.......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...  (อ่าน 130046 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบอะ

น่ารักทั้งคู่เลยอะ

bixzz

  • บุคคลทั่วไป
  :-[ น่ารักมากมาย...
ส่วนนังไหม+เอ้  :z6:
จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ตอนนี้โรแมนติกจังวุ้ยยยยย
อ่านแล้วเขิล   :o8:


Sakana2yunjae

  • บุคคลทั่วไป
ว้าว อ่านทันแล้ว

ชอบจัง น้องน้ำต้นนี่เป็นเด็กได้สุดใจ พี่นนท์ก็น่ารัก ต้องยอมแพ้ความน่ารักของน้องน้ำต้นต่อไป อิอิ

ยังไงก็ขอฝากเนี้ยฝากตัวด้วยนะคะ ติ๊กจะติดตามตอนต่อไปคะ

 :pig4: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
อ่า อ่านจุใจมากค่ะ ชอบด้วย สนุกดี ดูสบายๆผ่อนคลายจิงด้วยในตอนนี้
ชอบพี่นนท์มากมายอ่ะงานเน้ ไม่รู้ทำมัยถูกใจจิงๆ 555

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ยาวจุใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
ตามอ่านทันแล้วค่ะ
โฮกมากกกกกก
ดีแล้วที่เคลียร์ปัญหากันเสร็จสิ้น

อ่านแล้วคิดหน้านายเอกพระเอก เป็นฉากๆ
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
น้ำตาจะไหล((เว่อร์))

ต่อไปต้องเจออะไรอีกแยะ อยากให้ทั้งคู้สู้ๆ กันต่อไป
จับมือกันเดินไปข้างหน้า..
พี่นนท์ต่อไปจะเป็นนักร้อง อุปสรรคอีกเยอะเลย

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
ยาวได้ใจมากเลยอ่ะ

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ แต่ก็ทำให้นึกถึงเบื้องหลังชีวิตการเป็นนักร้องหรือศิลปินนี่มันช่างมีอุปสรรคมากมายที่ต้องฟันฝ่า เป็นกำลังให้เจ้าของเรื่องนะครับ

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
มาแล้วค่ะ

***********************************

เพลงรัก

บทที่ 11


‘หายไปไหนกันนะ’ ใบหน้าสะสวยที่ยิ่งเมื่อถูกแต่งแต้มเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางสีสันสวยงาม ก็ยิ่งดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นไปอีก ในตอนนี้ ขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อความพยายามหลายต่อหลายครั้งของเธอไม่เป็นผล ไหมเพียรโทรเข้ามือถือของน้ำต้นหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับติดต่อเด็กหนุ่มไม่ได้เลย ครั้นลองโทรเข้าบริษัท ก็ได้รู้ว่าน้ำต้นไปต่างจังหวัด แต่จะไปกับใครหรือที่ไหนนั้น กลับไม่มีใครให้คำตอบเธอได้ นักแสดงสาวยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก เมื่อโทรหาเออาร์ของน้ำต้นแล้วแทนที่จะได้รับคำตอบที่ต้องการ แต่กลับกลายเป็นว่าโดนตอกกลับมาเสียเอง จนเธอล่าถอยแทบไม่ทัน

“คุณไหมมีอะไรให้พี่ช่วยหรือคะ” เมษถามกลับเมื่อเธอถามถึงน้ำต้น

“ไหมพยายามติดต่อต้นมาหลายวันแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้ค่ะ ก็เลยอยากจะรบกวนพี่เมษหน่อย”

“พี่คงช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ” เมษว่าพลางถอนหายใจเบาๆออกมา

“ทำไมล่ะคะ พี่ดูแลต้นอยู่ พี่น่าจะทราบสิคะว่าจะติดต่อต้นได้ยังไง”

“ทราบน่ะก็ทราบค่ะ แต่เจ้าตัวขอมาว่าไม่อยากติดต่อใคร ทุกอย่างให้ผ่านพี่ไปก่อนค่ะ ดังนั้นพี่คงต้องขอโทษด้วยที่คงช่วยอะไรคุณไหมไม่ได้มาก”

“ไหมเป็นเพื่อนสนิทกับต้นนะ ทำไมเพื่อนจะติดต่อเพื่อนไม่ได้ล่ะคะ” นักแสดงสาวว่าอย่างดื้อดึง เธอนึกฉุนแม่เออาร์คนนี้นัก เป็นแค่เออาร์ มันเรื่องอะไรถึงต้องวุ่นวายกับเรื่องของน้ำต้นมากขนาดนี้

“สนิทเท่าไหร่พี่ไม่ทราบค่ะ น้ำต้นไปต่างจังหวัด แล้วก็บอกว่าจะไม่ติดต่อใครจนกว่าจะกลับมา หรือนอกจากต้นจะติดต่อมาเองเท่านั้น ดังนั้น พี่ช่วยไม่ได้จริงๆค่ะ”

“โกหก นี่คุณตั้งใจจะกีดกันฉันใช่ไหม” น้ำสียงของไหมเริ่มไม่สบอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ

“พี่ไม่ได้โกหกค่ะ แต่ถ้าคุณไหมอยากจะทิ้งโน้ตอะไรเอาไว้ให้ต้นก็ได้นะคะ กลับมาแล้วพี่จะบอกเขาว่าคุณติดต่อมา”

“ไม่จำเป็น แล้วต้นไปไหนกับใคร” เมษจับได้ถึงน้ำเสียงของปลายสายที่กรุ่นไปด้วยความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ

“เรื่องส่วนตัวค่ะ พี่คงบอกไม่ได้”

“นี่ฉันเป็นเพื่อนนะ ไม่ใช่แฟนเพลงทั่วๆไป”

“จะเพื่อนหรือใครก็บอกไม่ได้ค่ะ เกิดมีคนมาอ้างเอาแบบนี้เรื่อยๆ พี่ไม่ต้องบอกเขาไปหมดหรือคะคุณไหม” เมษยังว่าต่ออย่างใจเย็น “เห็นใจพี่เถอะค่ะ” พร้อมกับหยอดลงไปอีกหน่อยเป็นการตบท้าย

“เอาเถอะค่ะ ขอบคุณนะคะ” เมษยังไม่ทันได้ตอบกลับอะไรออกไป ก็ปรากฏว่าปลายสายวางหูไปเสียแล้ว

และที่ยิ่งทำให้ไหมของขึ้นหนักขึ้นไปอีกก็เห็นจะเป็นตอนที่เธอโทรเข้าออฟฟิศของนนท์ แล้วปรากฏว่า นนท์เองก็ลาพักร้อนพร้อมๆกับที่น้ำต้นหายไปพอดีเหมือนกัน แม้จะคอยบอกตัวเองว่า อาจจะไม่มีอะไร แต่ทำไมจิตใจของเธอมันจึงไม่ยอมสงบลงเอาเสียเลย ไหมในตอนนี้มีแต่ความร้อนรุ่ม ขุ่นเคืองใจ และเต็มไปด้วยความริษยาอย่างยิ่งยวด เธอไม่เคยรู้สึกโกรธและเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นการที่จะให้เธอเลิกราแต่เพียงเท่านี้ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย

“น้องไหม อีกสิบนาทีจะอัดเทปแล้ว เตรียมสแตนด์บายเอาไว้เลยนะคะ” ทีมงานของรายการโทรทัศน์ที่เธอเดินทางมาอัดรายการโปรโมทละครเรื่องใหม่โผล่หน้าเข้ามาแจ้งกับนักแสดงสาว

“ได้ค่ะพี่” เธอยิ้มตอบกลับไปเสียงหวาน และรอยยิ้มนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นเหี้ยมเกรียมเมื่อเธอตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า ถึงเวลาเดินหมากเสียที

************************

สี่วันสามคืนเป็นช่วงเวลาที่แม้จะสั้นนัก แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่นนท์และน้ำต้นจะจดจำเอาไว้ไม่มีวันลืมเป็นแน่ ความรู้สึกเป็นกังวลทั้งหลายทั้งปวงที่ทับถมอยู่ในใจของนนท์ในวันที่ต้องเดินทางกลับบ้านนั้น หนักหนาอยู่พอสมควร นนท์ถึงขนาดเตรียมใจเอาไว้แล้วด้วยซ้ำว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็พร้อมที่จะยอมรับมันแล้วทุกอย่าง จนมาถึงตอนนี้ ขณะที่นั่งอยู่บนชั้นธุรกิจของเครื่องบินที่กำลังจะพาเขากลับสู่ความวุ่นวายของกรุงเทพฯอยู่นี้ นนท์กลับรู้สึกเบาสบายอย่างประหลาด ความทุกข์ใจและความกังวลทั้งหลายมลายหายไปหมดแล้วจริงๆ หันไปมองเจ้านักร้องหนุ่มที่นอนหลับสบายอยู่ข้างๆ นนท์ก็ได้แต่ยิ้มและส่ายหน้า ช่างสบายอกสบายใจไปเสียหมดทุกเรื่อง ทุกสถานการณ์จริงๆน้ำต้น เจ้าเด็กปากแข็ง นึกแล้วก็ให้หมั่นเขี้ยวยิ่งนัก ตลอดทั้งบ่ายของเมื่อวานนี้ ไม่ว่านนท์จะเฝ้าเพียรถามน้ำต้นสักเท่าใด น้ำต้นก็ปากแข็ง ไม่ยอมปริปากออกมาเลยสักนิด นอกจากคำพูดสั้นๆว่า

“เอาน่าพี่นนท์ มันเป็นเรื่องคำสัญญาของลูกผู้ชาย พี่ไม่ต้องกังวลไปหรอก” ว่าแล้วเจ้าตัวดีก็ลอยหน้าลอยตา ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งให้กับฟ้ากับฝนโดยไม่สนใจคำขอร้องของนนท์อีกต่อไป ทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทำเอานนท์ถึงกับนั่งไม่ติด

นนท์พาน้ำต้นไปบ้านในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งแม้อาจจะไม่ได้วุ่นวายมากอย่างในกรุงเทพฯ แต่ก็เรียกได้ว่าคึกคักไม่แพ้กัน แม่บอกเขาว่าพ่ออยากพบกับเพื่อนสนิทของนนท์ อยากพุดคุยกับเด็กที่นนท์ถูกอกถูกใจหนักหนา ยังไม่พอ แม้แต่แม่ของลูกก็ยังชอบใจเด็กคนนี้ พ่อจึงอยากรู้จักน้ำต้นขึ้นมาบ้าง

พ่อสำหรับนนท์นั้น เป็นคนที่นนท์ทั้งรักทั้งเกรงใจ เขาอาจจะไม่ได้สนิทกับพ่อมากเท่ากับแม่ แต่ไม่เพียงแต่จะไม่เคยน้อยอกน้อยใจ แต่ก็รักพ่อไม่แพ้แม่ นนท์เชื่อว่าพ่อเองก็ทั้งรักและภูมิใจในตัวเขามาก แม้จะไม่เคยออกปากให้ได้ยินเลยสักครั้งก็ตาม แต่ที่นนท์ไม่เคยรู้เลยก็คือพ่อคิดอย่างไรกับเรื่อง “ส่วนตัว” ของเขา นี่เป็นเรื่องเดียวที่ติดค้างอยู่ในใจเขามาตลอด แม้จะพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่คิดถึงมัน แต่ทำไมนนท์จะไม่รู้ว่า มันเป็นเรื่องที่ทำใจยากเพียงใด เมื่อลูกชายเพียงคนเดียวของนักธุรกิจที่มีหน้ามีตาและประสบความสำเร็จอย่างพ่อ กลับเป็นอย่างนี้ แม้พ่อจะไม่เคยพูดอะไรกับเขาตรงๆ แต่พ่อก็รับรู้ และยอมรับมันเงียบๆในแบบของพ่อ แต่ภายในนั้นพ่อจะรู้สึกอย่างไร นนท์ไม่กล้าถาม นนท์ที่แคร์ความรู้สึกของทุกคน โดยเฉพาะพ่อกับแม่ จึงได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่า แม้เขาจะไม่สมบูรณ์แบบและอาจจะทำให้พ่อผิดหวังไปบ้าง เขาก็ยินดีที่จะทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับทุกสิ่งที่เขาทำ เพียงเพื่อที่จะชดเชยความรู้สึกของพ่อแม่ ให้ได้ภาคภูมิใจที่มีลูกอย่างเขาบ้างสักนิดก็เพียงพอแล้ว

พ่อจะภูมิใจบ้างไหมหนอที่เขาพยายามตั้งใจเรียนจนสอบได้ที่หนึ่งของระดับชั้นมาตลอดช่วงระยะเวลาที่เรียนชั้นประถมและมัธยม จะภูมิใจไหมที่เขาจบปริญญาตรีจากหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง พ่อจะภูมิใจไหมที่เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานของรุ่นทั้งที่เขาเป็นเด็กเอเชียหัวดำแท้ๆ พ่อจะภูมิใจไหมที่ความรักดนตรีของนนท์ทำให้เขาตั้งใจเรียนเปียโนจนถึงขนาดได้รับใบรับรองให้เป็นครูสอนเปียโนได้อย่างสบาย แม้นนท์จะไม่ได้ตัดสินใจมาทำงานให้พ่อในทันที แต่งานที่นนท์เลือกทำจะทำให้พ่อภูมิใจบ้างไหมว่า มันสามารถเลี้ยงนนท์ได้และยังสร้างชื่อเสียงให้กับเขาได้ด้วย นนท์ตั้งคำถามเหล่านี้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา และแม้จะไม่รู้คำตอบ แต่เขาก็ยังคงเพียรพยายามต่อไปเพื่อความรู้สึกของพ่อกับแม่อยู่นั่นเอง

“นนท์ไปนั่งเป็นเพื่อนแม่เขาไปลูก” ชายวัยกลางคนที่มีส่วนละม้ายคล้ายนนท์อยู่ไม่น้อย นอกจากรูปร่างที่ค่อนข้างอวบท้วมอยู่สักหน่อยหันไปบอกลูกชาย ขณะที่สายตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มตัวสูงที่เพิ่งจะยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อมเมื่อครู่

“ครับพ่อ”

“ส่วนน้ำต้น... ใช่ไหม” ภาษกรถามย้ำ

“ครับ”

“ตามผมเข้ามาในห้องหน่อย ผมอยากคุยด้วย” เมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นบิดาพูดอย่างเข้มงวดจริงจังขึ้นมา นนท์ถึงกับหน้าเสีย และเกิดความกังวลขึ้นในใจทันที ในขณะที่เจ้าเด็กหน้าเป็นนั้นหันมาสบตากับนนท์ก่อนจะเอื้อมมือไปจับไหล่ของเขาเบาๆราวกับจะปลอบใจให้เขาหายวิตกกังวล น้ำต้นยิ้มให้เขาอย่างมั่นใจ ก่อนจะเดินตามหลังภาษกรไปอย่างไม่ประหม่าอันใดทั้งสิ้น วินาทีนั้นเองที่นนท์รู้สึกเหมือนน้ำต้นดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาชนิดผิดหูผิดตา สายตาที่ไม่หวั่นไหว กับท่าทางที่พร้อมแล้วสำหรับทุกเรื่องที่กำลังจะถาโถมเข้ามา ช่วยทำให้นนท์รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

นนท์กระสับกระส่ายและไม่เป็นตัวเองถึงขนาดนั่งไม่ติด คอยแต่จะผุดลุกผุดนั่งอยู่ตลอดระยะเวลาที่น้องชายของเขาหายเข้าไปในห้องทำงานของพ่อ ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว หนึ่งชั่วโมงก็แล้ว น้ำต้นก็ยังไม่ออกมาเสียที

“ไม่เป็นไรหรอกนนท์ เชื่อแม่สิลูก”วารีริน มองไปที่ลูกชายของนางอย่างเห็นใจระคนเอ็นดู เธอไม่เคยเห็นลูกชายในลักษณะนี้มาก่อน เห็นทีจะไม่ใช่แค่ความชอบเพียงชั่ววูบอย่างที่เธอเคยนึกกังวลเอาไว้เสียแล้ว แต่ก็นั่นแหละ คนที่เป็นแม่อย่างเธอจะไม่รู้เชียวหรือว่านนท์เป็นคนจริงจังกับทุกเรื่องเพียงไร ลูกชายของเธอไม่ใช่เด็กเหลวไหลใจแตกที่จะใช้ชีวิตอย่างมักง่ายเหมือนใครหลายคนในยุคสมัยนี้ แบบที่คิดจะรักใครง่ายๆก็ทำ อยากจะเลิกรักก็ทำ อยากจะมีอะไรกันก็ทำ โดยไม่คิดหรือไตร่ตรองอะไรเลย นั่นย่อมไม่ใช่นนท์ของแม่แน่นอน

สองชั่วโมงแห่งความว้าวุ่นใจของนนท์จบลงเสียทีเมื่อเห็นน้ำต้นเดินออกมาจากห้องทำงานของภาษกร สิ่งที่นนท์ไม่เชื่อสายตาก็คือ พ่อที่มักจะดูเข้มงวดของเขาเดินโอบไหล่ของน้ำต้นออกมาอย่างสนิทสนม พร้อมกับพูดคุยอะไรกันบางอย่าง ก่อนที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกันทั้งคู่ นนท์ไม่รู้ว่าทั้งพ่อและน้ำต้นพูดคุยอะไรกัน จับทันก็แค่ประโยดสุดท้ายที่ผู้เป็นพ่อเอ่ยแก่เจ้าน้องชายต่างสายเลือดว่า “ที่สัญญาเอาไว้ หวังว่าจะไม่ลืมนะ” และน้ำต้นก็ตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิดว่า “ด้วยชีวิตครับคุณพ่อ”

“ไปนนท์ ไปทานข้าวกัน หิวแย่แล้วมั้งเนี่ย” ภาษกรเปรยขึ้นมาก่อนจะเดินนำไปยังห้องอาหาร โดยไม่ปริปากอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่คุยกับน้ำต้นอยู่เป็นนานสองนานออกมาสักคำ

“คุยอะไรกันตั้งนาน” นนท์เอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้ แม้จะรู้สึกโล่งใจเหลือเกินก็ตาม

“บอกไม่ได้พี่นนท์ มันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย” ว่าแล้วน้ำต้นก็ยิ้มกริ่ม ไม่ปริปากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเหมือนกัน จนนนท์นึกฉิวขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้ ดูเอาเถอะ ไอ้เราหรือ นึกเป็นห่วงอย่างกับอะไรดี

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ไม่ต่างอะไรกับวันรวมญาติของบ้านนนท์ ในสายตาของน้ำต้นนั้น เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า นนท์เติบโตขึ้นมาด้วยความรักและความอบอุ่นมากเพียงไร อย่างนี้นี่เองสินะ ไม่ว่าเมื่อไรที่เขาได้อยู่ใกล้ๆพี่ชายของเขาคนนี้ เขาจึงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่กระจายออกมาอยู่ตลอดเวลา เชื่อแล้วว่า คนที่ได้รับความรักจากครอบครัวอย่างท่วมท้น จะสามารถแบ่งปันความสุขอันนั้นให้แก่คนรอบข้างได้อย่างเหลือเฟือ ไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมชายหนุ่มที่นั่งหัวเราะอยู่บนโต๊ะอาหารใกล้ๆเขาในตอนนี้ จึงได้เป็นที่รักของใครต่อใครเหลือเกิน ก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เขาชักจะรู้สึกหนักใจขึ้นมาเสียแล้วสิ เสน่ห์แรงแบบนี้ คนที่จะเหนื่อยเห็นที่จะเป็นน้องชายคนนี้นี่แหละ

“เป็นอะไรไป น้ำต้น” นนท์เอะใจเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆของน้ำต้น

“เปล่าพี่… กินข้าวเถอะ” ว่าแล้วก็ไม่ฟังเสียง เจ้าเด็กตาหวานก็ปฏิบัติการณ์หว่านเสน่ห์ บริการคนนั้นทีคนโน้นที ทั้งคุณย่า คุณยาย แม่ หรือแม้แต่พ่อก็ไม่เว้น นนท์ได้แต่ส่ายหน้าและรำพึงกับตัวเองในใจว่า แบบนี้ก็เสร็จเจ้าตัวแสบกันหมด หลานรักและลูกรักอย่างเขามีหวังจะตกกระป๋องก็คราวนี้

หลังจากมื้อเย็นวันนั้น ตลอดระยะทางที่นั่งรถกลับไปยังบ้านบนดอย จนใกล้เวลาที่ต้องเข้านอนเต็มที ไม่ว่านนท์จะขอร้องสักเพียงใด น้ำต้นก็ยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียวไม่ยอมบอกว่าเข้าไปคุยอะไรกับภาษกรมาบ้าง

“ตามใจ ไม่บอกก็ไม่บอก พี่ไม่อยากรู้แล้ว ต่อไปมีอะไรก็ไม่ต้องมาสนใจพี่ก็ได้” นนท์ถึงกับต้องใช้ ‘ไม้งอน’ กับน้องขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าหมดหนทางจะง้างปากเจ้าเด็กนี่ได้แน่ๆ

“โธ่พี่นนท์” น้ำต้นเข้าไปโอบรอบคอพี่ชายจากข้างหลังอย่างอ่อนโยนและเอาใจอยู่ในที “ไม่ใช่ว่าต้นไม่อยากบอกนะ” หนนี้น้องชายเป็นฝ่ายอ้อนบ้าง “แต่ว่าลูกผู้ชาย สัญญากับใครเอาไว้แล้วก็ต้องรักษาสัญญาใช่ไหม พี่อยากจะให้ต้นเป็นคนไม่ซื่อสัตย์เหรอ” ปากว่ายังไม่พอ มือไม้ที่อยู่ไม่สุขก็กอดกระชับนนท์แน่นขึ้นอีกหน่อย แถมเจ้าตัวยังเอาคางมาเกยบนไหล่เขาอย่างเอาใจเต็มที่ “เห็นใจต้นนะ นั่นก็พ่อพี่ นี่ก็พี่... ทำใจลำบากจะแย่”

ลูกอ้อนเจ้าเด็กโข่งได้ผลจนได้ นนท์บอกตัวเองว่าคงต้องยอมแพ้เสียแล้ว ท่าทางเจ้าเด็กหน้าเป็นนี่จะใจแข็งกว่าที่คิด อีกอย่าง ว่าตามจริง เขาก็ไม่ได้นึกอยากรู้มากอย่างเมื่อตอนแรกสักเท่าไหร่แล้วจริงๆนั่นแหละ หลังจากที่พ่อเดินออกมาคุยกับเขาหลังอาหารมื้อเย็นนั่นเอง คำพูดสั้นๆของพ่อ ทำให้นนท์ลืมความกังวลทุกสิ่งอย่างไปจนหมดสิ้น

“น้ำต้นเป็นเด็กดีนะ มันซื่อๆ จริงใจดี” นนท์หันไปมองหน้าพ่ออย่างไม่เชื่อหู “เลือกได้ดีนี่ลูก” ภาษกรหันไปมองหน้าลูกชายก่อนจะยิ้มให้ราวกับจะบอกเขาว่า ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะนนท์ด้วยความรักใคร่

นนท์ที่ได้ยินดังนั้นถึงกับน้ำตารื้น เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก นอกจากยกมือไหว้พ่ออย่างซาบซึ้งใจที่สุด พ่อไม่ใช่คนช่างพูด และไม่ใช่คนที่ชอบแสดงความรู้สึกมากนัก เพียงเท่านี้ก็ทำให้นนท์รู้สึกได้ถึงความรักที่พ่อมีต่อเขาและตื้นตันใจอย่างที่สุด คำพูดสั้นๆของพ่อมันช่างมีความหมายต่อเขาเหลือเกิน มันสามารถทดแทนความกังวลทั้งหลายทั้งปวงของเขาได้จนหมด เขาไม่สงสัยอีกแล้วว่าพ่อรักเขามากแค่ไหน ภาคภูมิใจในตัวเขาเพียงใด และเชื่อมั่นในตัวเขามาตลอด

แรงกระชับจากวงแขนแข็งแรงนั้นยังคงไม่คลายลง

“อย่างอนน้องนะพี่” น้ำต้นยังคงออดอ้อนต่อไปไม่เลิก

“ไม่งอนหรอกน่า” นนท์ว่าอย่างไม่ติดใจอะไรอีก “ปล่อยพี่ได้แล้ว พรุ่งนี้เราต้องบินกันแต่เช้า นอนเถอะ”

“พี่” น้ำต้นยังไม่ยอมปล่อยเขา

“เฮ้ย...” นนท์ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อร่างที่นั่งอยู่บนขอบเตียงของเขาตะแคงล้มลงไปนอนไม่เป็นท่า ก็จะใครที่ไหน ถ้าไม่ใช่ฝีมือเจ้าเด็กโข่งข้างหลังเขานั่นเอง “ทำอะไรเนี่ยน้ำต้น” เด็กน้ำต้นหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นพี่ชายโวยวายออกมา

“อยู่เฉยๆสิพี่”

“เรานี่มันยังไงกันนะ หือม์” นนท์ทำเสียงดุน้องขึ้นมาบ้าง

“น่า... ไหนๆ พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว นอนเป็นเพื่อนกันหน่อยสิ”

“ไม่เอา ห้องพี่ก็มี เดี๋ยวจะกลับไปนอนที่ห้องแล้ว โตแล้วก็นอนเองสิ”

“อะไรกัน” แม้จะไม่ได้ประจันหน้ากัน แต่ความใกล้ชิดระหว่างทั้งคู่ในยามนี้ ทำให้นนท์รู้สึกได้เลยว่าเจ้าน้องชาย กำลังทำ ‘ปากยื่นปากยาว’ เหมือนอย่างที่เขาเห็นเป็นประจำเวลาที่เจ้าตัวไม่สบอารมณ์หรือถูกขัดใจจากเขา “พี่นนท์ไม่รักน้อง” แขนข้างหนึ่งของน้ำต้นกลายเป็นหมอนให้นนท์นอนหนุนไปแล้ว ในขณะที่มืออีกข้างรวบเอวของพี่ชายเอาไว้แน่นก่อนที่จะกระชับร่างนั้นให้แนบชิดกับตัวเองมากขึ้น

“ไม่เกี่ยว” นนท์ท้วงขึ้นมาบ้าง แต่น้ำเสียงกลับฟังดูไม่มีน้ำหนักสักเท่าไหร่นัก มือข้างหนึ่งก็พยายามแกะมือที่เกาะกุมเอวของเขาเอาไว้ ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน หัวใจเขาเต้นจะไม่เป็นจังหวะอยู่แล้ว ทำไมน้ำต้นถึงได้ชอบปากว่ามือถึงนักนะ

“ได้ไง พ่อเขาอุตส่าห์ฝากฝังขนาดนั้นแล้ว จะมาพูดจาห่างเหินแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” เจ้าตัวร้ายยังลอยหน้าลอยตากระซิบข้างหูเขาอยู่แบบนั้น

“ฝากฝังอะไร เมื่อไหร่กัน อย่ามา...” นนท์หันหน้าไปประท้วงทันที

“จริงๆ แต่ต้นบอกพี่ได้แค่นี้แหละ” น้ำต้นมองเข้าไปในดวงตาของนนท์ ก่อนที่จะคลายมือที่เอวของนนท์ออกเบาๆ แต่ไม่ยอมปล่อยออกให้เป็นอิสระดั่งใจของเจ้าของ แต่ขืนดันให้นนท์หันทั้งร่างมาเพื่อที่จะได้เห็นหน้ากันได้อย่างถนัดถนี่อีกสักนิด ใบหน้าของนนท์ในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าติดชิดกับน้ำต้นมากกว่าครั้งไหน หน้าผากเรียบเนียนสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา จมูกเกือบจะชนกัน ริมฝีปากรู้สึกถึงลมหายใจที่อบอุ่นของกันและกัน ร่างกายที่แนบชิดกันนั้นแทบจะรู้สึกได้ถึงทุกจังหวะการเต้นของหัวใจของแต่ละฝ่ายได้อย่างชัดเจน มือข้างหนึ่งของนนท์วางอยู่บนเอวของน้ำต้นอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนอีกข้างที่เจ้าตัวไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนดี จนในที่สุดก็ทำได้แค่เอามันไปวางไว้แนบอกข้างหนึ่งของอีกฝ่าย

“จริงเหรอ” นนท์ถามเสียงแผ่วเบา

“จริงๆ” น้ำต้นตอบเสียงเบาไม่แพ้กัน

“พี่นนท์”

“หือม์”

“ต้นรักพี่นะครับ”

“...”

“พี่ล่ะ รักต้นไหม”

“...”

“พูดอะไรบ้างสิพี่นนท์ อย่าเงียบแบบนี้” น้ำต้นพยายามมองหน้าอีกฝ่ายที่เอาแต่ก้มหน้างุดอยู่ตรงซอกคอของเขาโดยไม่พูดอะไร “พี่นนท์” หนนี้น้ำต้นยอมผละมือจากเอวพี่ชายก่อนที่จะเลื่อนขึ้นมาสัมผัสกับแก้มอุ่นๆข้างหนึ่งและขืนให้เงยหน้าขึ้นมองเขา

“ว่าไงครับ...” น้ำต้นยังคงรอคำตอบ ก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับโดยไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก

ตอนนั้นเองที่ริมฝีปากของเขาเลื่อนเข้ามาประทับกับริมฝีปากของนนท์อย่างอ่อนโยนที่สุด ราวกับจะประกาศให้โลกรู้ว่าคนที่เขากอดเอาไว้อย่างแนบแน่นคนนี้รักเขาและเป็นของเขาแต่เพียงคนเดียว นนท์จูบตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานไม่แพ้กัน เขานึกไม่ออกเหมือนกันว่า เคยรักใครหมดหัวใจเหมือนกับที่ได้รักคนคนนี้มาก่อนหรือเปล่า ทำไมหนอเด็กธรรมดาคนนี้จึงได้เข้ามามีอิทธิพลต่อจิตใจของเขามากมายนัก ถูกล่ะ นนท์ไม่เคยบอกว่ารักใครเลยแม้สักครั้ง อย่างเก่งก็ได้แค่บอกว่าชอบเท่านั้น ผ่านไปไม่นาน มันก็จบลงเหมือนๆกัน และเขาก็มักจะเป็นฝ่ายเจ็บปวดมันไปเสียทุกครั้ง ทั้งที่ก็บอกตัวเองแล้วว่าให้ระวัง ทั้งที่คิดว่าตัดสินใจถูกแล้ว เลือกไม่ผิดคนแล้ว จนเขาเองเริ่มไม่แน่ใจในความรักขึ้นมาเสียแล้ว แม้จะเฝ้าเพียรบอกตัวเองว่า เรื่องของหัวใจก็เป็นเสียแบบนี้ ไม่อย่างนั้น ใครๆก็สมหวังกันไปหมดก็ตาม

จูบนั้นเนิ่นนานเสียจนหัวใจของทั้งคู่แทบจะหยุดเต้น กว่าจะยอมผละออกจากกันไม่มีใครรู้ว่ากิน

เวลาไปเท่าไหร่ รู้แต่เหมือนกับโลกรอบข้างหยุดหมุนไปเสียเฉยๆอย่างนั้น มันอาจจะไม่ใช่การจูบที่ช่ำชอง ไม่ใช่การจูบที่เร่าร้อนรุนแรง แต่ก็อบอุ่นหัวใจอย่างที่สุด นนท์บอกตัวเองอย่างนั้น

“นอนนี่เถอะนะพี่นนท์ นอนด้วยกันเฉยๆนี่แหละ ต้นแค่อยากกอดพี่เอาไว้แบบนี้แค่นั้นเอง” แม้น้ำเสียงจะออดอ้อนแต่ก็ฟังดูจริงจังกว่าทุกครั้ง

“อือม์” นนท์ตอบรับแค่นั้นก่อนที่จะขดตัวซุกอยู่กับอกของเจ้าน้องชายตัวดีอย่างไม่สนใจอะไรอีกต่อไป น้ำต้นได้แต่ประหลาดใจกับปฏิกิริยาตอบรับง่ายๆของคนตัวเล็กกว่าในอ้อมกอด ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม และกระชับแขนข้างที่โอบกอดพี่ชายให้แน่นมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปทั้งสองคน

********************

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
นนท์หันไปมองคนข้างตัวที่ยังคงหลับใหลอยู่บนที่นั่งข้างๆเขาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างนึกขันกับเมื่อนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อตอนเช้าวันนี้ ตอนที่เขาสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมเสียงโอดครวญเบาๆของเจ้าตัวดี

“รู้สึกเหมือนไม่มีแขนเลยพี่นนท์” นนท์ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหัวเราะชอบใจออกมา ก็แหงล่ะ เขานอนทับแขนของน้ำต้นเอาไว้ตลอดทั้งคืน โดยไม่ได้ขยับไปไหนเลยนี่นา ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด

“ตัดทิ้งเลยดีไหมน้ำต้น”

“ดูเอาเถอะ ไอ้เรารึอุตส่าห์เสียสละยอมเป็นหมอนให้หนุนทั้งคืน จะเห็นใจกันสักนิดก็ไม่มี แถมยังซ้ำเติมกันอีก คนรักกันภาษาอะไรเขาทำกันแบบนี้ ฮื้อ” ยิ่งโอด นนท์ก็ยิ่งหัวเราะไม่หยุด

“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า ไป... ลุกได้แล้ว เดี๋ยวจะไปขึ้นเครื่องไม่ทัน” เมื่อเห็นนนท์ทำท่าจะผละออกไป น้ำต้นก็ยิ่งโอดครวญมากขึ้นจนน่าหมั่นไส้

“โหย... พี่อ้ะ... แขนมันขยับไม่ได้เนี่ยเห็นมั้ย จะช่วยกันหน่อยไม่ได้เลยเหรอ” ว่าแล้วก็ยื่นมืออีกข้างมาให้นนท์จับ “น่า อย่างน้อยช่วยดึงขึ้นไปหน่อยก็ยังดี”

นนท์หันไปมองอย่างหมางเมิน ก่อนที่จะตอบออกไปแบบมะนาวไม่มีน้ำว่า “ไม่” แต่แล้วกลับปัดมือที่ยื่นมาให้พ้นทางโดยไม่ให้เจ้าของมือได้ตั้งตัว และโหย่งตัวลงไปก้มหน้าใช้ปากแตะไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะผละออกมาอย่างทันทีทันใด ทำเอาน้ำต้นร้องเฮ้ยออกมาเสียงดัง ไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรนนท์ก็ลงไปยืนยิ้มอยู่ตรงข้างเตียงเสียแล้ว ทำเอาน้องชายทำหน้าไม่ถูกเป็นครั้งแรกเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายถูกจู่โจมเข้าบ้าง

นนท์เดินไปเปิดประตูอย่างสบายใจ ก่อนที่จะหันหน้ามายิ้มให้อย่างเป็นต่อว่า “อย่าคิดว่าทำเป็นอยู่คนเดียว” แล้วจึงปิดประตู ปล่อยให้น้ำต้นที่เพิ่งจะตั้งสติได้ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

**********************

หนุ่มร่างสูงกว่าในหมวกแก๊ปและแว่นกันแดดเข็นรถออกมาจากประตูทางออกพร้อมกับชายหนุ่มอีกคนที่กำลังง่วนอยู่กับกระเป๋าสะพายใบย่อม แม้การบินจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯจะใช้เวลาในการเดินทางไม่นานนัก แต่การที่ต้องตื่นแต่เช้า และเดินทางไปเช็กอินที่สนามบินก่อนเวลาเป็นชั่วโมง รวมถึงต้องเสียเวลารอกระเป๋าที่โหลดขึ้นเครื่องที่กินเวลาไปไม่น้อย ก็ทำเอาชายหนุ่มทั้งสองคนเหน็ดเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

“น้ำต้น นนท์ ทางนี้”

สองหนุ่มยกมือไหว้เมื่อเห็นว่าต้นเสียงที่คุ้นเคยนั้นเป็นใคร

“พี่เมษ ขอบคุณนะครับที่มารับ” น้ำต้นกับนนท์ยกมือไหว้เออาร์สาวอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ไปกันเถอะ มีอะไรไปคุยกันในรถดีกว่า” เมษรับไหว้ก่อนจะตัดบทชนิดไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัวทัน

“พี่เมษมีอะไรหรือเปล่า” น้ำต้นเอะใจกับกริยาของเมษที่ผิดไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด

“มีเรื่องนิดหน่อย” เธอจับแขนน้ำต้น ก่อนจะบอกเขาด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดผิดปกติ “ไปคุยในรถเถอะ เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง”

ไม่มีใครพูดอะไรอีก ทั้งสองคนเร่งฝีเท้าเดินตามหลังเออาร์สาวที่จ้ำพรวดๆ อย่างไม่รีรออะไรทั้งสิ้น

*********************

“เราสองคนไม่ได้ดูทีวีใช่ไหม” เมษโพล่งขึ้นมาหลังจากที่ขับรถออกมาจากสนามบินได้พักใหญ่ น้ำต้นกับนนท์หันไปมองหน้ากันอย่างไม่สู้จะเข้าใจอะไรนัก

“อยู่เชียงใหม่แทบจะไม่ได้ดูทีวีเลยครับ” นนท์เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

“ดีแล้วล่ะ”

“มีอะไรหรือเปล่าพี่เมษ” น้ำต้นถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้

“เรื่องไหม”

น้ำต้นหันไปมองหน้านนท์

“ไหมทำไมพี่”

“ต้นตอบพี่ตรงๆนะ เรื่องของต้นกับไหม มันยังไงแน่”

“ไม่ยังไงหรอกพี่เมษ มันจบไปตั้งนานแล้ว แต่ระยะหลังมานี่จู่ๆเขาก็กลับมาติดต่อกับต้นอีก แต่ต้นก็บอกเขาไปแล้วตรงๆว่า เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ คือยังไงต้นก็ไม่กลับไปคบกับเขาแน่นอน”

“แล้วเขาว่ายังไงบ้าง”

“เขาก็คงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ต้นคิดว่าบอกเขาไปชัดเจนแล้ว มันก็น่าจะจบแล้ว”

“เชื่อเถอะ มันยังไม่จบหรอก”

“หมายความว่าไงพี่เมษ”

“ก็ตอนที่เราสองคนไม่อยู่ เขาโทรมาหาพี่ ถามหาต้น”

มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มคว้ามือของคนข้างตัวมาจับเอาไว้แน่น อีกฝ่ายแม้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ก็กระชับมือตอบเพื่อให้อีกคนได้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

“แต่พี่ไม่ได้บอกอะไรเขาหรอกนะ ที่แน่ๆเขาหัวเสียน่าดู”

“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เวลาเขาไม่ได้อะไรอย่างใจ เขาจะไม่ยอมง่ายๆหรอกพี่เมษ”

“เขาไม่ยอมง่ายๆจริงๆนั่นแหละต้น” เมษว่าขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักใจจนรู้สึกได้ น้ำต้นได้แต่ขมวดคิ้ว ด้วยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เขาหายไป

“เมื่อวานเขาไปออกรายการทีวี รายการสดด้วย มันเลยตัดอะไรไม่ทัน คือเรื่องของเรื่องน่ะ เขาจะโปรโมตละครเรื่องใหม่นั่นแหละ ทีนี้รายการนี้เขาก็เน้นเจาะลึกเรื่องชีวิตส่วนตัวของคนดังอยู่แล้ว แต่ที่พี่นึกไม่ถึงก็คือ เขาจะฉวยโอกาสจากการไปออกรายการสดทำแบบนี้”

“เขาทำอะไรพี่เมษ”

“เขาบอกว่าตอนนี้กำลังจะรีเทิร์นกับอดีตแฟนหนุ่มที่เป็นนักร้องชื่อดัง ที่กำลังตามง้อเขาอยู่”

“เฮ้ย... ต้นเปล่า…”

“พี่ถึงถามต้นก่อนไง ว่าระหว่างเรากับเขาตกลงมันเป็นยังไง พี่ก็เชื่อแหละว่าเราน่ะไม่ได้อะไรกับเขา แต่ก็อยากรู้จากปากน้องมากกว่าอยู่ดี”

“แต่มันก็แค่คำพูดลอยๆนะพี่เมษ”

“ถ้ามันแค่ลอยๆอย่างที่ว่าก็ดีน่ะสิ แต่ฝ่ายโน้นเขาไม่ได้โง่ขนาดพูดขึ้นมาลอยๆ อย่างเดียวหรอก ดาราระดับเขาน่ะ ทำอะไรต้องรอบคอบ โชคเข้าข้างเขาด้วยแหละต้น”

“โชคเข้าข้าง? ยังไงพี่”

“ต้นไปหาเขาที่คอนโดมาหรือเปล่าล่ะ”

“คอนโด... อ๋อ ไปแค่ครั้งเดียว วันที่เขาโทรให้ต้นออกไปหาน่ะพี่ แต่วันนั้นก็บอกเขาไปชัดเจนแล้วว่าคงกลับไปคบกันไม่ได้แล้ว”

“นั่นแหละ มีนักข่าวถ่ายรูปเราเอาไว้ได้ ยังไม่พอยังมีรูปที่เขาออกจากคอนโดเราไปด้วยน่ะสิ”

“แต่วันนั้นเขามาส่งต้นเฉยๆนะพี่”

“เออ แต่นักข่าวจะสนไหมล่ะ ก็รู้ๆอยู่ พวกนี้น่ะ พอถ่ายรูปอะไรมาได้ มันก็นั่งเทียนเขียนกันเป็นวรรคเป็นเวร แถมเจ้าตัวยังไปพูดออกรายการเสียชัดเจนขนาดนั้น ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเป็นเราล่ะต้น”

ได้ยินดังนั้น น้ำต้นถึงกับถอนหายใจหนักๆ เอนตัวลงพิงกับเบาะหลังของรถเก๋งคู่ใจของเออาร์ส่วนตัวของเขาอย่างเหนื่อยอ่อนทันที นนท์หันไปมองน้องชายอย่างเห็นใจที่สุด เขาเองก็ไม่รู้จะช่วยน้ำต้นได้อย่างไรดีเหมือนกัน แม้ในใจจะรู้สึกโหวงกับข่าวที่เพิ่งได้ยินมาสดๆร้อนๆอยู่บ้างก็ตาม

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะพี่เมษ”

“ตอนนี้อยู่เฉยๆไปก่อน ดูซิว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อไป แต่พี่ว่าเขาไม่หยุดแค่นี้แน่นอน”

“พี่นอว่ายังไงบ้างครับ”

“เขาก็ห่วงๆอยู่ ห่วงเราทั้งสองคนนั่นแหละ” เมษสบตานนท์ผ่านทางกระจกมองหลัง “พี่แค่อยากจะบอกพวกเราเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ตกใจถ้าเกิดไปได้ยินข่าวอะไรขึ้นมา ให้พี่แนะนำนะ ก็อยากจะให้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานของเราต่อไป โอเคไหม ส่วนเรื่องนักข่าว พี่จะเลี่ยงๆให้ ต้นก็พยายามเลี่ยงๆหน่อยก็แล้วกัน ระวังฝ่ายโน้นเอาไว้ด้วย เราไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน ลองเขากล้าเอาชื่อเสียงของเขาเข้าแลกแบบนี้ ยิ่งต้องระวัง” เมษนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะว่า “พี่ฝากนนท์ดูน้องหน่อยนะครับ”

นนท์ยิ้มให้เมษผ่านกระจกมองหลัง ก่อนจะพยักหน้า “ครับพี่เมษ”

“แล้วก็ นนท์... พี่ยินดีด้วยนะ พี่นอบอกพี่แล้ว ดีใจกับนนท์จริงๆ”

“ขอบคุณครับ”

“งานนี้พี่ยอมเหนื่อยเป็นสองเท่าเลยนะเนี่ย”

“เหนื่อยเป็นสองเท่า?” น้ำต้นเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัย “ทำไมล่ะพี่”

“ก็นอกจากต้องดูแลเด็กโข่งอย่างเราแล้ว พี่ก็ต้องดูแลพี่นนท์ของเราด้วยไงน้ำต้น”

“จริงเหรอพี่เมษ” เจ้าเด็กโข่งร้องออกมาอย่างยินดี “เย้... ต้นดีใจสุดๆเลย ดีจังนะพี่นนท์” ว่าแล้วก็หันไปหาพี่ชายที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ

“ขอบคุณครับพี่เมษ นนท์ดีใจมากเลยที่พี่เมษยอมเหนื่อยกับนนท์อีกคน”

“โอ๊ยนนท์ พี่นะไม่ห่วงนนท์เท่ากับไอ้เด็กข้างๆนนท์หรอก”

“ไหงงั้นล่ะพี่ ต้นออกจะเป็นเด็กดี น่ารักก็เท่านั้น แสนดีก็เท่านั้น...”

“โอย พอ พอ... เดี๋ยวอ้วก” เมษสวนกลับตรงๆ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากสองหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังได้อย่างพร้อมเพรียงกัน

“ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีนะพี่นนท์” คำพูดของเด็กหนุ่ม เรียกรอยยิ้มจากทั้งเมษและนนท์โดยที่คนพูดเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ดูเอาเถอะ เกิดเรื่องกับตัวเองแท้ๆ แต่ก็ยังไม่วายนึกถึงความรู้สึกของคนใกล้ตัวมากกว่าตัวเอง แล้วแบบนี้จะไม่ให้เมษรักและเป็นห่วงน้องชายคนนี้ได้อย่างไร จะไม่ให้นนท์ตื้นตันกับความรักที่น้องชายคนนี้มอบให้เขาได้อย่างไรกัน

“ถึงบ้านก็พักผ่อนกันซะนะ เรายังต้องรับมือกับอะไรอีกเยอะเลย” เมษว่าดังนั้นแล้วก็เบนสายตากลับมาจดจ่อกับถนนหนทางที่ยังมีรถราไม่หนาแน่นนักอีกครั้ง

**********************

“คุณไหมนี่แน่มากเลย” ชายหนุ่มยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันอยู่ครึ่งแก้วชูให้กับไหม ราวกับจะเชิดชูวีรกรรมอันยิ่งใหญ่อะไรสักอย่างของหญิงสาว

“เล่นไม้นวมไม่ได้ผล มันก็ต้องแลกกันหน่อย” ไหมว่าอย่างดุดัน แววตาที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวของเธอ บอกว่าเธอยอมแลกกับทุกอย่าง แม้ทางผู้จัดละครจะไม่ค่อยพอใจกับเรื่องที่เธอไปพูดออกรายการสดนัก แต่เพราะผลตอบรับจากการที่ใครต่อใครให้ความสนใจกับนางเอกละครคนนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด น่าจะทำให้ช่วยเพิ่มเรตติ้งให้กับละครได้ไม่น้อย บวกกับบทบาทที่นักแสดงสาวได้รับในครั้งนี้ค่อนข้างจะแตกต่างจากบทนางเอกสาวเรียบร้อยตามแบบฉบับละครทั่วไปด้วยแล้ว การโปรโมตหนนี้แม้อาจจะดูแรงไปสักนิด แต่ก็ต้องถือว่าสร้างกระแสได้ดีทีเดียว จึงยากที่ใครจะตำหนิเธอได้

“ทุกอย่างมันเข้าทางไปหมด” สมกับความต้องการของเธอในตอนนี้ที่สุด

“แล้วนี่ทางเด็กน้ำต้นว่ายังไงบ้าง” ดีเจหนุ่มเจ้าสำราญว่าพลางกระดกแก้วขึ้นจิบ

“ก็ไม่เห็นว่ายังไงนะ แต่มีคนบอกว่ากลับมาจากต่างจังหวัดแล้ว” ว่าตามตรงเธอคาดหวังว่าจะได้รับโทรศัพท์จากเด็กหนุ่มอยู่เหมือนกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววว่าน้ำต้นจะโทรมาเลย

“รู้สึกสองคนนั่นจะไปด้วยกันนะ” เธอยักไหล่ราวกับจะไม่ยี่หระในสิ่งที่ตัวเองพูด แต่ลึกๆแล้ว เธอไม่ชอบใจอย่างที่สุด และโกรธที่ทุกอย่างกลับพลิกผันไปเสียหมด

“อะไรนะ” ดูเหมือนข่าวนี้จะเรียกความสนใจจากเอ้ได้ผลก็คราวนี้ “นนท์น่ะนะ ไปกับเด็กของคุณ”

“ก็ใช่น่ะสิ ดูเหมือนที่คุณบอกฉันจะเป็นเรื่องจริงนะ ร้ายนัก เห็นเงียบๆติ๋มๆ ไม่นึกว่าจะขนาดนี้เหมือนกัน”

“ผมก็ไม่อยากเชื่อ” แน่ล่ะ ในสายตาของเอ้ นนท์คือคนที่เล่นด้วยยากที่สุด ตอนที่สนิทสนมกัน ไม่ว่าเอ้จะพยายามปลอบหรือขู่เพียงใด นนท์ก็ไม่ยอมใจอ่อนเอาเสียเลย จนหลายครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า เล่นตัวเสียยังกับผู้หญิงก็ไม่ปาน แล้วนี่อะไร ไอ้นักร้องนั่นมันมีดีอะไร นนท์ถึงได้ยอมใจอ่อนไปกับมัน เขานึกขบเขี้ยวเจ็บใจตัวเองที่ประเมินเด็กน้ำต้นต่ำเกินไป คิดว่ายังเด็กไม่ประสีประสา คงไม่มีน้ำยาสักเท่าไหร่ จึงวางใจ ไม่คิดกระตือรือร้นจะตื๊อนนท์ให้ใจอ่อนกับเขา “แสดงว่าเด็กคุณ ลีลาดี หรือยังไง”

ไหมเชิดคอขึ้น ในใจนึกรังเกียจนักเวลาที่เอ้พูดจาหยาบโลนเช่นนี้ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าต่างคนต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันล่ะก็ เธอคงไม่คิดอยากจะลดตัวไปยุ่งกับคนอย่างเอ้เป็นแน่ ในใจก็นึกหวังเหลือเกินว่าเรื่องมันจะจบลงอย่างที่เธอหวังเอาไว้ ทำไมต้องทำให้เรื่องยากถึงเพียงนี้ด้วยนะน้ำต้น คนอย่างเธอไม่ดี ไม่เหมาะกับเขาตรงไหน ถึงวันนี้เธอก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่า น้ำต้นจะมีรสนิยมแบบนั้น

“เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งวางใจนักก็แล้วกัน ถ้าอะไรยังไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจเอาไว้ล่ะก็ ฉันคงต้องพึ่งทางคุณด้วยเหมือนกัน งานนี้ฉันเอาจริงนะคุณ” เธอมองตาเอ้ราวกับจะยืนยันคำพูดนั้น

คนกลางคืนเริ่มทยอยเข้ามาในร้านมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้วันศุกร์ ใครๆก็อยากจะมาเที่ยวสังสรรค์ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าเป็นน้ำต้นน่ะหรือ อย่างมากก็ไปหาอะไรทานด้วยกัน เขาไม่ชอบเที่ยว ไม่ชอบดื่ม ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย จนหลายครั้งเธออดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าน้ำต้นเป็นคนดีที่น่าเบื่อเหลือเกิน ส่วนหนึ่งที่เธอทิ้งเขาไปในตอนนั้น ไม่ใช่แค่เพราะแม่ของเธอที่ไม่สนับสนุนเอาเสียเลยหรอก แต่เป็นเพราะเธอทั้งเบื่อทั้งริษยาเขามากเสียจนไม่อาจทนคบหาเขาต่อไปได้แล้วต่างหาก แม้ลึกๆเธอจะเสียดายเขาอยู่เหมือนกันก็ตาม

เอ้ผละจากโต๊ะของหญิงสาวเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนของเขา ไหมนัดชายหนุ่มให้มาพบปะพูดคุยกันที่นี่เพราะเห็นว่าสะดวกกับทั้งสองฝ่าย เอ้นั้นเป็นขาประจำของที่นี่อยู่แล้ว ส่วนไหมก็นัดเพื่อนเอาไว้อีกร้านที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ป่านนี้เพื่อนของเธอคงมากันพร้อมหน้าแล้ว ก่อนที่เธอจะลุกออกจากโต๊ะเพื่อเดินเบียดกลุ่มคนที่เริ่มจะหนาตาขึ้นเรื่อยๆออกไป ก็หันไปมองเอ้อีกครั้ง ชายหนุ่มสนุกสุดเหวี่ยง มือข้างหนึ่งยังถือแก้วเหล้าที่พร่องลงไปเพียงเล็กน้อยไม่ปล่อย ส่วนอีกข้างง่วนอยู่กับกับการลูบหน้าลูบหลังชายหนุ่มเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนอย่างพิศวาสเต็มที่ เธอเบะปากให้กับภาพที่เห็นอย่างนึกรังเกียจก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไปจากร้าน พร้อมกับสายตาของคนเป็นสิบที่หันไปมองเธออย่างชื่นชมในความสะสวยอันโดดเด่นไม่เป็นรองใคร

________________________________

โปรดติดตามตอนต่อไป

****************************

จบลงไปอีกตอนแล้วค่ะ ต้องขอโทษอย่างยิ่งทีเดียวที่ทิ้งช่วงนานไปสักนิด แต่ก็เอามาลงให้อ่านกันต่อแล้ว และดูเหมือนว่า ตอนต่อไปคงมีอะไรให้ได้ลุ้นกันใจหายอีกแล้วล่ะค่ะ

อย่าลืมติดตามกันต่อนะคะ

จากคุณ : fingers-crossed 

MawinK

  • บุคคลทั่วไป
ชอบจังเลยอ่ะ...มาลงให้แบบจุใจไปเลย..แต่ละตอนยาวได้ใจ..

แอบกระซิบถามคนเขียนนิดหนึ่ง...  o18 อ่านตอนบรรยาย Background นนท์  รู้สึกคุ้นๆ อ่ะ... คล้ายๆ ประวัติของใครสักคนในบ้าง AF ที่มีอักษรขึ้นต้นด้วย น. เหมือนกัน.... แถมน้องชายอีกคนก็อักษรขึ้นต้นด้วย ต. อีก  ละอ่อนเมืองทั้งคู่...

คนเขียนแอบให้มุขนี้เป็นแรงบันดาลใจอ่ะปล่าวครับ.....  :o8:


จะรออ่านตอนต่อไปนะครับ.... :mc4:

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
หึหึ

ยัยไหมโครตลงทุน แค่ไม่อยากยอมแพ้่  :z1:

bixzz

  • บุคคลทั่วไป
+1 ให้คุณนาเมฮ์แล้วนะครับ...ขอบคุณที่นำมาลงต่อครับ
ยัยไหมเริ่มแผลงฤทธิ์แล้วสิเนี่ย... :m16:
รอลุ้นตอนต่อไปนะครับ...

Sakana2yunjae

  • บุคคลทั่วไป
น้องไหมนี่แรงจริงๆๆ เหอๆๆ น้ำต้นแอนด์พี่นนท์ สู้ๆๆเค้านะคะ

ขอบคุณพี่นาเมฮ์ แอนด์คุณ fingers-crossed คะ :pig4: :3123:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
น่าาาาร้ากกก
จูจุ๊บกันแล้วด้วยยยย
อร๊ายยยย

ต้นมีสัญญาอะไรกะคุณพ่อพี่นนท์น้า..

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ชะนีไหม กัดไม่ปล่อยจิงๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
 :o8: :o8:

เขิลอีกแล้วว
แต่นะ ไหมกะเอกนี่ เอาไปเก็บเดี๋ยวนี้เลย  :z6: :beat:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
โอย ไม่ได้อยู่แค่ 10 วัน

ไปต่อไกลเลยนะนี่

ลงได้จุใจมากเลยจ้า

ชอบมากๆ

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
แรงได้โล่ห์ค่ะคุณไหม ถึงขนาดเอาตัวเช้าแรกเลยทีเดียว เหอๆ
เป็นกำลังใขให้คนแต่งกะคนโพสนะค่ะ  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Forever_ever

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนที่นนท์กับน้ำต้นอยู่ด้วยกันแล้วเขินนนนนนนนนนน
น่ารักมากกกกเลยค่ะ

ตอนหน้าจะมีอะไรให้ลุ้นอีกเหรอคะ
ยัยไหมก็นะ ไม่ยอมหยุดป่วนซะที

เอาใจช่วยพี่นนท์กับน้องต้นค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ

chineigiro

  • บุคคลทั่วไป
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด




ยายไหมแรงได้โล่ :angry2:



สู้ๆๆๆนะจ้า นนท์ และต้นน้ำ o13

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ชอบอะ

อ่านทีจุใจเลย

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
มาต่ออีกนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
 :pig4:  ไหมนี้ร้ายจริงๆ แล้วนนท์กับน้ำต้นจะเป็นไงต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ Ugly Ducky

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 314
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2
 :serius2:

ร้ายมากกกกกกกกกกกกกกกก

โปรดติดตามตอนต่อไป ....

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
ป๊าดดดด

ยิ่งอ่านยิ่งชอบแฮะ

หลงรักน้ำต้นไปแล้ววว

 :กอด1:

ออฟไลน์ LoveAholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
พี่นนท์ กับ น้ำต้น น่ารักได้โลห์อ่ะ

อ่านไปเขินไป  :-[ หวานกันจังเลย

แต่ก็ยังได้อีกน๊าคนแต่ง จัดมาได้เรื่อย ๆ

คนอ่านพร้อม เป็นโรคเบาหวานก็ยอม ^ ^

ส่วนยัยไหม เมื่อไหร่จะล้มเลิกความเลวซะที

ทำตัวแบบนี้ ควรแก่การให้รางวัล  :beat:

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
ตอนต่อมาค่ะ

*******************

เพลงรัก

บทที่ 12

ชายหนุ่มในชุดทำงานแบบสบายๆตามปกติที่หนีไม่พ้นกางเกงยีนส์สีเข้มคู่กับเสื้อยืด และไม่ลืมที่จะสวมแจ๊กเก็ตยีนส์แบบมีฮู้ดทับเอาไว้อีกชั้นเวลาที่นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศแบบนี้  เครื่องปรับอากาศของออฟฟิศไหนๆก็ดูจะเย็นฉ่ำเกินไปสำหรับเขาเหมือนๆกันไปหมด แต่ในตอนนี้เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับอะไรมากไปกว่าเพลงที่กำลังนั่งฟังและสมุดบันทึกที่วางอยู่ตรงหน้า นนท์เปิดเพลงที่เขาแต่งเอาไว้เพลงนี้อย่างตั้งอกตั้งใจซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาแต่งเพลงนี้เก็บเอาไว้นานแล้ว ฟังมันไปไม่รู้กี่รอบจนขึ้นใจ แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะคิดแต่งเนื้อเพลงออกมา ด้วยไม่คิดว่าจะมอบมันให้ใคร

แม้ทำนองที่เขานั่งฟังอยู่จะเป็นเดโมที่มีแต่เสียงเปียโนกับโปรแกรมมิ่งอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ด้วยเนื้อเพลงที่แต่งออกมามันช่างตรงใจเขาอย่างที่สุด นนท์จึงคิดอยากจะสร้างความพิเศษให้กับเพลงนี้ให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก เขาคิดว่าจะปรึกษากับมิ่งและนรเศรษฐ์ในการประชุมใหญ่ช่วงบ่ายของวันนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเพลงนี้จะต้องเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา เพราะมันคือเพลงที่เขาแต่งขึ้นเพื่อคนที่พิเศษที่สุดนั่นเอง นนท์ก้มลงอ่านเนื้อเพลงที่เขาแต่งขึ้นเองอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย


ฉันลองเปิดใจออกดู ข้างในมีเธออยู่
ลองมองดู มีเพียงเธอคนเดียว
ในชีวิตที่มืดมน มองท้องฟ้ายังมืดหม่น
จนเธอเดินเข้ามา นำพาความหวังมาให้

เติบโตขึ้นอย่างมืดบอด ไม่หวังอ้อมกอดใดอีกต่อไป
แต่เมื่อมีเธอข้างใจ อยู่ข้างกายกัน คืนวันกลับน่าอัศจรรย์ขึ้นทันใด

เปรียบเหมือนนางฟ้า ลอยลงมาใกล้ๆ
ความรักที่เธอมอบไว้ เอ่อล้นท่วมท้นเกินบรรยาย
แม้จะหวาดหวั่น กลัวความฝันจางหาย
แต่รักนี้ของฉันมันมากมาย ไม่มีวันที่ฉันจะยอมสูญเสียเธอไป

เธอคนเดียวเท่านั้น เพียงคนเดียวในหัวใจ
จะไม่ยอมให้ใครพรากไป ใจฉันฝากไว้ที่เธอ

ความรักต่อเธอมากล้นท่วมใจ สัญญาเอาไว้ ฉันจะรักแต่เพียงเธอ...


นนท์ยิ้มกับตัวเอง เขาไม่คิดอยากจะแก้ไขอะไรอีกแล้วจึงถอดหูฟังออก หยิบแผ่นเดโมออกมาจากเครื่องเล่นก่อนที่จะเก็บมันใส่กล่องเอาไว้ เขาพิมพ์เนื้อเพลงลงไปในคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะสั่งพิมพ์ออกมาห้าชุด ที่เหลือก็แค่ดูว่าเจ้าของเพลงจะถูกใจเพลงนี้ไหม และทางมิ่งกับนรเศรษฐ์จะยอมตามใจเขาหรือไม่เท่านั้นเอง

นนท์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ระบายลมหายใจออกมาช้าๆ นึกโล่งใจขึ้นมาบ้างแล้วกับผลงานของเขาที่เริ่มเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาในที่สุด ทั้งๆที่ เพลงนี้จะกลายเป็นเพลงของคนอื่น แต่เขาก็ไม่รู้สึกเสียดมเสียดายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะคนอื่นที่ว่าก็คือคนที่รักและรู้ใจเขามากที่สุด มานึกดูแล้ว นนท์นึกขันตัวเอง นานมาแล้ว เขาเคยคิดว่าจะดีแค่ไหนหากได้เป็นคนถ่ายทอดผลงานของตัวเองออกมาโดยที่ไม่ต้องผ่านชื่อหรือน้ำเสียงของใคร แต่พอวันนี้มาถึง เขากลับไม่ได้นึกถึงเรื่องของตัวเองสักเท่าไหร่ ใจนึกแต่เพียงว่า เพลงไหนถึงจะเหมาะกับน้ำต้น เพลงไหนน้ำต้นจะชอบ และจะร้องออกมาได้อย่างไร ทำไมเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งจึงได้กลับกลายมามีอิทธิพลต่อเขามากมายถึงเพียงนี้ คิดแล้วนนท์ก็ได้แต่ยิ้มและส่ายหน้ากับตัวเอง

ว่าตามจริง นนท์เองยังไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าเขาจะก้าวมาได้ไกลได้ถึงขนาดนี้ เขาเป็นนักแต่งเพลงมาสองปี แม้ใจจะรักงานแต่งเพลงและงานเขียน ถึงขนาดเขียนหนังสือและแปลหนังสือออกมาได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ลึกๆในใจ นนท์อยากจะร้องเพลงที่สุด แต่เขาไม่เคยออกปากบอกใคร เพราะเขาไม่แน่ใจ แต่จะบอกว่าไม่แน่ใจเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ถูกต้องนัก นนท์มองอะไรตามความเป็นจริงเสมอ เมื่อล่วงเข้าสู่วัยหนึ่ง แค่ความฝันเพียงอย่างเดียวคงจะไม่พอเสียแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการเป็นนักร้องนั้นมันยากเย็นเพียงไร แต่ก็ยังยากไม่เท่ากับว่า ได้เป็นนักร้องแล้วจะประสบความสำเร็จหรือไม่ และยังรู้ด้วยว่าการจะเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จได้นั้น แค่ร้องเพลงเก่ง และเสียงดี ยังไม่พอ ยังต้องอาศัยจังหวะและความเฮงด้วย จะมีใครสักกี่คนที่เป็นได้อย่างน้ำต้น นนท์ไม่เคยอิจฉาน้อง เขาไม่อิจฉาใครทั้งสิ้น แค่นึกตำหนิที่ตัวเองไม่มีความกล้ามากถึงเพียงนั้นบ้างเท่านั้นเอง

สิ่งที่นนท์ทำได้ก็คือ การแต่งเพลง และหวังว่าความสามารถทางดนตรีที่มีอยู่ อาจจะทำให้เขาได้เข้าใกล้กับคำว่านักร้องศิลปินได้บ้าง แม้โอกาสนั้นอาจจะไม่เดินเข้ามาหาเขาตลอดกาลก็ตาม ยิ่งได้มาทำงานให้กับน้ำต้น เขาก็ยิ่งทุ่มเทลงไปเต็มที่ นนท์มองเห็นตัวเองในตัวเด็กหนุ่ม และเฝ้าคิดว่า แม้ตัวเองจะไม่ได้เป็นนักร้องอย่างที่หวัง แต่น้ำต้นนี่แหละคือคนที่จะทำหน้าที่ตรงนี้แทนเขาได้ดีที่สุด

วันที่มิ่งกับนรเศรษฐ์เรียกเขาเข้าไปคุยด้วยท่าทางยินดี พร้อมกับบอกข่าวดีว่า เขาจะได้เป็นนักร้องแล้วนั้น มันเหมือนทุกอย่างรอบตัวหลายเป็นสีขาวไปหมด นนท์บอกไม่ถูกว่าช็อกหรือดีใจหรือประหลาดใจ น่าจะเป็นทุกความรู้สึกนั่นแหละ แต่ที่ทำให้นนท์ซาบซึ้งใจที่สุดก็คือท่าทีของมิ่งกับนรเศรษฐ์ที่ดีใจกับเขาอย่างไม่ปิดบัง นั่นเป็นการบอกว่า ทั้งสองคนไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างยิ่ง และเป็นเพราะพี่ทั้งสองคนนี่เอง โอกาสอันยิ่งใหญ่นี้จึงถูกส่งมอบต่อเขาในที่สุด แน่ล่ะ การทำงานอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกของนนท์คงยังไม่ได้เริ่มในเร็ววัน เพราะถึงอย่างไรอัลบั้มของน้ำต้นคือสิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้ ซึ่งนั่นก็เป็นความตั้งใจของนนท์เช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรสำหรับเขา เรื่องของน้องชายก็ต้องมาก่อนอย่างอื่นเสมอ

หญิงสาวเปิดนิตยสารแนวซุบซิบที่วางกองอยู่บนโต๊ะอย่างนึกครึ้มใจ ได้ผลจริงๆเสียด้วย แค่ดาราสาวอย่างเธอพูดออกรายการสดที่ออกอากาศทั่วประเทศไปแค่ครั้งเดียว สื่อก็ให้ความสนใจอย่างมากมายแล้ว แต่แม้เธอจะไม่ได้พูดชื่อ “คนรักเก่า” ที่กำลังจะ “รีเทิร์น” ออกมา ใครบ้างล่ะจะไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงใคร สื่อบางฉบับถึงกับโทรเข้ามาติดต่อขอพุดคุยสัมภาษณ์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว บางสื่อก็ถามถึงที่มาที่ไปว่าคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไร ไหมไม่ได้เปิดอกเล่าทุกอย่าง และใช้วิธีพูดเลี่ยงไปเลี่ยงมาก็จริง แต่นั่นก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นความกระหายของสื่อให้มากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก

ไม่เพียงเท่านั้น คนรอบข้างเองก็ยังให้ความสนใจกับข่าวนี้ไม่น้อย ไม่ว่าเธอจะไปออกรายการโทรทัศน์ เดินทางไปถ่ายละคร หรือไปออกงานที่ไหน ตั้งแต่ช่างแต่งหน้าทำผม ไปจนถึงเพื่อนนักแสดงเป็นต้องออกปากถามเธออยู่ร่ำไป คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการอย่างไหม มีหรือจะไม่รู้ว่า ข่าวลือนั้นกระจายไปรวดเร็วแค่ไหนและจะถูกบิดเบือนมากเพียงไร เมื่อเรื่องราวถูกนำไปพูดแบบปากต่อปากแบบนี้ เรื่องชื่อเสียงเธอก็ห่วงอยู่หรอกนะ แต่โชคดีที่นางเอกอย่างเธอมีภาพเป็นผู้หญิงแสนดีมาแต่ไหนแต่ไร แล้วเรื่องแบบนี้ ฝ่ายผู้ชายนั่นแหละที่มักจะเป็นฝ่ายถูกกดดัน เธอไม่รู้หรอกว่าน้ำต้นจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ แต่ชั่วโมงนี้ไหมยอมเสี่ยงทุกอย่าง จะด้วยเพราะความโกรธ ความริษยา ความรัก ความอยากเอาชนะ หรืออะไรก็ตาม เธอเองก็ไม่แน่ใจ เธอรู้แต่ว่า เกมนี้เธอไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน

แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกมากก็คือ ทำไมน้ำต้นจึงไม่ยอมติดต่อมาบ้างเลย ทั้งๆที่ข่าวก็ลงออกจะครึกโครม ทำไมเขาถึงเมินเฉยกับเธอมากถึงเพียงนี้ หรือเขาจะยังเคืองเธอไม่หาย ให้ตายยังไงไหมก็ไม่อยากเชื่อว่า น้ำต้นสนใจในตัวนนท์มากกว่าเธอ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย และยังเป็นเรื่องที่เธอไม่มีวันยอมรับได้ด้วย ไม่มีวันเด็ดขาด ใจเย็นๆ ไหม... หญิงสาวเฝ้าบอกตัวเอง เรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นเข้าไว้

*************************

“น้ำต้นครับ พี่เมษขอคุยด้วยหน่อย” เออาร์สาวประจำตัวของนักร้องหนุ่มเดินเข้ามาบอกกับเขาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

“พี่เมษ มีอะไรครับ” น้ำต้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้กัน เมื่อเขาเดินเข้ามานั่งเก้าอี้รับแขกข้างๆโต๊ะทำงานของเมษ

“ดูนี่สิ” เมษวางนิตยสารแนวซุบซิบที่มักจะพาดหัวข่าวด้วยคำพูดหวือหวา ติดจะหยาบคายจาบจ้วงเกินปกติด้วยซ้ำในความรู้สึกของเขาเอง ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เขาจะไม่รู้เรื่องอะไร เพราะเขาไม่เคยอ่านนิตยสารประเภทนี้เลย

“อะไรครับพี่” น้ำต้นยังคงไม่เข้าใจว่า เมษอยากจะให้เขาดูอะไรกันแน่

“ข่าวของเราก็คุณไหมไง”

“ต้นกะไหม?”

“พี่บอกแล้วไงต้น มันยังไม่จบหรอก ลงเขายอมพูดออกรายการไปแบบนั้น เขาก็คงหวังอะไรพอสมควร”

น้ำต้นตั้งหน้าตั้งตาอ่านข่าวในมือ ซึ่งส่วนใหญ่ จะอ้างว่าเป็นคำพูดจากนักแสดงสาวเองที่ยืนยันว่า เคยคบหาอยู่กับเขามาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักเรียนฝึกหัดในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เพราะเนื้อข่าวบอกว่า นักแสดงสาวเผยถึงสาเหตุที่เลิกรากันไปในตอนนั้นว่าเป็นเพราะ ความที่ทั้งคู่ยังเป็นเด็กและต่างคนก็ต่างมุ่งความสนใจไปกับงานของตัวเอง โดยเฉพาะกับอดีตแฟนหนุ่มที่ทุ่มเทไปที่การร้องเพลงเสียจนหลงลืมเธอ ทำให้ห่างกันและเลิกกันไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม เธอยืนยันว่า ทั้งเธอและเขายังรู้สึกดีต่อกัน ระยะหลังได้กลับมาติดต่อกันอีก จึงมีโอกาสได้สานต่อความสัมพันธ์ครั้งเก่าขึ้นมาอีกครั้ง เนื้อหาต่อจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกนอกจากจะพูดถึงผลงานของนักแสดงสาว และมีข้อความที่เหมือนจะเป็นการบอกใบ้ตอกย้ำเข้าไปอีกว่า นักร้องหนุ่มคนที่เธอกล่าวถึงเป็นใครมาจากไหน อ่านจบมีหรือจะไม่รู้ว่าเป็นเขา

น้ำต้นถึงกับถอนหายใจหนักๆออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ไหมทำเกินไปจริงๆ เด็กหนุ่มเฝ้าบอกตัวเองว่า การได้เปิดใจคุยกันแบบตรงไปตรงมาคราวนั้น น่าจะทำให้หญิงสาวเข้าใจและตัดใจได้เสียที ที่จริงน้ำต้นไม่ได้รังเกียจไหมเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาไม่ได้รักเธอเลย ยิ่งตอนนี้เขายิ่งแน่ใจ น่าเสียดายจริงๆ ทั้งๆที่เขากับไหมยังน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้แท้ๆ

“ต้นจะเอายังไงต่อ” เมษถามอย่างเห็นใจเด็กหนุ่มที่นั่งหน้าเหี่ยวหมดมาดนักร้องชื่อดังอย่างสิ้นเชิง

“ไม่รู้เหมือนกันพี่ ต้นห่วงความรู้สึกพี่นนท์มากกว่า ไม่รู้จะรู้ข่าวหรือยัง”

“พี่ว่านนท์คงเข้าใจแหละ”

“พี่เมษว่าต้นควรโทรหาไหมดีหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิต้น มันอยู่ที่เราเองนั่นแหละ”

“พวกพี่ๆว่ายังไงกันบ้างครับ”

“พี่ๆเขาเข้าใจนะ เขาก็เป็นห่วงน่ะ เพราะจริงๆข่าวมันมาจากฝ่ายโน้นฝ่ายเดียว ที่แย่คือมันมีรูปลงด้วยนี่แหละ คนมันพร้อมจะเชื่อข่าวแบบนี้อยู่แล้วด้วย ยิ่งมีรูปให้เห็นแบบนี้ ไม่ต้องสืบหาที่มาที่ไปหรอก เขาก็ปักใจเชื่อไปแล้ว”

“เอาไงดีพี่”

“มีอีกอย่างที่พี่จะบอก นักข่าวเริ่มโทรหาพี่แล้วนะ”

“พี่บอกเขาว่าไงครับ”

“พี่ก็บอกว่าพี่ยังไม่รู้เรื่องอะไร แต่เชื่อพี่เถอะ เรื่องมันจะต้องถึงต้นเร็วๆนี้แน่”

“ขอโทษนะครับพี่เมษ”

“ไม่ต้องขอโทษเลยน้ำต้น พี่น่ะรู้จักน้ำต้นดีกว่าใครหลายคน แล้วพี่ก็เชื่อเราด้วย เกิดมาเป็นคนดัง ทำงานอยู่ในวงการนี้ยังไงก็หนีข่าวลือไม่พ้น ปัญหายังไงมันก็ต้องมีเข้ามา ก็ต้องช่วยกันแก้ไป แค่อย่าเพิ่งท้อแท้ไปเสียก่อนเข้าใจไหม” น้ำต้นได้แต่พยักหน้า

“อีกอย่าง ไปบอกนนท์เขาเสียหน่อย พี่เชื่อแหละว่านนท์เข้าใจ แต่ถึงยังไงเรื่องแบบนี้ ให้เขารู้จากปากเราเองจะดีที่สุด”

น้ำต้นเงยหน้าขึ้นมองเมษอย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยเล่าเรื่องเขากับนนท์ให้เมษฟัง แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นเสียแล้ว เมษเป็นคนมองอะไรได้อย่างทะลุปรุโปร่งเสมอ เด็กหนุ่มยิ้มให้เมษก่อนจะยกมือไหว้อย่างซาบซึ้งใจ

“ขอบคุณนะครับพี่เมษ ไม่มีพี่เสียคน ต้นคงไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน”

“เอาน่า... “ เมษตบบ่าน้ำต้นอย่างเอ็นดู “ไป เดี๋ยวเตรียมตัวไปประชุมกันนะ ยังไงเรื่องงานก็ต้องมาก่อน”

 เดินออกไปยังไม่ทันไร น้ำต้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลขที่กดอยู่เป็นประจำด้วยความคุ้นเคย ก่อนจะยกขึ้นแนบหูด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจนัก

************************

“สวัสดีครับ” นนท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นโดยไม่ทันมองด้วยซ้ำว่าปลายสายเป็นใคร ค่าที่กำลังง่วนอยู่กับงานบนโต๊ะนั่นเอง

“นนท์”

ทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสายนนท์ถึงกับชะงักไปทันที เขาไม่ค่อยให้เบอร์นี้กับใครนัก แล้วปลายสายไปเอาเบอร์ของเขามาจากไหนกัน

“นนท์ ทำไมเงียบไปล่ะ ขอคุยด้วยได้ไหม” เสียงอันคุ้นเคยนั้นยังคงพูดต่อไป

“มีอะไรต้องคุยกันอีก” น้ำเสียงที่เย็นชาแบบที่ไม่ค่อยได้ยินจากนนท์นัก ทำเอาเขาอึ้งไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้อยู่นั่นเอง

“ทำไมถึงได้พูดจาห่างเหินกันอย่างนี้นนท์ ไม่เห็นกับความสัมพันธ์ครั้งเก่าของเราบ้างเลยหรือ”

“อย่ามาพูดเรื่องนี้กับเรานะเอ้” นนท์ว่าเสียงเข้ม “เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น”

เอ้ถึงกับกุมโทรศัพท์ในมือไว้แน่นด้วยความไม่ชอบใจอย่างยิ่ง ชักจะเกินไปหน่อยแล้วไหมนนท์

“อย่างนั้นหรือ อ๋อ ลืมไป ตั้งแต่กำลังจะกลายเป็นนักร้องตามไอ้เด็กนั่นไปอีกคน ถึงกับลืมเพื่อนเก่ากันไปเลยนะ เราผิดหวังในตัวนายจริงๆนนท์”

เอ้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ก็นั่นแหละ ช้าเร็วก็ต้องมีคนรู้ เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกินความสามารถของเอ้ที่จะสืบเสาะจนรู้ได้หรอก

“นายไม่มีสิทธิ์หวังด้วยซ้ำเอ้ แล้วก็ไม่ต้องไปพาดพิงถึงใครด้วย อย่าดึงน้ำต้นลงที่ต่ำ”

เอ้ถึงกับตะลึงในคำพูดอันตัดรอนของนนท์ ไม่เพียงแต่ตัดรอน เขารู้สึกได้เลยด้วยซ้ำ ถึงน้ำเสียงของปลายสายที่แสดงอาการรังเกียจเขาชัดเจนถึงเพียงนั้น ทำเอาเขาหน้าชาและเปลี่ยนเป็นร้อนขึ้นมาด้วยความโกรธทันที
“ลีลามันคงเด็ดสิท่า ถึงได้หลงหัวปักหัวปำ ปกป้องมันออกนอกหน้านัก”
หนนี้นนท์เป็นฝ่ายกำโทรศัพท์แน่นด้วยพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เต้นตามอีกฝ่าย

“เอ้ อย่าคิดว่าคนอื่นมักง่ายเหมือนนาย” นนท์พูดสวนกลับไปแบบมะนาวไม่มีน้ำ “เราไม่อยากเสียเวลาถกเรื่องความสัมพันธ์ของใครกับนาย แล้วนายก็เลิกมายุ่งกับเราเสียที”

“จำไว้นะนนท์ ถ้าคิดว่าคนอย่างไอ้เอ้จะหยุดแค่นี้ นายคิดผิด” เอ้เสียงแข็ง “ของของฉัน ถ้าฉันไม่ได้ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์” ว่าแล้วก็กดวางสายทันที

นนท์ตกตะลึงในคำพูดอาฆาตมาตรร้ายที่เอ้ทิ้งท้ายเอาไว้ ปกติเขาเคยเห็นเอ้เป็นคนอารมณ์ดี ติดจะเพลย์บอยเสียมากกว่าจะพูดอะไรจริงจัง นี่เห็นทีจะเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่นนท์ได้เห็นธาตุแท้อีกด้านหนึ่งของเอ้ ของของฉัน อย่างนั้นหรือ แค่ได้ยินนนท์ก็รู้สึกขนลุกแล้ว เอ้มองเขาเป็นสิ่งของงั้นหรือ แล้วที่ผ่านมาไม่ใช่เขาหรอกหรือที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเอ้เอาไว้ แล้วสุดท้ายก็เอ้นั่นแหละที่ทิ้งขว้างมันไป พร้อมกับพูดใส่หน้าอีกต่างหากว่า นนท์เป็นคนน่าเบื่อ แล้วก็เป็นนนท์นั่นเองที่ต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวด และพยายามที่จะหักดิบตัดใจเสีย ราวกับว่ายังทำให้เขาเสียใจไม่พอ ผ่านไปไม่ทันไร เอ้ก็กลับมาตอแยกับเขาอีก แล้วจะไม่ให้เขาต่อว่าเอ้ว่ามักง่ายได้อย่างไร เพราะเอ้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่บอกไปว่า มักมาก ดังนั้นความรู้สึกดีที่น่าจะหลงเหลืออยู่บ้างมันก็ย่อมต้องหมดลงได้เป็นธรรมดา นนท์จึงไม่คิดจะกลับไปคบหากับเอ้อีกไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม และเขาก็เป็นคนเด็ดขาดเสียด้วย

อารมณ์ที่คุกกรุ่นยังไม่ทันจางหาย เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีก หนนี้นนท์ไม่ลืมที่จะดูเสียก่อนว่า ปลายสายเป็นใคร ก่อนที่จะยิ้มออกมาปัดเป่าอารมณ์ที่ขุ่นมัวออกไปได้แทบจะทันที

“ครับน้ำต้น”

“พี่นนท์ อีกตั้งนานกว่าจะประชุม ต้นมีเรื่องอยากคุยกับพี่ ได้ไหม” นนท์เลิกคิ้วขึ้นอย่างพิศวงแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยแฮะเด็กคนนี้

“เดี๋ยวสิครับ มีอะไรหรือเปล่า”

“มีสิพี่ สำคัญมากเลย ได้ไหมครับ นะ พี่นนท์” โธ่เอ๋ยน้ำต้น ไม่ต้องทำเสียงออดอ้อนขนาดนี้พี่นนท์ก็ต้องยอมอยู่แล้วล่ะ

“ได้ พี่ไม่ได้ติดอะไรอยู่แล้ว”

“งั้นเดี๋ยวต้นลงไปหา แค่นี้นะพี่” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบกลับ เจ้าน้องชายก็รีบกดวางสายไปเสียแล้ว

“ทำไมมีแต่คนชอบวางสายใส่เราจังเลย” เขาบ่นอุบกับตัวเองอย่างไม่ถือเป็นจริงเป็นจังอะไรก่อนที่จะส่ายหน้าและยิ้มกับตัวเองอยู่อย่างนั้น

*****************

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
นนท์เปิดนิตยสารในมืออย่างทึ่งๆ ก่อนจะพลิกขึ้นดูหน้าปกอีกครั้ง แล้วก็หันไปมองหน้าเจ้าเด็กตาหวานที่นั่งเอาคางพาดกับโต๊ะทำงานของเขาพลางมองดูเขาตาปริบๆว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง พออ่านข่าวที่เจ้าตัวลงทุนหอบหิ้วลงมาให้อ่านเสร็จก็หันไปมองหน้าตัวต้นเหตุทีหนึ่ง ก่อนจะพลิกดูหน้าอื่นๆอย่างตื่นตาตื่นใจ เสร็จจากเล่มหนึ่งก็หยิบอีกเล่มหนึ่งขึ้นมา อดรนทนไม่ได้ เจ้าน้องชายตัวดีถึงกับต้องเป็นฝ่ายโพล่งออกมาเสียเอง

“ว่ายังไงพี่นนท์” นนท์หันไปมองเด็กหนุ่มที่ทำหน้ามุ่ยอยู่เป็นนาน ก่อนจะปิดนิตยสารในมือลงแล้วก็วางกองรวมๆกันไว้เหมือนเดิม

“ก็ไม่ว่ายังไง แค่แปลกใจนิดหน่อยว่า ทำไมคนชอบอ่านนิตยสารแบบนี้จัง” นนท์ชี้มือไปที่กองนิตยสารนั้นก่อนจะว่าต่อ “พี่ไม่เห็นมันจะน่าอ่านตรงไหน มีแต่ข่าวอะไรไม่รู้ น้ำต้นอ่านนิตยสารแบบนี้ด้วยหรือ” เขาถามน้ำต้นด้วยสีหน้าล้อๆ ทำเอาเจ้าเด็กโข่งทำหน้ามุ่ยหนัก

“โหย... หน้าอย่างต้นเนี่ยนะจะอ่าน พี่เมษเขาเอามาให้ดูหรอก ไม่งั้นต้นก็คงยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยมั้งป่านนี้”

“อือม์”

“อะไร! แค่เนี้ย... อ่านเสร็จพูดได้แค่เนี้ย”

“เอ๊า... แล้วจะให้พี่พูดอะไรล่ะน้ำต้น ก็มันข่าวซุบซิบน่ะ จะไปสนมันทำไม”

“โธ่ พี่... เขาดันไปให้ข่าวว่า ต้นจะรีเทิร์นไปคบกับเขา พี่ไม่นึกโกรธบ้างหรือไง” นนท์เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกันกลั้นยิ้ม

“โกรธทำไม”

“ว้า... พี่นนท์ นี่ต้นกังวลจะตาย พี่กลับทำเฉยซะงั้น”

“ก็ต้นจะกลับไปคบกับเขาหรือเปล่าล่ะ”

“เง้อ... บ้าสิ! ไม่มีทางหรอก”

“ก็นั่นไง พี่ก็รู้อยู่แล้ว พี่จะโกรธทำไม” นนท์ว่า “พี่น่ะสิจะห่วงน้ำต้นมากกว่า” น้ำต้นทำหน้างงขึ้นมาทันที ทำเอานนท์ยิ้มออกมาอีก ซื่อเหลือเกินหนอน้ำต้น

“ตอนนี้น่ะ คนที่ต้องลำบากใจก็คือเรานั่นแหละ เพราะจากนี้ไปนักข่าวคงต้องเล่นเรื่องนี้แน่ๆ ไหมเขามีชื่อเสียงขนาดนั้น ต้นเองก็ไม่เบา นักข่าวเขามีเรื่องให้เล่นเขาไม่ปล่อยง่ายๆหรอก”

“แต่พี่ไม่ได้โกรธใช่ไหมล่ะ”

“ไม่ได้โกรธ พี่จะโกรธทำไม”

“ไม่งอนนะ”

“ไม่งอน”

“ไม่หึง?”

“ไม่หึง”

“ซักนิดก็ไม่เหรอ?” พอได้เห็นสีหน้าเหมือนจะผิดหวังของเด็กน้ำต้น นนท์ถึงกับหัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป

“ถามทำไมเนี่ย”

“ว้า... ไอ้เราก็หวังว่าพี่เราจะหวงเราซักหน่อย” บ่นกระปอดกระแปดยังไม่พอ เจ้าตัวยังเบือนหน้าหนีให้รู้ว่างอนแล้วไปเสียอย่างนั้น

“เอ๊า เป็นงั้นไป” นนท์ว่าพลางยกมือขึ้นขยี้ศีรษะเจ้าน้องชายเบาๆอย่างเอ็นดู

“ต้นยังไม่เห็นพี่ตอนหวงว่าเป็นยังไง”

“เป็นไงอ่ะพี่”

“อย่ารู้เลย” นนท์ยิ้ม ก่อนที่จะก้มลงกระซิบใกล้ๆ “ไม่หวง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่รักนี่”

เท่านั้นแหละ เจ้าเด็กตาหวานถึงกับหน้าแดงก้มหน้าลงกับโต๊ะและแอบยิ้มอยู่คนเดียว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนนท์

“พี่นนท์เนี่ย บทจะพูดอะไรออกมาเล่นไม่ทันให้ได้ตั้งตัวเลย” น้ำเสียงเหมือนจะบ่นๆแต่ทำไมถึงหยุดยิ้มไม่ได้ก็ไม่รู้

“ไม่ชอบเหรอ”

“ชอบ... กำลังจะบอกเลยว่า...”

“ว่า?”

“พูดแบบนี้บ่อยๆก็ดีนะพี่”

“ของดีมีบ่อยได้ยังไง”

“บ่อยๆเหอะ น้องขอจะไม่ให้เชียวหรือ”

“ทำตัวดีๆ อย่างอแง อย่าดื้อ จะพูดให้ฟังบ่อยๆ”

“โห... ทำยังกับเราเป็นเด็ก” ว่าแล้วก็เบะปากทำหน้ามุ่ยขึ้นมาอีกจนได้

“ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวจะได้ขึ้นมาประชุม”

“ไม่ไปแล้ว... งอน” นนท์อดหมั่นไส้ลีลาของเจ้าน้องชายไม่ได้ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลุกขึ้นมาแล้วก้มลงจูบลงไปบนกระหม่อมของเด็กขึ้งอนทีหนึ่งทันที ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับพูดขึ้นลอยๆว่า “ใครไม่ไป ไปเองก็ได้ หิวไส้จะขาดแล้ว” เท่านั้นเอง น้ำต้นกระโดดผึงขึ้นจากเก้าอี้ทันที ไม่รู้เป็นเพราะตกใจ หรือดีใจ หรืออะไรเจ้าตัวก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

“เดี๋ยว! พี่นนท์...” เรียกได้แค่นั้น ก็เดินจ้ำอ้าวตามคนพี่ไปที่หน้าลิฟท์แต่โดยดี

***********************

“คุณไหม ผมมีข่าวจะบอก” ปลายสายที่ไม่พูดเกริ่นอะไรทั้งสิ้น กรอกเสียงลงโทรศัพท์ทันที่ที่รู้ว่าอีกฝ่ายกดรับสายแล้ว

“ว่ายังไงคะ”

“นนท์กำลังจะออกอัลบั้มแล้วนะ”

“อะไรนะ”

“ก็อย่างที่ได้ยิน ศัตรูหัวใจของคุณน่ะ มันท่าจะรุ่งใหญ่แล้ว ได้ทำงานให้เด็กน้ำต้นสร้างเครดิตให้ตัวเองยังไม่พอ ถูกอวยให้เป็นศิลปินไปแล้วอีกคน” น้ำเสียงเอ้แสดงความดูหมิ่นออกมาอย่างไม่ปิดบัง อันที่จริงเขารู้เรื่องนนท์จะได้ออกอัลบั้มนี้มาโดยบังเอิญแท้ๆ และทันทีที่ได้รู้ เขาก็ยิ่งนึกอยากจะกลับไปคบหากับนนท์อีกครั้ง เหตุผลที่โทรไปหานนท์ก็คือนอกจากจะแสดงความยินดีแล้ว ก็ยังอยากจะสานต่อความสัมพันธ์ครั้งเก่าที่ไม่คืบหน้าไปไหนเพราะตัวเขาเองนั่นแหละ ทำไมเอ้จะไม่รู้ว่าความสามารถทางดนตรีของนนท์โดดเด่นขนาดไหน และทำไมจะไม่รู้ว่านนท์มีเสน่ห์ชวนให้ดึงดูดใจเพียงไร ตอนนี้นนท์เป็นแค่คนทำงานเบื้องหลัง จึงอาจจะยังไม่เป็นที่สนใจของใคร แต่เขาเชื่อเหลือเกินว่า อย่างนนท์สามารถที่จะเป็นนักร้องหรือแม้แต่นักแสดงได้อย่างสบายด้วยซ้ำ ไม่น่าเลย... ในตอนนั้น เขาไม่น่าจะหมางเมินกับนนท์เลย เพียงแต่ไม่ทันคิดว่านนท์จะก้าวมาไกลขนาดนี้ แล้วก็ที่นึกไม่ถึงเลยก็คือความใจเด็ดของนนท์ เป็นคนอื่น โดนเขางอนง้อเข้าหน่อย ก็มีอันต้องใจอ่อนหมดแล้ว เขาประเมินนนท์ผิดเกินไป ของดีจึงต้องหลุดมือไปเช่นนี้

แต่ความหวังในการที่จะสานสัมพันธ์ก็ต้องมีอันพังทลาย ไม่เพียงแต่นนท์จะตัดบัวไม่เหลือใย ยังมีไอ้เด็กน้ำต้นนั่นเข้ามาขวางทางเขาอีก ที่แย่คือ ไอ้เด็กนั่นท่าทางจะจริงจังกับนนท์ แถมยังมีภาษีเหนือเขาอยู่หลายขุม นึกแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ ตอนนี้เขาชักเข้าใจความรู้สึกของไหมขึ้นมาแล้ว และเห็นทีว่าจะต้องให้ความร่วมมือกับนักแสดงสาวคนนี้อย่างจริงจังเสียที

“คุณแน่ใจเหรอ” ไหมเม้มปากด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก ที่แน่ๆเธอโกรธที่สถานการณ์ของฝ่ายโน้น อะไรๆก็ดูเหมือนจะดีไปเสียหมด

“แน่ใจ ผมทำงานในวงการเพลงนะคุณ ถึงจะเป็นดีเจก็เถอะ แหล่งข่าวผมเชื่อถือได้”

“เจ็บใจนัก”

“เห็นทีคงต้องลงมือทำอะไรให้จริงจังกว่านี้อีกหน่อยแล้ว” ไหมแปลกใจขึ้นมาเมื่อเห็นทีท่าอันกระตือรือร้นเกินปกติของเอ้ แต่เธอเลือกที่จะไม่ถาม เพราะเธอไม่ได้อยากรู้อะไรมากไปกว่านั้น ความต้องการของไหมก็คือการได้ตัวน้ำต้นกลับคืนมา หรือถ้าจะไม่ได้ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ หรือถ้าถึงกับต้องทำลายใครเธอก็จะทำ

“คุณมีแผนอะไรหรือเปล่า”

“คุณจัดการกับน้ำต้นของคุณไปเถอะ ส่วนผมจะจัดการเรื่องนนท์เอง”

“ได้ ระวังอย่าให้สาวถึงกันก็แล้วกัน แค่นี้ฉันก็เปลืองตัวพอแล้ว” ไหมว่า ก่อนที่จะวางสายไป คิดสาระตะแล้วเธอจึงกดโทรศัพท์อีกครั้ง

*********************

เนื้อเพลงถูกแจกให้กับมิ่ง นรเศรษฐ์ เมษ และน้ำต้น โดยนนท์เก็บเอาไว้เองแผ่นหนึ่ง แผ่นเดโมถูกเปิดให้คนในห้องประชุมได้ฟังกันรอบหนึ่ง ก่อนที่จะเปิดอีกรอบโดยหนนี้มีนนท์ร้องคลอตามไปด้วย เมื่อเพลงจบลง ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบขนาดที่ถ้ามีเข็มเล่มหนึ่งหล่นลงพื้น ก็คงได้ยินกันทั่ว นนท์ถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง ปกติเขาจะไม่รู้สึกว่าต้องลุ้นขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาใส่ความตั้งใจกับเพลงนี้ชนิดเกินร้อย จึงหวังเหลือเกินว่า คนที่ได้ฟังจะชอบมัน เขาหันไปมองน้ำต้นเป็นคนแรก และตอนนั้นเองที่ความเคร่งเครียดทั้งหมดมลายหายไปในทันที ชายหนุ่มเห็นน้ำตาคลออยู่ในตาแดงๆของน้องชายที่ยิ้มออกมาในที่สุด

“พี่ชอบมากเลยนนท์” มิ่งกับนรเศรษฐ์เอ่ยออกมาในที่สุด “เมษว่าไง”

“ชอบค่ะพี่ เมษก็ชอบ” แล้วสายตาทุกคู่ก็จับไปที่นักร้องหนุ่มทันทีโดยไม่ได้นัดหมาย

“...” น้ำต้นได้แต่ก้มหน้า พูดไม่ออก

“ไม่ชอบเหรอต้น” นรเศรษฐ์แซว เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นทันทีก่อนจะส่ายหน้า

“ใครว่าไม่ชอบ นี่เป็นเพลงที่ต้นชอบมากที่สุดเลย” น้ำต้นตั้งใจพูดให้นนท์ได้ยินโดยเฉพาะ

“แล้วก็ ผมอยากจะขออะไรอีกเรื่องด้วยครับ” นนท์รีบพูดขึ้นมาทันที แม้ในใจจะโล่งเหลือเกินที่ทุกคนชอบเพลงของเขา

“ว่ามาเลย” มิ่งเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น

“เพลงนี้น่ะ เครื่องดนตรีหลัก ยังไงผมก็คงต้องขอให้เป็นเปียโนนะครับ แต่ถ้าดนตรีแบ็กกราวน์ผมอยากขอให้เน้นที่เครื่องสายเป็นหลัก คืออย่างน้อยๆก็ต้องมีไวโอลิน เชลโลอะไรพวกนี้ยืนพื้นไว้ก่อน ไหวหรือเปล่าครับ ผมเองก็ห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในส่วนนี้อยู่เหมือนกัน”

“ถ้ามันต้องเพิ่มเพื่องานที่สมบูรณ์กว่า มันก็ต้องเพิ่มแหละ บอกตามตรงนะนนท์ พี่อยากฟังเพลงที่เสร็จสมบูรณ์มากเลย”

“ผมไม่ค่อยถนัดทางคลาสสิกเท่าไหร่ แค่ก็อยากให้ใส่ซาวนด์ออร์เคสตร้าเพราะๆลงไปด้วยน่ะครับ ในเมื่อเราอยากจะให้คนฟังเห็นว่าน้ำต้นเติบโตขึ้นในแง่ของการเป็นนักร้อง ซาวนด์แบบนี้น่าจะช่วยได้มาก”

“เข้าใจล่ะ แล้วเพลงอื่นๆที่นนท์เคยเอามาให้พวกพี่ฟังล่ะ ยังไงดี”

“พี่มิ่งกับพี่นอมีเลือกๆเพลงไหนเอาไว้บ้างหรือยังครับ” เมื่อเห็นทั้งคู่พยักหน้านนท์จึงว่าต่อ “มันจะมีบางเพลงในนั้นที่เป็นเพลงบัลลาด ที่ผมก็มีคิดอยากจะใส่เครื่องสายลงไปบ้างด้วยเหมือนกัน”

การสนทนาในเรื่องของดนตรียังดำเนินต่อไป น้ำต้นถึงกับทึ่งในความสามารถของนนท์ในแบบที่เขาไม่เคยได้เห็น เขาเพิ่งเคยเห็นสีหน้าที่เอาจริงเอาจังขณะที่พูดคุยเรื่องดนตรี ซึ่งเอาจริงๆก็คือผลงานของเขานั่นเองแบบนี้เป็นครั้งแรก ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่รักผู้ชายบุคลิกเคร่งขรึมเวลาอยู่ต่อหน้าใครๆ ที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเขาคนนี้เท่านั้น เขายังนึกชื่นชมในตัวพี่ชายคนนี้เหลือเกิน เมื่อไหร่หนอ เขาถึงจะตามพี่ชายของเขาทันเสียที พี่นนท์เก่งเหลือเกิน

“ทีนี้อีกเรื่องที่พี่อยากจะขอพูดอย่างเป็นทางการเสียที” มิ่งว่า “ก็อย่างที่ทุกคนคงรู้กันดีแล้วนะว่า นนท์จะเป็นนักร้องเบอร์ต่อไปของเรา ซึ่งพี่กับนอยินดีกับนนท์ด้วยนะครับ”

นนท์ยกมือไหว้ขอบคุณโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

“แล้วเมษก็จะรับหน้าที่ดูแลเราทั้งสองคนไปพร้อมๆกันเลย ซึ่งเรื่องนี้เมษโอเค” เมษพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออด

“ตอนนี้ในส่วนดนตรีของน้ำต้นคืบหน้าไปเกินครึ่งแล้ว ใจพี่ทีแรกกะว่าจะให้นนท์เริ่มทำงานอัลบั้มของตัวเองเลย แต่นนท์ยืนยันว่า อยากจะมีส่วนในการทำงานในอัลบั้มใหม่ของน้ำต้นให้มากที่สุด ซึ่งพี่ไม่ติดอะไรนะ” มิ่งว่าต่อยืดยาว “พี่ก็เลยเอามาปรึกษานอแล้วก็ทีมงานหลายๆคน ทุกคนก็เลยเห็นพ้องกันว่า มันอาจจะทำให้งานของนนท์ล่าช้าออกไปบ้าง แต่ว่าเราจะใช้วิธีโปรโมตอัลบั้มของน้ำต้น โดยให้เครดิตนนท์ในฐานะของหนึ่งในคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังในการทำอัลบั้มนี้” มิ่งกวาดสายตามองทุกคนในห้องที่กำลังตั้งอกตั้งใจฟังโดยไม่มีใครพูดขัดขึ้นมา “โดยนนท์เองก็คงต้องลุยงานของตัวเองไปด้วย โดยมีพี่กับนอคอยดูแลให้”

“ซึ่งนนท์อาจจะต้องเหนื่อยหน่อยในช่วงแรกๆ แต่มันจะดีต่อนนท์เมื่องานของนนท์ออกมา” นรเศรษฐ์ว่าพลางหันไปมองนนท์ “คิดว่าไหวไหม”
นนท์ยิ้มออกมาในที่สุด “ต้องดีสิครับ” เขาไม่อาจจะปิดบังความยินดีได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ

“ต่อให้พี่ให้ผมเริ่มงานของตัวเอง ยังไงผมก็คงต้องยืนยันทำงานของน้ำต้นให้เรียบร้อยก่อนอยู่ดี”

“น้ำต้นล่ะว่าไง”

“ดีเสียยิ่งกว่าดีอีกครับ ทีแรกต้นก็ห่วงกลัวว่าพี่นนท์ต้องออกงานช้าเพราะต้น แต่พอพี่มิ่งพูดขึ้นมาแบบนี้ ต้นคงไม่ติดอะไรแล้วล่ะครับ” ว่าแล้วก็หันไปยิ้มกว้างกับนนท์

“ไอ้สองคนนี่มันห่วงกันดีจริง” มิ่งหัวเราะชอบใจ

“ส่วนเรื่องข่าวน่ะ พวกพี่ก็พอจะรู้กันมาบ้างแล้วนะ” ได้ยินดังนั้นทั้งน้ำต้นและนนท์ก็มีสีหน้าไม่สบายใจขึ้นมาทันที นี่แหละที่พวกเขาเป็นห่วง

“ข่าวมันต้องแรงแน่ๆ พี่บอกได้เลย ก็เลยอยากจะขอเตือนพวกเราเอาไว้สักหน่อย” นรเศรษฐ์ว่าด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอให้ทำอะไรอย่างมีสตินะ แล้วก็อย่าไปเต้นตามเขา พี่เองน่ะไม่ได้อยากโปรโมทอัลบั้มของน้องด้วยข่าวแรงๆหรอก มันไม่ใช่วิธีของพี่ สองคนช่วยดูแลกันหน่อยก็แล้วกัน ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาเมษ พี่เชื่อมือเขา”

“ครับ” สองคนพยักหน้ารับคำโดยพร้อมเพรียงกัน

***********************

ร้านอาหารแห่งนี้ ไหมบอกว่าเป็นร้านของเพื่อนที่ไว้ใจได้ น้ำต้นแม้ไม่ได้นึกอยากมาพบหน้าหญิงสาวแต่อย่างใด แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็อยากจะพูดคุยกับไหมให้รู้เรื่องและเข้าใจกันไปเลยเสียที ในที่สุดเมื่อไหมเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาและบอกว่า มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย น้ำต้นจึงตัดสินใจรับปาก โดยไม่ลืมที่จะบอกกับนนท์เสียก่อน

“เขาโทรมาน่ะพี่นนท์ เขาว่าอยากคุยเรื่องที่เกิดขึ้น”

“น้ำต้นว่าไงล่ะครับ”

“ต้นไม่อยากเจอเขานะพี่ แต่ก็อยากให้เรื่องมันจบลงเสียที พี่นนท์อยากให้ต้นไปไหม” ได้ยินดังนั้นนนท์ได้แต่ยิ้ม ก่อนจะบอกออกไปว่า

“เรื่องนี้เป็นเรื่องของต้นนะ ทุกอย่างแล้วแต่ต้น พี่ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจแทนหรอกนะ” น้ำต้นทำหน้าขัดใจขึ้นมา แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรออกไป นนท์ก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “น้ำต้น ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รัก ไม่ห่วงนะครับ แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ถ้าต้นคิดว่าอยากจะไปคุยให้เข้าใจก็ไปเถอะ หรือถ้าต้นไม่อยากจะคุยกับเขาอีกต่อไป ก็แล้วแต่ พี่เคารพการตัดสินใจของต้น”

ได้ยินดังนั้นน้ำต้นจึงระบายลมหายใจออกมาด้วยความหนักใจ และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้ในที่สุด

“ถ้างั้น ต้นจะไปเจอเขา อยากให้เขาหยุดทำอะไรโง่ๆเสียที”

“ดีแล้วครับ พี่จะรอฟังข่าวนะ”

“แล้วก็... ขอบคุณมากนะพี่” น้ำต้นที่กำลังจะลุกออกมาหันไปเอ่ยกับพี่ชาย
“ขอบคุณพี่เรื่องอะไร”

“เพลงที่พี่แต่งให้น่ะ ขอบคุณนะ”

“รู้ได้ยังไงว่าพี่แต่งให้” นนท์ถามยิ้มๆอย่างไม่ได้หวังคำตอบอะไรเป็นจริงเป็นจัง

“รู้กันในใจไง” เมื่อได้ยินเจ้าน้องชายตอบออกมาได้หน้าตาเฉย นนท์ถึงกับเลิกคิ้วทำหน้าแบบไม่เชื่อหูตัวเองขึ้นมาทันที ทำเอาเด็กน้ำต้นหัวเราะก๊ากออกมาในที่สุด

“นี่แหละความลับของสมุดเล่มนั้น ตามสัญญา...” นนท์หมายถึงสมุดบันทึกที่เขาหวงนักหวงหนาไม่ยอมให้น้ำต้นได้อ่านคราวนั้นนั่นเอง

เด็กหนุ่มได้แต่ยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่รู้จะเอ่ยเป็นคำพูดอย่างไรดีให้ตรงกับความรู้สึกในตอนนี้ของตัวเอง

“ชอบไหม” นนท์ถาม

“ชอบที่สุด”

“พี่ดีใจนะ”

“รู้” น้ำต้นยิ้มให้นนท์ก่อนจะเดินออกมาด้วยหัวใจที่พองฟู ทำให้การมาพบกับไหมในวันนี้ เจ้าตัวตัดสินใจที่จะพูดอะไรออกไปให้ตรงและชัดเจนเพื่อที่จะให้เรื่องทั้งหมดจบลงไปเสียที

ถ้าไม่ใช่เพราะพี่นนท์ล่ะก็ เขาอาจจะไม่มานั่งรอหญิงสาวที่สร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตของเขาแบบนี้แล้วก็ได้ แต่ใจหนึ่ง น้ำต้นอยากรู้เหลือเกินว่า ไหมทำแบบนี้เพื่ออะไร ผู้หญิงถือดีอย่างนั้น ยอมเอาชื่อเสียงตัวเองเข้าเสี่ยงบอกแก่ใครๆว่าเธอกำลังจะกลับไปคบหากับเขา ซึ่งเขารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว เพื่ออะไร ไม่ว่าจะมีนนท์เข้ามาในชีวิตของเขาหรือไม่ก็ตาม น้ำต้นไม่ได้รักไหมอีกแล้ว ยิ่งเกิดเรื่องอย่าว่าแต่ความรักเลย แม้แต่ความเป็นเพื่อน น้ำต้นเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะยังมีหลงเหลือให้กับหญิงสาวบ้างหรือไหม

เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่ตรงประตูกระจกของร้านดังขึ้น น้ำต้นเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวรูปร่างแบบบางสูงโปร่งในชุดกระโปรงสีหวาน สะพายกระเป๋าราคาแพงที่เหมาะกับเธออย่างยิ่ง เดินเข้ามาในร้าน เสียงรองเท้าส้นสูงยี่ห้อดัง กระทบพื้นเป็นจังหวะ ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยของเธอเคลื่อนไหวตามจังหวะการเดิน ใบหน้าแต่งแต้มด้วยสีสันของเครื่องสำอางราคาแพง ไหมเป็นผู้หญิงที่สวยสะและร่ำรวยเสน่ห์เหลือเกิน ไม่มีครั้งไหนที่หญิงสาวไปปรากฏตัวแล้วทุกสายตาจะไม่จับจ้องอยู่ที่เธอ น้ำต้นมั่นใจว่าคนอย่างไหม จะต้องมีผู้ชายดีๆมากมายมาต่อแถวเพื่อรอให้เธอเลือกเป็นคู่อยู่แล้ว แล้วทำไม เธอยังยึดติดอยู่กับเขาถึงเพียงนี้ เขามีดีอะไรนอกเหนือไปจากการเป็นนักร้องชื่อดัง ถ้าถามเขาว่า อะไรที่ทำให้ไหมยังอยากกลับมาหาเขา ก็คงเหลือเพียงแค่เหตุผลนี้เท่านั้น ชื่อเสียงที่เขามี เป็นสิ่งเดียวที่เขาคู่ควรกับเธอ

ไหมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงกันข้ามกับเขา หญิงสาวถอดแว่นสีชาออก ทุกท่วงท่าของเธอไม่ว่าจะนั่งหรือขยับตัว แลดูไร้ที่ติไปหมด ราวกับว่าได้ฝึกมาจนรู้แล้วว่ามุมไหนหรือทำท่าอย่างไร จึงจะทำให้เธอดูดีที่สุด

“ขอโทษที่ให้รอนะต้น”

“ไม่เป็นไร”

“สั่งอะไรมาทานหรือยัง”

“ไม่หิว ไหมมีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองอะไรหรอก”

และเขาก็หมายความตามนั้นจริงๆ เมื่อยืนยันว่าจะไม่สั่งอะไรอื่นอีกนอกจากเครื่องดื่มเท่านั้น ไหมถึงกับต้องกัดริมฝีปากเอาไว้อย่างอดกลั้น ในชีวิตนี้มีครั้งไหนที่เธอจะรู้สึกเสียหน้าได้มากเท่าครั้งนี้อีกไหม

“ก็ได้ จะเอาอย่างนั้นก็ได้”

“ไหมทำไปทำไม”

“ทำทำไม!?! ก็ไหมรักต้น ยังไม่เข้าใจอีกหรือ”

“ไหมไม่ได้รักเราแล้ว จำได้หรือเปล่า”

“ตอนนั้นไหมยังเด็ก...”

“ตอนนี้ไหมก็ไม่ได้รักเรา ถามตัวเองดีๆเถอะไหม นี่มันไม่ใช่ความรักหรอก”
“ถ้าไม่ใช่แล้ว ต้นคิดว่าไหมจะกล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกรายการเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะอยากได้ต้นคืนมา ไหมยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อที่จะทวงคนที่ไหมรักคืน”

“แล้วถามเราบ้างหรือเปล่า ว่าเรายังรักไหมอยู่มั้ย” น้ำต้นสวนกลับทันที “ความรักน่ะ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ เราบอกไหมไปแล้วว่าเราไม่ได้รักไหมแล้ว ทำแบบนี้ก็เท่ากับบีบบังคับกัน นี่มันความรักประเภทไหนกัน หือม์” เด็กหนุ่มยังว่าต่อไม่หยุด “แล้วไปพูดออกรายการแบบนั้น คิดบ้างหรือเปล่าว่ามันจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง กองถ่ายละครของไหม คนรอบข้างล่ะ แล้วงานของเราล่ะ แฟนๆของเราเขาจะคิดยังไง ถ้าไหมยืนยันว่าทำไปเพราะความรัก ขอบอกเลยว่านี่น่ะเป็นความรักที่เห็นแก่ตัวและขาดสติมาก”

“ต้น ทำไมพูดกับไหมแบบนี้” หญิงสาวตัวสั่นด้วยความโกรธและตกใจอย่างยิ่ง น้ำต้นไม่ไว้หน้าเธอเลย คราวก่อนที่เธอโดนต่อว่า เธอพยายามบอกตัวเองว่า เป็นเพราะน้ำต้นไม่พอใจที่เธอหลอกให้เขามาหา แต่นี่มันอะไรกัน ทุกอย่างล้วนผิดคาดไปหมด

“เราจำเป็นนะ เพราะหนนี้ไหมทำเกินไปจริงๆ แล้วไหนเรื่องที่ไปให้สัมภาษณ์ลงหนังสืออะไรนั่นอีก ทำลงไปได้ยังไง ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไหม”

“ไหมไม่สนหรอก! ใครให้ต้นไปเลือกอีกระเทยนั่นล่ะ!” หญิงสาวเหวออกมาอย่างลืมตัว

น้ำต้นสะอึกทันทีเมื่อได้ยิน เขาใช้ความพยายามที่มีอยู่ทั้งหมด ระงับอารมณ์โกรธที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกิดมาไม่เคยรู้สึกอยากตบผู้หญิงคนไหนมาก่อนในชีวิต ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้กลับกลายเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเก่าเขาไปเสียได้

“พูดใหม่อีกทีดีๆซิไหม” เขากัดฟันย้อนถามกลับไป

“ยังจะถาม ไหมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า น้ำต้นจะมีรสนิยมชอบกระเทยแบบนี้ หรือลีลามันจะเด็ดจริงอย่างที่ใครๆเขาว่า ต้นถึงได้ถือดีเลือกมันแทนไหม ไหมผิดหวังในตัวต้นจริงๆ” หญิงสาวพรั่งพรูคำผรุสวาสออกไปไม่ยั้งให้สาสมกับอารมณ์ที่เต็มไปด้วยโทสะอันกราดเกรี้ยว “ผู้หญิงดีๆไม่มีแล้วเหรอถึงไปเลือกมัน หายไปด้วยกันหลายวัน เป็นยังไงล่ะ สมใจไหม เอากับผู้ชายด้วยกัน หายอยากไปเลยไหม !!!”

“พูดจบแล้วหรือยัง!” น้ำต้นสวนกลับออกไปอย่างเหลืออด “ผู้หญิงดีๆงั้นหรือ หมายถึงใคร หมายถึงเธอน่ะหรือ... ต่อให้เธอเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่เหลือในโลก เราก็ไม่สนหรอกไหม ผู้หญิงดีๆเขาไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก แล้วฟังตัวเองบ้างหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมาบ้าง” ไหมยิ่งของขึ้นเข้าไปอีกเมื่อการด่าอย่างสะใจของเธอไม่เพียงแต่ไม่ทำให้น้ำต้นเต้นตาม แต่ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มดูแคลนเธอหนักขึ้น

“แล้วถ้าที่ไหมพูดหมายถึงพี่นนท์ล่ะก็ ใช่ เรารักพี่นนท์ ก็ดูเขากับไหมสิ มีอะไรเทียบกันได้บ้าง โดยเฉพาะเรื่องของจิตใจ มันคนละระดับกันเลยจริงๆ นี่ยิ่งต้องขอบคุณพี่นนท์เลยที่ทำให้ได้เห็นธาตุแท้ของคนที่เราคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ เราดีใจนะที่เลิกกับไหมไปเสียได้ ให้ตายเถอะ เกิดมาไม่เคยดีใจอะไรเท่านี้” ไหมถึงกับอ้าปากค้างกับคำพูดของน้ำต้นที่ช่างเสียดแทงหัวใจเธอนัก

“หมายความว่ายังไง ต้นรักมัน”

“เออ เรารักพี่นนท์ แล้วยังไงหรือไหม เจ็บใจมากหรือที่เราเลือกเขาไม่ได้เลือกไหม ให้พูดจริงๆ ไม่ใช่แค่กับไหมหรอก เราไม่เลือกใครหรอก ถ้าเป็นพี่นนท์ ยังไงเราก็เลือกพี่นนท์อยู่แล้ว จิตใจเขาดีกว่าใครๆที่เราเคยรู้จักมา เราไม่สนหรอกว่าเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เรารักที่เขาเป็นแบบนี้ พอใจไหม” น้ำต้นไม่รู้สึกโกรธไหมอีกต่อไปแล้ว ยิ่งคุยกับหญิงสาว น้ำต้นก็ยิ่งรู้สึกสมเพชจนแทบทนไม่ได้ ความริษยาและความอยากเอาชนะโง่ๆแท้ๆที่ทำให้เธอขาดสติถึงเพียงนี้ “ยังมีอะไรจะพูดกับเราอีกหรือเปล่า หรือมีแค่นี้ อ้อ อีกอย่างนะ... ไหมเชื่อเราสิ ไหมไม่ได้รักเราหรอก ไหมแค่อยากเอาชนะ เพื่อให้ได้เราไปเสริมบารมีไหมมากกว่า ต่อให้เราไม่มีพี่นนท์เราก็ไม่กลับไปหาไหมหรอก เพราะฉะนั้น เราถือว่าเราชัดเจนที่สุดแล้ว ไหมเลิกยุ่งกับเราเสียที อย่าให้เราเกลียดไหมมากกว่าที่เป็นอยู่นี้เลย”

น้ำต้นลุกขึ้นยืนและเดินผละออกไปโดยไม่สนใจจะหันมามองหญิงสาวที่นั่งตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินอีก ศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีอยู่โดยเหยียบขยี้แหลกลาญไปต่อหน้าต่อตา บ่าอันบอบบางของเธอสั่นสะท้านราวกับพยายามอย่างเต็มที่ที่จะระงับอารมณ์ทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ไม่ให้ระเบิดออกมา

“เกลียดงั้นหรือ” ไหมขบเขี้ยวออกมาอย่างคับแค้นใจ “ต้นได้เกลียดไหมสมใจแน่ๆ”

_________________________________

ยาวอีกแล้วค่ะตอนนี้ หนนี้มาค่อนข้างช้า ซึ่งต้องขอโทษคนอ่านทุกท่านนะคะ ภาระเยอะเอาเรื่อง แต่ก็นึกถีงทุกท่านอยู่ตลอด ขอบคุณที่เข้ามาโพสต์คอมเม้นต์กันอย่างสม่ำเสมอค่ะ สั้นบ้างยาวบ้าง ก็มีคุณค่าสำหรับนักเขียนสมัครเล่นตัวเล็กๆคนนี้เสมอ

ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะคะ

จากคุณ : fingers-crossed

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด