(ตอนที่๔๗)
“แล้วพวกมึงจะทำยังไงต่อไป” ไอ้หนุ่ยมันถามพวกผม เมื่อใหญ่เล่าให้ฟังเรื่องพ่อจับได้ว่ามันลงมาหาผม
ผมมองใหญ่ที่มีสีหน้ากังวลแล้วกุมมือมันไว้ ผมตอบคำถามหนุ่ยไม่ถูก ผมรู้สึกได้เลยว่าภาวะผู้นำในตัวผมมันหายไปหมด ผมกลายเป็นผู้ตามไปโดยไม่รู้ตัว “ใหญ่ว่าไง?”
ใหญ่พูดเสียงเหนื่อยๆ “กูกลับไปจะไปคุยกับพ่อให้รู้เรื่องเสียที กูเครียดเหมือนกัน อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิดนะฝัน”
ผมพยักหน้าแล้วโอบไหล่มันไว้เหมือนปลอบ แต่ที่จริงผมควรปลอบใจตัวเองด้วยมากกว่า “กูจะกลับไปกับมึงด้วย กูไม่ปล่อยมึงไปสู้คนเดียวหรอก” แต่ใหญ่ส่ายหัวเหมือนไม่ยอมให้ผมไป
“มึงอย่าไปดีกว่า เดี๋ยวพ่อจะยิ่งโกรธกว่าเดิม”
“กูจะไป กูปล่อยให้มึงสู้ปัญหาคนเดียวนานมากเกินไปแล้ว” คิดแล้วก็น่าโมโหตัวเอง ผมมันแย่จริงๆ ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลยได้แต่รอคอยอยู่ทางนี้อย่างเดียวจริงๆ
“แต่...”
“ใหญ่ให้มันไปเถอะ” เสียงพูดจริงจังของไอ้หนุ่ยแทรกขึ้นมา “พี่อยากให้เราเผชิญหน้ากับพ่อตรงๆทั้งคู่ เรื่องมันจะออกมาเป็นยังไง เราสองคนโตแล้วก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ถ้าจะต้องเลิกกัน หรือต้องตัดพ่อตัดลูก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเราก็ต้องเจอมันอยู่ดี เราต้องสู้กับปัญหาสิ”
“มึงพูดเคสเลวร้ายสุดๆทั้งนั้นเลยเหรอวะ มึงไม่มีทางเลือกดีๆให้พวกกูมั่งเลยรึไง ไอ้หนุ่ย” ผมเริ่มไม่แน่ใจว่ามันให้กำลังใจพวกผม หรือกระทืบซ้ำให้พวกผมจมดิน ไอ้หนุ่ยหัวเราะแล้วตอบว่า
“เอ๊า...ก็กูยืนอยู่บนความจริง พวกมึงก็ต้องอยู่ตรงนั้น มึงจะลอยตัวอยู่บนความฝันไปได้นานแค่ไหน” ไอ้หนุ่ยเปลี่ยนสรรพนามจากพี่กับเรา มาเป็นกูกับมึงแล้วครับ ฮ่าๆ ผมกะแล้วว่ามันจะพูดสุภาพได้นานแค่ไหนกัน
“เราไม่ได้ฝันนะพี่” ใหญ่พูดขัดขึ้นมาเสียงอ่อนๆ
“ก็นั่นแหละไม่ฝันก็เหมือนฝัน ลวงตาตัวเองไปเรื่อยๆ กูถามพวกมึงคำถามหนึ่ง มีใครมั้ยที่เค้าฝันยาวไปเลยไม่ยอมตื่น” ฟังแล้วพวกผมก็เงียบกันไป มันถามบ้าอะไรวะ
ไอ้หนุ่ยยิ้มเยาะ “ถ้ามีก็คือคนที่ตื่นมาเล่าให้มึงฟังไม่ได้ ไอ้พวกที่ตายไปแล้วไง ฝันมึงอย่ามาทำหน้าไม่เข้าใจ” มันมีหน้ามาบอกผมอีกว่าผมทำหน้าโง่ ก็ผมไม่เข้าใจจริงๆนี่หว่า
“พวกกูไม่ใช่ไม่ยอมรับความจริงนะ เพียงแต่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป กูเองก็ไม่อยากให้พ่อใหญ่ไม่สบายใจ”
“งั้นกูถามมึงอีกคำถาม มึงปล่อยให้คาราคาซังแบบนี้ มึงมีความสุขเหรอ” ผมเบื่อไอ้หนุ่ยจริงๆ ถ้ามันเป็นหมอมันก็คงเป็นประเภทที่ว่า คนไข้เป็นมะเร็งมันก็คงบอกความจริงเค้าไปเลย ไม่สนใจว่าจิตใจเค้าแข็งแรงพร้อมที่จะรับฟังความจริงรึเปล่า
“เออๆ กูรู้แล้วมึงไม่ต้องพูดต่อแล้ว กูถึงตัดสินใจจะไปเชียงใหม่กับใหญ่อยู่นี่ไง”
“แต่กู...ไม่อยากให้มึงไป”
“ใหญ่อย่าดื้อ เชื่อกู...เอ๊ยเชื่อพี่” ไอ้หนุ่ยยัดแก้วเหล้าใส่มือใหญ่ มันทำหน้าลังเลก่อนกระดกไปจนหมดแก้ว
“เฮ้ย...ดื่มไปทำไมไวนักเดี๋ยวก็เมาหรอก” ผมไม่อยากให้มันดื่มมากมายเลย ไอ้หนุ่ยจะมาพาเพื่อนผมเสียคนแค่เจอกันไม่กี่ครั้งนี่นะ
“ไอ้หนุ่ยมึงอย่ามามอมเหล้าแฟนกู…อุ๊ปส์...เจ็บอ่า”ใหญ่มันกระทืบเท้าผมครับ “เหยียบกูทำไม เจ็บนะ” ใหญ่มันหน้าแดงแต่ทำตาขมึงใส่ผม
“มึงพูดบ้าอะไร ไม่อายพี่เค้าบ้าง” ใหญ่ชายตามาที่ไอ้หนุ่ยที่มองพวกผมอยู่ เจือกยิ้มอีกต่างหาก
“อายทำไม เพื่อนกันใช่ปะพี่” ผมพยักพเยิดหน้ากับไอ้หนุ่ย แต่มันดันหัวเราะ ไม่รู้ขำอะไรนักหนา
“พอแฟนมา ก็มาเรียกกูพี่ พอแฟนกลับกูก็เป็นไอ้เชี่ยหนุ่ยเหมือนเดิม ปากดีนะมึง กลัวแฟนก็ไม่บอก หึหึ” ใหญ่หัวเราะขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นไอ้หนุ่ยด่าผม ทำเอาผมคิดคำด่าตอบไม่ทัน มันก็ยังคงเป็นมันจริงๆครับทำเอาผมลืมเรื่องเครียดๆที่คุยก่อนหน้านี้ไปเลย
“ดีพี่ ไม่เจอกันนานหล่อเหี้...กว่าเดิมอีกนะเนี่ย” ผมแทบจะลุกขึ้นไปเอาหล้าสาดหน้ามัน ใครวะมาแกว่งปากหารองเท้าแบบนี้
“ใครวะ” ผมยังหันไปไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร ไอ้เจ้าของเสียงนั่นมันก็แถมานั่งข้างผมทันทีเลยครับแถมโอบไหล่ผมเหมือนเป็นเพื่อนมันอีกต่างหาก “หวัดดีเพ่ฝัน เฮียใหญ่ แหมๆๆ มาเป็นคู่เลยนะ”
ปากปีจอแบบนี้ที่ผมรู้จักก็มีมันนี่ล่ะครับ “ไอ้เกี๊ยง ไอ้น้องwell มาไงวะ” ผมตบหัวทักทายมันไปที แต่คงไม่ช่วยให้ปากหมากระเด็นออกไปจากมันได้ มันคงยังเห่า เอ๊ย...พูดต่อ
“ไม่ฉลาดอีกแล้วเพ่ฝัน ก็นั่งรถมาสิ จะให้ผมเดินมารึไง โว้วว...ไม่เจอกันตั้งนาน สมองไม่เห็นพัฒนาเลย บอกแล้วให้กินโอเมก้า3เยอะๆ ไม่เชื่อน้องแล้วเป็นไง วู้ววว...ไม่ไหวๆ”
ผมอยากจะลุกไปกระทืบมันก็เกรงใจเพื่อน เกรงใจแฟน ได้แต่นึกเสียใจ “ทำไมกูมีน้องปากหมายังงี้วะ ไม่เจอมึงตั้งนานปากหมาขั้นเทพเลยนะมึง”
มันยกมือไหว้ผมด้วยความเคารพ “ขอบคุณครับพี่ที่ชม” แถมด้วยยิ้มกว้างมาให้ผม ผมถึงไม่เคยโกรธมันเลยครับ ผมกับมันชาติก่อนคงเป็นหมาร่วมคลอกเดียวกันมา เจอกันทีไรเลยเหมือนเจอพี่น้องต้องเห่าทักทายกันเกรียว
“มึงมากับใคร? ไม่ต้องไปนั่งกับเค้าเหรอ?” ผมไม่ทันมองว่าตอนมันเข้ามามีกี่คนแต่ดูแล้วมันคงไม่จากพวกผมไปง่ายๆ
ไอ้เกี๊ยงโบกมือ “ไม่ต้องห่วง ผมมากับเพื่อนแต่เพื่อนเจอบ่อยแล้ว มานั่งกับพี่ดีกว่า นั่งกับพี่มีเหล้าฟรีกินด้วย นั่งกับเพื่อนมีแต่หารเท่าไม่ไหวๆ” มันเป็นคนตรงดีครับ จริงใจจนน่าเหยียบ
ไอ้เกี๊ยงมันตบไหล่ผมเบาๆ “พี่เป็นไง สบายดีเหรอ? ” เจอท่าทางกับคำถามน้องเกี๊ยงเข้าไป ไอ้หนุ่ยกับใหญ่ก็เอาแต่นั่งกลั้นยิ้ม ผมข่มใจไม่ให้โกรธตอบมันอย่างปลงๆ
“ครับพี่ผมสบายดี แล้วพี่เกี๊ยงล่ะครับ ชีวิตเจริญดีรึเปล่า” ปากหมาขนาดนี้ไปทำงานที่ไหนไม่ได้รุมตีนเป็นที่ระลึกกลับบ้านก็แปลกแล้ว
“ดับนี้แล้วพี่ฝัน เก่งๆอย่างผมไปไหนก็รุ่ง...แหะๆ รุ่งริ่ง”มันเกาหัวทำหน้าแหยๆ
ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า ตบไหล่ปลอบมันไปสอนมันว่า “เช้าๆ ก่อนออกไปทำงานมึงก็หัดล้างหมาออกจากปากมั่งสิวะ ใครจะใจดีเหมือนกู ทนปากมึงได้ ใครหัวใครก้อยน่ะหัดรู้ซะบ้าง”
“อะไรหัวก้อย พูดอะไร คนแก่นี่พูดอะไรเข้าใจยากนะ เดี๋ยวก่อนพี่ฝัน ผมลืมคุยกับเฮียใหญ่เลย เฮียเป็นไรนั่งหน้าแดงอยู่ได้ เขินพี่ฝัน หรือเมากันแน่” ฟังมันครับมาลามปามที่รักและเคารพของผมได้ยังไง
“เดี๋ยวเหอะมึง กูไม่ใจดีเหมือนฝันมันนะเว้ย” ไอ้ใหญ่เขกกะโหลกน้องเกี๊ยงไปทีก่อนแยกเขี้ยวใส่
น้องเกี๊ยงยกมือไหว้ปลกๆ “กลัวแล้วคร๊าบบบเฮีย...” ก่อนหันมาฟ้องผม “แฟนพี่ดุจัง พี่มิกลัวแย่เหรอ”
ผมก็ขำนะครับแต่หันไปมองใหญ่มันหน้าแดงกว่าเดิมอีก ผมเลยต้องตบหัวลงโทษไอ้น้องเกี๊ยงที่มาทำให้ใหญ่มันอายบ้าง เดี๋ยวเค้าจะว่าไม่ปกป้องแฟน
“นี่มึงกวนตีนกูคนเดียวพอ อย่าไปยุ่งกับเค้า เดี๋ยวเจอดีนะมึง”
“พี่ฝันอ่า อยู่เผ่านี้ก็ไม่บอก ไม่ยุ่งก็ได้ พวกเผ่าเกลียมัวนี่” พูดจบมันนกรู้ครับ วิ่งหนีฝ่าเท้าที่ผมยกขึ้นมาทันที เข้าไปยืนหลบข้างหลังไอ้หนุ่ยเกาะเอวมันไว้ ทำเอาไอ้หนุ่ยสะดุ้งโวยขึ้นมา
“มึงอย่ามายุ่งกะกู” ไอ้เกี๊ยงถึงชะโงกหน้ามาดูว่ามันไปลวนลามใครอยู่
“อ้าว พี่เป็นใครอะ? มาอยู่นี่ได้ไง”
“กูอยู่มาตั้งนานแล้ว มึงสายตาเอียงรึเปล่ามองไม่เห็น”
“เปล่าผมแค่สายตาสั้น แต่ยังไม่ได้ตัดแว่นเท่านั้นเอง”
ไอ้หนุ่ยกับน้องเกี๊ยงมันแปลกคนครับ คุยต่อปากต่อคำกันอย่างสนิทสนม สองคนคุยกันไปมาจนผมกับใหญ่นั่งฟังแล้วหัวเราะอยู่นาน จนผมทนไม่ไหวต้องถามแทรกพวกมันขึ้นมาอย่างสงสัย
“เฮ้ยๆ กูถามหน่อยดิ พวกมึงรู้จักกันมาก่อนเหรอ” ทั้งสองคนหยุดคุยกันทันที ส่ายหน้าแล้วหันมาประสานเสียงบอกผมพร้อมๆ กันเป็นกอล์ฟไมค์
“เปล่า..น้อง/พี่ ชื่ออะไร?”
ผมกับไอ้ใหญ่หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน “เออ ดี คุยกันไปเลยมึง พอกัน” หลังจากนั้นวงสนทนาก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ไม่มีใครพูดเรื่องเครียดๆอีกต่อไป ท่าทางไอ้หนุ่ยจะถูกอกถูกใจน้องเกี๊ยงมากจนจะชวนไปทำงานด้วย ผมต้องเตือนมันไว้ก่อน
“ใคร่ครวญให้ดีนะมึง เอาน้องกูไปทำงานด้วยมึงจะเมื่อยปากด่ามัน เมื่อยมือตบหัวมันทั้งวัน”
น้องเกี๊ยงรีบวิ่งเข้ามาเลียขา เอ๊ยประจบผมทันที “พี่ฝันอ่า ให้เครดิตน้องหน่อยดิ ผมปากหมาแต่ฝีมือไม่หมานะ ขั้นเทพเลยนะพี่ ไม่เชื่อถามเฮียใหญ่สิ ยังโทรมาหาผมขอรูปรับปริญญาของพี่ให้ผมอัดเพิ่มเลย”
คราวนี้ไอ้ใหญ่ร้องเฮ้ย! ออกมาดังๆ วิ่งเข้ามาปิดปากไอ้เกี๊ยงอย่างอายๆหน้าแดงก่ำ “บอกเค้าทำไม”
“อ้ออนอันเอง...อายไออ่า..เอีย...อ๋ายใอไอ้ออก...” มันพูดอะไรไม่รู้ครับแต่ดูหน้าเขียวๆเหมือนคนจะขาดใจผมต้องรีบแกะมือใหญ่ออก
“เดี๋ยวมันตาย ปล่อยน้องมันไปเหอะ” ไอ้ใหญ่ตบหัวมันไปอีกทีแล้วหันไปหาไอ้หนุ่ย “พี่หนุ่ยอย่าเอามันไปทำงาน มันกวนตีน”
คราวนี้น้องเกี๊ยงตาละห้อยวิ่งเข้าไปกราบที่อกไอ้ใหญ่ “เฮียคร๊าบบ ผมขอโต๊ด ลูกช้างผิดไปแล้ว อย่าโกรธผมเลยน้า เห็นแก่เด็กตาดำๆหน้าหล่อๆคนนี้เถอะ” ไอ้เกี๊ยงเอาหน้าไปเกลือกกลิ้งที่อกไอ้ใหญ่ผมต้องรีบดึงมันออกมา ผมยังไม่เคยทำแบบนี้เลย มันบังอาจมาทำได้ยังไง
“เฮ้ย..แฟนกู”
คราวนี้มันออกมายืนทำหน้าเบ้อยู่ห่างๆ “ฮือๆ ใครๆก็ไม่รัก เป็นพี่ไรวะไม่รักน้องเลย” ไอ้หนุ่ยที่นั่งหัวเราะอยู่นานกวักมือเรียกมันมานั่งข้างๆ
“มึงมานี่ เจือกไปยุ่งกะแฟนเค้าทำไม มาทำงานกับกู กูจะได้ลับปากลับสมอง แต่ผลงานมึงต้องดีนะ ไม่งั้นทำงานกับกูไม่ได้”
“เฮียหนุ่ยน่าร้ากที่สุดเลย ผมไม่ยุ่งกับพวกพี่แล้ว...”
พวกเราทั้งคุยทั้งดื่มกันอย่างสนุกสนานครับ กว่าเราจะกลับกันไอ้ใหญ่ก็เมาจนหน้าแดงฟุบหลับไปกับโต๊ะ ดีที่ผมดึงๆมันไว้ไม่ให้ดื่มมากนัก ไอ้เกี๊ยงเองก็หงายหลังหลับครอกไปแล้ว ตัวผมเองกลับไม่ได้ดื่มมากเท่าไหร่เพราะปากไม่ว่างมัวแต่ปะทะคารมกับไอ้หนุ่ยกับน้องเกี๊ยง ผมถึงยังเป็นคนขับรถกลับบ้านได้ ยังไงเมาผมก็ไม่ขับอยู่แล้วครับ ก่อนที่เราจะกลับไอ้หนุ่ยที่มึนๆ ยังไม่ถึงกับเมาบอกกับผมอย่างจริงจังว่า
“มึงไปคุยกับพ่อใหญ่ตรงๆเถอะ กูอยากให้มึงพูดจากันแบบเหตุผล พ่อเค้าจะว่ายังไงก็ตาม สุดท้ายแล้วมึงให้ใหญ่เค้าตัดสินใจเองนะไม่ต้องไปคิดแทนเค้า ไม่ต้องคิดเสียสละความรักของตัวเองเพื่อใครด้วย ถ้ามันจะต้องมีคนที่เจ็บหรือเสียใจจากเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามมันก็เลี่ยงไม่ได้ กูก็ได้แต่เอาใจช่วยมึง ทุกอย่างขึ้นกับตัวมึง ใหญ่แล้วก็พ่อเค้า ”
“อืม ขอบใจหนุ่ย กูเตรียมใจไว้แล้ว ไม่ว่าใหญ่จะตัดสินใจยังไง กูก็จะยอมรับด้วยความเต็มใจ”
พี่หนุ่ยยื่นมือมาให้ผม เราจับมือกันอย่างลูกผู้ชาย “กูจะเผชิญกับปัญหาอย่างที่มึงบอก กูสัญญา”
“ดี เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวกูไปส่งไอ้เกี๊ยงเอง มึงบอกบ้านมันมาว่าอยู่ไหน”
“มึงพาน้องกูกลับดีๆล่ะ มันปากหมาแต่มันก็นิสัยดีนะเว้ย ฝากมันด้วยนะ” ผมบอกไอ้หนุ่ยขณะที่เราต่างคนพยุงใหญ่กับน้องเกี๊ยงที่เมาจนเดินไม่ไหวกลับบ้าน
“เออน่า กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับมัน กูยังชอบผู้หญิงอยู่ หึหึ”
“หึหึ กูหมายถึงเรื่องงานเว้ย ฝากมันด้วย”
“เออน่า รู้แล้ว”
รถของเราสองคนแยกจากกันไปคนละทางนานแล้ว แต่คำพูดของไอ้หนุ่ยก็ยังวนเวียนอยู่ในความคิดผม สุดท้ายผมก็สรุปกับตัวเองว่า ‘ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่ว่ายังไงกูก็ยังรักมึงตลอดไป ไอ้ใหญ่’ คิดถึงเรื่องที่น้องเกี๊ยงเล่าว่าใหญ่ให้อัดรูปผมให้เพิ่มแล้วก็ต้องยิ้มกับตัวเองด้วยความสุข ผมหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ ใหญ่เมาหลับสนิทไม่รู้สึกตัวเลย ใบหน้าของคนนอนหลับดูช่างมีความสุขไม่เคร่งเครียดกังวลอยู่เสมอเหมือนยามตื่น เมื่อก่อนใหญ่เป็นคนสบายๆยิ้มได้ตลอดไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร แต่หลังจากที่มันไปอยู่เชียงใหม่มันก็เคร่งขรึมขึ้นไปทุกที ผมไม่รู้ว่าหลังจากที่เราไปคุยกับพ่อกันตรงๆแล้ว ต่อไปใหญ่จะเป็นยังไง ผมได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างลงเอยด้วยดี
เมื่อมาถึงบ้านใหญ่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมต้องพยุงมันเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล ผมพาใหญ่ไปนอนที่เตียง ดูแล้วใหญ่ทำท่าจะนอนหลับยาวไม่ยอมตื่นง่ายๆ ผมพลิกตัวใหญ่ให้หันหน้ามา ผมนั่งมองใหญ่อยู่สักพักอย่างมีความสุข ใบหน้าของใหญ่เป็นสีชมพูระเรื่อไปด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ดูน่ารักไปอีกแบบ ผมเอามือลูบแก้มมันเล่นก็ไม่ตื่น แกล้งหยิกแก้มแรงๆก็ยังไม่ตื่น ผมเริ่มสนุกกับการแกล้งเลยเขย่าตัวมันแรงๆหวังจะให้ตื่น “ใหญ่ ๆ ตื่นไปอาบน้ำ”
“อื้อ อย่าแกล้งสิ กูง่วงอ่า...มาวด้วย...ขอไม่อาบนะครับ”ใหญ่มองผมตาเชื่อม ทำเสียงอ้อนขนาดนี้ ผมก้มตัวลงไปหอมแก้มใหญ่แรงๆ
“ไม่ตื่นเหรอ ตัวเหม็นเหล้าจัง ไปอาบหน่อยนะ กูอาบให้ก็ได้” ผมพูดเสียงเบาๆ รู้สึกอบอุ่นใจดีครับที่ได้มีโอกาสดูแลกัน
“ไม่เอาอะ กูง่วง เมา ไม่อยากลุก”
ใหญ่มันนอนบิดตัวไปมา ตาปรือยิ้มแล้วหลับๆตื่นๆ มันช่างยั่วใจผมอย่างบอกไม่ถูก จนผมต้องก้มลงสัมผัสริมฝีปากมันอย่างห้ามใจไม่อยู่ รสสัมผัสทั้งหวานและขมปร่าไปด้วยรสเหล้าแต่มันก็รู้สึกดีจนอยากจะไม่อยากจะหยุด ใหญ่สนองตอบด้วยการเอามือโอบรอบคอผม ใหญ่จูบตอบผมอย่างนุ่มนวลแต่ยังไม่ยอมลืมตา ผมไม่อยากจะผละจากมันไปไหนแล้วครับ
“ตกลงจะอาบน้ำมั้ย” ผมถามใหญ่หลังจากที่ใหญ่ทำท่าจะหลับไปอีกครั้งหลังจากจูบอันยาวนานของเรา แต่ใหญ่ก็ยังนิ่งเงียบไม่ตอบ
“ไม่ตื่นก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เดี๋ยวกูเช็ดหน้าให้ จะได้นอนสบายๆ” ไม่มีคำตอบอีกเช่นเคย ใหญ่คงหลับไปแล้วจริงๆ หลังจากมอบจูบให้ผมมาแล้วพลังก็คงหมดไปพอดี ผมเข้าไปอาบน้ำให้เรียบร้อยถึงเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดหน้าให้ใหญ่และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ผมอยากจะมีโอกาสทำแบบนี้บ่อยๆแต่ก็ไม่รู้อนาคตเลยว่าจะทำได้แค่ไหน ก่อนที่ผมจะล้มตัวลงนอนข้างๆมัน ผมให้กำลังใจตัวเองว่า พรุ่งนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน ผมคิดแบบนั้น
“ฝันๆ ตื่นรึยังลูก” เสียงแม่เรียกผมแต่เช้า ผมงัวเงียมองออกไปข้างนอกยังมืดอยู่ดูนาฬิกาเพิ่ง6โมงเช้า ไม่รู้ว่าแม่มีเรื่องอะไร หรือว่าแม่ไม่สบาย ผมรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เปิดประตูถามแม่ด้วยเสียงตื่นตกใจ “แม่เป็นอะไรรึเปล่า?”
แม่ส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร” แต่สีหน้าแม่ดูวิตกกังวล แม่พูดต่อโดยที่ผมไม่ยังถามต่อว่า “คุณพ่อของใหญ่มา”
“...พ่อใหญ่มา”
ผมทวนคำที่แม่พูดแล้วตกใจจนพูดต่อไม่ออก หันไปมองใหญ่ที่ยังหลับสนิทอยู่ แล้วตัดสินใจอะไรบางอย่างหันไปบอกแม่ว่า “เดี๋ยวผมลงไปครับ”
ผมเอื้อมมือไปจับมือแม่มากุมไว้ ฝ่ามือผมเย็นเฉียบทั้งที่อากาศก็ไม่หนาว แต่เมื่อสัมผัสกับความอบอุ่นจากมือแม่ผมกลับรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด “แม่อยู่ข้างๆผมนะครับ”
แม่พยักหน้า แววตาอันปรานีของแม่ที่มองตอบกลับมาทำให้ผมเชื่อมั่นมากขึ้นไปอีก แม่บอกผมว่า
“วางใจเถอะฝัน ทุกอย่างจะต้องดี”
****************
มาแล้วค่ะ น้องเกี๊ยง 555+ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
