47 สวนบาหลี
หนุ่ยกำลังง่วนอยู่กับการรื้อสวนบาหลีออกบางส่วน หนุ่ยตั้งใจที่จะทำน้ำตกใหม่ เขาอยากได้ที่มันเป็นน้ำตกจริงๆ ไม่ใช่ที่เป็นน้ำพุแบบนี้ กว่าจะรื้อเสร็จก็เกือบเที่ยง เด็กหนุ่มขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้วเดินลงมาด้านล่าง
“หนุ่ยรื้อสวนออกทำไมล่ะ...” ธีร์เห็นกองวัสดุรกเรื้อไปหมดเลยถามขึ้น เขาสงสัยว่าหนุ่ยจะเล่นอะไรอีก
“ผมจะทำน้ำตกครับ..” หนุ่ยยิ้มแล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆธีร์
“มองทำไม...” ธีร์หันมามองหน้าหนุ่ยที่จ้องเอาจ้องเอา จนเกือบจะสำลักกาแฟ
“พี่ธีร์...ไปซื้อหินกับต้นไม้เป็นเพื่อนหน่อยสิ” หนุ่ยอ้อน
“ที่ไหน...”
“ไม่รู้สิ...”
“อ้าว...จะทำแล้วยังไม่รู้ว่าจะไปซื้อของที่ไหน...พี่ว่าแถวๆทางไปองครักษ์น่าจะมี...แถวนั้นเป็นแหล่งขายเลยนะ...” ธีร์รอบรู้พอสมควร
“งั้นไปกันเลย...ผมก็รู้แล้วแต่อยากจะลองดูว่าพี่ธีร์จะรู้รึเปล่า” หนุ่ยอมยิ้ม
“เจ้าเล่ห์นักนะ” ธีร์จับหัวหนุ่ยโยกไปมา
ไม่นานนักธีร์และหนุ่ยก็มาอยู่ที่ถนนสายรังสิต-องครักษ์ ทั้งสองดูต้นไม้และหินประดับเพื่อเอากลับไปสร้างน้ำตก ร้านนี้มีไม้ดอก ไม้ประดับนานาชนิดวางเรียงกันเต็มพื้นที่ ล้วนสวยงามและน่าซื้อทั้งนั้น ทั้งสองขนซื้อต้นไม้และหินประดับมากมาย
“พี่ธีร์ จะเอากลับยังไงล่ะ” หนุ่ยยืนเกาหัวไม่รู้จะจัดการยังไงกับต้นไม้หลากหลายที่วางเรียงตรงหน้า
“ก็ใส่รถไปสิ...ต้นไม้ก็ใส่ในรถส่วนหินให้เค้ายกใส่ท้ายรถไป...” ธีร์สั่ง รถเก๋งบีเอ็มดับบลิวของธีร์โหลดเตี้ยไปอย่างกะทันหัน
“พี่รถเราเหมือนสวนป่าไปแล้ว...รีบกลับเถอะ...” หนุ่ยเร่ง
“ไม่ต้องรีบ...ยังได้ไม่ครบไม่ใช่เหรอ...” ธีร์ถามหนุ่ยซึ่งจดรายการของที่ซื้อมาอยู่ยิกๆ
“ไม่ครบก็ต้องกลับแล้วพี่...ไม่มีที่จะวางของแล้ว” หนุ่ยโอดครวญ
“ไม่มีที่วางหนุ่ยก็ถือไปสิ” ธีร์เดินหยิบต้นไม้แปลกๆอีก 2-3 ต้น
“จริงๆหรือพี่...” หนุ่ยทำหน้าแบบรับไม่ไหวแล้ว
“จริงสิ...หนุ่ยถือเดี๋ยวพี่ขับเอง” ธีร์กระโดดขึ้นนั่งหลังพวงมาลัย
หนุ่ยถือกระถางต้นไม้อีกสองต้นอีกสองต้นวางตรงที่วางเท้า รถทั้งคันเหมือนสวนป่าไม่มีผิด ธีร์ขับรถอย่างใจเย็นเหมือนจะแกล้งให้หนุ่ยเมื่อย ธีร์ขับมาจอดหน้าร้านขายรังนกกระจาบ...
“พี่ว่าสวยดี...น่าซื้อไปประดับสวนนะ” ธีร์กำลังจะลงจากรถ
“ไม่เอานะพี่...พี่รู้มั้ยว่ากว่านกมันจะสร้างรังพวกนี้เสร็จมันต้องบินไปคาบหญ้ามากี่เที่ยว...กว่าจะสานเป็นรังได้ขนาดนี้...น่าสงสารมันนะ...คนเรานี่ก็เหลือเกิน...เอาบ้านเค้ามาประดับสวน...ไม่เห็นใจเจ้าของบ้านบ้างเลย...” หนุ่ยพูดเรื่องจริงที่เขาเห็น เพราะรังนกเหล่านี้ถูกนำมาขายทั้งๆที่บางรังเพิ่งสร้างเสร็จ...หญ้าบางต้นยังเขียวอยู่เลย
“อ้าวเรอะ...พี่ไม่รู้น่ะ...พี่ขอโทษ” ธีร์มองรังนกกระจาบตาละห้อย
“...คิดง่ายๆนะพี่...แค่สมมุติว่าถ้าอยู่ๆ...พี่กลับมาบ้านแล้วบ้านพี่หายไปทั้งหลังล่ะ...พี่จะนอนที่ไหน...จะอยู่ยังไง...ลูกเมียหายไปหมด...คิดแล้วน่าเศร้านะ...คนเรานี่ใจร้ายชะมัดเลย...” หนุ่ยแสดงความเห็นใจต่อสัตว์โลกเสมือนหนึ่งเป็นเพื่อนกันมาก่อน
“จริงๆเนอะ...คนเรานี่ใจร้ายมาก...เอาบ้านเค้ามาประดับสวน...เพียงเพื่อให้มันสวยงามเท่านั้นเอง” ธีร์เห็นพ้อง พลางเข้าเกียร์เพื่อออกรถ
“ถ้าเราไม่ซื้อ...คนขายก็ไม่รู้จะเอาไปขายให้ใคร...คนพวกเนี้ยบาปหนา...ไม่ได้ลงทุนอะไรเลย...แค่ลุยน้ำลุยโคลนไปเอาบ้านเค้ามาขาย...ได้เงินมาก็ไม่เคยแบ่งให้คนสร้างบ้าง...อย่างนี้เรียกว่าชุบมือเปิบได้มั้ยพี่” หนุ่ยรำพึงรำพัน
..................
หลังจากถึงบ้านแล้วพวกคนรับใช้ต่างกระวีกระวาดมาขนสวนป่าลงจากรถกันจ้าละหวั่น ต่างบ่นกันใหญ่ว่านั่งมากันได้ยังไง
“คุณๆนั่งกันมาได้ยังไง...ไม่กลัวงูกัดเอาเหรอคะ” ป้าจิตถามพลางหัวเราะพลาง
“ถ้ามีก็กัดคุณธีร์ของป้าจิตน่ะแหละ...ซื้อซะไม่มีที่จะนั่ง” หนุ่ยส่ายหน้า ส่วนธีร์นั้นนั่งหัวเราะแล้วยื่นน้ำหวานเย็นๆให้หนุ่ย
“เอ้าน้ำหวาน...จะได้หายอารมณ์เสียนะครับคุณหนู” ธีร์โอบไหล่หนุ่ยก่อนจะพากันไปนั่งที่ชิงช้าไม้
“ผมนะถือต้นไม้จนแขนล้าไปหมดแล้ว...พี่ธีร์แกล้งผมนี่...” หนุ่ยหันมาทำตาดุใส่ธีร์
“แค่แขนล้า...กลัวจะทำร้ายตัวเองไม่ไหวรึไง” ธีร์แหย่หนุ่ยเล่นด้วยคำพูดกำกวม แต่หนุ่ยก็รู้ทัน...หนุ่ยหัวไวจะตาย
“ทำไม่ไหวไม่เป็นไร...เดี๋ยวผมไปหาคนอื่นให้ทำให้ก็ได้...” หนุ่ยยิ้ม
“ใครหนอจะโชคร้าย...” ธีร์ไม่หยุด
“หรือพี่ธีร์จะเป็นคนโชคร้ายคนนั้น...หืม...” หนุ่ยเดินมาโอบกอดด้านหลังธีร์แล้วจิ้มเอวจั๊กกะจี้ให้ธีร์หัวเราะออกมา
“นี่แนะ...นี่แนะ....” หนุ่ยจิ้มเอวไม่หยุด
“อย่าหนุ่ย...อย่า...บอกว่าอย่า...พี่จั๊กกะจี้” ธีร์ดิ้นไปมาแล้ววิ่งหนี หนุ่ยวิ่งตาม ทั้งสองวิ่งไล่กันในบริเวณสวนที่ตอนนี้คนใช้ทั้งหลายหันมามองพี่น้องคู่นี้เล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนาน บางคนเชียร์ธีร์ บางคนเชียร์หนุ่ย...จนกระทั่ง
“เพล้ง...” เสียงกระถางดินตกแตกเป็นเสี่ยงๆ ธีร์ล้มลงไปเพราะวิ่งไปเตะเอากระถางต้นไม้ เนื้อที่นิ้วโป้งเปิดออกเลือดไหลออกมามากมายเต็มรองเท้าแตะไปหมด
“พี่ธีร์...เป็นอะไร...” หนุ่ยปราดเข้าถึงตัวก่อนคนอื่น ซึ่งได้แต่อึ้ง...และตกใจยืนมองอยู่
“เจ็บมั้ยพี่...เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ...” หนุ่ยจับเท้าธีร์ขึ้นมาพลิกดู เลือดไหลออกมาเพราะโดนกระถางบาดเอาพอดี
“เลือดออก...เจ็บอ่ะหนุ่ย...” ธีร์ร้องออกมา
“นิดเดียวพี่เดี๋ยวผมทำแผลให้นะ...” หนุ่ยพาธีร์ที่เดินกะเผลกๆไปยังม้าหินใต้ต้นไม้ใหญ่ พลางร้องสั่งเด็กๆให้ไปเอากระเป๋าใส่เครื่องปฐมพยาบาลมาด่วนที่สุด
“นี่ค่ะ...อูยย...คุณธีร์เจ็บมั้ยคะ...” ป้าจิตร้องหลับตาปี๋เพราะตัวเองกลัวเลือด
“เจ็บมั้ยพี่...ทนนิดเดียวนะ...” หนุ่ยเปิดขวดน้ำเกลือสำหรับล้างแผลแล้วบีบขวดเทน้ำเกลือลงไปที่ปากแผล
“อูยยย...แสบ...” ธีร์ร้องออกมา หนุ่ยจัดการทำแผลอย่างชำนาญ
“ขอโทษนะพี่...ผมไม่น่าเล่นอะไรแบบนี้เลย...” หนุ่ยก้มหน้าสารภาพผิดหลังจากที่ทำแผลให้ธีร์เสร็จแล้ว
“ไม่เป็นไรมันเป็นอุบัติเหตุ...” หลังจากที่ธีร์พูดคำนี้จบลงทั้งสองต่างมองหน้ากัน เหมือนมีเส้นแห่งความคิดมันออกมาขวางกั้น...คำพูดที่”ย่า”เคยพูดกับหนุ่ยและธีร์ ในสถานการณ์เดียวกัน...แต่คนละเวลาเท่านั้นเอง
ธีร์นั่งดูหนุ่ยกับป้าจิตและคนรับใช้ช่วยกันจัดเรียงต้นไม้ใหม่ ส่วนน้ำตกนั้นต้องคอยให้คนขับรถของคุณแม่มาช่วย เพราะต้องมีการโบกปูนและก่อหินขึ้นบนกำแพง...งานแบบนี้ต้องช่วยกันทำกับผู้ชาย ตอนแรกธีร์บอกว่าจะให้จ้างช่างมาทำโดยให้อินทีเรียออกแบบให้ แต่หนุ่ยเห็นว่ามันเปลืองเงินทองโดยใช่เหตุจึงไม่เห็นด้วย
“ลุงชด...พรุ่งนี้ว่างนะลุง...มาช่วยผมทำน้ำตกหน่อย...” หนุ่ยตะโกนเข้าไปในครัวขณะที่นายชดนั่งทานข้าวอยู่
“ครับคุณหนุ่ย...แต่ผมว่าคุณหนุ่ยไม่ต้องลงมือทำก็ได้เดี๋ยวผมตามหลานชายมาช่วย...คุณหนุ่ยจะเอายังไงค่อยๆบอกแล้วกัน...จะได้ไม่เหนื่อย” นายชดพูด
“ไม่เป็นไรครับ...ลุงชดตามหลานมาช่วยอีกแรงก็ดี...ช่วยกันหลายๆคนสนุกดี...เดี๋ยวผมจะชวนเพื่อนมาช่วยอีกสองสามคน” หนุ่ยบอก หนุ่ยไม่เคยถือตัวว่าเป็นเจ้านาย เขาคิดเสมอว่าเขามาจากไหน...ทุกๆคนมีสิทธิเท่าเทียมกันแตกต่างกันตรงหน้าที่รับผิดชอบเท่านั้น
...................
หนุ่ยตื่นแต่เช้าออกไปวิ่งและกลับมาเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นพร้อมจะลุยงานปูนเต็มตัว วันนี้กองเชียร์เพียบ ทั้งน้ำ ทั้งขนม ของว่างมากมาย ธีร์สั่งให้ป้าจิตทำก๋วยเตี๋ยวไก่น้ำใส โดยเอาหม้อก๋วยเตี๋ยวออกมาตั้งที่หน้าสวนบาหลีเลยทีเดียว
“โอ้โหป้าจิต...นี่กะจะไม่ให้ทำงานเลยนะเนี่ย” หนุ่ยอดไม่ได้ที่จะแซวป้าจิตที่กำลังก่อไฟเตาถ่านที่สนาม เด็กรับใช้ช่วยกันยกโต๊ะออกมาวางเครื่องปรุง
“กลิ่นหอมอย่างนี้ทำไปกินไป...มีหวังทำไม่เสร็จแน่” ลุงชดทำท่าสูดกลิ่นหอมของน้ำซุป
“เดี๋ยวไม่เสร็จคุณหนุ่ยก็ให้มาทำอีกแน่ๆ” ไอ้อ๊อดหลานชายตัวอ้วนพูดขึ้นบ้าง ทุกคนหัวเราะออกมาสนุกสนาน
“เร็วเถอะ...เดี๋ยวคุณธีร์ลงมาจากห้องโดนดุพอดี...” ป้าจิตเร่งเด็กรับใช้อีกสองคน
“ผมมีเพื่อนมาช่วยอีกสองคนนะป้า...ของกินพอมั้ย...” หนุ่ยเอ่ยปากถามเพราะเมื่อคืนเขาชวนทีมกับแคนมาช่วยทำสวน เด็กหนุ่มทั้งสามไม่เจอกันนานแล้ว จึงรับปากว่าจะมากัน
“เพื่อนคุณหนุ่ยมาแล้วมั้งคะ...” ป้าจิตชะเง้อไปทางปากประตูบ้าน
“เฮ้ย...ทีม...แคนทางนี้” หนุ่ยกวักมือเรียก เด็กหนุ่มไม่เจอกันนานแล้วจึงกอดกันกลมด้วยความดีใจ
“กูไม่กล้าเดินมาทางนี้...กูคิดว่าร้านขายก๋วยเตี๋ยว” ทีมพูดออกมาทำเอาป้าจิตค้อนควับ
“แหม...คุณทีม...ป้าทำอร่อยกว่าร้านอีกนะคะ...”
“ไอ้ทีม...ปากดีเดี๋ยวก็อดแดกหรอกมึง” แคนเขกหัวเพื่อนรัก
“ป้าจิตครับ...ขอเส้นเล็กน้ำชามนึงก่อนนะครับ...ผมหิวจังเลย...ข้าวเช้ายังไม่ได้กิน” ทีมเดินไปอ้อนป้าจิต
“เฮ้ย...มึงรู้ปะ...ไอ้อ้นมันเลิกกับน้องส้มแล้วนะเว้ย” แคนพูดออกมา หนุ่ยทำหน้าตกใจไม่น้อย
“จริงดิ...ใครบอกมึงวะ” หนุ่ยถาม
“ก็ส้มมันโทรมาร้องไห้กับกู...มันบอกว่าไอ้อ้นทิ้งมันไปอยู่กับผู้ชาย” หนุ่ยตาเหลือกตกใจเข้าไปอีก ไม่คิดว่าอ้นจะเตลิดไปไกลขนาดนั้น
“ใครวะ...”ทีมถาม
“เห็นส้มมันบอกว่าชื่อไอ้แดน” ทุกคนตาค้าง...อึ้ง...ทึ่ง...เสียวไปกับความเปลี่ยนแปลงของอ้น ...