.......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...  (อ่าน 129814 ครั้ง)

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


*****************

แนะนำเรื่อง

เรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งโดยเพื่อนสนิทของนาเมฮ์เองค่ะ เรียกว่า คุณนิ้วไขว้ (ตามนามปากกาของเจ้าตัว) ก็แล้วกันนะคะ

นิ้วไขว้ฝากมาให้ลงที่เล้าอีกที่นึง (นอกจากที่เจ้าตัวเอาไปโพสเองที่ถนนนักเขียน พันทิป)

ไม่อนุญาติให้นำไปลงที่อื่นนอกเหนือจากที่นี่ หากไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าของเรื่องนะคะ

ฝากไว้อีกเรื่องด้วยค่ะ

*โค้ง*


***************************************

เพลงรัก

บทที่ 1

“งั้น วันนี้ พี่ว่าเอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน” คนนั่งหัวโต๊ะว่าพร้อมวางปากกาในมือลงบนโต๊ะประชุมหน้าตาทันสมัยขนาดนั่งได้สิบคนแบบพอดีๆ

“ก็เกือบเป็นรูปเป็นร่างแล้วเหมือนกันนะ ต้น” หญิงสาวผมสั้นท่าทางคล่องแคล่วที่ดูไม่ออกว่าอายุมากหรือน้อยที่นั่งใกล้ๆกันว่าอย่างอารมณ์ดี

“ครับพี่” ต้น ของพี่ๆตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้ว่าเขาจะใช้เวลาเกือบตลอดช่วงบ่ายและช่วงเย็นของวันนี้หมดไปกับการประชุมที่ยาวนาน แต่เขายอมรับกับตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายแต่อย่างใด


ถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบสามปีแล้ว นับตั้งแต่วันที่น้ำต้นเดินเข้ามาในบริษัทเพลงยักษ์ใหญ่แห่งนี้ในฐานะนักเรียนฝึกหัด เขาเริ่มต้นชีวิตการเป็น “นักร้อง” นับตั้งแต่วันนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายถึงเพียงนี้ จากเด็กผู้ชายจากต่างจังหวัดธรรมดาคนหนึ่งที่รักการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ บวกกับพรสวรรค์ด้านดนตรีและน้ำเสียงที่อาจจะมีความโดดเด่นกว่าคนในวัยเดียวกันสักหน่อย เขาตัดสินใจจากบ้านเกิดมาไกลเพื่อเป้าหมายในชีวิตที่แน่วแน่ของเขาในการที่จะเป็นนักร้อง “ศิลปิน” เป็นคำที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับเขา เวลาที่มีใครเรียกเขาว่าศิลปิน เขาก็จะบอกอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัวว่า เขาเป็นแค่นักร้องคนหนึ่งที่ยังต้องฝึกฝนตัวเองอีกมากมายนัก และความสำเร็จที่เขาได้รับมาจากอัลบั้มชุดแรกในชีวิตก็ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น


ในบรรดานักร้องฝึกหัดรุ่นเดียวกันนั้น น้ำต้นเป็นคนที่มีพัฒนาการเร็วกว่าใครเพื่อน เขาอาจจะเป็นนักเรียนฝึกหัดที่อายุมากกว่าคนอื่น เพราะเด็กส่วนใหญ่มาสมัครตั้งแต่เพิ่งจะย่างเข้าวัยรุ่นเท่านั้น แต่ตอนนั้นน้ำต้นอายุสิบหกจะย่างเข้าสิบเจ็ดอยู่แล้ว แต่ด้วยความสามารถอันล้นเหลือที่มี น้ำต้นจึงได้รับการยอมรับนับถือจากน้องๆที่เรียนมาด้วยกันอย่างเป็นเอกฉันท์ ใครที่มีปัญหาเรื่องการร้องเพลง การเล่นดนตรี หรือแม้แต่การเต้น เป็นต้องมาหาพี่ต้นอยู่เสมอ เพราะรู้ว่าพี่คนนี้ดีใจหาย เรื่องน้ำใจ น้ำต้นพร้อมที่มีให้คนอื่นได้อย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น พอโดนแซว เขาก็ว่าอย่างติดตลกว่า “ต้นเป็นคนเหนือครับ หนุ่มเหนือก็ใจดีและจริงใจอย่างนี้แหละ”


ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี แววที่เคยมีก็ยิ่งโดดเด่นเข้าตาโปรดิวเซอร์หลายต่อหลายคนในบริษัท จนวันหนึ่ง พี่นอ หรือนรเศรษฐ์ หนึ่งในโปรดิวเซอร์ที่ได้ชื่อว่ามีฝีมืออยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทย ก็เรียกตัวน้ำต้นเข้าไปพบ พร้อมกับบอกข่าวดีแก่เด็กหนุ่มว่า หมดเวลาของการเป็นนักเรียนฝึกหัดแล้ว “พี่ว่าต้นควรจะได้แสดงความสามารถที่มีออกมาเสียที พี่ดูต้นอยู่นานแล้ว” ในวันนั้นเขาดีใจจนแทบจำไม่ได้แล้วว่าพี่นอบอกอะไรแก่เขาบ้าง นอกจาก คำสัญญาที่พี่นอขอให้เขาตั้งใจให้มากที่สุดกับการทำงานครั้งนี้ “พี่ไม่ได้ทำงานให้นักร้องใหม่มานานมาก เพราะพี่ไม่ถูกใจใครสักที ต้นคือคนที่พี่หมายมั่นปั้นมือนะ เพราะฉะนั้นพี่ก็จะคาดหวังจากต้นมากกว่าคนอื่น คิดว่าจะไหวมั้ย” เขาให้สัญญาทันทีแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย


น้ำต้นเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับทักทายทีมงานอย่างร่าเริงตามวิสัยของเขา ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า วันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน แม้เพิ่งจะผ่านการประชุมอันแสนยาวนานเมื่อไม่กี่นาทีมานี้ แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงความคล่องแคล่วสดใสเอาไว้ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก็เป็นเรื่องงานที่เขารัก ทำไมเขาจะต้องเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายกับมันด้วยเล่า ที่สำคัญการประชุมครั้งนี้ก็เป็นเรื่องของเขาล้วนๆ เขากำลังจะได้ทำอัลบั้มที่สองเร็วๆนี้แล้ว


“ชุดแรกประสบความสำเร็จถล่มทลายเลยล่ะต้น” พี่นอยืนยันในห้องประชุม “ชุดที่สองแทนที่จะต้องรอไปอีกห้าหกเดือนก็เลยต้องร่นเวลาให้เร็วขึ้นอีกหน่อย”

“มันจะไม่เร็วเกินไปใช่มั้ยครับพี่” น้ำต้นถามด้วยน้ำเสียงเจือกังวลเล็กน้อย

“พี่รู้ว่าต้นคิดอะไรนะ ต้นไม่ต้องห่วง ข้อแรกกว่างานจะออกมา ไทม์มิ่งมันน่าจะพอดี ไม่ติดกันจนเกินไป ข้อสองเราไม่เคยทำงานกันลวกๆ งานต้องพิถีพิถัน ยิ่งชุดนี้ชุดที่สอง ใครๆก็ชอบบอกว่าอาถรรพ์หมายเลขสอง เราก็ยิ่งอยากจะเปลี่ยนความเชื่ออันนั้นมากขึ้นไปอีก” เมษ หรือพี่เมษ เออาร์สาวผมสั้นท่าทางห้าวๆว่า “เชื่อมือพี่นอเถอะต้น”

“ต้นเชื่ออยู่แล้วครับพี่ ถ้าพี่ว่าดี ต้นก็ต้องว่าดีอยู่แล้ว” เขาว่าอย่างจริงใจ ถ้ากับคนอื่นเขาอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากเท่านี้ แต่ตลอดระยะเวลาที่ทำงานร่วมกันมา พี่นอกับพี่เมษ และทีมโปรดักชั่นทีมนี้ ได้พิสูจน์แล้วว่า ทุกคนได้ทุ่มเททำงานเพื่อเขามากเพียงใด


นี่เขากำลังจะมีผลงานอัลบั้มที่สองออกมาแล้วหรือนี่ เขาอดรำพึงกับตัวเองขึ้นมาไม่ได้จริงๆ จะว่าไป สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาตลอดระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมานี้ ไม่ต่างอะไรกับความฝันเลย นรเศรษฐ์เข้มงวดกับการทำงาน รายละเอียดทุกเม็ด โปรดิวเซอร์มือทองคนนี้ไม่เคยมองข้ามจุดเล็กๆอะไรไปเลยแม้แต่นิดเดียว ในตอนแรกน้ำต้น อดรู้สึกท้อแท้ไม่ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความฮึดที่มีอยู่เกินร้อยของเขา ทำให้เริ่มจับทางการทำงานของโปรดิวเซอร์หน้าตาดุดันแต่ใจดีคนนี้ได้ในที่สุด ผ่านไปไม่นานดูเหมือนจังหวะในการทำงานจะลงตัวไปหมด ไม่ว่านรเศรษฐ์จะให้เขาร้องเพลงซ่อมแล้วซ่อมอีก เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ลองแล้วลองอีก ไม่รู้ตั้งกี่ร้อยครั้ง เขาก็ไม่เคยบ่น ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองไป เมื่อความสนิทสนมเกิดขึ้นและทำงานได้เข้าขากันมากขึ้น น้ำต้นก็เริ่มกล้าที่จะเสนอความคิดเห็นลงในเนื้องานของตัวเองบ้าง ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง เขาก็กล้าที่จะพูดบอกความคิดของตัวเองออกไป นรเศรษฐ์ก็ดีใจหาย อะไรดีไม่เพียงแต่จะรับฟังเท่านั้นแต่นำไปใช้ในงานของเขาจริงๆ อะไรที่ยังไม่ดีก็แนะนำว่าไม่ดีอย่างไร ไม่เพียงแต่จะได้ทำผลงานของตัวเอง เขายังได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วย ระยะเวลาปีครึ่งที่ใครๆต่างก็ออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่า ยาวนานเกินไปสำหรับการทำผลงานสักชุดให้กับนักร้องหน้าใหม่ ดูจะไม่ใช่เรื่องที่น้ำต้นเป็นกังวลเลย เพราะเขาเชื่อเหลือเกินว่า อัลบั้มแรกที่ผ่านฝีมือของนรเศรษฐ์จะต้องออกมาดีแน่นอน


น้ำต้นรื้อหากุญแจรถและโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเป้คู่ใจเป็นระวิง วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนเสียหน่อยเถอะ แทบจะไม่ได้ดูดำดูดีบ้าน หรือจะเรียกให้ถูกคงต้องบอกว่าเป็นคอนโดของเขาที่แม่ซื้อเอาไว้ให้เมื่อครั้งที่รับรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้กำลังจะได้ออกอัลบั้มเป็นของตัวเองแล้วนั่นแหละ ตอนนั้นแม่คงไม่คิดหรอกว่าลูกชายคนนี้จะประสบความสำเร็จกับงานชุดแรกถึงขนาดนี้ แม่บอกว่า “แม่ดีใจกับต้นนะลูก แต่แม่ก็ไม่อยากให้ต้นดีใจเกินไป เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง” ต้นรู้ดีว่าแม่หมายถึงมันอาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ได้ ในช่วงเวลาที่วงการเพลงไทยซบเซาลงอย่างน่าใจหาย ไม่น่าแปลกใจเลยว่ามีนักร้องหน้าใหม่มากมายที่ออกผลงานชุดแรกออกมาเพียงชุดเดียวแล้วก็หายเงียบไปจะมีอยู่อย่างมากมายดาษดื่น แม่กลัวว่าลูกชายจะผิดหวังมากหากหวังสูงเกินไป
   

แต่ต้นกลับกลายเป็นนักร้องหน้าใหม่ที่สวนกระแสทุกคน อัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อว่า My Tone ของน้ำต้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ปล่อยซิงเกิ้ลแรกออกมาได้ไม่ทันไรเพลงของเขาก็ดังเป็นพลุแตก น้ำต้นกลายเป็นที่รู้จักภายในระยะเวลาอันรวดเร็วจนเขาเองแทบจะตั้งตัวไม่ทัน หมุนวิทยุไปคลื่นไหนเป็นต้องได้ยินเพลงของเขาเปิดวนอยู่อย่างนั้น ซิงเกิ้ลที่สอง และสามที่ออกตามมาก็ขึ้นไปติดอยู่อันดับหนึ่งบนชาร์ตตามความคาดหมาย ยอดขายอัลบั้มที่ใครๆก็บอกกับเขามาตั้งแต่แรกว่า อย่าหวังมากเกินไป เพราะนักร้องเดี๋ยวนี้รายได้หลักมาจากการขายโชว์มากกว่ายอดขาย กลับเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นทั้งยอดขายที่เป็นซีดีหรือยอดดาวน์โหลด ตั้งแต่นั้น งานก็วิ่งเขาหาเขามากมายจนตั้งตัวไม่ติด โชคยังดีที่มีเมษเข้ามาทำหน้าที่เป็นเออาร์หรือจะว่าตามจริงก็เหมือนผู้ดูแลและผู้ช่วยส่วนตัวของเขาเองนั่นแหละ เขาถึงได้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง โชคดีขึ้นไปอีกเมื่อพี่เมษเองก็ทั้งรักและเอ็นดูเขาเหลือเกิน แถมพี่เมษยังเป็นเออาร์ที่มีความรู้เรื่องดนตรีอีกต่างหาก เวลามีเรื่องหรือปัญหาอะไรไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ก็ได้ผู้หญิงทำงานเก่งคนนี้แหละที่คอยดูแลเป็นห่วงเขาอยู่ตลอดเวลา
   

แม้ชื่อเสียงจะทะลักเข้ามาจนแทบไม่ทันตั้งตัว แต่ก็เป็นคุณแม่นี่เองที่คอยเตือนสติเขาอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ให้หลงระเริงไปกับชื่อเสียงเงินทองเหล่านั้น “ทำตัวเหมือนเดิมนี่แหละลูก แม่เชื่อว่าที่ต้นมีวันนี้ได้ก็เพราะตัวของต้นเอง เราอย่าไปเปลี่ยนแปลงเพียงเพราะสิ่งนามธรรมชั่ววูบนะลูก เคยดีกับใครยังไง นอบน้อมกับใครยังไงก็ให้ทำอย่างนั้น อย่าให้ใครมาว่าเราได้” น้ำต้นยิ้มรับคำสอนของแม่ ในใจอยากจะบอกเหลือเกินว่า ลูกแม่ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังอยู่แล้ว แต่ที่แน่ๆ เขารู้ดีว่าคนที่ดีใจกับเขาที่สุดก็คือพ่อกับแม่นี่เอง พ่ออาจจะไม่ใช่คนพูดเก่ง แต่เขาก็รู้ว่าพ่อรักและเป็นห่วงเขามากกว่าใคร
   

“ต้นครับ จะกลับคอนโดเลยหรือเปล่า” เมษเดินเข้ามาถาม
   
“ครับพี่ พี่เมษมีอะไรให้รับใช้ครับ” น้ำต้นว่า
   
“โอ๊ย... ให้ต้นมารับใช้ แฟนๆเธอจะได้ตามมาหักคอพี่ปะไร” เมษว่าติดตลก “พี่จะเตือนเรื่องคิวถ่ายแฟชั่นของต้นหน่อย วันมะรืนบ่าย ถ่ายปก Men Fash! จำได้ไหม”
   
“พี่ไม่เตือน ต้นก็ลืมไปแล้วเนี่ย” น้ำต้นว่าพลางเปิดสมุดจดคิวของตัวเองขึ้นมาดูบ้าง “เออ จริงด้วย”
   
“แล้วก็อีกอันนึง พี่ปุ๊กผู้จัดละคร โทรมาถามว่าตกลงต้นสนใจอยากไปเล่นละครให้พี่เค้าแล้วรึยัง” เมษถามยิ้มๆเหมือนพอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
   
“แหม พี่เมษ...ถ้าเป็นเรื่องร้องเพลงนะ สู้ตายเลย แต่เรื่องนี้นี่...” น้ำต้นทำท่าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
   
“จะให้พี่บอกปัดไปก่อนมั้ย” เมษถามพลางพินิจดูใบหน้าคมๆและดวงตากลมโตที่ขมวดเข้าหากันอย่างเอ็นดู
   
“พี่ปุ๊กเค้าจะโกรธต้นมั้ยอ่ะครับ ถ้าต้นปฏิเสธไปก่อน” สีหน้าของเขาเห็นได้ชัดว่าลำบากใจยิ่ง
   
“ไม่หรอก ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของต้นเลย พี่เข้าใจนะ แล้วก็คิดว่าถ้าอธิบายให้พี่ปุ๊กฟังพี่เค้าต้องเข้าใจสิ อีกอย่าง พี่จะบอกพี่ปุ๊กไปด้วยว่าต้นกำลังเตรียมทำอัลบั้มใหม่ คิวอาจจะไม่ได้ เอางี้ดีไหมล่ะ”
   
น้ำต้นยกมือไหว้เออาร์สาวคนสนิทอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณครับพี่เมษ”
   
“งั้นเอาตามนี้ ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่สนิทกับพี่ปุ๊ก คุยกันได้ ป่ะ... จะลงไปแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวพี่ไปด้วย”
   
“วันนี้พี่เมษกลับเร็วเป็นประวัติการณ์ พายุเข้าแน่ๆ” น้ำต้นแซว
   
“เออน่า... เห็นอย่างนี้ชั้นก็คนมีครอบครัวนะเธอ กลับเร็วซักวันนายไม่ว่าหรอก เดี๋ยวจะได้ซื้อของเข้าบ้านด้วย เออ... ต้นเอาอะไรรึเปล่า เดี๋ยวพี่ซื้อเผื่อเลย ไปซื้อของลำบากนี่เรา”
   
“นิดหน่อยพี่ พอไหว ไม่เหลือบ่ากว่าแรงต้นก็ไปของต้นเองได้ แค่ต้องไปดึกหน่อยฮะ”
   

เมษตบบ่าน้ำต้นอย่างเข้าใจ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอจึงรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้นัก อาจจะเป็นเพราะเป็นคนบ้านเดียวกันหรือ แค่นี้ก็ไม่น่าจะทำให้รู้สึกถูกชะตากับน้ำต้นได้มากมายขนาดนี้ คงเป็นเพราะความเป็นเด็กซื่อๆ จริงใจ ตรงไปตรงมา บวกกับความสามารถอันล้นเหลือที่น้ำต้นมีมากกว่า ที่ทำให้เธออยากจะเห็นกับตาว่าเด็กคนนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน เธอหันไปมองเด็กหนุ่มที่เดินเคียงไปข้างๆ ไม่ใช่แค่ความสามารถหรอกนะที่น้ำต้นมี รูปสมบัติของหนุ่มคนนี้ยังไม่เบาเสียด้วย น้ำต้นอาจจะไม่ใช่หนุ่มวัยย่างเข้ายี่สิบที่หล่อจัด แต่เขาดูแลตัวเองค่อนข้างดี หน้าตาอยู่ห่างไกลจากคำว่าขี้ริ้วขี้เหร่ไปไกลโข ดวงตากลมโตหวานหยาดเยิ้ม คิ้วเข้มจมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่ม ยิ้มกว้างแต่ดูมีเสน่ห์ล้นเหลือ ผมที่ตัดสั้นตอนนี้ดูเหมือนจะยาวขึ้นแล้ว และคงต้องตัดออกบ้างเร็วๆนี้ ยิ่งช่วยทำให้ใบหน้านี้น่าดูมากขึ้นไปอีก เมษอมยิ้มเมื่อนึกถึงแฟนๆที่ตามไปให้กำลังใจน้ำต้นอย่างคลั่งไคล้ไม่ว่าเขาจะไปปรากฏตัวที่ไหนก็ตาม โถ เด็กหนอเด็ก จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองเสน่ห์แรงขนาดไหน
   

น้ำต้นหันกลับมามองหน้าเมษอย่างรู้ตัวว่าถูกแอบมอง ก่อนจะทำหน้าระแวงเต็มที่ “อะไรพี่”
   
เมษระเบิดเสียงหัวเราะออกมาตรงหน้าลิฟต์ที่ทั้งคู่ยืนรออยู่อย่างไม่รีบเร่งอะไรนัก “เปล๊า... ก็แค่รู้สึกว่า ต้นจะรู้ตัวไหมว่า ตัวเองเสน่ห์แรงขนาดสาวๆกรี๊ดกันทั้งบ้านทั้งเมืองขนาดนี้”
   
“โหยพี่... ทุกวันนี้ต้นก็วางตัวไม่ถูกนะ บางทีก็เขิน คนมากรี๊ดเยอะๆ”
   
“นั่นสิ ขี้อายแบบนี้ เมื่อไหร่จะมีแฟนซักทีล่ะเรา”
   
“โอ๊ย... ไม่มีพี่ ใครจะมาเอา” ต้นส่ายหน้าหงึก “อีกอย่าง เดี๋ยววิ่งไปงานทางโน้น เดี๋ยววิ่งไปงานทางนี้ ต้นจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลใครได้ ขืนไปมีใคร มีหวังโดนเค้าทิ้งแน่ๆ” คนฟังถึงกับหัวเราะชอบใจออกมาเมื่อได้ยิน
   
“เออ พูดไปเถอะ เดี๋ยวมีขึ้นมา ขี้คร้านจะไม่พ้นมือพี่เมษคนนี้”
   
“มีเมื่อไหร่นะ พี่เมษรู้คนแรกแน่นอน ต้นไม่ปิดบังพี่เมษอยู่แล้ว” เด็กน้อยเอ๋ย เมษรำพึงขึ้นในใจอย่างเอ็นดู ก็เพราะซื่ออย่างนี้นี่เล่า พี่ถึงได้เป็นห่วง
   
“ไป ลิฟต์มาแล้ว” เมษรุนหลังน้ำต้นเข้าไปในลิฟต์ที่ว่างเปล่า
   

จะสามทุ่มแล้ว ปริมาณรถบนถนนคงจะเบาบางลงบ้างแล้ว มาอยู่ในเมืองหลวงหลายปีก็จริง น้ำต้นอดทนได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวก็คือเรื่องรถติดนี่ล่ะ กว่าจะถึงคอนโดก็คงจะปาเข้าไปสี่ทุ่มโน่นล่ะมั้งวันนี้ ครั้นจะมาทำงานด้วยรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านหน้าคอนโด สะดวกสบายเสียยิ่งกว่าอะไร แต่ด้วยเพราะชื่อเสียงและหน้าตานี่ไงเล่า ทำให้เกิดความแตกตื่นทุกครั้งไม่ว่าเขาจะไปปรากฏตัวที่ไหน แทนที่จะสบายกลายเป็นลำบากแถมยังจะไปสร้างความวุ่นวายให้คนอื่นอีก ก็เลยตัดปัญหาด้วยการขับรถไปไหนมาไหนเสียเองนี่แหละ
   

“ต้น พี่อยากจะบอกอะไรต้นหน่อยนะ” เมษว่า

“ครับพี่”
   
“เรื่องละครน่ะ พี่อยากให้ต้นลองไปคิดดูเหมือนกันนะ อาจจะไม่ใช่ครั้งนี้ก็ได้ แต่คราวต่อไป พี่อยากให้ต้นลองอ่านบทดู แล้วต้นลองถามตัวเองอีกทีว่าพร้อมไหม อยากเล่นไหม พี่ว่ามันเป็นโอกาสที่ดีนะ”
   
“แต่ต้นไม่มั่นใจว่าต้นจะทำได้เลยนะพี่”
   
“พี่รู้ แต่พี่ว่าของบางอย่างไม่ลองไม่รู้ อีกอย่าง มันไม่ได้หมายความว่าต้นจะทิ้งการร้องเพลงไปเลยนี่ แค่เป็นการลองอะไรใหม่ๆดู แต่สุดท้ายมันก็แล้วแต่ต้นเลยนะ พี่แค่อยากให้เก็บไปคิดดูน่ะ”
   
“ครับพี่เมษ ถึงตอนนั้นต้นก็คงหนีไม่พ้นขอคำปรึกษาจากพี่เมษนี่แหละ” น้ำต้นสบายใจเวลาคุยเรื่องงานกับเมษ เพราะเขารู้ว่าเมษไม่เคยบังคับ หรือกดดันอะไรเขา คำแนะนำของเมษจะเต็มไปด้วยเหตุผลที่น่าฟังเสมอ และที่สำคัญ เขารู้ดีว่าหากเมษออกปาก นั่นต้องเกิดจากการไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีแล้วและย่อมเป็นสิ่งที่เห็นว่าดีที่สุดสำหรับเขา
   

ลิฟต์หยุดอยู่ที่ชั้นยี่สิบ ประตูลิฟต์เปิดออก ก่อนที่จะมีคนอีกห้าหกคนเดินเข้ามา เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงอีกครั้ง เขาจึงสังเกตเห็นใครคนหนึ่งที่เริ่มรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอีกแล้ว น้ำต้นจำได้ว่าพักนี้เขามักจะได้เห็นเสี้ยวหน้านี้อยู่บ่อยๆ ในลิฟต์บ้าง ตรงทางเดินของชั้นยี่สิบ บ้าง นานๆก็จะได้เห็นบนชั้นสามสิบ ที่เขาขึ้นไปทำงานเป็นประจำสักที ทำไมรู้สึกคุ้นตาคนคนนี้นักก็ไม่รู้ ทั้งที่ดูออกจะธรรมดาแท้ๆ ถ้ายืนเทียบกับกัน เขาตัวเล็กกว่าน้ำต้น สูงน่าจะไม่เกิน 170 ผมสั้นระต้นคอ ที่โดดเด่นคงจะเป็นแว่นตากรอบดำที่ทำให้ดูเป็นเด็กเรียนอันนั้นนั่นแหละ แต่ก็ไม่น่าจะใช่เด็กนะ เพราะบุคลิกดูเป็นผู้ใหญ่ทีเดียว ท่าทางก็เรียบร้อยดีจริงๆ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เคยได้รู้สักทีว่าคนคุ้นหน้าคนนี้เป็นใครที่ไหน และทำอะไรอยู่ที่นี่


ยังไม่ทันไร ลิฟต์ก็พาเขามาลงที่ชั้นล่างสุด ของอาคารสูงสามสิบห้าชั้นแห่งนี้แล้ว ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็ปรากฏว่ามีกลุ่มแฟนเพลงของเขาที่มารออยู่ชั้นล่างอย่างเหนียวแน่นเดินเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูปและขอลายเซ็น น้ำต้นไม่เคยอิดออด ไม่เคยแสดงอาการเบื่อหน่ายต่อคนเหล่านี้ แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน เพราะเขารู้ดีกว่า เขาคงมาไม่ได้ไกลถึงเพียงนี้หากไม่มีคนที่ชื่นชมในตัวเขา เมษยืนดูอยู่ห่างๆ ถ้าไม่ใช่ลักษณะกลุ้มรุมเสียจนไร้ระเบียบ เธอจะไม่เข้าไปขัดขวางแต่อย่างใด เพียงแต่จะดูความเรียบร้อยให้แน่ใจว่าทุกอย่างควบคุมได้และไม่วุ่นวายเท่านั้น
กว่าจะปลีกตัวไปขึ้นรถได้ ก็สามทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว น้ำต้นหัวเราะเบาๆกับตัวเอง วันไหนคิดว่าจะกลับถึงบ้านเร็วๆ เป็นต้องมีอะไรมาทำให้ดึกทุกที แต่ก็ชินเสียแล้ว เขายกมือไหว้ลาเมษที่จอดรถอยู่ไม่ไกลกัน เปิดประตูขึ้นรถอย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกหงุดหงิดสักนิดที่จะกลับถึงบ้านดึกกว่าที่ตั้งใจนิดหน่อย ข้าวของพะรุงพะรังที่ส่วนใหญ่เป็นของขวัญและของกินจากแฟนเพลงที่เพิ่งได้รับมาสดๆร้อนๆถูกวางเอาไว้อย่างดีตรงเบาะหลังของรถญี่ปุ่นสีดำพาหนะคู่ใจที่พาเขาไปไหนต่อไหนได้อย่างคล่องตัวมาตลอดทั้งปี


“แม่ นี่ต้นนะ” เขาทักที่ปลายสายอย่างร่าเริงผ่านสมอลล์ทอล์ก ก่อนที่จะสตาร์ทรถเก๋งสีดำและออกจากลานจอดรถฝ่าการจราจรที่เริ่มจะบางตาลงแล้วออกไป

 


*****************

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ


*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 15:57:09 โดย THIP »

PORTRAIT

  • บุคคลทั่วไป
วู้วเข้ามาโฉบนิยายที่ลงโดยพี่นาเมฮ์
เป็นกามลังใจให้พี่นิ้วไขว้คนแต่งด้วย

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
จิ้มเรื่องใหม่จ้า

ออฟไลน์ panpan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
อ่านตอนแรกก็หลงรักแล้ว   :L1:

Forever_ever

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาจิ้มเรื่องใหม่ค่ะ
เห็นชื่อคนโพสต์ก็รีบเปิดเข้ามาดูเลย
ตอนแรกก็น่าติดตามแล้วค่ะ
มารอตอนต่อไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้ทั้งคนแต่งคนโพสต์เลยค่ะ
 :L2: :L2: :L2:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ............. เพลงรั&#
«ตอบ #5 เมื่อ05-07-2009 20:15:59 »

หุหุ น้ำต้นชื่อแปลกดีคะ อายุยังน้อยแต่ดังมากๆแล้วก็นิสัยดีจัง
ท่าทางจะรุ่งกว่าการเป็นนักร้องแหะ นักแสดงก็มาจ่อล่ะ อิอิ

 :mc4: ต้อนรับเรื่องใหม่คะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2009 20:18:04 โดย mecon »

ออฟไลน์ lomekung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1



ขอจิ้มเรื่องใหม่อะคับบบบบ :z13:

van

  • บุคคลทั่วไป
อ่านสนุกค่ะ  เนื้อเรื่องชวนติดตามจะรอตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณคุณนิ้วไขว้ผู้แต่งและคุณนาเมฮ์คนโพสนะคะ  :L1:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
เข้ามาเจิมนิยายใหม่  :L2:

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
จิ้มๆ น่าอ่าน  :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






C2U

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาเจิม ฟิคใหม่อีกคน 

 :L2:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
เจิมด้วย

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
มาต่อแล้วค่ะ

***************

เพลงรัก

บทที่ 2

“หวัดดีคร้าบ” น้ำต้นยกมือไหว้ทีมงานทุกคนอย่างร่าเริงเช่นเคย
   
“น้องต้นมาแต่เช้าเชียว วันนี้มีอะไรหรือครับ” เสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามไถ่เขาอย่างเป็นกันเอง เหมือนกับที่ต้นบอกใครต่อใครว่า ชั้นสามสิบเหมือนบ้านแห่งที่สองของเขา “ประชุมครับพี่”
   
เมื่อวานเมษโทรถามไถ่เขาเรื่องการถ่ายปกกับนิตยสารแฟชั่นผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นนิตยสารที่มาแรงที่สุดในขณะนี้
   
“สบายมากพี่เมษ ถ่ายนานหลายชั่วโมงเหมือนกัน แต่เสื้อผ้าสวยมาก แล้วก็พี่ทีมงานทุกคนน่ารักหมดเลยครับ” ต้นส่งเสียงไปยังปลายสาย เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องห่วง เมษไม่ห่วงอยู่แล้ว เพราะนิตยสาร Men Fash! แอบกระซิบอย่างไม่ปิดบังว่า เป็นแฟนเพลงของน้ำต้นกันทั้งทีม จึงไม่น่าแปลกใจที่น้ำต้นจะถูกเจาะจงตัวให้เป็นปกของนิตยสารที่ว่าสำหรับฉบับเดือนหน้าไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
   
“พี่รู้หรอกน่า น้องพี่ไม่ทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว ทางโน้นเค้าก็ชมเราใหญ่เลยว่าต้นทำงานด้วยง่ายมาก วันหลังอาจจะขอตัวไปถ่ายอีก เออ... เกือบลืม พี่นอให้พี่โทรมาเตือนว่าพรุ่งนี้อยากให้ต้นมาเข้าประชุมด้วยแต่เช้า ซักสิบโมง ไหวมั้ย พี่เช็กดูแล้วพรุ่งนี้ต้นไม่ติดอะไร”
   
“ไหวสิพี่ พอจะรู้มั้ยครับว่าประชุมเรื่องอะไร”
   
“เห็นพี่นอบอกว่า อยากจะแนะนำให้รู้จักกับทีมงานสักหน่อย หนนี้เรามีการเปลี่ยนแปลงอะไรนิดหน่อย แล้วก็ได้คนใหม่ๆมาช่วยงานด้วย พี่นออยากให้ทำความรู้จักกันไว้น่ะ”
   

ทำความรู้จักงั้นหรือ จู่ๆภาพของชายหนุ่มที่เขามักจะเจอในลิฟต์แว่บเข้ามา ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกถูกชะตากับคนคนนั้นเหลือเกิน อะไรบางอย่างติดอยู่ในหัว สลัดอย่างไรก็ไม่หลุดเสียที
   
“พี่เมษครับ ต้นถามอะไรหน่อยนะพี่”
   
“ว่ามา” เมษเองก็ชักสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาแล้ว จากน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังของเด็กหนุ่ม
   
“พี่รู้จัก เอ... จะว่าไงดี ผู้ชายยังไม่แก่นะ ตัวเล็กๆ หน้าเด็กๆ... ในตึกเราอ่ะครับพี่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร ที่ไหน ชื่ออะไร”
   
เมษถึงกับเอามือกุมศีรษะที่ปลายสาย “ต้นครับ... แล้วพี่จะรู้มั้ยเนี่ย คนในตึกเรามีเป็นร้อยเป็นพัน!” พลางหัวเราะ
   
“เอ่อ...” น้ำต้นหัวเราะเก้อๆ “นั่นสิพี่ งั้นไม่เป็นไรครับ”
   
“ทำไม มีอะไรหรือเปล่า”
   
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรครับ ต้นแค่สงสัยเฉยๆ เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้เช้านะพี่” ว่าแล้วน้ำต้นก็วางสายทันที ทำเอาปลายสายงงว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำต้นจึงได้เสียอาการถึงเพียงนี้
   

น้ำต้นเสียอาการจริงอย่างที่เมษคิด เขาไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกที่ติดอกติดใจนี่เท่าไหร่ แค่ตลกตัวเองนิดหน่อยที่กล้าถามอะไรเพี้ยนๆออกไปแบบนั้น พี่เมษจะไปรู้ได้ยังไงกันเล่า เขาเกาศีรษะตัวเองอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรนัก แต่ก็เลือกที่จะหยุดคิดมันไปเสียดีกว่า ตอนนี้ขอคิดถึงเรื่องงานเพียงอย่างเดียว น้ำต้นยกให้งานเป็นอันดับหนึ่งก่อนอย่างอื่นเสมอ จนเพื่อนฝูงที่มีอยู่ในกรุงเทพฯไม่กี่คนบ่นกระปอดกระแปด “ต้นน่ะ พอเป็นเรื่องงานทีไร ทิ้งเพื่อนทุกที” จนน้ำต้นอดหัวเราะไม่ได้ เขารู้ดีว่าเพื่อนๆของเขาเองก็ให้การสนับสนุนเขาเต็มที่ และยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนๆไม่เคยปฏิบัติตัวกับเขาต่างไปจากเดิม เขาเองก็ไม่ได้ทำตัวต่างไปจากเดิมแม้จะมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น นอกจากเวลาที่มีให้กันอาจจะลดน้อยลงเท่านั้นเอง
   

เมื่อคืนเมื่อพอจะมีเวลาว่างบ้าง น้ำต้นจึงพาตัวเองไปฟิตเนสที่อยู่ใกล้ๆกับคอนโดของเขานั่นเอง ก่อนที่จะกลับมาหลับเป็นตาย และตื่นมาประชุมได้ตรงเวลาพอดี
   

เมื่อเดินเข้าห้องประชุมที่วันนี้ดูหนาตากว่าเมื่อวันก่อนเพราะเก้าอี้ทุกตัวถูกครอบครองเอาไว้หมด ยกเว้นที่ว่างที่เป็นของเขาเพียงตัวเดียว น้ำต้นก็ยกมือไหว้กราด ทำเอาทุกคนในห้องรับไหว้แทบไม่ทันพร้อมกับหัวเราะไปที่เด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู
   
“สวัสดีคร้าบบบบ”
   
“ต้นมาตรงเวลามากเลย มานั่งก่อนมา... ไม่ต้องห่วง พวกพี่ยังไม่ได้เริ่มหรอก แค่พุดคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” พี่นอว่าอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะดึงเก้าอี้ข้างๆตัวให้น้ำต้นนั่ง
   

ตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่คุ้นหน้าเหลือเกินนั่งอยู่ด้วย “เฮ้ย... “ เขาอุทานกับตัวเองเบาๆ แต่ก็เบาพอที่ทุกคนจะหันหน้าไปมองเขาอย่างสนใจ
   
“มีอะไรต้น” พี่นอถามอย่างสงสัย
   
“ง่า... เปล่าครับพี่ นึกว่าลืมของ” ปากว่า แต่สายตากลับไปจับจ้องอยู่ที่วงหน้าของตัวต้นเหตุของท่าทาง ‘เสียอาการ’ นั้น
   
“งั้นมาเริ่มแนะนำตัวกันก่อนมั้ย” พี่นอว่า “ทุกคนรู้จักน้ำต้นแล้วนะครับ ชื่อเล่นเต็มๆของน้องคือน้ำต้นครับ แต่ทุกคนเรียกต้นจนติดปากกันหมดแล้ว ไช่ไหมเรา” นอหันไปถามเจ้าตัว
   
“เรียกต้นหรือน้ำต้นก็ได้ครับพี่”
   
“ส่วนคนนี้ พี่มิ่ง ทำหน้าที่เป็นมิวสิกแล้วก็ลีริกไดเร็กเตอร์อัลบั้มชุดใหม่ของเรา เรื่องดนตรีกับเนื้อเพลงพี่มิ่งจะคอยดูแลให้เกือบทั้งหมด ส่วนนั่น โจ เป็นซาวนด์เอ็นจิเนียร์ คนนี้เรื่องซาวนด์หายห่วง พี่เชื่อมือมาก ส่วนถัดไปเป็นสไตลิสต์ซึ่งต้นคุ้นเคยดีอยู่แล้ว ทุกคนนั่นเชนครับ” นอแนะนำอย่างไม่ติดขัด “แล้วก็เพชร คนนี้รู้จักคุ้นเคยกันดี พีอาร์สาวสวยของเรา นักร้องจะเกิดไม่เกิดอยู่ที่พี่เพชรคนเดียว”
   
“แหม พี่นอ... ชมเกินจริงค่ะพี่” เพชรว่าอย่างติดตลก
   
“แล้วก็เมษ เมษเป็นเออาร์ของต้นครับ ถ้าจะเช็กคิวงานหรืออะไรก็ให้เช็กกับเมษได้เลย”
   
“แล้ว พี่อีกคนล่ะครับ” น้ำต้นถามอย่างกระตือรือร้น จนฝ่ายที่ถูกพาดพิงถึงอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้
   
“แหมใจร้อนจริงน้องเรา คนนี้ชื่อนนท์ เป็นผู้ช่วยพี่มิ่งนะ ในเนี้ย นนท์น่าจะอายุใกล้เคียงกับต้นที่สุด น่าจะคุยกันเข้าใจง่ายกว่าแก่ๆอย่างพวกเรา หรือว่าไง” นอถามอย่างติดตลก เรียกเสียงหัวเราะและเสียงประท้วงจากเชนสไตลิสต์หนุ่มที่น่าจะเรียกว่าสาวมากกกว่า “พี่นอ... เป็นอะไรคะ ชอบย้ำเรื่องอายุ” เชนบ่นกระปอดกระแปด
   
“แหม กับน้องเชนนี่ต้องขอยกให้คนนึง” นรเศรษฐ์แหย่กลับทันควัน ทำเอาเชนค้อนแทบไม่ทัน เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างสนุกสนาน
   
“นนท์ ไม่พูดอะไรหน่อยหรือเรา” มิ่งพะยักเพยิด
   

นนท์อมยิ้มก่อนจะว่าด้วยเสียงทุ้มต่ำไม่สมตัวสักเท่าไร “สวัสดีทุกคนครับ ยังไงฝากตัวด้วยนะครับ ผมมือใหม่กว่าใคร ประสบการณ์ก็น้อย ยังไงอาจจะต้องรบกวนทุกคนมากหน่อย”
   
“โอ๊ย... น้องนนท์ถ่อมตัว” เพชร พีอาร์สาวเปรี้ยวถึงกับออกปาก “พี่เห็นใครๆก็ชมว่านนท์เก่งออก”
   
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพี่ ได้พี่มิ่งคอยช่วยตลอด จะเรียกว่าเก่งคงไม่ได้อ่ะครับ”
   
“พี่มิ่ง ว่าไง น้องให้เครดิตขนาดนี้แล้ว” นอหันไปถามมิ่งที่ดูจะอาวุโสที่สุดในห้อง
   
“คนนี้เก่งจริง ไม่งั้นพี่ไม่ผูกขาดขนาดนี้หรอก นนท์เขาเก่งเรื่องเปียโนครับ แล้วก็มีเซนส์ในการแต่งเพลงดี ทางถนัดเขาเป็นอาร์แอนด์บี พี่ก็เลยดึงตัวมาช่วยงานนี้ด้วย เพราะคุยกับนอแล้ว นอบอกว่าไม่อยากให้งานใหม่ของต้นมีแต่ซาวนด์ป๊อปอย่างเดียว อยากจะให้ดนตรีเติบโตขึ้นตามตัวนักร้องด้วย” มิ่งว่าอย่างเป็นการเป็นงาน “แล้วนี่เขาแต่งเพลงให้หลายคน ที่ดังๆติดชาร์ตหลายเพลงก็เป็นผลงานของนนท์เขา”
   
นนท์ฟังพี่มิ่งของน้องบรรยายสรรพคุณตัวเองแล้วได้แต่ยิ้มเขินๆ พร้อมกับบอกว่า “แต่ผมยังแต่งเพลงมาไม่กี่เพลงครับ ยังอีกนานกว่าจะเก่งได้อย่างพี่มิ่ง”
   
“น้องนนท์เรียบร้อยดีจัง อายุเท่าไหร่แล้วคะ” เมษถามอย่างใคร่รู้

“ย่างยี่สิบห้าแล้วครับ”
   
“อะไร หน้ายังเด็กอยู่เลย ต้นยังดูเหมือนคนย่างยี่สิบห้ากว่าอีก” น้ำต้นว่าอย่างเปิดเผย นนท์ทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มไม่ปิดบัง ส่วนคนอื่นๆหัวเราะให้กับความใสซื่อกับเจ้านักร้องตัวดี ที่ไม่เหลือมาดนักร้องสุดเท่เอาเสียเลยเวลาที่ได้มานั่งพูดคุยอย่างเป็นกันเองแบบนี้
   
“เอาล่ะ ไหนๆพี่ก็เกริ่นมาบ้างแล้ว พี่ยังไม่ได้ถามต้นเลยว่า โอเคไหม ถ้าพวกพี่เห็นว่าอยากเพิ่มความเป็นอาร์แอนด์บีให้กับงานชุดใหม่ของต้น ชุดที่แล้วมันป๊อปมากซึ่งก็เหมาะกับศิลปินหน้าใหม่และงานชุดแรก เพราะมันติดหูง่ายที่สุด ตัวต้นเองก็มาสายป๊อปด้วย ตามพี่ทันใช่ไหม” นรเศรษฐ์หันไปถามน้ำต้น
   
“ที่ว่าเพิ่มนี่ เพิ่มมากน้อยอะไรยังไงเท่าไหร่หรือครับพี่” น้ำต้นพยักหน้า พร้อมกับถามอย่างสนใจใครรู้ขึ้นมาบ้าง
   
“ครึ่งต่อครึ่งเลย หนนี้พวกพี่มองว่าอยากจะให้เพิ่มเพลงช้าลงไปมากหน่อย เพราะเสียดายเสียงเรา ชุดที่แล้วเพลงเร็วเยอะเน้นสนุกสนานเป็นหลัก แต่ไม่ค่อยได้โชว์พลังเสียงเท่าไหร่” มิ่งเสริม
   
“แต่พี่อยากจะให้ต้นได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วยว่า จะเอาด้วยไหม หรืออยากจะลดจะเพิ่มอะไรบ้าง ก็บอกพวกพี่ได้” นอว่าอย่างเปิดใจ ตามปกติแล้ว น้อยถึงน้อยมากที่ตัวนักร้องจะมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นในผลงานของตัวเอง ยิ่งเป็นงานชุดแรกๆด้วยแล้ว ยิ่งเป็นไปได้ยาก นักร้องส่วนใหญ่ที่ออกมาบอกว่า ได้มีส่วนร่วมตรงนั้นตรงนี้ เอาเข้าจริงถ้านับเป็นสัดส่วนแล้ว แทบจะไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ หากไม่ใช่วงดนตรีที่ทำเพลงกันเองมาก่อนแล้ว โอกาสที่จะได้มีส่วนร่วมจริงๆนั้นถือว่าน้อยเหลือเกิน
   

แต่สำหรับนรศรษฐ์แล้ว ไม่เพียงแต่จะได้ชื่อว่าเป็นโปรดิวเซอร์มือทอง แต่ในเรื่องของน้ำจิตน้ำใจอันเปิดเผยของเขาก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน นรเศรษฐ์มีวิธีที่จะดึงเอาศักยภาพในตัวของนักร้องที่เขาโปรดิวซ์ออกมาได้ชนิดคาดไม่ถึง เอาเป็นว่าลงเขาได้เลือกแล้วว่าจะทำงานให้ใคร ผลงานชุดนั้นต้องมีอะไรที่มากกว่าอัลบั้มหนึ่งชุดที่มีเพลงครบสิบหรือสิบสองเพลงอย่างแน่นอน ยิ่งกับน้ำต้น นรเศรษฐ์รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นและความกระตือรือร้นของตัวเองที่ขาดหายไปนานแล้วทุกครั้งที่ได้ทำงานกับเด็กหนุ่มคนนี้ เขามั่นใจเหลือเกินว่าจะได้เห็นพัฒนาการที่จะเกิดขึ้นกับน้ำต้นในแบบที่เขาจะไม่ได้เห็นจากใครบ่อยนัก
   

นักร้องหนุ่มที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในห้องประชุมในตอนนี้ คลี่ยิ้มออกมาในที่สุด ดวงตากลมโตเป็นประกาย เขายกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างขัดเขินก่อนที่จะบอกออกไปในที่สุด “ต้นดีใจเลยล่ะครับพี่” เท่านั้นเอง ทุกคนจึงยิ้มออกมาได้อีกครั้ง
   

“ต้นเองก็คิดอยู่ครับว่า อัลบั้มที่สอง ถ้ายังเป็นป๊อปใสๆอย่างเดียวแบบนี้ คงเหมือนย่ำอยู่กับที่ แต่ยังไม่มีโอกาสได้บอกพี่นอซักที ใจต้นอยากลองร้องแบบอาร์แอนด์บีดูบ้างมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ พอพวกพี่ๆชี้โพรงให้อย่างนี้ ต้นไม่มีปัญหาเลยครับพี่”
   
เมษที่ยิ้มกว้างกว่าใครเพื่อนจึงหันไปทางนรเศรษฐ์บ้าง “เห็นมั้ย พี่นอ เมษบอกพี่แล้วว่าต้นต้องชอบ ถ้าซื้อหวยถูกไปแล้วพี่” ว่าแล้วเมษก็ชูมือขึ้นอย่างมีชัย
   
“เออ ไอ้เมษ เอ็งแน่มาก... สมแล้วที่คอยดูแลกันมา” นรเศรษฐ์ว่าอย่างเห็นด้วย
   
“ดีมาก ก็ถือว่าเราก็คงจะเริ่มงานกันได้เสียทีนะ เจ้าตัวเขาโอเคแล้วนี่” ว่าแล้วมิ่งก็หันไปทางชายหนุ่มที่นั่งฟังเงียบๆอยู่ข้างๆ ทันที “งั้นงานนี้พี่บอกนนท์ได้เลยว่า คงต้องเหนื่อยหน่อยแล้ว”
   
“อ้าว ยังไงครับ” นนท์ถามกลับอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก น้ำต้นที่สังเกตอยู่นานแล้ว รู้สึกแปลกใจกับสีหน้าของสมาชิกใหม่เล็กน้อย ปกติเขามักจะเห็นแต่หน้านิ่งๆเป็นส่วนใหญ่เวลาที่เดินสวนกันไปมา เมื่อได้เห็นสีหน้าแปลกใจของนนท์เวลาทำตาโต และเลิกคิ้วขึ้นแบบนี้ จึงรู้สึกแปลกตาไม่น้อย ดูท่าเขาจะเพลิดเพลินกับการสังเกตสังกาเพื่อนร่วมงานคนใหม่คนนี้มากอย่างชนิดที่ตัวเองยังคาดไม่ถึง
   
“ก็นนท์ถนัดทางนี้พอดีไง ที่ผ่านมานนท์ยังไม่ได้เข้าไปลุยแบบเต็มตัวกับงานของใครเลย พี่ก็มีคิดอยากให้ต้นได้ทำงานเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ไปเลยเพื่อที่จะเป็นเครดิตที่ดีของเราต่อไปได้ด้วย วันนี้เหตุผลนึงที่พี่พานนท์มาด้วยก็เพราะเรื่องนี้แหละ ถ้าต้นรับปากจะทำ พี่ก็จะได้ยกหน้าที่หลักในการทำดนตรีกับเนื้อร้อง รวมไปถึงแนะนำการร้องให้กับนนท์เลย แต่พี่จะคอยดูให้ด้วยไง”
   

สีหน้าของนนท์ยิ่งประหลาดใจหนักขึ้นไปอีกเหมือนกับตัวเขาเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ชั่วอึดใจนั้น นนท์ยกมือไหว้มิ่งอย่างซึ้งน้ำใจที่สุด “ขอบคุณครับพี่มิ่ง ที่ให้โอกาสผม แต่พี่มิ่งแน่ใจเหรอครับ ผมไม่เคยจับงานใหญ่แบบนี้มาก่อนเลย” ตอนนี้สีหน้าของเจ้าตัวชักเริ่มแฝงความกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว
   
“พี่เชื่อมือนนท์นะ เอางี้... ต้น เจ้าของผลงาน ว่าไง? เราจะโอเคไหมถ้ามีนนท์มาคอยดูให้แทนพี่ แต่ก็อย่างที่บอก พี่เองก็จะดูแลภาพรวมให้อยู่เหมือนเดิม ไม่ได้หนีหายไปไหน”
   
น้ำต้นยิ้มน้อยๆ ก่อนจะว่า “ถ้าพี่มิ่งว่าดี ต้นก็เชื่อครับ อีกอย่างผลงานที่พี่นนท์เคยทำมา ต้นก็ชอบอยู่หลายเพลง เพราะงั้นต้นไม่มีปัญหาครับ ถ้าพี่นนท์โอเค ต้นก็โอเค”
   
“งั้นเคาะ!” มิ่งหยิบปากกาเคาะลงไปบนโต๊ะเบาๆลักษณะคล้ายปิดการประมูลอะไรซักอย่าง เรียกเสียงฮาครืนจากผู้เข้าร่วมประชุมได้อย่างถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่นนท์ที่เมื่อครู่เพิ่งขมวดคิ้วเป็นกังวลกับหน้าที่ใหญ่ที่เพิ่งได้รับมอบหมายแบบไม่ทันรู้ตัว เมื่อหันไปทางน้ำต้น นนท์ ก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มกว้างให้อย่างไม่ปิดบังพร้อมกับพยักหน้า ราวกับจะขอบคุณที่ยอมรับและให้โอกาสเขา สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือรอยยิ้มกว้างที่ใสซื่อและจริงใจอย่างยิ่ง
   
“มีอย่างนึงที่อยากจะบอกทุกคนเอาไว้นะครับ” นอประกาศ “พี่ไม่รู้นะว่าโปรดิวเซอร์ของทีมทำงานทีมอื่นเป็นยังไงกันบ้าง แต่กับพี่รวมถึงพี่มิ่ง เราเปิดกว้างสำหรับความคิดเห็นของทุกคน และพี่อยากจะให้ทุกคนแชร์ความคิดของตัวเองออกมาอย่างเปิดเผยที่สุด คิดอะไร รู้สึกยังไง ให้พูดกันมาได้เลยตรงๆ พี่ชอบการทำงานที่ทุกคนมีโอกาสได้รับรู้ทุกเรื่องเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวเพลง ภาพของน้อง ขั้นตอนการทำงานทุกอย่าง อย่าคิดว่าเราดูตรงนี้ก็รู้แค่นี้ก็พอ ของคนอื่นไม่ยุ่ง แบบนั้นไม่ได้ นั่นไม่ใช่การทำงานในแบบของพี่” เขาว่าด้วยสีหน้าจริงจัง ในแบบที่คนภายนอกมาเห็นทีไร เป็นต้องรู้สึก แหยง ทุกทีไป
   
“อย่างถ้าเมษมีไอเดียเรื่องของดนตรี เมษก็เอามาแชร์ได้ หรือถ้านนท์เห็นว่าการแต่งตัวสไตล์ไหนจะเหมาะกับต้น นนท์ก็พูดได้ หรือถ้าเชนมีช่องทางการพีอาร์เพิ่มเติมก็บอกได้เช่นกัน พี่บอกได้เลยว่าจะไม่มีการก้าวก่ายเรื่องหน้าที่รับผิดชอบกันแน่นอน อันนี้ไม่ต้องห่วง พี่เพียงแต่อยากให้ทุกคนเปิดกว้างเอาไว้ แต่ที่สุดแล้ว ทุกคนต้องรู้ว่างานในแต่ละส่วนมีความก้าวหน้ายังไงแค่ไหนแล้วบ้าง ทุกคนโอเคไหม”
   
ทุกคนต่างพยักหน้ารับรู้โดยทั่วกัน
   
“ดีมากครับ และขอบคุณที่ทุกคนเปิดใจรับ ที่สำคัญใครมีปัญหา ติดใจอะไร มาคุยกับพี่ได้เลยโดยตรง พี่ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายเป็นทางการ มือถือพี่เปิดตลอด โทรหาพี่ได้”
   
“แล้วภรรยาไม่ว่าไรเหรอพี่ ถ้าโทรไปตอนพี่อยู่กับครอบครัวอ่ะ” เสียงหนึ่งแซวขึ้นมาบ้าง
   
“เฮ่ย เคลียร์กันด้ายยย” ว่าแล้ว เขาก็ทำท่าล่อกแล่กหันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวังเต็มที่ เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครา
   

การประชุมดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ ส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีการลงรายละเอียดในเนื้องานมากนัก เพราะการประชุมครั้งนี้ถือเป็นการแนะนำตัวกันอย่างคร่าวๆ และบอกว่าใครดูแลอะไรในภาพรวมเท่านั้น การประชุมครั้งต่อๆไปนั่นต่างหากที่จะถือเป็นการเริ่มลงมือทำงานอย่างแท้จริง
   
“เอาล่ะ เลิกประชุมได้” นรเศรษฐ์ประกาศ “ขอโทษนะครับที่เลยเวลาไปเยอะเลย ตาย... พี่มีต้องไปข้างนอกต่อ นี่ถ้าไม่ติดอะไรจะพาไปเลี้ยงข้าวแล้วเนี่ย เอาไว้คราวหน้านะทุกคน เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้ว”
   
“พี่นอ คิวแน่นยังกะเป็นศิลปินซะเอง” เชนแซวอย่างอดไม่ได้ตามวิสัยสาวช่างเหน็บ
   
“หรือน้องเชนจะเปลี่ยนจากสไตลิสต์มาเป็นเออาร์ของพี่ล่ะครับ” นอสวนกลับไปบ้าง
   
“วุ้ย... ไม่ล่ะค่ะพี่... หนูขอวุ่นวายกับเสื้อผ้าแบบนี้ ดีกว่าวุ่นวายกับผู้ชายมีพันธะอย่างพี่ค่ะ” ทุกคนจึงพร้อมใจกันหัวเราะออกมาอีกนั่นแหละ จึงได้ลุกขึ้นเก็บเอกสารเตรียมแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองกันเสียที
   
“นนท์กับน้ำต้น มีเวลาก็ทำความรู้จักพูดคุยกันให้เยอะๆนะ เราสองคนต้องทำงานด้วยกันไปอีกนานเลย”
   
“ครับพี่มิ่ง”
   
“รับทราบคร้าบบบบ”


น้ำต้นยังคงไม่ละสายตาจากหนุ่มร่างเล็กท่าทางคงแก่เรียนที่นั่งอ่านอะไรอย่างตั้งใจ ขณะที่คนอื่นๆทยอยลุกเดินออกไปจากห้องบ้างแล้ว หน้านิ่วเชียว ปกติจะเป็นคนซีเรียสอย่างที่เห็นไหมนี่ นนท์ยังคงตั้งอกตั้งใจอ่านเอกสารในมือต่อไป มืออีกข้างจับปากกาขีดเขียนอะไรขยุกขยิก โห ผู้ชายอะไรมือสวยยังกับผู้หญิง อย่างนี้ล่ะมั้งที่เค้าเรียกมือศิลปิน ท่าทางเรียบร้อย นิ่งๆ เงียบๆแบบนี้ จะคุยกันได้ไหมนี่ ปกติน้ำต้นก็คิดว่าตัวเองไม่ใช่คนช่างพูดอะไรมากมายอยู่แล้ว นี่มาเจอคนไม่ช่างพูดยิ่งกว่าอีก จะไหวมั้ยน้อ
   
“ต้นครับ”
   

เออ แต่ก็แปลกคนอะไรตัวก็ไม่ใหญ่ แต่เสียงทุ้มดีจริง เสียงหล่อนะเนี่ย ชักอยากรู้แล้วว่าถ้าร้องเพลงแนวอาร์แอนด์บีแล้ว จะออกมาเพราะแค่ไหน

   
“น้ำต้นครับ”
   
เจ้าของชื่อที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งกับเสียงเรียกที่ไม่ค่อยคุ้นหูนั้น
   
“ครับผม”   

คราวนี้คนเรียกถึงกับหัวเราะออกมาบ้าง เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเลิกลั่กหันซ้ายหันขวาเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว นอกจากตัวเองกับคนที่อยู่ตรงหน้าแค่สองคน
   
“อ่า... ครับ” น้ำต้นเกาหัวแกรกด้วยเขินในความเปิ่นของตัวเอง
   
“พี่เห็นน้ำต้นนั่งเหม่ออยู่นานแล้ว เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบรับซักที ไม่ไปหาอะไรทานเหรอครับ” นนท์ถามอย่างเป็นกันเอง น้ำต้นเพิ่งเคยได้ยินประโยคยาวๆจากปากของนนท์เป็นครั้งแรก จึงออกอาการเหวอไปเล็กน้อย ก่อนที่ความคิดหนึ่งจะแว่บขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เอาวะ...
   
“พี่นนท์ ต้นเรียกพี่นนท์นะครับ... งั้นไปกินข้าวด้วยกันมั้ยพี่ ข้างล่างตึกนี่ก็ได้” น้ำต้นถามอย่างกระตือรือร้น
   
“ไปกินกับพี่เนี่ยนะครับ” นนท์ไม่ทันตั้งตัว
   
“พี่ติดอะไรรึเปล่า ต้นลืมถาม”
   
“เปล่าครับไม่ติดอะไร”
   
“งั้นไปกันป่ะ...” คนชวนลุกขึ้นอย่างไม่ใส่ใจจะรอคำตอบ ทำเอานนท์ต้องวางมือจากเอกสารตรงหน้า และเก็บข้าวของเดินตามออกไปงงๆ แต่ก็ไม่ขัดข้องอะไร
   
“พี่ไปรอต้นที่ลิฟต์แป๊ปนึงนะครับ เดี๋ยวต้นถามคิวอะไรพี่เมษนิดเดียว เดี๋ยวตามไป” เขาหันมาสั่งเสร็จสรรพ ก่อนที่จะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาเมษ
   

ครู่เดียวก็ตามมาสมทบนนท์ที่ยืนรอลิฟท์ที่ใครๆในบริษัทต่างก็รู้กันว่า ลิฟต์ที่นี่ต้องรอกันนานกว่าจะเปิดประตูรับใครสักที แต่วันนี้ในความรู้สึกน้ำต้น ทำไมไม่รู้สึกว่านานเหมือนทุกทีก็ไม่รู้


********************

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
และก็เป็นหนุ่มน้อยหน้าเด็กที่ลิำฟต หึหึ  :z1:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: น้ำต้นหลงรักแล้วสินะ อั๊ยยยยย ได้ทำงานด้วยกัน
คงศึกษานิสัยกันได้ อิอิ แต่ว่าพี่นนท์อ่ะไม่ปิ๊งน้องบ้างเหรอ หุหุ

ขอบคุณคะคุณนาเมฮ์

ออฟไลน์ nin@

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ผ่านมาเจอ...อ่านแล้วนึกถึงใครก็ม่ายรู้ ..อิอิ... o18

tonhukwang

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจครับผม แล้วจะรีบตามเก็บ :t3: :t3:

C2U

  • บุคคลทั่วไป
น้ำต้น  กะ นนท์  ได้ทำงานใกล้ชิดกันงี้ 
โอกาส ปิ๊งกันเยอะมาก
แต่เหมือน น้ำต้นจะปิ๊ง นนท์แล้วนะเนี่ย  :-[

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
น้ำต้น เก็บอาการหน่อย
ก๊ากกกกกกกกกก
เดี๋ยวเค้ารู้ตัว

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
อุ๊ย น่ารัก น่าหม่ำ  :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ดูท่าจะตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัวสินะ

nam-nueng

  • บุคคลทั่วไป
ยาวดีค่ะ ชอบจัง รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
ว้าวววว


หนุกอ่ะ 

 :-[

underscoreONES

  • บุคคลทั่วไป

น่าสนใจค่ะ เข้ามาลงชื่อขอติดตามอ่านด้วยคนนนนน  o13

un_john2006

  • บุคคลทั่วไป
ใคร ..............เป็นใคร


ตามลุ้นตอนต่อไป



เป็นอีกหนึ่งกำลังใจครับ


 o13 o13

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
น่ารัก... ขอบคุณพี่นะเมฮ์ และพี่นิ้วไขว้มากๆ เลย

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
กลับมาอัพเรื่องนี้ต่อแล้วนะคะ หายไปหลายวัน คนเขียนอัพในถนนนักเขียนแล้ว เลยรีบมาอัพในนี้ด้วยค่ะ


***********************

เพลงรัก

บทที่ 3


น้ำต้นเดินล่วงหน้าเข้าไปนั่งโต๊ะที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของร้านอาหารที่อยู่ชั้นล่างสุดของตัวตึก แม้จะเป็นร้านอาหารจานเดียวที่เรียบง่าย แต่ก็มีการจัดร้านและตกแต่งอย่างอบอุ่นน่านั่งทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ร้านนี้จะเป็นที่นิยมของใครหลายคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ เขาหันไปมองนนท์ที่กำลังยืนคุยอยู่กับใครสักคนที่น่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานในชั้นเดียวกันตรงหน้าร้าน ท่าทางนนท์ตั้งอกตั้งใจฟังคู่สนทนาและพยักหน้าอยู่เป็นระยะ ตอนที่อยู่ในลิฟต์น้ำต้นมีโอกาสได้สังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของผู้ชายธรรมดาที่เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมถึงรู้สึกติดอกติดใจหนักหนามาตั้งแต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ

นนท์เป็นคนตัวเล็ก แต่ว่าไม่อ้วนไม่ผอม เขาเป็นคนรูปร่างดีและน่าจะเป็นคนที่แต่งตัวเป็นคนหนึ่ง เสื้อผ้าสีเข้มๆที่เขาเลือกมาใส่นั้น อาจจะดูเรียบง่ายสบายๆ แต่ผ่านการเลือกมาแล้วอย่างดีแน่ๆ นนท์ไม่น่าจะใช่คนเนี้ยบตลอดเวลาเหมือนอย่างที่น้ำต้นคิดเอาไว้แต่แรก แต่เขาเป็นคนที่ดูดีเอามากๆเมื่อมองนานๆ ใบหน้าเรียวเล็ก จมูกโด่ง ตาเรียวแต่ไม่เล็กเกินไป ผิวพรรณดีทีเดียว ที่โดดเด่น เห็นจะเป็นรอยยิ้มที่บางทีก็ดูเขินๆ บางทีก็เปิดเผยเสียจนเห็นฟันขาวเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ เขารู้สึกถูกชะตากับคนคนนี้มากจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร


“ขอโทษครับที่ทำให้รอ” นนท์เดินมาสบทบอย่างนึกเกรงใจ
“โอ๊ย ไม่เป็นไรพี่ สบายๆครับ พี่นนท์สั่งเลย ต้นสั่งเรียบร้อยแล้ว”


พนักงานของร้านที่เป็นเด็กสาว แม้จะมีโอกาสได้พบปะกับลูกค้าที่เป็นศิลปินชื่อดังมากมาย กลับไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่ากับการที่ได้เห็นน้ำต้นแวะเข้ามาทานอาหารในร้าน ก็เธอเป็นแฟนเพลงที่เหนียวแน่นของเขานี่นา ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะเกิดอาการประหม่าเล็กน้อยเมื่อรับออเดอร์มาแล้ว พร้อมกับถามนักร้องหนุ่มเบาๆว่า “จะว่าอะไรมั้ยคะถ้าจะขอลายเซ็นอ่ะค่ะ”
   
ต้นหัวเราะเขินๆ พร้อมกับบอกอย่างเต็มใจว่า “ได้สิครับ หลังทานข้าวก็ได้ครับ” สาวเจ้ายิ้มปลื้มก่อนจะรีบเดินหายเข้าไปหลังร้าน
   
นนท์มองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแบบไม่ค่อยจะคุ้นชินนัก ก่อนจะเอ่ยปากถามคู่สนทนาว่า “เจอแบบนี้บ่อยๆหรือเปล่าครับน้ำต้น”
   
“บ่อยพี่” น้ำต้นดื่มน้ำอย่างกระหาย “แต่ก็ยังไม่ชินเท่าไหร่”
   
“ต้นน่ะนะ ไม่ชิน” นนท์ถามอย่างไม่เชื่อหู
   
“จริงๆ ใครมาขอลายเซ็นขอถ่ายรูป ต้นก็จะเขินๆทุกที ทำตัวไม่ค่อยถูก แต่ก็พยายามทำเต็มที่อ่ะพี่ ใจนึงเวลาเห็นคนชื่นชอบเรา ก็อดดีใจไม่ได้ ให้ทำอะไรก็ทำหมด” เจ้าตัวว่าติดตลกพร้อมกับยิ้มชอบใจ
   
“แล้วเวลาไปไหนมาไหนล่ะครับ”
   
“ก็ทำตัวปกติพี่ แต่บางทีต้นก็เลี่ยงๆที่ที่คนเยอะๆหน่อย เดี๋ยวไปทำเค้าแตกตื่น เดือดร้อนคนอื่นอีก”
   
“ลำบากเหมือนกันเนาะ เป็นคนดังนี่” นนท์ว่าด้วยสีหน้าที่เริ่มจะผ่อนคลายขึ้น
   
“พี่นนท์ทำงานอยู่ที่นี่นานรึยัง” น้ำต้นถามอย่างใคร่รู้จริงๆ
   
“ซักสองปีได้แล้วครับ”
   
“ก็ไม่นานนะ มิน่าช่วงแรกๆที่มาอยู่นี่ ต้นไม่เคยเห็นพี่เลย” เขาว่าซื่อๆ
   

เมื่อเห็นนนท์ทำหน้าประหลาดใจ น้ำต้นจึงรู้ตัวพร้อมกับเกาศีรษะตัวเองแบบไม่เหลือมาดเท่ใดๆ “คือ... ที่จริง ต้นเห็นพี่บ่อยๆนะ ในตึกเนี่ย เดินสวนกันไปมา”
   
“จริงเหรอครับ” นนท์ยิ้มกว้างขึ้นมาบ้าง “พี่น่ะเห็นต้นบ่อยนะ แต่พี่ไม่ใช่คนสะดุดตาอะไร ไม่คิดว่าคนดังขนาดนี้จะจำเราได้” เขาพูดเล่นอย่างอารมณ์ดี บรรยากาศในการสนทนาเริ่มสบายและเป็นกันเองมากขึ้น
   
“โหย... คนดังอะไรกัน”
   
“จริงๆ พี่ลงมาทีไรก็จะเห็นแฟนๆต้นมารอกันเพียบเลย เคยมีคนเดินเข้ามาถามพี่ด้วยนะว่า ต้นจะลงมาเมื่อไหร่”
   
“จริงอ่ะ พี่ตอบไปว่าไง” เขาเกิดอยากรู้ขึ้นมาบ้าง
   
“พี่ก็บอกไม่รู้ครับ ต้นอยู่ชั้นไหนพี่ยังไม่รู้เลย เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าทำงานอยู่ชั้นสามสิบ” น้ำต้นหัวเราะชอบใจใหญ่กับท่าทางขี้เล่นของนนท์ที่เริ่มจะเผยออกมาเรื่อยๆ
   
“แล้วพี่นนท์มาทำงานที่นี่ได้ยังไงอ่ะครับ”
   
“พี่มีคนที่รู้จักกับพี่มิ่งอีกทีนึงแนะนำมาครับ พี่สนใจอยากทำงานด้านนี้มาตั้งแต่ตอนที่เรียนจบแล้ว สบโอกาสก็เลยลองเข้ามาคุยดู พี่มิ่งไม่รู้ถูกใจอะไรพี่ เลยให้ลองทำอะไรก๊อกๆแก๊กๆไปก่อน ตอนหลังถึงได้แต่งเพลงแต่งอะไรบ้าง”
   
“แสดงว่าพี่ก็ต้องเก่งสิ ถ้าทำงานกับพี่มิ่งได้”
   
นนท์ส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ “ไม่หรอก พี่ว่าพี่มิ่งอยากให้โอกาสพี่มากกว่า ซึ่งพี่ก็ต้องขอบคุณพี่มิ่งนี่แหละ ถ้าไม่มีพี่มิ่ง พี่ก็อาจจะต้องไปนั่งทำงานออฟฟิศอยู่ที่ไหนซักแห่ง ซึ่งอาจจะไม่สนุกและไม่มีความสุขเท่านี้ก็ได้”
   
“อ้าว พี่ไม่ได้จบมาทางนี้หรอกเหรอ” ต้นถามอย่างแปลกใจขึ้นมาจริงๆ
   
“เปล่าครับ พี่จบธุรกิจมา” นนท์หยุดนิดนึงก่อนจะว่าต่อ “แต่ว่าเราสนใจดนตรีก็เลยไปเทคคอร์สมาเลยปีนึงหลังเรียนจบ”
   
“คอร์สอะไรพี่” น้ำต้นชักติดลมกับการซักไซ้นนท์
   
“ก็ร้องเพลงแต่งเพลงอะไรพวกนี้”
   
“ยากมั้ย”
   
“ก็ สนุกดีครับ เราชอบด้วยมั้งก็เลยตั้งใจเต็มที่ ถึงจะแค่ปีเดียว แต่ผลที่ออกมาก็คุ้มค่านะ”
   
“นั่นดิ ต้นชอบเพลงที่พี่แต่งตั้งหลายเพลง เอาจริงๆนะ” น้ำต้นชมกันแบบซึ่งๆหน้า “ตอนแรกอ่ะ ก็ไม่รู้หรอกว่าใครแต่ง ตอนหลังก็ลองดูตรงเครดิตในปกซีดี ถึงได้รู้ว่าเพลงส่วนใหญ่ที่ต้นชอบ เป็นเพลงที่พี่แต่งหลายเพลง สงสัยรสนิยมจะตรงกัน”
   
“แต่พี่บอกตรงๆ ตอนแรกไม่คิดว่าต้นจะโอเคง่ายๆเลยนะ ตอนที่พี่นอถามเรื่องเปลี่ยนแนวเพลงกับต้นในที่ประชุมน่ะครับ”
   
“ทำไมล่ะพี่ ต้นไม่เหมาะกับแนวนี้เหรอ”
   
“เปล่าครับ” นนท์รีบปฏิเสธก่อนจะอธิบายยืดยาว “คือชุดแรกของต้นมันป๊อปมาก ซึ่งมันก็เหมาะกับต้นดีอยู่แล้วไง แล้วอาร์แอนด์บีเนี่ย มันจะมีความเป็นผู้ใหญ่พอสมควร พี่ก็ไม่แน่ใจว่าต้นจะอยากเปลี่ยนแนวเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ คือถ้าเป็นอีกสองสามปีมันก็ยังได้อยู่ไงครับ”
   
“ไม่เร็วหรอกพี่ ต้นว่านะ อีกอย่างต้นค่อนข้างเชื่อมีพี่นอด้วยแหละ ถ้าพี่นอเห็นว่าดีแล้วก็แสดงว่าต้องดีจริงๆ แต่ที่แปลกใจนิดหน่อยก็ตอนที่รู้ว่าพี่จะได้มาทำงานให้ต้นนี่แหละ”
   
“อ้าว ทำไมรึ”
   
“ก็ มันเหมือนสวนกันไปสวนกันมา ต้นก็สงสัย เอ๊... คนนี้ใครหว่า ทำไมเจอบ่อยจัง ยิ่งพักหลังเนี่ย เหมือนรู้เลย วันก่อนต้นยังถามพี่เมษ ใครอ่ะ ผู้ชายตัวเล็กๆ เลยโดนว่าเลยว่าข้อมูลแค่นี้พี่จะรู้ไหม” นนท์ถึงกับหัวเราะชอบใจออกมาแบบกลั้นไม่อยู่ “แล้วจู่ๆวันนี้พี่ก็มาเลย แล้วก็ตู้ม... มาดูแลการทำงานของต้น โอ้โห... มันเป็นไปได้ยังไง”
   

ทั้งคู่พูดคุยกันยืดยาวจนเกือบลืมอาหารที่สั่งไปแล้ว เมื่อเด็กสาวยกอาหารที่สั่งไปมาแล้วนั่นล่ะ ถึงได้รู้ว่าตัวเองหิวโซกันขนาดไหน น้ำต้นลงมือจัดการข้าวกระเพราไข่ดาวตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย จนนนท์อดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ “น้ำต้นนี่... เอาจริงๆ ก็แทบไม่มีมาดนักร้องชื่อดังเลยเหมือนกันนะ” เขาออกปาก
   
“จริงๆพี่ พวกพี่ๆข้างบนก็พูดอย่างนี้บ่อยๆ ต้นไม่ได้มีมาดอะไรหรอก เป็นคนสบายๆ เมื่อก่อนเป็นไง เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้นแหละ ต้นอยู่ง่ายกินง่ายจะตาย”
   
“เป็นตัวเองนี่แหละดีที่สุดเชื่อพี่” นนท์ว่า ในใจนึกถึงใครคนหนึ่ง ที่ช่างแตกต่างกับคนตรงหน้านี้เหลือเกิน เขาเคยเชื่อว่า ชื่อเสียงนั้นเปลี่ยนแปลงคนได้ทุกคน เขาเจอมาแล้วกับตัว แต่กับน้ำต้น ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามีความเป็นธรรมชาติมากมายนัก ผิดกับใครหลายคนที่เขามีโอกาสได้ร่วมงานด้วยอย่างสิ้นเชิงจริงๆ
   
“พี่นนท์เป็นอะไรรึเปล่า” น้ำต้นถามอย่างคนช่างสังเกต เมื่อเห็นนนท์เงียบไปเหมือนคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ
   
“อ๋อ ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่า บางทีการที่พี่มิ่งตัดสินใจให้พี่ทำงานให้ต้นอาจจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพี่ก็ได้”
   
“ทำไมล่ะพี่ ตอนแรกพี่ไม่ได้อยากทำงานกับต้นหรอกเหรอ” เจ้าตัวทำน้ำเสียงราวกับจะประท้วงเล็กๆ
   
“เอ๊ย... เปล่า” เขาขำให้กับท่าทางที่เหมือนเด็กขี้อ้อนของน้ำต้น “คือ ถ้าทำงานอย่างที่ผ่านมา พี่คงไม่รู้สึกกังวลไง แต่นี่จู่ๆพี่มิ่งก็เรียกให้พี่เข้าประชุมด้วย พี่ก็นึกสงสัยอยู่แล้วว่าต้องมีอะไร แล้วก็มีจริงๆ แล้วพี่ก็ไม่รู้ด้วยว่าต้นเป็นยังไง ทำงานด้วยยากง่ายแค่ไหน ยิ่งเป็นคนดังด้วยก็อดรู้สึกหนักใจไม่ได้ว่าตัวเองจะไหวมั้ย แล้วนี่โปรเจ็กต์ใหญ่เลย”
   
“แล้วเอาไงพี่ ไหวมั้ย” เด็กหนุ่มตาโตถามอย่างนึกสนุก ทำเอานนท์ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
   
“ไหว พอได้มาคุยกันแบบนี้พี่ก็เบาใจ พี่เบาใจตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องประชุมแล้ว คือพี่มิ่งก็บอกเอาไว้ก่อนแล้วล่ะว่าต้นทำงานด้วยง่าย แล้วก็มีความสามารถ แต่ของบางอย่างมันก็ควรจะได้มารู้จักและสัมผัสเอง ถึงจะรู้แน่”
   
“พี่นนท์นี่ ท่าจะเป็นคนขี้กังวลนะ คิดมากด้วย” น้ำต้นว่าอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
   
“ชัดเจนยังงั้นเลยเหรอ” นนท์ถาม
   
“ก็งั้นสิ ไม่รู้ล่ะ...” น้ำต้นตัดบท “ตกลงพี่แฮ้ปปี้จะทำงานกับต้นแล้วนะ” เจ้าตัวถามขณะที่ในปากยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ
   
“แฮ้ปปี้ครับ” นนท์ยิ้มอย่างจริงใจ และให้อดรู้สึกเอ็นดูกับภาพของเด็กหนุ่มที่อายุห่างจากเขาตั้งห้าปีที่นั่งกินข้าวอย่างไม่เหลือมาดเท่ใดๆอยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้จริงๆ ดูเอาเถอะ ตัวเองออกจะดูดีขนาดนี้ หน้าตารึยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยิ่งเรื่องชื่อเสียงความโด่งดัง น้ำต้นก็เรียกว่าอยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทยไปแล้ว แต่กลับวางตัวได้ธรรมดาเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับคนอื่นนอกจากเพื่อนสนิทที่มีไม่กี่คนได้อย่างสบายใจถึงเพียงนี้
   

ไม่แน่ว่าการทำงานร่วมกับน้ำต้นครั้งนี้ อาจจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปเลยก็ได้

   
อาหารมื้อเที่ยงแบบง่ายๆจบลงด้วยการเซ็นลายเซ็นให้กับพนักงานสาวในร้านนั่นเอง น้ำต้นถามชื่อเสียงเรียงนามก่อนที่จะเซ็นให้อย่างตั้งอกตั้งใจ นนท์มองเหตุการณ์เล็กๆที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างสนใจ ตอนนั้นเองที่เขามีโอกาสได้สังเกตกริยาท่าทางของน้ำต้นอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
   

น้ำต้นเป็นธรรมชาติเสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนกับใคร เขาอาจจะดูขัดเขินอย่างที่ว่าเวลาที่มีคนมาแสดงความชื่นชมเขาอย่างเปิดเผย แต่การแสดงออกของน้ำต้นก็เป็นไปอย่างใสซื่อจริงใจอย่างแท้จริง เวลาถามชื่อใครน้ำต้นจะตั้งใจฟัง แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนชื่อนั้นลงไปในรูปแล้วก็เซ็นให้แบบไม่มีอิดออด ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง ดูก็รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ช่างใส่ใจคนรอบข้าง และช่างสังเกตเหลือเกิน
   
ทั้งสองคนเดินคุยกันในเรื่องสัพเพเหระอย่างถูกคอจนถึงลิฟต์
   
“เออ เกือบลืม ขอเบอร์พี่นนท์ให้ต้นหน่อย ต่อไปคงได้โทรคุยกันบ่อยขึ้นแล้วล่ะพี่”
   
“อ๋อได้ครับ เอาเบอร์ต้นมาเลย เดี๋ยวพี่ยิงให้” นนท์กดมือถือในมืออย่างคล่องแคล่ว เมื่อน้ำต้นบอกเบอร์ส่วนตัวที่สงวนเอาไว้เฉพาะทีมงานคนสนิทเท่านั้น สักพัก เสียงโทรศัพท์ของน้ำต้นก็ดังขึ้น พร้อมกับโชว์เบอร์โทรศัพท์เลขสวยที่จำได้ไม่ยากนักขึ้นมา
   
“เรียบร้อย พี่นนท์นะครับ” เขาสะกดชื่อของนนท์พร้อมกับทำปากขมุบขมิบไปด้วย “พี่ชื่อนนท์เฉยๆเลยเหรอ”
   
“หา?” นนท์ว่าอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะหัวเราะและตอบไปว่า “นนท์เฉยๆนี่แหละครับ”
   
“สั้นดีเนาะ”
   
“ชื่อน้ำต้นนี่ก็แปลกนะ ฟังดูเป็นคนเหนือสมตัวจริงๆ” นนท์ว่าอย่างไม่คิดอะไร
   
“เอ๊... พี่รู้ได้ไง” น้ำต้นหันไปถามจริงจัง
   
“ก็พี่เป็นคนเชียงใหม่”
   
“จริงอ้ะ ต้นเป็นคนเชียงราย”
   
“พี่รู้แล้วครับ”
   
“โฮะ... ดีจัง เป็นคนเหนือเหมือนกัน พี่กะต้นนี่ โชคชะตาฟ้าลิขิตเนาะ”
   
นนท์หัวเราะชอบใจกับสำนวนที่เหมือนหนังจีนของเด็กหนุ่ม “ไม่น่าเชื่อจริงๆด้วย”
   
“งี้วันหลังต้นก็พูดคำเมืองกับพี่ได้อ่ะสิ ว่าแต่พี่พูดได้หรือเปล่าเหอะ”
   
“พูดได้ครับ” เขาตอบหน้าตาเปื้อนยิ้ม
   
“เย้... เจ๋งไปเล้ย” เขาร้องขึ้นมาแบบไม่เก็บอาการดีใจเอาไว้เลยซักนิด
   

ลิฟต์หยุดที่ชั้นยี่สิบก่อนที่จะเปิดออก ทั้งคู่ร่ำลาแยกย้ายกันตรงชั้นนั้นเอง น้ำต้นที่อยู่ในลิฟต์มีอาการร่าเริงมากผิดปกติ เขายกมือถือที่โชว์เบอร์ของเพื่อนหรือจะเรียกว่าพี่ชายคนใหม่ขึ้นมาดู ก่อนที่จะยิ้มกับตัวเอง เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกดีถึงเพียงนี้

   
นนท์เดินตรงไปที่โต๊ะทำงานที่ข้าวของถูกวางเอาไว้อย่างค่อนข้างเป็นระเบียบ โดยมีโน้ตบุ๊กประจำตัวตั้งอยู่ในที่ประจำของมัน บนโต๊ะมีรูปของพ่อกับแม่ที่ถูกใส่เอาไว้ในกรอบอย่างดีวางอยู่ใกล้ๆ ส่วนอีกมุมเป็นภาพเขาและเพื่อนๆสมัยเรียนต่างประเทศติดอยู่หลายใบ ใบหนึ่งเป็นภาพของเมลานี สาวสวยลูกครึ่งไทยอังกฤษ เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนที่นนท์มีอยู่ในเมืองไทยที่เพิ่งจะตกลงปลงใจแต่งงานกับหนุ่มลูกครึ่งที่พบรักกันที่นี่และตัดสินใจแต่งงานกันในที่สุด
   

ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ยิ่งกับเมลานีเพื่อนรักด้วยแล้ว เขารู้สึกดีใจแทนเพื่อนที่ได้พบกับความรักและคนรักที่ดี และความดีนั้นเองที่ทำให้เมลานี หญิงสาวที่รักความอิสระเหนือสิ่งอื่นใด ตัดสินใจแต่งงานจนทำเอาแม้แต่เขาเองยังแปลกใจ ความรักช่างมีอิทธิพลอย่างไม่น่าเชื่อ น้ำต้นเคยนึกสงสัย แล้วเขาจะสามารถรักใครได้ถึงเพียงนั้นไหมนะ เขาเคยเชื่อมั่นในเรื่องของความสัมพันธ์อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ เมื่อตอนที่เขายังเด็กและอ่อนต่อโลกกว่านี้ แต่แล้ววันหนึ่งความสัมพันธ์ที่เขาเคยเชื่อมั่นกลับแว้งกลับมาทำร้ายเขา อย่าว่าแต่เป็นคนรักเลย แค่เริ่มจากการเป็นเพื่อน ยังรับมือยากถึงเพียงนี้... แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจบไปแล้ว เขาก็ไม่ได้อยากจะย้อนกลับไปรื้อฟื้นอะไรอีก แค่ขยาดกับเรื่องของความสัมพันธ์ขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นเอง

   
นนท์เปิดลิ้นชักและหยิบซีดีแผ่นหนึ่งขึ้นมา เขาพลิกไปพลิกมาอยู่เป็นครู่ ก่อนที่จะใส่มันเข้าไปในโน้ตบุ๊กพร้อมกับใส่หูฟัง เสียงเปียโนดังล่องลอยขึ้นอย่างอ่อนหวาน เขาหลับตาฟังอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปตามเสียงเปียโนที่ดังก้องในหูพร้อมกับคิดว่าจะเอาซาวนด์แบบไหนเพิ่มเติมลงไปอีกดีอย่างไม่ได้จำเพาะเจาะจงอะไรนัก เพลงที่เขาฟังเป็นเพียงเดโมที่เขาแต่งขึ้น มันยังไม่สมบูรณ์ แต่เมโลดี้ของมันตอนที่เขาเล่นออกมาในตอนนั้นมันช่างจับใจเขาเหลือเกิน นนท์ยังไม่เคยหยิบเอาไปให้ใครได้ฟังเสียทีแม้แต่พี่มิ่ง ไม่รู้เพราะอะไรเขาจึงรู้สึกอินกับเพลงนี้เป็นพิเศษ และยังไม่คิดจะยกมันให้เป็นของนักร้องคนไหนเลย แม้จะชอบเพลงนี้มากเพียงใดก็ตาม
   

“เอายังไงดีเรา” เขารำพึงเบาๆกับตัวเอง ก่อนที่จะหยิบกระดาษขึ้นมา เขียนอะไรขยุกขยิกลงไปอย่างตั้งอกตั้งใจและลืมเรื่องราวรอบตัวไปอย่างสิ้นเชิง


******************

โปรดติดตามตอนต่อไปค่า
   

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
เย้ มาต่อแล้ว เหมือนจะหายไปนาน
 :-[ พี่่นนท์ ชอบบ  :z1:

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ต้นน่ารักมากคะ

รีบมาจิ้มอย่างไว

อิอิ

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
ความรักกำลังจะเกิดแล้ว

ฮิ้วๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด