กว่าจะได้มาต่อ อย่าพึ่งลืมกันนะ
*****************
(ตอนที่๓๔)
ผมอ่านจดหมายใหญ่จบแทบหมดแรง เรื่องที่ผมกลัวมันเกิดขึ้นเร็วจนผมเตรียมใจไม่ทัน ผมอยู่ไกลถึงกรุงเทพฯเหมือนกับทิ้งให้ใหญ่แก้ปัญหาเพียงลำพัง ผมคิดไม่ตกว่าผมควรจะช่วยหรือทำอะไรได้บ้าง เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใหญ่ไป
ใหญ่...สู้นะ
อ่านจดหมายมึงแล้วกูจะไม่ตอบก็คงไม่ได้ กูรู้ว่ามึงอึดอัดใจแค่ไหน แต่อยากให้มึงใจเย็นๆไว้ก่อน ยังไงพ่อมึงก็คงไม่ใจร้ายพอที่จะบังคับให้มึงแต่งวันนี้พรุ่งนี้หรอก กูว่ามึงก็ลองค่อยๆบอกเค้าไปแล้วกัน อย่าไปโมโหพ่อเพราะตอนนี้มึงก็เหลือพระในบ้านคนเดียวแล้วนะ
ที่กูแนะนำแบบนี้ไม่ใช่กูไม่ร้อนใจ ไม่ใช่กูไม่ห่วงมึง กูเองก็ไม่อยากเสียมึงไป แต่กูอยู่ไกลมึงขนาดนี้ต้องให้มึงต่อสู้อยู่คนเดียว กูอยากบอกว่า...กูเป็นห่วงมึงนะ
เรื่องที่มึงถามว่ากูพร้อมหรือเปล่า กูพร้อม...ถ้าถึงที่สุดจริงๆมึงก็บอกเรื่องของเรากับพ่อไปเลย แล้วมึงกลัวรึเปล่า...กูรู้ว่ามันไม่ง่ายที่พ่อจะยอมรับเรื่องของเรา แต่ความจริงก็คือความจริงต่อให้เราหลีกหนีเท่าไหร่มันก็ยังอยู่ตรงนั้น
เราคงอยู่ในความฝันกันต่อไปไม่ได้อีกแล้ว กูขอเขียนไม่ยาวนะ ตอนนี้ในสมองกูก็ตื้อๆยังคิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน หวังว่าจดหมายฉบับหน้าของมึง คงเป็นข่าวดีสำหรับกูนะใหญ่
ห่วงมึงจริงๆ
ฝันผมจบจดหมายไปทั้งที่ในใจผมยังไม่อยากจบ ผมยังเป็นคนเห็นแก่ตัวอยู่ดีที่ยังไม่อยากปล่อยให้ใหญ่ไปทั้งที่รู้ว่า....ผมไม่ทำให้อะไรในชีวิตใหญ่ดีขึ้นมาเลย บางครั้งผมก็เผลอคิดว่า
ถ้า...เราไม่รักกัน ชีวิตใหญ่จะเลือกอะไรได้ง่ายกว่านี้ไหม
ถ้า...เราเป็นเพียงเพื่อน ผมจะยินดีแค่ไหนที่มีผู้หญิงดีๆมาให้ใหญ่เลือกมาเป็นคู่ชีวิต
ถ้า...ใหญ่ไม่รักผม มันจะมีความสุขมากกว่านี้ไหม ที่ไม่ต้องมาอยู่ห่างจากคนรักแบบนี้
ผมจบความคิดที่ฟุ้งซ่านในใจไว้ที่ตัวผมคนเดียว ไม่กล้าบอกกับใหญ่ให้มันคิดมาก ผมรู้ว่าใหญ่จะต้องเสียใจแน่ๆถ้าผมบอกถึงเรื่องที่ผมคิดเหล่านี้ บางทีการที่เราได้ดิ้นรนในเรื่องความรักถึงแม้มันจะเหนื่อยกว่าแต่ก็คงไม่ทุกข์ใจเท่ากับที่เราต้องทิ้งความหวังความฝันทั้งหมดไปโดยที่เราไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้มันมาเลย
ตอนนี้ผมก็พร้อมที่จะลองสู้ดูสักที เราอาจจะอยู่ไกลกันก็จริงแต่ผมรู้สึกว่าผมก็กำลังสู้อยู่ข้างๆมัน
ผมรอคอยจดหมายตอบจากใหญ่หลายวันก็ไม่มีข่าวส่งมา แล้วตัวผมเองก็ไม่มีเวลาจะมาคิดเรื่องอื่นอีกเพราะงานแต่งของพี่ฝ้ายมาถึงแล้ว อยากจะโทรศัพท์ไปบอกมันให้มางานก็ไม่กล้า แต่แม่กลับบอกผมว่า
“ฝันบอกใหญ่รึยังเรื่องงานแต่งของพี่ฝ้าย บอกให้เค้ามาด้วยสิ แม่คิดถึง”
ในใจผมแอบลิงโลดที่แม่พูดเหมือนรู้ใจผม ทั้งที่ใจหนึ่งผมเกรงใจที่มันอยู่ไกลและต้องทิ้งงานมา แต่อีกใจผมอยากให้มันมามากเราจะได้คุยเรื่องที่เป็นปัญหาของเราตอนนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวกันเสียที ผมเลยตัดสินใจโทรไปหาใหญ่ เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานกว่าจะมีคนมารับ แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อใหญ่เป็นคนมารับสายแทน
“ฝันเหรอลูก” เสียงพ่อฟังดูเหนื่อยๆครับ ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในปัญหาที่พ่อมี
“สวัสดีครับพ่อ พ่อไม่สบายรึเปล่าครับเสียงไม่ค่อยดีเลย”
“ไม่เป็นอะไรหรอก ก็เครียดๆนิดหน่อยเท่านั้นเอง ฝันมีธุระอะไรกับใหญ่ไหม พอดีเค้าลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน นี่ออกไปรับหลานอยู่” ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าใหญ่บอกเรื่องของเราไปกับพ่อหรือยัง หรือว่านี่เป็นการกีดกันขั้นแรกที่ผมเจอแล้ว คำพูดทุกคำของผมจึงต้องระวังอย่างที่สุด
“เอ่อ...คุณแม่ผมให้โทรมาหาใหญ่ชวนมางานแต่งงานวันเสาร์ที่จะถึงนี้ของพี่สาวผมครับ” พ่อเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะตอบว่า
“แล้วพ่อจะบอกใหญ่ให้ไป อยากให้เค้าพักบ้างเหมือนกัน หมู่นี้ไม่รู้เป็นอะไรมีเรื่องอารมณ์เสียได้ทุกวัน”ผมอยากจะบอกพ่อไปเลยตรงๆว่าถ้าพ่อไม่บอกให้ใหญ่แต่งงาน อารมณ์มันก็คงจะดีกว่านี้ แต่ใครจะกล้าบอกไปล่ะครับ
“เหรอครับ คงจะเรื่องงานมากกว่ามั๊งครับ” ผมไม่อยากพูดแสดงความเห็นอะไรให้เข้าตัวต้องพูดกลางๆเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรไว้ก่อนดีที่สุด
“เราเขียนจดหมายคุยกันบ่อยๆนี่ พ่อถามจริงๆใหญ่เค้าพูดอะไรให้ฟังบ้างไหม” พ่อพูดขึ้นมาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนว่าจะต้องมาพูดกับพ่อเรื่องนี้ ทำเอาผมเงียบไปพักใหญ่
“ฝัน...ยังอยู่รึเปล่าทำไมเงียบไป”เสียงพ่อที่เรียกให้ผมตอบปลุกผมให้ตื่นจากอาการตกใจทันที
“อยู่ครับ...แต่กำลังคิดว่าผมควรจะพูดดีรึเปล่า”
เสียงพ่อถอนหายใจดังๆขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถามเหมือนปรารภกับตัวเองว่า “แสดงว่าใหญ่เล่าให้เราฟังสิท่า”
“ครับ” ผมตอบเบาจนเหมือนผมกระซิบ
พ่อพูดต่อขึ้นมาทันที “แล้วฝันคิดยังไงเรื่องที่พ่ออยากให้ใหญ่แต่งงานกับครูน้ำ”
ผมรู้สึกเหมือนมีธนูมายิงตรงกลางแสกหน้า คำถามมันตรงและทิ่มแทงจนผมเจ็บพูดได้แค่ “ผม...”
“พ่อคิดว่าครูน้ำเป็นคนดี...หรือฝันคิดว่าเค้าเป็นยังไง”
ผมจะต้องพูดจากความรู้สึกของผมที่มีต่อครูน้ำจริงๆใช่ไหมครับ “ก็เป็นคนดีครับ” คำตอบของผมคงถูกใจพ่อน่าดู
“นั่นสิ...พ่อก็ว่าอย่างนั้น แต่ใหญ่มันบ่ายเบี่ยงว่ามันเลี้ยงลูกเองคนเดียวได้ ไอ้เลี้ยงได้น่ะพ่อเชื่อ แต่มีคนมาช่วยเลี้ยงมันจะไม่ดีกว่าเหรอ ฝันคิดว่ายังไง”
ถ้าผมยังปล่อยให้พ่อพูดความคิดของพ่อเพียงฝ่ายเดียวต่อไป มันก็จะกลายเป็นว่านอกจากผมจะไม่ได้ช่วยอะไรใหญ่แล้ว ผมกลับจะยิ่งเป็นแนวร่วมส่งเสริมให้ใหญ่ต้องแต่งงานเร็วขึ้นไปอีกแน่ๆ
“ผมว่าใหญ่น่าจะโตพอที่จะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรนะครับ”
พ่อเงียบไปทันทีที่ผมพูดจบผมเลยถือโอกาสพูดต่อ “ผมว่าตอนนี้ใหญ่ยังรับมือได้ดีกับทุกอย่าง ผมว่าตอนนี้เค้ายังไม่ต้องการแต่งงานครับ” ผมพูดไปแล้วก็ใจหายวาบไม่แน่ใจว่าผมพูดตรงเกินไปรึเปล่า จะเหมือนกับว่าผมกำลังขัดใจผู้ใหญ่ไปแล้ว
พ่อนิ่งไปนานจนผมนึกว่าแกคงโมโหผมจนพูดไม่ออกหรือเปล่า แต่น้ำเสียงที่ผมได้ยินกลับรู้สึกว่าพ่อกำลังเสียใจมากกว่าที่จะเป็นโมโห
“ใหญ่บอกพ่อว่าเค้าไม่ได้รักครูน้ำ เค้าจะไม่แต่งงานเลย ไม่ใช่ว่าตอนนี้ไม่อยากแต่งนะ แต่เค้าจะไม่แต่งงาน ฝันคิดว่าคนที่เป็นพ่อได้ยินคำนี้ แล้วจะให้สบายใจได้หรือ”
ผมตัวเย็นเฉียบตกใจในคำพูดตรงๆของใหญ่ที่พูดกับพ่อ ถึงแม้ผมจะเข้าใจเหตุผลที่ใหญ่บอกกับพ่อว่าเพราะอะไรมันถึงจะไม่แต่งงาน ซึ่งเหตุผลนั้นผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคงเป็นเพราะผมด้วยแน่ๆ แต่ผมก็ยังอดรู้สึกเศร้าใจปนดีใจลึกๆ
ผมไม่รู้ว่าผมควรยิ้มที่ใหญ่รักผมหรือควรร้องไห้ดีที่เราคงไม่ได้มีอนาคตร่วมกันอย่างคนอื่นๆเค้ามี
“คนเป็นพ่อเป็นแม่หวังอย่างเดียวก็คือเห็นลูกมีความสุข มีชีวิตครอบครัวที่ดีงาม ถ้าพ่อตายไปใครจะอยู่เป็นเพื่อนใหญ่ ใครจะคอยดูแลยามเจ็บป่วย พ่อห่วงแค่นี้จริงๆ”
ผมจะตอบได้เต็มปากเต็มคำไหมว่าผมจะดูแลใหญ่เอง แค่ผมจะพูดขึ้นมาผมยังไม่กล้า ผมก็คงเป็นเพียงไอ้คนขี้ขลาดคนหนึ่งที่เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ได้กล้าหาญต่อสู้เพื่อคนที่ผมรักเลย ผมโยนความผิดไปให้ระยะทางระหว่างเรา
“ฝันก็อยู่ไกล แล้วก็มีแม่ต้องดูแลเหมือนกัน พ่อไม่อยากจะรบกวนฝันหรอกนะ”
“ผม..ดูแลได้...”ผมเอ่ยปากขึ้นมาในที่สุด แต่พ่อก็ไม่ปล่อยให้ผมพูดจบ
“ทุกคนมีภาระในชีวิตที่ต้องทำนะฝัน พ่อไม่อยากเอาชีวิตใหญ่มาผูกไว้กับฝัน ยังไงๆก็แค่เพื่อนจะให้มาดูแลกันเหมือนคนเป็นลูกเป็นเมียมันไม่ได้หรอก”
ผมว่าเหมือนพ่อเอามีดมากรีดใจผมครั้งแล้วครั้งเล่า ตอกย้ำความเป็นไปไม่ได้ของเราทีละนิด ผมไม่รู้ว่าพ่อรู้เรื่องผมกับใหญ่รึเปล่า แต่ความรู้สึกสังหรณ์ของผมมันบอกว่าพ่ออาจจะระแวงอยู่บ้างเหมือนกันแต่ก็ยังไม่ปักใจ
“พ่ออย่าประเมินคำว่าเพื่อนสำหรับผมให้มันด้อยค่าเกินไปนะครับ ผมเสียใจถ้าพ่อจะคิดว่าผมมันแย่ขนาดนั้น”
พ่ออาจจะโกรธที่ผมพูดเหมือนตำหนิพ่อ แต่ผมบอกกับตัวเองว่าถึงแม้ผมจะไม่ได้รักใหญ่ในแบบคู่รัก ถึงแม้ผมกับมันจะเป็นเพื่อนต่อกันจริงๆผมก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้งมัน
พ่อถอนหายใจดังอีกครั้ง “พ่อขอโทษแล้วกันที่อาจพูดผิดไป ก็แค่อยากให้ใหญ่ได้มีเพื่อนคู่คิดเท่านั้นเอง”
“ผมอยากให้ใหญ่ตัดสินใจเรื่องแต่งงานเองครับ ตอนนี้เค้าอาจยังไม่พร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่ ผมไม่อยากให้พ่อเร่งรัดมันมากไป พ่อให้เวลามันอีกหน่อยสิครับ” ผมไม่กล้าพูดว่าเป็นเพราะผมรักกับใหญ่ ผมอยากให้พ่อรู้เองจากปากของใหญ่มากกว่า ตอนนี้เลยทำได้แค่ถ่วงเวลาไปก่อน
“เฮ้อ...เอาเป็นว่าพ่อจะยังไม่พูดเรื่องนี้ไปก่อน ให้ใหญ่เค้าคิดได้เองแล้วกัน แต่ถ้าผู้หญิงเค้ารอเราไม่ไหวไปแต่งงานกับคนอื่นก่อน ก็แล้วแต่วาสนาของใหญ่มันแล้วกัน” ผมถอนหายใจโล่งอกที่พ่อพูดแบบนั้น ผมเครียดจนปวดหัวไปหมด ดีใจที่อย่างน้อยก็คงพอยื้อเวลาให้สถานการณ์ดีขึ้น
“แล้วพ่อจะบอกใหญ่ให้นะว่าฝันโทรมา พ่อจะให้โทรกลับ”
“ขอบคุณครับพ่อ”
“ถ้าพ่อพูดอะไรผิดไปก็อย่าถือสาคนแก่นะ โชคดีลูก”พ่อวางสายไปแล้วแต่ก็ทิ้งเรื่องมากมายให้ผมคิดอีก
ผมคงเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก แล้วก็แย่มากด้วยที่ไปเถียงกับพ่อโดยเอาเหตุผลที่มาจากความรักของผมเป็นใหญ่ ทั้งที่ถ้าเทียบกันแล้วความรักของคนเป็นพ่อแม่ต้องยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังดันทุรังเข้าข้างตัวเองว่าเป็นเพราะใหญ่รักผมมากกว่าเรื่องถึงเป็นแบบนี้
ก่อนที่ผมจะนอนคืนนั้นผมก็ได้รับแมสเสจจากใหญ่บอกมาทางโทรศัพท์ว่า
‘กูจะลงมางานพี่ฝ้าย วันศุกร์ แล้วเจอกันนะฝัน คิดถึงจัง’
ผมไม่ได้ต่อโทรศัพท์กลับไปหามันอีกเพราะกลัวเจอพ่อใหญ่รับสายแทนอีก ผมยังไม่อยากกินพาราเพิ่มอีกสองเม็ดหลังจากกินไปแล้วเมื่อวางสายจากพ่อ ผมรอเจอใหญ่ดีกว่า อีกไม่กี่วันเราก็จะได้เจอกันแล้วนี่ ไม่อยากคุยอะไรเครียดๆอีกแล้วครับตอนนี้ขอนอนฝันหวานว่าได้นอนกอดใหญ่ดีกว่า
***********************
:z10:เครียดวุ้ยยย....