูแต่เช้าเลย”
มันเอื้อมมือมาแปะหน้าผากผมอีกครั้งทำตัวเป็นปรอทวัดไข้ตลอดเลย  “ไหน..ไข้ยังมีมั้ย” ทำท่าเหมือนแม่ผมเลย

 ผมว่าผมน่าจะหายแล้วนะครับ หลายวันแล้ว ใหญ่พยักหน้าหงึกหงัก “เหลือไข้นิดหน่อย ดีขึ้นเยอะแล้ว ...กลับบ้านได้”
“เจ้ย....กูเพิ่งมายังไม่ได้ไปไหนเลย จะมาไล่กูไปไหน” ผมรีบลุกขึ้นโวยวายทันที  ที่ผ่านมาหลายวันผมก็ง่วงงุนงงไปกับยาที่หมอสั่งมาให้กิน  งานศพแม่ใหญ่ผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน แล้วอยู่ๆจะมาไล่ผมกลับ มันจะดีเหรอ
“กูไม่ยอมจริงๆด้วย” ผมเริ่มตีโพยตีพาย แต่ใหญ่มันก็ยืนยิ้มอยู่ได้
“ก็แม่มึงโทรมาเมื่อคืน  บอกว่าให้มึง...กลับ ” ใหญ่ทำตายิ้มๆ พูดยิ้มๆจนผมไม่เชื่อที่มันพูด
“ไม่จริงแน่ๆ  แม่กูก็รู้ว่ากูมาช่วยงานมึง ไม่มีทางที่แม่จะบอกมึงว่าให้กูกลับ”อะไรว้า ไหนๆแม่กูโทรมาทำไมมึงไม่บอกให้กูรับ “อะไรว้า....” ผมยังคงเดินไปบ่นพึมพำไปทั่วห้อง ค้นหาโทรศัพท์ผม
“หาอะไรฝัน? ” ใหญ่มันยืนกอดอกมองผมอยู่พักใหญ่จนคงทนรำคาญไม่ไหว  ถามผมออกมาจนได้
  “ก็โทรศัพท์ของกู อยู่ไหน มึงเห็นรึเปล่า” ใหญ่เดินมาที่โต๊ะเปิดลิ้นชักออกแล้วหยิบโทรศัพท์มาให้ผม
“นี่ไงของมึง เมื่อวานมีแม่ พี่สาวมึง พี่หนุ่ย อ้อย โทรมา ครบเลยนะมึง”
ผมมองหน้าใหญ่ “แล้วทำไมมึงไม่ให้กูรับสาย” แกล้งบ่นไปอย่างนั้นเองครับ

“มึงไม่สบายหลับสนิทขนาดโทรศัพท์ดังตั้งนานยังไม่รู้ตัวเลย กูรับให้แล้วมันผิดตรงไหน” พูดจบมันงอนเดินหนีเข้าห้องน้ำไปเลยครับ ผมเลยซวยเลย ขนาดว่าตะโกนตามไปแล้ว “กูล้อเล่นนะใหญ่....รับให้ก็ดีแล้วครับ”

ใหญ่ก็ไม่สนใจเข้าห้องน้ำเงียบไปเลย จนผมต้องไปยืนเคาะประตู “ใหญ่ครับ ผมล้อเล่นจริงๆ ออกมาเถอะครับ”
“......”เงียบ หรือว่ามันโกรธมากไปร้องไห้อยู่ เฮ้อ...ไม่น่าปากเสียไปว่ามันเลย
 ผมทุบประตูต่อไปร้องเรียกมันให้ออกมาแต่ก็ยังเงียบได้ยินแต่เสียงน้ำไหล  ทุบจนผมเหนื่อยต้องทรุดตัวลงนั่งพิงประตูครุ่นคิดว่าจะง้อมันยังไงดี แล้วอยู่ๆมันก็เปิดประตูผลัวะผมเลยหงายหลังลงไปนอนกับพื้น หัวกระแทกพื้นดังโป๊ก

“โอ๊ย...เจ็บ” ไอ้ใหญ่ยืนงงอยู่ไม่นาน พอเห็นผมลงไปนอนแอ้งแม้งก็หัวเราะเสียงดัง  มันคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จกลิ่นสบู่แชมพูหอมสะอาดชื่นใจ ไอ้ใหญ่ย่นจมูกยืนหัวเราะเยาะผม  “ฮ่าๆๆ  สมน้ำหน้ามาว่ากู”
 ผมได้แต่นอนยิ้มๆไม่พูดอะไรถึงแม้ตอนนี้จะเจ็บหัวมากเลยครับ ก็วิวตอนนี้มันน่าดูมากนี่นา ขาขาวๆของใหญ่ที่นุ่งผ้าขนหนูยืนอยู่ตรงหัวผม มองจากข้างล่างเห็นทะลุไปถึงไหนๆ  ไอ้ใหญ่มันคงผิดสังเกตที่ผมไม่พูดอะไรเอาแต่ยิ้ม
“เฮ้ย...ทำไมมึงไม่พูด”ไอ้ใหญ่ถอยหลังไปหนึ่งก้าว อย่างไม่แน่ใจ
ผมลุกขึ้นนั่งมาเอามือจับหัว “เจ็บหัว...ไม่รู้หัวปูดรึเปล่า” ปากผมก็ทำเป็นบ่นแต่ปากก็ยังมีรอยยิ้มอยู่

ใหญ่เดินเข้ามาดูบ้างแล้วนั่งยองๆข้างๆผม “ไหนกูดูซิ”  ใหญ่จับหัวผมลูบไปมา
“ก็มึงมานั่งพิงประตูทำไม เซ่อซ่า เจ็บตรงไหนล่ะ ? ”

ผมก็ยังไม่พูดเอาแต่ยิ้มกริ่ม  ใหญ่เหลือบมามองผมพอดีแล้วผลักตัวผม     คราวนี้ผมหงายหลังไปอีกครั้งหัวไปโขกประตูอย่างแรงอีกครั้ง
 “โอ๊ย!!...มึงจะฆ่ากูเหรอ เจ็บนะ หลายแผลแล้ว”
ผมไม่ทันตั้งตัวเลยหงายหลังไปเต็มๆแต่ตอนนี้รู้สึกว่าหัวน่วมไปหมดแล้วครับ ผมจะสติเสียไปเลยรึเปล่า
“ดีสมน้ำหน้า..ยิ้มอะไรนักหนาวะ..ถามอะไรก็ไม่ตอบ กวน..”

ไอ้ใหญ่ลุกขึ้นยืนทันทีเอาขาเตะผมแรงๆแล้วเดินออกมา มันงอนแล้วเดินหนีไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมเดินเข้ามาข้างหลังมันแล้วกอดมันไว้เอาหน้าซุกไปที่ซอกคอมันกระซิบที่ข้างหูเบาๆ สูดดมความหอมจากร่างกายใหญ่เต็มๆ
 “โอ๋...อย่างอนซิ เดี๋ยวไม่รักนะ” คราวนี้มันเอาศอกมาถองผมอีกครั้งที่ท้อง
“โอ๊ย...เจ็บ  เล่นแรงจริงๆ เจ็บนะเนี่ย” จุกจริงๆครับตั้งแต่ตื่นมานี่ผมเจ็บตัวหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็มึงชอบพูดอะไรไม่รู้  แล้วก็ยิ้มอยู่นั่นไม่ยอมบอกกูว่ายิ้มอะไร”
ไอ้ใหญ่มันยังหันหลังไม่มองหน้าผม ผมยืนกอดเอวมันไว้ทำให้ใหญ่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือทำอะไรก็ไม่ได้
“ก็กูมัวแต่มองมึงเพลินๆ..”

 ผมพูดเบาๆที่ข้างหูใหญ่  ตอนนี้มันหูแดงมากเลยครับน่าแกล้งจริงๆ  ผมเลยเข้าไปจูบมันที่หลังหู ใหญ่เอียงคอหนีแต่ผมก็ยังคงจูบไซ้ต่อไป ค่อยๆหมุนตัวใหญ่ให้หันหน้ามาหาผม ใหญ่ก้มหน้าอายๆ ผมค่อยๆจับหน้ามันให้เงยขึ้นมองหน้าผม  แล้วเลื่อนริมฝีปากไปจูบที่แก้มก่อนจะเลื่อนมาที่ปาก 
ผมจูบปากมันอีกครั้งเบาๆแตะแล้วขยับออก ใหญ่เองก็ดูลังเลก่อนที่จะเริ่มจูบผมตอบ ใหญ่เลื่อนมือมาคล้องคอผมไว้ฝ่ามือร้อนๆแตะอยู่ที่คอผม  มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดเหมือนลอยๆฝันๆแต่ก็ปนไปด้วยความวาบหวามใจ มือผมลูบหลังไหล่ใหญ่ไปทั่ว  ผมรู้สึกร้อนไปทั้งตัวเหมือนไข้จะกลับมาอีกครั้ง

ใหญ่เอามือผลักผมออกเบาๆพูดเสียงอ่อยๆ “มึงยังตัวร้อนอยู่เลยไปล้างหน้า แล้วลงไปกินข้าวกินยาดีกว่า”
ผมส่ายหน้าเอาหน้าผากไปชนหน้าผากมันแล้วขยับศีรษะไปมา  เอามือจับใบหน้ามันไว้
“ อื๋อ...ยังไม่อยากลงไปเลย อยากอยู่กับมึงแบบนี้” ผมอยากมีเวลากับใหญ่ให้มากที่สุด เหมือนเวลาทุกนาทีมันมีค่าจริงๆ ผมอ้อยอิ่งอยู่กับการไล้ปลายนิ้วไปทั่วแก้มมัน

 จนใหญ่ต้องเตือนผมอีกครั้ง  “ไปนะครับฝัน เดี๋ยวจะได้กินยาจะได้หายซักที”
ใหญ่เอามือมาลูบแก้มผมบ้าง   ผมเลยแกล้งงับนิ้วมันเล่นๆก่อนที่จะหอมแก้มมันเบาๆ แล้วหัวเราะ
“ครับผม....เฮ้อ..ไปก็ได้เก็บเอาไว้ก่อน ยังมีเวลา”

ผมผละจากใหญ่มายังได้ยินมันตะโกนบอกผมว่า “เสร็จแล้วโทรกลับหาแม่ด้วยนะ แม่ให้....โทรกลับ ฮ่าๆๆ” ผมยังได้ยินเสียงหัวเราะของมันดังลั่น
จนผมอาบน้ำเสร็จถึงเข้าใจว่าที่ใหญ่บอกว่าแม่ให้..กลับบ้าน  หมายถึงแม่ให้โทรกลับนั่นเอง  ไม่ได้หมายถึงสั่งให้ผมกลับบ้านซักหน่อยผมก็ไปหลงกลใหญ่มันซะได้ หึหึ

ผมล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ อาบน้ำเสร็จผมเกือบลืมโทรหาแม่ “โหล...แม่เหรอ  มีอะไรครับให้ผมโทรกลับ”
“ไม่มีอะไร พอดีจะโทรคุยกับใหญ่ถามไถ่ข่าวคราว  ได้ยินว่าเราป่วยเหรอ หายรึยังลูก” เฮ้อ ฟังแม่พูดแล้วชักคิดถึง ปกติเวลาผมป่วยแม่เป็นคนดูแลผมตลอด  มีครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราอยู่ห่างกัน
“ดีขึ้นแล้วครับ แล้วแม่ล่ะ”
“อะไร แม่ล่ะอะไร?” ได้ยินเสียงหัวเราะของแม่ แล้วรักแม่จัง
“ก็แม่เป็นไงบ้าง...ผมไม่อยู่ ไปตากฝนรึเปล่า เหงามั้ย” คิดถึงแม่ซะแล้วผม เฮ้อ
“ก็เหงาเหมือนๆฝันอยู่แหละ อยู่กรุงเทพก็ไม่เห็นหน้ากันอยู่แล้ว อย่ามาทำพูดดีเลย”แม่ทำเสียงเหมือนงอนเลยครับ ต้องง้อซะหน่อย
“โอ๋ๆๆ  กลับไปคราวนี้จะอยู่กับแม่นานๆจนแม่เบื่อเลย ฝันรักแม่นะ”อารมณ์คนป่วยครับอยากอ้อนแม่
“อืม..แม่รู้ ดูแลตัวเองดีๆล่ะ นี่พี่ฝ้ายเค้าก็ถามถึง ตอนนี้เค้าก็วุ่นๆเรื่องงานแต่ง ฝันอย่าลืมชวนใหญ่มางานพี่เค้านะลูก บอกว่าแม่ชวน แม่คิดถึง”

ผมวางสายจากแม่แล้วก็อารมณ์ดีจังเลยครับรู้สึกเหมือนอาการดีขึ้นมาอีกเยอะเลย    ยังไม่อยากโทรหาใครอีกเลยลงมากินข้าวกับใหญ่และพ่อมัน ตอนนี้น้องออมยังอยู่กับครูน้ำไม่ได้กลับบ้านเลยครับ ผมรู้สึกผิดเหมือนกันแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงจะให้ผมไปนอนที่โรงแรมก็เปลืองเงิน  แล้วผมก็อยากอยู่กับใหญ่มากกว่าด้วย

“น้องออมโทรมามั่งรึเปล่าพ่อ” ใหญ่มันคงคิดถึงหลานมัน  เพราะตอนเย็นๆน้องออมก็ไม่ได้ไปวัดทุกวัน
“โทรมาซิ ครูน้ำก็บอกให้แกไปหาหลานที่โรงเรียนด้วย น้องออมร้องไห้จะหาพ่อ”พ่อใหญ่พูดยิ้มๆ คงขำที่อยู่ดีๆไอ้ใหญ่ก็ได้เป็นพ่อคนแล้ว แล้วหันมาแซวผม
“ใหญ่มันแซงหน้าฝันไปแล้วนะ มีลูกคนนึงแล้ว ฝันต้องหาแฟนซะทีแล้วเดี๋ยวมีลูกไม่ทันใหญ่นะ”

ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้พ่อไม่รู้จะตอบพ่อว่ายังไงดี ใหญ่มันเลยตอบแทน “ไม่ต้องหรอกพ่อ ก็น้องออมนี่ผมก็ยกให้เป็นลูกของฝันมันด้วย  มันจะได้ช่วยผมเลี้ยงไง ” ใหญ่มองผมแล้วยิ้มๆผมเลยได้แต่ยิ้มตาม แต่พ่อคงไม่เข้าใจเรา
“เฮ้ย...ได้ยังไงอีกหน่อยฝันเค้าก็ต้องมีลูกมีเมียของตัวเอง แกจะมาเอาลูกตัวเองไปให้ยกเค้าได้ยังไง จริงมั้ยฝัน” ผมฟังแล้วก็กินข้าวไม่ลง นี่ใช่มั้ยสิ่งที่ผมต้องมีในอนาคต  หรือนี่คือสิ่งที่ใหญ่ต้องมีมากกว่ากันแน่

“ผมยังไม่คิดครับพ่อเรื่องนั้น ยังอยากทำงานอยู่ ” ผมได้แต่ตอบพ่อไปแบบนั้น เหลือบมองใหญ่มันทำหน้าไม่ดีเลยครับ ผมได้แต่สบตามันส่งกำลังใจไปให้
ใหญ่ลุกขึ้นตัดบทบอกผมกับพ่อว่า “ผมไปทำงานก่อนนะ พ่อกับฝันคุยกันไปก่อนแล้วกัน  ฝันมึงกินยาแล้วไปนอนพักซะ มึงยังมีไข้อยู่ พ่อด้วยอย่าลืมกินยาหลังอาหารล่ะ ” พอสั่งเสร็จพยักหน้าให้ผมแล้วมันก็เดินไป  ผมกับพ่อมองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม  ใหญ่มันสั่งเหมือนเราสองคนเป็นเด็กเล็กๆเลยครับ

สายตาพ่อมองตามใหญ่ไปอย่างชื่นชม “ใหญ่มันเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่พ่อคิดนะ ตอนนี้พ่อบอกได้เลยว่าเค้าคือหัวหน้าครอบครัว” ผมพยักหน้าคิดเหมือนกันกับพ่อ  ตอนนี้ในตัวใหญ่เหมือนมันมีสองภาคอยู่ในตัว  ซึ่งผมก็ไม่คิดมาก่อนว่ามันเวลามันทำงานใหญ่จะจัดการอะไรๆได้ดีขนาดนี้  แต่เวลาอยู่กับผมมันก็ยังเป็นใหญ่คนเดิม
“ตอนนี้ พ่อไม่ห่วงที่ร้านแล้วนะปล่อยมือได้  แค่ช่วยนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง ห่วงก็แต่ใหญ่”

“ห่วงอะไรหรือพ่อ ผมว่าไม่น่าห่วงแล้วมั๊ง” ผมว่าพ่อดูร่างกายแข็งแรงก็จริง แต่ความมีชีวิตชีวาผิดกันกับเมื่อมีแม่อยู่เป็นเพื่อน ผมว่าพ่อคงเหงา ตอนนี้ก็เหลือเพียงลูกกับหลานสองคน เป็นธรรมดาของคนเป็นพ่อที่ต้องห่วง
“ถ้าพ่อเป็นอะไรไป ใครจะอยู่กับใหญ่ หลานก็ยังเล็ก ใครจะช่วยดูแล”น้ำเสียงและสีหน้าของพ่อดูกังวล จนผมรับรู้ได้
“ผมก็ยังอยู่พ่อ ผมไม่ทิ้งมันหรอก อีกอย่างพ่อก็ยังแข็งแรงอายุยืนแน่ๆ” พ่อฟังแล้วก็ยิ้ม “ขอบใจลูก  ยังไงพ่อฝากนะ ช่วยๆใหญ่ด้วย” ผมรู้สึกตื้นตันใจเหมือนพ่อไว้วางใจผมให้ดูแลคนที่พ่อรัก

เราใช้เวลาคุยกันอีกพักใหญ่ที่ห้องข้างล่างนั่น พอกินยาเข้าไปแล้วผมก็ง่วงอีก เลยขอตัวไปนอนแล้วหลับลงแถวๆนั้นกว่าจะตื่นอีกครั้งก็เที่ยงกว่า  พอทานข้าวเสร็จผมก็ไปนั่งดูใหญ่มันทำงาน รอเวลาไปวัดตอนเย็นด้วยกัน
***************************************
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่เสนอชื่อเข้าร่วมรางวัลด้วย
คนเขียนช่วงนี้สมองตัน อาจช้าบ้างไวบ้างรอๆกันหน่อยนะคะ  :pig4:


หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๙๒๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๙๒๙
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 17-10-2009 11:56:00
คนแต่งเพี้ยนๆปะั

วันนี้มัยมัน หวานจัง  :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๙๒๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๙๒๙
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 17-10-2009 14:45:29
แอร๊ย ตอนนี้อ่านไปยิ้มไป เขินไป แอร๊ย นึกว่าเป็นใหญ่ซะเอง

แอร๊ยยยยยย ชอบๆ อิอิ o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๙๒๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๙๒๙
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 17-10-2009 16:01:43
“ไปนะครับฝัน เดี๋ยวจะได้กินยาจะได้หายซักที”
>กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดโหมดอ้อนแล้วพูดเพราะ
อั๊ยยยยยยถ้าช้ากว่านี้สามนาที มีลุ้นได้เสียเว้ยยยยยยย
555เพราะเจ้าฝันอ่ะเดินหน้าลุยไดทุกเมื่ออยู่แล้ว
นุ้งใหญ่ของคนอ่านเองนั่นแหละที่อั๊ยยยยยยยยยยยยเล่นตัว
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกมากกกกกกกกกกก
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มีงอนมีอ้อนกันด้วยกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

กลับกทม.ไปบอกแม่นะว่าได้เมียมาหนึ่งส่วนหลานกำลังผลิต  :m20: :laugh:

น่ารักกกกกกกกกกกก+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๙๒๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๙๒๙
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 17-10-2009 22:03:33
“ใหญ่ครับ ผมล้อเล่นจริงๆ ออกมาเถอะครับ”
>>>> พูดเพราะขึ้น กรี๊ดดดดดดดดด เดี๋ยวนี้เค้า พัด ทะ นา  แล้ว กรากกกกก

นอนจ้องหน้ามันนิ่งๆอยู่แบบนั้นนานด้วยความคิดถึง แล้วก็ตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะทำอะไรดีระหว่าง จูบที่ปาก หอมแก้ม  หรือว่าซุกไซ้ใหญ่ไปทั่วทั้งตัว

>>>> ทำเลยสิค้าาาาาาาา  ชักช้าอยู่ใย แอร๊ยยย ขัดใจ


ผมได้แต่นอนยิ้มๆไม่พูดอะไรถึงแม้ตอนนี้จะเจ็บหัวมากเลยครับ ก็วิวตอนนี้มันน่าดูมากนี่นา ขาขาวๆของใหญ่ที่นุ่งผ้าขนหนูยืนอยู่ตรงหัวผม มองจากข้างล่างเห็นทะลุไปถึงไหนๆ  ไอ้ใหญ่มันคงผิดสังเกตที่ผมไม่พูดอะไรเอาแต่ยิ้ม

>>>   กรี๊ดดดดดดดดดๆๆๆๆๆ  ฝันหื่นว่ะ กราก  ดีมากกกกเราชอบ ลวนลามเยอะๆเลย กราก 

 “โอ๋...อย่างอนซิ เดี๋ยวไม่รักนะ”
>>> ละลายแล้วค่ะคุณขาา

  “ไปนะครับฝัน เดี๋ยวจะได้กินยาจะได้หายซักที”
>>> ว้าวๆๆ ฝันครับ  ใหญ่ครับบ  ฮิ้วววววววววว เริ่มมีครับแล้ว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๙๒๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๙๒๙
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 17-10-2009 22:24:01
 :o8: หวานกันซ้า อิอิ
เรื่องราวของใหญ่กับฝันจะเป็นงัยต่อไปน้า ตามลุ้นต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๙๒๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๙๒๙
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 17-10-2009 23:45:22
 :z2:  รอเสมอล่ะค้าบบบ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๙๒๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๙๒๙
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 18-10-2009 03:57:03
“ขอบใจลูก  ยังไงพ่อฝากนะ ช่วยๆใหญ่ด้วย”
คุณพ่อฝากแล้วห้ามทวงคืนทุกกรณีเลยนะเนี่ย
คู่นี้พัฒนาอีกนิดแล้ว เหลือแค่คุณครู จะเป็นกขค มั้ย
บวกอีก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๒๙๒๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๒๙๒๙
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-10-2009 16:15:05
อยู่ด้วยกันก็ดีอย่างนี้แหละ แต่เดี๋ยวฝันก็ต้องกลับกรุงเทพฯ แล้วอะ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 21-10-2009 17:31:21
ขอโทษค่ะที่หายไปหลายวัน  :n1: อย่าเพิ่งลืมกันไปก่อนนะคะ
***************************
(ตอนที่ ๓0)

ครั้นไปถึงที่วัดผมไม่ได้ช่วยอะไรใหญ่เลยเพราะใหญ่มันห้าม ได้แต่นั่งทำตัวเป็นแขก  มองใหญ่เดินไปมาทำนู่นนี่โดยมีครูน้ำคอยอยู่เคียงข้างตลอด พ่อมานั่งข้างๆผมหลังจากเดินต้อนรับแขกจนเหนื่อย พาน้องออมมาด้วย สักพักน้องออมก็ออกไปวิ่งเล่นกับเด็กคนอื่น  เป็นเด็กก็ดีครับเศร้าก็ไม่นาน แป๊ปเดียวก็หัวเราะได้ เล่นได้  ไม่เหมือนผู้ใหญ่อย่างเราๆ
“ฝันลางานมาหลายวันเลยนะเที่ยวนี้ แล้วที่บริษัทไม่ว่าเหรอ”
“ไม่หรอกครับ พอดีติดเสาร์อาทิตย์ด้วย ผมก็ใช้เวลาตามสิทธิพนักงาน”เรื่องงานผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ ห่วงก็แต่เรื่องเรียนมากกว่าครับเพราะตอนนี้ใกล้สอบแล้ว   ก็คงต้องให้อ้อยช่วยอีกตามเคย

เมื่อใกล้ถึงเวลาพระสวดใหญ่เรียกน้องออมให้มานั่งฟังพระสวดข้างๆน้องออมก็นั่งพับเพียบอย่างเรียบร้อยแล้วดึงครูน้ำให้นั่งลงข้างๆด้วย    ใหญ่ยิ้มให้ครูน้ำก่อนหันหลังมามองหาผมแต่พอเห็นว่านั่งอยู่กับพ่อ เราสบตากันแล้วมันก็หันกลับไป
“น้องออมน่ารักนะครับ  เรียบร้อย ไม่ดื้อเท่าไหร่ ผมเห็นเด็กบางคนเอาแต่ใจตัวเอง ดื้อจนไม่น่ารักเลย”
พ่อยิ้มแล้วมองไปที่น้องออมอย่างเอ็นดู “ใช่น่ารักมาก ว่านอนสอนง่าย แต่ก็มีงอนบ้างตามประสาเด็กผู้หญิง โชคดีที่มีครูน้ำมาช่วยใหญ่ดูแลน้องออมนะ ลำพังพ่อก็ไม่ไหว” พ่อเอ่ยพลางสายตาจับอยู่ที่ครูน้ำกับใหญ่

พ่อหันมาพูดกับผมล้อๆว่า “ฝันเห็นแล้วอยากมีลูกรึเปล่า แค่มีเด็กคนหนึ่งในบ้านบรรยากาศมันเปลี่ยนเลยนะ ความสุขจากเด็กคงแบ่งปันให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆโดยไม่รู้ตัว”
ผมก้มหน้ารู้สึกแปลกๆเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “ผมยังไม่คิดครับ”
“คิดได้แล้วลูก  ลูกผู้ชายคิดเรื่องพวกนี้ไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย ”พ่อก็พูดไปเรื่อยๆเหมือนสอนผม แต่ผมเริ่มไม่อยากคุยต่อ
“ผมยังอายุน้อยพ่อ ยังอยากใช้ชีวิตโสดไปเรื่อยๆก่อน”
“อย่าไปคิดแบบนั้น หาแฟนซะฝัน  อีกหน่อยเราจะได้มีเพื่อน มีคู่คิดในการใช้ชีวิต   พ่อรู้ว่าฝันคิดว่าอายุยังน้อย ยังมีเวลาอีกเยอะ แต่ชีวิตมันไม่แน่นะลูก”

“ดูอย่างเล็กซิอายุแค่นี้ก็ยังต้องมาจากไปก่อนพ่อแม่อีก  ถ้าลูกเจอคนที่รักคนที่ชอบ ก็อย่าปล่อยไปนะฝัน”พอพ่อพูดจบผมก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ใหญ่เห็นมันกำลังพูดกับครูน้ำแล้วก็หันมาลูบหัวน้องออม ทั้งสองคนส่งยิ้มให้กัน  ผมรู้สึกเหมือนหัวใจผมมันกำลังเศร้า
พ่อยังคงพูดต่อไปแต่สมองผมกลับไม่อยากรับรู้ สายตาผมมองนิ่งไปที่ใหญ่
“อย่าเสียเวลาที่มีค่าไป เพราะคิดว่าเวลายังมี ทำทุกๆนาทีให้คุ้มค่าที่สุด แล้วลูกจะไม่เสียใจทีหลัง”
ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรพ่อถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เราคุยค้างกันไปเมื่อกลางวัน  หรือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนเป็นห่วงลูก คือเรื่องคู่ครอง

คำพูดของพ่อทำให้ผมคิดถึงไอ้หนุ่ย  ถึงแม้พ่อจะพูดคนละแบบกับไอ้หนุ่ยแต่ผมกลับรู้สึกว่าพ่อกำลังพูดถึงสิ่งเดียวกัน ก็ที่ผมมาหาใหญ่ที่นี่ก็เพื่อใช้เวลาทุกนาทีกับคนที่ผมรักให้คุ้มค่าที่สุดเหมือนกัน
“คนรักหาง่ายนะ แต่คนที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้ายของลมหายใจมีแค่ไม่กี่คนหรอกลูก พ่อโชคดีที่พ่อมีคนๆนั้น” ผมว่าพ่อเสียงสั่นแต่มองดูพ่อก็ยังยิ้มได้  
“ตอนที่พ่อรู้ว่าแม่เค้าจะไม่ตื่นมาอีกแล้ว ถ้าถามว่าพ่อเสียใจที่แม่เค้าตายมั้ย พ่อบอกได้ว่าพ่อเสียใจ แต่พ่อไม่เสียดายนะเพราะพ่อรักแม่เค้าอย่างที่สุดแล้ว ถึงแม่เค้าอยู่หรือตายไปพ่อก็รักแม่มากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว” พ่อเริ่มน้ำตาคลอแต่ก็ยังยิ้มเหมือนคิดถึงแม่อยู่  
“แม่เค้าก็รู้ เพราะอย่างนั้นพ่อไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมา พ่อทำให้แม่เค้ามีความสุขมากเท่าที่พ่อจะทำได้แล้ว”

   ผมฟังพ่อพูดแล้วก็เศร้า  ผมจะทำได้เหมือนพ่อ  ผมจะมีรักให้คนๆนึงมากที่สุดจนไม่สามารถเพิ่มความรักให้มากกว่านี้ได้หรือเปล่า  คนที่จะอยู่ข้างๆผมจนวันสุดท้ายของชีวิตคือใคร แล้วคนๆนั้นจะใช่ใหญ่หรือเปล่า ผมก็ได้แต่ถามตัวเอง
   ผมมองตรงไปที่คนที่นั่งอยู่ไกลๆ ตอนนี้ผมได้เห็นเพียงข้างหลังมัน   พระสงฆ์ทยอยไปนั่งประจำที่แล้วเริ่มสวด ตลอดเวลาของการฟังพระสวดผมวนเวียนคิดเรื่องมากมายในสมอง คำพูดของพ่อทั้งเมื่อกลางวันและก่อนหน้านี้ ผมกับมันอยู่ห่างกันแบบนี้ผมจะดูแลมันอย่างที่พ่อมันฝากได้ยังไง  แล้วถ้าผมจะย้ายมาอยู่ที่นี่กับใหญ่แล้วใครจะอยู่กับแม่ผม  เพราะพี่ฝ้ายก็กำลังจะแต่งงานไป  คิดแล้วก็เหมือนไข้จะกลับอาการปวดหัวจิ๊ดๆกลับมาอีกครั้ง

พระสวดจบไปตอนไหนไม่รู้ แต่พ่อมาสะกิดผมให้กรวดน้ำ ผมมองน้องออมเอามือแตะที่ขาใหญ่และครูน้ำแตะที่น้องออมอีกต่อมันเป็นภาพที่น่ารักจริงๆครับ
“เอ๊ะคุณสมควรค่ะ  ผู้หญิงที่นั่งข้างคุณใหญ่กับน้องออม นั่นใครเหรอคะ? ” เสียงแขกที่มางานศพถามกับพ่อของใหญ่
“อ๋อ นั่นเป็นครูของน้องออมครับ เค้ามาช่วยดูแลช่วงที่ผมกับใหญ่ยุ่งๆเรื่องงานศพ”
“แหม ดิฉันก็นึกว่าแฟนคุณใหญ่เสียอีก ดูสนิทสนมน่ารักสมกันดีนะคะ” เสียกแขกยังคงเจื้อยแจ้วออกความเห็นต่อไป โดยไม่ได้สนใจเลยว่านี่มันงานศพ  แต่ก็แปลกที่ผมก็กลับเห็นด้วยกับที่ผู้หญิงคนนี้พูด

“เค้าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆนะครับ  รู้จักกันมานานก่อนที่ใหญ่จะลงไปเรียนที่กรุงเทพฯ” คำที่พ่ออธิบายนี่ก็เป็นความรู้ใหม่สำหรับผมเหมือนกัน
“น้องออมก็เรียบร้อยน่ารัก คุณครูนี่คงสอนดีนะคะ ดูซิค่ะ รู้จักกราบพระกะล่อยกะหลิบน่าเอ็นดู”  
เสียงคุยกันเรื่องของใหญ่กับครูน้ำก็ยังดังต่อไป ผมนั่งฟังด้วยหัวใจหนักอึ้ง ดูเหมือนเส้นทางของผมกับใหญ่คงจะหลีกเลี่ยงบุคคลที่สามเข้ามาไม่ได้  เพียงแต่ว่าผมกับใหญ่จะจัดการเรื่องนี้ยังไงมากกว่า

“ฝัน กินบะหมี่รึยัง  มาไปนั่งกินกับกับกู” ใหญ่เดินเข้ามาหาผมจูงมือน้องออมมาด้วย ครูน้ำก็เดินตามมาติดๆ
ผมลุกขึ้นเดินตามใหญ่ไป พ่อก็เดินตามมาด้วย
“ฝันเป็นอะไร ทำไมไม่ค่อยพูด  รู้สึกไม่สบายรึเปล่า?” ผมทานไม่ค่อยลงจริงๆครับ แต่ก็ไม่อยากพูดว่ากินไม่ลงเพราะอะไร “กะ..เอ๊ย..เรายังไม่ค่อยหิว ยังปากขมๆอยู่” ผมเผลอจะใช้ภาษาพ่อขุนรามอีกแล้วลืมไปว่ามีเด็กอยู่
“ลุงฝันต้องกินเยอะๆนะคะ จะได้หายป่วยไวๆ คุณพ่อบอกน้องออมเวลาน้องออมป่วย” น้องออมยิ้มให้ผมแล้วพูดจาน่ารัก ทุกคนพอได้ยินต่างก็อมยิ้มในความน่ารักของเด็ก

“คุณพ่อขา  วันนี้น้องออมนอนกับคุณพ่อได้รึยังคะ” น้องออมเงยหน้าถามใหญ่ตาแป๋ว มันหันมาสบตากับผมแล้วก็บอกน้องออมว่า “ยังไม่ได้ค่ะ ลุงฝันยังไม่หายดี  คุณพ่อกลัวน้องออมติด อยู่กับคุณครูก่อนนะคะ”
“แล้วถ้าลุงฝันหายดี ลุงฝันยังต้องนอนกับคุณพ่อมั้ยคะ” ผมกับใหญ่ต่างคนต่างอึกอัก เจอคำถามเด็กเข้าไปทำเอาคิดคำตอบไม่ทัน  พ่อกับครูน้ำก็หัวเราะ
ใหญ่มันตอบว่า “ก็ลุงฝันนานๆมาที คุณพ่อมีเรื่องคุยเยอะแยะเลย  หายดีแล้วก็ยังนอนกับคุณพ่อค่ะ” น้องออมเลยทำหน้างอใส่ผม “ไม่ยอมๆ น้องออมจะนอนกับคุณพ่อ  ไม่ยอมให้ลุงฝันมาเอาคุณพ่อไป” น้องออมทำปากแบะเหมือนจะร้องไห้ จนครูน้ำต้องปลอบ

ผมฟังแล้วก็ตื้อๆในอก เลยบอกน้องออมว่า “ลุงอยู่อีกไม่กี่วันเองครับ  เดี๋ยวอีกสองสามวันก็กลับแล้ว หายดีแล้วก็คงกลับกรุงเทพพอดี  น้องออมก็กลับมานอนต่อกับคุณพ่อได้เหมือนเดิมนะคะ” ใหญ่ส่งยิ้มเศร้าๆมาให้ผม
เหมือนกับจะรู้ว่าผมก็นอนอยู่กับมันได้อีกไม่กี่คืนเท่านั้นเอง
น้องออมค่อยยิ้มได้บอกกับผมว่า “งั้นน้องออมให้เวลาลุงฝัน พอลุงฝันกลับไปน้องออมก็จะยึดเอาคุณพ่อกลับมาเป็นของเรา ใช่มั้ยคะคุณครูขา” น้องออมเงยหน้าถามความเห็นกับครูน้ำ  
แต่ครูน้ำไม่ตอบน้องออมแต่ก็ยิ้มให้ส่งให้ผม “อย่าไปถือสาเด็กเลยนะคะ แล้วน้ำจะค่อยๆอธิบายให้น้องออมฟังเอง  บางทีเด็กก็หวงคุณพ่อ”

ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับจะว่าไปแล้วที่น้องออมพูดมากลับกระแทกใจผมเต็มๆ  มันก็เป็นความจริงที่ผมจะเถียงไม่ได้   เวลาที่ผมจะได้อยู่กับใหญ่มันน้อยลงไปทุกที
ใหญ่ผละไปส่งแขกจูงน้องออมไปด้วย  พ่อก็ไปช่วยใหญ่ส่งแขก เลยเหลือแต่ผมกับครูน้ำ
“ครูน้ำใจเย็นนะครับสอนเด็กๆได้  ผมเป็นคนใจร้อน ดูแลเด็ก สอนเด็กก็ไม่เป็น”
“น้ำก็ใจร้อนค่ะ คุณใหญ่ยังใจเย็นกว่าน้ำอีก น้ำยังแซวว่าน่าจะไปสอนเด็กแทนน้ำมากกว่า”ผมยิ้มๆเมื่อคิดถึงใหญ่จะไปเป็นครู
“ก็จริงครับ สมัยก่อนผมให้มันติวให้ ผมก็โง่สอนเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่อง  แต่มันก็ยังอดทนสอนจนผมรู้เรื่อง ต้องยอมรับมันเลย”

ครูน้ำชวนผมคุยอีกหลายเรื่องก็เป็นเรื่องของใหญ่เสียเป็นส่วนใหญ่ ทำไมผมจะดูไม่ออกว่าครูน้ำสนใจใหญ่มากกว่าที่จะเป็นพ่อของลูกศิษย์  แต่ไม่รู้ว่าครูน้ำดูออกหรือเปล่าว่าผมก็รักใหญ่มากกว่าความเป็นเพื่อนเหมือนกัน
“คุณฝันสนิทกับคุณใหญ่มากนะคะ  ก่อนคุณฝันจะมาคุณใหญ่ไม่ค่อยพูดเลย พอคุณฝันมาดูคุณใหญ่อารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย” ผมมองดูครูน้ำว่าแฝงอะไรในคำพูดนั้นหรือเปล่า แต่ก็เห็นเพียงความจริงใจอยู่ในสายตาเท่านั้น
“ก็สนิทครับ  เราสนิทกันมาตั้งแต่ปี1แล้ว” แต่ผมซิพูดไปด้วยความไม่จริงใจเลย ผมบอกตัวเองว่าผมกำลังอิจฉาผู้หญิงที่น่ารักคนนี้ ที่เธอสามารถแสดงออกถึงความรักที่มีต่อใหญ่ได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องแอบซ่อนความรู้สึกเหมือนผม
“ถ้าคุณฝันกลับไป ไม่รู้คุณใหญ่จะกลับมาเงียบเหมือนเดิมหรือเปล่า น้ำชักไม่แน่ใจ”

“ยังไงผมก็ฝากใหญ่ให้คุณน้ำช่วยดูแลอีกคนนอกเหนือจากดูแลน้องออมด้วยนะครับ” ผมพูดไปแล้วก็เสียใจที่ตัวเองควรจะเป็นคนที่ได้ทำหน้าที่นั้น  แต่กลับต้องไปฝากไว้ที่คนอื่น
ครูน้ำยิ้มเขินๆ “น้ำเป็นแค่ครูของน้องออมเท่านั้นเองนะคะ ไม่ใช่ครูของคุณใหญ่” ครูน้ำหัวเราะเบาๆ “ แต่น้ำก็รับปากค่ะ น้ำจะช่วยเท่าที่ทำได้แล้วกัน”
“ไป...กลับกันเถอะฝัน คุณครู”ใหญ่เดินอุ้มน้องออมมาพอดี  น้องออมหลับไปแล้วคอพับคาไหล่ใหญ่อีกตามเคย
“เดี๋ยวมึงขับรถได้มั้ย กูอุ้มน้องออมอยู่ พาครูกับน้องออมไปส่งก่อน พ่อเค้าให้เพื่อนพาไปส่งที่บ้านแล้ว ”ผมพยักหน้าอย่างงงๆแต่ก็ทำตามไปโดยดี  ระหว่างทางผมก็ทำหน้าที่ขับรถจริงๆครับ ขับตามที่ใหญ่บอกทาง ใหญ่มันเงียบๆไม่ค่อยพูด ครูน้ำเองก็ไม่ค่อยพูดเหมือนกัน ทั้งสองคนพูดกันน้อยมากไม่รู้ว่ากลัวน้องออมตื่นหรือเกรงใจผมก็ไม่รู้  

ผมส่งครูเสร็จใหญ่ก็สลับที่เป็นคนขับแทนผม  มันยังไม่ออกรถหันมาถามผมว่า “มึงหิวมั้ย ไปหาอะไรกินก่อนรึเปล่า”
ผมหันไปมองหน้ามัน “ไปซิ...กูเห็นมึงไม่ค่อยกินอะไรเลย ไปกินกันก่อนก็ได้” ใหญ่ยิ้มๆแล้วขับรถไปเราแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางกันก่อนกลับ ผมใช้ความคิดนิดหน่อยจนลืมพูดไป  จนใหญ่ต้องถาม “มึงเป็นอะไรทำไมเงียบๆ”
“กูแค่คิดว่ากูไม่ได้ช่วยอะไรมึงเลย  ถ้าช่วยอะไรได้บ้างก็คงจะดี” ใหญ่มันไม่พูดอะไร เรียกคนมาเก็บเงิน
“กลับกันเถอะ” มันเดินมาโอบไหล่ผมไปที่รถ “เดี๋ยวนี้มึงเป็นคนคิดมากเหมือนกูไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่”
ใหญ่พูดยิ้มๆ “อยู่ข้างๆกูก็พอแล้ว  กูไม่เห็นอยากให้มาช่วยอะไร กูทำเองได้”
ผมฟังแล้วก็ดีใจอย่างน้อยก็รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าขึ้นมาบ้าง

เข้าบ้านแล้วแทนที่ผมจะรู้สึกง่วงกลับรู้สึกว่าตาสว่าง ยังไม่อยากนอนเดินไปเปิดทีวีดูข่าว ก็พอดีกับที่ไอ้หนุ่ยโทรเข้ามา ใหญ่เห็นผมคุยโทรศัพท์เลยแยกไปอาบน้ำก่อน
“ไงลูกพี่..โทรมาหามีไรครับ” ผมทักไอ้หนุ่ยไปขำๆ
“ไม่มีไร....ลูกน้อง โทรมาคุยเฉยๆแล้วน้องพี่หายดีรึยังล่ะ?”เสียงเหมือนมันอยู่ข้างนอกครับ ได้ยินไม่ค่อยชัด
“ก็ดีขึ้นแล้ว  รู้ได้ไงวะว่ากูป่วย”
“น้องเขยกูบอก ฮ่าๆๆ”ไอ้หนุ่ยเชี่ยแระ  รู้ดีได้ตลอด.....ผมเขินจนบอกไม่ถูกเหมือนคนที่โดนจับได้ว่าแอบซ่อนความลับอะไรอยู่
“รู้ดีนะมึง....น้องเขยที่ไหนน้องสะใภ้ต่างหาก หึหึ”มันเล่นมาก็เล่นกลับเลยครับ ไอ้บ้านี่ ไอ้ใหญ่เดินเข้ามาพอดีผมมองหน้ามันแล้วก็ยิ้ม มันทำหน้าแปลกใจแต่ก็แต่งตัวต่อไม่สนใจผม

“ไหนๆกูไม่เชื่อ..เรียกไอ้ใหญ่มาคุย กูไม่อยากฟังความข้างเดียว”ใครจะไปเรียกมาใช่มั้ยครับ วิวกำลังดีไอ้ใหญ่มันนุ่งผ้าขนหนูยืนหันหลังให้ผมก้มตัวลงเปิดหาเสื้อผ้าในตู้
“ไม่มีทาง...มันยุ่งอยู่ไม่ว่าง หึหึ” ผมกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้งจนได้ ไอ้ใหญ่เหมือนจะรู้ตัวว่านินทามันอยู่ มันเอี้ยวตัวหันหลังมามองผมแล้วขมวดคิ้ว ผมเลยรีบโบกมือว่าไม่มีอะไร
“ฝันมึงดูมีความสุขดีนะ  ขนาดเพิ่งหายป่วย”ไอ้หนุ่ยพูดมาคำนึง

“อืม..กูรู้หัวใจตัวเองแล้วนี่” ไอ้ใหญ่แต่งตัวเกือบเสร็จแล้วครับใส่เสื้อไปแล้วกำลังนุ่งกางเกงในอยู่
“เฮ้อ..ไม่เหมือนกู กำลังอกหัก”เสียงไอ้หนุ่ยที่พูดว่าอกหักแต่ผมฟังแล้วไม่รู้สึกว่ามันเสียใจตรงไหน
 แต่ตอนนี้สมาธิผมไม่มี  สายตาไปอยู่ที่ใหญ่มากกว่าไอ้ใหญ่ใส่กางเกงในเสร็จแล้วครับ ถอดผ้าขนหนูทิ้งเป็นวงกลมอยู่ที่พื้น แล้วก้มลงหากางเกงนอนต่อ  ผมลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าไปหามันข้างหลังแล้วก้มลองสูดดมความหอมจากกายมันห่างๆ

“ฝัน...ไปไหนแล้ววะ...?”เสียงไอ้หนุ่ยดังลอดโทรศัพท์มา จนไอ้ใหญ่สะดุ้งหันหลังกลับมา “เฮ้ย!!!..”
“เฮ้ย..อะไรวะ”ไอ้หนุ่ยก็เฮ้ยมั่ง “ฮ่าๆๆ...ไม่มีอะไรกูแค่แกล้งคน”
ไอ้ใหญ่มันหน้าแดงทำตาขึงใส่ผมเอามือดันตัวผมไปห่างๆแล้วรีบใส่กางเกงเลยครับ มันคงกลัวผมจะทำอะไรมัน หึหึ ก็มันน่าทำจริงๆถ้าไม่ติดว่าโทรศัพท์อยู่ ผมคงจะทำอะไรมันไปแล้ว

ผมจำใจต้องกลับไปนั่งคุยโทรศัพท์ต่อ “มึงอกหักจากใครวะหนุ่ย...มึงอะนะอกหัก” ผมยังไม่เคยได้ยินมันพูดคำนี้สักครั้ง
“ส้มไง...มีคนอื่นมาจีบเค้าแล้ว”ผมก็ดูว่าส้มรักไอ้หนุ่ยมาก เพิ่งตกลงคบกันไม่นานด้วย
“เป็นไปได้เหรอ เค้ารักมึงจะตาย” ผมกวักมือเรียกใหญ่ให้มานั่งข้างๆ ใหญ่เดินไปหรี่เสียงในทีวีแล้วมานั่งดูทีวีข้างๆผม
“เค้าก็รักกู  แต่พ่อแม่เค้าไม่ชอบกู”เฮ้อฟังแล้วปวดตับ เรื่องแบบนี้มันยากจริงๆครับ ทำไมเราต้องเลือกพ่อแม่ครอบครัวกับคนรัก
“แล้วมึงจะทำยังไง?”นั่นซิถ้าผมเป็นมันผมจะทำยังไง ใหญ่เอนพิงตัวมาที่ผมผมเลยเอาแขนโอบไหล่มันไว้ เอามือลูบที่ไหล่มันไปเพลินๆ

“กูก็...ยังไม่ทำอะไร รอไปก่อน”ผมเริ่มสงสัยว่าทุกเรื่องในชีวิตไอ้หนุ่ยมันดูชิวไปหมดจริงๆ
“รออะไรวะ...รอให้เค้าไปแต่งงานกับคนอื่นรึไง” ผมพูดเสียงดังจนใหญ่หันหน้ามามอง
“ตราบใดที่มีรักเราก็ยังมีหวังไม่ใช่เหรอ.....มึงไม่เคยดูหนังฟังเพลงรึไงไอ้ฝัน  ถ้าเค้ายังไม่เป็นของใครโอกาสเราก็ยังมีเสมอนะเว้ย” ผมก็งง หนังหรือเพลงอะไรกันผมไม่เคยดู  รู้แต่ว่าคำพูดที่มันพูดโดนใจผมเต็มๆ  
“มึงจะให้กูพิลาปรำพัน อกไหม้ไส้ขม ร้องไห้เมาเหล้า งานการไม่ทำ นั่นมันไม่ใช่กูอยู่แล้ว” เออเอากับมันซิ
“เฮ้อ....กูไปดีกว่า ไว้กลับมาค่อยคุยกัน กูไม่อยากกวนเวลามึง”

“เออรู้ตัวก็ดี ไว้กลับไปกูโทรหานะ” ใหญ่มันรู้ว่าผมจะวางเลยพูดดังๆใส่โทรศัพท์ผมว่า “หวัดดีคับพี่หนุ่ย”
ไอ้หนุ่ยได้ยินหัวเราะเสียงดังแล้วบอกผมว่า “น้องเขยกูน่ารักว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมกำลังจะด่ามันกลับ ”ไอ้เชี่....”
มันกลับตัดสายวางไปก่อนหนีคำด่าผมไปได้อย่างหวุดหวิด
“ฝันเป็นอะไรหน้าแดง คุยอะไรกันวะ ดูซีเรียสเชียว” ผมส่ายหน้า “ก็ไอ้หนุ่ยพ่อตาแม่ยายไม่ชอบมันจะให้เลิกกับแฟน”
“เหรอ แล้วพี่หนุ่ยทำไง? ”
“มันก็ไม่ทำไง รอเวลา  ไม่รู้อะไรของมัน เฮ้อ” ผมลุกขึ้นจะไปอาบน้ำแต่ไอ้ใหญ่ดึงผมไว้ “มึงจะไปไหน?”
“อ้าวกูจะไปอาบน้ำไง  มึงตัวหอมๆแล้วจะให้กูตัวเหม็นอยู่คนเดียวรึไง” ไอ้ใหญ่หน้าแดงทันทีพอผมพูดจบ
“มึงชอบเล่นอะไรบ้าๆ ทำให้กูตกใจเรื่อย” ผมได้แต่หัวเราะเดินออกไป
 ใหญ่ตะโกนบอกตามหลังมาว่า “อย่าสระผมนะ อย่าอาบน้ำเย็นด้วย อย่า....”

“มึงมาอาบให้กูเลยมา...สั่งจริ๊ง”ผมชะโงกหน้าบอกยั่วมันไปว่า “แน่จริงรึเปล่าล่ะ”
ใหญ่ไม่ตอบแกล้งนอนคว่ำหน้าหนีผม แต่ก็ยังไม่วายเงยหน้าแดงๆของมันให้ผมเห็นแล้วก็ตะโกนว่า “ไปเลยไป ไปอาบเอง...อย่ามายุ่งกับกู”
หึหึ น่ารักจริงไอ้ใหญ่ของผม....................
************************************
เอิกซ์ซซซรอดไปอีกวัน :oni1:








หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 21-10-2009 17:47:48
ความรักคู่นี้จะไปทิศทางไหน :z3:
ขอให้ได้อยู่ด้วยกันนนนนน :call:
 :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 21-10-2009 18:26:24
หึหึ นับวันความหื่นของเจ้าฝันจะทำให้ว่าที่เพื่อนเขย เอ้ย..เพื่อนสะใภ้ของพี่หนุ่ย
ดูไม่ค่อยจะปลอดภัยนะ ยิ่งเวลาอยู่ด้วยกันน้อยแบบนี้การสัมผัสกันย่อมมากขึ้นเป็นธรรมดา
 :o8: ขำเกิ๊นไอ่คำว่าวิวกำลังดีเนี่ย  :oo1: นุ้งใหญ่ของคนอ่านเคยรู้อะไรบ้างมั๊ย
เดี๊ยะๆๆได้เอาลูกเขยไปฝากพ่อแหงๆ :เฮ้อ: พ่อเจ้าเป็นคนแก่ที่ชอบพูดค.นัยบ่อยๆนะ
เสียวสันหลังเกิ๊น อยู่กันครบๆที่ไรกำลังใจเจ้าฝันติ๊ดนึง ฮ่วย!!! แล้วจะเอาพลังที่ไหนไปหวีดฟ่ะ :กอด1:
“มึงจะให้กูพิลาปรำพัน อกไหม้ไส้ขม ร้องไห้เมาเหล้า งานการไม่ทำ นั่นมันไม่ใช่กูอยู่แล้ว”
>>  :a5: หาพจนานุกรมก่อน  :o12:

+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 21-10-2009 18:30:37
คู่นี้
มันออกแนว

จะชักไป

วนมา

ออกไป

แล้วกลับมา

แล้วพอกลับมาซักพัก

ก็ออกไป  :a5:  :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-10-2009 21:32:46
ผิดมั้ยเนี่ย ถ้าจะบอกว่า ไม่ชอบน้องออมเลย ยิ่งอ่านยิ่งไม่ชอบ  สงสัยโรคนอยด์เด็กออกอาการ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 21-10-2009 22:19:33
ปรับความเข้าใจ เติมรัก เติมความเข้าใจให้เต็ม กับเวลาที่เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ

อุปสรรคที่ขวางหน้าอยู่ก็เป็นแค่เรื่องธรรมดา

+1 ให้นะครับ รอตอนที่ 31 อยู่ครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 22-10-2009 00:03:36
555
นับวัน ฝันชักจะอดใจไม่ไหว
อยากให้ .... >/////<

แต่ทำไมรู้สึกว่าเค้าโคลงความเศร้ามันคลืบคลานเข้ามา?
อย่าๆๆๆๆ

ขอให้ได้อยู่ด้วยกันเถอะ
ฝันกับใหญ่รักกันมากเลยน้า
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 22-10-2009 00:16:57
คำพูดของพ่อใหญ่ ฝันต้องคิดดีๆ และต้องหนักแน่นมากๆนะ
ท่านหวังให้ใหญ่มีใครอยู่เป็นเพื่อนคู่ชีวิตที่ดูแลกันและกันได้
แต่ถ้าต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก โดยทิ้งคนที่รักไว้อีกทาง ใหญ่ก็คงไม่ต้องการหรอก
คู่นี้จะลงเอยยังไงนะเนี่ย
บวก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณนะคะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 22-10-2009 04:07:02
อ้างถึง
“ยังไม่ได้ค่ะ ลุงใหญ่ยังไม่หายดี  คุณพ่อกลัวน้องออมติด อยู่กับคุณครูก่อนนะคะ”
“แล้ว ถ้าลุงใหญ่หายดี ลุงใหญ่ยังต้องนอนกับคุณพ่อมั้ยคะ” ผมกับใหญ่ต่างคนต่างอึกอัก เจอคำถามเด็กเข้าไปทำเอาคิดคำตอบไม่ทัน  พ่อกับครูน้ำก็หัวเราะ
ใหญ่มันตอบว่า “ก็ลุงใหญ่นานๆมาที คุณพ่อมีเรื่องคุยเยอะแยะเลย  หายดีแล้วก็ยังนอนกับคุณพ่อค่ะ” น้องออมเลยทำหน้างอใส่ผม “ไม่ยอมๆ น้องออมจะนอนกับคุณพ่อ  ไม่ยอมให้ลุงฝันมาเอาคุณพ่อไป” น้องออมทำปากแบะเหมือนจะร้องไห้ จนครูน้ำต้องปลอบ

ผมฟังแล้วก็ตื้อๆในอก เลยบอกน้องออมว่า “ลุงใหญ่อยู่อีกไม่กี่วันเองครับ  เดี๋ยวอีกสองสามวันก็กลับแล้ว หายดีแล้วก็คงกลับกรุงเทพพอดี  น้องออมก็กลับมานอนต่อกับคุณพ่อได้เหมือนเดิมนะคะ” ใหญ่ส่งยิ้มเศร้าๆมาให้ผม
เหมือนกับจะรู้ว่าผมก็นอนอยู่กับมันได้อีกไม่กี่คืนเท่านั้นเอง

  ลุงใหญ่ ==>> ลุงฝัน

>>>>  เห็นแววไม่ดีมาแต่ไกล  ไม่นะ  อย่าใจร้ายกันฝัน ใหญ่เลย :call:

อยากให้ทั้งคู่มีทางออก และฟันฝ่าไปด้วยกัน :n1:

เซ็งครูน้ำ

ฝันนี่นับวันจะหื่นขึ้นๆนะ  อิประโยควิวดี นี่ชักได้ยินบ่อย  ว่าแต่ก่อนกลับ  เผด็จศึกให้ได้นะ   :oo1:  


ใครเป็นน้องเขย น้องสะใภ้ของหนุ่ยจะได้ชัดเจนซะที
 :laugh:




ใหญ่ไม่ตอบแกล้งนอนคว่ำหน้าหนีผม แต่ก็ยังไม่วายเงยหน้าแดงๆของมันให้ผมเห็นแล้วก็ตะโกนว่า “ไปเลยไป ไปอาบเอง...อย่ามายุ่งกับกู”
หึหึ น่ารักจริงไอ้ใหญ่ของผม....................


กรี๊ดดดดใครสั่งใครสอนให้ทำท่าน่ารักอย่างนี้ (ว่าที่)เมียฝันมันน่ารักจริงๆ :man1:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 22-10-2009 09:04:49
แว๊กกกก...ผิดบานเลย  :z3:
ไปแก้แล้วค่ะขอบคุณที่ช่วยกันสอดส่องนะคะ :pig4:
สงสัยคนแต่งจะเบลอๆ  :jul3:


หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 22-10-2009 14:37:22
เอาใจช่วยนะฝัน
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 22-10-2009 14:47:43
ไม่ใจอ่อนไปอาบน้ำให้ฝันหน่อยเหรอ :z1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 22-10-2009 20:03:28
อยากให้มีแต่โลกส่วนตัวของใหญ่กะฝันจังเลยคับ

อ่านแล้วมีความสุขม๊ากกกกมาก  :กอด1:

แต่เมื่อมีบุคคลแวดล้อมรอบข้าง บุคคลที่สามสี่ห้า,,,

อารมณ์จะเปลี่ยนไปเลยอ่า   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓0๓0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓0๓0
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 23-10-2009 16:41:27
เหมือนชีวิตของฝันจะกลับมาอยู่บนความไม่เเน่นอนของอารมณ์อีกครั้ง  :m16:

ผิดกับใหญ่ที่ดูเเล้วเริ่มจะมั่นคงในความรู้สึก 

เเต่ยังไงก็ขอให้ตัดสินใจให้ดี คำพูดบางคำอาจเปลี่ยนเเปลงความรู้สึกได้ มันก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของเราด้วย  :call:


ป.ล. ครูน้ำนี่ เหมือนจะรู้นะครับว่าอะไรเป็นอะไร ทำไมไม่หลีกทางไปซักทีเนี่ยยยย  :angry2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 25-10-2009 10:08:41
(ตอนที่ ๓๑)

หลังจากวันนั้นชีวิตผมก็วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวันครับอยู่ร้านทั้งวัน   พอตกเย็นก็ไปวัด เรื่องไปเที่ยวนี่ไม่ต้องไปนึกเลยครับทั้งที่ใหญ่มันก็พยายามจะชวนผมไปเที่ยวทุกวัน  แต่ใครจะมาพาลูกเค้าไปเที่ยวในขณะที่ศพแม่เค้ายังไม่เผาล่ะครับ แล้วเหตุผลที่ผมมาผมก็ไม่ได้คิดที่จะมาเที่ยวด้วย

    ตอนนี้อาการป่วยของผมดีขึ้นจนเกือบจะหายแล้ว ก็เลยเตร็ดเตร่เดินดูโน่นนี่นั่นไปทั่วร้าน ขนาดของร้านนับว่าใหญ่มากครับถ้าเทียบในตัวจังหวัดผมว่าก็ต้องติด1ใน10ของร้านที่ใหญ่ที่สุดแน่นอน ลูกน้องก็มีหลายสิบคน  ขนาดผมนั่งอยู่เฉยๆยังรู้สึกถึงความวุ่นวายในร้านเลยครับ ผมว่าผมเป็นลูกจ้างก็แค่ทำงานตามที่นายสั่งแต่ใหญ่มันเป็นนายจ้างมีหลายๆเรื่องที่มันต้องดูแลเอง  ผมว่ามันก็หนักหนาเอาการสำหรับใหญ่เหมือนกัน

     ผมเริ่มจะพอเข้าใจว่าทำไมใหญ่มันไม่อยากคุยโทรศัพท์ พอสิ้นวันมันก็คงอยากพักผ่อนพักหู(เพราะผมเห็นมันคุยติดต่อเรื่องงานทั้งวัน) แล้วใช้เวลาอย่างเงียบๆมากกว่า  ผมแอบคิดเล่นๆว่าถ้ามันมีเมียมาช่วยก็คงจะดี แต่คิดแล้วผมก็เศร้าผมควรจะเป็นคนเห็นแก่ตัวใช่รึเปล่าเพื่อให้ใหญ่อยู่กับผมคนเดียว  คิดยังไงก็คิดไม่ตก เลยต้องเลิกคิดไปดีกว่า

   พรุ่งนี้ผมต้องกลับกรุงเทพฯแล้วครับคงไม่ได้อยู่จนถึงวันเผาแม่     นึกๆแล้วก็ใจหาย เวลาหยุดที่ว่ามีตั้ง7วัน
 เอาเข้าจริงๆผมป่วยต้องนอนเฉยๆแทบไม่ได้ทำอะไรไป4วัน วันเวลาที่เหลือมันช่างน้อยจริงๆครับ ใหญ่เองก็คงรู้เลยไม่พูดถึงเรื่องที่ผมจะต้องกลับให้ผมได้ยิน เราพยายามใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุด  สำหรับผมวันข้างหน้าก็ยังมองไม่เห็นทางแต่ผมก็พยายามไม่คิดถึงมัน ใช้คติทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกัน

“มึงคิดอะไรอยู่”ใหญ่เข้ามานั่งข้างๆผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมกำลังนั่งบนเตียงมองออกไปนอกบ้าน วันนี้แขกมางานไม่มากเราก็เลยกลับบ้านได้เร็ว ผมอาบน้ำเสร็จแล้วเลยมานั่งคิดอะไรเพลินๆ ผมหันไปมองหน้ามัน ตาผมจับจ้องอยู่ที่หน้าของใหญ่  
“พรุ่งนี้กูจะกลับแล้วนะใหญ่ ”

ผมขยับตัวตบที่เตียงให้มันมานั่งข้างหน้าผมแล้วผมก็กอดมันไว้ ใหญ่ตอบผมเสียงเบาจนผมแทบไม่ได้ยิน
 มันบอกว่า “กูรู้”
ผมถอนหายใจแล้วรัดแขนแน่นขึ้นไม่อยากจากใหญ่ไปเลย “กูคงเหงาไม่มีมึงอยู่ด้วย” เสียงของใหญ่มันพูดลอยๆขึ้นมา
ผมได้แต่บอกมันว่า “เหงาก็เขียนจดหมายไปหากู  คิดถึงกูก็เขียนจดหมายไปหากู รักกูก็เขียนจดหมายไปหากู เข้าใจมั้ย”

ใหญ่หัวเราะแล้วบอกผมว่า “งั้นกูก็ต้องเขียนจดหมายทั้งวันเลยสิ”  ฟังแล้วมันเขี้ยวครับ ผมชะโงกหน้าไปหอมแก้มมันแรงๆ แล้วกอดมันไว้แน่นๆอีก  ผมเพิ่งรู้ว่าการที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักมันทำให้เรามีความสุขได้ขนาดนี้
“ก็คงงั้นมั๊ง ก็มึงทั้งรักทั้งหลงกูเลยนี่ หึๆ”
 ใหญ่มันเอาศอกถองผมแรงๆ “ไอ้คนหลงตัวเอง”

ผมหัวเราะ ใหญ่เอาศีรษะมาพิงที่ไหล่ผม “ก็ต้องหลงสิ ก็มึงยังหลง กูก็ใจเดียวกับมึง ก็ต้องหลงเหมือนกัน” ไอ้ใหญ่หัวเราะ เบาๆ “กูไม่รู้มาก่อนเลยว่ามึงนี่เจ้าคารมนะ  แต่ก่อนมึงไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย”
“นั่นสิ กูก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน เพราะมึงแหละ ฮ่าๆ”
“อย่ามาโทษกู  กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

ผมเอามือลูบแก้มมันเบาๆใหญ่ก็เอาแก้มดันฝ่ามือผมไว้ มันเพลินจริงๆครับ
 “มึงน่ะทำ  ทำให้กูรัก กูก็เลยเป็นแบบนี้ไง”
เรากอดกันนิ่งๆใหญ่ก็ลูบมือผมไปเพลินๆ ผมรู้สึกว่า“ถ้ากูรู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้ก็ดีนะ กูจะได้มีเวลามีความสุขกับมึงแบบนี้นานๆ”

“ทำไมมึงไม่บอกกูล่ะใหญ่ ?”ผมหันไปถามใหญ่ มันทำท่าอิดออด จนผมต้องแกล้งดึงจมูกมันเล่น
“เร็วๆบอกมา ทำไมไม่บอกมาครับ”
“ก็กูอาย กูเขินด้วย กลัวอีก สารพัด มันพูดยากนะ ไม่ใช่จะพูดกันง่ายๆเหมือน รับซาละเปาเพิ่มมั้ยครับ”ใหญ่มันหัวเราะ ผมก็ขำว่าใหญ่ช่างเข้าใจเปรียบเทียบ
“มึงนี่ช่างคิด หึหึ” หัวเราะเสร็จผมกับใหญ่เงียบก็เงียบกันไปอีก ผมลูบแขนมันเล่น ความรู้สึกในใจของผมมันมากแต่กลับไม่มีคำพูด เหมือนมันท่วมท้นอยู่ในใจ

“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ พรุ่งนี้มึงจะกลับแล้ว กูก็คงต้องรออ่านจดหมายมึงเหมือนเคย พูดอะไรกับกูหน่อยสิ”ใหญ่พูดเป็นจริงเป็นจัง จนทำให้ผมต้องคิดว่าผมจะพูดอะไรดีนะ
“ไม่อยากพูดเลย พูดไม่ออก เดี๋ยวไว้เขียนจดหมายมาหาดีกว่ามั้ย ตอนนี้ยังตื้อๆคิดไม่ออก” ผมดึงหน้ามันให้หันมาหาผม
“ไม่พูดแต่ทำแทนได้มั้ย?”

 ผมก้มลงจูบปากมันทันที ค่อยๆจับตัวใหญ่ให้หมุนตัวมาหาผมช้าๆ มือผมประคองหน้าใหญ่ไว้ ใหญ่เอามือมาคล้องที่คอผมแล้วบีบที่ต้นคอผมเบาๆ
“อืม...”ผมหอมที่แก้มใหญ่แรงๆแล้วเลื่อนไปที่ซอกคอ ใหญ่พูดเสียงสั่นๆว่า “มึงจะทำอะไรฝัน?”
ผมเงยหน้าผละจากคอใหญ่จ้องตามันนิ่งๆก่อนจะบอกด้วยเสียงหอบสั่นไม่แพ้กันว่า “กูไม่รู้....กูเมา”

 ผมก้มลงไปจูบใหญ่ต่ออีกครั้ง คราวนี้มือผมลูบไหล่ หลังมันไปทั่ว ผมรู้สึกร้อนไปทั้งตัว ขนาดที่ว่ารู้สึกเหมือนแอร์ไม่ได้เปิด
“กู..กะ..กู” ผมไม่รู้จะพูดว่าอะไรจริงๆครับที่ผมบอกว่าผมเมา ผมก็มั่ว ก็ผมทำไปโดยที่ผมเองก็ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรดี
มือข้างหนึ่งผมเลิกเสื้อใหญ่ขึ้นไปขณะที่ปากผมก็ยังไม่ปล่อยไปจากมัน ใหญ่ลืมตามองผมอีกครั้งก่อนที่จะหลับตาลง  ผมมองแววตาใหญ่ไม่ออกว่ามันสื่อความหมายอะไร รู้แต่ว่ามันไม่ได้พูดอะไรเลยเมื่อผมถอดเสื้อมันออกไปแล้วผลักมันลงบนเตียง ผมค่อยๆลดตัวลงจูบมันไล่ลงมาตั้งแต่คอ อก แล้วต่ำลงมาเรื่อยๆ เมื่อผมกำลังจะดึงกางเกงมันออก ใหญ่มันก็ถามผมเสียงสั่นๆว่า
“ฝัน..มึงแน่ใจแล้วเหรอที่มึงทำ”

ผมเงยหน้ามองใหญ่อีกครั้งสบตามันนิ่ง แล้วก้มลงเอามือเกี่ยวกางเกงมันออก
ใหญ่ก็ถามย้ำผมอีกครั้ง “มึงถามตัวเองก่อนนะว่าจะไม่เสียใจทีหลัง”
ผมถอดกางเกงมันออกไปแล้วและกำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ตอนนี้ผมรู้สึกเพียงอย่างเดียวที่จะครอบครองใหญ่ให้เป็นของผมอย่างแท้จริง ก่อนที่ผ้าชิ้นสุดท้ายจะหลุดจากร่างกายผมไป ผมถามใหญ่ว่า
 “มึงจะเสียใจรึเปล่าล่ะ ถ้ามึงเสียใจ กูจะทำให้เหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย”
ใหญ่ลุกขึ้นนั่งมองตาผมผมรู้ว่ามันคือความรัก   ใหญ่ไม่ตอบผมแต่ช่วยผมถอดผ้าชิ้นสุดท้ายออกไป

หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ้นไป เรานอนกอดก่ายกันราวกับว่าจะไม่มีวันแยกจากกันไปไหนอีก หัวใจผมเต้นแรงเหมือนกับว่ามันจะไม่มีวันเต้นในอัตราปกติอีกแล้ว  ทุกสิ่งมันสวยงามเกินกว่าที่ผมคิด
ผมเอามือลูบเช็ดเหงื่อที่หน้าผากใหญ่ “มึงมีความสุขมั้ย”
ใหญ่เอาหน้าเกลือกกลิ้งกับหน้าอกผม“กูเจ็บ”
ผมเอามือลูบตามตัวมัน “ไหนเจ็บตรงไหน?” ผมพยายามพลิกตัวใหญ่แต่มันก็ดื้อขืนตัวไว้
“อื้อ...ไม่เอา..ไม่ต้องเลย” ใหญ่มันหน้าแดงก้มหน้างุดซุกเข้าที่อกผม น่ารักจริงๆครับ

“ก็บอกว่าเจ็บก็จะดูให้ไง”ผมบอกด้วยเสียงอ่อนอกอ่อนใจในความดื้อของใหญ่  แต่ก็ขำด้วยเลยเผลอหัวเราะเบาๆ ใหญ่มันได้ยินเลยหยิกหน้าอกผมอย่างแรง “โอ๊ย...เล่นเจ็บนะใหญ่”
“ก็หัวเราะทำไมล่ะ มึงอ่ะแรงควายกูระบมไปหมดแล้ว” ไอ้ใหญ่ท่าจะเจ็บจริงครับ ผมก็ลืมตัวไปหน่อยก็ตอนนั้นมันหน้ามืดจริงๆ
ผมก้มลงหอมแก้มมันอีกฟอด “ก็มึงอ่ะผิด..”
ไอ้ใหญ่มันทำตาขวางเงื้อกำปั้นเตรียมชกผมแล้วแต่ผมรีบจับไว้ทัน
 “ผิดที่น่ารักเกินไป”ผมกระซิบที่ข้างหูใหญ่แล้วจูบมันที่ใบหู ใหญ่มันยักคอหนีผมเลยครับ ผมได้ทีรีบซุกหน้าไปที่คอมันอีกจนใหญ่ต้องรีบเอามือผลักหน้าผมออก
“ไม่เอาแล้ว...พอนะฝัน..กูเหนื่อย”

เห็นแววตาอ้อนวอนที่จ้องมาแบบนั้นผมก็ใจอ่อนไม่อยากแกล้งแล้วครับ “ก็ด้ายครับ งั้นผมขอนอนกอดคุณแบบนี้นานๆนะครับ” ใหญ่มันทำท่าจะลุกผมเลยรั้งมันไว้ไม่ยอมปล่อยไป “จะไปไหน”
“จะไปใส่เสื้อผ้าสิ หนาวจะตาย”แต่ผมไม่ยอม ผมดึงมือรั้งใหญ่ให้ลงมานอนบนตัวผมแล้วกอดมันไว้แน่น
“กอดกันแบบนี้จะหนาวได้ยังไงกัน”ใหญ่มันดิ้นๆไม่ยอมแต่ผมก็ไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอกครับ
“มึงอ่ะ  ชอบเผด็จการ”ใหญ่มันดิ้นจนหมดแรงได้แต่บ่นงึมงำๆอยู่ในคอคนเดียว
“ก็กูจะไม่ได้กอดมึงอีกนานนี่นา กูก็ต้องสำรองไว้เยอะๆสิ”ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะครับ
“แล้วถ้าที่สำรองไว้หมด มึงจะไปกอดคนอื่นแทนมั้ย”

ผมหันไปมองหน้าใหญ่ทันที “มึงไม่เชื่อใจกูเหรอ?”
ใหญ่ส่ายหน้า “กูแค่ถามเฉยๆ”
“มึงก็รู้ตอนนี้กูไม่มีใครเลยจริงๆ มีแต่มึงเท่านั้น” ผมน้อยใจเหมือนกันครับเหมือนใหญ่ไม่เชื่อใจผมเลย
“แล้วถ้ากูถามมึงแบบนั้นบ้างล่ะ มึงจะไปกอดใครแทนกูหรือเปล่า มึงจะรู้สึกยังไง”
ใหญ่มันยกเอามือผมขึ้นมาแนบแก้มทำเสียงอ่อยๆ “กูขอโทษนะฝัน”
ผมพูดกับใหญ่ถึงเรื่องลึกๆในใจที่ผมคิด แล้วก็ย้ำเตือนตัวเองไปด้วย
 “ความระแวงมันร้ายนะ มันคอยแต่จะบั่นทอนกำลังใจจากเรา มึงสัญญาสิว่าเราจะไม่ระแวงกัน   ถ้ามีอะไรเราจะพูดกันตรงๆนะ”ผมบอกใหญ่ไปแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะทำได้หรือเปล่า

“กูสัญญา..”ใหญ่พูดเสร็จก็นิ่งไปนาน  พอผมเหลือบดูปรากฏว่าหลับไปแล้วครับ
“ใหญ่..ใหญ่..หลับแล้วเหรอ”ผมเรียกใหญ่เท่าไหร่ก็ไม่ตื่น
มันแค่อือๆอาๆบอกผมว่า “กูเจ็บ..กูเหนื่อย” แล้วก็หลับต่อไป
 ผมมองใบหน้าใหญ่ที่หลับไปแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว หวังอย่างเดียวว่า...ความสุขของผมจะอยู่ไปแบบนี้นานๆ
*******************************
 :-[



หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 25-10-2009 11:08:57
 :z13: +1 ให้นะค้าบ

อ่านตอนนี้แล้ว   :กอด1:

ขอบคุณที่มาต่อให้ ขอให้ทั้งคู่รักกันนานๆนะคับบ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-10-2009 14:25:59
แอร๊ยยยย คู่นี้ทำอารายกันเนี่ย  :z1:

ไกลกันอีกแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่ค่อยได้คุย รออ่านแต่จดหมาย เป็นความสัมพันธ์ที่อดทนกันดีจัง   :z10:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 25-10-2009 15:30:01
บอกได้คำเดียวว่าเริ่ดค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 25-10-2009 15:50:15
สัญญากันแล้วนะว่าจะไม่ระแวงกัน
แต่อย่าได้มีอะไรที่ต้องทำให้พูดกันตรงๆ แล้วทำร้ายจิตใจเลย
แค่ไกลกันก็แย่แล้ว อย่ามีอุปสรรคมากกว่านี้เลย
บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 25-10-2009 19:49:40
อ่านตอนนี้เเล้วบอกได้คำเดียว

















"ความสุขมันจุกอก"

 :-[  :-[  :-[

ปล. ถ้าจบเศร้า ๆ นี่ จะงอนคนเขียนเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 25-10-2009 21:50:06
เป็นคน ๆ เดียวกันแล้วนะ

ต่อไปจะเป็นยังไง ก็อยู่ที่สองคนนี่แหละ

+1 เป็นกำลังใจให้นะครับ รอฉบับที่ 32 อยู่นะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 26-10-2009 01:20:17
 :angry2: :serius2: ไม่จริงงงงงงง
คนแต่งข้ามอะไรไปรึป่าวคะ 555555555555
ถ้าไม่ถนัดคนอ่านไม่บังคับก็ได้คะ แต่อยากอ่านนนนนนนนนนนนนนนดิ้นๆๆๆๆๆ :a5: :z3:
+1 จัดให้คะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 26-10-2009 02:33:41
ไม่จริงงงงงงง
คนแต่งข้ามอะไรไปรึป่าวคะ 555555555555
ถ้าไม่ถนัดคนอ่านไม่บังคับก็ได้คะ แต่อยากอ่านนนนนนนนนนนนนนนดิ้นๆๆๆๆๆ
+1 จัดให้คะ  
 มาดิ้นกับรีนี้ด้วยคน   จะเอาาาาาาาาาาาาาา ๆๆๆๆๆ จะอ่านนนนนนนนนนน ๆๆๆๆ o9  ไม่เอาโคมไฟหัวเตียง

ไม่จริงงงงงงงงงง  :sad5: :o211:  ฉากที่เดี๊ยนเฝ้ารอ   :m31:

+1 ค่ะ

:a14:  เค้างอนแล้ววววว

์-------------
ในที่สุดก็เป็นของกันและกัน  

แล้วระยะทางก็มาเป็นตัวขวางกั้นอีกครั้ง  เฮ้อออ  

ขออย่าให้มีอะไรเลย  

เรื่องความ หวาดระแวงกันนั้นก็สำคัญ และอีกอย่าง คือ อย่าคิดแทนหรือตัดสินใจแทนกัน

ไม่งั้นจะเกิดปัญหาขึ้นมาได้ บางทีสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับเค้า  เค้าอาจจะไม่ต้องการก็ได้  

(me/กรี๊ดดด  เหมือนแม่กำลังให้โอวาทลูกสาวที่กำลังเข้าหอเรือนเลย :pigha2:)

หวังว่าคงไม่มีตัวแปรอื่นอีกนะ   อยากให้ฝันย้ายมาอยู่ใกล้ๆ ใหญ่จัง  เฮ้ออออ  จะมีทางบ้างไหมเนี่ย  


หวังอย่างเดียวว่า...ความสุขของผมจะอยู่ไปแบบนี้นานๆ

---->เราก็หวังเช่นกัน :call:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 26-10-2009 02:40:54
อ๊ากกก

ใครโดนกระทำน่ารัก

(ถึงแม้ชื่อไม่น่าจะโดนซักเท่าไหร่)  :laugh:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 26-10-2009 07:54:12
 :o8:ชอบๆ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 28-10-2009 11:43:26
รอๆ :3123:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: aroonchai ที่ 29-10-2009 06:31:12
 :pigha2  คนเขียนไปไหนแล้ว   ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๑๓๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๑๓๑
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 29-10-2009 11:34:26
แอร๊ยยยยยยยย ทำไมน่ารักแบบนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆ แอร๊ย ดิ้นๆๆๆๆ

ชอบที่สุดเลยยยยยยยยย  เขียนได้น่ารักมากมาย

แอร๊ยยยยยยย ใหญ่น่ารักที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดด  แอร๊ยยยยยยยยยยย :-[ :man1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 29-10-2009 14:17:54
 o1 ต้องขอโทษด้วยค่ะที่หายไปนานต้องไปโทษนู่น------>คนเขียน ที่ไม่ส่งเรื่องมาค่ะ แต่วันนี้ไปอ่านก่อนเลย
****************
(ตอนที่ ๓๒)


พอเช้าขึ้นมาเราก็ต่างเขินอายต่อกันเพราะต่างคนก็ต่างไม่ได้สวมอะไรเลย  ตอนที่ใหญ่มันเขย่าตัวผมให้ตื่น ผมแปลกใจที่มันตื่นเช้ากว่าผมได้   แต่พอใหญ่บอกผมว่า“ฝัน ตื่นไปใส่บาตรกัน”ผมก็เข้าใจ  ผมบิดตัวด้วยความเมื่อยแต่ก็ลุกขึ้นอย่างเต็มใจ  ใหญ่ปลุกผมแล้วก็รีบวิ่งไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วราวกับว่ากลัวผมจะเห็นอะไรที่ผมเห็นมาหมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืน  ผมได้แต่มองตามแล้วยิ้ม
    อากาศยามเช้าๆค่อนข้างหนาว  ถนนหน้าบ้านใหญ่ยังเงียบอยู่เลยครับ  แต่ก็มีหลายๆคนที่ตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายวิ่งผ่านหน้าบ้านไปบ้าง  ใหญ่พาผมขี่มอเตอร์ไซด์ท้าลมเย็นๆไปที่ตลาดซื้ออาหารและดอกไม้มาใส่บาตรกัน  แล้วพาผมไปรอในจุดที่จะมีพระเดินบิณฑบาต
ระหว่างที่ผมกับใหญ่รอพระมา เรานั่งอยู่ข้างถนนต่างคนต่างยังไม่มีคำพูด เหมือนกับสิ่งที่เราทำไปเมื่อวานมันเป็นสิ่งที่พูดลำบาก
“กูขอโทษนะไม่ได้อยู่จนวันเผาแม่”ผมต้องรีบกลับกรุงเทพแล้วครับหัวหน้าโทรมาย้ำว่าห้ามลาเตลิดต่อ  เพราะตอนที่ผมมาก็มาแบบทันทีทันใด แล้วก็ทิ้งไปหลายวัน มีเรื่องมากมายที่รอผมไปเคลียร์

“กูรู้ มึงก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ”ใหญ่มันตอบแต่ก็ยังไม่ยอมมองหน้าผม อาการเหมือนคนที่ขัดเขินต่อกัน
“กูอยากอยู่นะ” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้จนแขนของเราสัมผัสกัน ใหญ่ไม่ได้ขยับตัวหนี ผมรู้สึกว่าแค่เราได้อยู่ใกล้กัน มันก็อุ่นไปถึงใจแล้วครับ
“กูอยากอยู่กับมึงทุกๆวัน อยากอยู่ข้างๆมึง”ผมค่อยๆเอื้อมมือไปกุมมือใหญ่ที่วางอยู่ที่ขาเราสอดประสานนิ้วไว้ด้วยกัน
“มึงอยู่ข้างๆกูอยู่นี่แล้วไง”ใหญ่หันมายิ้มเศร้าๆให้ผม ผมบีบมือมันแน่นขึ้นให้รับรู้ถึงความอบอุ่นจากเลือดเนื้อของใหญ่ที่ส่งผ่านมาทางมือผม

“กูอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ มึงรู้ไว้นะว่ากูรักมึง นะครับ” ผมกับใหญ่ต่างก็รู้ว่าในความจริงแล้ว  เราก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี
“อืม..”ใหญ่ก้มหน้าเงียบแต่บีบมือผมแน่น แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาฝืนยิ้มให้ผม
“วันนี้มึงจะกลับแล้ว อยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
“กูไม่อยากไปไหน..อยากอยู่กับมึงแบบนี้..” ใหญ่ส่ายหน้า “ไปเหอะมาเชียงใหม่ทั้งที บอกมาอยากไปไหน”
“งั้นพากูไปไหว้พระที่พระธาตุดอยสุเทพแล้วกัน”ผมคิดว่าไปไหว้พระก็ดีครับจะได้สบายใจ
ใหญ่พยักหน้ายิ้มกว้างให้ผมแววตาสดใส  “ได้ครับผม” เราส่งยิ้มให้แก่กันเนิ่นนานไม่ได้คุยอะไรกันอีก

ฝันที่คิดถึง
    กูหวังว่ามึงคงจะถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยแล้วนะ  เพราะถ้ายังไม่ถึงก็คงต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่างแน่ๆ กูทำตามสัญญาแล้วนะว่าจะเขียนมาเล่าให้ฟังเรื่องงานศพ
   งานวันนี้ผ่านไปด้วยดีฝัน งานทุกอย่างเรียบร้อยหมด มีแขกมาร่วมงานมากจนกูตกใจ ของชำร่วยเกือบไม่พอแจก  ตอนที่ยุ่งๆเรื่องงานกูก็ไม่คิดอะไรนะ แต่พอเค้าเอาแม่เข้าเตาเผาไป กูถึงรู้ว่าแม่กูจะไม่อยู่กับกูแล้ว  น้ำตากูไหลออกมาทั้งที่กูก็พยายามห้ามตัวเองไว้แล้ว  จนพ่อมาตบไหล่กูแล้วบอกกูว่าแม่เค้าไปสบายแล้ว อย่าทำให้วิญญาณแม่ต้องเป็นห่วงเลย  กูถึงหยุดร้องไห้ได้
   พองานผ่านไปแล้วกูว่างเลยฝัน มันเหมือนชีวิตกูกลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง  ไม่มีแม่ที่กูต้องคอยดูแล ไม่มีงานศพให้กูต้องจัดการอีกแล้ว ไม่ต้องคอยรับแขก แต่แปลกที่กูกลับไม่ชอบเลย  กูอย่างยุ่งกับการดูแลแม่มากกว่าที่กูจะว่างแบบนี้  ก่อนที่แม่กูจะป่วย  กูเคยไม่สนใจพ่อแม่ เดินผ่านท่านไปแล้วก็ผ่านไปไม่คิดแม้แต่จะชวนคุย มัวแต่คิดเรื่องสนุกสนานของตัวเอง แต่ตอนนี้ทำไมกูคิดถึงท่านขนาดนี้ก็ไม่รู้  กูยังรู้สึกว่าที่ผ่านมากูยังทำหน้าที่ลูกได้ไม่ดีพอเลย   กูก็เผลอบ่นให้มึงฟังไปซะยาวอย่าพึ่งเบื่อกูนะ   แค่อยากบอกให้มึงดูแลแม่มึงหน่อยท่านก็อายุมากแล้ว อย่าเป็นแบบกูที่มาเสียใจทีหลังที่ได้ปรนนิบัติท่านน้อยไป
   แล้วมึงกลับไปงานยุ่งรึเปล่า กูขอโทษนะ....ทำให้วันลาของมึงเสียเปล่าไปเฉยๆเลย  กลับไปคงต้องทำงานหนักกว่าเดิม  ไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ไปแถมยังมาป่วยอีก  มึงดูแลตัวเองด้วยนะอย่าละเลยตัวเอง อย่าลืมนะถ้ามึงป่วยกูก็คงแย่ไปด้วย
   กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟังขำๆ   ตอนนี้น้องออมกลับมานอนที่บ้านแล้ว  แต่กลางคืนไม่ยอมมานอนกับกูเหมือนเดิมพอกูถามว่าทำไม  น้องออมบอกกูว่า  “คุณครูน้ำบอกว่าหนูโตเป็นสาวแล้วไม่ควรมานอนกับคุณพ่อค่ะ” กูก็ขำทั้งที่ตอนมึงอยู่กลับมางอนมึงเป็นเรื่องใหญ่โตที่มึงมานอนกับกู เด็กก็คือเด็กนะมึงว่ามั้ย กูหวังแค่ว่ามึงจะไม่โกรธหลานกู
   ช่วงหลังจากที่แม่ไม่อยู่พ่อกูก็กลายมาเป็นคนที่ดูแลหลานมากขึ้นกว่าเดิม  ท่านแทบจะวางมือจากงานทั้งหมดแล้ว กูต้องมาตั้งใจทำงานมากขึ้นเลยแทบไม่มีเวลาให้น้องออมเลย   บางครั้งกูก็สงสารหลานกลัวว่าเค้าจะเหงาแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ยังดีที่มีครูน้ำมาช่วยดูอีกคน แต่กูก็ไม่สบายใจเลยมึงคงรู้ว่าเพราะอะไร     
   ตอนที่มึงอยู่ที่นี่กูก็ไม่รู้ว่ามึงรู้สึกยังไงเรื่องครูน้ำ  แต่กูก็รอมึงพูดอยู่   แต่มึงก็ไม่พูดกูเลยไม่กล้าถาม  นี่เป็นข้อดีของการเขียนจดหมายอย่างหนึ่งที่กูชอบมาก  เพราะกูคงไม่กล้ามองหน้ามึงเวลาเราคุยกันเรื่องนี้  แต่ถ้ามึงคอยมองอยู่ตลอด มึงก็คงรู้ใช่ไหมว่า....กูไม่เคยคิดอะไรกับครูน้ำมากไปกว่าครูของน้องออมเลย
   มึงสบายใจได้....กูยังเป็นของมึงทั้งกายและใจ
กูบอกมึงไว้ก่อนนะ  อย่ามาระแวงกู  ขอให้มึงเชื่อใจกูเท่านั้นแล้วไม่ว่าเราจะไกลกันแค่ไหน.....มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย

ปล.เมื่อคืนกูนอนไม่ค่อยหลับ...สงสัยไม่มีมึงนอนกอดว่ะ หึหึ
ใหญ่...


ใหญ่ของกู
   ได้รับจดหมายมึงแล้วหายเหนื่อย  ไม่ใช่เพราะคำหวานๆที่มึงเขียนมาตอนท้ายนะ  แต่พอเห็นจดหมายก็รู้ว่ามึงคิดถึงกู เพราะมึงทำตามอย่างที่กูบอกใช่มั้ยล่ะ คิดถึงกูก็เขียนจดหมายมาหากู  ขอบใจนะที่คิดถึงกัน
   หลายๆเรื่องที่มึงเขียนมาทำให้กูได้คิด เรื่องแม่ก่อนเรื่องแรก  กูให้สัญญากับมึงว่ากูจะทำตัวดีขึ้น  ไม่อยากบอกมึงเลยกูก็เป็นแบบมึง เป็นลูกเลวๆไม่สนใจแม่เอาเสียเลย  สัญญาครับใหญ่ว่าจะดูแลท่านให้มากขึ้น กูนี่แย่นะต้องให้มึงมาเตือนถึงจะได้คิด  ที่จริงกูก็รักแม่นะแต่กูคงใส่ใจท่านน้อยไป  ตอนนี้กูเริ่มเปลี่ยนแปลงแม่เลยสงสัยว่าเชียงใหม่มีอะไรมาทำให้กูเปลี่ยนไป...ในทางที่ดีขึ้น  กูเลยบอกว่าเพราะมีมึง
   เรื่องที่มึงบอกว่ามึงยังทำหน้าที่ดูแลแม่ได้ไม่ดีพอเรื่องนี้กูขอยกมือประท้วง  กูว่ามึงทำดีที่สุดแล้วนะ ดีสมกับเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ทำได้เลย  กูภูมิใจในตัวมึงมากนะ กูว่าถ้ามึงว่างมากมึงก็ดูๆพ่อหน่อยสิ เย็นๆก็ออกไปเดินออกกำลังกายกับพ่อบ้าง  ท่านจะได้ไม่เหงา
    ส่วนเรื่องน้องออมมึงสบายใจได้ถึงกูจะนิสัยไม่ค่อยดี  แต่กูก็ยังไม่แย่ขนาดที่ว่าจะโกรธเด็ก น้องออมก็พูดถูกที่ว่ากูมาแย่งมึงไป  กูเลยไม่รู้จะโกรธน้องออมไปทำไม (กูอยากฉกมึงเอามาไว้ที่กรุงเทพด้วยซ้ำไป) กูอยากให้มึงให้เวลากับหลานมากกว่านี้ เพราะอีกหน่อยพอเค้าโตขึ้นจะได้เป็นเด็กที่ไม่รู้สึกขาด  กูอาจจะไม่รู้เรื่องเด็กมากนักแต่กูก็รู้ว่ามึงจะดูแลหลานให้โตขึ้นมาน่ารักเหมือนมึงได้แน่ๆ
   มึงรู้อะไรมั้ย...หลังจากกูกลับมางานเยอะมากกก  แต่น่าแปลกที่กูไม่รู้สึกเหนื่อยเลย  ไม่รู้ว่ากูเป็นอะไรกูก็ไม่แน่ใจ  แต่กูรู้ว่ามันจะต้องมีอะไรที่มาจากมึงแน่ๆ
   ส่วนเรื่องอื่นๆ(ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกันว่าเรื่องไหน)  ถ้ากูไม่ถามแสดงว่ากูกำลังพยายามไม่คิดอยู่ เอาไว้กูถาม...มึงค่อยตอบกูมาแล้วกัน ตอนนี้ยังไม่อยากคิดถึงแม้จะชอบเผลอคิดบ่อยๆ  เพราะงั้นคำตอบของมึงกูก็ถือว่ามันเป็นคำบอกเล่าที่น่าสนใจแล้วกันนะใหญ่
   แต่ประโยคนี้ของมึง  ‘มึงสบายใจได้....กูยังเป็นของมึงทั้งกายและใจ’ มันทำเอากูนอนหลับ แต่ตื่นขึ้นมากูต้องซักผ้าปูที่นอนว่ะ เพราะอะไร??(ละไว้ในฐานที่เข้าใจอีกครั้ง) อย่าถามกูมานะ เดี๋ยวมึงจะได้ซักผ้าปูที่นอนแบบกูบ้าง ฮ่าๆ

ปล.กูรู้ว่าระยะทางไม่สำคัญสำหรับเรา...ก็มึงนั่งอยู่ในใจกูตลอดเวลาอยู่แล้วนี่....ฮิ้วววววว....

ไม่คิดถึงมึงไม่ได้จริงๆ...
ฝัน...


ไอ้ฝันลามด
กูเซนเซอร์ตัวเองไปแล้วนะไม่อยากด่ามึงหยาบคาย  กลัวติดไปพูดกับหลาน ไอ้ละไว้ในฐานที่เข้าใจอันที่สองของมึงน่ะ  ทำเอากูนอนไม่หลับได้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะทำแบบที่มึงทำนะ...กูพูดแล้วก็กระดากปาก คิดอยู่นานว่าควรพูดรึเปล่า   แต่ก็เอาวะ...กล้าทำก็กล้าพูด
   วันนั้นกูอุตส่าห์ไม่พูดอะไรเพราะยังตั้งตัวไม่ติด  แต่ตอนนี้คิดได้แล้ว  วันนี้จะไม่เขียนซึ้งๆนะ วันนั้นกูก็ว่ากูงงๆไม่รู้ว่าอะไรทำให้กูปล่อยให้เหตุการณ์มันล่วงเลยไปได้ขนาดนั้น  ที่กูเขียนมาไม่ใช่เพราะกูเสียใจนะ มึงอย่าคิดว่ากูกำลังจะต่อว่ามึง (เพราะกูก็มีส่วนร่วมมือกับมึงด้วย)
   เอาเป็นว่ากูแค่หวังว่าหลังจากวันนั้น...ความรู้สึกของมึงกับกูมันจะไม่เปลี่ยนไปนะ เขียนได้แค่นี้นะมันกระดากว่ะ

ปล. กูเขียนมาทำไมก็ไม่รู้ยังงงตัวเองอยู่เลย
ใหญ่...คิดไม่ตก

ใหญ่...คิดลามด
กูก็ลืมถามไปเลยมึงหายเจ็บรึยัง  มึงพูดขึ้นมาก็ดีแล้วแต่กูว่ามันแปลกๆนะที่เราจะคุยเรื่องนี้กันทางจดหมาย
เขียนไปเขียนมามันจะอีโรติครึเปล่า ฮ่าๆ  แต่กูว่ามึงเขียนสั้นไปนะ มึงคิดอะไรอยู่เหรอ หรือว่าไม่คิด...แต่กูคิดนะ
คิดถึงคืนนั้น  ที่กูบอกว่ากูเมาน่ะไม่ใช่หรอกก็กูไม่ได้กินเหล้าอะไรเลยกูจะเมาได้ยังไงกูมีสติดีทุกอย่าง แต่กูก็ดีใจที่เรามีคืนนั้นด้วยกัน ขอบใจนะใหญ่
แล้วมึงไม่ต้องกลัวว่ากูจะเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อมึง ถึงคืนนั้นจะมีหรือไม่มี หัวใจกูก็ไม่เหลือไปให้ใครแล้ว

ปล.อยากนอนกอดมึง  ทำไงดีล่ะ....เฮ้อ

ฝัน...ได้แค่คิด

************************
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 29-10-2009 14:42:40
ฝันไปซะ.... ๕๕๕  :laugh:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 29-10-2009 15:06:16
ได้แต่ฝันไปก่อน เมื่อไหร่จะมีโอกาสอีก :laugh:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 29-10-2009 16:27:48
ตัวไกลแต่ใจใกล้
หนักแน่นเข้าไว้นะ ฝัน ใหญ่
บวก 1 แต้ม ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 29-10-2009 17:57:44
แค่ในฝันก็ยังดี แอร๊ยยยยยย ชอบคุ่นี้จังเล้ยยยยย แอร๊ยยยยย o13
+ ไปแล้ว วันนี้ยังบวกไม่ได้เน้อ อิอิ :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 29-10-2009 18:36:53
 :o8: :-[ คนบร้าๆๆๆๆๆ ใหญ่ของกู
กรี๊ดดดดดดหวานไปล่ะ มีการรื้อฟื้นคือแรกมาด้วยนะ555555
น่ารักโคดๆๆอิอิ

+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 29-10-2009 21:16:54
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 29-10-2009 21:36:46
แบ่งปันความรู้สึก ที่ดี ๆ ให้แก่กันและกัน

ระยะทางก็เป็นแค่ ความห่างของระยะทาง

แต่ใจนี่สิ ใกล้กันจนสัมผัสกันได้

เป็นกำลังใจให้คนเขียน อีกทั้งคนโพสครับ +1 ให้แบ่งกันนะครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-10-2009 10:43:33
แค่ในฝันก็ยังดี แอร๊ยยยยยย ชอบคุ่นี้จังเล้ยยยยย แอร๊ยยยยย o13
เห็นด้วยกะ RN เลย คู่นี้น่ารักมาก
รีเควสคนแต่งว่าอย่าจบเศร้าได้มั้ย แถมอ่่านจบแล้วอยากอ่านต่ออีก
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ตูโลภจริงๆๆ   :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 30-10-2009 11:24:55
              "รักกันอยู่ขอบฟ้าเขาเขียว

                  เสมออยู่หอแห่งเดียวร่วมห้อง"

    :n1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 31-10-2009 03:39:39
หวายยยย คุยไรกันก็ไม่รู้ :z1:

ชอบๆๆ หวานๆ  คนอ่านชอบ   :impress2:

ขอให้คู่นี้ จบแบบแฮปปี้  :call:

ใหญ่ของกู  โฮกQQQQQQQQQQ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 31-10-2009 11:45:21
 :-[ :o8:
อร๊ายยยยยย
อ่านแล้วเขินมากเว่ออ่ะคนแต่ง >//////<

อย่าเศร้ามากนะๆ
ขอให้คู่นี้จบดีๆๆ ขอแฮ้ปปี้
ไม่งั้นคนอ่านจะตายแทน  อินจัด !
5555
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 02-11-2009 00:16:40
ถ้าใจใกล้กัน ระยะทางจะไกลแค่ไหนก็ไม่สำคัญ (มั๊ง)
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 02-11-2009 15:10:13
หวานกันจังเลยครับ

 :-[ :o8: :-[

ป.ล. ในที่สุด ก็พูดเรื่องที่ค้างคาในใจซักที เย่ห์!!!  o13
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 03-11-2009 09:51:26
มารอคะ :3123:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๒๓๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๒๓๒
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 03-11-2009 19:38:17
(ตอนที่๓๓)
 
“ฝัน  ไปแดกเหล้ากัน  ตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่หายไปเลยนะมึง”ผมกำลังคิดว่าไอ้หนุ่ยมันเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มรึเปล่า  คุยกับผมทีไรเป็นชวนไปดื่มเหล้า แถมผมก็ใจง่ายชอบตามใจมัน พอมันเรียก  ผมก็กระดิกหางไปหามันทันที
“เป็นไงวะ สบายดีป่าวฝัน”  พอไปถึงมันทักผมแบบนี้ ผมเลยสงสัยว่าหน้าตาผมมันเป็นยังไง
“ทำไมหน้ากูอมทุกข์เหรอ”
ไอ้หนุ่ยยิ้มทำหน้าเจ้าเล่ห์ “เปล่า ดูมึงหน้าตาสดใสผิดปกติ”

“อ้าว..เป็นงั้นไป ฮ่าๆ” มันก็ไม่แปลกนี่ครับถ้าผมจะมีความสุข
“มีเรื่องอะไรดีๆอีกล่ะมึง?   เล่ามาให้ไว”
ผมยิ้มมองหน้าไอ้หนุ่ย “ไม่เล่าดีกว่า มึงแค่รู้ว่าตอนนี้ความรักกูกำลังดี ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป แค่นี้กูก็พอใจแล้ว” ไม่ใช่ผมไม่อยากเล่านะครับ แต่เรื่องบางเรื่องมันดีจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้มากกว่า
“ไม่เล่าก็ไม่เล่า งั้นเหล้านี่ดีกว่า” ไอ้หนุ่ยมันยิ้มมุมปาก ยื่นแก้วมาชนกับแก้วผมแล้วบอกว่า
 “ให้กับความรักที่สวยงามของมึง”
ผมชนแล้วบอกมันว่า “ใช่...ให้กับความรักของกู”

“แล้วมึงล่ะ เป็นไงบ้าง?” ผมเห็นหนุ่ยมันเงียบๆไป ดูไม่ค่อยรื่นเริงเหมือนก่อนๆ
“กูไม่อยากโกหก ว่ากูกำลังกลุ้มใจเรื่องส้ม” หน้าตามันดูหมองลงจริงๆด้วยครับ
“ทำไมเหรอ เค้าตกลงกับแฟนใหม่ไปแล้วเหรอ?”
“เปล่า” ไอ้หนุ่ยสายหัวแต่ก็ยังไม่พูดต่อ  เงียบไปนานจนผมเริ่มหงุดหงิดเผลอโวยใส่มันไปดังๆ
“แล้วมันยังไงล่ะ เล่าก็เล่าไม่หมด เฮ้อ” ไอ้หนุ่ยไม่ยักด่าผมกลับแต่มันดื่มเหล้าตามไปอีกอึกใหญ่
“ส้มเค้าจะคบสองคน กูกับอีกคนหนึ่งที่พ่อแม่เค้าชอบ”
ผมฟังแล้ว...“เฮ้ย....จะดีเหรอมึง แล้วมึงยอมได้ไงวะ” ถ้าเป็นผมคงไม่ยอมแน่ๆ ถ้าจะมาเลือกสองคนผมขอถอยดีกว่าไม่อยากเป็นทางเลือกให้ใคร

“กูไม่อยากยอมนะ แต่กูก็ยอม หึหึ” หน้าตามันไม่ดีเลยครับ มันมองแก้วเหล้าในมือนิ่ง ๆ
“กูมาคิดๆดู ส้มเค้าก็มีสิทธิเลือก มันจำเป็นด้วยเหรอที่ผู้หญิงต้องคบผู้ชายทีละคน ในขณะที่ผู้ชายอย่างกูยังคบทีหลายๆคน” วันนี้ไอ้หนุ่ยมันมาแนวNGO แววตามันจริงจังมากๆครับ
“มึงเกิดจะมารักษาสิทธิสตรีอะไรตอนนี้วะ ถ้ามึงรักเค้ามึงยอมได้เหรอให้เค้าไปกับคนอื่นไม่รู้ว่าไปทำอะไรกันมั่ง” พอผมพูดจบไอ้หนุ่ยมันเงยหน้าขึ้นมองผมทันที

“กูจะถือว่ามึงพูดเพราะมึงหวังดีกับกูนะ แต่ถ้ามึงรู้จักส้มดีมึงจะไม่พูดแบบนี้” แววตาไอ้หนุ่ยดูน่ากลัวครับ เหมือนมันจะโกรธๆ
ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกหรือผมจะพูดผิดไปแล้ว “ทำไมล่ะ?” ผมก็ยังทำใจดีสู้เสือถามมันไปอีกที
“ส้มเป็นผู้หญิงดีนะ ดีมากๆด้วย ถ้าเค้าไม่ดีจริงกูไม่รักเค้าขนาดนี้หรอก” ไอ้หนุ่ยดื่มเหล้าไปอีกแก้ว ผมว่าทุกคำพูดของมันที่พูดออกมาเหมือนกลั่นออกมาจากใจของไอ้หนุ่ยจริงๆ

“ ถ้ามึงรักเค้ามึงต้องเชื่อใจเค้า ไม่ว่าเค้าจะมีใครผ่านเข้ามาในชีวิตแค่ไหน...แต่ถ้าเค้ารักมึง แล้วมึงก็รักเค้า มึงก็ต้องรอ”
ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “แล้วถ้าเค้ารักมึง เค้าจะไปคบกับอีกคนทำไม กูไม่เข้าใจ”
“เพราะเค้าอยากให้โอกาสอีกคนด้วยไง แล้วก็ให้โอกาสตัวเอง ให้โอกาสพ่อแม่”ฟังจากคำพูดเหมือนชมส้ม แต่ผมว่าดูมันไม่สบายใจกับที่ส้มทำแบบนี้เลย ผมว่าส้มนี่ก็พอๆกับหนุ่ย มิน่าไปกันได้ดี
“งั้นกูถามมึงคำนึง...”
“อืม..ถามมา”
“ถ้าส้มเค้าไปคบกับคนนั้น  แล้วเค้าชอบมากกว่าชอบมึง  มึงจะทำยังไง ?”
ไอ้หนุ่ยยิ้มเหยียดๆ แล้วยกแก้วดื่มอีก  กว่าจะคุยจบไอ้หนุ่ยคงดื่มไปหมดขวดพอดี “ถ้าส้มไปดี เจอคนดีๆ กูก็ต้องยินดีกับเค้าสิวะ”

“เฮ้ย..มึงไม่ต้องมาพระเอกเลย ถ้ารักเค้าก็ต้องแย่งมาสิวะ” ถ้าเรารักใครเราจะปล่อยเค้าไปได้ง่ายๆได้ยังไง ผมทำใจไม่ได้หรอก
“มึงพูดได้เพราะมึงยังไม่เจอกับตัวมากกว่า” ไอ้หนุ่ยมันพูดต่อขึ้นมาอีก  ทำให้ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงต้องรีบหุบปากลง  เพราะใช่ว่าสถานการณ์ความรักของผมจะเสถียรแล้ว
“มึงกะกูก็พอๆกัน ดูเหมือนใจแข็งที่จริงใจอ่อนจะตายห่า ขี้สงสาร พระเอ้ก พระเอก โดยเฉพาะกับคนที่เรารัก ไม่งั้นเราจะคบกันได้เหรอ”

ผมพูดไปไม่ถูกเลย  คราวนี้เลยต่างคนต่างไม่พูด ไอ้หนุ่ยก็ดูเครียด ผมเลยพลอยเครียดตาม จนมันเริ่มจะดื่มช้าลงเพราะคงดื่มต่อไม่ไหวแล้ว จู่ๆมันก็เอ่ยขึ้นมาเหมือนคนปลงๆว่า
“ชีวิตนี่มันยากจังนะ รักกันมันไม่ใช่แค่เรื่องคนสองคนซะแล้ว” คำพูดของไอ้หนุ่ย ทำให้ผมนึกถึงใหญ่และครอบครัวของมัน แล้วยังครูน้ำอีก คิดแล้วกลุ้ม
“แล้วตอนนี้เราควรทำยังไงดีวะหนุ่ย?”
“เรา?” ไอ้หนุ่ยเลิกคิ้วสงสัยในคำว่าเรา
“เออดิ..กูกับมึง ก็ไม่เรียกเราเหรอ” ผมเลยทำหน้ากวนตีนส่งไปให้มันที

“ไหนมึงว่ารักมึงดีไง...แล้วมานับรวมกับกูทำไม?” คราวนี้ไอ้หนุ่ยมันยิ้มออกเลยครับคงดีใจที่มีเพื่อนร่วมชะตากรรม
“มึงไม่ต้องสงสัยบ้างก็ได้นะ  ของกูมันยังไม่นิ่งเว้ย อุปสรรคยังมี เพียงแต่กูแกล้งๆลืมไปบ้าง ไม่อยากไปกลัวจนไม่ทำอะไรเลย   อย่างที่มึงเคยบอกกูไง ลืมแล้วเหรอ?”
“อะเหรอ...กูจำไม่ได้ ฮ่าๆๆ งั้นเราก็มาชนกันอีกสักแก้ว ดื่มเพื่อ...เพื่ออะไรดีวะ?”
ตอนนี้ผมนึกได้แค่ว่า “ดื่มให้คนที่เรารักไง เพื่อคนของมึงและของกู” พูดออกมาแล้วผมก็นึกถึงหน้าไอ้ใหญ่ขึ้นมาตงิดๆ คิดถึงมันจัง
“โอเค..ดื่มเพื่อคนที่เรารัก ชน..หมดแก้วเว้ย”

ราตรีนั้นของเราไม่ยาวไกลครับ เพราะต่างคนก็ดื่มกันหนักๆมาแล้ว  ต่อจากนั้นอีกไม่กี่แก้วผมก็ชวนมันกลับทั้งที่ผมยังไม่เมาเท่ามันเลย  สุดท้ายทั้งผมและไอ้หนุ่ยก็ลืมไปเลยว่าเราควรทำยังไงต่อไปดี 
พอกลับมาบ้านผมอาบน้ำแล้ว กลับตาสว่างต้องมานั่งเขียนจดหมายหาแฟน ฮ่าๆๆ อยากเรียกมันว่าแฟนครับ  มันรู้สึกดีจริงๆ

ว่าไงใหญ่...แฟนกู

กูเรียกมึงแบบนี้ได้ไหม มึงจะว่ากูรึเปล่า แต่กูขอสิทธิที่รักมึงอุ๊บอิ๊บไปเลยนะ  กูจะเป็นแฟนมึงรึเปล่ากูไม่รู้ รู้แต่ว่ามึงเป็นแฟนกู  หึหึ  
วันนี้กูไปกินเหล้ากับไอ้หนุ่ยมา เพิ่งกลับมาถึงบ้าน เมาเลยว่ะ แต่ก็ยังไม่ลืมคิดถึงมึงนะ เลยเขียนจดหมายมาหามึงนี่ไง

อีกไม่กี่อาทิตย์พี่ฝ้ายจะแต่งงานแล้ว แต่กูแทบไม่ได้ช่วยอะไรเค้าเท่าไหร่เลยจนแม่เริ่มๆบ่นว่าทำไมไม่ช่วยพี่เค้าบ้าง แต่มึงก็รู้นี่ว่าผู้หญิงเปลี่ยนใจวันละหลายหน กูเคยไปช่วยเค้าซื้อของอยู่ครั้งหนึ่ง  แทบตายกลับไปกลับมาจนกูรำคาญ เกือบทะเลาะกับเค้าไปเลย แต่มาคิดๆดูถ้าเค้าแยกออกไปแล้วกูคงเหงาอยู่กับแม่แค่สองคน แม่คงยิ่งเหงากว่ากูอีก  พอพี่ฝ้ายแยกออกไปกูคงต้องพยายามอยู่ติดบ้านเป็นเพื่อนแม่ให้มากขึ้น ตามที่มึงบอกกูมา กูน่ารักพอสำหรับมึงรึยัง

ทางนู้นเป็นยังไงบ้างหนาวรึยัง ที่กรุงเทพฯอากาศแปลกๆเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน ตอนนี้เริ่มหนาวแล้วล่ะ  กูว่าอากาศมันคุ้มดีคุ้มร้ายเหมือนคนเลยนะ เดากันไม่ถูกเลยทีเดียว มึงดูแลตัวเองด้วยล่ะ  อยู่ไกลๆกันแบบนี้คงได้แค่บอกเพราะไม่มีโอกาสได้ดูแลมึงเลย  กูเศร้าจริงๆนะ  

ทำยังไงกูจะได้เจอมึงใหญ่  บางครั้งกูก็คิดถึงมึงจนทนแทบจะไม่ไหว อยากจะไปหมอชิตนั่งรถไปหามึง มึงว่ากูบ้ามั้ย กูตั้งใจไว้ว่าถ้ามีวันหยุดยาวอีกมื่อไหร่กูจะขึ้นไปหามึงเพราะตอนนี้วันลาของกูหมดไปแล้ว  ถ้าลาอีกเจ้านายคงไล่ออก
ชีวิตกูตอนนี้น่าเบื่อมาก มึงมีอะไรจะเล่าให้กูฟังบ้างมั้ย กูรอจดหมายมึงอยู่……. คิดถึงนะ

ใหญ่..ได้แต่คิดถึง

ผมส่งจดหมายไปหลายวันไอ้ใหญ่ก็ไม่ตอบจดหมายผม  จนผมเริ่มกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรรึเปล่า คิดว่าวันนี้ถ้าผมกลับบ้านไปไม่เจอจดหมายใหญ่ผมจะโทรศัพท์ไปหามัน แต่พอกลับถึงบ้านก็เห็นจดหมายวางอยู่บนโต๊ะแล้ว

ฝันแฟนกูช่วยด้วย!

กูจะทำยังไงดีวะฝัน เริ่มมาแบบนี้มึงอย่าเพิ่งงงนะ  ตอนนี้กูทะเลาะกับพ่ออยู่เลยไม่มีอารมณ์อยากทำอะไรเลย
จะเรียกว่าทะเลาะก็คงไม่ถูกเพียงแต่ความเห็นไม่ตรงกันในหลายๆเรื่อง  ไอ้เรื่องงานกูก็ไม่เถียงนะยังไงกูก็ต้องฟังเค้าอยู่แล้วเพราะเค้ามีประสบการณ์มากกว่ากู แต่เรื่องน้องออมยังไงกูก็ต้องขัดแกบ้าง  เด็กสมัยนี้จะมาเลี้ยงแบบทิ้งๆขว้างๆเหมือนแต่ก่อนก็คงไม่ได้ พอกูบอกจะพาน้องออมไปเรียนเสริมพ่อก็มาบอกว่ากูยัดเยียดให้หลานมากไป  แต่พอกูปล่อยให้พ่อดูน้องออมเอง   หลานก็แทบจะไม่มีกิจกรรมอะไรเลย แล้วอีกหน่อยโตขึ้นจะเอาอะไรไปสู้กับเด็กคนอื่นได้  

พอกูบ่นมากๆเข้าพ่อก็ไปดึงครูน้ำมาเป็นพวก แล้วพาลบอกว่ากูเลี้ยงเด็กไม่เป็น ไปๆมาๆเรื่องที่ทำให้กูหัวเสียมากที่สุดก็คือ
 ....พ่ออยากให้กูแต่งงานกับครูน้ำ...
 กูไม่เขียนจดหมายมาหามึงนานเพราะกูตัดสินใจไม่ได้สักที ไม่ใช่กูตัดสินใจไม่ได้ว่ากูจะแต่งงานกับครูน้ำรึเปล่านะ เรื่องนั้นยังไงกูก็ไม่ยอมให้พ่อมาบังคับอยู่แล้ว
แต่กูตัดสินใจไม่ได้ว่ากูควรเล่าเรื่องนี้ให้มึงฟังดีรึเปล่า  มันจะทำให้มึงคิดมากไปอีกคนด้วยมั้ย กูแค่อยากเล่าให้มึงฟัง แล้วบอกมึงให้เชื่อในตัวกู ตอนนี้กูยังจัดการสถานการณ์ได้   ถ้ามันหนักหนานักกูจะบอกกับพ่อไปตรงๆเรื่องของเรา   กูคิดว่ากูพร้อมแล้วที่จะเปิดเผยกับพ่อกู
มึงล่ะพร้อมรึยัง........

ปล.กูก็คิดถึงมึง โดยเฉพาะตอนเถียงกับพ่อ มึงว่ากูกับมึงจะบาปมั้ยวะ

ใหญ่..กลุ้มว่ะ

*****************
 :call: ขอโทษที่มาช้าค่ะ พี่ฟาง..(คนแต่ง)มัวแต่ไปเวิ่นอยู่ทู้ดูหนัง แล้วก็งมอยู่กับการทำหนังสือ ฝากบอกมาว่าจะพยายามแต่งมาเรื่อยๆค่ะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกๆรีค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 03-11-2009 21:39:29
พี่หนุ่ยแมนสราด แต่แฟนพี่หนุ่ยนี่ เหอะๆๆๆ

ส่วนแฟนฝันงานเข้าเว้ยยยยยยยยย พ่อเริ่มเดินตามแผนแล้วสินะ
แหมๆๆน้องออมจะได้มีครบๆว่างั้นเฮ้อออออออออออออออ
บอกไปเหอะถ้าถึงเวลาอ่ะ ใหญ่ เจ้าฝันอ่านจดหมายนี้คงคลั่งตายไปล่ะ
วันที่ไม่อยากจะคิดถึงมาไวจิรงๆ หรือพ่อจะแอบอ่านจดหมายฟ่ะ

จะเป็นแฟนมึงรึเปล่ากูไม่รู้ รู้แต่ว่ามึงเป็นแฟนกู  หึหึ
>>แหมๆๆพูดน่า :beat: ด้วยปาก 555
ตามที่มึงบอกกูมา กูน่ารักพอรึสำหรับมึงรึยัง 
>>หึหึ แค่นี้นุ้งใหญ่ก็หลงจะตายล่ะ  :กอด1:

+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 03-11-2009 22:21:18
มาแล้ว เรื่องที่กังวล ก็มาตามนัดจริง ๆ

แต่ใหญ่แสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยว

ถ้าเตี่ยรับได้ก็แล้วไป แต่ถ้ารับไม่ได้เรื่องจะไปกันใหญ่นะ

+1 ให้กับคนโพส และขอบคุณพี่ฟางด้วย ขอให้ขยัน ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 03-11-2009 22:21:46
แอร๊ยยยยยย กลุ้มไปกับใหญ่ด้วยค่ะ  กีซซซซซซ จะทำไงดีคะนี่ :z3:

ปล.ชอบอ่านจม.โต้ตอบกันจัง น่ารักได้อีก :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 04-11-2009 09:21:41
โดนพ่อบังคับให้แต่งงาน o22
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-11-2009 11:19:59
สงสัยว่า ฝัน กับ หนุ่ม คงได้ชนแก้วกันอีกรอบ เพราะดูท่าปัญหาของฝันมันกำลัง จะมาแล้วววววว  :serius2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 04-11-2009 11:41:43
ชิ...หาย


งานเข้าอย่างจัง!!! o22 o22

เเล้วฝันจะทำยังไงดีละเนี่ย
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-11-2009 15:19:45
 :เฮ้อ: กลุ้มไปกับใหญ่ด้วย
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 04-11-2009 17:06:14
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 05-11-2009 01:19:45
 :sad4: 

ขอให้ใหญ่ผ่านไปให้ได้ 

ฝันด้วย สู้ด้วยกันน้า   อย่าถอดใจไปซะก่อน  :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 05-11-2009 14:32:23
 :เฮ้อ: กลุ้มด้วยคน
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 05-11-2009 21:38:37
เอาใจช่วยให้ใหญ่ ฝัน  เป็นจริงและเป็นของใหญ่คนเดียว  อิอิ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 06-11-2009 15:54:12
ในที่สุด ปัญหาที่ฝันกลัว ก็เกิดขึ้นจนได้
 :เฮ้อ:

รอ๓4 
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 07-11-2009 09:51:05
อ่านถึงตอน เเปด เเล้ว ชอบมาก
สงสารใหญ่จัง
เเอบรำคาญอ้อย

ขอบคุณสำหรับนิยายที่ดีมากเรื่องนึง

ไว้มาเมนท์อีกค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓3๓3 จดหมายจากเพื่อนรัก ๓3๓3
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 07-11-2009 17:34:51
ประคับประคองความรักที่เกิดขึ้นให้ดีนะครับ เชื่อว่าถ้าคนสองคนเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้ว อุปสรรคต่างๆ มันก็น่าจะฟันผ่าไปได้ ไม่มากก็น้อย เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 07-11-2009 20:37:37
 :try2: กว่าจะได้มาต่อ อย่าพึ่งลืมกันนะ
*****************
(ตอนที่๓๔)

ผมอ่านจดหมายใหญ่จบแทบหมดแรง เรื่องที่ผมกลัวมันเกิดขึ้นเร็วจนผมเตรียมใจไม่ทัน  ผมอยู่ไกลถึงกรุงเทพฯเหมือนกับทิ้งให้ใหญ่แก้ปัญหาเพียงลำพัง  ผมคิดไม่ตกว่าผมควรจะช่วยหรือทำอะไรได้บ้าง เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใหญ่ไป

ใหญ่...สู้นะ

อ่านจดหมายมึงแล้วกูจะไม่ตอบก็คงไม่ได้  กูรู้ว่ามึงอึดอัดใจแค่ไหน แต่อยากให้มึงใจเย็นๆไว้ก่อน ยังไงพ่อมึงก็คงไม่ใจร้ายพอที่จะบังคับให้มึงแต่งวันนี้พรุ่งนี้หรอก  กูว่ามึงก็ลองค่อยๆบอกเค้าไปแล้วกัน  อย่าไปโมโหพ่อเพราะตอนนี้มึงก็เหลือพระในบ้านคนเดียวแล้วนะ

ที่กูแนะนำแบบนี้ไม่ใช่กูไม่ร้อนใจ ไม่ใช่กูไม่ห่วงมึง กูเองก็ไม่อยากเสียมึงไป  แต่กูอยู่ไกลมึงขนาดนี้ต้องให้มึงต่อสู้อยู่คนเดียว กูอยากบอกว่า...กูเป็นห่วงมึงนะ

เรื่องที่มึงถามว่ากูพร้อมหรือเปล่า กูพร้อม...ถ้าถึงที่สุดจริงๆมึงก็บอกเรื่องของเรากับพ่อไปเลย  แล้วมึงกลัวรึเปล่า...กูรู้ว่ามันไม่ง่ายที่พ่อจะยอมรับเรื่องของเรา แต่ความจริงก็คือความจริงต่อให้เราหลีกหนีเท่าไหร่มันก็ยังอยู่ตรงนั้น

เราคงอยู่ในความฝันกันต่อไปไม่ได้อีกแล้ว กูขอเขียนไม่ยาวนะ ตอนนี้ในสมองกูก็ตื้อๆยังคิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน  หวังว่าจดหมายฉบับหน้าของมึง คงเป็นข่าวดีสำหรับกูนะใหญ่

ห่วงมึงจริงๆ
ฝัน

ผมจบจดหมายไปทั้งที่ในใจผมยังไม่อยากจบ ผมยังเป็นคนเห็นแก่ตัวอยู่ดีที่ยังไม่อยากปล่อยให้ใหญ่ไปทั้งที่รู้ว่า....ผมไม่ทำให้อะไรในชีวิตใหญ่ดีขึ้นมาเลย บางครั้งผมก็เผลอคิดว่า

ถ้า...เราไม่รักกัน ชีวิตใหญ่จะเลือกอะไรได้ง่ายกว่านี้ไหม
ถ้า...เราเป็นเพียงเพื่อน ผมจะยินดีแค่ไหนที่มีผู้หญิงดีๆมาให้ใหญ่เลือกมาเป็นคู่ชีวิต
ถ้า...ใหญ่ไม่รักผม มันจะมีความสุขมากกว่านี้ไหม ที่ไม่ต้องมาอยู่ห่างจากคนรักแบบนี้

ผมจบความคิดที่ฟุ้งซ่านในใจไว้ที่ตัวผมคนเดียว  ไม่กล้าบอกกับใหญ่ให้มันคิดมาก ผมรู้ว่าใหญ่จะต้องเสียใจแน่ๆถ้าผมบอกถึงเรื่องที่ผมคิดเหล่านี้  บางทีการที่เราได้ดิ้นรนในเรื่องความรักถึงแม้มันจะเหนื่อยกว่าแต่ก็คงไม่ทุกข์ใจเท่ากับที่เราต้องทิ้งความหวังความฝันทั้งหมดไปโดยที่เราไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้มันมาเลย
ตอนนี้ผมก็พร้อมที่จะลองสู้ดูสักที  เราอาจจะอยู่ไกลกันก็จริงแต่ผมรู้สึกว่าผมก็กำลังสู้อยู่ข้างๆมัน
   
   ผมรอคอยจดหมายตอบจากใหญ่หลายวันก็ไม่มีข่าวส่งมา แล้วตัวผมเองก็ไม่มีเวลาจะมาคิดเรื่องอื่นอีกเพราะงานแต่งของพี่ฝ้ายมาถึงแล้ว  อยากจะโทรศัพท์ไปบอกมันให้มางานก็ไม่กล้า แต่แม่กลับบอกผมว่า
 “ฝันบอกใหญ่รึยังเรื่องงานแต่งของพี่ฝ้าย  บอกให้เค้ามาด้วยสิ แม่คิดถึง”
 ในใจผมแอบลิงโลดที่แม่พูดเหมือนรู้ใจผม ทั้งที่ใจหนึ่งผมเกรงใจที่มันอยู่ไกลและต้องทิ้งงานมา แต่อีกใจผมอยากให้มันมามากเราจะได้คุยเรื่องที่เป็นปัญหาของเราตอนนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวกันเสียที ผมเลยตัดสินใจโทรไปหาใหญ่  เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานกว่าจะมีคนมารับ  แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อใหญ่เป็นคนมารับสายแทน

“ฝันเหรอลูก”  เสียงพ่อฟังดูเหนื่อยๆครับ  ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในปัญหาที่พ่อมี
“สวัสดีครับพ่อ พ่อไม่สบายรึเปล่าครับเสียงไม่ค่อยดีเลย”
“ไม่เป็นอะไรหรอก  ก็เครียดๆนิดหน่อยเท่านั้นเอง ฝันมีธุระอะไรกับใหญ่ไหม พอดีเค้าลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน นี่ออกไปรับหลานอยู่” ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าใหญ่บอกเรื่องของเราไปกับพ่อหรือยัง หรือว่านี่เป็นการกีดกันขั้นแรกที่ผมเจอแล้ว คำพูดทุกคำของผมจึงต้องระวังอย่างที่สุด

“เอ่อ...คุณแม่ผมให้โทรมาหาใหญ่ชวนมางานแต่งงานวันเสาร์ที่จะถึงนี้ของพี่สาวผมครับ” พ่อเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะตอบว่า
“แล้วพ่อจะบอกใหญ่ให้ไป  อยากให้เค้าพักบ้างเหมือนกัน หมู่นี้ไม่รู้เป็นอะไรมีเรื่องอารมณ์เสียได้ทุกวัน”ผมอยากจะบอกพ่อไปเลยตรงๆว่าถ้าพ่อไม่บอกให้ใหญ่แต่งงาน  อารมณ์มันก็คงจะดีกว่านี้ แต่ใครจะกล้าบอกไปล่ะครับ

“เหรอครับ คงจะเรื่องงานมากกว่ามั๊งครับ” ผมไม่อยากพูดแสดงความเห็นอะไรให้เข้าตัวต้องพูดกลางๆเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรไว้ก่อนดีที่สุด
“เราเขียนจดหมายคุยกันบ่อยๆนี่ พ่อถามจริงๆใหญ่เค้าพูดอะไรให้ฟังบ้างไหม” พ่อพูดขึ้นมาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนว่าจะต้องมาพูดกับพ่อเรื่องนี้  ทำเอาผมเงียบไปพักใหญ่
“ฝัน...ยังอยู่รึเปล่าทำไมเงียบไป”เสียงพ่อที่เรียกให้ผมตอบปลุกผมให้ตื่นจากอาการตกใจทันที
“อยู่ครับ...แต่กำลังคิดว่าผมควรจะพูดดีรึเปล่า”

 เสียงพ่อถอนหายใจดังๆขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถามเหมือนปรารภกับตัวเองว่า “แสดงว่าใหญ่เล่าให้เราฟังสิท่า”
“ครับ” ผมตอบเบาจนเหมือนผมกระซิบ
พ่อพูดต่อขึ้นมาทันที “แล้วฝันคิดยังไงเรื่องที่พ่ออยากให้ใหญ่แต่งงานกับครูน้ำ”
ผมรู้สึกเหมือนมีธนูมายิงตรงกลางแสกหน้า  คำถามมันตรงและทิ่มแทงจนผมเจ็บพูดได้แค่ “ผม...”
“พ่อคิดว่าครูน้ำเป็นคนดี...หรือฝันคิดว่าเค้าเป็นยังไง”

ผมจะต้องพูดจากความรู้สึกของผมที่มีต่อครูน้ำจริงๆใช่ไหมครับ “ก็เป็นคนดีครับ” คำตอบของผมคงถูกใจพ่อน่าดู
“นั่นสิ...พ่อก็ว่าอย่างนั้น แต่ใหญ่มันบ่ายเบี่ยงว่ามันเลี้ยงลูกเองคนเดียวได้  ไอ้เลี้ยงได้น่ะพ่อเชื่อ แต่มีคนมาช่วยเลี้ยงมันจะไม่ดีกว่าเหรอ  ฝันคิดว่ายังไง”
ถ้าผมยังปล่อยให้พ่อพูดความคิดของพ่อเพียงฝ่ายเดียวต่อไป  มันก็จะกลายเป็นว่านอกจากผมจะไม่ได้ช่วยอะไรใหญ่แล้ว ผมกลับจะยิ่งเป็นแนวร่วมส่งเสริมให้ใหญ่ต้องแต่งงานเร็วขึ้นไปอีกแน่ๆ
“ผมว่าใหญ่น่าจะโตพอที่จะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรนะครับ”

พ่อเงียบไปทันทีที่ผมพูดจบผมเลยถือโอกาสพูดต่อ “ผมว่าตอนนี้ใหญ่ยังรับมือได้ดีกับทุกอย่าง  ผมว่าตอนนี้เค้ายังไม่ต้องการแต่งงานครับ” ผมพูดไปแล้วก็ใจหายวาบไม่แน่ใจว่าผมพูดตรงเกินไปรึเปล่า  จะเหมือนกับว่าผมกำลังขัดใจผู้ใหญ่ไปแล้ว
พ่อนิ่งไปนานจนผมนึกว่าแกคงโมโหผมจนพูดไม่ออกหรือเปล่า แต่น้ำเสียงที่ผมได้ยินกลับรู้สึกว่าพ่อกำลังเสียใจมากกว่าที่จะเป็นโมโห
 “ใหญ่บอกพ่อว่าเค้าไม่ได้รักครูน้ำ  เค้าจะไม่แต่งงานเลย  ไม่ใช่ว่าตอนนี้ไม่อยากแต่งนะ แต่เค้าจะไม่แต่งงาน  ฝันคิดว่าคนที่เป็นพ่อได้ยินคำนี้  แล้วจะให้สบายใจได้หรือ”

 ผมตัวเย็นเฉียบตกใจในคำพูดตรงๆของใหญ่ที่พูดกับพ่อ  ถึงแม้ผมจะเข้าใจเหตุผลที่ใหญ่บอกกับพ่อว่าเพราะอะไรมันถึงจะไม่แต่งงาน ซึ่งเหตุผลนั้นผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคงเป็นเพราะผมด้วยแน่ๆ  แต่ผมก็ยังอดรู้สึกเศร้าใจปนดีใจลึกๆ 

ผมไม่รู้ว่าผมควรยิ้มที่ใหญ่รักผมหรือควรร้องไห้ดีที่เราคงไม่ได้มีอนาคตร่วมกันอย่างคนอื่นๆเค้ามี
“คนเป็นพ่อเป็นแม่หวังอย่างเดียวก็คือเห็นลูกมีความสุข มีชีวิตครอบครัวที่ดีงาม  ถ้าพ่อตายไปใครจะอยู่เป็นเพื่อนใหญ่ ใครจะคอยดูแลยามเจ็บป่วย พ่อห่วงแค่นี้จริงๆ”

ผมจะตอบได้เต็มปากเต็มคำไหมว่าผมจะดูแลใหญ่เอง  แค่ผมจะพูดขึ้นมาผมยังไม่กล้า  ผมก็คงเป็นเพียงไอ้คนขี้ขลาดคนหนึ่งที่เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ได้กล้าหาญต่อสู้เพื่อคนที่ผมรักเลย ผมโยนความผิดไปให้ระยะทางระหว่างเรา
“ฝันก็อยู่ไกล แล้วก็มีแม่ต้องดูแลเหมือนกัน พ่อไม่อยากจะรบกวนฝันหรอกนะ”   
“ผม..ดูแลได้...”ผมเอ่ยปากขึ้นมาในที่สุด แต่พ่อก็ไม่ปล่อยให้ผมพูดจบ

“ทุกคนมีภาระในชีวิตที่ต้องทำนะฝัน  พ่อไม่อยากเอาชีวิตใหญ่มาผูกไว้กับฝัน ยังไงๆก็แค่เพื่อนจะให้มาดูแลกันเหมือนคนเป็นลูกเป็นเมียมันไม่ได้หรอก”
ผมว่าเหมือนพ่อเอามีดมากรีดใจผมครั้งแล้วครั้งเล่า ตอกย้ำความเป็นไปไม่ได้ของเราทีละนิด ผมไม่รู้ว่าพ่อรู้เรื่องผมกับใหญ่รึเปล่า  แต่ความรู้สึกสังหรณ์ของผมมันบอกว่าพ่ออาจจะระแวงอยู่บ้างเหมือนกันแต่ก็ยังไม่ปักใจ

“พ่ออย่าประเมินคำว่าเพื่อนสำหรับผมให้มันด้อยค่าเกินไปนะครับ  ผมเสียใจถ้าพ่อจะคิดว่าผมมันแย่ขนาดนั้น”
พ่ออาจจะโกรธที่ผมพูดเหมือนตำหนิพ่อ  แต่ผมบอกกับตัวเองว่าถึงแม้ผมจะไม่ได้รักใหญ่ในแบบคู่รัก  ถึงแม้ผมกับมันจะเป็นเพื่อนต่อกันจริงๆผมก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้งมัน

พ่อถอนหายใจดังอีกครั้ง “พ่อขอโทษแล้วกันที่อาจพูดผิดไป ก็แค่อยากให้ใหญ่ได้มีเพื่อนคู่คิดเท่านั้นเอง”
“ผมอยากให้ใหญ่ตัดสินใจเรื่องแต่งงานเองครับ ตอนนี้เค้าอาจยังไม่พร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่ ผมไม่อยากให้พ่อเร่งรัดมันมากไป พ่อให้เวลามันอีกหน่อยสิครับ” ผมไม่กล้าพูดว่าเป็นเพราะผมรักกับใหญ่ ผมอยากให้พ่อรู้เองจากปากของใหญ่มากกว่า  ตอนนี้เลยทำได้แค่ถ่วงเวลาไปก่อน

  “เฮ้อ...เอาเป็นว่าพ่อจะยังไม่พูดเรื่องนี้ไปก่อน  ให้ใหญ่เค้าคิดได้เองแล้วกัน  แต่ถ้าผู้หญิงเค้ารอเราไม่ไหวไปแต่งงานกับคนอื่นก่อน ก็แล้วแต่วาสนาของใหญ่มันแล้วกัน” ผมถอนหายใจโล่งอกที่พ่อพูดแบบนั้น ผมเครียดจนปวดหัวไปหมด  ดีใจที่อย่างน้อยก็คงพอยื้อเวลาให้สถานการณ์ดีขึ้น
“แล้วพ่อจะบอกใหญ่ให้นะว่าฝันโทรมา  พ่อจะให้โทรกลับ”
“ขอบคุณครับพ่อ”
“ถ้าพ่อพูดอะไรผิดไปก็อย่าถือสาคนแก่นะ โชคดีลูก”พ่อวางสายไปแล้วแต่ก็ทิ้งเรื่องมากมายให้ผมคิดอีก

ผมคงเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก แล้วก็แย่มากด้วยที่ไปเถียงกับพ่อโดยเอาเหตุผลที่มาจากความรักของผมเป็นใหญ่  ทั้งที่ถ้าเทียบกันแล้วความรักของคนเป็นพ่อแม่ต้องยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว  แต่ผมก็ยังดันทุรังเข้าข้างตัวเองว่าเป็นเพราะใหญ่รักผมมากกว่าเรื่องถึงเป็นแบบนี้

ก่อนที่ผมจะนอนคืนนั้นผมก็ได้รับแมสเสจจากใหญ่บอกมาทางโทรศัพท์ว่า
 ‘กูจะลงมางานพี่ฝ้าย วันศุกร์ แล้วเจอกันนะฝัน คิดถึงจัง’

ผมไม่ได้ต่อโทรศัพท์กลับไปหามันอีกเพราะกลัวเจอพ่อใหญ่รับสายแทนอีก   ผมยังไม่อยากกินพาราเพิ่มอีกสองเม็ดหลังจากกินไปแล้วเมื่อวางสายจากพ่อ  ผมรอเจอใหญ่ดีกว่า อีกไม่กี่วันเราก็จะได้เจอกันแล้วนี่  ไม่อยากคุยอะไรเครียดๆอีกแล้วครับตอนนี้ขอนอนฝันหวานว่าได้นอนกอดใหญ่ดีกว่า
***********************
 :z10:  :z10:เครียดวุ้ยยย....













หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 07-11-2009 21:25:56
 :เฮ้อ: อย่างต่อเนื่อง
หวังว่าพ่อจะเข้าใจ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 07-11-2009 21:26:51
พ่อของใหญ่ก็ห่วงอนาคตลูก
ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต แล้วฝันกับใหญ่จะได้อยู่ด้วยกันได้ยังไงหละเนี่ย
บวก 1 แต้มค่ะ ตอนนี้เครียดเนอะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 07-11-2009 22:21:42
 ได้แต่:เฮ้อ: :เฮ้อ:แล้วก็ :เฮ้อ:

มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตของใครๆอีกหลายคนเลยนะคับ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 07-11-2009 23:52:42
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 08-11-2009 03:12:06
 :เฮ้อ: โล่งอกพ่ออยากให้ลูกมีเมียก็เข้าใจนะ
แต่ถ้าลูกมันไม่พร้อมไม่อยากมี จะยัดเยียดให้ทำไมกัน
ส่วนเจ้าฝันดีแล้วที่พูด หัดปกป้องใหญ่ในสิ่งที่ควรปกป้องบ้าง
เราไม่ได้ก้าวร้าวแต่เราแค่ชี้แจกเหตุผลของเราเฉยๆ
โล่งอก งานพี่ฝ้ายคงได้กอดกันตัวเป็นมากกว่าแค่ในฝันสินะ
+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 08-11-2009 06:56:10
ความรักความห่วงใยของคนเป็นพ่อ :เฮ้อ:

ฉลาดพอที่จะดูและพูดในสิ่งที่คิดว่าดีกับลูก

แต่ความหวังดีอาจเป็นความประสงค์ร้ายให้กับลูกก็ได้

มารอดูว่าต่อไป ฝันกับใหญ่จะฝ่าฟันกับกำแพงใหญ่บานนี้ไปได้ยังไง

ขอบคุณคนโพสนะครับ มาลุ้นกันต่อไป  +1 แต้มให้นะครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 08-11-2009 07:50:21
เครียดเลย :z3: :เฮ้อ:

้ิพ่อใหญ่ก็คงหัวอกพ่อแม่อ่านะ  ยิ่งเหลือกันอยู่แค่นี้ ก็คิดอยากจะให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา  มีเพื่อนคู่คิด

แต่ก็นะ  เฮ้ออออออ  ในเมื่อลูกชายไม่ต้องการก็อย่าไปบังคับกันเลยนะคะคุณพ่อ 

ความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน  ในสิ่งที่เราคิดว่า่น่าจะเป็นความสุขของลูก และตัวเอง

กลับตรงกันข้าม  ยังไงก็ปล่อยให้เลืิอกเองดีกว่า เพราะสิ่งนี้มันจะอยู่ติดตัวใหญ่ไปตลอด

ถ้าสุขเรา(ที่ได้เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา มีลูกเมีย)ที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้กี่ปี(ไม่ได้เช่งเน้อ)  กะทุกข์ของลูกที่จะต้องทน
ฝืนไปอีกนานเลยนะเลยนะ

บ่นอะไรเราเนี่ย  มึน  :really2:

สรุปคืออยากให้ผู้ใหญ่รับรู้โดยเร็วจัง  อิอิ 

ให้มันรู็กันไปเลย  ดับเครื่องชน  ถ้าดีก็คบกันได้สะดวก  ไม่ต้องมีเรื่องราวมากวนใจ

ถ้าผลออกมาในทางลบ  ก็ต้องสู้ด้วยกันน้า  คนอ่านเอาใจช่วย(แต่ห้ามเลิกกัน  หรือยอมแพ้ไปซะก่อนล่ะ :กอด1:)




ทำไมรู้สึกไม่ค่อยชอบครูน้ำและน้องออมเลยหว่า  :z3:


ตอนนี้ใหญ่ไม่มีซีนโผล่ มีแต่ message แทนใจ ฝากอ้อมกอดไปถึงใหญ่แฟนฝันด้วย :กอด1:

+1 สำหรับตอนค่า
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: jigsaw44 ที่ 08-11-2009 09:50:25
เอาใจช่วยใหญ่กับฝันนะ

มีอะไรก็คุยกัน ไม่อยากให้คิดแทนกัน

บางครั้งความหวังดีของคนรักก็นำมาซึ่งความทุกข์
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 08-11-2009 17:42:38
เราว่าพ่อใหญ่ต้องรู้แล้วแน่ๆว่า ใหญ่รักอยู่กะฝัน  ไม่งั้นจะพูดกับฝันแบบนี้เหรอ  ว่าป่าว

แต่เพราะพ่อเป็นผู้ใหญ่อ่ะ (แถมเป็นคนดีด้วย)เขาคงไม่กล้าพูดตรงๆ

งานเข้าอย่างจัง

ใหญ่คงเครียดมาก  คนนึงก็พ่อที่รัก คนนึงก้แฟนที่รักเหมือนกัน  :z3: :z3:

ขอให้ทุกอย่างลงตัวด้วยเถอะ  :call: :call:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 08-11-2009 20:30:58
หัวอกคนเป็นพ่อก็คงอยากให้ลูกมีความสุขอ่านะ

เเต่สุขของเค้าจะเข้าใจในความรู้สึกของเราด้วยรึปล่าว


ว่าเเล้วก้ไปหาพาราซักสองเม็ดมากิน  :z3: :z3:


ปวดหัวเลย ...  :a5:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 08-11-2009 21:26:37
 :เฮ้อ:  เครียดไปกับฝันและใหญ่ด้วย

เอาน่า เดี๋ยวอะไรๆ มันคงดีขึ้นเมื่อได้พบกัน   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 09-11-2009 11:23:42
จะได้เจอแล้ว  :3123:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-11-2009 12:30:27
ตูเครียดไปด้วยแล้วเนี่ย  :z3:  :m31:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 10-11-2009 23:18:15
หายไปหลายวันนะนี่

สงสัยจดหมายตกหล่นไปแล้ว

รออ่านจม อ่า
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๔๓๔ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๔๓๔
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 11-11-2009 22:10:34
 :call:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๕๓๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๕๓๕
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 11-11-2009 23:16:01
แง...คนเขียนยุ่งจ้า  มาแล้ว :L2:
********************************
(ตอนที่ ๓๕)

ผมนับวันที่ใหญ่จะมาถึงอย่างใจจดจ่อ ความรู้สึกของการรอคอยคนที่เรารักช่างเป็นความสุขอย่างที่ผมไม่เคยได้มีบ่อยๆ  เพราะเมื่อเรารอคอยเราก็มีความหวังปนกันมาด้วย ผมพยายามไม่เอาปัญหาที่เรามีอยู่มาคิด
เพ่งความสนใจไปอย่างเดียวที่ว่า...ใหญ่กำลังจะมา

จากวันที่ผมได้รับข้อความทางโทรศัพท์จากใหญ่ เราก็ไม่ได้เขียนจดหมายโต้ตอบหากันอีก เพราะถ้าให้ผมเลือกรอจดหมาย  ผมเลือกที่จะรอเจ้าของจดหมายจะมีความสุขมากกว่าเป็นไหนๆ  และเวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์คงไม่พอสำหรับการเขียนจดหมายหากัน

พี่ฝ้ายจะแต่งงานวันเสาร์ที่จะถึงนี้แล้ว เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจนเราหลงลืมอะไรบางอย่างไป  กว่าจะรู้มันก็มาถึงแล้ว ผมค่อนข้างยุ่งเพราะต้องคอยพาแม่ไปทำธุระช่วยพี่ฝ้ายเรื่องงานแต่ง  แต่ติดที่วันลาของผมหมดไปแล้ว ดังนั้นกว่าจะได้พาแม่ไปทำธุระก็ตอนเย็นหรือค่ำหลังผมเลิกงาน  กว่าจะกลับถึงบ้านผมก็หมดแรงพอดีนอนหลับเป็นตายทุกวัน

 พี่ฝ้ายแต่งงานไปแล้วก็เหลือผมอยู่กับแม่เพียงสองคน  ผมคงต้องเปลี่ยนสภาพการเป็นอยู่ของผมใหม่ จะทิ้งแม่ไปเหมือนแต่ก่อนคงไม่ได้
“แม่จะเหงาไหม  ถ้าพี่ฝ้ายไม่อยู่” ผมถามแม่ขึ้นมาวันหนึ่งในวันที่เราออกไปข้างนอกด้วยกัน
แม่ตอบว่า “ของอย่างนี้ต้องลองดู”  แล้วแม่ก็หัวเราะ ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของแม่ก็รู้ว่าแม่ไม่เคยกลัวอะไรเลย  ไม่ว่าคนรอบข้างจะเป็นยังไงแม่ผมก็รับได้เสมอ

 “ทำไมแม่ยังดูมีความสุขอยู่ได้ พี่ฝ้ายจะทิ้งแม่ไปทั้งคนนะ”
“ใครว่าทิ้ง...ฝ้ายเค้าก็ต้องมีชีวิตของเค้า พี่เค้ากำลังจะไปมีความสุข  เราควรต้องอวยพรให้เค้าสิฝัน”
ผมอาจมองต่างมุมกับแม่ไป ผมถึงเผลอไปคิดอะไรแย่ๆแบบนั้น  แม่พูดต่อด้วยน้ำเสียงสดใส “แม่มองในมุมของแม่ ที่อยากให้ลูกทุกคนมีความสุข แม่อยู่กับลูกตลอดไปไม่ได้นะ อีกไม่กี่ปีแม่ก็ตาย  ฝ้ายต้องหาคนมาดูแลเค้าต่อ”

ผมได้ยินแม่พูดแล้วก็สะท้อนใจ  แม่เองก็คิดไม่ต่างไปจากพ่อของใหญ่อย่างกับว่าประชุมร่วมตกลงกันมาก่อน 
แม่หันมามองหน้าผมบ้าง “แล้วเราล่ะ  เมื่อไหร่จะพาแฟนมาให้แม่รู้จักสักที”

ผมหันหน้าไปมองแม่บ้าง ผมไม่รู้จะพูดเรื่องนี้กับแม่ยังไงจริงๆ “แม่อยากมีลูกสะใภ้มาดูแลแม่เหรอ” ผมแกล้งแซวแม่เล่นๆ 
แม่หัวเราะตีแขนผมเบาๆ “ฝันมองว่าแม่เป็นคนแบบนั้นเหรอ  คนอย่างแม่ไม่ได้ต้องการให้ใครมาดูแล”
“แม่อย่าโกรธผมนะ ผมล้อเล่น”
“แม่ไม่โกรธ  ที่แม่ถามฝันเพราะไม่เห็นฝันมีใครมาเป็นเพื่อนคู่ใจสักที  ฝันไม่เหงาเหรอลูก”

ผมไม่รู้ว่าแม่ก็มองชีวิตผมอยู่อย่างเงียบๆ เพียงแต่อาจไม่มีเวลาคุยกันจริงๆจังๆซักที  ผมตัดสินใจพูดเกริ่นหยั่งเชิงกับแม่ดู
“ที่จริงผมมีคนที่ผมชอบนะครับ” ผมมองหน้าแม่แอบสังเกตปฎิกิริยา  ก็เห็นตั้งใจฟังตาแป๋ว
“แต่ตอนนี้มันยังไม่ลงตัว มีปัญหานิดหน่อย เค้าอยู่ไกลครับ”
แม่จับแขนผมแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงปรานี  “ค่อยๆคิดไปแล้วกัน”

ผมฟังแม่พูดแล้วน้ำตาจะไหล แม่ก็ยังเป็นกำลังใจให้ผมอยู่เสมอถึงแม้จะไม่ได้คุยกันบ่อยๆก็ตาม
“แม่”
“หืม...”
“ถ้าผมไม่มีลูกสะใภ้มาให้แม่ แม่จะเสียใจไหม” แม่ไม่ตอบผมทันที   เงียบไปนานจนผมไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่
“ถ้าวันไหนที่ฝันไม่มีความสุขสิ แม่ถึงจะเสียใจ” แม่บีบมือผมเบาๆ
“แม่ไม่รู้ว่าปัญหาของฝันมันใหญ่แค่ไหน แม่ก็ได้แค่มองอยู่ห่างๆ ถ้าฝันอยากให้แม่ช่วย หรืออยากปรึกษาแม่ แม่ก็รออยู่เสมอ”

ผมอยากจะจอดรถแล้วเข้าไปกอดแม่แรงๆหนึ่งที แม่พูดแค่นี้ก็เป็นพลังให้ผมมากที่สุดแล้ว
ผมกับใหญ่อาจจะต่างกันตรงนี้เองครับ ความสุขของผมอยู่ที่ตัวผมอยากจะทำ แต่ความสุขของใหญ่โดนกำหนดโดยคนอื่นมากกว่า    ถ้าทุกอย่างไปในทางเดียวกันได้ก็คงจะดีที่สุด

“ขอบคุณครับแม่” ผมบอกแม่ไปสั้นๆแล้วยกมือไหว้
“ถ้าผมพร้อมแล้วผมจะเล่าให้แม่ฟังครับ”
แม่พยักหน้าแล้วบอกผมว่า "แม่จะรอนะ"

วันศุกร์ก่อนงานแต่ง ช่วงเช้าผมยังไปทำงานเพราะลาไม่ได้จริงๆ พอช่วงบ่ายผมขอลาเผื่อแม่จะให้ผมช่วยทำอะไร ที่จริงพี่ฝ้ายไม่ได้จัดงานอะไรใหญ่โต  แต่ผู้ใหญ่ของฝ่ายชายดูจะตื่นเต้นไปหมด เรื่องง่ายๆบางเรื่องเลยกลายเป็นเรื่องยาก  พลอยวุ่นวายมาที่ผมด้วย

แต่ที่สำคัญที่สุดสำหรับผมรองลงมาจากเรื่องแต่งงานของพี่ฝ้ายคือ  วันนี้ผมจะได้เจอใหญ่แล้ว  ใหญ่ไม่ได้บอกผมว่าจะมาถึงกี่โมงผมเลยทำได้แค่รออยู่ที่บ้านด้วยอาการที่พยายามจะสงบ ถึงแม้ใจผมมันร้อนรนตลอดเวลาว่าทำไมใหญ่ยังมาไม่ถึงสักที
“ฝันช่วยไปเอาของชำร่วยมาให้พี่ฝ้ายหน่อยสิลูก  ทุกคนไม่มีใครว่างเลย”ผมไม่อยากไปเพราะอยากรอใหญ่อยู่ที่บ้านมากกว่า แต่จะปฏิเสธก็คงไม่ได้
“ได้ครับแม่ ที่ไหนครับ”
“สวนจตุจักรจ๊ะ”

ผมจะเดินออกไปอยู่แล้วแต่นึกขึ้นมาได้ว่าแม่ยังไม่รู้เลยว่าใหญ่จะมา เลยเดินย้อนกลับมาบอกแม่ว่า “แม่...เดี๋ยวใหญ่จะมาคืนนี้ แม่บอกใหญ่ให้ผมนะว่าเดี๋ยวผมกลับมา”
แม่ยิ้ม “จ้า...ไปเถอะไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแม่ดูแลเอง”

ผมกำลังสตาร์ทรถจะออกไปแล้วครับแต่ก็เกือบชนคนที่วิ่งมากางแขนกางขาขวางหน้ารถผมพอดี  ผมเห็นหน้าไม่ถนัดก็จริงเพราะมันใส่หมวกแก๊ปปิดหน้าไปครึ่ง  ท้องฟ้าก็สลัวมากแล้ว  แต่ทำไมผมจะจำไม่ได้ว่าคนๆนี้เป็นใคร  ผมเปิดประตูรถเดินออกไปยืนเท้าสะเอวถามคนที่ยืนจังก้าอยู่หน้ารถผม

“น้องอยากมีเรื่องเหรอ  หรืออยากได้เลือด...มายืนขวางหน้ารถพี่แบบนี้ เดี๋ยวพี่ได้ชนจนได้”
“อยากมี  พี่มีหลายเรื่องมั้ยล่ะ”ไอ้หนุ่มนั่นยักคิ้วกวนๆ
“ก็หลายเรื่อง  จะจัดให้น้องครบทุกเรื่องเลย โทษฐานที่มาช้าให้พี่รอ”ผมเดินช้าๆเข้าไปหาคนอยากได้เรื่อง จับแขนเจ้าหนุ่มนั่นลากขึ้นไปนั่งบนรถ  แรกๆมันขัดขืนแต่ภายหลังก็ยอมไปนั่งแต่โดยดี  แต่ยังไม่วายถามผมว่า
“มึงจะพากูไปไหน”
“พามึงไปหาเรื่องไง” ผมยิ้มให้ไอ้ใหญ่ที่เบ้ปากแล้วบอกผมว่า “กวนตี...”

ผมรีบเอานิ้วปิดปากมันไว้ก่อนที่มันจะพูดจบ “อ๊ะ...อย่านะ...ไม่พูดคำหยาบ  เดี๋ยวพี่จะให้เรื่องน้องเยอะขึ้นไปอีกนะ”
ใหญ่มันเลยเอาปากไล่งับนิ้วผมครับ  ผมเอนตัวหนีมันก็ยื่นหน้าตามมาจนผมหนีไม่พ้นหลังชนประตูรถ ผมเลยประคองจับหน้ามันเอาไว้แล้วกดริมฝีปากลงที่ปากใหญ่เบาๆ   ใหญ่มันส่ายหน้าหนีผมเลยต้องปล่อยมันไปอย่างเสียดายแล้วหัวเราะดังๆออกมา

ใหญ่หน้าแดงก่ำ เอากำปั้นชกแขนผมแรงๆ “นี่แน่ะ ...กูพึ่งมาถึงมึงก็แกล้งกูแล้วนะไอ้ฝัน”
“ก็มึงน่าแกล้ง...ไม่แกล้งมึงแล้วกูจะไปแกล้งใคร”ผมมีความสุขจนอยากต่อล้อต่อเถียงกับใหญ่ไปแบบนี้ตลอดชีวิตครับ
“มึงอย่ามาทำหน้าแบบนี้นะ  กูไม่น่าลงมาให้มึงแกล้งถึงที่เล้ย”ใหญ่มันค้อนผมครับ  เดี๋ยวนี้มันเริ่มทำตัวน่ารักแปลกๆขึ้นไปทุกวัน ผมแค่ทำหน้ากรุ้มกริ่มมันก็ค้อนผมแล้ว ผมจะพูดยั่วโมโหมันต่อเสียงเคาะกระจกก็ดังขึ้น

“ฝันทำไมยังไม่ไปอีกลูก เดี๋ยวร้านเค้าจะปิดนะ”แม่คงเห็นผมไม่เลื่อนรถเสียทีเลยเดินออกมาดูใหม่
“แม่สวัสดีครับ”ใหญ่พูดแทรกขึ้นมาดังๆแล้วยกมือไหว้แม่
“อ้าว...ใหญ่เหรอลูก  แม่ไม่ทันเห็นรถมันมืดๆ”แม่ยิ้มด้วยความดีใจที่เห็นลูกรักมาอีกคน
“ฝันจะไปไหนเหรอครับแม่?” ใหญ่มันเลยถามแม่ผมเพราะคงกลัวผมจะตอบกวนอีก

“ให้ฝันไปเอาของชำร่วย เห็นออกมาตั้งนานนึกว่าไปแล้วซะอีก”แม่ตอบเหมือนบ่นผมมากกว่า
“ก็ใหญ่มันมาพอดี  ไปเดี๋ยวนี้แล้วแม่”ผมพึ่งจะมีโอกาสพูดแทรกสองแม่ลูกขึ้นมาได้
“งั้นเดี๋ยวผมค่อยกลับมาคุยกับแม่นะครับ  คิดถึงแม่นะครับ”ใหญ่มันอ้อนแม่ผมขนาดนี้ ไม่รักได้ยังไงครับ ขนาดมันไม่อ้อนผม ผมยังรักมันขนาดนี้

พออกรถมาแล้วใหญ่มันก็ต่อว่าผมอีก “แล้วมึงก็ไม่บอกกูว่าจะรีบไปธุระ  แม่เค้าจะมองกูยังไงมาทำให้มึงเสียเวลา”
ผมหัวเราะขำที่มันพูด “ยังไม่ทันไรก็กลัวแม่สามีไม่ปลื้มแล้วเหรอ หึหึ”
แต่ไอ้ใหญ่มันไม่ขำกับผมคราวนี้มันเอากำปั้นมาทุบที่ท้องผมแรงๆจนผมจุกต้องร้องขึ้นมา รถแฉลบไปอีกเลนแต่ผมรีบดึงพวงมาลัยกลับมาแทบไม่ทัน ใจหายวาบ
 “โอ๊ย!!  เล่นอะไรใหญ่ กูกำลังขับรถนะเว้ย มันอันตรายนะ” 

“ดี...ให้ตายไปเลยคนปากไม่ดี”ใหญ่นั่งกอดอกหน้าแดงก่ำแต่ผมไม่รู้ว่ามันงอนหรือโกรธกันแน่ แต่ดูหน้าบึ้งๆครับท่าจะไม่ดีต้องรีบง้อดีกว่า
“โกรธเหรอ...อย่าโกรธเลยนะ พูดเล่นนิดเดียวเองนะ ดีกันนะ” ผมพูดเสียงอ่อยๆยื่นนิ้วก้อยให้ใหญ่แต่มันก็ไม่มองเบือนหน้าหนีออกไปที่หน้าต่าง

“เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ อย่างอนเลยนะ  คิดถึงจะตาย ก็อยากมึงให้ขำจะได้หายเหนื่อยไง”ผมเหลือบตามมองใหญ่มันยังไม่ยอมเอ่ยปากอะไรครับ  ผมจะทำอะไรมากก็ไม่ได้เพราะขับรถอยู่
“แล้วมันขำมั้ยล่ะ” ใหญ่หันมาส่งตาขุ่นเขียวให้ผมทำเสียงเข้ม
ผมเกือบจะตอบไปแล้วว่าขำ...ขำมากด้วย โดยเฉพาะตอนที่มันงอนทั้งขำทั้งน่ารัก...แต่ผมไม่กล้า

“ไม่ขำครับ...ไม่ขำเลย” รถติดไฟแดงพอดีผมเลยหันไปหาใหญ่ได้เต็มๆตัวแล้วยื่นมือไปให้ใหญ่ทำสัญลักษณ์ว่า I LOVE YOU ค้างไว้  คราวนี้ใหญ่มันกลับขำครับหัวเราะจนตัวงอ  ทั้งที่ผมไม่ได้พูดอะไรเลย
“มึงขำอะไรวะ”ผมขมวดคิ้วสงสัยในอาการของใหญ่ที่มันกลับไปกลับมาไวได้ขนาดนี้

“ก็ขำมึงไง ปัญญาอ่อนวะ ทำไปได้” แง...ใหญ่มันด่าผม  คราวนี้ผมเริ่มงอนบ้าง
“มึง...แรงอ่า...มาว่ากู...กูอุตส่าห์รักมึงขนาดนี้” ผมแกล้งทำงอนให้มันง้อบ้างดีกว่าครับ แต่ท่าทางจะไม่ได้ผล ดูใหญ่ไม่สนใจในอาการของผมเลย
 แถมว่าผมอีกว่า “เว่อร์...” ใหญ่พูดเสร็จแล้วก็สะบัดหน้ากลับไปมองข้างนอกอีก

“นี่ตั้งแต่มานี่เรายังไม่ได้พูดดีๆกันเลยนะ หายโกรธกูสักทีสิ กูขอโทษ ผมขอโทษนะคร๊าบบบบ ยกโทษให้ผมนะคร๊าบบบ คราวหน้าผมจะไม่พูดแบบนี้แล้วครับ(จะพูดแบบอื่นแทน (ฮ่า))”ใหญ่มันง้อยากมากเลยครับ ยังไม่ยอมมองหน้าผมอีกเลย

“ผมยอมคุณทุกอย่างจะให้ผมทำอะไรก็ยอมคร๊าบบบ...”ผมง้อไปจนจะถึงที่หมายแล้วครับ ยังง้อไม่สำเร็จเลย ไม่น่าปากเสียเลยกู แต่คราวนี้ท่าจะได้ผลครับ ใหญ่หันมามองหน้าผมทำแววตาเจ้าเล่ห์จนน่ากลัวครับ
“มึงแน่ใจที่พูดมาเหรอ”
พอใหญ่มันถามผมแบบนี้ บวกกับสีหน้าแววตาที่มองมาผมเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยครับ
*****************************
เฮ้อ...ง้อเหนื่อย :m29:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๕๓๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๕๓๕
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 11-11-2009 23:23:56
จะโดนไรวะ  :z2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๕๓๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๕๓๕
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 11-11-2009 23:30:52
โหยจูบรับขวัญในรถเลยเว้ยไม่กัวแม่เหนรึ 555555555
ท่าทางแม่ถ้ารู้ว่าสะใภ้แม่คือใคร เจ้าฝันจะหมาหัวเน่าแล้วสิเนี่ย
แม่น่ารักจัง ขอแค่ลูกมีความสุขก็โอทุกอย่างแล้วอ่ะ
งานนี้เจ้าใหญ่อยากได้อะไรหรืออยากให้เจ้าฝันทำอะไรล่ะ ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์น่าปล้ำซะ  :m20:

สู้ๆคะ +1
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๕๓๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๕๓๕
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-11-2009 16:55:58
ใหญ่จะทำไรฝันก็ทำไปเถอะ อย่าลุกขึ้นมาพลิกบทบาทปล้ำฝันเป็นพอ  :m29: ตูชักเครียดกะใหญ่แล้ว
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๕๓๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๕๓๕
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 12-11-2009 19:11:30
ชอบคุณแม่ฝันจัง  แบบนี้แหละ  สุดยอดเลยคุณแม่ o13

อยากให้ลูกเลือกทางเดิน และทางที่จะทำให้ลูกมีความสุข

และยอมรับ 

ไม่ใช่ ความสุขที่มาในรูป "สำเร็จรูป " ตามค่านิยมที่สังคมกำหนดขึ้น

ที่ว่า มีหน้าทีการงานดี มีเมีย มีลูก ฯลฯ

สุขทุกข์อยู่ที่ตัวเราทั้งนั้น  สังคมไม่เคยมาแบ่งจากเราไปซักหน่อย

--------

ทางฝั่งฝันก็สบายใจได้แล้ว เพราะว่าแม่รับได้ แถมลูกสะใภ้ ก็ยังเป็นคนที่เราเอ็นดูอยู่ด้วยแล้ว

คงไม่มีปัญหา  :z2:

เจอกันก็หวานเลยนะ  จูบรับขวัญด้วย  น่ารักกกกก

หลังๆๆอ่อร่าเคะจับมากมาย ใหญ่ของคนอ่าน  กรากกกก

ค้อนงอนได้น่าจับกด เอ้ยยย น่ารักมากกกกกกกก 


ว่าแต่ต้องแลกด้วยอะไรอ่ะ  o18

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๕๓๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๕๓๕
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 12-11-2009 19:18:53
 :z1: ใหญ่กำลังคิดอะไรอยู่น๊า??
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๕๓๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๕๓๕
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 12-11-2009 20:08:40
คุณแม่ของฝันน่ารักจังเลย
ไม่แน่เนอะ ฝันกับใหญ่อาจจะสมหวังเพราะคุณแม่ก็ได้
แต่อยากรู้ว่าใหญ่คิดจะทำอะไรนะ เอาคืนที่โดนจูบรับขวัญเหรอ
บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณและรออ่านต่อค่ะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๕๓๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๕๓๕
เริ่มหัวข้อโดย: YuNJae ที่ 13-11-2009 19:50:44
โอ้ยยย จะน่ารักกันไปไหนเนี่ย
มาถึงก็เจอจูบ >////<
แต่ตอนจบนี่ มันชอบกลแฮะ 
หวังว่าคงไม่ให้ฝันทำอะไรแผลงๆนะ 5555
คุณแม่ฝันน่ารักมากเลยอ่า
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๕๓๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๕๓๕
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 16-11-2009 11:25:58
แปะๆๆๆ
เป็นกำลังใจให้จ้า :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 18-11-2009 22:11:33
  :m5: ขอโทษที่มาต่อช้าค่ะ ช่วงนี้เลยเหมือนจะมาอาทิตย์ล่ะครั้งแหะๆ :m23:
แต่ไม่ว่ากันเนอะยังไงคนแต่งไม่ทิ้งอยู่แล้วค่ะ อ่านต่อกันดีกว่า
*************************************
(ตอนที่๓๖)

ผมจัดการเรื่องของชำร่วยไปด้วยความกังวลใจครับ  รู้สึกหนาวๆร้อนๆไม่แน่ใจในแววตาของใหญ่ อยากจะรู้ว่าสิ่งที่ใหญ่จะให้ผมทำเพื่อแลกกับการคืนดีกับมันคืออะไรกันแน่ แต่ลูกผู้ชายพูดออกไปแล้วก็เหมือนเป็นคำสัตย์ต้องทำตามที่พูด ไม่งั้นก็เสียคำพูด  ผมพยายามบอกตัวเองแบบนั้นแต่ใจผมมันก็ยังระแวงอยู่ดี

คืนนี้ที่บ้านผมพลุกพล่านไปด้วยหมู่ญาติที่มารวมตัวกันเพราะพรุ่งนี้เช้าจะมีการแห่ขันหมากมาที่บ้าน ผมเลยเอาของชำร่วยไปส่งให้แล้วถามแม่ว่ายังต้องให้ผมช่วยทำอะไรอีกหรือปล่า
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะฝัน  แต่พรุ่งนี้เราต้องตื่นตี5นะ เจ้าบ่าวเค้ามา7โมง”
“โอ๊ย!ไม่ไหวมั้งแม่ มา7โมงแล้วทำไมต้องตื่นมารอตั้งสองชั่วโมง แม่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ผมไม่ต้องทำผมแต่งหน้า ผมไม่ใช้เจ้าสาวนะ”

ผมพูดจบไอ้ใหญ่มันขำหัวเราะลั่นเลยครับ แต่แม่หน้าแดงด้วยความโกรธที่ผมไปย้อนเสียงดัง แม่ตีผัวะมาที่แขนผม
“ไอ้ลูกคนนี้นี่ ไม่ตื่นก็ไม่ตื่นสิ ทำไมต้องโวยวาย แม่ก็ลืมไป แต่อย่างช้า6โมงครึ่งเราต้องเรียบร้อยนะ”
“ครับผม แม่...งั้นคืนนี้ผมออกไปข้างนอกได้มั้ยแม่ อยากไปนั่งดื่มกับใหญ่มัน”แม่หันไปมองหน้าใหญ่ที่ส่งยิ้มหวานให้ แล้วบอกแม่อย่างประจบว่า“ผมสัญญาครับว่าจะอนุญาตให้ฝันมันดื่มนิดเดียวจริงๆ”
แล้วพูดต่อกับแม่ว่า“ ผมจะกำกับมันเองครับแม่” แต่สายตามองมาที่ผม

  ผมฟังที่ใหญ่พูดแล้วใจไม่ดีเลยครับ  ทั้งที่มันก็แค่เรื่องดื่มเหล้านี่หว่า แต่ทำไมสายตาใหญ่มันพุ่งมาที่ผมจัง  ใหญ่ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะเบาๆไม่รู้ว่าอารมณ์ดีอะไรนักหนา
จนเรามาถึงร้านอาหารใหญ่มันก็ยังดูอารมณ์ดีครับ คุยกันไปบางครั้งมันก็ยังเผลอหัวเราะออกมาคนเดียวทั้งที่บางเรื่องก็ไม่ได้ตลกตรงไหนจนผมชักเป็นห่วงว่ามันจะเสียสติไปรึเปล่า
“ทำไมมึงอารมณ์ดีจังวะ ทีเมื่อกี้ไปเอาของชำร่วยกับกูยังหน้างอเป็นม้าหมากรุกอยู่เลย”

ใหญ่ไม่ยักโกรธที่ผมบอกว่ามันหน้างอกลับหันมายิ้มหวานให้ผม “กูอารมณ์ดีมึงไม่ชอบเหรอ”
ใครจะไม่ชอบล่ะครับ “ชอบ  แต่มึงขำอะไร? กูเห็นมึงหัวเราะมาตั้งแต่ออกมาจากบ้านแล้ว”
ใหญ่หันมามองหน้าผมอีกแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะกลั้นหัวเราะแต่ก็กลั้นไม่อยู่พูดไปขำไป “กูขำที่แม่มึงบอกว่ามึงจะเป็นเจ้าสาว ฮ่าๆๆ”

ผมส่ายหัว “มันขำตรงไหนวะ ก็กูไม่ใช่เจ้าสาวนี่หว่า” ผมไม่เข้าใจว่ามันตลกตรงไหนกัน
ใหญ่มันยกแก้วมาชนกับแก้วผมที่วางอยู่แล้วเลิกคิ้วถาม
“ก็ถ้ามึงเป็นเจ้าสาวล่ะ?”
“มึงนี่” ผมจะโวยหนักๆแต่พอเห็นสีหน้ายิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ของใหญ่ เสียงพูดต่อมาของผมกลับหายไปในคอ พูดแค่ว่า“พูด...บ้า...บ้า”

ผมกลืนน้ำลายอย่างใจคอไม่ดี นึกในใจว่าทั้งคำพูดของใหญ่และสีหน้าแววตาที่มันมองผม  ทำไมทำให้ผมสยองได้ขนาดนี้ ผมขนลุกขึ้นมาเฉยๆทั้งที่อากาศก็ไม่หนาว
“มึงอย่าลืมนะว่ามึงสัญญากับกูแล้วว่าจะทำอะไรก็ยอม”ใหญ่มันลั้ลลามากจริงๆครับ แต่ผมลั้ลลาไม่ออกไอ้รึจะพูดมากไปจะเข้าตัวรึเปล่า ผมกลืนน้ำลายอีกครั้งเอามือปาดหน้าผากเหมือนๆเหงื่อจะตก
“มึงเป็นอะไรวะ หน้าซีดๆ เหงื่อออกด้วย ร้อนมากรึไง”ใหญ่มันสัพยอกผมอีกครั้ง
ผมกลายเป็นคนพูดน้อยไปโดยปริยายตอบมันไปว่า “เปล่ากูไม่ร้อน” ผมไม่อยากจะบอกมันว่าผมหนาวมากกว่า

ใหญ่มันคงจะแซวผมต่อถ้าไม่มีสายเข้ามาหา ใหญ่ยกโทรศัพท์โชว์ให้ผมดู“น้องออมโทรมา”
“ว่าไงครับน้องออม…จ้า...พ่อรู้ค่ะ...หนูนอนรึยัง...อย่าดื้อกับคุณครูนะคะ...กู๊ดไนท์ค่ะ ” ใหญ่มีสีหน้าสดใสเมื่อคุยกับหลาน ผมรู้เลยว่าน้องออมเป็นแก้วตาดวงใจของมันอีกคน...นอกจากผม หึหึ ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้นนะครับจะว่าผมเข้าข้างตัวเองก็คงใช่

“น้องออมไปนอนบ้านครูน้ำ...”เหมือนใหญ่จะรู้ว่าพูดชื่อต้องห้ามขึ้นมาเลยหยุดพูดไปแค่นั้น แต่ผมกลับคิดว่าไหนๆใหญ่ก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว  ถ้าเราเป็นฝีทำไมเราจะไม่บ่งให้หนองมันออก ถึงแรกๆมันจะเจ็บแต่ในที่สุดมันก็จะหาย ดีกว่าจะปล่อยให้มันอักเสบเรื้อรังไปอยู่อย่างนั้นรอวันฝีแตก
“ครูน้ำเป็นยังไงบ้าง”ผมฝืนยิ้มถามมันไป แต่ก็รอคำตอบมันอย่างใจจดจ่อ
“กูไม่ได้รักเค้า มึงรู้...”ใหญ่สบตาผมนิ่ง “ใช่ไหม...ว่ากูไม่ได้รักเค้า”
ผมยิ้มนิดๆพยักหน้าว่าผมรู้ แต่ดูเหมือนใหญ่จะกังวลมากเรื่องนี้ ใหญ่จับมือผมไว้แววตาระแวงน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นร้อนรน “กูไม่เคยคิดกับครูน้ำในแง่นั้นจริงๆนะ”
 ผมขำท่าทางของใหญ่ต้องเอื้อมมือมากุมมือมันไว้แล้วตบมือมันเบาๆ“กูรู้น่า มึงไม่ต้องกังวลใจ”

ใหญ่ขมวดคิ้ว “ก็มึงทำไมไม่ยอมตอบกู พยักหน้าทำไม มึงเป็นใบ้เหรอ แค่นี้ก็ไม่ยอมพูด”
ผมหัวเราะขำมัน“แค่นี้ก็โกรธแล้วเหรอ มึงชักจะเจ้าอารมณ์ใหญ่แล้วนะ” ใหญ่มันดึงมือออกจากมือผมทันที แล้วทำเบือนหน้าหนีผมเหมือนจะค้อน
“ว่ากูอีกแล้ว คนอุตส่าห์มาหา ชอบกวน...”
ผมคว้ามือมันกลับมาอีกครั้งแล้วบีบแน่นส่งยิ้มให้มัน “ขอบใจนะที่มึงมา  กูดีใจที่เห็นมึง”

ใหญ่หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีแล้วพูดเสียงสะบัดว่า “ดีใจอะไรหาเรื่องกูตลอด...พอมาถึงก็แทบจะขับรถชนกัน...” ใหญ่พูดต่อไปเรื่อยๆเหมือนจะบ่นว่าผมแกล้งหรือทำอะไรมันไปบ้าง “ชอบมายั่วโมโหกูเรื่อย..กูไม่น่ามาเล้ย...”

ใหญ่ยังไม่หยุดพูด จนผมหาจังหวะแทรกไม่ได้  ผมเลยเอามือเท้าคางเอียงคอมองหน้าใหญ่พูด มองหน้ามันให้เต็มตา ให้สมกับความคิดถึง หน้าตาใหญ่ดูสดชื่นขึ้นกว่าเมื่อคราวก่อนที่เราเจอกันผมว่าดูมันออกจะมีแก้มขึ้นมาบ้างแล้ว มันคงอ้วนขึ้นจริงๆ ผมเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มมันอย่างไม่รู้ตัว
ใหญ่ทำท่าตกใจแต่ก็ปล่อยให้ผมจับแก้มมันอยู่แบบนั้น แก้มมันร้อนผ่าวอยู่ในฝ่ามือผม ตอนนี้ใหญ่มันเงียบไปแล้วครับ แต่ตาจ้องหน้าผมนิ่ง

ผมบอกได้เลยว่า ถึงแม้จะมีใครนั่งอยู่แถวๆนั้นมากมาย ก็ไม่ได้มีผลต่อผมกับใหญ่เลย ผมไม่สนใครทั้งโลกเมื่ออยู่กับใหญ่  ผมและใหญ่ต่างไม่เอ่ยปากพูดอะไรเหมือนเราสื่อกันอยู่ในใจ...ว่าเรารักกันและโหยหากันมากแค่ไหน
ผมคงไม่เอามือออกถ้าไม่พอดีกับบริกรเดินเอาอาหารมาเสิร์ฟ  เราแยกจากกันอย่างเสียดาย
หลังจากนั้นเราต่างกินข้าวกันเงียบๆใหญ่คงลืมเรื่องครูน้ำไปแล้ว แต่ผมเองกลับพูดขึ้นมาอีกทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการทำลายบรรยากาศรึเปล่า

“เรื่องครูน้ำ...กู”พอผมเอ่ยปากใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นมาทันทีกำลังจะเอ่ยปากห้ามแต่ผมชิงพูดสวนขึ้นมาก่อน
  “กูบอกกับพ่อมึงแล้ว ว่าน่าจะให้เวลากับมึงบ้าง มึงยังไม่พร้อมที่จะมีใคร” ใหญ่ถอนหายใจแล้วพยักหน้า
“พ่อบอกกูแล้ว ขอบใจมึงนะที่ช่วยพูดให้ แปลกนะ...พ่อไม่เคยฟังกูแต่กลับฟังมึง ทั้งที่มันเรื่องของกูแท้ๆ”

ผมพยักหน้าหงึกๆคงเป็นเรื่องจริงที่ว่าลูกทุกคนต้องเคยทะเลาะกับพ่อแม่ตัวเองทั้งนั้น “กูว่าพ่อมึงเค้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง เราคงยื้อเวลาไปได้เรื่อยๆ”
ใหญ่วางช้อนลงทันทีหยุดกินข้าวดื่มน้ำแล้วนิ่งเงียบไป  ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ ผมเลยพูดขึ้นมาว่า“กูคิดไม่ออกจริงๆว่าเราควรต้องทำยังไง หรือไม่ควรทำอะไรเลย”

ใหญ่ตอบผมว่า “มึงไม่ต้องทำอะไรเลย มึงแค่อยู่ตรงนี้ที่นี่ แล้วก็รักกู...เท่านั้นเอง”
ผมดีใจที่ได้ยินแบบนั้นแต่ไม่ทั้งหมด ผมจะสวนตอบกลับ “แต่มันก็...”
“มันเป็นเรื่องของกู กูต้องแก้ปัญหาที่ทางกูไม่ใช่ทางมึง” แววตาของใหญ่กลับมาเด็ดเดี่ยวอีกครั้ง แต่ผมไม่ชอบเลยผมไม่อยากให้มันตัดผมออกจากปัญหานี้ไป

ผมบอกมันว่า“มึงคงลืมอะไรบางอย่างนะใหญ่”ใหญ่มองผมทันทีแววตามีคำถามว่าผมหมายถึงอะไร
“เรื่องของมึง มันก็เรื่องของกู...เพราะมึงกับกูก็เหมือนกูกับมึง” ผมพูดอะไรไปวะ เข้าใจยากไปจนได้ ใหญ่ทำหน้าสงสัยหนักไปกว่าเดิม
“ เพราะกูกับมึงก็คนเดียวกัน มึงจะมาแยกกูออกจากปัญหาของมึงได้ยังไง” ใหญ่ถอนหายใจแล้วรินเบียร์ให้ทั้งตัวเองและของผม

ผมพูดต่อไปว่า “มีอะไรก็บอกกันคุยกัน เรื่องของมึงมันเป็นเรื่องของเราไปตั้งนานแล้วนะใหญ่มึงลืมไปแล้วเหรอ”
“เราเลิกพูดเรื่องนี้ได้ไหม กูเครียด”ใหญ่บอกผมในที่สุดหลังจากปล่อยให้ผมพูดอะไรไปนาน
ผมส่ายหน้า “พูดเถอะ  ปัญหาเมื่อมันเกิดขึ้นมา เราเอาไปซุกไว้มันก็ไม่ได้หายนะ มันก็ยังอยู่ตรงนั้นแหละ รอเวลาให้เรามาแก้หรือไม่ก็รอเวลาให้มันระเบิดออกมาอีกที แล้วเราจะเลือกแบบไหนดีล่ะ รึมึงว่าไง”

ผมพูดจบใหญ่กลับหัวเราะ “เดี๋ยวนี้มึงชักมีคำคมเยอะมากขึ้นไปทุกทีแล้วนะ มึงจะพูดให้โดนใจกูไปถึงไหน แค่นี้มึงก็โดนใจกูไปเต็มๆแล้วนะ”มันพูดจบก็ทำท่าเขินไปเอง
ผมอมยิ้มแล้วบอกมันว่า “มึงก็ใช่ย่อย จะพูดจาหยอดกูไปถึงไหน แค่นี้มึงก็เข้ามาอยู่เสียเต็มใจกูไปหมดแล้ว”  ผมก็เขินนะไม่ใช่ไม่เขิน

เราทั้งคู่มองหน้ากันแล้วยิ้ม กลั้นหัวเราะเอาไว้แล้วที่สุดก็ทนไม่ไหวระเบิดเสียงหัวเราะออกมา บรรยากาศที่เราคุยกันเครียดๆมันเปลี่ยนไปทันทีครับเมื่อเราหัวเราะขึ้นมา ถ้าผมสนใจคนอื่นที่นั่งอยู่ในร้านอาหารผมคงอายครับเพราะเราสองคนทำอะไรแปลกๆกันมากมาย เดี๋ยวจับมือ เดี๋ยวจับแก้ม เดี๋ยวทำหน้าเคร่งเครียด แล้วก็หัวเราะ อารมณ์เปลี่ยนไปไม่นิ่งจริงๆครับ  เค้าจะว่าเราเพี้ยนกันรึเปล่าเราก็ไม่รู้

แต่บังเอิญผมไม่สนใจใครจริงๆ ตอนนี้ผมสนใจและแคร์แค่สายตาใหญ่คนเดียวเท่านั้น “กูว่าเราเลิกหวานกันเถอะ เดี๋ยวจะคุยเรื่องนี้กันไม่จบ กูอยากให้มันจบไปก่อน คราวนี้มึงจะหวานจะหยอดใส่กูยังไงเอาให้สุดโคตรไปเลยไม่ว่ากัน”
ใหญ่ยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย “โอเคมึงว่ามา”

“กูคิดว่าตอนนี้มึงก็ทำเป็นเฉยๆไปก่อน พ่อพูดมายังไงก็ฟังไม่ต้องไปเถียง ถ้าเค้ารบเร้ามากๆก็บอกไปเลยว่าขอใช้ชีวิตแบบนี้ไปก่อน ยังหวงชีวิตโสดอยู่”
“มึงคิดว่าวิธีนี้กับการที่เราจะบอกพ่อเรื่องของเราไปตรงๆอย่างไหนจะดีไปกว่ากัน”ใหญ่ถามผมขึ้นมาอย่างจริงจัง  ผมเลยเริ่มกลับมาเครียดอีกครั้ง

ใหญ่พูดต่อไปว่า“มึงคิดว่าพ่อกูเค้าจะยอมให้กูยื้อไปแบบนี้ได้นานแค่ไหนกัน กูยื้อได้กูก็เครียดนะเว้ย มันเหมือนกูกำลังดื้อกับพ่อ ซึ่งกูไม่ใช่ไง  กูไม่เคยต่อต้านความคิดพ่อแม่”
ผมฟังมันพูดแล้วก็ถอนหายใจ  ใหญ่เสริมต่อว่า“พ่อกูเค้าเป็นพี่เป็นพ่อมาตลอดชีวิต เค้าตัดสินใจให้ทุกคนในทุกเรื่อง การที่เราจะเปลี่ยนความคิดของเค้าได้มันไม่ง่ายเลยนะฝัน”

ผมเอื้อมมือไปกุมมือให้กำลังใจ  ใหญ่หงายมือมาบีบมือผมกลับ “กูรู้ว่าพ่อรักกู ทุกอย่างที่เค้าพูดก็เพราะรัก แต่มึงก็รู้ว่าเรื่องอื่นกูไม่ว่า...”ตาใหญ่เริ่มคลอด้วยหยาดน้ำตา ใช่ครับ...มันกำลังจะร้องไห้ เสียงของมันสั่น
“แต่เรื่องนี้กูไม่ไหวจริงๆ” น้ำตาใหญ่ร่วงอาบแก้มแต่มันรีบป้ายน้ำตาทิ้งไปทันที

“แค่กูต้องอยู่ไกลมึงขนาดนี้ทั้งที่เรารักกัน”ใหญ่พูดต่อแล้วมองหน้าผม มันเหลือบตามองไปด้านบนเหมือนคิดว่าน้ำตาจะไม่ไหลลงมาอีกได้เมื่อทำอย่างนั้น   
“แค่นี้กูก็เจ็บปวดใจมากพอแล้ว แต่ถ้ากูต้องแต่งงานไปกับใครสักคน กูจะมีหน้ามารักมึงได้อีกเหรอ”ใหญ่ก้มหน้านิ่งผมเห็นหยดน้ำตาร่วงลงมาอีก มันร้องไห้ต่อจนได้

ผมลุกขึ้นเดินมานั่งข้างๆมันทันทีแอบเอามือเช็ดน้ำตาของตัวเองทิ้งไป ฝืนยิ้มให้ใหญ่กอดไหล่มันแล้วตบไหล่เบาๆ
“มึงรักกูได้สิ  ต่อให้มึงไปมีใครมึงก็ต้องรักกูนะ สัญญาสิใหญ่”ผมพูดออกมาแบบนี้แล้วกลับแทบน้ำตาร่วงเสียเอง เพราะแค่คิดว่ามันจะไปมีใครคนอื่นผมก็ทนไม่ไหว

ใหญ่เงยหน้าขึ้นมาถามผมทั้งน้ำตาว่า “เรามาถึงทางตันแล้วใช่ไหมฝัน”
ผมเงียบงันไปผมจะตอบว่าอะไรดีเพราะบางขณะผมก็คิดเหมือนใหญ่ หรือว่าเรามาถึงทางตันแล้วจริงๆ

*************************
โอ๊ยยย!!!เครียดอีกแล้ว :serius2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 18-11-2009 22:40:50
^^
^^
ขอจิ้มหน่อยครับ

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึก ตึง ๆ ตัน ๆ ยังไงไม่รู้

ทั้งที่ต้องหวานจน  :pighaun: แต่ก็อย่างว่าแหละ

+1 เป็นการให้กำลังใจ นะครับ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: PAN@DA ที่ 18-11-2009 23:00:10
กำลังหวานอยู่ดี ตอนท้ายดันออกแนวเศร้าอีกแล้วอ่ะ

เอาใจช่วยฝันกับใหญ่ ให้เจอทางออกที่ดี  ไม่อยากให้จบเศร้าเลย เครียด :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 18-11-2009 23:07:38
 :m29:หวานได้ไม่ทันไร...เครียดได้อีก :z3:
เชื่อนะว่าทุกปัญหามีทางออก แต่ความกล้าที่จะบอกความจริงนั่น
จะมีอยู่รึป่าวก็นะ้ด้วยความเป็นผู้นำครอบครัวไม่เคยนอกลู่นอกทางของนุ้งใหญ่
พ่อก็อยากจะขีดเขียนให้เดินได้อย่างใจสั่งมาตลอดถ้ามาเจอไม้ตายแบบนี้จะตัดพ่อตัดลูกป่าวฟ่ะ
มันคงมีอะไรดีกว่านี้ถ้าได้พูดได้บอกไปตรงๆอ่ะคะ... :เฮ้อ:

+1 จัดให้คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 18-11-2009 23:36:38
ตอนนี้อ่านแล้วออกแนวเครียดเนอะ
เฮ้อ  หนทางยังอีกยาวไกล 
งืมๆๆ สงสารใหญ่กะฝัน
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 19-11-2009 14:07:25
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
เพียงแต่เมื่อบอกไปแล้ว จะยอมรับความจริงกันได้หรือเปล่าเท่านั้น
ใหญ่ ฝัน สู้ๆนะ  ขอให้มีหนทางไปต่อที่ดีๆด้วยเถอะ
บวก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 19-11-2009 14:31:08
แอบเครียดแทนทั้งคู่  :เฮ้อ:

เอาใจช่วยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 19-11-2009 16:58:41
 :เฮ้อ: เครียดไปกะทั้งคู่ด้วยเหมือนกัน

ความรัก หนอ ความรัก หุหุ

ค่อยๆผ่านไปทีละเปราะนะคับ ขอเพียง

แค่สองคนมั่นคงในความรักที่มีให้กัน

ครูน้ำก็เป็นอีกด่านนึงที่ต้องผ่านก่อนถึงพ่อของใหญ่

ควรจะคุยกะครูน้ำให้รับรู้ถึงความจริงข้อนี้ก่อน

ว่าใหญ่มีคนรักอยู่แล้วคือฝัน ครูน้ำน่าจะรับได้

เมื่อครูน้ำรับได้และเข้าใจ ด่านพ่อ อาจจะง่ายขึ้นนะคับ  o18
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 19-11-2009 17:51:04
เอาใจช่วย นะใหญ่ ฝัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 19-11-2009 20:52:20
เฮ้ยยย มันยังไมาถึงทางตันจริงๆ ไม่ใช่เหรอ ทำไมฝันถึงดูเหมือนถอดใจแบบนี้ 

 :seng2ped: :seng2ped:

อย่างน้อยก็เป็นผู้นำไม่ใช่เหรอ เฮ้อออออ เหมือนจะยอมแพ้ง่ายๆ  แล้วปล่ิอยใหญ่ไปซะงั้น 

ทั้งที่ยังไม่ลอง ไม่พยายามเลย ทำไมไม่คุยกันล่ะ

เรื่องที่คุยกับแม่ฝัน  แม่ฝันก็ไม่ได้กีดกันไม่ใช่เหรอ  เหลือแค่ทางพ่อใหญ่ 

ซึ่งมันอาจจะรับได้ยากหน่อย  แต่ใช่ว่าไม่ได้ไม่ใช่เหรอ  พยายามกันถึงที่สุดรึยัง ว่าทั้งสองรักกันจริง  และพร้อมจะฟันฝ่าเคียงข้างกัน

แสดงให้พ่อใหญ่เห้นรึยัง ว่าสามารถดูแลปกป้องใหญ่ได้   มันยังไม่ที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ

แล้วนี่จะให้มั่นใจได้ไง ว่าจะฝากฝังได้ เพราะอุปสรรคมาแค่นี้ เริ่มต้นก็ถอดใจแล้ว 

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-11-2009 21:14:42
เฮ้อ ปัญหามันมีมาให้แก้ หาทางแก้กันก่อนดิ อย่าเพิ่งพูดอะไรตัดกำลังใจกันแบบนี้ แอร๊ยยยยยยย   :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๖๓๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๖๓๖
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 20-11-2009 12:51:21
ให้กำลังใจกันและกัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๗๓๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๗๓๗
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 21-11-2009 14:31:58
มาต่อแล้วค่ะ ขออภัยในความล่าช้า
********************
(ตอนที่ ๓๗)

เราสองคนนั่งเงียบๆต่างใช้ความคิดกันต่อไป ใหญ่หยุดร้องไห้ไปแล้วยังนั่งซึมนิ่งไม่พูดอะไรอีก  ในที่สุดผมไม่อยากให้ความอึดอัดนี้มีอยู่ต่อไปอีก ถ้าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ผมยังจำได้ถึงความรู้สึกกดดันในตัวเองก่อนที่ผมจะยอมรับว่ารักใหญ่ว่ามันทรมานแค่ไหน   แต่เมื่อผมรู้ใจตัวเองและสารภาพกับใหญ่ไปมันเป็นความสุขอย่างที่ผมไม่เคยมีมาก่อน  บางทีการที่เรายอมรับความจริงอาจจะมีทางออกสำหรับเราก็ได้ การปิดหูปิดตาไม่สู้กับปัญหารังแต่จะทำให้เราทั้งคู่ทุกข์ใจ

เปรียบเหมือนกับเราติดอยู่ในเรือท่ามกลางพายุหนักจมอยู่กับความหวาดกลัว  มีทางเลือกให้เราคือสละเรือไปทั้งคู่แยกย้ายกันหนีตายไป  หรือเราจับมือเดินทางต่อไปด้วยกันถ้ามันจะต้องล่ม ก็ยังดีที่เราจะมีคนที่เรารักตายไปด้วยกัน  มันก็ไม่แน่ถ้าผ่านพายุไปแล้วเราอาจจะมีฟ้าสดใสที่รอเราอยู่ข้างหน้า ใครจะรู้...ฝั่งที่หมายของเราอาจจะอยู่หลังพายุลุกใหญ่นี้ก็ได้  ผมยังอยากที่จะมีความหวังนั้น ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ทางชีวิตของเราไม่มีทางตัน

“ถ้าพ่อมึงดื้อดึงเรื่องแต่งงานมากๆ มึงก็บอกพ่อไป ความจริงอาจทำให้พ่อเสียใจ มันอาจจะโหดร้ายกับพ่อแต่มันก็คือความจริง”
ใหญ่เงยหน้าขึ้นมาทันทีที่ผมหยุดพูด สีหน้ากังวลใจ“ถ้าพ่อไม่ยอมรับล่ะฝัน?”
ผมบีบไหล่มันเบา ส่งสายตาให้กำลังใจให้ใหญ่ “เมื่อมาถึงตอนนั้นเราค่อยแก้กันต่อไป คาดเดาไปก่อนก็เครียดเปล่าๆ”

ใหญ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยว่า “กูยอมรับว่ากูกลัว มึงจะอยู่เคียงข้างกูใช่มั้ยฝัน”ใหญ่หันมามองหน้าผมอีกครั้ง แววตาหวั่นไหวรอคอยคำตอบ
ผมส่งยิ้มให้มัน “แน่นอนที่สุด”  ผมเอื้อมมือไปกุมมือมันไว้แน่น

เราสบตากันนิ่งนาน ผมไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าใหญ่ได้ ผมคิดแต่เพียงอย่างเดียวชีวิตข้างหน้ามันไม่ง่าย แต่ผมก็จะไม่ยอมปล่อยใหญ่ไปง่ายๆโดยที่ผมยังไม่ได้แม้แต่ขยับตัวสู้ ถ้าไม่ติดว่าเราอยู่ร้านอาหารผมคงก้มลงไปจูบมันแล้ว บางทีอาจจะถึงเวลาที่เราควรจะได้อยู่กันส่วนตัวบ้างแล้ว

ผมกับใหญ่กลับออกมาจากร้านอาหารแล้วกลับบ้านห้าทุ่มกว่าแล้วครับ เมื่อผมถึงบ้านทุกคนในบ้านนอนกันหมดเพื่อเตรียมตัวตื่นแต่เช้าในวันพรุ่งนี้  ใหญ่เข้าไปอาบน้ำก่อนในขณะที่ผมซึ่งพยายามไม่คิดถึงปัญหาที่มี  แต่ใจมันกลับไม่ยอมปล่อยวางไปง่ายๆ ผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าใหญ่ออกมาจากห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่จนกระทั่งใหญ่วางมือลงบนบ่าผม

“มึงคิดอะไรอยู่ ไปอาบน้ำได้แล้ว” ผมสะดุ้งเล็กน้อยหันไปมองใหญ่ หน้าตามันดูสดชื่นขึ้นยิ้มกว้างมาให้ผม ผมส่งยิ้มกลับไปให้มันและผละไปอาบน้ำบ้าง เมื่อผมกลับมาใหญ่นอนตะแคงหันหลังให้ผมอยู่บนเตียง ห้องปิดไฟมืดเหลือเพียงแสงสว่างจากโคมไฟที่โต๊ะหนังสือ ผมสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้วกอดใหญ่จากข้างหลังกระซิบที่ข้างหูเบาๆ “หลับแล้วเหรอ”
ใหญ่พลิกตัวหันกลับมาซุกหน้าเข้ามาที่อกผม “อื้อ...ยังไม่หลับ นอนไม่หลับ”

ผมสอดแขนเข้าไปใต้คอใหญ่แล้วลูบหัวมัน “อย่าไปกังวลเลย เผชิญหน้ามันไป พูดกับพ่อด้วยเหตุผล แค่เรารักกันมันไม่ใช่ความผิดอะไรนะ”
ใหญ่กอดผมแน่นแหงานหน้ามามองผมแล้วว่า “อื้อ...กูรู้”

แสงไฟที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดยังพอทำให้ผมเห็นประกายแวววาวจากดวงตาของใหญ่ ผมก้มหน้าลงประทับริมฝีปากใหญ่เหมือนต้องมนต์ รสสัมผัสจากใหญ่ยังคงหอมหวานดึงดูดใจผมเหมือนเคย เหมือนเราเพิ่งรู้ว่าการที่เราห่างกันทำให้เราโหยหากันโดยที่เราไม่รู้ตัว เมื่อเราต่างต้องการกันและกันสิ่งต่างๆที่ดำเนินต่อไปจึงไม่มีคำทักท้วงจากปากของเราทั้งสองคน จนเมื่อเราสองคนต่างไม่มีเสื้อผ้าให้เกะกะระหว่างกันแล้ว ผมอยากสัมผัสแตะต้องร่างกายใหญ่ไปทั่ว มือไม้ผมซุกซนไปหมด  ใหญ่บิดตัวหนีแล้วพูดกระซิบด้วยเสียงแหบพร่าว่า “กูขอทวงสัญญา”

ผมยังซุกไซ้ไปทั่วร่างกายไม่ตอบอะไรจนใหญ่พูดซ้ำ “อื้อ...มึงลืมสัญญาแล้วเหรอ”
ผมเลื่อนไปจูบที่ปากมันเบาๆเหมือนอยากให้มันหยุดพูด “สัญญาอะไร?”แล้วก้มลงจูบกัดที่หูมันเบาๆใหญ่ยักคอหนีแล้วเอามือดันหน้าผมออก แต่ผมยังไม่ยอมผละไปง่ายๆแกล้งขบเม้มที่ติ่งหูจนมือใหญ่ที่ผลักผมอ่อนแรงลง

แต่ใหญ่ก็ยังไม่ลืมเรื่องสัญญาอะไรนั่น “สัญญาว่าจะยอมกูทุกอย่าง” เสียงใหญ่สั่นพร่า
ผมผงะออกมาทันทีแล้วจำใจถามออกไป “มึงจะให้กูยอมอะไร?”ผมแทบจะกลั้นหายใจรอคำตอบจากมันขออย่าให้เป็นอย่างที่ผมกลัวเลย
“มึงเป็นของกูนะ...” พอสิ้นเสียงใหญ่ผมได้แต่อุทานในใจ ‘กูว่าแล้ว’ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าใหญ่มันหมายความว่ายังไง
“มึงทำไมเงียบไป”ใหญ่ถามผมอีกเมื่อผมเงียบไปนาน
ผมหัวเราะฝืดๆตอบไปว่า “กูกำลังทำใจ”เตรียมพร้อมร่างกายด้วย ผมบอกตัวเองว่าเป็นไงก็เป็นกัน

“ถ้ามึงไม่อยาก ไม่ต้องก็ได้นะ”ใหญ่พูดเสียงงอนๆเมื่อผมพูดไปแบบนั้น มันผละจากตัวผมนอนหันหลังให้ ผมเข้าไปกอดมันทันที เนื้อตัวของเราแนบกันจนผมใจสั่นหวิวความต้องการของผมเพิ่มระดับขึ้นไปอีก  แต่ในเมื่อเรารักกันถ้าใหญ่ต้องการผมก็จะอดทน มันคงไม่ได้หนักหนาอะไรมั้ง ผมปลอบใจตัวเองแบบนั้น ทั้งที่มือผมเย็นเฉียบไปหมด เหงื่อเริ่มแตกพลั่ก
“กูยอมมึงแล้วไงล่ะ อย่างอนนะครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหวังว่ามันจะหายงอน ใหญ่ขยับมาจับมือผม “แล้วทำไมมึงมือเย็นขนาดนี้” มันไม่น่าถามผมเลย ผมจะตอบได้ยังไงว่าผมกลัว

“กูหนาว...แต่กูยอมมึงแล้ว  มึงต้องยอมกูด้วยนะ” ผมพูดเสียงอ่อยๆ ผมยังแอบมีข้อต่อรองครับ ไหนๆก็ไหนๆจะได้เสมอภาค ใหญ่มันก็มาต่างถิ่นคิดเสียว่าต้อนรับมันแล้วกัน เอื๊อก... แต่ใหญ่ไม่ตอบผมทันทียังเงียบอยู่ ผมขยับตัวแนบชิดมันมากขึ้นจนน้องชายของผมเริ่มมีปฏิกิริยาปวดไปหมด ใหญ่ก็ยังนิ่งเงียบ ถ้าผมรู้สึกไม่ผิดผมว่าใหญ่มันขยับตัวดันสู้มาที่ผมด้วยซ้ำ
เมื่อใหญ่ไม่พูดอะไรผมถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับน้องชายมันบ้างตอนนี้มันร้อนผ่าวไปหมดใหญ่ก็คงมีอาการเหมือนกันครับ  แต่ใหญ่มันกลับไม่ยอมเอามือมาปัดออกเสียงสั่นๆ “อื้อ...ทำอะไร”
“ทำ...รักไง”

ผมไม่พูดอะไรต่ออีกในเมื่อผมยอมมันแล้วแต่มันไม่ทำอะไรผมจะรีบช้าไปทำไมละครับ ผมขยับตัวเข้าหาใหญ่ทันที ใหญ่ไม่พูดอะไรจับมือผมที่กอดเอวมันไว้แน่นเมื่อผมเริ่มขยับตัวเร็วขึ้น “อื้อ....ฝัน”
ผมไม่ตอบครับตอนนี้ใจผมคิดอย่างเดียวที่จะครอบครองมัน มือผมรัดเอวมันแน่นขึ้นตามอารมณ์ในตอนนี้ ผมอยากส่งความรักของผมที่มีต่อมันผ่านทางร่างกายของเรา ใหญ่หันหน้ามาหาผม ผมจูบรับมันด้วยความรู้สึกรุนแรงทีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมยังเคลื่อนไหวร่างกายต่อไปจนเมื่อความรู้สึกของเราผ่านจุดสูงสุดไปในเวลาใกล้ๆกัน เราถึงกับหมดแรงไปทั้งคู่ ผมนอนแผ่หลาหายใจหอบ ใหญ่เองก็เหมือนกัน ผมหันไปมองหน้าใหญ่ที่หลับตาพักเหนื่อยแก้มแดงจัดถามมันสั้นๆว่า
“ดีมะ...”

มันไม่ตอบแต่เหวี่ยงหมัดมาทุบท้องผมเบาๆบอกว่า “ไอ้บ้า...” แล้วนอนหันหลังให้ผมอีก ผมหัวเราะในลำคออยู่คนเดียวไม่หยุด จนใหญ่มันหันหน้ามาส่งค้อนให้ผม “มึงขำบ้าอะไรวะ”
“กูแค่มีความสุข”ผมพูดเสียงเรียบนิ่ง ขยับตัวไปกอดมันอีกครั้ง  พักใบหน้าไว้ที่ซอกคอมันพูดข้างหูใหญ่
 “ที่ได้มีมึงให้กูกอดอยู่ตรงนี้”

ใหญ่กระชับอ้อมกอดผมแน่นขึ้นไม่พูดอะไร ผมซุกไซ้จูบมันไม่หยุดจนใหญ่ต้องบอกว่า “มึงหันหลังมั่งสิ”
ผมถึงกับผละออกทันที ผมนึกว่ามันลืมไปแล้ว ‘ทำไงดีวะกู’ ท่าทางผมจะหนีสัญญานี้ไปไม่ได้ ผมถามมันอีกครั้งทำเสียงสั่นสู้ ย้ำที่ใหญ่มันพูด “มึงเอาจริงเหรออ...”
ใหญ่อมยิ้มตาเป็นประกาย “เอาจริ๊งงง...”เหอๆ ซวยแล้วกู ผมขืนตัวหน่อยๆเมื่อใหญ่จับตัวผมหันหลังมันเอามือตบตูดผมเบาๆ แล้วบอกว่า “มึงก้นสวยว่ะ  กูชอบ” น้ำเสียงใหญ่ที่มันชมผมทำให้ผมหนาวมากกว่าจะปลื้มใจ

ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังผมเหมือนแกล้ง มันเอานิ้วไต่เป็นปูตามแนวกระดูกสันหลังผมไล่มาจนถึงร่องก้นทำเอาผมขมิบก้นด้วยความกลัว ขนลุกตั้งชันไปทั้งตัว ต้องบอกมันเสียงดังๆเหมือนโมโหว่า “มึงจะทำอะไรก็รีบๆทำ อย่ามาเล่น”   
แต่ใหญ่ไม่ยักโกรธมันเอาลิ้นมาเลียหูผมแล้วบอกผมว่าด้วยเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นเสียงของผู้ควบคุมเกมอย่างแท้จริง “จุ๊ๆ...อย่าดังไป  เดี๋ยวก่อนสิ กูยังอยากใช้เวลากับมึงนานๆ”

ผมตัวสั่นไปหมดเมื่อใหญ่ไม่ยอมหยุดแกล้งผม คราวนี้มันพลิกตัวผมนอนหงายแล้วจูบซุกไซ้ผมเหมือนที่ผมเคยทำให้มัน ผมว่ามันชักจะเก่งเกินครูไปแล้ว ผมนอนนิ่งๆไม่ได้เพราะร่างกายผมมันไม่ยอม ทุกครั้งที่ปากมันแตะไปตรงไหนผมก็สั่นไปหมด  มือไม้มันไม่อยู่นิ่งเปะปะไปทั่วเหมือนแกล้ง กลายเป็นว่าที่ผมทำกับมันเป็นแค่ออเดิร์ฟไปแล้ว ผมคงกำลังจะได้ชุดใหญ่จากฝีมือใหญ่แน่แล้ว  ฮือๆ

ใหญ่ทำใจกล้ามาแตะต้องน้องชายผมที่ทำท่าพร้อมจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อใหญ่เริ่มขยับมือผมก็ต้องบีบไหล่มันไว้แน่น มันพูดอีกว่า “มึงช่วยกูด้วยสิฝัน” ราวกับว่าตอนนี้มันบอกอะไรผมก็จะทำแล้วครับ ผมคว้าน้องชายมันขึ้นทันทีแล้วเริ่มช่วยมันบ้างในขณะที่อารมณ์มืดมัวเข้าครอบงำผมอีกครั้งจนผมใกล้จะไปถึงฝั่งใหญ่กลับหยุดไปเสียดื้อๆจนผมต้องถาม
 “มะ...มึงหยุดทำไม?”

ใหญ่ไม่ตอบแต่ขึ้นมานั่งบนตัวผม ดึงประคองตัวผมขึ้นมากอดแล้วกระซิบ ผมว่าหูมันแดงด้วยความอาย “กูอยากให้มึงเสร็จในตัวกู”
คำพูดของมันทำให้ผมแปลกใจมากที่สุด แต่ผมไม่มีเวลาถามอะไรอีกเมื่อใหญ่ค่อยๆประคองน้องชายผมแล้วกดตัวเองลงไป ใหญ่หลับตาพริ้มเม็ดเหงื่อซึมไปทั่วใบหน้า สีหน้าใหญ่ตอนนี้ช่างยั่วยวนใจผมจนแทบจะรอคอยไม่ไหว ผมส่งสะโพกตัวเองให้ขยับเพื่อให้ทุกอย่างมันดำเนินไปไวขึ้น แล้วรวบตัวมันเข้ามากอดผมบอกใหญ่ว่า “เราไปพร้อมกันนะ”

เรามองตากันแล้วจูบกันอีกครั้งหลังจากนั้นเราต่างขยับตัวกันไปทั้งคู่ เสียงครางของเราสองคนดังขึ้นมาในความเงียบ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน เวลาของเราผ่านไปอย่างช้าๆแต่เต็มไปด้วยความสุข
จนเมื่อเราหมดแรงไปทั้งคู่แล้วนอนกอดก่ายกันผมถามมันอีกครั้งว่า
“ดีกว่ามะ”
ใหญ่ตอบผมไม่เหมือนเดิมคราวนี้มันตอบผมเหมือนอายว่า “อืม...ดีกว่า”

ผมยิ้มจนเหมือนคนไม่เคยยิ้มมาก่อนมันหุบไม่ได้จริงๆ ผมจูบใหญ่ที่ขมับ ถามตรงๆว่า “ทำไมมึงไม่ทำกู”
ผมอยากจะคิดว่ามันทำไม่เป็นแต่ก็ไม่น่าใช่ ใหญ่ตอบผมว่า “กูแค่ลองใจมึง กูอยากรู้เท่านั้นเองว่ามึงจะยอมเพื่อกูรึเปล่า”
“แล้วถ้ากูไม่ยอมมึงล่ะ มึงจะทำไง”ไม่น่าเชื่อว่ามันแค่การลองใจเท่านั้น
ใหญ่พูดด้วยเสียงน่ากลัวว่า “กูก็ข่มขืนมึงสิ  ฮ่าๆ” ผมซีดเลยครับโชคดีที่ผมบอกว่าจะยอมมันไม่งั้นคืนนี้ผมคงต้องตกเป็นเมียมันไปแล้ว

ใหญ่พูดต่อว่า “ขอบใจมึงนะที่ยอมกู”
ผมกำลังจะบอกว่าไม่เป็นไรกูยินดีแต่มันก็พูดสวนขึ้นมาก่อน “ไว้วันหลังกูอยากลองจะบอกมึงอีกที หึหึ” ทำเอาผมรีบหุบปากเงียบขึ้นมาทันที ไม่พูดอะไรมากคงจะดีที่สุด
“กูรักมึงนะ” ใหญ่พูดลอยๆขึ้นมาอีกครั้ง
ผมตอบมันไปก่อนที่ผมจะหลับไปว่า “กูก็รักมึง...ใหญ่”
*****************
แอร๊ยยย :myeye: พี่ฟางสติแตกแต่งเรื่องนู้นไม่ออก
เลยมาเขียนเรื่องนี้ก่อน ทำไปได้นะเจ๊ :z1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๗๓๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๗๓๗
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 21-11-2009 14:48:18
 o18 :z1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๗๓๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๗๓๗
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 21-11-2009 21:04:12
ดีมากฝัน :กอด1:  เราเป็นผู้นำ 

ต้องสู้สิ  ยังไม่รู้ผล ยอมแพ้ก่อนได้ไง จริงไหม  อิอิ


คนอ่านเชียร์เต็มที่ o13

แหม นึกว่าจะเป็นเมียน้องใหญ่ซะแล้ว  กรากกกกกกกก

ยังรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อยู่


“กูอยากให้มึงเสร็จในตัวกู”
>> ไม่คิดว่าใหญ่จะกล้าเชิญชวนขนาดนี้  อ๊ากกกกกกก :haun4:

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๗๓๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๗๓๗
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 22-11-2009 02:28:43
 :mc4: บ๊ะเจ้าคนแต่งกรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
นุ้งใหญ่อยากจะออนท๊อปคระอั๊ยยยยยยยยยยยกรี๊ดดดดดดดด
มันต้องดีกว่าเมื่อกี้อยู่แล้ว อั๊ยยยยยยยยเสริฟ์เอาใจกันเข้าไป
กรี๊ดดดดดดดดนุ้งใหญ่ได้ใจที่ซู้ดดดดดดดดดด
วันหลังขอเจ้าฝันเลยนะ  :laugh: ไหนๆก็ไหนๆล่ะ หึหึไม่ให้จะข่มขืนเลยเรอะจะเปรี้ยวเกินไปหน่อยล่ะ :o8: :-[
แม่คุณทูนหัวเจ้าฝัน
+1 จ้า คนแต่งสุโค่ย
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๗๓๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๗๓๗
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 22-11-2009 07:38:17
ใหญ่น่ารักมาก :-[
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๗๓๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๗๓๗
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 22-11-2009 12:59:46
เรื่องนี้สนุกมากๆเลยค่ะ

ชอบๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๗๓๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๗๓๗
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 22-11-2009 15:51:33
 :-[ ช่างมีความสุขจริงๆเลยอะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๗๓๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๗๓๗
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-11-2009 16:02:07
ตอนนี้ถูกใจมากมาย มันต้องแบบนี้สิ ฝันต้องเป็นผู้นำครอบครัวที่ดี   :mc4:

แต่แอบ งง แล้วที่ผ่านมา ฝัน ไม่เสร็จในตัวใหญ่เหรอ หรือใส่ถุง หรืออย่างไง  :-[
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๗๓๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๗๓๗
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 23-11-2009 16:26:30
อ่านตอนนี้แล้ว  :pighaun:

+1 ให้คนแต่งแบ่งกับคนโพสนะครับ  :jul1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 26-11-2009 12:00:21
เหมือนเงียบเหงายังไงไม่รู้เนอะ  :t3:
*********************
(ตอนที่๓๘)

หกโมงเช้าวันรุ่งขึ้นผมกับใหญ่ตื่นไม่ไหวครับก็เมื่อคืนเราเล่นกันหนักไปหน่อย  แหะๆ จนหกโมงครึ่งแม่ต้องมาทุบประตูเรียก พวกผมเลยตาเหลือกรีบแต่งตัวกันอย่างไว ไม่ใช่อะไรครับ งานกั้นประตูเป็นความตั้งใจอย่างแรกของผมเมื่อรู้ว่าพี่ฝ้ายจะแต่งงาน  แล้วผมจะมาพลาดได้ยังไงครับ งานผ่านไปอย่างสนุกสนานผมได้มาหลายพัน ฮ่าๆๆ ไอ้ใหญ่เองก็ด้วยเพราะเรากั้นคู่กันอยู่ประตูหลังๆ แถมวิ่งรอกกันทุกประตู ไหนๆผมต้องเสียพี่สาวไปทั้งคนนี่ครับ ก็ต้องให้คุ้มกันหน่อย

ช่วงสายๆผมกับใหญ่ตัวเป็นเกลียวช่วยงานแม่แทบไม่มีเวลาคิดหรือคุยเรื่องอะไรเป็นส่วนตัวได้เลยครับ พอตกบ่ายงานจบรอแค่งานเลี้ยงตอนกลางคืนผมกับใหญ่ก็หมดแรงพอดี  นอนหลับกันเป็นตาย 

“ฝัน ตื่นเหอะสี่โมงกว่าแล้ว อาบน้ำแต่งตัวไปงานกันดีกว่า”ใหญ่มาเขย่าปลุกผมให้ลุกแต่ผมลุกไม่ไหวจริงๆครับนอนไปแค่สองชั่วโมงเอง ผมนอนกลิ้งตัวไปมาแต่ไม่ยอมตื่น
ใหญ่มาพลิกตัวผมอีกครั้ง ส่งเสียงเรียกกวนใจ“ตื่นๆ เดี๋ยวแม่ก็มาปลุกอีกรอบหรอก เมื่อเช้ายังอายไม่พอใช่ไหม โตแล้วยังต้องให้แม่มาเรียกอีก”
ผมยังไม่ยอมตื่นหันตัวหนีใหญ่ “มึงไปอาบก่อนดิ กูจะนอน”ผมโบกมือไล่มันไป
“กูเสร็จแล้ว”ใหญ่มันทำเสียงรื่นเริงจนผมอยากแกล้งครับ
ผมลืมตาทันที “อะไร...เสร็จได้ไง กูยัง...ไม่เสร็จเลย”ผมมองใหญ่ทำตาหวานเยิ้มใส่
ใหญ่มันกำลังจะโวยออกมา “ก็กู....ไอ้บ้าฝัน ลามก” ใหญ่มันหน้าแดงชกผมหลายหมัดเลยครับจนผมต้องคว้าหมัดมันไว้  ไม่งั้นผมคงเขียวไปทั้งตัว

“เจ็บนะ...เดี๋ยวเหอะเล่นแรงๆ  เดี๋ยวคืนนี้แรงคืนเลยนี่”ผมยื่นหน้าทำตาระยิบระยับใส่   แถมไล่จูบปากใหญ่แต่ใหญ่ก็หลบไวยังกับลิงลพบุรี
ผมแกล้งดึงตัวมันลงมานอนด้วยจนได้ เราเลยนอนกอดกันอยู่อย่างนั้น ผมลูบแก้มใหญ่นอนมองหน้ามันเพลินๆ
“เหนื่อยมั้ย ช่วยงานทั้งวันเลย” ผมซึ้งใจที่มันมาไกล มาช่วยงานผมแท้ๆเลย แทนที่จะมาเป็นแขกสบายๆ
ใหญ่ส่ายหน้า “ไม่เหนื่อย สนุกดี กูชอบงานมงคลแบบนี้”
ผมกระชับอ้อมกอดมันแน่นแล้วถามคำถามที่ไม่อยากถามเลย “มึงกลับวันไหน อยู่นานๆได้ไหม”
ใหญ่ซุกตัวเข้ามาในอ้อมกอดผมบอกเสียงอ่อยๆ “กูก็อยากอยู่ แต่เป็นห่วงที่บ้าน พรุ่งนี้กูบินกลับตอนเที่ยงๆ”ผมจูบใหญ่ที่หน้าผาก
“มึงเหนื่อยแย่เลย เดินทางอย่างกับต่อรถเมล์เลยนะมึง” แค่คิดว่ามันต้องจากไปอีกผมก็โหวงๆในอก เศร้าใจที่เราจะต้องอยู่ห่างกันแบบนี้ เจอกันก็ได้เพียงเวลาสั้นๆ
“กูเต็มใจ ทีมึงยังไปหากูอย่างกับขึ้นวินมอไซด์ หึหึ” ผมหัวเราะ ใหญ่มันไม่ยอมแพ้ผมจริงๆ ต้องหาทางย้อนคืนจนได้
  “ยอกย้อนนักนะ เจ้าปากนี่”ผมลงโทษมันด้วยการจูบแรงๆ เราควานหาความหวานจากปากของกันและกันจนหายใจแทบไม่ทัน ใหญ่ต้องผลักตัวผมออกห่างเมื่อผมเริ่มกอดก่ายมันแน่นไปทุกส่วนของร่างกาย

“พอแล้วฝัน เรายังมีงานนะ”ผมต้องผละจากใหญ่อย่างเสียดาย นอนเอามือปิดตาแล้วยิ้มอยู่คนเดียว แล้วหัวเราะออกมาดังๆ
“มึงบ้าไปแล้วรึไง หัวเราะไรวะ”ใหญ่มันถามผมอย่างโมโหเหมือนผมขำแล้วไม่แบ่งมันยังงั้นแหละ
ผมหันไปนอนตะแคงเท้าคางมองหน้ามัน “กูแค่คิดเล่นๆว่า...” ผมหยุดพูดไปดื้อๆ
“ว่า...?”ใหญ่มันรอไม่ไหวจนต้องย้อนคำถามผมซ้ำ
 แต่ผมก็เงียบอีกใหญ่เลยพูดอีก “ว่าอะไรเล่าไอ้บ้าเอ๊ย...”

ใหญ่มันงอนที่ผมแกล้งจะลุกหนี  ผมต้องรีบดึงมือมันไว้  แล้วรีบเฉลย “ว่า...เราน่าจะเป็นคู่แต่งงานนะ จะได้เข้าหอเลย”
ใหญ่มันหน้าแดงหันมาค้อนผมแล้วบอกว่า “มึงนี่นับวันยิ่งเพี้ยน...”ใหญ่แกะมือผมออกแล้วเดินออกจากห้องไปแต่ยังไม่วายมาเร่งผมอีก “เร็วๆเข้านะกูจะไปรอข้างล่าง มันแต่คิดอะไรบ้าๆอยู่ได้”
ผมมองตามมันไปแล้วยิ้ม มีความรัก มีคนรักมันดีอย่างนี้เอง

งานเลี้ยงช่วงกลางคืนไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดครับ เนื่องจากเป็นงานค็อกเทล ผมกับใหญ่เลยเดินคุยเล่นไปเรื่อย ญาติผู้ใหญ่ต่างถักผมเกรียวกราว คำถามยอดฮิตคือ “เมื่อไหร่ฝันจะแต่งงานบ้าง” ผมได้แต่หัวเราะแหะๆแล้วลากไอ้ใหญ่ออกไปจากวงสนทนานั้น แรกๆผมกับใหญ่ก็ขำๆครับ เหมือนตลกผู้ใหญ่ที่มาแซว แต่เมื่อเจอคำถามบ่อยๆเข้า แล้วเป็นคำถามแบบเดิมๆ ใหญ่มันเริ่มหน้างอแล้วครับ ผมก็เริ่มหงุดหงิด ทำไมทุกคนต้องมาถามเหมือนแกล้งผม  ผมเลยลากใหญ่กลับบ้านก่อน แม่จะว่าผมก็ยอมแล้วครับ

เราตัดสินใจไปหาที่นั่งดื่มกันต่อสองคน ใหญ่ถามผมว่าทำไมผมไม่เรียกหนุ่ยมาด้วย  ผมจะเรียกมาทำไมล่ะครับ
“กูอยากอยู่กับมึงสองคนมากกว่า เอามันมาทำไมพูดมากจะตาย”
ใหญ่หัวเราะ “มึงปากจัดนะ พี่เค้าออกจะคุยเก่ง คุยสนุกด้วย”
“นั่นแหละ ยิ่งร้ายใหญ่ เดี๋ยวมาขโมยซีนกู  เดี๋ยวมึงไปหลงเสน่ห์มันอีกคน ยุ่งตาย” พอพูดจบ
ใหญ่มันเหยียบเท้าผมทันทีแล้วแยกเขี้ยวใส่ “ปากเสียเรื่อยนะมึง”

จากนั้นเราคุยกันทุกเรื่องสัพเพเหระจนเหมือนไม่มีเรื่องไหนที่เราไม่ได้พูดคุยกัน  แต่ก็เหมือนมีเรื่องมากมายที่เรายังอยากคุยอีก แล้วก็อีก แล้วก็อีก จนเมื่อใหญ่มันเริ่มหาวผมมาดูเวลาตีหนึ่งกว่าแล้วครับ ถึงแม้ผมกับใหญ่จะดื่มกันไม่มากแต่ต่างก็มึนๆกันไปไม่น้อย เรากลับไปถึงบ้านแม่ปิดไฟนอนเงียบแล้วครับ ผมกับใหญ่ค่อยๆเดินย่องขึ้นบ้านกลัวแม่ตื่นมาต่อว่าที่เราแอบหนีออกมาจากงานแล้วยังกลับดึกอีก
“กูรู้สึกผิดกับแม่มากเลยว่ะ แทนที่มึงจะได้อยู่ดูแลแกกลับมาพามึงหนีเที่ยวอีก  บาปกรรมจริงๆนะกู”ใหญ่มันต่อว่าตัวเองจนผมชักคล้อยตาม แต่จะไปยอมรับผมก็ผิดด้วยสิครับเลยต้องพยายามปลอบใจมัน
“แม่เค้าไม่ว่าหรอก เค้ารู้ว่านานๆมึงมาที แล้วกลางวันเราก็ช่วยแกเต็มที่แล้ว มึงก็รู้แม่กูใจดีจะตาย มึงไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

ใหญ่พยักหน้าหงอยๆผมเห็นมันซึมไปอีกครั้งไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ “มึงอย่ากังวลเรื่องนี้เลย  กูง่วงแล้ว เราไปอาบน้ำกันดีกว่านะ”ผมจูงมือมันไปที่ห้องน้ำ มันก็เดินตามมาครับจนผมปิดประตูลงกลอน ใหญ่ถึงกับสะดุ้งโหยงโวยขึ้นมา
“เฮ้ย!มึงทำอะไร มึงจะอาบก็อาบไปก่อนสิ  กูรอข้างนอก” ใหญ่หันหลังจะเดินออก แต่ผมรีบดึงตัวมันไว้รวบมากอดแล้วบอกว่า
“ดึกแล้ว อาบด้วยกันนี่แหละ จะได้ไม่ต้องรอกัน จะได้นอนไวๆ” ใหญ่ส่ายหน้าแล้วดิ้นจะออกไปท่าเดียว
ผมต้องย้ำอีกว่า “กูสัญญาว่าอาบน้ำจริงๆ นะกูอยากอาบกับมึง  มึงจำได้ไหม ตอนเราอยู่ปีหนึ่งที่เราไปรับน้องแล้วพี่เค้าบังคับให้เราอาบน้ำด้วยกันหมดทุกคน แล้วมึงโวยวายไม่ยอม กูโคตรประทับใจเลยว่ะ”

ใหญ่พยักหน้า ใบหน้านึกถึงความหลัง “จำได้สิ ไอ้พี่หมึกแม่มกวนตีน บังคับกันอยู่ได้ พอกูไม่ยอมมันก็ไม่เห็นว่าไรนี่หว่าเรียกไปกินเกล้าด้วยกันอีก หึหึ  นึกแล้วก็ตลกดี เอ๊ะ...แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยที่มึงจะมาอาบกับกู”
ซวยเลย...ใหญ่มันดันไม่หลงกลผม มันเปิดประตูแล้วครับจะออกไปผมเลยกอดมันอีกที ขอร้องมันดีๆอีกครั้ง
“อาบน้ำด้วยกันเถอะ มันไม่มีเหตุผลหรอก กูแค่อยากอาบกับมึงสักครั้ง...นะใหญ่”

พอเจอผมอ้อนแบบนี้ใหญ่มันเงียบเลยครับ แต่มันใจอ่อนปิดประตูห้องน้ำลงใหญ่ยืนนิ่งอยู่นานจนผมเริ่มถอดเสื้อผ้าออกใหญ่ถึงเริ่มถอดบ้าง เราต่างไม่พูดอะไรครับ ผมก็ไม่รู้เหตุผลลึกๆว่าทำไมผมถึงอยากทำแบบนี้ก็แค่...อยาก
ผมเปิดฝักบัวอาบน้ำจนตัวเองจนเปียก  ใหญ่ยังยืนอยู่ห่างๆจนผมต้องเดินมาจูงมือมันไปแล้วเปิดน้ำใส่ตัวมันบ้าง ใหญ่มันอุบๆอิบๆหน้าแดงพูดว่า
“กูไม่ใช่ต้นไม้มึงไม่ต้องมารดน้ำกู”ใหญ่มันดึงฝักบัวไปจากมือผมบอกผมว่า
“กูอาบเองได้”

ผมขำแต่ก็ปล่อยให้ใหญ่มันอาบน้ำไป ผมฟอกสบู่ตัวเองแล้วส่งสบู่ให้มันบ้าง  ใหญ่มันก็รับไปเงียบๆ  เราต่างคนต่างอาบจริงๆครับเหมือนมาใช้ห้องน้ำร่วมกันมากกว่า จนใหญ่อุตริล้างหน้าในขณะที่ผมอาบน้ำอยู่ไม่ทันได้มอง
“ฝันขอน้ำล้างหน้าให้กูหน่อยสบู่เข้าตาแสบว่ะ”
ผมหัวเราะ “ไม่ให้ อยากได้มึงก็หากูให้เจอสิ”ใหญ่ไม่กล้าลืมตาครับทำตาหยีเพราะแค่นี้ก็คงแสบพออยู่แล้ว
“ฝันอยู่ไหน?” ใหญ่ควานหาผมเหมือนคนตาบอด แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ผมหัวเราะวิ่งหนีไปมาอยู่รอบๆกายมันจนผมนึกสงสาร
 “ฝันกูแสบตาจริงๆนะ มึงอยู่ไหน”

จนในที่สุดใหญ่มันก็หยุดนิ่งเหมือนจะงอนผมที่แกล้งไม่เลิก  ผมคว้าตัวมันไว้ได้พอดีแล้วกอดเอวมันไว้  ผมฉีดน้ำใส่หน้าใหญ่แล้วค่อยๆลูบไล้ล้างสบู่บนใบหน้าใหญ่ไปด้วย ผมถามใหญ่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ไหนแสบจริงๆเหรอ”
ใหญ่กะพริบตาก่อนเปิดเปลือกตาช้าๆเราประสานสายตากัน  ผมยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าแล้วก้มลงจูบใหญ่อย่างอ่อนหวาน  มือใหญ่เกาะบ่าผมไว้แน่น  จนเมื่อผมถอนริมฝีปากออกไปใหญ่ทำตาลอยเหมือนฝัน สีหน้ามันตอนนี้น่ารักมากๆครับ ผมถามมันว่า
“หายแสบตารึยัง”
ใหญ่พยักหน้า “หายแล้ว มึงแกล้งกูอีกแล้วนะ ไอ้บ้า” ผมหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วรวบตัวมันมากอดอีกครั้ง
“แกล้งไว้ก่อนแล้วค่อยปลอบไง”

กว่าเราจะออกมาจากห้องน้ำได้ ก็ดึกมากแล้วครับ ผมกับใหญ่เพลียจนเมื่อหัวถึงหมอนก็หลับไปอย่างรวดเร็วในอ้อมกอดของกันและกัน
 เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ผมกับใหญ่นอนกันสบายๆไม่มีใครยอมลุก  จนแม่มาเคาะประตูปลุก “ฝัน ใหญ่ ตื่นรึยังลูก มากินข้าวกัน”
“คร๊าบบบ...แม่” ผมตะโกนตอบแม่ไปแต่ก็ยังนอนนิ่งๆ

ผมนอนบิดขี้เกียจอย่างสบายใจ นอนมองหน้าใหญ่ที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดผม แล้วกระชับอ้อมแขนแน่น ผมนอนนึกถึงคำสอนของผู้ใหญ่เรื่องการใช้ชีวิตคู่  ในงานแต่งงานมีผู้ใหญ่มากล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวนอกจากจะให้ข้อคิดคู่บ่าวสาวแล้วยังกระทบใจผมอย่างแรง
ท่านกล่าวว่า ‘การใช้ชีวิตคู่ต้องใช้ทั้งความรักและความอดทน เมื่อแรกรักกันทุกอย่างก็ดูสวยงามไปหมด แต่เมื่อเราเข้าสู่การใช้ชีวิตคู่กันแล้วก็ต่างต้องมีปัญหาหรืออุปสรรค  เราทั้งคู่ต้องใช้เหตุผล ความเข้าใจ การให้อภัย และใช้ความรักช่วยกันประคับประคองให้นาวาแห่งรักดำเนินไปอย่างราบรื่น’

ผมมาได้คิดว่าถ้าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ผมแค่อยู่ตรงนี้คอยเป็นกำลังใจให้ใหญ่ คอยสู้กับปัญหาไปด้วยกันน่าจะดีที่สุด เครียดหรือกังวลไปถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา เปลืองเหล้า เปลืองพาราเปล่าๆ
“คิดอะไรอยู่ฝัน” ใหญ่ลืมตานอนมองหน้าผมมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่เสียงของมันก็ทำให้ความคิดผมกลับมาที่ร่างกายอบอุ่นที่อยู่ตรงหน้า ใหญ่เอื้อมมือมาจับแก้มผมและแปะฝ่ามือไว้อยู่อย่างนั้น ผมประกบฝ่ามือกุมมือมันไว้อีก
“คิดถึงมึงไง”
“คิดเรื่องอะไรล่ะ?”
“อยากให้มึง กลับไปอย่างมีความสุขนะใหญ่ ไว้กูจะเขียนจดหมายไปหา”
ใหญ่เงยหน้ามายิ้มให้ผมแล้วพยักหน้า “อืมมม...กูพร้อมแล้วชาร์จแบตกลับไปเต็มแล้วนี่”
เรายิ้มให้กำลังใจกันและกัน ชั่วขณะหนึ่งผมรู้สึกราวกับว่าผมกับใหญ่ก็เป็นคู่แต่งงานอีกคู่เหมือนกัน   
******************************
หวานกันต่อเนื่องไป :give2:




หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 26-11-2009 12:39:12
 :o8:

เขินน

แต่ต้องจดหมายอีกแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 26-11-2009 13:37:58
อ๊ากกกกก


เขิล ๆ 

น้ำเชื่อมล้นเเก้วเลย

 :-[ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 26-11-2009 13:39:19
ให้กำลังใจกันและกันบ่อยๆนะคับ ฝันกะใหญ่

 :n1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 26-11-2009 14:47:02
หวานและน่ารักเป็นที่สุด ชิงส่งตัวก่อนพี่สาวตัวเองสินะเจ้าฝัน
แหม.......ทั้งอบอุ่นและโคดจะหวาน

+1 คะ มีกำลังใจแล้วนะน้องใหญ่ สู้ต่อไป
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 26-11-2009 23:09:55
คู่นี้เค้าหยอกกันน่ารักเนอะ :o8:

มีทะลึ่ง ออกมาให้กระชุ่มกระชวย  อุอุ  ชอบๆๆ

ฝันอยากแต่งงานเหรอ อิอิ  รู้สึกจะเข้าหอไปแล้วนะ 

ทำเอาหมดแรงเลยนะนั่น   :m20:

ชอบฉากที่ฟองสบู่เข้าตาใหญ่แล้้วฝันล้างให้อ่ะแล้วจุ๊บ  กรี๊ดดดด  :m25:

+1 ค่ะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-11-2009 00:01:25
อ้างถึง
“ฝันอยู่ไหน?”
อ่านประโยคนี้ แล้วแอบใจหาย

อ้างถึง
“แกล้งไว้ก่อนแล้วค่อยปลอบไง”
เดี๋ยวก็ไม่มีคนให้แกล้งแล้ว แยกกันอีกแล้วคู่นี้ กำลังหวานเลย

เฮ้อ คู่นี้มันจะลงเอยกันแบบไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 27-11-2009 16:20:52
ตอนแรกนึกว่าไม่มาต่อเลยเพราะมัว งง หัวทู้   เพราะใช้เลขไทย  แบบไม่คุ้นคุ้นกะ แบบว่า up วันไหน  (เลขอารบิค)

นี่เกือบไปแระ เกือบพลาด  ความหวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน 



จุ๊บๆๆ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 27-11-2009 16:42:55
ตอนนี้หวานเป็นกำลังใจกันไว้ก่อน
กลัวว่าอีกไม่นานจะมีความขมมาเจือแน่ๆเลย
บวก 1 แต้ม ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 27-11-2009 17:19:57
ชอบเรื่องนี้จังเลย   o13

หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๘๓๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๘๓๘
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 28-11-2009 15:48:38
สองตอนรวด อิอิ
หวานหยดมดกระจาย
รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 28-11-2009 21:32:54
มาต่อกันเลยค่ะไม่รู้จะขมหรือจะหวาน :L2:
******************
(ตอนที่๓๙)

ใหญ่กลับไปหลายวันแล้ว แต่ผมก็ยังฝันหวานนอนคิดถึงมันอยู่ทุกคืน ไม่มีเสียงโทรศัพท์มาจากมันตามเคย ผมหวังแค่ว่าสถานการณ์ทางเชียงใหม่จะไม่แย่จนมันทนไม่ไหว หลังจากพี่ฝ้ายแต่งงานไปผมก็พยายามลดการเที่ยวให้น้อยลงใช้เวลากับแม่มากขึ้น ถ้าไม่ติดเรียนจริงๆผมเลิกงานแล้วก็จะตรงดิ่งกลับบ้านทันที ถึงแม้ว่าพอกลับมาแล้วบางครั้งกลายเป็นว่าแม่ออกไปเที่ยวข้างนอกเสียแบบนั้น แต่ผมไม่คิดอะไรเพราะถ้าแม่ยังมีแรงเที่ยวอยู่ได้ผมยิ่งยินดีเสียด้วยซ้ำ แต่เวลาที่กลับมาบ้านแล้วไม่มีใครอยู่มันเหงานะครับ

ถ้าเป็นแต่ก่อนผมก็หาอะไรทำไปเรื่อยดูหนังฟังเพลง  อ่านหนังสือ เล่นคอมแล้วก็นอน  แต่พอมีใหญ่มาอยู่ในความคิด ใจผมมันก็คอยแต่จะคิดถึงมันบ่อยๆจนผมรู้สึกว่า  มันอยู่ใกล้ๆผมนี่เอง ผมว่าเวลาเราเหงาเพราะเรามีคนรักแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน  มันรุนแรงกว่าเราเหงาเมื่อเรายังไม่มีใครนะครับ  มันคงมีความคิดถึงมาบวกเพิ่มเข้าไปอีก
ผมเหงาจนต้องลุกขึ้นมาเขียนจดหมายหาใหญ่

ใหญ่...ที่คิดถึง

กูคิดถึงมึงจริงๆนะ ไม่ได้แค่ขึ้นต้นให้มันดูหวานเท่านั้น   เตียงนอนกูมันเย็นเฉียบเมื่อไม่มีมึงนอนอยู่ข้างๆ แล้วมึงล่ะคิดถึงกูบ้างรึเปล่า อีกไม่กี่เดือนกูจะสอบแล้วคงไม่มีเวลาเขียนจดหมายมาหามึงได้บ่อยๆมึงเข้าใจกูนะ  แต่ถึงไม่มีจดหมายไปกูก็ไม่ลืมคิดถึงมึงหรอกมึงวางใจได้

 มึงเงียบหายไปเลยนะ กูหวังว่าทางนู้นคงไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงนะ  ถ้ามีอะไรก็ใจเย็นๆใช้สติค่อยๆคิด  มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าที่เราต้องอยู่ไกลกันแบบนี้แล้วล่ะ  วันก่อนพี่ฝ้ายเอารูปวันแต่งงานมาให้ดู กูเลยส่งรูปมาให้มึงด้วย  มีรูปคู่ของเราด้วย  มึงรู้ไหม นี่เป็นรูปคู่ใบแรกนับตั้งแต่เราเป็นแฟนกัน มึงชอบรึเปล่ากูไม่รู้ แต่กูชอบมาก...
มึงดูแววตาเราสิแล้วจำความรู้สึกนั้นไว้นะ มันจะเป็นกำลังใจให้เราสองคนฝ่าอุปสรรคที่เข้ามา

 วันนี้กลับมาบ้านเงียบมาก  แม่ไปวัดที่ต่างจังหวัดกับเพื่อนเค้า    ดูแล้วแม่ทำใจที่ต้องอยู่คนเดียวได้ดีกว่ากูอีก เค้าหาอะไรทำได้ตลอดเวลา กูนึกว่าแม่จะต้องการกูมาอยู่เป็นเพื่อนเค้า กลับกลายเป็นว่ากูอยากให้เค้ามาอยู่กับกูมากกว่า กูเหงาจัง...ใหญ่

วันก่อนไอ้หนุ่ยโทรมาหากูมาชวนไปกินเหล้า แต่วันนั้นกูนัดกับแม่ไว้แล้วว่าจะกลับมากินข้าวบ้านมันเลยหงุดหงิดบ่นอยู่นาน  แล้วพอกูเล่าให้ฟังว่ามึงลงมากรุงเทพฯมางานพี่ฝ้าย  มันก็ด่ากูอีกว่ากีดกันให้ไม่เจอมึง  หาว่ากูที่ไม่บอกมันเรื่องงานพี่ฝ้าย  ที่จริงกูตั้งใจไม่บอกมันเพราะไม่อยากแบ่งเวลาที่อยู่กับมึงไปคุยกับมันแต่กูไม่ได้บอกมันนะ ขืนมันรู้เค้ามีหวังโกรธกูตายเลย  กูลืมไปนะวันนี้กูน่าจะไปเที่ยวกับมันจะได้ไม่ต้องเหงาอยู่บ้านคนเดียวแบบนี้
มึงเล่าเรื่องทางนู้นมาให้ฟังบ้างนะ กูอยากรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมึง
ฝัน...คนเหงาๆ

ผมจบจดหมายไปอย่างเซ็งๆ  แล้วพยายามข่มตานอนแต่ก็นอนไม่หลับ  ผมเพิ่งเข้าใจว่าความรักมันคือสิ่งมหัศจรรย์  บางครั้งมันก็ทำให้เรามีความสุขยิ้มจนเป็นบ้า  แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เราทุกข์ใจได้มากมายจนจะเป็นบ้าได้เหมือนกัน  แต่ความรักมันก็ทำให้ใจผมไม่ว่างเปล่าอีกต่อไปเมื่อมีคนที่รัก

หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันจดหมายจากใหญ่ก็ส่งกลับมาให้ผม แม่ยื่นจดหมายให้ผมแล้วบอกว่า “จดหมายจากเชียงใหม่ ใหญ่กับฝันนี่แปลกนะ  ยุคนี้เค้ามีโทรศัพท์ มีคอมพิวเตอร์ยังมาใช้วิธีเขียนจดหมายหากันอีก มันจะทันใจเหรอลูก”

ผมตอบแม่ไปว่า “มันไม่ทันใจหรอกแม่ แต่ตอนที่รอจดหมายตอบกลับมันมีความหวัง แล้วเวลาอ่านจดหมายเห็นลายมือคนเขียนมันให้ความรู้สึกดีจัง  ผมก็เพิ่งรู้นี่ล่ะแม่” แม่พยักหน้าแล้วบอกว่า “อืมก็จริง สมัยก่อนพ่อก็ใช้แต่จดหมายเขียนหาแม่เหมือนกัน นี่แม่ไม่รู้ไปเก็บไว้ที่ไหนหมดแล้ว เดี๋ยวว่างๆต้องไปหามาสักหน่อย เอามาอ่านคิดถึงความหลัง”

ผมเข้าไปกอดแม่ “แม่คิดถึงพ่อเหรอ  แม่ยังรักพ่ออยู่ไหม พ่อจากไปนานแล้วนะ”
แม่กอดตอบแล้วลูบหัวผม น้ำเสียงของแม่มีความสุขเมื่อพูดถึงพ่อ “แม่คิดถึงพ่อตลอดเวลานะ ตอนที่ฝันรับปริญญาแม่ก็คิดถึงพ่อ ถ้าพ่ออยู่พ่อคงดีใจ  ตอนที่ฝ้ายแต่งงานแม่ก็คิดถึงถ้าพ่ออยู่พ่อคงไม่ปล่อยฝ้ายไปง่ายๆแน่ๆเลย พ่อเราเค้ารักเค้าหวงฝ้ายมาก แต่พ่อเค้าก็ไปดีแล้วลูก ถ้าเค้าอยู่เค้าก็ทรมาน”

พ่อผมเสียไปตั้งแต่ผมอยู่มัธยมด้วยโรคไต สองเดือนก่อนที่จะเสียพ่อทรมานมากต้องไปฟอกไตอาทิตย์ละสามวัน จนร่างกายพ่อทนไม่ไหวจากเราไปเมื่ออายุเพียง 55ปี แต่แม่ก็สู้ เลี้ยงพวกเรามาอย่างอดทน ผมกอดแม่ผู้เข้มแข็งของผมแน่นขึ้น รักแม่จริงๆ
“แม่รู้สึกดีเสมอนะเวลาคิดถึงพ่อเค้า แม่ไม่เสียใจที่เค้าไม่อยู่ตรงนี้เพราะกายเค้าไม่อยู่แต่ภาพของเค้าอยู่ในใจแม่เสมอ”

“แล้วทำไมแม่ไม่คิดมีใครใหม่ แม่ไม่เหงาเหรอ”แม่อายุห่างจากพ่อหลายปีตอนที่พ่อเสียแม่อายุแค่45 ยังสวยจนมีแฟนใหม่ได้แต่แม่ก็ไม่มี  ทั้งที่มีผู้ชายมาติดพันแม่อยู่เหมือนกัน
“วันนี้ถามอะไรนักนะฝัน เราก็รู้ว่าแม่รักพ่อ แม่ไม่อยากให้ใครมาแทนตำแหน่งพ่อ ที่รักของแม่คือพ่อคนเดียวเท่านั้น” ผมเองก็อยากจะเป็นอย่างแม่มีรักเพียงรักเดียว ถึงแม้ว่าสุดท้ายเราจะลงเอยอย่างไรก็ตาม

กินข้าวกับแม่เสร็จแล้วผมรีบขึ้นไปอ่านจดหมายด้วยความตื่นเต้น ผมยังตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อเปิดจดหมายของใหญ่ อยากจะรู้ว่ามันเขียนอะไรมาบ้าง

ฝัน...ที่คิดถึง

กูขึ้นต้นแบบนี้ไม่ได้ลอกมึงนะกูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน  คงตอบคำถามมึงไปแล้วนะว่ากูไม่ได้ลืมคิดถึงมึง ตอนนี้สถานการณ์ปกติดี ทราบแล้วเปลี่ยน เปลี่ยน ชม.เรียกกทม. ทราบแล้วเปลี่ยน ฮ่าๆๆ

 กูกับพ่อยังหลีกเลี่ยงที่จะคุยเรื่องนี้กันอยู่ ช่วงนี้น้องออมมีการแสดงที่โรงเรียนพ่อเลยวุ่นอยู่กับการพาหลานไปฝึกซ้อม หัดถ่ายกล้องวีดีโอ เป็นอันว่าน้องออมช่วยชีวิตกูเอาไว้อีกครั้ง  กูรู้มึงคิดอะไร  เรื่องครูน้ำมึงไม่ต้องห่วง  กูบอกเค้าเสมอๆว่ากูคิดกับเค้าแค่เพื่อน เค้าเองก็น่าจะรู้  กูไม่ใช่คนประเภทที่ว่าทำให้ผู้หญิงเข้าใจผิดว่ากูไปชอบเค้า
ว่าแต่มึงเหอะหมู่นี้ไม่พูดเรื่องอ้อยเลย มีอะไรปิดกูรึเปล่าวะ หึหึ บอกกูมาตรงๆได้นะกูใจกว้างพอ

เรื่องที่มึงกลับบ้านมาอยู่เป็นเพื่อนแม่กูว่ามึงทำดีแล้ว  มึงมันน่ารักเพราะมึงรักแม่ด้วยนี่ล่ะ  ตายๆๆ กูเผลอบอกรักมึงไปแล้วจะลบออกก็ขี้เกียจเขียนจดหมายใหม่ เอาเป็นว่ากูชมมึงไปแล้วกัน ก็มึงมันน่ารักจริงๆด้วยนี่ ยังไงก็ฝากความคิดถึงให้แม่ด้วยนะ กูยังรู้สึกผิดไม่หายที่พามึงออกมาจากงานก่อนได้ ขอโทษแม่แทนกูด้วย

รูปคู่ของเราที่มึงส่งมากูชอบมาก กูจะเก็บไว้เป็นอย่างดีคืนนั้นเรามีความสุขกันมากเลยนะ กูชอบๆๆ  ชอบจัง กูจะจำที่มึงบอกไว้   ถ้าวันไหนกูท้อให้นึกถึงวันนั้น แค่ความทรงจำดีๆก็ให้กำลังใจกูมากพอแล้วฝัน  การไปกรุงเทพฯของกูคราวนี้มันช่วยปรับอารมณ์กูได้มากเลย  ก่อนที่กูจะลงมากูเครียดเรื่องที่พ่อต้องการให้กูแต่งงานมาก แต่พอกูกลับไปเหมือนความกังวลตรงนั้นมันลดลงไปเยอะแล้ว  กูมีเวลาได้ไตร่ตรองมากขึ้น

 ยังไงก็ต้องขอบใจมึงนะฝันที่ให้สติกู  ช่วงหลายๆเดือนที่ผ่านมามีเรื่องเกิดขึ้นกับกูมากมายแต่มันทำให้กูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจริงๆ

กูอ่านจดหมายมึงคราวนี้กูรู้เลยว่ามึงเหงามาก   แต่มึงไม่ต้องคิดมากไป   กูเองมีเรื่องให้ทำทั้งวันกูก็ยังเหงา กูว่าความเหงาก็เหมือนเงาเพียงแต่เราเติมห.หีบเข้าไปเท่านั้นเอง  มันติดตามเราไปทุกที่แหละฝันเพียงแต่เราจะไปคิดถึงมัน  หรือเราจะไม่สนใจมันเหมือนที่เราไม่สนใจเงา   ถ้าเราไม่สนใจมัน มันก็คงทำอะไรกับเราไม่ได้ อย่าให้มันมาทำให้เรารู้สึกแย่เลย   ถ้ามึงเหงามึงก็คิดถึงกูแล้วกันแต่อย่าเหงาบ่อยเกินไปนะฝัน  กูไม่อยากให้มึงคิดถึงกูมากไปมึงจะเหนื่อย หึหึ

วันนี้กูขอจบจดหมายแค่นี้ก่อนนะ  มึงรู้ความเป็นไปของกูแล้ว ชีวิตกูก็มีแค่นี้แหละฝัน... มีแต่มึง
ใหญ่...เพื่อนคนเหงา

อ่านจดหมายมันแล้วผมยิ้ม  ผมอ่านไปอ่านมาหลายรอบก็น่าแปลกที่อาการเหงาเหมือนจะหายไป เหลือแค่อาการคิดถึงที่ทำยังไงมันก็ไม่หาย   ในจดหมายใหญ่ก็เป็นฝ่ายปลอบใจผมเหมือนกัน ผมรู้เลยว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ส่งกำลังใจให้มัน  แต่ใหญ่เองก็ส่งคำพูดดีๆและกำลังใจมาปลุกปลอบผมด้วยเหมือนกัน 

คงจะจริงที่ว่าการแบ่งปันความรู้สึกก็เป็นส่วนหนึ่งของความรัก ความรักที่เริ่มจากการให้มันจะเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ  เราต่างก็กำลังให้กันและกัน คืนนี้จึงเป็นอีกคืนที่ผมนอนหลับสนิทไม่มีอะไรมาทำให้ผมคิดมากจนนอนไม่หลับอีกเลย

การเรียนของผมกำลังไปด้วยดีครับ คะแนนสอบออกมาไม่ถึงกับดีมากนักแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ผ่าน  เพราะถึงแม้ผมจะขาดบ่อยๆแต่อ้อยก็ยังมีส่วนช่วยเหลือผมอยู่มาก เป็นเรื่องจริงที่ว่าผมไม่ค่อยพูดถึงอ้อยให้ใหญ่ฟัง   ไม่ใช่เพราะผมกลัวใหญ่จะหึงหรอกนะครับ   แต่มันไม่มีอะไรเลยจริงๆระหว่างผมกับอ้อย  อ้อยดูเหมือนจะรู้ไปเองแล้วว่าผมไม่มีใจให้อ้อยแบบนั้นอีกแล้ว  เราจึงขีดเส้นฐานะของการคบกันเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น  แต่ความสนิทสนมของเราในแบบเพื่อนมันก็ลดลงไปครับซึ่งผมก็ยอมรับมันเพื่อตัวผมเองและเพื่ออ้อยด้วยครับ

  ผมเชื่อเสมอๆว่าผู้หญิงกับผู้ชายคำว่าเพื่อนจริงๆมันเป็นยากครับ   เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดใจอ่อนขึ้นมาและเผลอไผลรักกันขึ้นมา  เรื่องมันจะมีแต่ความเจ็บปวดไม่ของหญิงก็ต้องชาย  ดังนั้นผมจึงรักษาระยะห่างของผมกับอ้อยไว้ให้พอดีไม่มากหรือน้อยจนเกินไป  แต่เรื่องที่ว่าอ้อยจะรู้หรือเปล่าว่าผมกับใหญ่เป็นอะไรกัน  ผมไม่รู้ครับแล้วผมก็ไม่สนใจด้วย

อย่างที่ผมเขียนบอกใหญ่ไปว่าช่วงนี้ผมยุ่งกับการสอบไม่มีเวลาตอบจดหมายมันมากนัก  ใหญ่ก็เลยส่งจดหมายมาหาผมเรื่อยๆเล่าสารทุกข์สุขดิบเรื่องงาน เรื่องหลานไปเรื่อยโดยไม่ได้รอจดหมายจากผมถึงจะตอบกลับมา  ผมได้แต่ตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้ผมสอบเสร็จจะรวบยอดตอบจดหมายมันไปทีเดียว  แต่พออ่านจดหมายฉบับนี้แล้วทำเอาผมร้อนใจต้องเขียนตอบกลับทันทีครับ เนื้อความในจดหมายมีอยู่ว่า

ฝัน...ที่รัก

มึงอย่าเพิ่งตกใจไปที่กูขึ้นหัวจดหมายแบบนี้  แต่กูนึกอะไรไม่ออกจริงๆนึกได้แค่คำนี้คำเดียว  เพราะวันนี้มันมีเรื่องขึ้นมาน่ะสิ   มึงคงอยากรู้ว่าเรื่องอะไร  กูกำลังจะเล่านี่ไง มึงอย่าตื่นเต้นสิ
อย่างที่กูเล่าให้มึงฟังไปว่าตั้งแต่กูกลับมาจากกรุงเทพฯพ่อกูก็ไม่เคยพูดเรื่องแต่งงานขึ้นมาอีก กูก็สบายใจมาหลายอาทิตย์ว่าพ่อคงจะไม่สนใจเรื่องนี้ไปแล้ว  แต่กูเข้าใจผิดว่ะ  วันนี้ตอนที่กูปิดร้านแล้วกำลังจะไปวิ่งตามปกติของกูพ่อก็เรียกกูมาคุยบอกว่ามีธุระจะคุยด้วย  กูก็นึกว่าเรื่องงานเลยบอกพ่อไปว่าให้คุยพรุ่งนี้แล้วกัน  กูจะรีบไปวิ่งเดี๋ยวจะมืดเสียก่อน  แต่พ่อก็ไม่ยอมจะต้องคุยตอนนี้ กูก็นึกแปลกใจแล้วว่าจะเร่งด่วนอะไรกันนักหนา  แต่กูก็ยังไม่คิดอยู่ดีว่าจะเป็นเรื่องเดิม คือเรื่องแต่งงาน

 เราคุยกันอยู่นานจนรู้ว่าพ่อไปรู้มาว่ามีคนมาจีบครูน้ำ พ่อเลยร้อนใจกลัวครูจะหนีไปแต่งงานกับคนอื่นก่อน  แกเลยมาเร่งรัดกู กูเครียดมากนะฝัน   ขนาดว่าเตรียมใจไว้แล้วว่าพ่อจะต้องมารบเร้ากูเรื่องนี้อีก กูก็พยายามอธิบายเหตุผลทุกอย่างที่กูยังไม่พร้อมจะแต่งงาน  แต่พ่อก็ไม่พยายามเข้าใจ  จนในที่สุดกูทนไม่ไหว กูบอกพ่อเรื่องของเราไปแล้วฝัน  กูบอกไปว่ากูมีคนที่รักอยู่แล้ว  ฝัน...คือที่รักของกู

พ่อยืนตัวแข็งไปพักใหญ่ก่อนที่จะนั่งลงอย่างหมดแรง  มึงต้องมาเห็นสายตาที่พ่อกูมองมา  มันเหมือนเค้าสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวกูไปแล้ว  กูไม่ใช่ความหวังของเค้าอีกต่อไป  กูเจ็บปวดนะฝันที่เห็นสายตาแบบนั้น  แต่อย่างที่มึงเคยบอกกูความจริงก็คือความจริง  ต่อให้เราหลบหลีกซ่อนมันไว้แค่ไหน สักวันมันก็ต้องเปิดเผย เมื่อกูเป็นลูกพ่อ พ่อก็ต้องรู้ความจริงของลูกเหมือนกัน

พ่อนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลยแล้วเดินหันหลังให้กูไป   ถ้าเป็นมึงจะทำยังไง  แต่กูไม่ได้ทำอะไรเลย กูปล่อยให้พ่อเดินจากไป  พ่ออาจต้องใช้เวลาไตร่ตรองคิดเรื่องนี้ดูอีกครั้ง  กูคงต้องรอเวลาที่กูกับพ่อจะคุยกันเรื่องนี้ตรงๆอีกครั้ง

 กูเข้มแข็งแล้วนะฝัน กูกำลังเผชิญหน้ามันทั้งที่กูกลัวจนอยากจะร้องไห้  กูสงสารพ่อ แต่กูก็สงสารตัวเองด้วย ก็ได้แต่หวัง ว่าพ่อจะเข้าใจกู

ใหญ่...ที่รักมึง  
************************************
อืม...หรือจะใกล้จบแล้วหว่า o7
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 28-11-2009 21:50:46
^
^
 :z13:
ขอจิ้มพร้อมกับบวก 1 แต้มนะคะ

พ่อของใหญ่รู้แล้ว ต่อไปก็คงเป็นแม่ของฝัน
แล้วระยะทางของสองคนจะไกล้ออกไป หรือใกล้เข้ามากันนะ
รอลุ้นนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ

เกือบลืม
ชอบตรงนี้จัง คมมากนะจ๊ะใหญ่
 "กูว่าความเหงาก็เหมือนเงาเพียงแต่เราเติมห.หีบเข้าไปเท่านั้นเอง"


หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 28-11-2009 22:09:30
 :sad4:

เง้อ  งานเข้าๆๆๆๆๆ  จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย   :serius2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 28-11-2009 23:25:52
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด :a5: o22
โหยใจกล้ามากกกกกกกกกกกกบอกค.จริงกับพ่อไปแล้วอ่ะ
ฝันทางที่ดีสอบเส็ดไปหาใหญ่เหอะ นะๆ ใหญ่โคดจะต้องการกำลังใจเลยอ่ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แมนจริงๆวะนุ้งใหญ้เอ้ย :กอด1:

+1 คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 29-11-2009 10:00:24
 :z6: :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 29-11-2009 11:10:19
 :serius2: บอกความจริงไปแล้ว จะเป็นไงต่อเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 29-11-2009 13:00:00
 :L2: ความจริงบางทีก็เป็นสิ่งที่สวยงามคับ เมื่อเรายอมรับมัน

เป็นกำลังใจให้คุณพ่อ ใหญ่ และก็ฝันนะคับ  :L1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 29-11-2009 15:32:41
มันรู้สึกดีใจพร้อมกับกลัว กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
คนอ่านอินเหลือเกิน  :laugh:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 29-11-2009 20:37:51
ทั้งๆ ที่กำลังรู้สึกย่ำแย่ แต่ทั้งคู่ก็ยังเลือกที่จะเขียนจดหมายเหมือนเดิม ความอดทนเป็นเลิศมากคู่นี้
นี่ถ้าเป็นคนอื่นๆ คงได้กดโทรศัพท์กันสายไหม้ไปแล้ว

แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 29-11-2009 20:44:30
อ่านเรื่องนี้แล้วหายเหงา  เพราะมันโดนใจ

อยู่คนเดียวก็เหงา  แต่เหงาบวกความคิดถึง มันทำให้เรา โค-ตะ-ระ เหงาจริงๆ ครับ

อ่านทีไร คิดถึงตัวเองทุกที




ขอบคุณทั้งคนแต่ง และคนโพสท์ครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 29-11-2009 20:53:52
โหหหห โดนใจมากกกกกกก เพราะไม่ชอบอะไรที่ค้างคา  ในที่สุดใหญ่ก็บอกออกไป

 ใหญ่ สุดยอด  o13

 :man1:  ใจเด็ดเดี่ยวจริงๆๆ 

กูเข้มแข็งแล้วนะฝัน กูกำลังเผชิญหน้ามันทั้งที่กูกลัวจนอยากจะร้องไห้  กูสงสารพ่อ แต่กูก็สงสารตัวเองด้วย ก็ได้แต่หวัง ว่าพ่อจะเข้าใจกู

>>> :กอด1:

+1



หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 30-11-2009 08:52:37
มาให้กำลังใจใหญ่ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 30-11-2009 09:57:52
คิดว่า ทั้งฝันและใหญ่ คงไม่อยากมีความเหงาเป็นเหมือนเงา   
 อยากให้ทั้งคุ่มีเงาเป็นความรักและความคิดถึงมากกว่า
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 30-11-2009 14:27:41
สู้ๆนะใหญ่เอาใจช่วย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย)๓๙๓๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๓๙๓๙
เริ่มหัวข้อโดย: PAN@DA ที่ 01-12-2009 12:43:32
เอาใจช่วย ใหญ่กับฝัน ขอให้มีทางออกที่ดีนะ  :L2:

แล้วก้อขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์จ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 02-12-2009 11:21:05
ขอโทษนะคะทิ้งช่วงไปหลายวัน ขอบคุณค่ะที่ยังติดตาม :pig4:
**************************************
(ตอนที่๔0)

ใหญ่...ที่รัก

อ่านจดหมายมึงแล้วกูก็ใจหาย ไม่ใช่สิ...กูใจสั่น เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราต่อไป แต่กูก็เตรียมใจไว้แล้วนะ  มึงต้องให้กูขึ้นไปอธิบายกับพ่อมึงรึเปล่า ยังไงอย่าลืมเก็บปืนของพ่อไว้ให้ดีล่ะ เดี๋ยวมึงจะเป็นม่าย หึหึ มึงอย่าโกรธกูนะที่กูยังมีหน้ามาพูดเฮฮาอยู่ได้ทั้งที่สถานการณ์เข้าขั้นประกาศความจริงกันไปแล้ว  ถึงกูไม่โฟนอินเข้าไปมันก็ไม่ช่วยลดความขัดแย้งลงไปเท่าไหร่เลย  กูไม่อยากให้มึงเครียดจนเกินไป  มึงยิ้มรึยัง...กูหวังว่ามึงจะยิ้มได้นะ

กูเห็นด้วยที่เราจะอดทนรอดูท่าทีพ่อไปก่อน ยังไงพ่อก็รักมึง ท่านคงไม่ทำอะไรที่ท่านต้องเสียใจไปด้วยหรอก   กูรู้ว่าตอนนี้มึงทำดีที่สุดแล้ว ได้แต่หวังว่าเมื่อเราจริงใจกับพ่อไป พ่อจะเห็นใจเรา  ถ้ามันหนักหนามากโทรหากูนะ  กูจะขึ้นไปหามึงที่เชียงใหม่
วันนี้กูเขียนมาแค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้กูมีสอบแล้วยังไงกูจะเขียนไปหามึงใหม่  มีอะไรก็เขียนมา หรือจะโทรมาก็ได้ กูจะรอ
รักมึงนะใหญ่
ฝัน...

เขียนจดหมายเสร็จผมก็รีบอ่านหนังสือเตรียมสอบ  แต่ก็ยังมีความกังวลใจเรื่องนี้อยู่ดี  ได้แต่เตือนสติตัวเองว่าตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ ควรจะตั้งใจอ่านหนังสือให้ดีมากกว่า เพราะว้าวุ่นใจไปก็ไม่มีประโยชน์ทุกอย่างต้องใช้สติปัญญาในการแก้ไข วันรุ่งขึ้นผมจึงไปเข้าสอบอย่างสบายใจ
พอสอบเสร็จพวกเพื่อนๆชวนกันไปกินข้าวต่อแต่ผมไม่มีอารมณ์รื่นเริงขนาดนั้นเลยตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า  กลับมาถึงบ้านแม่ผมกลับมาแล้วครับ 

“ฝันอาทิตย์นี้ว่างรึเปล่า”แม่เอ่ยขึ้นมาขณะที่ผมนั่งกินข้าวเงียบๆกำลังนึกถึงเรื่องใหญ่อยู่
“ว่างครับ แม่มีอะไรเหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นมาถามแม่อย่างเนือยๆ จนแม่ทัก
“ฝันเป็นอะไรไปรึเปล่า  ทำไมดูไม่สดใสเลย มีเรื่องอะไรรึเปล่า”ผมมองหน้าแม่แล้วก็พูดไม่ออก หรือผมก็ควรจริงใจกับแม่เหมือนกัน แต่ผมยังไม่แน่ใจเลย
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะแม่” ผมฝืนยิ้มให้แม่ไป แต่แววตากังวลของผมคงปิดแม่ที่เลี้ยงผมมากว่ายี่สิบปีไม่มิด
“เล่าให้แม่ฟังได้ไหม  อยากปรึกษาแม่หรือเปล่า” ผมมองหน้าแม่นิ่งไปชั่วขณะ

“...”  ผมไม่อยากพูดเลย ผมแกล้งกินข้าวต่อไปยังไม่ตอบอะไรแม่ แต่แม่กลับนิ่งเหมือนรอให้ผมตอบคำถามของแม่  ผมเงยหน้าขึ้นมาเราประสานสายตากัน สายตาของแม่มองมาที่ผมตลอดเวลา  แม่มองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ผมตัดสินใจวางช้อนลง แล้วลุกไปนั่งข้างๆแม่เอื้อมไปดึงมือแม่มากุมไว้
“ผมอยากปรึกษาแม่นะ แต่ผมกลัว”เสียงผมสั่นไม่รู้ตัวเลย แม่ปลดมือออกแล้วลูบหัวผม เสียงของแม่นุ่มนวลเหมือนเคย
“ฝันจะกลัวอะไร แม่เป็นแม่นะ ถึงฝันจะทำอะไรเลวร้ายแค่ไหน แม่ก็คือแม่ พร้อมที่จะรับฟัง พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้ลูกได้หมด หรือฝันไม่เชื่อใจแม่”

ผมแทบน้ำตาไหล ผมสนิทกับแม่มากที่สุดเพราะแม่ทำตัวเหมือนเพื่อนผมมาตลอด ผมเคยคุยกับแม่ได้ทุกเรื่อง แต่วันนี้แค่จะเอ่ยคำแรกออกมาช่างยากเย็นสำหรับผมเหลือเกิน
ผมจูงมือแม่มาที่ห้องนั่งเล่นให้แม่นั่งบนโซฟาผมนั่งลงที่พื้นเอียงหน้าซบกับตักแม่  แม่ลูบหัวผมอย่างปรานี ผมตัดสินใจคุยกับแม่ จะได้ไม่มีอะไรที่เป็นความลับระหว่างเราสองคนอีกต่อไป
“ผมไม่เคยไม่เชื่อใจแม่ ผมเชื่อแม่มากที่สุดว่าแม่รักผม แต่ที่ผมลังเลเพราะ...ผมกลัวแม่จะเสียใจมากกว่า”
“ฝันบอกมาเถอะ เรื่องจะเป็นยังไงแม่ก็รับได้ ถึงวันนี้ฝันไม่บอก แต่ถ้ามันเป็นเรื่องร้ายแรงของฝันจริงๆ สุดท้ายแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี หรือฝันคิดจะปิดแม่ตลอดไป”

ผมส่ายหน้าอยู่กับตักแม่ คว้าเอามือแม่มาจูบไว้ “ผมไม่คิดจะปิดแม่ เรื่องนี้จะว่าร้ายแรงมันก็ไม่เชิง จะว่าเป็นเรื่องเล็กมันก็ไม่ใช่ ผมจะพูดยังไงดี”
แม่หัวเราะเบาๆบอกผมว่า “พูดออกมาธรรมดานี่แหละ ไม่ต้องวกไปวนมา เอาตรงๆที่ประเด็นเลย แม่เตรียมใจไว้แล้ว ฝันไปทำใครท้อง หรือไปเล่นการพนันมีหนี้สิน หรือว่าเป็นโรคร้ายติดยาเสพติดก็บอกมา แม่พร้อมที่จะฟังแล้ว”   ผมเงยหน้าขั้นมามองแม่ทันทีแล้วหัวเราะออกมา

“แม่!...ทำไมพูดแต่เรื่องแย่ๆหมดเลยล่ะ  ผมไม่ทำตัวเลวร้ายขนาดนั้นหรอกแม่ ผมลูกแม่นะ แม่สอนผมมาดีขนาดนี้ ผมจะไปทำเรื่องพวกนี้ได้ยังไง” แม่เลยหัวเราะขึ้นมาบ้าง
“ก็เราไม่พูดขึ้นมาสักที แล้วจะให้แม่คิดยังไงล่ะ”ผมเอามือแม่มาจูบอีกครั้งแล้วมองตาแม่
“ผมกำลังมีความรักครับแม่...ผม”เหมือนน้ำลายมันติดคอยากที่จะพูดให้จบประโยคจริงๆ ผมไม่กล้ามองหน้าแม่ก้มหน้าลงอีกครั้ง

แม่ยิ้มกว้างเอ่ยว่า “มีความรักเป็นเรื่องที่ดีนี่ฝัน แล้วมาพูดให้แม่ตกใจทำไม เจ้าลูกคนนี้นี่”แม่ตบหัวผมแปะๆเบาๆ
“ผม...ผมรัก...” ไม่กล้าพูดจริงๆครับ
แม่หัวเราะ “เกิดจะมาติดอ่างเอานะเรา ผมๆๆอยู่ได้ รักใครจะให้แม่ไปสู่ขอก็บอกมา เฮ้อ...นี่ลูกแม่จะขายออกไปสองคนในปีเดียวกันเลยเหรอเนี่ย”

“แม่ครับ...ผมรักใหญ่ เรารักกัน” ผมกลืนน้ำลายมองหน้าแม่อีกครั้งเมื่อพูดจบ รอยยิ้มของแม่ค่อยๆเปลี่ยนไป สีหน้าแม่ตกใจแต่ก็ยังไม่พูดออกมา
“เราเพิ่งรู้ว่าเรารักกัน ตอนที่เราห่างกันแบบนี้  เรารักกันด้วยใจบริสุทธ์จริงๆนะครับแม่”ผมย้ำกับแม่อีกครั้งเรื่องผมกับใหญ่ อยากให้แม่รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ฉาบฉวยหรืออารมณ์ชั่ววูบ ไม่ใช่ความเผลอไผลที่เกิดจากความใกล้ชิด

ถ้าแม่ไม่พูดออกมาผมคงจะร้องไห้ไปแล้ว เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเวลาที่ใหญ่บอกกับพ่อของมัน ใหญ่จะรู้สึกไม่มั่นใจขนาดไหน ตอนนี้เรื่องของเราดำเนินมาเท่ากันแล้วครับ  คือต่างคนต่างบอกกับครอบครัวของตัวเอง
แม่ยิ้มให้ผมเหมือนฝืน แต่ก็ยังเป็นรอยยิ้มอยู่ดี
“แม่ตกใจนะฝัน  แม่ไม่อยากจะเชื่อ แต่พอฝันพูดย้ำขึ้นมาอีก แม่ถึงรู้ว่าแม่ฟังไม่ผิด ฝันรักกับใหญ่เพื่อนเราใช่ไหม” ผมพยักหน้าให้ แม่  ก่อนที่น้ำตาผมไหลลงอาบแก้มลงมา  มันตื้อไปหมดจริงๆ  แม่ค่อยๆเช็ดน้ำตาให้ผม  ผมจับมือแม่แนบแก้มผมไว้บอกแม่ด้วยเสียงสั่นๆว่า

“ผมขอโทษครับแม่ ฝันขอโทษที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ผมรักใหญ่มันไปแล้ว ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆ”ผมสะอื้นอยู่ในมือของแม่ ผมรู้ว่าที่เรารักกันมันไม่ผิด แต่ที่เราต่างเป็นผู้ชายทั้งคู่มันผิดด้วยหรือ

“ขอโทษแม่ทำไม ฝันไม่ได้ไปทำใครท้อง     หรือไปเล่นการพนันมีหนี้สิน หรือว่าเป็นโรคร้ายติดยาเสพติดสักหน่อย ไม่ได้ไปฆ่าใครตายด้วย แค่ลูกมีความรักมาขอโทษแม่ทำไม” น้ำเสียงของแม่เหมือนน้ำทิพย์ปลอบประโลมใจผม  ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาก
ผมหัวเราะทั้งน้ำตา “แม่อะ...อีกแล้ว”

แม่หัวเราะขึ้นมาบ้างแล้วรวบตัวผมไปกอดลูบหลังลูบไหล่ผม “แม่ดีใจด้วยนะที่ลูกมีความรัก ใหญ่เป็นคนดี แต่มันคงไม่ง่ายนะลูก ฝันจะอดทนใช่ไหม”
“ครับแม่ ผมจะอดทน สู้กับปัญหา” ผมตอบแม่เบาๆแต่ดังเข้าไปในใจผม ย้ำเตือนตัวเองว่าผมจะสู้อย่างน้อยผมก็มีกำลังใจจากแม่ที่รักของผมแล้วนี่
“แม่ไม่เสียใจเหรอ แม่อาจไม่ได้มีลูกสะใภ้ ไม่ได้มีหลานนะ” ผมทำใจกล้าๆถามแม่ ผมอยากรู้ว่าแม่คิดยังไงแน่ แค่แม่ไม่โกรธผมก็ไม่ได้หมายความว่าแม่จะไม่เสียใจ

“ไม่เสียใจหรอกฝัน  ลูกสะใภ้ก็ใหญ่ไง แม่รักใหญ่เหมือนลูกอยู่แล้วถ้าเค้ารักกับฝัน  แม่ก็ดีใจแล้วจะรักเค้ายิ่งขึ้น ส่วนเรื่องหลานเดี๋ยวฝ้ายเค้าก็มีลูก แม่ก็แก่แล้วอยู่กับลูกไปไม่ได้ตลอด จะไปกำหนดกฎเกณฑ์อะไรกับคนที่ยังต้องอยู่ไปอีกนานล่ะลูก  เอาแค่ว่าวันนี้ตอนนี้ลูกมีความสุขแม่ก็พอใจแล้ว”   
ผมยิ้มแล้วกอดแม่แน่นขึ้นไปอีก  แม่ผมช่างเข้าใจโลกดีเหลือเกิน “ถ้าใหญ่มันรู้มันคงดีใจ มันรักแม่มากนะ มันยังฝากผมขอโทษแม่อยู่ทุกวันนี้ ที่วันงานพี่ฝ้ายมันทำให้ผมต้องออกจากงานมาก่อน”
“แม่ไม่โกรธหรอกก็แค่งานแต่งงานจะไปอะไรนักหนาล่ะลูก ลูกไม่ใช่บ่าวสาวสักหน่อยจะได้ต้องอยู่งานตลอด บอกใหญ่ไปได้เลยว่าแม่ยินดีต้อนรับมาสู่ครอบครัวเรา”

“ผมดีใจที่สุดเลยแม่ ผมค่อยสบายใจขึ้นหน่อย เฮ้อ อึดอัดอยู่ตั้งนาน”ผมถอนหายใจแรงๆอย่างโล่งอก แต่ก็ยิ้มได้ในที่สุด
“เดี๋ยวก่อน...แล้วที่แม่ถามผมว่าวันอาทิตย์ว่างรึเปล่า แม่มีอะไรเหรอ” ผมก็เอาแต่พูดเรื่องของตัวเองจนลืมเรื่องของแม่ไปเสียสนิท
แม่ส่ายหน้าถอนหายใจเล็กๆ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วฝัน ทีแรกแม่จะชวนเราไปวัดจะให้ไปเจอกับลูกสาวเพื่อน เค้าสนใจฝันอยากได้ไปเป็นลูกเขย แต่ถ้าฝันมีใหญ่อยู่แล้วก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ไม่ต้องไปดีกว่า”
เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ผมเองก็เกือบตกอยู่ในปัญหาแบบใหญ่อีกคนแล้ว โชคดีที่ผมบอกแม่ไปก่อนแถมแม่ก็ยังเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่ผมคิดเยอะผมเลยรอดตัวไปแต่แม่ล่ะ
 “แล้วแม่จะบอกเพื่อนแม่ว่ายังไงล่ะ ถ้าผมไม่ไป”

แม่ลูบหน้าลูบไหล่ผมยิ้มให้กำลังใจบอกผมว่า “แม่จะบอกว่าฝันไม่ว่าง แล้วฝันก็มีคนรักอยู่แล้ว ขอโทษเพื่อนแม่ไปดีกว่า การพูดความจริงดีที่สุดนะลูก”
แม่กับผมจับมือกันแล้วบีบแน่น  เรากอดกันอีกครั้งเหมือนแสดงว่าเรายังคงมีกันและกันเสมอ แม่คือพระที่อยู่เคียงข้างผมเสมอมาจริงๆ

คืนนี้ผมคงนอนฝันดี  ผมอยากบอกข่าวดีนี้กับใหญ่ให้รู้เรื่องด้วยทั้งที่ผมเพิ่งส่งจดหมายฉบับเมื่อวานไปเช้านี้เอง ผมหยิบกระดาษมาเขียนหาใหญ่อีกครั้ง อยากให้มันได้กำลังใจจากแม่ผมไปด้วย

ใหญ่...ที่คิดถึง

มึงอย่างงนะถ้าได้จดหมายกูอีกฉบับเพราะกูส่งไปให้มึงไปแล้วเมื่อวาน  แต่วันนี้กูอยากเขียนอีกเพราะมีเรื่องจะเล่าให้มึงฟัง กูบอกแม่เรื่องของเราให้แม่รู้แล้วนะใหญ่   กูก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้แม่รู้เร็วขนาดนี้หรอก แต่แม่เห็นกูเครียดๆแม่เลยถามว่ากูเป็นอะไร ในที่สุดกูก็เลยบอกแม่ไปหมดแล้ว

มึงน่าจะดีใจนะแม่เข้าใจเรา แม่ฝากบอกมึงด้วยว่ายินดีต้อนรับสู่ครอบครัวเรา กูดีใจจนพูดไม่ออก กูได้แต่หวังว่าพ่อมึงก็จะเข้าใจความรักของเราเหมือนแม่กู  กูกับแม่อยู่ข้างมึงนะใหญ่ เราอยู่ด้วยกันเสมอถึงแม้กูจะอยู่ไกล  ถ้ากูเคลียร์งานได้แล้วมีวันหยุดยาวๆกูจะขึ้นไปหามึง อยากจะพาแม่ไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วย กูคงจะมีความสุขที่สุดที่ได้อยู่พร้อมกับคนที่กูรักถึงสองคน
ถ้ามีข่าวหรือมีความคืบหน้ายังไงมึงบอกกูด้วยนะ ช่วงนี้มึงอาจจะไม่สบายใจ แต่กูหวังว่าถ้าทุกอย่างคลี่คลาย มึงคงจะดีขึ้น กูจะรอคอยข่าวคราวจากมึงนะ
ฝัน...อยากกอดมึงจัง

ใหญ่เงียบไปอีกหลายวันไม่ตอบจดหมายผมมา ทำเอาผมทำงานอย่างไม่เป็นสุขได้แต่ห่วงมันอยู่ไกลๆ จนในที่สุดผมทนไม่ไหวต้องโทรศัพท์ไปหามันแต่ก็ไม่มีคนรับตามเคย ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันจะมีโทรศัพท์มือถือเอาไว้ทำไมในเมื่อไปไหนไม่เคยเอาไป ผมลองโทรไปที่บ้านใหญ่ก็ไม่อยู่แต่กลับเป็นพ่อที่อยู่ เด็กที่ร้านเรียกพ่อมารับสายโดยที่ผมไม่ทันตั้วตัว มือผมเย็นเฉียบเมื่อได้ยินเสียงพ่อ

“สวัสดีครับพ่อ”
“อืม ฝันเหรอ ใหญ่ไม่อยู่ ออกไปหาลูกค้า มีธุระอะไรรึเปล่า”น้ำเสียงพ่อเย็นชามากครับ ผมกลืนน้ำลายก่อนจะพูดต่อเพราะไม่แน่ใจท่าทีของพ่อว่าจะเป็นยังไงต่อไป
 ผมพูดต่อไปอย่างแผ่วเบากำลังใจมันหดหายครับ “เอ่อ...ไม่มีธุระครับแต่เห็นเงียบหายไปเลยเป็นห่วง”
พ่อตอบมาสั้นๆ “ไม่ต้องเป็นห่วง อยู่ไกลถึงกรุงเทพฯ คนที่อยู่ทางนี้เค้าดูแลกันได้” น้ำเสียงของพ่อแข็งขึ้นไปอีก มือผมกำโทรศัพท์แน่นเหงื่อออกจนมือเปียกไปหมด

“ผะ..ผมระ...”รักใหญ่ ผมอยากจะพูดคำนี้ให้พ่อฟังว่าผมรักใหญ่จริงๆ  แต่ผมก็พูดไม่จบพ่อแทรกขึ้นมาก่อนว่า
“ไม่มีอะไรแค่นี้นะ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องโทรมา ใหญ่เค้ามีงานเยอะ ยังต้องรับผิดชอบชีวิตหลายคน”   
พ่อวางหูไปแล้วหลายนาที  แต่ผมยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะขาอ่อนจนต้องทรุดตัวลงนั่งกับพื้น นี่เป็นการบอกผมทางอ้อมแล้วใช่ไหม ว่าพ่อไม่ยอมรับในเรื่องของเรา

สำหรับผม...ความเสียใจที่พ่อของคนรักปฏิเสธการคบหาของเรามันต้องมีอยู่แล้ว  แต่เมื่อเทียบกับที่ใหญ่จะต้องเจอพ่อตัวเองไม่ยอมรับ  คงจะยิ่งเสียใจมากกว่าผมไปหลายเท่า แต่ถ้าใหญ่มันยังเงียบไปแบบนี้ผมจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของมันลงได้ยังไง  ผมยังคิดไม่ออกจริงๆ
************************
 :try2: กลุ้มใจแทนคู่นี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 02-12-2009 11:41:16
ยังเศร้าต่อเนื่องไม่เปลี่ยนแปลง

เพิ่งรุ้ว่าเรื่องนี้เขียนโดยคุณมะฟาง  :-[
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 02-12-2009 11:45:41
เอาใจช่วยให้ ผู้ใหญ่ยอมรับเร็วๆ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 02-12-2009 13:46:39
ใหญ่ ฝัน สู้ๆนะ
ขอให้คุณพ่อของใหญ่ยอมรับได้ เข้าใจทั้งคู่เร็วๆ
คุณแม่ของฝันอาจจะช่วยได้ก็ไ้ด้นะ ลุ้นๆ
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากๆนะคะ
ผลงานของคุณฟางนี่เอง ขอบคุณคุณฟางด้วยค่ะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 02-12-2009 17:14:53
 :เฮ้อ: คนเป็นพ่อ น่าจะทำใจยอมรับกะเรื่องนี้ได้ค่อนข้างยากกว่าคนเป็นแม่

และก็พื้นฐานครอบครัวที่ต่างกัน ทางฝัน แม่มีฝ้าย มีฝัน พี่ฝ้ายมีครอบครัว

และแม่ก็คงได้อุ้มหลาน แต่ทางใหญ่ พ่อมีเพียงใหญ่เป็นลูกชายแค่คนเดียว

ดังนั้น คงทำใจลำบากพอควรที่ไม่มีใครสืบทอดสกุล  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 02-12-2009 20:01:29
 :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 02-12-2009 20:16:52
 :เฮ้อ: จะเป็นยังไงเนี่ย 


สงสารใหญ่จัง ดูจากท่าทีพ่อของใหญ่แล้ว

ต้องแบกรับมากแค่ไหนเนี่ย  :o12:

 :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 02-12-2009 20:29:14
คุณแม่เจ้าฝัน ซู้ดดดดดดดดดยอดตอนแรกใจเสียหมดเลย
ส่วนเรื่องนุ้งใหญ่  :เฮ้อ: ฝันต้องอดทนนะเพราะตอนนี้เจ้าใหญ่มันคงใช้ค.พยายามอย่างมากเลยล่ะ
สงสารนุ้ง อีกหน่อยพ่อจะเข้าใจ...ว่าถึงลูกจะเหนื่อยจากการทำงาน หรือหนักอกเรื่องอะไรก็ตาม
นอกจากกำลังใจจะมาจากพ่อ กับน้องออมแล้ว เจ้าฝันคนที่เจ้าใหญ่รักนั่นก็เป็นอีกกำลังใจที่สำคัญด้วย
อดทนๆ

+1 คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 02-12-2009 21:07:12
ฝัน +ใหญ่ๆสู้ๆๆ :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 02-12-2009 21:23:10
 :o12:
เศร้าอ่า  สงสารใหญ่กะฝัน
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-12-2009 22:31:19
ตอนนี้ใหญ่คงรู้สึกแย่น่าดู น่าเห็นใจเป็นที่สุด  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 03-12-2009 07:25:00
 :เฮ้อ: ยังคงมึนๆซึมอย่างต่อเนื่อง
แบบว่าสงสารใหญ่อ่ะ 
ฝันยังดีที่มีแม่เข้าใจ  แต่ใหญ่  :เฮ้อ:  งานหนักเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 03-12-2009 14:23:11
สู้ๆๆๆนะฝัน+ใหญ่

เอาใจช่วย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: marrybell ที่ 05-12-2009 17:13:31
 :o12:

เอาใจช่วยทั้ง 2 คนเลย

ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 05-12-2009 18:29:03
มึน ๆ เหมือนโดนน็อคเลย ที่พ่อใหญ่พูดมาเเบบนั้น

 :o11:


เอาใจช่วยทั้งฝันทั้งใหญ่ครับ

 o1

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔0๔0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔0๔0 By M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 05-12-2009 21:48:27
วันนี้วันพ่อ  ใหญ่พาฝันไปไหว้พ่อดิ

เอ๊ะรึจะให้ฝันขึ้นไปกราบขอลูกชายท่านดีหว่า
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 05-12-2009 22:17:52
 :serius2: ทำไมยิ่งอ่านยิ่งเครียด มีแต่อีโม :เฮ้อ: เต็มไปหมด กลุ้มจาย
************************************
(ตอนที่๔๑)

ใหญ่คงไม่รู้ว่าผมได้คุยกับพ่อมันแล้ว  ผมก็ไม่กล้าบอกมันด้วย  ถ้าผมบอกไปมันก็คงไม่สบายใจ  ผมตัดสินใจไม่บอกดีกว่า  แต่ก็ทำเอาผมกลับมาเครียดอีกรอบจนทนไม่ไหวต้องโทรไปหาไอ้หนุ่ยชวนมันไปกินเหล้า วันนี้ทางสะดวกแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับญาติครับ ผมเลยว่างๆ
“โหล ไอ้หนุ่ยไปดื่มกันนะมึง ว่างรึเปล่า?”
ไอ้หนุ่ยหัวเราะ “เวลามึงอยู่ดีมีสุขจะนึกถึงกูไหม มีเรื่องล่ะสิ ถึงโทรหากู”
ผมก็อยากจะย้อนมันกลับไปแต่ที่มันพูดก็จริงทุกอย่าง ตอนนี้ผมอยากได้ที่ปรึกษามากกว่าได้ศัตรูครับ “ปากดีนะมึง แล้วจะไปไหมล่ะ เครียดว่ะอยากปลดปล่อย”
“หึหึ อย่ามาปล่อยกับกู ไปก็ไป แล้วเจอกัน”  ก็เท่านั้นเอง ผมก็รู้ว่าชวนมันง่ายที่สุด  ผมนัดเจอกับหนุ่ยที่ร้านเดิมแต่ผมไปถึงก่อนเลยดื่มล่วงหน้าไปเยอะ กว่ามันจะมาถึงผมก็กรึ่มได้ที่แล้วครับ

“มาช้านี่หว่าไอ้หนุ่ย  ไม่ไหวๆ”
ไอ้หนุ่ยยิ้มแล้วดึงแก้วออกจากมือผม “เฮ้ย...มึงดื่มมากไปแล้วรอกูมั่ง”
ผมส่ายหน้าอย่างขัดใจพยายามคว้าแก้วคืนมาจากมันแต่มันก็ดึงหนีออกไม่ยอมส่งให้ “รอกูมั่งดิ  กินกับบ้างมึง เมาแย่แล้ว”
ผมต้องนั่งมองมันดื่มคนเดียวอย่างขัดใจ “มาถึงก็กวนกูเลยนะมึง เจอกันกี่ครั้งก็ไม่เปลี่ยน”
“กูไม่อยากคุยกับคนเมา คุยไปก็ไม่รู้เรื่อง คุยให้รู้ก่อนแล้วจะเมาค่อยเมาทีหลัง”ไอ้หนุ่ยมันพูดจริงๆจังๆ  ทำอย่างกับว่ามันมีเรื่องหนักกว่าผมเสียอีก

“มึงเป็นอาราย...มึงก็ท่าทางมีเรื่องนี่หว่า”  ผมเริ่มอยากพูดอยากระบายให้ใครสักคนฟัง
“กูไม่เข้าใจ ทำไมชีวิตคนมันต้องมีปัญหาด้วยวะ กูเห็นบางคนเค้าออกจะชีวิตราบรื่น ฟ้าไม่ยุติธรรมนี่หว่า”
ไอ้หนุ่ยทำหน้าเฉยๆพูดออกมาว่า “ปัญหามีไว้ให้แก้ไง เป็นแบบทดสอบของคนจริง ใครสู้ผ่านมันไปได้ก็เป็นผู้ชนะ อย่าไปโทษฟ้าเลยฝัน” ผมไม่รู้ว่ามันบอกผมหรือบอกตัวเองกันแน่
“เหอะ...มึงบอกแบบนี้ช่วยกูได้มากเลย ถ้าตอบแบบนี้กูก็ไม่ต้องเรียกมึงออกมาแบบนี้หรอกวะ”  ผมยื้อดึงแก้วเหล้าคืนจากมันมาจนได้ ผมรินเหล้าให้ตัวเองอีกครั้ง อยากจะดื่มให้ลืมเรื่องที่คุยกับพ่อใหญ่ไปให้หมด ไอ้หนุ่ยแตะมือผมมองเหมือนปรามๆว่าผมดื่มหนักไปแล้ว
“เบาหน่อยๆฝัน  กลุ้มอะไรหนักหนาวะ  ไหนมึงเล่ามาให้กูฟังหน่อย  ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง”

ผมไม่เคยเล่ารายละเอียดให้ไอ้หนุ่ยฟัง แต่มันดูเหมือนจะรู้เยอะกว่าที่ผมคิด ระหว่างที่ผมเล่าให้มันฟัง ไอ้หนุ่ยนั่งฟังเงียบๆมีพยักหน้ารับรู้เป็นระยะ  มันไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจอะไรเมื่อรู้ว่าผมรักกับใหญ่  ผมเล่าจบลงตรงที่ว่า
“ท่าทางพ่อใหญ่ไม่ยอมรับความรักจากกูว่ะ ออกแนวกีดกันไม่ให้กูติดต่อกับใหญ่ด้วยซ้ำ”
“มึงโกรธพ่อใหญ่มันเหรอ” เจอคำถามไอ้หนุ่ยเข้าไปผมก็อึ้ง
“กูไม่เคยคิดว่ากูโกรธหรือไม่โกรธว่ะ  กูเสียใจ เสียเซลฟ์มากกว่า สงสารใหญ่มันด้วย เรื่องนี้ต่างหากที่สำคัญที่สุด” นึกขึ้นมาก็หนักใจต้องถอนหายใจออกมาอีกที

“แล้วใหญ่เค้าว่าไงล่ะ มึงติดต่อกับเค้ารึยัง เค้าคุยกับพ่อเป็นยังไงบ้าง”
ผมส่ายหน้า “กูยังไม่ได้จดหมายจากมันเลย มันบอกมาครั้งสุดท้ายว่าบอกพ่อเรื่องกูแล้วพ่อก็เงียบไป หลังจากนั้นกูยังไม่รู้ว่ามันเป็นไงบ้าง”
ไอ้หนุ่ยมันกะพริบตาปริบๆ “มึงว่าอะไรนะ จดหมาย? ไอ้ใหญ่มันอยู่บนดอยเหรอ กูนึกว่ามันอยู่เชียงใหม่ มันอยู่ที่กันดารขนาดนั้นเลยเหรอ ไฟฟ้า โทรศัพท์ไม่มีเรอะ”
ไอ้หนุ่ยพูดจบผมหัวเราะกิ๊กเลยครับ เพราะรู้ว่ามันสงสัยจริงๆว่าทำไมผมต้องใช้จดหมาย ไม่ใช่อีเมลล์หรือโทรศัพท์ มันคงนึกว่าไอ้ใหญ่เป็นหนุ่มดอย แต่มันคงไม่รู้ว่าดอยเดี๋ยวนี้เจริญจนมีจานดาวเทียมกันหมดแล้วด้วยซ้ำ

“มันอยู่ในเมือง คิดได้ไงวะว่ามันอยู่ดอย กูกับมันแค่ชอบอะไรที่มันคลาสสิก มึงรู้จักไหม วิธีบอกรักกันแบบโบราณ ดีนะมึง ไม่ลองไม่รู้”
ผมกับมันมองหน้ากันยิ้มๆ แล้วมันก็หัวเราะออกมา “คลาสสิกหรือเชยวะ ทำไปได้นะมึง แต่ก็ดีเขียนจดหมายมันทำให้เราได้คิดมากขึ้น กูยอมรับนะ พวกมึงน่ารักดีว่ะ เขียนจดหมายหากัน ”
“อืม กูก็ไม่เคยทำแบบนี้กับใครนะ ยิ่งเขียนจดหมายหามันกูก็ยิ่งรักมัน ตอนรอจดหมายมันกูก็มีความหวัง”
ผมหลับตานิ่งนึกถึงไอ้ใหญ่ อยากเจออยากพูดกับมันเป็นที่สุด นึกถึงรอยยิ้มของมันแล้วก็ยิ่งคิดถึง

“มึงหลับฝันหวานไปแล้วเหรอ”เสียงเรียกของไอ้หนุ่ยปลุกผมจากภวังค์
“เปล่า  กูแค่คิดถึงใหญ่มัน แต่หนุ่ย...กูควรจะทำยังไงดีวะ”
ไอ้หนุ่ยถอนใจยาว แววตาเหน็ดเหนื่อย “กูยังเอาตัวไม่รอดเล้ยฝันเอ๊ย  กูก็พอๆกับมึง เรามันหัวอกเดียวกันพ่อแม่แฟนไม่ยอมรับ กูชักเหนื่อยแล้วว่ะ”
“มึงท้อรึยัง  มึงทำอะไรมาบ้างแล้วล่ะ”
“ตอนนี้กูทำใจ คนเราคู่กันก็คงไม่แคล้ว วาสนาเรามีแค่ไหนก็คงแค่นั้น”
กรรมจริงๆนี่ผมมาปรึกษากับมันหวังว่าจะมีทางออก กลายเป็นว่าผมเรียกมันมาเพื่อให้ผมปลงตกไปซะแล้ว

“ตามความเห็นกู มึงควรให้ใหญ่เค้าไปจัดการเรื่องครอบครัวเค้าเอง ถ้ามึงไปแทรกแล้วพ่อลูกเค้าผิดใจกันมันก็ไม่ดี เรื่องนี้มันละเอียดอ่อนนะ  มึงต้องให้ใหญ่เค้าเลือกทางเดินเอง แต่ไม่ว่าทางไหนมันก็ต้องมีคนที่เสียใจ เพียงแต่ว่าจะเป็นใครเท่านั้นเอง”
“กูไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย มันจะไม่มีทางเลยเหรอที่เราจะมีความสุขกันทุกฝ่าย แบบที่เค้าเรียกกันว่า Win Win”
 “มึงอย่าเอาหลักทางเศรษศาสตร์มาใช้กับเรื่องจิตใจคน มันไม่เหมือนกันนะ ใจคนเรามันไม่มีเส้นแบ่งระหว่างสมหวังกับผิดหวัง จิตใจมันเป็นเรื่องนามธรรม  มันไม่ใช่รูปธรรมเหมือนกำไรขาดทุนที่เห็นกันได้ชัดเจน แล้วไอ้Win Win ที่มึงว่าก็ทำเอาธุรกิจเจ๊งไม่เป็นท่าไปก็เยอะ เพราะมันไม่มีหรอกที่ทุกฝ่ายจะได้กันหมด มันก็แค่คำลวงให้ตายใจเท่านั้นเอง”

“มึงหมายถึงต้องมีใครคนใดคนหนึ่งยอมถอยเหรอ หรือต้องมีคนที่ยอมเสียใจให้คนที่เหลือมีความสุข”แค่คิดผมก็ท้อแล้วครับ หรือคนๆนั้นจะเป็นผม
ไอ้หนุ่ยพยักหน้า “มึงคิดว่าระหว่างมึงกับพ่อใหญ่จะประนีประนอมกันได้ง่ายๆไหมล่ะ  แต่เท่าที่กูฟังกูว่ายาก กูไม่ได้ตัดกำลังใจมึงนะ แต่ถ้ากูเป็นหมอกูก็อยากบอกอาการที่แท้จริง ไม่ใช่หลอกไปวันๆว่าไม่เป็นไรรักษาได้ หายได้แน่นอน ทั้งที่โรคมันร้ายแรงจนเกือบจะโคม่า”

ผมว่าถ้ามันเป็นหมอจริงๆ คนไข้คงจะช็อกตายเพราะมันวันละหลายๆหน “มึงจะตรงไปไหน ทำเอากูใจแป้ว กูยังมีหวังนะเว้ย มึงไม่เคยฟังเพลงเหรอ ตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง กูยังไม่สิ้นหวังหรอก  ถึงโรคกูจะร้ายแรงถึงขั้นโคม่าแต่เปอร์เซ็นต์รอดก็ยังมี  เพียงแต่ตอนนี้กูยังคิดทางออกไม่เจอเท่านั้นเอง”
ไอ้หนุ่ยมันยิ้มเลยครับ “ก็ดีแล้วนี่  ที่มึงคิดได้อย่างนี้  กูแค่ลองใจมึงนิดเดียวทำเป็นเครียดไปได้”
ฟังมันพูดครับ สรุปว่าที่มันพูดมาทั้งหมดมันหลอกผมนี่หว่า  ยังดีที่ผมไม่หลงกลมัน เรื่องมันสำคัญขนาดนี้ผมจะท้อเอาง่ายๆได้ยังไงล่ะครับ กลายเป็นว่าไอ้หนุ่ยมันท้าทายผมว่าผมจะสู้กับปัญหายังไงมากกว่า

“มึงต้องรู้ตัวเองสิฝันว่ามึงทำได้แค่ไหน หรือควรทำอะไร กูบอกมึงไม่ได้หรอกว่ามึงควรทำยังไง  กูเชื่อว่ามึงคิดเองได้”
ไอ้หนุ่ยมันทิ้งท้ายไว้แบบนี้  ผมไม่รู้ว่าที่ผมมาคุยกับมัน  มันช่วยอะไรผมได้บ้างแต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้แน่ๆก็คือผมเริ่มฮึกเหิมมากขึ้นเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น  กลับไปถึงบ้านผมเลยวัดดวงโทรหาใหญ่อีกครั้งหวังว่าดึกแล้วมันคงจะรับสายผม

“โหลฝัน”ใหญ่มันอยู่จริงๆด้วยครับ แต่น้ำเสียงมันไม่ดีเลย
“มึงเป็นไงบ้าง กูเป็นห่วงมึงนะ” ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของมัน ได้แต่เสียใจที่เราอยู่ห่างกันเกินไป   ผมอยากกอดอยากปลอบมันแค่ไหนก็ส่งไปได้เพียงคำพูด
“กูไม่เป็นไร แค่เครียดๆกว่าเดิมเท่านั้นเอง”
“แล้วพ่อกับมึงเป็นยังไงบ้าง  คุยกันอีกครั้งรึยัง” ผมตัดสินใจถามใหญ่ตรงๆให้รู้เรื่องกันไป
ใหญ่เงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบผมด้วยน้ำเสียงหนักใจที่ปิดไม่มิด

“พ่อไม่พูดกับกูมาตั้งแต่วันนั้น เราเหมือนอยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่มีตัวตนสำหรับกันและกัน นึกๆแล้วก็ตลกนะฝัน พ่อกูอายุเท่าไหร่ กูอายุเท่าไหร่ แก่กันขนาดนี้แล้วมางอนกันเหมือนเด็กๆ หึหึ” เสียงหัวเราะของใหญ่ไม่บอกว่าขำเลยครับ ถ้ามันเป็นเรื่องตลกจริงอย่างที่ใหญ่บอกมันก็คงเป็นตลกที่หัวเราะไม่ออก
“แล้วมึงคิดจะทำยังไงต่อไป” ถ้าผมอยู่ด้วยผมคงกอดมันไว้แล้ว มันทรมานจริงๆครับที่ต้องเห็นคนที่เรารักเป็นทุกข์  แต่เราก็เหมือนคนใจดำได้แต่มองอยู่ห่างๆ

“กูยังคิดไม่ออก  แต่กำลังคิดว่าถ้ากูทนไม่ไหวคงต้องเป็นคนพูดกับพ่อก่อน”
“ดีแล้ว ยังไงเราก็เป็นลูก  พูดก่อนดีที่สุดแล้ว  ถามพ่อไปตรงๆเลยก็ดี กูก็อยากรู้ว่าพ่ออยากให้เราทำยังไง การรอโดยไม่รู้มันเหมือนคนตาบอด กูไม่อยากมองอนาคตไม่เห็น ยังไงๆตอนนี้พ่อมึงก็เป็นคนกำหนดอนาคตของเราแล้วนะ” ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมพูดไปแบบนั้นแต่ผมก็พูดไปแล้ว ใหญ่เงียบไป ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย มันเหมือนเราต่างก็เครียด
แต่คำที่ใหญ่พูดขึ้นมาทำให้ผมต้องคิดใหม่อีกครั้ง
 “มึงไม่คิดบ้างเหรอ  ว่ากูต่างหากที่ต้องตัดสินใจ ไม่ใช่พ่อกู”

ฟังน้ำเสียงมันแล้วผมก็กลัวใจมัน“กูไม่อยากให้มึงต้องเลือกนะใหญ่  เพราะถ้ามึงเลือกคือมึงต้องได้อย่างหนึ่งแล้วเสียอีกอย่างไป กูไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น” น้ำเสียงผมแหบแห้งลงไปทุกที เหมือนเส้นเลือดในสมองมันเต้นตุบๆ
“มึงคิดว่ากูอยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ กูเป็นคนที่ไม่อยากเลือกมากที่สุดนะ  คนนึงก็พ่อ อีกคนกูก็รัก  กูรักทั้งสองคนนะฝัน มึงอย่าลืมสิ”
ใหญ่มันไม่ร้องไห้ให้ผมได้ยินก็จริงครับ แต่ผมรู้ว่าหัวใจมันเศร้า  ผมคิดว่าผมไม่อยากโทรไปหามันอีก การโทรศัพท์มันทำให้ความเศร้าส่งมาถึงผมเร็วเกินไป ผมอาจจะเป็นพวกมาโซที่ยอมทรมานตายแบบช้าๆดีกว่าที่ตายแบบเฉียบพลัน

ก่อนผมจะวางสายไปผมบอกกับใหญ่ว่า “เขียนจดหมายมาหากูนะ กูจะรอ  ก่อนที่มึงจะเลือกอะไร  กูขอมีส่วนรู้เห็นด้วย ”
วันนั้นใหญ่วางสายไปเงียบๆไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำขอของผม หลังจากวันนั้นผมรอคอยจดหมายจากมันด้วยใจกังวล จนกระทั่งจดหมายจากใหญ่มาถึง  ผมเปิดอ่านไปหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

ฝันคนดี
กูคิดอยู่นานว่าจะเขียนจดหมายมาหามึงดีหรือเปล่า  กูอยากให้ความยุติธรรมกับพ่อกู  ในเมื่อเรื่องมันยังไม่ลงตัวแบบนี้ กูควรจะห่างทั้งมึงและทั้งพ่อไปด้วยหรือเปล่า  แต่กูก็ทำไม่ได้ กูว้าวุ่นใจอย่างที่สุด วันนี้พ่อมาแนวใหม่ชวนครูน้ำมาสอนพิเศษน้องออมที่บ้าน ดูเหมือนครูจะต้องมาทุกวันด้วย  พ่อเมื่ออยู่ต่อหน้าครูก็คุยกับกูตามปกติคอยชมกูต่อหน้าครูอยู่เสมอๆ  กูอึดอัดจนทำตัวไม่ถูก
กูไม่รู้ว่าครูน้ำรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังเป็นเครื่องมือของพ่อในการดึงกูไปจากมึง กูสงสารเค้าว่ะถ้าเค้าได้เจอคนดีๆน่าจะดีที่สุด เค้าไม่ควรจะต้องมาพัวพันกับกูโดยไม่มีอนาคต  กูกำลังคิดว่าถ้ากูเปลี่ยนความคิดพ่อไม่ได้ กูจะบอกความจริงกับครูไปน่าจะแฟร์กับครูมากที่สุด อย่างน้อยครูน้ำจะได้ไม่มีหวังในตัวกูอีก  แล้วเราจะเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิม

กูกำลังจะต้องทำร้ายจิตใจคนอีกคนแล้วฝัน กูไม่เข้าใจทำไมกูต้องทำแบบนี้ด้วย กูไม่อยากทำเลยฝัน บางครั้งกูเคยคิดว่าถ้าเราไม่รักกันแบบนี้จะดีกว่าไหมทุกอย่างคงจะง่ายขึ้น  แต่พอกูรู้ตัวว่ากูเผลอคิดไปแบบนี้กูก็เสียใจ  กูกำลังอ่อนแอลงทุกวันนะฝัน มึงยังรักกูอยู่ใช่ไหม กูแค่หวังว่าเราจะยังรักกันต่อไปแบบนี้ได้ตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
รักมึงทุกวัน
ใหญ่
*****************
โอ๊ยยยยย....ทำไงดีว้า :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 05-12-2009 22:52:41
สู้สู้นะคะใหญ่ ฝัน
เจ๊เอาใจช่วย :sad11:
+1จ่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 05-12-2009 23:06:38
ขนาดคนเขียนยังเครียด

เล่นเอาคนอ่านเครียดไปตาม ๆ กัน

พออ่านจบ ลมเเทบจับ   :เฮ้อ:
พ่อของใหญ่ อาไรจะปานนั้นนนน   :serius2:

ป.ล. ใจเย็นนะคับ ไรเตอร์ เป็นกำลังใจให้คับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 06-12-2009 01:36:33
ทำไมพ่อของใหญ่เป็นเอามากขนาดนี้
อะไรๆก็ยังพอทนเพราะจะให้ยอมรับง่ายๆก็ยากอยู่
แต่ดึงครูน้ำมาเนี่ย เข้าขั้นเห็นแก่ตัวมากนะ
รู้ทั้งรู้ว่าลูกตัวเองเป็นยังไง จะให้ผู้หญิงมาเสี่ยงช่วยเปลี่ยนรึนั่น

“กูไม่อยากให้มึงต้องเลือกนะฝัน  เพราะถ้ามึงเลือกคือมึงต้องได้อย่างหนึ่งแล้วเสียอีกอย่างไป กูไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น”
ตรงนี้เป็นคำพูดของฝันนี่คะ ชื่อที่กล่าวถึงน่าจะเป็นใหญ่นะคะ

บวก 1 แต้ม เป็นกำลังใจให้ทั้งคนแต่งคนโพสต์ค่ะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 06-12-2009 07:36:29
รักทุกวัน :monkeysad:

ใหญ่สู้ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 06-12-2009 10:02:47
ทั้งจิก ทั้งกัด

จิตใจกันไปถึงไหน  :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 06-12-2009 10:51:58
โอ๊ยยยย เครียดแท้ต :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 06-12-2009 16:24:11
หนุ่ยพูดได้ดีจริงๆ

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ต่อไป

อ้อ ให้หนุ่ยด้วยอีกคนนะค้าบ  :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 06-12-2009 18:47:08
ในเมื่อยังหาทางออกที่สวยงามไม่ได้ก้ปล่อยมันไปเรื่อยๆให้กาลเวลามันทำหน้าที่คลี่คลายบรรเทาเรื่องราวไปก็ปแล้วกันนะ ใหญ่นะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 08-12-2009 09:02:19
ดันๆๆๆ :3123:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 08-12-2009 12:05:08
เจ้าฝันต้องให้คนกระตุ้นถึงจะฮึด ให้มันได้อย่างนี้สิ :a2:
เพ่หนุ่ยนี่...โคตรเท่อ่ะไม่ได้โตแค่อายุอย่างเดียว...แต่ความคิดความอ่านโคดน่านับถือสุดยอดดดดเพ่ท่าน
ส่วนนุ้งใหญ่  :เฮ้อ: ต้องให้กำลังใจแล้วก็ไหนจะต้องเคลียร์กับครูน้ำให้จิงๆจังๆอีกรอบดีมะ
เพราะดูเหมือนพ่อจะยังไม่เข้าใจอะไรและยังพยายามผลักดันครูน้ำเป็นลูกสะใภ้ ต่อไป  :เฮ้อ:

+1 คะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-12-2009 16:58:00
อ่านจบปุ๊บ

ตูเครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ได้อีก  :z3:  :z3:  :z3:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 08-12-2009 22:23:28
อ่านตอนนี้แล้ว อึดอัดแทนใหญ่จัง

คงต้องมาลุ้นกันต่อว่า ใหญ่จะจัดการปัญหานี้ยังไง

+1 ให้นะครับ รอตอนต่อไปอยู่
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 11-12-2009 09:21:55
 :try2: มาแจ้งข่าวให้ทราบว่าช่วงนี้อาจมาต่อช้านะคะ
เพราะมีภารกิจที่อยากจะดันให้เสร็จในระยะนี้
เลยยังไม่มีสมาธิที่จะเขียนต่อ
ถ้าเป็นไปได้จะพยายามมาต่อให้เร็วที่สุดค่ะ
ไม่ค่อยได้มารี แต่ก็ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามอ่านมาตลอดค่ะ
ขอบคุณค่ะ  o15
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 11-12-2009 11:38:34
ขออ่านให้จบรวดเดียวแล้วจะมาเม้นต์ให้นะ



 :กอด1: ชอบเรื่องที่รู้สึกถึงกลิ่นเศร้าๆแต่ต้นเรื่องและ :L3:




เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 13-12-2009 13:37:07
รอต่อไป :3123:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 13-12-2009 19:16:47
สงสารใหญ่  ไปเคลียร์กับครูน้ำอีกรอบดีมะ

บอกไปเลยว่าเป็นเกย์รับ แล้วผมก็รักเค้ามาก เจอไปแบบนี้ไม่ถอยก็ให้มันรู้ไป

แต่กลัวพ่อใหญ่จะไม่สบาย แล้วเอาปัญหาด้านสุขภาพมาบังคับใหญ่่ ซวยแน่ๆๆ

ุถ้าเป็นแบบนี้ เพราะใหญ่คงห่วงพ่อแล้วไม่กล้าขัดแน่ๆๆ

เราว่าปัญหาพ่อใหญ่ ตอนนี้คงเหมือนบัวใต้น้ำ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นนอกจากสิ่งที่ตนคาดหวัง และคิดแทนลูกทุกอย่าง
ยังยึดติดกับสูตรสำเร็จของชีวิต 


 คงต้องให้ใครมาช่วงชี้ทางสว่างรึเปล่า  ถึงจะช่วยกระทุ้งให้สติพ่อใหญ่ให้ได้ิคิด

อะไรคือสิ่งที่จะทำให้ลูกตัวเองมีความสุขที่สุด  ในเมื่อสองทางไม่อาจร่วมกันได้ :เฮ้อ:

ทางแรกใหญ่ได้ครองคู่กับคนรักหากแต่ยังเป็นความรักที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม

ทางที่สอง แต่งงานมีลูกเมีย แต่หาความสุขไม่ได้








หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 23-12-2009 15:22:43
มาดันรอต่อไปปปป   :z10:


เป็นกำลังใจให้นะครับ ไรเตอร์  :L2:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 23-12-2009 17:50:26
 :L2:
ช่วยดันจ่ะ
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 23-12-2009 21:49:21
มารอๆๆๆ  :call:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๑๔๑ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๑๔๑
เริ่มหัวข้อโดย: PAN@DA ที่ 25-12-2009 22:24:20
มาให้กำลังใจคนแต่ง... แล้วก้อเอาใจช่วยใหญ่กับฝัน ให้พ่อยอมรับได้เร็วๆนะ

 :mc3: :mc2: Merry X'Mas นะคะ :  :mc3: :mc2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๒๔๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๒๔๒ (มาต่อแล้วค่ะ 29/12/09)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 29-12-2009 18:20:58
ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ทิ้งไปนาน คราวนี้คงหายอีก 555+ แต่คงไม่นานแล้วค่ะ
เพราะคนเขียนเค้าพอมีเวลานิดนึงก่อนจะงานเข้ามาอีก คงมีมาต่อได้เป็นระยะ :try2:
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ใหญ่กับฝันต่อไปนะคะ  :pig4:
*****************
(ตอนที่ ๔๒)

ในชีวิตผมตั้งแต่เกิดมาเรียกได้ว่าชีวิตค่อนข้างราบรื่นมาตลอด มีสะดุดก็แค่เมื่อครั้งที่พ่อเสีย แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาในเรื่องการดำเนินชีวิตหลังจากนั้น เพราะแม่สามารถจัดการได้หมด การเรียนของผมก็เป็นไปด้วยดีมาตลอด สอบเข้าอะไรก็เข้าได้ไม่เคยต้องให้แม่เดือดร้อนวิ่งหาที่เรียนให้  ผมไม่ได้เรียนดีนักแต่ก็ไม่เคยสอบตกไม่เคยเข้าขั้นอาจจะโดนรีไทร์เหมือนเพื่อนหลายๆคน
เมื่อเรียนจบผมก็หางานได้ทันทีไม่เป็นภาระให้แม่ต้องเลี้ยงผมฟรีๆ เรียนโทผมก็หาเงินเรียนของผมเอง อาจเป็นไปได้ว่าภูมิต้านทานต่อปัญหาของผมจึงมีน้อยมาก แต่ครั้งนี้เมื่อผมมีความรักมันกลับเป็นปัญหาที่ผมคาดไม่ถึง มันเริ่มตั้งแต่เมื่อรู้สึกรักแล้ว ทั้งที่ใครๆก็บอกว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม โลกนี้จะงดงามเมื่อคนเรามอบความรักให้แก่กัน แล้วทำไมความรักของผมกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ความขัดแย้งในใจตั้งแต่แรกเริ่มของทั้งผมและใหญ่ก็ทำให้เกิดความเจ็บปวดไปแล้ว ต่อมาเมื่อเราเข้าใจกันดีเราน่าจะมีแต่ความสุขแล้วไม่ใช่เหรอ แต่เรากลับมีความสุขจากความรักกันได้ไม่นาน
ผมอ่านจดหมายใหญ่แล้วผมเป็นทุกข์ มันเป็นทุกข์ที่เกิดจากความรักอย่างแท้จริง แต่เมื่อเรารักไปแล้วให้ทุกข์ยังไงเราก็ต้องฝ่าฟันไปครับ

ใหญ่ที่รัก
มึงอย่าเพิ่งอ่อนแอนะถ้ามึงอ่อนแอลงไปคน กูเองก็คงไม่ไหว กูรู้ว่ามันอยากสำหรับคนที่จิตใจดีอย่างมึงที่จะทำร้ายจิตใจใครอย่างครูน้ำ แต่บางครั้งความจริงถึงแม้มันจะทำให้เจ็บก็ยังดีกว่าที่เราจะหลอกลวงเค้าไปวันๆด้วยความฝันที่มันไม่มีวันเป็นได้จริง กูว่าครูเค้าต้องขอบใจมึงมากกว่าที่พูดตรงๆไปกับเค้า
กูมีข่าวดีจะเล่าให้มึงฟัง กูกำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์แล้วนะ ถึงแม้กูจะลาบ่อยทำงานก็ได้เรื่องมั่งไม่ได้เรื่องมั่ง แต่หัวหน้าเค้าก็เห็นความตั้งใจของกู กูจะได้เงินเดือนขึ้นด้วยนะ มึงอย่าเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆนะ ตอนนี้ถ้ามีเรื่องไหนที่ทำให้กูมีความสุขได้กูก็จะคิดถึงเรื่องนั้น กูอยากให้มึงทำแบบกู
ถ้าตอนนี้เรื่องไหนที่ทำให้มึงยิ้มได้มึงก็ยิ้มไปกับมัน อย่าเอาทุกเรื่องมารวมกัน กูมาคิดได้ว่าคำตอบของทุกปัญหามันไม่ได้มีแค่ใช่หรือไม่ใช่ ได้หรือไม่ได้ ในความเป็นจริงแล้วมันอาจมีทางเลือกที่สามสี่ห้าที่เรายังคิดไม่ออกในตอนนี้ก็ได้
ถ้ามึงบอกครูน้ำไปแล้วก็เล่ามาให้กูฟังบ้างว่าเป็นยังไง แต่กูรู้ว่าที่มึงตัดสินใจจะทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เราค่อยไปแก้ไปทีละเรื่องแล้วกันนะ
กูอยู่ข้างมึงเสมอ
ฝัน...รักนะ


“ฝัน กูว่าปีนี้เราไปเราไปเที่ยวเขาใหญ่ดีไหม เห็นเค้าว่าส่องสัตว์น่าสนุก”
ผมเงยหน้าขึ้นมองใหญ่ท่าทางมันคงไปได้ข้อมูลอะไรมา “ไปเขาใหญ่? นึกยังไงวะ”
ใหญ่ยิ้มแล้วบอกผมว่า “ก็เห็นเค้าฮิตกัน  กูอยากไปเข้าสู่ธรรมชาติแบบซาฟารีไปดูสัตว์ป่ากัน ตอนนี้ก็เริ่มๆหนาวแล้วด้วยกูอยากไปเจออากาศเย็นๆ สูดอากาศบริสุทธ์บ้าง รึมึงว่าไง”
“ก็ดีนะฝัน อ้อยก็อยากไปแต่อ้อยว่าเราไปทะเลกันดีกว่า ช่วงนี้หนาวๆใครๆก็ไปเขาใหญ่ คนเยอะจะตาย ไปทะเลดีกว่าเนอะใหญ่ อ้อยว่าไปทะเลดีกว่า”  อ้อยพยายามชักจูงให้ใหญ่เปลี่ยนใจ

ใหญ่มันเงียบไปผมรู้ว่ามันไม่อยากไปทะเล แต่มันก็ไม่พูดแย้งขึ้นมาผลเลยพูดแทน “แต่ช่วงนี้หนาวไปทะเลมันไม่เข้ากันหรอกอ้อย ไปเขาใหญ่ดีแล้วหนาวๆน่าจะสนุก”
“แต่อ้อยไม่อยากไปเขาใหญ่นี่ อ้อยขีเกียจเดิน” ผู้หญิงคงไม่ชอบลำบากครับ แต่ผู้ชายอย่างผมชอบผจญภัยอยู่แล้ว
“ไปทะเลก็ได้ฝัน อย่างที่อ้อยว่าก็ถูก ช่วงนี้คนคงเยอะ เราไปแบบไม่ต้องแย่งกับใครดีกว่า”ใหญ่มันขยิบตาพยักหน้าให้ผมโอเคกับที่มันพูด  แต่ผมไม่เข้าใจถ้าเราไม่อยากไปทำไมเราไม่บอกไปตรงๆว่าเราไม่อยาก
“เอางี้ดีกว่าลงคะแนนเสียงว่าไปไหนดี ผมเลือกเขาใหญ่ ส้มกับหมู พวกนายด้วยไปไหนดีวะ ไม่ออกความเห็นกันบ้าง”ผมหันไปไล่ถามเพื่อนๆว่าอยากไปที่ไหนกันสรุปว่าส่วนใหญ่เลือกไปเขาใหญ่กันมากกว่า ทำเอาอ้อยงอนผมไปเลย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ถึงแม้ผมจะชอบอ้อยอยู่มากแต่ผมก็คิดถึงเหตุผลและความต้องการของคนส่วนใหญ่มากกว่า

“ทำไมมึงไม่ตามใจอ้อยไปวะ มึงชอบเค้าไม่ใช่เหรอ”ใหญ่มันมาถามผมเมื่อเราสองคนแยกกันออกมาจากกลุ่มเพื่อนเพื่อกลับบ้าน
“กูต้องถามมึงมากกว่า มึงไม่อยากไปทะเลแล้วไปตามใจเค้าทำไมกัน”ผมมองมันแล้วส่ายหน้า
“มึงทำไมต้องไปตามใจคนอื่น ทำไมต้องฝืนใจตัวเอง” ผมดุมันไปทำไมไม่รู้ รู้แต่ว่าพอเห็นมันทำแบบนี้แล้วผมหงุดหงิดใจ
ใหญ่ทำหน้าหงอยก่อนตอบผมว่า “ก็เห็นว่ามึงชอบอ้อย กูก็อยากช่วยมึง กูเลยกลายเป็นคนผิดไปอีก”ใหญ่มันพูดจบก็เดินไวๆเหมือนงอนหนีผมไปเลยครับ เดือดร้อนผมต้องวิ่งตามดึงมือมันไว้
“เป็นอะไรวะ กูไม่ได้ว่าอะไรมึงสักหน่อย” มันหันมามองหน้าผมทำหน้าเสียใจ
“เนี่ยนะไม่ว่า มาดุกู”  มันสะบัดหน้าหนีผมแล้วดึงมือออก
“กูไม่ได้ดุมึง กูแค่...ไม่ชอบใจที่มึงชอบเห็นความรู้สึกคนอื่นสำคัญกว่าตัวเอง”
ใหญ่หันหน้ามามองผมทำหน้าไม่เข้าใจ “ยังไง?”

“มึงชอบตามใจคนอื่นมากไป ไม่รู้จักรักษาสิทธิของตัวเอง ถ้าอีกหน่อยมึงไปเจอคนที่เค้าจ้องจะเอาเปรียบ มึงมิต้องยอมเค้าไปตลอดเหรอ” ผมเห็นมันใจดีแบบนี้แล้วก็ห่วงมัน ถึงเรื่องบางเรื่องจะเป็นเรื่องเล็กๆแต่ถ้าผมเห็นว่าควรเตือนมันผมก็อยากเตือน
“ถ้ามันไม่ทำให้กูลำบากนักกูก็อยากทำ มันไม่ยากนักนี่ในการที่เราจะทำให้คนอื่นมีความสุข” ใหญ่มันให้เหตุผลกับผมแบบนี้ แล้วบอกต่ออีกว่า “อย่างเรื่องไปเที่ยวถึงกูไม่ได้ไปเขาใหญ่อย่างที่อยากไป แต่กูไปทะเลกูก็ไม่ได้ทุกข์อะไรมากมายนี่  แค่ตามใจเพื่อนนิดๆหน่อยๆไม่เห็นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่อะไร”
ผมเบ้หน้าแล้วบอกมันว่า “มึงก็ใจดีแบบนี้เรื่อย”
ใหญ่ส่ายหน้า “กูใจดียอมเฉพาะเพื่อให้คนที่กูรักเท่านั้นนะ ถ้าคนนั้นกูไม่ได้สนใจเค้ากูก็ไม่ยอมหรอก มึงไม่ต้องห่วง”
ผมหันไปมองหน้ามันทันทีที่มันพูดจบ แต่มันก็มองไปทางอื่นทำให้ผมไม่รู้ว่า 'คนที่กูรัก' ของมันรวมถึงใครบ้าง

เรื่องนี้มันนานมาแล้วครับตั้งแต่สมัยเราเรียนมหาวิทยาลัยปี2แต่ผมก็ยังจำได้ดี ในตอนนั้นผมเคยชื่นชมนิสัยมันแล้วนึกด่าตัวเองว่าผมคงแคร์คนอื่นน้อยไป ไม่เหมือนกับใหญ่ที่เหมือนมีเรดาร์จับความรู้สึกหรือความต้องการของคนอื่นตลอด  ในเรื่องเดียวกันที่ต้องตัดสินใจถ้าเป็นผม ผมจะต้องเอาความคิดหรือความต้องการของตัวเองมาก่อน แต่ถ้าเป็นใหญ่มันจะเอาทั้งความต้องการของตัวเองและของคนอื่นมาประกอบการตัดสินใจตลอด  ถ้าเรื่องไหนที่มันยอมให้คนอื่นได้มันก็มักจะยอม ใครๆอาจจะบอกว่าที่ใหญ่ทำเป็นการประนีประนอมแต่สำหรับผมมันคือน้ำใจของใหญ่มากกว่า น้ำใจที่รู้จักเสียสละและเป็นผู้ให้ แต่ตอนนี้ผมกลัวน้ำใจแบบนี้ของมันจริงๆครับ ถ้าเกิดมันเป็นคนดีขึ้นมาอีกผมจะทำยังไงดี

ผมเฝ้ารอคอยจดหมายจากใหญ่อยู่หลายวันแต่ก็ยังไม่มีข่าวส่งมา  ผมพยายามทำใจให้ร่าเริงไปกับตำแหน่งใหม่อย่างที่ผมบอกกับใหญ่ไป แต่ทำไมผมจะไม่รู้ว่าผมมีความกังวลใจไม่สบายใจอยู่ลึกๆที่สลัดไม่ออกจากความคิดได้ง่ายๆ เลย

ฝัน...
คิดถึงมึงจัง กูพยายามทำใจให้มีความสุขกับเรื่องอื่นๆอย่างที่มึงบอก มันก็ช่วยได้นะแต่ได้ไม่นาน กูคงดื้อเกินไปมึงสอนอะไรกูไม่ยอมทำ ฮ่าๆ
ดีใจด้วยนะเรื่องได้เลื่อนตำแหน่ง กูว่าเจ้านายมึงคงเห็นว่ามึงมีคุณค่าที่คู่ควร ต่อไปนี้มึงก็ตั้งใจทำงานล่ะ อย่าเอาเวลางานมาคิดถึงกูให้มากไป เผื่อเค้าจะได้เลื่อนตำแหน่งให้มึงอีก หึหึ
เมื่อวานกูคุยกับครูน้ำแล้วมันไม่ยากอย่างที่กูคิดเลย กูดีใจที่กูตัดสินใจบอกครูน้ำไป มึงคงอยากรู้ว่าครูเค้าว่าไงเมื่อกูบอกเค้าไปว่ากูกับมึงรักกัน กูคงใช้คำนี้ได้ใช่ไหม 'เรารักกัน' ครูน้ำยิ้มนะมึงแต่กูว่ามันเศร้า กูไม่อยากจะพูดแบบคนหลงตัวเองว่าครูเค้าชอบกู แต่ตากูไม่ฝาดกูมองก็รู้ว่าครูเค้ารักกู

ครูน้ำพูดว่า 'น้ำรู้ค่ะ ถึงแม้จะไม่แน่ใจก็ตาม พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วงนะคะน้ำเข้าใจทุกอย่าง' มึงเห็นรึยังว่ามันง่ายกว่าที่กูคิดเยอะเลย กูบอกครูน้ำไปว่าพ่อพยายามจับคู่เราครูก็เข้าใจดีครูน้ำบอกว่าจะช่วยกู เราเลยตกลงกันว่าให้กูกับครูทำตัวตามปกติ ถ้าพ่อเห็นเราติดต่อพูดคุยกันเหมือนเดิมจะได้เข้าใจว่าเราชอบพอกัน แต่ถ้าพ่อมาเร่งเรื่องแต่งงานครูจะเป็นคนพูดกับพ่อเองว่าขอดูใจกันไปก่อน กูก็เห็นด้วยกับวิธีนี้อย่างน้อยมันก็ซื้อเวลาไปได้

กูคุยกับครูน้ำเข้าใจไปแล้วกูนอนหลับดีเลยฝัน มึงว่านี่คือข่าวดีของเรารึเปล่าแต่สำหรับกูมันใช่เลย อย่างน้อยกูก็ไม่ต้องฝืนใจปิดบังใคร ลึกๆกูรู้สึกผิดกับพ่อเหมือนกันแต่ตอนนี้กูคงทำได้แค่วิธีนี้เท่านั้น  คืนนี้กูคงนอนฝันถึงมึงได้อย่างสบายใจ มึงดีใจกับกูรึเปล่า
คิดถึงมึงนะ...อยากพูดแบบนี้อีกครั้ง
ฝัน...คนเดิม   

ใหญ่ที่รัก
กูขอลอกมึงได้ไหม...กูคิดถึงมึงจัง มันช่างดีที่เราคิดถึงกันอย่างน้อยเราก็ต่างมีกันและกันในความคิด เรื่องนี้มึงคิดเหมือนกูรึเปล่า
กูดีใจนะที่ได้รับข่าวดีจากมึงเรื่องครูน้ำ ทำเอากูนอนหลับฝันดีไปอีกคน ไม่น่าเชื่อนะใหญ่...เดี๋ยวนี้เรื่องของมึงมันกลายมาเป็นเรื่องของกู แล้วที่สุดก็กลายมาเป็นเรื่องของเราไปได้ยังไงกัน  ทุกๆเรื่องของมึงมันกลายเป็นเรื่องของเราไปแล้ว หลังจากกูอ่านจดหมายจากมึงกูยอมรับในน้ำใจครูน้ำจริงๆ เท่ากับว่าตอนนี้เรามีครูมาเป็นฝ่ายเราอีกคนแล้วสิ กูได้แต่หวังว่าระหว่างนี้เราจะมีทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย กูรู้ว่ามันจะต้องดีแน่ๆใหญ่

ใกล้จะปีใหม่แล้วมึงจะไปเที่ยวที่ไหนรึเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูคงแล่นขึ้นไปอยู่กับมึงแล้วแต่ตอนนี้กูไม่อยากกดดันพ่อมึงมากเกินไป ยังไงๆเค้าก็คงไม่ดีใจแน่ๆที่เห็นหน้ากู เราจะทำยังไงดีให้ได้เจอกัน กูหยุดหลายวันไม่ได้ทำงานแล้วกูจะทำยังไงถ้ากูคงคิดถึงมึงจนทนไม่ไหว
มึงอย่ายิ้มนะกูไม่ได้เว่อร์ไป ความคิดถึงมันห้ามกันได้ง่ายๆที่ไหน มันก็เหมือนกับที่เค้ารณรงค์ห้ามกินเหล้า แล้วมึงดูสิห้ามได้ที่ไหนกูก็ยังเห็นเค้ากินกันออกโครมๆ ถ้ามาห้ามกูคิดถึงมึงกูคงลงแดงตายแน่ๆ ฮ่าๆ

ปีใหม่นี้ถ้าถามกูว่ากูอยากได้อะไร กูแค่อยากได้นอนกอดมึงตลอดไป มึงว่าฝันของกูจะเป็นจริงไหม...ใหญ่
รักมึงเหมือนเคย
ฝัน

เรื่องของใหญ่มีผลกับชีวิตผมจริงๆครับ จนทั้งแม่ก็ทักและไอ้หนุ่ยเพื่อนผมมันก็สังเกตเห็น
“มึงจะยิ้มทำไมวะ กูแค่บอกว่ากูโดนส้มทิ้งแล้ว” ไอ้หนุ่ยมันหน้ามุ่ยถามผม ผมถึงรู้ตัวว่าผมอารมณ์ดีผิดเวลาไปหน่อย
“โทษทีว่ะ กูคิดเรื่องอื่นเพลินไปหน่อย ไหนมึงว่าไงนะ...ส้มทิ้งมึง ทิ้งได้ไง ของดีราคาถูกขนาดนี้”
ไอ้หนุ่ยมันเอื้อมมือมาตบหัวผมทันทีครับ “ปากเสียนะมึง กูมันของดีสมราคาเว้ย ราคาถูกที่ไหน หึหึ”
ดูๆไอ้หนุ่ยมันไม่เห็นเศร้าเลยครับที่โดนทิ้งจนผมเริ่มไม่แน่ใจว่ามันมาอำผมรึเปล่า “มึงไม่เห็นเศร้าเลยวะหนุ่ย ทำเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ถามจริงโดนทิ้งจริงๆเหรอ”

ไอ้หนุ่ยยิ้มฝืนๆแล้วยกดื่มตามเคย “เศร้าดิ กูรักเค้านะ แต่คนอย่างกูชีวิตเดินหน้าไม่มีถอยหลัง กูมีแต่เกียร์Dเว้ย เกียร์Rกูไม่ใช้” มันเข้าใจเปรียบครับแต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าโดนทิ้งมันเดินหน้าหรือถอยหลังยังไง
“อธิบายเพิ่มหน่อย ช่วงนี้สมองกูมันเต็มๆไปด้วยไอ้ใหญ่ เหลือสติปัญญาคิดเรื่องอื่นน้อยเต็มที หึหึ”พอผมพูดจบไอ้หนุ่ยมันทำท่าอ้วกเลยครับ มันคงหมั่นไส้ผมเต็มที ผมก็อยากปลอบมันนะครับแต่ดูหน้ามันแล้วมันอกหักตรงไหน ผมปลอบมันไม่ไหวจริงๆ
“ก็เค้าเลือกไอ้คนนั้นไปแล้ว ปีหน้าเค้าจะแต่งงานกันแล้วมึงจะให้กูทำไง เค้าก็มีชีวิตของเค้าเมื่อเค้าไม่เลือกมาร่วมชีวิตกับกู กูก็ต้องเดินหน้าต่อไปหาแม่ของลูกคนใหม่ กูไม่มามองเรื่องที่กำลังจะเป็นอดีตหรอกฝัน มองย้อนหลังไปจะมีประโยชน์อะไรล่ะ” ไอ้หนุ่ยมันยิ้ม มันยิ้มได้ไงผมล่ะงง

“มึงเหมือนไม่ได้รักส้มเท่าที่ควรเลยว่ะ มึงไม่ยื้อไม่สู้หน่อยเหรอ”
“กูสู้แล้ว ตอนที่กูสู้มึงก็ไม่รู้เรื่อง ก็อย่างที่มึงบอกสมองมึงมันมีแต่ไอ้ใหญ่ กูไม่เจอหน้ามึงนานแล้วนะกูจะไปเล่าให้มึงฟังตอนไหนกัน” อะเหรอนี่ผมทิ้งมันไปนานขนาดนั้นเลย แต่ผมรู้ว่าไอ้หนุ่ยมันแกร่งพอที่จะแก้ปัญหาได้  ผมช่วยมันได้แค่รับฟังเท่านั้นเอง
“กูสู้ได้ถ้ามันมีรางวัลคือส้มรอกูอยู่ แต่ถ้ารางวัลไม่มี ส้มเค้าไม่ได้รอกูอยู่ตรงนั้น กูจะสู้ต่อไปทำไม”

“หรือว่าเค้าไม่ได้รักมึง เค้ารักคนนั้นสิ เค้าดีกว่ามึงตรงไหนวะ มึงก็ดีซะขนาดนี้ ดีชิ...หาย” ผมหัวเราะ ไอ้หนุ่ยเลยยื่นขามาเตะผมเบาๆมันหัวเราะไปกับผมด้วย
“ขอบใจที่ไม่บอกว่ากูดีเห้ๆ ขอบใจนะมึง” ไอ้หนุ่ยถอนหายใจยาว
“เค้ารักกู แต่รักน้อยกว่ารักพ่อแม่เค้า เค้าเลือกไปแล้ว เลือกทางลูกกตัญญูชวนป๋วยปี่แป่กอ สปอนเซอร์เค้าเป็นยาแก้ไอ กูมันสปอนเซอร์เป็นยาขมน้ำเต้าทองเว้ย คนละอย่างกัน หึหึ” ไอ้หนุ่ยหัวเราะแล้วยกแก้วชนกับผม

ผมหัวเราะที่มันคิดได้ มันยังอุตส่าห์มีอารมณ์ขัน ก็ยังดีครับอย่างน้อยก็ดีกว่าเอาแต่เมา “กูให้กำลังใจมึงนะ ผู้หญิงไม่ไร้เท่าใบพุทรา เดี๋ยวสักวันมึงก็ต้องเจอคนของมึง คนดีเห้ๆอย่างมึงจะอยู่เป็นโสดไปได้นานแค่ไหนเชียว”   
“พูดดีเว้ย กูก็ว่างั้นคนดีเห้ๆอย่างกู ต้องมีคนตาถึงมาเห็นอยู่แล้ว กูกับส้มคงไม่ใช่คู่กัน แต่ลึกๆกูก็สบายใจนะ อย่างน้อยกูก็ไม่ใช่คนที่ทำให้ครอบครัวเค้าทะเลาะกัน กู...” ไอ้หนุ่ยมันหยุดพูดไปเมื่อเห็นสีหน้าผม เพราะผมเองก็ไม่อยากให้ครอบครัวใหญ่ทะเลาะกัน

 “กูไม่ได้ว่ามึงนะฝัน กูรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันไม่มีถูกผิด มันมีแต่ควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร”
“กูรู้หนุ่ย แต่บางทีไอ้ที่ว่าควรทำไม่ควรทำใครจะเป็นคนตัดสินล่ะ มองคนละด้านมันก็คนละอย่างนะ”
ไอ้หนุ่ยตบไหล่ผม “เอาน่ะ เมื่อถึงเวลาที่มันต้องคิดต้องทำ มึงก็รู้เองว่ามึงควรทำอะไร จะเครียดไปก่อนปวดหัวไปก่อนก็ขาดทุนเปล่าๆ เรามาดื่มดีกว่า คิดมากปวดหัว”
เราดื่มกันต่อแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยครับ อย่างที่ไอ้หนุ่ยมันว่าคิดมากไปปวดหัว ผมเลยพักเรื่องที่ยังคาราคาซังไว้ก่อน คิดแค่ว่าปีใหม่นี้ผมต้องมีเรื่องดีๆเข้ามาในชีวิตแน่ๆ ยังไงชีวิตผมก็ต้องใส่เกียร์Dเหมือนกันครับ เดินหน้าแก้ปัญหากันไปดีกว่าจะกังวลไปทำไม
***************
เรามาใส่เกียร์Dลุยไปข้างหน้ากันเถอะค่ะ  :a9:
สวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ ขอให้ปีนี้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต เรื่องไม่ดีก็ให้ผ่านไปกับปีนี้นะคะ  :3123:

 


หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๒๔๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๒๔๒ (มาต่อแล้วค่ะ 29/12/09)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 29-12-2009 23:03:31
เหมือนๆเรื่องมันจะเป็นไปด้วยดีนะ
แต่แอบกังวลว่าจะมีอะไรร้ายๆรออยู่ข้างหน้ารึเปล่า
รักทางไกลแอบน่ากลัวแฮะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๒๔๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๒๔๒ (มาต่อแล้วค่ะ 29/12/09)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 29-12-2009 23:35:37
สวัสดีปีใหม่ คนแต่งและคนโพสต์ค่ะ
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ

เป็นกำลังใจให้กันในปีหน้าฟ้าใหม่
และเป็นกำลังใจให้ใหญ่กะฝันด้วย สู้ๆ ฮ่าๆๆๆๆ

บวกอีก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณนะคะ

หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๒๔๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๒๔๒ (มาต่อแล้วค่ะ 29/12/09)
เริ่มหัวข้อโดย: jigsaw44 ที่ 30-12-2009 09:31:13
ขอบคุณคุณฟางคนแต่งและคุณคิคิคุคุคนโพส
หวังว่าฝันคงไม่คิดแบบหนุ่ยเพื่อให้พ่อของใหญ่มีความสุขหรอกนะ
ถ้าเป็นอย่างนั้นจะมีคนทุกข์มากกว่าคนสุข อย่างน้อยก็ฝันใหญ่ครูน้ำ
แล้วถ้าลูกไม่มีความสุข พ่อแม่ของทั้งสามจะมีความสุขได้อย่างไรกัน
คนเราหลอกใครก็ได้แต่หลอกใจตัวเองโดยไม่ยอมรับความจริงจะหลอกไปได้นานแค่ไหนเชียวในเมื่อใจมันอยู่กับเราตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๒๔๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๒๔๒ (มาต่อแล้วค่ะ 29/12/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 03-01-2010 12:19:36
อ่านเรื่องนี้แล้วบีบหัวใจที่สุด
หวานปนขม อบอุ่นปนเศร้า
เป็นเรื่องที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แต่ใช้ภาษาสวย ไม่เยิ่นเย้อ บรรยายความรู้สึกของตัวเอก ฝันและใหญ่ได้ดีจนรู้สึกอินไปกับตัวละครด้วย
ตอนแรกที่อ่านชื่อตัวเอก ฝันและใหญ่  อืม ทำไมชื่อโหลและดาดดื่นจัง แต่เมื่ออ่าน ๆ ไปกลับรู้สึกเหมือนจำลองชีวิตจริงของคู่ใครสักคนมาให้ได้รู้จัก และโลดแล่นอยู่ตรงหน้าจริง ๆ
พัฒนาการจากเพื่อนเป็นคนรัก อุปสรรคของความห่างไกล ความหวังของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกได้ดี มีความสุขแต่มีวิธีคิดที่ต่างกัน แม่ของฝันมีความสุขเมื่อลูกมีความสุข แต่พ่อของใหญ่จะมีความสุขถ้าลูกเดินไปบนเส้นทางปกติ (แต่งงานมีครอบครัวอย่างคนทั่วไป) ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่พบเจอได้เสมอในรักของชายกับชาย ขึ้นอยู่กับทั้งคู่ว่าจะร่วมแรงฝ่าฟันกันไปได้หรือไม่
หลายครั้งที่อ่านแล้วก็ต้องลุ้นว่าฝันหรือใหญ่จะจัดการกับปัญหานั้นอย่างไร บางครั้งก็ยิ้ม บางครั้งก็เฮ้อ และหลายครั้งก็น้ำตาซึมตามไปด้วย
ขอบคุณคุณฟางคนแต่ง ขอบคุณคุณคิคิคุคุคนโพสต์ เป็นเรื่องที่ติดอยู่ในหัวใจจริง ๆ ค่ะ อ่านแล้วมีความสุข (ไม่ว่าเรื่องจะจบเศร้าหรือแฮปปี้ก็ตาม)
 :pig4: สวัสดีปีใหม่นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: (นิยาย) ๔๒๔๒ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๒๔๒ (มาต่อแล้วค่ะ 29/12/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-01-2010 15:00:43
อ่านเรืองนี้แล้วปวดใจทุกทีเลยอะ ปีใหม่แล้ว ฝันกับใหญ่ จะมีอะไรดีๆ เข้ามาบ้างมั้ย  :monkeysad:

สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 04-01-2010 11:40:03
สวัสดีปีใหม่ค่ะ นอนพักซะหลายวัน แต่ก็ยังอยากหยุดต่อ :laugh:
มาอ่านกันต่อดีกว่าค่ะ
***********
(ตอนที่ ๔๓)

ฝัน
หวัดดีฝัน มึงเป็นไงมั่ง ได้ข่าวว่างานยุ่งไม่ค่อยเขียนจดหมายมาหากูเลยนะ แต่กูก็ไม่ว่าอะไรมึงหรอกใครๆก็ต้องมีธุระขอแค่มึงอย่าลืมคิดถึงกูก็พอ
 ช่วงนี้กูค่อยรู้สึกสบายใจหน่อย เพราะพ่อไม่มายุ่งกับกูมากนัก เค้าคงเห็นว่ากูยอมพูดคุยกับครูน้ำดี หารู้ไม่ว่ากูกับครูน้ำเป็นพันธมิตรกันไปแล้ว เหมือนกูกำลังเล่นละครเลยว่ะฝัน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อกูไม่ชอบบทที่พ่อเขียนมาให้กูขอใช้บทที่กูเขียนเองดีกว่า
ใกล้ปีใหม่แล้วกูก็อยากไปหามึงเหมือนกัน กำลังคิดหาหนทางอยู่มึงไม่ต้องห่วง อีกไม่นานเราคงได้เจอกัน

ใหญ่ (ยิ้ม)

ใหญ่มันจบจดหมายไปสั้นๆ ผมไม่รู้ว่ามันงอนผมหรือเปล่า ก็อย่างที่ในจดหมายเขียนมา ผมไม่ได้เขียนไปหามันหลายอาทิตย์แล้วไม่ใช่ว่าผมงานยุ่งหรอกครับ แต่แม่ผมป่วยต่างหากล่ะ อยู่ๆ แม่ที่เคยแข็งแรงของผมก็เกิดอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกขึ้นมากลางดึกคืนหนึ่ง โชคยังดีที่มีผมอยู่บ้านผมเลยรีบพาแม่ส่งโรงพยาบาลได้ทันที
คืนนั้นแม่ต้องแอดมิทนอนที่โรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยครับ หมอตรวจแล้วปรากฏว่าแม่ผมเป็นโรคหัวใจและควรต้องทำบอลลูนในเร็ววัน

 ผมถึงกับปวดหัวตึบไม่คิดไม่ฝันว่าแม่ผมจะป่วยได้ ปกติแม่ผมแข็งแรงมาตลอดไม่เคยต้องกินยาอะไรเลย แต่เมื่อมาคุยกับแม่ภายหลัง ผมถึงรู้ว่าช่วงหลังๆแม่เหนื่อยง่ายและรู้สึกแน่นหน้าอกมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ได้บอกให้ผมรู้เพราะแม่นึกว่าเป็นชั่วครั้งคราว
ผมได้แต่โทษตัวเองที่ไม่ค่อยได้สังเกตอาการของแม่ ไม่ได้เอาใจใส่แม่เท่าที่ควร ทำเอาผมเครียดจนไม่อยากเขียนจดหมายเลยครับ ผมไม่อยากเพิ่มเรื่องให้ใหญ่กังวลไปกับผมด้วย แต่พอใหญ่เขียนจดหมายมาแบบนี้ถ้าผมจะทำเป็นไม่สนใจหรือไม่ตอบจดหมายมัน ผมก็กลัวว่ามันจะน้อยใจ คืนที่ผมมานอนเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลผมเลยนั่งเขียนจดหมายหามัน

ใหญ่ที่คิดถึง
กูขอโทษนะที่ไม่ได้เขียนจดหมายไปหามึงมาหลายวัน อย่างที่มึงเดาแหละช่วงนี้กูยุ่งมากๆแทบไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอะไรเลย แต่มึงไม่ต้องเป็นห่วง กูไม่เคยลืมคิดถึงมึง ยังคิดถึงมึงทุกทีที่หายใจ

ปีใหม่กูคงไปไหนไม่ได้ต้องอยู่กรุงเทพฯ  มึงลงมาหากูให้ได้นะ
กูจะคอย... ยังรอคอยคืนวันที่เราจะได้เจอกันอีกครั้ง

เรื่องที่พ่อมึงไม่รู้เรื่องพันธมิตรของมึงกับครูน้ำกูดีใจด้วย ถึงกูจะรู้ว่าวิธีนี้มันไม่ถูก แต่เราก็คงทำได้แค่ถ่วงเวลาให้พ่อเห็นใจเราในที่สุด กูรู้ว่าพ่อมีพื้นฐานที่รักมึงมากกว่าตัวเองอยู่แล้ว สุดท้ายท่านก็ต้องอยากให้ลูกมีความสุขนั่นแหละ

“ฝัน ทำอะไรอยู่ลูก” แม่เรียกผมในขณะที่ผมยังเขียนไม่จบ ผมเดินไปหาแม่ที่ตื่นขึ้นมา
“ผมเขียนจดหมายหาใหญ่มันน่ะแม่ แม่จะเอาอะไรครับจะเข้าห้องน้ำหรือเปล่า?”
แม่ยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่เข้าหรอก แต่ตื่นขึ้นมาเห็นฝันนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ ไม่รู้ว่าทำอะไร เลยสงสัย”

ผมก้มหน้าลงไปหอมแก้มแม่ ดูแม่หน้าตาสดใสดีไม่น่าเชื่อเลยว่าจะป่วยได้ “แม่ตื่นเต้นไหมครับ พรุ่งนี้จะทำบอลลูนแล้ว” พรุ่งนี้พี่ฝ้ายจะตามมาตอนเช้า ส่วนผมลางานมาเฝ้าแม่ผ่าตัดทั้งวัน
“ไม่ตื่นเต้นหรอกฝัน เดี๋ยวนี้หมอเค้าเก่งจะตาย ทำบอลลูนไม่น่ากลัวแล้ว” ผมยิ้มเป็นกำลังใจให้แม่ แม่ไม่ตื่นเต้นแต่ผมก็กังวลอยู่ดี
“งั้นแม่นอนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า จะได้มีแรง เดี๋ยวผมปิดไฟแล้ว” ผมคงเขียนจดหมายได้ไม่จบเพราะกลัวไฟไปทำให้แม่ตื่น
“อื้อ...จะเขียนจดหมายก็เขียนต่อเถอะไม่ต้องปิดไฟ เดี๋ยวแม่ก็หลับแล้ว” แม่ยิ้มเหมือนล้อผมก่อนถามว่า
 “ ใหญ่เป็นไงมั่งสบายดีรึเปล่า”

เพียงแค่คำพูดของแม่ประโยคนี้ทำให้แม่กลับกลายเป็นกำลังใจให้กับผมบ้าง “สบายดีครับ ปีใหม่เค้าอาจลงมาหาผม แม่ไม่ว่าอะไรนะครับ”
แม่หัวเราะเบาๆ “แม่จะไปว่าอะไร เค้ามาก็ดีสิ มีคนคิดถึงเค้าหลายคน”
“หลายคนที่ไหน ก็มีผมที่คิดถึงเค้าคนเดียว เค้าไม่ได้มีแฟนคนอื่นสักหน่อย”
แม่ยิ้มแล้วว่า “ก็แม่อีกคนไงที่คิดถึงเค้า แม่ก็รักใหญ่นะ ใหญ่น่ารักออก” แม่พูดจบผมค่อยเบาใจหน่อย ผมรู้ว่าแม่รักใหญ่จริง ขนาดว่าเมื่อก่อนเป็นแค่เพื่อนลูกแม่ก็รักมากอยู่แล้ว พอแม่รู้ว่าผมกับใหญ่รักกันดูเหมือนว่าแม่จะยิ่งรักใหญ่มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ผมเข้าไปกอดแม่ “รักใหญ่แล้วรักผมน้อยลงรึเปล่า ผมก็หวงแม่นะ” แม่กอดตอบผมแล้วหอมแก้มผม
แม่บอกว่า “รักใหญ่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้รักฝันน้อยลง พอใจไหมพ่อตัวดี” ผมหัวเราะแต่เริ่มหัวเราะไม่ออกเมื่อแม่ถามกลับว่า
“แล้วฝันล่ะ รักใหญ่แล้วรักแม่น้อยลงรึเปล่า”
ให้ผมตอบตรงๆ ผมก็ตอบได้ทันทีว่ารักของผมที่มีต่อแม่คงไม่มีรักไหนมาทัดเทียมได้  “ไม่ครับ รักใหญ่แล้วก็รักแม่เหมือนเดิม แล้วตอนนี้ก็รักยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำไป”

ผมเข้าไปกอดแม่ไว้ แม่ลูบหัวผม น้ำเสียงของแม่ช่างอ่อนโยนเหมือนน้ำทิพย์ที่ปลอบใจผมได้เสมอๆ “แม่ไม่ว่าอะไรนะ ถ้าฝันจะรักใหญ่ รักแม่น้อยลงก็ได้แม่ไม่ว่าแต่ที่สำคัญอย่าลืมรักตัวเองด้วย ถึงจะเป็นรักอย่างมีสติ นะลูกนะ”
ผมรักแม่เพราะแม่เป็นแบบนี้ แล้วใหญ่ล่ะ...มันก็คงคิดเหมือนผม

ถ้าเทียบกันแล้วระหว่างผมกับพ่อ ใหญ่ก็ต้องรักพ่อมากกว่าผมอยู่ดี แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมก็ไม่มีสิทธิที่จะไปโกรธมันอยู่ดี คิดแล้วกลุ้มจนเผลอถอนหายใจออกมา
“เป็นอะไรไปลูก ถอนหายใจทำไม”
“แค่กังวลเรื่องที่พ่อใหญ่ไม่ยอมให้เรารักกันน่ะแม่ ยังหาทางออกไม่ได้เลย” ไปๆมาๆผมกลับทำให้แม่ไม่ได้นอนพักไปได้
“อืม...ค่อยๆ คิดแก้ปัญหาไปนะ อย่าไปดื้อดึงกับผู้ใหญ่ ยังไงก็นุ่มนวลหน่อย พยายามใช้เหตุผลกัน อย่าใช้อารมณ์”
ผมพยักหน้ารับปากกับแม่ ผมก็คิดแบบนั้นแต่... “ ทำยังไงดีล่ะแม่ ”

แม่เงียบไปเหมือนคิดหนัก “ ตามความเห็นแม่คือเข้าไปพูดกันตรงๆ ไม่ต้องไปคาดหวังว่าพ่อเค้าจะยอมรับเราทันที มันยากนะสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่… ”
ผมแย้งขึ้นไปทันที “ ทีแม่ยังเข้าใจเลย ”  แต่แม่ส่ายหน้า
“คนเป็นพ่อ กับเป็นแม่คิดต่างกันนะ แต่ละคนก็คิดกันไปคนละอย่างเอาไปเทียบกันไม่ได้หรอก เพราะเหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”
“แม่ว่า ฝันไปขอเวลาพ่อเค้าดีกว่า ขอเวลาแสดงตัวว่าเรารักลูกเค้าจริงไม่ใช่อารมณ์หวือหวา ...” แม่หาวมาจนได้ ผมไม่น่าเอาเรื่องมาให้แม่พลอยกังวลไปด้วยเลย

“แม่นอนดีกว่า ผมเลยมาชวนคุยจนดึกไปได้ ” แม่ยอมนอนไปตามที่ผมบอก แต่ก่อนนอนแม่ก็บอกว่า
“ใจเย็นๆ ทุกปัญหาต้องมีทางออกนะลูก”
ส่งแม่เข้านอนแล้วผมจึงมีเวลามาเขียนจดหมายหาใหญ่ ผมต้องนั่งนิ่งๆเรียบเรียงความคิดกันใหม่อีกรอบ แต่ก็เขียนต่อได้สั้นๆเพียงว่า

...มึงลงมาเมื่อไหร่เราคงได้คุยปรึกษากันจริงๆ จังๆ เสียที  ทุกวันนี้กูเองก็มีความสุขแต่มันสุขไม่สุด เหมือนมันยังมีอะไรที่ยังค้างๆในใจ กูจะรอวันที่จะได้เจอกันนะ อยากให้มันถึงวันนั้นเร็วๆ
ฝันคนเดิม

การทำบอลลูนของแม่ผ่านไปด้วยดีพักอยู่ห้องCCUไม่กี่วันแม่ก็กลับบ้านได้ แต่ปัญหาคือแม่ยังต้องนอนพักฟื้นที่บ้าน ผมกับพี่ฝ้ายเลยตกลงกันว่าเราจะสลับเวรกันมาดูแลแม่ ตอนกลางวันพี่ฝ้ายจะลางานมาเฝ้า แต่กลางคืนผมต้องนอนเฝ้าแม่เพราะพี่ฝ้ายต้องกลับไปนอนที่บ้านแฟน ดังนั้นทุกวันผมต้องรีบกลับบ้าน หลังเลิกงานไม่มีเวลาสังสรรค์เฮฮากันต่อไป

บางทีผมยังนึกแปลกใจว่าผมก็ดูแลคนป่วยได้ทั้งที่ผมไม่เคยดูแลใครมาก่อน งานดูแลคนป่วยไม่ง่ายอย่างที่ผมคิดแต่มันก็ไม่ได้ยากจนเกินไปเมื่อเราทำให้กับคนที่เรารักอย่างแม่ของเรา ผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของใหญ่เมื่อมันมีภาระต้องดูแลพ่อแม่เวลาท่านไม่สบาย ความรู้สึกกังวลว่าเราอาจจะต้องสูญเสียท่านไป ความรักที่มีต่อพ่อแม่ที่เราเพิ่งมาตระหนักว่าเราก็รักท่านมากเหมือนกันก็เมื่อท่านป่วย

 ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตเราเหมือนเป็นภาพสะท้อนกันตลอดเวลา มันช่างคล้ายคลึงกันไปเสียทุกเรื่อง มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่ยังคงแตกต่างคือความรู้สึกที่มีต่อความรักของเราของพ่อใหญ่...กับแม่ผม  ผมได้แต่หวังว่าสุดท้ายแล้วพ่อของใหญ่ท่านคงเข้าใจเราเหมือนที่แม่ผมเข้าใจ 

เสียงหัวเราะคุ้นเคยที่ดังขึ้นมาเมื่อผมเดินเข้าบ้านไปทำเอาผมประหลาดใจ ต้องกลับมาคิดว่าวันนี้มันวันที่เท่าไหร่กันแน่ทำไมเจ้าของเสียงหัวเราะนั่นถึงมาอยู่ที่บ้านผมได้
“อ้าว...ฝันกลับมาพอดี มานั่งนี่สิลูกใหญ่มาถึงนานแล้ว กำลังพูดถึงเราอยู่พอดี” เสียงที่ดีใจของแม่บวกกับแววตาที่สดใสที่ส่งมาให้ผมของคนที่นั่งอยู่ทำให้ผมยิ้มแทบไม่หุบ

“ มึงมาได้ไงวะ นี่มันวันที่26เองนะ ไม่บอกกูเลย ” ผมยื่นมือไปให้ใหญ่ก่อนที่มันจะจับมือผมไว้แล้วดึงตัวผมลงไปนั่งข้างๆมัน ใหญ่ดูหน้าตาสดใสมีความสุขแววตาเป็นประกายก่อนที่จะตัดพ้อผมว่า
“ มึงไม่ต้องพูดเลย แม่ป่วยก็อุบเงียบไม่บอกกู กูต่างหากล่ะที่ต้องต่อว่ามึง”
แม่หัวเราะก่อนแก้ตัวแทนผมว่า “ อย่าไปว่าฝันเลยลูก แม่ไม่ให้บอกเอง มันไม่ได้หนักหนาอะไร ของแม่เส้นเลือดตันไม่กี่เส้นไม่อันตรายอะไร ”
ใหญ่ส่ายหน้า “ไม่ได้เลยนะแม่ อย่าประมาทนะครับ ผมพอมีประสบการณ์เดี๋ยวผมบอกฝันเองว่าต้องทำยังไงมั่ง ”

ใหญ่กับแม่นั่งคุยกันเรื่องอาการป่วย ท่าทางใหญ่มันกลายเป็นผู้ชำนาญไปแล้วเรื่องสุขภาพ ผมนั่งฟังสองคนคุยกันแล้วคอยเสริมเป็นระยะ เรายังคงจับมือกันไว้ไม่ปล่อย ใหญ่บีบมือผมเป็นระยะเหมือนให้กำลังใจผมเรื่องที่แม่ป่วย
“แม่ง่วงแล้ว เดี๋ยวฝันทำกับข้าวเสร็จค่อยมาปลุกแม่แล้วกันนะ ลูกก็คุยกันไปก่อน คุยกันให้หายคิดถึงซะ”แม่ยิ้มแล้วลุกขึ้น ใหญ่รีบลุกไปประคองแม่แต่แม่โบกมือแล้วบอกว่า “แม่ไปเองได้ลูก แม่แข็งแรงกว่าที่คิดนะ” 

เมื่อแม่เดินลับตาไปผมเดินไปหาใหญ่แล้วรวบตัวมันมากอดทันที ผมซุกหน้าลงที่ไหล่ของมันแล้วพูดคำที่อยากพูดตั้งแต่เห็นหน้ากัน
“คิดถึงมึงจัง อยากกอดมาตั้งนานแล้ว” ใหญ่อื้ออ้าอยู่ในคอแต่ไม่พูดอะไร แต่มันก็เอาแขนมากอดตอบผมเหมือนกัน ผมยืนรัดตัวมันไว้นิ่งๆ อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะรู้สึกว่ามันเงียบผิดปกติต้องผลักมันออกห่างเพื่อดูหน้ามันชัดๆ
“ทำไมมึงไม่พูด เป็นอะไร? ”  เราสบตากันผมถึงเห็นว่ามันตาแดงๆ ผมใช้ฝ่ามือประคองหน้ามันที่ก้มหน้างุดให้เงยขึ้นแล้วถามอีกครั้ง

“ทำไมตาแดงๆ คิดอะไรอีกใหญ่ กูอยู่นี่แล้วไง” มันส่ายหน้าแล้วยิ้มเศร้าๆ ให้ผม
“คิดถึงแม่ เห็นแม่มึงป่วยแล้วนึกถึงแม่กูเลย ” ผมกอดมันอีกครั้งแล้วลูบหลังมันเบาๆ
“แม่เค้าไปสบายแล้วอย่าร้องไห้เลยเดี๋ยวแม่รู้เข้าจะไม่สบายใจนะ ”
 คิดแล้วผมยังโชคดีที่มีแม่อยู่ไม่ใช่ทำได้แค่คิดถึงเหมือนมัน
“เอางี้  กูให้ยืมแม่กูให้มึงรักแล้วกัน ไม่รักกันจริงไม่ให้นะขอบอก ”

ใหญ่หัวเราะกิ๊กขึ้นมาทันทีแล้วดันตัวออกจากกอดของผม “ มึงนี่มันบ้า มีให้ยืมแม่มารักด้วย ฮ่าๆ”
ผมยิ้มทันที “ยิ้มได้แล้วเหรอ กูไม่ให้ยืมก็ได้ กูยกให้เป็นแม่มึงอีกคนดีไหม แม่เค้ารักมึงเหมือนลูกอยู่แล้วนี่”
ใหญ่น้ำตาคลอๆได้อีก แล้วบอกผมว่า “ขอบใจฝัน กูก็รักแม่มึง เพราะว่าแม่เป็นแม่นะไม่ใช่เพราะว่าเป็นแม่ของมึง”
ผมพยักหน้า “อืม กูรู้ ไม่เอาไม่ร้องไห้มาคุยกันดีกว่ามาได้ยังไง แล้วจะอยู่กี่วัน”

ใหญ่อ้าปากกำลังจะตอบคำถามผม แต่ก็มีเสียงร้องของเด็กดังขึ้นมาจากบนบ้าน ใหญ่รีบผุดลุกขึ้นทันทีอุทานว่า
“น้องออมร้องนี่ เดี๋ยวกูมา ”
 ใหญ่เดินหันหลังให้ผมไป แต่ผมดึงมือไว้ “มึงว่าอะไรนะ น้องออมมาด้วยเหรอ”
ใหญ่พยักหน้า “ใช่ ...”
ใหญ่นิ่งเงียบเหมือนกำลังคิดว่าจะพูดต่อดีรึเปล่าก่อนเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ
 “ครูน้ำด้วย ครูน้ำกับน้องออมมากับกู”

“...”
ผมเงียบไปก่อนที่เสียงร้องของน้องออมจะดังขึ้นมาอีก ผมพูดรำพึงกับตัวเองว่า  “ครูน้ำมาเหรอ?”
***************************
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 04-01-2010 12:17:51
 :sad4: มากันยกบ้านเลย เอามาเป็นข้ออ้างให้พ่ออนุญาต
ให้มากรุงเทพใช่มั๊ยเนี่ย  :เฮ้อ: ทำแบบนี้มันเป็นการซื้อเวลาจริงๆเหรอ
หรือจะเป็นการสร้างความหวังให้พ่อมากขึ้นกว่าเดิมรึป่าว  :เฮ้อ: เรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อนยิ่งนัก
+1 คะ สวัสดีปีใหม่คะคนแต่ง :L2:
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jigsaw44 ที่ 04-01-2010 12:26:09
ไหนๆครูน้ำก็มากรุงเทพ ฝันก็แนะนำหนุ่ยให้รู้จักกับครูน้ำซะเลย
แล้วฝันก็อย่าลืมทำคะแนนกับน้องออมล่ะ น้องออมจะได้ช่วยสนับสนุนอีกแรง
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 04-01-2010 20:16:58
เพิ่งได้เข้ามาวันนี้เอง สวัสดีปีใหม่คนแต่งย้อนหลังด้วยนะค้าบบ

มีความสุขมากๆนะคับ แล้วจะติดตามอ่านเรื่องราวของฝันกะใหญ่

และคนรอบข้างต่อไปนะคับ ^^
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 04-01-2010 22:18:40
ไหนๆครูน้ำก็มากรุงเทพ ฝันก็แนะนำหนุ่ยให้รู้จักกับครูน้ำซะเลย
แล้วฝันก็อย่าลืมทำคะแนนกับน้องออมล่ะ น้องออมจะได้ช่วยสนับสนุนอีกแรง


เยี่ยมเลยยย  o13


ปล. เอาครูน้ำมาด้วยนี่ สมมุติว่าถ้ามาคนเดียวนี่พ่อจะอนุญาตป่ะเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 05-01-2010 00:08:53
ไหนๆครูน้ำก็มากรุงเทพ ฝันก็แนะนำหนุ่ยให้รู้จักกับครูน้ำซะเลย
แล้วฝันก็อย่าลืมทำคะแนนกับน้องออมล่ะ น้องออมจะได้ช่วยสนับสนุนอีกแรง
พี่ยู เจ๋งมากค่ะ o13
นั่นหละ ลงตัว คนมีความคิดดีๆแบบหนุ่ย ก็เหมาะกับผู้หญิงน่ารักแบบครูน้ำมากนะ
งานนี้ฝันกับใหญ่เป็นพ่อสื่อเลย บุญจะได้หนุนให้ความรักสมหวังเร็วๆ
บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 05-01-2010 12:38:40
ขอบคุณนะค่ะที่มาต่อ  คิดถึง ฝัน กับ ใหญ่ มานานแล้ว
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-01-2010 16:41:42
อ่านตอนนี้แล้วเกือบยิ้มได้เต็มๆ แต่ดันมายิ้มค้างเอาไอ้ประโยคที่ว่า

“ครูน้ำด้วย ครูน้ำกับน้องออมมากับกู”

 :z3:  :z3:

กลุ้มกะคู่นี้จริงๆๆ สุขแบบครึ่งๆ กลางๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 05-01-2010 18:24:17
“ครูน้ำด้วย ครูน้ำกับน้องออมมากับกู”

เซ็งเลย  :seng2ped:  

มาทำไมวะ  

 ไม่ชอบครูน้ำเลยถึงจะยอมเป็นพันธมิตรก็ยังไม่ชอบชีอยู่ดี เหมือนเสี้ยนยังไงไม่รู้
 รู้สึกไม่ไว้ใจยังไงไม่รู้  :beat:

แล้วพอหอบหิ้วมาแบบนี้ ให้คิดไงวะ ถึงจะยอมมาเพราะไม่งั้นพ่อใหญ่จะไม่อนุญาต
ก็เถอะ  :เฮ้อ:  มันเหมือนภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกเลย ถึงจะพยายามเข้าใจแต่ก็มีทิ่มแทงใจฝันบ้างล่ะนะ

 

น้องออมก็เหมือนกันไม่ชอบ  แก่แดดเกินเด็กเกินไป ไม่น่ารักเลย

แล้วก็ยังสร้างภาพ  เฮ้ออออออออ  ซื้อเวลากันต่อไป เหมือนหลอกให้ความหวังพ่อใหญ่ลมๆแล้งๆ แบบนี้ยิ่งเจ็บปวดรึเปล่า

ควรจัดการได้แระ

อ่อแล้วฝันก็ทำตามที่แม่ฝันบอกน่ะแหละ เฮ้ออออออออ  ทำได้แล้ววว อย่าซื้อเวลาอีกเลย

หนุ่ยเลิกกับแฟนแล้ว เย่ๆๆๆๆ :mc4:  หาหนุ่มน้อยหน้าแฉล่มมาปลอบจวยด่วน ไม่เอาครูน้ำนะ เพราะไม่ชอบชีอย่างแรง เอิ้กๆ เสียดายหนุ่ย  :z3:




หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 07-01-2010 19:19:29

หนุ่ยเลิกกับแฟนแล้ว เย่ๆๆๆๆ :mc4:  หาหนุ่มน้อยหน้าแฉล่มมาปลอบจวยด่วน ไม่เอาครูน้ำนะ เพราะไม่ชอบชีอย่างแรง เอิ้กๆ เสียดายหนุ่ย  :z3:





หนุ่มน้อยหน้าแฉล่มแบบน้องเกี๊่ยงรึเปล่าครับ 

ไม่ใช่อะไร  ผมคิดถึงน้องเกี๊ยงน่ะ  หายไปเลย
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 07-01-2010 20:42:03

หนุ่ยเลิกกับแฟนแล้ว เย่ๆๆๆๆ :mc4:  หาหนุ่มน้อยหน้าแฉล่มมาปลอบจวยด่วน ไม่เอาครูน้ำนะ เพราะไม่ชอบชีอย่างแรง เอิ้กๆ เสียดายหนุ่ย  :z3:






หนุ่มน้อยหน้าแฉล่มแบบน้องเกี๊่ยงรึเปล่าครับ 

ไม่ใช่อะไร  ผมคิดถึงน้องเกี๊ยงน่ะ  หายไปเลย

  น้องเกี๊ยง  เออเนอะ น่าสน :impress2:  อุอุ  น้องน่ารักเหมือนกันนะคนนี้ คิดถึงน้องเหมือนกัน  กร๊ากกกกกกก  งั้นรีเควสต์คู่หนุ่ย :L1: เกี๊ยง ได้มิเคอะ 
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 07-01-2010 21:35:29
หวังว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น
น้องออมติดครูน้ำแบบนี้น่าหนักใจเหมือนกันแฮะ
หัวข้อ: Re: ๔๓๔๓ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๓๔๓ (สวัสดีปีใหม่ค่ะ 04/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 07-01-2010 21:39:51
อะไรกันเนี่ย  ครูน้ำมาด้วยทำม้ายยยยย  :m31:
หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 08-01-2010 22:07:46
มาแล้วค่าก่อนจะหายไปอีก อิอิ อ่านกันก่อนเลยค่ะ
****************************
(ตอนที่ ๔๔)

ผมเดินตามใหญ่ขึ้นบ้านไปอย่างเซ็งๆ หงุดหงิดในหัวใจแต่ก็ไม่กล้าพูด พอจะเข้าใจเหตุผลที่ใหญ่ต้องพาทั้งหลานและครูน้ำติดสอยห้อยตามมาด้วย  มันทำให้ความดีใจของผมลดลงไปเยอะทีเดียว
“ฮือๆ คุณพ่อขา หนูกลัว”  น้องออมผวาจากอ้อมกอดของครูน้ำเข้าหาใหญ่ทันทีที่ใหญ่ก้าวเข้าไปในห้อง
“โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณพ่ออยู่นี่นะ”
“แกฝันร้ายค่ะ” ครูน้ำยกมือไหว้ผมเมื่อหันมาเห็นว่าผมเดินตามหลังใหญ่มาด้วย
“ขอมารบกวนหน่อยนะคะ” ผมพยักหน้าตอบพยายามยิ้มตอบไปให้โดยไม่ฝืนมากนัก
“ครับ ไม่เป็นไร ตามสบายครับ”

“น้องออมขา ยังไม่สวัสดีลุงฝันเลย” ครูน้ำบอกน้องออม แต่น้องออมกลับเบือนหน้าหนี แล้วกอดใหญ่แน่นไม่ยอมไหว้ผม
“ น้องออมไม่น่ารักเลย ไหว้ลุงฝันสิลูก อย่าดื้อนะ” ใหญ่พูดกับหลานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วจับน้องออมให้หันมาไหว้ผม แต่น้องออมก็ยังไม่ยอมจนใหญ่ต้องดุไปอีกครั้ง “ถ้าน้องออมไม่ไหว้ลุงฝัน คุณพ่อไม่รักนะ”
คราวนี้น้องออมยกมือไหว้ผมทันที  ไหว้เสร็จแล้วรีบหันไปอ้อนใหญ่ต่อ “น้องออมไหว้แล้ว คุณพ่อจะรักน้องออมมั้ยคะ”
ใหญ่ยิ้มแล้วกอดน้องออมแน่น “รักสิคะ”  น้องออมยิ้มทั้งน้ำตา

ผมยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลายอย่าง  มันบอกไม่ถูกว่าคืออะไรกันแน่ แต่ที่มั่นใจก็คือ ผมเหมือนเป็นคนนอกสำหรับใหญ่ไปแล้ว หรือว่าผมกำลังหวงใหญ่กัน
 “ใหญ่อยู่กับหลานไปก่อนแล้วกันนะ กะ..เอ๊ย ผมขอไปอาบน้ำก่อน”
 ผมหันไปทางครูน้ำแล้วบอกว่า “ขอตัวก่อนนะครับ ต้องการอะไรบอกผมได้” ยกเว้น...ใหญ่ที่ครูต้องการยังไงผมก็คงให้ไม่ได้อยู่ดี ผมได้แต่พูดอยู่ในใจ
ผมอาบน้ำเสร็จเข้ามาในห้องก็เห็นใหญ่นั่งรอผมอยู่ ผมถามมันไปว่า “มึงจะอาบน้ำบ้างไหม หิวข้าวหรือยัง”
ใหญ่ส่ายหน้า “ไม่ทั้งสองอย่าง ตอนนี้อยากคุยกับมึงมากกว่า” ใหญ่ก้มหน้าถอนหายใจก่อนที่จะเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง
“กูขอโทษนะ ที่ต้องพาหลานกับครูมารบกวนมึง”

ผมแต่งตัวยืนหันหลังให้กับใหญ่ ปกปิดสีหน้าของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใหญ่เห็น ผมยอมรับว่าผมไม่ค่อยสบายใจนักกับการมาของน้องออมกับครู แต่ก็ต้องฝืนใจพูดออกไป “ไม่เป็นไร รบกวนที่ไหนกัน คนกันเองทั้งนั้น หลานมึงก็เหมือนหลานกู” แต่ครูของหลานมึง กูก็ไม่รู้ว่ามันมาเกี่ยวกับกูตรงไหน เหอะ
“ยังไงกูก็ต้องขอโทษมึงอยู่ดี ที่พามาโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อน”
ผมยังคงเงียบไม่ได้พูดตอบอะไรไป ใหญ่ถามผมขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ  “มึงไม่โกรธกูนะ”

“บอกว่าไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไรสิ !”  ผมเผลอพูดเสียงแข็งไปแล้ว ผมมันคนใจแคบผมยอมรับครับ ในความดีใจที่ใหญ่มาหา มันมีความอิจฉาอยู่ในใจผม  มันยากที่จะห้ามใจตัวเองจริงๆ  ผมโกรธตัวเองที่ผมเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ทำใจไม่ได้
“กะ...กู” ใหญ่คงจับน้ำเสียงผมได้ ทำเอามันไม่กล้าพูดต่อ ผมแต่งตัวเสร็จแล้วแต่ก็ยังยืนหันหลังให้มันอยู่ ไม่อยากเอาหน้าบึ้งๆให้มันเห็น
“มึงโกรธกูใช่ไหม ทำไมมึงไม่มองกู ทำไม...” น้ำเสียงของใหญ่ตัดพ้อ
ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวใหญ่ก็มายืนกอดผมจากด้านหลัง ผมรู้เลยว่าใบหน้าของมันเกลือกกลิ้งอยู่ที่แผ่นหลังผม
เสียงของมันใกล้เข้ามาในหัวใจผมทุกที

“กูรักมึงคนเดียวนะ ใครที่อยู่ใกล้กูขนาดไหนก็ไม่มีความหมายสำหรับกูเลย”   ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปมาที่ตัวผม
“กูอยากมาหามึง แต่ถ้ามาคนเดียวกูก็ไม่รู้จะบอกพ่อว่ายังไง กูเลยต้องบอกว่าจะพาหลานมาเที่ยวกรุงเทพฯ แต่พ่อก็ไม่ยอมให้มากันสองคน บังคับให้ครูมาเที่ยวกับกูด้วย กูทำอะไรไม่ได้จริงๆนะฝัน มึงเข้าใจกูรึเปล่า”
ผมกอดมือมันเอาไว้แล้วข่มใจตัวเอง พยายามยกเหตุผลมาลบล้างความรู้สึกที่ไม่ดีออกไป
 “กูไม่โกรธมึง แต่กูยอมรับว่ากูผิดหวังนิดหน่อยที่มึงไม่ได้มาคนเดียว”

“ก็กูบอกแล้วไง ว่าใครๆก็ไม่มีความหมายกับกูเลย มาด้วยก็ไม่มีผล” ใหญ่หอมแก้มผมเพื่อง้อ คิดๆดูแล้วผมก็ไม่น่าไปโกรธมันเลย แต่มันอดไม่ได้จริงๆนี่ครับ
“หันหน้ามามองกูหน่อยสิ กูมาตั้งไกลนะ มึงยังจะใจดำกับกูได้ลงคอเหรอ” ใหญ่มันพูดเสียงอ้อนมากเลยครับ ไม่รู้ไปเลียนแบบหลานสาวมารึเปล่า
“ใครใจดำ” ผมพูดเสียงสะบัดออกไป
“ก็คนนี้ไง คนที่กูยืนกอด ยืนอ้อนอยูตั้งนาน ยังใจแข็ง ใจดำไม่หายงอนกูสักที” ใหญ่เอาหน้ามาซุกไซ้ที่คอผม เดี๋ยวนี้ใหญ่มันก้าวหน้าขึ้นจริงๆครับ ทำให้ผมใจดำแล้วทำให้ผมใจสั่นได้ด้วย และต่อมาก็ทำให้ผมใจอ่อนได้อีก ผมหันหน้ามาหาใหญ่แล้วบอกว่า
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้โกรธ แต่กูขอทำใจหน่อยแล้วกัน มีคู่แข่งอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ทำใจลำบากจริงๆ”

ผมห้อมแก้มมันคืนบ้าง แล้วรวบตัวมันมากอด “แล้วมากันเป็นพรวนอย่างนี้ กูจะได้มีเวลาสวีทกับมึงบ้างไหมนี่ เฮ้อ กรรมของกูมารักพ่อม่ายลูกติด”
ใหญ่มันหน้าแดงทันทีที่ผมพูดแล้วชกท้องผมเบาๆ “พูดบ้าอะไรวะ”
นี่ล่ะครับการแสดงความรักของเราหวานบ้างห้าวบ้างไปตามประสา  ผมพยายามทำใจไหนๆ มันก็เป็นแบบนี้แล้วอะไรจะเป็นยังไงก็เผชิญกับมันไปแล้วกัน

 ผมกับใหญ่ตกลงกันว่าคืนนี้เราจะออกไปทานข้าวนอกบ้านกัน  เพราะไม่ได้เตรียมอาหารต้อนรับแขกมาก่อนโดยจะชวนแม่ไปกินด้วย ขบวนของผมเลยใหญ่พอสมควรเลยครับ กว่าเราจะไปถึงร้านอาหาร  แม่ของผมก็กลายเป็นคุณย่าของน้องออมไปแล้วครับ
“คุณย่าขาน้องออมอยากไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์ คุณย่าพาน้องออมไปนะคะ”
“คุณย่าขา คุณย่าไม่สบายเป็นอะไรคะ”
“คุณย่าขา น้องออมไม่ชอบกินผัก แต่คุณพ่อชอบบังคับให้กิน คุณย่าบอกคุณพ่ออย่ามาบังคับน้องออมได้ไหมคะ”
แม่ผมก็ดูจะมีความสุขกับการตอบคำถามเด็กดีครับ มิน่าเค้าถึงบอกว่าปู่ย่าตายายมักจะรักหลานมากกว่าลูก แม่ผมดูจะหลงน้องออมไปอย่างง่ายดาย ผมกับใหญ่หันมายิ้มให้แก่กัน

“คุณย่ามานั่งตรงนี้ค่ะ ข้างน้องออม” น้องออมกลายเป็นคนกำหนดที่นั่งให้ผู้ใหญ่ไปแล้วครับ “คุณครูก็นั่งข้างน้องออม คุณพ่อกับคุณลุงนั่งฝั่งนู้นค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่ผมขอบใจน้องออมครับ แค่ได้อยู่เคียงข้างกันต่อหน้าครูน้ำเพียงไม่กี่ชั่วโมงผมก็ยังแอบดีใจ ตลอดเวลาที่เรากินข้าวกันน้องออมเป็นศูนย์กลางความสนใจของผู้ใหญ่ทุกคน แต่เมื่อใหญ่ปล่อยให้ครูน้ำดูแลน้องออมไปเหมือนเป็นแม่ของเด็ก ลึกๆในใจผมเริ่มกังวลอีกครั้ง
“น้องออมทานข้าวให้เสร็จก่อนะคะ ค่อยพูด พูดไปทานข้าวไปไม่ได้นะคะ”
“คุณครูดูแลน้องออมดีจังค่ะ อย่างนี้ใหญ่ก็หมดห่วงเลยสิ” แม่ผมชมครูต่อหน้าผมได้ยังไง แม่พูดผิดไปรึเปล่า
“ครับ ก็ได้ครูมาช่วย ผมเลยมีเวลาไปทำงานสบายใจขึ้น” เอ้า...ชมกันเข้าไป ผมเซ็งไปเลย

“น้องขอเบียร์ขวด” ผมคิดถึงไอ้หนุ่ยตงิดๆ ถ้ามันอยู่ด้วยมันคงด่าผมที่ผมทำตัวเป็นคนขี้หงุดหงิดขี้งอนขนาดนี้
“ฝันดื่มได้ยังไง เดี๋ยวต้องขับรถด้วยนะอย่าลืม” แม่ผมทำตาดุปรามมาทันที แต่ผมก็มีข้ออ้างครับ
“แม่ไหนๆก็จะปีใหม่แล้ว ดื่มนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก ถ้าเมาก็ให้แฟนขับ เอ๊ย...ใหญ่ขับ” ผมหันไปพยักพเยิดกับใหญ่มันก็ทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้ารับ แต่มือที่อยู่ใต้โต๊ะกลับมาหยิกแขนผม ผมเจ็บที่แขนแต่ยังหัวเราะได้ครับ มีแต่ครูน้ำที่ทำหน้าไม่ดีเลยครับพอผมพูดจบ  ผมแอบยิ้มในใจด้วยความสะใจ
“คุณครูมาแบบนี้ที่บ้านไม่ว่าเหรอครับ” ครูน้ำทำหน้าแปลกใจสงสัยในคำถามผม ผมเลยต้องอธิบายอีกครั้ง
“ผมหมายถึงมากับใหญ่ที่เป็นผู้ชายน่ะครับ”
ครูทำหน้าแปลกๆแต่ก็ตอบคำถามผมอย่างใจเย็น “ที่บ้านน้ำไว้ใจพี่ใหญ่ค่ะ เลยให้มา”
“ถือโอกาสมาเที่ยวนะหนู แต่ตอนนี้ที่เชียงใหม่มีแต่คนขึ้นไปเที่ยวกัน คงคึกคักน่าดู” แม่ผมชวนครูคุยอย่างสนิทสนม ผมเลยมีเวลาคุยกับใหญ่บ้าง

“มึงจะพาเค้าไปเที่ยวไหนบ้างวะ กูจะได้พาไป” ใหญ่มันทำท่านึกแล้วบอกผมว่า
“กูจะรู้ได้ยังไงกูไม่ใช่คนที่นี่นะ มึงพาไปสิ อยากพาไปไหนก็ไป กูไปได้กับมึงทุกที่ล่ะ”
ผมสะกิดมันเบาๆแล้วยักคิ้วให้ “ไปสวรรค์ไปปะ หึหึ”
ใหญ่ทำหน้าแดงน่ารักมากเลยครับ แล้วด่าผม “ไอ้บ้า”
ผมหัวเราะเสียงดัง ไม่โกรธมันหรอกครับที่มันด่าผม น่ารักจะตาย แม่เห็นผมหัวเราะลั่นเลยหันมาถาม
“ขำอะไรกัน หัวเราะซะดังเชียวฝัน”
“คุณพ่อขา เผ็ดใช่ไหมคะ ทำไมคุณพ่อหน้าแดง” น้องออมเขย่าแขนถามใหญ่ขึ้นมา ทำเอามันหน้าแดงเข้าไปอีก ผมมองแล้วก็อมยิ้มอยากจะรู้ว่ามันจะแก้ตัวกับลูกว่าอะไร
ใหญ่ส่ายหน้า “คุณพ่อสำลักค่ะน้องออม สำลักน้ำ” ใหญ่ตอบน้องออมปากก็ยิ้มนะครับ แต่มือแอบหยิกขาผมใต้โต๊ะ ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่ก็ยังขำใหญ่อยู่ดี 

เราทานข้าวกันไปบรรยากาศค่อนข้างดีครับ ครูน้ำดูๆก็ไม่มีอะไรถึงแม้จะส่งสายตาละห้อยมาหาใหญ่บ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย แม่ผมกระซิบบอกอีกว่า “ครูน้ำนี่น่ารักนะ ซื่อๆดี”
แต่ใครจะวางใจได้ล่ะครับ ผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี อาจจะเป็นเพราะว่าผมดูละครกับแม่มากไป เห็นผู้หญิงในทีวีแต่ละครแล้วผมเข็ดขยาด  ทั้งนางเอกนางร้ายแสบไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน ดีไม่ดีนางเอกที่เห็นว่าเรียบร้อยนี่ล่ะร้ายยิ่งกว่านางร้ายที่เสดงออกให้เห็นชัดๆเสียอีก แต่ผมจะทำให้เค้ารู้ตัวทำไมล่ะครับว่าผมระแวงอยู่

“น้องออมกับครูน้ำอยากไปที่ไหนบ้างคะ พรุ่งนี้ลุงจะพาไป” ผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับเด็กแต่ก็พยายามเต็มที่ครับ
น้องออมไม่ตอบผมแต่หันไปเกาะแขนใหญ่อ้อนถาม “คุณพ่อขาน้องออมจะไปที่ไหนดีคะ”
ใหญ่ตอบหลานด้วยเสียงอ่อนโยน “น้องออมไม่ตอบลุงฝันคะ คุณลุงถาม อย่าเสียมารยาทสิคะ”
น้องออมหน้างอทันทีแล้วบ่นว่า “ก็หนูไม่รู้ว่าที่นี่มีที่ไหนให้ไปเที่ยวนี่คะคุณพ่อ” พอเด็กตอบมาผมก็ถึงคิดได้ว่า ก็จริง...เด็กตัวแค่นี้จะรู้ที่เที่ยวได้ไงถ้าผู้ใหญ่ไม่พาไป
“ใช่เลย ลุงฝันขอโทษนะคะ เป็นความผิดของลุงเอง”  น้องออมก็ยังไม่ยอมคุยกับผมโดยตรงอยู่ดี ทำเอาผมหนักใจพอดู ใหญ่เองก็คงเห็นเหมือนกันมันเลยกุมมือผมไว้บีบให้กำลังใจ แล้วพูดกับผมเบาๆว่า
“น้องออมเป็นเด็กผู้หญิง  ปกติไม่ค่อยคุยกับผู้ชายคนที่ไม่คุ้นเคย เดี๋ยวอีกสักพักก็คงหายกลัวเอง มึงอย่าโกรธหลานเลยนะ” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ “อืมกูรู้”
ผมรู้ว่ามันต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักและใกล้ชิดกับเด็ก แต่ผมก็ตั้งใจจะทำให้ได้  ผมจะใช้เวลาที่มีช่วงนี้ทำให้น้องออมรู้สึกได้ว่าผมเป็นญาติอีกคนของแก ถึงแม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม

วันนี้กว่าเราจะกินข้าวกันเสร็จน้องออมก็ง่วงพอดี ใหญ่ต้องอุ้มหลานขึ้นพาดบ่า แต่มามีปัญหาที่ผมดื่มเยอะไปหน่อยจนขับรถไม่ไหวต้องให้ใหญ่ขับแทน ใหญ่ที่อุ้มน้องออมอยู่เริ่มทำท่าลังเลว่าจะเอายังไงดี
“มึงส่งหลานมาให้กู กูอุ้มให้เอง”
“ให้น้ำอุ้มให้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวน้องออมตื่นขึ้นมาจะงอแง”
ผมส่งมือไปให้ใหญ่ขอรับหลานมาอุ้ม แล้วบอกกับครูน้ำว่า “ไม่เป็นไรครับ ลูกใหญ่ก็ลูกผมเหมือนกัน” ครูน้ำเงียบไปก่อนก้าวขึ้นรถเงียบๆ
ผมอุ้มน้องออมเหมือนที่ใหญ่อุ้ม  หลานยังคงหลับสนิทไม่รู้ว่าถูกเปลี่ยนมือจากคุณพ่อมาเป็นผมไปแล้ว กว่าเราจะกลับถึงบ้านผมก็แขนชาไปหมด แต่ความรู้สึกที่อุ้มเด็กเป็นครั้งแรกก็ทำให้ผมอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

“ส่งน้องออมมาให้กู  กูพาเค้าขึ้นนอนเอง” ใหญ่ขอหลานคืนเมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วขณะที่เราเดินเข้าบ้านด้วยกัน แต่แม่ผมบอกว่า “ปล่อยเค้าไปใหญ่ ให้เค้าหัดไว้ อีกหน่อยก็ต้องช่วยใหญ่เลี้ยงนี่ใช่ไหม” แม่หัวเราะเบาๆ เหมือนล้อใหญ่ แต่ผมกลั้นยิ้มจนปวดแก้มไปหมด
ใหญ่เขินจนทำมือทำไม้ไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้างุดเดินหนีเข้าบ้านไป
 ผมหัวเราะเบาๆออกมาจนใหญ่ต้องหันขวับมาค้อนผม “หัวเราะทำไม เดี๋ยวลูกตื่น” ผมกลั้นหัวเราะอุ้มน้องออมเดินตาม มีความสุขจังครับ

ครูน้ำเดินแซงหน้าผมไปเปิดประตูบ้านให้เห็นหน้าซีดๆ ผมออกจะสงสารหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใจอ่อนให้หรอกครับ งานนี้ไม่มียอมเสียใหญ่ไปเพราะความสงสารแน่ๆ
ผมจัดแจงวางน้องออมลงที่เตียงแล้วกล่าวราตรีสวัสดิ์ครูน้ำอีกครั้ง “คุณครูตามสบายนะครับไม่ต้องเกรงใจ ห้องนี้ไม่มีคนมาอยู่เพราะพี่สาวผมแต่งงานไปแล้ว คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองแล้วกัน”
ครูน้ำยิ้มเศร้าๆ ส่งมาให้ผม ผมแอบสงสารว่ามาคราวนี้ครูจะสนุกกับการเที่ยวไปได้ยังไงในเมื่อสถานการณ์มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้  ใหญ่เองไม่ได้มองมาที่ครูน้ำ ห่มผ้าให้น้องออมแล้วก็ลุกออกมา
ผมกับใหญ่แยกกันที่หน้าห้อง ผมบอกใหญ่ว่า “มึงไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน กูขอไปดูแม่หน่อยนะ”
“โอเค ฝากขอบคุณแม่ด้วยนะที่ให้พวกกูมารบกวน”
“อืม” ผมตงิดๆใจกับคำว่า ‘พวกกู’ แอบขัดใจว่าพวกนี่รวมถึงครูน้ำด้วยรึเปล่า จนต้องสะบัดหัวไล่ความคิดร้ายๆออกไป

ผมเข้าไปในห้องแม่กำลังจะนอนพอดี แม่ส่งยิ้มนุ่มนวลมาให้ “สาวๆนอนกันแล้วเหรอ” ผมพยักหน้าให้แม่ แล้วเดินไปดูที่โต๊ะ เช็คว่าแม่ทานยาก่อนนอนเรียบร้อยหรือยัง
“เข้านอนไปแล้วครับ สาวเล็กนอนหลับปุ๋ย แต่สาวใหญ่ผมไม่แน่ใจ หึหึ”
“ฝันอย่าทำเสียงแบบนี้ แม่ไม่ชอบเลย ไม่น่ารักเลยนะเรา” แม่มองหน้าผมเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่แล้วพูดต่อ
“ฝันต้องมีเมตตานะ คนที่แพ้เค้าก็แย่อยู่แล้ว อย่าซ้ำเติม คิดซะว่าครูเค้าเป็นน้องสาวเราสิ ถ้าน้องสาวเราเจอแบบนี้เราจะไม่สงสารเหรอ” คำพูดของแม่ทำเอาผมเลวหนักขึ้นไปอีก ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที จริงของแม่ 
“ผมขอโทษครับแม่ ผมจะพยายามทำใจให้ได้ครับ” ผมเข้าไปนั่งลงที่พื้นเอาหัวซบตักแม่ แม่ลูบหัวแล้วสอนว่า
“แม่ชอบที่จะเห็นฝันอ่อนโยน มากกว่าใจดำนะ” ผมกอดเอวแม่แล้วสัญญากับตัวเองพร้อมรับปากแม่ไปว่า
“ครับแม่”
“ดีมาก งั้นแม่นอนดีกว่า วันนี้เหนื่อยเหมือนกันนะ แต่ก็ดี ตั้งแต่ป่วยได้มีโอกาสออกไปข้างนอกก็วันนี้”  แม่ล้มตัวลงนอน ผมห่มผ้าห่มให้ปิดไฟแล้วเดินจะออกมา ก่อนจะออกจากห้องแม่เรียกผมอีกครั้ง

“ดูแลใหญ่ดีๆนะ  เค้าอุตส่าห์มาหา”
“ขอบคุณครับแม่”
แม่ก็ยังเป็นแม่ที่เข้าใจผมเสมอมา  ผมออกจะห่วงแม่อยู่เหมือนกันว่ามีแขกมาเต็มบ้านแบบนี้ ผมจะดูแลแม่ได้เต็มที่รึเปล่า

ผมเปิดประตูห้องเข้าไป ใหญ่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานผมหันมาพอดี “รอตั้งนาน มาแล้วเหรอ”

ผมถึงคิดได้ว่านอกจากแม่แล้วก็มีคนนี้อีกคนที่ผมก็ต้องดูแลเท่าชีวิตเหมือนกัน
*******************************
มะกี้อ่านรีพลาย คิดตั้งนานว่าน้องเกี๊ยงไหน 555+ ไม่เลวเนอะจับคู่กันไปกับหนุ่ย คงเป็นคู่หูคู่ฮาดี :laugh:

ขอบคุณสำหรับทุก+ค่ะ

 
หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 08-01-2010 22:48:32
ขอบคุณที่มาต่อให้นะค้าบบ

ยังค้างอยู่เลย ถ้าไงก็รีบมาต่อนะคับ อิอิ รออยู่คับผม

คืนนี้ ก็รีบๆ สวีทกันให้มากๆนะ ฝันใหญ่  :z1:
หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 09-01-2010 01:57:59
คุณแม่ของฝันน่ารักมากๆ

บวก 1 แต้มนี้ ขอให้คุณแม่ของฝันนะจ๊ะ

หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 09-01-2010 02:24:09
“แม่ชอบที่จะเห็นฝันอ่อนโยน มากกว่าใจดำนะ”
>>แม่ฝันน่ารักมากๆ คงรู้ว่าเวลาลูกตัวเองโมโหหรืองี่เง่าอ่ะ ร้ายแค่ไหน  o18
ทำหึงเป็นสาวไปได้  :laugh: แต่ก็นะสถานการณ์ไม่แน่นอนแบบนี้ก็ต้องระวังเป็นธรรมดา
ครุน้ำน่าสงสานนะ แต่ก็ต้องปล่อยไป เค้าควรจะจัดการกับความรู้สึกของเค้าเอง...

ไปเที่ยวด้วยกันนิดหน่อยเด๋ซน้องออมก็ละลายพฤติกรรมเองแหละเนอะลุงฝันแกก็อ่อนโยนหน่อยสิ
ตุ๊กตาอ่ะซื้อเป็นมะ...ให้ของให้ขนมล่อเด็กอ่ะ จัดไปให้ไว
+1 คะ
หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-01-2010 14:45:28
คู่นี้วิบากกรรมเยอะจริงๆๆ จะมีโอกาสได้หวานกันบ้างมั้ย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 09-01-2010 21:18:34
ยังไงก็ยังวางใจครูน้ำไม่ได้ ไม่รู้ว่าหมดหวังหรือยังหวังลึก ๆ อยู่
เพียงแต่ยังรอโอกาส หรือว่ากำลังตัดใจ

ภายใต้หน้ากากใบหน้าอ่อนโยน ซื่อ ๆ

เบื้องหลังอาจจะไม่เป็นอย่างที่เห็นก็ได้

จะเป็นการหว่านพืช เพื่อหวังผล หรือไม่

ฝันเมตตาได้ แต่ยังวางใจไม่ได้นะ 

เมื่อไหร่ฝันจะได้จัดการเรื่องราวซะที คือไปพิสูจน์รักให้พ่อใหญ่เห็นว่าเรารักลูกชายเค้าจริง ๆ
และพร้อมจะดูแลใหญ่ตลอดไป  แสดงถึงความมั่นคงในรักให้พ่อใหญ่เห็น

จะให้ดีก็กันครูน้ำออกไปเลย หอกข้างแคร่จะได้หมดไป ไม่ต้องมาระแวงอีก ยังไงเค้าก็คนนอกจะมาให้ดูแลน้องออมตลอดไม่ได้หรอก เค้าก็ต้องมีชีวิตของเค้า (นางร้ายสุด ๆเลยตรู :laugh:)   ฝันก็ควรจะหาช่องทางว่าจะจัดการกับชีวิตคู่ยังไง  เพราะการที่ยังอยู่ที่เดิมแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ คงไม่ดีแน่ ๆ

แต่มาติดตรงที่สุขภาพคุณแม่ฝันอีก เฮ้ออออออ  คงเดินทางไปไหนไกล ๆไม่ได้สินะ เพราะต้องดูแลคุณแม่  อุปสรรคเยอะจริง


หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 11-01-2010 00:30:54
นี่ ฝัน นายชักจะเหมือนนางร้ายในละครเข้าไปทุกทีแล้วนะเนี่ย
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 11-01-2010 08:29:18
เวลากลางวันอันยุ่งเหยิงผ่านไปแล้ว  หึหึ

รอกลางคืนอันแสนหวานอยู่ค่า   :z1:

มาต่อไวๆ น้า
หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 12-01-2010 23:32:10
 :z2: แวะมารอฝัน ใหญ่
หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 14-01-2010 10:30:42
ยังไม่มาต่อเหรอ รอ ก่อนละกันเน้อ
หัวข้อ: Re: ๔4๔4 จดหมายจากเพื่อนรัก ๔4๔4 (08/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 14-01-2010 11:43:55
คุณแม่ฝันอบอุ่นแล้วก็ใจดีมากๆ
เตือนฝันเรื่องความอ่อนโยนกับผู้หญิง
แต่ว่า..คุณแม่คะ  ไม่อยากให้ฝันใจร้ายหรอก
แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ไม่ยิ่งทำร้ายผู้หญิงคนนั้นไปมากกว่านี้เหรอ
เฮ้อๆ หวังว่าอะไรๆมันจะดีขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 23-01-2010 16:32:41
 o1 ไม่รู้ว่าคำขอโทษจะพอรึเปล่า ที่หายไปนานขนาดนี้ อันนี้เป็นสารจากพี่ฟางค่ะ

ต้องขอโทษด้วยค่ะที่หายไปนาน เพราะมีงานหลายอย่างที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆ ทำให้ไม่มีเวลามาเขียนเลย แต่ต่อไปนี้จะพยายามมาให้ต่อเนื่องมากขึ้น เดี๋ยวคนอ่านหายหมด  :jul3: แต่ก็คงอีกไม่นานก็คงจะจบแล้วค่ะ เพราะงานใหม่กำลังจะเข้ามาอีกรอบ  :z3: ก็ต้องเอาเวลาไปทำงานทำการบ้าง มิเช่นนั้นใกล้deadline คงได้deadไปจริงๆ :m23:
***********************
(ตอนที่๔๕)
“ทำอะไรอยู่ ใหญ่” ผมเดินเข้าไปหามันที่โต๊ะแล้วจับไหล่มันไว้ ใหญ่แนบแก้มลงกับหลังมือผมแล้วหลับตา พูดค่อยๆว่า “ดีจังที่มีมึงอยู่ตรงนี้”
ผมลูบหัวใหญ่เงียบๆอยู่แบบนั้นอยู่นาน เป็นความเงียบที่อบอุ่นใจอย่างประหลาด เหมือนเวลานี้เป็นเวลาของเราสองคนอย่างแท้จริง ไม่มีใครที่จะมาแทรกกลางระหว่างเราได้ ใหญ่คงเอียงคอจนเมื่อยเลยลุกขึ้นแล้วหันหน้ามามองกันตรงๆก่อนบอกว่า “อึดอัดใจรึเปล่า ถ้ารำคาญน้องออมหรือครู บอกกูตรงๆ นะ”

ผมส่ายหน้า “ไม่อึดอัด แต่...ทำตัวไม่ถูกเท่านั้นเอง กูไม่เคยเลี้ยงเด็ก ไม่รู้วิธีเอาใจเด็ก น้องออมดูไม่ค่อยชอบกูเลย”  ใหญ่ทำสีหน้าไม่สบายใจ ก่อนบอกผมว่า
“กูเชื่อว่ามึงทำให้น้องออมรักมึงได้แน่นอน” ใหญ่แตะเอวผมไว้จะกอดก็ไม่กอดเหมือนยังเขินๆ ผมเลยจับมือใหญ่มาแปะไว้ที่เอวผมทั้งสองข้าง
“กูสนแค่มึงเท่านั้น น้องออมจะรักกูมากน้อยแค่ไหนกูก็ไม่ว่า”
ผมรั้งตัวมันมากอดไว้แน่นๆ อุ่นในหัวใจจนต้องพูดออกมา “ทำยังไงนะเราจะได้กอดกันแบบนี้ทุกๆวัน”
ใหญ่พยักหน้าอยู่ที่อกผม “อืม บางครั้งกูคิดถึงมึงจนแทบทนไม่ไหว มันก็สุขนะที่ได้รักมึง แต่มันก็ทรมานที่เราต้องห่างกันไกล” ใหญ่เงยหน้าขึ้นมาถามผมว่า
“มึงอย่าเบื่อกูไปก่อนนะฝัน” ผมยิ้มขำที่ใหญ่พูดเหมือนไม่มั่นใจในตัวผม ทั้งที่มันน่าจะรู้ใจผมมากที่สุด

“กูจะเบื่อได้ยังไง  อยู่ห่างกันก็ดีนะ ยิ่งไกลกันก็ยิ่งคิดถึง ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งรัก แล้วมึงจะกลัวกูเบื่อไปทำไม”อ้อมกอดของใหญ่รัดผมแน่นขึ้น เสียงของมันที่พูดอยู่ในลำคอเหมือนบ่นแต่ผมก็ยังได้ยิน “รักมากก็กลัวมากสิ”
คงจะจริงที่ว่าความระแวงมาพร้อมๆกันกับความรัก ผมบอกกับตัวเองว่าถ้าใหญ่จะระแวงผมเรื่องนี้ผมก็ดีใจ แล้วผมล่ะระแวงบ้างรึเปล่า
“กูกลัวแต่ใจมึงมากกว่า มีคนมานัวเนียพัวพันใกล้ชิดแบบนี้ กูกลัวมึงใจอ่อน” ครูน้ำไม่ใช่คนไม่สวยนะครับ ไม่ใช่คนไม่ดีด้วย ผมเจอไม่กี่ครั้งทั้งๆที่ตั้งป้อมไม่วางใจไว้แล้ว แต่ก็ยังอดเห็นความดี ความสวยของเธอไม่ได้

พอผมพูดจบใหญ่มันคลายอ้อมกอดลงทันทีแล้วถอนหายใจ เดินหันหลังให้ผมไม่รู้ว่างอนรึเปล่า ผมต้องตะโกนเรียกมันดังๆ
“ใหญ่ ไปไหน” มันไม่ตอบแต่เดินจากผมไป จนผมต้องวิ่งไปดักหน้ามันดึงแขนมันไว่ไม่ให้เดินหนีผมไป  “ไปไหน ทำไมไม่พูด โกรธกูเหรอ”
ใหญ่ส่ายหน้า “กูจะไปอาบน้ำ เผื่อจะคิดอะไรได้”
“คิดอะไรได้ หมายความว่าไง”
ใหญ่มันนิ่งจนผมกลัว  แต่เมื่อมองตากันผมเห็นความไม่สบายใจอยู่ในดวงตาคู่นั้น ใหญ่มันพูดแค่ว่า “คิดว่า...กูใจอ่อนไปรึยัง” ก่อนที่มันจะเดินเข้าห้องน้ำไป แล้วทิ้งไว้เพียงระบิดเวลาในใจผม

มันเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว แต่ผมยังยืนบ่นอยู่กับตัวเอง “ชิ...หายแล้ว หรือว่าใจอ่อนไปแล้ววะ” ผมเดินวนเวียนเหมือนหนูติดจั่น “ไม่น่าไปแกว่งปากหาเสี้ยนเลยจริงๆ ปากหนอปากนะกู”
“แล้วนี่เคลิ้มตามครูน้ำไปแล้วบ้างรึเปล่าวะ...โอ๊ย กลุ้มใจโว้ย”
“อาบอะไรนานนักหนาวะ ป่านนี้ยังไม่ออกมาอีก”
ผมเดินรอจนเมื่อยใหญ่ก็ยังไม่ออกมา จนต้องไปทุบประตูเรียกมัน “ใหญ่ๆ ทำไมอาบน้ำนานจังวะ เป็นไรป่าว” ใหญ่มันเงียบไปไม่ตอบ ผมต้องเคาะเรียกอีกครั้ง
“ใหญ่ ใหญ่เว้ย ใหญ่” คราวนี้มันตอบกลับมาบ้าง
“ไม่ได้เป็นอะไร แค่กำลังสบาย มึงนอนไปก่อนนะ”

“กูอยากรอมึงนี่” คุยกันได้นิดเดียวเอง มันจะมาไล่ให้ผมไปนอนได้ยังไงกัน
“บอกว่าไม่ต้องรอ ไปนอนก่อน เดี๋ยวคุยกันก็ได้”
“อะไรว้า มึง...” ผมกำลังจะบ่นต่อแต่ใหญ่ตะโกนออกมาอีกว่า
“นี่เมื่อไหร่มึงจะไปสักที  กูจะอาบน้ำคิดอะไรเงียบๆ ไปซะทีสิวะ” ผมได้แต่อ้าปากค้างเก็บคำบ่นไว้กับตัวเองอยู่ตามลำพัง แล้วเดินกลับไปที่เตียงนอนรอมันอย่างที่มันสั่ง
“คนบ้าไรวะดุชิบ...แค่นี้ก็ต้องมาดุกันด้วย”

ผมนอนรอจนเคลิ้มหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย พอพลิกตัวขยับอีกทีในกลางดึกถึงสัมผัสได้ถึงอ้อมแขนของใหญ่ที่คล้องเอวผมจากด้านหลัง ผมลูบมือมันแล้วดึงขึ้นมากอดไว้ที่อก ใหญ่ขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ตื่น ผมค่อยๆพลิกตัวหันมามองหน้ามันในความมืด
ผมไม่รู้ว่าแสงจันทร์หรือแสงไฟจากภายนอกที่ส่องสว่างเข้ามาภายในห้อง เปิดโอกาสให้ผมได้มองมันได้เต็มตา ใบหน้าของใหญ่ที่ผมเห็นช่างลางเลือนในสายตา แต่กลับชัดเจนในความคิดผม แค่ผมหลับตาภาพของใหญ่ก็แจ่มชัดโดยที่ไม่ต้องมีความสว่างจากที่ใดๆมาช่วย ผมหลับตาแล้วลืมตามองหน้าใหญ่อีกครั้งและอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อยืนยันว่านี่ไม่ใช่ความฝัน คนที่หลับตาพริ้มขนตาหนาเป็นแพที่อยู่ตรงหน้าผมนี่ คือใหญ่คนเดียวกันที่ผมคิดถึงเสมอ

ผมมองหน้าใหญ่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสริมฝีปากคู่นั้น ครั้งแรกผมกลัวมันตื่นได้แต่ใช้ริมฝีปากแตะเบาๆ แล้วรีบผละออกมา ใหญ่แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเหมือนรำคาญที่โดนก่อกวน แต่นั่นกลับเป็นการยั่วใจผมอย่างที่สุด ผมเริ่มทำตัวเป็นขโมยมากขึ้น เริ่มจากการหอมแก้มใหญ่สูดดมความหอมจากพวงแก้มขาวนวล ที่ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่า ใหญ่อาบน้ำนานขนาดนี้ก็เพื่อผม เมื่อเวลาที่ผมกอดหรือหอมมันไปตรงไหน ผมก็จะพบแต่กลิ่นกายที่หอมกรุ่นจากมัน ใหญ่เริ่มส่ายหน้าหนีจากจมูกของผมที่ระรานไปทั่วทั้งใบหน้า

 ผมอยากลงโทษคนที่ดุผมก่อนที่ผมจะนอนเลยตัดสินใจที่จะจูบปากมันอีกครั้ง คราวนี้ผมประคองใบหน้ามันไว้ให้อยู่นิ่งแล้วสัมผัสริมฝีปากแดงจัด เริ่มจากเบาๆแล้วเน้นแรงขึ้นไปเรื่อยๆ น่าแปลกที่คนที่ดูเหมือนหลับกลับมีปฏิกิริยาโต้ตอบจากจูบของผม เมื่อเราจูบกันมันเหมือนเราหิวกระหายกันและกันมานานจนไม่อยากจะพลาดวินาทีใดๆไป เมื่อผมผละออกด้วยเริ่มเหนื่อยใหญ่กลับประคองใบหน้าผมไว้ไม่ให้หนี แล้วลืมตาขึ้นมาสบตาผมก่อนเอ่ยด้วยเสียงกระซิบว่า
“จะไปไหน แค่นี้กูยังไม่หายคิดถึงมึงเลย”

ผมยิ้มที่มุมปาก เรายิ้มให้แก่กันแล้วก้มหน้าลงจูบกันต่อ จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ต้องอาศัยคำพูดอีกต่อไป  ในสมองผมตอนนี้ไม่มีใครอยู่ทั้งนั้นนอกจากเราเพียงสองคน ใครจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ไม่ใช่ปัญหาของผมอีก เพราะนาทีนี้มีใหญ่อยู่กับผมเท่านั้นเพียงคนเดียวจริงๆ เมื่อร่างกายเราสอดประสานกัน เราก็ลืมทุกๆเรื่องที่ค้างคาใจไปทั้งหมด เราสบตากันตลอดเวลาที่เรารักกัน ผมมองไม่เห็นแววตาไม่สบายใจอีกต่อไป ในดวงตาของใหญ่มันบอกผมอย่างเดียวโดยที่ไม่ต้องพูดคือมันรักผม

เมื่อทุกอย่างจบลงเรานอนตะแคงมองหน้ากันเงียบๆ  เรานอนหอบหายใจแรง ผมเอื้อมมือไปลูบแก้มเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าให้ใหญ่ มันเลยยึดมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย  “อยากยื้อมึงไว้กับกูแบบนี้ตลอดไป กูจะไม่ปล่อยมือจากมึงเลย”  ผมแกล้งหัวเราะกับคำพูดของมันกลบเกลื่อนอาการเขิน แค่คำพูดง่ายๆแบบนี้มันทำเอาผมหัวใจพองโต ผมเองก็ไม่อยากจะให้มันปล่อยมือผมไปเหมือนกัน
“ใครจะโง่ให้มึงปล่อยกู ถึงมึงปล่อยกูก็จะวิ่งตามมึงเอง รักขนาดนี้อย่ามาปล่อยกันไปง่ายๆ กูชกมึงแน่”

ใหญ่หัวเราะ “นี่มึงเป็นพิศาลรึไงวะ ไอ้บ้าฝัน” ใหญ่ทุบกำปั้นลงบนตัวผมเบาๆ ผมไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ร่างกายเราสัมผัสกันไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม “แรงเยอะจริง ไม่เหนื่อยบ้างนะมึง จะนอนมั้ย ไม่นอนเดี๋ยวกูจัดให้ หึหึ”
คราวนี้ใหญ่มันทุบแรงเลยครับทำเอาผมจุกจนร้อง “โอ๊กกก...” จะบอกว่าไม่เจ็บก็คงโกหกมากไป “เล่นแรงไปมั้ยมึง กูเจ็บนะ”
“สมน้ำหน้ามึง อารมณ์พิศาลแล้วยังปากเสียอีก” ใหญ่มันทำสีหน้ายิ้มเยาะผม
 แต่ผมบอกมันว่า “กูปากเสียตรงไหน กูแค่พูดอย่างที่กูคิด”

ใหญ่หันหลังให้ผมแล้วลุกขึ้นนั่ง “มึงจะไปไหนอีก ไม่หลับไม่นอน”
“จะแต่งตัว กูจะนอนแล้ว ไม่อยากคุยกับมึง ชอบกวนกู”  ผมเอามือไปคล้องเอวมันไว้ไม่ให้มันลุกขึ้นแล้วแนบหน้าพิงกับหลังมัน “กวนที่ไหน ออกจะรักมึง” ใหญ่มันเงียบไม่พูด ผมเลยพล่ามต่อ
“คนรักกันก็แบบนี้แหละ” ผมลูบไปที่แขนมันเพลินๆ
“มึงไม่ชอบเหรอ?”

ใหญ่มันยังเงียบอยู่อีก ปล่อยให้ผมพูดอยู่คนเดียว จนผมสงสัยว่ามันคิดอะไรผมเลยชะโงกหน้าไปมองหน้ามัน
แสงสว่างที่มีน้อยทำให้ผมเห็นหน้าใหญ่ไม่ชัด แต่ผมก็รู้ว่ามันหน้าแดงแถมยิ้มอยู่คนเดียว ผมเห็นแล้วก็ต้องยิ้มตาม แต่ไม่อยากล้อให้ใหญ่อาย ผมเลยรั้งเอวมันลงนอนตามเดิม
“ไม่ตอบกู งั้นก็นอนแล้วกัน เสื้อผ้าอะไรไม่ต้องใส่แล้ว นอนกอดกันแบบนี้ดีกว่าเยอะ”
ใหญ่มันก็ว่าง่ายครับไม่เห็นโวยอะไรทำตามผมอย่างว่าง่าย ล้มตัวลงนอนตามผมแล้วก็หลับอยู่ในอ้อมกอดผมไปจนเช้า

เราคงจะนอนกันนานไปจนหลับยาว มารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งก็เมื่อมีเสียงเคาะประตูของน้องออมเรียก “คุณพ่อขา คุณพ่อ คุณตาโทรมาค่ะ คุณพ่อตื่นรึยังค่ะ”
ผมกับใหญ่สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อน้องออมพูดจบ “ชิ...หายแล้ว พ่อกูโทรมา”

ใหญ่ลุกจะไปเปิดประตูแต่ผมก็นึกได้ว่าใหญ่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย ผมตะโกนไปว่า “เฮ้ย...มึงโป๊อยู่”
ใหญ่มันสะดุ้งหันหน้ามองผมหน้าแดงก่ำ แกล้งกลบเกลื่อนดุผม “มึงโยนเสื้อมาให้กูสิ มองบ้าอะไรวะ เลิกมองได้แล้ว มึงก็โป๊เหมือนกัน ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยหน่อยเว้ย”
ผมหัวเราะขำมันแต่ก็รีบแต่งตัวบ้าง ให้เด็กๆมาเห็นภาพแบบนี้ไม่ดีต่อเยาวชนหรอกครับ เสียงน้องออมยังเคาะเรียกอีกครั้ง “คุณพ่อขา ได้ยินมั้ยคะ”

“ได้ยินค่า พ่อมาแล้ว”ใหญ่เปิดประตูออก ครูน้ำยืนจับมือกับน้องออมอยู่หน้าประตู น้องออมโผเข้าหาใหญ่ทันที ครูน้ำทำหน้าแปลกๆที่ผมเดาใจแกไม่ถูก แต่เหมือนจะหน้าแดงหน่อยๆผมไม่กล้ามองตาครูเหมือนคนที่แอบทำผิด ผมพยายามลูบตามตัวจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเอื้อมมือไปลูบผมใหญ่ ดึงชายเสื้อมันที่เลิกขึ้นมาให้ดูดี บอกครูอุบๆอิบๆว่า “ผมขอโทษนะครับแต่งตัวไม่เรียบร้อย” 

ครูน้ำยิ้มฝืนๆแล้วส่งโทรศัพท์ให้ใหญ่ “คุณพ่อรอสายนานแล้วค่ะ” ใหญ่หันมามองผมก่อนรับสาย
“สวัสดีครับพ่อ...”
“ครับ...”ใหญ่มองหน้าผมอีกครั้งกะพริบตาถี่ๆ  ก่อนพูดต่อไปโดยไม่ละสายตาไปจากผมว่า “ใช่ครับ...ผมอยู่บ้านฝัน”
ผมรู้สึกไปเองว่าใหญ่เสียงแหบไปในทันที  ผมปลอบมันโดยการเอามือบีบไหล่มันเบาๆเท่านั้นเอง  ส่งยิ้มเป็นกำลังใจไปให้มันด้วย ใหญ่เม้มปากแน่นเมื่อฟังสายจากพ่อ ผมได้ยินเสียงพ่อลอดออกมาจากโทรศัพท์
“...เสียใจ...นะ ...กลับบ้าน...”
“ขอโทษครับพ่อ...ผมยังไม่กลับ” ใหญ่วางสายไปเมื่อพูดจบ ทั้งที่ผมยังได้ยินเสียงพ่อแว่วๆ “เดี๋ยว...อะไรนะ...กลับบ้า...”

“จะดีหรือมึง...ใหญ่”
คำถามของผมไม่ได้ช่วยอะไรมันได้เลย ใหญ่ตอบผมว่า “ชนเหอะฝัน กูเหนื่อยละ เราอย่าเลี่ยงอีกเลย” ผมเดินไปข้างหลังใหญ่แล้วโอบบ่ามันไว้แล้วกระซิบ “ชนก็ชน อย่างมากก็ตายหมู่ ดีกว่าคาราคาซังแบบนี้”
เราสบตากันนิ่งเหมือนเพิ่มพลังให้กันและกัน

“น้ำเอาใจช่วยค่ะ” เสียงครูน้ำแทรกขึ้นมาเบาๆ ผมหันไปมองหน้าครู เห็นรอยยิ้มอ่อนๆแต่ก็จริงใจ
“ขอบคุณครับ” เป็นครั้งแรกจริงๆที่ผมอยากขอบคุณครูจากใจจริง

หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 23-01-2010 20:08:19


เอาใจช่วยนะฝันกับใหญ่

ขอให่ผ่านอุปสรรคอันใหญ่หลวงนี้ไปให้ได้ :L1:
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 23-01-2010 20:09:24
 :a5: จะศึกชนช้างแล้วหรอคับเนี่ย

ยังไงก็เอาใจช่วยทั้งใหญ่และฝัน

ให้ผ่านศึกอันใหญ่หลวงครั้งนี้ให้ได้นะคับ

ถ้ามีทัพหลังดีดี อย่างครูน้ำ แล้วก็แม่ของฝัน

ไปร่วมด้วยช่วยกันอีกแรงสองแรงนะค้าบ
 
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-01-2010 20:59:01
ดับเครื่องชนกันเลยทีเดียว
แม่ฝันคงเป็นกองทัพเสริมหรือฝ่ายเสบียงหัวใจให้ลูกได้แน่ๆ
แต่ฝันน่าจะเข้ากับน้องออมให้ได้จะดีมากๆ

บวก 1 แต้มเป็นกำลังใจให้คนแต่งกับคนโพสต์นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 23-01-2010 22:02:23
ใหญ่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
จะหลายเป็นเรื่องขึ้นมารึเปล่าเนี่ย  โอ้ย เครียดดดด :serius2:
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 23-01-2010 22:04:07
เย้ ๆๆๆๆ ได้เวลาเลิกหนีความจริงซะที

ดับเครื่องชนไปเลย สู้ ๆ ฝันใหญ่ จุ๊บ ๆ
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 23-01-2010 22:27:16
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย


เอาใจช่วยฝันกับหญ่ายยยยยยยยย




 :L2: :L2: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-01-2010 01:09:38
มันต้องแบบนี้สิ ใหญ่ จะได้เลิกอึดอัดอึมครึมกันสักที อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด  :n1:
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 24-01-2010 11:47:48
วิธีลงโทษคนดุของฝันนี่น่ารักจริง ๆ :o8:
 “นี่มึงเป็นพิศาลรึไงวะ ไอ้บ้าฝัน” อันนี้แค่เหลนพิศาลเองจ้ะฝัน ถ้าฉบับพิศาลต้องมีตบจูบอีกหลายยก อันนี้ออกจะซอฟท์
ทางแยกมาถึงแล้ว พ่อกับคนรัก จะทำยังไงให้พ่อยอมรับได้สักที สู้ตายจ้ะ  :a2:

ใกล้จบแล้วจริง ๆ หรือคะ เสียดายจัง อ่านเรื่องนี้ทีไรก็อบอุ่นหัวใจทุกที
งานคุณฟางเยอะจริง ๆ เอาใจช่วยให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ
อย่าเพิ่ง dead น้า ยังอยากอ่านนิยายดี ๆ แบบนี้อีก
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 24-01-2010 16:15:38
 o13
ขอบคุณทั้งคนโพสและคนเขียนนะจ๊ะ
ที่ให้เราได้อ่านนิยายดีๆอย่างนี้
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 26-01-2010 10:13:51
ขอให้คุณพ่อใจอ่อนทีเถ้ออ  :call:
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 26-01-2010 10:26:03
หวีดกัน :jul1: :pighaun: เอิ๊กนานๆเจอกันทีนี่นา
....ถ้าใหญ่ตัดสินใจที่จะชนกับพ่อแล้วล่ะก็คงทำพยายามให้ท่านเห็นจนถึงที่สุดสินะ...

+1 คะ  เจ้าฝันซะมีน้องใหญ่ที่ สุดๆเจง :m20:
หัวข้อ: Re: ๔๕๔๕ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๕๔๕ (23/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 26-01-2010 11:19:56
กี๊ซซซซซซซซซซซซ ฝันกับใหญ่ น่ารักที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :กอด1:
หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 27-01-2010 17:35:08
(ตอนที่ ๔๖)

  วันนี้เราพากันไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าเพราะน้องออมอยากได้ของเล่น เราพยายามลืมข้อกังวลเรื่องพ่อใหญ่ไป  ผมลองชี้ชวนให้น้องออมเล่นของเล่นหลายๆอย่าง ท่าทางของน้องออมที่มีต่อผมดูเหมือนจะดีขึ้นมาหน่อย “อันนี้ไงคะน้องออมเป็นเครื่องคิดเงิน เวลาน้องออมเล่นขายของกับเพื่อนที่บ้านมีคนมาซื้อของน้องออมก็เป็นคนเก็บเงิน เหมือนพี่สาวที่เคาท์เตอร์แบบนั้นไง น่าสนุกออก” ผมชี้ให้น้องออมดูแคชเชียร์กดแป้นเครื่องบันทึกเงินสดคิดเงินทอนเงิน น้องออมมองตาแป๋วอย่างสนใจ
เด็กๆเวลาเห็นของเล่นตาจะเป็นประกายครับ น้องออมก็เก็บสีหน้าอยากได้ไว้ไม่มิด “แต่มันแพง คุณพ่อคงไม่ซื้อให้ เดือนนี้หนูใช้สิทธิซื้อของเล่นไปแล้ว1 ชิ้น ต้องรอเดือนหน้าค่ะ” น้องออมบอกขึ้นมาผมถึงรู้ว่าใหญ่มันกำหนดกับลูกไว้แบบนี้กันไม่ให้ลูกซื้อของฟุ่มเฟือย ก็ไม่เลวนะครับ
“ถ้าคุณพ่อไม่ซื้อให้ งั้นลุงซื้อให้เองดีมั้ยคะ” ของเล่นเด็กราคาไม่ถูกนะครับ เดือนนี้ผมคงต้องอดเหล้าอีกตามเคย เพราะซื้อของให้เด็ก
น้องออมส่ายหน้า “หนูต้องไปขออนุญาตคุณพ่อก่อนค่ะ คุณพ่อไม่ให้รับของคนอื่นโดยที่คุณพ่อไม่รู้” ผมเผลอถอนหายใจออกมา เลี้ยงเด็กนี่มันยุ่งยากละเอียดอ่อนไปเสียทุกเรื่องแบบนี้เลยเหรอ ใหญ่มันคิดมากไปรึเปล่านี่

“งั้นน้องออมไปบอกคุณพ่อเลยค่ะ” เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ใหญ่มันผละจากครูน้ำออกมา ผมเห็นสองคนยืนคุยกันเครียดมาตั้งนานแล้ว  น้องออมวิ่งไปเกาะแขนใหญ่ ใหญ่มันย่อตัวลงฟังหลานพูด ผมดูแล้วยังรู้สึกเอ็นดูกิริยาท่าทางที่มันทำต่อหลาน ถ้าใครไม่รู้ก็คงนึกว่ามันเป็นพ่อของน้องออมจริงๆ สักพักน้องออมเดินหน้างอจูงมือใหญ่มาหาผม
“คุณพ่อไม่ให้รับ” น้องออมทำตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้
ผมเท้าสะเอวถามใหญ่ “ทำไม เงินกะ..เอ๊ย เงินผมนะไม่ใช่เงินคุณ จะซื้อของรับขวัญหลานแค่นี่ทำไมไม่ให้ซื้อ”
“ผมไม่อยากให้ลูกเสียคน เล่นของเล่นแพงๆ”
“แพงตรงไหนแค่พันกว่าบาทเอง” ผมเถียงใหญ่ขึ้นมาทันที ใหญ่มันถลึงตาใส่ผม “ตั้งพัน แล้วหลานผมตัวแค่นี้ เงินก็ยังไม่รู้จักหา ของเล่นพวกนี้ไม่กี่ครั้งก็เล่นเบื่อ ฝันจะทำให้ลูกผมเคยตัว”
“ก็มันนานๆที จะซื้อก็....”
ใหญ่ยกมือห้ามผมพูด “พอแล้ว เลิกพูดดีกว่า ไปหาอะไรกินดีกว่า”
ใหญ่ก้มหน้าลงพูดกับหลาน “เดี๋ยวคุณพ่อให้ลุงฝันเลี้ยงไอติมชดเชยแทนแล้วกันนะคะ หนูต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังคุณพ่อนะคะ”  น้องออมพยักหน้าทำตาปรอยๆแต่ไม่วายเหลือบดูของเล่นที่ผมจะซื้อให้อย่างเสียดาย  ผมก็สงสารนะครับแต่ไม่อยากขัดใจใหญ่มัน ได้แต่เดินตามสองพ่อลูกไปอย่างขัดใจ

ขณะที่เราทานไอศกรีมกันอยู่นั้นไอ้หนุ่ยมันโทรเข้าสายมาหาผมพอดี “โหลฝันมึงอยู่ไหน อยู่กับใครวะ”
“ไมวะ กูก็อยู่กับ...” ผมหันไปดูซ้ายขวา หน้าหลัง น้องออมกับครูน้ำและใหญ่กำลังคุยกันอยู่ไม่มีใครสนใจผม
“อ้าวเงียบไปอีก...ถามว่าอยู่ไหน อยู่กับใครก็บอกมา ทำมาลึกๆลับๆนะมึง”
ผมต้องพูดกระซิบกระซาบกลัวคนอื่นได้ยิน แต่ก็มีความสุขจนอยากบอกให้หนุ่ยมันรู้
 “เออๆ ใจเย็นดิ กูอยู่กับแฟนกู ใหญ่มันลงมาหากูเว้ยเฮ้ย หึหึ” ใหญ่หันหน้ามาพอดีเมื่อผมพูดจบ ทำสีหน้าเหมือนถามว่าผมคุยกับใคร ผมเลยต้องบอกเสียงเงียบๆไปว่า “หนุ่ย” ใหญ่พยักหน้าเข้าใจแล้วกลับไปคุยกับหลานต่อ
“หมั่นไส้โว้ย เอาแฟนมึงมาคุยกับกูหน่อยซิ ไม่งั้นกูไม่เชื่อ อย่ามาโม้ลอยๆนะมึง เดี๋ยวนี้คนยิ่งชอบพูดจามั่วๆนึกว่าคนอื่นเค้าโง่กันหมด พูดอะไรคนก็เชื่อ”
“ไอ้บ้า กูไม่ได้นาธานเว้ย เดี๋ยวกูให้ที่รักกูคุยกับมึงเอง”
“ใหญ่ หนุ่ยขอคุยด้วย” ผมส่งโทรศัพท์ให้ใหญ่มารับไป

“สวัสดีครับพี่หนุ่ย ...ครับ”ใหญ่ยิ้มสนุกและหัวเราะเวลาคุยกับไอ้หนุ่ยอยู่นานจนผมชักหวง สักพักใหญ่ทำหน้าแดงเงยหน้าขึ้นมามองผมทำตาเขียวใส่  ผมได้แต่สงสัยว่ามาทำตาดุใส่ผมทำไม
“เอ้า พี่หนุ่ยจะคุยด้วย” ใหญ่ยื่นโทรศัพท์ให้ผม แต่อีกมือกลับมาหยิกขาผมอย่างแรงจนผมเผลอร้องออกมา
 “โอ๊ย...เจ็บ”
ใหญ่ขึงตาใส่ผมอีกครั้งไม่ให้ร้อง ครูน้ำทำหน้าสงสัยว่าผมร้องทำไม แต่น้องออมก็คงสงสัยด้วย “คุณลุงเป็นอะไรคะ”
“คุณลุงเจ็บ...”ผมมองหน้าใหญ่ยิ้มยั่วก่อนพูดต่อ “เจ็บที่หัวใจ”
“คุณลุงไม่สบายเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ลุงเป็นโรคหัวใจ” ผมยิ้มทั้งปากและตา ไม่อยากละสายตาไปจากใหญ่  ใหญ่หยิกผมแรงๆอีกครั้งแต่ผมไม่กล้าร้องขึ้นมาอีก ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วไปคุยกับหนุ่ยต่อ
“หึหึ...ไงหนุ่ย มึงพูดไรกับใหญ่วะ ทำกูเจ็บตัวเลยนะมึง”
ไอ้หนุ่ยหัวเราะดังลั่นพูดไปก็หัวเราะไปด้วย “กูบอกแค่ว่า มึงบอกกูว่าอยู่กับเมีย หึหึ”
ไอ้หนุ่ยมันปากหาเรื่องจริงๆ ครับ “เจี้ยแล้วไอ้หนุ่ย มิน่าเค้าหน้าแดงเป็นลูกตำลึง  มึงมาแปลงคำพูดกูได้ไงวะ เกิดเค้าโกรธกูขึ้นมากูจะทำไง”

“โกรธอะไร เค้าไม่เห็นว่าอะไร พูดงุบๆงิบๆ มึงออกมาเจอกันหน่อยสิ พาแฟนมึงมาด้วย คิดถึง…อยากเห็นหน้า”
“อ้าวไอ้นี่ อย่ามายุ่งกะของๆ กู” ผมหันไปมองใหญ่อีกครั้งยิ้มอยู่ที่มุมปาก “ของๆ กู กูหวงเว้ย”
 “เออๆ กูรู้แล้วว่าหวง แต่อยากเจอ ไปกินเหล้ากัน เปรี้ยวปาก ช่วงนี้กูโสดเซ็งๆว่ะ”
ผมก็อยากคุยกับมันเหมือนกัน คุยเรื่องเครียดๆกับมันผมหายเครียดทุกที กลับบ้านมาก็สบายใจขึ้นมาได้ บางทีมันอาจจะช่วยผมคิดอะไรได้บ้าง แต่ผมจะเอาน้องออมกับครูไปทิ้งไว้ที่ไหนดีระหว่างที่เราไปสำมะเลเทเมากัน
ผมวางสายจากไอ้หนุ่ยแล้วหันไปบอกใหญ่ “ใหญ่ ไอ้หนุ่ยชวนไปกินข้าวกัน”
ใหญ่พยักหน้าทำสีหน้าดีใจ “ดีสิ พี่หนุ่ยบอกกูแล้วจะได้คุยกันยาวๆ  พี่หนุ่ยคุยสนุก”
ผมบุ้ยหน้าไปทางครูน้ำกับน้องออมว่าจะเอาไปไว้ไหน  ครูน้ำหันมาพอดีเหมือนจะรู้ “น้ำดูหลานให้เองค่ะ พวกพี่ๆไปเที่ยวกันเถอะ” ผมเลยบอกไปว่า
“ไม่เป็นไรครับเราไปกันค่ำๆ ครูอยากไปไหนอีกมั้ยครับ เดี๋ยวผมพาไป” เอาใจหน่อยครับ วันนี้ผมเป็นพระเอกขอทำตัวดีกับเด็กและสตรีสักหน่อย
“ไปไหนก็ได้ค่ะ ไม่มีแพลนอะไรเลย” ครูน้ำยิ้มตอบกลับมา ท่าทางแกคงทำใจเรื่องผมกับใหญ่ได้แล้วหรือไม่ก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วมั้ง

ผมเองก็คิดอะไรไม่ออก เลยตัดสินใจพาทุกคนไปพิพิธภัณฑ์สยาม อยู่ไม่ไกลครับตรงข้ามวัดโพธิ์ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมด้วย ภายในจัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนกรุงเทพตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน การนำเสนอก็น่าสนใจเป็นแบบสมัยใหม่มีทั้งภาพและเสียงดึงดูดความสนใจได้ดีทีเดียว มีทั้งพ่อแม่พาเด็กเล็กและวัยรุ่นสนใจเข้าชมกันมากมาย ทั้งผมและใหญ่กับครูน้ำช่วยกันตอบคำถามน้องออมกันอย่างสนุกสนาน ที่นี่จัดเป็นอุทยานการเรียนรู้ที่น่าไปมากกว่าพาเด็กๆไปเล่นตามห้างอีกครับ น้องออมเล่นจนเหนื่อยหลับไป พวกผมถึงพากันกลับบ้าน

ช่วงหลังๆ ถ้ามีเวลาผมจะเป็นคนดูแลอาหารการกินของแม่โดยผมจะเป็นคนทำให้แม่กินเอง นอกจากว่าผมกลับมาไม่ทันพี่ฝ้ายที่มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ก็จะเตรียมไว้ให้ หรือไม่ผมก็ซื้อมาจากข้างนอก ที่จริงแม่บอกว่าทำกินเองได้แล้ว แต่ผมก็ยังไม่ยอม  ผมอยากมั่นใจก่อนว่าแม่มีสุขภาพที่แข็งแรงพอที่จะทำอะไรด้วยตัวเองได้ ผมจึงจะตามใจแม่
 ผมเข้าไปทำกับข้าวโดยให้ใหญ่พาน้องออมไปอาบน้ำก่อน ส่วนครูน้ำนั่งคุยกับแม่ผม สักพักครูน้ำก็ตามเข้ามาในห้องครัว “ให้น้ำช่วยทำอะไรบ้างคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ไปอาบน้ำได้เลย ลงมาจะได้กินข้าวพอดี” ผมบอกโดยไม่หันไปมองแล้วทำกับข้าวต่อไป
ครูน้ำเข้าไปหยิบจับผักที่ผมกองๆไว้ แล้วส่งยิ้มมาให้ผม “พี่ฝันเก่งนะคะ ท่าทางทำกับข้าวเก่ง” ผมส่ายหัวแล้วหัวเราะ
“อย่าเชื่ออะไรที่เห็นครับ ของอย่างนี้มันต้องลองก่อน บางทีแค่มองอย่างเดียวภาพมันลวงตานะครับ”

ครูน้ำหยิบผักไปที่อ่างซิงค์แล้วช่วยผมล้างผัก “อืม จริงค่ะ ตอนแรกน้ำดูไม่ออกจริงๆว่าพี่ฝันกับพี่ใหญ่รักกันเกินเพื่อน” ครูน้ำพูดจบแล้วนิ่งเงียบไป ผมต้องหันมามองหน้าครูอย่างตกใจเห็นเพียงแววตาจริงใจที่มองกลับมา
“น้ำขอโทษนะคะ ที่ทำให้พวกพี่ลำบากใจ”
“ผม...ผม” ผมกลายเป็นคนติดอ่างไปเลยครับ พูดไปต่อไม่ถูกเลย
“น้ำไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นมือที่สามระหว่างพวกพี่เลยนะคะ” ครูน้ำพูดต่อไปอีก เค้าเป็นครูนี่ครับก็ต้องพูดเก่งกว่าผมอยู่แล้ว ผมเริ่มกังวลว่าผมควรพูดอะไรบ้าง แต่จะพูดอะไรดีล่ะ
“เอ่อ...ผม”
“ที่น้ำยอมมาที่นี่ก็เพราะอยากมาเจอพี่ฝัน มาพูดกันตรงๆนี่ล่ะค่ะ” ครูน้ำนี่ตรงกว่าที่ผมคิดนะครับ ผมเสียอีกที่ยังไม่กล้าพูดอะไรออกมาเท่านี้ ผมรู้สึกอายผู้หญิงขึ้นมาทันที

“ผมขอบคุณนะครับที่เข้าใจเรา” ในที่สุดผมก็เอ่ยออกมาได้หนึ่งคำ ผมกำลังจะพูดต่อแต่ตอนนี้กับข้าวที่ทำค้างๆอยู่มันเริ่มส่งกลิ่นไหม้ทำให้ผมต้องทำไปพูดไปด้วย
“ผมรู้ว่ารักของเรามันอาจไม่ปกติสำหรับใครหลายๆคน แต่ความรักมันห้ามกันยากครับ” ผมหันไปสบตาครูอีกครั้งเพื่อยืนยันทุกคำที่ผมพูด
“น้ำทราบค่ะ ความรัก...นอกจากห้ามกันยากแล้ว มันก็บังคับให้รักก็ไม่ได้ด้วย” ผมเหลือบตามองครูน้ำเห็นรอยยิ้มเศร้าๆ แต่นั่นก็คือยิ้ม ก็ยังดีที่ยังยิ้มได้

“คุยอะไรกัน กูช่วยมั้ย” เสียงใหญ่ที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้เราต้องหยุดการสนทนาปัญหารักๆ กันไว้แค่นั้น 
“มาสิ ครูไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ ผมได้ผู้ช่วยแล้ว ครูเป็นแขก ผมไม่อยากให้ต้องมาตัวเหม็นไปด้วย”
“โอเคค่ะ น้องออมไปไหนแล้วคะพี่ใหญ่” ครูน้ำล้างมือแล้วเตรียมผละออกไปจากเราสองคน ผมคิดเล่นๆ ในใจว่าขอให้ล้างมือจากเรื่องผมกับใหญ่ด้วยจริงๆก็ดี
 “เล่นอยู่กับแม่ฝัน ไม่ต้องห่วง แม่บอกว่าจะดูให้” ใหญ่บอกครูเสร็จก็เข้ามาชะโงกดูว่าผมทำอะไรบ้างไม่ได้สนใจครูน้ำอีกต่อไป
“ทำอะไรกินมั่ง ฝัน”
“งั้นเดี๋ยวเจอกันที่โต๊ะอาหารนะคะ” ครูน้ำพูดขึ้นมาลอยๆ แต่ใหญ่ไม่ได้ตอบอะไร ผมหันไปดูเห็นหลังครูเดินออกไปไวๆ อดสงสารครูขึ้นมานิดหน่อย

“ครูน้ำนี่ก็นิสัยดีนะ ถ้ามึงเป็นเพื่อน…” ผมยังพูดไม่จบใหญ่หันมามองหน้าผมเหมือนจะเอาเรื่อง ผมต้องกลืนน้ำลายหลบตามันไม่กล้าพูดต่อ แกล้งหันไปทำกับข้าวต่อ
“พูดต่อสิ ถ้ากูเป็นเพื่อนแล้วไง” ใหญ่ดึงแขนเสื้อผมแรงๆ
“ไม่มีอะไร...เลิกคุยดีกว่า กูจะทำกับข้าวแล้ว” ผมไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวเสียเรื่อง เผลอๆจะเป็นเรื่องแทนซะด้วย
“มึงไม่พูดกูก็รู้  มึงจะยกกูให้เค้างั้นสิ” ใหญ่มันรู้ใจผมอีกแล้วว่าผมคิดอะไร ใหญ่พูดจบทำท่าจะหันหลังหนีผมไป ผมต้องรีบคว้าตัวมันไว้
“มึงอย่างอนสิ กูรักมึงนะ ถ้ามึงเป็นเพื่อนกูก็อยากให้ได้รักกับคนดีๆ”
“ถึงแม้กูจะไม่รักเค้า มึงก็จะยกให้เหรอ” ใหญ่มันย้อนถามผมกลับ

“ถ้ามึงรักคนอื่นกูก็ไม่ว่า” ผมดึงตัวมันมาใกล้กว่าเดิม รวบเอวมันไว้ในอ้อมแขนรัดแน่น “แต่ถ้ามึงรักกู กูก็ไม่ยอมยกให้ใคร”
“เฮ้ย อย่าดิ เดี๋ยวใครเห็น” ใหญ่มันรีบผลักผมออกหลังจากที่ผมขโมยหอมแก้มมันไปแล้ว อยากขี้งอนดีนักต้องเล่นซะให้เข็ด
“เค้ารู้กันทั้งบ้านแล้วกลัวอะไรอีก” ใหญ่มันค้อนให้ผมแล้วถองศอกใส่
“พูดอะไร หลานกูยังเด็ก เค้าไม่เข้าใจหรอก”
 ผมปลดแขนลงแล้วถอนหายใจ  “เฮ้อ...เซ็ง” อุปสรรคของผมนี่มีทั้งเด็กสตรีและคนชราเลยครับ เป็นกลุ่มคนที่แตะไม่ได้เสียด้วย
“ฝัน กับข้าวเสร็จรึยังลูก หลานหิวแล้ว” แม่เดินเข้ามาดูพอดี ผมกับใหญ่รีบปรับสีหน้ากันแทบไม่ทัน ใหญ่บอกแม่ไปแทนผมว่า “ใกล้เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวผมยกออกไป”

แม่ลับสายตาไปเท่านั้นใหญ่เดินเข้ามาหาผมที่กำลังทอดไข่เจียวให้น้องออม พูดเสียงอ่อยๆว่า “กูขอโทษนะ ที่คนรอบตัวกูทำให้มึงเซ็ง” ใหญ่มันคงนึกว่าผมอารมณ์ไม่ดี แต่ที่จริงแล้วผมก็บ่นไปยังงั้นเองครับไม่ได้คิดอะไรจริงจัง
“กูพูดเล่น บ่นไปงั้น อย่ามาขอโทษสิ กูใจไม่ดี”  ใหญ่มันยังเงียบอยู่ยืนจัดอาหารหันหลังให้ผม ผมดึงแขนให้มันหันหน้ามามองผม ดวงตาของมันแดงๆ
 ผมต้องดึงตัวมันมากอดไว้หลวมๆ แล้วตบไหล่เบาๆพูดกับมันด้วยเสียงอ่อนโยน “กูขอโทษ กูไม่ได้ว่าคนรอบตัวมึง กูมันก็ปากหมาแบบนี้ ชอบพูดอะไรพล่อยๆ อย่าเสียใจนะ ยังไงกูก็สู้อยู่แล้ว สู้เพื่อมึงไง”
ใหญ่ส่ายหน้าแล้วเบี่ยงตัวออกมา  “ไม่ได้เสียใจ แต่ใจเสีย กลัวมึงรำคาญไปซะก่อน”

“หึหึ ระดับมึงแล้วยังมีใจเสียอีกเหรอ กูรักมึงจนขนาดนี่ไม่ต้องกลัว” ผมลูบหัวมันอย่างเอ็นดูแล้วล้อมันว่า “ไป กินข้าวฝีมือกูกัน เดี๋ยวลูกรอนะคะคุณพ่อขา”
ใหญ่หัวเราะดังๆ ขึ้นมา “ไอ้บ้า ชอบมาล้อกู  ไป...คุณลุงขา ไปกินข้าว”
 เราประสานเสียงหัวเราะกันอีกครั้ง ยังไงเราก็ต้องรักกันเข้าใจกันไว้ครับ เตรียมพร้อมร่างกายและจิตใจให้พร้อมกับอุปสรรคที่เราต้องเผชิญเร็วๆนี้
++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 27-01-2010 19:53:29
บอกได้คำเดียวว่า  :-[ เขินมากกก


อ่านไปก็เขินไป  ทำไมสวืทกันเช่่นนี้


อิจฉาอ่ะ  :o8:


ปล. ถ้าให้หนุ่ยกะครูน้ำมาจ๊ะเอ๋กันก็คงดี จะได้มีรักคู่ใหม่ เเถมขจัดมารหัวใจ(ที่น่าสงสาร)ออกไปด้วย  :call:

หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 27-01-2010 20:37:17
ตอนนี้หวานๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 27-01-2010 21:29:55
"...ยังไงเราก็ต้องรักกันเข้าใจกันไว้ครับ เตรียมพร้อมร่างกายและจิตใจให้พร้อมกับอุปสรรคที่เราต้องเผชิญเร็วๆนี้..."
ฝันพูดได้ถูกต้องที่สุดแล้ว เตรียมให้พร้อม อุปสรรคและปัญหากำลังรออยู่

ขอบคุณมากนะคะ บวก 1 แต้มค่ะ

หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 28-01-2010 08:45:25
มานั่งบี้มดเล่นกันเลย หวานซ้าาาา


หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 28-01-2010 08:59:29
เมียฝันน่ารัก จริง ๆ

เตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อม ศึกใหญ่รออยู่  :กอด1:

คิดถึงน้องเกี๊ยง ให้บทน้องเกี๊ยงหน่อยสิคะ   :impress2:
หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 28-01-2010 09:12:43
 :z13:
ขอให้ผ่านอุปสรรคไปให้ได้นะ ลุงฝัน กับพ่อใหญ่
หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 28-01-2010 21:33:15
อุปสรรคของผมนี่มีทั้งเด็กสตรีและคนชราเลยครับ เป็นกลุ่มคนที่แตะไม่ได้เสียด้วย


^^  :laugh:

ใหญ่กะฝัน น่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 29-01-2010 09:53:31
ตามมาอ่านค่ะ...ไล่อ่านรวดมาสองคืน ^-^ ตอนต้นๆ สงสารใหญ่มากๆ แอบรักแต่ไม่กล้าบอก ส่วนฝันกว่าจะรู้ตัวก็ลุ้นซะ...

ชอบการเขียนจดหมายจัง เห็นด้วยว่ามันคลาสสิคจริงๆ ค่ะ และส่วนใหญ่การเขียนจะบอกความในใจได้ดีกว่าด้วย (เพราะบางอย่างเวลาเจอหน้ากันเราไม่กล้าที่จะพูดออกไป)

รอลุ้นต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 29-01-2010 18:33:49
 :o8: กลับมาอ่านทันแล้ว  +1 จัดไป
หวานกันไปไหนเนี่ยตอนนี้ อิอิ
นิว(ลัลล๊า)
หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 30-01-2010 00:31:28
หึหึ ลุงฝันเอาของมาล่อเด็กไม่พอ ยังเอาเสน่ห์มาล่อลวงพ่อนุ้งออมอีก  :m1: :m4: ย๊ากกกน่ารักที่สุด
ตอนนี้ต้องรวบรวมความกล้ากันแล้วนะ เผชิญความจริงไม่ว่าอะไรจะเกิดเราต้องผ่านกันไปให้ได้นะ เจ้าฝันนุ้งใหญ่ได้กุนซือแบบพี่หนุ่ยด้วยแล้ว
สู้ๆเว้ยยยยยยยยย +1 คะ
หัวข้อ: Re: ๔๖๔๖ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๖๔๖ (27/01/10)
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 30-01-2010 19:51:34
มาลงชื่อว่าอ่านทันแล้ว

ขอบคุณทั้งคนแต่งแล้วก็คนโพสต์ด้วย :pig4:

จากแฟนคลับเก่าแก่ของคุณฟาง :o8:
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 01-02-2010 17:11:04
(ตอนที่๔๗)
“แล้วพวกมึงจะทำยังไงต่อไป” ไอ้หนุ่ยมันถามพวกผม เมื่อใหญ่เล่าให้ฟังเรื่องพ่อจับได้ว่ามันลงมาหาผม
ผมมองใหญ่ที่มีสีหน้ากังวลแล้วกุมมือมันไว้ ผมตอบคำถามหนุ่ยไม่ถูก ผมรู้สึกได้เลยว่าภาวะผู้นำในตัวผมมันหายไปหมด ผมกลายเป็นผู้ตามไปโดยไม่รู้ตัว “ใหญ่ว่าไง?”
ใหญ่พูดเสียงเหนื่อยๆ “กูกลับไปจะไปคุยกับพ่อให้รู้เรื่องเสียที กูเครียดเหมือนกัน อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิดนะฝัน”

ผมพยักหน้าแล้วโอบไหล่มันไว้เหมือนปลอบ แต่ที่จริงผมควรปลอบใจตัวเองด้วยมากกว่า “กูจะกลับไปกับมึงด้วย กูไม่ปล่อยมึงไปสู้คนเดียวหรอก” แต่ใหญ่ส่ายหัวเหมือนไม่ยอมให้ผมไป
“มึงอย่าไปดีกว่า เดี๋ยวพ่อจะยิ่งโกรธกว่าเดิม”
“กูจะไป กูปล่อยให้มึงสู้ปัญหาคนเดียวนานมากเกินไปแล้ว” คิดแล้วก็น่าโมโหตัวเอง ผมมันแย่จริงๆ ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลยได้แต่รอคอยอยู่ทางนี้อย่างเดียวจริงๆ
“แต่...”

“ใหญ่ให้มันไปเถอะ” เสียงพูดจริงจังของไอ้หนุ่ยแทรกขึ้นมา “พี่อยากให้เราเผชิญหน้ากับพ่อตรงๆทั้งคู่ เรื่องมันจะออกมาเป็นยังไง เราสองคนโตแล้วก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ถ้าจะต้องเลิกกัน หรือต้องตัดพ่อตัดลูก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเราก็ต้องเจอมันอยู่ดี เราต้องสู้กับปัญหาสิ”
“มึงพูดเคสเลวร้ายสุดๆทั้งนั้นเลยเหรอวะ มึงไม่มีทางเลือกดีๆให้พวกกูมั่งเลยรึไง ไอ้หนุ่ย” ผมเริ่มไม่แน่ใจว่ามันให้กำลังใจพวกผม หรือกระทืบซ้ำให้พวกผมจมดิน ไอ้หนุ่ยหัวเราะแล้วตอบว่า
“เอ๊า...ก็กูยืนอยู่บนความจริง พวกมึงก็ต้องอยู่ตรงนั้น มึงจะลอยตัวอยู่บนความฝันไปได้นานแค่ไหน” ไอ้หนุ่ยเปลี่ยนสรรพนามจากพี่กับเรา มาเป็นกูกับมึงแล้วครับ ฮ่าๆ ผมกะแล้วว่ามันจะพูดสุภาพได้นานแค่ไหนกัน

“เราไม่ได้ฝันนะพี่” ใหญ่พูดขัดขึ้นมาเสียงอ่อนๆ
“ก็นั่นแหละไม่ฝันก็เหมือนฝัน ลวงตาตัวเองไปเรื่อยๆ กูถามพวกมึงคำถามหนึ่ง มีใครมั้ยที่เค้าฝันยาวไปเลยไม่ยอมตื่น” ฟังแล้วพวกผมก็เงียบกันไป มันถามบ้าอะไรวะ
ไอ้หนุ่ยยิ้มเยาะ “ถ้ามีก็คือคนที่ตื่นมาเล่าให้มึงฟังไม่ได้ ไอ้พวกที่ตายไปแล้วไง ฝันมึงอย่ามาทำหน้าไม่เข้าใจ” มันมีหน้ามาบอกผมอีกว่าผมทำหน้าโง่ ก็ผมไม่เข้าใจจริงๆนี่หว่า
“พวกกูไม่ใช่ไม่ยอมรับความจริงนะ เพียงแต่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป กูเองก็ไม่อยากให้พ่อใหญ่ไม่สบายใจ”

“งั้นกูถามมึงอีกคำถาม มึงปล่อยให้คาราคาซังแบบนี้ มึงมีความสุขเหรอ” ผมเบื่อไอ้หนุ่ยจริงๆ ถ้ามันเป็นหมอมันก็คงเป็นประเภทที่ว่า คนไข้เป็นมะเร็งมันก็คงบอกความจริงเค้าไปเลย ไม่สนใจว่าจิตใจเค้าแข็งแรงพร้อมที่จะรับฟังความจริงรึเปล่า
“เออๆ กูรู้แล้วมึงไม่ต้องพูดต่อแล้ว  กูถึงตัดสินใจจะไปเชียงใหม่กับใหญ่อยู่นี่ไง”
“แต่กู...ไม่อยากให้มึงไป”
“ใหญ่อย่าดื้อ เชื่อกู...เอ๊ยเชื่อพี่” ไอ้หนุ่ยยัดแก้วเหล้าใส่มือใหญ่ มันทำหน้าลังเลก่อนกระดกไปจนหมดแก้ว
“เฮ้ย...ดื่มไปทำไมไวนักเดี๋ยวก็เมาหรอก” ผมไม่อยากให้มันดื่มมากมายเลย ไอ้หนุ่ยจะมาพาเพื่อนผมเสียคนแค่เจอกันไม่กี่ครั้งนี่นะ  
“ไอ้หนุ่ยมึงอย่ามามอมเหล้าแฟนกู…อุ๊ปส์...เจ็บอ่า”ใหญ่มันกระทืบเท้าผมครับ “เหยียบกูทำไม เจ็บนะ” ใหญ่มันหน้าแดงแต่ทำตาขมึงใส่ผม
“มึงพูดบ้าอะไร ไม่อายพี่เค้าบ้าง” ใหญ่ชายตามาที่ไอ้หนุ่ยที่มองพวกผมอยู่ เจือกยิ้มอีกต่างหาก

“อายทำไม เพื่อนกันใช่ปะพี่” ผมพยักพเยิดหน้ากับไอ้หนุ่ย แต่มันดันหัวเราะ ไม่รู้ขำอะไรนักหนา
“พอแฟนมา ก็มาเรียกกูพี่ พอแฟนกลับกูก็เป็นไอ้เชี่ยหนุ่ยเหมือนเดิม ปากดีนะมึง กลัวแฟนก็ไม่บอก หึหึ” ใหญ่หัวเราะขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นไอ้หนุ่ยด่าผม ทำเอาผมคิดคำด่าตอบไม่ทัน มันก็ยังคงเป็นมันจริงๆครับทำเอาผมลืมเรื่องเครียดๆที่คุยก่อนหน้านี้ไปเลย

“ดีพี่ ไม่เจอกันนานหล่อเหี้...กว่าเดิมอีกนะเนี่ย” ผมแทบจะลุกขึ้นไปเอาหล้าสาดหน้ามัน ใครวะมาแกว่งปากหารองเท้าแบบนี้
“ใครวะ” ผมยังหันไปไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร ไอ้เจ้าของเสียงนั่นมันก็แถมานั่งข้างผมทันทีเลยครับแถมโอบไหล่ผมเหมือนเป็นเพื่อนมันอีกต่างหาก  “หวัดดีเพ่ฝัน เฮียใหญ่ แหมๆๆ มาเป็นคู่เลยนะ”
ปากปีจอแบบนี้ที่ผมรู้จักก็มีมันนี่ล่ะครับ “ไอ้เกี๊ยง ไอ้น้องwell มาไงวะ” ผมตบหัวทักทายมันไปที แต่คงไม่ช่วยให้ปากหมากระเด็นออกไปจากมันได้ มันคงยังเห่า เอ๊ย...พูดต่อ   

“ไม่ฉลาดอีกแล้วเพ่ฝัน ก็นั่งรถมาสิ จะให้ผมเดินมารึไง โว้วว...ไม่เจอกันตั้งนาน สมองไม่เห็นพัฒนาเลย บอกแล้วให้กินโอเมก้า3เยอะๆ  ไม่เชื่อน้องแล้วเป็นไง วู้ววว...ไม่ไหวๆ”
ผมอยากจะลุกไปกระทืบมันก็เกรงใจเพื่อน เกรงใจแฟน ได้แต่นึกเสียใจ “ทำไมกูมีน้องปากหมายังงี้วะ ไม่เจอมึงตั้งนานปากหมาขั้นเทพเลยนะมึง”
มันยกมือไหว้ผมด้วยความเคารพ “ขอบคุณครับพี่ที่ชม” แถมด้วยยิ้มกว้างมาให้ผม ผมถึงไม่เคยโกรธมันเลยครับ ผมกับมันชาติก่อนคงเป็นหมาร่วมคลอกเดียวกันมา เจอกันทีไรเลยเหมือนเจอพี่น้องต้องเห่าทักทายกันเกรียว

“มึงมากับใคร? ไม่ต้องไปนั่งกับเค้าเหรอ?” ผมไม่ทันมองว่าตอนมันเข้ามามีกี่คนแต่ดูแล้วมันคงไม่จากพวกผมไปง่ายๆ
ไอ้เกี๊ยงโบกมือ “ไม่ต้องห่วง ผมมากับเพื่อนแต่เพื่อนเจอบ่อยแล้ว มานั่งกับพี่ดีกว่า นั่งกับพี่มีเหล้าฟรีกินด้วย นั่งกับเพื่อนมีแต่หารเท่าไม่ไหวๆ” มันเป็นคนตรงดีครับ จริงใจจนน่าเหยียบ
ไอ้เกี๊ยงมันตบไหล่ผมเบาๆ “พี่เป็นไง สบายดีเหรอ? ” เจอท่าทางกับคำถามน้องเกี๊ยงเข้าไป ไอ้หนุ่ยกับใหญ่ก็เอาแต่นั่งกลั้นยิ้ม ผมข่มใจไม่ให้โกรธตอบมันอย่างปลงๆ
“ครับพี่ผมสบายดี แล้วพี่เกี๊ยงล่ะครับ ชีวิตเจริญดีรึเปล่า” ปากหมาขนาดนี้ไปทำงานที่ไหนไม่ได้รุมตีนเป็นที่ระลึกกลับบ้านก็แปลกแล้ว

“ดับนี้แล้วพี่ฝัน เก่งๆอย่างผมไปไหนก็รุ่ง...แหะๆ รุ่งริ่ง”มันเกาหัวทำหน้าแหยๆ
ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า ตบไหล่ปลอบมันไปสอนมันว่า “เช้าๆ ก่อนออกไปทำงานมึงก็หัดล้างหมาออกจากปากมั่งสิวะ ใครจะใจดีเหมือนกู ทนปากมึงได้ ใครหัวใครก้อยน่ะหัดรู้ซะบ้าง”
“อะไรหัวก้อย พูดอะไร คนแก่นี่พูดอะไรเข้าใจยากนะ เดี๋ยวก่อนพี่ฝัน ผมลืมคุยกับเฮียใหญ่เลย เฮียเป็นไรนั่งหน้าแดงอยู่ได้ เขินพี่ฝัน หรือเมากันแน่” ฟังมันครับมาลามปามที่รักและเคารพของผมได้ยังไง
“เดี๋ยวเหอะมึง กูไม่ใจดีเหมือนฝันมันนะเว้ย” ไอ้ใหญ่เขกกะโหลกน้องเกี๊ยงไปทีก่อนแยกเขี้ยวใส่

น้องเกี๊ยงยกมือไหว้ปลกๆ “กลัวแล้วคร๊าบบบเฮีย...” ก่อนหันมาฟ้องผม “แฟนพี่ดุจัง พี่มิกลัวแย่เหรอ”
ผมก็ขำนะครับแต่หันไปมองใหญ่มันหน้าแดงกว่าเดิมอีก ผมเลยต้องตบหัวลงโทษไอ้น้องเกี๊ยงที่มาทำให้ใหญ่มันอายบ้าง เดี๋ยวเค้าจะว่าไม่ปกป้องแฟน
“นี่มึงกวนตีนกูคนเดียวพอ อย่าไปยุ่งกับเค้า เดี๋ยวเจอดีนะมึง”  
“พี่ฝันอ่า อยู่เผ่านี้ก็ไม่บอก ไม่ยุ่งก็ได้ พวกเผ่าเกลียมัวนี่” พูดจบมันนกรู้ครับ วิ่งหนีฝ่าเท้าที่ผมยกขึ้นมาทันที เข้าไปยืนหลบข้างหลังไอ้หนุ่ยเกาะเอวมันไว้ ทำเอาไอ้หนุ่ยสะดุ้งโวยขึ้นมา
“มึงอย่ามายุ่งกะกู” ไอ้เกี๊ยงถึงชะโงกหน้ามาดูว่ามันไปลวนลามใครอยู่
“อ้าว พี่เป็นใครอะ? มาอยู่นี่ได้ไง”
“กูอยู่มาตั้งนานแล้ว มึงสายตาเอียงรึเปล่ามองไม่เห็น”
“เปล่าผมแค่สายตาสั้น แต่ยังไม่ได้ตัดแว่นเท่านั้นเอง”

ไอ้หนุ่ยกับน้องเกี๊ยงมันแปลกคนครับ คุยต่อปากต่อคำกันอย่างสนิทสนม สองคนคุยกันไปมาจนผมกับใหญ่นั่งฟังแล้วหัวเราะอยู่นาน จนผมทนไม่ไหวต้องถามแทรกพวกมันขึ้นมาอย่างสงสัย
“เฮ้ยๆ กูถามหน่อยดิ พวกมึงรู้จักกันมาก่อนเหรอ” ทั้งสองคนหยุดคุยกันทันที ส่ายหน้าแล้วหันมาประสานเสียงบอกผมพร้อมๆ กันเป็นกอล์ฟไมค์
“เปล่า..น้อง/พี่ ชื่ออะไร?”
ผมกับไอ้ใหญ่หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน “เออ ดี คุยกันไปเลยมึง พอกัน” หลังจากนั้นวงสนทนาก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ไม่มีใครพูดเรื่องเครียดๆอีกต่อไป ท่าทางไอ้หนุ่ยจะถูกอกถูกใจน้องเกี๊ยงมากจนจะชวนไปทำงานด้วย ผมต้องเตือนมันไว้ก่อน
“ใคร่ครวญให้ดีนะมึง เอาน้องกูไปทำงานด้วยมึงจะเมื่อยปากด่ามัน เมื่อยมือตบหัวมันทั้งวัน”

น้องเกี๊ยงรีบวิ่งเข้ามาเลียขา เอ๊ยประจบผมทันที “พี่ฝันอ่า ให้เครดิตน้องหน่อยดิ  ผมปากหมาแต่ฝีมือไม่หมานะ ขั้นเทพเลยนะพี่ ไม่เชื่อถามเฮียใหญ่สิ ยังโทรมาหาผมขอรูปรับปริญญาของพี่ให้ผมอัดเพิ่มเลย”
คราวนี้ไอ้ใหญ่ร้องเฮ้ย! ออกมาดังๆ วิ่งเข้ามาปิดปากไอ้เกี๊ยงอย่างอายๆหน้าแดงก่ำ “บอกเค้าทำไม”
“อ้ออนอันเอง...อายไออ่า..เอีย...อ๋ายใอไอ้ออก...” มันพูดอะไรไม่รู้ครับแต่ดูหน้าเขียวๆเหมือนคนจะขาดใจผมต้องรีบแกะมือใหญ่ออก
“เดี๋ยวมันตาย ปล่อยน้องมันไปเหอะ” ไอ้ใหญ่ตบหัวมันไปอีกทีแล้วหันไปหาไอ้หนุ่ย “พี่หนุ่ยอย่าเอามันไปทำงาน มันกวนตีน”  
คราวนี้น้องเกี๊ยงตาละห้อยวิ่งเข้าไปกราบที่อกไอ้ใหญ่ “เฮียคร๊าบบ ผมขอโต๊ด ลูกช้างผิดไปแล้ว อย่าโกรธผมเลยน้า เห็นแก่เด็กตาดำๆหน้าหล่อๆคนนี้เถอะ” ไอ้เกี๊ยงเอาหน้าไปเกลือกกลิ้งที่อกไอ้ใหญ่ผมต้องรีบดึงมันออกมา ผมยังไม่เคยทำแบบนี้เลย มันบังอาจมาทำได้ยังไง
“เฮ้ย..แฟนกู”

คราวนี้มันออกมายืนทำหน้าเบ้อยู่ห่างๆ “ฮือๆ ใครๆก็ไม่รัก เป็นพี่ไรวะไม่รักน้องเลย” ไอ้หนุ่ยที่นั่งหัวเราะอยู่นานกวักมือเรียกมันมานั่งข้างๆ
“มึงมานี่ เจือกไปยุ่งกะแฟนเค้าทำไม มาทำงานกับกู กูจะได้ลับปากลับสมอง แต่ผลงานมึงต้องดีนะ ไม่งั้นทำงานกับกูไม่ได้”
“เฮียหนุ่ยน่าร้ากที่สุดเลย ผมไม่ยุ่งกับพวกพี่แล้ว...”
พวกเราทั้งคุยทั้งดื่มกันอย่างสนุกสนานครับ กว่าเราจะกลับกันไอ้ใหญ่ก็เมาจนหน้าแดงฟุบหลับไปกับโต๊ะ ดีที่ผมดึงๆมันไว้ไม่ให้ดื่มมากนัก ไอ้เกี๊ยงเองก็หงายหลังหลับครอกไปแล้ว ตัวผมเองกลับไม่ได้ดื่มมากเท่าไหร่เพราะปากไม่ว่างมัวแต่ปะทะคารมกับไอ้หนุ่ยกับน้องเกี๊ยง ผมถึงยังเป็นคนขับรถกลับบ้านได้ ยังไงเมาผมก็ไม่ขับอยู่แล้วครับ ก่อนที่เราจะกลับไอ้หนุ่ยที่มึนๆ ยังไม่ถึงกับเมาบอกกับผมอย่างจริงจังว่า

“มึงไปคุยกับพ่อใหญ่ตรงๆเถอะ กูอยากให้มึงพูดจากันแบบเหตุผล พ่อเค้าจะว่ายังไงก็ตาม สุดท้ายแล้วมึงให้ใหญ่เค้าตัดสินใจเองนะไม่ต้องไปคิดแทนเค้า ไม่ต้องคิดเสียสละความรักของตัวเองเพื่อใครด้วย ถ้ามันจะต้องมีคนที่เจ็บหรือเสียใจจากเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามมันก็เลี่ยงไม่ได้ กูก็ได้แต่เอาใจช่วยมึง ทุกอย่างขึ้นกับตัวมึง ใหญ่แล้วก็พ่อเค้า ”
“อืม ขอบใจหนุ่ย กูเตรียมใจไว้แล้ว ไม่ว่าใหญ่จะตัดสินใจยังไง กูก็จะยอมรับด้วยความเต็มใจ”
พี่หนุ่ยยื่นมือมาให้ผม เราจับมือกันอย่างลูกผู้ชาย “กูจะเผชิญกับปัญหาอย่างที่มึงบอก กูสัญญา”
“ดี เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวกูไปส่งไอ้เกี๊ยงเอง มึงบอกบ้านมันมาว่าอยู่ไหน”  
“มึงพาน้องกูกลับดีๆล่ะ มันปากหมาแต่มันก็นิสัยดีนะเว้ย ฝากมันด้วยนะ” ผมบอกไอ้หนุ่ยขณะที่เราต่างคนพยุงใหญ่กับน้องเกี๊ยงที่เมาจนเดินไม่ไหวกลับบ้าน
“เออน่า กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับมัน กูยังชอบผู้หญิงอยู่ หึหึ”
“หึหึ กูหมายถึงเรื่องงานเว้ย ฝากมันด้วย”
“เออน่า รู้แล้ว”

รถของเราสองคนแยกจากกันไปคนละทางนานแล้ว แต่คำพูดของไอ้หนุ่ยก็ยังวนเวียนอยู่ในความคิดผม สุดท้ายผมก็สรุปกับตัวเองว่า ‘ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่ว่ายังไงกูก็ยังรักมึงตลอดไป ไอ้ใหญ่’ คิดถึงเรื่องที่น้องเกี๊ยงเล่าว่าใหญ่ให้อัดรูปผมให้เพิ่มแล้วก็ต้องยิ้มกับตัวเองด้วยความสุข ผมหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ ใหญ่เมาหลับสนิทไม่รู้สึกตัวเลย ใบหน้าของคนนอนหลับดูช่างมีความสุขไม่เคร่งเครียดกังวลอยู่เสมอเหมือนยามตื่น เมื่อก่อนใหญ่เป็นคนสบายๆยิ้มได้ตลอดไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร แต่หลังจากที่มันไปอยู่เชียงใหม่มันก็เคร่งขรึมขึ้นไปทุกที ผมไม่รู้ว่าหลังจากที่เราไปคุยกับพ่อกันตรงๆแล้ว ต่อไปใหญ่จะเป็นยังไง ผมได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างลงเอยด้วยดี

เมื่อมาถึงบ้านใหญ่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมต้องพยุงมันเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล ผมพาใหญ่ไปนอนที่เตียง ดูแล้วใหญ่ทำท่าจะนอนหลับยาวไม่ยอมตื่นง่ายๆ ผมพลิกตัวใหญ่ให้หันหน้ามา ผมนั่งมองใหญ่อยู่สักพักอย่างมีความสุข ใบหน้าของใหญ่เป็นสีชมพูระเรื่อไปด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ดูน่ารักไปอีกแบบ ผมเอามือลูบแก้มมันเล่นก็ไม่ตื่น แกล้งหยิกแก้มแรงๆก็ยังไม่ตื่น ผมเริ่มสนุกกับการแกล้งเลยเขย่าตัวมันแรงๆหวังจะให้ตื่น “ใหญ่ ๆ ตื่นไปอาบน้ำ”
“อื้อ อย่าแกล้งสิ  กูง่วงอ่า...มาวด้วย...ขอไม่อาบนะครับ”ใหญ่มองผมตาเชื่อม ทำเสียงอ้อนขนาดนี้ ผมก้มตัวลงไปหอมแก้มใหญ่แรงๆ
“ไม่ตื่นเหรอ ตัวเหม็นเหล้าจัง ไปอาบหน่อยนะ กูอาบให้ก็ได้” ผมพูดเสียงเบาๆ รู้สึกอบอุ่นใจดีครับที่ได้มีโอกาสดูแลกัน
“ไม่เอาอะ กูง่วง เมา ไม่อยากลุก”
ใหญ่มันนอนบิดตัวไปมา ตาปรือยิ้มแล้วหลับๆตื่นๆ มันช่างยั่วใจผมอย่างบอกไม่ถูก จนผมต้องก้มลงสัมผัสริมฝีปากมันอย่างห้ามใจไม่อยู่  รสสัมผัสทั้งหวานและขมปร่าไปด้วยรสเหล้าแต่มันก็รู้สึกดีจนอยากจะไม่อยากจะหยุด ใหญ่สนองตอบด้วยการเอามือโอบรอบคอผม ใหญ่จูบตอบผมอย่างนุ่มนวลแต่ยังไม่ยอมลืมตา  ผมไม่อยากจะผละจากมันไปไหนแล้วครับ

“ตกลงจะอาบน้ำมั้ย” ผมถามใหญ่หลังจากที่ใหญ่ทำท่าจะหลับไปอีกครั้งหลังจากจูบอันยาวนานของเรา แต่ใหญ่ก็ยังนิ่งเงียบไม่ตอบ
“ไม่ตื่นก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เดี๋ยวกูเช็ดหน้าให้ จะได้นอนสบายๆ” ไม่มีคำตอบอีกเช่นเคย ใหญ่คงหลับไปแล้วจริงๆ หลังจากมอบจูบให้ผมมาแล้วพลังก็คงหมดไปพอดี  ผมเข้าไปอาบน้ำให้เรียบร้อยถึงเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดหน้าให้ใหญ่และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้  ผมอยากจะมีโอกาสทำแบบนี้บ่อยๆแต่ก็ไม่รู้อนาคตเลยว่าจะทำได้แค่ไหน ก่อนที่ผมจะล้มตัวลงนอนข้างๆมัน ผมให้กำลังใจตัวเองว่า พรุ่งนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน ผมคิดแบบนั้น

“ฝันๆ ตื่นรึยังลูก” เสียงแม่เรียกผมแต่เช้า ผมงัวเงียมองออกไปข้างนอกยังมืดอยู่ดูนาฬิกาเพิ่ง6โมงเช้า ไม่รู้ว่าแม่มีเรื่องอะไร หรือว่าแม่ไม่สบาย ผมรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เปิดประตูถามแม่ด้วยเสียงตื่นตกใจ “แม่เป็นอะไรรึเปล่า?”
 แม่ส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร” แต่สีหน้าแม่ดูวิตกกังวล แม่พูดต่อโดยที่ผมไม่ยังถามต่อว่า “คุณพ่อของใหญ่มา”
“...พ่อใหญ่มา”

ผมทวนคำที่แม่พูดแล้วตกใจจนพูดต่อไม่ออก หันไปมองใหญ่ที่ยังหลับสนิทอยู่ แล้วตัดสินใจอะไรบางอย่างหันไปบอกแม่ว่า “เดี๋ยวผมลงไปครับ”
ผมเอื้อมมือไปจับมือแม่มากุมไว้ ฝ่ามือผมเย็นเฉียบทั้งที่อากาศก็ไม่หนาว แต่เมื่อสัมผัสกับความอบอุ่นจากมือแม่ผมกลับรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด “แม่อยู่ข้างๆผมนะครับ”
แม่พยักหน้า แววตาอันปรานีของแม่ที่มองตอบกลับมาทำให้ผมเชื่อมั่นมากขึ้นไปอีก แม่บอกผมว่า
“วางใจเถอะฝัน ทุกอย่างจะต้องดี”
****************
มาแล้วค่ะ น้องเกี๊ยง 555+ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 01-02-2010 18:09:21
^
^
จิ้มคนโพสต์จ้า
ลุ้นมากๆ รอตอนหน้าอย่างจดจ่อ
แม่ของฝัน คงเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับฝันกับใหญ่
ส่วนพ่อของใหญ่ลงมาเผชิญความจริงด้วยตัวเองเลยวุ้ย ใจร้อนสุดๆ
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jigsaw44 ที่ 01-02-2010 19:00:27
 :z13:น้องน้ำตาล เอาใจช่วยใหญ่กับฝันเผชิญหน้าความจริง
เรารู้ว่าคุณฟางไม่ใจร้ายกับคนอ่านหรอก จริงมั้ยคุณคิคิคุคุ
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 01-02-2010 19:48:46
กร๊ากๆน้องเกี๊ยงปากดีน่าปล้ำขี้อ้อนแบบนี้ไอ้พี่หนุ่ยอย่าลองแล้วจะติดใจเฟ้ยเอิ๊กพ่อใหญ่มาไวแหะเอาขันหมากมาขอฝันเรอะเฮ้อ
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 01-02-2010 20:02:22
กรี๊ดดดดดดดดดดด :angellaugh2: น้องเกี๊ยงของเจ้  ถูกใจเป็นที่สุด
เรียกหาน้องเกี๊ยงน้องเกี๊ยงก็มา แถมมาพร้อมพี่หนุ่ยอีก

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย  

ว่าแต่ค่าตัวน้องแพงไหมเคอะ จ้างน้องมาออกบ่อย ๆ นะ  อิอิ

ถูกใจตอนนี้ ใหญ่ก็น่ารัก  หน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลย แอร๊ยยยยยย

เจ้าฝันก็นะ เต็มปากเต็มคำแฟนกู ๆ  กร๊ากกกกก  เดิ้ลมากกกกก

และแล้วความจริงก็ปรากฏ เจ้าฝันมันเกลียมัว อัวๆๆๆๆๆ
------
อ้างถึง
--
“พี่ใหญ่อ่า อยู่เผ่านี้ก็ไม่บอก ไม่ยุ่งก็ได้ พวกเผ่าเกลียมัวนี่” พูดจบมันนกรู้ครับ วิ่งหนีฝ่าเท้าที่ผมยกขึ้นมาทันที เข้าไปยืนหลบข้างหลังไอ้หนุ่ยเกาะเอวมันไว้ ทำเอาไอ้หนุ่ยสะดุ้งโวยขึ้นมา
>>> น่ารักกกกกกก มีเกาะเอวกันด้วย  
พี่ใหญ่อ่า อยู่เผ่านี้ก็ไม่บอก
.......ตรงนี้น่าจะเป็น ฝัน ป่ะ

อ้างถึง
“มึงไปคุยกับพ่อใหญ่ตรงๆเถอะ กูอยากให้มึงพูดจากันแบบเหตุผล พ่อเค้าจะว่ายังไงก็ตาม สุดท้ายแล้วมึงให้ใหญ่เค้าตัดสินใจเองนะไม่ต้องไปคิดแทนเค้า ไม่ต้องคิดเสียสละความรักของตัวเองเพื่อใครด้วย ถ้ามันจะต้องมีคนที่เจ็บหรือเสียใจจากเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามมันก็เลี่ยงไม่ได้ กูก็ได้แต่เอาใจช่วยมึง ทุกอย่างขึ้นกับตัวมึง ใหญ่แล้วก็พ่อเค้า ”
>>> ชอบความคิดนี้ของหนุ่ย คืออย่าไปคิดแทน ให้เจ้าตัวตัดสินใจเอง

อ้างถึง
“มึงพาน้องกูกลับดีๆล่ะ มันปากหมาแต่มันก็นิสัยดีนะเว้ย ฝากมันด้วยนะ” ผมบอกไอ้หนุ่ยขณะที่เราต่างคนพยุงใหญ่กับน้องเกี๊ยงที่เมาจนเดินไม่ไหวกลับ บ้าน
“เออน่า กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับมัน กูยังชอบผู้หญิงอยู่ หึหึ”
“หึ หึ กูหมายถึงเรื่องงานเว้ย ฝากมันด้วย”

>>> อาการแบบนี้เค้าเรียกว่า "ร้อนตัว" นะคะ เฮียหนุ่ยขา  อุอุ  :m14:
คำพูดฝันไม่ได้ส่อไปทางนั้นเล้ยยยยยยยยย  นี่แสดงว่าก็แอบคิดอยู่เหมือนกันช่ายม้าาาาาาา  กิ๊วๆๆๆๆๆๆ  

เชียร์คู่นี้สุดใจขาดดิ้นหนุ่ย -  เกี๊ยง  o4

ว่าแต่น้องเกี๊ยงเมาแบบนี้ แอร๊ยยยยยย จะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพี่หนุ่ยไปส่งเปล่าเนี่ย อิอิ  :z1:

บวกหนึ่งคนเขียน&คนโพสต์   :pig4: ขอบคุณสำหรับบทน้องเกี๊ยงนะคะ (ถ้าจะให้ดีขอตอนพิเศษคู่นี้ด้วยนะ  555 ( Ak@tsuKII// เป็นคนอ่านมักน้อยเคอะ ได้คืบเราจะเอาศอก ได้ศอกเราจะเอาวา  :sad3:  555))


อืม พ่อใหญ่มาถึงที่เลย  ศึกใหญ่จริง ๆ เอาใจช่วยทั้งคู่นะ  :n1:
---------------
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 01-02-2010 20:47:47
โอ่ยๆๆ เครียดอ่า
พ่อใหญ่มา  จะเกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย  :serius2:

ปล.น้องเกี๊ยงน่าร้ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 01-02-2010 23:02:45
คุณพ่อทนไม่ไหว มาเองเลย...เหอๆ น่ากลัว แต่ก็ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลยดีกว่าเน้อ
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-02-2010 00:36:50
หนุ่ยพูดได้โดนใจจริงๆๆ

แต่ก็ยังดีนะถ้าจะคุยกันที่กรูงเทพ อย่างน้อยก็ยังมีแม่ฝันอยู่ข้างๆ ดีกว่า ไปเจอพ่อใหญ่กันแค่สองคน
ไม่งั้นคงสยองยิ่งกว่านี้
เครียดได้อีก  :z10:
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 02-02-2010 11:27:30
น้องเกี๊ยงน่ารักแต่กวน....น่าเตะมาก
พ่อของใหญ่ลงมากรุงเทพฯ  :a5:
ความสุขของลูกหรือความสุขของพ่อ สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน
คงต้องรอการตัดสินใจของพ่อแล้วล่ะ
ขอให้เรื่องจบลงด้วยดี
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 02-02-2010 19:26:00
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดละวะ ...  :กอด1:



สู้ ๆ เพื่อความรักกก  :L2:

(เน่าไปหน่อย เเต่ฮึดจริง ๆ น้า  :call:)
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 03-02-2010 07:33:14
คุณพ่อมา  :a5:

ขอให้คุณพ่อยอมรับความรักของฝัน-ใหญ่ทีเห้อออ
หัวข้อ: Re: ๔๗๔๗ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๗๔๗ (1/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 03-02-2010 21:26:11
 o22 พ่อของใหญ่ บุกมาถึงบ้านฝันเลยหรอเนี่ย  :a5:

เอาน่ะ สู้ๆ คราวนี้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่างที่เคยบอกไว้

ฝัน ใหญ่ ผนึกกำลังกันไว้ ทัพหลังเป็นคุณแม่ของฝันกะครูน้ำ

น่าจะทำให้พ่อของใหญ่ รับได้นะ  :n1:


ปล.. 
      เชียร์ หนุ่ย กะ เกี้ยง สุดใจขาดดิ้น ด้วยเหมือนกานนนน  :z2:
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 07-02-2010 22:33:53
มาต่อแล้วค่ะ (ปาดหงื่อ)
(ตอนที่๔๘)
“มึงจะกลับเชียงใหม่วันนี้จริงๆเหรอ แต่พรุ่งนี้กูยังลางานไม่ได้ แล้วกูจะไปกับมึงได้ยังไง”ใหญ่มันหน้าสลดลงทันทีที่ผมพูดจบ ครูน้ำกับน้องออมเดินนำหน้าพวกผมไป เราเลยมีเวลาคุยกันเป็นส่วนตัวมากขึ้น
“ก็ไหนมึงบอกว่าจะไปหาพ่อกับกูไง จะเบี้ยวกันง่ายๆแบบนี้ ใช่มั้ย”  ใหญ่มันหน้าบึ้งท่าทางจะงอนผม แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ อธิบายเหตุผลให้มันฟัง

“กูตั้งใจจะไปจริงๆนะ แต่เมื่อวานหัวหน้าโทรมาย้ำว่าไม่ให้ลาต่อ แล้วมึงจะให้กูทำยังไงล่ะ ไหนทีแรกมึงบอกว่ากูไม่ต้องไป มึงเปลี่ยนใจแล้วเหรอ”
ใหญ่มันไม่พูดต่อแต่เดินหนีผมไปหาครูกับหลาน ผมรีบเดินตามมันไปจนทัน ผมเอานิ้วไปเขี่ยมือมัน มันก็สะบัดมือหนี ผมเปลี่ยนไปสะกิดแขนมันแต่สะกิดเท่าไหร่มันก็ไม่หันมา  แถมเบือนหน้าหนีผมอีก ผมลองเรียกอีกครั้ง“ใหญ่ ใหญ่ครับ”

ครูน้ำหันมามองยิ้มๆ คงดูออกว่าผมกับใหญ่กำลังมีปัญหากัน ผมเลยยิ้มแหยๆให้ครูไปแล้วบอกว่า “เค้างอนผมอยู่”
ใหญ่คงได้ยินหันมาส่งตาเขียวใส่ผมตวาดแว้ดขึ้นมาว่า “มึงอย่าพูดบ้าๆนะ ใครงอนมึงกัน”
ใหญ่จะโวยผมต่อแต่น้องออมดึงแขนเสื้อไว้ “คุณพ่อพูดคำหยาบ ไม่เพราะเลย น้องออมไม่ชอบ” ผมกับครูน้ำหัวเราะกันทั้งคู่แต่ไม่กล้าส่งเสียงดังมากนัก ใหญ่จะว่าพวกผมก็ไม่ได้ เลยได้แต่งอนหนักขึ้นไปอีกดึงน้องออมเดินล่วงหน้าไปเลย

ผมมองตามแล้วก็ส่ายหัว อดขำความเป็นเด็กของใหญ่ไม่ได้ ครูน้ำมองตามแล้วยิ้มหันมาถามผมว่า “พี่ใหญ่งอนเรื่องอะไรเหรอคะ ปกติน้ำไม่ค่อยเห็นพี่ใหญ่หงุดหงิดหรืองอนใครเลย”
“เค้าโกรธที่ผมเคยบอกว่าจะไปเชียงใหม่กับเค้าด้วย แต่ผมลางานไม่ได้เลยไม่ได้ไป”
ครูน้ำพยักหน้าเข้าใจ “พี่ใหญ่ก็คงเข้าใจนะคะ พี่ฝันมีเหตุผลนี่ แต่คงงอนไว้ก่อน น่ารักจังค่ะ” ผมมองตามแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“ใหญ่มันก็เป็นแบบนี้แหละครับ ชอบงอนผมแต่ก็แป๊ปเดียวก็หาย”

“น้ำมองดูก็รู้นะคะว่าพวกพี่รักกันมากแค่ไหน เวลาพี่ใหญ่อยู่เชียงใหม่กับที่นี่ผิดกันเลย ตอนที่อยู่กับพี่ฝัน พี่ใหญ่ดูมีชีวิตชีวา ผ่อนคลาย อารมณ์ดี ถึงจะมีงอนมีบึ้งบ้าง แต่ก็ไม่ดูแบกทุกข์เหมือนอยู่ที่นู่น” ผมนึกภาพตามที่ครูน้ำพูดได้เลย ใหญ่มันคงอึดอัดสิ่งที่พ่อมันพยายามกำหนดให้มันเป็นมากกว่า  ผมอยากไปอยู่กับมันที่เชียงใหม่ ผมไปหางานทำที่นั่นก็ได้แล้วพาแม่ไปอยู่ด้วย แต่ผมคงต้องถามแม่ก่อนว่าคิดยังไง

“คุณครูจะกลับแล้ว ยังไงผมก็อยู่ไกล ผมฝากใหญ่ด้วยนะครับ” ผมกัดฟันพูดจาฝากฝังใหญ่กับครูน้ำไปทั้งที่ใจก็ยังระแวงอยู่ลึกๆ แต่ผมไม่มีทางเลือกนี่ครับ ตอนนี้ทุกอย่างมันต้องดำเนินไปแบบนี้ก่อน
“น้ำก็คงดูได้ห่างๆค่ะ พี่ใหญ่เค้าไม่ให้ใครไปดูแลเค้าหรอกค่ะ มีแต่เค้าจะคอยดูแลทุกข์สุขของคนอื่น จนลืมนึกถึงตัวเอง”
อยู่ๆ ครูน้ำก็หยุดเดินแล้วหันมามองผมตรงๆ พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “พี่ฝันจะไม่ไปเชียงใหม่กับเราจริงๆหรือค่ะ แล้วจะปล่อยให้พี่ใหญ่ไปเจอกับคุณลุงคนเดียว น้ำบอกตรงๆว่าไม่เห็นด้วย”

ผมพยักหน้าเข้าใจที่ครูน้ำเหมือนจะตำหนิผม แต่ตอนนี้ผมไปไม่ได้จริงๆ ครับด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง “พี่ติดจริงๆ นายคาดโทษเอาไว้ว่าห้ามลาต่อ เพราะเป็นวันต่อเนื่องจากหยุดปีใหม่ ถ้าลาพี่คงโดนนายหมายหัวแน่ๆ”
“น้ำไม่ชอบเลยค่ะ สงสารพี่ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับปัญหาคนเดียวอีกแล้ว” ผมเองก็ไม่สบายใจ แต่ผมจะทำอะไรได้ครับ
“พี่จะพยายามตามไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เค้าจะอนุญาต” ครูน้ำขมวดคิ้วแล้วไม่พูดอะไรอีก คงจะรู้ว่าก้าวก่ายเรื่องของพวกผมมากไปแล้ว

“คุณครูขา เดินเร็วๆสิค่ะ หนูมาถึงนานแล้วนะ” เสียงของน้องออมที่ตะโกนเรียกมาทำให้เราจบการสนทนาไว้เพียงแค่นั้น ผมกับครูน้ำเดินตามไปหาน้องออมกับใหญ่ที่หยุดรออยู่ ใหญ่ก็ยังทำหน้าบึ้งๆใส่ผมอยู่ แต่ผมไม่สนใจเดินเข้าไปคว้ามือมันเอาไว้ แล้วกระซิบที่หูมันว่า
“รอนานมั้ย กูขอโทษนะ อย่าโกรธกันเลย”
ใหญ่หน้าแดงก่ำลามจนถึงใบหูบ่นอุบๆ อิบๆว่า “เล่นแบบนี้อีกแล้ว ไม่ดูเวลาสถานที่เลย”  แต่เราก็ไม่ปล่อยมือจากกันครับ ผมจูงมือใหญ่เข้าร้านอาหารไปอย่างไม่สนใจใคร ก็จะทำไมล่ะครับ ก็คนรักกันนี่นา

คืนนั้นหลังกินข้าวแล้วน้องออมกับครูน้ำเข้าไปคุยกับแม่ผมในห้อง ผมเลยมีเวลาแยกกันออกมาสองคนตั้งแต่หัวค่ำ เรานั่งดูทีวีกันไปคุยกันไปในห้องนั่งเล่น
“ไม่น่าเชื่อนะว่ากูอยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว ทำไมเวลามันผ่านไปไวจริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูก็ต้องกลับแล้ว” น้ำเสียงของใหญ่ดูหงอยๆไปเมื่อพูดถึงต้องกลับเชียงใหม่ ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันกังวลใจเรื่องพ่อที่มันต้องไปเจอ ผมขยับตัวเข้าไปนั่งติดกับมันเอามือจับหัวใหญ่ให้พิงไหล่ผมไว้ อีกมือหนึ่งก็คว้ามือมันมากุมไว้

“กูรู้ว่ามึงไม่สบายใจ ทุกอย่างจะต้องดี มึงเชื่อกูนะ” น้ำเสียงของผมที่พูดกับใหญ่ฟังนุ่มนวลกว่าเคย เมื่อเราต่างมีปัญหาร่วมกัน ผมก็อยากให้มันรู้สึกว่าผมอยู่กับมันเสมอทั้งที่ผมอยู่ห่างกับมันเหลือเกิน
“กูก็พยายามคิดแบบนั้นนะฝัน กูรู้ว่าพ่อรักกู แต่กูก็รักมึง กูไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้” ผมลูบหัวปลอบใจมัน เรานั่งกันอยู่เงียบๆไม่มีใครพูด ปล่อยให้เสียงโทรทัศน์ดังอยู่แบบนั้นไม่มีใครดู เราสองคนต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนบอกใหญ่ว่า
“มึงไม่ต้องกลัว ยังไงกูจะไปหามึงหลังจากเคลียร์งานทางนี้เสร็จแน่นอน” ผมก้มลงจูบปากมันเบาๆ สัมผัสแล้วผละออก ใหญ่มองตอบผมกลับมาแววตาสั่นไหว

“มึงมาทำให้กูรักทำไม บางทีกูรู้สึกว่าถ้าเราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ทุกอย่างคงง่ายกว่านี้รึเปล่า” ผมเอามือปิดริมฝีปากใหญ่ไว้ไม่ยอมให้มันพูดต่อ
“มึงอย่าพูด ถ้ามึงกับกูรักกันแล้ว ยังไงมันก็ย้อนเวลาไปไม่ได้ รักแล้วรักเลยไม่มีถอยหลัง”
ใหญ่ล้มตัวลงนอนหนุนตักผมแล้วนอนหงายมองหน้าผม ยกมือลูบแก้มผมเบาๆ ผมเองก็ลูบหัวมันเพลิน เราต่างยิ้มให้แก่กันแต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ไม่สดใสเอาเสียเลย ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเราจะมีวันเวลาที่ได้ยิ้มกันเต็มที่รึเปล่า  

“ง่วงนอนรึยัง” ผมถามเมื่อเห็นมันหลับตาพักนิ่งอยู่นาน ใหญ่เอามือผมไปกอดที่อก ส่ายหน้าแล้วบอกผมว่า
“ไม่ง่วง กูกำลังสบาย สบายจนอยากหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้” ใหญ่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ผมบอกกับตัวเองว่าผมชอบสายตาของมันที่มองผม เพียงแค่สบสายตาใหญ่ริมฝีปากผมก็คลี่ยิ้มออกมาไม่รู้ตัว จะให้ผมทำยังไงถึงจะได้มีสายตาแบบนี้มองผมตลอดไป ผมไล้ปลายนิ้วตามแนวจมูกของใหญ่ เล่นต่อไปที่คิ้ว ใหญ่หลับตาลงอีกแล้วยิ้มขำ  ผมลูบเบาๆที่เปลือกตาที่ปกปิดดวงตาขี้เล่นนั้น ก่อนก้มลงสัมผัสริมฝีปากใหญ่อีกครั้งเนิ่นนานจนแทบลืมหายใจ  เมื่อผมเงยหน้าขึ้นถึงเห็นว่าสีหน้าใหญ่เป็นสีชมพูระเรื่อ เหงื่อเกาะพราวเต็มใบหน้า ผมหัวเราะก่อนเอามือลูบเช็ดเหงื่อให้ใหญ่ พูดด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่เล่นๆว่า
“เหงื่อตกเลยเหรอ จูบแค่นี้เองนะ ถ้ามากกว่านี้เหงื่อมิท่วมเลยเหรอ หึหึ”

ใหญ่ทำตาเรืองแสงใส่ผม ส่งค้อนมาให้แล้วลุกขึ้น “มึงก็ชอบแบบนี้ ทำบรรยากาศกูเสียหมดเลย ชอบกวนจริงๆ”
ผมรวบตัวมันมากอดดึงมันมาพิงอยู่ที่อก “อย่าโมโหสิ ก็กูรัก กูก็อยากแกล้ง นานๆจะได้แกล้งมึงสักที อยู่ก็ไกล”
ใหญ่พูดค่อยๆ แต่พอจะได้ยินว่า “มึงไปอยู่เชียงใหม่กับกูนะ พาแม่ไปอยู่ด้วย” น้ำเสียงของใหญ่จริงจังไม่ได้พูดเล่นอีกต่อไป แต่สิ่งที่มันพูดมาบังเอิญตรงกับความคิดผมพอดี
“มึงจะเลี้ยงกูเหรอ กูกินจุนะ บอกซะก่อน” ผมขยี้หัวมันเล่น ใหญ่เงยหน้าขึ้นมา ทำสีหน้างอนๆ
“พอกูจริงจังมึงก็ชอบพูดเล่น มึงไม่เห็นว่าเรื่องนี้สำคัญเลยใช่มั้ย” ก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดเป็นการเข้าใจผิดกันไป ผมต้องรีบอธิบายให้มันฟัง

“ขอโทษครับ ผมไม่อยากเห็นคุณซีเรียส ล้อเล่นก็อยากให้คุณยิ้มเท่านั้นเอง...จริงๆนะใหญ่ มึงยิ้มหน่อย กูอยากเห็น”
ใหญ่ส่ายหน้า “กูยิ้มไม่ออก พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมากูก็เครียดจนเส้นสมองตึงไปหมด มันห้ามกันยากจริงๆนะฝัน”
“กูรู้ แต่ชีวิตมันก็แบบนี้ ค่อยๆคิดค่อยแก้ปัญหากันไปดีกว่า เรื่องไปเชียงใหม่กูก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ติดที่แม่ กูคงต้องถามแม่ก่อน มึงคงเข้าใจกูนะ”
ใหญ่พยักหน้า “กูเข้าใจ แต่ถ้าเราอยู่ห่างกันแบบนี้ มันไม่ไหวนะฝัน...”ใหญ่มองผมนิ่งก่อนพูดต่อ

“...มันทรมาน”

ผมรวบตัวมันมากอดแน่นๆอีกครั้ง ถ้อยคำที่มันพูดมากระแทกใจผมจนจุก ผมไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกขนาดนั้น
“กูขอโทษ...กูขอโทษที่ทำให้มึงทรมาน”
“กูสัญญาว่าจะทำให้มึงหายทรมาน กูจะทำให้ได้” ผมสัญญากับมันไปทั้งที่ผมเองไม่มั่นใจเหมือนกันว่าผมจะทำได้หรือเปล่า ผมย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า

ผมก้าวลงบันไดไปอย่างช้าๆ เสริมสร้างจิตใจตัวเองให้มั่นคงมากขึ้น  ในสมองคิดวุ่นวายว่าควรจะเริ่ม ยังไง อะไรตรงไหนดี แม่เดินตามหลังผมมาด้วยเงียบๆ ทำให้ผมอุ่นใจยิ่งขึ้น  พ่อของใหญ่นั่งอยู่ที่โซฟาสายตามองเหม่อออกไปข้างนอก ผมมองจากระยะไกลยังเห็นแววตากังวลที่ซุกซ่อนไว้ไม่มิด ลึกๆ ผมรู้สึกแย่ที่เป็นส่วนหนึ่งในปัญหาที่ทำให้ท่านต้องขบคิดอยู่ แต่ผมจะทำอะไรได้ครับเมื่อความจริงที่ผมกับใหญ่รักกันมันเป็นสิ่งที่เป็นไปแล้ว และจะเป็นไปในเวลาที่เหลืออยู่ของทั้งผมและมัน...ผมเชื่อเช่นนั้น

“สวัสดีครับพ่อ” ผมยกมือสวัสดีส่งเสียงเรียกท่านให้หันกลับมาที่ผม พ่อยกมือรับไหว้แล้วพยักหน้าให้แต่ยังไม่พูดอะไร แม่จูงมือผมให้นั่งลงตรงข้ามกับพ่อ พอเราสบตากันตรงๆ ผมกลับเป็นฝ่ายที่ต้องหลบตาพ่อก่อน
“เดินทางมาแต่เช้าเลยนะคะ คงจะเหนื่อยแย่” แม่เริ่มบทสนทนากับพ่อขึ้นมา พอจะช่วยทำลายความอึดอัดลงไปได้บ้าง ส่วนผมยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะเริ่มต้นพูดยังไง
“ผมนั่งรถมาเมื่อคืนครับ ต้องขอโทษด้วยที่มารวบกวนแต่เช้า”
 พ่อหยุดไปชั่วขณะก่อนสบตาผมแล้วหันไปพูดต่อกับแม่ว่า “ผมต้องขอโทษอีกเรื่องที่ลูกๆหลานๆ ผมมารวบกวนกันหลายคน เกรงใจจริงๆครับ”

แม่ยิ้มอ่อนโยนให้พ่อ “ไม่เป็นไรเลยค่ะ ใหญ่ก็เหมือนลูกอีกคนของดิฉัน เห็นกันมานานแล้วก็รักแกเหมือนลูก” แม่กุมมือผมไว้แล้วยิ้มส่งกำลังใจให้ผม
 “น้องออมเองก็น่ารัก ดิฉันกลายเป็นคุณย่าของแกไปแล้วค่ะ ดิฉันดีใจนะคะได้มีหลานทันใจจริงๆ”
“คุณไม่อยากมีหลานจริงๆของตัวเองบ้างหรือครับ” พ่อใหญ่พูดสวนขึ้นมาทำเอาแม่ผมยิ้มเจื่อนไป แต่ก็ฝืนยิ้มตอบพ่อกลับไปว่า
“อีกหน่อยก็มีค่ะ พี่สาวของตาฝันเพิ่งจะแต่งงานไป อีกไม่นานก็คงมีหลานมาให้ดิฉันได้ชื่นชม”
“ผมเองมีหลานแล้วหนึ่งคนจากลูกสาว ก็ยังอยากมีหลานจากใหญ่อีกสักคน”

ผมแปลกใจที่พ่อพูดอ้อมไปมาแต่ก็ทำให้ผมเจ็บได้อยู่ดี หรือจะเป็นที่สายตาของพ่อที่มองมาตรงมาที่ผมเมื่อพูดว่าต้องการลูกจากใหญ่ ผมกำลังจะเปิดปากพูดแต่แรงบีบจากมือแม่ก็หยุดผมเอาไว้
“หลานจะมีกี่คน จะมาจากใครก็คือหลาน ดิฉันเองสุขภาพไม่ค่อยดีเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล ถึงแม้ตอนนี้จะดูไม่มีอะไรแต่อายุก็มากแล้ว คงอยู่กับลูกหลานไปได้อีกไม่นาน ก็คงต้องแล้วแต่ลูกๆว่าเค้าอยากมีหรือไม่มี เพราะเราก็คงไปช่วยอะไรเค้าในอนาคตไม่ได้ แก่ๆอย่างดิฉันก็รอวันตายอย่างเดียว”
“แม่พูดอะไรแบบนั้น แม่ยังแข็งแรงอยู่แท้ๆ” ผมไม่สบายใจที่แม่พูดแบบนี้ ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าแม่ต้องการบอกอะไรกับพ่อของใหญ่หรือเปล่า แต่พูดเหมือนแช่งตัวเองผมไม่ชอบเลย

“ผมไม่คิดแบบคุณครับ ถึงแม้ในอนาคตเราจะไม่อยู่กับลูกๆหลานๆ แต่ในฐานะคนเป็นพ่อแม่ก็ต้องชี้แนะแนวทางให้ลูกเพราะเราผ่านชีวิตมามากกว่าเค้าเห็นอะไรมามากกว่า บางทีเด็กๆก็คิดอะไรแคบๆแค่วันนี้พรุ่งนี้ไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจเรื่องอะไร”
แม่พยักหน้าเหมือนจะเห็นด้วย “ข้อที่ว่าพวกเราๆ ผ่านอะไรมามากกว่าลูกก็คงจะจริงดิฉันเห็นด้วย พ่อแม่ต้องชี้แนะแนวทางให้ลูกดิฉันก็เห็นด้วย” ผมหันไปมองหน้าแม่ ว่าแม่กำลังจะพูดอะไรกันแน่ แต่แม่ก็พูดต่อไปก่อน

“แต่ประสบการณ์ของเราในอดีต มันก็เทียบกับสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ได้นะคะ  เหตุการณ์มันเปลี่ยนไป สังคมก็เปลี่ยน เราเองต้องมองโลกเก่ากับใหม่ในมุมมองที่แตกต่าง บางอย่างเราต้องเปิดกว้าง เราต้องรับฟัง”
พ่อเริ่มขมวดคิ้วมองมาที่ผม ผมเองก็อยากพูดมากๆแต่กลัวทำเสียเรื่องลองฟังผู้ใหญ่เค้าคุยกันตามประสาพ่อแม่ไปก่อนดีกว่า
“คุณกำลังจะบอกผมว่า ถ้าสมัยนี้ลูกชายคุณจะรักกับผู้ชาย คุณก็ไม่ว่างั้นรึ?”

คำถามของพ่อที่ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมอีกต่อไปทำเอาผมมือเย็นเฉียบ บทพ่อจะตรงพ่อก็ตรงไม่มีเตือนเลย
“ไม่ว่าค่ะ เขาก็มีสิทธ์เลือกใครที่เค้ารัก เพราะมันเป็นชีวิตของเขา” แม่พูดหน้านิ่งๆ ไม่ยิ้มแต่ก็ไม่บึ้ง “ดิฉันจะไม่ยอมก็ต่อเมื่อลูกของฉันไปรักคนชั่ว คนไม่ดีเท่านั้นค่ะ”
****************
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 07-02-2010 22:51:44
ประโยคสุดท้ายของแม่ถูกที่สุดเลย  :serius2:

แนะนำตัวค่ะ เพิ่งเคยเม้นท์ครั้งแรก นิยายสนุกมากค่ะ ปนเศร้าด้วย  :pig4:
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 07-02-2010 22:56:37
คุณแม่สุดยอดดดด  o13
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 07-02-2010 23:02:45
คุณแม่เลิศมากที่สุดเลยชอบๆอะ
แล้วจะรออ่านต่อ
นิว(ยิ้มๆ)
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 07-02-2010 23:07:13
ศึกครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก คุณแม่ออกโรงแล้ว...คุณพ่อใหญ่ท่านก็นะยัง
ห่วงกับกังวลยังอยากจะชี้นำลูกชายหัวแก้วให้เป็นอย่างใจอยู่นั่น
งานนี้คุณแม่เจ้าฝันจะกล่อมได้มั๊ยนะ

เจ้าฝันสัญญาที่ให้ไว้กับนุ้งใหญ่คงต้องใช้ความพยายามมากๆเลยอ่ะนะ
อดทนๆ.....พายุฝนเกิดขึ้นได้ก็ย่อมจางหายไปได้
+1 คะ
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 07-02-2010 23:12:42
คุณแม่พูดได้โดนใจอย่างแท้จริง
คนที่ผ่านประสบการณ์มามากกว่า และนำประสบการณ์นั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับสถานการณ์ในปัจจุบันคือคุณแม่ของฝันนี่เอง
ส่วนคุณพ่อของใหญ่ก็ดื้อมากมาย ไม่ยอมรับก็ต้องขัดขวางจนสุดท้ายสินะ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากค่ะ

หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 08-02-2010 00:34:23
คุณแม่น่ารักที่สุดเลย
เมื่ิอไหร่พ่อใหญ่จะใจอ่อนซะที
สงสารใหญ่ สงสารฝันอ่า  :z3:
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 08-02-2010 12:35:19
คุณแม่แรงได้ใจเลย

คิคิคิ  รออ่านต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 08-02-2010 14:22:53
 o13  สุดยอดคุณแม่เลย
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 08-02-2010 18:30:18
ต้องนับถือความแมน ในตัวแม่ของฝันซะจริงๆ  o13

รออ่านความเข้มข้นในตอนต่อไปนะค้าบบ
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 09-02-2010 20:22:15
ใหญ่งอนน่ารักอ่ะ  คู่นี้ เค้างอนง้อกันน่ารักจริง ๆ

คุณแม่เลิศเคอะ 
หัวข้อ: Re: ๔๘๔๘ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๘๔๘ (7/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 09-02-2010 22:16:37
สุดยอดเลยคับ เเม่พี่ฝันเนี่ย

 o13
หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 11-02-2010 22:13:25
  :z2:
(ตอนที่๔๙)

“ผมรักใหญ่จริงๆนะครับ” ผมพูดแทรกขึ้นมาบ้าง อยากแสดงให้พ่อรู้ว่าผมคิดยังไง
“ความรักมันก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง” พ่อไม่มองหน้าผมเลยเมื่อพูดขึ้นมา
“ใหญ่ยังต้องอยู่ในสังคมอีกนาน คนทั่วไปเค้าจะมองว่ายังไงกัน...มารักกับผู้ชาย” น้ำเสียงของพ่อมันทำให้ผมเจ็บ
ผมกัดริมฝีปากตัวเองแรงๆจนลิ้นรู้สึกได้ถึงรสปร่าของเลือด เสียงที่พูดออกมาแผ่วเบาเหมือนคนหมดแรง “เราแค่รักกัน ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียด มันผิดตรงไหนครับ”
พ่อปรายหางตามามองผม “ฮึ ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียด แค่คิดก็ผิดแล้ว”

“....” ผมถึงกับพูดไม่ออก ขอบตาร้อนเหมือนน้ำตาจะไหล แต่แรงบีบจากมือของแม่ทำให้ผมต้องกลั้นน้ำตาไว้
“แปลกนะคะ ฟังแล้วดิฉันก็สงสัยว่าคุณแคร์ความรู้สึกคนในสังคมมากกว่าความรู้สึกของลูกตัวเองเสียอีก”
พ่อส่ายหน้า สายตามองตอบกลับมาดูหม่นหมองลง “ไม่ใช่หรอกครับ ผมก็คิดเหมือนคุณนะครับ อีกหน่อยผมก็ตาย ผมก็ห่วงลูกอยากให้เค้าอยู่ต่อไปในสังคมอย่างมีความสุข  ไม่ใช่อยู่ท่ามกลางเสียงนินทา”
แม่ส่ายหน้า “ดิฉันกลับไม่คิดอย่างนั้น ดิฉันคิดว่าสังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว เค้ายอมรับทุกเรื่องกันมากขึ้น คุณอย่าคิดแทนลูกจนมากไปสิคะ” 
“ความสุขของลูกมันอยู่ที่ว่าเค้าได้ทำในสิ่งที่เค้าต้องการรึเปล่ามากกว่า ถ้าเค้าเลือกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเค้าก็ต้องยอมรับผลของมัน เราคนเป็นพ่อเป็นแม่ทำได้ก็เพียงคอยมองอยู่ห่างๆ ให้กำลังใจยามลูกมีปัญหา ชื่นชมยินดีเมื่อลูกมีความสุข”

 แม่หยุดไปสักพักก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ ความสุขของพ่อแม่ก็คือลูกมีความสุข...ไม่ใช่เหรอค่ะ?”
พ่อเงยหน้าขึ้นมองแม่ตาแดงๆ “ผม...” พ่อไม่พูดอะไรต่อนิ่งอึ้งไป เหมือนต้องการใช้ความคิดเพียงลำพัง
“ผมสัญญาครับพ่อว่าผมจะรักและดูแลใหญ่ตลอดไป ผมจะไม่ทำให้ใหญ่เสียใจ จะไม่ทำให้ใหญ่เสียหาย เรารักกันก็จริงแต่เราก็อยู่ห่างไกลกัน ในอนาคตถึงเราอยู่ด้วยกันจริงๆ ผมก็จะไม่สร้างปัญหาให้ใหญ่”
พ่อมองหน้าผมแต่ตั้งใจฟังสิ่งที่ผมพูดทุกคำ ผมเลยได้โอกาสพูดต่อ
“ผมไม่ได้เร่งรัดให้ใหญ่ต้องมาอยู่กับผม ผมเข้าใจว่าเราทั้งสองต่างมีพ่อแม่และภาระหน้าที่ ที่ต้องดูแลและทิ้งไปไม่ได้ ไม่ได้บังคับให้ใหญ่ต้องทิ้งใครเพื่อผมหรือเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อผม  เราแค่ขอรักกัน ได้เจอกันบ้าง ได้ใช้เวลาร่วมกันก็แค่นั้น”

“มันเป็นความสุขของลูกนะคะ” น้ำเสียงอบอุ่นของแม่เหมือนจะช่วยปลอบโยนพ่อและสนับสนุนสิ่งที่ผมพูด พ่อถอนหายใจยาวนั่งพิงพนักอย่างอ่อนแรง น้ำเสียงของพ่อช่างแผ่วเบาและเศร้าศร้อยเมื่อพูดกับแม่ของผม จนผมรู้สึกเห็นใจท่าน
“ครอบครัวในความคิดของผมคือมีคู่คิด คู่รักที่คอยห่วงใยดูแลกัน มีลูกด้วยกัน อยู่กันได้อย่างเปิดเผย ไปไหนมาไหนด้วยกันได้อย่างสบายใจ ผมก็แค่อยากให้ลูกผมมีตรงนี้ ไม่อยากให้ลูกต้องเสียใจในภายหลัง ผมคิดผิดเหรอครับ?”

แม่ส่ายหน้าแล้วยิ้มให้กำลังใจ “ความรักของพ่อแม่ไม่มีผิดหรอกค่ะ ใหญ่เค้าก็คงคิดแบบนี้เพราะเค้าก็รักคุณพ่อ แต่เค้าก็มีชีวิตของเค้าที่ต้องการเลือกเอง ถ้าคุณพ่อยังยืนยันตามความคิดเดิม ดิฉันคิดว่าใหญ่ก็คงต้องยอมเลิกกับฝัน ทำงานอยู่เชียงใหม่เหมือนเดิมโดยไม่มีรัก แต่เรื่องคู่ครองในอนาคต ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะยอมตามใจคุณรึเปล่า แต่ที่แน่ๆเค้าก็คงไม่มีความสุขไปช่วงหนึ่ง”
แม่ถามย้ำไปอีกคำว่า “ถ้ามันจะเป็นแบบนั้นคุณพ่อจะมีความสุขเหรอค่ะ”

ผมไม่แน่ใจว่าพ่อได้ยินที่แม่ผมถามรึเปล่า เพราะพ่อถามผมขึ้นมาบ้าง “พ่อถามเรานะฝัน เราแน่ใจแค่ไหนว่าจะรักกันไปตลอดรอดฝั่ง แน่ใจแค่ไหนว่าที่พูดกันปาวๆว่ารักกันมันไม่ใช่แค่ความหลงหรือการเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่ารักเพื่อนมาก จนเผลอเข้าใจว่านี่คือความรักแบบคู่รัก”
ผมตั้งสติก่อนตอบช้าๆอย่างที่ผมคิด “ผมแน่ใจว่าคือรักไม่ใช่หลง ผมไม่ได้เข้าใจผิด ตอนนี้ทั้งผมและใหญ่ต่างก็มีผู้หญิงดีๆอยู่รอบตัวเรา คนที่เราควรจะรัก ควรจะเลือกมาเป็นคู่ชีวิต แต่เราก็ไม่เลือก เราเลือกที่จะรักกัน ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ง่าย และมันไม่ใช่เรื่องที่คนรอบข้างเราจะยอมรับกันง่ายๆ”

ผมถอนหายใจอีกครั้งสูดลมหายใจลึกๆก่อนพูดต่อ “ส่วนเรื่องอนาคตผมอยากให้พ่อพิสูจน์ด้วยตัวของพ่อเองมากกว่าเพราะผมพูดไปพ่อก็คงไม่เชื่อ ว่าผมรักใหญ่มากแค่ไหนและจะนานไปได้อีกกี่ปี”
“พ่อสงสารเราเถอะนะครับ ให้โอกาสผมให้แสดงความจริงใจให้พ่อดู”

ผมลุกขึ้นไปนั่งลงกราบที่ตักพ่อ พ่อมองผมเฉยๆ ผมมองแววตาของพ่อไม่ออกว่าคิดยังไง แล้วอยู่ๆพ่อก็ลุกขึ้นยืนหันไปบอกกับแม่ผมว่า “ผมขอเวลาคิดเรื่องนี้ดูอีกที ผมดีใจนะครับที่ได้มาพบคุณ อย่างน้อยผมก็รู้ว่าคุณยอมรับใหญ่ได้ ผมเองก็รักลูกผมไม่น้อยไปกว่าที่คุณรักลูกคุณหรอกครับ ”
พ่อก้มหน้าลงพูดกับผมว่า “ยังไงพ่อก็ยังห่วงใหญ่อยู่ดี ฝันอย่าบอกใหญ่นะว่าพ่อมา เดี๋ยวเค้าจะเที่ยวไม่สนุก พ่ออยากให้เรารู้กันแค่นี้”
ผมก้มลงกราบที่เท้าพ่อ “ผมขอบคุณครับที่พ่อให้โอกาสผม”
พ่อส่ายหน้าปฏิเสธ สีหน้าราบเรียบแต่ก็ดูออกว่ายังเครียดๆอยู่ “ยังไม่ได้ให้โอกาส บอกแล้วยังไงล่ะว่าขอกลับไปคิดดูก่อน”

แม่เดินมาจับไหล่ผม “ฝันอย่าใจร้อนนะลูก ยังไงคุณพ่อก็ต้องคิดให้รอบคอบ”
“ผมพร้อมที่จะไปฟังคำตอบ ผมจะขึ้นไปเชียงใหม่กับใหญ่ด้วยครับพ่อ” ผมก็ยังใจร้อนอยากจะรู้ว่าตกลงพ่อตัดสินใจยังไงกันแน่ แต่พ่อกลับยกมือห้ามผม
 “ไม่ต้องไปหรอก พ่อจะตกลงกับใหญ่เอง ให้เค้าเป็นคนบอกเราเองดีกว่า”
“แต่ว่า...”
 ผมจะพูดต่อแต่แม่ก็ปรามผมด้วยสายตา ผมรู้ว่าแม่ไม่ชอบให้ผมพูดสวนผู้ใหญ่ แต่ที่แน่ๆผมต้องทรมานไปด้วยความไม่แน่ใจไปอีกหลายวันถ้าพ่อไม่บอกผม

 แม่กับพ่อยกมือไหว้บอกลากันและกัน ผมเสนอตัวพาพ่อไปส่งที่ๆอยากไป แต่พ่อก็ปฏิเสธบอกว่าจะกลับเชียงใหม่เลยและไม่อยากให้ใหญ่สงสัยว่าผมหายไปไหน ผมเลยต้องปล่อยให้พ่อกลับไปเองตามลำพัง ผมเดินไปส่งพ่อที่หน้าบ้าน ก่อนที่พ่อจะออกไปพ่อหันมามองผมอีกครั้งเหมือนคิดพิจารณา ก่อนที่จะเอ่ยว่า
 “พ่ออยากให้ฝันเข้าใจอย่างหนึ่งนะ ที่พ่อคัดค้านไม่ใช่เพราะพ่อเกลียดฝัน ถึงไม่เป็นฝันเป็นผู้ชายคนอื่น พ่อก็ต้องทำแบบนี้”

 ผมยกมือไหว้ขอบคุณพ่ออีกครั้ง “ผมเข้าใจครับพ่อ ผมรู้ว่าพ่อรักใหญ่มาก ผมรู้ครับ” พ่อพยักหน้าให้ผม ก้มหัวให้แม่อีกครั้ง แล้วก็ขึ้นรถแท็กซี่จากไป ผมมองตามหลังรถไปจนลับตา ที่จริงแล้วผมเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อ  แต่ยังไงผมก็ยังเห็นแก่ตัวเองมากกว่าอยู่ดี

ผมกับแม่เดินจับมือกันเข้าบ้านเมื่อพ่อกลับไปแล้ว แม่จูงมือผมมานั่งลงที่โซฟา ผมลงนั่งกราบที่เท้าแม่ของผมบ้างแล้วซบลงที่ตักแม่ แม่ลูบหัวผมอย่างใจดี พูดเหมือนล้อผม
“ฝันนึกยังไงมากราบแม่”
 ผมเงยหน้าขึ้นมาบอกแม่ “ผมรักแม่ ผมก็กราบ แม่คือพระของผม ผมกราบแม่ก็เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำนี่ครับ”
“ขอบคุณแม่นะครับ ถ้าไม่มีแม่อยู่ข้างๆ ผมคงผ่านวันนี้ไปไม่ได้แน่ๆ” ผมยิ้มให้แม่อย่างประจบ แต่ลึกๆในใจผมก็ยังกังวลใจอยู่
“แม่คิดว่าพ่อใหญ่ใจอ่อนรึยัง ผมไม่แน่ใจเลย” แม่ลูบหัวปลอบผม แล้วยิ้มให้กำลังใจ
“ก็ต้องให้เวลาเค้าคิด แต่แม่คิดว่ายังไงๆเค้าก็ต้องเลือกทางออกที่ดีที่สุดสำหรับใหญ่นะ”
“ผมก็อยากจะคิดแบบนั้น ภาวนาอย่างเดียวขอให้ทางออกนั้นมันดีสำหรับผมด้วยก็แล้วกัน”

“คิดอะไรอยู่ฝัน ทำไมเงียบไป”  เสียงเรียกของใหญ่ปลุกผมให้ตื่นจากความคิด ใหญ่เขย่าแขนผมแล้วหาวจนน้ำตาไหล “โว้ว...กูนึกว่ามึงหลับไปแล้ว นิ่งไปเลย เราขึ้นไปนอนกันเถอะ กูง่วงแล้ว”
ผมยิ้มให้ใหญ่แล้วหอมแก้มมันเบาๆ “ไปสิ กูก็ง่วง อยากนอนกอดมึงแล้ว”
ใหญ่ไม่ตอบแต่แอบยิ้มผมเลยยิ้มด้วย เราลุกขึ้นเดินจูงมือกันเข้าห้อง  พอเข้าไปในห้องนอนใหญ่ก็ปล่อยมือผมแล้วล้มตัวลงนอนทันที ห่มผ้าแล้วหลับตาหันหลังให้ผม แต่ผมยังไม่ง่วงเลยสะกิดแขนใหญ่
“กูยังไม่ง่วงเลย หันหน้ามาก่อนดิ”
“....”
 เงียบไม่มีเสียงตอบจากใหญ่ ได้ยินเพียงเสียงกรนเบาๆในคอ ใหญ่มันคงจะง่วงจริงๆ ผมเลยต้องจำใจนอนด้วย ผมสอดแขนเข้าไปใต้ศีรษะใหญ่จับหัวมันให้เข้ามาหาผม ใหญ่พลิกตัวหันมาหาผม ลืมตาปรือๆเหมือนจะตื่นมองผมงงๆ แล้วก็หลับต่อ ขยับตัวซุกเข้ามาในอ้อมกอดผม ผมดูแล้วก็ยิ้มบ่นกับตัวเองว่า
“หลับก็หลับ ขอกอดมึงหน่อยนะ ใหญ่ของกู”
ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ลูบหัวใหญ่เล่นแล้วก้มหน้าลงจูบหน้าผากมันด้วยความรัก  ผมมองหน้าใหญ่เงียบๆ เวลานอนคงเป็นเวลาที่มันมีความสุขมากที่สุด ผมอดสงสารมันไม่ได้ที่อายุแค่นี้ต้องมาคิดมากมายหลายเรื่อง ได้แต่หวังว่าที่สุดแล้วพ่อจะเข้าใจและให้โอกาสเรา

ใหญ่กลับไปสองวันแล้ว ก่อนกลับน้องออมมีอิดออดบ้างบ่นว่ายังเที่ยวไม่ทั่ว ผมเลยสัญญาว่ามาคราวหน้าผมจะพาไปเที่ยวอีก ดูท่าแล้วผมก็พอจะไปกับน้องออมได้ ขอเวลาให้ผมอีกสักนิดผมคงชนะใจน้องออมได้แน่นอน ใหญ่เองก็ดูหน้าตาหม่นหมองไปเมื่อเราต้องห่างกันอีกครั้ง
“สัญญานะฝันว่าจะไปอยู่กับกู” ใหญ่ทำตาปริบๆมองผมตาละห้อยพูดเหมือนคนป่วยหนัก ผมอยากจะรวบตัวมันมากอดให้กำลังใจแต่ก็ติดที่ว่ามีคนยืนล้อมรอบอยู่หลายคน ทำอะไรไม่สะดวกเลยได้แต่บอกมันไปว่า “กูสัญญา เสร็จงานทางนี้จะรีบตามไปทันที ถ้ามีอะไรด่วนจริงๆ โทรมาหากูนะ”
ใหญ่พยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ “กูจะรอมึงนะ อย่าลืมเกริ่นๆกับแม่ด้วยเรื่องไปอยู่เชียงใหม่”
ผมยิ้มตอบให้มันไป ตบไหล่มันเบาๆ “กูไม่ลืมแน่ๆใหญ่”

ใหญ่ผละจากผมไปหาแม่ เข้าไปกอดแม่ แล้วกราบแม่ที่อก “ผมขอบคุณแม่นะครับที่ให้ความอบอุ่นผมกับหลาน ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่”
แม่ยิ้มใจดีลูบหัวใหญ่ด้วยความเอ็นดู “ใหญ่ก็ลูกแม่อีกคนนะ อย่าลืมสิ แล้วมาเที่ยวอีกนะลูก แม่จะรอ”
ใหญ่ยิ้มประจบเข้าไปกอดแม่อีกครั้ง “ผมก็จะรอแม่ไปอยู่เชียงใหม่กับผมเหมือนกัน นะครับแม่” แม่ทำตาโตประหลาดใจ กับสิ่งที่ใหญ่บอกแล้วก็หัวเราะ “จ้ะๆ แม่จะคิดดูนะ เดินทางปลอดภัยนะลูก ขอให้พระคุ้มครอง”

น้องออมเองกว่าจะผละจากแม่ผมได้ก็โยเยอยู่นาน ก่อนจะกลับครูน้ำบอกกับผมสั้นๆแค่ว่า
“พี่ฝันรีบตามไปนะคะ ไม่งั้นถ้าพี่ใหญ่ต้องหลุดมือไปน้ำไม่รับผิดชอบนะ” ทีแรกครูทำหน้าจริงจังพลอยทำเอาผมเครียดไปด้วยหรือว่าครูเปลี่ยนใจจะมาชิงใหญ่ไปจากผมอีก แต่สักครู่ครูน้ำก็ยิ้ม ผมเลยรู้ว่าครูพูดกระเซ้าผม
“ผมไม่ปล่อยให้ใหญ่หลุดมือไปได้แน่นอนครับครูน้ำ” ผมยกนิ้วชูสัญลักษณ์ลูกเสือสามัญเพื่อเป็นการยืนยัน เราหัวเราะกันทั้งคู่เป็นสัญญาณถึงมิตรภาพที่ดีระหว่างกัน

ใหญ่เดินกลับมาตามครูอีกครั้งเมื่อรถจะออก เมื่อครูน้ำผละไปแล้วเราต่างมองกันอย่างอาลัยอาวรณ์ ผมดึงมือใหญ่อย่างแรงจนตัวมันมากระแทกอกผม ผมถือโอกาสโอบกอดมันไว้ ผมตบไหล่มันเบาๆก่อนกระซิบที่หูว่า
“กูรักมึงนะ ใหญ่ จำไว้ว่ากูรักมึง” ใหญ่ก้มหน้างุดพูดเบาๆข้างหูผม แต่ผมยังได้ยินว่า “อืม...กูก็รักมึง”
ผมยังจำภาพที่มันเดินขึ้นรถแล้วหันหลังมามองผมก่อนที่จะลับสายตาไป ผมบอกกับตัวเองว่า ผมจะไม่ยอมมีภาพนี้อีกแล้ว จะไม่มีใครต้องหันหลังให้ใครอีก เราจะต้องไปด้วยกัน

 ผมทำงานไปอย่างซังกะตายไม่มีชีวิตจิตใจ ที่หัวหน้าไม่ให้ผมลางานก็เป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้โกหกใหญ่ ผิดแค่ที่ว่าถ้าผมจะดึงดันไปจริงๆผมก็ทำได้ แต่ผมก็ไม่ทำเพราะพ่อใหญ่ขอไว้ไม่ให้ผมตามไป แต่มันกลับทำให้ผมกระวนกระวาย มือคอยแต่จะต่อโทรศัพท์หาใหญ่ตลอดเวลา แต่ก็กดทิ้งเพราะกลัวไปเจอพ่อใหญ่รับสายเข้า พอผมตัดใจโทรหามันได้ ใหญ่ก็กลับไม่รับสาย เป็นอีกครั้งที่ผมต้องเขียนจดหมายทั้งที่รู้สึกว่ามันไม่ทันใจเอาเสียเลย แอบค่อนขอดไปรษณีย์ไทยอยากให้ทำงานกันว่องไวกว่านี้

ใหญ่คนไกล
กูคิดถึงมึง ร้อนใจด้วยว่าพ่อว่าไงบ้าง ทำไมมึงเงียบไป กูเป็นห่วงมึงนะ คิดถึงด้วย กูไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี ก็หวังแต่ว่ามึงจะรู้ว่ากูรู้สึกยังไง มันตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนรอผลสอบเอนทรานส์ซะอีก เพราะมันมีผลต่ออนาคตของเราไม่แพ้กันเลยนะ กูหวังว่าจะมีเสียงของมึงบอกมาให้กูขึ้นไปเชียงใหม่ในเร็วๆวันนี้นะ กูจะรอ

จากคนที่รักมึง
ฝัน
****************
 :call:
หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 11-02-2010 22:26:22
เหมือนๆจะดีขึ้น  แต่ก็ยังไม่ดีซะทีเดียว
ยังมีอะไรๆอึมครึมอยู่เลย  เฮ้อๆ
สงสารใหญ่ สงสารฝัน
เมื่อไหร่จะสมหวังกันซะทีนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 11-02-2010 22:54:56
มาให้กำลังใจใหญ่กับฝันนะคะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 11-02-2010 23:55:11
เฮ้อคุ่รักทรหด นี่ขนาดพ่อมาคุยแล้วคล้ายๆเหมือนจะใจอ่อน
แต่ให้เวลาพ่อนิดนึงอ่ะเนอะเรื่องลูกตัวเองทั้งคน สิ่งที่พอ่อยากให้เป็น
แลกกับความสุขชั่วชีวิตของลูก ขอเวลาให้พ่อเ้ค้าหน่อยนะเจ้าฝัน
ส่วนคุณแม่ของฝัน แม่พระจริงๆ เรารักลูกเรายังไงก็เผื่อแผ่ความรักให้
ใหญ่ไปด้วยเช่นกัน น่ารักจริงๆ
+1 คะ
หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 12-02-2010 01:15:05
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาซึมๆ
ได้เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อมากขึ้นว่าหวังดีต่อลูกมากแค่ไหน
ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพส o13
หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 12-02-2010 07:48:53
รอวันคุณพ่อใจอ่อน :a1:

หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 12-02-2010 09:19:01
ง่าใกล้จบแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 12-02-2010 13:52:23
รอการติดต่อกลับมาจากใหญ่

หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 12-02-2010 15:32:03
 :เฮ้อ: มันคือความจริงที่ต้องก้าวผ่าน

เป็นกำลังใจให้ทั้งสองนะคับ

ได้รักกันในที่สุด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-02-2010 11:42:12
คุณแม่ของฝันท่านพูดและแนะนำได้ดีจริงๆ
คราวนี้ก็เหลือแต่คุณพ่อของใหญ่ ว่าจะรักลูกแบบไหน
บวกอีก 1 แ้ต้ม ขอบคุณคนโพสต์และคนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: ๔๙๔๙ จดหมายจากเพื่อนรัก ๔๙๔๙ (11/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 13-02-2010 16:14:02
มานั่งรอจดหมายพี่ใหญ่พร้อมกับข่าวดีต้อนรับวันวาเลนไทน์


 :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 13-02-2010 22:21:29
(ตอนที่๕0)
จดหมายผมคงยังไปไม่ถึง แต่บางทีอาจเป็นเพราะใจเราสื่อถึงกัน วันรุ่งขึ้นขณะที่ผมกำลังขับรถกลับบ้าน ใหญ่ก็โทรศัพท์มาหาผม
“ใหญ่/ฝัน”
เราต่างเรียกชื่อกันและกันขึ้นมาพร้อมๆกัน ผมนิ่งให้ใหญ่พูดก่อน แต่ใหญ่ก็เงียบไป
“ฝัน/ใหญ่”
เราเรียกชื่อพร้อมกันอีกครั้ง ผมต้องยิ้มกับตัวเอง ใจเราคงตรงกันมากเกินไปหน่อย ผมรีบชิงพูดก่อนว่า “มึงพูดก่อน ไม่งั้นวันนี้เราคงไม่รู้เรื่องแน่ๆ”

ใหญ่พูดเสียงเบาๆ จนผมต้องปรับเสียงให้ดังขึ้น “พ่อบอกให้มึงมานี่ มาเชียงใหม่” ใหญ่เงียบไปนานได้ยินแต่เสียงลมหายใจ  ก่อนพูดต่อด้วยเสียงเนือยๆ
“กูไม่แน่ใจนะฝันว่าพ่อคิดยังไง พ่อดูเงียบๆ เครียดๆ ตั้งแต่กูกลับมา กูพยายามจะพูดเรื่องของเรา แต่พ่อก็เดินหนี แล้ววันนี้พ่อหายไปแต่เช้ากลับมาบ่ายๆ ก็บอกให้กูโทรมาหามึง ให้มึงมาเชียงใหม่”
ผมฟังแล้วก็มือเย็นเฉียบ ฟังจากที่ใหญ่พูดมาผมคาดเดาความรู้สึกของพ่อไม่ได้เลย ผมไม่รู้ว่าที่พ่อเรียกผมไป จะให้ไปดูหน้าใหญ่ก่อนต้องเลิกรากันไป หรือเรียกผมเพื่อบอกว่าพ่อยอมรับเราแล้วกันแน่

“กูจะไปคืนพรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้เช้ากูไปลางานก่อนแล้วนั่งรถไปเที่ยวค่ำ”
“อืม” ใหญ่พูดน้อยกว่าปกติ จนผมพลอยกังวลเพิ่มไปอีก
“มึงอย่าคิดมากนะ กูมีความหวังเสมอ มีรักแล้วก็ต้องมีหวัง ใช่มั้ย เพลงเค้าบอกว่าอย่างนั้นนี่”
เสียงใหญ่หัวเราะเบาๆ  ก่อนที่จะว่าผมว่า “ไอ้บ้าฝัน”
“หึหึ มะรืนเจอกัน พรุ่งนี้มึงคงได้จดหมายที่กูส่งไป  กูส่งสารไปแทนตัวกูก่อน แล้วเจ้าของสารจะตามไปเอง  มึงคงไม่ว่ากูนะ”
“กูจะไปว่ามึงทำไม กูรอจดหมายจากมึงมานานแล้ว แค่รอเจ้าของอีกแค่วันเดียว ถ้ามันจะตายก็ให้มันรู้ไป”
“หึหึ ดีใจจัง วันมะรืนจะได้เจอมึงแล้ว” เสียงใหญ่หัวเราะเข้าโทรศัพท์มา
“เพิ่งจากกันไม่กี่วันนี้เอง อย่ามาทำพูดดีเลย”

“เอ๊า จากกันกี่วันก็คือจาก รักกันกี่วันก็คือรัก จากกันทั้งๆที่รักก็ต้องยิ่งดีใจสิที่ได้เจอกัน” คราวนี้ผมไม่ได้ยินเสียงใหญ่หัวเราะอีก แต่จากประสบการณ์ผมเดาว่ามันคงหน้าแดง ผมได้ยินแต่เสียงบ่นๆว่า “น้ำเน่าตัวพ่อเลยนะมึง หึหึ กูไม่คุยด้วยแล้ว ลูกกูรอกินข้าวอยู่ ไว้เจอกันนะ คิดถึงเหมือนกันนะครับฝัน”
ถ้ามันอยู่ต่อหน้าผม พูดแบบนี้ผมจะขอกอดมันให้หนำใจ ขอจูบมันให้หายอยาก แต่เราคุยกันติดต่อกันได้เพียงคลื่นของเสียง ผมเลยได้แค่ตอบมันไป
“คิดถึงมึง รักมึงนะใหญ่”
เราวางสายกันไปเงียบๆ ถึงแม้จะมีความกังวลในอนาคตวนเวียนอยู่ระหว่างเรา แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความรักความผูกพันของเราสองคน ผมแทบจะรอวันมะรืนนี้ไม่ไหว

ครั้งนี้ผมมาเชียงใหม่อย่างชำนาญ มาถึงเชียงใหม่เช้ามืดตามเคย แต่ผิดกันที่ว่าคราวนี้มีคนมารอรับผมที่สถานีรถ เมื่อผมเดินงัวเงียลงมาจากรถ ก็มีรอยยิ้มสว่างไสวของใหญ่ต้อนรับผม ผมยิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปกอดมันอย่างไม่แคร์สายตาใคร
“มารอนานแล้วเหรอ ทำไมไม่นอน เดี๋ยวกูก็ไปหามึงเอง” ใหญ่ส่ายหน้าจนเส้นผมที่เริ่มยาวสะบัดอย่างน่ารำคาญ ผมเกลี่ยนิ้วเขี่ยเส้นผมออกจากใบหน้ามัน สบตากับสายตาลึกซึ้งที่มองตอบกลับมา
“ทุกครั้งที่มึงมา กูไม่รู้ตัวก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่กูรู้ แล้วกูจะใจดำไม่มารับมึงได้ยังไง”
ผมหัวเราะแล้วกอดไหล่มันออกเดิน “ไม่น่าลำบากเลย” ก่อนที่ผมจะนึกอะไรได้หันไปถามมันว่า “นี่พ่อตื่นรึยัง”

ใหญ่เม้มปากแน่น หน้าสลดลงทันที “ยังไม่ลงมาเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าตื่นรึยัง”
ผมเห็นหน้ามันหงอยลงไปเลยลูบหัวมัน “ใจเย็นใหญ่ ทำใจสบายๆ ทุกอย่างจะต้องดี กูดูปฏิทินหน่ำเอี๊ยงมาแล้ว เค้าบอกวันนี้เป็นวันดี  วันธงชัย เหมาะแก่การเริ่มทำอะไรที่ดีๆ”
ผมมองหน้างงๆของมันแล้วแอบหอมแก้มมันไวๆ ใหญ่ขมวดคิ้วอ้าปากกำลังจะว่าผม แต่ผมพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“เค้าว่าเหมาะแก่การมงคลสมรสด้วย หึหึ”
ใหญ่หน้าแดงก่ำ เอาศอกมากระทุ้งที่ท้องผมจนผมร้อง “โอ๊ก!” ผมเจ็บก็จริงแต่ก็ยังหัวเราะ
“มึงนี่ กวนไม่มีเปลี่ยนเลยจริงๆ”

ใหญ่พาผมไปหาข้าวเช้ากินที่ตลาดเช้า เรานั่งกินโจ๊กกันไปเงียบๆ แต่เงยหน้าขึ้นมาสบตากันเป็นครั้งคราว ให้พอรู้ว่ายังมีกันและกันอยู่ตรงนั้น รอบข้างเราช่างวุ่นวายไปด้วยผู้คนที่พลุกพล่าน แต่สำหรับผมเหมือนเราอยู่กันเงียบๆสองคน ความรู้สึกนี้ช่างดีจนผมอดไม่ได้ที่จะดึงมือใหญ่ที่อยู่บนโต๊ะมากุมไว้ แล้วบีบเบาๆ แก้มใหญ่เป็นสีชมพูระเรื่อ อาจจะเป็นเพราะแสงอาทิตย์ยามเช้ายังทอแสงอ่อนๆ ทำให้ใบหน้าใหญ่ตอนนี้ดูน่าหลงใหลอย่างประหลาด
“ดีจังนะ ที่เราได้มาอยู่ด้วยกัน” ใหญ่พยักหน้า แต่ขมวดคิ้วเมื่อผมพูดจบ แล้วเอียงคอมองผมอยู่ชั่วขณะ ก่อนถามมาอย่างสงสัย
“ดูมึงไม่กังวลอะไรเลย”  
 ผมส่ายหน้า“ใครว่าล่ะ กูกังวล แต่กูทำใจดีสู้เสือ ในเวลาที่เราไม่แน่ใจในอะไรสักอย่าง กูขอแน่ใจในตัวเองก่อน แล้วกูเชื่อว่าที่เหลือก็เป็นเรื่องรองแล้ว”

ใหญ่ยิ้มกว้างก่อนหัวเราะ  “มึงเข้าใจพูด คิดได้นะมึง”
“ไม่งั้นมึงจะรักกูเหรอ ตกหลุมรักกูจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วยังมาแซวกูอีก” ผมยักคิ้วให้มันแล้วอมยิ้ม ที่เห็นมันทำตาเขียวใส่
“ดีแต่พูดเข้าตัวเองนะมึง” เราหัวเราะเหมือนให้กำลังใจกันและกัน ก่อนที่ใหญ่จะบอกผมว่า “มึงพร้อมแล้วรึยัง”
ผมบีบมือมันแน่นขึ้น “พร้อมตั้งแต่รักมึงแล้ว”
ใหญ่เอามือหลังมือปิดปากแล้วเบือนหน้าไปยิ้มไม่ให้ผมเห็น แต่ผมก็เห็นแก้มป่องๆของมันได้อยู่ดี ทำให้ผมพลอยยิ้มไปด้วย ใหญ่พ่นลมหายใจออกแรงๆก่อนทำสีหน้าแน่วแน่แล้วลุกขึ้นดึงมือผมให้ลุกด้วย บอกว่า
 “งั้นเราไปกัน ไปหาพ่อกู”

ผมกับใหญ่นั่งเงียบรอพ่อเอ่ยปากออกมาก่อน แต่พ่อก็นั่งมองหน้าเราสองคนสลับไปมาอยู่อย่างนั้นนานกว่าสิบนาทีแล้ว มือใหญ่ในมือผมเย็นเหมือนน้ำแข็งจนผมต้องบีบช่วยให้มันคลายความกังวลลง แล้วในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง

“อยากจะรักกันก็ตามใจ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็รับผิดชอบกันเอาเองแล้วกันนะ”
แล้วพ่อก็ลุกขึ้นหันหลังจะเดินจากไป ทั้งที่ผมกับใหญ่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ผมปล่อยมือใหญ่ออกแล้วเรียกพ่อเสียงดัง “พ่อครับ”
ผมเดินเข้าไปคุกเข่าทรุดตัวลงไหว้พ่อ “ขอบคุณครับพ่อ ที่ให้โอกาสผม ให้โอกาสเรา” สายตาของพ่อที่มองมาเหมือนจะยิ้มให้ผม แต่ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองขนาดนั้น พ่อไม่พูดอะไรกำลังจะเดินออกไป
“พ่อครับ” ใหญ่วิ่งเข้ามากอดพ่อแน่น ใหญ่น้ำตาไหลในอ้อมกอดพ่อตัวสั่นเทา ทำเอาผมน้ำตาซึมไปด้วย พ่อลูบหลังลูบไหล่ปลอบใหญ่แต่ก็น้ำตาคลอๆ ตาแดงๆเหมือนใกล้จะร้องไห้เหมือนกัน

“ร้องไห้ทำไม พ่อไม่ขวางแล้ว ใหญ่น่าจะดีใจ หืม” ใหญ่ขยับตัวออกจากอ้อมกอดพ่อแล้วพูดเสียงอู้อี้ ยกมือเช็ดน้ำตาเหมือนเด็กๆ
“ผมขอบคุณพ่อครับ ผมคิดว่าผมดื้อจนพ่อไม่รักผมแล้ว” พ่อจับหัวใหญ่จับโยกไปมา
“พ่อเหลือลูกคนเดียวแล้วนะ ไม่รักลูกแล้วจะไปรักใคร ยังไงความสุขของลูกก็คือความสุขของพ่อเหมือนกัน”
“ต่อไปนี้ใหญ่ก็ต้องจัดการกับชีวิตเองแล้วนะ พ่อขอไปดูแลน้องออมแทนแล้วกัน”
 ใหญ่ส่ายหน้า “พ่อกับผมก็ยังเหมือนเดิมนะพ่อ ผมไม่ได้เลือกข้างใดข้างหนึ่งเพราะผมก็รักทั้งพ่อ ทั้งฝันมัน ผมก็ยังดูแลพ่อดูแลหลานเหมือนเดิม”

พ่อยิ้มใจดีให้ใหญ่ เหลือบมามองผมที่นั่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้างๆ “งั้นก็ถือว่า พ่อได้ลูกเพิ่มมาอีกคนก็แล้วกันนะ” ผมยิ้มกว้าง โล่งอกเหมือนไม่เคยเป็นมาก่อน
 “ต่อจากนี้ไปก็ขึ้นกับลูกสองคนแล้วนะ ที่จะประคองความรักกันไป พ่อก็คงจะมองอยู่ห่างๆ”
ใหญ่มันก้มลงกราบพ่อที่อก “ผมรักพ่อที่สุดเลย” พ่อกับใหญ่กอดกันกลมยิ้มกันทั้งคู่  ผมดูแล้วก็พลอยมีความสุขไปด้วย

ผมมองภาพนั้นด้วยความซึ้งใจในความรักระหว่างพ่อกับลูก แล้วก็ทำให้คิดถึงแม่ผม ทำเอาผมอยากจะกอดแม่บ้าง ถ้าแม่รู้ว่าเรื่องราวออกมาแบบนี้แม่คงดีใจ ก่อนที่พ่อจะออกไปพ่อตบไหล่ผมเบาๆพูดให้ได้ยินกันสองคนว่า
 “ฝากความคิดถึงไปให้คุณแม่ด้วยนะฝัน บอกว่าพ่อฝากใหญ่ให้เป็นลูกอีกคนด้วย แล้วฝากบอกไปด้วยว่า ‘พ่อขอบคุณ’ ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันอีก ” พ่อผละจากผมและใหญ่ขึ้นไปดูน้องออมปล่อยให้เราอยู่กันลำพัง ใหญ่รีบจูงมือผมขึ้นไปที่ห้อง ผมเองก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย

พอเข้าไปในห้อง ใหญ่ปิดล็อกประตูแล้วดึงมือผมมานั่งที่เตียง  ทำหน้าแปลกๆ ดูตื่นเต้น “ฝัน มึงช่วยตบหน้ากูหน่อย กูไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย พ่อยอมรับให้เรารักกันแล้ว เรื่องจริงแน่ๆ ใช่มั้ย”
ผมหัวเราะกับท่าทางน่ารักของมัน “ก็เรื่องจริงน่ะสิ ไม่ใช่ฝัน”
ใหญ่ส่ายหน้า “กูไม่รู้ กูกลัว ถ้ากูหลับตาไปพอกูลืมตาขึ้นมา มันก็จะกลายเป็นความฝัน  ทำไมอยู่ๆพ่อก็ยอมง่ายๆทั้งที่พูดยากมาตั้งนาน”
ใหญ่มันปล่อยมือผมแล้วลุกขึ้นเดินวนไปวนมาบ่นพึมพำกับตัวเอง
 “ทำไมพ่อเปลี่ยนใจ”
“หรือเกี่ยวกับที่พ่อหายไปวันก่อน”
“พ่อไม่สบายรึเปล่า”
“หรือว่ามันจะเป็นแผน หลอกให้เราตายใจ” ใหญ่หันหน้ามาถามผมแต่คงไม่ต้องการคำตอบ เพราะยังคงบีบมือตัวเองเดินวนเป็นวงกลมต่อไป จนผมเกือบจะเวียนหัว  ผมส่ายหน้าแล้วยิ้มล้มตัวลงนอน จนใหญ่หันมาเห็น เดินมาดึงมือผมให้ลุกขึ้น “อย่านอนสิ เดี๋ยวตื่นมากูหายวับไปกับตามึงไม่รู้นะ”

ผมยอมลุกขึ้นนั่งแต่ก็ยังขำ “มึงจะหายไปได้ไง” ผมรั้งเอวมันให้นั่งลงมาบนเตียงแล้วหอมแก้มมันเร็วๆ
“ก็กูได้กลิ่นแก้มหอมๆของมึงอยู่นี่” ผมทำตาพราวระยับใส่ใหญ่จนมันทำท่าเขินๆ เบี่ยงตัวหนีผม
“อื้อ..อีกแล้วนะมึง” ผมยิ้มแต่ไม่พูดกลับหอมแก้มมันอีกสองทีซ้ายขวา จนใหญ่โวยหน้าแดง “เฮ้ย..บอกแล้วยังทำอีก” มือผมยังรั้งเอวมันไว้ ผมเอาหน้าแนบแก้มมันก่อนที่จะจับประคองหน้าใหญ่ให้มองหน้าผมชัดๆ

“ ก็กูฟังผิดนึกว่ามึงขออีกที กูเลยจัดให้อีกสองครั้งไง แถมให้เป็นพิเศษ คนกันเอง หึหึ” ใหญ่เงียบไปเหมือนยังครุ่นคิดอะไรอยู่ ผมเอนตัวพิงหัวเตียงแล้วรวบตัวมันไว้ในอ้อมแขน
“ใหญ่ อย่าสงสัยอีกเลย พ่อเค้ารักมึงนะเค้าถึงยอมให้เรารักกัน  ต่อจากนี้เราก็ต้องพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าเรารักกันจริงๆ จะดูแลกัน จะไม่ทอดทิ้งกันตลอดไป” ใหญ่ลูบแขนผมเล่นแล้วหันมามองหน้าผม
“ทำไมดูมึงไม่ตื่นเต้น ไม่ประหลาดใจเหมือนกูเลยล่ะ ทำอย่างกับรู้แล้วยังงั้น” ผมทำตาโตแล้วส่ายหน้า
“รู้ที่ไหน กูรู้แค่ว่าเรารักกัน สวรรค์ก็คงมีตา ท่านคงเห็นใจเรา อุปสรรคของเราแค่ความห่างไกลก็พอแล้ว ไม่ต้องมาเพิ่มออพชั่นเรื่องพ่อแม่กีดกันให้มันยากลำบากขึ้นไปอีก หึหึ” ใหญ่หัวเราะแล้วทุบแขนผมเบาๆ
“มึงก็พูดเป็นเล่นไปเรื่อย หึหึ”  

ใหญ่ยังคงลูบแขนผมจนผมขนลุก ผมขยับตัวประคองใหญ่ให้นอนลงบนเตียง ใหญ่ทำท่าจะลุกขึ้นจนผมต้องกดตัวเอาไว้ ใหญ่โวยขึ้นมาว่า “อื้อ กูไม่นอน สายแล้ว เดี๋ยวก็ต้องลงไปเปิดร้าน…อึก...อื้อ...”
 ผมไม่รู้ว่าใหญ่จะพูดอะไรต่อเพราะผมหยุดเสียงของมันด้วยรอยจูบของผม เป็นสัมผัสที่ผมสามารถทำได้เต็มที่ฉลองให้กับการเริ่มต้นความรักที่เปิดเผยของเรา
“ร้านช่างมัน ตอนนี้กูจะทำให้มึงรู้ว่า นี่มันไม่ใช่ความฝัน ตัวกูอยู่กับมึงที่นี่ ตรงนี้ ข้างหน้ามึง ต่อสายตาของมึง ให้มึงรับรู้ ...รู้สึก...”ใหญ่เอามือปิดปากผม

“ไม่ต้องพูดแล้ว กูรู้แล้ว ” ผมอมยิ้มแล้วเริ่มสอดมือเข้าไปในเสื้อใหญ่ ใหญ่ยกตัวขึ้นมาจูบปากผม ใช้มือรั้งคอผมลง ขณะที่ผมกำลังลูบไล้ร่างกายใหญ่ภายใต้เสื้อนั้น
ก๊อกๆๆ “คุณพ่อขาตื่นรึยังค้า หนูจะไปโรงเรียนสายแล้วค่า” ผมผละตัวออกมองหน้าใหญ่ทันที มันทำตาปริบๆเหมือนยังงงๆ
“คุณพ้อ...ทำไมตื่นสาย ฮือๆๆ..หนูสายแล้ว”
คราวนี้ใหญ่คงรู้แล้วครับว่าตัวจริงเสียงจริงของน้องออม ใหญ่ผลักผมอย่างแรงจนหงายหลังแล้วรีบลุกขึ้น มือเป็นพัลวันถอดเสื้อผ้าลูบหน้าลูบผมให้เรียบร้อยปากก็พูดไปด้วย
“ตื่นแล้วคร๊าบบ...หนูลงไปรอคุณพ่อข้างล่างนะ เดี๋ยวคุณพ่อตามลงไปนะครับคนดี ไม่ร้องนะ” ใหญ่พูดไปเหมือนหอบเหนื่อยแล้วหันมามองผม หน้ามันยังแดงระเรื่ออยู่เลย ผมนอนเท้าแขนมองมันเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างมีความสุข จนมันส่งสายตาดุๆมา

“มองอะไร หันไปทางอื่น” ผมหัวเราะแกล้งเอามือปิดตาไว้ แล้วแหวกนิ้วดู
“คุณพ่อขา...ทำไมช้าจัง” เสียงน้องออมยังเคาะเรียกใหญ่ไม่หยุด ใหญ่เลยยิ่งรีบจนผมขำ ผมลุกจากเตียงมาช่วยมันแต่งตัวจับปกเสื้อที่กระดกขึ้นให้ลงมา ใหญ่แต่งตัวเสร็จทำท่าจะออกจากห้องไป แต่ผมดึงมือรั้งมันไว้ มันเลิกคิ้วถามผม “อะไรเหรอ เดี๋ยวกูกลับมานะ แป๊ปเดียว”
ผมเดินเข้าไปใกล้มันแล้วกดปากลงอีกครั้งที่ริมฝีปากสีแดงยั่วใจของใหญ่ ผมประคองใบหน้ามันไม่ให้หนีไปไหน เนิ่นนานก่อนจะผละออกอย่างเสียดาย บอกใหญ่ด้วยรอยยิ้มไปว่า
“ มัดจำไว้ก่อน รอมึงกลับมา”

ใหญ่ทำหน้างอใส่ผมแต่ริมฝีปากกลับมีรอยยิ้ม “ไอ้บ้า” แล้วหันหลังรีบออกไปทันที
ผมยังได้ยินเสียงบ่นของน้องออมแว่วๆ “ทำไมคุณพ่อตื่นสาย แล้วทำไมคุณพ่อแต่งตัวช้าด้วย แล้วทำไมคุณพ่อปากบวมๆ ...แล้ว...” น้องออมคงมีคำถามที่ตอบยากมาได้อีกจนใหญ่ต้องรีบห้าม
“พอแล้วลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ...”

ผมออกมาแอบยืนส่งใหญ่ที่หัวบันได ยังเห็นมันเหลียวขึ้นมามองผมสบตากันแล้วหน้าแดงหันกลับไป ผมเข้าห้องเข้าไปนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวเป็นนานเหมือนคนบ้า  ผมถึงรู้ว่าความสุขที่มันมาพร้อมๆกับความรักเหมือนสารพิเศษที่ทำให้คนเรายิ้มได้ไม่หยุด ผมเดินเล่นไปรอบๆห้องรอใหญ่ จนไปหยุดอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ จดหมายฉบับล่าสุดที่ผมส่งมาให้ใหญ่เปิดกางอยู่บนโต๊ะ
 ผมอ่านจดหมายอีกครั้งยิ้มกับตัวเองแล้วหยิบกระดาษเขียนจดหมายของใหญ่ขึ้นมาจรดปากกา

ใหญ่เพื่อนรัก
มึงอย่าเพิ่งแปลกใจไปว่ากูเพี้ยนหรือเปล่า เพราะเราอยู่ใกล้กันแค่นี้ กูนึกอุตริอะไรมาเขียนจดหมายหามึง จดหมายฉบับนี้คงเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่กูจะส่งให้ใหญ่เพื่อนรัก ต่อไปกูคงจะไม่เขียนให้เพื่อนรักอย่างมึงแล้ว
ไม่ใช่เพราะกูรู้สึกว่ามันเชย ไม่ใช่เพราะกูคิดว่ามันช้า และไม่ใช่เพราะกูไม่ชอบ กูชอบเขียนจดหมายก็เพราะมึงเป็นคนเริ่มเขียนมาหากู กูไม่รู้ว่าความรักของเราที่มีวันนี้ได้เพราะจดหมายพวกนี้หรือเปล่า แต่กูคิดว่าเพราะข้อความที่เราเขียนหากันมันเป็นเหมือนสายใยที่เชื่อมความรู้สึกของเราไว้ด้วยกัน ถ้าหากเราไม่มีสายใยเหล่านี้ เรื่องของเราก็คงจบลงเพียงความห่างไกลและตัดขาดกันไปแล้ว

มึงอย่าแปลกใจว่าถ้ากูคิดว่าการเขียนจดหมายมันดีขนาดนั้น ทำไมกูถึงบอกว่าจะเลิกเขียน ที่กูบอกว่านี่คงเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่กูจะส่งให้เพื่อนรักอย่างมึง

 เพราะต่อจากนี้ไป ถ้าจะมีจดหมายอีกกี่ฉบับก็ตาม คงจะเป็นจดหมายจากกู ‘ฝัน’ คนที่รักมึง ให้ ‘ใหญ่’ คนที่กูรักมากกว่า  มึงอ่านแล้วอย่ายิ้มให้กูเห็นนะ เพราะถ้ากูเห็นกูคงห้ามใจไม่ให้รักมึงเพิ่มขึ้นไม่ไหว แต่ถ้ามึงบอกว่ากูน้ำเน่า กูก็ขอบอกเลยว่า กูก็น้ำเน่ากับมึงคนเดียวเท่านั้น เพราะงั้นถ้ามึงไม่ยอมฟังคำพูดน้ำเน่าจากกูแล้ว กูไปพูดกับคนอื่นมึงจะมาเสียใจไม่ได้นะ

จดหมายฉบับนี้อาจไม่ใช่สัญญารักที่เอาไปจดทะเบียนที่เขตเหมือนทะเบียนสมรส  และไม่เหมือนสัญญาทั่วไปที่ต้องแปะอากรแสตมป์ตามวิธีการทำสัญญาทั่วไป แต่มันก็เหมือนเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจของกู ว่าต่อนี้ไป กูจะขอรักมึงไปแบบนี้ แบบนี้ และแบบนี้  จะขอเป็นคนที่ขอดูแลมึงและคนที่มึงรักไปตลอดชีวิต....

ผมเขียนไปแล้วก็อดเขินไม่ได้จนต้องบ่นกับตัวเอง “เขียนไปได้นะกู เดี๋ยวใหญ่มาเห็นบอกเน่าได้อีก” ผมกำลังจะขยุ้มจดหมายทิ้ง แต่กลับมีเสียงห้ามผมไว้แล้วดึงจดหมายไปจากมือผม
“เอ๊ย...มึงจะทำอะไร” ผมเหลียวไปดูถึงเห็นว่าใหญ่มันมายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ใหญ่ยืนยิ้มกว้างในมือมีจดหมายของผมอยู่
“กูไม่เขียนแล้ว เดี๋ยวมึงว่าเน่าอีก”ใหญ่ดึงจดหมายหนีจากมือผมที่จะคว้าเอาคืน มันหันมาดุผมอีกว่า
“ได้ไง จดหมายกู เขียนให้จบนะ ห้ามทิ้งด้วย”
“จดหมายมึงได้ไง ก็กูเป็นคนเขียนเห็นๆอยู่” ใหญ่ชี้ให้ผมดูที่หัวจดหมายอีกครั้ง
“นี่ไง ใหญ่เพื่อนรัก มึงเขียนให้กูชัดเลย แล้วจะว่าไม่ใช่ของกูได้ไง”
ผมกับมันเลยได้แต่ยิ้ม “ไม่อยากเขียนแล้วล่ะ เขียนไม่ออก”ใหญ่ย่นจมูกใส่ผม ส่งคืนจดหมายมาให้

 “เขียนไม่ออกอะไรกัน เขียนมาตั้งยาว เขียนให้จบด้วยแล้วห้ามลบห้ามแก้  เดี๋ยวกูจะมาอ่าน เขียนไม่จบ กูไล่กลับกรุงเทพฯเลย ไม่ให้อยู่บ้านกูด้วย”
“หูยยย..คนใจร้าย นี่กูไม่ใช่ลูกมึงนะ คุณพ่อใหญ่ขา…คุณ...” ผมพูดแหย่มันยังไม่จบ ใหญ่เอากำปั้นมาชกแขนผมแรงๆ
“เดี๋ยวปั๊ดไล่กลับเดี๋ยวนี้เลย ”
“โอ๋ๆๆ กลัวแล้วครับคุณใหญ่ ผมเขียนต่อเดี๋ยวนี้ครับ คุณลงไปเลยครับ คุณมายืนยั่วผมแบบนี้ผมเขียนไม่ออก เดี๋ยวจับปล้ำซะเลย หึหึ” คราวนี้ใหญ่มันไม่ชกมือเดียวครับมันกระหน่ำกำปั้นลงบนหลังผมจนผมน่วมไปทั้งตัว “ไอ้ฝันนนน...อย่าอยู่เลย...”

ทุบจนหนำใจแล้วก็ออกไปจากห้องก่อนออกยังหันมาสั่งผมอีกว่า “เดี๋ยวกูจะขึ้นมาดู เขียนให้เสร็จนะ” ผมได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัวกับผู้ใหญ่ที่เหมือนเด็กคนนี้ ผมต้องกลับเอาจดหมายมาดูอีกครั้ง แล้วเขียนต่อสั้นๆว่า

“ต่อนี้ไป กูจะขอรักมึงไปแบบนี้ แบบนี้ และแบบนี้  จะขอเป็นคนที่ขอดูแลมึงและทุกคนที่มึงรักไปตลอดชีวิต....
กูจะขอลาออกจากเพื่อนรักมาเป็นคนรักของมึงตลอดไป...ใหญ่ที่รักของกู

ฝันคนของมึง

ปล. จดหมายฉบับนี้จะทำลายตัวเอง เมื่อท่านอ่านจบ ขอให้จำไว้ในหัวใจด้วย ”**************************
ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดค่ะ :pig4:


 
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 13-02-2010 22:47:42
สุข สดชื่น สมหวัง จนได้
ชอบเรื่องนี้จังเลย  o13
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 13-02-2010 22:56:15
ว้าว คิคิคิ ใกล้จบแล้วแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-02-2010 23:07:52
Happy Ending แล้วใช่มั้ยคะ หรือว่ายังมีต่อเอ่ย
เป็นของขวัญวันแห่งความรักเลยนะคะนี่
ขอบคุณมากๆค่ะ ทั้งคนแต่งและคนโพสต์
สุขสันต์วันแห่งความรักด้วยค่ะ  :L1:

หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-02-2010 23:09:17
ดีใจไปกับฝันและใหญ่ด้วย

ที่เอาชนะอุปสรรคได้  :L2:
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 13-02-2010 23:10:36
อันนี้คงยังไม่ใช่ตอนจบใช่มั้ยคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 13-02-2010 23:12:44
จบแบบแฮปปี้ยิ้มหวานไปตามๆ กัน
ขอบคุณสำหรับนิยายหวานๆ ค่ะ  
แล้วจะติดตามรออ่านผลงานเรื่องต่อๆ ไปค่ะ

ขอตอนพิเศษ ๆ  อีกได้ม้ายยคะ   :z1:
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 13-02-2010 23:13:03
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดในที่สุดคุณพ่อก็เข้าใจในความรักของเจ้าฝันกับนุ้งใหญ่
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มีเขียนจม.ลาความเป็นเพื่อนรักกันด้วย
ฮิ้ววววคุณแม่ขายกขันหมากมาได้เลยคะ พร้อมแล้ว ข้าวสารเป็นข้าวสุกนานแล้วคะ
น่ารักจริงๆ หวานเสมอต้นเสมอปลาย
+1 คะ
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 14-02-2010 00:48:41
"ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด"

แสดงว่า ตอนนี้เป็นตอนจบแล้วใช่มั้ยค้าบบ

happy ending ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่น่าประทับใจนี้นะคับ

ยังไงก็รอตอนพิเศษด้วยนะคับ

เอ หรือว่าเรื่องยังไม่จบ ?? ^^

happy chinese & valentine's day นะค้าบ
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-02-2010 00:52:53
โล่งอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนกับนิยายเรื่องนี้ อ่านจบแล้วยิ้มออกเลย

ขอบคุณค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 14-02-2010 13:38:53
ชื่นใจจังครับ  :L1:
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 15-02-2010 02:27:20
 :L2:
ชื่นใจจริงๆด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 15-02-2010 09:07:09
น้ำตาซึมเลย...ดีใจกับทั้งคู่ แต่อุปสรรคมันยังหมดเพียงแค่นี้ใช่บ่? (ยังไม่อยากให้จบ)
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 15-02-2010 13:07:29
ต่อจากนี้ จดหมายจากเพื่อนรักจะหายไป
ฉบับต่อไปคงเป็น จดหมายรัก หรือ จดหมายเหตุ...ความรัก แทน :o8:

ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จบบริบูรณ์แล้วหรือยัง แต่แค่อ่านมาถึงตอนนี้ก็ทำให้ยิ้มได้อย่างมากมาย
ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เชื่อว่าใหญ่และฝันคงเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้ ในเมื่อวันนี้ "เรามีเราและเรารักกัน" เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ให้ก้าวต่อไป

ขอบคุณค่ะสำหรับของขวัญวันวาเลนไทน์ที่น่ารัก อ่านเรื่องนี้กี่ครั้งก็ยังอบอุ่นหัวใจเหมือนเดิม  :impress3:
หัวข้อ: Re: ๕0๕0 จดหมายจากเพื่อนรัก ๕0๕0 (13/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 15-02-2010 23:00:26
ในที่สุดก็สำเร็จ  :mc4:

ว้าใกล้จบแล้ว หรือเนี่ย เสียดาย (อย่าลืมคู่หนุ่ย เกี๊ยง ด้วยนะคะ)

เป็นอีกเรื่องที่ฉีก ไปจากเรื่องอื่น ๆ ที่เคยอ่านมา 

การดำเนินเรื่องที่สมจริงมาก ตัวละครก็น้อย 

และดำเนินเรื่องได้น่ารักมาก ๆ ผ่านตัวละคร ฝัน ใหญ่   o13

อ่านแล้วอบอุ่นจริง ๆ สำหรับเรื่องนี้ o13

หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 15-02-2010 23:16:59
ที่จริงจบแล้วนะคะ แต่มีคนยังสงสัยว่าไม่จบ เลยเอามาให้อ่านต่ออีกนิดส์ :jul3:
*************************
“โหล ฝันทำอะไรอยู่วะ มากินข้าวกันหน่อยสิ” เสียงไอ้หนุ่ยที่โทรหาผมฟังแล้วรู้เลยว่ามันกังวลผิดปกติ แต่ก่อนมันไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งความเครียดให้ผมเห็นเลยสักครั้ง ทำเอาผมต้องตั้งใจฟังมันพูดหน่อย
“กูกำลังยุ่ง เก็บข้าวของอยู่”ช่วงนี้ผมกำลังจะย้ายบ้านครับ ทั้งผมและแม่เลยวุ่นกันทั้งวัน ทั้งๆที่ผมลาออกจากงานแล้ว มีเวลาว่างทั้งวันแต่ก็ยังเก็บของซะเหนื่อย
“มึงจะเก็บไปทำไมเดี๋ยวพี่สาวมึงก็มาอยู่แล้ว ใจคอมึงจะเอาข้าวของไปหมดเลยรึไงวะ” มันชอบรู้ดีไปหมดซะอย่างนี้ไอ้หนุ่ยเพื่อนผม

“ก็ของจำเป็นของกู กูก็ต้องเอาไปด้วยสิ แล้วของไหนกูไม่ใช้ก็ถือโอกาสเก็บทิ้งมั่ง ขายมั่ง บริจาคมั่ง กูเพิ่งรู้ว่ากูบ้าซื้อของมารกบ้านจริงๆว่ะ”
พี่ฝ้ายยอมย้ายมาอยู่เฝ้าบ้านให้แทนผมกับแม่ ที่ตกลงใจจะย้ายนิวาสฐานไปอยู่เชียงใหม่กันครับ ก็หลายปีนะครับกว่าผมจะเกลี้ยกล่อมแม่ได้ แต่ก็อาจเป็นเพราะแม่แก่ขึ้น อาการป่วยก็ทรงๆ ผมอยากให้แม่อยู่ที่อากาศดีกว่าอยู่ในเมือง ผมกับใหญ่ใช้เวลาหาที่ปลูกบ้านอยู่นานทีเดียว เพราะอยากได้บ้านที่มีบริเวณให้แม่ได้ปลูกต้นไม้  มีบรรยากาศที่ไม่ใช่เมืองจนเกินไป แต่ก็ไม่เปลี่ยวจนไม่ปลอดภัย

จะว่าน้องออมมีส่วนทำให้แม่อยากไปอยู่เชียงใหม่ก็เป็นได้ครับ เพราะสองปีแล้วพี่ฝ้ายก็ยังไม่มีทีท่าจะมีหลานมาให้แม่ แม่เลยรักหลานสำเร็จรูปที่ใหญ่มันยกให้แม่เป็นคุณย่า หรืออาจจะเป็นเพราะที่บ้านใหญ่มีแต่ผู้ชายน้องออมที่เป็นเด็กผู้หญิงก็อาจจะต้องการความอบอุ่นของเพศแม่ด้วย น้องออมเลยติดคุณย่าเสียยิ่งกว่าใคร ทุกครั้งที่น้องออม มากรุงเทพฯกับใหญ่ หรือผมขึ้นไปหาใหญ่แล้วพาแม่ไปด้วย สองคนย่าหลานจะมีเรื่องคุยกันไม่รู้จบ น้องออมก็โตขึ้นพอที่จะรู้เรื่องอะไรมากแล้ว แกเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่พวกเราคิด สมกับเป็นเด็กสมัยใหม่จริงๆ อาจจะมีคำถามแปลกๆมาบ้างเช่น
“แล้วอย่างนี้หนูจะมีน้องได้มั้ย”
“ใครจะเป็นคุณพ่อ แล้วใครจะเป็นคุณแม่ของหนู”

ทุกคำถามล้วนแล้วแต่เป็นการฝึกสมองประลองปัญญาว่าผมกับใหญ่จะตอบยังไง คำพูดของเราอาจจะเป็นสิ่งที่น้องออมจำไปพูดให้กับคนอื่น ดังนั้นเราจึงต้องคิดให้ดีก่อนพูดอะไรก็ตามกับหลาน แต่บางคำถามผมก็ไม่มีคำตอบจริงๆครับ

“อ้าว...ไปไหนแล้วกูยังคุยอยู่กับมึงนะทำไมเงียบๆไป”
“อยู่ๆ คิดอะไรเพลินไปหน่อย แหะๆ มึงมีอะไรก็ว่ามา” ผมลืมเรื่องที่มันชวนผมไปกินข้าวเสียสนิท
“กูชวนมึงมากินข้าวกับกู แค่เนี้ย ถือว่ากูเลี้ยงส่งมึงก็ได้”
“ถามจริงมึงมีปัญหาอะไรรึเปล่า” ปกติมันชวนผมไปกินเหล้า น้อยครั้งมากที่มันจะใช้คำว่ากินข้าวกับผม จนบางครั้งผมนึกว่ามันเป็นมนุษย์ที่ดำรงชีพด้วยเหล้าเสียอีก
“มี ถึงอยากคุยไง เจอกันที่ร้านต้นน้ำนะ ที่กูเคยเล่าให้มึงฟังว่าเงียบๆ บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน มึงจำได้รึเปล่า”
“อืม จำได้ ที่มึงบอกว่าชอบพาหญิงมาหลอกที่นี่ใช่มะ หึหึ”
“เจี้ยแล้วมึง กูบอกพามาจีบ ไม่ได้พามาหลอก มึงอย่ามาหาบาปให้กู”
“เออๆ จีบก็จีบ แล้วเจอกัน หกโมงแล้วกันนะ” วางสายไปแล้วผมก็ใจหายเหมือนกัน ที่ต้องจากเพื่อนอย่างมันไป อีกนานกว่าเราจะได้เจอกันอีก ผมคงคิดถึงมันน่าดู อีกหน่อยเวลามีเรื่องอยากปรึกษามัน ผมก็ต้องใช้วิธีโทรศัพท์หามันอย่างเดียว วิธีเขียนจดหมายผมสงวนไว้ทำกับใหญ่เพียงคนเดียวเท่านั้น

ร้านอาหารต้นน้ำที่เรานัดกัน เงียบสงบร่มรื่นอย่างที่หนุ่ยมันบอกครับ เหมาะแก่การซ่อนตัวของคู่รักจริงๆ ร้านจัดเป็นซุ้มๆโต๊ะใครโต๊ะมัน ปลูกดอกไม้เป็นหลังคาห้อยระย้าสีม่วงเป็นพวงสวยจนนั่งแล้วไม่อยากลุกไปไหน แต่ลำบากแค่ว่าเวลาจะเรียกขออะไรทีต้องใช้วิธีกดกริ่งเรียก ไอ้หนุ่ยไปถึงก่อนผมมันนั่งดื่มน้ำอัดลมรอผมอยู่ แค่นี้ก็แปลกมากแล้วครับ
“เฮ้ย มึงหนุ่ยจริงรึเปล่าวะ กูไม่ห้ามมึงหรอก ดื่มได้ กูจะได้ดื่มด้วยหึหึ” ผมตบไหล่ทักทายมันเบาๆ มันยักคิ้วให้
“ช่วงนี้กูไม่ดื่มเว้ย ต้องรักษาสติกันหน่อย” มันพูดแปลกๆอีกแล้วครับ ซึ่งผมไม่เข้าใจ
“ทำไม สติมึงป่วยหนักเหรอ ถึงต้องรักษากัน” ผมหัวเราะ มันก็หัวเราะ แต่หัวเราะแหะๆ
“สติกูมาๆหายๆ จิตหลุดๆตลอด ไม่รู้เป็นยังไง” มันถอนหายใจแล้วก็เอาเมนูมาดูอาหาร ผมเลยเอาเมนูมาพลิกๆดูบ้าง แต่ก็ไม่รู้จะสั่งอะไรดี
“มึงสั่งอะไรไปรึยังล่ะ สั่งอะไรยำๆมาให้กูหน่อย อยากแดกเหล้าเลี้ยงส่งมึงหน่อยว่ะ” ไอ้หนุ่ยหัวเราะอีกครั้ง

“บ้าแล้วไอ้ฝัน มึงนะที่จะไปไม่ใช่กู แหมๆ พอจะไปหาแฟน ดีใจจนพูดมั่วเลยนะมึง”
“ใครว่า พอจะไปจากมึงกูดีใจจนพูดมั่วต่างหากล่ะ ฮ่าๆ” ไอ้หนุ่ยหน้ามุ่ยแล้วบ่นกับตัวเอง แต่ให้คนอื่นได้ยินด้วย
“มึงอย่าพูดเลย กูยิ่งกลุ้มๆอยู่ อีกหน่อยเวลากูอยากระบายจะคุยกับใครวะ มึงเล่นชิ่งไปมีความสุขซะไกล”
“นี่ มึงเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า กูไม่ใช่ส้วมให้มึงมาระบายนะเว้ย พูดดีๆหน่อยเพื่อน” ไอ้หนุ่ยมันยิ้มแล้วสั่งอาหารไป ไม่สนใจที่ผมโวย แต่มันก็ไม่ลืมสั่งยำสามกรอบมาให้ผม แล้วสั่งเบียร์มาดื่ม
“เบียร์เบาไปว่ะ ไม่เอาเหล้าเหรอ กูเลี้ยงนะ” หนุ่ยที่ไม่มีเหล้าในเส้นเลือดมันไม่สนุกครับ
“ไม่เอาว่ะ วันนี้อยากคุยดีๆ ไม่อยากคุยเมาๆ” ไอ้หนุ่ยขมวดคิ้วเครียดขึ้นมาได้อีก
“ตกลงมึงอยากคุยอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่าเกิดมาหลงรักกูเข้า พอกูจะไปเลยเสียดาย อกหัก หึหึ”

“ไอ้บ้า ถ้ารักมึง กูคงรักจนเลิกไปนานแล้ว หล่อก็ไม่หล่อ ปากก็แบบนี้ รับไม่ไหว” มันทำหน้าเหยียดหยามประณามผม แต่ผมกลับขำ
“รับไม่ไหวเลยเหรอ รู้ได้ไงว่ารับไม่ไหว เคยรับเหรอ” แค่นึกภาพตามผมก็ขำ แต่ไอ้หนุ่ยคงไม่เข้าใจ มันย่นหัวคิ้วแล้วถาม “รับอะไรวะ อธิบายหน่อยดิ๊”
“ไม่รู้ได้ยังไงวะเชยจริงๆ   ก็ผู้ชายที่เค้ามีอะไรกันจะมีฝ่ายรับฝ่ายรุกไง ต้องให้กูพูดทำไมวะนี่ มึงไปถามลุงกูเอาแล้วกัน”
“ลุงมึงรู้เหรอ ทำไมกูต้องไปถามลุงมึงด้วย” ผมหัวเราะ ผมไม่น่าไปเริ่มเรื่องเลย คราวนี้ไอ้หนุ่ยเลยงงหนักเข้าไปอีก
“ลุงกู ไม่ใช่ลุงมึง ลุงกูเกิ้ลไง เอ๊ไอ้นี่ต้องให้บอกให้ชัดหมดทุกอย่างเลยนะ”
ไอ้หนุ่ยนิ่งไปพักใหญ่เลยครับกว่ามันจะเข้าใจที่ผมพูด แล้วมันก็หัวเราะออกมาดังลั่น “โธ่เอ๊ย ไอ้ฝันมึงจะมุกก็ไม่บอกกู กูจะได้ฮา เจี้ยเอ๊ย ทำให้กูต้องปวดสมองอีกแล้ว เจอไอ้เกี๊ยงเข้าไปคนกูก็จะบ้าตายอยู่แล้ว มาเจอลูกพี่มันอีก เฮ้อ”

“ทำไมทนไอ้เกี๊ยงไม่ไหวแล้วเหรอ กูเตือนมึงมาตั้งแต่แรกแล้ว เป็นไงล่ะ ด่ามันทั้งวันล่ะสิ หึหึ แต่มันทำงานดีนะเว้ย นิสัยก็ใช้ได้ยกเว้นปากมันนี่แหละ หมอหมายังรักษาไม่ไหวเลย” นึกถึงน้องผมคนนี้แล้วก็อารมณ์ดีครับ อยู่กับมันก็สดใสดี ทำให้เราคึกคักได้ตลอด ถึงแม้จะไม่ได้เจอมันบ่อยแต่ผมก็รู้ว่าน้องเกี๊ยงยังติดต่องานกับไอ้หนุ่ยอยู่ เผลอๆมันจะเจอกันบ่อยกว่าผมเสียอีก
“ไอ้เรื่องงานกูยอมรับว่างานมันใช้ได้เลยล่ะ เรื่องปากหมากูก็พอไหว แต่เรื่อง...เรื่อง...เฮ้อ”ไอ้หนุ่ยถอนหายใจแรงๆออกมา แล้วก็ดื่มเบียร์ต่อ หยุดพูดไปเสียเฉยๆทำเอาผมค้าง
“เรื่องเฮ้อ อะไรวะ กูจะรู้เรื่องมั้ยมึง พูดภาษาคนหน่อยภาษาหมาแบบไอ้เกี๊ยงอย่าไปใช้ กูไม่เข้าใจ”
“กูถามมึงหน่อยสิ เกี๊ยงมันเป็นน้องสายรหัสมึงใช่มั้ย”

ผมพยักหน้า “ใช่มันเป็นน้องรหัสกูเอง สายตรงเลย” ไอ้หนุ่ยส่ายหน้าเหมือนไม่เชื่อที่ผมบอกมัน
“ทำไม เกี่ยวอะไรด้วย” นี่ขนาดยังไม่เมานะครับยังคุยกันไม่รู้เรื่องสักที ถ้าดื่มเหล้าไปมีหวังไม่ต้องรู้กันจนยันสว่างแน่ๆ
“ไม่ยักรู้ว่ามันมีถ่ายทอดกันทางสายรหัสด้วย”ไอ้หนุ่ยพึมพำกับตัวเองก่อนเงยหน้ามามองผมแล้วบอกผมขึงขังว่า “มึงมันคุณยายวรนาถรึเปล่าวะ ถ่ายทอดเชื้อสายชายรักชายมาให้มัน มันเป็นทายาทมึงนี่เอง”   
ฟังมันพูดแล้วผมอยากจะขำนะครับ ทำไมผมจะจำไม่ได้ว่าคุณยายวรนาถอะไรนั่นมันมาจากละครที่สินจัยเล่นเป็นผีที่ถ่ายทอดเชื้อกันทางตะขาบ มีทายาทผีต่อไปเรื่อยๆ แต่ผมก็ยังขำไม่ได้เพราะไม่เข้าใจว่าผมไปถ่ายทอดอะไรให้ใครกันแน่

“อย่ามาพูดจาบ้าๆ ดูละครมากไปรึมึง ไหนว่าไม่ดูไงดูแต่หนังเอวี แล้วมึงพูดอะไร กูไปมีทายาทอะไรที่ไหน”
“ก็น้องมึงไอ้เกี๊ยง มันมาจีบกูน่ะสิ มันบ้าไปแล้ว นึกว่ากูเป็นเพื่อนมึงแล้วจะชอบผู้ชายเหมือนมึง” พูดอย่างมีอารมณ์แล้วไอ้หนุ่ยก็ดื่มเบียร์ไปอีกอึกใหญ่ ทำเอาผมงงที่มันบอกว่าวันนี้มันจะรักษาสติ  แต่ผมฟังที่มันพูดไม่ทันหรือว่าผมฟังผิดไป ผมยังไม่ทันพูดอะไรมันก็พูดต่อ
“มันมาชอบกูได้ไงวะ กูแมนขนาดนี้ มันคิดยังไงแน่”

“มึงว่าอะไรนะ ไอ้เกี๊ยงชอบมึง กูฟังผิดรึเปล่า”ผมแทบสร่างเมา ไอ้หนุ่ยส่ายหน้า
“มึงฟังไม่ผิด มันจีบกูมาเป็นปีแล้วแต่กูไม่ได้เล่าให้มึงฟัง เห็นมึงมัวแต่วิ่งไปวิ่งมากรุงเทพเชียงใหม่ กูก็เหนื่อยแทนแล้ว ไม่อยากเอาเรื่องบ้าๆไปให้มึงปวดกบาล”
ผมยิ่งตาเหลือกกว่าเดิม นี่ผมพลาดข่าวอะไรแบบนี้ไปได้เป็นปีๆเลยเหรอ “เป็นปีๆมึงไม่มา
บอก แล้วตอนนี้มึงมาเล่าให้กูฟังทำไม เพื่ออะไรวะ” คราวนี้ไอ้หนุ่ยทำหน้าประหลาดยิ้มแหยๆให้ผม
“แต่ก่อนกูขำๆ มันจะพูดยังไง จะว่ายังไงกูก็นึกว่ามันพูดเล่น แต่ตอนนี้...”ไอ้หนุ่ยไม่พูดต่อ
“ตอนนี้ยังไง...”ผมแทบรอมันพูดต่อไม่ไหว ต่อมสอดรู้สอดเห็นถูกกระตุ้นมาโดยอัตโนมัติ

“ตอนนี้กูว่ามันเอาจริง มันรุกกูหนัก แล้วที่สำคัญ...” มันหยุดอีกครับ ทำอย่างกับจะให้ผมเติมคำในช่องว่างที่มันพูดคาๆค้างๆ แต่ผมจะไปรู้ได้ยังไง ในเมื่อผมเองก็ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้เลย
“แล้วที่สำคัญ...” ผมทวนคำพูดของไอ้หนุ่ยแล้วอ้าปากรอมันพูดต่อ ไอ้หนุ่ยเงยหน้าขึ้นมองผม
“ที่สำคัญ...กู...กู...เริ่มหวั่นไหว” ไอ้หนุ่ยกลืนน้ำลายเมื่อพูดจบ แต่ผมแทบพ่นเบียร์ในปากออกมา ฮ่าๆ  มันเหนือความคาดหมายครับ ไอ้หนุ่ยหวั่นไหวกับน้องเกี๊ยง มันแน่ไม่เบาครับน้องผม ผมภูมิใจในความเป็นมันจริงๆ
ผมสำลักเบียร์ต้องไออยู่พักใหญ่ จนไอ้หนุ่ยมันต้องมาลูบหลังให้
“เป็นไรมากมั้ย ทำไมสำลักได้วะ”
“กะ...กูตกใจนะสิ...มึงอะนะหวั่นไหวกับน้องกู” ไอ้หนุ่ยหน้างอใส่ผม
“มึงยอมรับแล้วสิว่ามันเป็นน้องมึง มิน่าแสบเหมือนมึงเลย”ไอ้หนุ่ยบ่นๆแต่ผมก็ดูออกว่ามันบ่นไปอย่างนั้นเอง

“มันทำยังไงมึงถึงหวั่นไหว ปกติมึงหวั่นไหวกับผู้ชายยากมากนี่หว่า ขนาดกูเร้าใจมึงขนาดนี้มึงยังผ่านเลย หึหึ”
ไอ้หนุ่ยหลับตาเหมือนใช้ความคิด แต่พอลืมตาขึ้นมันกลับส่ายหัว “กูไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้พอมันมาอยู่ใกล้ๆ กูก็ละสายตาไปจากมันไม่ได้ พอมันอยู่ไกล กูก็คิดถึงว่ามันทำอะไรอยู่ โอ๊ยยย....ปวดหัวโว้ยยย นี่กูเป็นอะไรกันแน่”
ผมหัวเราะที่มันคลั่งขนาดนี้อยากตอบว่า ‘มึงก็เป็นแบบกูไงไอ้โง่หนุ่ยเอ๊ย’ แต่ผมก็ไม่กล้าพูดแบบนั้น

“ใจเย็นๆมึง อย่าเพิ่งบ้าตอนนี้ให้กูไปเชียงใหม่ก่อน แล้วมึงจะคลั่งแค่ไหนก็ตามสบาย กูยังสงสัยอยู่ดี ไอ้เกี๊ยงมันขี้เล่นนะเว้ย มึงไม่นึกเหรอว่ามันแกล้งหลอกมึงเล่นๆขำๆ” ไอ้หนุ่ยส่ายหน้าอีก หน้านิ่วคิ้วขมวด
“มันจะเล่นอะไรเป็นปี แล้วไม่เฉลยสักทีวะ นี่มันไม่ใช่รายการล้อกันเล่นแบบในทีวีที่เค้าแอบถ่ายหรอกนะเว้ย นี่มันชีวิตจริงๆ มาล้อเล่นแบบนี้กูกระทืบตาย” ไอ้หนุ่ยดูเริ่มมีอารมณ์ครับ
“ตกลงมึงโกรธมันเหรอ ที่มึงหน้าดำหน้าแดงอยู่นี่”

“เปล่า กูโกรธตัวเองมากกว่าที่ไปบ้าตามมัน” ผมฟังแล้วก็หนักใจแทนมัน ตอนมันเลิกกับแฟนเก่คราวก่อนมันยังไม่แสดงออกมากขนาดนี้ ตอนนั้นยังดูชิวๆได้เลย
“มึงถามมันรึเปล่าว่ามันเป็นเกย์เหรอ นี่กูยังไม่รู้เลยนะว่ามันชอบผู้ชายด้วย” ผมสนิทกับมันนะครับ รู้จักมันตั้งแต่มันปีหนึ่ง รวมจำนวนปีที่คบกันมาก็ห้าหกปีแล้ว ผมยังไม่เคยเห็นมันไปชอบผู้ชายที่ไหนเลย 
“กูถามมันตั้งแต่แรกๆเลยที่มันมาบอกว่าชอบกู กูถามมันแบบกวนๆ มันก็ตอบกูมากวนๆ”
“มันกวนมาว่าไงล่ะ” ไม่กวนก็ไม่ใช่น้องสายผมแล้ว

“มันบอกว่าแต่ก่อนมันไม่ใช่  แต่ตอนนี้มันใช่ มันบอกว่ามันคงเป็นไบ ก็อีตอนมาเจอกูนี่ล่ะ เฮ้อ...กูควรภูมิใจมั้ยวะฝัน” ไอ้หนุ่ยมันถอนหายใจอย่างแรง ซ้ำหลายๆที จนผมกลัวลมหายใจจะหมดจากตัวมันไปก่อน
“มึงจะถอนหายใจไปทำไมมากมายวะ กูเริ่มเครียดแทนมึงแล้วนะนี่” ไอ้หนุ่ยมองผมตาละห้อย
“ก็กูคิดไม่ตก จะชอบมันกูก็ไม่อยากเป็นเกย์ จะไม่ชอบกูก็...เฮ้อ...กูไม่รู้เว้ย” ไอ้หนุ่ยมันเอามือเกาหัวทั้งสองข้างจนผมยุ่งไปหมดอย่างกับคนบ้าเลยครับ ผมมองแล้วก็ขำ สงสารก็สงสาร แต่ก็จนปัญญาจริงๆครับ
“เออ มึงไม่รู้แล้วกูจะรู้มั้ย ไอ้บ้าหนุ่ย”
*************************
ให้พอหายคิดถึงพี่หนุ่ยค่ะ :laugh:
 
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 15-02-2010 23:31:25
^
^
+ 1  :z2:

-----------

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด พี่หนุ่ย X น้องเกี๊ยง 

ในที่สุดก็มีวันนี้  :mc4:

น้องเกี๊ยงจีบเฮียหนุ่ยเองเลยเหรอเนี่ย แอร๊ยยยยยย เปรี้ยวมากกกกกก 5555

พี่หนุ่ยขา รับ ๆ เป็นแฟนน้องไปเถอะเครียดมาก แก่่ไวนาาาาาาา

ดูก็รู้ว่ามีใจให้น้องมันแล้ว  อย่ากลัวอยู่เลย เป็นเกย์ไม่ได้น่ากลัวเลยซักนิดยอมรับใจตัวเองซะ  แล้วคุณจะรู้ว่าความสุขอยู่ตรงหน้า  เลิกเครียด ๆ  :haun4: :oo1: 

มัวแต่ยังคิดไม่ตก น้องมันถอดไปก่อนนะเฟ้ยยยยยย    :z2:

ฝันก็จะย้ายที่อยู่แล้ว หุหุ  แฮปปี้เป็นที่สุด  ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันซักที

รอตอนต่อไปจ้า  มาไว ๆ นะ 


หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 15-02-2010 23:40:49
 :o8: เจ้าเกี๊ยงจีบแบบปากหมาแต่เอาจริงชิมิ
ทำผู้เฒ่า เอ้ยผู้ใหญ่เข้าหวั่นไหวแล้วนี่มารับผิดชอบกันนะเว้ย
อิพี่หนุ่ยมันแค่กัวแล้วก็ไม่กล้ายอมรับเท่าันั้นและ กัวแค่สิ่งที่สังคมมันกำหนดกรอบไว้
ไอ่ที่เรียกๆนี่คือเกย์.....เหอะๆ แล้วงี้ถ้าไม่อยากเป็นก็ไม่รับ แต่ใจมันหวั่นไหวอ่ะนะ
ทึ้งหัวจนเกรียนก็คิดมะตกของพี่หนุ่มเอ้ย แค่ถามตัวเองลึกๆก็พอว่าถ้ายอมรับรึป่าวแค่นั้น

+1 คะอย่าค้างจิคนกำลังมันส์ :z3:
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 15-02-2010 23:46:10
ฮิ๊ววววววว...... :-[


ในที่สุด ในมี่สุด ก็สำเร็จนะพี่ฝันกับพี่ใหญ่

เเต่จบเเบบนี้ มีค้างนะครับพี่หนุ่ยกะเกี๊ยงเนี่ย  :o8:


ปล. + 1 ให้กับตอนต่อไปเเบบ "ไม่ค้าง"  :haun4:
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 15-02-2010 23:55:43
 o22 เชียร์ขึ้นด้วยจริงๆคู่นี้

โฮะๆๆ พี่หนุ่ยกะน้องเกี้ยง

ว่าแต่ว่า หน้าตาน้องเกี้ยงเป็นไงนะ ลืมไปแล้วอ่า :confuse:

หนุ่ยเอ๋ย  งานนี้เสร็จน้องเกี้ยงแน่ๆ  :laugh:

รออ่านตอนต่อๆไปนะค้าบบ
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 15-02-2010 23:59:25
น่านนน ให้มันได้งี้เซ่  :laugh:
ในที่สุด หนุ่ยxเกี๊ยง

+1ซะกะหน่อย
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 16-02-2010 00:00:16
อร๊างงส์ มีมาเพิ่มอีกคู่แล้ว กิ๊ส~ :pighaun:
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 16-02-2010 00:07:00
555 พี่หนุ่ยเริ่มหวั่นไหวซะแล้ว 

+1 ไปโลดดดด
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 16-02-2010 00:11:10
แบบนี้ยิ่งคิดถึงพี่หนุ่ยกะน้องเกี๊ยงมากขี้นไปอีกนะเนี่ย

ฝันกับใหญ่มีความสุขแล้ว
จัดคู่หนุ่ยกะเกี๊ยงมาอีกคู่ดีมั้ยคะ

บวก 1 แต้ม รอลุ้นที่จะได้อ่านคู่นี้ต่อค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-02-2010 09:48:10
จบไม่สนิท แถมมาทำให้จิ้นคู่ใหม่ได้อีกนะคะ

ยังงี้มีสิทธิ์ได้อ่านต่ออีกมั้ยเนี่ย  :z1:


ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่า  :L2:

หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 17-02-2010 00:04:58
เวลาเหมือนจบ แบบว่าได้อยู่ด้วยกัน เราไม่คิดว่ามันจบอ่ะ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นมากกว่า เลยไม่อยากให้จบ แหะๆ (ยังไม่ได้เห็นสวีทๆ กันเท่าไหรเลย ก่อนหน้านี้เก็กซิมคิ้วขมวดกันเป็นส่วนใหญ่)

ส่วนพี่หนุ่ย ในที่สุด ก็หวั่นไหวไปซะแล้วว 555 ต่อคู่นี้ไปเลยค่ะ เชียร์ๆ
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 17-02-2010 10:55:13
ชอบๆๆๆๆ  ดันๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 17-02-2010 19:58:10
หนุ่ย กับ น้องเกี๊ยง  หึหึหึ

ถ้าพอมีเวลา ก็เขียนตอนพิเศษบ้างนะครับ

จะติดตามผลงานครับ
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-02-2010 20:56:09
อุ๊ยยยยยยยยยยยยยย คู่นี้ น่าสนใจจริงๆๆ  :z1:  :z1:
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 22-02-2010 23:45:56
รอพี่หนุ่ย น้องเกี๊ยงงงงงงงงง

มะไหร่จะมาอ่า
หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 23-02-2010 13:39:54
สนุกมากๆเลยค่ะ ตามอ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ

พี่คนแต่งแต่งเก๊งเก่ง

ฮาคู่พี่หนุ่ยกับน้องเกี๊ยงมาก ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ 555

หัวข้อ: Re: จดหมายจากเพื่อนรัก (15/02/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nut1987 ที่ 23-02-2010 19:30:38
=ชอบมากเลยครับ  อ่านมาแต่ต้นจนจบ

ขอบคุณนะครับ ที่มีเรื่องดีดีแบบนี้ให้อ่าน

อ่านไปบางตอนน้ำตาไหลตามเลย อิอิ

ไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ=
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 23-02-2010 22:20:58
สวัสดีค่ะ เห็นหลายๆคนบ่นถึงคู่ใหม่ ได้ข่าวว่าคนเขียนบ้าจี้
เลยแอบปล่อยมาเรียกน้ำย่อยกันตอนแรก หวังว่าจะชอบกันนะคะ :impress2:
***********************
ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆผมไม่รู้ตัวว่าไอ้เกี๊ยงมันเข้ามาเดินเล่นในใจผมตั้งแต่เมื่อไหร่ คืนแรกที่เราเจอกันแล้วผมพามันไปส่งบ้าน ระหว่างทางผมพยายามถามมันว่าบ้านอยู่ที่ไหนมันก็ตอบผมได้เพียง “ผมอยู่กรุงเทพฯ อะพี่ กรุงเทพ...มหานคร...อมรรัตนโกสินทร์.......”
ไม่ว่าผมจะถามมันกี่ครั้งมันก็แหกปากร้องเพลงให้ผมฟังทุกที จนผมแทบจะร้องตามมันได้ จะเอามืออุดปากมันไม่ให้ร้องก็ไม่สะดวกเพราะขับรถอยู่ สุดท้ายผมไม่อยากฟังเสียงแหบๆ ห่วยๆ ของมันอีกเลยต้องพามันมานอนที่บ้านผม

ถึงผมจะเป็นคนโสดใจดี แต่ผมก็ชอบความเป็นส่วนตัว ผมเลยทิ้งน้องเกี๊ยงไว้ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นทั้งอย่างนั้น แล้วปลีกตัวไปอาบน้ำ ในใจก็คิดถึงเรื่องของไอ้ฝัน ไม่อยากจะเชื่อว่ารักของมันจะมีอุปสรรคอะไรนักหนา มันคงไม่ง่ายไม่ใช่แค่ว่าคนสองคนรักกันแล้วทุกอย่างจะสวยงาม  ชีวิตมันวุ่นวายกว่าที่เราคิดเพราะคนรอบข้างจริงๆ
นึกๆผมก็ดีใจปนเศร้า ที่คนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างผม คนที่ไม่มีพ่อแม่ น่าจะมีปัญหาน้อยที่สุด แต่ก็นะ...คราวที่ผมรักส้ม ก็มีปัญหาจากพ่อแม่ส้มอีก
“หรือว่ากูต้องไปคนรักที่กำพร้าดีวะ ไอ้หนุ่ยหนอไอ้หนุ่ย” ผมก็บ่นกับตัวเองไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงเรื่องความรักสำหรับผมมันเป็นเรื่องที่มาอันดับสุดท้ายเสมอ

ผมอาบน้ำเสร็จออกจะหิวสักหน่อยอยากหานมอุ่นๆดื่มสักแก้ว เลยลงมาข้างล่างเอานมอุ่นเข้าไมโครเวฟตั้งเวลาไว้แล้วแอบไปชะโงกดูน้องเกี๊ยงว่ามันนอนเรียบร้อยดีรึเปล่า
ภาพของหนุ่มน้อยรูปร่างสันทัด ผมตั้งโด่เด่ทรงเกาหลีตามสมัยนิยมแต่ไม่ยาวเกินไป นอนหลับคุดคู้อยู่บนโซฟาตัวโปรดของผม ดูน่าตลก “ขาสั้นนี่หว่า กูนอนขาเกินมาทุกที พอมึงนอนทำไมพอดีเลยวะ ไอ้เตี้ยเอ๊ย หึหึ”
เหมือนน้องเกี๊ยงมันจะรู้ว่าผมนินทามัน มันขยับพลิกตัวหันมาทางผมพอดี แล้วเคี้ยวปากไม่หยุด  “มันเคี้ยวอะไรวะ จะนอนยังเคี้ยวหมากฝรั่งอีก เดี๋ยวได้ติดคอตายห่าพอดีกัน”

ผมนั่งลงกับพื้นชะโงกหน้ามาใกล้ๆใบหน้าน้องเกี๊ยง  ผมลังเลอยู่สักพักก่อนจะเอามือทั้งสองข้างจับริมฝีปากไอ้เกี๊ยง “ปากแม่งแดงย้วยน่าจูบวะ เป็นสาวๆไม่รอดกูร๊อก” 
ผมสะบัดหน้าแรงๆ “นี่กูบ้าไปแล้ว นี่มันปู้ชาย เฮ้อ” ผมเปิดปากมันอีกครั้งอยากจะรู้ว่ามันเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่รึเปล่า แต่ไอ้เกี๊ยงกลับเม้มปากแน่น
“ไอ้เตี้ย อ้าปากสิวะ เดี๋ยวเผลอกลืนหมากฝรั่งลงคอไปจะทำยังไง” น้องเกี๊ยงยังกลืนน้ำลาย ขยับปากจับๆ
ผมเอามือจับคางมันไว้  ขณะที่ผมคิดว่าผมอ้าปากมันได้แล้ว น้องเกี๊ยงก็ลืมตาขึ้นเหมือนผีหลอก “พี่ทำรายอ่า...”

ผมตกใจจนเกือบหงายหลังต้องเอามือดันตัวเองไว้ “ชิ...หาย...กูตกใจหมด”
น้องเกี๊ยงส่ายหน้าแล้วหลับตาต่อเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ผมถอนหายใจโล่งอก ก้มหน้าลงดูมันใกล้ๆอีกครั้ง ตอนนี้มันหยุดเคี้ยวแล้วครับ แต่ยังมีกลืนน้ำลายขยับปากอยู่บ้าง ใบหน้าของมันดูเหมือนเด็กมัธยมมากกว่าจะเป็นคนที่ทำงานแล้ว คิ้วเรียวบางของมันรับกับดวงตายาวรีแบบคนเชื้อสายจีน ขนตาหนาเป็นแพ
“ ขนตามันดกอย่างกับขนหน้าแข้งมิน่าตาคมเชียวนะมึง” ผมแกล้งเขี่ยขนตามันเล่น น้องเกี๊ยงทำตายิบๆเหมือนรำคาญ ยกมือขึ้นมาสะบัดๆเหมือนไล่ยุง
 ผมหัวเราะเบาๆ อย่างนึกขัน “หึหึ” คิดในใจว่าน่าเอ็นดูดีเว้ย

เสียงร้อง ‘ ตึ๊ง’ ของไมโครเวฟดังขึ้น ผมลุกขึ้นยืนมองน้องเกี๊ยงอีกครั้งก่อนจะลุกไปจัดการนมอุ่นๆเรียบร้อย คืนนี้ผมคงนอนหลับได้ดีแน่ๆ  ก่อนผมจะนอนหลับสนิทไปจนเช้า ลืมไปเลยว่ามีอีกคนนอนอยู่ในบ้านผมด้วย
แต่กลายเป็นว่าอากาศค่อนข้างร้อน จนผมต้องถอดเสื้อออกมาไม่รู้ตัว ผมขยับตัวอย่างอึดอัด
 “อื้อ...อย่ามาเบียดสิ” เสียงบ่นของใครสักคนดังเข้ามาในหูผม ผมสะบัดกางแขนกางขาออกไปอีกแต่ทำไมวันนี้เตียงขนาดคิงส์ไซส์ของผมมันถึงแคบไปได้ ผมยังคงนอนดิ้นสะบัดเนื้อตัวต่อไป  แต่เมื่อผมเผลอไปถีบอะไรเข้า

“โอ๊ย!! อย่าเบียดๆ ถีบกูทำไมวะ พูดไม่รู้เรื่องรึไง”
เสียงโวยวายมันอยู่ข้างหูผมนี่เองครับ ผมสะดุ้งสุดตัวตกใจตื่นลุกมานั่งมึนๆงงๆอยู่ครู่ใหญ่ แสงสว่างที่มีอันน้อยนิดในห้องผม ไม่ช่วยตอบผมได้เลยว่าใครกันที่มาเป็นผู้บุกรุกยามวิกาลของผม ผมค่อยๆขยับตัวลุกจากเตียงโซซัดโซเซไปที่สวิทช์ไฟ  ภาพที่ผมเห็นเมื่อแสงจากโคมไฟสว่าง คือไอ้คนที่ผมลืมไปแล้วว่ามันอยู่ในบ้านผม แต่เท่าที่จำได้ “ไอ้เตี้ยมันนอนอยู่ข้างล่างนี่หว่า”
 “ไอ้ห่าเกี๊ยง!! มึงมานอนอยู่ห้องกูได้ไงวะ” เสียงโวยวายของผมถึงจะไม่ดังเหมือนคนใช้โทรโข่งแต่ก็น่าจะดังพอ ที่จะทำให้ไอ้คนที่ผมไม่ได้เชิญให้มาสะเหล่อนอนในห้องผมมันรู้ตัว แต่ดูเหมือนนอกจากมารยาทของมันจะไม่ดีแล้วหูมันทำท่าจะไม่ดีไปด้วย น้องเกี๊ยงยังคงนอนหลับอย่างสบายต่อไป

ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ผมไม่ชอบให้ใครมานอนเบียด มันร้อน ถ้าเป็นผู้หญิงผมอาจจะอนุโลมให้ได้ แต่สำหรับผู้ชายความปรานีไม่เคยอยู่ในความคิดของผมอยู่แล้ว ผมเดินเข้าไปขย่มเอ๊ย..เขย่าให้มันตื่น แต่มันก็ อื้อๆอ้าๆ อึ๋ยๆ ไม่ยอมตื่นเสียที ผมจนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงกับคนขี้เซาอย่างมันได้ ผมเลยกระชากตัวมันลงมาจากเตียงหล่นตุ้บลงบนพื้น ได้ผลครับ มันตื่นมานั่งงัวเงียหน้ายู่ยี่ แล้วปากดีๆของมันก็เริ่มทำงานทันที เหมือนผมไปกดปุ่มให้มันเห่า
“โอ๊ย!!! พี่หนุ่ยอ่า ซาดิสก็ไม่บอก เดี๋ยวถีบ เดี๋ยวตบ กระชากลากถู ผมม่ายช่ายโศรยานะ”

ผมยืนกอดอกมองหน้ามันขำๆ ดวงตาฉ่ำปรือของมันยามเพิ่งตื่นดูแวววาวไปอีกแบบ ปากแดงสดของมันเริ่มเห่าไปเรื่อยๆ แต่ผมก็ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา  ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าโศรยาที่มันว่าคืออะไร รู้แต่ว่าถ้าชื่อจริงๆมันชื่อนี้ พ่อแม่มันคงอยากได้ลูกผู้หญิงถึงตั้งชื่อให้มันแบบนี้ หึหึ
“มึงลงไปข้างล่างเลย กูจะนอนแล้ว อย่ามายุ่งในห้องกู  ไปๆ กู...ไม่...ชอบ” ผมบอกมันแค่นี้แล้วก้าวขึ้นเตียงเพื่อจะนอนต่อ ผมล้มตัวลงนอนยังไม่ทันหลับตา มลภาวะทางเสียงยังคงดังต่อ
“พี่ไม่ชอบแต่ผมชอบนี่ อย่าได้แคร์”มันไม่พูดเปล่าครับกระโดดขึ้นเตียงผมอย่างหน้าไม่อาย ผมร้อง “เฮ้ย...”แล้วพลิกตัวหนีทันก่อนที่มันจะเอาศอกลงมาทิ่มพุงผม
 “กูบอกว่า...กูไม่ชอบไงเล่า พูดไม่รู้เรื่องรึไง!!” ผมไม่พูดเปล่าแต่เอาเท้ายันตัวมันออกไปด้วย เป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของผมที่ชอบนอนคนเดียว  คราวนี้มันไม่นอนเปล่าครับ มันเอาแขนมาเหนี่ยวแขนผมไว้ด้วย เหมือนหนวดปลาหมึกมาพันแขนผม ผมพยายามสะบัดแขนขา เหวี่ยงมันออกไปจากตัวผม ปากก็ด่ามันไปด้วย ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมตอนมันไม่เมามันดื้อยิ่งกว่าตอนเมาเสียอีก

“พี่หนุ่ยค๊าบขอนอนบนเตียงน้า ผมไม่ชอบนอนบนโซฟาอ่ามันเมื่อย” มันพยายามกะพริบตาถี่ๆ ทำตาปริบๆ จีบปากจีบคอออดอ้อนผม
“มึงเป็นเห้...อะไร กูเพิ่งรู้จักมึงไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง มึงคิดว่ากูจะยอมให้มึงมาร่วมเรียงเคียงหมอนกับกูง่ายๆเหรอ” ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากมันดันหน้ามันที่เข้ามาใกล้ผมเกินไปแล้วให้ห่างออกไป
“เวลาไม่ใช่ตัววัดความสนิทสนมนี่เพ่”
ไอ้เกี๊ยงเอามือทุบที่หน้าอกมันหลายๆที เหมือนคิงคอง “นี่ๆ..มันอยู่ตรงนี้...ที่ใจ”
ผมไม่สนใจที่มันพูดยังพยายามแกะมือมันออก “กูไม่สน แต่กูชอบนอนคนเดียว มึงลงไปๆ ไปข้างล่างนู่นเลย”
แทนที่มันจะเกรงใจผมมันกลับเกาะแน่นขึ้นแล้วอ้อนวอนผมต่อ ผมนึกในใจว่ากูไม่น่าพามันมาเลย

“พี่หนุ่ยคร๊าบ ข้างล่างยุงเยอะ หนาวด้วย ผมขอนอนในห้องนะคร๊าบบบ...” ผมเริ่มอ่อนใจกับมัน ไม่ใช่ว่าสงสารมันนะครับ แต่ดูท่าทีแล้วถ้าผมไม่ยอมให้มันนอนในห้อง  คืนนี้ผมไม่มีทางได้นอนแน่ๆ ผมไม่ชอบอะไรที่มันเยิ่นเย้อ
“มึงเริ่มพูดมากไปแล้วกูจะนอน เอางี้มึงลงไปนอนกับพื้น ไม่งั้นมึงกลับบ้านมึงไปเลย เรื่องมากนักนะ...ไอ้เตี้ย” พูดไปแล้วเริ่มมีอารมณ์ อารมณ์อยากนอนนะครับ ง่วงจะตาย ตีสองตีสามมันไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งคุยกัน น้องเกี๊ยงมันปลดมือออกจากแขนผม พูดเสียงอ่อยๆ
 “ก็ได้ครับพี่ แต่พี่ลืมชื่อผมแล้วเหรอ ผมชื่อเกี๊ยงนะ ไม่ใช่เตี้ย”

ผมขำนะครับแต่ต้องแกล้งทำเสียงดุไว้ก่อน “กูจำได้ แต่กูจะเรียกมึงแบบนี้ แล้วไง”
น้องเกี๊ยงมันยกมือท่วมหัว “กูเอ๊ย...ผมกลัวแล้วพี่ ผมลงไปนอนพื้นเองครับ พี่อย่ากัดผมน้าผมกลัว” ผมเงื้อเท้าจะยันมันอีกครั้งแต่มันก็ไวครับ คงเป็นความชำนาญเฉพาะตัวในการหลบเท้า มันกระโดดลงผลุงลงพื้นไปอย่างรวดเร็ว
ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้งก่อนที่จะหลับสนิทไปยังได้ยินเสียงไอ้เตี้ยมันพูดว่า “ขอบคุณครับพี่” ผมยิ้มกับตัวเองอีกครั้ง แล้วคิดว่ามันน่ารักดีเว้ยไอ้นี่

การทำงานของผมกับมันเริ่มต้นหลังจากที่รู้จักกันถึงสามอาทิตย์ แต่แรกผมลืมไปแล้วว่าเคยชวนมันมาทำงานด้วย แต่ก็พอดีกับที่งานใหม่ของผมเข้ามาและต้องการช่างภาพพอดี ทำให้ผมนึกถึงมันขึ้นมาได้
“มึงทำอะไรอยู่ ไอ้เตี้ย” เสียงตอบของมันเหมือนเป็นเสียงลมพัด เบา สงบ จนผมไม่ได้ยิน ต้องถามมันอีกครั้ง
“เฮ้ย...อยู่ป่าววะ”
“เอ่อ...อยู่พี่ แต่ไม่ว่าง” เสียงมันอึกๆอักๆ เหมือนไม่อยากพูด
“งั้นไว้กูโทรไปใหม่”
“เดี๋ยวพี่  ผมจะโทรกลับนะ ขอโทษนะพี่” แปลกที่มันไม่ล้นเหมือนปกติ ผมหยุดความสนใจเรื่องมันไว้แค่นั้นแล้วกลับไปทำงานต่อ จนกลางดึกคืนนั้นมีเสียงกริ่งดังถี่ๆที่บ้านผม ผมยังไม่ทันนอนแต่ก็นึกแปลกใจว่าใครกันมาหาผมดึกๆ ผมมองออกไปข้างนอกเห็นแต่ความมืด

 “ใครวะ ไม่เห็นมีเห้...อะไรเลย หรือกูหูฝาด” ผมหันหลังกลับจะเดินเข้าบ้าน แต่ต้องก้าวขาค้าง
“ไม่มีเห้ แต่มีผมนะ...พี่หนุ่ย” เสียงแผ่วเบาที่พูดเหมือนกระซิบทำให้ผมตกใจสะดุ้งโหยงเดินกลับไปส่องดูใกล้ๆอีกที  เหมือนกองเศษของอะไรสักอย่างอยู่ที่พื้นพิงประตูผมอยู่
“เอ๊า...มึงมาได้ไงวะไอ้เตี้ย” ผมเปิดประตูไปนั่งยองๆดูสภาพมัน ติดที่ว่าหาไม้มาเขี่ยไม่ทัน แต่กลิ่นจากตัวมันที่โชยเข้าจมูกทำให้ผมรู้ว่าที่มันกองอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ง่วงแต่เป็นเพราะมันเมา ผมดุมันไปตามนิสัยผม
“มึงดื่มเยอะขนาดนี้แล้วมาบ้านกูทำไม ทำไมไม่กลับบ้าน”
ไอ้เกี๊ยงมันเงยหน้าขึ้นมองผมไม่ตอบ ดวงตาฉ่ำไปด้วยน้ำตา มันกะพริบตาเมื่อมองหน้าผม เอาหลังมือเช็ดน้ำตา ก้มหน้าแล้วชันเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นเงียบๆ  ผมนั่งดูอยู่อย่างนั้นจนเมื่อยมันก็ยังไม่หยุดร้องผมเลยลุกขึ้น ผมลูบหัวปลอบใจมัน

“เข้าไปในบ้านก่อน มีอะไรค่อยคุยกัน” มันเงยหน้ามองผมอีกครั้ง แล้วส่งมือมาให้ผม ผมจับมือมันไว้แล้วดึงมันลุกขึ้น ลากมันเดินเข้าบ้าน มันเดินตามผมมาอย่างหงอยๆ เซนิดหน่อยแต่ก็ยังประคองตัวได้ ผมจูงมันมานั่งที่โซฟาตัวเดิม สั่งมันว่า “นั่งนี่ก่อน เดี๋ยวกูมา”
ผมหายไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นจัดๆ แล้วชงกาแฟดำมาหนึ่งถ้วยจะเอามาให้มันดื่ม แต่เมื่อผมมาถึงเกี๊ยงมันนอนหลับคอพับไปแล้ว
 “หลับไปซะแล้ว ตื่นก่อนเว้ยมาเล่าให้กูฟัง มีเรื่องห่าอะไรมา เดือดร้อนมาบ้านกูได้ บ้านกูไม่ใช่บ้านเมตตานะเว้ย กูมันเวทนาอย่างเดียวไม่มีเมตตา”
“พี่หนุ่ยบ่นอะไร เงียบๆหน่อยสิ ผมจะนอน” มันยังไม่ยอมลืมตาแต่ปากก็เห่าได้ เสียงมันเบาก็จริงแต่ผมได้ยิน ผมเผลอตบหัวมันไปที “นี่แน่ะ”

มันลืมตาตื่นทันที ดวงตาแดงก่ำจ้องหน้าผมนิ่ง ผมเดาความคิดมันไม่ออกว่ามันคิดอะไรอยู่ เรายังไม่สนิทกันขนาดนั้น  “นี่มันบ้านกู ไม่ใช่โรงแรม นึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ไม่ใช่ม่านรูด”
เกี๊ยงเอามือเช็ดน้ำตาอีกครั้ง ยกมือไหว้ผม “ขอโทษพี่ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว” ดูมันทำน้อยใจครับ แต่ผมก็ไม่สนใจ นั่งมองมันเดินออกจากบ้านผมไป ในเมื่อมันอยากจะไปเอง ผมจะไปรั้งไว้ทำไม

ผมเอาผ้ามาเช็ดหน้าตัวเอง แล้วเทกาแฟทิ้ง เปิดไฟหน้าบ้านแล้วเดินออกไปปิดประตูรั้ว ปรากฏว่ามันยังนั่งอยู่ที่เดิม ผมไม่ถามอะไรมันอีก ในเมื่อมันเลือกที่จะไม่พูด เลือกที่จะนั่งอยู่ตรงนั้น ก็ตามใจมัน สำหรับผมแล้ว ไอ้เกี๊ยงมันก็ยังเป็นแค่คนรู้จักของผมเท่านั้นเอง
************************
ไอ้พี่หนุ่ยใจร้ายเนอะ :angry2:
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 23-02-2010 22:30:49
มีแค่นี้หรอคะ อยากอ่านต่ออ่า ~ :o12:
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 23-02-2010 22:36:37
 :serius2:
ง่ะ  ค้างคาอ่า
ขอบคุณที่มาแต่งคู่นี้ต่อน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 23-02-2010 22:47:11
 :L2: :L2:
คนเขียนบ้าจี้แต่ง คนอ่านก็บ้าจี้อ่าน
อิอิ

  ไอ้หนุ่ย ร้ายมาก
   
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 23-02-2010 22:47:45
พี่หนุ่ยแม่งทำเด็กน้อยปากหมาสลดได้อีก
อย่าใจแข็งนักดิ เพื่อนมนุษย์ด้วยกันอ่ะ  :z6:
มันเศร้ามายังไปตบหัวซ้ำเติมความน้อยใจมันอีก  กีซซซซซซซซซ
+1 คะ
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 23-02-2010 23:10:32
อ๊ากกกกกกกกก ชอบๆๆๆ
ดีใจจังเลยที่มีคู่นี้ให้อ่าน

อิพี่หนุ่ยใจร้าย ทำอย่างนี้กับน้องเกี๊ยงได้ยังไง  :serius2:
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-02-2010 23:28:05
 :L2: มอบดอกไม้ช่องามให้คนแต่งค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
ดีใจที่มีเรื่องของคู่นี้มาต่อ

พี่หนุ่ยใจร้ายจริงๆ
น้องเกี๊ยงอย่าลืมเอาคืนในอนาคตด้วยนะ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 24-02-2010 00:04:38
 :mc4: เปิดฟลอร์ ๆ

อิพี่หนุ่ย  :beat: ใจร้ายมากทำกับน้องอย่างนี้ได้ยังไง

แล้วรู้รึเปล่าว่าน้องมันมีปัญหาอะไรมาถึงได้ร้องห่มร้องไห้วิ่งมาหา

กลับโดนซ้ำอีก   :angry2:

นอนเตียงก็ไล่ให้นอนพื้น :beat:  วันหลังอย่ามาสะกิดเรียกแล้วกัน

ปล  น้องเกี๊ยง ที่บรรยายดูเป็นเด็กที่น่ารักอยู่นะ  อิอิ

 อิพี่หนุ่ยบอกว่าไม่สน  แต่จดจำรายละเอียดซะ   o18

ปาดแดงน่าจ๊วฟ คึคึ

รอตอนต่อไป บวก1

หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Solar cell ที่ 24-02-2010 02:13:29
รอ
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-02-2010 08:03:49
ไล่นอนพื่้นมั้งละ ด่ามั้งละ ชิชะ  :a14:
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 24-02-2010 18:38:21
อ๊ากกก พี่หนุ่ยกะน้องเกี๊ยงมาแล้วว

ว่าแต่น้องเกี๊ยงเป็นไรมา อกหักรักคุดมาจากไหน

พี่หนุ่ยก็ใจร้ายเกิ๊น คนเค้าเสียใจมาหาพี่พักพิงกายใจ

เอาไว้ตกหลุมรักน้องเกี๊ยงเมื่อไหร่ เชิดใส่เลยเน้อ 55
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 24-02-2010 22:34:16
ไอ่พี่หนุ่ยเย็นชาได้ เย็นชาไป

รอวันน้องมันเอาคืน เชอะ 

หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 24-02-2010 22:51:50
พี่หนุ่ยใจร้าย ทำกับน้องเกี๊ยงได้ลงคอ :beat:
หัวข้อ: Re: ^^ จดหมายจากเพื่อนรัก^^ (23/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 25-02-2010 09:38:19
จะใจแข็งได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่าน่ะพี่หนุ่ย
หัวข้อ: Re: $$ จดหมายจากเพื่อนรัก $$ (25/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 25-02-2010 17:32:44
มาต่อแล้วค่ะ  :กอด1:
***********************
ผมไม่รู้ว่าน้องเกี๊ยงมันกลับไปตอนไหนเพราะผมไม่ได้ลงมาดูมันอีกเลย แต่วันรุ่งขึ้นด้วยความจำเป็นเรื่องงานผมตัดสินใจโทรหาน้องเกี๊ยงอีกครั้ง บอกกับตัวเองว่าถ้าคราวนี้ยังคุยกันไม่ได้อีก ผมกับมันคงไม่มีวาสนาได้ทำงานร่วมกัน เสียงโทรศัพท์ดังไม่นานน้องเกี๊ยงก็รับ “ไง ตอนนี้มึงว่างพอจะคุยเรื่องงานกับกูได้รึยัง”
“ครับเพ่ คิดถึงผมล่ะสิ ผมไปหาพี่ที่ทำงานดีมั้ย ดิลิเวอร์รี่ถึงที่เลย” เสียงมันฟังดูรื่นเริงเหมือนเคย ราวกับว่าไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นเลยเมื่อคืนนี้
“ก็ดี มาเลยนะ เดี๋ยวกูจะบริฟงานให้ฟังก่อน แล้วมึงลองฟังดูว่าสนใจจะรับงานรึเปล่า” ในเมื่อมันไม่พูดอะไรเรื่องเมื่อคืน ผมก็ถือซะว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสำหรับผม มันเองก็โตพอที่จะจัดการเรื่องราวในชีวิตด้วยตัวเองได้แล้ว

แต่เมื่อมันมาหาผมที่ทำงานในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ผมถึงรู้ว่าคงเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับมัน ถึงแม้มันจะเปิดรอยยิ้มกว้างมาให้ผมเมื่อมาถึง แต่ดวงตาบวมแดงก็ยังบอกผมว่ามันผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“หวัดดีคร๊าบพี่ ไหนๆ มาดูงานกันดีกว่า ตอนนี้ผมอยากทำงานกับพี่หนุ่ยจนตัวสั่นแล้ว”  ผมมองหน้ามันนิ่ง ไอ้เกี๊ยงยิ้มค้าง กะพริบตาถี่ๆแล้วถามผมเหมือนประหลาดใจ 
“มีอะไรที่หน้าผมหรือพี่” เกี๊ยงเอามือลูบผมลูบหน้า แล้วยักคิ้วยึกยักให้ผม “ผมส่องกระจกเมื่อเช้าก็หล่อเหมือนเดิมนะพี่”
ผมได้แต่ส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างเข้าใจ ในเมื่อมันเลือกที่จะปกปิดความรู้สึกของตัวเอง ผมก็พร้อมที่จะยอมรับการตัดสินใจของมัน ถ้ามันอยากพูดมันก็คงพูดเอง ผมอธิบายงานที่บริษัทจะจ้างมันทำคร่าวๆ น้องเกี๊ยงเองก็ตั้งใจฟังและซักถามผมเรื่องงานอย่างละเอียด

“งานนี้ผมต้องถ่ายทั้งหมดกี่ชุดครับ”
“ยี่สิบห้าชุด มีต้องสำรองอีกสอง แต่งานด่วนนะ ถ้ามึงตกลงทำ กูจะไปคุยเรื่องค่าจ้างให้ แต่อาจจะไม่มาก เพราะเดิมเค้ามีคนเก่าอยู่ถ้าเราไม่ถูกกว่า บริษัทก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ใช้รายเดิม” เกี๊ยงมันพยักหน้าช้าๆ แต่ก็ยังขมวดคิ้วเครียด มันนิ่งไปพักใหญ่ก่อนพูดว่า
“ถ้าผมได้งานนี้ เพราะต้องไปเบียดงานคนอื่นมา ผมก็ไม่อยากทำ แต่ถ้าพี่บอกว่าเค้าทำงานไม่ดีอยากเปลี่ยนมาเป็นผม ผมถึงจะทำ”
ผมถึงกับเงียบไป ไม่คิดว่ามันจะยึดมั่นหลักการอะไรด้วย “งั้นกูจะบอกว่า เค้าทำงานงั้นๆ กูอยากลองของใหม่ มึงจะมาทำรึเปล่า...ไอ้เตี้ย!” ผมเริ่มโมโห หางานให้ยังมาลีลาอีก

น้องเกี๊ยงหัวเราะแล้วขยับเก้าอี้มาใกล้ๆผม มานวดแขนผมอย่างประจบ แล้วยิ้มแห้งๆ “แหมๆๆ พี่หนุ่ยคร๊าบบบ....อย่าเพิ่งจี๊ดดด ผมก็มีหลักการนะ ไม่ใช่ไปแย่งงานคนอื่น ทุกคนย่อมมีทาง ผมไม่ชอบทับทางใคร”
ผมดึงแขนออกจากมือมันแล้วสะบัดมะเหงกใส่หัวมันไปที “มึงนี่เรื่องมาก นี่มันธุรกิจ ถ้างานมึงไม่ดีพอ ก็หนเดียวเหมือนกัน อย่าทะนงตัวเองไป กูช่วยมึงได้แค่แนะนำงานเท่านั้น แล้วมึงเป็นหมารึไงฉี่ทับทางคนอื่นไม่ได้”
ไอ้เกี๊ยงหัวเราะดัง ยกมือไหว้ผมแล้วโปรยยิ้มสดใสมาให้ “ม่ายช่ายยยหมานะ ฮะๆ”
 มันก้มหัวลงมาถูไถที่ไหล่ผมอย่างประจบ  ผมต้องเบี่ยงตัวหนีมันที่ทำท่าจะเล่นไม่เลิก “เล่นบ้าอะไร นี่มันที่ทำงานนะเว้ย”
น้องเกี๊ยงมันเลิกกวนผม แล้วยกมือไหว้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขอบคุณพี่หนุ่ยนะคร๊าบบบ พี่เหมือนพระสงฆ์มาโปรดผมจริงๆ ผมจะทำให้ดีที่สุดแน่นอนครับ ไม่ต้องให้เสียชื่อพี่เลย”
“เออๆ กูเชื่อแล้ว”  ผมดันตัวมันให้ออกห่างเมื่อมันทำท่าจะมานวดแขนผมอีก มันเลยยื่นแขนมันมาให้ผมดูแทน
 “จริงๆนะดูสิพี่  ผมอยากทำจนขนลุกไปทั้งตัวแล้ว ฮ่าๆ”

ผมเห็นมันยิ้มได้กวนตีนได้เหมือนเดิม ก็คันปากยิบๆอยากถามมันว่าเมื่อคืนมันร้องไห้ทำไม แต่ก็ห้ามปากตัวเองไว้ ตัดใจไล่มันไป
 “ไอ้เตี้ย ไปได้แล้ว กูจะทำงาน แล้ววันไหนมีประชุมงานกูจะให้เลขาโทรไปนัดมึงอีกที”
ไอ้เกี๊ยงยกมือตะเบ๊ะให้ผม “ครับผม ไปนะพี่  รักนะจุ๊บ จุ๊บ” มันไม่วายมาพูดทะเล้นกับผม แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป แต่ออกไปแล้วมันก็กลับเข้ามาใหม่
ผมเลิกคิ้วให้ ถามไปกวนๆ  “มีอะไร...ลืมสมองไว้รึไง”
มันหัวเราะ แล้วยิ้มอีกครั้ง “ผมลืมขอโทษพี่อีกครั้ง ที่รบกวนเมื่อคืน ผมสัญญาจะไม่ทำแบบนั้นอีก”

“เฮ้ย...” ผมยังไม่ทันพูดอะไรมันก็ออกไปจากห้องผมแล้วครับ ผมไม่แน่ใจว่าสัญญาที่มันให้ดีหรือไม่ดี เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนใจดำ แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
  ผมทำงานต่อไปจนดึก พอกลับบ้านถึงนึกขึ้นมาได้เรื่องไอ้ฝัน มันเงียบหายไปนานตั้งแต่ปีใหม่ ผมตัดสินใจโทรไปหามันสักหน่อย
“เฮ้ยฝัน เงียบไปเลยนะมึง นี่ไปเชียงใหม่มารึยัง”
“หึหึ กูไปจนกลับมาตั้งนานแล้ว มึงนั่นแหละหายไป กูก็มีความสุขดีอยู่นี่” เสียงของไอ้ฝันร่าเริงมาก ไม่บอกก็รู้ว่าความรักของมันคงหมดปัญหาไปแล้ว พ่อของใหญ่คงยอมรับมันได้
“เรียบร้อยแล้วสิ มิน่าไม่มีโทรหากูเลย กูก็ทำงานหัวปั่นลืมเรื่องมึงไปเลย”
เสียงหัวเราะมันดังเข้ามาในโทรศัพท์ “เรียบร้อยไประดับหนึ่ง แต่กูก็ต้องอยู่ห่างจากใหญ่มันอยู่ดี นี่กูกำลังหาลู่ทางจะไปอยู่เชียงใหม่แล้ว  แต่คงไม่เร็วๆนี้หรอก ช่วงนี้กูคงต้องไปๆมาๆเชียงใหม่ กรุงเทพฯ แต่ก็มีความสุขดี หึหึ”
ผมฟังแล้วก็ยิ้มไปด้วย “ฟังอย่างนี้ก็ดีใจด้วยนะ งั้นอีกหน่อยมึงคงไม่มาเรียกกูไปแดกเหล้าแล้วสิ กูต้องหาเพื่อนดื่มคนใหม่แล้วมั้ง”

“เฮ่ย...ได้ไงหนุ่ย กูยังไม่ได้ไปตอนนี้ กูก็เหมือนเดิม ไปดื่มกับมึงได้ ถ้ามึงเลี้ยงกูบ่อยๆ รับรองกูไม่หนีมึงไปไหนแน่  แล้วมึงเป็นไงมั่ง เจอเป้าหมายใหม่รึยังล่ะ มึงขาดแฟนนานๆได้ที่ไหนกัน”
ผมนึกว่ามันจะมีความสุขจนลืมเพื่อนไปซะแล้ว “กูมีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น ยังหาคนถูกใจไม่ได้เลยว่ะ กูต้องเก็บอิสระไว้กับตัวต่อไป  งานก็เยอะไม่มีเวลาไปหาที่ไหน ความรักมีมากไปก็วุ่นวาย เอาเวลามาทำงานดีกว่า”
“กูก็เห็นมึงพูดแบบนี้มานานแล้ว ให้มึงเจอคนที่มึงรักจริงก่อนเถอะ มึงคงไม่มีใจทำงานแน่ๆ มึงเชื่อกูดิ”
“หึหึ มึงก็ดูกันต่อไป” ผมตอบไปได้แค่นั้นเอง เพราะสำหรับผม คนที่ผมรักจริง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธออยู่ที่ไหน หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้
 ผมคุยกับฝันได้ไม่นานมันก็ขอวางสายไปบอกผมว่าจะไปเขียนจดหมายหาแฟนมันต่อ  ถึงผมจะรู้สึกดีที่ได้ฟังเรื่องของคนที่มีความสุข แต่ออกจะใจหายถ้ามันต้องไปอยู่เชียงใหม่จริงๆ ผมคงเหงาเมื่อขาดมัน แต่ถ้าเป็นความสุขของเพื่อนผมก็ยินดีด้วย ผมเองก็รอคืนแสนสุขวันนั้นเหมือนกัน แต่บางครั้งก็หลงลืมไป แต่ละวันที่ผ่านไปในชีวิตผมมีแต่งาน...และงาน

 ทั้งที่บางครั้งผมก็ถามตัวเองว่าผมทำไปเพื่อใคร...

วันประชุมงานมาถึงหลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน ทั้งที่ผมลืมไปแล้วว่าวันนี้จะต้องเจอน้องเกี๊ยง แต่เมื่อมันเข้ามาประชุมในภาพที่ผมไม่เคยเห็น ก็ทำให้ผมยิ้มได้อีกครั้ง วันนี้มันใส่เสื้อเชิ้ตริ้วสีอ่อนผูกเน็กไทเส้นเล็กๆ ถึงแม้จะใส่กางเกงยีนส์แต่ก็ยังดูเรียบร้อยกว่าทุกครั้งที่ผมเจอ  วันนี้ตาไม่บวมแล้วแต่แววตาก็ยังไม่สดใสถึงแม้ว่ามันจะส่งยิ้มมาให้ผมก็ตาม แต่ผมก็ยังสัมผัสความเศร้าลึกๆของมันได้อยู่ดี  ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันมีเรื่องอะไร แต่เวลางานเข้ามาผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ภาระหน้าที่มาก่อนเรื่องส่วนตัวเสมอ
“ตกลงเรานัดวันถ่ายรูปกันวันศุกร์ที่จะถึงนี้ คุณอรุษเพิ่งจะมาร่วมงานกับเราครั้งนี้เป็นครั้งแรก  ให้ประสานงานกับน้องนิ่มเป็นหลัก  มีใครจะถามอะไรอีกมั้ยครับ ถ้าไม่มีผมขอปิดการประชุม ให้ทุกคนไปเตรียมงานกันได้เลย”
ตลอดเวลาที่เราประชุมกันน้องเกี๊ยงพูดน้อยมาก จนดูเหมือนไม่ได้เอาใจมาทำงานด้วย คนอื่นอาจไม่เห็นแต่ผมกลับรู้ อย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่คนเดิมที่ผมเคยรู้จัก หลังจากที่ทุกๆคนทยอยเดินออกไปจากห้อง ผมเรียกมันไว้ก่อน “คุณอรุษ ผมขอคุยสักครู่ครับ”
น้องเกี๊ยงหันมาหาผม ทำหน้าจริงจัง “ครับ”

ผมชี้ให้มันมานั่งที่เก้าอี้ ส่วนตัวผมยืนกอดอก “คุณพร้อมที่จะทำงานแน่นะ”
น้องเกี๊ยงเองก็ทำหน้าจริงจังเมื่อตอบผม “ทำไมคุณคิดว่าผมไม่พร้อม”
ผมเดินวนรอบตัวมัน ก่อนที่จะเท้าแขนต่อหน้าน้องเกี๊ยง หันไปถามมันตรงๆ “กูว่ามึงมีปัญหาส่วนตัว บอกตรงๆกูไม่อยากให้กระทบกับงาน” ผมไม่ได้หวังว่ามันจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้ผมฟัง แต่ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของงาน ถ้าพลาดขึ้นมาผมต้องรับผิดชอบเต็มๆ แล้วน้องเกี๊ยงเองก็คงได้ทำงานกับผมเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
น้องเกี๊ยงถอนหายใจเบาๆ มองผมแล้วยิ้มแค่น  “พี่สนใจผมด้วยเหรอ พี่ไม่ต้องห่วงนะ ผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ ยังไงผมรับงานแล้วผมรับผิดชอบพอ ต้องทำให้ดีที่สุด”
พูดจบแล้วมันก็ลุกขึ้นยกมือไหว้ผม “ ถ้าพี่ไม่มีอะไรอีก ผมไปนะพี่ วันนี้ผมต้องรีบไปเคลียร์งานเก่าให้เสร็จก่อน  ยังไม่อยากให้เค้ามาด่าแม่ทีหลัง ว่าทำงานไม่รับผิดชอบ  แล้วยังไงเจอกันวันทำงาน”

น้องเกี๊ยงออกไปจากห้องนานแล้วแต่ผมยังได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ผมนึกถึงถ้อยคำที่มันพูด แล้วก็หัวเราะอยู่คนเดียวบอกตัวเองว่า ผมไม่รู้จักมันเลยจริงๆ ไม่ใช่สิ...ผมกับมันยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก ทั้งที่เกือบจะได้นอนเตียงเดียวกันแท้ๆแล้ว คนที่ผมเจอเมื่อวันแรกกับคนที่ผมจะทำงานด้วย คนไหนกันคือตัวจริงของมันกันแน่

เช้าวันศุกร์บังเอิญมีลูกค้าบินด่วนมาจากยุโรป ผมจึงต้องไปต้อนรับและคุยเรื่องงานทำให้ผมไม่มีเวลาไปดูการถ่ายรูป ต้องให้ผู้ช่วยไปติดตามงานถ่ายรูปสินค้าชุดใหม่แทน จนบ่ายไปแล้วเมื่อแยกย้ายกับลูกค้า ผมถึงได้มีเวลาแวะไปที่สตูดิโอ  นิ่มเดินเข้ามารายงานการทำงานทันทีเมื่อเหลือบมาเห็นผม
“พี่หนุ่ยงานไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ คงไม่ยืดเยื้อนาน น้องเกี๊ยงทำงานไวดีนะ  ท่าทางจะใช้ได้ ไม่เรื่องมากเหมือนอีตาตุ้มคนเก่า หนูดีใจ๊ดีใจที่พี่ไม่จ้างมันอีก กวนตีนแถมปากหมาอีก” นิ่มเป็นผู้ช่วยที่ทำงานได้หมดทุกอย่าง แต่มันออกจะห้าวไปสักหน่อย
“พอๆ ไม่ใช้งานเค้าแล้วยังไปว่าเค้าอีก เรานี่ปากจัด หึหึ” ผมพยักพเยิดไปที่น้องเกี๊ยงที่ง่วนกับการจัดแสง จัดสินค้าอยู่ “เจ้านั่น กวนเรามั้ย”
นิ่มขมวดคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจคำถามผม “กวนยังไง จีบนิ่มเหรอ”
ผมส่ายหน้า ขำคนหลงตัวเอง “หน้าอย่างเราเค้าจะจีบลงเหรอ ปากก็จัด แมนยิ่งกว่าผู้ชายอีก”
 นิ่มทำหน้าบึ้งแล้วเท้าสะเอวมองหน้าผม “พี่หนุ่ยก็ใช่ย่อย ปากไม่ได้ดีไปกว่านิ่มหรอก  จิตใจด้านชาอีกต่างหาก มิน่าไม่มีใครเอา เชอะ นิ่มไปทำงานดีกว่า คนใจร้ายมาว่าเค้า” นิ่มมันสะบัดบ๊อบทำปากยื่นใส่ผมแล้วเดินหนีไป  ผมยิ่งขำที่ยั่วน้องได้

  ผมยืนกอดอกมองการทำงานจากข้างหลังห้องเงียบๆ ท่าทางน้องเกี๊ยงดูจริงจังผิดกว่าที่เคย คิ้วขมวดมุ่นปากเม้มแน่นตลอดเวลา ผมยืนดูอยู่สักครึ่งชั่วโมงก็ต้องรีบกลับเข้าออฟฟิศ ผมกวักมือเรียกนิ่มให้มาหาเพื่อสั่งงาน “พี่คงไม่อยู่ต่อนะ ถ้างานเสร็จก็กลับบ้านได้เลย บอกเกี๊ยงด้วยว่าพี่ขอดูงานก่อนเสนอที่ประชุม เผื่อมีแก้ไขจะได้ซ่อมก่อน”
นิ่มพยักหน้าเข้าใจ “แล้วพี่ไม่คุยกับน้องเกี๊ยงหน่อยเหรอ พามาแล้วทิ้งขว้างนะนี่ ไม่ให้กำลังใจเด็กหน่อย” นิ่มทำท่าจะตะโกนเรียกเกี๊ยง แต่ผมโบกมือห้าม
“ไม่ดีกว่า ให้เค้ามีสมาธิกับงานไป เดี๋ยวก็ได้เจออยู่ดี แต่พี่ต้องไปแล้ว นายโทรมาตาม ฝากทางนี้ด้วยนะ”   
 นิ่มเดินผละไปแล้ว ผมหันไปมองดูที่เกี๊ยงอีกครั้งเหมือนมันจะเงยหน้าขึ้นมาพอดี สบตาผมแล้วยิ้มอ้าปากกว้างเหมือนจะเรียกผม แต่ผมหันหลังออกมาก่อนเพราะนายโทรศัพท์เข้ามาพอดี  ผมไม่มีเวลาจริงๆ ผมบอกตัวเองแบบนั้น
************
  :serius2:
หัวข้อ: Re: $$ จดหมายจากเพื่อนรัก $$ (25/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 25-02-2010 19:03:41
+1  ไว้ก่อน  เด๋วมาดิท

โหหหหหหห ไอ่พี่หนุ่ย ใจดำมาก ปล่อยน้องมันทิ้งไว้จริง ๆ หรือเนี่ย   :fire:

ปรี๊ดดดดดดดดดดดด !!!!! 



“ผมลืมขอโทษพี่อีกครั้ง ที่รบกวนเมื่อคืน ผมสัญญาจะไม่ทำแบบนั้นอีก”

>>> แปล๊บ มากประโยคนี้  ขอให้ประโยคนี้มันหวนคืนไปหาอิพี่หนุ่ย  หึหึ
เวลามีอะไรอยากให้น้องมันหันมาพึงพิงตัวเอง แล้วน้องมันไม่ทำแบบนั้นอีก (รอไปก่อนเหอะ ไอ่พี่หนุ่ย รอเอาคืน หุหุ)

หมั่นไส้ เชอะ อย่าให้ถึงคราวเรา ๆๆ    :m16:

 นิ่มเดินผละไปแล้ว ผมหันไปมองดูที่เกี๊ยงอีกครั้งเหมือนมันจะเงยหน้าขึ้นมาพอดี สบตาผมแล้วยิ้มอ้าปากกว้างเหมือนจะเรียกผม แต่ผมหันหลังออกมาก่อนเพราะนายโทรศัพท์เข้ามาพอดี  ผมไม่มีเวลาจริงๆ ผมบอกตัวเองแบบนั้น

หงะ อย่างอ่านตอนต่อไปแล้วว    มาต่อไว ๆ เน้  :monkeysad:

ก่อนไปขอ ไอ่พี่หนุ่ยอีกซักป้าบบบบบบบบ!!!! :z6:
หัวข้อ: Re: $$ จดหมายจากเพื่อนรัก $$ (25/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 25-02-2010 19:07:31
หนุ่ยก็ยังใจร้ายเหมือนเดิม
อ่านแล้วเจ็บแปล๊บแทนเกี๊ยงมัน
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: $$ จดหมายจากเพื่อนรัก $$ (25/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 25-02-2010 22:24:51
 :angry2:  หนุ่ยไปไกลๆๆเลย  เย็นชาสุดๆๆ
สงสารน้องเกี๊ยง
หัวข้อ: Re: $$ จดหมายจากเพื่อนรัก $$ (25/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 25-02-2010 23:53:08
พี่หนุ่ย คิดคล้ายๆ เรา แบบว่าถ้าเป็นเรื่องที่ดูส่วนตัวมากๆ ถึงเราอยากรู้ แต่เราก็ไม่อยาก/กล้าถามนะ เพราะบางครั้งคนเขาก็ไม่อยากบอกใคร

ดังนั้นจะว่าใจร้าย ก็ไม่เชิงอ่ะ (เข้าข้างกันสุดๆ) แต่มาตอนนี้เริ่มรู้สึกได้ถึงความเย็นชาเล็กๆ เหอๆ
หัวข้อ: Re: $$ จดหมายจากเพื่อนรัก $$ (25/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 26-02-2010 00:07:50
หนุ่ยไม่น่าจะเป็นคนเย็นชา
หรือไม่เห็นความสำคัญของความรู้สึกคนอื่นแบบนี้นะ
พี่หนุ่ยเปลี๊ยนไป๋ น้องเกี๊ยงเลยเศร้าใจกันเลย

รอลุ้นต่อว่าเมื่อไรพี่หนุ่ยจะมีน้ำใจกับน้องบ้าง

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: $$ จดหมายจากเพื่อนรัก $$ (25/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 26-02-2010 19:49:10
ทำไมไอ่พี่หนุ่ยมันติดเย็นชากับน้องเกี๊ยงจังวะ :angry2:
ในส่วนหนุ่ยน้องเกี๊ยงแค่คนรู้จักห่างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่คิดจะใส่ใจ พอเหมือนจะติดใจว่าน้องมันมีปัญหาอะไรซักอย่าง
ก็ไม่คิดจะสนใจไรมาก  เรื่องของมึง ถ้าอยากเล่าก็เล่า ไม่เล่าก็ช่างมึงไรงี้

แหม ไอ่พี่หนุ่ย จะให้น้องมันมาเล่าปัญหาให้คนที่ทำเป็นไม่สนใจน้องมันอย่างนั้นเหรอ  บอกทำแมวอะไรฟระ  แล้วก็รอให้เค้าเปิดปากพูดมาก่อน

ถ้าวันนั้นที่น้องเกี๊ยงไปบ้านหนุ่ย หนุ่ยไม่พูดแบบนั้นกะน้องมัน น้องมันก็น่าจะเล่าอะไรให้ฟังอยู่หรอก พอเจอพูดแบบนั้น แถมความเย็นชาอีก เป็นใครใครมันจะไปเล่าฟระ กับคนที่ไม่คิดจะสนใจเรา


 
สำหรับหนุ่ยก็แค่คนที่รู้จักกันไม่นาน
แต่กับน้องเกี๊ยง ถึงจะรู้จักกันไม่นาน แต่ ตอนที่น้องมันมีปัญหา กับนึกถึงหนุ่ย

ปล เม้นต์แบบมึน ๆ   :really2:
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 27-02-2010 21:32:10
 :call:
***************
“พี่หนุ่ย...ใช่ไหมคะ พี่ว่างรึเปล่าคะ?” กลางดึกคืนวันเสาร์อ้อยโทรหาผม เสียงไม่ค่อยดีเลย เหมือนจะอ้อแอ้นิดหน่อย
“อ้อยอยู่ที่ไหน เป็นอะไรรึเปล่า?” ผมกำลังจะเข้านอน เหลือบดูนาฬิกาห้าทุ่มกว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีจะเที่ยงคืน ทั้งสงสัยทั้งแปลกใจ อ้อยไม่โทรหาผมมานานแล้วตั้งแต่เมื่อผมปฏิเสธเธอไป
“อ้อย ทำไมไม่ตอบพี่ อยู่ที่ไหน?” เสียงเพลงดังแว่วๆเข้ามาในสาย แต่ยังพอได้ยินเสียงคนชัดเจนเหมือนมีคนคุยอยู่ใกล้ๆ แต่ฟังไม่ถนัดว่าพูดอะไร
“อยู่ที่ RiCCo ค่ะ พี่หนุ่ยมาดื่มกันหน่อยนะ ไม่เจอกันตั้งนานแล้ว” ผมบอกตัวเองว่ามันแปลกเกินไป แล้วผมก็ไม่อยากไปด้วย ผมเหนื่อยเกินกว่าที่จะออกไปกับแค่คำชวนนี้
“ไม่ล่ะ พี่จะนอนแล้ว แต่อ้อยไปกับใคร” อย่างน้อยก็ในฐานะพี่ชายและคนรู้จักกัน  ผมห่วงอ้อยอยู่เหมือนกัน

“มากับน้องๆที่มหา’ลัยค่ะ น้องที่อยู่นี่เค้าว่ารู้จักพี่หนุ่ย อ้อยเลยคิดถึง โทรมาชวนนี่ไง” ผมพยายามคิดว่าน้องที่มหา’ลัยคนไหนกันที่ผมรู้จัก
“อย่ามาอำกันดีกว่า ฝันใช่มั้ยล่ะ บอกมันด้วยว่าพี่เบื่อมันแล้ว จะไปเชียงใหม่ ไปไหนก็ไปเลย ” เสียงหัวเราะของผู้ชายดังแว่วแทรกเข้ามาอีก แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร รู้แค่ว่าคงไปกันหลายคน
“ไม่ใช่ฝันสักหน่อย คนนั้นเค้าไม่มาเที่ยวกับอ้อยแล้ว อย่าไปพูดถึงเค้าเลย พี่หนุ่ยก็ใจร้ายอีกคนนะ” อ้อยคงเมาถึงพูดอะไรเหมือนตัดพ้อแบบนี้กับผมได้
“พี่ใจร้ายมานานแล้ว อ้อยเพิ่งจะรู้เหรอ” ผมแกล้งพูดไปหวังว่าอ้อยจะขำ แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้ผมขำไม่ออก

“พี่อ้อยคงรู้มานานแล้ว ผมต่างหากล่ะพี่ที่เพิ่งรู้” เสียงแหบห้าวของผู้ชายที่พูดเข้าสายมา ยังไม่ทำให้ผมรู้ว่าเป็นใครกัน ผมคุ้นเสียงนี้แต่ก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี
“ใครน่ะ?” ผมถามออกไปอย่างงงๆ “อ้อยไปไหน”
“พี่อ้อยอยู่ข้างๆผมครับ พี่เค้ารอพี่อยู่นะ พี่หนุ่ยไม่มาเหรอ” เสียงที่พูดเหมือนคนเมาๆนิดๆแบบนี้ เหมือนมันติดหูผมมาเมื่อไม่นานนี้เอง ในที่สุดผมก็นึกออก ผมเผลอพูดเสียงดังออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“นี่มึงอีกแล้วเหรอ ไอ้เตี้ย! มึงไปกินเหล้าอีกแล้ว”
เสียงหัวเราะของน้องเกี๊ยงดังเข้ามาในสาย  “พี่รู้ปะ ผมโคตรดีใจเลยที่พี่จำเสียงผมได้ สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องไปทำบุญสักหน่อย กูจะโชคดีแล้วเว้ย เจ้านายจำเสียงกูได้ หึหึ”
แปลกที่มันพูดเล่นแบบนี้แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนมันกำลังแดกดันผม 
“นี่มึงไม่ต้องมาเรียกกูเจ้านายเลย งานเสร็จแล้วเหรอ พาพี่เค้าไปแดกเหล้าได้” เสียงน้องเกี๊ยงแทรกเข้ามาในสายแว่วๆว่า “พี่อ้อยผมขอออกไปโทรข้างนอกได้มั้ย จะคุยเรื่องงานกับพี่หนุ่ยนิดส์นึง”

สักพักเสียงดนตรีเริ่มเงียบลง เสียงพูดของน้องเกี๊ยงดังชัดขึ้นมาอีกครั้ง  “เอ้า...เจ้านายจะถามอะไรผมว่ามาเลยครับ
นายอรุษรอฟังอยู่ครับเจ้านาย” มันก็ยังคงกวนตีนผมได้อีก ผมเริ่มหงุดหงิดกับการพูดจาของมัน
“นี่มึงถามกูดีๆ หรือว่าประชดกูกันแน่ ไอ้เตี้ย”
“ผมพูดไม่เพราะตรงไหนครับ เจ้านายยย”มันลากเสียงยาวกวนผมอีกครั้ง แต่ผมก็เถียงมันไม่ออก
“งั้นกูถามมึง งานเสร็จแล้วรึไง มีเวลาไปเที่ยวกลางคืน เดดไลน์วันไหนรู้รึเปล่า  แล้วนี่พาอ้อยไปด้วยทำไม พี่เค้าเป็นผู้หญิง ดึกๆดื่นๆใครจะไปส่ง”
“...”น้องเกี๊ยงเงียบไปอีกครั้ง จนผมต้องถามย้ำไปอีกที “นี่!ฟังอยู่รึเปล่า ปล่อยให้พูดอยู่ได้คนเดียว”

น้ำเสียงแหบเบาของมันพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ฟังสิพี่ กำลังคิดอยู่ ว่าพี่ห่วงพี่อ้อย ห่วงงาน พี่ใจดีจังเลยนะ แม้แต่กับพี่อ้อยที่พี่ไม่รัก พี่ก็ยังห่วงเค้า”
ผมไม่รู้ว่าคำพูดพวกนี้ของน้องเกี๊ยง มันออกมาจากอารมณ์แบบไหนกัน แต่ทำไมผมสัมผัสได้ว่ามันกำลังเศร้า เหงา อย่างบอกไม่ถูก ผมไม่รู้จริงๆว่าอะไรทำให้ผมคิดแบบนั้น ผมถามมันออกไปเมื่อมันพูดจบ
 “มึงจะอยู่อีกนานมั้ย รอนะ เราคงมีเรื่องต้องคุยกัน” ผมวางสายไปทันทีไม่รอให้มันตอบรับ บางอย่างบอกผมว่ามันจะรอผมอยู่ที่นั่น ผมแต่งตัวไปก็บ่นกับตัวเองไปด้วย “ไอ้เตี้ยนะไอ้เตี้ย ทำไมมึงชอบทำให้กูต้องวุ่นวายอยู่เรื่อยเลย”

ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็ไปถึงที่หมาย ผมทักทายกับพนักงานต้อนรับที่คุ้นเคยกันดี แล้วรีบเข้าไปข้างในหาโต๊ะอ้อยกับน้องเกี๊ยง อ้อยไม่นั่งอยู่ที่โต๊ะแต่ผมเห็นน้องเกี๊ยงนั่งก้มหน้าก้มตาดื่มอยู่ตามลำพัง “อ้าว อ้อยไปไหนล่ะ”
 เสียงของผมเรียกให้น้องเกี๊ยงมันเงยหน้าขึ้นมามองทันที คำพูดแรกของมันก็คือ “พี่หนุ่ยมาจริงๆด้วย ผมนึกว่าพี่หลอกผมเสียอีก” ฟังจากน้ำเสียงมันคงดื่มไปอีกเยอะหลังจากที่วางสายไปจากผม น้องเกี๊ยงตาปรือยิ้มมุมปาก ส่งแก้วเหล้าในมือมันให้ผม ผมเอื้อมมือไปรับเอาไว้ แล้วถามซ้ำไปอีกครั้ง
 “อ้อยไปไหน กลับไปแล้วเหรอ”
น้องเกี๊ยงพยักหน้าหงึกๆ ดวงตาฉ่ำเยิ้มไปด้วยฤทธิ์สุรา ยิ้มกวนๆเมื่อบอกผมว่า “กลับไปแล้วว... ผมไม่ได้บอกพี่อ้อยหรอกว่าพี่จะมา พี่อ้อยเค้าง่วงเลยกลับไปก่อน ขอโทษนะ พี่เลยไม่ได้เจอพี่อ้อยเลย หึหึ”
“ดื่มทำไมมากมาย พอได้แล้วนะ” ผมขัดใจกับอาการของมันจริงๆ ผมเองยอมรับว่าชอบดื่มแต่ก็ไม่เคยที่จะเมามายจนไร้สติ  ผมดื่มเมื่อผมรู้สึกสนุก ไม่ใช่ดื่มเพื่อดับทุกข์

น้องเกี๊ยงส่ายหน้าทำท่าจะรินเหล้าใส่แก้วใหม่ แต่ผมดึงแก้วออกจากมือมัน “มึงฟังกูมั่งสิ”
“พี่โกรธผมเหรอ ที่ผมไม่บอกพี่อ้อย ผิดหวังล่ะซี้” ฟังน้ำเสียงแล้วมันพาลใส่ผมแปลกๆ ผมไปทำอะไรให้มันโกรธรึไงกัน
“เปล่า ไม่ได้ผิดหวัง สรุปว่าเค้ากลับกันหมดแล้วเหลือมึงคนเดียวนั่งดื่ม ตกลงจะคุยกับกูดีๆ หรือว่าจะให้กูกลับ แล้วมึงก็ดื่มต่อไป” เสียเวลากับมันจริงๆ ทั้งที่ก่อนจะออกมาผมตั้งใจมาแท้ๆ ไม่นึกว่ามันจะเป็นคนผีเข้าผีออกขนาดนี้
น้องเกี๊ยงยกมือสูงไหว้ผมเหมือนไหว้เจ้า น้ำเสียงยานๆเหมือนคนเมาของมันยิ่งทำให้ทุกคำพูดก่อกวนอารมณ์ผมยิ่งขึ้น “ตามใจพี่ หึหึ พี่ก็แบบนี้ เหมือนจะสนใจ แต่แล้วพี่ก็ทิ้งไป ผมไม่อยากจะคิดแล้ว ปวดหัว แค่นี้ผมก็มีเรื่องมากพอแล้ว”

ผมกอดอกยืนมองมันอยู่สักพักแล้วลากเก้าอี้มานั่งมองมันเงียบๆ น้องเกี๊ยงเอาแก้วที่ส่งให้ผมแต่แรกกลับมาดื่มเสียเอง มันทำเหมือนผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น น้องเกี๊ยงนั่งดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าจนเหล้าที่เดิมเหลืออยู่ครึ่งขวดเกือบหมดผมเปิดปากหาวอย่างง่วงนอน ยังคงรอดูมันต่อไป มันเองก็แอบเหลือบมองผมเป็นระยะแล้วกลับไปดื่มต่อ ผมไม่เข้าใจว่ามันอายุแค่นี้จะมีเรื่องอะไรกันนักหนา แต่ที่รู้แน่ๆตอนนี้มันกำลังแก้ปัญหาที่ไม่ถูกทาง ผมเองไม่ได้เป็นอะไรกับมัน ถ้าเทียบกันแล้วเป็นเพื่อนร่วมงานก็ยังไม่ใช่เลย ความสัมพันธ์แค่นายจ้างลูกจ้างเท่านั้นเอง ติดก็แค่ที่ว่าไอ้ฝันมันเคยฝากฝังเอาไว้ให้ช่วยดูแล ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะไม่เอาธุระกับมันเลย
“พี่ง่วงทำไมไม่กลับไปล่ะ มานั่งหาวปากกว้างน่าเกลียดทำไม” น้องเกี๊ยงพูดกวนขึ้นมาในขณะที่ผมเกือบจะหลับไปแล้ว
“กูนึกว่ามึงไม่รู้เสียอีกว่ากูนั่งอยู่นี่” ผมอดไม่ได้ต้องประชดมันไปมั่ง แล้วก็ขำตัวเองว่ากูมานั่งเป็นสากอยู่ทำไมวะนี่

น้องเกี๊ยงมันหัวเราะเหมือนเยาะแต่หน้ากลับไม่มีความสนุกอยู่เลย “ผมก็เห็นพี่ตลอดแหละ ทั้งที่พี่เห็นผมมั่ง ไม่เห็นมั่ง”  จะว่าน้องเกี๊ยงเมามันก็แค่เสียงที่อ้อแอ้ แต่ปากมันไม่ยักเมาไปด้วย พูดจายอกย้อนผมได้ตลอด
“กูไม่เห็นมึงตอนไหน กูไม่ได้ตาบอด” ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แต่ผมก็ยังอยากจะฟังมันเล่นสำนวนกับผมต่อไป
“ตาพี่มองเห็น แต่ผม...ไม่อยู่ในสายตาพี่” มันเอาขวดเหล้าที่หมดแล้วมาคว่ำแล้วเขย่าเหมือนจะให้เหล้าออกมาอีก ถ้ามันบิดขวดได้เหมือนบิดผ้าขี้ริ้ว มันคงทำไปแล้ว
“มึงรู้ได้ยังไง ว่ามึงไม่อยู่ในสายตากู” ผมดึงขวดเหล้าออกจากมือมัน “มึงจะเขย่าไปทำไม เห็นๆอยู่ว่ามันไม่มีแล้ว”
น้องเกี๊ยงถอนหายใจ “ผมมันคนรั้น ทั้งที่ตาเห็นว่าเป็นแบบนั้น แต่ผมก็มีความเชื่อว่ามันอาจจะไม่ใช่ ทุกอย่างมันอาจลวงตาผมก็ได้ ผมต้องลองด้วยตัวเองจนมันแน่นอนแล้วผมถึงจะถอย”

“มันก็บางเรื่องเท่านั้นแหละที่หลอกตาคน แต่เรื่องบางเรื่องถ้ามันไม่มี มันก็คือไม่มี ไม่ใช่ก็ไม่มีวันที่จะใช่”
“ผมไม่รู้ไงพี่ ผมไม่อยากเชื่ออะไรง่ายๆ” มันเอามือปิดหน้าตัวเองก่อนที่จะเลื่อนมือเสยผมขึ้น ตอนนี้หน้ามันเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยฤทธิของแอลกอฮอล์ ดวงตาหรี่ปรือ ที่มันยังพูดกับผมได้เป็นเรื่องเป็นราวก็บุญแล้ว
ผมพยักหน้า “กูรู้ แต่ตอนนี้กูอยากให้มึงเชื่อกูก่อน เลิกดื่ม กลับบ้านนอนดีกว่า วันนี้เราคงคุยอะไรกันไม่ได้แล้ว มึงดื่มไปเยอะขนาดนี้ กูขี้เกียจมาพูดใหม่อีกรอบ เอาไว้มึงมีสติครบกว่านี้ก่อน”
“โอเค กลาบก็กลาบ” น้องเกี๊ยงลุกขึ้นทำท่าจะเดินกลับ แต่ผมต้องดึงแขนมันไว้ถามไปก่อน
“นี่จ่ายไปแล้วเหรอ” น้องเกี๊ยงพยักหน้าทำหน้าทะเล้น “พวกพี่ๆเค้าจ่ายให้หมดแล้วว..กินฟรี้....หึหึ”
มันไม่ได้ขอให้ผมช่วยพยุง ผมก็เลยเดินตามมันไปห่างๆ มันก็เดินชนนู่นนี่ ชนคนไปตลอดทาง ผมก็เดินตามหลังขอโทษคนที่มันชนไปด้วย “ขอโทษครับ แทนน้องผมนะครับ”

เราออกมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู เกี๊ยงมันกวาดตามองเหมือนรอใครอยู่ แต่ผมมองตามสายตามันก็ไม่เห็นมีใคร “นี่มึงรอใคร เอารถมารับรึเปล่า”
“ผมมีรถที่ไหนล่ะพี่ ผมรอแท็กซี่ เมาไม่ขับอยู่แล้ว ไม่มีจะให้ขับด้วย ฮ่าๆ” ผมฟังแล้วก็รำคาญ ผมคว้ามือมันมาได้ก็ลากกึ่งประคองถูลู่ถูกังมันไปที่รถ “กูไปส่งเอง ไม่ต้องรอแล้ว”
น้องเกี๊ยงพยายามแกะมือผมออก “ไม่ต้องงง...ไม่ปายย...พี่เป็นแท็กซี่เหรอ พี่ฝันไม่เห็นบอกเลยว่าพี่มีอาชีพพิเศษด้วย พวกป้ายดำเหรอนี่ ฮ่าๆ ”
ผมตวาดมันกลับไปที “เออ มึงคิดซะว่ากูมารับจ๊อบแล้วกัน”
ผมยัดตัวมันไปนั่งข้างหลังแล้วปิดประตูแรงๆให้มันรู้บ้างว่าผมอดทนมากจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ ทำไมมันวุ่นวายยุ่งยากขนาดนี้ ถ้ามันเป็นน้องชายผมจริงๆ ผมไม่มัวมาใจเย็นอยู่แบบนี้หรอก  ผมคงตบเตะด่ามันไปแล้ว
ผมยังคาดเข็มขัดไม่เสร็จมันก็ยื่นหน้ามาจนใกล้ผม จนเกือบจะกระซิบที่หูผมอยู่แล้ว กลิ่นเหล้าระเหยออกมาจากลมหายใจของมันจนผมได้กลิ่น
 “พี่รังเกียจจนไม่อยากให้ผมไปนั่งหน้า ข้างๆพี่เลยเหรอ” ผมไม่แน่ใจว่านี่คือคำถามหรือมันคิดว่าผมเป็นแบบนั้น

ผมหันไปตอบมันอย่างระอา หน้าเราใกล้กันจนผมใจเต้นแรง “ก็มึงบอกกูเป็นแท็กซี่ กูให้มึงนั่งข้างหลังก็ถูกต้องแล้วนี่”
 เกี๊ยงมันหลับตานิ่ง หรือมันจะหลับไปแล้วก็เป็นได้  มันอาจจะไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูดเลย
 “กูถามมึงคำถามนึง กูฟังมึงพูดอะไรแปลกๆมานานแล้ว ” ผมเงียบไปเริ่มลังเลว่าควรจะพูดต่อดีรึเปล่า ผมกำลังจะล้ำเส้นมันมากจนเกินไป  แต่ผมไม่ชอบอะไรที่มันไม่ชัดเจน

“มึงมีปัญหาอะไรกับกูรึเปล่า?”
น้องเกี๊ยงเอียงคอทำหน้าเบลอๆ กะพริบตาปริบๆ เหมือนคิดอะไรอยู่ เปิดโอกาสให้ผมได้มองมันเต็มๆ ตา นี่เราใกล้กันเกินไปแล้ว มันย้อนถามผมสั้นๆว่า “เช่น?”
ไม่ต้องคิดนานผมตอบไปได้ทันที “เช่น...ไม่ชอบหน้ากู”

คราวนี้น้องเกี๊ยงหัวเราะเบาๆ ถอยหลังไปนอนกลิ้งไปมาอยู่หลังรถผม แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าสิ่งที่ผมพูดมันน่าหัวเราะเสียเต็มประดา  ผมออกรถอย่างหงุดหงิด ผมไม่เคยจัดการอะไรไม่ได้แม้แต่เรื่องเดียว แต่ทำไมเรื่องของน้องเกี๊ยงมันถึงก่อกวนทั้งตัวและใจของผมได้ขนาดนี้ ผมโมโหมันที่มันหัวเราะ เหมือนผมเป็นตัวตลก ผมไม่อยากพูดต่อแต่ก็จำใจต้องถาม “บ้านมึงอยู่ไหน?”
“กะ..กรุ...” เสียงพูดกลั้วเสียงหัวเราะยังพูดไม่จบ แต่ผมรีบขัดมันขึ้นมาก่อน
“มึงไม่ต้องมาร้องเพลงให้กูฟังเลยนะ กรุงเทพมหานครอะไรนั่น พอเลย”
“อ้าว...ก็พี่ถาม ผมก็จะบอกว่า ผมอยู่...กรุงเทพมหานคร อมร....”ผมก็ห้ามมันไม่ได้อยู่ดี เสียงร้องของมันยังดังต่อเนื่องไปตลอดทาง ผมส่ายหัวอย่างปลงๆ ก็รับอาสาพามันมาส่งแล้วนี่ทำยังไงได้ สุดท้ายผมก็ต้องพามันมานอนที่บ้านผมอีกครั้ง รถเลื่อนมาจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ผมลงไปเปิดประตูกำลังจะขับรถเข้า แต่เกี๊ยงมันก็ทะลึ่งเปิดประตูกระโดดลงจากรถผมอย่างไม่มีบอกกล่าวกันก่อน  ดีที่ผมเหยียบเบรกทัน มันก็เลยไม่ต้องหกล้มให้หน้าเสียโฉม ผมจอดรถแล้ววิ่งไปดึงแขนคนเมาที่สุดจะดื้อให้หันมาฟังผมบ้าง
“เชี่ย...เอ๊ย มึงจะบ้าเหรอวะ ลงมาทำไม เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาใครรับผิดชอบวะ” มันสะบัดมือผมออก หันมาพูดกวนประสาทผมอีกจนได้

“พี่ไม่ต้องรับผิดชอบผมหรอก ก็ผมสัญญากับพี่แล้วงาย...ว่าผมจะไม่มารบกวนพี่อีก”
*********************
 :n1:
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 27-02-2010 21:49:35
คนมีใจ กับคนยังไม่มีใจมันต่างกันแบบนี้นี่เอง

น้องเกี๊ยงน่าสงสารจริงๆ
สู้ๆนะน้องเกี๊ยง ตอนนี้พี่หนุ่ยมันยังซื่อและบื้ออยู่มาก

บวก 1 นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 27-02-2010 21:57:30
หุหุ  รอลุ้น
มาต่อเร็วๆน๊า
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: zingiber ที่ 27-02-2010 22:03:17
สงสารน้องเกี๊ยงจัง เมื่อไหร่พี่หนุ่ยจะรู้ใจตัวเองซะทีน๊า
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-02-2010 22:08:17
มาให้กำลังใจน้องเกี๊ยง

พี่หนุ่ยใจร้าย  :sad11:
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 27-02-2010 22:13:23
 แอร๊ยยยยยยยย อ้อยรีเทิร์นนนนนนนน  อารมณ์หมั่นไส้แบบไม่มีเหตุผล o12

นี่่ชียังตัดใจไม่ขาดอีกเหรอ หรืออะไรยังไง

พอบอกว่าน้องเกี๊ยงก็นั่งอยู่กับอ้อย  งงแดรกไปขั่วขณะ ไปรู้จักกันตอนไหนฟระ  พอระลึกชาติ เออ ใช่เค้ารู้จักกันนี่หว่า 555  อารมณ์หายไปนานจนลืม (งานรับปริญญา น้องเกี๊ยงยังไปถ่ายรูปให้อยู่เลย)

หนุ่ยนี่มาแนวเดียวกับฝัน(ตอนแรก)เลยเหอะ  เจ้าน้องเกี๊ยงก็เหมือนจะสื่อความรู้สึกกลาย ๆ  ทั้งเรื่องที่บอกว่า ไม่เคยอยู่ในสายตา ทั้งเรื่องที่แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็ยังอยากพิสูจน์ 
 

แต่ชอบฉากสุดท้าย ยังไงไม่รู้ 555 สะใจเล็ก ๆ :laugh: ที่น้องเกี๊ยงโดดลงจากรถ เพราะไม่อยากเข้าไปบ้านหนุ่ยอีก หึหึ

“พี่ไม่ต้องรับผิดชอบผมหรอก ก็ผมสัญญากับพี่แล้วงาย...ว่าผมจะไม่มารบกวนพี่อีก”
 :m4:
+1 
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 27-02-2010 22:58:10
 :เฮ้อ: น่าสงสารน้องเกี๊ยงจริงๆ

คนที่เรารัก เราก็อยากให้เค้านึกถึงเรา

มองเห็นเราอยู่ในสายตาเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร

เราก็มักจะนึกถึงเค้า แต่ตรงกันข้ามกับคนที่เค้า

ไม่มีใจให้ ทำอะไรให้ไปก็เท่านั้น  :z3:
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 27-02-2010 23:13:09
น่ารัก
ทำไมไม่คนแอบชอบผมแบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 28-02-2010 01:40:04
ก็วสงสารน้องเกี๊ยงนะ...แต่ก็ไม่เข้าใจน้องเกี๊ยงด้วย...สรุปว่านอกจากปัญหารักคุดแล้ว มีปัญหาอื่นรึเปล่า?

ยังเข้าข้างพี่หนุ่ยต่อไป หึหึ
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 28-02-2010 01:47:49
เกี๊ยงเอ้ยเมาหัวราน้ำเลย...ประชดประชันเก่งที่หนึ่งเลยอ่ะ
เฮ้อ จะน้อยใจทำไมกับคนที่มันไม่สนใจเราฟ่ะแต่ก็นะคนที่ไม่รู้มันก็ยังคือคนที่
ไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรของใครๆเค้าหรอก......เฮ้อบอกไปสิว่ารู้ยังไงเป็นยังไง
จะกลัวไปไยฟ่ะ
+1
หัวข้อ: Re: && จดหมายจากเพื่อนรัก && (27/02/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 01-03-2010 11:08:10
หนุ่ย กินชาดำเย็นมากไปรึเปล่าฮึ  :serius2:
เรื่องหัวใจคนอื่น (ใหญ่) มองเห็นทะลุปรุโปร่ง
เรื่องหัวใจตัวเองเป็นเส้นผมบังภูเขาไปซะงั้น
รอดูวันที่ไม่มีน้องเกี๊ยง
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 01-03-2010 17:18:49
ผมเริ่มทนไม่ไหวผมไม่เคยเจอเด็กดื้อให้ต้องมาปราบแบบนี้เลย ผมกระชากแขนลากมันให้เดินเข้าบ้านอีกครั้ง แต่มันก็ยังโวยวายสะบัดแขนไม่ยอม
“ไม่ปายย...ผมไม่เข้าบ้านพี่อีกแล้ว ในเมื่อเจ้าของเค้าไม่เต็มใจผมก็มีศักดิ์ศรีพอ ม่ายปายยย...เจ็บนะ”มันยังโวยวายไม่เลิกในขณะที่ผมเริ่มเหนื่อยกับมัน ผมพูดโดยยังไม่ปล่อยมือมัน
“ศักดิ์ศรีเหรอ ถ้ามึงไม่เข้าบ้านไปคุยกับกูให้รู้เรื่องคืนนี้ มึงก็ไปเลย เก็บเอาศักดิ์ศรีมึงกลับไปด้วย แล้วมึงกับกูก็ถือว่าพอกันที กูจะไม่ยุ่งกับมึงอีก ถือว่ากูไม่เคยรู้จักมึง ไอ้เตี้ย!”

 ไอ้เกี๊ยงมันหยุดดิ้นทันทียืนก้มหน้านิ่ง ยกมือขึ้นปาดหน้าเช็ดน้ำตาที่ร่วงลงมา ผมเห็นแล้วก็ต้องถอนหายใจ ผมตัดสินใจไม่รอฟังคำยินยอมจากมัน ลากมันเดินเข้าบ้านแล้วผลักมันลงนั่งที่โซฟาตัวเดิม ผมจัดการเอารถเข้าบ้านปิดประตูให้เรียบร้อยแล้วก็กลับเข้าบ้าน น้องเกี๊ยงสิ้นฤทธิ์นอนตะแคงบนโซฟาที่ผมมาเหวี่ยงมันเอาไว้ แต่คราวนี้ผมคงต้องปลุกมันมานั่งคุยกันให้รู้เรื่อง
“เตี้ย!...ไอ้เตี้ย!” เงียบ มันไม่มีที่ท่าว่าจะตื่นทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเหวี่ยงใส่ผมอยู่แท้ๆ มันเป็นคนที่นอนง่ายเท่าสุดเท่าที่ผมเคยรู้จักมา ผมลุกไปเอาผ้าชุบน้ำเย็น ชงกาแฟดำมาอีกครั้ง  “ทำไมกูต้องมาทำอะไรซ้ำๆแบบนี้ด้วยวะ”
ผมค่อยๆเดินเข้ามานั่งอยู่ต่อหน้ามัน บ่นกับตัวเองพร้อมส่ายหน้าไปด้วย “กูคงเป็นหนี้มึงชาติที่แล้ว”

 ผมเอาผ้าเย็นค่อยๆเช็ดหน้ามัน แรกๆน้องเกี๊ยงหันหน้าหนีผม ส่งเสียงอื้อๆอ้าๆ ผมต้องเอามือจับใบหน้ามันเอาไว้เห็นมันแล้วผมก็อ่อนใจ ต้องทำเสียงปรามมันไปอีกที แต่นุ่มนวลขึ้น “อยู่นิ่งๆสิ พี่จะได้เช็ดหน้าให้”
คราวนี้น้องเกี๊ยงหยุดหันหน้าหนีผม ผมถึงรู้ว่ามันไม่ได้หลับสนิท ผมเช็ดใบหน้ามันอย่างช้าๆแล้วพูดไปด้วย “ถ้ามึงมีเรื่องอะไรก็บอกพี่ได้ พี่ไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่ แต่ก็พอมีสติปัญญา ช่วยรับฟัง ช่วยเป็นที่ปรึกษาให้มึงได้” ผมเปลี่ยนมาเช็ดคอเช็ดแขนมัน ปากก็ยังสอนมันไปด้วย
“การดื่มเหล้ามันไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้หรอก พอเราสร่างเมา ไอ้ปัญหานั่นมันก็กลับมาวนเวียนอยู่ในใจเราได้อีก”

อยู่ๆน้องเกี๊ยงลืมตาขึ้นดวงตาแดงก่ำ มันจับมือผมไว้แน่น แล้วมองผมเศร้าๆ “ผมเศร้านะพี่ พอผมดื่ม ผมจะได้หลับ ผมหยุดคิดไม่ได้เลย มันอยู่ในนี้ตลอด” น้องเกี๊ยงเอามือทุบอกตัวเองแรงๆจนผมกลัวมันจะตายเพราะมือตัวเอง ผมต้องยึดมือมันเอาไว้
“พอแล้ว ทุบไปได้ ไม่เจ็บรึไง?”
“เจ็บสิพี่ เจ็บที่สุดเลย”
 น้ำเสียงสั่นๆของมันเหมือนเด็กที่หลงทาง เข้ามาอ้อนขอความช่วยเหลือ จนผมสงสารเอามือลูบหน้าลูบหัวมัน ผมถามด้วยเสียงนุ่มนวลไปว่า “อยากเล่ามั้ย”

น้องเกี๊ยงมันยิ้มกว้างแล้วคว้าเอามือผมไปกอดไว้ที่อก พยักหน้าเหมือนเด็กๆ“อื้อ อยากดื่มเหล้าอีก พี่ให้ผมดื่มได้เหรอ”
มันทำเอาผมต้องได้ดุมันอีกครั้ง ผมดึงมือออกจากอกมันแล้วตบหัวมันไปที ต้องขึ้นกูขึ้นมึงอีกจนได้ “กูหมายถึงอยากจะเล่าเรื่องให้กูฟังมั้ย ไม่ใช่ให้ไปดื่มเหล้าอีก ไอ้เตี้ยนี่มันเป็นยังไงวะ”
คราวนี้มันลุกขึ้นนั่ง ทำปากแบะ หน้างอเอามือคลำหัวป้อยๆ “ผมไม่รู้นี่ ก็พี่พูดไม่ชัดเอง”
ผมขยับตัวลุกขึ้นไปนั่งข้างๆมัน จะได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที พยายามสงบจิตใจพูดเข้าเรื่องอีกครั้ง “งั้นพี่ถามอีกที อยากจะเล่าอะไรให้พี่ฟังรึเปล่า”
 มันพยักหน้า บอกผมเสียงอ่อยๆ เอามือมาเกาะแขนเอาหัวมาอิงไหล่ผม “ผมกะมาหาพี่ตั้งแต่คราวก่อน แล้วพี่ก็ดุผม”
“แล้วมึงก็งอน เปิดตูดกลับไป ไอ้เตี้ยเอ๊ย ขี้งอนยังกับเด็กๆ” ผมเอามือขยี้หัวมันแรงๆ เผื่อขี้เลื่อยในหัวมันจะร่วงลงมาบ้าง มันสะบัดหัวหนีมือผม

“อื้อ ไม่ได้งอนนะ แต่กำลังเสียใจ ที่ใครๆก็ไม่รัก ก็เลยต่อมน้อยใจแตกเท่านั้นเอง” ยิ่งคุยไป ผมยิ่งรู้สึกเหมือนมันเป็นน้องคนเล็ก ที่ชอบอ้อน ชอบงอแง
“ตกลงมึงจะเริ่มเล่าให้พี่ฟังได้รึยัง นี่มันจะตีสองอยู่แล้ว กูเอ๊ย...พี่ง่วงแล้วเว้ย” น้องเกี๊ยงหัวเราะกิ๊ก ทำหน้าระรื่น จนผมตามอารมณ์มันไม่ทัน
“พี่หนุ่ยตามสบายเถอะ นึกเสียว่าพี่เป็นญาติผู้ใหญ่ อยากเรียกพี่ เรียกกู  แล้วแต่ชอบเลยพี่ ไม่ต้องเกรงใจ” ผมกำลังจะเอ็นดูมัน ก็ต้องเผลอด่ามันอีก “มึงนี่ชอบลาม”
“ไม่พี่ ผมชอบธรรมศาสตร์มากกว่า รามฯผมว่าไกลไป ผมไปไม่ถูก หึหึ”
ผมฟังมันพูดแล้วส่ายหัวอย่างจนปัญญา ผมคงไม่มีสมองหรือสติมานั่งโต้ตอบมันตอนตีสอง ยังไงก็เถียงสู้มันไม่ไหว ผมโบกมือให้มันหยุดพูด “มึงเล่าเรื่องมึงมาดีกว่า กูขี้เกียจปวดกบาลกับสำบัดสำนวนของมึงแล้ว”

คราวนี้มันหน้าสลดลงไปทันที  เงยหน้ามองผมด้วยน้ำเสียงอ่อนเศร้า ก่อนที่จะเริ่มพูดเรื่องของมัน
“พ่อกับแม่ผมจะหย่ากัน” ผมว่าปัญหานี้มันเป็นปัญหามนุษยชาติไปแล้ว ไม่มีอะไรใหม่ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องธรรมดา ตราบใดที่ไม่ใช่พ่อแม่ของเราเอง
“พ่อมีคนใหม่ หึหึ” เสียงหัวเราะของมันเหมือนเย้ยหยันชีวิต “ในอายุหกสิบกว่านะพี่ อยู่กับแม่ผมมาสามสิบกว่าปี พอจะเลิกกัน แม่ผมไม่มีอะไรดีเลย”
“แล้วแม่ว่าไง”
“แม่ก็ร้องไห้ทุกวัน ทุกคืน ขอร้องพ่อให้กลับมา แต่พ่อไม่แม้แต่จะรับสาย ผมสงสารแม่นะพี่” น้ำตามันไหลออกมาจนได้ครับ มันเอาหลังมือปาดหน้าตัวเอง เช็ดน้ำหูน้ำตาพัลวัน แต่ยังฝืนส่งยิ้มให้ผม “ขอผมร้องนะพี่ มันไม่ไหว”

คราวนี้มันชันเข่าขึ้นแล้วนั่งร้องไห้เหมือนวันนั้น วันที่มันมาหาผม เสียงสะอึกสะอื้นของมันไม่ดัง แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ใจผมเศร้าไปด้วย ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นคนอ่อนไหวขนาดนี้  ผมโอบไหล่มันแล้วรั้งตัวน้องเกี๊ยงเข้ามากอดปลอบ ตบไหล่มันเบาๆ
“พ่อเค้าก็คงเลือกทางของเค้าแล้ว โตๆกันหมด ไม่มีใครเลือกทางให้ใครได้หรอกเกี๊ยง”
มันพยายามตอบผมเสียงอู้อี้ น้ำตายังเต็มตา ไหลไม่หยุด  “ผมรู้พี่ แต่มันก็ยังเสียใจ เหมือนพ่อหมดรักเรา ปิดสวิทช์ความรักครอบครัว มันปิดกันง่ายๆเหมือนปิดไฟเลยเหรอพี่”
“ไม่ขนาดนั้นมั้ง พี่คิดว่าพ่อเค้าก็ยังคงรักลูกอยู่ แต่ตอนนี้เค้าก็คงไม่อยากเข้าหน้าทางนี้ เพราะเค้าเลือกทางใหม่ไปแล้ว เราต้องทำใจนะ”
ผมลูบหัวปลอบมันไปด้วย พยายามทำจิตใจให้เข้มแข็ง “เกี๊ยงมีพี่น้องรึเปล่า”
มันพยักหน้า “ผมมีพี่สาวอีกคนครับ”
“อืม...เกี๊ยงกับพี่สาวก็ต้องเป็นกำลังใจให้แม่ คอยอยู่เป็นเพื่อนปลอบใจเค้า บอกเค้าว่ายังไงเค้าก็ยังมีเรา มีลูกไม่ต้องกังวลใจ ไม่ต้องเสียใจไป”
“ผมอยู่กับแม่ไม่ไหวพี่ แม่ร้องไห้ทุกวัน ผมกลับไปบ้านผมก็หดหู่ พี่สาวก็เอาแต่ปิดประตูอยู่ในห้อง ทั้งบ้านมันมีแต่เสียงร้องไห้ ผมเครียดน่ะพี่ ไม่ไหวจริงๆ”

“แล้วเราจะหนีปัญหาไปแบบนี้เรื่อยๆเหรอ” ผมถามมันก็เหมือนถามตัวเองไปด้วย ถ้าผมเจอแบบนี้ผมควรทำยังไง
“ผมคิดอะไรไม่ออกจริงๆพี่ ถ้าผมยังอยู่ตรงนั้น ผมคงไปทำงานให้พี่ไม่ได้แน่ๆ ผมคงไม่มีสมาธิพอ”
“แล้วเราไม่ห่วงแม่เหรอ”
“ห่วงสิพี่ ผมไปหาแม่ทุกวัน ปลอบใจแม่ แต่ถ้าให้ผมอยู่กับแม่ทุกวัน ผมไม่ไหว มันมีแต่ภาพความสุขเดิมๆ มันหลอน”
ผมเอามือแปะหัวมันจับเขย่าแรงๆ “แม่เค้าก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ผ่านอะไรมาเยอะกว่าเรา อีกหน่อยเค้าก็ทำใจได้ แต่ยังไงเกี๊ยงก็ต้องคอยอยู่ข้างๆเค้า รู้มั้ย”
“ครับพี่ แต่ผมจะแก้ปัญหาเรื่องพ่อแม่อย่ากันได้ยังไงล่ะพี่” แววตาของมันเหมือนเด็ก ใสสว่าง ถ้าไม่มีรอยหม่นเศร้าเล็กๆ มันก็คงร่าเริงเหมือนเดิม
“ปัญหาทุกปัญหาที่คิดว่าเป็นของเรา บางทีมันก็อาจจะไม่ใช่ของเราก็ได้นะ อย่าเอาทุกเรื่องมาเป็นปัญหาของเราสิ พ่อแม่เค้าต้องแก้ปัญหานี้เอง ถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆเค้าก็ต้องเลิก”
“ผมจะพยายามคิดแบบนั้นนะพี่”

ผมยิ้มเมื่อมันว่าง่ายขึ้น ผมบีบไหล่มันแรงๆ อีกครั้งแล้วลุกขึ้นเหลือบดูเวลา “ตายห่า...ตีสาม มิน่ากูสอนมึงไปง่วงไป โว้วว...” ผมหาวขึ้นมาอีกครั้ง
 “ไปนอนได้แล้วไป แล้วมึงดื่มกาแฟนี่ด้วย กูชงมาให้มึงสองรอบแล้วนะ ไม่ดื่มอีกครั้งกูได้งอนมึงบ้าง”
น้องเกี๊ยงลุกขึ้นคราวนี้มันลามปามเอามือมาโอบไหล่ผม “ขอบคุณครับพี่ อย่างอนนะ ผมง้อไม่ไหวพี่แก่แล้วท่าจะง้อยาก”
ผมส่งตาเขียวไปให้มันยังไม่ทันอ้าปากด่า น้องเกี๊ยงท่าจะรู้รีบบอก “ ผมดื่มก็ด้าย...แต่มันเย็นแล้วนี่”
ผมเหล่มองหน้ามันอีกครั้งแล้วเหลือบไปที่แขนมันบนไหล่ผม มันคงรู้ตัวเลยค่อยๆปลดขนลง “แหะๆ  ดื่มแล้วคร๊าบบ”
น้องเกี๊ยงยกแก้วกาแฟดื่มแล้วหลับตาปี๋ ผมผละจากมันจะเดินขึ้นบ้านไปนอน “พี่หนุ่ยยย...”
ผมขมวดคิ้วหันไปถามมันหน้าดุ “มีอะไรอีก...กูง่วงแล้ว ปัญหามึงยังไม่หมดรึไง”
น้องเกี๊ยงเดินตามผมขึ้นมา เกาะแขนผมทำหน้ายิ้มประจบ ผมเบี่ยงแขนหนีมันก็ไม่ปล่อย
“ผมขอไปนอนข้างบนด้วยคนนะ นอนกับพื้นก็ได้ ไม่อยากนอนคนเดียวอะ” ถ้าผมไม่ยอมมันจะฟังผมมั้ย ผมก็คงต้องต่อล้อต่อเถียงกับมันต่อไปจนเช้าแน่ๆ ผมสะบัดแขนมันแล้วบอกว่า

“จะนอนก็รีบขึ้นมา นอนพื้นนะกูชอบนอนคนเดียว ”
“คร๊าบบบ...” มันไม่พูดเปล่าเอาหัวมาถูไถไหล่ผมอีก ถ้ามันเลียแขนเลียมือผมได้มันคงทำแล้ว จนผมต้องว่ามัน “มึงนี่เป็นหมาเป็นแมวรึไง ชอบมาไซ้กู ปล่อย!”
“พี่อะ แค่นี้ก็ไม่ได้”
ผมเดินนำมันเข้าห้องนอนไป ผมถอดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นเตียงนอน ในขณะที่มันยืนเก้ๆกังๆเหมือนไม่รู้จะนอนตรงไหน ผมเลยโยนหมอนให้มันใบหนึ่ง แถมด้วยผ้าห่มผืนบาง “นอนซะ”
น้องเกี๊ยงล้มตัวลงนอนข้างๆเตียงผมนั่นเอง ผมนอนตะแคงหันหลังให้มันแล้วหลับตา
น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้ผมหาวแล้วหาวอีก แต่พอจะนอนเข้าจริงๆกลับข่มตาให้หลับไม่ลง คงเหมือนอีกคนที่นอนอยู่ไม่ไกลจากผม ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาหลายครั้งดังขึ้นมาในความเงียบ ก่อนเสียงเรียกเบาๆของมันจะทำให้ผมไม่ได้หลับจนได้ “พี่หนุ่ย...หลับรึยัง”
“หืม...มีอะไร”
“พี่เชื่อมั้ย  ผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยนะ”
“อืม...”
“ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับผม มันช็อกน่ะพี่”

“อืม...” ผมพลิกตัวหันมาข้างที่มันนอนอยู่ ความมืดทำให้ผมไม่เห็นอะไรชัด แต่เมื่อใช้เวลาไม่นานผมก็เห็นแสงแวววาวจากสายตาของมันมองผมจากในความมืด
 “มึงโตแล้วนะ มีเรื่องอีกมากที่ต้องเจอ แล้วมึงจะรู้ว่า ไม่ว่าเรื่องไหน สุดท้ายแล้วมันก็จะจบลง”
“ครับพี่”
“ตอนนี้มึงก็เหมือนอยู่ในความมืด หาแสงสว่างไม่เจอ แต่มึงลองมองไปนานๆ เดี๋ยวมึงก็จะเห็นทุกอย่างชัดขึ้นเอง”
เสียงมันผ่อนลมหายใจเบาๆ “ผมไม่ชอบเลยพี่ มันมืดจนผมกลัว”
“มึงจะกลัวอะไร มีมืดก็มีสว่าง มีกลางคืนก็มีเช้า ชีวิตมันก็แบบนี้” น้องเกี๊ยงขยับตัวลุกมานั่ง มันเข้ามาที่เตียงผมเอามือมาเท้าคางมองหน้าผมในความมืด มันกะพริบตาถี่ๆ พูดเสียงอ่อนเบาเหมือนกลัวๆกล้าๆ
“ในความมืด พี่หนุ่ยจะคอยนำแสงสว่างมาให้ผมได้มั้ย ผมไม่รู้จะหันไปหาใคร” ผมสงสารมันเหมือนสงสารตัวเอง มันก็เดียวดายเหมือนบางครั้งที่ผมเป็น ผมเอื้อมมือไปลูบหัวมัน
“ไอ้เตี้ยเอ๊ย   พี่เองยังเอาตัวรอดไปวันๆ จะไปหาแสงสว่างที่ไหนมาให้มึง พี่ไม่ใช่หิ่งห้อยนะจะได้มีแสงในตัว”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงพี่ก็เป็นหิ่งห้อยให้ผม พี่เริ่มแล้วนะ พี่ก็ต้องสานต่อ” มันพูดแล้วก็ยิ้ม ตาเป็นประกายแวววาว ทำลอยหน้าลอยตาให้ผม

มือที่กำลังลูบหัวมันหยุดนิ่งไปอย่างไม่เข้าใจ “กูไปเริ่มอะไร เริ่มตรงไหน”
“พี่เริ่มเข้ามาในชีวิตผมแล้ว ไม่ใช่แค่เมียงๆมองๆอยู่ข้างนอก เข้าแล้วก็ต้องอยู่ไปให้ตลอด ผมไม่ให้พี่เปลี่ยนใจทิ้งกันไปได้หรอก” มันกับผมมองหน้ากันนิ่ง ผมก้าวข้ามเส้นไปแล้วจริงๆ
เอาแล้วไง ผมพึมพำกับตัวเอง “ซวยแล้วสิกู” ผมหันหลังให้มันทันที “ไม่เอาแล้วเว้ย กูจะนอน”
น้องเกี๊ยงยังคงสะกิดหลังผม หัวเราะหึหึ “สัญญาแล้วน้าพี่หนุ่ย”
“อื้อ...ไม่สัญญา นอนๆๆ” ผมเบี่ยงตัวหนีมัน
ได้ยินเสียงมันพูดกับตัวเองกลั้วเสียงหัวเราะ “สัญญาสิ สัญญา”
************************
ขอบคุณที่ยังอ่านกันอยู่นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 01-03-2010 18:17:01
เด็กน้อยขาดความอบอุ่นขาดที่พึ่ง เล่นอะไรเป็ฯเด็กๆอย่างที่สุด
เข้ามาในใจแล้วห้ามอิพี่หนุ่ยไปไหนชิมิลูก.....น่ารักกกกกกกก
คนเรานี่ดูกันแต่ภายนอกไม่ได้เลยนะเนี่ย ปากหมา ร่าเริงเหมือนจะไม่มี
ความทุกข์ร้อนอะไรแต่...แค่เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ข้างในคนเดียวอ่ะนะ
ลูกผู้ชายจะ้ร้องไห้ให้พี่สาวให้แม่เห็ฯได้ยังกัน เฮ้อ
+1 คะ
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 01-03-2010 20:16:30
 :sad4:

สงสารน้องเกี๊ยงอ่า
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 01-03-2010 21:07:34
โห...น้องเกี๊ยง มีปัญหาครอบครัว...ดูซึมผิดฟอร์มไปเลย (แต่ก็ยังกวนอยู่)

ส่วนพี่หนุ่ย ตอนนี้กลับมาท๊อบฟอร์ม เป็นพี่หนุ่ยที่คอยให้คำแนะนำ รับฟังปัญหาเช่นเคย ....ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-03-2010 21:34:11
เด็กน้อยกำลังอ่อนแอเดินอยู่ในความมืดมนหาแสงสว่างไม่เจอ พี่หนุ่ยไม่เห็นใจเด็กมันมั้งเหรอ   :m13:  :m13:
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 01-03-2010 22:49:33
น้องเกี๊ยงน่าสงสารอ่ะ
ตอนนี้พี่หนุ่ยค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย 
ขอบคุณที่มาต่อค่า
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 01-03-2010 23:38:25
หลังจากฉุดกระชากลากถู  ดีนะยังคุยกันได้

สรุปน้องมีปัญหาครอบครัวนี่เอง เฮ้ออออออ สงสาร

อิพี่หนุ่ย คะแนนบวกขึ้นมานิดนุง  555

+1  น้องเกี๊ยงขี้อ้อนนนนนนน  ลัลล้าาาาาาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: McDeliVery ที่ 02-03-2010 01:04:46
ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวัน สอบซะนาน


พอเข้ามาก็เจอช็อตเด็ดเลย


 :o8:


คิดถึงไรเตอร์นะค๊าบบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 02-03-2010 21:29:27
พี่หนุ่ยนิสัยดี
พี่หนุ่ยมีน้ำใจ
พี่หนุ่ยเข้ามาในชีิวิตน้องเกี๊ยงแล้ว ต้องอยู่ช่วยน้องไปตลอดสิ
น้องมีปัญหาชีวิต เข้าใจใช่มั้ย  :monkeysad:

บวกอีก 1 แต้ม ขอบคุณมากนะคะ
จะตามอ่านต่อไปเรื่อยๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 03-03-2010 21:31:13
 :z2: ยังอ่านอยู่สิค้าบ เรื่องออกจะน่าติดตามขนาดนี้

พี่หนุ่ย กะน้องเกี๊ยง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ∷ 『 จดหมายจากเพื่อนรัก 』 ∷ (1/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 03-03-2010 21:42:11
 :oni1:  วิ่งมารอ อิพี่หนุ่ย กะ น้องเก๊๊ยงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ¤º° จดหมายจากเพื่อนรัก °º¤(4/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 04-03-2010 19:37:38
มาติดตามคู่เจ้าปัญหากันต่อค่ะ :z2:
*******************
หลังจากคืนนั้นน้องเกี๊ยงมันก็มาพัวๆ พันๆ กับผมตลอด แต่ดูท่าทางมันจะผ่อนคลายมากขึ้น กลับมากวนตีนผมได้ต่อ  มันไม่ได้พูดเรื่องที่บ้านอีก ผมก็เลยไม่ถาม ถ้ามันมีอะไรมันก็คงบอกผมเอง ผมยังคงรักษาระดับความห่างกับมันเท่าเดิม แต่มันเองกลับก้าวเข้ามาในกรอบของผมเพิ่มมากขึ้นไปโดยที่ผมไม่รู้ตัว ทั้งที่มันบอกว่าผมเองที่เข้าไปในชีวิตมัน ตอนนี้เลยเหมือนต่างคนต่างแทรกเข้าไปในช่องว่างของกันและกัน

“โหล...พี่หนุ่ยงานผมเสร็จแล้วนะ วันนี้จะเอาไปให้ดูที่บ้านนะ เจอกันสองทุ่ม”
“เฮ้ย...”
ผมยังไม่ทันตอบมันไปว่าผมว่างรึเปล่า มันก็วางสายไปเสียก่อน ผมไม่มีเวลามาคิดว่าผมจะเจอมันได้ไหมในเวลานั้น ได้แต่ทำงานของผมต่อไปเรื่อยๆ จนบ่ายสามบอสมาบอกว่ามีลูกค้าต่างประเทศวอร์คอินเข้ามาดูสินค้า
การประชุมคุยงานกับลูกค้ายืดเยื้อกว่าที่คิด เพราะต้องสรุปให้เสร็จภายในวันนี้ ผมต้องพาลูกค้าไปดูงานที่โรงงานบางพลี แล้วพาลูกค้าไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ำนั้นเลย ผมหิวจนแสบท้องเลยแวะกินข้าวที่หน้าปากซอยก่อนเข้าบ้าน  กว่าจะได้กลับถึงบ้านก็สามทุ่มกว่า พอมาถึงบ้านผมถึงนึกขึ้นมาได้ว่ามีไอ้เด็กดื้อมันบอกว่าจะมาหาผมที่บ้านตอนสองทุ่ม ตอนนี้ไอ้เด็กดื้อนั่นนั่งหลับอยู่หน้าประตู...ที่เดิมที่มันเคยนอน

ผมจอดรถเรียบร้อยแล้วเดินออกมาดูน้องเกี๊ยงที่หน้าบ้าน เอานิ้วจิ้มมันเบาๆมันก็ยังไม่รู้สึกตัว
“หลับง่ายจริงเลยนะ ไอ้เตี้ย”
“เตี้ย! ตื่นดิ”
 ผมก้มตัวลงเรียกมันเสียงดังๆ มันก็ยังหลับแถมขยับปากเคี้ยวจับๆอีกเหมือนเคย ดูแล้วก็ยิ่งเหมือนเด็กในร่างผู้ใหญ่ ผมเอามือแปะบนหัวมันแล้วจับโยกไปมา “ตื่นๆๆๆๆ ไอ้เตี้ยหมาตื่น”
“อื้อ....อะไรอ่า” น้องเกี๊ยงมันสะบัดหัวหนีมือผม แหงนหน้าขึ้นมามองแล้วหาวปากกว้าง ยังดีที่มันยอมตื่น ถ้ายังไม่ตื่นอีกผมคงต้องเรียกรถปอเต็กตึ๊งมารับศพมันแล้ว
“หูย...พี่หนุ่ยมาช้าอะ แก่แล้วก็งี้” น้องเกี๊ยงมันโวยใส่ผม ลุกขึ้นยืนสะบัดแข้งขา แล้วชูมือขยับเอี้ยวตัวเป็นเกลียวบิดขี้เกียจ
“ก็กูติดงาน แล้วนี่มานานแล้วรึยัง” มันหลับตาพยักหน้าเหมือนยังง่วงๆอยู่ แต่ก็ยังไม่วายบ่น
“นานดิ ก็บอกพี่ไปแล้วว่าจะมาสองทุ่ม แล้วดูดิ๊มาตอนนี้ ไม่ตรงต่อเวลาเลย เป็นผู้ใหญ่ยังไงกัน” มันย่นหน้าใส่ผม คงนึกว่าตัวเองเป็นหมาปักกิ่ง

“ก็มึงโทรมา กูยังไม่ทันบอกเลยว่าว่างรึเปล่า ก็รีบร้อนวางสายไป วันหลังหัดฟังคนอื่นมั่ง นี่ว่าจะไม่ด่าแล้วนะ” ผมอดไม่ได้ต้องกอดอกยืนดุมันอยู่หน้าบ้าน  แต่ผมไม่รู ้ว่ามันจะรู้สึกรู้สารึเปล่า น้องเกี๊ยงยกมือไหว้ผมเหนือศีรษะสูงเหมือนอย่างกับจะไหว้เจ้า ไม่บอกก็รู้ว่ามันประชด
“สาธุ...ไม่ด่าเลยนะพี่ โอเคร เคร ผมผิดเอง กระผมมันไม่มีมารยาทเอง วันหลังผมจะรอพี่ตอบรับก่อน ใช่มะ ที่ต้องการ” คราวนี้มันหน้างอเลยครับ
“พอๆๆเลย กูขี้เกียจเถียงกับมึง เหนื่อย” ผมทำใจไม่โกรธที่มันกวนตีนผม ออกจะเห็นใจที่มันคงมารอนาน ผมโอบไหล่มันแล้วดึงตัวเข้าบ้าน
“กูก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ติดงานด่วนจริงๆ ที่จริงเอางานไปให้ดูที่ทำงานก็ได้นะ ไม่ต้องมาถึงบ้านหรอก” พอผมพูดดีด้วย น้ำเสียงมันก็ร่าเริงขึ้นมาเหมือนกัน
“อยากให้พี่เห็นฝีมือผมไง มันตื่นเต้น อยากรู้ว่าต้องแก้อะไรรึเปล่าด้วย อยู่ที่ทำงานก็ไม่ค่อยมีเวลาคุยกัน”

เราเดินตามกันเข้ามาในบ้าน วันนี้คงเป็นวันแรกที่มันเดินมาดีๆ สติครบไม่ต้องให้ผมประคองมา “นั่งก่อน กินอะไรมายัง” น้องเกี๊ยงยังไม่ทันตอบผมเสียงท้องของมันก็ร้องดังจนผมรู้ว่ามันคงหิวมาก มันหัวเราะแหะๆ เกาหัวแกรกๆ
“ไม่ได้กินอะไรมาเลย ไส้จะขาดแล้ว”
“บ้านพี่ไม่มีอะไรกินซะด้วยสิ มีแต่นม เอาปะ” ผมหันไปจะไปถามมัน แต่ปรากฏว่ามันมายืนส่องตู้เย็นอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  ผมเลยหันมาชนตัวมันอย่างไม่ตั้งใจ
 “เอ๊า มายืนเงียบๆ” ผมออกจะอึดอัดในความใกล้ชิดเลยเดินขยับตัวหลีกออกไปหยิบแก้ว  น้องเกี๊ยงจับแขนผมไว้ทั้งสองข้าง
  “ผมไม่ชอบดื่มนม แต่ถ้านมผสมเหล้าเอา หุหุ” ผมยกมะเหงกเขกหัวมันไปที
“ให้มันเป็นเวล่ำเวลามั่ง เหล้าน่ะดื่มไปมากๆ จะไม่ได้ตายตอนแก่นะเว้ย ถ้าไม่เอานมก็ไม่มีอะไรให้กินนะ”
มันทำหน้ามุ่ยบ่นกะปอดกะแปด “ดื่มก็ดื่ม ทำไมพี่ไม่เคยมีทางเลือกให้ผมเลย คราวก่อนก็ให้ดื่มกาแฟขมๆ คราวนี้ก็ให้ดื่มนมอีก เฮ้อ เป็นนักโภชนาการด้วยรึไง”

ผมยื่นแก้วนมให้มันก่อนที่จะบอกมันว่า “ไอ้เตี้ย เลิกบ่น จะกินนมอย่างเดียว หรือจะกินกำปั้นด้วยเป็นกับแกล้ม ปากดีนักนะมึง”
มันดื่มนมไปก็รื้องานให้ผมดูไปด้วย แต่ผมยังไม่อยากดู “พี่ไปอาบน้ำก่อนได้มั้ยวะ เหนียวตัวมากเลย รอแป๊ปนะ”
“หูยพี่ อะไรอะ คนเค้ามารอตั้งนานยังมาลีลาอีก เกิดจะมารักษาความสะอาดเป็นคุณหนูอนามัยอีกแล้ว...”
ผมฟังแล้วไม่พูดอะไรแต่กอดอกมองหน้ามันนิ่ง   คราวนี้น้องเกี๊ยงมันหุบปากสนิทเลยครับ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงตะกุกตะกัก จนเกือบจะสั่น พูดด้วยกับผมแต่ก็หลบตาไม่ยอมมองตรงๆ
“เอ่อ...ผะ...ผมรอเองพี่ รอมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว จะรออีกสักแป๊ปก็คงไม่เป็นไรเนอะ ยังไงผมก็ไม่ละลาย แหะๆ”
แล้วมันก็รีบหันหลังหนีผมเลยครับ ผมถึงปลีกตัวไปอาบน้ำได้ อาบน้ำไปผมนึกมาได้ว่า ตั้งแต่ผมมาซื้อบ้านหลังนี้ มีก็แต่มันที่มาป้วนเปี้ยนในบ้านผม แม้แต่ไอ้ฝันที่ว่าสนิทกันมันกลับไม่เคยมาบ้านผมสักครั้ง มันเป็นคนแรกที่มาค้างบ้านผม มันเป็นคนแรกที่เข้ามาหาผมอย่างจริงจัง  ผมเป็นคนสนุกเข้ากับคนง่ายก็จริง แต่น้อยคนนักที่จะมาข้องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของผม ผมอาบน้ำเพลินไปหน่อยพอลงมาข้างล่างน้องเกี๊ยงนอนหลับยาวไปแล้ว นมที่มันบอกว่าไม่ชอบกลับดื่มจนหมดขวดทั้งที่ผมเทให้มันเพียงแก้วเดียว รอยนมยังติดเป็นเขี้ยวอยู่ที่แก้มมันดูแล้วยังไงๆมันก็ยังเด็ก

ผมเข้าไปเขย่าตัวมันปลุกให้มันตื่น “เกี๊ยงตื่นๆ” แต่มันกลับพลิกตัวหนีผมมันคงจะเพลียจริงๆ
ผมตัดสินใจนั่งกับพื้นหันหลังพิงโซฟาที่มันนอนเอางานมานั่งดูเองเงียบๆ งานทั้งหมดกว่ายี่สิบห้าชิ้นผมนั่งพิจารณาทีละอัน  ใช้เวลาไปไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง งานที่มันทำจัดว่าใช้ได้กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นมีที่ต้องแก้อีกนิดหน่อย แต่ก็นับว่าไม่มากสำหรับการร่วมงานครั้งแรกของเรา ผมดูรูปเสร็จต้องบิดเนื้อตัวด้วยความเมื่อย ดูเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วออกจะง่วงอยู่นิดหน่อย ผมกำลังจะลุกไปนอน
“งานผมใช้ได้มั้ยพี่” เสียงเบาๆของมันที่ข้างหูกับน้ำหนักมือมันที่นวดที่ไหล่ผมทำเอาผมสะดุ้ง ยังดีที่ไม่ร้องโวยวายออกมา ตัวเย็นเฉียบไปหมด ตกใจจนต้องผ่อนลมหายใจออกมา พอตั้งสติได้แล้วก็อยากจะทุบมันต้องโวยออกไป
“ไอ้เตี้ย! ทำกูหัวใจจะวาย จะตื่นทำไมไม่บอก เฮ้อ” น้องเกี๊ยงมันหัวเราะขำ กลิ้งตัวไปมา กดท้องเอาไว้ด้วย ไม่รู้ขำอะไรนักหนา
“แค่นี้ก็ต้องตกใจด้วย ฮ่าๆ พี่หนุ่ยพูดอะไรแปลกๆ ถ้าผมจะตื่นก็แสดงว่ายังไม่ตื่น แล้วผมจะบอกพี่ได้ไงล่ะ”
ผมส่ายหัว ก็จริงของมัน มันยื่นหน้ามาข้างหูผมแล้วพูด “งานผมเยี่ยมเลยใช่มั้ยล่ะ ช่างภาพหนุ่มไฟแรงก็งี้ อะไรๆก็บรรเจิดดด”  มันทำเสียงห้าว กร่าง ภูมิใจในงานของตัวเองเหลือเกิน

“ไอ้คนหลงตัวเอง มึงมาดูนี่ มีงานต้องไปแก้” คราวนี้มันเลื้อยห้อยหัวลงมาชะโงกอยู่ตรงหน้าผม โดยเอามือยึดไว้ที่ไหล่ผมทั้งสองข้าง
“ไหนๆ มีได้ไงวะ ผมว่าผมดูดีแล้วนะ”
ผมหันหน้าไปมองมัน หน้ามันอยู่ใกล้ผมจนแทบจะแนบแก้มกันอยู่แล้ว เรานิ่งกันไปทั้งคู่เหมือนตกใจในความชิดใกล้ๆ แต่เหมือนผมจะรู้ตัวก่อน เอามือดันหน้ามันออกไป
“นี่มึงจะนั่งดีๆให้เป็นผู้เป็นคนหน่อยได้มั้ย เลื้อยยังกับงู ทำอะไรเป็นเล่นไปหมด” มันหัวเราะร่วน ก่อนจะเลื่อนไถลตัวลงมานั่งข้างๆผม แล้วคว้างานในมือผมไปดู
“รูปไหนพี่  ตรงไหนที่ผมต้องแก้”
 เรานั่งดูงานกันอยู่ตรงนั้น ค่อยๆดูแต่ละภาพ ผมในฐานะเจ้าของงานชี้จุดที่คิดว่าที่ประชุมจะต้องให้แก้ไขให้มันเห็น เกี๊ยงเองก็ดูตั้งอกตั้งใจที่จะรับไปแก้ไขให้งานดีขึ้น  เราคุยกันจนเพลินกว่าจะรู้ตัวก็ตีสองกว่า ผมคุยไปก็เริ่มง่วงจนโงก น้องเกี๊ยงยังนั่งแก้งานจากคอม ผมต้องเขย่าตัวเรียกมัน
“พี่ไปนอนก่อนนะ ถ้าจะนอนนี่เสร็จแล้วก็ตามขึ้นไปแล้วกัน”
ผมบอกมันแล้วผมก็ขึ้นไปนอน ผมไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกอีกต่อไปหากมันจะมานอนที่บ้านผม

 จากวันนั้นมาน้องเกี๊ยงก็มานอนค้างที่บ้านผมบ่อยๆ ทั้งที่บางทีก็ไม่ได้ทำงานให้ผมแต่มันกลับเอางานอื่นมานั่งทำ แถมยังมาถามความเห็นผมเรื่องงานเรื่อยๆ  แรกๆ ผมก็ด่ามันที่มายึดเอาบ้านผมที่ทำงานสำรองของมัน มันก็บอกแต่ว่า
“พี่เป็นหิ่งห้อยของผม แค่มาขอใช้สถานที่แค่นี้อย่าทำเป็นบ่น”
พอผมด่ามันไปอีกมันก็กวนประสาทไม่เลิก จนผมรำคาญ “มึงอยากจะทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าลืมแล้วกันว่ากูเป็นเจ้าของบ้าน”
 ฝันไปเถอะที่จะให้ผมพูดว่านึกเสียว่าเป็นบ้านของตัวเอง แค่นี้มันก็ตามสบายซะเคยตัวถ้าผมไปให้ท้ายมันอีก มีหวังอีกหน่อยมันต้องมายึดเตียงผมแน่ๆ ยังไงๆที่นอนของมันก็ยังคงเป็นที่เดิมคือข้างเตียงผม แต่มันก็มานอนบ่อยจนผมต้องไปหาซื้อที่นอนสำเร็จแบบปูกับพื้นไว้ให้มัน น้องเกี๊ยงไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องพ่อแม่อีก ผมหวังว่าเรื่องคงจะเรียบร้อยดี ผมเองก็ลืมไปเสียสนิท จนวันหนึ่งที่ผมกลับบ้านมานานแล้ว น้องเกี๊ยงก็โทรเข้ามาด้วยเสียงแหบแห้ง

“พี่หนุ่ยมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ ที่เดิมนะ” มันไม่วางสายไปก่อนอีกเพราะผมเคยด่ามันหลายครั้งว่าเสียมารยาท
“ไปกินเหล้าทำไม พรุ่งนี้มีงานไม่ใช่เหรอ” ผมจำได้ มันบอกผมว่ามันได้งานใหม่พรุ่งนี้ต้องไปรับงาน
“มาฉลองไงพี่ พ่อกับแม่เค้าแยกกันถาวรแล้ว พี่มาเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ ผมไม่อยากนั่งคนเดียว”เสียงหงอยๆของมันเงียบไปได้ยินแต่เสียงถอนหายใจ ก่อนที่มันจะพูดมาอีกครั้ง “รอพี่นะ”   
เจอเสียงแบบนี้เข้าไปผมจะไม่ไปได้ยังไงครับ ผมคงทิ้งมันไปไม่ได้อย่างที่มันว่าจริงๆ  คงต้องสานต่อกันไป

ตอนที่ผมเข้าไปมันก็คงดื่มไปแล้วพอควรครับ น้องเกี๊ยงนั่งอยู่เพียงคนเดียว ผู้คนเต้นรำเสียงคุยครึกครื้นของผู้คนเสียงเพลงสนุกสนานที่ดังอยู่รอบๆ กายดูไม่เข้ากับสภาพของมันตอนนี้เลย ถ้าใครไม่รู้จักมันก็คงมองว่าผู้ชายคนนี้คงกำลังอกหักอยู่ พอผมไปนั่งมันก็ส่งแก้วเหล้าให้ผม ผมส่ายหน้าไม่ยอมรับมันก็ยัดใส่มือพร้อมกับพูดว่า
“ฉลองกันหน่อยพี่... อย่างที่พี่เคยบอกผมจริงๆ ทุกเรื่องมันต้องจบ ตอนนี้มันจบแล้วพี่ เหมือนหนังอินเดีย กว่าจะจบเล่นเอาเหนื่อย เสียน้ำตากันเป็นปี๊ปๆ แต่มันก็จบแล้วจริงๆพี่ ไม่ต้องหนื่อยวิ่งรอบต้นไม้ วิ่งขึ้นเขากันอีก หึหึ ”
จบคำพูดน้ำตามันก็ไหลพอดี ผมนึกว่ามันทำใจได้แล้ว เล่นใส่มุกมาเต็มที่ แต่เอาเข้าจริงคงสะเทือนใจมันไม่น้อยเลย  น้องเกี๊ยงยิ้มให้ผมเอามือปาดน้ำตาแรงๆ จนผมกลัวตามันจะช้ำ
“น่าอายพี่จริงๆ  ผมร้องไห้ให้พี่ดูมากี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้  ผมนี่มันไม่ไหวจริงๆเลยเนอะพี่ อ่อนแอชิ...หาย”  ว่าแล้วมันก็ยิ้มเยาะตัวเองก่อนกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร กูเริ่มชินกับภาพมึงร้องไห้แล้ว ”   
“แล้วแม่กับพี่สาวเป็นไงมั่ง”ผมก็ยังสงสัยอยู่ขนาดน้องชายยังเสียใจขนาดนี้ แล้วพี่สาวกับแม่จะไหวเหรอ
“พี่สาวผมก็ยังเศร้าอยู่ แต่เค้ามีแฟนปลอบ ส่วนแม่ หลังๆเพื่อนเค้ามาชวนไปเที่ยวที่นู่นที่นี่ เค้าก็เริ่มสนุก เพราะแต่ก่อนแม่ไม่ไปไหนเลย ต้องอยู่ที่บ้านตลอด” ผมพยักหน้ารับรู้ความเป็นไป ดูๆทุกคนรับกับปัญหาได้ดีกว่าที่คิด
“แล้วมึงล่ะ จะเลิกร้องไห้ได้รึยัง ลูกผู้ชายนะ ต้องเป็นหลักของครอบครัว” ผมตบไหล่มันเบาๆให้กำลังใจ
“ดูแล้วก็ไม่น่าเชื่อนะ กูคิดว่าคนอย่างมึงน่าจะเสียใจเรื่องผู้หญิง เรื่องแฟนมากกว่า”
น้องเกี๊ยงหัวเราะทั้งที่น้ำตายังติดอยู่ที่หางตามัน “ผมไม่มีแฟนจะไปกลุ้มเรื่องนั้นทำไมล่ะพี่”
“ทำไมมึงไม่หาแฟน มึงจะได้มีเพื่อน ไม่เหงา” ไม่ต้องมาติดอยู่กับกู ผมอยากจะบอกแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
น้องเกี๊ยงส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ทำไมผมไม่รักใคร” คนวัยรุ่นอย่างมันเจอผู้คนมากมาย หน้าตาก็ไม่ขี้ริ้ว ถ้าไม่เลือกมากก็ต้องมีอะไรสักอย่าง

“ไม่มีคนที่ชอบๆบ้างเหรอ” น้องเกี๊ยงมองหน้าผมทำหน้ายู่ยี่ แล้วนิ่งเงียบไปเหมือนคิด
 “ไม่มี พี่จะมาถามทำไม พี่แก่กว่าผมจนจะเป็นลุงได้อยู่แล้ว ยังโสดสลดเลย ผมก็อยู่เป็นเพื่อนพี่ไง ไม่ดีเหรอ”
“ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกูเลย เป็นน้องก็ดีแล้ว มึงมีแฟนได้มีไปเลย  ไม่ต้องมารอ” ผมอยากให้มันมีเพื่อนคู่คิดจะดีกว่า
“พอเลยพี่ แล้วทำไมพี่ไม่ดื่ม แก่แล้วก็ยังดื่มได้ เค้ากำหนดอายุแค่ขั้นต่ำ ไม่กำหนดที่หน้าตา หึหึ”   
ผมเอื้อมมือไปตบหัวมันทีก่อนจะด่า “มึงนี่ ขนาดเศร้าๆหมายังเต็มปาก ปล่อยๆออกไปมั่ง เก็บไว้เยอะขนาดนั้น ยาก็ไม่ฉีดระวังจะเป็นบ้า”
“โอ๊ย!...พี่หนุ่ยอะ เจ็บนะ ชอบเล่นแรงๆ เดี๋ยวผมโง่ขึ้นมาทำงานไม่ได้ให้ใครเลี้ยงล่ะ”
“ให้พี่มึงเลี้ยงดิ ไอ้ฝันน่ะ เออลืมไป น่าจะเรียกมันมา ไม่เจอกันมาหลายเดือนแล้ว”
“เอาสิพี่ ผมก็คิดถึง”

ผมกดโทรศัพท์หาไอ้ฝัน “โหลว่าไงไอ้หนุ่ย โทรมาดึกนะมึง” เสียงไอ้ฝันงัวเงียรับสาย
“ไม่ว่าไง มาดื่มกัน น้องมึงก็อยู่นี่”
“น้องไหนวะน้องกู กูมีแต่พี่ น้องไม่มี พ่อกูมีเมียเดียว ลูกสอง” เสียงมันหัวเราะมาดังๆ
“แม่ง...กวนตีนโคลนนิ่งกันมาเลย ทั้งพี่ทั้งน้อง น้องเกี๊ยงของมึงไง ” น้องเกี๊ยงเอาหน้ามาใกล้โทรศัพท์ผม ตะโกนเข้าโทรศัพท์ดังๆข้างหูผม จนหูผมแทบแตก “พี่ฝันหวาดดีคร๊าบบบ...”
“อ๋อไอ้เกี๊ยงนี่เอง  นึกว่าใคร กูลืมไปว่ามันไปทำงานกับมึง ฝากตบหัวมันทีด้วย”
น้องเกี๊ยงมันยังเอาหูแนบโทรศัพท์ผมอยู่ พอมันได้ยินมันเลยรีบหลบมือผมที่ตวัดขึ้นไปพอดี มันหลบทันอย่างฉิวเฉียด แล้วหัวเราะอย่างสะใจที่หนีได้ ผมชี้หน้ามันคาดโทษแล้วหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ

“เออ นั่นแหละ มาป่าว กูรออยู่”
“อือฮึ ไม่ไปว่ะ กูนอนแล้วขี้เกียจออกอีก มึงหัวราน้ำไปกับมันสองคนแล้วกัน”
“อะไรวะ มีงี้อีก”
“กูเพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่ ง่วงนอนว่ะ ไปนอนก่อนนะ อย่าลืมดูแลไอ้เกี๊ยงน้องกูด้วยล่ะ” เสียงไอ้ฝันยังฝากฝังน้องมันต่อไป ผมมองดูคนที่มันให้ผม 'ดู' ผม 'แล' มันด้วยก็ได้ แต่ผมก็ได้แค่ดู ผมจะไปรับผิดชอบชีวิตใครได้

ผมยอมดื่มเป็นเพื่อนมันก็จริง แต่ผมก็ยังมีลิมิตของตัวเอง ในขณะที่ผมแค่มึนๆ น้องเกี๊ยงมันก็เมาไปแล้ว ตาปรือ ช่างพูดช่างคุย “พี่หนุ่ย พี่รู้มั้ย บางครั้งผมมาคิดๆนะ ทำไมผมถึงมาสนิทกับพี่ได้ พี่ว่ามันประหลาดมะ”
“ประหลาดสิ แต่มึงพูดผิดไปอย่างนะ มึงสนิทกับกู แต่กูไม่ได้สนิทกับมึงสักหน่อย”
“หูยพี่...เห็นผมเมา มาพูดให้ผมงงอีก ก็เราสนิทกันไง ผิดตรงไหน” น้องเกี๊ยงเอาแขนมากอดไหล่ผมรัดเสียแน่นเหมือนผมเป็นเพื่อนร่วมรุ่นมัน
“เราสนิทกันตอนไหน กูขอถาม” ผมปัดแขนมันออกจากไหล่ผม
“ก็แต่นี้และตลอดไปไงพี่หนุ่ยก็...ทำเป็นไม่รู้อีก เอิ้กกก...” น้องเกี๊ยงยิ้มแล้วพยายามนวดไหล่ผมต่อ แต่ผมก็เอามือปัดออกไปอีก
“มึงอย่ามาใช้คำว่าตลอดไป พูดน่ะง่ายแต่ทำยาก” ใจคนยากจะเข้าใจ  ผมไม่เคยเชื่อคำว่าตลอดไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม  ผมเผลอทำหน้าเครียดไปโดยไม่รู้ตัว

น้องเกี๊ยงมันเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างหน้าผม เอามือแตะหน้าผากผม ตัวมันเองขมวดคิ้วมุ่น ทำราวกับผมกำลังป่วยและมันกำลังวัดไข้ให้ ผมต้องสะบัดหน้าหนีมือมัน
“พี่เป็นอะรายน่ะ ไม่สบายรึเปล่า” มันเอามือมาจับไหล่ผมไว้ทั้งสองข้าง ดวงตาหรี่ปรือ แต่คิ้วยังขมวดเป็นปมอยู่
“กูสบายดีเว้ย มึงแหละเมาแล้ว กลับบ้านได้รึยัง” น้องเกี๊ยงส่ายหน้า เอาหัวมาพิงที่ไหล่ผมแล้วเรอเอิ้กๆ ผมกลัวใจมันจริงๆ กลัวมันอ้วกใส่ผม
“ม่ายกลับบ้านผมนะ ไปนอนบ้านพี่ อย่างเคยน้า” คราวนี้ออกแนวดื้อแต่อ้อน
ผมดันตัวมันออกแต่ก็จับประคองเอวไว้ไม่ให้มันเอียงตัวไปมาหรือหงายหลังไป  ผมพูดกับมันอย่างจริงจัง “บ้านมึงก็มีทำไมชอบมานอนบ้านกู แม่มึงเค้าไม่ว่ารึไงฮึ”
มันยิ้มแล้วส่ายหน้าพูดมั่วไปหมด “แม่ไม่ว่า แม่ให้มา แม่บอกว่าอย่าเป็นเด็กดื้อ ให้เชื่อฟังคุณครู อย่าซน เดี๋ยวครูตี”
ผมหัวเราะก๊ากกก แต่พอนึกขึ้นมาได้ก็หัวเราะไม่ออก ในเมื่อมันเมาเละขนาดนี้ ผมมิต้องพามันกลับบ้านไปกับผมอีกหรือนี่ ผมเรียกบ๋อยมาคิดเงินแล้วบ่นกับตัวเอง  “กรรมของกูจริงๆเล้ย”
*********************
อืมมมม มันจะยังไงต่อหว่าไอ้คู่นี้ :m21:
 
หัวข้อ: Re: ¤º° จดหมายจากเพื่อนรัก °º¤(4/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-03-2010 21:36:08
โห คู่นี้สงสัยจะหนังเรื่องยาว ความสัมพันธ์ยังไม่เดินหน้าไปไหนเลยอะ  หนุ่ยยังไม่อิอะอะไรเลย  ไอ้น้องเกี๊ยงก็มาววววววได้อีก   :z3:
หัวข้อ: Re: ¤º° จดหมายจากเพื่อนรัก °º¤(4/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 04-03-2010 22:46:56
พี่หนุ่ยกะน้องเกี๊ยง  ใกล้เข้าไปอีกนิด อิอิ
หัวข้อ: Re: ¤º° จดหมายจากเพื่อนรัก °º¤(4/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 04-03-2010 23:00:40
พี่หนุ่ยยังไม่รู้สึกอะไรกับน้องเกี๊ยงเลยเหรอ
น้องเกี๊ยงออกขะน่ารักขนาดนี้  :serius2:
หัวข้อ: Re: ¤º° จดหมายจากเพื่อนรัก °º¤(4/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 05-03-2010 00:19:05
พี่หนุ่ยไม่หวั่นไหวอะไรบ้างเลยเหรอ
ถ้าน้องเกี๊ยงไม่บอกชัดๆถ้าจะยากนะ
แต่ว่าที่มาของเรื่องนี้ก็เพราะน้องเกี๊ยงบอกนี่นา
รอลุ้นว่าน้องเกี๊ยงจะใช้วิธีการบอกแบบไหนค่ะ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ¤º° จดหมายจากเพื่อนรัก °º¤(4/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 05-03-2010 18:44:48
รักซึมลึก
ไม่รู้ว่าลึกเกินไปหรือเปล่าถึงยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้น  :z3:
รักของใครจะซึมไปถึงใจใครก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ¤º° จดหมายจากเพื่อนรัก °º¤(4/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 05-03-2010 19:49:46
น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน

เพราะงั้นหัวใจอ่อนๆของพี่หนุ่ย

ต้องเป็นของน้องเกี๊ยงซักวัน ว่ะฮ่าฮ่า

///

นั่นสินะ ไรเตอร์ คู่นี้มันจะเป็นไงต่อไป :z2:
หัวข้อ: Re: ¤º° จดหมายจากเพื่อนรัก °º¤(4/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 07-03-2010 23:45:14
แอร๊ยยยยยยยยยย ความสันพันธ์กระดึ๊บได้อีก-"-

ใกล้เข้ามาอีกนิด ชิดชิดเข้ามาอีกหน่อย
หัวข้อ: Re: ¤º° จดหมายจากเพื่อนรัก °º¤(4/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 08-03-2010 12:58:39
พัวพันกันไปมา อีกหน่อยก็แก้กันไม่ออกเอง

ลุ้นให้เป็นเกลียวรักเกลียวสวาทกันไปเลยคู่นี้  :o8:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 09-03-2010 16:33:04
ขอบคุณที่ยังตามกันค่ะ :pig4:
**************
 ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเราคบกันแบบไหน ผมไม่ได้คิดมากแบบเพลงของดา เอ็นโดฟินนะครับ  ที่จริงผมไม่เคยคิดเลยต่างหากล่ะ แต่มันก็มีเหตุให้ผมเริ่มคิดอย่างจริงจังว่าเราคบกันแบบไหนก็เมื่อเวลาผ่านไปกว่าหกเดือนแล้วมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ทำให้ผมต้องมาทบทวนความรู้สึกกันใหม่

ตอนแรกที่ผมรู้จักพี่หนุ่ย ความรู้สึกก็ไม่แตกต่างจากที่ผมรู้จักรุ่นพี่คนอื่นๆหรอกครับ พี่หนุ่ยเป็นประเภท ‘ปากหมาแต่จริงใจ’ พี่แบบนี้ผมมีหลายคน ทั้งพี่ฝันนั่นก็ใช่  แต่พี่หนุ่ยเริ่มแตกต่างก็เมื่อเจอกันครั้งแรกแกก็ชวนผมไปทำงานด้วย แล้วยังพาผมไปบ้านแก ที่จริงผมก็มีบ้านกับเค้าเหมือนกันนะครับ แต่ที่ผมกวนๆแกไปแล้วเอาแต่ร้องเพลงกรุงเทพฯ เพราะผมไม่อยากกลับบ้านมากกว่า
ผมก็ไม่นึกว่าคนที่รู้จักกันครั้งแรกจะใจดีกับผมขนาดนี้ ถึงแกจะด่าๆแต่ก็ให้ผมนอนด้วย  มันทำให้ผมลืมไปเลยว่าเราเพิ่งจะรู้จักกันยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเสียด้วยซ้ำไป  ราวกับว่าเรารู้จักกันมานานแล้ว และพี่ก็เป็นพี่ของผมคนหนึ่งที่พร้อมจะยื่นมือมาช่วยผมเมื่อผมมีปัญหา

ผมยังจำได้ดี...วันนั้นวันที่ผมกำลังมึนๆงงๆอยู่ระหว่างสงครามของครอบครัวพี่หนุ่ยก็โทรมาพอดี  ผมออกจากบ้านมานั่งดื่มอยู่คนเดียว คิดวนไปวนมาว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับผมด้วย แต่ในห้วงความคิดแวบหนึ่งก่อนที่ผมจะเมาจนเกินไป ผมนึกขึ้นมาได้ว่าพี่หนุ่ยโทรหาผม  ผมตัดสินใจเรียกรถไปที่บ้านที่ผมเคยไปนอนมาแล้วครั้งหนึ่ง  ผมอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าในช่วงเวลาที่ผมอยากหลีกหนีไปจากเรื่องร้ายๆ เหมือนประตูบ้านพี่หนุ่ยรอเวลาให้ผมเปิดประตูเข้าไปหา  ผมไม่รู้ว่าพี่หนุ่ยจะต้อนรับผมรึเปล่า แต่พี่หนุ่ยก็ให้ผมเข้าไป

"เข้าไปในบ้านก่อน มีอะไรค่อยคุยกัน” น้ำเสียงที่อ่อนโยน มือแข็งแรงของพี่หนุ่ยที่จูงผม คนที่ไม่รู้ว่าควรไปทิศทางไหน มันช่างอบอุ่นไปถึงใจ
 แต่พอผมเจอคำว่า     “นี่มันบ้านกู ไม่ใช่โรงแรม นึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ไม่ใช่ม่านรูด”
ความรู้สึกน้อยใจ เสียใจมันพุ่งขึ้นมาถึงขอบตา  วันนั้นผมอ่อนไหวกับเรื่องทุกเรื่องง่ายไปหมด  ผมเอามือเช็ดน้ำตาอีกครั้งไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอนี้ ผมยกมือไหว้พี่หนุ่ยก่อนเดินออกมา  “ขอโทษพี่ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว”

ไม่มีเสียงเรียกจากพี่หนุ่ยหรือแม้แต่จะเดินตามผมออกมา ผมเดินโซเซออกจากบ้านมาแต่ก็ยังเมา  ผมเลยไปได้แค่หน้าประตูต้องทรุดตัวลงนั่งอยู่ที่หน้าประตูอีกครั้ง นั่งร้องไห้เสียสะใจด้วยความสมเพชตัวเอง ผมมันไม่มีใครจริงๆ พี่หนุ่ยเดินออกมาปิดประตูแล้วก็เดินเข้าบ้านไป ผมเหลือบตามองแล้วก็หัวเราะกับตัวเองพูดคนเดียวว่า
 “มึงกำลังคิดอะไรวะ เค้าก็แค่คนรู้จักมึงจะไปหวังอะไรนักหนากับเค้า คิดได้ไงว่าเค้าจะห่วงมึง”

ผมไม่ศรัทธาในความรักอีกต่อไป พ่อแม่ผมอยู่กินกันมากว่ายี่สิบปี เป็นที่ชื่นชมของผู้คนทั่วไปทั้งสองแทบไม่เคยห่างกัน พ่อแสดงออกเสมอมาว่ารักแม่มากในขณะที่แม่ดูแลพ่ออย่างดี ถึงแม่จะไม่ใช่คนพูดมากแต่เราก็รู้ว่าแม่รักพ่อไม่น้อยไปกว่ากัน แต่อยู่ๆ พ่อก็มาบอกว่าพ่อมีคนอื่นที่รักพ่อมากกว่าแม่ ให้อิสระกับพ่อมากกว่า พ่อจะเลิกกับแม่ ขนาดว่าผมไม่ได้เป็นเมียพ่อแค่เป็นลูกผมยังช็อก แล้วแม่ที่นอนเตียงเดียวกับพ่อมาตลอดจะไม่เสียใจได้ไง  คืนนั้นผมนั่งคิดวนเวียนเรื่องครอบครัวตัวเองอยู่ที่หน้าบ้านพี่หนุ่ยจนเกือบสว่างเพราะผมไม่มีที่ไปจริงๆ

หลังจากนั้นมาผมเจอพี่หนุ่ยอีกหลายครั้งแต่ผมก็เดาใจแกไม่ถูก ผมเองก็ไม่มีแก่ใจจะไปสนใจความรู้สึกของคนอื่นเพราะแค่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้นิ่งก็ยังยาก
ผมไม่รู้ว่ามีอะไรในตัวพี่หนุ่ยที่ดึงดูดผมให้เข้าไปหา ผมแค่รู้สึกอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้ และผมรู้ว่าในคำด่าที่แกมีให้ผม มันมีความปรานีและน้ำใจอยู่ในนั้น  ถึงแกจะไม่เปล่งประกายมีรังสีออร่าออกมาจากตัว แต่ผมก็ยังรู้สึกดีทุกดีครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน เราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆจนบางครั้งผมเผลอนึกว่าเราเป็นพี่น้องกันไปแล้วจริงๆ ทั้งที่พี่หนุ่ยปฏิเสธผมมาตลอด ผมพยายามไม่คิดมากกับท่าทีของพี่หนุ่ยที่บางครั้งก็อบอุ่นแต่บางครั้งก็เย็นชา สำหรับผมไม่ว่าจะแบบไหนพี่หนุ่ยก็ยังเป็นพี่หนุ่ย เป็นคนที่ผมชื่นชม

“เกี๊ยงมึงกินข้าวบ้างรึเปล่านี่ ทำไมผอมขนาดนี้ แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนทำงาน” แรงกดจากฝ่ามือที่จับบนไหล่ผม เรียกให้ผมหันหน้าไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนชะโงกหน้ามองงานผมอยู่ข้างหลัง  ผมส่งยิ้มให้พี่หนุ่ยก่อนยกไหล่ขึ้นแล้วเอียงคอเอาหัวถูมือพี่หนุ่ยเล่น
“ไม่หิวเลยพี่ แต่ง่วง” ผมหลับตาพักชั่วครู่บนมือนั้นและคงจะหลับไปเลยถ้าพี่หนุ่ยไม่ใจร้ายดึงมือออกไปก่อน
“ทำไมมึงชอบเล่นแบบนี้วะกูขนลุก” พี่หนุ่ยบ่นๆแล้วเปลี่ยนที่มานั่งอยู่ตรงหน้าผม
“ไม่รู้สิพี่ ชอบอะ ชอบทำกับพี่คนเดียวด้วยนะ เหมือนพี่เป็นเจ้าของผมเลย” ผมบอกพี่หนุ่ยไปอายๆ ไม่รู้ว่าอายไปทำไมเหมือนกัน
“ท่าจะบ้า กูไม่ได้ให้ข้าวมึงทุกวันสักหน่อย หึหึ”
“นั่นแหละ ไม่ให้ข้าวก็ให้ยอดข้าว ฮ่าๆ” ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาห้อยอยู่ตรงหน้า  แล้วทำท่าหมาแลบลิ้นแผลบๆ กะพริบตาถี่ๆ ให้พี่หนุ่ย พี่หนุ่ยหัวเราะก๊าก
“ไม่ใช่แล้ว มึงนี่มั่วเรื่อย ทำไปได้นะมึง ไม่รู้จักอายบ้าง โตไม่รู้จักโต” พี่หนุ่ยหยิบงานผมมาพลิกๆดูแล้วยิ้มมุมปาก
“งานเยอะนะ  ขนาดว่ามึงเพิ่งเริ่มเข้ามาทำงาน ทำไมมึงไม่ขึ้นค่าตัวสักหน่อย จะได้คุ้มเหนื่อย”
“ไม่หรอกพี่ ผมอยากให้เค้าขึ้นให้เพราะเค้าชอบงานผมมากกว่า ค่าจ้างแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว แต่ถ้าเค้าจะให้มากขึ้นผมก็จะยิ่งดีใจ”

พี่หนุ่ยลุกขึ้นเอามือมาแปะหัวผมแล้วขยี้เหมือนเช็ดมือ น้ำเสียงของพี่หนุ่ยฟังดูก็รู้ว่าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ “มึงมันดื้อ ถือดี อวดเก่งสารพัด นี่แหละไอ้เตี้ย หึหึ”
ผมกำลังยิ้มค้าง ผมถือว่านี่คือคำชมจากพี่เค้า “อ้าว ไปไหนล่ะ”
พี่หนุ่ยเดินไปแล้วโบกมือให้ผม “กูก็ไปนอนสิ มึงอย่านอนดึกนักล่ะ พักผ่อนบ้าง วันพรุ่งนี้ยังมี ไม่ใช่ว่าเที่ยงคืนนี้เวลามันจะหมด”
“งานมันเร่งน่ะพี่ อยากให้เจ้าของงานเค้าได้ไวๆ”
พี่หนุ่ยหันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง “เออ มึงก็เป็นซะอย่างนี้ ถ้าทุกคนเหมือนมึงก็ดีสิ ให้ห้าสิบทำไปซะห้าร้อย”
พี่หนุ่ยเดินขึ้นข้างบนไปนานแล้ว แต่คำพูดของพี่หนุ่ยยังก้องในหูผม ผมอยากบอกพี่ว่าไม่เฉพาะเรื่องงานหรอกเรื่องใจก็เหมือนกัน ให้ผมมาห้าสิบผมก็ให้ไปห้าร้อยเหมือนกัน

หลังจากนั้นช่วงที่มีงานที่บริษัทฯพี่หนุ่ย  ผมก็เข้าไปนั่งทำงานที่ออฟฟิศประจำ จนสนิทกับพี่นิ่มผู้ช่วยพี่หนุ่ยไปแล้ว
“วันนี้พี่หนุ่ยไปไหนอะพี่ ไม่เห็นหูเห็นหางเลย” ผมมาทำงานตั้งแต่สิบโมงยังไม่เห็นหน้าพี่เค้าโผล่มาเลย
“แอร๊ย  เกี๊ยงเรียกซะหมดท่าเลย พี่เค้าไม่ใช่หมา คิคิ อย่าไปพูดให้เค้าได้ยินล่ะ เดี๋ยวโดนตบหัว”
“โดนจนชินแล้วพี่ อีกหน่อยผมคงหัวล้านโดนพี่หนุ่ยตบกบาลประจำ ฮ่าๆ”
“ก็เราปากดีนักนี่ชอบไปกวนเค้า  ดีที่พี่หนุ่ยแกเอ็นดูเรานะ ไม่งั้นคงไม่ปล่อยหรอก”
ผมแอบดีใจที่พี่นิ่มพูดแบบนั้น ผมถึงมีความสุขทุกครั้งที่ทำงานที่นี่
“พี่ตุ้มขา มาพ่อดีเลย พี่หนุ่ยเรียกหานานแล้วค่ะ” ผมเหลียวหน้าไปมองพี่ตุ้มที่พี่นิ่มเรียก หญิงสาวร่างเล็กกะทัดรัด ที่กำลังเดินเข้ามา แต่งตัวเก๋ผมซอยสั้นรับกับใบหน้าขาวผ่อง ดวงตาสดใสเป็นประกายรับกับคิ้วเรียวยาว ส่งรอยยิ้มสว่างมาที่พี่นิ่มและเผื่อแผ่มาที่ผมด้วย
“เหรอ หนุ่ยมีอะไรกัน เมื่อวานพี่ว่าคุยไปหมดแล้วนะ งั้นเดี๋ยวพี่ออกมานะคะ หนูนิ่มอยู่นี่ก่อนนะพี่มีงานคุยนิดนึง”
“ได้ค่ะ เชิญด่วนเลยพี่ เดี๋ยวพี่หนุ่ยคิดถึงหนักกว่านี้ คิคิ” พี่นิ่มแซวเสียจนพี่ตุ้มหน้าแดงระเรื่อ อมยิ้มเหมือนเขินอาย  ก่อนโบกมือไปมาให้พี่นิ่ม
“พูดอะไรเป็นเล่น พี่ไปแล้วจ๊ะ”

ผมมีสมาธิอยู่กับงานตรงหน้าก็จริงแต่ประสาทหูผมยังดีพอที่จะได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ผมคงมองพี่ตุ้มนานเกินไปจนพี่นิ่มที่มองตามสายตาผมเห็น “น่ารักเนอะ มิน่าพี่หนุ่ยถึงชอบ”
ผมไม่รู้ว่าผมถามไปได้ยังไงเหมือนกัน “แฟนพี่หนุ่ยเหรอพี่ พี่ตุ้มคนนี้” ถามไปแล้วก็เหมือนลืมหายใจ รอฟังคำตอบ
พี่นิ่มยักไหล่ “ไม่แน่ใจแต่ดูพี่หนุ่ยแกมีความสุขม้ากมากตอนอยู่กับพี่ตุ้ม ก็แกน่ารัก หน้าตาดี นิสัยดี เริ่ดไปหมด”
ผมเผลอพูดไปเหมือนละเมอ “เค้าเป็นแฟนกันนานแล้วเหรอ ทำไมผมไม่รู้เลย” พี่นิ่มหัวเราะแล้วตีแขนผม
“วุ้ย เธอจะไปรู้อะไร พี่ตุ้มเค้าไปๆมาๆ เค้าไม่ได้เป็นพนักงานประจำที่นี่ เป็นฟรีแลนซ์ มีงานเค้าถึงมา แต่เค้าจะไปนัดเจอกันข้างนอกรึเปล่าพี่ก็ไม่รู้”
“อืม...”ผมครางในลำคอ นั่นสินะเค้าอาจจะนัดเจอกันข้างนอก แล้วพี่หนุ่ยก็ไม่ได้อยู่กับผมตลอดนี่นาทำไมผมถึงต้องรู้ด้วยล่ะ ผมถึงรู้สึกแปลกๆในใจเหมือนแน่นๆที่หน้าอกเมื่อรู้เรื่องนี้ ผมเป็นอะไรผมก็ไม่เข้าใจ เสียงเจื้อยแจ้วของพี่นิ่มยังดังต่อไปถึงแม้มือจะทำงานไปด้วย

“พี่หนุ่ยแกเลือกแฟนจะตาย เห็นอย่างนี้เนื้อหอมนะ ก็แกเฟรนด์ลี่ คุยสนุกจะตาย ใครอยู่ใกล้ก็อดหลงรักไม่ได้”
“อืม...นั่นสินะ” ผมเห็นด้วย กับประโยคสุดท้ายของพี่นิ่ม ถามพี่นิ่มไปอย่างเบลอๆ
“แล้วพี่นิ่มล่ะ ไม่รักเหรอ” พอผมถามจบพี่นิ่มตีป๊าปมาที่แขนผมอย่างแรง หน้าแกแดงไปจนถึงใบหู เหมือนผมไปจี้ใจแกเข้า แต่แกก็ตอบผมไม่ตรงคำถาม
“ถามอะไรบ้าๆ หลงรักเค้าข้างเดียวเค้าไม่รักตอบมีประโยชน์อะไรเล่า ไปหาคนที่รักเราดีกว่า”
“แต่ผม...”ไม่คิดแบบนั้น ผมยังไม่ทันได้พูดต่อ เสียงร่าเริงของพี่หนุ่ยก็ดังแทรกขึ้นมา

“เกี๊ยง นิ่ม พี่ออกไปข้างนอกนะ ไม่เข้าออฟฟิศแล้ว มีอะไรโทรมาแล้วกัน ไปละ” พี่หนุ่ยไม่รอให้เราตอบรับทำท่าจะเดินออกไป แต่พี่ตุ้มดึงแขนพี่หนุ่ยไว้ก่อนให้หยุดรอ
“เดี๋ยวสิหนุ่ย ตุ้มจะคุยกับนิ่มนิดนึง”
 พี่หนุ่ยหัวเราะร่วน ยิ้มหวานส่งให้พี่ตุ้ม แววตาสดใสกว่าที่ผมเคยเห็น “ผมหิวนี่นา ไหนตุ้มบอกจะพาไปร้านอร่อย อยากกินไวๆ”
พี่ตุ้มดึงแขนพี่หนุ่ยแรงๆอีกที แล้วทำหน้าดุแต่กลับน่ารักในสายตาผมและคงในสายตาพี่หนุ่ยด้วย  “ก็ตุ้มมีงานหนุ่ยหิวก็ลงไปรอก่อนไปข้างล่างเลยไป”
พี่หนุ่ยส่ายหน้ายิ้มเล็กๆให้พี่ตุ้ม “ไม่ไปหรอกอยู่กดดันตุ้มที่นี่แหละจะได้ไม่ช้า” พี่หนุ่ยเดินอ้อมมาหาผมเอามือแตะไหล่ผมไว้แต่หันไปบอกพี่ตุ้มกับพี่นิ่มว่า

 “มีอะไรก็รีบคุยเลย นิ่มให้ไวเว้ย” เสียงพี่นิ่มหัวเราะกิ๊ก สาวๆหัวเราะกันร่วนแล้วก็คุยงานกันจุ๊กๆจิ๊กๆ  ผมก็แค่มองดูเหมือนเป็นคนวงนอกอยู่ห่างๆ น้ำหนักที่มือของพี่หนุ่ยกดลงบนบ่าผม แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนไม่มี ผมพยายามจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า
“งานไปถึงไหนแล้ว เงียบเชียว” พี่หนุ่ยก้มหน้าลงมาดูงานในจอคอมฯของผม ผมมัวหมกมุ่นคิดอะไรอยู่เลยไม่ได้ตอบ จนพี่หนุ่ยตบปั๊กมาที่ไหล่ผมอีกที
“เอ้า...ทำงานหรือเหม่อ ตายห่...ใจลอยคิดอะไรอยู่วะ พี่ถามก็ไม่ตอบ”
พี่หนุ่ยเลื่อนมือมาโอบไหล่ผม ใบหน้าพี่หนุ่ยที่หันมามองผมมันใกล้ขนาดนี้ แต่ทำไมสำหรับผมมันถึงห่างไกลเหลือเกิน ผมเป็นอะไรไปวะ ผมหลับตาหายใจออกแรงๆ  ผมสบายดีออก ผมสะกดจิตบอกตัวเองอีกครั้ง ทำน้ำเสียงให้ร่าเริงเมื่อหันหน้าไปแล้วเปิดรอยยิ้มกว้างให้พี่หนุ่ย
“ใกล้เสร็จแล้วพี่ ดูสิ ตาสั้นหรือเปล่า ขนาดเห็นอยู่ยังมาถาม”
ฝ่ามือของพี่หนุ่ยตบลงมาที่หัวผมเบาๆ พี่หนุ่ยแยกเขี้ยวให้ผมก่อนดุ “ปากดีอีกนะมึง อย่าให้กูต้องหยาบคายต่อหน้าตุ้ม ถามดีๆก็ตอบดีๆอย่ามากวน”

“ไม่เป็นไรหนุ่ย เรารู้ เราชินแล้ว ไม่ต้องสร้างภาพ” เสียงเล็กๆใสราวกับระฆังของพี่ตุ้มพูดลอยๆออกมาเจือด้วยเสียงหัวเราะ บรรยากาศดูสดใสขึ้นมาทันตาด้วยเสียงใสๆนั้น
“เนอะพี่เนอะ พี่หนุ่ยชอบสร้างภาพ ทั้งที่สร้างภาพแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่าเดิมเลย” ผมหันไปเออออกับพี่ตุ้ม พี่นิ่มเองก็นั่งหัวเราะไปอีกคน เสริมขึ้นมาอีก“ถูกที่ซู้ด เกี๊ยงมันพูดถูกใจจริงๆ”
พี่หนุ่ยจับหัวผมโยกแรงๆจนผมเวียนหัวไปหมด “นี่แน่ะๆ หาว่ากูสร้างภาพ”
“โอ๊ยยย...ช่วยผมด้วยพี่แกล้งผม คนแก่แกล้งเด็ก” เสียงหัวเราะของสาวๆประสานกันกับเสียงโวยวายปนเสียงหัวเราะของผม ผมกำลังมีความสุขเมื่อพี่มีความสุข ใช่ผมคิดแบบนั้น

วันนั้นผมส่งงานให้พี่นิ่มเสร็จก็กลับบ้านไปหาแม่ด้วยอาการหมดแรง แม่นั่งดูทีวีอยู่เงียบๆ มือก็ถักโครเชต์ไปด้วยตาเหลือบดูทีวีเป็นระยะ  ผมย่องไปข้างหลังแม่แล้วยื่นหน้าไปหอมแก้ม  แก้มแม่ยังหอมเหมือนเดิม
“อุ๊ย...ลูกคนนี้นี่มาเงียบๆ”
“แม่ทำไร”ผมเลื่อนตัวไปนั่งข้างๆแม่แล้วลงไปนอนบนตักแม่ทันที แม่ตกใจตีแขนผมเบาๆ
“โตแล้วยังชอบเล่นเป็นเด็ก ก็เห็นๆอยู่ว่าทำอะไรยังมาถามอีก วันนี้กลับบ้านได้นะเรา”
ผมหันหน้าเข้าไปกอดแม่ตอบเสียงอู้อี้ว่า “ก็ไม่มีที่ไป งานเสร็จแล้วด้วย”
ผมเหงาจริงๆ ไม่มีที่จะไป ทำไมผมถึงเป็นแบบนั้นได้ “ก็ดี ไปกวนบ้านเพื่อนบ่อยๆเกรงใจเค้า”
“ไม่ใช่เพื่อน เป็นพี่น่ะแม่”
“นั่นแหละ เพื่อนหรือพี่ก็เหมือนกัน ไปนอนบ้านเค้าบ่อยๆเกรงใจ” ผมส่ายหน้าอยู่ที่พุงแม่จนแม่รำคาญตีผมอีกครั้งผมเลยนอนหงายแล้วดึงมือแม่มากอดไว้
“เกรงใจทำไม เค้าอยู่คนเดียว ผมไปอยู่เป็นเพื่อนเค้านะแม่ เค้าต้องดีใจสิ”
“รู้ได้ยังไง เค้าอาจอยากมีเวลาส่วนตัวบ้างก็ได้ คนโสดนั่นแหละ เค้าหวงชีวิตอิสระจะตายไป” นั่นสินะพี่หนุ่ยอาจอยากพาพี่ตุ้มมาเที่ยวบ้านบ้างก็ได้ แต่ติดที่ว่าผมชอบไปสิงอยู่ที่บ้านแก
“หวงอะไร ผมยังไม่หวงเลย”

แม่ลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา เสียงใจดีของแม่ถามผม “ถ้าไม่หวงแล้วทำไมไม่หาแฟน จะได้ไม่เหงา”
“ฮื้อ...ใครว่าผมเหงา ผมไม่เหงา ยังมีความสุข ยังสนุกอยู่” ผมบิลด์ตัวเองให้สนุกใส่ความสดใสเข้าไปในน้ำเสียงและใบหน้า 
แม่หัวเราะ “ไม่เหงาจะมานอนอ้อนแม่แบบนี้เหรอ” เสียงนุ่มนวลของแม่ดังเข้ามาในใจผม
“หาใครสักคน มาดูแล มาห่วงใยกัน เป็นเพื่อนกัน” ผมแหงนมองหน้าแม่ แววตาของแม่ที่มองลงมาที่ผมดูเศร้าสร้อย ผมรู้ว่าแม่ยังคิดถึงพ่ออยู่ แต่แม่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ ผมดึงมือแม่มาแนบแก้ม ใจประหวัดไปคิดถึงอีกคนแต่ก็สลัดความคิดนั้นไป  ผมบอกแม่ด้วยเสียงที่พยายามทำให้ร่าเริง
“คนนั้นผมมีแล้ว ก็แม่ไง แม่เป็นทุกอย่างของผม เป็นแม่ผมด้วย เป็นกิ๊กผมด้วยไง”
แม่ยิ้มแต่ก็เศร้า “อะไรก็ไม่แน่หรอกเกี๊ยง ถ้ารักใครชอบใครก็บอกเค้าไป อย่าไปคิดว่าเค้าจะรู้เอง ไม่มีใครรู้ใจใครหรอกถ้าไม่พูดกัน”แม่คงคิดถึงพ่อ การกระทำของแม่คงไม่บอกอะไรกับพ่อ พ่อถึงคิดว่าแม่ไม่ได้รักพ่อเท่าพ่อรักแม่ เลยไปหาคนอื่นที่เค้าแสดงออกมากกว่าแม่

 ผมถึงมานึกได้ว่าผมทิ้งแม่นานไปแล้ว แม่ต่างหากที่ผมควรอยู่ใกล้ๆคอยดูแลกัน คนอื่นเค้าคงมีคนคอยอยู่เป็นเพื่อน เป็นคนใกล้ชิดอยู่แล้ว ผมหลับตาบนตักแม่บอกแม่ว่า “ผมขอนอนแบบนี้นะแม่นะ ผมขอพักใจที่เหน็ดเหนื่อยหน่อย นะครับกิ๊กของผม”
*****************
 :a3:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-03-2010 18:51:12
เอาใจช่วยน้องเกี๊ยงนะ โอ๋ๆๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 09-03-2010 18:59:45
สงสารน้องอ่า  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 09-03-2010 19:22:33
ติดตามอยู่เสมอครับ

คุณแม่ในเรื่องอ่อนโยนทุกคนเลย

ส่วนน้องเกี๊ยง ถ้าพี่หนุ่ยไม่สนใจ ส่งมาทางนี้ก็ได้ครับ    :o8:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 09-03-2010 19:57:00
ได้รู้ความในใจของน้องเกี๊ยงบ้างแล้ว
ขุดหลุมไปเรื่อย ๆ นะเกี๊ยง อีกไม่นานพี่หนุ่ยจะต้องตกหลุม (รัก) เราบ้าง
เอาใจช่วยสุดชีวิต  :a2:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 09-03-2010 21:36:51
สงสารน้องเกี๊ยงอ่า  :sad4:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 09-03-2010 21:43:01
สงสารน้องเกี๊ยงและคุณแม่

รักแท้ สัมผัสได้ด้วยใจ
ถ้าคิดจะหาเหตุผลในการไม่รักหรือจากลา การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
เพียงไม่พูด ใช่ว่าไม่รัก แต่ถ้ายังไม่เริ่มต้น คงต้องพูดเพื่อให้รู้ก่อน

บวก 1 แต้ม รอลุ้นน้องเกี๊ยงต่อค่ะ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 09-03-2010 22:24:22
มามุมน้องเกี๊ยง โหมดเศร้ามาก เพิ่งรับรู้ถึงความเหงา เศร้า เพราะปกติเกี๊ยงดูบ้าๆ บอๆ กวนๆ เฮฮาตลอดเวลา

ที่แม่บอกน่ะถูกต้องจริงๆ...ไม่บอกแล้วเขาจะรู้ได้ยังไง
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 10-03-2010 08:04:16
โถๆๆ น้องเกี๊ยงเหงาใจ
มาซบอกพี่เลยนิ มาๆๆ   :กอด1:
พี่หนุ่ยไประริกระรี้กับสาวอื่นได้ไงเนี่ย  :beat:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 10-03-2010 10:18:53
 :beat:  หมั่นไส้ไอ่พี่หนุ่ย 

อะไรกันยัยผู้ ญ คนนั้น


 :กอด1: น้องเกี๊ยงของเจ้  เศร้าเลย


 :beat:  อิพี่หนุ่ยอึกที



ตามมาง้อน้องเลย :angry2:

หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(9/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 11-03-2010 13:33:17
น้องเกี๊ยง  :m15:

หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 13-03-2010 11:38:39
บ้านเมืองไม่เสถียร  :serius2:
*******************
หลังจากวันนั้นมาผมก็ไปทำงานที่อื่นถ้าเลี่ยงได้ผมก็จะเลี่ยงงานของพี่หนุ่ย   ผมคิดถึงพี่หนุ่ยนะครับแต่ก็พยายามหักห้ามใจตัวเอง ผมไม่อยากไปเกะกะพี่เค้า อยากให้เค้าได้มีเวลาส่วนตัวกับพี่ตุ้มอย่างจริงจัง แต่ละวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อ ผมทำงานไปอย่างแกนๆใช้ชีวิตเช้าจรดเย็นอยู่ที่ทำงาน เหมือนเครื่องจักรที่ไร้จิตใจ ใครชวนไปไหนผมก็ปฏิเสธหมด เลิกงานก็มุ่งหน้ากลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนแม่  มันเบื่อๆ เซ็งๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังๆพี่นิ่มโทรมาชวนผมไปทำงานอีกแต่ผมก็ปฏิเสธมาหลายครั้งจนพี่นิ่มเริ่มผิดสังเกตโทรมาบ่นแกมโวย

 “นี่แกเป็นไรไปวะเกี๊ยง มีอะไรไม่พอใจพี่รึเปล่า นี่ไม่ได้มาช่วยงานพี่หลายงานแล้วนะ พี่ต้องไปเรียกไอ้บ้าคนเดิมมาทำ นี่พี่จะตีกับมันตายอยู่แล้ว ประสาทจะกิน”
ผมหัวเราะขำพี่นิ่ม ออกจะคิดถึงทีมงานของพี่นิ่มเหมือนกัน ผมมีความสุขเมื่ออยู่ที่นั่น
“งานมันติดพันจริงๆพี่ เอางี้งานใหม่นี่เลทสุดได้วันไหน เดี๋ยวผมเร่งงานทางนี้ก่อนแล้วผมเฟิร์มกับพี่อีกที” ผมก็กะว่ารับปากไปก่อนแล้วค่อยไปปฏิเสธเอาทีหลัง พี่แกคงไม่ว่าอะไร

“มึงไปรีบเคลียร์เลย แล้วมาทำให้ไวที่สุด ไม่มาคราวนี้ก็ไม่ต้องมาทำกับกูอีก” เสียงดุๆที่คุ้นเคยดังขึ้นมาแทนเสียงพี่นิ่ม ได้ยินพี่นิ่มบ่นอยู่ข้างๆ 'พี่ไปพูดแบบนี้เกี๊ยงมันกลัวตายเลย'
ผมอึ้งไป ยังคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรกับพี่หนุ่ย คิดถึงเสียงนี้อยู่ตงิดๆ ไม่อยากเชื่อหูตัวเองนึกว่าฟังผิดไป จนพี่หนุ่ยถามมาอีกครั้ง
“ว่าไง ทำไมเงียบไป มีปัญหาอะไรรึเปล่า รึว่าโกรธกูอย่างที่นิ่มบอก หยิ่งรึไงพูดดด้วยทำเป็นไม่พูด” ผมดีใจจนเผลอยิ้มออกมา ทั้งที่ก็แค่ฟังเสียงเท่านั้นเอง ใจผมมันมีความสุข ไม่รู้สึกเลยว่าพี่หนุ่ยดุผมอยู่
“ไม่มีปัญหาพี่  ไม่ได้โกรธด้วย ใครจะกล้าโกรธท่านพี่  ผมกลัวแล้ว” ผมยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับพี่หนุ่ยอีกครั้ง

“แล้วมึงจะมาทำรึเปล่า อย่าลีลา บอกมาไวๆ” เสียงพี่หนุ่ยคาดคั้นมาอีกครั้ง แต่ผมก็ยังคิดว่าพี่เค้าไม่ดุอยู่ดี
 “เดี๋ยวไปทำครับพี่ อย่าดุผมนักสิ กลัวจนทั้งหัวทั้งหำหดไปหมดแล้ว กินน้ำตาลมากไปรึเปล่า ดุไปแล้วนะ” ผมแซวไปอย่างคะนองปาก มันอารมณ์ดีจนอยากจะกัดคน แต่พี่หนุ่ยไม่ยักโกรธ
เสียงพี่หนุ่ยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะด่าเล็กๆ แล้วสั่งผมอีกว่า “เดี๋ยวเหอะมึง ไม่เจอกันนานปากยังไงยังงั้น ไม่เปลี่ยนเวอร์ชั่นมั่งเลยนะ  วันนี้เกี๊ยงไปที่บ้านพี่หน่อยนะ ไปคุยงานกันก่อน จะได้แพลนงานถูก” ผมคิดว่าพี่เค้ายิ้มอยู่เมื่อพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้กับผม แอบเข้าข้างตัวเองว่าพี่หนุ่ยก็ดีใจที่ได้คุยกับผม
“ครับพี่ ...” ผมเองก็ยิ้มด้วยเหมือนกัน
“แค่นี้นะ”พี่หนุ่ยกำลังจะวางหูไปแต่ผมกลับเรียกเอาไว้ ผมยังอยากพูดอยู่
 “เดี๋ยวพี่....เดี๋ยวก่อน”
“มีอะไร กูจะไปทำงาน” เสียงพี่หนุ่ยบ่นเหมือนรำคาญผมมาอีกครั้ง แต่ผมก็ไม่ลังเลที่จะพูดไป

“คิดถึงพี่นะ”

ผมพูดจบแล้วรีบวางสายไป แต่ก่อนที่ผมจะปิดโทรศัพท์ไปยังได้ยินเสียง 'เฮ้ย 'จากพี่หนุ่ยแว่วเข้ามาในสาย ผมพยายามที่จะไม่ยิ้มแต่มุมปากผมกลับเหยียดยิ้มขึ้นมาได้  หัวใจเต้นตุบตับเหมือนเจอผี แล้วมันก็เป็นแบบนั้นอยู่ทั้งวัน จนเพื่อนมันถามผม
 “เกี๊ยง มีอะไรดีในชีวิตหรือวะ ยิ้มไม่หุบ หมาเหมอหลบเข้าคอกหมด ไม่เห่าเลยนะมึง เงียบกริ๊บ”
ปากไวกว่าความคิด “ที่รักกูโทรมา” พูดไปแล้วยังตกใจตัวเองว่าผมพูดอะไรไป พูดไปแล้วก็หน้าแดงเสียเอง พวกเพื่อนๆหัวเราะกันครืน ยังนึกว่าผมยิงมุก
“กูว่าแม่มันว่ะ ทำเป็นมาโม้ กูเห็นแต่แม่มันโทรมาคนเดียว”
ผมไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใคร ผมรู้แค่ว่าได้ยินเสียงพี่หนุ่ยวันนี้ ผมถึงรู้ว่าหลายวันที่ผ่านมาความสุขผมหายไปไหน มันแอบไปอยู่กับพี่หนุ่ยนี่เอง

ผมแวะซื้อของกินหลายอย่างก่อนเข้าบ้านพี่หนุ่ย แต่ก็ไม่ลืมซื้อเบียร์ คึกคักเหมือนกำลังจะไปสังสรรค์ฉลองอะไรที่ไหนสักแห่ง ผมพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าพี่หนุ่ยชอบกินอะไร เห็นอะไรที่คิดว่าอร่อยเลยซื้อหมด กว่าจะรู้ว่าซื้อไปเยอะก็ตอนที่สองมือสิบนิ้วของผมไม่มีที่จะแขวนถุงของกินแล้ว ดูแล้วท่าทางสองคนคงจะกินไม่หมดด้วย ผมซ้อนมอเตอร์ไซด์ไปที่บ้านพี่หนุ่ยอย่างทุลักทุเล เพราะมือไม่ว่างพอที่จะจับยึดอะไรเลย แต่เมื่อไปถึงกลับกลายเป็นว่าพี่หนุ่ยยังมาไม่ถึงบ้าน

ผมก็ต้องนั่งรอที่เดิมอยู่ดี  ผมรอไปนานแค่ไหนไม่รู้จนมารู้สึกตัวก็เมื่อมีมือของใครสักคนมาลูบหัวผมอยู่ ผมเงยหน้าขึ้นมองเห็นรอยยิ้มอบอุ่นคุ้นตามองลงมา ร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยอยู่บนใบหน้านั้นแต่ก็ยังมียิ้มนั้นให้ผม
“ขอโทษนะมาช้าไปหน่อย ติดงานจริงๆ” พี่หนุ่ยขมวดคิ้วมองเพ่งที่พื้นเห็นของกินที่ผมซื้อวางเต็มไปหมด
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ มึงหิวมากรึไง”
ผมลุกขึ้นส่ายหัวแล้วตอบกวนๆ “ไม่ได้หิว แต่ซื้อมาฝากพี่ มาบ้านพี่หลายครั้งแล้ว เลยซื้อมาให้พี่กินบ้างไง แค่นี้ก็ไม่รู้   คนเดียวจะกินหมดได้ไงเล่า”
 ผมหลบไม่ทันเมื่อฝ่ามือพี่หนุ่ยตบป้าบมาที่หัวผมเหมือนเคย  “ปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง กูจะไปตรัสรู้ได้ยังไงว่ามึงซื้อมาทำไมมากมาย  ไอ้เตี้ยนี่กวนตีนไม่มีเปลี่ยน” พี่หนุ่ยบ่นพึมพำแล้วก็เดินนำผมเข้าบ้านไป ผมถือของกินไม่หมดต้องตะโกนขอความช่วยเหลือ

“พี่หนุ่ย มาช่วยถือไปหน่อยดิ เอาไปไม่หมดอ่า มันเยอะแยะไปหมด” พี่หนุ่ยหยุดยืนเท้าสะเอวก่อนหันเดินกลับมาบ่นกระปอดกระแปด แล้วคว้าเอาของกินที่ผมวางไปทั่วขึ้นมาสองสามถุง แต่ยังไม่วายบ่น
“นี่มึงเห็นกูตายอดตายอยากมาจากไหน ถึงซื้อมามากขนาดนี้ ฮึ”
“อูย...บ่นเข้าไป ตาแก่เอ๊ย บ่นจนเหนียงยานไปถึงตาตุ่มแล้ว”ผมกระเซ้าแกกลับไปบ้าง พี่หนุ่ยเลยยกเท้ากระดกมาเตะผมที่เดินตามหลังมา แต่ผมหลบทันได้อีก แล้ววิ่งวนหนีเท้าไปรอบๆตัวพี่หนุ่ย จนพี่หนุ่ยอ่อนใจเลิกเตะผม บ่นกับตัวเองว่า
“ปากหมาอีกแล้ว ไอ้เตี้ย กูคิดถูกหรือคิดผิดวะที่เรียกมึงมาทำงานอีก”
ผมฟังแล้วกลับหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข คิดถึงทุกๆคำพูดเหล่านี้ จนต้องวิ่งตามไปกอดแขนพี่หนุ่ยไว้เอาหัวไปถูไหล่พี่หนุ่ยตามเคย

 “คิดถึงพี่จริงๆนะ” พี่หนุ่ยหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผมอย่างสงสัย ขมวดคิ้วเอียงคอมองหน้าผม
“มึงไม่สบายมากรึเปล่า พูดจาแปลกๆ”
 พี่หนุ่ยยกหลังมือมาแตะหน้าผากผมทั้งๆที่ถือถุงก๋วยเตี๋ยวในมือ จนถุงแกว่งมาโดนหน้าผม
 “จ๊ากกก ร้อนอะพี่ จะฆ่ากันรึไง” ผมแทบจะโยนของกินทั้งหมดทิ้งมันแสบร้อนไปหมดทั้งหน้า ได้แต่ร้องโอดโอย
พี่หนุ่ยไม่สงสารพอเห็นหน้าผมกลับหัวเราะเสียงดังเหมือนถูกใจ แล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่สนใจ
 “ช่วยไม่ได้เว้ยใครอยากซื้อมาเองล่ะ”
ผมแสบหน้าจนต้องวิ่งแซงหน้าพี่หนุ่ยเข้าบ้านไป พอวางของกินทั้งหมดลงบนโต๊ะได้ก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำดูหน้าตัวเอง มันแดงทั้งหน้าผาก จมูก และแก้ม เหมือนผมมีปานแดงอยู่เต็มหน้าดูแล้วน่าขำ แต่ผมกลับขำไม่ออกมันยังแสบไปหมด
“พี่หนุ่ยอ่า ผมเจ็บทำไงดี มันจะพองรึเปล่า ผมจะเสียโฉมมั้ยนี่ ....”

พี่หนุ่ยเดินตามมาดูผมอีกครั้งแต่ยังไม่หยุดหัวเราะ พูดไปก็หัวเราะไปไม่รู้มีความสุขบนความเจ็บปวดของน้องรึยังไงกัน “ก็มึงซุ่มซ่ามเอง เอาหน้ามาโดนถุงร้อนๆทำไม”
ผมเหลือบตาไปที่พี่หนุ่ยทันทีทำปากแบะใส่แล้วชกแขนพี่หนุ่ยเบาๆ  “พี่พูดผิดพูดใหม่ได้นะ พี่นั่นแหละเอาถุงมานาบหน้าผม ผมก็อยู่ของผมดีๆ”
“ไหนมาดูซิ”
พี่หนุ่ยยังหัวเราะหึหึ เข้ามาประคองหน้าผมไว้แล้วมองหน้าผมทั่วๆ ผมเองก็เผลอมองหน้าพี่หนุ่ยเหมือนกัน พลางคิดในใจว่าผมไม่ได้เจอพี่มานานแค่ไหนแล้วนะ  พี่หนุ่ยไม่ใช่คนหล่อ เรียกได้ว่าเป็นคนหน้าตาสะอาดมากกว่า พี่หนุ่ยมีผิวขาวละเอียดแบบคนเชื้อสายจีน ผมพี่หนุ่ยที่เคยยาวระต้นคอตอนนี้ดูสั้นขึ้นไปอีก ทำให้พี่หนุ่ยดูเป็นหนุ่มน้อยขึ้น ดวงตายาวรียังคงมองหน้าผมอย่างเพ่งพิศ 

“เค้าโดนแบบนี้เค้าทำไงกันล่ะ มันจะได้ไม่พองไม่แสบ เอาแป้งเย็นมาทาหายมั้ย” พี่หนุ่ยไม่พูดเปล่าเอานิ้วมาจิ้มๆลูบไปตามหน้าผม สัมผัสจากปลายนิ้วพี่หนุ่ยเหมือนยาชั้นดี หรือผมจะอุปทานไปก็อาจเป็นได้ ผมรู้สึกเหมือนพี่หนุ่ยกำลังให้ยาผมมันเย็นวาบไปถึงใจ  ผมเพลินมัวแต่มองหน้าพี่หนุ่ยจนพี่เค้าถามมาหลายครั้งผมก็ไม่ได้ยิน จนพี่หนุ่ยต้องตะโกนทั้งที่ผมก็อยู่ต่อหน้านี่
“อ้าวทำไมเงียบไป เจ็บรึเปล่าพี่ถามก็ไม่ตอบ พี่จับๆดูมันก็ไม่พองนะ” พอพี่หนุ่ยสบสายตาผมที่มองนิ่งอยู่เท่านั้น พี่เค้าทำหน้าแปลกๆ ไม่มองตาผมตรงๆ แต่ปากก็ยังพูดต่อ
 “กูว่ามึงสำออย ไม่เห็นเป็นอะไรมากเลย โวยไปงั้นแหละ”
 ผมมองหน้าพี่หนุ่ยไม่ละสายตาแถมยังไม่ยอมพูดอะไร พี่หนุ่ยทำท่าจะชักมือกลับ แต่ผมรีบกุมมือพี่หนุ่ยไว้ บอกพี่หนุ่ยยิ้มๆว่า“ผมหายเจ็บแล้ว ไปกินกันเถอะ”

พี่หนุ่ยส่ายหน้า  ค่อยๆ ดึงมือออกจากมือผม หน้าแดงพูดติดๆขัดๆ “กะ...กูกำลังจะไปหายาสีฟันมาทาหน้ามึงไว้ก่อน มึงไปจัดโต๊ะไป ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว เอามาดูหน้าตากันหน่อยว่ามีอะไรกินมั่ง” พี่หนุ่ยเดินลับตาไปแล้ว ผมเอามือที่เมื่อสักครู่จับมือพี่หนุ่ยไว้มาดมแล้วยิ้มกับตัวเอง
 “กูเป็นไรวะ ท่าจะบ้า...อูยยย..เจ็บ”
ผมจัดโต๊ะเสร็จพอดีกับที่พี่หนุ่ยเดินถือหลอดยาสีฟันเข้ามา  “อ้าว ทำไมไม่ไปจัดที่โต๊ะกินข้าว มาจัดตรงนี้จะไปวางหมดได้ยังไง เล่นซื้ออย่างกับจะเลี้ยงคนทั้งกองทัพ”
ผมยิ้มแหะๆมองอาหารที่วางบนโต๊ะรับแขกตัวเล็ก บางส่วนวางที่พื้น ไอ้ที่ยังไม่แกะถุงออกมาก็มีวางอยู่ข้างๆตัวผม  ผมคลานเข่าเข้าไปนั่งอยู่หน้าพี่หนุ่ย เกาะแขนแล้วแหงนหน้ามองพี่เค้าตาละห้อย
“ผมชอบนั่งตรงนี้อะพี่ มันดูเป็นกันเองดี เหมือนอยู่บ้าน ไม่ชอบกินเป็นเรื่องเป็นราว มันไม่อบอุ่น”พี่หนุ่ยแกะแขนผมออกเดินไปนั่งที่โซฟา ก้มหน้าลงดูของกิน

“บ้านกูเค้าเรียกคนไม่มีระเบียบเว้ย เออ...แต่ที่ซื้อมาน่ากินว่ะ” พี่หนุ่ยกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่
พี่หนุ่ยเงยหน้ากวักมือเรียกผม “ไอ้เตี้ยมานี่ก่อน มาทายา”
ผมคลานมานั่งขัดสมาธิอยู่หน้าพี่หนุ่ยอีกครั้ง เอามือลูบหน้าตัวเอง “มันไม่ค่อยแสบแล้วนะพี่ ต้องทาเหรอ” พี่หนุ่ยปัดมือผมออก แล้วขมวดคิ้วมองจ้องหน้าผมอีกครั้ง
“กูว่ามันแดงนะ  ไม่มากแต่ทากันไว้ก่อน” พี่หนุ่ยบีบยาสีฟันใส่นิ้วแล้วค่อยๆป้ายลงบนสันจมูกผม ความเย็นจากยาสีฟันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นคลายความแสบร้อนลงไป กลิ่นยาสีฟันให้อารมณ์เหมือนตอนแปรงฟันก่อนเข้านอน มันเย็นสบายจนผมเผลอหาวออกมาทั้งที่พี่เค้ายังละเลงยาสีฟันเต็มหน้าผม

“เฮ้ย...ง่วงได้ไง กูยังทาไม่เสร็จเลย”
แรงกดจากนิ้วพี่หนุ่ยที่แก้มแรงจนผมเจ็บ “โอ๊ย...แสบๆๆๆ”
พี่หนุ่ยหัวเราะ “เสร็จแล้ว มึงนี่หน้าใหญ่นะ เปลืองยาสีฟันกูจริง”
ผมหน้าคว่ำทันที “มาว่าผมอีก ตัวเองก็หน้าจืด เปลืองน้ำปลาเหมือนกันแหละ”  พี่หนุ่ยเขกหัวผมแรงๆ
“เถียงคำไม่ตกฟาก กินดีกว่า เถียงกับมึงไม่มีที่สิ้นสุดสักที ไม่มีจน”
“ไม่จนก็ดีแล้วไง รวยๆๆ หึหึ”
“ไม่จนคำพูดเว้ย” พี่หนุ่ยส่ายหัวระอาแต่ก็ยิ้มนิดๆ

พี่หนุ่ยหยิบเบียร์ส่งมาให้ผม  ผมยิ้มแล้วหยิบส่งให้พี่หนุ่ยบ้าง พี่หนุ่ยหัวเราะเบาๆอย่างพอใจ  พี่หนุ่ยกับผมใช้เวลากินไม่นาน ไม่ค่อยได้คุยเรื่องอื่นนอกจากชี้ชวนกันกินของอร่อยๆ เรานั่งดื่มนั่งกินกันไปเรื่อยๆ ไอ้ที่คิดว่าเยอะๆ ก็กินกันเกือบหมด เพราะทั้งผมและพี่หนุ่ยต่างคนต่างหิว พอกินเสร็จพี่หนุ่ยนั่งผึ่งพุงอยู่บนโซฟาส่วนผมนอนเลื้อยเป็นงูเค้เก้อยู่ที่พื้น ยังดีที่เราไม่ถึงกับเมาแค่มึนๆ
“เอิ้ก...อิ่มตายห่...กูจะไขมันอุดตันเพราะที่มึงซื้อมามั้ยนี่ ปกติกูไม่เคยกินอะไรเยอะขนาดนี้มาก่อน ที่กินๆนี่เพราะเสียดายนะนี่”  พี่หนุ่ยเอาเท้ามาจิ้มๆ เขี่ยๆ ที่ตัวผม
“เน่ๆ ไอ้เตี้ย ไหนมึงหันหน้ามานี่หน่อย”

ผมขยับตัวนอนตะแคงหันหน้ามาหาพี่หนุ่ยเรอเอิ้กออกมา  ไม่กล้าขยับตัวกลัวอ้วกครับ ตอนนี้ทุกอย่างมันมาจ่อที่คอหอยแล้วครับ ผมกินไปเยอะกว่าพี่หนุ่ยอีกเพราะกลัวโดนแกด่าว่าซื้อมาทิ้งๆขว้างๆ ตอนนั้นอารมณ์กลัวโดนด่าเยอะกว่าเลยเผลอกินไปหมด แต่ตอนนี้มันทรมานครับ
“ไม่พูดนะพี่ เดี๋ยวมันออกมา ไม่ไหวแล้ว”
“ไม่พูดได้ไง มึงก็ลุกนั่งสิ หึหึ...หึหึ...กร๊ากกกก” ไม่พูดอะไรต่อพี่หนุ่ยกลับหัวเราะเอาเป็นเอาตาย เบียร์คงมีผลกับต่อมอารมณ์ดีพอสมควร เพราะพี่หนุ่ยหัวเราะง่ายกว่าปกติ พี่หนุ่ยชี้หน้าผม
“หน้ามึงเหมือนแมวเลย ฮ่าๆ”  ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย ผมจะไปเหมือนแมวได้ยังไง หน้าผมออกจะหล่อ ผมเอามือลูบหน้าตัวเอง คราบยาสีฟันเหนียวๆติดมือผมขึ้นมาผมถึงนึกออก
 “อี๋...เหนียว” ผมลุกขึ้นจะไปล้างออก มันเหนอะหนะไม่สบายหน้าเลยครับ ไม่รู้พวกผู้หญิงเค้าทนเอานู่นนี่มาทาหน้าได้ยังไง พี่หนุ่ยคว้าแขนผมไว้ก่อน ดึงผมกลับมานั่งที่พื้นอีกครั้ง
“ยังไม่ต้องล้างหรอก เดี๋ยวก่อนก็ได้ ตลกดี กูชอบ ฮ่าๆๆ”

พี่หนุ่ยตบที่เบาะเป็นการบอกให้ผมเลื่อนมานั่งข้างๆ  แต่ผมอยากนั่งกับพื้นมากกว่า “ตรงนี้ดีแล้ว ไม่อยากขยับ”
เลยกลายเป็นว่าพี่หนุ่ยนั่งบนโซฟา ส่วนผมนั่งกับพื้นเอาตัวพิงที่โซฟาสบายไปอีกแบบ
“ทำไมหมู่นี้มึงหายไป ที่บ้านมีเรื่องอะไรรึเปล่า”  พี่หนุ่ยเอามือจับหัวผมให้หันหน้ามาทางแก แล้วเอามือวางแปะไว้อยู่อย่างนั้น สบตาผมนิ่งๆ หน้าพี่หนุ่ยเป็นสีชมพูไปด้วยฤทธิเบียร์
ผมส่ายหัวตอบพี่หนุ่ยไปว่า “ไม่มี”
“แล้วมีอะไรไม่รับงานกู หรือดังแล้วหยิ่ง”
ผมส่ายหัวอีกครั้ง “เปล่า”
“งั้นมึงมีเหตุผลอะไร ถึงให้นิ่มมันโทรเก้อตั้งหลายหน ไม่ยอมมาทำงานด้วย”

ผมส่ายหัวอีก “พูดไม่ได้”
******************************
 :call: ขอให้พระคุ้มครองประเทศเรา
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 13-03-2010 13:07:49
 :z1: น่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 13-03-2010 15:31:17
เฮ้อ อยากให้ชวงเวลาดีๆอยู่อย่างงี้นานๆ :-[
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-03-2010 16:00:37
พี่หนุ่ยก็ไม่ปกตินะ
น้องเกี๊ยงบอกเลยค่ะ บอกเลย

ขอบคุณมากนะคะ บวก 1 แต้มค่ะ
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 13-03-2010 21:15:48
พูดไม่ได้ เพราะว่าผมรักพี่หนุ่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 13-03-2010 23:21:48
เรื่องพี่ตุ้มยังไม่เคลียร์เลย

ถ้าสุขคงสุขได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวสิเนี่ย  :เฮ้อ:

ขอให้พี่หนุ่ยใจตรงกะน้องเกี๊ยงทีเห้อออ ลุ้นตัวเกร็งตัวโก่งแล้วจ้ะ คนเขียนจ๋า
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 14-03-2010 00:43:27
พี่หนุ่ยเห็นใจน้องเกี๊ยงมันมั่งเหอะ  สงสารน้องเกี๊ยง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 14-03-2010 03:29:42
น้องเกี๊ยงพูดไปเลยค่ะ
ไอ้พี่หนุ่ยจะได้รู้ซักที
 :L2:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: mini ที่ 14-03-2010 08:32:36
น่ารักดีคับพี่หนุ่ย  น้องเกี๊ยง

สงสัยคู่นี้จะเป็นคู่แ้ท้เพราะ

มีอะไรเหมือน ๆ กัน

อะไรที่ว่าเหมือนก็ปากไงคับ

หมาทั้งคู่  แต่ก็หมาอย่างน่ารักนะ  :z1:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Phawaii ที่ 14-03-2010 15:44:57
อยากจะบอกคนเขียนว่าชอบเรื่องนี้มาก ๆ ๆเลยครับ บ  :3123:
ขอบคุณครับที่เอาเรื่องดีๆ มาให้อ่านน อ่านไปเครียดไป ยิ้มไป กรี๊ดดไป :z2: น้ำตาจะไหลไป  :pig4:
เรื่องนี้ติด ท็อป 5 ในใจผมไปเรียบร้อย ย ย ^^
ชอบอ่ะ ผมว่ามันเป็นธรรมดาชาติดี ค่อยเป็นค่อยไป(ถึงจะนานไปหน่อย) และชอบที่พระเอกไม่เจ้าชู้ ^^
ถ้าเขียนว่าเป็น"เรื่องเล่า" ผมก็เชื่อน่ะ  ^^ ดูไม่เว่อร์ไป ไดูม่เหนื่อธรรมชาติเกินไป(เอ๊าา) ก๊าก ๆ
แต่อยากบอกคนเขียนว่า า เป็นนิยายที่ใช้เวลาอ่านนานม๊าก ก ก  นั้งอ่านตั้งแต่ 6 โมงเย็น ถึงเที่ยงคืนยังไม่ถึงหน้า 15 เลยย
วันนี้เลยมาไฟล์ต่อให้มันถึง สนุก ช๊อบบ ชอบบ บ

มารอลุ้นน ว่าพี่หนุ่ยจะใจอ่อน น ให้เกี๊ยงป๊ะเนี้ย ย ย เหอ  ๆ !! ขอให้ได้กันสาธุ :call:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 14-03-2010 22:26:28
พูดไม่ได้เพราะเนื่องมาจากพี่นั่นแล....ใช่บ่? อิอิ
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 15-03-2010 13:49:59
แหม อิพี่หนุ่ย เค้าหายไป ก็แอบคิดถึงเค้าชิมิล่า แล้วทำเป็นมาดุ ชิส์

ตอนนี้แอบน่ารัก  อิพี่หนุ่ยการกระำทำกับน้องก็ำไม่ธรรมดานะโว้ย ลูบหัวน้องน่ะ แอร๊ยยยย

ลุ้นมะไหร่มันจะรักกันซะดีหว่า แอร๊ยยย 

รอตอนต่อไปจ้า

 

หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Phawaii ที่ 15-03-2010 14:00:34
มารอนะครับ บ บ!!
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(13/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 15-03-2010 22:37:30
พี่ฟาง น่างบเสร็จแล้ว

ตั้งสติแล้วกลับมาแต่งต่อนะ น้องรออยู่

อ๊ากกกกส์ น้องเกี๊ยงของพี่หนุ่ย
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(16/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 16-03-2010 11:35:25
ได้ข่าวว่างบยังไม่เสร็จ อีกยาวเลย แต่ส่งมาลงให้ก่อนค่ะ :z2:
**************************
 ผมส่ายหัวอีก “พูดไม่ได้”

พี่หนุ่ยคงหมดความอดทนกับผม มือที่วางแปะอยู่ทุบหัวผมเบาๆ ไปหลายที
“มึงเป็นใบ้เหรอถึงพูดไม่ได้” ผมยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิมคือไม่อยากพูด
 “เปล่า”
“เอ๊ะ...ไอ้เตี้ย!”
 คราวนี้พี่หนุ่ยคงนึกว่าผมกวนจริงๆ จับตัวผมเขย่าแรงๆ แต่ผมไม่มีเวลามาคิดอะไรครับมันทนไม่ไหวแล้ว  ผมสะบัดตัวจากมือพี่หนุ่ยเอามือปิดปากไว้แล้ววิ่งไปห้องน้ำ อาเจียนของที่กินไปยังไม่ทันถึงชั่วโมงออกมาจนเกือบหมด สรุปว่าของกินที่เสียดายๆ จนกินเข้าไปจนหมดมันก็ต้องเอาออกมาอยู่ดี ผมอาเจียนเสียหมดแรงนั่งเปลี้ยอยู่บนพื้นห้องน้ำ ในปากทั้งขมทั้งเปรี้ยว พี่หนุ่ยเดินเข้ามาดูยืนพิงประตูส่ายหัวแบบสมเพชแล้วหัวเราะ หึหึ ไม่หยุด
“ไอ้อ่อนเอ๊ย แดกไปแค่นี้ก็ออกมาหมด” พี่หนุ่ยส่งแก้วน้ำดื่มมาให้ผม
 “เอ้า ล้างปากซะหน่อย แล้วมึงล้างหน้าล้างตา เป็นผู้เป็นคนแล้วออกมาคุยกับกู”

“อารายพี่...ยังจะคุยอีกเหรอ...ง่วงแล้วน้า บอกแล้วว่าไม่พูด ไม่พูด ก็ไม่เชื่อ เพราะพี่คนเดียวเลย แกล้งผม”
 พี่หนุ่ยคงไม่ได้ยินที่ผมพูด เดินออกไปโดยไม่ช่วยผมเลย ผมล้างปาก ล้างหน้าตาพอจะสร่างขึ้นมาบ้าง รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย อาการผะอืดผะอมหายไป คิดแล้วก็ดีที่เอาออกไปเสียได้
ผมออกมานอนแผ่อยู่ที่พื้นหน้าโซฟาอย่างหมดแรง ตาปรือจวนจะปิด เพลียหมดแรงจนจะหลับมิหลับแหล่ พี่หนุ่ยนั่งลงกับพื้นเขย่าตัวผม ไม่ยอมให้ผมหลับ ใจร้าย...จริงเว้ย
“ตื่นมาคุยกันก่อน ตกลงมึงมีเรื่องอะไรกันแน่ อย่ามาท่ามาก เดี๋ยวกูรำคาญไล่ออกไปนอนนอกบ้านนะ”
“พี่หนุ่ย ไม่มีอะไรจริงๆ” ผมลุกขึ้นนั่งอย่างมึนๆ ขยับตัวไปพิงไว้กับโซฟา แต่ตัวก็คอยจะโอนเอนไปมาอยู่ข้างกายพี่หนุ่ย
“มึงแน่ใจนะ กูรู้นะว่ามึงก็ไม่ได้งานยุ่งอะไรมากมาย”

ผมหันไปหาพี่หนุ่ย “พี่รู้เรื่องผมได้ไง” ผมชี้หน้าพี่หนุ่ย ยิ้มกวนๆ ก่อนพูดย้อนพี่หนุ่ยว่า
 “อย่ามาอำกันดีกว่า พี่ยุ่งจะตายเอาเวลาที่ไหนมาสนใจผม”  พี่น่าจะเอาเวลาไปอยู่กับแฟนมากกว่า ผมคิดของผมแบบนี้ เหอะ ทำมาพูดรู้ดี
“กูโทรไปบ้านมึงมา คุยกับแม่มึง เค้ายังบอกว่าบางวันมึงนอนเล่นอยู่กับบ้าน” น้ำเสียงพี่หนุ่ยจริงจัง มองหน้าเหมือนจะจับผิดผม ผมยังอ้าปากค้างเมื่อได้ยินว่าพี่หนุ่ยโทรไปบ้านผม แถมคุยกับแม่ด้วย
“มึงไม่พอใจอะไรกู บอกมาดีกว่า กูโทรเข้ามือถือก็ไม่รับสาย มันอะไรกัน กูอยากรู้”
ผมหลบตาพี่หนุ่ยแล้วหัวเราะดังๆ ตอบเลี่ยงไป “พี่ก็...คิดมาก มันก็มีบ้างอารมณ์ขี้เกียจ จะใส่ใจอะไรกับคนไร้สาระอย่างผม”

“แค่นั้น?”

ผมพยักหน้าแต่ไม่หันไปมองพี่หนุ่ย ผมไม่อยากพูดมากเพราะผมไม่อยากโกหก ในเมื่อมันไม่ใช่ 'แค่นั้น' แต่มันมีมากกว่านั้น
“เกี๊ยง!” พี่หนุ่ยเอามือจับหัวผมให้หันหน้ามาหา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเคย
“พูดตรงๆ กับพี่”
ผมลังเลไม่รู้จะเอายังไงดี แต่พี่เป็นคนบังคับผมเองนะ  ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่หนุ่ย ยังไม่อยากตอบแต่อยากถามมากกว่า
 “งั้นผมถามพี่บ้าง ตอนผมทำงานอยู่ใกล้ๆ พี่คิดถึงผมมั้ย”
พี่หนุ่ยไม่ใช้เวลาคิดเลยส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่ มึงจะเพี้ยนรึเปล่า เห็นๆ กันจะคิดถึงกันทำไม”
“แต่ผมคิดนะ” ผมตอบแล้วเบะปาก
“เออ ก็มึงเพี้ยนไง” พี่หนุ่ยยิ้มเล็กๆ เอามือขยี้หัวผมเล่น “บ้าด้วย”
“แล้วพี่นึกไงโทรหาผมที่บ้าน” ผมปัดมือพี่หนุ่ยออกแล้วถามอีก
“ก็เห็นหายไปนาน สงสัยว่าเป็นอะไรรึเปล่า ก็เลยโทรไป ทำไม มึงมีความลับอะไร ทำไมกูจะโทรไปไม่ได้”

ผมไม่ตอบคำถามพี่หนุ่ยแต่พูดสวนกลับ “เพราะพี่คิดถึงผมใช่มั้ยล่ะ” หึหึ ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจ พอคิดได้แบบนี้ผมแทบจะหายเมา เอาหัวไปสีไหล่พี่หนุ่ยอย่างประจบ ความรู้สึกเหมือนมีดอกไม้บานในหัวใจ
“เฮ้ย...ก็” พี่หนุ่ยกัดปากแน่น ไม่พูดต่อ
“ก็ใช่มั้ยล่ะ หุหุ” ผมกอดแขนพี่หนุ่ยแน่น เอาหน้าแนบกับต้นแขน แต่พี่หนุ่ยกลับพยายามแกะแขนผมออก แล้วเมือดันหน้าผม
“ก็มึงหายไปนาน กูก็โทรไปไม่คิดอะไรจริงๆ แล้วมึงจะมาเกาะแขนกูทำไมวะ เอาออกไป!”
ในที่สุดผมยอมปล่อยแขนพี่หนุ่ยอย่างเสียดาย เพราะถ้าไม่ปล่อย ผมคงน่วมเพราะแกเอามือดันหน้าผมจนเจ็บระบมไปหมด บวกกับแผลที่ยังแสบเลยทำให้ผมสู้ไม่ไหว ได้แต่ใช้คำพูดสู้

“พี่ก็งี้แหละ ปากแข็งแล้วยังสายตายาวอีก”
“นี่มึงพูดดีๆ กูไปปากแข็งตรงไหน แล้วกูก็ไม่สายตาทั้งยาวทั้งสั้น สายตาปกติเว้ย” ผมย่นจมูกใส่พี่หนุ่ยแล้วเถียง
“ไม่สายตายาวยังไง ต้องให้ผมหายไปนานถึงจะคิดถึง ปากก็แข็ง คิดถึงยังไม่ยอมรับอีก เชอะ”
พี่หนุ่ยเม้มปากแน่น คงจะเถียงผมไม่ออกบ่นกับตัวเอง “มันท่าจะบ้า สายตายาวสั้นอะไรของมัน ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน”
ผมเลื่อนตัวเองไปเก็บของกินที่เหลืออยู่ ยังวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ ปากก็บ่น “ใครจะเหมือนผม สายตาปกติ อยู่ใกล้ก็คิดถึง อยู่ไกลก็คิดถึง”
“มึงนี่เพี้ยนใหญ่ ไปนอนดีกว่าท่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ถึงเช้าก็ยังไม่ไปไหน”
พี่หนุ่ยทำท่าจะหันหลังเดินขึ้นข้างบน ผมเข้าไปเกาะแขนพี่เค้า “ขอนอนด้วยคนนะพี่นะ นะครับ”
พี่หนุ่ยสะบัดแขน ไม่รู้รำคาญอะไรผมนักหนา ไอ้ผมก็นึกว่าแกจะไม่อนุญาตให้ผมไปนอน พี่หนุ่ยมองผมด้วยหางตาแล้วว่า “เออ ทำเป็นมาขอ ไม่เคยมารึไง เก็บของให้เรียบร้อยแล้วค่อยขึ้นมาล่ะ”
ผมยิ้มกว้างให้แกด้วยความดีใจ “พี่น่ารักที่สุดเลย”

พี่หนุ่ยอ้าปากค้างเมื่อเจอคำชมของผมเข้าไป หน้าเป็นสีชมพูแกล้งเกาหัวเขินๆแล้วเดินออกไปบ่นพึมพำ “บ้าป่าววะ มาชมกูน่ารัก”
ผมใช้เวลาเก็บของเช็ดทำความสะอาดสถานที่ไม่นานก็ตามเข้าไปที่ห้องพี่หนุ่ย ออกจะมึนๆก็ทำไปส่งๆ ล่ะครับ พรุ่งนี้เช้าค่อยมาเก็บอีกที แอร์ในห้องเย็นเฉียบจนผมหนาว ผมล้มตัวลงนอนข้างเตียงบนฟูกที่พี่หนุ่ยจัดไว้ให้ผม ผมชะโงกมองดูบนเตียงพี่หนุ่ยนอนหันหลังให้ผมเหมือนเคย
ผมไม่แน่ใจว่าแกหลับไปรึยัง ผ้าห่มกองอยู่แค่เอวเพราะพี่หนุ่ยเป็นคนขี้ร้อน
“พี่หนุ่ย หลับแล้วเหรอ”  ผมถามไปเบาๆเหมือนกระซิบ
ผมตาสว่างไปแล้ว ตอนนี้ในสมองกำลังสั่งงานเต็มที่ การคุยกันเมื่อครู่นี้ทำให้ผมไม่ง่วงอีกต่อไป พี่หนุ่ยไม่ตอบคำถามผม แกคงจะหลับไปแล้วจริงๆ

 ผมถอนหายใจยาวนอนเอามือก่ายหน้าผาก  ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตมีเรื่องใหญ่สำหรับผมไม่มากนัก เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตและความคิดของผมเรื่องหนึ่ง  ผมผ่านปัญหาครั้งนั้นมาได้ทำให้ผมได้ข้อคิดหลายอย่าง บางเรื่องต้องเอาหลักธรรมะมาช่วย แต่บางเรื่องก็เพราะมีพี่หนุ่ยคอยชี้ทาง ผมยกตัวขึ้นนั่งแล้วหันไปมองพี่หนุ่ยอีกครั้ง
แผ่นหลังกว้างของพี่หนุ่ยที่นอนอยู่ใกล้ๆ ปรากฏขึ้นต่อสายตา ผมเท้าคางบนเตียงนั่งมองพี่หนุ่ยเงียบๆในความมืด อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ทำไมบางครั้งเหมือนอยู่ไกลกัน คนๆหนึ่งอยู่ห่างจากผมไม่ถึงคืบแค่เอื้อมมือคว้าไปก็ถึงตัว แต่ผมกลับไม่กล้าทำ ผมนั่งอมยิ้มความรู้สึกดีๆที่ได้แค่มองมันเกิดขึ้นได้ยังไงผมยังสงสัย ผมนั่งมองอยู่นานความรู้สึกแปลกๆ อยากสัมผัสพี่หนุ่ยเกิดขึ้นมาอีกครั้ง ผมเอื้อมมือไปอยากแตะไหล่แต่ก็ต้องเงื้อมือค้างไว้
ผมถามตัวเองว่า 'ผมคิดอะไรกับพี่หนุ่ยกันแน่'

ความรู้สึกหวั่นไหวเมื่ออยู่ใกล้ชิด ความอบอุ่นในใจเมื่อพี่หนุ่ยสัมผัสร่างกายผมถึงแม้จะเป็นเพียงการตบหัว หัวใจที่เต้นแรง รอยยิ้มที่เกิดขึ้นมาเองยามเราต่อล้อต่อเถียงกัน มันเป็นเพราะอะไร ผมทำใจกล้าขยับตัวขึ้นไปนอนบนเตียงข้างพี่หนุ่ยอย่างเงียบๆ  ห่างกันไม่ถึงช่วงแขน แต่รับรู้ถึงไออุ่นจากร่างกายจากร่างกายพี่หนุ่ยที่แผ่มาถึงใจผม ผมเอามือแตะไหล่พี่หนุ่ยเบาๆ ผมคิดว่าผมรู้แล้ว ผมบอกกับตัวเองว่า
“ผมคิดว่า...ผมรักพี่แล้วนะ พี่หนุ่ย”
ผมชักมือกลับแล้วข่มตานอนให้หลับลงทั้งที่รอยยิ้มยังแต้มอยู่ที่ริมฝีปาก อย่างน้อยคืนนี้ผมก็หาคำตอบให้หัวใจตัวเองได้แล้วว่ามันเป็นอะไร แต่คำตอบนั้นจะได้คะแนนเต็มหรือสอบตก คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ ไม่ก็ต้องให้พี่หนุ่ยของผมเป็นคนให้คะแนน ผมจะรอวันนั้น ไม่ลังเลที่จะทำข้อสอบข้อต่อไป
***********************************

ผมยังไม่หลับเมื่อเกี๊ยงเข้ามาในห้องเพียงแต่ผมไม่อยากคุยกับมันอีก คืนนี้มันดึกเกินกว่าจะมาคุยกัน เมื่อมันถามว่าผมหลับรึเปล่าผมจึงไม่ตอบ ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่นอนอยู่ข้างล่างหลายครั้ง ร่ำๆจะหันไปถามว่ามึงเป็นอะไรหนักหนาถึงต้องถอนหายใจมากมายขนาดนั้น แต่เสียงถอนหายใจก็เงียบไปในที่สุด
จนผมเคลิ้มๆเกือบจะหลับ ถึงรับรู้ความเคลื่อนไหวของคนที่นอนอยู่ข้างล่างอีกครั้ง น้ำหนักที่กดลงบนเตียงทำให้รู้ว่ามันคงทำอะไรสักอย่างใกล้ๆ ตัวผม แต่ผมก็ไม่กล้าหันไปดู จนเมื่อแรงหนักกว่าเดิมเสียงขยับร่างกายของคนที่เปลี่ยนที่มานอนข้างๆผม สัมผัสอันแผ่วเบาที่ไหล่ ทำให้ผมสงสัยว่ามันคิดจะทำอะไรกันแน่
“ผมคิดว่า...ผมรักพี่แล้วนะ พี่หนุ่ย”
น้ำเสียงนุ่มนวลไม่ร่าเริงจนทะเล้นเหมือนอย่างเคยแต่ก็จริงจัง ถึงจะแผ่วเบาแต่ผมก็ได้ยินชัดเจน ทำเอาผมตัวเย็นเฉียบ  'มันล้อเล่นอะไรกูแน่ๆ' ผมยังนอนนิ่งรอดูท่าที เผื่อมันจะบอกว่า 'ล้อกันเล่น' หรือมันจะแอบเอากล้องวีดีโอมาติดเอาไว้ แล้วเอามาแซวผมทีหลัง ถ้าผมเผลอหันไปคุยกับมันเข้า

แต่ทุกสิ่งก็ยังเหมือนเดิม มีแต่ความเงียบที่ยังอยู่เป็นเพื่อนผม เสียงลมหายใจแผ่วๆของคนที่นอนอยู่ข้างหลังดังสม่ำเสมอ เป็นสัญญาณว่าน้องเกี๊ยงมันหลับไปแล้ว เล่นมาหย่อนคำพูดไว้แล้วก็ทิ้งกันไปดื้อๆ แบบนี้นะไอ้เตี้ย!
ข้อความที่มันพูดทำให้ผมกลับนอนไม่หลับทั้งที่เกือบจะหลับไปแล้ว ไม่เฉพาะคำพูดพวกนั้นเท่านั้น แต่เพราะผมยังจำได้ถึงสายตาของมันที่มองผมหลายครั้ง แล้วยังรวมถึงกิริยาคลอเคลียของมันที่ผมรู้สึกว่ามันมากกว่าปกติ ทั้งหมดทั้งมวลทำผมหนาวๆร้อนๆตลอดเวลาที่มันมาอยู่ใกล้ๆผม
 ถ้ามันจะรักผมจริงๆไม่ได้ล้อเล่น ...แล้วผมล่ะ 'รักมันรึเปล่า?' ผมถามตัวเองบ้าง แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้

ผมค่อยๆ พลิกตัวนอนหงาย ถอนหายใจขึ้นมาบ้าง ลมหายใจของเราสองคนคงลอยวนเวียนไปด้วยความสงสัยและกังวลใจเต็มไปหมดในห้องนี้ ผมพยายามจะไม่ให้คนข้างกายรู้สึกตัวตื่น พยายามมองทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายดายเหมือนเคย
 ถ้ามันจะชอบผมจริงๆ จะแปลกตรงไหน ผมก็ดีกับมันทุกอย่างเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ทั้งเจ้านาย เป็นธรรมดาที่มันจะต้องชื่นชอบผม ผมอย่าไปหลงตัวเองว่ามันจะมารักใคร่ชอบพออะไรทำนองชู้สาว ไม่สิใช้คำนั้นไม่ได้ มันคงจะไม่ชอบผมในทำนองคู่รัก ไอ้เตี้ยมันคงใช้คำผิดมากกว่า มันควรจะใช้คำว่า 'ชอบ' มากกว่าคำว่า 'รัก'

นี่แหละเด็กสมัยใหม่แค่จะเลือกใช้คำยังใช้ผิดเลย มาทำเอาหัวใจผมแกว่ง ผมคิดได้แบบนี้แล้วก็หันไปดูไอ้เตี้ยอีกครั้ง ท่าทางมันจะฝันดีรอยยิ้มยังติดอยู่ที่ริมฝีปากถึงแม้จะนอนเงียบไปนานแล้ว
ผมพยายามข่มตาหลับเมื่อหาเหตุผลกับตัวเองได้ ถ้าพรุ่งนี้มันจะมาถึง ผมก็คงจะเหมือนเดิมสำหรับน้องเกี๊ยง อีกหน่อยพอมันคิดได้มันก็คงจะเลิกเพ้อไปเอง ผมหวังไว้แบบนั้น

เช้านี้ผมตื่นสายกว่าปกติอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็ยังใช้เวลาอีกนาน เพิ่งมาหลับเอาจริงๆตอนตีสาม ผมนอนไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อมีอะไรเย็นๆมาแนบแก้ม
“ว้ากกก...เล่นอะไรวะ” ผมต้องตื่นขึ้นมาโวยจนได้ เสียงหัวเราะดังๆของคนที่อยู่ตรงหน้าทำเอาผมฉุน
“กว่ากูจะหลับก็ตั้งดึก มึงยังมาแกล้งกูอีกนะ คนจะนอนสบายๆสักหน่อย”
เจ้าตัวดียืนดื่มนมเย็นจนเห็นหยดน้ำเกาะพราวที่แก้ว คราบนมเป็นเขี้ยวติดอยู่ที่แก้ม เหมือนเด็กเล็กๆไม่มีผิด
ไอ้ตัวแสบทำหน้าฉงนแต่ก็ยังยิ้มจนผมหมั่นไส้ มันจะอารมณ์ดีอะไรนักหนาวะ
 “พี่นอนดึกเหรอ ตอนผมขึ้นมาพี่หลับไปแล้วนี่ ไม่เห็นดึกเลยตีหนึ่งกว่าเอ๊ง”

ผมสะดุ้งไปหน่อยก่อนโวยต่อ “มึงอย่ามาจับผิดคำพูดกู” ผมล้มตัวลงนอนอีกที “ไปไหนก็ไป กูจะนอนต่อ” ผมโบกมือไล่มันไป ยังนอนได้ไม่เต็มอิ่มจริงๆ
ความเย็นจากแก้วนมมาแตะที่แก้มผมอีกครั้ง ผมลุกขึ้นนั่งหันหน้าจะไปด่า ไอ้เตี้ยมันก็เอามือมาอุดปากผมไว้ ยื่นหน้ามาเสียชิด “จุ๊ๆ มันเที่ยงแล้วพี่ จะนอนไปถึงไหน ทำเป็นคนแก่นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ หึหึ” น้องเกี๊ยงปลดมือลงจากปากผมแล้วนั่งบนเตียงมองผมยิ้มกริ่มก่อนที่จะดื่มนมต่อทำไม่รู้ไม่ชี้
ในขณะที่ผมยังเหวอๆกับท่าทางของมันอยู่ ตาก็เหลือบไปดูนาฬิกา“เที่ยงแล้วเหรอ กูนอนนานขนาดนั้นเลย เฮ้อ” ผมเอามือลูบหน้าอย่างเพลียๆ หรือผมจะแก่ไปแล้วจริงๆ  ก่อนที่ผมจะทำอะไรต่อไป เกี๊ยงมันเอามือมาดันตัวให้ผมนั่งพิงหัวเตียง

 “นั่งก่อนแป๊ปนึงพี่ ลุกไวๆเดี๋ยวหน้ามืดนะ” ผมมองหน้ามันอย่างงงๆ 
ไอ้เตี้ยยิ้มกว้างอีกครั้งก่อนบอกว่า“ผมเป็นห่วง”
แขนของมันเสียดสีกับแขนผม กระไอร้อนออกมาจากร่างกายมัน สัมผัสได้ถึงเลือดเนื้อของเด็กหนุ่ม ผมพยายามไม่หันไปมองมัน เอ่ยขึ้นมาลอยๆ “มึงตื่นนานแล้วเหรอ”
“อืม...นอนหลับสนิท... มีความสุข”
ผมอดไม่ได้ต้องหันไปมองมัน น้องเกี๊ยงเองก็หันมามองหน้าผมพอดี ผมเกือบยกมือเช็ดคราบนมที่แก้มมันแล้วแต่ผมก็ไม่ทำ แก้มขาวๆของมันเปลี่ยนเป็นสีชมพู มันคงร้อน ผมยังร้อนเลย ทำไมมันร้อนอย่างนี้วะ 

“เหรอ ก็ดีแล้วนี่สุขดีกว่าทุกข์” ผมส่งยิ้มไปให้มัน หัวเราะเสริมไปด้วยแต่ไม่ยักมีเสียงออกมา รู้สึกเหมือนกันว่าหน้าตาผมคงแปลกๆ บังคับริมฝีปากแค่จะยิ้มยังยาก
ผมลุกขึ้นตั้งใจว่าไปอาบน้ำดีกว่า มึงมาใกล้กูเกินไปแล้วไอ้เตี้ย เสียงมันตะโกนตามหลังผมมา ได้ยินเต็มสองหู
“ผมกำลังมีความรัก...พี่”
ผมหยุดนิ่งไปทันทีก้าวขาต่อไปแทบไม่ออก ตอบมันไปเสียงสั่นๆว่า “ดีๆ มีความรัก กูยินดีด้วย” ผมโบกมือให้มันแต่ไม่หันหลังไป ผมต้องเดินหน้าครับ อาบน้ำๆเราต้องอาบน้ำ มันร้อนทำไมหน้ากูมันร้อนขนาดนี้ 

กว่าผมจะอาบน้ำดับความร้อนในใจไปได้ก็กินเวลาเกือบชั่วโมง พอลงมาน้องเกี๊ยงมันก็ไม่อยู่แล้วครับ มีก๋วยเตี๋ยวสองห่อวางอยู่บนโต๊ะพร้อมจดหมายน้อยฉบับหนึ่ง

พี่หนุ่ยคร้าบบ...
ผมไปแล้วนะ จะรีบไปเคลียร์งาน กินเยอะๆนะผมตั้งใจซื้อมาให้  จะได้โตไวๆ
ไปแล้ว...
ไอ้เตี้ยของพี่

“มันมาเป็นของกู ตอนไหนวะ” ผมเกาหัวแกรกๆ แล้วถอนหายใจมาอีกที ผมไม่รู้ตัวหรอกครับว่าผมเผลอยิ้มอยู่
*********************
 :pig4:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(16/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 16-03-2010 12:29:35
ไอ้พี่หนุ่ย เป็นๆไปเหอะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(16/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-03-2010 12:48:37
อันแน่ พี่หนุ่ยแอบปลื้มอะดิ๊

เจอคำสารภาพรักของน้องเกี๊ยงเข้าไปเต็มๆ  :m3:

 
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(16/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 16-03-2010 12:56:17
อ๊ากกก พี่หนุ่ยเริ่มหวั่นไหวซะแล้ววววว
น้องเกี๊ยงน่าร๊ากก  :-[
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(16/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 16-03-2010 23:37:03
เย้ๆๆๆ ขอบพระคุณคุณพี่ที่เจียดเวลาแต่งต่อ

น้องจะรอตอนต่อๆไปอย่าง รอคอย

สู้เค้านะน้องเกี๊ยงงงงงงงงงงงงงงงงง อย่าปล่อยพี่หนุ่ยเด็ดขาด  o13
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(16/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 17-03-2010 00:11:58
น้องเกี๊ยงแอบบอกรักโดยไม่รู้ตัว (ว่าคนถูกบอกได้ยิน)

ท่าจะเป็นหวั่นไหวเพราะใช่รัก
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(16/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 17-03-2010 13:15:37
กรี๊ดดดดดดดด เผลอบอกรักโดยไม่รู้ตัวไปซะแล้ว

อิี่พี่หนุ่ยจะทำไงต่อไป โฮะ ๆๆๆ หวั่นไหวสิ หวั่นไหว  :oni3:

รึต้องมีหนุ่มมาขายขนมจีบน้องเกี๊ยง เผื่อต่อมอะไรมันจะทำงาน  :z2:

หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(16/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Phawaii ที่ 17-03-2010 17:16:51
อ๊า ย ย ย ย ย ยย ย  ยย ย 

น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :pighaun:

หลงรักกันแล้ว ว อ๊า ยย ย ย ย ยย  * มารอตอนต่อไปว่า เกี๊ยงจะจีบพี่หนุ่ยยังไง !!*

หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 20-03-2010 17:56:43
 :try2: ตกหน้าไปไกลเลย แหะๆ ขอโทษที่มาลงช้านะคะ
******************************************
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาน้องเกี๊ยงก็ดูร่าเริงขึ้น แต่ก็ยังไม่มีคำพูดอะไรใหม่นอกจากคำว่า “คิดถึงพี่นะ” ที่มันพยายามขยันหมั่นเพียรบอกผมอยู่เสมอๆ ทั้งต่อหน้า เอสเอ็มเอสหรือแม้แต่บางครั้งถ้าไม่เจอหน้ากันนานๆ น้องเกี๊ยงจะมาทิ้งโน้ตไว้ที่โต๊ะผม จนกลายเป็นคำติดหู ติดตาของผมไปแล้ว

 ทำให้ผมเบาใจว่ามันคงแค่ชอบผมเหมือนที่ผมคิด คำว่า ‘รัก’ ใครจะมาพูดกันพร่ำเพื่อง่ายๆ  แต่ก็ออกจะแปลกใจไม่ได้ว่ามันจะคิดถึงอะไรกันนักหนา

น้องเกี๊ยงอารมณ์ดีมากขึ้นปล่อยหมาออกมาจากปากประปราย กลับมาทำงานกับทีมงานของผมอย่างสนุกสนาน ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ผมต้องเป็นกังวลอีกแล้ว ดูท่าทางมันก็แฮปปี้ดี ผมตัดความกังวลใจต่างๆออกไป เพราะปกติผมจะไม่สนใจความรู้สึกของใครที่มีต่อผมอยู่แล้ว ผมแคร์ตัวเองมากกว่าว่าผมรู้สึกยังไงกับคนๆนั้น

“หนุ่ย ไปกินข้าวกันหน่อยสิ วันนี้โดนเจ้าของงานเล่นมา กำลังเซ็งอยากหาเพื่อนคุย” เสียงเจื้อยแจ้วส่งมาตามสาย นานๆ ผมจะมีสาวชวนไปกินข้าวทั้งทีมีหรือผมจะปฏิเสธ
“ได้เลยตุ้ม ไปกินที่ไหนดี ให้ตุ้มเลือกดีกว่า”
“เอาร้านใกล้ๆที่ทำงานหนุ่ยแล้วกัน ร้านที่เคยพาตุ้มไป ร้านนั้นบรรยากาศดี ชื่อร้านอะไรนะ นึกไม่ออก” 
“อ๋อ ร้านวิวสบายใช่มั้ย ที่ตุ้มบอกว่าชอบห้องน้ำเค้า ใช่ร้านนั้นรึเปล่า หึหึ”เสียงเคาะประตูกระจกข้างนอกดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นไปเป็นน้องเกี๊ยงนั่นเองครับ ผมพยักหน้าให้ น้องเกี๊ยงเดินเข้ามาในห้องผมแล้วนั่งรอเงียบๆ
“บ้าเหรอ จำได้แค่เรื่องนี้ ตุ้มชมไปตั้งหลายอย่าง พิลึกคนจริงๆจำแต่เรื่องห้องน้ำ”
ผมกับตุ้มต่างหัวเราะกันทั้งคู่ ก็จริงของตุ้ม “เออ ผมก็ไม่รู้ตัวนะ แต่ผมจำได้แค่นี้เองนี่นา ตุ้มจะมาได้กี่โมงครับ เดี๋ยวผมจะได้กะเวลาบ้าง”

ผมเหลือบไปดูน้องเกี๊ยงที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาดูงานที่อยู่ในมือ ทำให้ผมไม่เห็นหน้ามันเลย เห็นแต่คิ้วที่ขมวดกันอยู่ ผมเอานิ้วเคาะโต๊ะเรียกความสนใจจากมัน น้องเกี๊ยงเงยหน้าขึ้นมามอง ส่งตาขวางมาให้ผม ทำเอาผมสะดุ้ง อากาศก็ร้อนจัดขนาดนี้หวังว่ามันคงไม่บ้าคลั่งมากัดผมนะ ผมมองหน้ามันเพลินจนตุ้มพูดอะไรไม่ผ่านหูผมเลย มารู้ตัวก็เมื่อตุ้มถามคำถามขึ้น
“หนุ่ยทำอะไรอยู่ทำไมเงียบไปคะ”
“ก็คุยโทรศัพท์อยู่นี่ไง คุยกะคุณตุ้มอยู่ขอรับ” น้องเกี๊ยงเอางานมาวางบนโต๊ะ ทำหน้ามุ่ยหันหลังจะเดินออกไป มันคงเบื่อที่ต้องมานั่งรอ ไม่พูดอะไรสักคำ
“แล้วทำไมเงียบไป” เสียงของตุ้มถามมาอีก ทำเอาผมละล้าละลัง ว่าจะเอายังไงดี
“ตุ้ม แป๊ปนะครับ” ผมหันไปตะโกนเรียกน้องเกี๊ยงก่อนที่มันจะก้าวออกจากห้องผมไป

“เกี๊ยงรอเดี๋ยวสิ พี่คุยด้วย” น้องเกี๊ยงหันมามองผมทำสีหน้าเบื่อหน่าย  แล้วจะก้าวออกไปอีกครั้ง
“เฮ้ย จะไปไหนมาๆ เร็ว กูวางสายแล้ว ใจร้อนจริงเว้ย” ผมเรียกมันไว้ได้แล้วก็รีบวางสายดีกว่า
“ตุ้มครับ ตกลงกี่โมงนะ เดี๋ยวผมต้องทำงานแล้ว น้องเค้าเอางานมาส่ง” เสียงหัวเราะของตุ้มดังเข้ามา ก่อนที่เสียงใสๆ จะบอกอย่างเข้าใจว่า
“แล้วก็ไม่บอกแต่แรก ไปประมาณหกโมงครึ่งถึงหนึ่งทุ่มแล้วกันนะคะ โอเคไม่กวนแล้วล่ะ มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่อยโทรหากันนะคะ “
“ครับผม แล้วเจอกันหกโมงครึ่งครับ” ผมวางสายไปแล้วแต่ยังไม่หยุดยิ้ม แต่เปลี่ยนรอยยิ้มมาส่งให้น้องเกี๊ยงแทน แต่กลับได้หน้างอๆ คืนกลับมา
“พี่รีบดูงานสิ เดี๋ยวผมจะไปแล้ว” น้ำเสียงของมันไม่น่ารักเอาซะเลย ผมหยิบเอางานมาดู แต่ปากก็พูดไปด้วย
“เป็นไร  ฮอร์โมนไม่ปกติเหรอ รอแค่นี้ก็ทำอารมณ์เสีย”

“....” ไม่มีเสียงตอบจากมัน มีแต่ความเงียบ มันเงียบจนผมไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจของมัน หรือว่ามันออกจากห้องไปแล้ววะ ผมเงยหน้าขึ้นมาจากงาน ก็สบกับสายตาของมันที่มองผมอยู่พอดี มันทำท่าจะหลบแต่ก็ไม่ทันแล้ว
“มีอะไรอยากถามกูรึเปล่า” มันทำท่าจะส่ายหน้า หลบสายตาผมอีก ผมวางงานลงทันที
“อย่าหลบ อย่าปฏิเสธ ตอบมา กูรู้ว่ามึงมี” มันต้องมีสิน่า
“...ทำไมต้องมี พี่จะรู้ดีกว่าผมได้ไง” น้องเกี๊ยงทำปากเบ้ พูดเสียงเหมือนเยาะ เหลือบตามองไปทางอื่น ไม่ยอมมองหน้าเวลาพูดกัน
“กูเห็นตามึง กูก็รู้แล้วว่ามึงคิดอะไรอยู่” ผมรู้ว่ามันต้องคิดแต่บางครั้งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าคิดเรื่องอะไร  ผมก็พูดไปอย่างนั้นเอง มันอยากกวนดีนัก

“โกหกกันชัดๆ พี่เป็นใครจะมารู้ใจผม”
 ฟังมันพูดแล้วผมเกิดโมโหครับ มันตั้งใจเหวี่ยงใส่ผมเห็นๆ ผมพยายามสะกดอารมณ์ พูดกับมันอย่างใจเย็น ก้มหน้าลงดูงานต่อ เวลางานไม่อยากเสียเวลามาทะเลาะกับใครครับ
“ไม่รู้ก็ไม่รู้  กูไม่ได้เป็นใคร กูก็เป็นของกูแบบนี้”

ผมนั่งดูงานเงียบๆ สงสัยตรงไหนก็ถามมัน มันก็ถามคำตอบคำ ไม่พูดนอกเรื่องอะไรอีก เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าน้องเกี๊ยงเริ่มมองนาฬิกาบ่อยครั้งขึ้น จนผมรำคาญ
“ทำไม มึงมีนัดเหรอ จะไปไหนก็ไป พรุ่งนี้ค่อยมาเอางานคืน” ผมทำงานต่อไป แต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงลุกออกจากห้องของมัน จนผมเงยหน้าอีกครั้ง เกี๊ยงมันถึงบอกผมว่า
“ผมไม่ได้มี พี่สิมี มีนัดกับแฟนไม่ใช่เหรอ นี่มันหกโมงกว่าแล้วนะ ไม่รีบไปจะมาทันนะ” ผมคิดไปพักใหญ่กว่าจะนึกออกว่าแฟนที่น้องเกี๊ยงว่ามันหมายถึงใคร ผมมีนัดหรอกรึเย็นนี้
“เฮ้ย จริงนี่หว่า ตายกูไปไม่ทันแล้ว”

 ผมโทรศัพท์หาตุ้มทันที ผมไม่ชอบไปสายครับ เสียหมดไม่อยากเป็นคนไม่ตรงต่อเวลา
“ตุ้มครับ ผมทำงานจนลืมเลย ไปช้าหน่อยนะ” ตุ้มไม่ว่าอะไรเพราะเธอก็ยังไปไม่ถึงเหมือนกัน วางสายแล้วผมรีบเก็บงานบนโต๊ะใส่กระเป๋าบอกเกี๊ยงว่า
“พี่ไปกินข้าวก่อนนะ พรุ่งนี้พี่จะมาแต่เช้าดูงานให้ จะทันรึเปล่า”
น้องทำหน้างอๆ “ไม่ทันแล้วพี่แคร์เหรอ ไม่ทันก็ไม่ทัน” ผมยังงงๆกับที่มันพูด ว่าตกลงมันทันหรือไม่ทันกันแน่ มันเมินหน้าหนีแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมเรียกมันอีกครั้งก่อนที่มันจะไปจริงๆ
“เดี๋ยวเกี๊ยง  ตุ้มไม่ใช่แฟนพี่นะ”

น้องเกี๊ยงมองกลับมา ดวงตาสดใสขึ้นริมฝีปากขยับยกขึ้นเหมือนยิ้มนิดๆ แต่ผมยังพูดไม่จบ
ผมเดินมาที่ประตูบอกกับน้องเกี๊ยงที่ยืนนิ่งอยู่ “แค่คนที่อาจจะเป็นแฟนเท่านั้นเอง”
ผมเดินผ่านหน้ามันออกไป สายตาน้องเกี๊ยงมองตามผม หน้าตามันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก นิ่ง เฉย ไม่ได้พูดอะไรอีก อารมณ์กลับไปกลับมาสมเป็นวัยรุ่นจริงๆ
ผมบอกมันคำสุดท้ายก่อนจะจากมาแค่ว่า “พรุ่งนี้เช้าเจอกัน” ผมยังจำสายตาของน้องเกี๊ยงที่มองมาได้ดี ผมไม่รู้ว่ามันคิดยังไง รู้แค่ว่าเห็นแล้วผมไม่สบายใจเอาเสียเลย

สภาพการจราจรในช่วงเวลาเย็นที่คนพร้อมใจกันเลิกงานแสนจะติดขัด ถึงแม้ระยะทางมาร้านอาหารจะใกล้แต่ผมก็ยังไปสายจนได้  อากาศยามเย็นริมแม่น้ำก็ยังคงร้อนอยู่ดี โลกร้อนมันมีผลอย่างที่เราคาดไม่ถึงจริงๆ ผมเดินเข้าไปในร้านกวาดตามองหาตุ้ม  ตุ้มนั่งอยู่ด้านในสุดของร้าน นั่งเท้าคางมองเหม่อออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอก บนโต๊ะวางแก้วเบียร์ที่พร่องไปกว่าครึ่งขวด
“สวัสดีครับ โทษนะมาช้าไปเยอะเลย” ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู ผมมาถึงเกือบสองทุ่มเลยเวลานัดไปนานเลย 
ตุ้มหันหน้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง พวงแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อคงเพราะมาจากเบียร์ที่ดื่มเข้าไป “ปรับดีกว่า มาช้าขนาดนี้”
“ได้เลย มื้อนี้ผมเป็นเจ้ามือเอง”
ตุ้มหัวเราะ แต่ส่ายหน้า มีรอยยิ้มในแววตา คงเพราะเบียร์ที่ดื่มไป “ไม่เอาค่าปรับแบบนั้นมันง่ายเกินไป เอาอย่างอื่นดีกว่า”
เข้าทางผมพอดี “งั้นเอาตัวผมไปเป็นทาสรับใช้ดีมั้ย ใช้งานง่ายนะ”
สีหน้าตุ้มแดงจัดไปกว่าเดิม แต่ยังเสหัวเราะร่วน ส่ายหัวแรงกว่าเดิม “นั่นยิ่งไม่เอาใหญ่เลย รับไม่ไหว”
“ทำไมล่ะ ผมเป็นคนดีนะ หน้าตาไม่หล่อแต่เร้าใจ ทำงานบ้านได้พอสมควร กับข้าวพอทำได้แต่กินไม่อร่อย ซักผ้าใช้เครื่องก็พอไหว อะไรอีกดีล่ะ แล้วแต่เจ้านายจะเรียกใช้เลย”

ตุ้มยิ้มแล้วส่งเมนูให้ผม “สั่งอาหารก่อน เอาแบบแซ่บๆนะ หวานๆไม่เอา มันเลี่ยน” ตุ้มมองหน้าผมแล้วอมยิ้มจนแก้มป่อง
“ผมก็นึกว่าชอบหวานๆเสียอีก หึหึ”
ผมสั่งอาหารไปสองสามอย่างแล้วขอเบียร์เพิ่ม  การคุยกันของเราเป็นไปอย่างออกรส ตุ้มไม่ใช่สาวเปรี้ยวจนเข็ดฟันแบบส้ม แต่ก็ไม่เรียบร้อยจนเกินไป เป็นตัวของตัวเองไม่มีการไว้ฟอร์ม ฉลาดรอบรู้ไปหมด แต่ไม่อวดเก่ง นี่แหละที่ทำให้ผมสบายใจเมื่ออยู่ใกล้
ตุ้มรินเบียร์ให้ผมบ้างไม่ยอมให้ผมนั่งมองเธอดื่มคนเดียว “ตุ้มรู้ตัวรึเปล่า พอดื่มเบียร์เข้าไปแล้ว แก้มแดงๆแบบนี้น่ารักนะ”
เจอผมชมเข้าไป ตุ้มแอบยิ้มเขินสบตาผมตรงๆ “หนุ่ยเป็นผู้ชายปากหวานนะ ใครอยู่ใกล้เคลิ้มตายเลย”
ผมส่งสายตาหวานไปให้บวกกับเลือดในกายที่ร้อนผ่าวจากฤทธิเบียร์ทำให้ตัวตนผมกลับมาอีกครั้ง  “แล้วเมื่อไหร่ตุ้มจะเคลิ้มซะทีล่ะ ผมก็รออยู่”

ตุ้มย่นหน้ายกนิ้วชี้ส่ายไปมาให้ผม “หนุ่ยอย่านะ อย่ามาหวานใส่กัน อย่ามาหยอดด้วย”
ผมขำที่ตุ้มห้ามผมหยอด “ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ ใครๆเค้าก็ชอบคนพูดหวานใส่ทั้งนั้น”
“ชอบสิ แต่ก็กลัว”
“กลัวอะไรครับ ผมออกจะใจดี”
“กลัวจะหวานไม่ตลอด กลัวจะปากหวานแต่ใจไม่ได้คิดแบบนั้น หนุ่ยอย่าโกรธนะ ตุ้มเป็นคนตรง”
ผมหัวเราะ “คนตรงดีกว่าคดนะ ผมชอบ ผมไม่แก้ตัวหรอก ว่าผมปากหวาน ก็ผมเป็นแบบนี้นี่ แต่ผมบริสุทธ์ใจ ไม่ได้คิดจะหลอกใคร”
 “งั้นตุ้มถามตรงๆอีกครั้ง หนุ่ยกำลังจีบตุ้ม หรือว่าหนุ่ยแค่พูดคำหวานไปเพลินๆ ตามความเคยชิน” ตุ้มถามผมจริงจัง แต่ท่าทีกลับดูสบายๆ ไม่ได้เคร่งเครียดอะไร
“จีบจริงๆสิ ถ้าตุ้มโอเคเราก็เป็นแฟนกันได้เลย ทันที”

ตุ้มไม่ตอบแต่ก้มหน้าตักกับข้าว เอาพริกใส่จานผมกองพะเนิน “ตุ้มทำอะไร ผมไม่ได้ทานเผ็ดเก่งขนาดนั้น”
“รู้ไง เลยให้กินพริกเยอะๆ เวลาพูดอะไรจะได้พูดยากๆ มั่ง ให้ปากแสบๆหน่อย  พูดเรื่องแฟนเป็นเรื่องง่ายไปซะหมดอย่างกับของเล่นของเด็ก ระวังเถอะ เดี๋ยวจะแช่ง ให้เวลาพูดของจริงให้พูดไม่ออกกันเลย” ตุ้มส่งสายตาค้อนขวับมาให้ผม ผมขำก็ขำ แต่อารมณ์สนุกยังมีอยู่
“แล้วตุ้มโอเครึเปล่าล่ะ เอาแต่กินทำไมเงียบไป”
“ไม่โอเคหรอก ใครเค้าจะไปโอเคง่ายๆ  คนเค้ามีพ่อมีแม่นะ ทำอะไรก็ต้องคิดให้ดีก่อน”
“แสดงว่าผมยังมีหวังใช่ไหม ตัดสิทธิ์นั้นของผมไปรึยัง”
“คุณยังได้สิทธิ์นั้นอยู่” ตุ้มหัวเราะออกมาจนได้ “ยังไม่ตัดสิทธิ์ แต่ยังไม่ตกลง ขอคบกันเป็นเพื่อนดีกว่า แล้วไม่ต้องมาหวานใส่แล้วนะ ไม่ไหว กลัวเป็นเบาหวาน อยากให้สุขภาพใจแข็งแรงหน่อย”
“แปลกคนจริงๆ ทำไมไม่ชอบนะ ไม่เข้าใจ”

ตุ้มหยิบน้ำมาดื่มก่อนอึกใหญ่ก่อนบอกผมว่า “เพราะกลัวติดหวาน พออีกหน่อยหนุ่ยไม่หวาน ตุ้มจะเสียใจ ถึงจะหวานแบบเป็นเพื่อนก็เถอะ หนุ่ยไม่รู้อะไร ผู้หญิงใจอ่อนนะเจอคนมาพูดหวานๆด้วย ถึงใจว่าไม่คิดว่าเค้ารัก มันก็แอบเข้าข้างตัวเองได้เรื่อย ตุ้มเองก็ไม่ใช่คนหนักแน่นอะไรนักหนา  ยังไม่อยากน้ำตาเช็ดหัวเข่าโดยไม่ได้ตั้งใจ”
ตุ้มพูดแบบนี้ขึ้นมาเหมือนความทรงจำย้อนกลับมาอีกครั้ง ผมจำได้ว่าฝันมันก็เคยบอกผมทำนองนี้เหมือนกัน หรือว่าผมเป็นแบบนั้นแล้วจะทำให้คนอื่นต้องเสียใจจริงๆ
“ผมมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอตุ้ม” ผมขมวดคิ้วถอนหายใจขึ้นมาบ้าง
ตุ้มหัวเราะเบาๆ แล้วยิ้ม “ไม่ได้แย่นะ ยังไงล่ะ ความหวานมันเหมือนดาบสองคม บางทีหนุ่ยอาจะใช้ความหวานมากไปโดยไม่รู้ตัว บางครั้งมันทำให้คนอื่นชุ่มชื่นหัวใจ แต่บางครั้งมันเหมือนโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ รอวันที่มันจะปะทุขึ้นมา เหมือนโรคเบาหวานกว่าจะรู้ตัวก็ป่วยไปซะแล้ว”

เจอคำเปรียบเทียบของตุ้มเข้าไปผมถึงกับหายเครียด ได้แต่ขำ “ตุ้มคิดได้ไง ยอดไปเลย แต่มันเห็นภาพชัดเลยนะ ช่วยได้เยอะ ผมรู้เลยว่าผมคงต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้แล้ว ผมคงทำอะไรคิดน้อยไปหน่อยจริงๆด้วย”
“อืม ที่จริงหนุ่ยน่ารักนะ คุยด้วยแล้วสนุก แต่ให้เป็นคนรัก บอกตรงๆ ตุ้มไม่กล้า ไม่มั่นใจด้วย”
“พูดแบบนี้ผมใจเสียเลย แรกๆมาทำผมหัวใจพองโต เต็มไปด้วยความหวัง ต่อมาก็เยียบหัวใจผมซะเละคาเท้า ผู้หญิงอะไรใจร้าย” ผมแกล้งตัดพ้อตุ้มด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แต่ตุ้มคงไม่หลงกล
รอยยิ้มขันประดับบนใบหน้าตุ้มอีกครั้ง แววตารื่นรมย์ “อีกแล้วนะ น้ำเน่าได้อีก หึหึ”

“สมมุตินะ  ถ้าเราเป็นแฟนกันหนุ่ยคิดจะคบไปถึงแต่งงานกับตุ้มเลยมั้ย” ผมฟังตุ้มพูดจบแล้วก็หัวเราะ
“ตุ้มจะถามผมตรงไปไหน อะไรกันนี่ ฮ่าๆๆ” ตุ้มทำเอาผมอึ้งได้อีก ที่กล้าถามผมแบบนี้ แต่ผมก็กล้าตอบตรง
“ถามตรงมาผมก็ตอบตรงไป ว่าไม่แน่ใจ ผมยังไม่อยากแต่งงานกับใคร” ตุ้มเอาแต่ส่ายหน้าแล้วยิ้ม
“ ตุ้มก็คิดแบบนั้น ถึงบอกว่าเราคบเป็นเพื่อนกันดีกว่าเยอะเลย” ตุ้มยกแก้วเบียร์ชนแก้วผมเบาๆ ยิ้มมุมปาก
“แด่มิตรภาพของเราค่ะหนุ่ย”
“ครับ แด่มิตรภาพของเรา”
ระหว่างตุ้มกับผมเราคงคบกันแบบผู้ใหญ่ที่มองเรื่องชีวิตคู่เป็นเรื่องรองสำหรับชีวิตไปแล้ว หลังจากที่ผมพลาดจากส้มครั้งที่แล้ว ความรู้สึกอยากแต่งงานมันก็หายไปอีก ผมคงพอใจชีวิตแบบนี้ไปซะแล้ว ชีวิตที่อยู่คนเดียว

คืนนี้กว่าเราจะแยกย้ายกันกลับบ้านก็สี่ทุ่มกว่า ถ้าถามผมว่าผมมีความสุขรึเปล่า ผมตอบได้เลยว่าผมสนุก ผมมีความสุขกับการได้ใช้เวลากับตุ้ม ถึงแม้จะเป็นแบบเพื่อนก็ตาม ผมไม่เสียใจที่ตุ้มบอกว่าขอคบกันแบบเพื่อนไปก่อน  ยังไงผมก็ยังมีเวลาไม่เห็นต้องรีบ  ถ้าเราจะได้เป็นคู่กันไม่ว่านานแค่ไหนก็คงได้เป็น แต่ถ้ามันไม่ใช่ ถึงตกลงคบกันตอนนี้อนาคตก็อาจต้องเลิกรากันไปอยู่ดี
กลับมาถึงบ้านถอดเสื้อผ้ากำลังจะอาบน้ำแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า น่าจะโทรหาน้องเกี๊ยงสักหน่อย  ผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูมีเอสเอ็มเอสของน้องเกี๊ยงส่งมา
“ผมนอนไม่หลับ ทำไงดี”
ผมอ่านแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ มันนอนไม่หลับ ผมไม่ใช่ยานอนหลับนี่จะได้ทำให้มันหลับได้ ดูเวลามันส่งมาตอนสามทุ่ม
“ท่าจะบ้า สามทุ่มจะไปหลับได้ยังไงวะ ทุกทีก็นอนเที่ยงคืนไปแล้ว กวนนะมึง”

“ว่าไง หลับรึยัง” ผมส่งเสียงทักทายไปก่อนที่มันจะพูดอะไรซะอีก
“คร่อกกก...ฟี้...” ฟังมันครับ ทำมากรนใส่หูผม
“ว้าหลับซะแล้ว งั้นพี่วางสายดีกว่า หึหึ”
ยังไม่ทันที่ผมจะวางไปจริงๆ เสียงโวยวายก็ดังมาตามสาย “เฮ้ย...ยังๆ ยังไม่หลับพี่ หูยยย...ใจร้าย โทรมาเหมือนเสียไม่ได้ ไม่ฟังกันมั่งเลย เอะอะวาง เอะอะไป อะอะไล่ เหอะ...”
“ถ้ามึงไม่เลิกบ่น กูวางจริงดีกว่า อุตส่าห์โทรมาก็บ่นเป็นตาแก่ไปได้ กูไม่ใช่ลูกมึงนะ ”
เสียงหัวเราะกิ๊กดังเข้ามา “อย่าเป็นคนแก่ใจน้อยไปสิพี่ พี่โทรมาผมก็ดีใจ ปลาบปลื้มจนนอนไม่หลับไปกว่าเดิม”
ผมคงโกรธมันไม่ลงจริงๆ แต่เถียงมันไม่ทัน แต่วันนี้เหมือนขาดหายอะไรบางอย่างไป

“คิดถึงพี่นะ” เมื่อเสียงนุ่มนวลกว่าเคยของมันเอ่ยขึ้นมา ผมยิ้มกับตัวเองจนได้ นี่ไงล่ะที่ขาดหายไป
“กูขอซื้อได้มั้ยคำนี้ พูดบ่อยเหลือเกิน ไม่รู้ดีแต่พูดรึเปล่า จะคิดถึงกันจริงมั้ยก็ไม่รู้”
“คิดถึงจริงนะ ผมพูดออกมาจากใจ” ผมไม่รู้ว่ามันพูดเล่นหรือพูดจริง แต่ผมก็เลือกที่จะเชื่อมันไปแล้ว
“คิดถึงกูน้อยหน่อยก็ได้” ผมเขินที่จะพูดแต่อาจจะเพราะยังมึนๆเบียร์อยู่ทำให้ผมพูดต่อ
“แค่ไม่ลืมคิดถึงกูก็พอแล้ว”
“...” เงียบกริบไม่มีเสียงเย้าแหย่จากน้องเกี๊ยงอีก หรือผมพูดอะไรผิด สายอาจจะหลุดไปก็ได้ แต่ในที่สุดมันก็เอ่ยเสียงแผ่วๆสวนขึ้นมา
“ผม...พี่นะ” เสียงน้องเกี๊ยงเบาไป ผมได้ยินไม่ชัดเลย
“อะไรนะ ไม่ได้ยิน พูดใหม่อีกที”

เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น “วันนี้ไม่พูดแล้ว นอนดีกว่า เริ่มง่วงแล้วพี่ พี่เป็นยานอนหลับที่ดีจริงๆ คุยกับพี่ทีไรหัวถึงหมอนปุ๊ปผมหลับสบาย”
“หึหึ งั้นก็นอนซะ กูจะไปอาบน้ำแล้ว”
“พี่เพิ่งกลับมาเหรอ”
“อืม มีอะไรรึเปล่า” 
“ไม่มี” ถึงมันจะบอกแบบนั้นแต่ผมว่ามัน 'มี' น้ำเสียงที่พูดฟังดูอ่อนระโหยไปเฉยๆ อะไรกันอีกล่ะ
“บอกมา” ผมพูดเสียงเข้ม บังคับให้มันตอบ
“...” น้องเกี๊ยงเงียบไปอีก
“จะบอกมั้ย” ไม่มีเสียงตอบจากมันอีกตามเคย มันกลายเป็นคนพูดน้อยไปได้ยังไง ผมก็ยังแปลกใจ เสียงผมดังขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่กำลังขึ้น

“กูไม่ชอบมึงที่เป็นแบบนี้เลย มีอะไรก็อ้ำๆอึ้งๆ จะพูดอะไรก็ไม่พูด” ผมถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด
“บางทีกูก็นึกว่าเราสนิทกันอย่างที่มึงว่า แต่บางครั้งกูก็ไม่รู้จริงๆ” ไม่มีคำพูดอะไรจากมันอีก ผมเริ่มเหนื่อย
“แค่นี้นะ พอกันแค่นี้” ผมวางสายไปก่อนที่มันจะพูดอะไรอีก 
****************
ตอนนี้ยาวไปนิดนะคะ ไรท์เตอร์บอกว่า เขียนแล้วก็เอาไปให้หมด แต่ตอนหน้ารอไปก่อน 555+ :angry2:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 20-03-2010 18:22:15
ใครบอกว่ายาว  ไม่จริ๊งงงงงงงงงง :angry2:
อิพี่หนุ่ยไม่ชัดเจนอะไรซักอย่าง  เฮ้อๆ สงสารน้องเกี๊ยงงง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 20-03-2010 18:53:00
พี่หนุ่ยใจร้ายย
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 20-03-2010 20:51:44
 :เฮ้อ: พี่หนุ่ยใจร้ายว่ะ

ทิ้งท้ายโทรศัพท์แบบนี้

น้องเกี๊ยงมันจะนอนหลับลงได้ยังไง

ร้องไห้ตามบวมฉึ่งละไม่ว่างานนี้  :เฮ้อ:

แต่ก็นะ ,,, น้องเกี๊ยงอ้ำๆอึ้งๆ บางครั้งคนคุยด้วย

ก็หงุดหงิดได้เหมือนกัน เลือกบอกตรงๆวัดกันไปเลยน้องเกี๊ยง  :z2:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-03-2010 21:32:23
อ่านเรื่องนี้ช่วงนี้ทีไร เศร้าในใจลึกๆทุกที  :monkeysad: เราเคยเป็นแบบเกี๊ยงอ่ะ แอบรักข้างเดียวไม่กล้าบอก อีกฝ่ายก็ไม่เคยจะรู้ไรบ้างเลย 
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 20-03-2010 22:53:36
ค้างขั้นรุนแรง  ไอ้พี่หนุ่ยยยยย
ทำไมเป็นอย่างนี้เล่า
สงสารก็แต่น้องเกี๊ยง  :o12:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 21-03-2010 00:59:22
พี่หนุ่ยงอนก็ไม่บอก
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 21-03-2010 02:10:17
ยาวแต่มันค้างนะคะ  :impress3:

รู้อยู่แก่ใจว่าน้องเกี๊ยงคิดยังไงแล้วยังไม่ยอมรับความจริงอีก  :beat:

หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 21-03-2010 12:05:53
อ๊ากกกกกกส์ อารมณ์ค้าง พี่ฟางต้องมาต่อไวๆแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ


สงสารน้องเกี๊ยงอ่ะ สู้เค้า น้องเกี๊ยงงงงงงงงงงงงง.... :serius2:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 21-03-2010 20:02:17
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกปรี๊ด !! ยังไงไม่รู้   :fire:
เซ็งไอ่พี่หนุ่ยขั้นรุนแรง ชักเริ่มไม่ชอบแระ เฮอะ
มีหน้าไปหยอดจีบยัยตุ้มไรนั่น แหม ๆๆๆ แม่ละอยากให้ยัยตุ้มคนนั้นตกลง
เป็นแฟนกันไปเลย(เล่นตัวนะยะหล่อน)  เชิญเลยค่ะ  ยินดีที่สุด 
แหมๆๆ เสียดายน่าจะเป็นแฟนกันไปเลย    น้องเกี๊ยงจะได้ตัดใจซะที เบื่ออออออออออออ

แล้วก็นะ ไม่รู้ว่าโง่หรือแกล้งโง่กันแน่ ผู้ชายที่ไหนเค้าบอกคิดถึงกันทุกวันแบบนี้
แล้วก็ที่แอบได้ยินน้องมันสารภาพอีก 

เหมือนจะรู้นะ ว่าเกี๋ยงน่าจะรู้สึกอะไรกับตนมากกว่าพี่ที่รู้จัก

แล้วการที่พูดบอกว่าตุ้ม ยังไม่ใช่น่าแฟนแต่อนาคตไม่แน่ ไรนั้นบอกให้น้องมันฟังเพื่อ?
 
ต้องการดักทางน้องมันเหรอ   แล้วจะบีบให้พูดออกมาเพื่อ?  :angry2:

แต่ประโยคที่ปิดท้ายนี่ถูกใจนะเคอะ (อย่ากลืนน้ำลายตัวเองนะไอ้พี่หนุ่ย)
แล้วน้องเกี๊ยงคะในเมื่อเค้าตัดบทมาแบบนี้ ตัดใจซะเถอะ  อย่ารักมันเลยไอ่คนงี่เง่าแบบนี้ เหอะ ปล่อยให้ไปมีความสุขกะ ตุ้มของเค้าเถอะ(เห็นชมซะขนาดนั้น สบายใจ มีความสุข  :oak:)  เราก็เลิกไปเลย ไม่ต้องยุ่งเกี่ยว เค้าบอกเองนี่ว่าพอกันแค่นี้
ใจแข็งไว้นะ อย่าใจอ่อน  หายไปจากชีวิตเค้าเลย ชิส์ ไม่ต้องยุ่ง เกี่ยวติดต่อ โทรก็ไม่ต้องรับสาย ไอ่คำว่าคิดถงคิดถึง ก็ไม่ต้องไปบอกมานนนนนนนนแล้ว   พอกันที   ให้มันรู้ไปสิ ว่าไม่มีเค้าเราจะอยู่ไม่ได้  หาใหม่เลย  55555555

(กรี๊ดดด อิน!! โหมดเหวี่ยงแทนน้องเกี๊ยง  :laugh:) 

ปล มั่นใจนะว่าไอ่พี่หนุ่ยมันเป็นพระเอก กร๊ากกกกกกก   :pigha2: 
ปล ใจแข็งนะน้องเกี๊ยง อย่าใจอ่อนง้อมันก่อนเด็ดขาดนะคะลูกกก   ใจแข็ง + ตัดใจ ท่องไว้   555   
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: mini ที่ 21-03-2010 22:09:25
 :เฮ้อ: หนักใจแทนเกี๊ยง

เมื่อไหร่พี่หนุ่ยจะหายโง่ซะที  :z3:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 22-03-2010 19:31:52
อยากอ่านจนจะลงแดง ลงไปแดดิ้น  :serius2:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 22-03-2010 21:37:21
ปั่นทู้ กรั่กๆๆๆ   

เ้ข้ามารอน้องเกี๊ยง(คนเดียว)  :กอด1: 


ส่วน(ว่าที่) คู่รักบรรลือโลก  :a14: :oak: 


5555555

บวก 1 ค่ะ




หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 23-03-2010 09:05:05
 :oni1: วิ่งมาดันบ้าง แต่ก็ยังไม่มีตอนใหม่มาอยู่ดี 55+
ให้ตบอีพี่หนุ่ยได้ตามใจค่ะอยากมาหลอกให้รักแล้วทำเมิน  :beat:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 23-03-2010 14:43:07
กระโดดเสยตูดคนแต่ง  :oni2:

มาทั้งทีไม่มีของฝากนักอ่านกันเลยน้า  :z3:


ปล. พี่หนุ่ยงี่เง่ามาก อย่างนี้ส่งคุณรณมาแทนเลยได้มั้ยคะ คุณรณยังว่าอยู่อะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 23-03-2010 20:03:35
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววววววววววว

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

 :m31: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 23-03-2010 21:12:42
พี่หนุ่ยแก่แล้วเลยตามความรู้สึกตัวเองช้า อดทนนะครับน้องเกี๊ยง
รักซึมลึกยังไม่ถึงบาดาลใจ
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-03-2010 22:13:55
พี่หนุ่ยยังคงคอนเซ็ป ความใจร้าย ไว้อยู่เหมือนเดิม
นึกว่าจะใจอ่อนบ้างแล้ว
 :เฮ้อ:

บวก 1 แต้มค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 23-03-2010 23:33:11
จับไอพี่หนุ่ยมัด เตรียมบูชายันต์ o18

 :z13:+1 คนเขียน ให้มีแรงเข็นตอนใหม่มาเร็ว ๆๆๆ อิอิ

ปล น้องเกี๊ยงคะ อย่าลืมคอนเซปท์เรานะคะ ใจแข็ง+ตัดใจ ๆๆๆๆ 5555

อยากดัดนิสัยอิพี่หนุ่ย  :beat:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 24-03-2010 12:14:30
รออ่านอยู่นะ

รีบๆมาเร้วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-03-2010 11:24:02
รู้สึกอยากตบกะโหลกอิพี่หนุ่ยอะ  :m16:
หัวข้อ: Re: °º¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤º°(20/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Phawaii ที่ 25-03-2010 12:43:36
เริ่มจะเกลียดพี่ หนุ่ยแล้วว่ะ  :z6: ไอ้พี่หนุ่ยบ้า รุ้ว่าเค้าชอบก็ยังทำร้ายจิตใจเค้า  :impress3:
มาทำร้ายเกี๊ยง ม๊าย ย ย  :fire:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 26-03-2010 12:46:01
พี่หนุ่ยเรทติ้งตกก็นะ...มันน่า :laugh:
***************************
ผมใช้เวลาอาบน้ำอยู่นานคิดอะไรไปด้วย พออาบน้ำเสร็จเข้าไปในห้องนอนก็ต้องตกใจเพราะมีใครบางคนเดินวนไปมาเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอนผม พอผมเห็นชัดๆเท่านั้น ไอ้น้องเกี๊ยงนั่นเองครับ สภาพของมันที่ผมเห็น ดูแล้วยังแปลกใจว่ามันกล้าออกมาจากบ้านด้วยชุดแบบนี้ได้ยังไง น้องเกี๊ยงหน้าซีดเผือด ผมบนศีรษะยังหมาดอยู่เหมือนอาบน้ำสระผมเสร็จใหม่ๆ ใส่เสื้อกล้ามสีเทา กางเกงขาทั้งสั้นทั้งบานจนผมหนาวแทนมัน ถ้าเป็นผมคงนอนสบายไปแล้ว อะไรดลใจให้มันมาหาผมกันแน่
“ไอ้เตี้ย!...มึงมาได้ไง กูตกใจหมด เข้ามาได้ไงนี่”

ถ้าผมไม่มึนจนเกินไปผมจำได้ว่าผมปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้วนี่หว่า หรือว่ามันปีนเข้าบ้านมา น้องเกี๊ยงมันยิ้มอวดก่อนยกพวงกุญแจให้ผมดู ให้ผมรู้ว่ามันเข้ามาง่ายๆด้วยวิธีนี้เอง  
ผมชี้หน้ามัน “มึงอย่าบอกนะว่าไปปั๊มกุญแจบ้านกูมา”
มันไม่ตอบแต่แลบลิ้นให้ผมทำหางตาตก หูตก ก้มหน้า เหมือนสำนึกผิด ผมเดินเข้าไปตบหัวมันก่อนด่า
“ถือวิสาสะนะมึง กูอยากรู้ว่าใครอนุญาตให้มึงทำแบบนี้”

อารมณ์กรุ่นขึ้นมาเล็กๆ หงุดหงิดขึ้นมาได้อีก  ผมถือเรื่องการเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของผมพอสมควร ถึงเราจะสนิทกันมันมานอนที่บ้านผมหลายครั้งแต่ทุกครั้งผมเป็นคนให้มันมา ไม่ใช่ตามใจมัน
น้องเกี๊ยงส่ายหน้ายกมือไหว้ผม พยายามยิ้มแต่หน้าตามันกลับดูแปลกๆ “ขอโทษพี่ ผมไม่อยากไปนั่งรอข้างนอกอีกแล้ว ผมปั๊มมาตั้งนานแล้วนึกว่าพี่รู้แล้วเสียอีก ไม่รู้เหรอ?”

มันยังมีหน้ามาถามผมอีก คำสุดท้ายที่พูดมีน้ำเสียงล้อเล่น ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทำผิด เหมือนขอโทษไปอย่างนั้นเอง แถมด้วยท่าทางกวนๆ ของมันก่อกวนอารมณ์ผมขึ้นมาจนได้  ผมตวาดเสียงดังขึ้นมาทันที
“มึงก็รู้ว่ากูชอบความเป็นส่วนตัว ทำไมมึงทำอะไรไม่ขอกู กูไม่ชอบ ไหน เอากุญแจมานี่”

ผมยื่นมือไปแต่น้องเกี๊ยงยังคงถือไว้อยู่อย่างนั้นไม่ส่งให้  ผมมองมันเขม็งแล้วดึงกุญแจมาจากมือมัน คราวนี้มันหน้าซีดขาวจนเหมือนกระดาษ ดวงตาแวววาวมีน้ำตาคลอๆ เม้มปากแน่น  ผมไม่อยากเห็นหน้าตาที่ทำท่าน่าสงสารแบบนั้น ความใจดีของคนเราก็มีขีดจำกัด ผมหันหลังให้แล้วใส่เสื้อผ้าโดยไม่สนใจมันอีกต่อไป
“กูจะนึกซะว่ามึงเอากุญแจมาคืน ไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปซะ” พอผมหันหน้ากลับมา น้องเกี๊ยงยืนทำตาปริบๆ อยู่อย่างนั้น ยังไม่ไปไหน
“ทำไมยังไม่ไปอีก”
“พี่...”เสียงแหบแห้งของมันเรียกผมไว้แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก
“ตามมานี่” ผมเดินไปที่ประตูเดินนำลงมันไปข้างล่าง น้องเกี๊ยงเดินตามผมมาอย่างเงียบๆ ผมเปิดประตูบ้านค้างไว้แล้วหันหน้าไปที่น้องเกี๊ยง  ผมยืนกอดอกพิงประตูบอกมันด้วยเสียงนิ่งๆ
“ออกไปซะ”
“...”

มันไม่มีทีท่าจะขยับตัวเลย มองหน้าผมด้วยแววตาขอร้อง มีแววเสียใจอย่างชัดเจน มันก็ควรจะเสียใจ โตขนาดนี้แล้วจะทำอะไรไม่คิด อย่างน้อยถ้ามันอยากได้กุญแจจริงๆทำไมไม่ขอผมดีๆ ผมคงด่าไป...แต่ก็ให้ เพราะมันก็เหมือนน้อง
แต่นี่มันบอกว่าทำไปนานแล้ว ยังมาเย้ยผมอีกว่าทำไมผมไม่รู้  'ตกลงกูผิดเองสิที่ไม่รู้ว่ามึงทำอะไร...ไอ้เตี้ย!'  ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ทั้งที่ผมไว้ใจมัน มาแอบเอาของผมไปปั๊ม มันทำแบบนี้โจรชัดๆ

ผมเดินเข้าไปกระชากแขนมันดึงตัวมันออกไปจากบ้าน แต่มันก็ฝืนตัวไว้
 “พี่หนุ่ยผมขอโทษจริงๆครับ ผมไม่รู้ว่าพี่จะโกรธขนาดนี้” น้ำเสียงของมันสั่นเหมือนคนจะร้องไห้ ดวงตาแดงก่ำ เข้ามาเกาะแขนผมเอาไว้ ผมเบี่ยงแขนออกแต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อย ผมแกะแขนมันไปก็พูดไป

“มึงไม่ต้องมาร้อง มึงอายุเท่าไหร่แล้ว ทำอะไรไม่คิดแบบนี้ได้ยังไง”
“ผมคิดนะพี่” น้องเกี๊ยงพูดเสียงอ่อยๆ ก่อนมองผมตรงๆ
 “ก็ผมคิดถึงพี่เมื่อไหร่ผมก็มาหาพี่ได้ ผมคิดแบบนี้จริงๆ”
‘คิดถึง’ คำนี้อีกแล้ว มันจะอะไรกันนักหนา ความอึดอัดใจลึกๆ ที่คอยก่อกวนอารมณ์ผมอยู่เสมอๆจี๊ดขึ้นมาอีก
 “มึงมีอะไรจะบอกกู นอกจากคำว่าคิดถึง เฮี้ยๆ นี่มั้ย”
พอผมพูดจบ น้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลลงมาบนแก้มของน้องเกี๊ยงพอดี  มันรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนบอกผมด้วยเสียงขาดเป็นห้วงๆ แรงบีบจากมือมันกดแน่นจนผมเจ็บ

“ก็ผม...ฮึกๆ...รักพี่ ผมคิดถึงพี่...ฮึก... มันจะผิดตรงไหนล่ะ”

ผมได้ยินเต็มสองหู ชัดเจนเข้าไปถึงใจ ถึงแม้เสียงจะขาดๆ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม แต่ผมคิดว่าผมฟังไม่ผิด มือที่พยายามแกะแขนมันออกหมดแรงไปเสียเฉยๆ ตกลงไปข้างตัวผม ความโกรธค่อยๆ ลดระดับลงไป
“...”
 ผมพูดอะไรไม่ถูก ต่างคนต่างเงียบ ได้ยินเสียงสะอึกของน้องเกี๊ยงดังขึ้นมาเป็นพักๆ ผมถอนลมหายใจยาวด้วยความหนักใจ เราคงยืนอยู่แบบนี้กันไปทั้งคืนไม่ได้ ถ้าต่างใช้อารมณ์กันทั้งคู่ อีกหน่อยอาจจะมองหน้ากันไม่ติด ผมเองก็หงุดหงิดง่ายๆโดยไม่มีสาเหตุ หรือผมจะเข้าวัยทองไปแล้วอารมณ์เลยไม่เสถียร ผมเหลือบตามองน้องเกี๊ยงตอนนี้มันหยุดร้องแล้ว แต่ยืนสะอึกอยู่ มันแอบมองผมเป็นพักๆ พอเราสบตากันมันก็หลบตา

ผมเดินไปรินน้ำมาให้มันดื่ม พอส่งให้ผมก็บอกมันไปว่า “เลิกพูดเล่น แล้วกลับบ้านไปซะ วันนี้กูไม่อยากพูดอะไรกับมึงอีก” น้องเกี๊ยงรับน้ำมาดื่มอย่างว่าง่าย แต่มันก็ยังไม่หายสะอึก
“ผมไม่ได้พูดเล่น ผมพูดจริง  พี่หายโกรธผมแล้วรึยัง อึก...ผมขอโทษ ทุกเรื่องที่ทำให้พี่ไม่พอใจ...อึก”
ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงหัวเราะเยาะมันไปแล้วที่สะอึกไม่หยุด แต่ตอนนี้แค่จะยิ้มยังไม่กล้าเลย

ผมหายโกรธมันไปแล้ว ตอนนี้สมองวุ่นวายเรื่องที่มันเพิ่งบอกมากกว่า หลังจากคาดคั้นมานานให้มันบอกเรื่องที่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูด แต่พอมันพูดออกมาผมกลับไปต่อไม่ถูก ยังไม่ทันเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ ถึงแม้จะเคยสงสัยอยู่บ้างแต่ก็ไม่แน่ใจ
“หายแล้ว กลับบ้านไปซะ พรุ่งนี้ไปเจอกันที่ทำงาน ว่างมีเวลาแล้วค่อยมาคุยกัน”

  ผมดันหลังมันให้ออกไปจากบ้านผม เนื้อตัวน้องเกี๊ยงเย็นชืดเพราะใส่เสื้อผ้าบางเบา แต่ก็เต็มไปด้วยเหงื่อ ผมถึงนึกได้ “มึงมายังไง ในสภาพแบบนี้”
“มาวินมอไซด์”
ผมเหลือบตามองอย่างประหลาดใจ ได้แต่ระอากับมัน “แล้วมึงจะรีบร้อนมาทำไม มีอะไรพรุ่งนี้ก็เจอกัน ค่อยคุยกันก็ได้”
ไม่เห็นต้องรีบมาให้ผมด่า ไม่ต้องรีบมาให้ผมไล่ แล้วก็ไม่เห็นต้องรีบมาบอกรักผมเลย รีบมาทำให้กูหัวใจกระตุกทำไม

“พี่บอกผมว่า พอกันแค่นี้ ผมก็ตกใจ นึกว่าพี่จะเลิกคบผม คิดอะไรไม่ทัน คิดแต่ว่าต้องมาขอโทษพี่”
 ฟังมันพูดแล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ “โทรมาก็ได้ ดึกแล้ว ไกลก็ไกล จะมาทำไมให้เหนื่อย”
น้องเกี๊ยงทำหน้าเบ้ ขมวดคิ้วมุ่น “ผมโทรมาแล้ว แต่พี่ไม่รับ โทรกี่ครั้งก็ไม่รับ ผมยิ่งนึกว่าพี่โกรธผมมาก ผมถึงต้องรีบมา”
ผมก็อยู่ตลอดนี่หว่า ทำไมผมไม่ได้ยินเลยล่ะ “อ่อ กูอาบน้ำ แต่นานไปหน่อย” แต่ยังไงก็ตามพรุ่งนี้ค่อยคุยก็ได้ ผมไม่เห็นความจำเป็นต้องรีบร้อนแบบนี้เลย

ผมเดินตามมันออกมามองซ้ายขวาถนนทั้งสองข้างมีแต่ความมืด ไม่มีใครรออยู่สักคน   “แล้ววินไปไหน มึงจะกลับไงนี่”
“ผมไม่ได้บอกให้เค้ารอ ไม่เป็นไรพี่ ผมเดินกลับเอง เดี๋ยวออกไปอีกหน่อยคงมี ผมชินแล้ว”
มองสายตาละห้อย ฟังเสียงเศร้าๆของมันแล้วผมก็สงสารนะครับ ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร แต่ผมไม่รู้ว่ามันหลอกด่าผมรึเปล่า ที่ปล่อยให้มันลำบากกลับเองแบบนี้บ่อยๆ อยากจะให้สมใจมัน ให้เดินโชว์หวิวซะให้เข็ด อยากใจร้อนไม่เข้าท่า  ผมไม่พูดห้ามอะไรปล่อยให้มันเดินไป อยากวัดใจว่ามันจะเอาจริงรึเปล่า

ผมมองเด็กหนุ่มที่เดินคอตกออกไปอย่างหงอยๆ มันยังยกไม้ยกมือขึ้นปาดน้ำตาทั้งที่มันควรจะหยุดร้องไห้ได้แล้ว เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่หายจากสะอึก  ผมยืนมองอยู่อย่างนั้นเผื่อมันจะเดินย้อนกลับมาหาผม มาบอกผมว่าไม่กลับแล้วขอนอนที่บ้านผมเหมือนเคย แต่มันก็เดินหายไปจนลับตาไม่หันกลับมาอีก  ผมปิดประตูบ้านแล้วตั้งใจจะนอน มีเรื่องวุ่นวายให้ผมคิดนอกจากเรื่องงานจนได้  ล้มตัวลงนอนแล้วก็นอนไม่หลับ ภาพของน้องเกี๊ยงที่ลับหายไปในความมืดยังติดตา

“มันจะเป็นอะไรรึเปล่าวะ ไอ้เตี้ยเอ๊ย...ทำให้กูเป็นห่วงจนได้”

ผมผุดลุกจากที่นอนคว้ากุญแจรถแล้วขับรถออกไปจากบ้าน ดึกดื่นเที่ยงคืนมันเงียบสนิทจริงๆครับ กลางคืนแบบนี้ทุกคนต่างก็นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสบาย แต่ผมต้องออกมาขับรถส่องดูคนตามถนนเหมือนพวกโรคจิต “ชีวิตกู วุ่นวายจริงหนอ”
“มันไปอยู่ไหนวะ”
 ผมเริ่มร้อนใจ จนต้องบ่นกับตัวเอง ผมขับออกจากซอยมาสู่ถนนย่อยของหมู่บ้าน ปกติจะมีวินมอเตอร์ไซด์จอดอยู่ปากซอย แต่คืนนี้ไม่มีเลยสักคัน แทบไม่มีคนให้เห็นมีแต่หมาเดินเล่นวิ่งเล่นสองสามตัว ผมขับรถต่อออกมาเพื่อสู่ถนนใหญ่ ปากก็บ่นไป
 “ ทำไมมันเดินไวขนาดนี้วะ หรือว่าโดนฉุดลงข้างทางไปแล้ว ทั้งเปลี่ยว ทั้งมืด ไอ้เตี้ยนะไอ้เตี้ย ”

ผมขับหามันไปจนถึงถนนใหญ่ ก็ยังไม่เห็น ทั้งที่ระยะทางไกลพอสมควร ถ้าเดินเท้าออกมาเดินเร็วแค่ไหนหรือต่อให้วิ่งยังไงก็คงไม่มาถึงตรงนี้ ผมตัดสินใจวกรถกลับแล้วมองหามันใหม่อีกรอบ ถ้าไม่เจอจริงๆ มันคงเรียกรถกลับบ้านได้แล้วผมหวังว่าจะเป็นแบบนั้น
ในที่สุดผมก็เจอ น้องเกี๊ยงกำลังจะยืนคุยกับคนขับมอเตอร์ไซด์ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าใช่วินรึเปล่า  ผมไม่มีเวลาคิดว่าทำไมเมื่อกี้ผมไม่เห็นมัน เพราะตอนนี้กลัวว่ามันจะกระโดดขึ้นรถไปก่อนมากกว่า

“ทำอะไรไม่ระวังตัวเล้ย ไอ้เตี้ย” ผมจอดรถลงข้างทาง แล้วรีบวิ่งลงไปดึงแขนมันไว้
 น้องเกี๊ยงทำตาโต ถามผมอย่างประหลาดใจ “พี่หนุ่ยมาได้ไง?”
“มึงจะไปไหน” ผมถามมันแล้วหันไปมอง คนที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าตาไม่น่าไว้ใจแววตาลอกแลกไปคุยกันทำไม
น้องเกี๊ยงบอกผมเสียงอ่อยๆ ทำไมมันตาบวมๆวะ “พี่คนนี้เค้าอาสาไปส่ง ผมหารถไม่ได้เลย”  
“ไม่ต้องแล้ว กลับไปนอนที่บ้านพี่” ผมบอกมันจบก็หันไปบอกเจ้าของมอเตอร์ไซด์ แล้วโค้งหัวให้เค้า
“ไม่รบกวนแล้วพี่ เดี๋ยวผมพาน้องกลับเอง ขอบคุณนะครับ ขอโทษด้วยที่น้องผมทำให้เสียเวลา”

ไอ้เจ้านั่นยักไหล่ทำหน้าฉุนๆ ขี่รถออกไปทันที ไม่ได้ว่าอะไร ผมถึงกับถอนหายใจโล่งอก แล้วหันมามองเจ้าตัวดีที่ยังยืนจ้องหน้าผมเขม็ง
“มองอะไร! ทำอย่างกับไม่รู้จักกัน” ผมถามมันไปอย่างโมโห ชอบทำให้กูเหนื่อยเรื่อยเลย
“มองพี่ ให้เห็นชัดๆว่าไม่ได้ตาฝาดไป” มันไม่พูดอย่างเดียว แต่ริมฝีปากมันยังยิ้มไม่หุบ
“ไม่ต้องพูดมากเลย ขึ้นรถ กลับบ้านเรา”
ผมดึงมือมันเปิดประตูรถแล้วผลักมันเข้าไป ผมเข้าไปนั่งที่คนขับแล้วหันมาจับเกียร์แล้วถึงหันมาดูหน้าไอ้ตัวดี ที่เกือบขึ้นรถไปกับใครแล้วก็ไม่รู้
น้องเกี๊ยงมันเบือนหน้ามองออกไปข้างนอก เหมือนคนคอเคล็ดที่หันหน้ามองตรงไม่ได้ ผมขับรถออกมาครู่ใหญ่แล้วมันก็ยังนั่งนิ่งเงียบ จนผมอึดอัด

“ หาเจอมั้ย” ผมถามมันขึ้นมา
“หาอะไรพี่” ก็ยังดีที่มันตอบผม ถึงแม้มันจะยังคอแข็งอยู่ แต่เสียงพูดค่อยเหมือนคนคอเจ็บ ผมแทบไม่ได้ยิน
“กูไม่รู้ เห็นมึงมองออกไปข้างนอก กูนึกว่ามึงทำอะไรหายไป”
น้องเกี๊ยงหันมาจนได้ มองผมตาใสบอกกับผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ที่หายไปอย่างเดียวคือใจผม”

ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงอ้วกไปแล้ว คงด่ามันไปด้วย หรืออาจจะหัวเราะเสียงดัง ด่าว่ามึงพูดบ้าอะไรกัน ผมกับมันคงหัวเราะกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้น้องเกี๊ยงไม่หัวเราะและที่ผมทำได้คือหัวเราะฝืดๆแค่นั้น ลมหายใจติดๆขัดๆ  ไม่รู้อะไรที่ทำให้ผมตอบมันกลับไปว่า “เดี๋ยวก็หาเจอเอง”

น้องเกี๊ยงถอนหายใจ แล้วหันหน้ามองตรงไปข้างหน้า พูดเบาๆ  “พี่ออกมาตามผมทำไม”
ผมอยากจะพูดไม่ตรงกับใจเพราะกลัวเสียฟอร์ม แต่ผมก็ไม่ทำ “ กูนอนไม่หลับ...”
ผมเลียริมฝีปากที่แห้งผากขึ้นมาพูดต่อไป “กูเป็นห่วงมึง”
ถึงผมจะไม่หันหน้ามามอง แต่ผมก็สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกว่าน้องเกี๊ยงมองผมอยู่ แต่มันก็เงียบไป หลังๆ มานี้บางครั้งมันพูดน้อยมากจนผมลืมเด็กหนุ่มช่างพูดช่างกวนที่ผมเคยรู้จักไปเลย  
“พี่ห่วงผมด้วย” เสียงของมันพูดเหมือนไม่แน่ใจ จนต้องถามกับตัวเอง
“ผมยังไปบ้านพี่ได้เหรอ พี่ไม่ไล่ผมอีกเหรอ" ”

 คำพูดตรงๆแบบนั้นราวกับมันกำลังตัดพ้อผม ทำเอาผมสะอึก หรือว่าผมทำผิดไป บางทีน้องเกี๊ยงมันอาจจะเด็กเกินไปไม่คิดอะไรซับซ้อนแบบผม หรืออาจพูดได้เลยว่าผมน่าจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้
“ไปได้สิ แต่รู้มั้ยว่าการแอบเอากุญแจบ้านคนอื่นไปปั๊มเองแบบนี้มันผิด”
“ครับ ผมขอโทษ”  น้องเกี๊ยงก้มหน้า ยกมือไหว้ผม ไม่มีท่าทางล้อเล่นอีกแล้ว
รถเลื่อนมาจอดหน้าบ้านพอดีในขณะที่ผมยังอยากพูดต่อ ผมยังไม่ลงไปเปิดประตู แต่หันหน้าไปคุยกับมันตรงๆ
“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก ไม่ว่ากับใคร” มันก้มหน้างุด คอตกเป็นหมาหงอยผิดฟอร์มจนผมขำ ผมเอามือแปะหัวมันเขย่าๆ แล้วลูบหัวมัน “ไปนอนเถอะ พี่ง่วงแล้ว”

ผมเอารถเข้าบ้านแล้วเดินนำมันเข้าไป พอหมดเรื่องแล้วก็อยากนอนเป็นที่สุด “ไปอาบน้ำใหม่ก่อนนะ เหงื่อโทรมตัวเลย”
“ผมไม่มีเสื้อผ้าเลยพี่ ใส่ตัวเดิมก็ไม่ไหว” มันยกแขนขึ้นดมตัวเองแล้วทำหน้าย่น ถ้าผมให้มันมานอนด้วยทั้งตัวเหม็นๆ ผมคงนอนไม่หลับเป็นแน่ ผมหาเสื้อผ้าให้แล้วโยนไปให้มัน “กูมีแต่แบบนี้ ใส่ไปก่อน”
แบบนี้ที่ผมว่าคือเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้นเพราะผมเป็นคนขี้ร้อน ระหว่างที่มันไปอาบน้ำผมเผลอนอนหลับไปก่อน มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเตียงยวบด้วยน้ำหนักของน้องเกี๊ยง ผมขยับตัวไปดู
“เดี๋ยวนี้มึงนอนบนเตียงกูเลยนะ”
ผมอ้าปากจะไล่มันลง แต่นึกในใจว่าวันนี้ไล่มันหลายรอบแล้ว ไม่อยากใจร้ายอีกวันละหลายๆหน ผมเลยหันหลังให้มัน
“ผมขออนุญาตนะพี่ นะครับ” เสียงกลัวๆกล้าๆเอ่ยออกมาจนได้ ก็ยังดีที่ยังรู้จักขอบ้าง

“อืม”
ผมข่มตาให้หลับแต่จนค่อนคืนคำว่า ‘รัก’ กลับก่อกวนผมจนหลับไม่ลง ต้องพลิกตัวไปมา น้องเกี๊ยงนอนหันหน้ามาทางผมอยู่แล้ว ผมใช้เวลานี้มองมันเงียบๆ  มันนอนเงียบคงหลับไปแล้ว  ก็น่าจะเป็นแบบนั้นคงเหนื่อยจากการเดินระยะทางไม่ใช่น้อย
ถ้ามันรักผมอย่างที่มันบอก แล้วมันจะจบลงตรงไหน คบกันเหรอ ปฏิเสธไป หรือยังไง ผมถามตัวเอง ผมต้องตอบมันไปยังไง ในเมื่อตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ใจตัวเองเลย ผมรู้แค่ว่าเรื่องของมันก่อกวนใจผมจริงๆ

แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง แยงตาจนผมต้องจำใจตื่นทั้งที่ยังนอนไม่เต็มอิ่ม ผมขยับตัวจะลุกขึ้นอย่างเคย แต่แรงกดที่ตัวทำให้ผมขยับตัวลำบาก คนที่ขยับตัวไปมาอยู่ข้างกายผมยังคงนอนหลับตาพริ้ม ปากอิ่มขยับปากไปมาเหมือนเคย  ผมค่อยๆแกะแขนมันออกจากตัว ลุกขึ้นไปอาบน้ำเงียบๆ

เมื่อผมกลับมาไอ้เตี้ยมันนั่งหลับสัปงกอยู่บนเตียง ก่อนหันมามองผมแล้วหาว “พี่ไม่เรียกผม จะได้เข้าบริษัทพร้อมกัน”
“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวพี่รอ”
ผมแต่งตัวเสร็จลงมานั่งรอมันข้างล่าง เอานมมานั่งดื่มเงียบๆ เช้าๆแบบนี้ผมไม่ค่อยทานอะไร ดื่มแต่นมจนชิน กว่าจะทานข้าวรวบสองมื้อก็เที่ยงไปแล้ว คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ยังคิดไม่ตก เลยหันไปหยิบงานของน้องเกี๊ยงมาดูไปพลางๆ  แต่เจ้าตัวดีเดินหัวยุ่งลงมาหายังใส่เสื้อผ้าชุดเดิม
“พี่หนุ่ย ผมไม่มีเสื้อผ้าใส่ ทำไงดี สงสัยผมต้องกลับบ้านก่อน”
“ยุ่งกะกูอีกแล้ว เดี๋ยวเอาของกูใส่ไปก่อน”

ผมผละจากงานตรงหน้าแล้วไปหาเสื้อผ้าลำลองของผมมาให้มันใส่ น้องเกี๊ยงไม่ใช่พนักงานประจำดังนั้นการแต่งตัวไม่จำเป็นต้องใส่เชิ้ตผูกเน็กไทเหมือนผมขอแค่สุภาพก็พอ แต่รูปร่างที่ต่างกันให้ใส่ยังไงก็ดูรู้อยู่ดีว่าไม่ใช่เสื้อผ้ามัน เสื้อยืดอาจดูไม่แตกต่างเท่าไหร่ แต่ขากางเกงที่ยาวจนมันต้องพับขาขึ้นก็ทำให้มันหงุดหงิด หมดความมั่นใจ บ่นพึมพำเบาๆ
“กูจะกล้าเดินมั้ยนี่”
“ใครเค้าจะสนใจว่ามึงแต่งตัวแบบไหน วันหลังมึงเอามาทิ้งไว้ที่นี่สักชุดสองชุดเผื่อฉุกเฉินแล้วกัน”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมบอกมันไปแบบนั้น รู้แต่ว่าน้องเกี๊ยงมันยิ้มกว้างให้ผมเมื่อผมพูดจบ มันคงจะดีใจมากเกินไปแล้ว

 ผมผละจากมันมาแล้วนั่งดูงานต่อ สักพักน้องเกี๊ยงเดินลงมาแตะไหล่ผม แล้วชะโงกหน้าก้มลงมามองงานด้วย เหมือนมันจะไม่รู้ตัว แต่ผมขัดเขินในความชิดใกล้ขนาดนี้
“พี่ดูเสร็จรึยัง ถ้าเสร็จเดี๋ยวผมได้เอาไปทำต่อให้เสร็จวันนี้เลย”
เสียงเจื้อยแจ้วข้างหู  ลมหายใจแผ่วๆของมันข้างแก้มผมทำผมร้อนไปหมด “นี่มึงไปนั่งตรงนั้นก็ได้ มากระซิบกระซาบอะไรตรงนี้ กูร้อน” ผมปัดมือมันออกจากไหล่ผม แล้วชี้ที่นั่งข้างๆให้มัน
“อืม ร้อนเนอะ อาบน้ำเสร็จยังร้อนเลย” น้องเกี๊ยงขยับตัวไปนั่งข้างๆ แต่แขนมันก็ยังใกล้จนเสียดสีแขนผม ผมต้องขยับตัวออกห่าง  ผมนั่งมองงานแต่ใจกลับลอยไปถึงไหน น้องเกี๊ยงมันคงเห็นผมเหม่อๆ มันเลยสะกิดผม
“พี่ไปกันรึยัง เดี๋ยวสาย”
ผมสะดุ้ง รีบตอบเสียงตะกุกตะกัก “เออ เออ ลืมไปเลย ไปๆ”

เราออกจากบ้านมาด้วยกัน น้องเกี๊ยงดูเงียบๆไป ผมก็จนคำพูด ทุกสิ่งที่คาใจเต็มไปหมด แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน  บ่อยครั้งที่มีคนมาบอกรักผม แต่ไม่มีครั้งไหนลำบากใจเท่านี้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายมาบอกรักผม ผมตัดสินใจเริ่มการสนทนาก่อนที่จะอึดอัดกันไปทั้งคู่แบบนี้
“เมื่อคืนที่มึงบอกรักกูพูดเล่นล่ะสิ หึหึ เดี๋ยวนี้เล่นหนักนะไอ้เตี้ย” ผมฝืนยิ้มให้น้องเกี๊ยง หวังว่ามันจะคิดว่าผมพูดเล่น ทั้งที่ผมหลอกให้มันพูดเรื่องจริงออกมาต่างหากล่ะ
“ไม่ได้พูดเล่น พูดจริง ผมรักพี่” มันหันมาบอกผมเสียงกระตือรือร้น แววตาเป็นประกายแรงกล้า จนผมไม่กล้ามอง แต่ก็ต้องดันทุรังคุยกันต่อไป
“อย่ามาอำกัน มึงพูดอย่างกับเป็นเกย์ มาเที่ยวบอกรักผู้ชาย สนุกนักรึไง”

น้องเกี๊ยงทำท่าฮึดฮัด “ก็บอกว่าไม่ได้เล่น ไม่ได้อำ พี่จะว่าเป็นเกย์ก็เป็น แต่ก่อนไม่เป็นพอมาเจอพี่นี่ล่ะงานเข้าเลย ผมคงเป็นไบมั้ง ก็รักพี่นี่”
แล้วมันก็บ่นกับตัวเอง แต่ผมได้ยินด้วย “สนุกบ้าอะไร โดนด่า โดนไล่ตลอด ดุยังก๊ะ...”
ผมเอื้อมมือไปเขกหัวมัน “ว่ากูเหรอ”

ผมครุ่นคิดที่มันพูด มันมาโทษผมได้ยังไงที่ทำให้มันเป็นเกย์  ก็ผมไม่เป็นแล้วมันเป็นมันจะไปเกี่ยวกับผมได้ยังไง ของแบบนี้มันสืบทอดเพราะอยู่ใกล้กันเหมือนไข้หวัด2009ได้ที่ไหน
“แล้วพี่ว่าไงล่ะ” มันเม้มริมฝีปากแน่น
“อะไรว่าไง ว่าอะไร?” ผมไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่
“ที่ผมรักพี่”
ผมเหลือบตาไปมองมันแวบหนึ่งแล้วหันมาให้ความสนใจกับการขับรถต่อ ชัดเต็มสองหูเสียยิ่งกว่าเมื่อคืน
 “ ก็เรื่องของมึงนี่ ใช่เรื่องกูที่ไหน”
มันนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนยิ้มกว้าง “ก็จริงของพี่ แต่...พี่ไม่ห้ามผมนะ”
ผมคิดชั่วครู่ก่อนส่ายหน้า “ใครจะห้ามใจใครได้”

“แล้วพี่รักผมบ้างมั้ย” มันช่างกล้าถามผมแบบนี้ แต่ผมจะกล้าตอบมันรึเปล่า
“ กูไม่รู้” เลี่ยงไปก่อน แต่ผมไม่รู้จริงๆนี่นา
“ไม่เป็นไร สักวันพี่คงรู้เอง ผมจะรอ”
รถค่อนข้างติดทำให้ผมยังไม่ถึงที่ทำงานสักที แต่ตอนนี้ให้ติดนานแค่ไหนใจผมก็ไม่รู้สึกรู้สา มือเท้าขับรถไปตามสัญชาตญาณมากกว่า สติ สมาธิหายไปหมด รถติดไฟแดงพอดีตอนที่ผมถามมันไป
“ถ้ากูไม่รักมึงตอบล่ะ มึงจะทำไง”
“นั่นก็เรื่องของผมไม่ใช่เหรอ” มันย้อนผมครับมันยอกย้อน ดูมันมั่นใจมากขึ้นกว่าเมื่อวาน
“พี่แค่หาคำตอบในใจของพี่ก็พอ เราก็ต่างทำหน้าที่ของเราไป” มันยิ้มน่ารักให้ผม

“พี่แค่อนุญาติให้ผมรักพี่ ให้ผมรอ ให้ผมคิดถึง ให้ผมได้ไปบ้านพี่ ให้...” มันทำท่าจะพูดไม่จบ กลับมาพูดมากเหมือนเคย จนผมต้องเอามือปิดปากมันไว้ ให้มันหยุดพูด
“ทำไมมึงขอเยอะอย่างนี้วะ กูต้องอนุมัติมึงทุกเรื่องรึไง ฮึ” น้องเกี๊ยงไม่ตอบแต่จับมือผมที่ปากมันไว้ แล้วจูบที่ฝ่ามือผม ผมตกใจรีบชักมือออก น้องเกี๊ยงหัวเราะเสียงดัง
“จูบมือแค่นี้หน้าแดงเลยเหรอพี่ ฮ่าๆ”
ผมไม่กล้าพูดอะไร จังหวะนั้นรถเริ่มเคลื่อนพอดี ผมยอมรับว่าผมอึ้งไป ไม่คิดว่ามันจะทำอะไรแบบนั้น นี่ผมหน้าแดงจริงรึนี่ มิน่าทำไมมันร้อนขนาดนี้

“เฮ้อ สบายใจจัง ที่ผมบอกพี่ไปหมดแล้ว พี่รู้มั้ยผมอึดอัดแค่ไหน ท้องผูกยังไม่ทรมานอย่างนี้เลย”
“ช่วงก่อนผมก็กลุ้มใจนะ เหมือนคนที่หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจพี่ด้วย ว่าพี่คิดยังไงกับผม”
น้องเกี๊ยงหันมาหาผมที่ตอนนี้นั่งหน้าร้อนฉ่าอยู่ เลือดในกายมันสูบฉีดแรงจนผมกลัวหัวใจจะหยุดเต้นไปก่อน เพราะมันเต้นถี่เกินไป

“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าถ้าผมรักพี่ มันก็เรื่องของผม พี่จะคิดยังไงกับผมก็ช่าง แต่ผมบอกพี่ก่อนนะ ว่าผมไม่ใช่พระรอง เพราะงั้นผมก็ยังหวังที่จะได้รับความรักจากพี่ตอบด้วย ผมคงไม่ยอมเสียสละรักพี่ข้างเดียวแน่ๆ”
ผมยังคงฟังมันพูดไปเรื่อยๆ สมองก็คิดตามไปด้วย จนต้องสวนกลับ “มึงนี่พูดจาวกวน อะไรไม่รู้ กูแก่แล้วกูไม่รู้หรอก ไม่เข้าใจ”

น้องเกี๊ยงหัวเราะ “ยอมรับแล้วล่ะสิว่าแก่ เป็นคนแก่ที่ขี้เหวี่ยงซะด้วย” น้องเกี๊ยงเกาะแขนผมแน่น ผมอยากจะสะบัดออกก็ไม่ถนัดเพราะขับรถอยู่
“พี่ไม่ต้องเข้าใจอะไร แค่รู้ไว้ว่าผมรักพี่ อย่าผลักไสผม อย่าไล่ผมให้ไกลจากพี่แค่นี้ก็พอแล้ว”
รถมาถึงหน้าบริษัทพอดี  ผมจอดรถรอเลี้ยวขึ้นตึก น้องเกี๊ยงเปิดประตูแล้วหันมาขโมยหอมแก้มผม ก่อนวิ่งลงไปจากรถ โบกมือให้ผม
“เจอกันข้างบนนะพี่”

ผมจับแก้มตัวเองไปตลอดเวลาที่ผมขับขึ้นไปจอดรถ บอกตัวเองว่าไม่ไหวแล้ว ผมกำลังโดนเด็กจีบจริงหรือนี่
*************************************
 เห็นเค้าว่าใกล้จบแล้วมั้ง   :a1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: MoPPeT ที่ 26-03-2010 13:11:50
น้องเกี๊ยงน่าร้ากกกกกกกกก :impress2:
อิพี่หนุ่ยใจอ่อนไวๆนะเฟ้ย
อย่าให้น้องเกี๊ยงรอนาน
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Phawaii ที่ 26-03-2010 19:57:40
 :mc4: น่าร๊ากกกกคู่นี้

พี่เกี๊ยง เอาใจที่หนุ่ยมาให้ได้น๊าา าพี่  :fire:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: mini ที่ 26-03-2010 20:18:48
 :mc4: เชียร์น้องเกี๊ยง

ทนหน่อยคนแก่ใกล้จะใจอ่อนแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-03-2010 12:40:40
โอเค ไอ้น้องเกี๊ยง ทำผิดที่แอบปั๊มกุญแจบ้านคนอื่นแบบนี้
แต่..........ก็ยังหมั่นไส้อิพี่หนุ่ยเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยน น่าตบกะโหลกมากกว่าเดิมอีก  :angry2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 27-03-2010 13:49:47
หุหุ ตอนนี้พี่หนุ่ยน่ารักได้ใจมาก
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Phawaii ที่ 27-03-2010 16:49:31
แค่นึกภาพเฮียหนุ่ย ยเขิลลน้องเกี๊ยงก็ไม่ไหวแล้ว วอ๊ า า ก ก ก  :fire:
 

:L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 27-03-2010 18:49:09
แอร๊ยยยยยยยยยยย :z3:  ลูกชายเดี๊ยน !!!  ไปง้อมานนนนนนนนทำมายยยยยยยยยยยยยยย

หมั่นไส้ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :beat:   :z6:   อุตสาห์ดั้นด้นไปหา แล้วเป็นไง

 โอเครู้ว่าผิดที่แอบปั้มกุญแจ แต่ถึงไม่มีเรื่องนี้มันก็หาเรื่องอื่นมาไล่เราอยู่ดี ไม่เห็นได้อยู่ดี ๆเลย  :angry2:

เบื่อไอ่คนแก่วัยทอง หึ๋ยยยยยยยย ขัดใจ

นี่พอเค้าสารภาพแล้ว ยังทำเป็นอย่ามาพูดเล่นกะกรู  ตบ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  แล้วมาเค้่นเอาความจริงทำซาก
อ้อยเพื่อ?????????????


+1

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 27-03-2010 20:06:48
น้องเกี๊ยงน่ารักมากๆ พี่หนุ่ยเมื่อไรจะรับรักน้องเขาซะที  :angry2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 27-03-2010 23:04:59
ก็เห็นใจน้องเกี๊ยงนะ เพราะพี่หนุ่ยชอบทำเป็นไม่แคร์ ไม่สนใจตลอด

แต่ก็ยังเข้าข้างพี่หนุ่ยด้วย มาปั๊มกุญแจบ้านโดยพลการ เข้าบ้านคนอื่นตามใจชอบงี้ มันไม่ถูกอ่ะ แล้วมารักเราแล้าเราไม่รู้สึกด้วยแล้วจะให้ทำไงอ่ะ? (สรุปว่าเห็นด้วยกับทั้งคู่ เหอๆ)

ชีวิตมันก็ซับซ้อนเช่นนี้แหละเนอะ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Phawaii ที่ 28-03-2010 00:56:19
มาเร่งตอนดึกๆ ก๊าบบ ! ! ^^
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 28-03-2010 20:03:51
 :o8: :impress2:

น่ารักมากๆ มีเค้าว่าใกล้จบแล้วหรอคับ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 28-03-2010 20:31:28
น้องเกี๊ยงปลูกต้นรักอย่างเป็นทางการ
พี่หนุ่ยเริ่มหวั่นไหวเพราะต้นรักของน้องเกี๊ยงแล้ว

เรื่องนี้มีสิทธิ์รวมเล่มไหมคะ น่ารักจัง ชอบมาก  o13
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 28-03-2010 22:01:10
:a3: :a3: :a3:

รอ.......
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 29-03-2010 09:18:58
พี่หนุ่ยขา โดนน้องเกี๊ยงรุกแค่นี้ถึงกะหน้าแดง

"อ่อน"

นะเนี่ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(26/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Phawaii ที่ 30-03-2010 15:28:58
มารอพี่เกี๊ยงอ๊า า   :L2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(31/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 31-03-2010 22:49:12
หลังจากวันนั้นผมก็ถามย้ำมันไปอีกหลายครั้งว่าพูดจริงหรือเล่น เผื่อมันจะเปลี่ยนใจ แต่ทุกครั้งมันก็บอกว่าจริง จนหลังๆผมเลิกถาม ความสัมพันธ์ของเราก็ยังอยู่แบบนั้น โกรธกัน ด่ากัน แล้วมันก็กลับมาประจ๋อประแจ๋ผมเหมือนเคย สำหรับผมบางวันผมก็รำคาญมัน ไม่อยากเห็นหน้า แต่วันที่มันหายไปผมก็กลับคิดถึง นี่ผมเป็นอะไรกันแน่ เฮ้อ...

วันนี้ผมมีนัดกับไอ้ฝัน ตั้งแต่คราวก่อนที่ผมปรึกษามันเรื่องน้องเกี๊ยง  ผ่านไปหลายเดือนผมถึงมีเวลาคุยกับไอ้ฝันอีกครั้ง ไอ้ฝันมันเป็นคนมอบโชคมาให้ผมเพราะมันคนเดียวเลยที่แนะนำน้องเกี๊ยงให้ผมรู้จักทำให้ผมต้องสับสนชีวิตอยู่ทุกวันนี้ วันนี้ผมพอมีเวลาว่างมานั่งคุยกันสบายๆ กับมัน ช่วงหลังตามตัวมันยากจริงๆ พอโทรหามันทีไรมันก็เผ่นไปอยู่เชียงใหม่ นานๆ ครั้งผมถึงจะนัดมันสำเร็จ
“มึงจะไปอยู่เชียงใหม่ถาวรเมื่อไหร่”
“อีกหนึ่งอาทิตย์ มึงกะแฟนเด็กของมึงมาเลี้ยงส่งกูหน่อยดิ” ไอ้ฝันยักคิ้วยึกยักล้อผม
“เชี่ยแระ กูโสด มีแฟนที่ไหนกัน” ผมยกนิ้วกลางให้มันแถมด้วยกำปั้น ไอ้ฝันหัวเราะดังลั่น
“ก็ไอ้เกี๊ยงน้องกูไง ลืมซะแล้ว กูยังไม่ลืมเลย” 

เสียงหัวเราะมันกวนประสาทผมมาก  มันกวนไม่หายครับ ผมคงต้องฝากฝังให้ใหญ่อบรมสั่งสอนมันหน่อย ผมเป็นรุ่นพี่มันแต่มันไม่เห็นผมเป็นพี่เลย ผมเริ่มเครียดเมื่อมันเริ่มพูดถึงน้องเกี๊ยงขึ้นมา  ในขณะที่ไอ้ฝันมันอารมณ์ดียิ้มได้ตลอด ก็แน่ล่ะมันกำลังจะได้ไปอยู่กับแฟนมันแล้วนี่ แต่ผมสิ
“มึงอย่าคิดมากเลย มึงเคยบอกกูไม่ใช่เหรอ อะไรมันก็ไม่แน่ ถ้าอะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไป คิดมากไปก็ปวดตับเปล่าๆ”
ผมยังจำได้ว่าผมเคยบอกมันไปแบบนั้น “กูเคยพูด แต่เวลาถึงตาตัวเองเข้าจริงๆ มันยากในการตัดสินใจว่ะ เครียดนะนี่”
ไอ้ฝันยิ้มให้กำลังใจผม พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
 “มึงอย่าเครียดไปเลย ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เรื่องของกูเครียดกว่ามึงยังผ่านมาได้ เรื่องมึงมันก็อยู่ที่ตัวมึงล้วนๆ ว่ามึงจะตัดสินใจยังไง”
ผมผ่อนลมหายใจยาว “กูรู้ แต่นั่นแหละที่เป็นปัญหา เพราะกูไม่รู้ใจตัวเอง”

“แล้วมึงเป็นอะไร ใจตัวเองยังไม่รู้ ปกติมึงก็รู้มากตลอดนี่ หึหึ” ผมเอื้อมมือไปตบหัวมัน แต่มันหลบทันแถมยักคิ้วให้ผมอีก ให้มันได้ยังงี้สิ ทั้งพี่ทั้งน้อง ทำให้ผมต้องปั่นป่วนได้ตลอด
“ที่ปรึกษาเค้าไม่กวนตีนหรอกนะ ไอ้ฝัน รู้ซะมั่ง” ไอ้ฝันไม่ยักโกรธผม เอาแต่ขำ สักพักเสียงโทรศัพท์มันดังขึ้น พอดูหน้าจอแล้วมันก็ยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย ยักคิ้วให้ผม  “ที่รักกูโทรมา”
“โหล ว่าไงครับผม” ฝันมันฟังไปก็ยิ้มแก้มป่อง หมั่นไส้มันจริงๆครับ อิจฉาคนมีความสุข
“วันนี้ออกมากับพี่หนุ่ย มาเป็นคอนซัลท์” มันหันมายิ้มให้ผมแล้วคุยกับแฟนมันต่อ  “เรื่อง...ความรัก เอ๊า มึงอย่าหัวเราะสิ” ท่าทางมันจะนินทาเผาขนผมจนเกรียมไปอีกนาน ผมยื่นมือไปหาฝัน ขอโทรศัพท์
“ไหนกูคุยกับใหญ่หน่อย”
“ใหญ่...ไอ้พี่หนุ่ยจะคุยด้วย”ไอ้ฝันส่งโทรศัพท์ให้ผมรอยยิ้มยังติดที่ริมฝีปาก หน้าของคนที่ความรักสมหวังมันเป็นแบบนี้นี่เอง

“หวัดดีน้องใหญ่”
“หวัดดีครับพี่หนุ่ย เมื่อไหร่จะมาเที่ยวเชียงใหม่บ้างล่ะพี่”
“ใหญ่ช่างน่ารัก ผิดกับไอ้ฝัน มันไม่เคยชวนพี่ไปเที่ยวสักคำ กวนตีนตลอด”
ไอ้ฝันมันนั่งฟังผมคุยแล้วก็ยิ้มๆ พูดลอยๆขึ้นมา “ชวนไปให้โง่ เปลืองตังค์แฟนกูอีก”
ผมชี้หน้าไอ้ฝันให้มันสงบปากบ้าง คุยกับมันแล้วดีแต่กวนกันไปมา ผมคุยกับใหญ่ดีกว่าครับ น่ารักกว่ากันเยอะเลย
 “เดี๋ยวนี้ไม่ใช้จดหมายแล้วเหรอใหญ่ ไม่ทันใจละสิท่า” ไอ้ฝันที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ มันส่ายหัวยิ้มขำ  เสียงใหญ่หัวเราะแว่วๆเข้าสายมา
“อยากใช้สิพี่ แต่ไอ้ฝันสิ มันเริ่มบ่นว่าช้าไม่ทันใจมัน นานๆผมก็เขียนไปที  มันก็ไม่เขียนตอบ ใช้โทรศัพท์มาแทน มันกวนมากจนผมต้องรับ บางครั้งก็โทรมาเป็นสิบๆครั้งจนผมต้องโทรกลับ แต่อีกหน่อยถ้าโทรมาบ่อยๆ ผมว่าจะปิดเครื่องแล้ว มันกวน  พอรู้ว่าผมไม่ชอบมันยิ่งทำ...มันชอบแกล้งผม”
“ป่วนมากๆ ทิ้งมันเลยใหญ่พี่เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้หาแฟนใหม่ ฮ่าๆๆ” ใหญ่หัวเราะลั่น อาจจะเห็นดีด้วยกับผมก็ได้

แต่ไอ้ฝันสะดุ้งลุกลี้ลุกลนเอื้อมมือจะมาแย่งโทรศัพท์คืน “เฮ้ยพูดบ้าๆแบบนี้ได้ไง จะมายุให้คนรักกันเค้าแตกแยก มึงเอาคืนมาเลยไอ้หนุ่ย ไอ้พี่บ้าอิจฉาที่น้องมีความรัก” เรื่องอะไรผมจะให้ครับ  ผมก็หนีมันสิ
“ไม่ต้องเลย กูจะคุยกับน้องชายกู”
ใหญ่สนับสนุนมาตามสาย “ไม่ต้องไปสนใจมันพี่ ไอ้ฝันมันก็งี้กวนประสาท” ผมยิ้มเยาะให้ไอ้ฝัน
“แฟนมึงเค้าจะคุยกับกูเว้ย เสียใจด้วย” ไอ้ฝันมันทำท่าฮึดฮัดแต่ก็ทำอะไรผมไม่ได้ ผมรู้ว่ามันก็ทำไปอย่างนั้นเองครับ ลีลาได้ตลอด เพราะอีกเดี๋ยวมันก็กลับไปดื่มของมันต่อ

 “ไม่คุยเรื่องผมแล้ว คุยเรื่องพี่ดีกว่า ได้ยินว่าพี่หนุ่ยมีความรักเหรอครับ ยินดีด้วยนะครับ”
“ไม่มี้ มีที่ไหนกัน ฝันมันมั่ว อย่าไปเชื่อ”  หึหึ ปากไวไปรึเปล่า ไอ้ฝันนะไอ้ฝันไม่มีความลับกับแฟนมันเลย
“ทำไมล่ะพี่ มีก็มีสิ พี่หนุ่ยมีแฟนฝันมันจะได้เบาใจ มันชอบบ่นให้ผมฟังว่าถ้ามันมาอยู่เชียงใหม่พี่จะเหงา ไม่มีคนเป็นเพื่อนดื่ม หึหึ”
“ใหญ่อย่าไปฟังมัน ถึงพี่อยู่มันก็ไม่สนใจพี่ ใจมันล่องลอยไปเชียงใหม่ตลอด ไม่ดูดำดูดีพี่หรอก จริงมั้ยฝัน มึงไอ้เพื่อนทรยศ ทิ้งเพื่อน”
  ใหญ่หัวเราะแก้ตัวให้แฟน “แต่มันเป็นห่วงพี่จริงๆนะ มันชอบบ่นพี่เลือกมาก”
“นั่นน่ะเหรอเป็นห่วง แถวกรุงเทพฯบ้านพี่เค้าเรียกนินทานะ หรือเชียงใหม่เรียกแบบนี้”
“หึหึ ถ้าพี่หนุ่ยไม่เลือกมากแล้วทำไมไม่มีแฟนล่ะ”
“ก็มีคนมาสมัครเยอะ แต่พี่คัดทิ้ง ฮ่าๆๆ”

ผมก็ต้องพูดแก้ตัวไปก่อนครับ จะให้บอกว่าไม่มีใครเอาก็เสียฟอร์มสิ ได้ยินเสียงเอฟเฟคเป็นเสียงอ้วกอยู่ข้างๆครับ ไอ้คนทำเสียงมันทำแลบลิ้นแสดงท่าทางประกอบด้วย ผมอยากจะลุกไปเตะมันก็ไม่ถนัด แล้วมันก็เอาแต่บ่นๆพึมพำจนผมรำคาญ
“เมื่อไหร่มึงจะเลิกคุยกับแฟนกูสักทีวะ คนเค้านานๆคุยกันที ยังมาแย่งกูอีก นี่กูต้องโทรไปให้มิสคอลสิบครั้งนะกว่าใหญ่มันจะโทรกลับ เห็นใจกันบ้างนะคร้าบไอ้พี่หนุ่ย ”
“ใหญ่ พี่รำคาญฝันมันว่ะ นี่มันทวงโทรศัพท์คืนยิกๆ ใหญ่ไม่รำคาญมันมั่งเหรอ  นานๆพี่เจอมันที จะทะเลาะกันตาย”
“หึหึ ชินแล้วพี่ พอรักแล้วมันก็เลยเห็นเป็นเรื่องน่ารักไปซะได้”

ใหญ่ตอบผมมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมไม่อยากจะเชื่อว่าอย่างนี้ก็มีด้วย มิน่าเค้าถึงว่าคนมีความรักโลกทั้งโลกจะเป็นสีชมพู อยากจะหัวเราะก็ไม่กล้า ผมเหลือบตามองไอ้ฝันพยายามจะมองว่ามันน่ารัก แต่มองยังไงๆผมก็ว่ามันกวนตีนในสายตาผมอยู่ดี
“พี่ยอมแพ้เลย ไอ้ฝันมันโชคดีเกินไปแล้วที่มีเราเป็นแฟน  งั้นใหญ่คุยกับฝันต่อนะ ไว้มีเวลาพี่จะไปเที่ยวเชียงใหม่เราคงได้เจอกัน”
“ครับ หวัดดีครับพี่ มีโอกาสมาให้ได้นะพี่”

ตั้งแต่คืนนั้นผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเลยครับ  ทุกวันมีแต่เรื่องงาน วันนี้ก็ประชุมกันตั้งแต่เช้ากว่าจะเลิกได้ก็หกโมงเย็น พอมีเวลามานั่งคุยกับลูกน้องบ้าง
“พี่หนุ่ย หมู่นี้เกี๊ยงมันหายไปไหน ไม่เห็นหน้าเลย มีบางคนเค้าคิดถึง ทำไมมันไม่รู้ตัวบ้างนะ”นิ่มหัวเราะเบาๆ ยั่วเย้า
 ผมสะดุ้งเลยครับ ทำไมนิ่มมันรู้ เอ๊ยย...ทำไมนิ่มมันพูดแบบนั้น
“เอ๊ย...ใครคิดถึง ไม่มี๊” ผมยกมือปาดเหงื่อ
สาวๆหัวเราะกันคิกคัก “มีสิพี่หนุ่ยก็ไอ้รุ้งนี่ไง มันบ่นอยู่ได้พี่เกี๊ยงทำไมไม่มา” อ้าว...ไม่ใช่ผมหรอกเรอะที่นิ่มว่า ผมถอนหายใจโล่งอกรอดตัวไปได้

น้องรุ้งเขย่าแขนนิ่มแรงๆ “พี่นิ่มอะ หนูโกรธแล้ว มาบอกพี่หนุ่ยทำไม หนูอายนะ ความลับหนูแตกหมดเลย”
“พี่ตกข่าวอะไรไปรึเปล่า” ผมย่นคิ้วมองหน้าสองสาวคนหนึ่งยิ้มสนุก ส่วนอีกคนหน้าแดงทำท่าทางเอียงอาย ก้มหน้าคุยกันจุ๊กๆจิ๊กๆ  ไม่ยอมตอบคำถามทำให้ผมยิ่งอยากรู้
“สาวๆ คุยกันสองคนได้ไง พี่นั่งอยู่นี่ทั้งคน นินทาอะไรพี่ครับ”
นิ่มรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่นะพี่หนุ่ย เค้าคุยกันเรื่องเกี๊ยงต่างหาก พี่หนุ่ยไม่เกี่ยวเลย”
ผมอยากจะเถียงว่าเกี่ยวเต็มๆเลย แต่ก็พูดไม่ออก “ทำไม? รุ้งเป็นแฟนกับไอ้เกี๊ยงมันเหรอ”

ถามไปแล้วก็ต้องกลั้นหายใจรอคำตอบ เกิดปั่นป่วนในช่องท้อง รู้สึกไม่สบายกายเอาซะเลย หรือว่ากรรมจะตามสนองผม ไปทำให้ผู้หญิงหลงรักแล้วก็ไม่สนใจเค้า หรือตอนนี้ผมจะเจอแบบนี้บ้าง
นิ่มหัวเราะยิ้มล้อๆ แต่น้องรุ้งบิดไปมาอายม้วนหน้าแดงกว่าเดิม “พี่หนุ่ย พูดแบบนี้หนูเขินนะ” พูดแบบนี้ก็แสดงว่าจริง  แต่ทำไมผมไม่รู้เลยล่ะ ผมบอกความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูก รู้แต่ว่าหมดแรงจะพูด
“ไปเป็นแฟนกันตอนไหน ไม่บอกให้พี่รู้บ้างเลยนะ”
“ยังไม่ได้เป็น แต่กำลังจีบอยู่ พี่หนุ่ยช่วยเป็นกำลังใจให้มันหน่อย” นิ่มเป็นคนพูดขึ้นมาแทนน้องรุ้ง  ส่วนเจ้าตัวกอดแขนนิ่มแน่น ทำท่าอายจนผมรำคาญ

ผมกลืนน้ำลายอย่างลำบาก คิดถึงคนเจ้าของเรื่องที่บอกว่า ‘รัก’ ผม ‘คิดถึงพี่นะ’ สองคำนี้คงไม่ได้มีผมคนเดียวที่ได้ฟังบ่อยๆเสียแล้ว แล้วทำไมผมต้องเอาใจช่วยมันด้วย มันจะไปจีบใครก็เรื่องของมันสิ ผมกลับบ้านผมดีกว่า
“เรื่องวัยรุ่นพี่ไม่รู้หรอก ไปเล่นกันเองแล้วกัน พี่กลับก่อนนะ เหนื่อย”
“ไรอะพี่หนุ่ย คุยกันอยู่ดีๆชิ่งกันเฉยเลย” ผมไม่ทันฟังว่าสองสาวบ่นว่าอะไรกัน หรือจะคุยกันต่อไปถึงไหน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินของสาวๆ มากกว่า

ผมขับรถกลับบ้านไปอย่างมึนๆ รถก็ติดเอาเสียเหลือเกิน การประท้วงมีอยู่ทั่วไปในเมืองไทย จนเหมือนสิ่งปกติไปแล้ว  ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ประนีประนอมกัน คิดต่างกันได้แต่ก็น่าจะอยู่รวมกันได้ ความขัดแย้งถ้ามันมากเกินไปก็ไม่มีใครที่มีความสุขได้สักคน เครียดเรื่องงานแล้วยังมาต้องเครียดเรื่องบ้านเมืองอีก อากาศก็ร้อนจนแทบทนไม่ไหว ผมหงุดหงิดมากๆจนต้องขอระบายออกมาด้วยการตะโกน “โว้ย...อะไรกันนักหนาวะ”

กว่าผมจะถึงบ้านก็ปาเข้าไปสองทุ่ม ผมเอารถเข้าบ้านเรียบร้อยแล้วถึงมีคนมากดกริ่ง  ผมมองออกจากหน้าต่างเห็นเด็กหนุ่มร่างสันทัดยืนชะโงกเกาะริมรั้วอยู่ รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้าเรียว  สองขาของผมหยุดนิ่งสายตามองอยู่อย่างนั้น คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจ จนคนข้างนอกกดกริ่งอีกครั้ง ผมระบายลมหายใจก่อนเดินไปเปิดประตูให้มัน ทักไปสั้นๆ  “ว่าไงเรา”

น้องเกี๊ยงยกถุงข้าวของที่มันซื้อมาจนเต็มมือให้ผมดู พูดด้วยแววตาเป็นประกาย “พี่ยังไม่ได้กินข้าวมาล่ะสิ”
 มันยื่นหน้ามาชิดหน้าผม พูดยิ้มๆกึ่งแซว “หน้าตาพี่หนุ่ยดูขาดสารอาหารจำเป็น ซีดๆไปหน่อยนะ”
มันใช้มืออีกข้างที่ว่างคว้าข้อมือผมแล้วดึงกึ่งลากตัวผมเข้าบ้าน “ไป ผมจะให้อาหารพี่เอง มามะ”
ผมถึงกับหัวเราะ “กูไม่ใช่สัตว์เลี้ยงมึงนะ ต้องมาให้อาหารกู”
น้องเกี๊ยงหันหน้ามาบอกผมดวงตาเหมือนมีรอยยิ้ม “ก็ใครว่าใช่ เค้าไม่ได้จำกัดสักหน่อยว่าต้องให้อาหารเฉพาะสัตว์เลี้ยง คนรักเค้าก็ให้ได้ หึหึ”

ผมอาจจะเคยขำๆ ที่ได้ฟังคำหยอดทำนองนี้ แต่วันนี้ยิ้มไม่ไหว ได้แต่เดินตามแรงจูงไปเงียบๆ  มันพาผมมานั่งที่โซฟาแล้วชี้นิ้วสั่งเหมือนผมเป็นเด็กๆ “พี่นั่งนี่ก่อน เดี๋ยวผมเอาไปใส่จานให้ อย่าซนนะ รอนิ่งๆ เดี๋ยวเจ้าของบ้านเค้าจะดุเอา”
ผมนั่งมองมันจัดการวิ่งไปมาระหว่างครัวผมกับตรงที่ผมนั่ง ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที มันก็เตรียมการพร้อมสรรพ กลิ่นอาหารหอมฉุยโชยเข้าเตะจมูกผม จนท้องร้องออกมาให้คนที่อยู่ใกล้ๆได้หัวเราะ
“เห็นมั้ยล่ะ ว่าพี่ขาดสารอาหารจริงๆด้วย ผู้ใหญ่อะไรกินข้าวไม่เป็นเวลา ต้องให้เด็กมาดูแล”

ใจหนึ่งผมก็สุขใจที่มีคนห่วงใย แต่อีกใจก็ยังคอยค้านว่ามันมาจากใจจริงรึเปล่าหรือเป็นเพียงคำพูดดีๆที่มีให้กับทุกคน กรรมคงตามสนองผมเข้าให้จริงๆ น้องเกี๊ยงยังคงชี้ชวนแนะนำอาหารให้ผม ตักกับข้าวใส่จานให้
“อะนี่ไก่คั่วกลิ้งอร่อยนะพี่ รับรองว่าเด็ด ผมลองมาแล้วตอนแกะใส่จาน แหะๆ” มันพูดแล้วก็ดูดนิ้วตัวเอง  ผมยิ้มนิดๆ ยังเหนื่อย เหนื่อยทั้งกาย ทั้งใจ น้องเกี๊ยงมันคงผิดสังเกตเหมือนกันที่ผมด่ามันน้อยกว่าเคยๆ
“พี่เป็นอะไรรึเปล่า ไม่เห็นกัดผมเหมือนเคย หรือไปฉีดยามา” มันจะถามผมดีๆก็ไม่ได้ต้องเหน็บตลอด...ผมเอื้อมมือไปเขกหัวมัน
“ไอ้เตี้ย...มึงใช้ปากหรือตูด ปล่อยออกมาแต่ล่ะอย่าง พูดดีๆกะเค้าไม่เป็นรึไง กูไม่ใช่หมา” ผมแยกเขี้ยวให้มัน แววตามันสดใสขึ้นเมื่อผมเริ่มพูด

“ค่อยยังชั่วพี่ยังพูดได้ พูดน้อยซะอย่างกับพวกต่างด้าว ร้องเพลงชาติเป็นมั้ยนี่ ไหนลองร้องซิ” ผมหัวเราะเบาๆ  ถ้าเป็นวันก่อนๆผมต่อปากต่อคำกับมันไปแล้ว แต่วันนี้คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไป
“กินข้าวกันเถอะ อย่ามัวแต่เล่นลิ้นเลย ไม่เหนื่อยรึไง” ผมตักกับข้าวคืนให้มันไปบ้างเพราะมันเล่นใส่มาเต็มที่
“เล่นลิ้นที่ไหน เล่นลิ้นมันต้องแบบนี้” น้องเกี๊ยงแลบลิ้นออกมาแล้วห่อลิ้น กระดกลิ้น ทำลิ้นคดเป็นงู และอีกหลายอย่างที่มันจะสรรหามาทำได้ ล้วนแล้วแต่คนดีๆเค้าไม่ทำกัน จนผมต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ต้องยกมือห้ามมัน ทั้งที่ยังหัวเราะ
“มึงพอเลย โตแล้วนะ เล่นเป็นคนปัญญาอ่อนไปได้”
“หุหุ ไม่เป็นไร พี่หัวเราะได้ผมก็ดีใจแล้ว พี่จะทำหน้าเครียดไปทำไม ไม่ใช่แกนนำพวกเสื้อมีสีสักหน่อย”

ผมหัวเราะพยายามผ่อนคลายมากขึ้นกับมุกของมันที่ใส่เข้ามาเรื่อยๆ ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องที่กังวลใจอยู่ลึกๆ ผมลองกินหลายๆอย่างที่น้องเกี๊ยงชวนกิน ทำเอาคนซื้อมาตาเป็นประกาย
“เกี๊ยงชวนชิมทุกอย่างเลยนะ ดีลิเวอรี่ส่งให้ถึงที่ มีใครทำได้แบบนี้บ้าง”
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานพี่ซูบไปนะ บอกแล้วว่าอย่าไปประท้วงก็ไม่เชื่อ แล้วเป็นไงข้าวที่นั่นไม่อร่อยล่ะสิ”
น้องเกี๊ยงเคี้ยวข้าวไปก็คุยจ้อไม่หยุดพยายามจะให้ผมขำ ให้ผมพูด แต่ผมก็ยังเหมือนเดิมคือพูดน้อย มันไม่อยากจะพูด  สุดท้ายผมต้องบอกให้มันเพลาๆบ้าง
“กูอยากกินข้าวเงียบๆ มึงพูดจบรึยัง พูดมากจนกูฟังแล้วเพลีย” หลังจากผมพูดจบมันนิ่งสนิทเลยครับหน้าจ๋อยจนผมสงสาร ผมกินข้าวเสร็จมันก็ยังคงกินต่อไปเงียบๆ คราวนี้ก็ปิดปากสนิทเป็นหอยกาบจนผมอดไม่ได้ต้องเป็นคนชวนคุยบ้าง อยู่ๆผมก็คิดถึงสิ่งที่มีส่วนทำให้ผมหงุดหงิดนอกจากเรื่องม็อบ กับอากาศร้อนๆนั่น

“วันนี้นิ่มกับรุ้งเค้าถามถึงเราแน่ะ ว่าทำไมหายไป”
“...” เงียบไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์
“มีคนบ่นคิดถึงเรา” ผมเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงเรียบนิ่ง
 น้องเกี๊ยงเงยหน้ามองตาผม “พี่รึเปล่าล่ะ ที่บ่นคิดถึง ถ้าไม่ใช่พี่ผมก็ไม่สนใจ”
“รุ้ง...รุ้งเค้าบ่นถึง” ผมบอกไปแล้วก็ลอบสังเกตท่าทีของมัน

น้องเกี๊ยงวางช้อนส้อมยกแก้มน้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ก่อนวาง ถามกวนๆ “แล้วไง” 
มันไม่รอคำตอบจากผมหยิบขนมทับทิมกรอบที่วางอยู่มากินต่อ แล้วส่งอีกถ้วยให้ผม “กินก่อนพี่”
ตัวมันเองก็ก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจที่ผมชวนคุยจนผมเริ่มหงุดหงิด เข้าใจเลยว่าพูดด้วยแล้วไม่พูดด้วยมันน่าโมโหแค่ไหน
“อะไรแล้วไง” ผมไม่กินตามที่มันชวนแต่ถามต่อ เริ่มมีอารมณ์กรุ่นๆ
“รุ้งเค้าบ่นคิดถึงผมแล้วไง ผมไม่ได้คิดถึงเค้านี่ ไม่เกี่ยวกัน”  น้ำเสียงของมันไม่แคร์จนผมโมโหแทนรุ้ง ถ้ารุ้งได้ยินแบบนี้คงเสียใจ ทำไมมันเป็นคนแบบนี้ไปได้
“ก็ไม่ไง ไปจีบเค้าแล้วก็สนใจเค้าหน่อย” พูดไปก็เหมือนผมไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมัน ได้แต่อยากตบปากตัวเองว่าพูดไปทำไมกัน

น้องเกี๊ยงวางช้อนลงเงยหน้าขึ้นมามองผม หน้าตายู่ยี่น้ำเสียงเครียด “พี่ไปเอามาจากไหนกันว่าผมจีบรุ้ง”
มันส่ายหน้า “มีแต่เค้ามาจีบผม ผมไม่เคยเลยนะ กับรุ้งเป็นแค่น้อง”
“ที่ผมจีบมีพี่คนเดียว” แววตาที่มันมองตรงมาจริงจังจนผมต้องหลบ
กลับเป็นผมที่ชะงักเงียบไปกับคำพูดของมัน ไมได้ประหลาดใจกับคำที่ว่ารุ้งเป็นคนจีบ แต่กำลังเหวออีกครั้งเหมือนทุกครั้งที่มันพูดทำนองนี้ น้องเกี๊ยงขยับตัวมานั่งข้างผม “พี่คิดว่าผมชอบจีบไปทั่วเหรอ”
“ผมไม่ได้เป็นแบบพี่สักหน่อย” มันบ่นกับตัวเองหรือตั้งใจว่าให้ผมได้ยิน ผมก็ไม่รู้เจตนาของมัน

“เดี๋ยวเหอะมึง ว่าพี่ว่าเชื้อ ทำไมกูจีบไปทั่วรึไง” ผมเคยคุยเรื่องทำนองนี้กับไอ้ฝันมาแล้ว ผมยังจำได้ว่าผมตอบไปว่าอย่างไร แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นแล้วนี่ ถ้าผมจีบใครผมก็บอกกับเค้าตรงๆ
“หรือไม่ใช่ล่ะ ผมก็เห็นพี่พูดหวานกับผู้หญิงทุกคน”
“อย่างนั้นมันจีบที่ไหนกัน กูก็แค่พูดจาสุภาพกับเพศแม่ ก็เท่านั้น” ผมไม่เคยรู้สักนิดว่าสิ่งที่ผมทำมันจะผิดตรงไหน
“ก็นั่นแหละ พี่พูดแบบนั้นเค้าก็เดาไม่ถูกว่าพี่คิดแบบไหน แต่ผมน่ะไม่ใช่ ผมไม่ได้จีบรุ้งจริงๆนะ พี่ไม่เชื่อผมเหรอ” เกี๊ยงมันดึงมือผมไปกุมไว้ แล้วเอียงหัวพิงแขนผม ผมขยับตัวห่างแล้วดึงมือออกจนน้องเกี๊ยงมันทำตาขวางใส่

“มะ...ไม่ใช่ไม่เชื่อ มันก็เรื่องของมึงจะจีบใคร กูก็...คะแค่เล่าให้ฟังเฉยๆว่าเค้าบ่นถึง” ตัวผมเองกลับพูดปฏิเสธตะกุกตะกักเหมือนคนร้อนตัว ติดอ่างอย่างที่ไม่เคยเป็น
น้องเกี๊ยงหัวเราะขำ “ชอบนวดก็ไม่บอกนะพี่หนุ่ย ติดอ่างได้ไง ระวังเอดส์นะ ฮ่าๆ”
น้องเกี๊ยงเงียบไปสักครู่ก่อนทำตาเจ้าเล่ห์  เอามือจับหน้าผมให้หันมามองหน้ามัน “หรือว่าพี่หึงผมกับน้องรุ้ง? ใช่มั้ยล่ะ”
ผมปัดมือมันออก “ไอ้บ้า...ไม่ใช่เว้ย” ผมอายก็อาย ขำก็ขำ ขำตัวเองมากกว่า ว่าเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ เหมือนคุมอารมณ์และคำพูดของตัวเองไม่ได้ดั่งใจเลย

แววตาผมคงบอกอะไรมากไป น้องเกี๊ยงถึงอมยิ้มแล้วบอกว่า “ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่เห็นต้องหน้าแดงเลย ถ้าพี่สงสัยอะไรถามผมได้นะ ผมบอกได้หมด” ถึงมันจะบอกผมแบบนี้แต่ผมควรจะถามเหรอ แค่จะพูดตรงๆว่ามึงชอบรุ้ง มึงจีบรุ้งเหมือนที่จีบกูเหรอ ผมยังพูดไม่ออกเลย ได้แต่เปลี่ยนเรื่องคุยไปก่อนทุกอย่างจะเข้าตัว
“วันนี้นึกยังไงมาหาถึงบ้าน ทำไมกะเวลาเก่ง รู้ได้ยังไงว่าพี่กลับตอนไหน”
มือน้องเกี๊ยงเก็บจานไปปากก็พูดไปด้วย “ไม่รู้หรอก มานั่งรอหน้าบ้านตั้งนาน เลยนึกขึ้นมาได้ออกไปหาซื้อของกินมารอพี่ดีกว่า” มันเก็บของทั้งหมดที่เหลือเข้าตู้เย็นแล้วเก็บจานไปล้าง

ผมนั่งรออยู่สักพักน้องเกี๊ยงยังไม่ออกมามัวแต่เก็บข้าวของ ยืนล้างจานอยู่ในแพนทรีฮัมเพลงไปด้วย ผมเดินเข้าไปกอดอกยืนมองมันทำงาน อดคิดไม่ได้ว่าทำไมมันต้องมาทำให้ผมขนาดนี้ ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรเพื่อมันเลย น้องเกี๊ยงหันมามองแล้วยิ้มก่อนจะหันกลับไปล้างจานต่อ
 “พี่ไปนั่งพักก่อนก็ได้ ทำงานมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวผมก็เสร็จแล้ว”
 คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในใจทำให้ผมต้องถามก็เกิดขึ้น “เกี๊ยง ทำแบบนี้ไม่เหนื่อยรึไง”
“เก็บจานล้างจานแค่นี้ไม่เหนื่อยหรอกพี่ ผมช่วยแม่บ่อยไป ผมก็ทำอะไรเป็นนะ ไม่ได้มีดีแต่ปาก”

“ไม่ได้หมายความถึงเรื่องนั้น เรื่องที่เราทำให้พี่ต่างหากล่ะ”
น้องเกี๊ยงหันหน้ามองผมกะพริบตาถี่ๆ มีรอยยิ้มที่มุมปาก แล้วเบือนหน้ากลับไป
น้องเกี๊ยงเปิดตู้แล้วหยิบผ้ามาเช็ดจานจนแห้งแล้ววางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนล้างมืออีกครั้งแล้วเข้ามาดันหลังผมไปที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
“มานั่งคุยกันสบายๆดีกว่า”

น้องเกี๊ยงหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ผม คว้าเอาแขนผมไปเกี่ยวเอาไว้ ผมเริ่มชินกับความใกล้ชิดที่มีขึ้นบ่อยครั้ง ช่องว่างข้างกายผมกับมันเหลือน้อยลงไปทุกที น้องเกี๊ยงนั่งแหงนคอมองขึ้นไปบนเพดานแล้วหลับตานิ่งเหมือนนอนหลับ มีแต่ความเงียบสงบ เสียงเดียวที่ผมได้ยินคือเสียงลมหายใจของเรา
“ หลับแล้วเหรอ ยังไม่ตอบคำถามพี่เลย” ผมเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ถ้ามันจะนอนจริงๆผมก็ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของมัน
น้องเกี๊ยงลืมตาขึ้น หันหน้ามาหาผม น้ำเสียงนุ่มนวลกว่าที่เคย “ผมไม่เหนื่อย ผมมีความสุขกับการทำแบบนี้” 

ใจผมยิ้มรับคำตอบนั้นแต่ผมก็ไม่อยากเอาเปรียบใคร ทุกคนย่อมมีชีวิตของตัวเอง มันไม่ยุติธรรมถ้าเราจะให้ใครต้องมารอใครหรือผูกมัดไว้กับใครโดยไม่มีกำหนดเวลา ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นแก่ตัวอยู่ดี ผมหลอกตัวเองไม่ได้ว่าผมก็อยากให้มันรอ “ถ้ามันนานล่ะ ถ้าพี่อยากจะให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อน เราจะรอไหวเหรอ”
น้องเกี๊ยงล้มตัวลงนอนบนตักผมโดยไม่บอกกล่าว ผมร้องได้เพียง “เฮ้ย!”
“ขอนอนหน่อยนะสบายจัง” น้องเกี๊ยงพูดเหมือนขอแล้วก็นอนต่อ
ผมพยายามผลักตัวมันออก ทั้งดึงทั้งยื้อแต่มันก็ดื้อไม่ยอมลุกจนผมอ่อนใจ “มึงจะดื้อไปถึงไหน” ดื้อไปเสียทุกเรื่อง ดื้อจนผมยอมแพ้ใจมันไปแล้ว

“ผมก็เป็นของผมแบบนี้ พี่หนุ่ยจะคิดอะไรมากมาย” เสียงอู้อี้พูดอยู่ในลำคอแต่ผมก็ได้ยินทั้งหมด   คำพูดและการกระทำของมันทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปทีละน้อย
“ถ้าสักวันผมเหนื่อยที่จะรอ  ผมก็คงเลิกราไปเอง แต่ตอนนี้ผมมีความสุขดี” น้องเกี๊ยงนอนแหงนหน้าขึ้นมองผม มันดึงมือผมไปกอดไว้ที่อก ผมสัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ใต้ฝ่ามือผม หัวใจของคนที่บอกว่ารักผม
“สุดท้ายแล้วพี่ก็ต้องยอมรับผมเข้าสักวัน แต่ระหว่างนั้นแค่ได้เท่านี้ผมก็พอใจแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น เราก็ยังมีอิสระกันทั้งคู่ ถ้าเกิดเกี๊ยงคิดจะมีใครอื่นพี่ก็ไม่ว่า หรือถ้าพี่จะมีใคร เราก็คุยกันอีกทีแล้วกัน ดีมั้ย”
น้องเกี๊ยงเงียบไปผมไม่รู้ว่ามันเข้าใจสิ่งที่ผมบอกรึเปล่า น้องเกี๊ยงจับมือผมไปแนบแก้ม
“พี่ก็รอดูต่อไปแล้วกัน ว่าผมไม่มีวันเปลี่ยนใจ”

 การคบกันของเราในความคิดของผมไม่จำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายให้สิ้นสุดที่การเป็นคนรัก ผมไม่อยากนิยามว่ามันเป็นการคบกันแบบไหน มีเพียงผมกับมันเท่านั้นที่รู้กันสองคน เส้นทางของเราข้างหน้าจะออกมาอย่างไรไม่มีใครรู้ เราสองคนคงจะเลือกให้มันเป็นไปเอง ผมเลือกที่จะเก็บเกี่ยวความสุขระหว่างทางมากกว่า

ผมปัดเส้นผมที่มาปรกหน้ามันออก แสงจากดวงตาของมันส่องเข้ามาถึงกลางใจผม  ผมคงชอบน้องเกี๊ยงเข้าไปแล้ว แต่สำหรับผมคำว่าชอบไม่ได้กินความหมายไปถึงเรื่องเซ็กส์ ผมแค่มีความสุขเวลามันมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ได้มีเวลาด้วยกันต่อล้อต่อเถียงกันทั้งในเวลางานและเวลาที่เหลือหลังจากนั้น แต่ผมไม่อยากเอาคำว่าชอบของผมไปผูกมัดมันเอาไว้ 

ผมรู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่แค่ความหวั่นไหวมันมีอะไรที่มากกว่านั้น ถ้าจะให้เรียกว่ารักผมคงต้องใช้เวลาที่เหลือต่อจากนี้ไปเป็นตัวบอก  เกี๊ยงอายุยังน้อยยังต้องเจอคนอีกมากมาย ถ้าวันหนึ่งวันใดที่ไปเจอผู้หญิงดีๆ ที่เค้าชอบและอยากใช้ชีวิตที่เหลือกับคนๆนั้น ผมก็ไม่อยากจะเป็นเงื่อนไขหรือปัญหาในใจสำหรับมัน

ความสัมพันธ์ของผมกับมันจะเรียกว่าอะไรก็ตามอาจจะไม่ใช่คู่รัก ถ้าเราต่างพอใจที่จะมีกันและกัน เป็นคนที่สนิทและรู้ใจกันผมก็อยากให้เป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ 

จนกว่าวันนั้นจะมาถึงวันที่ผมตอบได้อย่างเต็มปากว่าผม ‘รัก’ ไอ้เตี้ยคนนี้...น้องเกี๊ยง
***************************
 :pig4: ไม่อยากบอกเลยว่าจบแล้วนะคะ (แต่เค้าบอกมาว่างั้นอะ)
ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดค่ะ

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(31/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 31-03-2010 23:35:55
^
^


+1 เด๋วมาดิทค่ะ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดด จบแย้วเหยอ   :z3:

ไิอ่พี่หนุ่ยยังไม่ได้แอ้มน้องเกี๊ยงเลย :m15:

 :beat: กั๊กจนวินาทีสุดท้ายนะไอ่พี่หนุ่ย

ขาดความหวาน เพิ่มน้ำตาลให้คู่นี้อีกหน่อยจิ :monkeysad:

ยังไม่ส่งตัวเข้าหอเลย  แอร๊ยยยยยยย

ปล อยากเห็นไอ่พี่หนุ่ยตามหึง ตามง้อน้องเกี๊ยงบ้างอ่าาาาาา

ยังไงก็ตามแต่ ขอบคุณมาก ๆ ที่แต่ง ภาคพิเศษคู่นี้มาให้อ่านนะคะ   :จุ๊บๆ:

ถูกใจจริง ๆ ที่เชียร์คู่นี้ขึ้น

อิอิ







หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(31/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: b_hihi ที่ 01-04-2010 12:03:09
กรี้ด :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:

ในที่สุด ก็ต้องให้เวลาเป็นตัวช่วยตัดสิน


น่ารักเป็นที่สุด



ขอให้มีความสุขกับ เอพิลฟูลเดย์
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(31/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Phawaii ที่ 01-04-2010 12:19:00
รอเวลาเท่านั้นซินะ !

สู้ๆ ๆ พี่เกี๊ยง ง ง  :L2:  ร๊ากพี่เกี๊ยงจัง ง อย่าเปลี่ยนใจเด็ดขาด

เปลี่ยน แกโดน  :z6: แน่

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(31/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-04-2010 14:01:01
จบแล้วจริงๆ เหรอ  :a5:  o22  ให้ความรู้สึกที่ค้างคามากมายเลยอะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(31/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 01-04-2010 14:27:22
ว่าแล้วว่าต้องจบแบบนี้  :z2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(31/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 01-04-2010 21:19:05
 :n1:

สองคนคงสมหวังในรัก ในท้ายที่สุดนะคับ

บวก 1 เป็นกำลังใจให้นะค้าบ ^^
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(31/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 01-04-2010 22:47:15
จบดี แต่ไม่เต็มอิ่ม แบบว่าอยากให้มีกุ๊กกิ๊กบ้าง อะไรบ้าง (ไม่ได้หมายถึงบทอัศจรรย์อะไรเน้อ...) เนื่องจากเกี๊ยงก็ถูกพี่หนุ่ยทิ้งๆ ขว้างๆ มาพอควร (ซึ่งตอนนั้นเราก็เห็นด้วยกะพี่หนุ่ยนะ)

มีตอนพิเศษๆ ใช่ม๊า?  :impress3:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(31/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 01-04-2010 23:06:21
จบแล้วเหรอ ยังอยากให้มีต่อนะชอบคู่นี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(31/03/10) ตอน:หวั่นไหวหรือใช่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: xiiiNG ที่ 02-04-2010 14:01:12
อยากจะบอกว่าค้าง ง อ่ะค่ะ อ๊า ยย ม๊ายยย อยากอ่านตอนสวีท ท ท
แต่ที่อ่านก้แสดงว่ารอเวลาแค่นั้นช่ายป๊ะ
ขอให้วันนั้นวันที่พี่หนุ่ยตอบได้เต็มปากว่ารัก พี่เกี๊ยง ง มาถึงเร็วๆนะค๊า า า
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 02-04-2010 19:53:55
หวัดดีพี่หนุ่ย
อย่า...อย่าเพิ่งงง ได้รับจดหมายจากกูดีใจจนตกตะลึงเลยสิ หึหึ กูไม่อยากบอกเลยไอ้ใหญ่มันบังคับให้กูเขียนมาหาพี่หนุ่ย(ของมัน) มันบอกว่าพี่หนุ่ยจะได้รู้ว่าเวลาเราเขียนจดหมายหากันมันรู้สึกดียังไง

ไม่น่าเชื่อว่ากูมาอยู่เชียงใหม่ได้เกือบแปดเดือนแล้ว  เวลาผ่านไปไวจนกูไม่ทันนับเลย  ตอนนี้กูกำลังเริ่มงานใหม่กับที่ทำงานใหม่ ถึงจะต้องมาเริ่มต้นปรับตัวแต่ก็สนุกดี มาอยู่ที่นี่กูใช้ชีวิตช้าลงกว่าอยู่กรุงเทพฯเยอะ มันไม่เหนื่อยดีว่ะ กูมีเวลาอยู่กับคนที่เรารักมากขึ้น รายได้กูอาจไม่เหมือนเดิมๆแต่ดัชนีความสุขของกูกลับสูงขึ้น  มึงไม่ต้องถามกูก็ได้ว่ากูมีความสุขแค่ไหน เพราะถามมากูก็ตอบมึงไม่ถูก แต่การได้อยู่กับคนที่เรารักมันดีจริงๆนะ

 ไม่เชื่อมึงลองดู...แล้วจะรู้ว่าคำว่าชีวิตที่เติมเต็มกันและกันมันเป็นยังไง

แม่กูก็สุขภาพแข็งแรง อารมณ์ดีเพราะมีหลานให้เลี้ยง มีเพื่อนคุยเป็นพ่อของใหญ่  ถ้าคุยเรื่องเลี้ยงหลานสองคนพ่อแม่เค้าถูกคอกันดีปรึกษาหารือกันได้ตลอดเวลา ว่างๆก็ชวนกันเข้าวัดถูกใจกันไปซะอีก  กูกับใหญ่เป็นอีกคู่ที่คอยขัดเวลาพ่อแม่เค้าเลี้ยงน้องออมแบบโบราณ  เถียงกันเรื่องเลี้ยงหลานเป็นประจำแต่มันมีความสุข สนุกดีเหมือนกัน เดี๋ยวนี้น้องออมก็กลายเป็นลูกกูไปอีกคนแล้ว

ชีวิตกูลงตัวขึ้น ถ้ากูบอกว่ากูกับใหญ่ไม่เคยทะเลาะกันมึงก็ต้องว่ากูสตอ กูกับใหญ่ทะเลาะกันทุกวันแต่ก็คืนดีกันได้ทุกวันเหมือนกัน เวลาคนเรารักกันทุกเรื่องมันละเอียดอ่อนยิ่งกว่าที่เราคิด ที่เราเคยเป็น มิน่าเค้าถึงว่าชีวิตคู่มันไม่ง่าย เพราะเราต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรายิ่งกว่าเดิม แต่ก็กูก็ไม่เบื่อ กูยังรักที่จะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกันกับไอ้ใหญ่อยู่ทุกวัน

มึงอาจจะคิดว่ากูเขียนมาเล่าเรื่องตัวเองได้มากมาย อย่างเพิ่งเอียนนะ กูก็แค่อยากส่งข่าวเล่าเรื่องว่าตอนนี้กูเป็นยังไงบ้าง เผื่อมึงจะคิดถึงกูขึ้นมา  แต่ถึงกูไม่อยู่สักคนมึงก็คงไม่เหงาหรอกยังไงมึงก็มีไอ้น้องเกี๊ยงของกูอยู่ทั้งคนนี่

มึงยังรักกันดีอยู่ใช่มั้ย ถ้ามึงอยู่กับมันแล้วมีความสุขก็อย่าลังเลไปเลย ชีวิตคนมันสั้นนะเว้ย เมื่อเวลาผ่านไปแล้วกูอยากให้มึงบอกกับตัวเองได้ว่ามึงมีความทรงจำที่ดีๆ  ดีกว่าเมื่อวันผ่านไปแล้วมาเสียดายทีหลังว่าความทรงจำที่มีมันว่างเปล่าเหลือเกิน

อ่านจดหมายกูแล้วอย่าแปลกใจนะว่ากูเขียนได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้รับรองว่ากูคิดเองเขียนเองทั้งหมด ต้องขอบคุณใหญ่ที่มันทำให้กูเขียนจดหมายที่ยาวๆ ได้ กูกับใหญ่อยากได้จดหมายตอบจากมึงนะ แต่ก็ไม่รู้ว่ามึงจะเขียนเป็นรึเปล่า บ้านของเรายังรอต้อนรับมึงอยู่เสมอ
แล้วเจอกันที่เชียงใหม่
ใหญ่ที่มีฝัน  

“เกี๊ยงมึงทำอะไรชักช้าวะ ให้ไวหน่อย กูอยากไปถึงเช้าๆ ไอ้ฝันมันรออยู่นะ”
น้องเกี๊ยงวิ่งหอบของพะรุงพะรังมายัดใส่ท้ายรถแล้วกระหืดกระหอบมานั่งข้างหน้ารถ นั่งหอบก่อนเอามือปาดเหงื่อที่ไหลจนย้อยเข้าตา พอขยับนั่งได้ที่ปากอวัยวะที่สำคัญที่สุดของมันก็เริ่มทำงาน
“พี่หนุ่ยขอรับ พี่จะทำตัวเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปถึงไหน ผมก็บอกพี่แล้วว่าให้ขึ้นเครื่องหรือนั่งรถทัวร์ไป พี่ก็ไม่เชื่อ แล้วก็มาเร่งๆๆ เหนื่อยนะ เล่นใช้ให้ผมขนของคนเดียวเลย”

ผมหัวเราะขำที่มันบ่น แต่ก็จริงของมันผมจะขนทำไม “ก็มึงเป็นน้อง น้องก็ต้องทำสิ”
เจ้าตัวดีทำหน้าง้ำหน้างอ “มีแต่เป็นพี่ต้องทำให้น้อง มีที่ไหนกันอะไรก็ไอ้เกี๊ยง เกี๊ยงๆๆตลอดเว ไม่ไหวจะเคลียร์ เฮ้อ...”
ผมเขกหัวมันไปที “จะบ่นไปถึงเชียงใหม่เลยมั้ย กูจะออกรถแล้วนะ ถ้าไม่หยุดบ่นตอนนี้ก็อย่าหยุดนะ หยุดเมื่อไหร่กูให้มาขับไปจนเชียงใหม่เลย”
“หูย พูดอะไรยังไงก็เข้าทางพี่ตลอดแหละ ไม่บ่นแล้ว งั้นผมนอนเลยนะ” พูดจบมันก็เอาหยิบหมอน เตรียมผ้าห่มเอนปรับเบาะลงนอนอย่างดี เอาหน้ากากมาคาดตาแล้วทำท่าจะหลับไปจริงๆ

 ผมจึงต้องเป็นคนที่เริ่มบ่นบ้าง “อะไรวะ มึงจะปล่อยให้กูขับคนเดียวเลยเหรอ ใจร้ายว่ะ”
ไม่มีเสียงตอบน้องเกี๊ยงมันนอนเงียบไม่บ่นอีก แต่ผมก็เห็นรอยยิ้มของมันที่มีอยู่เสมอๆติดอยู่ที่ริมฝีปาก ท่าทางมันจะหลับไปอย่างรวดเร็ว  ผมเลยปล่อยให้มันนอนไป เพราะเมื่อคืนมันต้องเร่งทำงานจนเช้าเพื่อส่งงานให้ทันได้ไปกับผม ผมลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู ยังไงมันก็ยังเป็นเด็กเสมอในสายตาผม

ผมขับรถออกมาจากบ้านเวลาหกโมงเย็น อากาศกำลังสบายๆ เราคุยกันไว้ว่าจะแวะกินข้าวเย็นที่นครสวรรค์ก่อนที่จะตียาวไปจนถึงเชียงใหม่เลย  ผมเล่าให้น้องเกี๊ยงฟังว่าวันหยุดพักร้อนของผมคราวนี้ผมจะไปเยี่ยมใหญ่กับฝันที่เชียงใหม่  น้องเกี๊ยงตื่นเต้นและขอไปกับผมด้วย พอผมบอกว่าไปได้มันดีใจมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเราที่ได้ไปไหนด้วยกันสองคน ผมบอกไม่ได้ว่าตัวผมเองก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ความรู้สึกของผมเหมือนกลับมาเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง

ผมขับรถไปเพลินๆใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงนครสวรรค์ ผมขับเข้ามาในตลาดวนหาร้านขายของกินข้างทางที่เปิดขายของช่วงกลางคืน มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ นั่งกินกันอยู่ก็เยอะดูคึกคักดี  ผมหันไปปลุกคนที่นอนหลับสนิทมาตั้งแต่รถออกมาจากกรุงเทพฯ มันคงจะง่วงจัดจริงๆ
“เกี๊ยง ตื่นมากินข้าวกัน” แค่เรียกอย่างเดียวคงไม่พอ ผมเขย่าตัวมันแรงๆ แต่มันก็ยังไม่ยอมตื่น
น้องเกี๊ยงหันตัวหนีผมส่งเสียงอื้ออ้าไม่มีที่ว่าจะตื่น ผมดึงผ้าห่มออกแล้วก้มลงไปเรียกมันอีกครั้งใกล้ๆ  “เกี๊ยง ถึงนครสวรรค์แล้ว ไปกินข้าวเย็นกัน”

ผมดึงหน้ากากปิดตาออก มันยังคงหลับตาพริ้ม ขนาดนอนหลับมันก็ยังยิ้ม ดูๆหน้าตามันก็น่ารักดี ผมเอามือลูบแก้มเบาๆ มันก็ยังไม่ตื่นท่าทางจะนอนหลับสนิท ผมแกล้งกระซิบที่ข้างหูมันเล่นๆ ทดสอบดูว่าจะขี้เซาไปถึงไหน “ผีหลอกกกก” จังหวะนั้นมันลืมตาขึ้นมาพอดีผมสะดุ้งสุดตัวแทบจะหงายหลัง น้องเกี๊ยงมันเห็นท่าทางผมแล้วหัวเราะก๊าก
 “พี่จะทำอะไรผมเหรอ ฮ่าๆๆ พี่หนุ่ยทำหน้าตลกจัง ทำอย่างกะคนจะลักหลับแล้วโดนผมจับได้”

หน้าผมร้อนไปหมดทั้งเสียหน้าทั้งอาย ต้องด่ามันกลับแก้เก้อ “ไอ้เตี้ย!...ปากหมาอีกแล้ว คนเค้าอุตส่าห์หวังดีจะเรียกไปกินข้าว ถ้าไม่กินกูไปคนเดียวก็ได้วะ” ผมลงจากรถไปแล้วเดินออกไปเลย
สักพักน้องเกี๊ยงวิ่งตามมาเกาะแขนผม ส่งเสียงง้องอน “โอ๋ๆ พี่หนุ่ยอ่า ขอโทษครับ ล้อเล่นนิดเดียวเอ๊ง อย่าโกรธนะ ยังไปไม่ถึงไหนเลย จะโกรธกันค่อยขากลับแล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมขับรถให้เอง...”

 มื้อนั้นมันขนเอามุกปากหมาทั้งคอกของมันทั้งหมดที่มีมาทำให้ผมหายโกรธ แล้วผมก็ต้องยอมมันจนได้ ผมกับมันเดินออกมาจากร้านหลังฟาดข้าวกันไปคนละหลายชาม แต่น้องเกี๊ยงก็ยังไม่วายซื้อของกินติดไม้ติดมือมาอีกหลายถุงจนผมต้องบ่น
“ถามจริง มึงเป็นปอบรึเปล่าวะ เมื่อกี้ก็กินไปตั้งสามชามแล้วยังมีหน้าซื้อขนมมาอีกเพียบ เผลอๆจนเรากลับกูก็กินไม่หมด...แล้ว...”
น้องเกี๊ยงมันเอามือมาปิดปากผม แววตาดูรื่นรมย์ความสุขทอแสงเปล่งประกายมาจากดวงตา “ผมเป็นปอบ พี่รู้ได้ไง ปอบหยิบแบบนี้ไง”

มันเล่นเอามือมาจับตรงนั้นตรงนี้ไปทั่วตัวผม จนผมต้องวิ่งหนีมือมัน “เฮ้ยเล่นอะไรบ้าๆ นี่มันกลางถนนนะ...ไม่เล่น ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ เล่นหน่อยน่าไม่เห็นต้องอายใคร ไม่มีใครที่เรารู้จักสักหน่อย” น้องเกี๊ยงวิ่งวนไปมารอบตัวผม
ผมเอาปัดมือของมันที่ป่ายเปะปะไปทั่ว ขนาดเหลือมือเดียวมันยังแกล้งผมได้ “เล่นเป็นเด็กได้ตลอดเลยนะมึง...ไม่โตสักที”
“ก็พี่มีแฟนเด็ก ก็ต้องเล่นแบบเด็กสิ” มันหัวเราะร่าเริงจนผมอยากแกล้ง
“ไหนใครมีแฟนเด็ก...ไหนๆไม่เห็นมี” ผมทำเป็นหันหน้าหันหลังมองหา
“ก็นี่ไง” น้องเกี๊ยงชี้หน้าผม เอาแขนมาคล้องแขนผมไว้
แต่ผมยังยืนยันทำยักไหล่ “ไม่ใช่... มีที่ไหนกัน”

คราวนี้ไอ้น้องเกี๊ยงหน้างอทำปากยื่น หยุดเล่นไปเฉยๆ  ปล่อยแขนผม พูดเสียงสะบัด“ไม่มีก็ไม่มี” มันเบือนหน้าหนีหันหลังให้ผมงอนเดินหนีไปเลยครับ
ผมได้แต่ส่ายหัวมองตามคนขี้งอนแล้วก็ยิ้ม  เดี๋ยวนี้มันงอนผมบ่อยขึ้น เอาแต่ใจตัวเองมากขึ้น แต่ก็ยังคอยดูแลผมเหมือนเคย ผมไม่รู้สึกรำคาญที่มันทำแบบนั้นเลย หรือว่าผมจะเป็นเหมือนใหญ่ที่ไม่เคยรำคาญไอ้ฝันที่คอยแกล้งมัน  ในสายตาผมน้องเกี๊ยงเริ่มน่ารักเข้าไปทุกที

 ผมวิ่งตามไปหามัน แล้วคว้ามือมันมากุมไว้ มันหันมามองเหมือนถามว่าผมจับมือมันทำไม ผมยิ้มไม่พูดอะไรแต่จับมือไว้อย่างนั้นจูงมันไปจนถึงรถ พอขึ้นบนรถได้มันก็ยังนั่งทำหน้าคว่ำอยู่ไม่หายงอน นั่งเงียบกริบ
“เป็นไร กินข้าวไม่อิ่มเหรอ” เราเคลื่อนรถออกไปแล้วผมถึงถาม
“ช่าย...เป็นปอบหยิบ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม มีไรปะ” มันหันมาทำหน้ากวนๆทำตาดุใส่ผมอย่างพาลๆ
“ไม่เห็นหยิบเลย” ผมพูดกลั้วเสียงหัวเราะ มันเลยหันมามองหน้าผมอีกแล้วยิงฟันให้เหมือนแยกเขี้ยว ผมเอื้อมไปจับมือมันมากุมไว้ มันมองที่มือแล้วทำตาโตอย่างประหลาดใจ พยายามจะดึงมือกลับแต่ผมก็ยึดไว้ไม่ปล่อย
“จับไว้ทำไมล่ะ”

สายตาผมยังมองตรงไปที่ถนนแต่อารมณ์ดีจนต้องยิ้ม หันมายิ้มให้มันแล้วกลับไปมองที่ถนนต่อ “เกี๊ยงไม่หยิบ พี่ก็หยิบแทนไง หยิบมือเกี๊ยงไว้”
“หยิบทำไมล่ะ ปล่อยนะ ไหนว่าไม่มีแฟนเด็ก” น้องเกี๊ยงสะบัดมือแต่ผมก็ไม่ปล่อย
“ไม่มีแฟนเด็ก” น้ำเสียงผมยังยั่วโมโหมันอยู่ คราวนี้มันไม่ตอบแต่ขยับตัวหันหลังให้ผมทำท่าจะนอนหลับ
ผมเหลือบมองแล้วก็ขำ “ไม่มีแฟนเด็ก...แต่คนที่รักเป็นเด็ก...พอใจรึยัง”

“....” ไม่มีคำพูดอะไรจากปากแต่เจ้าตัวดีค่อยๆขยับตัวหันกลับมาจนหันมาหาผมทั้งตัว แววตาที่มองมาเหมือนมีคำถาม แต่กลับไม่ยอมพูด ผมมองไม่เห็นสีหน้ามันชัดเจนแต่ดูเหมือนจะมีสีเข้มขึ้นมาหน่อย
ผมหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้ “เลยเงียบไปเลย เหนื่อยก็นอนพักนะ พี่ขับเอง แวะปั๊มเข้าห้องน้ำเมื่อไหร่พี่ค่อยปลุก”
น้องเกี๊ยงดึงมือผมไปกอด “ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณ”

น้องเกี๊ยงหลับตาลงก่อนจะหลับไปอีกครั้งอย่างง่ายดาย ผมค่อยๆดึงมือออกเพราะขับรถไม่ค่อยถนัด จอดรถเพื่อหยิบผ้าห่มมาห่มให้เจ้าตัวดีที่เริ่มนอนขดกอดอกตัวเองคงจะหนาวแอร์  ห่มผ้าห่มแล้วผมก็อดที่จะลูบแก้มมันไม่ได้ เวลาที่นอนหลับไม่ต่อปากต่อคำก็ดูสงบเสงี่ยมดี ไม่น่าเชื่อว่าเด็กผู้ชายคนนี้ทำให้หัวใจผมสั่นไหวได้
น้องเกี๊ยงร้อง “อือ...”ขึ้นมาทำเอาผมต้องชักมือกลับ ได้แต่มองแล้วยิ้มในใจ

ผมขับรถต่อไปท่ามกลางความมืด ถนนสายนี้มุ่งสู่ภาคเหนือของประเทศไทย ระยะทางค่อนข้างยาวไกล กว่าผมจะถึงจุดหมายปลายทางก็คงเช้า ผมไม่เคยขับรถเส้นทางนี้มาก่อนทำให้ผมตื่นเต้นกับเส้นทางใหม่ๆที่ผมกำลังจะไป
ผมหันไปมองคนอยู่ข้างๆที่นอนเงียบ ถึงแม้จะไม่มีเสียงเจื้อยแจ้ว ไร้คำถามกวนอารมณ์ออกมาจากปากของน้องเกี๊ยง แต่ผมก็ยังอุ่นใจ ความรู้สึกอบอุ่นในใจเมื่อมีมันอยู่เป็นเพื่อนเริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าวันนี้ผมไม่อยากห่างจากมัน  ถึงแม้ปลายทางของเส้นทางนี้จะไปถึงที่ไหน เมื่อไหร่ ผมก็ยังไม่แน่ใจแต่ระหว่างทางที่มีมันอยู่เคียงข้างผมก็สุขใจแล้ว

ฝัน/ใหญ่น้องรัก

ฝันมีใครเคยบอกมึงรึเปล่าว่ามึงเขียนจดหมายน่าอ่าน แต่กูไม่ชมมึงหรอกนะเพราะมึงก็บอกกูไว้ก่อนแล้วนี่ว่าเป็นเพราะใหญ่ กูเลยยกประโยชน์ให้น้องใหญ่ของกูคนเดียว จดหมายของมึงทำเอากูคันมืออยากเขียนขึ้นมาบ้าง
พักร้อนเดือนหน้านี้กูจะไปหามึงที่เชียงใหม่ตามคำชวน อยากไปดูให้เห็นกับตาว่ามึงอยู่สุขสบายดี ไม่ไปสร้างปัญหาให้ใคร (แต่สร้างตัณหา...อันนี้ห้ามมึงยากจริงๆ ฮ่าๆ)

มึงเตรียมคฤหาสถ์อันยิ่งใหญ่ของมึงไว้ต้อนรับกูด้วย ส่วนบัดดี้ของกูมันยืนยันนั่งยันแล้วแน่ว่าจะไปถล่มมึงกับกูด้วย เตรียมลับฝีปากไว้ฟาดฟันกับมันได้เลย ตอนนี้มันลับฝีปากกับกูทุกวัน ฟันคมขึ้นเยอะฝีปากจัดจ้านไม่แพ้นักการเมืองที่เย้วๆออกทีวีกันอยู่ตอนนี้ จนกูร่ำๆจะไล่มันออกจากบ้านไปร่วมเป็นแกนนำกับเค้าไปแล้ว แต่ติดที่ว่ามันไม่ค่อยชอบเสื้อสีนั้นเท่าไหร่เลยดื้อดึงไม่ยอมไป

มึงอย่าสงสัยว่ามันย้ายนิวาสถานมาอยู่บ้านกูตั้งแต่เมื่อไหร่ มันย้ายมาอยู่กับกูได้สามเดือนกว่าแล้ว มันก็มีสาเหตุนะไม่ใช่กูจะรับใครมาอยู่บ้านกูง่ายๆ
ช่วงก่อนน้องเกี๊ยงมันเป็นไข้เลือดออก กูอยากบอกว่าไม่ใช่ความผิดของกู เพราะยุงที่มากัดพวกนั้นไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของกู ที่คอยมาไล่แขกหรือเป็นยามเฝ้าบ้าน แต่มันคงรำคาญน้องมึงที่มานอนรอกูหน้าบ้านอยู่เรื่อยๆ มันโดนยุงกัดเสียจนเป็นไข้เลือดออก ต้องไปนอนที่โรงพยาบาลอยู่หลายคืน ทำเอากูมองหน้าแม่เค้าไม่ติดที่มีส่วนทำให้ลูกเค้าป่วย หลังจากวันนั้นกูเลยต้องส่งมอบกุญแจบ้านของกูให้มันไป แล้วจากวันนั้นมากูก็มีรูมเมทโดยไม่ได้เจตนา ไอ้รึจะเรียกค่าเช่าบ้านมันก็คิดไม่ถูกเพราะไม่เคยให้ใครเช่าบ้าน

แต่ตอนนี้กูเริ่มคุ้นชินกับการที่มีมันมาเดินเพ่นพ่านไปทั่วบ้านกูแล้ว แม่เค้าก็ไม่มาตามมันให้กลับบ้านอีกเลย แถมวันดีคืนดีโทรมาขอบคุณกูยกใหญ่ที่ช่วยดูแลลูกให้ ทำให้กูเริ่มสงสัยว่ากูมิต้องดูแลมันไปตลอดชีวิตแล้วหรือ

นึกๆ แล้วก็ชีวิตคนเราก็แปลก คนที่อยู่คนเดียวแบบกูมาตลอดจะมามีเนื้องอกอย่างน้องมึง  มีคนเคยถามกูว่าไม่รำคาญไอ้เจ้าเนื้องอกชิ้นนี้หรือ ทำไมไม่ตัดออกไปจะสบายกว่ากันเยอะนะ แต่กูตอบเค้าไปว่าเนื้องอกของกูมีมันอยู่ด้วยดูแล้วแปลกๆ ก็จริงไม่ค่อยเข้ากับกูเท่าไหร่ 

มันทำให้กูดูแปลกและแตกต่าง แต่กูก็สบายใจเมื่อมีมันอยู่ และถ้าต้องตัดมันทิ้งไปกูก็คงไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น กูก็ขออยู่โดยมีมันไว้ด้วยดีกว่า ให้มันอยู่เป็นเพื่อนกู เคียงข้างกู ถึงแม้มันจะเติบโตขึ้นมาบ้างทำให้กูรำคาญใจ ทำให้กูหงุดหงิดเป็นบางครั้ง แต่ตราบใดที่เรายังไปด้วยกันได้ไม่มีใครอยากแยกออกไป มันและกูก็จะอยู่ไปแบบนั้น

เขียนมาตั้งยาวออกจะมากกว่าเวลาเราคุยกันเสียอีก แต่กูก็ชอบและดีใจที่มีโอกาสเขียนหามึง ไว้เราค่อยไปเจอกันที่เชียงใหม่ ตอนนี้ไอ้เนื้องอกของกูมันเรียกไปกินข้าวแล้ว ถ้าไปช้ามันจะเริ่มบ่น แล้วก็เห่า ตามด้วยกัด กูไปก่อนดีกว่าไม่อยากให้มันเริ่มเพราะกว่ามันจะหยุดก็ต้องเข้านอนนู่นแนะ
เจอกันที่เชียงใหม่เว้ย

ปล.ฝากบอกน้องใหญ่ด้วยว่า อย่าตามใจแฟนมากเกินไปเดี๋ยวมันจะเคยตัว
ปลล.อย่าไปเล่าให้เกี๊ยงมันฟังล่ะว่ากูเรียกมันว่าเนื้องอก เดี๋ยวมันงอน ฮ่าๆ
พี่หนุ่ย+ไอ้เตี้ยเกี๊ยง


     
***********************************
บทส่งท้าย ท้ายสุดจริงๆแล้วนะคะ หวังว่าคงไม่ค้างแต่ถ้าค้างก็ไม่รู้ทำไงดี :laugh:
ขอบคุณทุกรีพลายและทุกคลิกที่เข้ามาอ่านค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 02-04-2010 20:54:38
ู^
^
จิ้มก่อนๆๆ

+1 ค่ะ  เด๋วมาดิทเน้้~ :z2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 02-04-2010 23:23:05
อ๊ากกกก

นี่มันอะำไร

ไม่นะ

ไม่นะ

 :m15: :monkeysad:

พี่หนุ่ยใจร้าย























/ me เผ่นนน ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดซะ ๕๕
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 02-04-2010 23:47:16
อะนะ จบแล้วจริงๆหรอเนี้ย แง แง
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 03-04-2010 02:53:02
 :L2: :L2:
ขอบคุณทั้งคนโพสต์และคนเขียน
จะมีเรื่องใหม่ให้อ่านกันอีกมั้ยคะ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: mini ที่ 03-04-2010 09:13:13
ขอบคุณสำหรับบทส่งท้ายคับ

ดีใจกับการรุดหน้าความรักของน้องเกี๊ยง

ตอนนี้ได้จับจ้องพื้นที่ในบ้านพี่หนุ่ยแล้ว

อีกหน่อยพื้นที่ในใจของพี่หนุ่ยก็คงไม่มีเหลือ

สู้ต่อไปคับน้องเกี๊ยง  :L2:


ถ้ามีโอกาสก็อยากได้ตอนพิเศษบ้างคับ

ขอบคุณ  o14 ล่วงหน้าสำหรับคนเขียนและคนโพสคับ


หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 03-04-2010 09:29:08
สนุกดีค่ะ เนื้อเรื่องน่ารักมากๆ เลย
นั่งอ่านทั้งคืนไม่หลับไม่นอน หุหุ
ชอบวิธีการเล่าเรื่องค่ะ เล่าสลับกับเขียนจดหมาย
เวลาอ่านทำให้เรารอการตอบจดหมายระหว่างคนทั้งคู่ไปด้วยเลย
ยิ่งตอนไหนกดดันๆ นี่เข้าใจความทรมานของคนรอเลยค่ะ
ชอบทั้งสองคู่เลย น่ารักดี

ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Ploy-Tawan ที่ 03-04-2010 10:33:12
ขอบคุณเรื่องน่ารักของฝันและใหญ่
ขอบคุณภาคพิเศษของพี่หนุ่ยและน้องเกี๊ยง
ขอบคุณทั้งคนแต่ง (คุณฟาง) และคนโพสต์ (คุณคิคิคุคุ)  :pig4:
ชอบจริง ๆ ค่ะเรื่องนี้
อ่านจบแล้วมีความสุขมากถึงมากที่สุด
 :L2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 04-04-2010 00:35:43
จบลงอย่างสวยงามและไม่ค้างคาใจทั้งสองคู่เลย

เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจค่ะ

เสร็จงานเสร็จการเมื่อไหร่ ก็มาเขียนเรื่องใหม่ๆ ให้อ่านกันอีกนะคะ

จะรออ่านอยู่ค่า

 :man1:

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: xiiiNG ที่ 04-04-2010 01:02:39
ห๊ะ พี่หนุ่ยบอกว่าไรนะ !!!
"ไม่มีแฟนเด็ก...แต่คนที่รักเป็นเด็ก"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เยส ๆ ๆ :fire:
ตึ่ง ตึง ตึง ตึ่ง ตึ้ง ตึง โอเย้ โอเย่ โอเย๊ 
Dream come true !!  ความฝันของผู้อ่านที่เป็นจริง ง ง แว๊ก  ก ก  ๆ ๆ ( เสียสติไปเลยค่ะ)
อ๊ายแล้วจะมีต่อพิเศษมาให้อ่านมั้ยเนี้ยย ย  อยากอ่านม๊าก ก ก กโอ้ย ยอยากรู้คู่นี้เค้าจะสวีทกันยังไง

อ้อนวอนเถอะค่ะถ้ามีตอนพิเศาก็เอามาให้อ่านหน่อย ย ย  กรี๊ด ด ดๆ
ชอบเรื่องนี้มัก ก ๆ ๆ   ^^  +1,999,999 เลยเอ้า า  (ทำได้หรออ??)
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-04-2010 21:37:11
:m4: :m4:  อยากบอกว่า จบได้สวยงามจริงๆๆ

ขอบคุณทั้งคนโพสต์และคนแต่งนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: morrian ที่ 04-04-2010 22:51:52
 :impress2: มีความสุข

สุดประทับใจคับผม
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: wan2055 ที่ 05-04-2010 12:26:55
 :กอด1:น่ารักและประทับ
ถ้าเป็นไปได้ขอตอนพิเศษด้วยนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: xiiiNG ที่ 06-04-2010 17:30:07
มันยังประทับใจไม่หาย ย  ขอเข้ามา +1 ให้นะค๊า า  ^^
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 06-04-2010 23:36:22
ในที่สุดก็ปิดฉาก อย่างงดงาม  ตรงตามคอนเซปท์ของเรื่องที่คนเขียนจบด้วย การโต้ตอบ จ.ม.  ระหว่างของพี่หนุ่ยกะฝัน ถึงแม้ว่าคู่นี้จะไม่ใช่คู่หลัก ที่เดินเรื่องแบบเขียนจดหมายเหมือน คู่ฝัน-ใหญ่ 

เม้นท์คู่น้องเกี๊ยง พี่หนุ่ยก่อนละกัน 


  น้องเกี๋ยงของเพ่สมหวังซะทีนะ ^^  หลังจากที่รอคอยไอ่คนแก่วัยทองเลิกเก๊กซะที   นี่ถ้านานกว่านี้อีกหน่อยก็อยากให้เลิกรอไปเลย กรากกก หมั่นไส้ๆๆๆ  ยังสติลหมั่นไส้อิพี่หนุ่ยอยู่หน่อย ๆ  ตอนที่อ่านภาค คู่ฝัน-ใหญ่ รู้สึกว่าชอบอิพี่หนุ่ย ชมซะดีอย่างนู่น เจ๋งอย่างนี้ แต่พอมาเป็นภาคพิเศษเรื่องของอิพี่หนุ่ยจริง ๆ  แหม๋ ๆๆๆ  พี่ท่านทำเอาเราด่าเกือบทั้งเรื่อง หมั่นไส้+เซ็ง อิ๊บอ๋าย นิสัย  ="=   ทำน้องเกี๊ยงเดี๊ยน เศร้าไปหลายเพลาเลยนะยะ  ตบชัก  ไม่ได้ดั่งใจเล้ยยยยย แอร๊ยยยยย  :fire:

ตอนที่เป็นที่ปรึกษาฝัน ก็ฉะล๊าดดดดดด ฉลาด  แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองดูทึ่ม ๆ จัง  ความหวานก็หาแทบไม่มี(กะน้องเกี๊ยง) ที่กะคนอื่นละก็นะ   ขัดใจ เอาแต่ใจด้วย ชิส์ ........... 

ว่าแต่เรื่องตุ้มไรนั่นเป็นไงบ้างอ่ะ เห็นจีบซะดิบดี  อิพี่หนุ่ยมันไปจัดการยังไงเหรอ หรือว่าบอกชีไปตรง ๆ หรือว่าหายไปเลย เนียน ๆ เลิกสนใจ  แล้วแม่ตุ้ม(แม้ง) ล่ะเป็นไงบ้าง ไม่งงและรอแย่เหรอ หยอดขนาดนั้น  หึหึ

แต่ตอนสุดท้าย อ่านตอนนี้แล้วอบอุ่นอ่ะ  ชอบจังในที่สุดอิพีหนุ่ยดอกพิกุลก็ร่วงซะที หึหึ(มาเรียกเรต(ติ้ง)คืนในตอนสุดท้าย :beat:)  คนที่รักเป็นเด็ก กรากกกกกก 
ได้เมียเด็กนะลุงหนุ่ย แอร๊ยยยย  ยินดีด้วย กรากกกกกกก :fox2:

อ่านแล้ว แอร๊ยยยยยย  ทำให้อยากอ่านตอนที่สองคนนี้เป็นแฟนกันจริง ๆ จัง ๆ อ่ะ จะเป็นยังไง   :haun1:(อีโมไม่ได้แอบแฝงนะคะ จริง จริ๊ง 5555)


 อิพี่หนุ่ยกะน้องเกี๊ยงจะหวานกันยังไง จะเหมือนคู่ ฝันใหญ่ไหม แอร๊ยยยยย   ทีอ่านแต่ละตอนแล้ว อิ๊น อิน นั่งบิดผ้า ตีลังกาเขินแทนทุ้กที    :-[5555   


มาแข่งกันหวานกันมะคู่นี้ 555   :z2:


ส่วนคู่ ฝัน - ใหญ่

ตอนแรกที่อ่านก็แบบโห กลัวจบเศร้ามากมาย แบบอ่านไปก็คิดว่า มันต้องมีเรื่องเศร้าแบบ ต้องมีใครตายแน่ ๆๆไรงี้
ด้วยโทนของเรื่อง บรรยากาศแบบอึมครึมอ่ะ ขมุกขมัว  อ่านไปจิตตกไป เวลาที่ใหญ่หายไป หรือว่าไม่ตอบ จม 
แต่สุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้  เย้ ๆๆๆๆๆๆๆ

เป็นเรื่องที่น่ารักมากค่ะ  ให้ 10/10

คู่ฝัน-ใหญ่ ก็เป็นคู่รักน่ารักมาก ๆ เราชอบความสมจริงของเรื่องนี้มาก ๆ มีความเป็นธรรมชาติ เป็นเรื่องที่สมจริงมาก ๆ ในหลายๆๆ แง่ ไม่มากเกินไป และไม่นอนเกินไป 
 ชอบเวลาคนเขียนแทรกบางสิ่งไว้ในประโยคที่ธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา  ฯลฯ


ถ้าถามว่าทั้งเรื่องชอบใครมากที่สุด



เห็นจะเป็น ...........








อ้อย  แอร๊ยยยยยย









ไม่ช่ายละ อิอิ 


ชอบ "ใหญ่" ที่สุด  555 

ใหญ่น่ารัก น่าแกล้ง น่าหยอก น่ากด แอร๊ยยยยยยย  ยิ่งเวลาใหญ่งอน ๆ นะ แอร๊ยยยยยยยย   นิสัยก็ดีด้วย คึคึ

สุดท้าย ขอบคุณที่คนเขียน บ้าจี้ 55 +   :jul3:

ไม่ช่ายย ........  5555   ขอบคุณที่คนเขียนใส่ใจคอมเมนท์เล็ก ๆ จากคนอ่านนะคะ ทำให้เกิดคู่พิเศษ(หนุ่ย-เกี๋ยง)ขึ้นมา 

ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุก ๆ ดี ๆ ทั้งสองภาค  มาให้อ่านนะคะ   ชอบ+ประทับจายทั้งสองเรื่องค่ะ 
ขอบคุณคนโพสต์ด้วยค่ะ   :3123:

+1 (คนเขียน + คนโพสต์ฮับ  o13) 

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 09-04-2010 23:43:18
เขียนเรื่องได้น่ารักมาก 


ตอนจบเป็นจดหมายของ หนุ่ย-ฝัน ก็แสดงว่าเป็นเพื่อนรักเหมือนกันใช่มั้ยครับ  :)
แต่อย่าง คห.บนบอก  เรื่อง ตุ้มยังไม่เคลียร์เลย

น่าจะมีตอนพิเศษ กุ๊กกิ๊กๆ ให้น้องเกี๊ยง(ของผม?) ได้ชื่นใจหน่อยนะ



* อ่านตอนจบไปตั้งหลายวันแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสมา reply  ครับ :man1:

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: xiiiNG ที่ 16-04-2010 16:00:19
ช่าย ๆ ๆ อยากได้ตอย กุ๊กกิ๊ก ^^
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 21-04-2010 09:19:01
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


เพิ่งได้อานเรื่องนี้!!!!
จบแล้วจบเลยเหรอคะ?
ไม่มีตอนพิเศษของน้องใหญ่กับน้องฝัน
แล้วก็พี่หนุ่ยน้องเกี๊ยง (อีกซักนิ๊ดดดดดดเหรอ...)
ยังอยากอ่านต่อนะคะไรท์เตอร์
อารมณ์มันเหมือน...เดินเที่ยว jj แล้วกินไอศครีมเลย
ร้อนแต่ชื่นใจเพราะได้กินของอร่อย
เราคงได้อ่านตอนพิเศษในซักวันใช่มั๊ยคะ?
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤(02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 21-04-2010 10:53:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 29-04-2010 11:14:46
อึ๊บ ๆๆ ดัน ๆๆ
คิดถึง พี่หนุ่ย น้องเกี๊ยง  ฝัน ใหญ่ คึคึ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: xiiiNG ที่ 02-05-2010 12:59:35
นานแค่ไหนก็กลับมาอ่านก็มีควาามสุขมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 06-05-2010 20:11:14
น่ารักมากมาย

^^
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 07-05-2010 07:28:05
ดันรอตอนพิเศษ  :m13:

เรารู้คุณทำได้  :เหอะ1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 08-05-2010 03:19:55
เกือบพลาดตอนจบเรื่องนี้ไปซะแล้ว
มาตามอ่านทีละเรื่องที่ทิ้งค้างไว้ เรื่องนี้จบซะแล้ว

ดีใจกับตอนจบแบบมีความสุขของพี่หนุ่ยกับน้องเกี๊ยง
"ถึงแม้ปลายทางของเส้นทางนี้จะไปถึงที่ไหน เมื่อไหร่ ผมก็ยังไม่แน่ใจแต่ระหว่างทางที่มีมันอยู่เคียงข้างผมก็สุขใจแล้ว" และแล้วน้องเกี๊ยงก็ชนะใจพี่หนุ่ยได้
น้ำแข็งละลายแล้ว

บวก 1 แต้ม ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์มากๆอีกครั้งค่ะ

รอตอนพิเศษด้วยเช่นกันค่ะ อยากเห็นพัฒนาการของความสัมพันธ์คู่นี้นะคะ  :m1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (02/04/10) จดหมายส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 08-05-2010 17:22:59
เข้ามารอตอนพิเศษด้วยคน  :z2:

คิดถึงน้องเกี๊ยง :o12:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 15-06-2010 17:37:31
ขอโทษค่ะที่เอามาลงช้าไปหน่อย แต่ยังหวังว่าจะมีคนอ่านบ้างนะคะ ทีแรกว่าจะไม่เอามาลงแต่ไหนๆก็เขียนไว้แล้ว อ่านกันเลยแล้วกันค่ะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
**************************
 เฮ้อ! ผมอยากจะถอนหายใจแรงๆ ปล่อยลมออกจากปาก หันหน้ามองไปรอบๆกายก็มีแต่ความว่างเปล่า เสียงนักข่าวในโทรทัศน์ยังคงพูดคุยรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง ภาพถนนในกรุงเทพฯที่แสดงถึงความเงียบเหงาว่างเปล่า รถราที่เคยวิ่งกันพลุกพล่านในยามค่ำคืนอันตรธานหายไปเหมือนโดนเสกมนต์ บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างซึมเซา เหมือนกับอารมณ์ผมในตอนนี้ 
“ผมคงไม่ได้กลับหรอกพี่  ยังไงก็ติดเคอร์ฟิวร์แน่ๆ งานก็ยังไม่เสร็จ สงสัยผมต้องนอนที่สตูแล้วล่ะ”
“แล้วอยู่กับใครมั่ง ทั้งทีมงานเลยรึไง? พี่บอกแล้วให้เลิกงานก่อนจะได้กลับทัน ก็ไม่เชื่อแล้วเป็นไง”
เสียงหัวเราะดังๆ สวนเสียงบ่นพึมพำๆ ของผม ทำเอาหงุดหงิดจนต้องบ่นต่อ “ยังมีอารมณ์มาขำนะ ถ้าบอกกันไม่ฟัง วันหลังจะได้ไม่พูด”

“โอ๋ๆๆ อย่างอนสิพี่หนุ่ยคร้าบ ผมเร่งทำแล้วแต่งานมันไม่เสร็จจริงๆ ทำไมผมจะไม่อยากกลับไปนอนบ้านเรา ผมเป็นห่วงพี่ด้วย อยู่บ้านคนเดียวเกิดอะไรขึ้นมาผมจะทำยังไง”
ผมอดหัวเราะที่ไอ้เตี้ยมันชิงพูดคำพูดในใจของผมไปก่อนซะได้  อย่างน้อยถึงไม่เจอกันมันก็ยังห่วงผม ก็ยังดีวะ
“อย่ามาทำปากดี อยู่ทำงานก็ให้มันจริงเถอะ แล้วระวังตัวด้วย ไม่ใช่ดึกๆ ทำเป็นคึกออกมาเที่ยว เดี๋ยวโดนทหารจับตัวไป พี่ไม่ไปประกันตัวนะ ตัดหางปล่อยให้อยู่ในคุกไปเลย”
น้ำเสียงโอดโอยปนงอนที่ผมคุ้นเคยดังขึ้นมา จนผมนึกหน้าคนพูดออกโดยไม่ต้องเห็นตัวเป็นๆ
“หูย...พี่หนุ่ยถึงกับถือโอกาสทิ้งกันได้ เห็นผมเป็นคนยังไง ผมเลิกเที่ยวกับคนอื่นมาตั้งนานแล้ว ไม่เชื่อกันบ้างเลย ทำงานเหนื่อยๆแทนที่จะให้กำลังใจกัน มีแต่เห็นเราเป็นเด็กตลอดเว..เลย รู้งี้...”

ก่อนที่เสียงตัดพ้อจะดำเนินต่อไปจนยาวเหมือนหนังชีวิตผมต้องรีบตัดบท  ใส่น้ำเสียงทอดอ่อนเหมือนสอนเด็ก “เชื่อสิ...แต่ที่พูดก็เพราะห่วง เราอย่าตีความผิดๆ อยู่ด้วยกันยังดูแลกันได้ อยู่ไกลๆพี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”

เดี๋ยวนี้ผมใจเย็นขึ้น อดทนมากขึ้น ใช้เหตุผลที่เดิมก็คิดว่ามีมากแล้วก็ยังต้องมากขึ้นไปอีก ไม่ใช่เพราะว่าน้องเกี๊ยงเป็นเด็กมากๆ หรอกนะครับ ที่จริงเกี๊ยงเองก็ลดการใช้อารมณ์ลง แต่เมื่อยังเด็กมุมมองหรือความคิดก็ยังเด็กกว่าผมอยู่ดี ผมจึงต้องพยายามคิดในมุมมองของคนรุ่นเกี๊ยงให้มากขึ้น อายุเราต่างกันเกือบห้าปี มันมากพอที่จะทำให้ช่องว่างของผมกับเกี๊ยงมีมาก  แต่เราก็พยายามลดช่องว่างให้อยู่ในระยะที่เราสบายใจกันทั้งสองฝ่าย
พอผมพูดจบน้องเกี๊ยงเงียบไปนานจนผมนึกว่าวางสายไปแล้ว  ก่อนเอ่ยเสียงเบาๆ ขึ้นมาจนได้ “ขอโทษครับ ผมก็แค่น้อยใจ คิดว่าพี่ยังไม่เชื่อใจผมอีก”

“อืม เข้าใจก็ดีแล้ว” ผมผ่อนลมหายใจแรงๆ ออกอีกครั้ง โล่งอกที่อย่างน้อยก็ยังเข้าใจ ก็ยังดี “งั้นไปทำงานก่อนแล้วกัน จะได้ไม่ต้องเลิกดึกดื่น พี่จะไปนอนแล้ว”
“ครับพี่” น้ำเสียงอ่อยๆ ทำเอาผมคิดถึงเจ้าตัวดี ถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมคงลูบหัวปลอบใจน้องไปแล้ว
 “คิดถึงพี่นะ ผมวางก่อนนะพี่”  คำพูดที่ติดปากของมันก่อนวางสายยังทำผมอุ่นในใจเหมือนเคย
“อืม”  ผมยิ้มมุมปาก แค่มีคนที่เรารักและรักเรา มันเติมเต็มส่วนว่างเปล่าในหัวใจได้อย่างมหัศจรรย์ ความรักมันดีอย่างนี้นี่เอง

คืนนั้นหลังจากวางสายผมมานั่งเหม่อตามลำพังอยู่นาน ผมหยุดคิดเรื่องส่วนตัวเมื่อเสียงของทีวีที่ผ่านหูเข้ามา เพียงภาพของถนนที่ร้างผู้คนก็สร้างความเหงาและเศร้าใจ  ดึงความสุขที่ผมมีเมื่อครู่ให้เหือดหายไปทันที การขัดแย้งในความคิดของคนช่างสร้างความเสียหายได้มหาศาล อย่างที่ผมไม่เคยนึกมาก่อน  แก้วที่ร้าวไปแล้วยากที่จะประสาน เราอาจซ่อมแซมความสูญเสียไปได้บางส่วนแต่ร่องรอยของความเสียหาย และเนื้อแก้วที่เคยแยกจากกัน ไม่มีวันที่จะประสานได้เหมือนเดิม เราไม่ควรหลอกตัวเองว่ามันแก้ได้  ผมหลับตาอยู่ชั่วขณะอยากให้ภาพที่ผมเห็นนี้ไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่ประเทศไทยที่รักของเรา แต่เมื่อมันคือความจริงต่อให้เราหลอกตัวเองยังไงก็หลอกตัวเองได้ยาก ผมลุกขึ้นปิดทีวีแล้วตัดสินใจอาบน้ำนอน ทั้งที่คิดว่าทำใจได้กับภาพที่เห็นแต่ก็ยังข่มตาไม่ลงอยู่นาน กว่าจะหลับสนิทจริงๆ ผมยังจำได้ว่าชะโงกดูเวลาได้เวลาตีสองพอดี
แรงรัดจากอ้อมแขนแข็งแรงและสัมผัสถึงการก่อกวนที่อยู่บนใบหน้าและลำตัว ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมาดู ในความง่วงงุนยังได้ยินเสียงที่กระซิบข้างหู “คิดถึงพี่จัง”

“กลับมาแล้วเหรอเกี๊ยง”
“อื้อ...พอหมดเวลาเคอร์ฟิวร์ก็แจ้นกลับมาเลย เป็นห่วงพี่” พูดจบน้องเกี๊ยงก็ซุกตัวเข้าเบียดผมแน่น
แปลกที่ถ้อยคำจากปากอย่างเด็กแบบเกี๊ยงมันทำให้ผมเต็มตื้นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ผมพลิกตัวนอนตะแคงเอามือไปโอบรอบเอวเกี๊ยงบ้าง  สบสายตาน้องเกี๊ยงที่มองตอบผมอยู่ “พี่สิต้องเป็นห่วงเรา รอจนเช้าแล้วค่อยกลับมาก็ได้ พี่อยู่บ้านจะไม่ปลอดภัยได้ยังไง”

รอยยิ้มที่ส่งกลับมา “ไม่รู้ล่ะสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ อยู่ใกล้ๆกันไว้ดีที่สุด ยังไงก็ไปไหนไปด้วยกัน ต้องเข้ากระชับวงรักซะหน่อย” น้องเกี๊ยงขยับวงแขนรัดผมแน่นขึ้นเบียดกายเข้ามาจนชิด  ผมหัวเราะกับคำสมัยใหม่ที่เด็กวัยรุ่นนิยมใช้กัน
ผมเอามือลูบหลังเกี๊ยงเบาๆ  ตาสว่างขึ้นมาทั้งที่เพิ่งนอนหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง “ถ้างั้นพี่ก็ต้องขอคืนพื้นที่บ้างสิ”
ผมเลื่อนหน้าเข้าไปหอมแก้มน้องเกี๊ยง  สูดดมความหอมจากกลิ่นแก้มแรงๆ “ตรงนี้ด้วย”
ผมประทับริมฝีปากอุ่นลงที่ปากอิ่มที่ชอบต่อล้อต่อเถียงผมเสมอเวลาผมดุ น้องเกี๊ยงส่งเสียงครางเบาๆเหมือนประท้วงแต่อ้อมแขนกลับรัดผมแน่น แต่ในที่สุดเกี๊ยงก็โต้ตอบมาอย่างไม่ยอมแพ้

ผมรู้สึกดีที่เราใกล้ชิดกันขนาดนี้ ทุกอย่างระหว่างเราค่อยๆ ดำเนินไปอย่างช้าๆ  มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน ไม่มีสิ่งใดมากำหนดว่าเมื่อไหร่เราควรทำอะไรถึงตรงไหน ให้การกระทำของเราเป็นไปโดยธรรมชาติ
ผมผละออกจากใบหน้าเกี๊ยงเอามือลูบไล้แก้มเล่น ก่อนหอมแรงๆอีกครั้ง “นอนซะ ตาจะปิดอยู่แล้ว”
น้องเกี๊ยงพยักหน้าหงึกหงักกะพริบตาถี่ๆ พยายามจะลืมตาขึ้นทั้งที่แทบจะลืมไม่ไหว พูดเสียงงัวเงียแผ่วๆแต่ยังไม่วายอ้อน “อื้อ...ง่วงจริงๆ ด้วย ไว้ผมหลับสนิทก่อน พี่ค่อยไปทำงานนะ”

ผมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น มองหน้าเจ้าตัวดีแล้วก็ยิ้มขึ้นมาไม่รู้ตัว “ครับ นอนซะนะ เดี๋ยวพี่ค่อยไป” ไม่มีเสียงตอบจากคนช่างพูดเหมือนเคย เมื่อคืนคงทำงานทั้งคืนแล้วยังดังทุรังขับรถกลับมาบ้านแต่เช้ามืดอีก เสียงลมหายใจแผ่วๆของคนในอ้อมแขนดังขึ้น ผมรู้ได้เลยว่าน้องเกี๊ยงหลับสนิทไปแล้ว ผมมองเวลาแล้วนอนต่อได้อีกสักครึ่งชั่วโมงก่อนจะลุกไปทำงาน เพราะเพิ่งนอนไปได้ไม่นานไม่ทันคิดอะไรได้อีกผมก็ผล็อยหลับไปในไม่ช้า

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเป็นเวลาเจ็ดโมงพอดี ผมค่อยๆ ดึงแขนออกจากคอของน้องเกี๊ยงที่หนุนอยู่ เพราะไม่อยากให้ต้องตื่นทั้งที่นอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่ดูท่าทางนอนหลับเงียบขนาดนี้คงไม่ยอมลุกมาง่ายๆแน่นอน ผมขยับแขนพับไปมาแล้วแกว่งแขนอีกหลายครั้งเพราะเป็นเหน็บชาเหมือนอย่างทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกันแต่ผมก็ยังยิ้มได้ 
   อาบน้ำเสร็จเดินมาชะโงกดูคนนอนหลับสนิทอีกครั้ง ยืนดูอยู่สักพักอดไม่ได้ต้องก้มลงหอมแก้มเด็กดื้อคนที่ยังนอนหลับทั้งที่ริมฝีปากยังคลี่ยิ้ม  น้องมันคงรำคาญเอามือปัดแก้มไปมา เม้มปากเหมือนรำคาญ ผมต้องกลั้นหัวเราะแล้วรีบไปแต่งตัวไปทำงาน

อารมณ์กำลังดีกรุ่นไปด้วยความสุขในชีวิต แต่พอขึ้นรถไปเปิดวิทยุฟังข่าวแล้วก็อดหนักใจอีกครั้ง อะไรๆก็ยังดูไม่คลี่คลายทำให้อึดอัดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้คงต้องตามฟังข่าวต่อไป  แต่ก็ยังแปลกใจที่ถนนโล่งกว่าเคย เสียงเพลงจากโทรศัพท์ดังขึ้น ดึงผมกลับจากความกังวลใจเรื่องสถานการณ์ที่เป็นอยู่
“สวัสดีครับผมหนุ่ยครับ”
ไม่มีคำพูดมีแต่เสียงหัวเราะเบาๆ ที่ตอบกลับมา ทำเอาผมหงุดหงิด 'ใครวะ กวนตีนกูแต่เช้า จะพูดก็ไม่พูด'
“ต่อผิดหรือเปล่าครับ”
“เปล่าๆ กูเอง ฝันพ่อ...เอ๊ยเพื่อนมึง”
“ขำเหี้...อะไรของมึง กูเครียดจนต่อมแดกเหล้ากูอักเสบไปหมดแล้ว ยังมีหน้ามาขำอีก” ทั้งที่พูดแบบนั้นแต่ผมก็ดีใจที่มันโทรมาหา
“อย่าๆๆ...ไอ้หนุ่ยมึงต้องพยายามยิ้มเข้าไว้ อารมณ์เสียมาจากไหนกัน ได้ข่าวว่าแถวที่ทำงานมึงไม่ค่อยน่าไปทำงาน กูอุตส่าห์เป็นห่วง แล้วนี่อยู่ไหน”

ผมถอนหายใจแรงๆก่อนตอบมันไปอย่างเซ็งๆ “กำลังลากสังขารไปทำงาน หยุดมาหลายวันไม่อยากทิ้ง เซ็งว่ะ”  เสียงถอนหายใจของไอ้ฝันดังเข้าสายมา ไม่มีใครสบายใจเลยเมื่อเกิดเหตุการณ์วุ่นวายแบบนี้ ไม่ว่าเราจะเป็นใครอยู่ที่ไหนในประเทศ ทุกคนต่างเจ็บปวด
“มึงจะไปทำงานทำไม เค้าหยุดต่อจนถึงวันเสาร์”
ผมประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน “จริงดิ”
“เออสิวะ กลับบ้านไป ไอ้เกี๊ยงรออยู่ อย่าออกไปไหนเลย อยู่บ้านปลอดภัยกว่า” น้ำเสียงของมันไม่ล้อเล่นอย่างเคย แต่มันมาสอดรู้ได้ยังไงว่าไอ้เตี้ยมันรอผมอยู่ที่บ้าน
“เออขอบใจที่โทรมาบอก เดี๋ยวกูโทรถามนายก่อนว่าหยุดแน่รึเปล่า มึงก็ดูแลตัวเองนะเว้ย กูก็ห่วงมึงกับใหญ่เหมือนกัน ไว้ว่างๆกูโทรหา เดี๋ยวกูวางก่อนนะโทรหาเจ้านายก่อน ขอบใจอีกครั้งเว้ยเพื่อน”
“เออ ฝากความเป็นห่วงไปถึงน้องกูด้วย มึงบอกมันล่ะ รักมึง รักกู ก็ดูแลตัวเองด้วย”
   
ไอ้ฝันวางสายไปแล้วผมรีบโทรเช็กข่าวกับเจ้านาย พบว่าหยุดงานจริงๆ แต่เจ้านายบอกงานไหนที่ติดต่อผ่านโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตได้ก็ให้ทำงานที่บ้าน ทำเท่าที่ทำได้ไม่ต้องกังวล ความปลอดภัยในชีวิตสำคัญที่สุด    สุดท้ายแล้ววันนี้ผมเลยต้องวกรถกลับบ้าน ไปหาไอ้คนที่รอผมอยู่ที่บ้านอย่างที่ฝันมันบอกจริงๆ แต่ผมนึกในทางที่ดีว่า อย่างน้อยผมก็ยังมีคนที่รักรอให้ผมกลับไปหา นึกเสียว่ามีวันพักร้อนไปซะก็แล้วกัน แค่นึกภาพรอยยิ้มของน้องเกี๊ยงเมื่อเห็นผมกลับมาบ้านก็ทำให้วันนี้ไม่ได้แย่ไปซะหมดหรอกนะ ผมบอกกับตัวเองไปแบบนั้น

“พี่หนุ่ยเป็นไงฝัน” เสียงถามจากเจ้าของวงแขนคุ้นเคยที่กอดคอผม ยื่นหน้ามาใกล้ๆทำให้ผมต้องเปิดรอยยิ้มแล้วยื่นหน้าจูบปากคนข้างกายอย่างคุ้นชิน
“สบายดี แต่ฟังน้ำเสียงหงุดหงิดพอดู ก็น่าอยู่นะที่ทำงานเค้าอยู่ตรงนั้น จะไปทำงานก็ไม่ได้”
ใหญ่ถอนหายใจแล้วบ่น “น่าเบื่อ”
“ไปทำงานกันดีกว่า คิดไปก็ไม่มีประโยชน์” ใหญ่ทำท่าจะผละเดินจากไปแต่ผมดึงแขนรั้งเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน...นั่งคุยกันก่อน ทำแต่งานทุกวัน ทั้งวัน ขนาดอยู่ด้วยกันแบบนี้วันๆไม่เห็นหน้า รู้งี้กลับไปอยู่กรุงเทพฯดีกว่า”
 
ผมแกล้งบ่นกับตัวเองอยากให้รู้ว่ามีคนน้อยใจอยู่ตรงนี้ ใหญ่ขยันทำงานจนแทบไม่มีเวลามาจู๋จี๋กับผมเลย บางครั้งก็ออกงานสังคมนอกบ้าน วันไหนไม่มีงานพอหลานกลับมาถึงบ้านก็ต้องแบ่งเวลาเลี้ยงหลานกว่าจะกลับเข้าห้องผมก็รอจนหลับ เวลาคุยกันยาวๆยังแทบไม่มี ผมปลดมือออกจากแขนใหญ่ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจ ผมอยู่ก็เหมือนไม่อยู่
ผมหันหลังให้ทำเป็นแต่งตัวไปทำงานไม่อยากจะพูดอะไรอีก จนแรงรัดที่เอวกับลมหายใจกรุ่นที่ซอกคอทำให้ต้องเอี้ยวหน้ามองใหญ้ยิ้มกว้างให้ผมอย่างประจบ  แต่ผมเบือนหน้ากลับ อย่ามาทำเป็นง้อผมเลย ไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอก “ไปทำงานเถอะ งานเยอะนี่”

“อื้อ...ไหนว่าอยากคุยไง งานช่างมัน ตอนนี้คุยกับแฟนดีกว่า ท่าทางจะงอน หึหึ” ผมอายนิดหน่อย คำว่างอนไม่ควรจะเป็นผมเลย มันดูอ่อนแอและเหมือนคนไม่มีเหตุผลจนเกินไป
“ใครงอน ไม่มีหรอก มีแต่คนเซ็ง”
ใหญ่หัวเราะ เอามือมาลูบหัวผมเหมือนผมเป็นเด็ก “ไม่งอนก็ไม่งอน เซ็งก็ได้ คำไหนก็เหมือนกันแหละสำหรับกู” ใหญ่ชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมไวๆ  ผมทำเป็นเย็นชาสะบัดหน้าหนี แต่ที่จริงคือแอบยิ้มแต่ไม่อยากให้มันเห็น
“ชื่นใจจริงๆ เดี๋ยววันนี้มึงกลับมาไวๆนะ กูจะเคลียร์งานแล้วเราออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน นะฝันนะ”

เจอลูกอ้อนเข้าไปแบบนี้  เจอรอยยิ้มน่ารักแบบนั้น ผมจะต้านทานใจไหวได้ยังไง หัวใจพองโตด้วยความดีใจ ถ้าบอกมันได้ผมคงบอกใจผมไปแล้วว่าเอ็งเต้นแรง โอเวอร์ไปแล้ว ทำอย่างกับเพิ่งเป็นแฟนกัน 
“แน่นะ ห้ามเบี้ยวด้วย ไปกันสองคนนะ ไม่เอาคณะผู้ติดตาม” จะว่าคิดถึงแต่ตัวเองก็ยอมครับ ก็ผมเห็นแก่ตัวจริงๆนี่นา เวลาพิเศษแบบนี้ยิ่งมีน้อยๆ ต้องใช้สอยให้คุ้มค่า
ใหญ่กอดผมแน่นกระซิบที่ข้างหู “สัญญาครับ ไม่เบี้ยวแน่นอน ไม่มีผู้ติดตาม แค่เราเท่านั้น”
ผมดีใจจนอดไม่ได้ต้องรวบตัวใหญ่มากอดคืนบ้าง ก่อนประคองใบหน้าสดใสของใหญ่ เราสบตากันนิ่งชั่วครู่ ใหญ่ยิ้มให้ผมแต่ก็อายจนหลบตา “มึงอย่ามองกูแบบนี้สิ กูเขิน”
ผมยิ้มก่อนสัมผัสริมฝีปากใหญ่เนิ่นนาน จนใหญ่ต้องเอามือดันผมออก “อื้อ ไม่ไปทำงานรึไง สายแล้วนะ” 

ผมจำใจต้องปล่อยคนในอ้อมแขนอย่างเสียดาย มองแก้มสีชมพูระเรื่อของใหญ่แล้วก็ขำ อาการขี้อายของมันที่เคยเป็นก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น “ขอบคุณนะใหญ่ เฮ้อ... ค่อยมีกำลังใจไปทำงานหน่อย ใครๆไม่รักกันไม่ปรองดองกัน กูกับมึงรักกันก็พอแล้ว”

วันนี้ผมทำงานอารมณ์ดีทั้งวันจนคนที่ทำงานแปลกใจ “พี่ฝัน อารมณ์ดีเข้าไปได้ยังไง คนเค้าเครียดกันทั้งประเทศแล้ว”
สาวน้อยน้องที่ทำงานคนหนึ่งถามผมขึ้นมาในขณะที่ผมลืมเรื่องนั้นไปแล้วนะครับ ทำเอาบรรยากาศดีๆของผมมลายหายไปในพริบตา
“เก่งมากเอ๋  ทำเอาพี่เครียดเลยทันตาเห็น แต่เครียดไปเราก็ทำอะไรไม่ได้นี่”
“นั่นสิ เราจะทำอะไรให้มันดีขึ้นได้บ้างพี่ฝัน ขนาดหนูไม่ค่อยสนใจเรื่องการบ้านการเมือง ตอนนี้หนูเริ่มสนใจแล้วนะ”
ผมส่งยิ้มให้กำลังใจน้องเอ๋ไป “นั่นก็นับเป็นข้อดีได้อย่างหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าเรารักชาติของเรา แล้วก็เริ่มสนใจการบริหารประเทศของรัฐบาลบ้าง”
น้องเอ๋พยักหน้า “แต่หนูก็ยังงงๆ อยู่นะพี่ ตอนนี้พอฟังข่าว อ่านหนังสือพิมพ์หนูก็สับสนไปหมดแล้วว่าอะไรคือถูกอะไรคือผิด”
“พี่เข้าใจ ตอนนี้ข่าวสารมันเยอะ เยอะจนเราต้องคัดกรองนะ ทางที่ดีคือฟังความหลายๆด้าน แล้วค่อยๆคิดอย่างมีสติ” ผมบอกตัวเองไปด้วยแล้วก็สอนน้องไปในตัว ผมเองก็ไม่ต่างจากน้องเอ๋หรอกครับ ต้องพยายามตั้งสติใช้เหตุผลให้มากๆกับเรื่องนี้

“มิน่าล่ะ พี่ฝันถึงยังอารมณ์ดียิ้มได้” 
“ก็ยังดีกว่าหน้าบึ้งใส่กันไม่ใช่เหรอ หาความสุขใส่ตัวดีกว่า อะไรที่เราทำได้เพื่อช่วยให้มันดีขึ้น เดี๋ยวเราก็คิดออกเองล่ะน่า”
เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ผมดังขึ้นทำให้การสนทนาเรื่องบ้านเมืองของเราหยุดลงแค่นั้น “ว่าไงใหญ่ มีอะไรเหรอ”
“มึงกลับบ้านเร็วหน่อยนะ กูเป็นห่วง เราคงออกไปกินข้าวนอกบ้านกันไม่ได้แล้วล่ะ รัฐบาลสั่งเคอร์ฟิวส์เชียงใหม่ด้วย”
ข่าวจากใหญ่ทำเอาผมตกใจไปเหมือนกัน ทั้งที่เชียงใหม่เองก็ดูไม่มีวี่แววของความวุ่นวายอะไรเลย ทำให้ผมเป็นห่วงที่บ้านไปด้วย เดี๋ยวผมโทรศัพท์หาแม่ให้เก็บเสื้อผ้าไปค้างที่บ้านใหญ่ในตลาดดีกว่าไม่อยากทิ้งให้อยู่คนเดียว 

 “อืมได้ เลิกงานแล้วกูจะรีบกลับ ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวเย็นเจอกัน ใหญ่ไปรับแม่มาอยู่ที่ร้านก่อนดีกว่า กูเป็นห่วง ช่วงนี้อยากให้อยู่ด้วยกันทั้งครอบครัวดีกว่า”
“เดี๋ยวกูออกไปรับแม่มาเอง มึงไม่ต้องเป็นห่วง ระวังตัวด้วยนะฝัน” น้ำเสียงกังวลใจของใหญ่ก่อนวางสายไปทำให้ผมกลับมาเครียดอีกครั้ง ถ้าวัดดัชนีความเครียดของคนไทยช่วงนี้คงจะพุ่งทะลุเพดานสวนกับตลาดหุ้นและราคาทองคำแน่ๆ
วันนี้บ้านเราอยู่กันพร้อมหน้าจริงๆครับ แม่กับพ่อนั่งฟังข่าวกันอย่างเคร่งเครียด จนผมต้องเตือน “พ่อกับแม่อย่าดูเยอะเลย เดี๋ยวความดันขึ้น ปิดทีวีไปเถอะ แม่ส่ายหน้า “ไม่ดูก็เครียดได้ แต่ปิดก็ดีนะคะคุณ คงต้องสวดมนต์ให้ประเทศ หรือไม่ก็ปลงแล้วล่ะ อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด”

พ่อพยักหน้าเห็นด้วย “จริงของคุณ ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ขอคุณพระคุ้มครองประเทศไทยด้วยเถอะ สาธุ” พ่อยกมือไหว้ท่วมหัวสีหน้าแววตากังวลใจอย่างหนัก คนรุ่นพ่อแม่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งท่านยังกังวลขนาดนี้ คนในวัยผมไม่เคยผ่านตรงนี้มาก่อนจะให้เข้าใจ ทำใจง่ายๆได้ยังไง
 พ่อปลีกตัวไปสวดมนต์หลังจากทานข้าวเสร็จ  ใหญ่แยกไปส่งน้องออมเข้านอน แม่ผมนอนกับน้องออมทุกครั้งที่มาค้างบ้านนี้ น้องออมเองก็ติดคุณย่าน่าดู  ทำเอาผมหมดห่วง ก็ดีเหมือนกันน้องออมจะได้ไม่มาเกาะใหญ่มากไป แม่ผมก็ไม่เหงาด้วย ยิงทีเดียวได้นกสองตัว แถมผมยังได้ใหญ่มานอนกอดทุกคืนด้วย

ส่วนผมปลีกตัวไปอาบน้ำพอกลับเข้ามาในห้องใหญ่นั่งดูข่าวในทีวีอยู่ทำหน้าเคร่งเครียด “ใหญ่ไปอาบน้ำก่อน หยุดดูข่าวเถอะ ต้องพักสมองบ้างอย่าเคร่งเครียดมากไป”
แววตาของใหญ่ดูกังวลคิ้วขมวดมุ่น “กูยังทำใจไม่ได้เลย ดูทีวีทีไร ก็ถามตัวเองเรื่อย ว่าใช่เหรอนี่คือเมืองไทย” ผมเดินเข้าไปโอบใหญ่ไว้ มันเอาหัวมาพิงที่ตัวผม เราดูข่าวกันเงียบๆต่างคนต่างพูดไม่ออก ผมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างกังวลแต่ก็บอกใหญ่ไปว่า
“อะไรจะเกิด เราก็คงต้องค่อยๆแก้ปัญหากันไป ยังไงมันต้องมีทางออก แต่ตอนนี้กูอยากนอนกอดมึงแล้ว ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
ใหญ่ยิ้มขำเมื่อผมพูดเพราะ “ไปก็ไป รอกูก่อนนะ เดี๋ยวกูมาให้กอด ชดเชยที่วันนี้นัดล่ม” พูดจบใหญ่หัวเราะเล็กๆ

ผมฟังแล้วชื่นใจจนต้องรวบตัวกอดมันไว้แน่นยังไม่ปล่อยให้มันผละไปอาบน้ำอย่างที่บอก “พูดแบบนี้น้ำไม่ต้องอาบดีกว่า กูลืมไปเลยว่าวันนี้นัดล่ม อย่างนี้ต้องทำโทษ”
“เฮ้ยได้ไง ไม่ใช่ความผิดของกูนะ อย่ามาโยนข้อหาให้” ใหญ่พยายามแกะแขนผมออกมือไม้เป็นพัลวัน แต่ผมก็ยังไม่ยอมอยากแกล้งมันเล่นๆ เราห่างหายเวลาแบบนี้มานานแล้ว
“ไม่รู้ล่ะ เหตุผลเพราะอะไรก็ตาม แต่ผลมันออกมาแบบนี้ กูต้องหาคนรับผิดชอบ”
“หาเรื่องแกล้งกูอีกแล้ว ไม่เปลี่ยนเลยนะมึง” ใหญ่ส่ายหน้าเหมือนระอา ปากบ่นแต่ก็ยังยิ้ม มองหน้าขาวๆปากแดงๆ ของใหญ่ทำเอาผมอดไม่ไหวก้มลงหอมแก้มมันแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว “ไหนเช็กหน่อยซิ ว่ากลิ่นดีรึเปล่า”
“อื้อ หอมใช้ได้ไม่ต้องอาบแล้ว” ผมลากตัวใหญ่ในอ้อมแขนมาที่เตียง แต่มันไม่ยอมเดินตามผมง่ายๆ โวยวายเสียงดัง เอากำปั้นทุบแขนผมอย่างดื้อดึงขืนตัวไว้

“ปล่อยน่ะฝัน ชอบเล่นเป็นเด็กๆ เดี๋ยวกูไปอาบแป๊ปเดียว จริงๆ... นอนรอก่อนแล้วกันนะ” เสียงตอนท้ายอ่อยๆเหมือนอ้อน ทำเอาผมใจอ่อน ผมเม้มปากแกล้งทำท่าคิดอยู่สักครู่ “เอ้า ปล่อยก็ปล่อย อาบเร็วๆนะ กูง่วงแล้วกลัวเผลอหลับไปก่อน”
แต่พอผมปลดอ้อมแขนลง ใหญ่กลับเอามือยีหัวผมจนยุ่งแล้วรีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ  “เฮ้ย!...” ผมคว้าตัวไม่ทันมันวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่วายตะโกนทั้งที่หัวเราะมาว่า “ขอสักหน่อยเถอะ แก้แค้นคนแกล้งกู หึหึ”

ใหญ่เงียบหายไปแล้ว ผมยืนหัวเราะกับตัวเองเบาๆ อย่างมีความสุข แล้วหันไปหันมาไม่รู้จะทำอะไรดีระหว่างการรอคอย ผมไม่อยากดูข่าวต่อไปอีก ตัดสินใจนอนมองเพดานคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดดูแล้วชีวิตของคนก็ไม่แน่นอน เราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าในชีวิตของเราจะมีอะไรเกิดขึ้น สมัยก่อนผมเคยคุยถึงแฟนในอุดมคติกับใหญ่ว่าเราชอบผู้หญิงแบบไหน ผมจำได้ว่าตอนนั้นเราถกเถียงกันมากเพราะเราชอบไม่เหมือนกัน  จนในที่สุดเราตกลงกันว่าถ้าใครมีแฟนก่อนจะเอามาโชว์ตัวให้อีกฝ่ายดู แต่ใครจะคิดว่าสุดท้ายแล้วเราทั้งคู่ก็ไม่มีโอกาสนั้น

ผมยิ้มขำเมื่อนึกถึงอดีต เมื่อก่อนมีเพื่อนมาแซวผมเล่นๆ ว่าผมกับใหญ่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไปไหนด้วยกันทุกที่อีกหน่อยคงได้เสียเป็นแฟนกัน ผมหัวเราะเป็นบ้าเป็นบอก่อนด่ามันไปว่ามันเพี้ยน ผมกับไอ้ใหญ่วิ่งไล่เตะมันอยู่นาน ป่านนี้ถ้าไอ้เพื่อนคนนั้นมันรู้มันคงบอกว่า 'กูว่าแล้ว...กูไม่ได้เพี้ยน' นึกแล้วก็อยากบอกข่าวมัน คิดถึงมันตงิดๆ ผมเริ่มง่วงอยากจะหลับไปก่อน ผมรู้แค่ว่าถึงผมหลับไปแล้วใหญ่ก็ยังอยู่เคียงข้างผม ยังไงก็ตามเมื่อผมลืมตาขึ้นมามันก็ยังจะอยู่ตรงนั้น ผมผล็อยหลับไปทั้งที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วแท้ๆ แต่เปลือกตากับเหมือนถูกถ่วงเอาไว้ด้วยมือที่มองไม่เห็น ผมลืมตาไม่ขึ้นจริงๆ
   
เสียงทีวีเงียบไปเมื่อผมเข้าไปอาบน้ำ ฝันเองมันก็คงไม่อยากเครียดด้วยการรับรู้ข่าวสารใดๆอีก ผมพยายามทำกายและใจให้ผ่อนคลาย การอาบน้ำอุ่นทำให้เลือดลมหมุนเวียนได้ดี แต่ฝันก็ชอบบ่นกับผมว่าเพราะผมชอบอาบน้ำอุ่นทำให้เดี๋ยวนี้ผิวผมแห้งเกินไป เดือดร้อนมันต้องไปหาครีมมาทาบำรุงผิวให้ผม แต่ผมก็ยังชอบอาบน้ำอุ่นอยู่ดี ผมจะต้องกลัวทำไมในเมื่อยังไงก็มีคนคอยดูแลช่วยอยู่แล้ว หึหึ
 คิดแล้วต้องยิ้มกับตัวเอง ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาใส่ใจชีวิตเราขนาดนั้น ชีวิตตอนนี้เหมือนถูกเติมเต็มให้กันและกัน มันมีความอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมอาบน้ำอย่างมีความสุข นึกถึงเมื่อเช้าที่ฝันมันงอนผม ผมก็โทษตัวเองที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจฝันเท่าที่ควร  พอมาอยู่ใกล้ๆ กันแล้วบางครั้งก็กลับลืมคิดถึงใจกันและกัน คงต้องสำรวจตัวเองให้มากขึ้นว่าเราหลงลืมอะไรไปบ้างโดยเฉพาะคนใกล้ตัว

กลับเข้ามาในห้องเหลือเพียงแสงไฟสลัวในห้องนอน แต่ร่างของคนที่เร่งให้ผมรีบอาบน้ำไวๆ กลับนอนหลับเงียบไปแล้ว ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอมันคงจะง่วงจริงๆ ทั้งที่บอกว่าจะรอผม ผมแต่งตัวเสร็จเปิดผ้าห่มสอดกายเข้าไปนอนข้างๆ ฝัน ผมขยับตัวมันให้เลื่อนไปด้านใน มันทำเสียงอื้ออ้าแต่ก็ยังไม่ตื่น ผมสอดแขนกอดฝันไว้หลวมๆ ยังหัวค่ำอยู่มากผมเลยยังไม่ง่วง ผมแอบมองหน้าฝันยามหลับอย่างไม่รู้เบื่อ ทั้งที่เห็นกันมานานหลายปี ใบหน้ายามหลับของมันดูผ่อนคลาย ริมฝีปากยังยกยิ้มนิดๆเหมือนฝันดี  ไม่รู้ว่าฝันถึงอะไรกัน ผมเอามือลูบแก้มมันเบาๆ รอยสากจากไรหนวดสั้นๆ สากมือแต่ผมกลับรู้สนุก ใหญ่เบือนหน้าหนีมือผมเหมือนรำคาญสัมผัสก่อกวนนั้น ทำให้ผมได้ใจแกล้งมันต่อเอามือไปหยิกจมูกรั้นๆของมันเล่น  แต่ไม่คิดว่าคนที่นอนนิ่งจะขยับตัวได้ไวรวบตัวผมไว้ในวงแขนแล้วผลักผมลงนอนเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

“เอ๊ย...ไม่ได้หลับเหรอ หลอกกูนี่ ไอ้บ้าฝัน”  สายตาพราวระยับที่มองมาเหมือนส่งยิ้มยั่วมาด้วยทำเอาผมหวั่นไหว ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ใหญ่ก้มหน้าลงมาสัมผัสริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบาเหมือนลมพัด ผมใช้แรงที่มีอยู่ไม่มากดันตัวมันออกไป “อื้อ กูจะนอนแล้ว”
ฝันไม่ตอบ ไม่มีคำพูดไม่มีแม้แต่คำเดียว เอาแต่หัวเราะ แววตาของมันล้อเลียนผมชัดๆ เสียงหัวเราะของมัน ดังเข้าหูมาอย่างน่ารำคาญ กวนประสาทจนผมต้องปล่อยหมัดทุบแขนมันไปแรงๆ
ขยับตัวดิ้นไปมาให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแรงนั่นเท่าไหร่ก็ไม่หลุดได้ง่ายๆ  “ปล่อยกูก่อนนะ ทำไมเล่นอะไรแบบนี้”

ใหญ่หอมแก้มผมแรงๆ ก่อนล้มตัวลงนอนข้างผม แต่ยังไม่ปล่อยแขน น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือด้วยเสียงหัวเราะที่พูดมาให้ความอบอุ่นใจแก่ผมอย่างประหลาด “ไม่ได้เล่นเลย แค่อยากให้รู้ว่า...รักมึง แค่นั้นเอง นอนกอดแบบนี้ดีกว่านะ อบอุ่นดี”
มองตามันแล้วต้องหลบสายตาคู่นั้น แปลกดีที่หัวใจผมเต้นแรงอีกครั้งเหมือนกำลังโดนจีบเป็นครั้งที่ร้อย แต่ก็ยังตื่นเต้นไม่หายทุกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดทำนองนี้ ใบหน้าร้อนผะผ่าว แขนขยับสอดกอดตอบไปเหมือนเคย ก้มหน้าซุกอยู่ที่อกมัน เขินจนไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาดี ฝ่ามือฝันลูบหัวผมเบาๆ น้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนกล่อมเด็ก

“นอนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่” ผมหลับตานอนรู้สึกปลอดภัย มั่นคงเมื่อมีมันอยู่ตรงนี้ 

ในความง่วงงุนก่อนที่จะหลับสนิทไปจริงๆ ยังได้เสียงนั้น “รักมึงนะใหญ่”

ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าผมตอบมันไปเหมือนละเมอว่า “กูก็ด้วย รักมึง”
***********************************
เรื่องมันไม่มีอะไรเลยเนอะ ชอบกันบ้างมั้ยคะนี่ :really2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 15-06-2010 17:57:59
ูููู^
^
 :z13:

 :m11:

หวานทั้งสองคู่เลย แต่คู่ข้าวใหม่ปลามันเนี่ย รู้สึกจะหวานกว่านิดนุงอะ   :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 15-06-2010 21:13:40
ชอบทั้ง 2 คู่เลยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 15-06-2010 22:58:58
เหมือนได้เห็น...ตอนต่อมา ของ ทั้งสองคู๋ ....ให้หายคิดถึงกันเล็กน้อย

ตอนนี้ออกแนว อยากให้ทุกคนรักกัน บ้านเมืองสงบร่มเย็นมากมายค่ะ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 15-06-2010 23:49:17
น่ารักดีค่ะ คิดถึงทั้งสองคู่เลย ยิ่งคู่เกี๊ยงนะได้มาอ่านหวานๆแบบนี้บ้าง สดชื่นดี ฮ่าๆๆ
อ่านแล้วก็นึกถึงสถานการณ์ตอนนั้น ทำเอาเครียดไม่อยากดูข่าวไปเลยเหมือนกัน

 :L2: แทนกำลังใจและคำขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 16-06-2010 09:30:38
ในภาวะที่บ้านเมืองเข้าสู่ความตึงเครียด 
เราก็ยังได้เห็นความรักของชายหนุ่ม  4  คน  เติบโต  งอกงาม 
แต่....ดิชั้นว่ามันขาดอะไรไปนะคะ
มันไม่มี  nc อ่ะ
 :jul3:
ขอบคุณค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-06-2010 18:03:56
หวานแข่งกันเลย 2 คู่นี้ แต่แอบลำเอียงชอบคู่พี่หนุ่ยกับน้องเกี๊ยงมากกว่านิดหน่อย ก็เด็กมันน่ารักนี่น่า :o8:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 17-06-2010 21:17:42

กรี๊ดดดดดดดดดดด น่ารักมากกกกก หวานกันสุด ๆ
ชอบ ๆๆ ปลาบปลื้มคู่อิพี่หนุ่ย กะ น้องเกี๊ยงใน ที่สุดก็มีวันนี้
ว่าแต่คู่นี้ เค้าป่ามป๊าม กันแล้วชิมิ กรากกกกกกกกก :-[

ส่วนคู่ฝันใหญ่ก็ ยังน่ารักเหมือนเดิน งอนบ้างอะไรบ้างตามประสาคู่รัก กรากกกกกกก ว่าแต่นุ้งใหญ่อย่าโหมงานหนักจนลืมสามีสิลูก  :man1:

ขอบคุณที่เขียนตอนพิเศษมาให้อ่านนะคะ ดีใจที่ได้อ่านจ้าาา^^
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: sittichai_note ที่ 21-06-2010 23:18:11
ตามอ่านมาสองวัน

บอกได้ว่า อิ่ม สุดๆครับ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: SPSJ ที่ 21-06-2010 23:46:34
อยากให้มีตอนพิเศษ สุดท้ายจริง  ๆ ของพิเศษ สุดท้ายจริง ๆ ได้ใหมฮะ

น่ารักมาก ๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 22-06-2010 04:19:01
สนุกมากค่ะเรื่องนี้ น่ารักจัง
เพื่อนรัก รักเพื่อน..ตอนแรกเห็นชื่อเรื่อง
นึกว่าจะเศร้า แต่จบแบบ แฮปปี้ กรี๊ดด ดีใจ
น่ารักทั้งคู่.....อยากจะอ่านอีกซักตอน อิอิ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 22-06-2010 20:46:20

ชื่นใจครับ    :man1:

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: MrTeddy ที่ 02-07-2010 11:28:45
 สนุกมากครับ ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆ แบบนี้มาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: dekba428 ที่ 17-07-2010 20:52:45
อ่านมาก็หลายเรื่องแต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมชอบมากที่สุดเลยครับ  :m1:
อ่านแรกๆก็มีเครียดบ้างนะครับ  :serius2:
แต่พอมาหลังๆนี้ไม่ไหวอ่านไปยิ้มไปหัวใจพองโต :กอด1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 17-07-2010 21:25:30
ยังคิดถึงฝันใหญ่ พี่หนุ่้ยน้องเกี๊ยงเสมอจ้าาาา :man1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 04-08-2010 01:09:53
ชอบๆๆๆๆๆอ่านแล้วมีความสุข

ตอนแรกนึกว่าจะดราม่าสะแล้ว

อ่านไปมาดราม่านิดๆๆๆ

แต่สนุก

น้ำตาซึมในบางตอน

ชอบมากกกก

จากเพื่อนรักการเป็นคนรัก

แบบเหมือนมันไปเองทั้ง2ฝ่าย

ชอบตอนเขียน จม.ตอบโต้กันมากกกกก


ฮ่าๆๆได้อารมณ์ไปอีกแบบ

ชอบคุณพี่หนุ่ยกะน้องเกี๊ยงเหมือนกันลุ้นแทบแย่

น่ารักเนอะปากร้ายกันจิงๆๆๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 29-08-2010 15:55:13
ขอบคุณคุณคนโพสต์นะคะ แล้วก็ฝากความขอบคุณไปหาคุณฟางด้วยจ้า

เห็นแต่ไปเว้วๆอยู่กระทู้คนนั้นคนนี้ แต่คุณฟางแกก็เขียนนิยายได้เก่งจริงๆ ชอบอ่านมาตั้งแต่เรื่องน้องโอมกับพี่ต่ายแล้ว

เสน่ห์อย่างหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ คุณฟางเขียนนิยายให้อ่านเป็นเรื่องจริงได้ นั่นก็คือ เขียนได้สมจริงเหมือนกำลังแอบดูชิวิตคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งอยู่เลย อยากกระซิบบอกว่า ชอบคู่น้องเกี๊ยงกับพี่หนุ่ยมากกว่าคู่หลักล่ะ โฮะๆๆ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: nunam ที่ 30-08-2010 15:22:38
สนุกมั่กๆ ชอบทั้ง 2 คู่เลย  :-[
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 30-08-2010 23:27:53
โอ้ ตอนพิเศษสองคู่ชู้ชื่น มาพร้อมกับความเครียดอีกตะหาก 555 แบบว่า หวานแบบเครียดๆ  o22
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG (15/06/10) ตอนพิเศษ สุดท้ายจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่ที่รัก ที่ 31-08-2010 15:00:35
เราชอบไอ้เตี้ยว่ะ
 :jul3:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 25-09-2010 18:11:54
ไม่มีอะไรค่ะ ดันขึ้นมาเฉยๆ :jul3:
ขอบคุณทุกรีพลายนะคะ  :pig4:
แค่เข้ามาอ่านก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้มีผลงานต่อไปเรื่อยๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 25-09-2010 19:24:35
ฮิฮิ  เราก็ขอบคุณไรเตอร์นะคะ  ที่เขียนเรื่องน่ารักให้อ่าน    :pig4:

ถ้ามีเวลาว่างก็ขอตอนพิเศษของใหญ่และฝันอีกนะคะ  แบบว่าคิดถึงค่ะ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-09-2010 23:47:41
พลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
อ่านแล้วคิดถึงอดีต และร้านขายกระดาษ 555
เวลาเขียนจดหมายต้องไปเลือกลาย เลือกสี เลือกซอง
การเขียนจดหมายถึงกัน ทำให้คนเรารู้จักการรอคอย
ความอดทน ชอบพล็อตเรื่องมากๆค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: erikaajang ที่ 01-10-2010 08:47:19
น่ารักดีค่ะ แหวกแนวต่างจากเรื่องอื่นๆ ใช้จดหมายถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกแทนคำพูด ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารัก ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 19-10-2010 09:43:19
ยังคิดถึงสองคู่นีอยู่เสมอนะคะ อิอิ

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: pay-it-forward ที่ 21-10-2010 09:24:32
สนุกมากๆเรื่องนี้
ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันซะแล้ว แต่ตอนหลังก็ happy ending ทั้งคู่
ขอบคุณมากๆค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 30-10-2010 18:07:15
น่ารักดีค่ะ
+1
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 20-01-2011 18:21:18
อ่านจบเเล้ว   อยากบอกว่าชอบบบบมากก


เเรกๆดู มาม่า

เเต่สุดท้ายก็   มีความสุข


ขอบคุณนะครับบบบบบบบบเขียนได้ดีมากครับบบ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 09-02-2011 23:37:39


ในที่สุดก็อ่านจบแล้ว...เย้!!! :mc4:

***********



ถึง.... คิคิคุคุ...zzZ....คนโพสท์

ขอบคุณมากมายที่เอาเรื่องนี้มาให้ได้อ่านกันนะคะ^^

จากหนูบี...คนอ่านค่ะ


***************


และถึง...พี่ฟาง...คนเขียน...

แอบเลียนแบบจดหมายของพี่เล็กน้อย อิอิ
สนุกมากเลยค่ะพี่ อ่านๆไปตอนแรกแอบอมยิ้มและ นึกถึงสมัยเด็กๆที่เขียนจดหมายหาเพื่อนแบบนี้เหมือนกัน ช่วงเวลาที่รอคอยจดหมายตอบกลับ และช่วงที่ได้รับจดหมาย มันพิเศษจริงๆนะ อ่านไปอมยิ้มไป...
ช่วงแรกๆที่อ่านเรื่องนี้ รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับใหญ่และฝัน เพราะการตอบจดหมายระหว่างกัน บางคำถ้าหยุดคิดดีๆก็จะรู้ได้ตั้งแต่แรกว่า ‘เรารักกัน’ แต่ดันไม่ตีความกันซะนี่ เฮ้อ...ลุ้นซะเหงื่อตก ว่าสองคนนี้มันจะไปไงต่อว้า....
แต่พอถึงช่วงที่ฝันเข้าใจตัวเองและกระทำ(ชำเรา?)บางอย่างกับใหญ่ ตอนที่หลับ(ในวันรับปริญญา)แทบกรี๊ดแน่ะ แหมๆๆๆ ทำไปได้นะฝัน(ทำไมไม่ทำเร็วกว่าเน้!!!)
ตลอดทั้งเรื่องที่มีเรื่องราวความรักหวานๆปนขม ในที่สุดทั้งคู่ก็จับมือผ่านมาได้จนแฮปปี้แอนดิ้ง ครบทุกรสทุกอารมณ์จริงๆค่ะ  พอเริ่มต้นได้อ่านแล้วก็ต้องอ่านให้จบทีเดียว
ชอบข้อความในจดหมายที่เขียนถึงกัน อ่านแล้วมันต้องให้ได้ยิ้มทุกทีสิน่า แล้วก็ชอบทุกตัวละครในเรื่อง นายฝันหนุ่มใจร้อนขี้แกล้ง ใหญ่หนุ่มใจดีแต่เจ้าน้ำตา(แอบคิดว่าถ้ามีแฟนแบบนี้นะรักตายและคงจะแกล้งเหมือนฝันแน่เลย ก็น่าแกล้งนี่เนอะ) แม่ของฝันที่เข้าใจลูก(และโลก) อิพี่หนุ่ย ปากหวานใจดีแต่มีความคิด(เว้ยเฮ้ย) และน้องเกี๊ยง เด็กปากดีไม่มีลิมิต
พูดถึงพี่หนุ่ยกับเกี๊ยง ไม่คิดเลยว่าพี่ฟางจะจับคู่นี้มาแต่งตามรีเควสจริงๆ ต้องขอบคุณมากเลยค่ะ ได้สนุกไปอีกอารมณ์นึง
และอยากบอกคนเขียนมากๆเลย คำพูดของตัวละคร ในหลายๆตอน มันโดนใจและทำให้ได้คิด (โดยเฉพาะคำพูดของพี่หนุ่ย) แล้วก็ไอเดียที่เอาเรื่องจดหมายระหว่างเพื่อนรักมาผูกร้อยเป็นเรื่องราวได้สนุกและประทับใจจริงๆ
สรุปก็คือ จับใจมากจริงๆค่ะกับเรื่องนี้ อยากให้รวมเล่มมากมายค่ะ ก็หวังและรอคอยอยู่นะคะ ใครที่อ่านแล้วคิดเหมือนกันช่วยกันลงชื่อหน่อยเร้ววว ฮ่าๆๆๆ (เผื่อคนเขียนใจอ่อน)

ชอบเรื่องนี้มากมายจริงๆค่ะ (แต่น้อยกว่าพี่ต่ายนิดนึง อิอิ)

น้องบี...คนอ่านผู้น่ารัก (แหวะ)

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG จดหมายถึงคนอ่าน***
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 11-02-2011 14:08:11
ถึง นักอ่านที่รัก

  นานแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน ตอนนี้ชีวิตของผมมีความสุขดี ทะเลาะกับฝันบ้างเป็นครั้งคราว
 เรื่องก็เดิมๆล่ะครับ มันชอบแกล้งผม ชอบทำงี่เง่าหึงไม่เข้าท่า
ทั้งที่ครูน้ำเค้ามีแฟนไปตั้งนานแล้ว มันก็ยังชอบเอาเรื่องเก่ามาขุดคุ้ยขึ้นมาตลอด แต่พอผมไม่พูดด้วยสักสองชั่วโมง
 มันก็ทำท่าจะเป็นจะตาย งานการไม่ยอมไปทำจนหัวหน้าของฝันต้องโทรมาหาผมให้ผมจัดการ

ตอนนี้ในที่ทำงานของฝันทุกคนรู้แล้วครับว่าผมเป็นแฟนของฝัน ไม่ใช่ว่าอยากเปิดเผยอะไรหรอกนะครับ
แต่ฝันมันหึงผมกับลูกน้องมันที่หล่อมากๆ หึหึ แล้วที่สำคัญเจ้าน้องเอสนั่น(ชื่อน้องที่ทำงานมันครับ) มันประกาศชัดเจนว่ามันเป็นไบ
 เลยทำให้ฝันมันระแวงมากเวลาผมไปหามัน ในที่สุดมันเลยบอกทุกคนไปเลยว่าเราเป็นแฟนกัน
เวลาผมไปหามันแล้วไปคุยกับใครมันจะเดินวนรอบๆผมแล้วแอบฟัง คอยเหล่ตามองว่าเราพูดหรือทำอะไรกัน จนเป็นที่ขบขันของทุกคนในที่ทำงาน

 น้องเอสมันยังแซวว่า 'ผมไม่กล้าจีบพี่ใหญ่หรอก ก็เจ้านายเล่นฉี่รอบพี่ใหญ่แสดงความเป็นเจ้าของขนาดนี้'
หึหึ เอากับมันสิครับ ฝันโมโหมากที่โดนลูกน้องหลอกด่าว่าเป็นหมา วิ่งไล่ฟัดไอ้น้องเอสรอบที่ทำงาน
 คราวนี้เค้าเลยรู้กันวงกว้างไปอีก เดี๋ยวนี้ผมเลยไม่อยากไปหามันที่ทำงานแล้วครับ เพราะบางคนส่งสายตาแปลกๆมาให้ผม

มีหลายคนถามผมว่าความรักของพี่หนุ่ยกับน้องเกี๊ยงเป็นยังไงบ้าง ยังรักกันอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า
 อันนี้คงต้องให้เจ้าตัวมาเล่าให้ฟังดีกว่าครับ ผมรู้แค่ว่าตอนนี้น้องเกี๊ยงมันกวนตีนหนักกว่าเดิม โดยเฉพาะกับพี่หนุ่ย
 มันคงจะรู้ว่าเค้ารักมันไปแล้ว มันเลยได้ใจ หึหึ มันก็คงอารมณ์เดียวกับผมแน่ๆ
 เพราะตอนนี้ฝันมันไม่กล้าหือกับผมเลยครับ เพราะอะไรหรือครับ ??
เรื่องนี้บอกไม่ได้จริงๆ ขอเก็บเป็นเรื่องของเราสองคนดีกว่า วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ
 ผมอยากบอกทุกคนแค่ ผมขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ความรักของเรา และขอบคุณที่คิดถึงกัน

รักนะคนอ่าน
ใหญ่+++ฝัน(ของแถม)

ปล. คำถามของน้องบี เรื่องรวมเล่ม ตอนนี้คงยังไม่ได้ทำครับ เพราะคนเขียนงานยุ่งมาก คงต้องดูความเหมาะสมอีกที

 
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****จดหมายถึงคนอ่าน***11/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-02-2011 00:09:42
ขอบคุณค่ะที่มาต่อนิดต่อหน่อย
ให้คนอ่านได้ชุ่มชื่นใจ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****จดหมายถึงคนอ่าน***11/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 12-02-2011 18:43:44
คิดถึงใหญ่และฝันเหมือนกันครับ  ขอบคุณ คุณ M@nfaNG ครับ ที่ส่งจดมหายมาให้อ่าน

แค่ีรู้ว่าเค้ายังรักกันดี  คนอ่่านก็มีความสุขไปด้วย

ความรักของพี่หนุ่ยกับน้องเกี๊ยง  ผมก็รอให้เจ้าตัวมาเล่าให้ฟังอยู่นะครับ 


รักนะทุกคน
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****จดหมายถึงคนอ่าน***11/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 12-02-2011 22:20:43
แอร๊ยยยยยยยย ตอนพิเศษแอบมาไม่รู้เนื้อรู้ตัว กรี๊ดดดดดด  :mc4:

แหมๆๆ ใหญ่ก็ยังน่ารักเสมอมีลงท้ายแบบน่ารัก ๆอีก(ฝัน ของแถม55) อิอิ เป็นตอนพิเศษที่น่ารักมากค่ะ เมียเราน่ารักเนอะ ก็ต้องหวงเป็นธรรมดาเนอะฝัน

แต่ฝันเปิดเผยกะที่ทำงานเลยหรือเนี่ย เริ่ดดด !!!

รอฟังข่าวคราวน้องเกี๊ยงพี่หนุ่ยให้เจ้าตัวมาเล่าโดยด่วน อิอิ



ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ +1  :impress2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****จดหมายถึงคนอ่าน***11/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-02-2011 07:13:38
ได้อ่านจม.ให้หายคิดถึง  :mc4:

จะมีเรื่องเล่าจากพี่หนุ่ยกับน้องเกี๊ยงบ้างมั้ยน้า



รอตรวจคำผิดใหญ่-ฝันเช่นเดียวกันค่ะ  :m13:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****จดหมายถึงคนอ่าน***11/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 20-02-2011 16:29:20
คิดถึงใหญ่กับฝันและพี่หนุ่ยกับน้องเกี๊ยง
ถ้ามีตอนพิเศษมาให้หายคิดถึงบ่อยๆก็ดีนะค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****จดหมายถึงคนอ่าน***11/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 25-02-2011 00:12:47
รอน้องเกี๊ยง พี่หนุ่ยยยยยยยยยยยยยย

จุ๊บๆๆ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 27-02-2011 17:28:33

ถึงคนอ่านที่คิดถึง

สวัสดีครับพี่ๆทุกคน(ผมเหมาเอานะว่าคนอ่านควรจะแก่กว่าผมทั้งหมด เพราะผมไม่อยากแก่ แหะๆ)
  พี่ใหญ่บอกให้ผมเขียนจดหมายมาหาคนอ่าน เค้าบอกว่ามีคนคิดถึงผมกับปู่(หนุ่ย)
 ก็พอเข้าใจว่ามีคนคิดถึงคนน่ารักอย่างผม แต่จะไปคิดถึงปู่ทำไม คนอะไรไม่รู้เอาแต่ทำงาน มีแฟนก็ไม่คิดถึงแฟน
 คงจะจริงที่เค้าว่าพอมีแฟนแล้วผู้ชายก็มักจะเปลี่ยนไป กระซิก กระซิก (แต่ผมก็เป็นผู้ชายทำไมผมยังไม่เปลี่ยนเลย)

ที่จริงผมอยากคุยเรื่องดีๆนะแต่เราไม่ได้เจอกันนานผมขอบ่นก่อนแล้วกัน เพราะผมไม่รู้จะบ่นให้ใครฟัง
 ปู่ชอบทำงานไม่เป็นเวลา เวลางานเยอะก็หายไปเลยทิ้งผมไปไม่ไยดี พอเวลางานน้อยก็หนีไปดื่มเหล้ากับเพื่อนมั่ง
 ที่สำคัญไม่ยอมให้ผมไปด้วยอ้างว่าผมเป็นเด็ก จะหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ก็ไม่ได้ ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย
(ผมเลยเรียกพี่หนุ่ยว่าปู่ตั้งแต่นั้นมา โดยเฉพาะเวลาเราทะเลาะกัน)

พอผมงานเยอะขึ้นมาบ้าง หายไปทำงานหลายๆวัน กลับโวยวายกับผม
ต้องโทรตามไปเรียกตัวกลับจนผมเสียงานเสียการ ทำแบบนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นเด็กกว่าใคร

เรามีปัญหาไร้สาระแบบนี้บ่อยๆก็จริง แต่ถ้าถามผมว่าเรายังรักกันดีอยู่มั้ย
 อืมมม...สำหรับผม มันน่าจะพูดได้ว่าตอนนี้ผมยิ่งรักพี่หนุ่ยมากกว่าเดิม และมันก็คงมากขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงขีดสุดของมัน
 แต่เมื่อไหร่มันจะถึงขีดสุด ผมก็ยังไม่รู้ หรือมันอาจไม่มีวันนั้นก็ได้ เพราะผมคงจะรักพี่หนุ่ยไปเรื่อยๆ

ผมก็สงสัยว่าเวลาเราอยู่ด้วยกัน ยิ่งเราใกล้ชิดกัน นิสัยต่างๆที่เราไม่ชอบมันจะต้องมีเพิ่มขึ้น
 ผมเคยกลัวว่าเราอาจจะสะสมความไม่พอใจเอาไว้ จนเปลี่ยนมาเป็นเบื่อหน่ายแล้วทำให้ความรักของเราลดลง
เพราะไม่ใช่ว่าผมและพี่หนุ่ยจะพอใจกันและกันไปหมดทุกอย่างนะครับ เราก็ทะเลาะกันบ่อย
พี่หนุ่ยชอบบอกว่าผมมีนิสัยขี้เหวี่ยง คิดมาก ขี้งอนแบบเด็กๆ ซึ่งมันก็จริงผมยอมรับ
แต่ผมเองก็ไม่ชอบที่พี่หนุ่ยคิดอะไรแล้วบางครั้งไม่แสดงออกมาตรงๆ ทำให้ผมต้องเดาเอง คิดเอง
ซึ่งบ่อยครั้งเรื่องพวกนี้ทำให้เราต้องเข้าใจผิดกัน 

พูดกันตรงๆความแตกต่างของเรามันเยอะเอาเรื่องเหมือนกันครับ
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผมรักพี่หนุ่ยน้อยลง ผมรักปู่ของผมยังไงก็รักอยู่อย่างนั้น
 เพราะยังมีเรื่องดีๆอีกมากมายเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน
มาชดเชยเรื่องเล็กน้อยที่เหมือนเศษฝุ่นที่ทำให้เราระคายเท้าเวลาเราเดินเหยียบเท่านั้น....


“ไอ้เตี้ย  ทำอะไรอยู่” พี่หนุ่ยเดินเข้ามาจับหัวผมโยกแบบที่ชอบทำ แล้วชะโงกหน้ามาดู
“เขียนหาใคร เขียนทำไม??” พี่หนุ่ยถามเหมือนระแวง กลัวผมเขียนจดหมายหากิ๊กรึไง
“พี่ใหญ่เค้าให้เขียนหาคนอ่านที่คิดถึงเรา”
“ก็ใครล่ะ เรารู้จักเหรอ” ทำไมพี่หนุ่ยชอบมีปัญหานะ ผมเริ่มหงุดหงิด จะมาซักอะไรกันมากมาย
แล้วยังเอามือมายีหัวผมเล่นอีก จนผมต้องปัดมือทิ้ง
“เอ๊ะ ไม่รู้จัก แต่จะเขียน มีอะไรมั้ย อย่ามายุ่ง”
“ทำไมพี่ถามดีๆต้องโมโห ไหนลุกซิพี่อ่านหน่อย เขียนว่าไง”
 ผมจะไม่ลุกก็ได้ครับ แต่พี่หนุ่ยคงเขกหัวผมจนหัวบวม เลยลุกดีกว่าไม่อยากเจ็บตัวแต่ขอบ่นหน่อย

“ลุกแล้วไม่เขียนต่อนะ พี่เขียนเองแล้วกัน ผมไปอาบน้ำแล้ว อยากยุ่งดีนักก็จัดการให้สำเร็จด้วย เหอะ” 
ผมถือโอกาสชิ่งให้ปู่แกเขียนต่อ วิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปเลย
พอกลับมาอีกทีพี่หนุ่ยแกขึ้นเตียงนอนไปแล้วครับ
 ตะโกนมาว่า “ไอ้เตี้ยไปอ่าน จะแก้ตรงไหนรึเปล่า แล้วส่งๆไปซะ แล้วรีบมานอนพี่ง่วงแล้ว”
“รอด้วยๆ ผมก็ง่วง” ผมรีบกลับไปดูหน้าจอ จะรีบจบจดหมายจะได้ไปนอนมั่ง พี่หนุ่ยเขียนต่อจากที่ผมเขียนแค่เว้นบรรทัดนิดหน่อย

“สวัสดีครับ ผมเองหนุ่ย

 ผมไม่เคยเขียนจดหมายหาคนแปลกหน้าเลย  แต่เรารู้จักกันมานานแล้วนี่ครับ
งั้นเราคงไม่แปลกหน้าต่อกัน ก็คงไม่ผิดอะไรที่เราจะคิดถึงกันใช่มั้ยครับ
 ไม่รู้ว่ามีคิดถึงผมกันบ้างรึเปล่าครับหรือคิดถึงแต่ไอ้เตี้ย  ต้องขอความรักกันหน่อยแค่ไอ้เตี้ยมาเรียกผมว่าปู่ทำเอาคะแนนผมตกไปเยอะเลย

เรื่องที่ไอ้เตี้ยมันเขียนอย่าไปเชื่อนะครับ ผมก็เหมือนเดิมทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนไป นิสัยยังไงก็ยังเป็นแบบนั้น
 แต่ผมก็ยังเห็นน้องเกี๊ยงเป็นเด็กเหมือนเมื่อรู้จักกัน  ผมก็เลยทำอะไรไปแบบนั้น ไม่มีอะไรจะแก้ตัวครับ
 เมื่อก่อนผมอยู่คนเดียวก็อิสสระ สบายดีไม่เคยสนใจใคร แต่พอมีไอ้เตี้ย ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องห่วงทั้งที่มันก็บอกเรื่อยว่าโตแล้ว 
 แต่ถ้าผมไม่รักก็คงไม่ห่วงหรอกครับ 

ส่วนเรื่องความรักของเราเป็นยังไงบ้าง  ผมบอกได้ว่ามันยังดีอยู่ครับ เรื่องทะเลาะอะไรที่น้องเกี๊ยงว่า
 ผมไม่เคยนับเป็นเรื่องทะเลาะสักครั้ง ผมกลับสนุกที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเกี๊ยง มันเป็นสีสันของชีวิตมากกว่า
เรื่องความแตกต่างอะไรนั่น ผมไม่สนหรอกครับ ความแตกต่างที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ต่างหากที่เป็นปัญหา
 แต่ถ้าแตกต่างแล้วอยู่ร่วมกันได้ ผมว่านั่นน่ะดียิ่งกว่าไม่แตกต่างด้วยซ้ำไป

เรื่องที่น้องเกี๊ยงว่า ผมไม่ค่อยชอบพูดชอบแสดงออกว่าผมคิดอะไรยังไง มันก็คงจะจริงต่อไปผมจะปรับปรุงตัวครับ ผมสัญญา

อย่าถามผมนะครับว่าความรักของผมเป็นแบบเดียวกับน้องเกี๊ยงรึเปล่า
 ที่ว่ารักผมเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ มันมาพูดให้คนแก่อย่างผมตัวลอยได้ หึหึ ถึงแม้ผมว่ามันออกจะเพ้อฝันไปหน่อย
 แต่ผมแอบดีใจนะครับเพียงแต่ผมไม่กล้าพูดแบบนั้น
 ผมรู้แค่ว่าทุกนาทีที่อยู่ด้วยกันผมมีความสุข แล้วมันก็คงจะเป็นแบบนี้ตลอดไป...เพราะผมได้อยู่กับคนที่ผมรัก
 ไม่ต้องรักผมมากกว่านี้หรอกครับ แค่รักผมนานๆก็แล้วกัน


หวังว่าทุกคนจะสบายดีนะครับ ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกัน

ปู่หนุ่ยกับไอ้เตี้ยเกี๊ยง"


ผมอ่านจดหมายพี่หนุ่ยแล้วก็เผลอยิ้ม พี่หนุ่ยเขียนจดหมายหาคนอ่านหรือเขียนจดหมายบอกรักผมกันแน่
 ผมกระโดดขึ้นเตียงเข้าคลุกวงในพี่หนุ่ยที่นอนอยู่  อยากให้รางวัลคนปากแข็งเลยขโมยหอมแก้มพี่หนุ่ยเบาๆ
 พี่หนุ่ยขยับแขนมาโอบตัวผมไว้ ผมแหงนหน้ามองพี่หนุ่ยเห็นยังหลับตาอยู่
“อ้าว ผมนึกว่าพี่หลับแล้ว”
“ยัง รอเรานั่นแหละ” พี่หนุ่ยตอบผมเบาๆเหมือนละเมอ ก่อนรัดอ้อมแขนแน่นขึ้น ผมยกตัวขึ้นจูบคางพี่หนุ่ยอีกครั้ง

“ขอบคุณนะครับปู่”
พี่หนุ่ยเกลี่ยแขนผมเล่น “ขอบคุณอะไร”
“ขอบคุณที่สัญญา ว่ามีอะไรจะบอกกันตรงๆ”
“อื้อ พี่สัญญากับคนอ่าน”
“ไม่ใช่ สัญญากับผมสิ”
“อือๆ สัญญาก็สัญญา ตื๊อเป็นเด็กๆ” พี่หนุ่ยหัวเราะเบาๆ

“ขอบคุณที่บอกรักผมด้วย” ผมปีนขึ้นไปบนตัวพี่หนุ่ยแล้วกดปากลงจูบเบาๆ พี่หนุ่ยลืมตาพร้อมเปิดยิ้ม
“พี่ไม่เคยบอกรักเกี๊ยงเหรอ”
ผมส่ายหน้า “ไม่เคยเลย  บอกกับปากได้มั้ย สักครั้ง อยากได้ยินสดๆ ออกอากาศ ไม่ใช่เป็นแค่ข้อความ หรืออ้อมไปมา”
“พี่หนุ่ยลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา พูดคล้ายกระซิบ มองตานิ่งจนผมเขิน“แล้วไม่รู้หรือว่าพี่...รัก”
ผมส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่รู้”

พี่หนุ่ยหัวเราะดัง แล้วบีบจมูกผม “เฮ้อ รักขนาดนี้ยังไม่รู้อีก โง่รึเปล่าเรา”
“ก็ผมไม่แน่ใจนี่ ถ้าพี่ไม่บอก เรียกโง่ได้ไง” ชักโมโห ให้พูดว่ารักแค่นี้ยังมาว่าผมโง่อีก
“เออๆ ไม่โง่ก็ไม่โง่” พี่หนุ่ยจับหัวผมเขย่าแรงๆ จนผมต้องเอามือปัด ชอบเห็นผมเป็นเด็กเรื่อย “อื้อ”
 แต่แค่พี่หนุ่ยพูดคำนี้เท่านั้นก็ทำให้ผมตัวเบา นอนกอดพี่หนุ่ยแน่นกว่าเดิม

“แต่ไม่ต้องห่วงถึงโง่ก็รักนะ ไอ้เด็กโง่”
"ผมก็รักพี่ครับ"
 :bye2:

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 27-02-2011 19:09:44
พี่หนุ่ยกับน้องเกี๊ยงมาแล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 27-02-2011 19:38:52
น่ารักมากกกกกกกกกกกก
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 28-02-2011 07:28:35
เราไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน แค่เป็นคนหน้าแปลกเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นว่างๆ  4 หนุ่ม ก็เขียนจม.มาหาบ่อยๆ นะคะ

ขอบคุณสำหรับจม.น่ารัก ๆ ให้หายคิดถึงกันค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Ottomechan ที่ 01-03-2011 00:44:51
หวานกันอีก
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 01-03-2011 01:31:18
 ถ้าคิดถึง ก็เขียนมาหาคนอ่านบ่อยๆ นะคะ 
:L2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 09-03-2011 00:05:27
น่ารักมากๆ.....เชียร์ให้รวมเล่มด้วยค่า
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 14-03-2011 09:49:09
เพิ่งได้ตามอ่านค่ะ เห็นว่าเริ่มเขียนตั้งแต่ปี 2009 นี่ผ่านไป จะ 3 ปีแล้วสิเน๊อะ
อ่านเพลินรวดเดียว 2 วัน เขียนได้น่าติดตามมากค่ะ คล้ายเรื่องเล่าชีวิตจริง
มันไม่มากเกิน ยังสามารถมองหาความรักแบบนี้จริง อารมณ์ก็ดูสมจริง
ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆก็นึกรักอย่างไม่มีเห็ตุผล ค่อยๆก่อจากความผูกพันทีละนิด
อ่านแล้วอินค่ะ  ไม่เคยเม้มใครยาวๆ มาก่อนเลยนะ สงสัยต้องเริ่มหัดเขียนบ้างแล้วค่ะ
อ่านจบยังรู้สึกว่าอยากจะเขียนจดหมายถึงคนที่เรารักบ้างเลย  :o8:
ขอบคุณที่มาแบ่งปันเรื่องดีๆ  ทั้งคนเขียน + คนโพส  :L2: :L2: :L2:
 
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-03-2011 23:27:37
เพิ่งเห็นตอนล่าสุดค่ะ
ยังน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 16-03-2011 19:33:36
กรี๊ดดดดดด เพิ่งเห็นว่ามาลงพาร์ทน้องเกี๊ยงพี่หนุ่ยแล้ว

ตกขบวน แอร๊ยยย


สมกะี่ที่รอ อิอิ น่ารักกกกกกกก บอกรักกันได้หวานมาก ชอบๆๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 17-03-2011 18:56:56
เคยอ่านครั้งหนึ่งแล้ว แต่จำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นอ่านไม่จบ

ตอนนี้อาจจนจบแล้วก็ยกน้ิวให้เลย น่ารักดีจริงๆ ทั้งสองคู่ วิธีเขียนชวน
ให้คิดว่าตัวละครมีตัวตนจริง อาจจะเคยเดินชนกันมาแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้
ขอบคุณน่ะครับ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: O_cha ที่ 17-03-2011 21:19:34
ดันๆ กระดี๊บๆ
วันนี้อากาศหนาวๆ  ได้อ่านเรื่องหวานๆ อบอุ่นๆ แบบนี้ นอนหลับฝันดีนะเด็กโง่
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: yr_meteor ที่ 26-03-2011 22:24:58
เพิ่งอ่านจบลุ้นมาก ๆ กว่าจะรักกัน
เป็นเพื่อนด้วยกันหลายปี กว่าจะมารู้ใจตัวเอง ไม่ง่ายเลยเนอะ
ดีใจจังที่พ่แม่ของแต่ละคนเข้าใจ แล้วยอมรับ
อ่านแล้วอบอุ่นมากก 
ชอบทั้งสองคู่เลย
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: tummy22 ที่ 08-04-2011 18:43:26
สนุกมากมาย  ขอบคุณครับผม
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: cy55555 ที่ 11-04-2011 00:21:34
เฮ้อ!!!  กว่าจะอ่านเรื่องนี้จบ
เล่นเอาปวดแก้มไปหมดเลยค่ะ
เป็นเรื่องที่น่ารักมั่กมากกกกกก
คู่ ฝันกับใหญ่  แอบหวานกันเบาๆ
มีหลากหลายอารมณ์เลย  โรแมนติคค่ะ
คู่ พี่หนุ่ยกับน้องเกี๊ยง  อยากบอกว่า
ตอนแรกตาพี่หนุ่ยทำเป็นเล่นตัว
หลังๆ นี้แบบ  ตามจิกไม่ยอมปล่อยซะงั้น  อิอิ


ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ที่มีให้กันค่ะ  ^^
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: kikipanda ที่ 13-04-2011 15:14:40
จากเที่ยงคืนวันอังคาร-เที่ยงวันวันพุธ คุณฟางทำให้เรา ยิ้ม หัวเราะ เศร้า ซึม น้ำตาไหล อินไปกับเรื่องราวของฝันกับใหญ่ พี่หนุ่ยกับเกี๊ยงได้ไม่หยุด ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ความประทับใจดีๆ รวมทั้งข้อคิดดีๆ ที่สอดแทรกอยู่ในทุกบททุกตอนอย่างแนบเนียน และซาบซึ้ง เป็นผลงานที่ทำให้คิดถึงฝีไม้ลายมือคุณฟาง(ที่เรา)ห่างหายไปนาน หวังเสมอว่าจะได้พบกันอีกในเรื่องต่อๆไปนะค่ะ

ปล.ยกมือสนับสนุนการรวมเล่มด้วยคนค่ะ ไว้คุณฟางว่างเว้นจากความวุ่นวายทั้งหลายก่อนก็ได้ สบายใจเมื่อไหร่ก็ทำ คิดถึงคุณฟาง และหนุ่มๆทุกคนของคุณเสมอ 55+
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-05-2011 23:56:40
กว่าจะอ่านจบก็ใช้เวลาไป2คืน
เรื่องราวน่ารักมากค่ะ บอกความเป็นไปผ่านทางจดหมาย อ่านแล้วได้บรรยากาศเก่าๆดีค่ะ
อ่านแล้วก็อยากจะเขียนจดหมายหาใครสักคนเหมือนกัน 5555
อ่านคู่ของใหญ่-ฝันแล้ว ลุ้นมากมาย กว่าจะรู้ว่ารัก กว่าจะได้รัก กว่าจะได้อยู่ด้วย ผ่านอะไรมาเยอะแยะมากมาย สุดท้ายก็สมหวัง แฮปปี้ที่สุด
ส่วนคู่น้องเตี้ยและลุงหนุ่ย ใครจะไปคิดว่าการเจอกันรู้จักกันโดยบังเอิญทำให้ต้องมาอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต
ขอบคุณนะคะ ที่นำเรื่องราวน่ารักๆ มาให้ได้อ่านกัน ^_^
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG ****รักนะเด็กโง่***27/02/11
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 31-05-2011 00:49:50
แอบคิดถึงเรื่องนี้ 

คิดถึงฝันใหญ่ เฮียหนุ่ย น้องเกี๋๊ยง จุ๊บๆๆๆ

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: สาวบ้านนอก ที่ 25-01-2012 17:12:57
เกือบปีที่ไม่ได้เอามาลง ไม่รู้ยังคิดถึงกันรึเปล่าคะ :กอด1:
*******************************


“พี่หนุ่ยเหรอ ตาลเอง" น้ำเสียงของผู้หญิงที่โทรมาแสดงความดีใจที่ผมรับสาย กลับกันกับความรู้สึกผมที่ไม่ดีใจเลย
“ไม่ใช่ครับ พี่หนุ่ยอาบน้ำอยู่" ผมอยากจะซักต่อว่าเธอมีอะไรกับพี่หนุ่ยผมก็ยั้งปากตัวเองไว้ เธออาจจะเป็นลูกค้าก็ได้
“ว้า งั้นไม่เป็นไรค่ะ บอกตาลรออยู่ที่เดิมนะคะ รีบมาหน่อย เพื่อนๆตาลมากันหมดแล้ว เค้าอยากเจอพี่หนุ่ย"
ผมสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ หึง หวงเอาไว้ ลองมาดูสักตั้งว่าผมจะทนไหวรึเปล่า "ครับ เดี๋ยวผมจะบอกพี่หนุ่ยให้" ผมกดวางสายไปอย่างรวดเร็ว ไม่อยากให้พี่หนุ่ยมารับสายเอง

“ใครโทรมาเหรอไอ้เตี้ย" พี่หนุ่ยออกมาจากห้องน้ำพอดี หยดน้ำยังเกาะอยู่ตามตัว พี่หนุ่ยไม่ชอบเช็ดตัวให้แห้ง ชอบที่จะนุ่งผ้าขนหนูอยู่แบบนั้นสักพักรอจนตัวแห้งเอง
ผมยื่นโทรศัพท์ให้ เอ่ยปากด้วยความยากเย็น “ชื่อตาล เค้าบอกรอพี่อยู่กับเพื่อนๆ ให้รีบไปไวๆ"
แต่พี่หนุ่ยคงจะรู้ว่าผมอารมณ์ไหน เลยเดินยิ้มประจบเข้ามาเอามือขยี้หัวผม "อย่าทำหน้าแบบนี้สิ เค้าเป็นลูกค้า ปีใหม่แล้วพี่ก็ต้องออกไปเอนเตอร์เทนลูกค้าแบบนี้ ยังไม่ชินอีกเหรอ"
ผมอยากจะบอกว่าไม่เฉพาะปีใหม่หรอก 'ทั้งปี' ต่างหากล่ะ มีผู้หญิงมาวนๆเวียนๆอยู่รอบๆตัวพี่หนุ่ยแบบนี้ ยังจะมาบอกให้ผมชินอีก ผมเอามือพี่หนุ่ยที่อยู่บนหัวออก "ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่"
ผมบอกแล้วออกจากห้องลงมาอยู่ข้างล่างนั่งทำงานของผมที่ยังค้างอยู่ อย่างน้อยผมก็ยังมีงานที่อยู่กับผมตลอดไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม ผมไม่โกรธพี่หนุ่ยแต่โกรธตัวเองมากกว่าที่ทำให้พี่หนุ่ยหยุดที่ผมไม่ได้ แต่ผมก็ไม่มีสิทธิไปเรียกร้องอะไรเพราะผมเป็นคนที่เลือกจะเป็นแบบนี้เอง เลือกที่จะ 'รอ'

ไอ้เตี้ยเดินลงข้างล่างไปนานแล้วแต่ผมยังจำสีหน้ามันได้ดี ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันไม่พอใจ แต่ผมก็เป็นแบบนี้ มีงานแบบนี้ มันก็รู้ ผมแต่งตัวเสร็จเตรียมจะออกจากบ้าน ยังเห็นเกี๊ยงนั่งทำงานอยู่เงียบๆ ผมเดินเข้าไปข้างหลังจับไหล่แล้วชะโงกหน้ามองหน้าคนขยัน "พี่ไปแล้วนะ อยากกินอะไรรึเปล่า เดี๋ยวขากลับซื้อมาฝาก"
ผมลูบหัวมันเบาๆ"ผมยาวแล้วนะเรา ไม่รำคาญเหรอ" ตอนนี้ผมที่เคยตัดสั้นแบบนักศึกษา ยาวเป็นรากไทรไปแล้ว แต่กลับทำให้มันดูอ่อนวัยลงไปอีกเห็นแล้วหงุดหงิดอยากให้มันไปตัด แต่ก็ไม่อยากขัดใจ หรือว่ามันอาจจะชอบ
เกี๊ยงไม่หันหน้ามาตอบเบี่ยงหัวออกจากมือผม แต่ปากบอก "ไม่หิว งานเยอะ พี่ไปเหอะ เดี๋ยวเค้าจะรอ"
มันอาจจะงานเยอะจริงหรืออารมณ์เสียผสมด้วย ผมเลยไม่อยากยุ่ง รออารมณ์ดีแล้วค่อยมาคุยกันดีกว่า
"งั้นพี่ไปก่อน ไม่ต้องรอนะ" ก่อนผมจะออกจากประตูบ้านผมยังหันมามองมันอีกครั้งเห็นเพียงแผ่นหลังเล็กๆนั่งก้มหน้าทำงาน

บางทีผมก็เสียดายชีวิตอิสระที่ไม่ต้องสนใจใคร ไม่ต้องบอกใครว่าจะไปไหน ไม่ต้องซื้อของกินมาฝากใคร ไม่ต้องมีใครรอ หรือต้องรอใคร บางทีผมอาจจะตัดสินใจอะไรง่ายเกินไปรึเปล่า ผมก็ยังไม่แน่ใจ ความรู้สึกหน่วงในใจยังติดตามผมไปถึงงานเลี้ยง แต่เมื่อเจอสาวๆในงานผมก็ลืมความรู้สึกที่เหมือนหมอกจางๆในใจไป ตาลโบกมือให้ผมเมื่อผมเข้าไปในร้านอาหารมืดสลัว พลางบอกให้เพื่อนจัดเก้าอี้ว่างข้างๆให้ พนักงานคนอื่นๆทักทายผมกันเกรียวกราว บางคนผมก็รู้จักบางคนแค่เคยเห็นหน้า
“นั่งนี่ค่ะ พี่หนุ่ยมาช้าจัง น้องชายไม่ได้บอกเหรอว่าตาลโทรไปตาม"
เมื่อแรกผมนึกไม่ออกว่าน้องชายไหนกันผมเป็นลูกคนเดียว แต่สักพักก็รู้ว่าใครริมฝีปากเหยียดยิ้มถึงไอ้เตี้ยขึ้นมา "เค้าบอก พี่ก็รีบที่สุดแล้วนะ เป็นไงอาหารอร่อยอย่างที่บอกรึเปล่า"
ตาลยกนิ้วโป้งให้ "อร่อยมากพี่หนุ่ย สมกับที่แนะนำมา เดี๋ยวอีกพักบอสมา ตาลเห็นว่าจะพาเอ็มดีอีกคนมาด้วย"

งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างเคยๆ ดื่มเหล้า ร้องเพลง พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ บรรยากาศปีใหม่แบบนี้ทุกคนสนุกสนานกันเต็มที่เหมือนไม่เคยมีเรื่องน้ำท่วมมาก่อน หรือว่าที่เค้าว่าคนไทยลืมงายและรักสนุก ก็คงจะจริง ผมเดินทักทายน้องๆคุยกับคนนี้เปลี่ยนไปคนนั้น ไม่ติดใจอะไรกับใคร ความรู้สึกสนุกสนานกับงานเลี้ยงจางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้ 
“หนุ่ยมารู้จักผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงเจ้านายของผมหน่อย"บอสของตาล คุณสุรัตน์ เดินมาตามผมถึงที่ ผมเริ่มเบื่อแต่ในเมื่อมันเป็นงานก็ต้องไป
“นี่คุณวริศ เป็นเอ็มดีดูแลไฟแนนซ์ของบริษัทเรา เพิ่งได้โปรโมทปีนี้เอง"ผมยกมือไหว้คุณวริศ ที่รับไหว้กลับมาพร้อมรอยยิ้ม
"นี่คุณหนุ่ย ชื่อจริงอะไรผมก็ไม่รู้เรียกแต่หนุ่ยๆจนชิน เค้ามาดูแลฝ่ายมาร์เก็ตติ้งของบริษัทเรา ร่วมเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงคืนนี้ครับคุณวริศ" คุณสุรัตน์ดูเกรงใจเจ้านายมากทั้งที่ผมดูหน้าตาแล้วคุณวริศน่าจะอายุน้อยกว่า แต่เดี๋ยวนี้อาวุโสไม่สำคัญเท่าความสามารถ
“ขอบคุณนะครับที่สนับสนุนบริษัทเรา" คุณวริศเอ่ยยิ้มๆ
“ผมต่างหากครับที่ต้องขอบคุณบริษัทของท่านที่ให้โอกาสเราดูแลมาตลอด"
คุณวริศโบกมือ พลางหัวเราะ"โอย คุณหนุ่ยเรียกผมซะแก่เลย ไม่ต้องเรียกท่านหรอก เรียกผมต่ายก็ได้ พี่สุรัตน์แนะนำผมซะเกินจริง เห็นมั้ยคุณหนุ่ยเกร็งเลย หึหึ"
คุณสุรัตน์ก็หัวเราะไปด้วย "พี่ก็ต้องแนะนำกันเต็มที่หน่อย แล้วหลังจากนั้นค่อยตามสบาย แต่คุณหนุ่ยต้องเอาใจคุณวริศมากๆหน่อยนะแกคุมงบทั้งบริษัท ถ้าพลาดมาล่ะก็มีหวังบริษัทคุณหลุดโผแน่ๆ"
คุณต่ายส่ายหน้า "พี่ทำเหมือนผมเป็นมาเฟียบริษัทอีกแล้ว ไปแกล้งคุณหนุ่ยเค้าทำไม"

หลังจากนั้นพอเราได้คุยกันสักพักก็เริ่มต่อกันติดแล้วครับ คุณต่ายไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณสุรัตน์พูด ถึงจะพูดน้อยไปหน่อยแต่ก็ดูน่าสนใจเพราะอยู่ในตำแหน่งสูงทั้งที่อายุไม่มาก
“คุณต่ายไม่ค่อยดื่มเลยนี่ครับ ดื่มเป็นเกียรติให้ผมหน่อย ไหนๆก็รู้จักกันแล้ว พรุ่งนี้ก็วันหยุด" ผมพยายามรินเหล้าให้แต่คุณต่ายก็เพียงแต่ถือไว้ไม่ยอมดื่ม
“พรุ่งนี้ผมต้องกลับต่างจังหวัดแต่เช้า เดี๋ยวตื่นไม่ไหวครับ ขออนุญาติไม่ดื่มแล้วกัน" พูดขนาดนี้ผมก็ไม่กล้าคะยั้นคะยอแล้ว
“ไปเที่ยวหรือครับ ก็ดีนะครับหนีคน ช่วงปีใหม่เห็นว่ารัฐบาลจะให้หยุดยาว รถคงติดน่าดู"
คุณต่ายส่ายหน้า "ผมกลับบ้านน่ะครับ ปกติผมกลับทุกอาทิตย์อยู่แล้ว มีวันหยุดยาวเลยตั้งใจลาทั้งอาทิตย์เลย กลับมาทำงานอีกทีก็ปีใหม่ นี่พี่สุรัตน์บอกว่ามีงานเลี้ยงแผนก เลยมาแจมซะหน่อย งานเลี้ยงรวมทั้งบริษัทผมตั้งใจจะหลบ อยากอยู่บ้านสบายๆ" สีหน้าคุณต่ายดูมีความสุขในยามที่พูด คงจะคิดถึงบ้าน

“ผมก็อยากมีบ้านต่างจังหวัดบ้างเหมือนกัน เวลาเหนื่อยๆจะได้หนีไปพักผ่อน แค่ไปนั่งอ่านหนังสือ นอนเล่น ชมวิวทะเล ดุภูเขาอะไรแบบนั้นก็คงไม่เลว" ผมไม่เคยมีเวลาอะไรแบบนั้นเลย ทุกวันนี้มีแต่งานและงาน เกี๊ยงเองก็ไม่ค่อยมีเวลาพักพอๆกันกับผม เราเดินสวนกันไปกันมาตลอดแทบไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันเท่าไหร่
“ผมสนับสนุนเลยนะครับ วัยอย่างเราๆ งานมาก่อนก็จริง แต่เรื่องพักผ่อนก็ต้องมี อย่างผมช่วงทำงานก็ทำเต็มที่ พอวันหยุดผมก็กลับไปหาแฟนที่บ้าน ถือโอกาสบังคับให้ตัวเองพักไปในตัว ถ้าอยู่กรุงเทพฯตลอดอาทิตย์ ผมคงต้องเผลอทำงานทั้งเจ็ดวันแน่ๆ"
“คุณต่ายก็เจอแฟนแค่วันหยุดหรือครับ ห่างกันแบบนี้คิดถึงกันบ้างไหมครับ"
คุณต่ายยิ้มแววตาเป็นประกาย "ห่างกันก็ต้องคิดถึงอยู่แล้วครับ แต่บางทีอยู่ด้วยกันยังคิดถึงเลย"
ผมถึงกับหัวเราะ ไม่นึกว่าคุณต่ายจะพูดอะไรแบบนี้ได้ ไม่รู้เราวกมาเรื่องความรักกันได้ยังไงทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันแท้ๆ ตอนนี้คุณสุรัตน์ลุกไปเฮฮากับลูกน้องแล้ว เราเลยคุยเรื่องนี้กันได้สบายใจ

“น่าอิจฉาแฟนคุณต่าย ขนาดอยู่ห่างกัน ยังไม่มีปัญหา ของผมสิขนาดบางทีอยู่บ้านเดียวกันยังไม่ค่อยได้คุยกันเลย ต่างคนต่างออกไปทำงาน เจอหน้ากันก็หมดแรงคุยแล้ว" พูดแล้วผมก็เสียใจ ผมไม่ค่อยได้คุยกับเกี๊ยงหรือเกี๊ยงไม่พูดกับผม หรือเราหมดคำพูดต่อกันไปโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าอยู่ด้วยกัน ก็หาเวลาคุยกันสิครับ ไม่ได้พูดกันก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบไม่ต้องพูดก็ได้ คุณหนุ่ยโชคดีออกได้อยู่กับแฟน ผมอยากลาออกไปอยู่กับเค้า เค้าก็เสียดายงานผมไม่ค่อยอยากให้ออก"
“คุณต่ายไม่เหนื่อยหรือครับ ต้องขับรถไปๆมาๆ โทษทีนะครับบ้านคุณต่ายอยู่ที่ไหน"
“บ้านผมอยู่ปากช่องครับ  โชคดีที่ไม่ไกลมาก จะว่าเหนื่อยก็มีบ้าง แต่พอเรารักใครแล้ว คำว่าเหนื่อยคงไม่มีอยู่ในสมองครับ ดีลีททิ้งไปแล้ว ถ้าเมื่อไหร่เรามีคำว่าเหนื่อยหรือรู้สึกว่าเป็นหน้าที่กับการอยู่ด้วยกัน ผมว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีละ ต้องรีบแก้ไขด่วน"
ยิ่งฟังผมก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อเกี๊ยง อาทิตย์นี้ผมออกมางานเลี้ยงแทบทุกวัน ทั้งที่เกี๊ยงอยู่บ้านทำงานแก้ไขงานตลอดทั้งวัน พอผมกลับไปเกี๊ยงก็นอนหลับไปแล้ว แม้แต่การกอดผมยังเหนื่อยที่จะทำ หัวถึงหมอนก็หลับสนิท ผมไม่รู้ว่าเกี๊ยงจะเสียใจแค่ไหนที่ผมละเลยกันไป

เสียงคุณต่ายยังพูดต่อ "มางานแบบนี้แล้วผมคิดถึงแฟน อยากให้เค้ามาเที่ยวบ้าง เค้าก็ไม่ค่อยชอบ แต่คนทำงานอย่างเรามันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ดีนะครับที่วันนี้เราได้มาเจอกัน ได้ยินชื่อคุณหนุ่ยมานานแล้ว อีกหน่อยคงได้เจอกันเรื่อยๆ"
เสียงโทรศัพท์ของคุณต่ายดังขึ้น "ผมขอตัวรับสายหน่อยนะครับ"
คุณต่ายเอามือป้องปากเพื่อก็จริงแต่ผมก็ยังได้ยินชัดเจน "พี่มางานเลี้ยง อืม...ไม่ได้ดื่ม ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวอีกสักพักก็กลับแล้ว อืม...กลับพรุ่งนี้ไง ไม่กลับกลางคืนอีกแล้ว ก็โอมห้ามพี่นี่" สีหน้าคุณต่ายดูมีความสุข ริมฝีปากยิ้มแย้มตลอดที่คุย ดูก็รู้ว่าคงรักแฟนมาก ทำให้ผมอดคิดถึงคนที่บ้านบ้างเลยหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานก็ไม่มีคนรับสาย ผมเลยวางแล้วโทรใหม่อีกหลายครั้ง แปลกใจที่เกี๊ยงไม่รับสาย หรือว่าจะหลับไปแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งสี่ทุ่มครึ่งเกี๊ยงไม่น่าจะนอนไว สักพักก็มีคนตอบกลับมา “โหล...”
ผมไม่ทันฟังว่าใครพูดสวนกลับไป "ไอ้เตี้ย ทำอะไรอยู่ไม่รับสายพี่ ฮึ"
“นี่แม่เกี๊ยงค่ะ ไม่ใช่ของเตี้ย ต่อผิดรึเปล่าคะ" คุณแม่ยายรับสายนี่เอง
“แม่เหรอครับ ผมหนุ่ยไงครับ ทำไมโทรศัพท์เกี๊ยงไปอยู่กับแม่ได้ล่ะครับ" อาจจะเป็นได้ที่เกี๊ยงคงไปเยี่ยมแม่
“ อ๋อหนุ่ยเหรอลูก เกี๋ยงอาบน้ำอยู่ เค้าบอกว่าจะมานอนกับแม่นี่ เค้าไม่ได้บอกหนุ่ยเหรอ" พอแม่ทักมาผมเริ่มไม่แน่ใจว่ามันได้บอกผมรึเปล่า แต่ทำไมผมจำไม่ได้ หรืออาจจะบอกแต่ผมลืม
“อืม คงบอกแล้วแต่ผมลืมไป แม่ยังไม่นอนหรือครับ ดึกแล้วนะ"
“แม่กำลังจะนอนพอดี ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังตั้งนานเลยเข้ามารับให้ หนุ่ยมีอะไรกับเกี๊ยงรึเปล่า เดี๋ยวแม่บอกให้โทรกลับก็แล้วกัน" อันที่จริงผมก็ไม่มีอะไรเร่งด่วนแค่คิดถึงมัน อยากได้ยินเสียงก็แค่นั้นเอง
“ไม่ต้องหรอกครับดึกแล้ว ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยโทรหาเค้าแล้วกัน ไม่รบกวนแม่แล้วครับ แม่ไม่ต้องบอกเกี๊ยงหรอกครับว่าผมโทรมา" ผมวางสายไปอย่างเซ็งๆ มันคงเป็นความรู้สึกของคนที่ไม่มีใครรอ

“เห็นทีผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับคุณหนุ่ย เดี๋ยวจะติดลมอยู่ดึกเกินไป" คุณต่ายบอกลาเมื่อผมวางสายราวกับรอจังหวะอยู่แล้ว
“ไม่อยู่ต่ออีกสักพักล่ะครับ น้องๆกำลังสนุกกันอยู่เลย" ผมเบนสายตาไปยังพนักงานที่ยังคงดื่ม สรวลเสเฮฮา เต้นรำกันไม่หยุด คุณสุรัตน์เองก็กำลังติดลมอยู่กับลูกน้อง 
คุณต่ายยิ้มเล็กๆ "ไม่ต้องไปบอกพวกเค้าหรอกครับ เดี๋ยวผมจะหลบไปเอง ผมแค่มาร่วมแจมเท่านั้น ไม่มีผมเสียคนก็ไม่เป็นไร เชิญคุณหนุ่ยเถอะครับไม่ต้องห่วงผม โชคดีปีใหม่นะครับ ไว้คุยกันใหม่"
ผมจับมือลากับคุณต่ายไปแล้วก็นั่งดื่มตามลำพังอยู่พักใหญ่ เกิดเบื่อขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล "พี่หนุ่ย ไปเต้นด้วยกันหน่อยสิ มานั่งเท่อะไรคนเดียว หรือว่ารอใครอยู่" ตาลขยับตัวมานั่งข้างผมแขนแนบชิดกายผมจนร้อน ใกล้จนได้กลิ่นกายสาว ถ้าตาลเป็นน้องสาวผมจะจับมาตีให้ตาย ไม่รู้รึยังไงว่ามาใกล้ชิดแบบนี้มันทำให้ผู้ชายหวั่นไหว
“รอตาลมาเรียกไง พี่นึกว่าลืมพี่ไปแล้ว" ตาลยิ้มแววตาวาววับไม่รู้เพราะน้ำเมาทำให้คนตาหวานขึ้นด้วยรึเปล่า ตาลคล้องแขนผมกึ่งลากผมให้เดินตาม เสียงเพลงที่ดังก้องสะท้อนไปทั่วทำให้ตาลต้องมากระซิบที่ข้างหูผมขณะเราเดินไปด้วยกัน
 "เห็นพี่หนุ่ยคุยกับเอ็มดีเลยไม่อยากมากวน อยากจะเรียกพี่หนุ่ยไปดื่มด้วยกันจะตายไป แล้วนี่ท่านไปไหนแล้ว"
ผมกระซิบข้างหูตอบบ้าง "กลับไปแล้ว เห็นว่าต้องกลับบ้านต่างจังหวัดแต่เช้า" เราเดินมาถึงฟลอร์เต้นรำพอดีเป็นจังหวะเดียวกันกับเพลงสโลว์ดังขึ้นมา นักเต้นหลายคนเดินกลับไปนั่งพักเหนื่อย ผมมองตาลเหมือนถามว่าเธอต้องการจะเต้นไหมเธอยิ้ม ผมยื่นมือให้ตาลก่อนเธอจะเดินเข้าสู่วงแขนผม

“ตาลเต้นไม่เป็นนะพี่หนุ่ย"ตาลบอกอย่างไม่แน่ใจ แต่สีหน้ากลับดูไม่กังวลสักนิด เธอขยับมือบีบไหล่ผมแน่นขึ้น
“อยู่กับพี่ เดี๋ยวก็เป็น" เสียงเพลงสากลที่เปิดอยู่ทำให้ใจผมสงบอย่างบอกไม่ถูก ตาลก้าวเท้าตามผมไปเรื่อยๆดูไม่ออกว่าเต้นไม่เป็น ผมไม่ได้พูดอะไรเท้าขยับไปโดยอัตโนมัติตามจังหวะเพลง 
“ทำไมพี่หนุ่ยเงียบไป ไม่เห็นคุยเก่งเหมือนตอนไปที่บริษัทเลย" ตาลคงเบื่อที่ผมเป็นแบบนี้ เป็นหนุ่ยคนที่ไม่พูด
ผมยิ้ม...ทั้งที่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร“พูดอะไรดีล่ะ ชมว่าวันนี้ตาลดูเซ็กซี่กว่าที่เคย ดีมะ"
ตาลหน้าแดงทั้งที่ไฟมืดผมยังเห็นได้ชัด เสหัวเราะเอามือทุบไหล่ผมเบาๆเหมือนเขิน "ปากดีจริงๆนะ ปากอย่างนี้ทำคนหลงกันทั้งบริษัท"
ผมเหยียดยิ้ม พยักพเยิดให้คนตรงหน้า“แล้วคนนี้ล่ะ หลงด้วยรึเปล่า"
“อยากจะหลงแต่กลัวจะอกหัก เค้าบอกว่าอย่างพี่คงมีแฟนเป็นโหล" ข่าวลือของผมก็เป็นแบบนี้มาตลอดทั้งที่
 "พี่ไม่มีผู้หญิงสักคน...ไม่เชื่อเหรอ"  ผมไม่ได้โกหก เพียงแต่พูดไม่หมดเท่านั้นเอง
“ไม่เชื่อ ไม่มีทาง"ตาลเอ่ยอย่างมั่นใจ ผมไม่ตอบยิ้มกลับบางๆ นี่ก็ดีให้คนเข้าใจว่าผมมีแฟนแล้วก็ดี จะได้ไม่มีใครกล้ามารักผมอีก ผมไม่อยากทำให้ใครเสียใจเพราะผมอีก คนอย่างผมคงไม่เหมาะที่จะมีใคร
“แฟนพี่ไม่ว่าเหรอมาเที่ยวกับสาวๆแบบนี้"
“ไม่เห็นมีใครว่านี่"
 เพราะมันไม่พูดอะไรเลยนี่ล่ะ ทำให้ผมหน่วงกับงานเลี้ยงได้ขนาดนี้ ให้มันโวยวายออกมาบ้างผมจะได้รู้บ้างว่ามันคิดยังไง แต่นี่มีเพียงความเงียบ จะว่าไปแล้วทำไมผมเพิ่งสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ทั้งที่มันทำแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วด้วยซ้ำไป หรือว่าผมพลาดสัญญาณที่มันพยายามบอกผม

“โอ๊ย...พี่หนุ่ยตาลเจ็บ บีบเอวตาลซะแน่น"
ผมเผลอคิดอะไรเพลินจนทำให้ผู้หญิงเจ็บไปโดยไม่ได้เจตนาไปแล้ว หรือมันก็เหมือนกับที่ผมทำให้เกี๊ยงมันเจ็บโดยผมไม่เจตนาเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเกี๊ยงมันไม่ได้เอ่ยปากบอกให้ผมรู้ตัวเท่านั้นเอง
ผมปล่อยมือจากตาล ผมยังไม่อยากให้ทุกอย่างมันสายเกินไป
"ตาลพี่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ พี่ขอกลับก่อนนะ พี่มีธุระที่สำคัญมาก ฝากบอกคุณสุรัตน์ด้วย ไว้พี่มาเคลียร์บิลทางนี้เอง ฝากด้วยนะตาล"
ผมเดินกึ่งวิ่งออกมาจากที่นั่น ยังได้ยินเสียงน้องๆหลายคนตะโกนเรียกชื่อผม แต่ทำไมผมจะต้องมาให้ความสำคัญกับคนอื่นที่ผมไม่ได้รักด้วยล่ะ ในเมือคนที่ผมรักและรักผมเขายังรอผมอยู่ทั้งคน

“เกี๊ยง ไปดูหน่อยลูกใครมาแน่ะ" เสียงแม่เคาะประตูเรียกผมออกจากห้องดังขึ้นมาพร้อมๆกับเสียงกริ่งหน้าบ้าน ผมเหลียวไปดูนาฬิกานี่มันห้าทุ่มกว่าแล้วขาดไปอีกไม่ถึงสิบห้านาทีก็จะเที่ยงคืน
"ใครกันนะมากดกริ่งตอนนี้ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะแม่" ผมนึกดีใจที่คืนนี้ตัดสินใจถูกมานอนเป็นเพื่อนแม่ ถ้าแม่อยู่คนเดียวมีใครมาเรียกประตูดึกดื่นค่ำคืนแบบนี้คงน่ากลัว
อากาศเย็นยะเยือกพัดผ่านผิว แสงสว่างรำไรจากโคมไฟหัวเสาประตูที่เหลือเพียงดวงเดียวเพราะอีกดวงหลอดขาดไปนานแล้วแต่ผมก็ลืมมาเปลี่ยนหลอดไฟให้แม่ทุกที โคมไฟที่แสนเก่าไม่ได้ให้ความสว่างพอที่จะเห็นผู้มาเยือนยามวิกาลได้ถนัด ผมตะโกนออกไปเบาๆ "ใครน่ะ มาหาใคร?”
ร่างตะคุ่มๆหน้าบ้านที่ยืนหันหลังให้ผมไม่ตอบขานรับ ยังคงยืนเงียบเฉยตัวแข็งเหมือนเสาโทรศัพท์ทำให้ผมชักกลัว
"บอกมาว่าใคร อย่าบอกนะว่ามากดเล่น นี่มันกี่โมงเข้าไปแล้ว"

“ไม่ได้กดเล่น" เสียงแหบห้าวที่ตอบกลับอย่างแผ่วเบาพร้อมๆกับเสียงหมาที่เปล่งเสียงหาคู่ดังสอดรับขึ้นมาพอดีทำผมขนลุก ผมเริ่มระแวงยังไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้ประตูมากกว่านี้ทำได้เพียงตะโกนจากหน้าตัวบ้าน
“ไม่ได้กดเล่นก็บอกมาสิว่าใคร" กูกลัวแล้วนะ ผมพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น ถ้าเป็นคนต่อให้มาร้ายแค่ไหนผมก็ไม่เคยถอย แต่ถ้ามาในรูปอื่นผมขอยอมแพ้ทุกรูปแบบ ถ้ามันยังไม่ตอบผมจะหนีขึ้นบ้านจริงๆด้วย
“แฟนนนน..." เสียงที่ตอบกลับทั้งแหบแห้งและยืดยาวทำเอาผมขนลุกขึ้นมาทั้งที่ไม่ได้อยาก จะว่าเป็นแฟนแม่ แต่พ่อแค่ไปมีเมียน้อย เท่าที่รู้พ่อยังไม่ได้ตายนี่หว่า  ผมกลั้นใจพูดไปอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
"ปะ..ไป...ไปหาที่อื่นไป ที่นี่ไม่มีแฟนแกหรอก"
“มี...ชื่อ...กะ...เก”เสียงตอบค่อยมากจนผมแทบไม่ได้ยิน ผมได้ยินแต่เสียงแกรกกรากฟังไม่รู้เรื่อง
ผมก้าวเท้าเข้าใกล้บานประตูทีละนิด เพื่อฟังให้ชัดขึ้นทั้งกลัว ทั้งอยากรู้ ทั้งอยากเห็นหน้า
 "ชะ...ชื่ออะไรนะ? พูดดังๆซิ ไม่ได้ยิน”
พอผมใกล้บานประตูห่างเพียงสองก้าวเท่านั้น อยู่ๆร่างนั้นก็หันหน้ากลับมาแล้วตะโกนใส่หน้าผม
 "เกี๊ยง!!!”

ผมสะดุ้งตกใจจนหงายหลังลงไปนั่งกองกับพื้น หัวใจหายวาบตกไปอยู่ปลายเท้าหนาวยะเยือกไปทั้งตัว ก่อนที่เลือดจะสูบฉีดขึ้นหน้าอีกครั้งด้วยความโมโหเมื่อเห็นหน้าไอ้ผีบ้าตัวนั้นชัดๆ "ไอ้พี่หนุ่ยยย!!!”
ผมชี้หน้าพี่หนุ่ยคนที่ทำให้ผมต้องลงไปนั่งแอ้งแม้งอยู่กับพื้น แทนที่พี่หนุ่ยจะสำนึกผิดกลับยืนเท้าสะเอวหัวเราะอ้าปากกว้างขบขันที่แกล้งผมได้อย่างมีความสุข ผมรอเวลาให้พี่หนุ่ยรู้ว่าผมโกรธแล้วนะแต่รอเท่าไหร่พี่หนุ่ยก็ไม่หยุดเสียที ผมเลยลุกขึ้นแล้วเดินหันหลังกลับบ้าน
“ไอ้เตี้ย!มาเปิดประตูให้พี่ก่อนสิ อย่าเพิ่งเข้าไป...พี่ขอโทษ" ผมได้ยินเสียงตะโกนชัดเจนแต่ผมแค่หันหลังมามองหน้าคนกวนประสาทก่อนทำท่าจะเข้าบ้านอย่างไม่ไยดี
“เกี๊ยง... อย่างอนน่า รักดอกจึงหยอกเล่น ที่รักครับบบ..."
 พี่หนุ่ยยังตะโกนต่อ เสียงพี่หนุ่ยไม่ใช่ค่อยๆ คงมีคนอื่นได้ยินนอกเหนือไปจากผมด้วย ข้างบ้านผมเริ่มเปิดไฟ ชั้นบนบ้านผมก็เริ่มเปิดไฟ หรือแม่จะได้ยินด้วย ตายละหวา ผมตัดสินใจรีบหันกลับมาหาคนเจ้าเรื่องที่ยังยืนยิ้มอารมณ์ดีอยู่ที่ประตู ก่อนส่งเสียงดุ
“พี่หนุ่ย เงียบไปเลย หยุดส่งเสียงดังได้แล้ว ดึกแล้วนะ อยากให้เค้าได้ยินทั้งหมู่บ้านรึไง"
“เปิดประตูให้พี่สิ จะได้ไม่ต้องตะโกน ที่ร้ากกก..." พี่หนุ่ยหัวเราะกิ๊กกั๊ก ไม่รู้ขำอะไรนักหนา หรืออาจจะเมา
ปากผมบ่นแต่มือก็เปิดประตูให้ "มากันทำไมดึกขนาดนี้ โวยวายเสียงดังอีก"

พอเปิดประตูออกเท่านั้นเอง พี่หนุ่ยก็พุ่งตัวเข้ามากอดอย่างแรงจนผมเกือบล้ม พี่หนุ่ยซุกหน้าเข้ากับคอผมกลิ่นเหล้าโชยออกมาจากลมหายใจ  "กูว่าแล้วว่าต้องเมา" ผมแค่พึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่คนที่กอดผมแน่นกลับเขกหัวแล้วดุ
 "พูดไม่เพราะนะเรา"
“ก็พูดเรื่องจริงนี่ ไม่เมาไม่มีได้หลุดจากปากหรอก ที่ลักอะไรนั่นน่ะ"
“ที่รัก" พี่หนุ่ยกระดกลิ้นรัวตรงคำว่ารัก อ้อมกอดที่เอวผมขยับรัดแน่นขึ้น
"ต้องร.เรือ ไม่ใช่ล.ลิง นั่นมันลักขโมยแล้ว" ไม่รู้ไปอารมณ์ดีมาจากไหนหัวเราะร่วน สักพักพี่หนุ่ยผละออกจากคอผมก่อนประคองหน้าผมไว้แล้วมองตานิ่ง นัยน์ตาฉ่ำหวานด้วยฤทธิสุราแวววาวคล้ายจะยิ้มให้ผม 
“กลับบ้านเรานะ ทำไมทิ้งพี่มาอยู่นี่ล่ะ" 
น้ำเสียงพี่หนุ่ยอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อน แทนที่ผมจะดีใจที่พี่หนุ่ยเอ่ยคำหวานๆใส่ผมแบบนี้ แต่ทำไมผมกลับเจ็บจิ๊ดที่ใจ ผมข่มอารมณ์กดผลักความน้อยใจให้มันอยู่ลึกที่สุด ตอบพี่หนุ่ยโดยบอกความจริงไปไม่หมด
“อยู่บ้านก็อยู่คนเดียว มานอนเป็นเพื่อนแม่ดีกว่า"
พี่หนุ่ยรั้งตัวผมเข้ามากอดอีกครั้ง ลูบหลังลูบไหล่ "ทิ้งพี่มา พี่ก็นอนคนเดียวเหมือนกันนะ"
“ถึงผมอยู่ก็เหมือนไม่อยู่สำหรับพี่อยู่แล้ว"
“ใครว่า ถ้าเกี๊ยงอยู่ ถึงแม้พี่ไม่คุยด้วยพี่ก็ดีใจว่าเราอยู่ใกล้ๆนะ" ผมไม่แน่ใจว่าพี่หนุ่ยรับรู้การมีอยู่ของผมจริงอย่างที่ปากบอกรึเปล่า แต่ถึงแม้จะเป็นคำพูดลวงให้ผมดีใจ ผมก็อยากจะเชื่อทั้งหมด
“พี่รู้ว่าพี่ไม่ค่อยได้ใส่ใจเราเท่าไหร่ พี่ผิดเองที่ลืมตัวไปว่าเดี๋ยวนี้ชีวิตไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว ยังมีคนที่พี่ต้องคิดต้องแคร์ มีคนที่พี่ต้องดูแลความรู้สึก"
เสียงพี่หนุ่ยที่ลอยมาเข้าโสตประสาทของผมดังแผ่วเบาราวกับไม่ใช่ความจริง แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเสียงของคนที่มีผมอยู่ในวงแขน ปกติผมไม่ชอบดูละครเพราะเบื่อที่มีแต่บทพูดที่ไม่มีใครเขาพูดกันในชีวิตจริง บางครั้งคนเขียนบทก็เขียนมาเพื่อโน้มน้าวให้คนดูเชื่อว่าตัวแสดงรู้สึกต่อกันแบบนั้นจริงๆ แต่ในชีวิตจริงการกระทำต่างหากล่ะที่แสดงออกได้มากกว่าคำพูดใดๆ ผมไม่เคยรับเอาคำพูดของใครมาใส่เข้าไปในใจ แต่ตอนนี้เวลานี้ผมเชื่อพี่หนุ่ยทุกคำ ผมกระชับวงแขนของตัวเองรัดเอวพี่หนุ่ยแน่นขึ้น ขยับศีรษะเข้าซุกที่อก
“กลับบ้านเรานะเกี๊ยง"
“ครับ...”

"ใครมาเหรอเกี๊ยง" ในที่สุดแม่ก็ลงมาจนได้ผมรีบปล่อยมือจากเอวพี่หนุ่ย พี่หนุ่ยเองเปิดยิ้มอย่างอายๆรีบยกมือไหว้แม่พูดเสียงอ่อยๆ
“ผมเองครับ มารับเจ้าตัวแสบกลับ" แม่ยิ้มแล้วเหลือบมามองหน้าผมที่ยืนเกาหัวแก้เขินตีสีหน้าไม่ถูกก่อนเอ่ยคำที่ทำให้ผมเขินหนักกว่าเดิม
“มารับไปก็ดี บอกจะมานอนเป็นเพื่อนแม่ แต่มาถึงก็หน้าบูดหมกตัวอยู่แต่ในห้อง" ผมส่งค้อนให้แม่ที่เอาความลับเขามาเผยแต่แม่กลับขำ "แล้วหนุ่ยดูตอนนี้สิ พอพี่เค้ามารับหน้าบานอย่างกับดอกไม้ได้น้ำ"
“แม่อะ"ผมรีบเดินเข้าไปเขย่าแขนห้ามแม่ไม่ให้พูดต่อ แต่แม่กลับดันหลังผมให้ไปหาพี่หนุ่ย
“ไปเลย เดี๋ยวแม่ปิดประตูเอง"

 รถแล่นออกจากหน้าบ้านมาแล้วผมหันหลังไปดูแม่ที่ยืนโบกมือให้เราสองคนด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ ตั้งใจว่าวันหลังถ้าพี่หนุ่ยไม่อยู่หรือไปเที่ยวที่ไหนอีก ผมจะต้องมานอนกับแม่ให้สำเร็จให้ได้ แต่วันนี้ผมขอทำตามหัวใจตัวเองเป็นลูกอกตัญญูก่อน ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่หนุ่ย ริมฝีปากพี่หนุ่ยยังติดรอยยิ้มเล็กๆ พี่หนุ่ยอ้าปากหาวเสียกว้างแล้วเหลือบหันมาเห็นสายตาผมพอดี พี่หนุ่ยทำตาโตใส่แล้วหัวเราะแก้เขินหันกลับไปมองถนนต่อ ผมหัวเราะขึ้นมาบ้างแต่ไม่ได้พูดอะไร เสียงหัวเราะของเราประสานกันเหมือนเสียงดนตรี ความสุขโรยตัวอยู่ในใจอย่างเงียบๆ พี่หนุ่ยเอื้อมมือมากุมมือผมไว้ ผมก้มลงดูแล้วมองตรงไปข้างหน้าก่อนยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข ขอแค่มีวันแบบนี้ตลอดไป

ผมขอแค่นี้จริงๆ


หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 25-01-2012 20:40:39
หายไปนานมากกกกกกกกกกกก   เกือบลืมไปแล้วว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ฮ่าๆๆ   น้องเกี๊ยงน่ารัก พี่หนุ่ยอ่ะแย่ๆๆ ดูแลน้องเกี๊ยงหน่อยนะ    :z3:
คิดถึง ฝัน-ใหญ่ ด้วยยย :z2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 25-01-2012 21:38:24
อ๊ากกก กรี๊ดดดดดดดดด แล้วกระโดดกอดคอคนเขียน จุ๊บอีกหนึ่งที
ลากพี่ต่ายมาด้วยอ่ะ ดีใจๆๆๆ  :impress2:
อิพี่หนุ่ยนะ ต้องให้แฟนตัวอย่าง อย่างพี่ต่ายมาพูดให้ได้คิด ถึงรู้สึกตัวได้นะ
สงสารน้องเกี๊ยงตอนแรก แต่พออ่านจบโอเค หายโกรธพี่หนุ่ยละ 555
คราวหน้าพาฝันกับใหญ่มาทักทายกันบ้างนะพี่ คิดถึงคู่นี้เหมือนกัน ^^
ขอบคุณพี่ฟางค่ะ จะรอตอนพิเศษ ตอนต่อไปๆๆๆ นะจ๊ะ จุ๊บุๆ
 :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: ระริน ที่ 27-01-2012 14:35:15
ว้าววววว  มาต่อแล้ว เราพลาดไปได้ไงเนี่ย ชอบมากกกก  ค่ะ เป็นอีกเรื่องที่อยากให้ทำเป็นหนังสือ เราอ่านในเนตหลายรอบแล้ว ( ตอนนั้นยังไม่ได้สมัครสมาชิก ) รู้สึกเหมือนยังไม่จุใจ เพราะถ้าเป็นหนังสือเราพกไปอ่านที่ไหนก็ได้ นึกภาพสงสัยหนังสือต้องเยินแน่ๆ ฮ่า ฮ่า
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: whipcream ที่ 28-01-2012 14:18:00
 o13 อ่านรวดเดียวจบ ใจหายใจคว่ำทุกฉบับเลยอ่ะ สุดยอดงานเขียนคุณภาพจริงๆ สนุกมากมาย
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 31-01-2012 17:14:56
 มีคนอ่านแต่ไม่มีคนรีพลายเลย มันน่าน้อยใจจริงๆ ไปไหนกันหมดหนอ  :serius2:


ดันๆๆๆ อยากให้อ่านกันเยอะๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 01-02-2012 11:00:11
สงสารเกี๊ยงนะเนี่ย อิพี่หนุ่ยน่าตีจริงๆทำน้องเสียใจ ดีว่ายังคิดได้ ไม่งั้นจะให้น้องงอนหายไปเลย ไม่ใส่ใจดีนัก
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: Aimmie88 ที่ 30-05-2012 03:30:08
เรื่องน่ารักดีค่ะ
อ่านแล้วอารมณ์ดี
ชอบทั้งคู่หลักแล้วก็คู่รอง
อมยิ้มตลอดทั้งเรื่อง อิอิ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 01-06-2012 04:13:18
ชอบมากมายอะเรื่องนี้ ชอบทุกคู่เลย น่ารักดี
ดีใจมากๆที่เรื่องไม่จบเศร้า
อยากอ่านแบบนี้ อ่านแล้วทำให้น้ำตาไหล อิน กับตอนที่เศร้า ประทับใจ น้อยใจ
แต่ตอนจบมีความสุขสมหวัง แฮปปี้เอนด์ดิ้ง  :n1: เห้อชอบจังเลยเรื่องนี้ ไม่อยากให้จบเลย แงวแงวแอะแอะแงะแงะ
 
:L2: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:  :bye2: :bye2: :bye2: :bye2::L2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-06-2012 08:12:14
สนุกมากจ้า ชอบๆๆๆ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 07-06-2012 12:12:09
อยากอ่่าน พี่หนุ่ยกับเกี๊ยงอีกจังเลยยยยยยยยย


ชอบค่า :')
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: light_kung ที่ 10-06-2012 21:41:55
 :-[ อ่านแล้วมีความสุข ได้แง่คิด หลายๆคำ(คม)ก็ที่โดนใจจริงๆครับ  o13

อ่านแล้วก็ได้ย้อนมองตัวเอง "สุขทุกข์ มันอยู่ ใจเรา จริงๆ ว่าเราเลือกที่จะมองมันจากมุมไหน"

ยังไงก็ขอเป็น กำลังใจให้ทั้ง คนแต่ง :L2:&คนโพส :L2:

 :pig4:ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆ o13 มาให้ผมได้ร่วมทราบซึ้งด้วย :กอด1:

ปล. คิดถึง :กอด1: <ฝัน-ใหญ่><หนุ่ย-เกี๊ยง>
และทุกๆคู่ทุกๆคนที่มีความรัก :L1: ก็ขอให้รักกันนานๆรักกันตลอดไปนะครับ.... :call:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: watermoonj ที่ 12-06-2012 19:38:44
อ่านทันแล้วววว

เพิ่งเห็นเลยเพิ่งอ่าน งานเขียนของคุณ M@nfaNG ฝีมือก้าวหน้าจากเรื่องแรกที่เคยอ่านเยอะมากเลย อ่านแล้วรู้สึกสมจริงหยั่งกะคุณ M@nfaNG เขียนจากประสบการณ์ชีวิตตัวเอง คือ บรรยายได้เข้าถึงความรู้สึกมาก ไม่ว่าจะเป็นที่เนื้อหา หรือคำพูด ทุกอย่างช่างแลลึกซึ้ง และล้ำลึก ไม่ต้องเน้นคำพูดสวยหรู หรือเน้นปรัชญา แต่อ่านแล้วต้องเห็นด้วยว่าใช่ เจอ่านตามทุกตัวอักษรเลยนะ

อืมม ปกติเจไม่ค่อยอินกับพวกสาระการใช้ชีวิตที่อยู่ในนิยายนะ มีไม่กี่เรื่องที่เขียนถ่ายทอดได้ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแนวเรื่องเล่า แต่ก็ใช่ว่าเรื่องนี้จะเน้นชีวิตจนอ่านหนักๆ ทีไหนได้สนุก และมีเสน่ห์น่าติดตาม ชอบจังที่เรื่องถ่ายทอดจากมุมมองของฝ่ายชาย(รุก) ในมุมกลับ เป็นครั้งแรกที่อ่านนิยายแล้วรู้สึกถึงความรักอันมากมายของฝ่ายนายเอก ทั้งที่ในเรื่องแทบไม่มีมุมมองของใหญ่ให้อ่าน พอมานั่งคิดถึงเพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยมีนิยายเรื่องไหนที่อ่านแล้วรู้สึกประมาณนี้ ไม่รู้คุณ M@nfaNG จะอ่านแล้วงงในคำพูดเจมั้ยนะ คือปกติเจชอบอ่านเรื่องในมุมของฝ่ายรับ เพราะอยากชอบพระเอกคลั่งรัก เรื่องนี้ให้ความรู้สึกของนายเอกคลั่งรัก (ถึงฝ่ายพระเอกก็ไม่ยิ่งหย่อนกันก็เหอะ) ซึ่งมันจับจิตจับใจเจมากเลย อ่านแล้วมีความสุข  :m2:

ขอบคุณคุณM@nfaNG มากนะคะที่เขียนเรื่องอันสุดยอดนี้ให้เจได้มีโอกาสอ่าน และขอขอบคุณคุณ คิคิคุคุ...zzZ ที่นำมาโพส  ขอมอบ + ให้ทั้งคู่เป็นกำลังใจให้ แล้วเจจะไม่พลาดแวะเวียนมาเช็คอัพเดทบ่อยๆ  :กอด1: 

ปล...ตอนล่าสุดมีพี่ต่ายกับโอมมาประกอบฉากด้วย อ่านแล้วคิดถึงขึ้นมาเลย ...
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: To_Feel ที่ 25-08-2012 22:04:34
ชอบๆ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: To_Feel ที่ 26-08-2012 10:12:41
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 29-08-2012 13:03:40
ชอบตอนเขียนจดหมายมากๆเลยครับ มันสื่อความหมายได้ทุกตัวอักษรจริงๆ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 20-10-2012 19:39:21
กลับมาอ่านกี่ครั้งก็ยังอินได้ทุกครั้งจริงๆ ค่ะ (ได้อ่านตอนพิเศษที่พลาดไป และกรี้ดที่พี่ต่ายมาแจมมากๆ)
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 22-01-2013 10:47:02
คิดถุงคนอ่าน :กอด1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: cutybuay ที่ 22-01-2013 18:54:01
 :z13: คนเขียน
เพิ่งเข้ามา ขอตามไปอ่านตั้งแต่แรกก่อนนะ แล้วจะมาเม้นท์ให้  :m18:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 22-01-2013 22:24:06
คิดถุงคนอ่าน :กอด1:

คิดถึงคนเขียน ^___^

 :impress2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: wottisit ที่ 24-01-2013 05:02:29
อ่านจบแล้วครับ ชอบมากเลยครับผม ชอบทุกคนในเรื่อง ขอบคุณครับผม o13 o13
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 28-02-2013 12:49:47
สนุกมากค่ะ อ่านตั้งแต่บอร์ดนู้นนนน (ของอินุน่ะ) ยันมาบอร์ดนี้ เพิ่งอ่านจบก็ตอนนี้555
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 14-07-2013 11:05:35

ชอบเรื่องนี้มาก ๆ สนุก ซึ้ง ดี

หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: kinly ที่ 15-08-2013 03:16:38
ขอบคุณครับ ที่เขียนให้อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 16-08-2013 13:44:17
ขอบคุณที่เขียนให้อ่าน เพลินเลย
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 11-03-2014 15:17:01
 :L2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 26-06-2014 23:38:12
ชอบเรื่องนี้มากครับ สนุกมากกกก สมจริง ซึ้ง และประทับใจ ยกให้เป็นเรื่องสนุกเด่นๆเลยละ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 30-08-2014 18:45:44
ขอบคุณนะคะ เรื่องน่ารักดีเขียนจดหมายหากันมันก็โรแมนติกดี
ชอบคนที่รักครอบครัวดูอบอุ่นน่ารักดีค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: M@5teR I[K][K]I ที่ 21-11-2014 22:07:16
ป๋มชอบเรื่องนี้นะงับ

สัมผัสกับความเหงา ระยะทาง และความผูกพัน

ไม่รู้สึกดึงให้ไปอยู่ในโลกของจินตนาการ และมีความโรแมนติกแบบเป็นเอกลักษณ์ด้วย

จดหมายเมื่อส่งแล้ว จะอยู่กับผู้รับทั้ง ความคิด ลายมือ รวมถึงความคนึงหาในการรอคอย

ป๋มชอบการโต้ตอบของ "ฝัน" มาก  ไม่เยิ้นเย้อ มาปฏิสัมพันธ์กับใหญ่แบบฉลาด

ทำให้บุคลิกคนตรง ดูไม่กระด้าง ถ้าเจอคนแบบ ฝัน ใครก็คงรัก (แต่ต้องใช้เวลาเหมือนใหญ่)

เพราะ ฝันไม่ใช่พวกชอบทำขนมครก หยอดบ่อยเกิน พร่ำเพรื่อ (จึงเป็นสาเหตุให้ ป๋มรู้สึกไม่ชอบตาหนุ่ย ดูเหมือนพ่อพวงมาลัย)

/ ปล.ตามเข้ามา +1 แล้วนะงับ  เหมือนได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของการรักและการดูแลให้กำลังใจคนไกลเลย

 o13
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: veeveevivien ที่ 17-08-2015 21:40:27

เพิ่งมีโอกาศได้อ่านเรื่องนี้  และรู้สึกดีใจมากที่ได้อ่าน

10/10 ค่ะ สำหรับเรื่องนี้ หวาน ละมุน เศร้าแต่ซึ้ง ชอบมากกค่ะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 23-08-2015 03:18:16
อ่านเรื่องนี้เพราะชอบจดหมายค่ะ เรน่าต้องมาอยู่ไกลบ้านตั้งแต่มัธยม ตอนนั้นก็เขียนจดหมายเอาเหมือนกัน // ชอบตอนรับปริญญาของฝันกับใหญ่ แล้วน้องเกี๊ยง(ที่ตอนนั้นเป็นตากล้องให้)เอารูปมาให้ดู อธิบายได้เห็นภาพชัดเจนดี บางทีรูปก็อธิบายอะไรได้มากมายกว่าคำพูด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 21-10-2015 23:23:58
มีทั้ง  :mew1:  :impress2:  :กอด1: มีทั้งเศร้ามีทั้งเหงา มีทั้งเค้าน้ำตาไหล
กว่าจะได้รักที่ลงตัวกว่าจะรักกันได้มีหลายอย่างผ่านเข้ามาในชีวิตจริงๆ นี่แหละนะ ชีวิตจริงของคนเรา
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-03-2016 23:09:14
ได้มาอ่านเรื่องนี้หลังจากแต่งจบไปหลายปีแล้ว

คุณฟางพาเราเดินทางร่วมไปกับฝัน ใหญ่ หนุ่ย เกี๊ยง ได้อย่างน่าติดตาม

เราอ่านไปด้วยความรู้สึกว่า นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้จริง ๆ เป็นเรื่องราวรักธรรมดาที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้
ดีใจที่ได้เห็นการพัฒนาการของทุก ๆ ตัวละคร ของทุก ๆ ความรัก

แล้วยังได้ระลึกกลับไปด้วยว่า ณ ช่วงเวลาที่คุณฟางเขียนเรื่องราวนี้ บ้านเมืองเราต้องบาดเจ็บจากความแตกแยกแค่ไหน

ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวที่ดีอย่างนี้มาแบ่งปันกันนะ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-03-2016 01:56:27
มันดีมากๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 21-12-2020 10:07:33
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 27-12-2020 21:02:50
 :pig4: :pig4: :pig4: