มาแล้วค่าก่อนจะหายไปอีก อิอิ อ่านกันก่อนเลยค่ะ
****************************
(ตอนที่ ๔๔)
ผมเดินตามใหญ่ขึ้นบ้านไปอย่างเซ็งๆ หงุดหงิดในหัวใจแต่ก็ไม่กล้าพูด พอจะเข้าใจเหตุผลที่ใหญ่ต้องพาทั้งหลานและครูน้ำติดสอยห้อยตามมาด้วย มันทำให้ความดีใจของผมลดลงไปเยอะทีเดียว
“ฮือๆ คุณพ่อขา หนูกลัว” น้องออมผวาจากอ้อมกอดของครูน้ำเข้าหาใหญ่ทันทีที่ใหญ่ก้าวเข้าไปในห้อง
“โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณพ่ออยู่นี่นะ”
“แกฝันร้ายค่ะ” ครูน้ำยกมือไหว้ผมเมื่อหันมาเห็นว่าผมเดินตามหลังใหญ่มาด้วย
“ขอมารบกวนหน่อยนะคะ” ผมพยักหน้าตอบพยายามยิ้มตอบไปให้โดยไม่ฝืนมากนัก
“ครับ ไม่เป็นไร ตามสบายครับ”
“น้องออมขา ยังไม่สวัสดีลุงฝันเลย” ครูน้ำบอกน้องออม แต่น้องออมกลับเบือนหน้าหนี แล้วกอดใหญ่แน่นไม่ยอมไหว้ผม
“ น้องออมไม่น่ารักเลย ไหว้ลุงฝันสิลูก อย่าดื้อนะ” ใหญ่พูดกับหลานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วจับน้องออมให้หันมาไหว้ผม แต่น้องออมก็ยังไม่ยอมจนใหญ่ต้องดุไปอีกครั้ง “ถ้าน้องออมไม่ไหว้ลุงฝัน คุณพ่อไม่รักนะ”
คราวนี้น้องออมยกมือไหว้ผมทันที ไหว้เสร็จแล้วรีบหันไปอ้อนใหญ่ต่อ “น้องออมไหว้แล้ว คุณพ่อจะรักน้องออมมั้ยคะ”
ใหญ่ยิ้มแล้วกอดน้องออมแน่น “รักสิคะ” น้องออมยิ้มทั้งน้ำตา
ผมยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลายอย่าง มันบอกไม่ถูกว่าคืออะไรกันแน่ แต่ที่มั่นใจก็คือ ผมเหมือนเป็นคนนอกสำหรับใหญ่ไปแล้ว หรือว่าผมกำลังหวงใหญ่กัน
“ใหญ่อยู่กับหลานไปก่อนแล้วกันนะ กะ..เอ๊ย ผมขอไปอาบน้ำก่อน”
ผมหันไปทางครูน้ำแล้วบอกว่า “ขอตัวก่อนนะครับ ต้องการอะไรบอกผมได้” ยกเว้น...ใหญ่ที่ครูต้องการยังไงผมก็คงให้ไม่ได้อยู่ดี ผมได้แต่พูดอยู่ในใจ
ผมอาบน้ำเสร็จเข้ามาในห้องก็เห็นใหญ่นั่งรอผมอยู่ ผมถามมันไปว่า “มึงจะอาบน้ำบ้างไหม หิวข้าวหรือยัง”
ใหญ่ส่ายหน้า “ไม่ทั้งสองอย่าง ตอนนี้อยากคุยกับมึงมากกว่า” ใหญ่ก้มหน้าถอนหายใจก่อนที่จะเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง
“กูขอโทษนะ ที่ต้องพาหลานกับครูมารบกวนมึง”
ผมแต่งตัวยืนหันหลังให้กับใหญ่ ปกปิดสีหน้าของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใหญ่เห็น ผมยอมรับว่าผมไม่ค่อยสบายใจนักกับการมาของน้องออมกับครู แต่ก็ต้องฝืนใจพูดออกไป “ไม่เป็นไร รบกวนที่ไหนกัน คนกันเองทั้งนั้น หลานมึงก็เหมือนหลานกู” แต่ครูของหลานมึง กูก็ไม่รู้ว่ามันมาเกี่ยวกับกูตรงไหน เหอะ
“ยังไงกูก็ต้องขอโทษมึงอยู่ดี ที่พามาโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อน”
ผมยังคงเงียบไม่ได้พูดตอบอะไรไป ใหญ่ถามผมขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ “มึงไม่โกรธกูนะ”
“บอกว่าไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไรสิ !” ผมเผลอพูดเสียงแข็งไปแล้ว ผมมันคนใจแคบผมยอมรับครับ ในความดีใจที่ใหญ่มาหา มันมีความอิจฉาอยู่ในใจผม มันยากที่จะห้ามใจตัวเองจริงๆ ผมโกรธตัวเองที่ผมเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ทำใจไม่ได้
“กะ...กู” ใหญ่คงจับน้ำเสียงผมได้ ทำเอามันไม่กล้าพูดต่อ ผมแต่งตัวเสร็จแล้วแต่ก็ยังยืนหันหลังให้มันอยู่ ไม่อยากเอาหน้าบึ้งๆให้มันเห็น
“มึงโกรธกูใช่ไหม ทำไมมึงไม่มองกู ทำไม...” น้ำเสียงของใหญ่ตัดพ้อ
ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวใหญ่ก็มายืนกอดผมจากด้านหลัง ผมรู้เลยว่าใบหน้าของมันเกลือกกลิ้งอยู่ที่แผ่นหลังผม
เสียงของมันใกล้เข้ามาในหัวใจผมทุกที
“กูรักมึงคนเดียวนะ ใครที่อยู่ใกล้กูขนาดไหนก็ไม่มีความหมายสำหรับกูเลย” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปมาที่ตัวผม
“กูอยากมาหามึง แต่ถ้ามาคนเดียวกูก็ไม่รู้จะบอกพ่อว่ายังไง กูเลยต้องบอกว่าจะพาหลานมาเที่ยวกรุงเทพฯ แต่พ่อก็ไม่ยอมให้มากันสองคน บังคับให้ครูมาเที่ยวกับกูด้วย กูทำอะไรไม่ได้จริงๆนะฝัน มึงเข้าใจกูรึเปล่า”
ผมกอดมือมันเอาไว้แล้วข่มใจตัวเอง พยายามยกเหตุผลมาลบล้างความรู้สึกที่ไม่ดีออกไป
“กูไม่โกรธมึง แต่กูยอมรับว่ากูผิดหวังนิดหน่อยที่มึงไม่ได้มาคนเดียว”
“ก็กูบอกแล้วไง ว่าใครๆก็ไม่มีความหมายกับกูเลย มาด้วยก็ไม่มีผล” ใหญ่หอมแก้มผมเพื่อง้อ คิดๆดูแล้วผมก็ไม่น่าไปโกรธมันเลย แต่มันอดไม่ได้จริงๆนี่ครับ
“หันหน้ามามองกูหน่อยสิ กูมาตั้งไกลนะ มึงยังจะใจดำกับกูได้ลงคอเหรอ” ใหญ่มันพูดเสียงอ้อนมากเลยครับ ไม่รู้ไปเลียนแบบหลานสาวมารึเปล่า
“ใครใจดำ” ผมพูดเสียงสะบัดออกไป
“ก็คนนี้ไง คนที่กูยืนกอด ยืนอ้อนอยูตั้งนาน ยังใจแข็ง ใจดำไม่หายงอนกูสักที” ใหญ่เอาหน้ามาซุกไซ้ที่คอผม เดี๋ยวนี้ใหญ่มันก้าวหน้าขึ้นจริงๆครับ ทำให้ผมใจดำแล้วทำให้ผมใจสั่นได้ด้วย และต่อมาก็ทำให้ผมใจอ่อนได้อีก ผมหันหน้ามาหาใหญ่แล้วบอกว่า
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้โกรธ แต่กูขอทำใจหน่อยแล้วกัน มีคู่แข่งอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ทำใจลำบากจริงๆ”
ผมห้อมแก้มมันคืนบ้าง แล้วรวบตัวมันมากอด “แล้วมากันเป็นพรวนอย่างนี้ กูจะได้มีเวลาสวีทกับมึงบ้างไหมนี่ เฮ้อ กรรมของกูมารักพ่อม่ายลูกติด”
ใหญ่มันหน้าแดงทันทีที่ผมพูดแล้วชกท้องผมเบาๆ “พูดบ้าอะไรวะ”
นี่ล่ะครับการแสดงความรักของเราหวานบ้างห้าวบ้างไปตามประสา ผมพยายามทำใจไหนๆ มันก็เป็นแบบนี้แล้วอะไรจะเป็นยังไงก็เผชิญกับมันไปแล้วกัน
ผมกับใหญ่ตกลงกันว่าคืนนี้เราจะออกไปทานข้าวนอกบ้านกัน เพราะไม่ได้เตรียมอาหารต้อนรับแขกมาก่อนโดยจะชวนแม่ไปกินด้วย ขบวนของผมเลยใหญ่พอสมควรเลยครับ กว่าเราจะไปถึงร้านอาหาร แม่ของผมก็กลายเป็นคุณย่าของน้องออมไปแล้วครับ
“คุณย่าขาน้องออมอยากไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์ คุณย่าพาน้องออมไปนะคะ”
“คุณย่าขา คุณย่าไม่สบายเป็นอะไรคะ”
“คุณย่าขา น้องออมไม่ชอบกินผัก แต่คุณพ่อชอบบังคับให้กิน คุณย่าบอกคุณพ่ออย่ามาบังคับน้องออมได้ไหมคะ”
แม่ผมก็ดูจะมีความสุขกับการตอบคำถามเด็กดีครับ มิน่าเค้าถึงบอกว่าปู่ย่าตายายมักจะรักหลานมากกว่าลูก แม่ผมดูจะหลงน้องออมไปอย่างง่ายดาย ผมกับใหญ่หันมายิ้มให้แก่กัน
“คุณย่ามานั่งตรงนี้ค่ะ ข้างน้องออม” น้องออมกลายเป็นคนกำหนดที่นั่งให้ผู้ใหญ่ไปแล้วครับ “คุณครูก็นั่งข้างน้องออม คุณพ่อกับคุณลุงนั่งฝั่งนู้นค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่ผมขอบใจน้องออมครับ แค่ได้อยู่เคียงข้างกันต่อหน้าครูน้ำเพียงไม่กี่ชั่วโมงผมก็ยังแอบดีใจ ตลอดเวลาที่เรากินข้าวกันน้องออมเป็นศูนย์กลางความสนใจของผู้ใหญ่ทุกคน แต่เมื่อใหญ่ปล่อยให้ครูน้ำดูแลน้องออมไปเหมือนเป็นแม่ของเด็ก ลึกๆในใจผมเริ่มกังวลอีกครั้ง
“น้องออมทานข้าวให้เสร็จก่อนะคะ ค่อยพูด พูดไปทานข้าวไปไม่ได้นะคะ”
“คุณครูดูแลน้องออมดีจังค่ะ อย่างนี้ใหญ่ก็หมดห่วงเลยสิ” แม่ผมชมครูต่อหน้าผมได้ยังไง แม่พูดผิดไปรึเปล่า
“ครับ ก็ได้ครูมาช่วย ผมเลยมีเวลาไปทำงานสบายใจขึ้น” เอ้า...ชมกันเข้าไป ผมเซ็งไปเลย
“น้องขอเบียร์ขวด” ผมคิดถึงไอ้หนุ่ยตงิดๆ ถ้ามันอยู่ด้วยมันคงด่าผมที่ผมทำตัวเป็นคนขี้หงุดหงิดขี้งอนขนาดนี้
“ฝันดื่มได้ยังไง เดี๋ยวต้องขับรถด้วยนะอย่าลืม” แม่ผมทำตาดุปรามมาทันที แต่ผมก็มีข้ออ้างครับ
“แม่ไหนๆก็จะปีใหม่แล้ว ดื่มนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก ถ้าเมาก็ให้แฟนขับ เอ๊ย...ใหญ่ขับ” ผมหันไปพยักพเยิดกับใหญ่มันก็ทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้ารับ แต่มือที่อยู่ใต้โต๊ะกลับมาหยิกแขนผม ผมเจ็บที่แขนแต่ยังหัวเราะได้ครับ มีแต่ครูน้ำที่ทำหน้าไม่ดีเลยครับพอผมพูดจบ ผมแอบยิ้มในใจด้วยความสะใจ
“คุณครูมาแบบนี้ที่บ้านไม่ว่าเหรอครับ” ครูน้ำทำหน้าแปลกใจสงสัยในคำถามผม ผมเลยต้องอธิบายอีกครั้ง
“ผมหมายถึงมากับใหญ่ที่เป็นผู้ชายน่ะครับ”
ครูทำหน้าแปลกๆแต่ก็ตอบคำถามผมอย่างใจเย็น “ที่บ้านน้ำไว้ใจพี่ใหญ่ค่ะ เลยให้มา”
“ถือโอกาสมาเที่ยวนะหนู แต่ตอนนี้ที่เชียงใหม่มีแต่คนขึ้นไปเที่ยวกัน คงคึกคักน่าดู” แม่ผมชวนครูคุยอย่างสนิทสนม ผมเลยมีเวลาคุยกับใหญ่บ้าง
“มึงจะพาเค้าไปเที่ยวไหนบ้างวะ กูจะได้พาไป” ใหญ่มันทำท่านึกแล้วบอกผมว่า
“กูจะรู้ได้ยังไงกูไม่ใช่คนที่นี่นะ มึงพาไปสิ อยากพาไปไหนก็ไป กูไปได้กับมึงทุกที่ล่ะ”
ผมสะกิดมันเบาๆแล้วยักคิ้วให้ “ไปสวรรค์ไปปะ หึหึ”
ใหญ่ทำหน้าแดงน่ารักมากเลยครับ แล้วด่าผม “ไอ้บ้า”
ผมหัวเราะเสียงดัง ไม่โกรธมันหรอกครับที่มันด่าผม น่ารักจะตาย แม่เห็นผมหัวเราะลั่นเลยหันมาถาม
“ขำอะไรกัน หัวเราะซะดังเชียวฝัน”
“คุณพ่อขา เผ็ดใช่ไหมคะ ทำไมคุณพ่อหน้าแดง” น้องออมเขย่าแขนถามใหญ่ขึ้นมา ทำเอามันหน้าแดงเข้าไปอีก ผมมองแล้วก็อมยิ้มอยากจะรู้ว่ามันจะแก้ตัวกับลูกว่าอะไร
ใหญ่ส่ายหน้า “คุณพ่อสำลักค่ะน้องออม สำลักน้ำ” ใหญ่ตอบน้องออมปากก็ยิ้มนะครับ แต่มือแอบหยิกขาผมใต้โต๊ะ ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่ก็ยังขำใหญ่อยู่ดี
เราทานข้าวกันไปบรรยากาศค่อนข้างดีครับ ครูน้ำดูๆก็ไม่มีอะไรถึงแม้จะส่งสายตาละห้อยมาหาใหญ่บ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย แม่ผมกระซิบบอกอีกว่า “ครูน้ำนี่น่ารักนะ ซื่อๆดี”
แต่ใครจะวางใจได้ล่ะครับ ผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี อาจจะเป็นเพราะว่าผมดูละครกับแม่มากไป เห็นผู้หญิงในทีวีแต่ละครแล้วผมเข็ดขยาด ทั้งนางเอกนางร้ายแสบไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน ดีไม่ดีนางเอกที่เห็นว่าเรียบร้อยนี่ล่ะร้ายยิ่งกว่านางร้ายที่เสดงออกให้เห็นชัดๆเสียอีก แต่ผมจะทำให้เค้ารู้ตัวทำไมล่ะครับว่าผมระแวงอยู่
“น้องออมกับครูน้ำอยากไปที่ไหนบ้างคะ พรุ่งนี้ลุงจะพาไป” ผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับเด็กแต่ก็พยายามเต็มที่ครับ
น้องออมไม่ตอบผมแต่หันไปเกาะแขนใหญ่อ้อนถาม “คุณพ่อขาน้องออมจะไปที่ไหนดีคะ”
ใหญ่ตอบหลานด้วยเสียงอ่อนโยน “น้องออมไม่ตอบลุงฝันคะ คุณลุงถาม อย่าเสียมารยาทสิคะ”
น้องออมหน้างอทันทีแล้วบ่นว่า “ก็หนูไม่รู้ว่าที่นี่มีที่ไหนให้ไปเที่ยวนี่คะคุณพ่อ” พอเด็กตอบมาผมก็ถึงคิดได้ว่า ก็จริง...เด็กตัวแค่นี้จะรู้ที่เที่ยวได้ไงถ้าผู้ใหญ่ไม่พาไป
“ใช่เลย ลุงฝันขอโทษนะคะ เป็นความผิดของลุงเอง” น้องออมก็ยังไม่ยอมคุยกับผมโดยตรงอยู่ดี ทำเอาผมหนักใจพอดู ใหญ่เองก็คงเห็นเหมือนกันมันเลยกุมมือผมไว้บีบให้กำลังใจ แล้วพูดกับผมเบาๆว่า
“น้องออมเป็นเด็กผู้หญิง ปกติไม่ค่อยคุยกับผู้ชายคนที่ไม่คุ้นเคย เดี๋ยวอีกสักพักก็คงหายกลัวเอง มึงอย่าโกรธหลานเลยนะ” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ “อืมกูรู้”
ผมรู้ว่ามันต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักและใกล้ชิดกับเด็ก แต่ผมก็ตั้งใจจะทำให้ได้ ผมจะใช้เวลาที่มีช่วงนี้ทำให้น้องออมรู้สึกได้ว่าผมเป็นญาติอีกคนของแก ถึงแม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม
วันนี้กว่าเราจะกินข้าวกันเสร็จน้องออมก็ง่วงพอดี ใหญ่ต้องอุ้มหลานขึ้นพาดบ่า แต่มามีปัญหาที่ผมดื่มเยอะไปหน่อยจนขับรถไม่ไหวต้องให้ใหญ่ขับแทน ใหญ่ที่อุ้มน้องออมอยู่เริ่มทำท่าลังเลว่าจะเอายังไงดี
“มึงส่งหลานมาให้กู กูอุ้มให้เอง”
“ให้น้ำอุ้มให้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวน้องออมตื่นขึ้นมาจะงอแง”
ผมส่งมือไปให้ใหญ่ขอรับหลานมาอุ้ม แล้วบอกกับครูน้ำว่า “ไม่เป็นไรครับ ลูกใหญ่ก็ลูกผมเหมือนกัน” ครูน้ำเงียบไปก่อนก้าวขึ้นรถเงียบๆ
ผมอุ้มน้องออมเหมือนที่ใหญ่อุ้ม หลานยังคงหลับสนิทไม่รู้ว่าถูกเปลี่ยนมือจากคุณพ่อมาเป็นผมไปแล้ว กว่าเราจะกลับถึงบ้านผมก็แขนชาไปหมด แต่ความรู้สึกที่อุ้มเด็กเป็นครั้งแรกก็ทำให้ผมอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
“ส่งน้องออมมาให้กู กูพาเค้าขึ้นนอนเอง” ใหญ่ขอหลานคืนเมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วขณะที่เราเดินเข้าบ้านด้วยกัน แต่แม่ผมบอกว่า “ปล่อยเค้าไปใหญ่ ให้เค้าหัดไว้ อีกหน่อยก็ต้องช่วยใหญ่เลี้ยงนี่ใช่ไหม” แม่หัวเราะเบาๆ เหมือนล้อใหญ่ แต่ผมกลั้นยิ้มจนปวดแก้มไปหมด
ใหญ่เขินจนทำมือทำไม้ไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้างุดเดินหนีเข้าบ้านไป
ผมหัวเราะเบาๆออกมาจนใหญ่ต้องหันขวับมาค้อนผม “หัวเราะทำไม เดี๋ยวลูกตื่น” ผมกลั้นหัวเราะอุ้มน้องออมเดินตาม มีความสุขจังครับ
ครูน้ำเดินแซงหน้าผมไปเปิดประตูบ้านให้เห็นหน้าซีดๆ ผมออกจะสงสารหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใจอ่อนให้หรอกครับ งานนี้ไม่มียอมเสียใหญ่ไปเพราะความสงสารแน่ๆ
ผมจัดแจงวางน้องออมลงที่เตียงแล้วกล่าวราตรีสวัสดิ์ครูน้ำอีกครั้ง “คุณครูตามสบายนะครับไม่ต้องเกรงใจ ห้องนี้ไม่มีคนมาอยู่เพราะพี่สาวผมแต่งงานไปแล้ว คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองแล้วกัน”
ครูน้ำยิ้มเศร้าๆ ส่งมาให้ผม ผมแอบสงสารว่ามาคราวนี้ครูจะสนุกกับการเที่ยวไปได้ยังไงในเมื่อสถานการณ์มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ ใหญ่เองไม่ได้มองมาที่ครูน้ำ ห่มผ้าให้น้องออมแล้วก็ลุกออกมา
ผมกับใหญ่แยกกันที่หน้าห้อง ผมบอกใหญ่ว่า “มึงไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน กูขอไปดูแม่หน่อยนะ”
“โอเค ฝากขอบคุณแม่ด้วยนะที่ให้พวกกูมารบกวน”
“อืม” ผมตงิดๆใจกับคำว่า ‘พวกกู’ แอบขัดใจว่าพวกนี่รวมถึงครูน้ำด้วยรึเปล่า จนต้องสะบัดหัวไล่ความคิดร้ายๆออกไป
ผมเข้าไปในห้องแม่กำลังจะนอนพอดี แม่ส่งยิ้มนุ่มนวลมาให้ “สาวๆนอนกันแล้วเหรอ” ผมพยักหน้าให้แม่ แล้วเดินไปดูที่โต๊ะ เช็คว่าแม่ทานยาก่อนนอนเรียบร้อยหรือยัง
“เข้านอนไปแล้วครับ สาวเล็กนอนหลับปุ๋ย แต่สาวใหญ่ผมไม่แน่ใจ หึหึ”
“ฝันอย่าทำเสียงแบบนี้ แม่ไม่ชอบเลย ไม่น่ารักเลยนะเรา” แม่มองหน้าผมเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่แล้วพูดต่อ
“ฝันต้องมีเมตตานะ คนที่แพ้เค้าก็แย่อยู่แล้ว อย่าซ้ำเติม คิดซะว่าครูเค้าเป็นน้องสาวเราสิ ถ้าน้องสาวเราเจอแบบนี้เราจะไม่สงสารเหรอ” คำพูดของแม่ทำเอาผมเลวหนักขึ้นไปอีก ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที จริงของแม่
“ผมขอโทษครับแม่ ผมจะพยายามทำใจให้ได้ครับ” ผมเข้าไปนั่งลงที่พื้นเอาหัวซบตักแม่ แม่ลูบหัวแล้วสอนว่า
“แม่ชอบที่จะเห็นฝันอ่อนโยน มากกว่าใจดำนะ” ผมกอดเอวแม่แล้วสัญญากับตัวเองพร้อมรับปากแม่ไปว่า
“ครับแม่”
“ดีมาก งั้นแม่นอนดีกว่า วันนี้เหนื่อยเหมือนกันนะ แต่ก็ดี ตั้งแต่ป่วยได้มีโอกาสออกไปข้างนอกก็วันนี้” แม่ล้มตัวลงนอน ผมห่มผ้าห่มให้ปิดไฟแล้วเดินจะออกมา ก่อนจะออกจากห้องแม่เรียกผมอีกครั้ง
“ดูแลใหญ่ดีๆนะ เค้าอุตส่าห์มาหา”
“ขอบคุณครับแม่”
แม่ก็ยังเป็นแม่ที่เข้าใจผมเสมอมา ผมออกจะห่วงแม่อยู่เหมือนกันว่ามีแขกมาเต็มบ้านแบบนี้ ผมจะดูแลแม่ได้เต็มที่รึเปล่า
ผมเปิดประตูห้องเข้าไป ใหญ่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานผมหันมาพอดี “รอตั้งนาน มาแล้วเหรอ”
ผมถึงคิดได้ว่านอกจากแม่แล้วก็มีคนนี้อีกคนที่ผมก็ต้องดูแลเท่าชีวิตเหมือนกัน
*******************************
มะกี้อ่านรีพลาย คิดตั้งนานว่าน้องเกี๊ยงไหน 555+ ไม่เลวเนอะจับคู่กันไปกับหนุ่ย คงเป็นคู่หูคู่ฮาดี

ขอบคุณสำหรับทุก+ค่ะ