.......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...  (อ่าน 129819 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
มาจิ้มอย่างรวดเร็ว

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ยาวจุใจจิงๆ ว่าแต่เมื่อไหร่ต้นจะสารภาพไปเลยล่ะว่าชอบนนท์น่ะ

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
"ต้นก็อ่านใจพี่ได้เหมือนกัน"

 :z2:  :o8:

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
เง้อออออออ

เจ๊ไหมมม

มามุกไหนเนี่ยยย  :angry2:

รุกหนักๆเลยน้ำต้น (แค่นี้ยังไม่พอ??)

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
หุหุ ได้ใจมากเลย

ออ่านจนจุใจสุดๆ

ขอบใจมากๆจ้า หนุกมาก

Magnolia

  • บุคคลทั่วไป
มาเจิม เรื่องใหม่ไม่ทัน ..

แต่ขอลงชื่อไว้ก่อนนะจ๊ะ คุณนายขา

ไปตามอ่านก่อนแล้วกัน 55   :bye2:

ออฟไลน์ LoveAholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
กิ๊ด ๆ ตอนนี้น่ารักมาก

มีจับมือกันด้วย  :-[


น้ำต้นจ๋า  อย่าลังเลลูก

มารยาหญิง อย่าไปสนใจ

กลับมาหาพี่นนท์เถ๊อะ..


ขอบคุณคนแต่ง และ คนโพสต์คร๊าบ




C2U

  • บุคคลทั่วไป
พี่นนท์ ที่แสนจะสุภาพ   จะเผลอใจให้น้องน้ำต้นที่น่ารัก ขี้อ้อน ได้มั๊ยเนี่ย   :-[

ว๊า   ไม่น่ามีไหม มาขัดคอเลย    :m16:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
พี่นนท์ตะเองใจหวิวๆชิมิตอนที่น้องบอกว่าจะกลับแล้วอ่ะ
อิอิ สองคนนี่น่ารักกันจริงๆค.สัมพันธ์ค่อยๆก้าวทีละก้าวแล้น
แต่ว่าน้ำต้นก็รุกแล้วดีจริงๆเด็กอะไรไม่รู้ ช่างอ้อนเป็นที่สุด
ขอบคุณคะ พี่นาเมฮ์

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
มาต่อให้คุณนิ้วไขว้เธอแล้วนะคะ บทที่เจ็ดนี่ก็ยาวเช่นกัน อ่านกันทีจุใจเลยทีเดียว

เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้เลยค่ะ (อย่าลืมว่าอย่าเพิ่มจิ้มหรือเมนท์จนกว่าจะเจอคำว่า to be continue นะคะ)

**********************

เพลงรัก

บทที่ 7

น้ำต้นนำรถเข้าไปจอดในลานจอดรถของอพาร์ตเม้นต์หรูใจกลางเมืองที่เขาเคยมาอยู่บ่อยๆเมื่อนานมาแล้ว นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้มาที่นี่อีก อดีตเพื่อนสาวในตอนนั้นของเขาอยู่กับคุณแม่ที่คอยดูลูกสาวไม่ต่างอะไรกับผู้จัดการส่วนตัว น้ำต้นไม่ค่อยได้ขึ้นไปถึงห้องของไหม เพราะคุณแม่ของเธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมท่าเดียว น้ำต้นในวัยเพียงแค่นั้น ยังมองออกเลยว่าแม่ของไหมไม่ชอบที่ลูกสาวของเธอมาคบกับเขา ก็แหงล่ะ... ตอนนั้นเขายังไม่มีอะไรเลยนี่นา ตอนนั้นเขาก็รู้สึกไม่พอใจอยู่หรอกนะ แต่พอมาถึงตอนนี้ ทำไมเขาจึงรู้สึกเฉยๆไปเสียแล้วก็ไม่รู้ ลึกๆเขาก็เข้าใจดีว่า คนเป็นแม่ย่อมต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น คนตัวเปล่าแถมยังเด็กเหลือเกินในตอนนั้นอย่างเขา จึงไม่น่าจะใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ทำไมเขาจะไม่รู้

พอลงจากรถ เขาอดคิดขึ้นมาไม่ได้จริงๆว่า ทำไมไหมถึงเลือกโทรหาเขา เขาไม่น่าจะใช่เพื่อนเพียงคนเดียวของเธออยู่แล้ว เผลอๆ ไหมยังจะมีเพื่อนฝูงมากกว่าเขาเสียอีก อีกอย่างไหมหายไปจากชีวิตเขาหลายปี แล้วจู่ๆเกิดจะคิดถึงเขาขึ้นมา ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน แต่เอาเถอะ อย่างน้อย เขาก็บอกตัวเองได้ว่า ไหมไม่เหลือพื้นที่ในหัวใจของเขาอีกแล้ว สำหรับเขาในตอนนี้ นักแสดงสาวได้กลายมาเป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นจริงๆ

“ค่า” เสียงที่อยู่ด้านหลังประตูดังขึ้นเมื่อเขาเคาะประตู มันฟังดูร่าเริงผิดปกติเมื่อเทียบกับเสียงที่เขาเพิ่งพูดคุยด้วยทางโทรศัพท์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้อย่างสิ้นเชิง

“ไหม” น้ำต้นประเมินดูสีหน้าท่าทางของไหมทันที่ที่เธอเปิดประตูออกมาต้อนรับเขา

“ต้น ไหมดีใจมากเลยที่ต้นมาหาไหม” พูดยังไม่พอ นักแสดงสาวยังถือโอกาสเข้ามาคล้องแขนเขาเอาไว้อย่างสนิทสนมเสียอีกด้วย ก่อนที่จะลากเขาเข้ามาในห้องชนิดไม่ทันตั้งตัวหลังจากที่ปิดประตูตามหลังทันที

“เอ่อ ไหม... ไหนบอกว่ามีเรื่องไง” น้ำต้นยังไม่วายสงสัย ตอนนี้เขาชักจะปรับอารมณ์ตามหญิงสาวไม่ทันเหมือนกัน

“ก็...” ว่าแล้วก็เหมือนกับเพิ่งคิดได้ สาวเจ้าพลันตีหน้าเศร้าทันควันทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีก แต่แล้วเธอก็ทำหน้าเชิดขึ้นมาราวกับไม่แคร์สิ่งใดในโลก “ไหมแค่เจ็บใจ”

“เจ็บใจ?” น้ำต้นทำหน้างง เขานั่งลงบนโซฟาบุหนังสีสดตัวนุ่ม โดยมีร่างสวยสะโอดสะองที่สวมกางเกงขาสั้นและเสื้อกล้ามพอดีตัวนั่งลงข้างๆ ในแบบที่แนบชิดเกินจำเป็น จนน้ำต้นชักรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเสียแล้ว

“ก็บทละครเรื่องล่าสุดนี่น่ะสิ ทีแรกผู้จัดฯเค้ามาจีบจะให้ไหมเล่นเป็นนางเอก แต่ไปๆมาๆ กลับดันยกบทนางเอกไปให้คนอื่นซะนี่” ไหมทำหน้ากระเง้ากระงอด ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น อาจจะมองว่าน่ารักน่าเอ็นดู แต่กับน้ำต้นในตอนนี้ เขากลับยิ่งรู้สึกงงเป็นไก่ตาแตก

“แล้วไหมก็เรียกให้ต้นมาเนี่ยนะ เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ” น้ำต้นถามอย่างไม่เชื่อหู

“ต้นไม่เข้าใจหรอกว่าเรื่องแบบนี้มันเสียหน้าแค่ไหน ไหมนะแค้นมากเลย” ว่าแล้วก็เบียดตัวเข้าหานักน้องหนุ่มเต็มที่ “ไหมเป็นนักแสดงหญิงระดับต้นๆเลยนะ แล้วทำไมถึงต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย” ว่าตามจริงมันก็พอจะมีส่วนจริงอยู่บ้างเหมือนกัน แต่เหตุผลหลักที่เธอไมได้เป็นนางเอกละครเรื่องที่ว่านี่ก็เพราะ เธอไม่อยากรับงานนี้เองด้วยส่วนหนึ่งเพราะเห็นว่าบทของมันเชยลาก ไม่เหมาะกับสาวสมัยใหม่ของเธอเอาเสียเลย ประโยชน์เพียงอย่างเดียวของมันคือ ทำให้เธอสามารถสร้างเรื่องมาตบตาน้ำต้นได้นี่แหละ

น้ำต้นหันไปมองหญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกว่าแฟน ไหมในตอนนั้นอาจจะเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองก็จริง แต่ก็ผิดกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ไหมกลายเป็นคนที่เขาไม่รู้จักไปเสียแล้ว เธอไม่เหลือความน่ารักแบบเด็กสาวอีกต่อไปแล้ว เธอมีแต่ความทะยานอยากและอีโก้อันมากล้นเสียจนเขานึกกลัว ด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้ เธอสามารถโทรไปบีบน้ำตาให้เขารู้สึกเห็นใจและเป็นห่วงจนต้องรีบบึ่งมาหาเธอ เรื่องนี้ทำให้เขาผิดหวังในตัวของหญิงสาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาหมดรักเธอแล้วจริงๆด้วยสินะ

น้ำต้นเขยิบตัวออกห่างจากไหมอย่างสุภาพ เขามองใบหน้าเธอที่ยังคงงงวยกับอาการของนักร้องหนุ่ม “ไหม ถ้าไหมไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” เขาบอกแก่เธอ “แต่การที่ไหมกึ่งขอร้องกึ่งบังคับให้ต้นต้องออกมาแบบนี้ ต้นลำบากใจนะ” ไหมถึงกับทำหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำพูดอันตรงไปตรงมานี้ออกมาจากปากของน้ำต้น

“ต้นต้องเสียมารยาทต่อคนๆหนึ่งมากๆ เพื่อที่จะมาหาไหมเพราะความเป็นห่วง” น้ำต้นอยากจะตำหนิเธอเหลือเกิน แต่ก็ยั้งใจเอาไว้ “แต่ก็เอาเถอะ ไหมไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะไหม เล่นกับความรู้สึกของคนอื่นน่ะ มันไม่ดี”

ไหมรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เธอเสียหน้าด้วยไม่คิดว่าจะถูกใครว่าเอาตรงๆแบบนี้มาก่อน ยิ่งกับน้ำต้นด้วยแล้วเธอยิ่งรู้สึกมากกว่าใคร เธอมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยสักนิด น้ำต้นเป็นใครจึงกล้าดีมาตำหนิเธอเช่นนี้ เธอที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมให้เธอไปเสียหมดทุกเรื่อง ไหมถอยห่างออกมาจากน้ำต้นทันทีโดยอัตโนมัติ ดวงตารื้นน้ำตาราวกับจะตัดพ้ออะไรบางอย่าง แต่เธอกล้ำกลืนมันลงไป

“เพราะอะไรต้นถึงไม่เหมือนเดิม ต้นมีคนอื่นแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงของเธอต่อว่าเขาอยู่กลายๆ

“ต้นจะมีใครหรือไม่มี มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเราเลยไหม” น้ำต้นนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตัดใจพูดในที่สุดว่า “มันก็แค่ต้นไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับไหมอีกแล้ว”

ไหมถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่ม นี่เธอถูกเขาปฏิเสธหรือนี่ เธอไม่อยากจะเชื่อเลย

“เรื่องของเรามันจบไปแล้ว แต่ต้นก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับไหมนะ” เขาว่าพลางลุกขึ้นยืนมองหน้าหญิงสาวพร้อมกับจับมือของเธอเอาไว้หลวมๆ เธอเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกที่ทั้งเจ็บและอาย

“ต้นไปก่อนนะ” เขาปล่อยมือเธอวางไว้บนตักอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเดินเปิดประตูออกไปและปิดมันลงเบาๆเอาไว้เบื้องหลัง ราวกับจะย้ำเตือนเจ้าของห้องนั้นว่า มันจบลงแล้วจริงๆ


*******************

“มันจะจบแบบนี้ได้ยังไง” นักแสดงสาวที่นิ่งเงียบไปนานเหมือนจะยังไม่หายช็อกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ “ไหมไม่ยอมหรอกนะ” เธอกำมือแน่น ปากก็พร่ำแต่ว่า “ไหมไม่ยอมตัดใจแน่นอน”


********************

เมื่อขับรถกลับมาถึงห้องของตัวเอง น้ำต้นนั่งแปะลงไปที่โซฟาอย่างอ่อนแรง แต่ในใจของเขากลับรู้สึกชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อ เขาหยิบโทรศัพท์เครื่องบางสีเงินขึ้นมา กดหมายเลขที่คุ้นเคยก่อนที่จะเอามันยกขึ้นแนบหู

“ครับน้ำต้น”

“พี่นนท์”

“ถึงบ้านแล้วเหรอ เร็วจัง” นนท์ว่าอย่างแปลกใจ

“ก็ธุระเสร็จเร็วกว่าที่คิดน่ะพี่”

“ดีแล้ว” นนท์ตอบไปอย่างไม่รู้ว่าว่าอะไรต่อดี “งั้น ไปพักผ่อนเถอะต้น”

“พี่”

“ครับ”

“ไม่นึกอยากถามอะไรต้นบ้างเหรอ”

“หือม์ ว่าไงนะต้น” นนท์ถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก

“เอาน่า เจอกันพรุ่งนี้นะพี่นนท์”

“เจอกันครับ”

“เอ่อ... ฝันดีนะพี่” พูดออกไปแล้วก็รู้สึกร้อนๆหน้ายังไงพิกล

ปลายสายนิ่งไปพักหนึ่งก็จะหัวเราะเบาๆออกมาว่า “เหมือนกันครับ”

น้ำต้นบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่ รู้แค่ว่าตอนที่กดวางสาย เขาแทบจะกระโดดตัวลอยเลยทีเดียว

*******************

ลมเย็นช่วงปลายปีพัดมาพอให้คนในเมืองหลวงได้รู้สึกชื่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะแม้จะมีแสงแดดส่องจ้าอยู่ด้านนอก อากาศกลับไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนอย่างช่วงที่ผ่านมา มองออกไปภายนอก ก็พอจะเห็นผู้คนเริ่มหยิบเสื้อแขนยาวมาใส่บ้างแล้ว เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่เพราะอยากจะป้องกันตัวเองจากอากาศที่หนาวเย็นแต่อย่างใด แต่เหมือนอยากจะอวดเสื้อตัวสวยกันเสียมากกว่า ผู้ช่วยสไตลิสต์วัยเกือบสี่สิบที่แม้น้ำหนักจะเกินมาตรฐานไปสักเล็กน้อยแต่ก็ยังดูคล่องแคล่วเปรี้ยวจี๊ดสมอาชีพที่ทำอยู่คิดกับตัวเองอย่างเพลิดเพลิน แหม... เธอเองก็เป็นหนึ่งในพวกชอบโชว์เหล่านั้นเสียด้วยสิ ก่อนที่ความคิดจะถูกขัดขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานข้างๆตัวขึ้นมา

“พี่กี้รึเปล่าคะ” คนที่รับสายถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่แสดงความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง

“น้องไหม” เธอถามย้ำว่าใช่คนที่เธอนึกถึงอยู่หรือเปล่า ก่อนที่จะออกปากไปว่า “มีอะไรให้พี่รับใช้หรือคะ”

“ต้องมีแน่นอนค่ะพี่ นี่ไหมรบกวนเวลาพี่หรือเปล่าคะ” ไหมถามอย่างไม่ค่อยเกรงใจสักเท่าไร ค่าที่ว่าทั้งสองคนมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดีมานาน เพราะเคยมีโอกาสได้ร่วมงานกันและคุยกันถูกคออย่างยิ่ง อีกส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะต่างคนต่างก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลตัวเองได้เป็นอย่างดี ในขณะที่กี้สามารถแนะนำสไตลิสต์ที่ถูกใจไหมให้ได้ ชื่อเสียงของไหมก็ช่วยเธอได้เหมือนกันในฐานะที่สนิทสนมกับดาราสาวคนดังเป็นพิเศษ

“ได้ยินมาว่าตอนนี้พี่กี้ทำงานเป็นผู้ช่วยพี่เชนเหรอคะ” ไหมถามไม่อ้อมค้อม

“ใช่ค่ะ ตอนนี้มีโปรเจ็กต์อัลบั้มใหม่ของน้ำต้น งานใหญ่เชียวล่ะ” กี้ว่าโดยไม่ทันนึกว่าน้ำต้นเคยเป็นแฟนเก่าของไหมมาก่อน ทำเอาปลายสายถึงกับจี๊ดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเรื่องผลงานใหม่ของน้ำต้น สำหรับไหมแล้ว เธออยากได้น้ำต้นคืนมามากพอๆกับความริษยาในใจที่มีต่อน้ำต้นนั่นเอง

“นั่นแหละค่ะ ไหมก็เลยอยากจะถามอะไรพี่กี้หน่อย” นักแสดงสาวซ่อนอารมณ์อันพลุ่งพล่านของตัวเองเอาไว้มิดชิด

“ถามมาเลยค่ะ” กี้ว่าอย่างไม่คิดอะไร

“พี่กี้คะ ตอนนี้ต้นเค้าสนิทอยู่กับใครเป็นพิเศษหรือคะ”

“ฮื้อ... ไม่มีนี่” กี้ตอบไปตรงๆ “เท่าที่เห็นก็มีแค่น้องนนท์ ที่ตอนนี้เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ”

“นนท์ เหรอคะ” ไหมสะดุดหูกับชื่อนี้ทันที

“ค่า น้องนนท์เข้ามาทำหน้าที่ดูแลในส่วนดนตรีและเนื้อร้องงานชุดใหม่ให้ต้นค่ะ”

“นนท์นี่ เป็นใครมาจากไหนเหรอคะพี่”

“เท่าที่พี่รู้มาจากพี่เชนนะคะ นนท์เขาเป็นเด็กนักเรียนนอกค่ะ ท่าทางสุภาพใจดีเชียว แถมหล่ออีกต่างหาก” คนเล่าทำเสียงเคลิ้ม “เขามาทำงานกับพี่มิ่งมาน่าจะซักสองปีอ่ะค่ะ แต่เห็นว่าอยู่เบื้องหลังผลงานเพลงดังๆหลายเพลงเลย”

“อ้าวแล้วเขามาเกี่ยวอะไรกับต้นล่ะคะพี่ ไม่ใช่พี่มิ่งหรอกเหรอคะที่ต้องเป็นมิวสิกไดเร็กเตอร์ให้ต้น” เธอถามอย่างหงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ก็ เห็นพี่เชนบอกว่า พี่มิ่งอยากจะให้นนท์ได้แสดงฝีมือเต็มตัวซักทีน่ะค่ะ”
ไหมนั่งฟังอย่างอดทน ก่อนจะกลั้นใจถามออกไปว่า “แล้วต้นกับนนท์สนิทกันแค่ไหนคะ”

“ก็ สนิทนะ พักหลังนี่ตัวติดกัน เหมือนพี่น้องเลย พวกพี่เห็นแล้วยังอดเอ็นดูไม่ได้”

“เกินไปรึเปล่าพี่กี้” ไหมแขวะขึ้นมาอย่างนึกหมั่นไส้

“แหมน้องไหม ถ้าได้รู้จักกับนนท์นะ น้องไหมจะชอบเขา เขาน่ารักนะ”

“โอ๊ย ไม่ล่ะค่ะ ผู้ชายบุคลิกนุ่มนิ่มแบบนั้น หวังอะไรจากต้นรึเปล่าก็ไม่รู้ ไหมว่ามันไม่เข้าท่าเลย” เธอว่าตามความรู้สึกที่ได้เห็นนนท์ที่นั่งทานข้าวกับน้ำต้นเมื่อหลายวันก่อน

“แหม น้องไหม อย่ามองโลกในแง่ร้ายเลยค่ะ น้องนนท์เขาเป็นคนดีจริงๆ” กี้พยายามแก้ตัวแทน ช่วยไม่ได้จริงๆนี่นา เพราะเธอเองก็ถูกใจกับชายหนุ่มมากจริงๆ อดไม่ได้ก็เลยต้องแก้ตัวให้แบบนี้นี่แหละ

“ค่า... เอาเถอะค่ะ” ไหมไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก

“น้องไหมถามขึ้นมามีอะไรรึเปล่าคะ”

“ไม่หรอกค่ะ ไหมก็แค่ห่วงต้นในฐานะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ เกิดทำอะไรไม่เหมาะไป ผลเสียมันจะตกอยู่ที่ต้นเองนั่นแหละ” เธอพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว “ขอบคุณพี่กี้มากนะคะ ไว้มีอะไรเดี๋ยวไหมอาจจะโทรมารบกวนพี่อีกแน่นอนค่ะ” ว่าแล้วก็วางสายไป

“แปลกคนจริง” กี้รำพึงกับตัวเอง ก่อนที่จะง่วนกับการเปิดดูนิตยสารต่างประเทศตรงหน้าสลับกับการมองผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ด้านนอกต่อไป


*************************

นนท์อย่างนั้นหรือ ไหมรำพึงกับตัวเอง ไม่ได้มีผู้หญิงคนใหม่ แต่กลับไปคบกับผู้ชายอย่างนั้นหรือต้น เธอเองแม้จะยังไม่มั่นใจกับความคิดอันนี้ แต่มันกลับยิ่งทวีความเจ็บแปลบในใจให้เพิ่มมากขึ้น มันน่าแค้นใจไหม ถ้าเธอจะแพ้ผู้ชายคนหนึ่งจริงๆ คนอย่างเธอ มีหรือจะยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เธอจะแย่งน้ำต้นกลับคืนมาให้ได้ คอยดูเถอะ เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าคนดีเหลือเกินเหมือนที่ใครๆเขาว่ากันอย่างนนท์ จะไม่มีจุดด่างพร้อยอะไรเหมือนคนอื่นๆเลยเชียวหรือ

***********************

พักนี้น้ำต้นเข้าออฟฟิศบ่อยเสียจน ใครต่อใครเห็นเป็นต้องทัก ใช่ว่าเขาไม่มีงานต้องทำ เพียงแต่งานของเขาส่วนใหญ่ไม่ต้องจมอยู่ในออฟฟิศเหมือนงานของคนอื่นเท่านั้นเอง แต่แม้จะเอาเรื่องงานมาอ้าง เอาเข้าจริงๆ น้ำต้นกลับไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่บนชั้นสามสิบเท่ากับชั้นยี่สิบสักเท่าไร ว่างเมื่อไรเป็นต้องลงไปเล่นดนตรีกับพี่นนท์อยู่ร่ำไป คนพี่รึก็ดีใจหาย น้องลงมาขอเล่นดนตรีด้วยก็แทบจะไม่เคยขัด หากไม่ติดประชุม หรือมีงานด่วนเข้ามาจริงๆ นนท์เป็นต้องตกปากรับคำเล่นดนตรีกับน้ำต้นไปเสียเกือบทุกครั้ง

“มาบ่อยเชียวเจ้าต้น” เมษทักน้ำต้นเป็นคำแรกทันทีที่เห็นหน้านักร้องหนุ่ม

“ทักแบบนี้อีกคนแล้ว อะไรเนี่ย” แม้จะทำท่าบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ไม่เห็นว่าเจ้าตัวจะนำพากับอะไร “ต้นมาบ่อยๆไม่ดีเหรอพี่ ว้า... ไม่อยากเจอกันก็บอกก็ได้” ว่าแล้วก็ทำหน้ามุ่ยราวกับจะน้อยอกน้อยใจเสียเต็มประดา เมษชำเลืองมองด้วยหางตาอย่างรู้ทัน

“พอมีคนที่ถูกใจ ก็เกิดอยู่บ้านคนเดียวขึ้นมาไม่ได้แล้วล่ะสิ” เมษพูดขึ้นมาลอยๆโดยไม่มองหน้าคนถูกพาดพิง น้ำต้นนิ่งเงียบไปเป็นครู่ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างยอมจำนน

“ดูออกอย่างนั้นเลยเหรอพี่”

“แหม ต้นเอ๊ย พี่ทำงานกับต้นมานานแค่ไหนแล้ว เรื่องแค่นี้มีหรือพี่จะมองไม่ออก” เมษหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของเจ้าเด็กตาหวาน “ไปถูกใจอะไรพี่เขาล่ะ” เมษถามขึ้นมาแบบไม่คิดจะเร่งรัดเอาคำตอบอะไรจากเด็กหนุ่ม น้ำต้นมองหน้าเมษ เขาไม่เคยกังขาถึงความจริงใจที่เมษมีต่อเขาเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เขามีปัญหา หรือในเวลาที่เขามีความสุข เมษไม่เคยมองอะไรในตัวเขาพลาดเลยสักครั้ง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเมษรักและหวังดีต่อเขาเพียงไร

“พี่เมษครับ”

“จ๋า” เธอตอบรับ แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

“พี่เมษว่า พี่นนท์เป็นยังไง” เมษหันไปมองตาแป๋วที่หันมาสบตาเธออย่างจริงจัง

“พี่ว่าน้ำต้นน่าจะรู้จักนนท์ดีกว่าพี่นะ”

“ต้นรู้ครับพี่ แต่ต้นก็อยากจะถามพี่เมษให้แน่ใจอ่ะครับ”

เมษพยักหน้าก่อนจะละสายตาจากคอมพิวเตอร์ และกอดอกอย่างครุ่นคิด

“นนท์เป็นคนจิตใจดีนะ เป็นคนดีมากๆ เขาดีกับทุกคนเลยเท่าที่พี่เห็น ขนาดพี่มิ่งยังบอกว่าไม่เคยเห็นนนท์โกรธใครซักที เขาก็จิตใจดีเหมือนเรานั่นแหละน้ำต้น แต่เราอ่ะเป็นพวกแสดงออกชัดเจน ตรงไปตรงมา ส่วนนนท์เนี่ยเหมือนจะเป็นคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ทำให้บางทีก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรในใจ”

“แต่พี่คิดว่าพี่นนท์เป็นคนดีใช่ไหม”

“โอ๊ย อันนี้พี่ไม่สงสัยเลย เขาเป็นคนน่ารัก พี่อาจจะไม่สนิทกับเขา แต่พี่ก็มองออก” เมษหันไปมองน้ำต้นอย่างล้อๆเมื่อพูดว่า “แล้วพี่ก็รู้ด้วยนะว่าทำไม ต้นถึงถูกใจนนท์เขา”

“พี่รู้ด้วยเหรอ” น้ำต้นหน้าแดง เมื่อโดนเมษวิเคราะห์ออกมาตรงๆ

“แหม มันก็ไม่ได้ดูยากขนาดนั้น เราอ่ะติดพี่นนท์ยังกะอะไรดี” เมษหัวเราะออกมาเบาๆ “แต่ที่พี่หมายถึงก็คือ เราสองคนเนี่ยบุคลิกข้างนอกถึงจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ว่ามันก็มีความเหมือนที่ดึงดูดกันอยู่ เช่นเป็นคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน แล้วก็เป็นคนขี้เหงาเหมือนกัน ในขณะเดียวกันก็มีจังหวะที่รับส่งกันได้พอดี นี่พี่พูดฟังเข้าใจยากไปไหม” เมษหันมาถามน้ำต้นที่ทำตาแป๋วอย่างสนอกสนใจ

เด็กหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะว่า “พูดต่ออีกสิพี่เมษ”

“พี่เชื่อนะต้นว่าคนเราบนโลกนี้เกิดมาเพื่อที่จะเป็นส่วนเติมเต็มของใครสักคนหรือใครอีกหลายๆคนเสมอ ต้นเกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่ซึ่งก็เหมือนเราได้เติมชีวิตของเขาให้สมบูรณ์ ให้เขาได้รักเรา ทำให้ชีวิตทั้งของเราและเขามีความหมาย แล้วพอเราเติบโตขึ้น ได้เรียนรู้ถึงความรัก พี่ว่าลึกๆในใจของคนเกือบทุกคนนั่นแหละ ล้วนแล้วแต่มองหาคนที่จะเติมเต็มอะไรบางอย่างในชีวิตบางส่วนที่ขาดหายไปของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แต่จะเจอหรือเปล่าก็อีกเรื่อง“ เมษว่าต่อยืดยาว “ทีนี้สิ่งที่พี่เห็นมันก็แค่สิ่งที่พี่เห็นเท่านั้น ที่เหลือก็อยู่ที่เราเองนั่นแหละที่จะคิดว่า คนที่เรารู้สึกดีหรือรู้สึกพิเศษมากนั้น ใช่คนที่จะเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดของเราหรือเปล่า” เมื่อหันไปเมษก็พบกับดวงตาใสแป๋วที่มองเธอไม่วางตา ราวกับได้ซึมซับทุกคำพูดของเธอเอาไว้จนหมดสิ้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
“ก็นั่นแหละ ในสายตาพี่ เวลาที่ดูเราสองคนอยู่ด้วยกันนะ พี่รู้สึกดีมาก ไม่รู้เป็นไง”

“หรือพี่เมษคุ้นกับต้นมั้ง ถึงรู้สึกดี”

“ก็ส่วนนึง แต่พี่ก็รู้นี่ว่าน้องที่พี่ดูแลอยู่เป็นยังไง อีกอย่างพี่เป็นเออาร์มานานนะ งานของพี่คือการอยู่กับคนและรับมือกับคน ความสามารพิเศษของพี่คือการอ่านคน ที่เหลือก็อยู่ที่เราแล้วล่ะว่าจะเชื่อพี่แค่ไหน”

“ต้นอ่ะเชื่อสายตาพี่เมษอยู่แล้ว”

“แต่ก็แค่อยากให้มั่นใจ ใช่ไหม” เมษเคาะไปที่ศีรษะน้ำต้นเบาๆอย่างรู้ทัน

“ไม่รู้สิพี่เมษ” น้ำต้นถอนหายใจออกมาในที่สุด “คือ... ต้นไม่แน่ใจว่า... อือ... ไม่รู้จะพูดยังไงดี” นักร้องหนุ่มเกาศีรษะอย่างไม่รู้จะจัดเรียงคำพูดออกมาแบบไหนดี ขนาดตัวเองยังไม่แน่ใจเลยว่า กำลังจะบอกอะไรแก่เมษ

“ต้นครับ” เมษเรียกชื่อเขาอย่างอ่อนโยน

“ครับ”

“พี่ว่าพี่เข้าใจต้นในระดับนึงนะ” เมษพูดราวกับจะให้กำลังใจเด็กหนุ่ม “แล้วพี่ก็พอจะรู้ด้วยว่าต้นกำลังสับสน แต่พี่อยากจะบอกต้นว่าพี่มองดูต้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพราะเป็นงาน แต่เพราะพี่ใส่ใจเราจริงๆไม่ต่างอะไรกับคนในครอบครัว เข้าใจใช่ไหม” ต้นพยักหน้า “และพี่ก็เห็นด้วยว่า ต้นเป็นยังไงหรือบางครั้งอาจจะถึงขนาดมองออกว่าต้นคิดอะไรอยู่ และถ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีสำหรับต้นแล้วล่ะก็ พี่คงจะห้ามและเตือนต้นโดยที่ไม่ต้องรอให้ต้นออกปากก่อนแล้ว จริงไหม” เด็กหนุ่มพยักหน้าอีกครั้ง

“และสิ่งที่พี่มองเห็นในความสัมพันธ์ระหว่างต้นกับนนท์ก็คือ สิ่งที่ดี” เมษย้ำหนักตรงคำสุดท้ายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเด็กหนุ่มที่ตั้งใจฟังเธออย่างไม่ยอมพลาดแม้แต่คำเดียว “พี่มองว่าเราสองคนเกื้อหนุนกันในแบบที่พี่เองในตอนนี้ก็มองไม่เห็นว่าใครจะสามารถมาทดแทนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ เพราะฉะนั้น หากต้นเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ดี ต้นก็เดินหน้าต่อเถอะ อย่าทิ้งมันไปเสีย” เมษยิ้มให้น้ำต้น ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปแตะบ่าคนที่เปรียบได้เหมือนกับน้องชายแท้ๆก็ไม่ปาน และเอ่ยออกมาอีกว่า “แต่มีอย่างนึงที่พี่อยากจะบอกเราไว้” ต้นยังคงมองไปยังใบหน้าของเมษไม่วางตา

“ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะใจกว้างอย่างพี่ และถ้าต้นตัดสินใจเลือกแล้ว ผลกระทบของมันอาจจะมีมากกว่าที่คิด สำคัญตรง เราเองก็ต้องแน่ใจด้วย อย่าเพิ่งด่วนใจร้อน” เธอบีบไหล่น้ำต้นแน่นขึ้นอีก “แต่ให้แน่ใจว่า ต้นมีพี่อยู่ตรงนี้ ถ้าต้นไม่มีใคร ก็จงจำไว้ว่ามีพี่อยู่อีกคน”

น้ำต้นน้ำตาคลอ เขายกมือไว้เมษอย่างไม่อาจปิดบังความรู้สึกซาบซึ้งใจอันท่วมท้นนี้ได้

“ขอบคุณครับพี่เมษ” เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาในที่สุด “ต้นกังวลมาตลอดเลย เพราะไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องผิดหรือถูก พออยากจะคุยกับพี่เมษ ต้นก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง แต่พี่เมษก็เข้าใจต้นทุกอย่างจริงๆ”

“แล้วคำตอบของพี่เป็นยังไง ทำให้เราสบายใจขึ้นไหม” เมษถาม

“สบายใจขึ้นมากครับ แล้วก็ช่วยเตือนสติไม่ให้ต้นทำอะไรผลีผลามออกไปด้วย”

“แล้ว... ขอโทษนะที่ถามตรงๆ ไหนๆเราก็เปิดอกคุยกันแล้ว” เมษชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามออกมาในที่สุด “เรื่องคนเก่าของเรา เอายังไง พี่เห็นท่าทางเค้าจะเทียวไล้เทียวขื่อเราไม่เลิกนี่”

“ต้นว่าต้นก็เคลียร์ตัวเองกับเขาชัดเจนแล้วนะพี่”

“เราชัดเจนก็จริง แต่เขาล่ะจะยอมรับมันได้หรือเปล่า บอกตามตรงเจตนามันยังไงไม่รู้พิกล หายไปตั้งนาน จู่ๆก็อยากจะกลับมาคืนดีกะเราอีกเนี่ยนะ” เมษที่พอจะได้รับรู้เรื่องของไหมมาบ้างอดที่จะออกปากด้วยความกังวลลึกๆไม่ได้

“ต้นก็พอจะมองออกอยู่นะ แต่ก็ถือว่าเราบอกเขาชัดเจนไปแล้วว่าเราไม่ได้รู้สึกกับเขาแบบนั้นแล้ว แต่ถ้าจะเป็นเพื่อนก็ไม่ว่ากัน”

“พี่ห่วงก็ไอ้ตรงนั้นแหละ” เมษว่าพลางถอนใจ “แต่ก็เอาเถอะ พี่ไม่อยากมองอะไรในแง่ร้ายหรอกนะ ระวังหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวเกิดมันเป็นข่าวขึ้นมา มันจะไม่ดีกับเราเอง”

“ครับพี่เมษ”

“แล้วเรื่องนนท์ล่ะ ยังไงต่อ”

“ขอเวลาต้นไปตั้งสติก่อนพี่เมษ ต้นอยากให้แน่ใจก่อน ไม่อยากให้พี่เขาเสียความรู้สึกเพราะอารมณ์ชั่ววูบของเราน่ะ”

เมษตบบ่าน้ำต้นอย่างเอาใจช่วย เธอไม่พูดอะไรอีก แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วจริงๆสำหรับเด็กหนุ่ม

**********************

“ไหมเป็นอะไร หน้าเครียดเชียวแก นี่มาสนุกกันเว้ย ไม่ได้มางานศพใคร ทำหน้าให้สนุกหน่อยซี้” เสียงตะโกนกรอกหูดังแข่งกับเสียงดนตรี ร่างเพรียวระหงที่อยู่ในชุดเกาะอกสั้นสีดำกับรองเท้าส้นเข็มที่ส่งให้หญิงสาวดูสง่าขึ้นกลับไม่ไปด้วยกันกับใบหน้าที่ถูกบรรจงแต่งเอาไว้อย่างสวยสะด้วยเครื่องสำอางยี่ห้อดังที่ตอนนี้มันบูดบึ้งไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย แม้ไหมจะตัดสินใจมาเที่ยวผับชื่อดังที่ประจำของเธอกับกลุ่มเพื่อนคนสนิทเพื่อคลายเครียด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้อารมณ์อันขึ้งเครียดของเธอดีขึ้นได้เลย หญิงสาวจึงนั่งทำหน้าบูดอยู่ที่โต๊ะพร้อมกับเครื่องดื่มที่ไม่หลงเหลือความเย็นอยู่แล้วอย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งรอบข้าง

“เบื่อ” เธอว่า “ไม่ได้ดั่งใจซักอย่าง” ทำเอาเพื่อนสาวที่มาด้วยไม่กล้าตอแยกับเธออีก

“ไหม แกดูหนุ่มๆ โต๊ะโน้นสิ” ไหมหันไปมองตามมือของเพื่อนสาวอีกคนที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดไม่แพ้กันที่กำลังชี้มือไปทางโต๊ะที่อยู่ไม่ห่างออกไป โต๊ะนั้นกลุ่มใหญ่พอดู มีทั้งผู้หญิงผู้ชายหน้าตาดีหลายคนออกท่าออกทางตามเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่อย่างออกรส บางคนน่าจะเป็นคนในวงการเดียวกับเธอด้วยซ้ำ

“เฉยๆ” เธอเบะปากก่อนที่จะหันมาคนน้ำสีอำพันที่เจือจางอยู่ในแก้วที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจอะไรอีก

“โธ่อะไรวะไหม สนุกหน่อยซี้ กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว ทำไมแกไม่หาอะไรสนุกๆใส่ตัวไปก่อนเล่า” ไหมฟังแล้วถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ

“ไอ้หนิงมันไปชวนเค้าคุยอยู่โน่นแน่ะ สนใจไหม นั่นไง ไม่ทันขาดคำ มาโน่นแล้ว” ไหมเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีสี่คนเดินเข้ามา

“ไหม หนุ่มๆเขาอยากจะเข้ามาทักทายแกหน่อยแน่ะ ไม่ว่ากันนะ” ไหมชินเสียแล้วกับการที่ถูกเพื่อนๆเอาชื่อเธอไปใช้แบบนี้ แต่เธอไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร ดีเสียอีก ในช่วงเวลาแบบนี้ มันก็ช่วยเสริมอีโก้ของเธอขึ้นมาได้ไม่น้อยเหมือนกัน ไหมสวมบทบาทนักแสดงสาวทันทีด้วยการคลี่ยิ้มให้อย่างเชิญชวน ก่อนที่ยื่นมือไปสัมผัสมือชายหนุ่มแต่ละคนแบบเรียงตัว

“คนนี้พี่กานต์ คนนี้เจตต์ นี่แม็กซ์ แล้วก็พี่เอ้ค่ะ พี่เอ้เป็นดีเจอยู่ที่คลื่นดัง ฮ็อตแอนด์คูล ไง”

“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ” ไหมฉีกยิ้มหวานหว่านเสน่ห์อย่างมืออาชีพ ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผลเหมือนกับทุกครั้ง ว่าตามจริง ตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก เพราะอย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่าเสน่ห์ของเธอยังใช้ได้ผลดี หลังจากที่ผิดหวังกับน้ำต้นมาหลายต่อหลายครั้ง

ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างสนุกสนานขึ้นกว่าเดิมมากสำหรับไหมที่เมื่อมีคนให้ความสนใจในตัวเธอมากขนาดนี้ ความมั่นใจก็ย่อมกลับคืนมาอีกครั้ง เธอพูดคุยกับหนุ่มๆอย่างออกรส หัวเราะกับเรื่องตลกฝืดๆได้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ โดยมีหนุ่มๆฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวบ้างพอไม่ให้น่าเกลียดเกินไป มาเที่ยวทั้งทีก็แบบนี้แหละ ถ้ามัวแต่หวงเนื้อหวงตัวก็อย่ามาเสียเลยจะดีกว่า

“เพื่อนคุณเจตต์ พูดน้อยจังค่ะ” ไหมกระซิบริมหูชายหนุ่มที่เธอถูกใจและดูจะอัธยาศัยดีกว่าใครเพื่อน

“คนไหนหรือครับ อ๋อ เอ้...” เขาพยักหน้าเมื่อมองตามนิ้วมือเรียวยาวที่ทาเล็บด้วยสีแดงสดของหญิงสาว “คุณไหมอย่าไปบอกใครนะ” เจตต์ทำท่าจุ๊ปากน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินในสายตาของหญิงสาวยามนี้

“เอ้มันไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกครับ รู้กันแค่นี้นะ”

“อ้าว” ไหมทำท่าประหลาดใจขึ้นมา

“จริงๆ ที่มันยอมมาทำความรู้จักเนี่ย เพราะมันชอบผลงานของคุณไหม ก็เลยอยากมาทำความรู้จักกันไว้น่ะครับ ไม่งั้นมันไม่รีบกลับไปโต๊ะโน้นเร็วอย่างนี้หรอก”

“ว้า น่าเสียดายจัง คุณเอ้ออกจะหล่อขนาดนั้น”

“หล่อขนาดนั้นก็ยังอกหักได้นะครับ” ไหมมองหน้าเจตต์อย่างไม่อยากจะเชื่อนัก

“จริงๆครับ นี่มันบอกว่ามันถูกสลัดรักมาแบบไม่ใยดีเลย ผมก็ไม่รู้จะอะไรนักหนา ฝ่ายโน้นก็ไม่ใช่ว่าจะดีเด่มาจากไหน แค่คนทำงานเบื้องหลัง ชื่อเสียงก็ใช่ว่าจะโด่งดังอะไร แต่มันทำท่าจะเป็นจะตายให้ได้”

“ตายจริง” ไหมยกมือขึ้นปิดปากอย่างมีจริต “ว่าแต่คุณเจตต์เถอะค่ะ มีเพื่อนเป็นแบบนี้ ตัวคุณเองเถอะ ยังไงแน่”

“โอ๊ย... คุณไหม ผมชายแท้ครับ” เขาโวยอย่างไม่สู้จะจริงจังอะไรนัก “ไอ้เอ้มันเพื่อนผม จะให้ผมเลิกคบมันเพราะเหตุผลที่ว่ามันชอบผู้ชายมากกว่า ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องนะ”

“คุณเจตต์ยอมรับได้เหรอคะ” ไหมถามอย่างไม่ค่อยจะเชื่อถือนัก

“ตราบใดที่มันไม่หวังเคลมผม ผมก็รับได้หมดแหละ โถ่   คุณไหม โลกเราเดี๋ยวนี้น่ะ มันไปถึงไหนแล้ว” เขาว่าอย่างไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร

“แล้วอย่างคุณเอ้ เป็นถึงดีเจ แล้วมาเป็นแบบนี้ แฟนๆเขายังยอมรับได้หรือคะ”

“มันก็ต้องมีทั้งคนที่ดูออกและไม่ออกมั้งครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อีกอย่างมันเป็นดีเจ ไม่ใช่ดารานักแสดงที่จะต้องออกหน้าบ่อยๆ ก็คงไม่เป็นไร นนท์แฟนเก่ามันก็คนเบื้องหลัง ไม่ต้องออกหน้าอะไรอยู่แล้ว” เขาว่าพลางยักไหล่

“อะไรนะคะ” ไหมหูผึ่งขึ้นมาทันที

“อะไรนี่คืออะไรหรือครับ” ชายหนุ่มแปลกใจต่อกริยาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันของหญิงสาวโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว

“แฟนเก่าของคุณเอ้อ่ะค่ะ ชื่ออะไรอีกทีนะคะ” ไหมถามด้วยน้ำเสียงที่เก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ขึ้นมาจริงๆ

“ชื่อนนท์ครับ เด็กนอกมั้งรู้สึก” เจตต์ทำท่าครุ่นคิด

“บิงโก!” ไหมพูดกับตัวเองเบาๆ เสียงดนตรีดังก้องนั้นกลบเสียงของเธอเอาไว้หมด แม้แต่เจตต์ที่อยู่ใกล้กับเธอถึงเพียงนั้นก็ไม่ได้ยิน

“ทำไมคุณไหมสนใจเรื่องของเอ้ขึ้นมาล่ะครับ อย่าบอกนะว่าหลงเสน่ห์มันเข้าอีกคน ผมไม่ยอมจริงๆ” เจตต์แสร้งทำท่าน้อยอกน้อยใจขึ้นมา แต่ไหมในตอนนี้ไม่ได้สนใจอีกแล้ว นอกจากชื่อที่ก้องอยู่ในหูตอนนี้

“แหม ไม่หรอกค่ะ ก็เห็นว่าเป็นคนในแวดวง ไหมอาจจะรู้จักแฟนเก่าเขาก็ได้ คุณเจตต์ก็... ไหมไม่มีรสนิยมประหลาดแบบนั้นหรอกค่ะ” เธอว่าพลางออดอ้อน ปกปิดอาการลิงโลดภายใน ที่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะถือแต้มต่อเหนือน้ำต้นขึ้นมาแล้ว

*********************

ผับเลิกแล้ว ผู้คนเดินทยอยกันออกมาไม่ขาดสาย ไม่น่าเชื่อว่า สถานที่อันคับแคบขนาดนี้ จะมีผู้คนเป็นร้อยเข้าไปยัดทะนานกันอยู่ภายในกันได้ตลอดทั้งคืน ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา บ้างก็เมาจนขาดสติ ที่พอมีสติอยู่บ้างก็ไม่แน่ใจว่าจะพาตัวเองกลับถึงบ้านได้หรือไม่ บางคนก็เดินออกไปหาแท็กซี่กันเป็นกลุ่ม บ้างก็เดินไปขึ้นรถเป็นคู่ๆแม้จะเพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง ไหมมองคนเหล่านี้ด้วยสายตากึ่งดูถูก เธอไม่เหมือนคนธรรมดาเหล่านี้ เธอพิเศษกว่าคนอื่น และเธอก็เชื่อเช่นนั้นเสมอ แต่คืนนี้เธอกึ่งวิ่งกึ่งตามชายคนหนึ่งออกจากผับอย่างผิดธรรมดาอย่างยิ่ง

“คุณเอ้คะ” ไหมเรียกชื่อของชายหนุ่มก่อนที่เขาจะหันมาทำหน้าพิศวง

“คุณไหม มีอะไรครับ” เอ้ถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง ดาราสาวที่มีชื่อเสียงอย่างเธอ มีธุระอะไรกับเขาอย่างนั้นหรือ

“ไหมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณค่ะ คืนนี้คงไม่สะดวก แต่ว่าอยากจะขอเบอร์คุณเอาไว้” เอ้ยังคงทำหน้าไม่เข้าใจอยู่นั่นเอง ไหมจึงยื่นหน้าราวกับจะกระซิบกับเขาว่า “เรื่องของนนท์น่ะค่ะ” เท่านั้นเอง เบอร์ของเอ้ก็ถูกบันทึกเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือของเธอทันที

“แล้วไหมจะโหรหาคุณเร็วๆนี้ค่ะ” ว่าแล้วเธอก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินจากไป

**********************

“น้องนนท์จ๋า มีแขกมาหาค่ะ” เพื่อนร่วมงานสาวนางหนึ่งตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มอย่างเป็นกันเอง

“ครับ ขอบคุณครับ” นนท์วางงานในมือลงอย่างนึกเสียดาย สมองกำลังแล่นดีเดียว ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ใครกันที่มาหาเขาโดยที่ไม่ได้นัดหมายแบบนี้ ปกติเพื่อนจำนวนน้อยที่เขามีก็ไม่เคยมาหาเขาถึงที่ ใครกันนะ

ยิ่งได้มาเห็นหน้าแขกที่มาเยือนเขาโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยแล้ว นนท์ก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจหนักขึ้นไปอีก เขาก็พอจะรู้จักเธอผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์บ้างหรอกนะ แต่ไอ้เรื่องที่เธอจะมารู้จักเขานี่ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลยจริงๆ ยังไม่ทันที่นนท์จะได้เอ่ยอะไรออกมา หญิงสาวก็คลี่ยิ้ม ก่อนที่จะเป็นฝ่ายชิงทักทายเขาขึ้นมาเสียก่อน

“คุณนนท์ใช่ไหมคะ” เธอมองเขาราวกับจะประเมินอะไรบางอย่าง ผู้ชายคนนี้ดูดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก เขาอาจจะดูธรรมดา แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่ชวนดึงดูดใจไม่น้อย ใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตาเรียวยาวแต่ก็ดูมุ่งมั่น จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากไม่หนาไม่บางนั่น รูปร่างอาจจะไม่สูงใหญ่ แต่ก็ดูแข็งแรงทะมัดทะแมงเหมือนคนที่ดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งรสนิยมในการแต่งตัว ไม่ต้องพูดถึง เธอนึกทึ่งกับภาพชายหนุ่มที่ยืนเผชิญหน้าเธออยู่ในตอนนี้ไม่น้อยทีเดียว แต่ท่าทางนิ่งเฉยภายนอกที่ดูคล้ายจะติดขี้อาย มันช่างขัดแย้งกับแววตามั่นใจที่มองเธอแบบไม่หลบสายตาสักนิดเสียจริงๆเชียว

“ใช่ครับ คุณน่าจะเป็นคุณไหม” เขาว่าบ้าง ไหมเป็นคนสวยและมีเสน่ห์เอามากๆ เธอสูงสง่า ใบหน้าผ่านการวาดแต่งมาอย่างประณีตสวยงามจนแทบลืมหายใจ ท่าทางที่ดูมันอกมั่นใจตลอดเวลานั้น จะว่าดีก็ดี แต่ก็อดทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกเหมือนตัวเล็กลงไปอย่างช่วยไม่ได้ เธอสะพายกระเป๋าใบหรูที่ดูจากยี่ห้อแล้วราคาคงเหยียบหลักหมื่น ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นดาราจริงๆ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ฉันทราบค่ะว่าเราไม่ได้รู้จักกัน” เธอว่า “แต่ฉันมีเรื่องสำคัญมากอยากจะคุยกับคุณ ไม่ทราบพอจะมีเวลาไหมคะ” เธอว่าด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังในแบบที่ต่อให้เขาอยากจะปฏิเสธเพียงไร ก็ไม่อาจจะทำได้ เขาประเมินเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

“ได้ครับ ซักครู่นะครับ” นนท์เดินหายเข้าไปภายในออฟฟิศของเขาครู่เดียวจริงๆ ก่อนที่หูของหญิงสาวจะจับเสียงของเขาได้ว่า “พี่มนครับ ถ้าต้นมาบอกให้รอหน่อยนะครับ บอกไปก็ได้ว่านนท์มีแขก”

ไหมชักสีหน้าทันที เธอไม่ชอบใจเอามากๆที่นนท์ทำเหมือนมีสิทธิพิเศษอะไรบางอย่างในตัวน้ำต้น เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังสั่นน้อยๆด้วยความริษยาที่จู่ก็แล่นผ่านเป็นริ้วๆทั่วร่างกาย

“ไปกันครับ ไปร้านกาแฟข้างล่างตึกพอไหวมั้ยครับคุณไหม”

“ไม่มีปัญหาค่ะ” เธอปรับเปลี่ยนสีหน้าได้ทันทีที่เห็นนนท์เดินออกมา

*********************

“ฉันจะไม่อ้อมค้อมล่ะนะคะ” ไหมเป็นฝ่ายพูดออกมาทันทีที่เครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้าแล้ว นนท์เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจต่อท่าทีของหญิงสาวที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

“ฉันเป็นแฟนเก่าต้น ไม่รู้ว่าต้นบอกอะไรคุณเกี่ยวกับฉันบ้างหรือเปล่า”

นนท์อึ้งไปทันทีที่โดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้

“เปล่าครับ” ไหมกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความผิดหวัง เธอไม่คิดว่าน้ำต้นจะไม่เห็นความสำคัญของเธอ ถึงขนาดที่ไม่เคยพูดเรื่องเธอให้นนท์ได้รู้ด้วยซ้ำ นี่ในสายตาของน้ำต้นเธอไร้คุณค่าถึงเพียงนี้เชียวหรือ มันน่าเจ็บใจนัก

“ช่างเถอะ แต่เอาเป็นว่า ที่ฉันมาพูดกับคุณในวันนี้ ฉันทำเพราะหวังดีกับต้น”

“หวังดี... หวังดีอะไรครับ” นนท์ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ เขาไม่รู้เลยว่าประเด็นของไหมคืออะไร และเธอต้องการอะไรจากเขากันแน่

“ฉันรู้นะว่าคุณเป็นอะไร” เธอแสยะยิ้มอย่างมาดร้าย ความสวยของเธอในสายตาของนนท์ที่มีก่อนหน้านี้ มลายหายไปจนหมดสิ้น

“ผมเป็นอะไรหรือครับคุณไหม” นนท์ถามด้วยอารมณ์ที่นิ่งเฉยอย่างยิ่งในแบบที่เขาเป็นเสมอเวลาที่รู้สึกไม่พอใจกับอะไรสักอย่าง

“อย่ามาตีหน้าซื่อ ฉันคุยกับแฟนเก่าคุณมาแล้ว” ไหมนึกถึงเอ้

“แฟนเก่าผม?”

“เอ้ไงล่ะ” ไหมว่าอย่างมีชัย “จำคนรักเก่าของตัวเองไม่ได้หรือไง”

'นนท์เขาเป็นฝ่ายไม่ไยดีผม ทั้งที่ผมรักเขามากนะ' ไหมยังจำคำที่เอ้บอกแก่เธอผ่านทางโทรศัพท์ได้ดี 'แต่เขามันหลายใจ ผู้ชายก็แพศยาได้นะคุณ' เอ้ว่าอย่างขมขื่น 'เรารู้จักกันตอนที่เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอกได้ไม่นาน เขามาทำงานกับพี่มิ่ง แล้วผมก็ไปเจอกับเขาโดยบังเอิญ เราก็เลยคบหาเป็นเพื่อนกัน แต่นนท์เขาไม่ค่อยมีเพื่อนในเมืองไทยเท่าไหร่ ก็เลยติดผม ผมดูเขาออกแต่แรกว่าเขาเป็นอะไร ผมเองก็หลงรักเขา เราก็เลยคบหากันเป็นคนรักหลังจากนั้นไม่นาน แต่แล้วเขาก็เป็นฝ่ายตีตัวออกห่างผม แล้วก็เลิกติดต่อกับผมเสียอย่างนั้น คนแบบนี้โดนเสียบเข้าไปทีเดียวก็เปลี่ยนใจได้แล้ว' เอ้พูดถึงนนท์แบบเจ็บแสบและหยาบคายยิ่ง 'เด็กน้ำต้นนั่นแฟนเก่าคุณเหรอ ระวังเถอะจะโดนหลอกเอา หรือเสร็จกันไปแล้วล่ะ ถึงได้ติดกันแจขนาดนั้นอย่างที่คุณว่า' เอ้ใส่อย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น

ลึกๆแล้วไหมอดจะรังเกียจคำพูดคำจาของเอ้ขึ้นมาไม่ได้ ภายนอกเขาเป็นผู้ชายที่ดูดีทีเดียว แต่เมื่อปล่อยให้เข้าได้พูดพล่าม สันดานเดิมก็เริ่มออก เขาจึงไม่ปิดบังอะไรอีก เขาเจ็บใจนนท์มากทีเดียว นั่นคือสิ่งที่ไหมสังเกตได้อย่างชัดเจน แต่เธอเลือกที่จะมองข้ามจุดเสียของเอ้ไป นั่นเพราะความแค้นเคืองมันบังตาเธอเสียสิ้น เธอไม่ชอบหรอกนะที่เอ้พูดถึงน้ำต้นแบบนั้น แต่ในใจของเธอเองก็นึกหวั่นอยู่ไม่น้อย น้ำต้นเป็นของเธอ เธอจะเอาเขากลับคืนมาให้ได้ และหากเธอจะเสียเขาไป ก็ไม่ควรจะต้องเสียให้กับคนอย่างนนท์ เธอเบะปากอย่างนึกขยะแขยงในใจเมื่อได้ยินเรื่องของนนท์ออกจากปากเอ้

'แต่ผมอยากได้นนท์คืน' ไหมนึกแปลกใจเมื่อได้ยินเอ้พูดขึ้นมา 'เขาเป็นของผม ยังไงผมก็ยังรักเขา ผมอยากได้ของผมคืน' โป๊ะเชะ! ในเมื่อความต้องการของเขาและเธอตรงกันแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยหากทั้งสองคนจะตัดสินใจร่วมมือกัน ไหมคิดง่ายๆ แค่ขู่นนท์นิดหน่อย ขี้คร้านจะกลัวจนหัวหด ส่วนเอ้ ก็คิดแค่ว่าตัวเองเหนือกว่าน้ำต้นแน่นอน นนท์แค่หลงผิดไป ง้อเข้าสักหน่อยเดี๋ยวก็ซมซานกลับมาหาเขาแล้ว

“เอ้ไม่ได้เป็นคนรักเก่าของผม” ไหมหงุดหงิดทันทีกับความนิ่งเฉยของนนท์ ยิ่งเจ้าตัวปากแข็งไม่ยอมรับแบบนี้แล้ว เธอยิ่งรู้สึกมีน้ำโหชนิดที่ไม่ว่าจะปั้นหน้าเก่งอย่างไรก็ปิดไม่มิด

“อย่ามาโกหกหน่อยเลย ฉันคุยกับเอ้หมดแล้ว” ตอนนั้นเอง นนท์จึงทำหน้าราวกับจะสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ในทันที

“อ้อ คุณคุยกับเอ้เรื่องผมมาแล้วนี่เอง” เขาว่าพลางส่ายหน้า และนึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจ เรื่องเก่าๆที่ลืมไปได้นานแล้วแท้ๆ “เขาบอกว่าผมเป็นยังไงบ้างล่ะ” นนท์ถามอย่างไม่นึกใส่ใจอยากได้คำตอบสักเท่าไรนัก

“ก็มากพอที่จะทำให้ฉันรู้ว่าเนื้อแท้คุณเป็นยังไงก็แล้วกัน” เธอว่าอย่างถือดี “ยิ่งได้รู้ฉันก็ยิ่งเป็นห่วงต้น”

“คุณเหรอ เป็นห่วงน้ำต้น”

“อย่ามาตีหน้าเซ่อนะคุณนนท์ ฉันยังรักเขา และเขาเองฉันก็เชื่อว่าเขายังมีใจให้ฉันอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทิ้งคุณออกมาหาฉันอย่างวันนั้นหรอก”

นนท์สะอึกกับคำพูดที่กระแทกหัวใจเขาเข้าอย่างแรง “แต่แปลกนะ เขากลับไม่ยอมเล่าเรื่องฉันให้คุณฟัง คงรู้มั้งว่าคุณจะรับไม่ได้ น้ำต้นเขาเป็นคนดี เขาแคร์คนรอบข้างเสมอแหละ ไม่ว่าจะเป็นคนสำคัญหรือไม่สำคัญขนาดไหนก็ตาม” เธอย้ำไปที่คำว่า ไม่สำคัญ เป็นพิเศษ

“อีกอย่าง เขาเป็นคนซื่อ อ่อนต่อโลก ฉันไม่อยากให้เขาหลงผิดมาคบหากับคุณ” ไหมว่าต่อชนิดไม่หยุดพักหายใจ “บอกตามตรงฉันเป็นห่วงชื่อเสียงของต้น ถ้าเขามีข่าวกับคุณ อนาคตเขาดับแน่” ว่าจบเธอก็ยกมือขึ้นกอดอกราวกับจะข่มชายหนุ่มตรงหน้าลงให้ได้ “ที่สำคัญ ฉันเชื่อว่าเรายังสามารถกลับมาคบกันได้อีกแน่นอน น้ำต้นยังรักฉัน”

“พูดจบแล้วใช่ไหมคุณไหม” นนท์ว่าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สมอันใดกับเรื่องที่ได้ยินแม้แต่น้อย “อันที่จริงถ้าคุณเชื่อในสิ่งที่เอ้บอกไปทั้งหมดนั้นโดยไม่ยอมฟังความจากปากผมเลย ผมก็หมดเรื่องจะคุยกับคุณแล้ว เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอธิบาย” นนท์หยุดพูดและจ้องไปที่ดวงตาของหญิงสาวที่นั่งคอแข็งอยู่ตรงกันข้ามกับเขาอย่างไม่วางตา “อีกอย่างนึง ผมกับต้นเราเป็นพี่น้องที่คบหากันอย่างจริงใจ ผมปรารถนาดีต่อเขาเสมอ และจะไม่ห้ามเลยหากเขาอยากจะคบหาอะไรกับใคร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องไปบอกเขาเอง ไม่ใช่มาบอกกับผม เพราะผมไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับเขาขนาดนั้น เขาสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง” นนท์ลุกขึ้นยืน

“เราคงหมดเรื่องที่จะคุยกันแล้วครับ” นนท์ว่า “อีกอย่างผมยืนยันนะ ผมกับเอ้เราไม่ได้เป็นอะไรกันมากไปกว่าเพื่อน เราอาจจะมีความรู้สึกที่ดีต่อกันบ้าง นั่นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ ผมไม่ทราบ คุณไปถามความจริงกับเจ้าตัวเอาเองก็แล้วกัน ขอตัวนะครับ” ว่าแล้ว นนท์ก็เดินจากไปโดยไม่สนใจจะหันกลับมามองหญิงสาวอีก

“ไอ้วิปริต! เจ็บใจนัก!” ไม่รู้เพราะอะไร คำพูดเรียบๆที่แสนสุภาพนั่น ถึงได้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรงได้ก็ไม่รู้ เธอเจ็บใจ ที่แม้จะข่มขู่นนท์เท่าไร ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลย แถมยังตอกกลับเธอได้อย่างเจ็บแสบโดยไม่ต้องหยาบคายหรือแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว เธอมองตามหลังชายหนุ่มที่เดินขึ้นลิฟต์หายไป

“ฉันไม่ยอมแพ้หรอก” เธอว่าอย่างอาฆาตมาดร้าย

***********************

ถ้าไหมคิดว่า นนท์ไม่สะทกสะท้านและไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เธอบอกแก่เขา ไหมก็คิดผิด อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง นนท์คิดกับตัวเองในใจขณะที่ขึ้นยืนอยู่ในลิฟต์ที่กำลังพาเขากลับขึ้นไปยังชั้นยี่สิบ เรื่องที่เขากับเอ้ไม่มีอะไรเกินเลยกันเป็นเรื่องจริง เขาเองก็ไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองเขาว่าเป็น ‘อะไร’ แต่เรื่องที่เขากังวลอย่างยิ่งก็คือเรื่องของน้ำต้นต่างหาก ความสัมพันธ์ของเขากับต้นไม่ได้มีอะไรเกินเลยมากไปกว่าแค่พี่น้อง แม้ว่าระยะหลังมานี้พวกเขาจะมีวิธีการแสดงออกต่อกันในแบบที่พิเศษอยู่สักหน่อย แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าทั้งเขาและน้ำต้นวางตัวดีพอที่จะไม่ให้มาว่าอะไรได้แน่นอน แต่ต่อไปล่ะ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน น้ำต้นเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง ใครหรืออะไรก็ตามที่อยู่รายรอบตัวเขาจะต้องถูกจับตามองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่สนิทกับน้ำต้นมากกว่าใคร ถึงตอนนั้นน้ำต้นจะต้องถูกดึงให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน เขาจะเป็นอะไรหรือเป็นอย่างไรมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเขาไม่ใช่คนมีชื่อเสียงอะไร แต่กับน้ำต้น ชื่อเสียงและอนาคตที่สดใสของน้องชายจะต้องมัวหมองเพราะเขา นี่คือสิ่งที่เขาไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้

เขายกมือขึ้นทาบกับอกด้านซ้ายของตัวเองก่อนที่จะรวบแขนขึ้นกอดอก ก้มหน้าก้มตาโดยไม่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างใดๆ ปวดหัวใจเหลือเกินกับสิ่งที่ต้องตัดสินใจทำนับตั้งแต่วินาทีนี้ เขาควรจะต้องปล่อยมือนี้ไปเสียที เขาควรจะต้องเปลี่ยนบทบาทจากพี่ชายมาเป็นแค่คนแต่งเพลงเท่านั้นแล้วสินะ

ลิฟต์เปิดออก นนท์เดินออกจากลิฟต์ด้วยหัวใจที่หนักอึ้งและเป็นทุกข์เหลือแสน

“พี่มนครับ” นนท์เปิดปากออกมาอย่างยากลำบาก เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ต้นมารึยังครับพี่”

“ยังค่ะ” มนสังเกตเห็นอาการที่ผิดปกติของนนท์ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า “น้องนนท์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” นนท์ส่ายหน้า

“พี่มน นนท์มีธุระ ถ้าต้นมา ช่วยบอกด้วยนะครับว่านนท์กลับไปแล้ว”

“ได้จ้ะ แต่นนท์ไม่เป็นอะไรแน่นะ” เธอถามอย่างไม่ค่อยจะวางใจนัก นนท์ฝืนยิ้มก่อนที่จะพยักหน้าและพึมพำขอบคุณหญิงสาว เขาปิดการสนทนาด้วยการเลือกที่จะเดินผละออกไป

เพิ่งจะสี่โมงเย็นเท่านั้น นนท์ไม่อยากกลับบ้าน แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะไปอยู่ที่ไหนดี ที่ออกจะกว้างใหญ่ แต่ทำไมจึงเหมือนกับว่าไม่มีที่สำหรับเขาเหลืออยู่เลย

ในใจนนท์อ้างว้างยิ่งนัก

___________________________

โปรดติดตามตอนต่อไป


**********************

อยากตบยัยไหมแล้วนะ แง่งงงงงง  :angry2:

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
ขอถีบบบบบบบบบบบบแทนตบได้ปะ  :z2:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
หญิงชั่วชายโฉดดดดดดดดดดดดดดด
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนนท์ถึงใจแข็งกับเอ้ได้
เหอะๆ คำพูดขอเอ้นั่น ด่าตัวเองใช่มั๊ญ แทนที่จะเป็นพฤติกรรมของนนท์ เลวมากๆ
ส่วนนังญ ชั่ว เหอะๆๆๆ โดนน้ำต้นพูดใส่ไปตรงๆแล้วยังไม่รู้สึกสำนึกอะไรอีก
แบบนี้แม้กระทั่งค.เป็นเพ่อนคงไม่ต้องมีให้กันหรอกมั้ง

ส่วนพี่นนท์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :sad4: ใจเย็นๆนะคะรอน้องน้ำต้นมาอธิบายก่อนนะ
อย่าฟังความข้างเดียวจากนังไหม อั๊ยยยยยยยยยยยยยยย :z6: :beat: หน้าสวยแต่นิสัยไม่ดี แย่ๆๆๆๆ

ขอบคุณคะ พี่นาเมฮ์

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
เกลียดไหมที่สุด

เขาไม่รักแล้วยังตามไปตื้ออีก

nam-nueng

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ออออ พี่นนท์ เครียดอีกละ พอจะนึกพล็อตตอนหน้าออกเลยค่ะ  :เฮ้อ:


C2U

  • บุคคลทั่วไป
เวรกรรม   :z3:

เจอแต่พวกมารผจญ     :z6:

ได้เครียดอีกละ

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
เวนนนนน

เจ๊ไหม .. :beat:


ว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรแบบนี้

กลุ้มใจเลยยย

ออฟไลน์ LoveAholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
น้องไหม..กรุณากลับหลุมด่วน

อย่ามาเกะกะแถวเน้  :z6:

พี่นนท์คร๊าบ อย่าคิดมากจิ

ความรักต้องใช้ใจ อย่าใช้สมอง

อย่าหนีน้องไปไหนน๊า  :monkeysad:






bixzz

  • บุคคลทั่วไป
+1 ให้คุณนาเมฮ์แล้วนะครับ...
เอาใจช่วยนนท์และน้ำต้นต่อไป...ไหมและเอ้ช่างร้ายกาจจริงๆ

Forever_ever

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วปวดใจ
สงสารพี่นนท์จังเลยค่ะ
ยัยไหมกับนายเอ้นี่ก็นะ
ร้ายพอกันทั้งคู่

พี่นนท์อย่าทำอะไรใจร้ายกับน้ำต้นนะ

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณพี่นาเมฮ์ที่มาโพสต์ให้อ่านกันนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
วุ้ยรับไม่ได้กับการกระทำ


/ m e จิบน้ำส้มอย่างนางเอก

Lala

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วอินเว้ยยย

พี่นนท์ มีเหตุผลนะคะ อต่อย่าคิดไปเองคนเดียวสิคะ

ถามน้ำต้นบ้างไรบ้าง ว่าเค้าต้องการแบบนี้รึเปล่า

อินนนน 55+

bixzz

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: อยากอ่านตอน 8 แล้วครับคุณนาเมฮ์

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
สงสารนนท์จัง

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
มาติดตามเรื่องของน้ำต้นและพี่นนท์กันต่อนะคะ

************************

เพลงรัก

บทที่ 8

“โธ่เว้ย! เป็นอะไร ทำไมไม่รับสายนะ” เด็กหนุ่มหัวเสียขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้ คิ้วดกดำที่ปกติช่วยส่งให้ดวงตากลมโตดูอ่อนโยน ในตอนนี้ ขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ สามวันเข้าไปแล้วที่เขาติดต่อนนท์ไม่ได้เลย โทรไปแม้สัญญาณสายจะว่าง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสายเลยสักครั้ง พอลงไปหาถึงที่ ทุกคนก็ได้แต่ส่ายหน้า บอกว่านนท์ไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน วันแรกที่เขาไม่ได้พบเจอหรือพูดคุยกับนนท์ น้ำต้นรู้สึกเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเองเสียเลย เขาพาลที่จะหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา บางครั้งถึงกับอยากจะขอยกเลิกงานโชว์ตัวบางงานไปเสียเลยด้วยซ้ำ เพราะคิดแค่ว่าอยากเจอพี่นนท์ แต่ก็ทำไม่ได้ นั่นยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้เกิดขึ้นในใจมากขึ้นไปอีก

“พี่เมษ ช่วยโทรตามพี่นนท์ให้ต้นให้หน่อยได้ไหมครับ” จู่ๆเจ้าเด็กโข่งก็เดินคอตกเข้ามาหาเมษอย่างสิ้นท่า เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีจริงๆ ในใจคิดแค่อยากเจอนนท์ อยากพูดคุยกัน อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น นนท์ถึงได้เหมือนกับจู่ๆหายไปจากชีวิตเขาไปเลยแบบนี้ เขาทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นครับน้ำต้น” เมษเงยหน้าขึ้นมองหน้าน้ำต้นด้วยท่าทางที่เป็นห่วงขึ้นมาทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มยืนก้มหน้ากัดริมฝีปากคล้ายจวนเจียนจะร้องไห้ออกมาได้ทุกวินาที “นั่งลงคุยกับพี่ซิ” ว่าแล้วเธอก็เอื้อมมือไปดึงแขนน้ำต้นให้นั่งลงอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะลูบหลังราวกับจะปลุกปลอบใจแต่ก็ต้องอุทานออกมาเบาๆว่า

“น้ำต้นเป็นอะไร” เธอกระซิบเสียงเบาเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการสั่นเทาของเด็กหนุ่มที่กำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้เต็มที่ ใบหน้าของน้ำต้นเหมือนเด็กถูกทิ้งไม่มีผิด

“ต้นไม่รู้พี่เมษ พี่นนท์หายไปไหนไม่รู้ ต้นติดต่อไม่ได้เลย”

“เราไปทำอะไรให้พี่เขาไม่พอใจหรือเปล่า”

“ไม่นะพี่ วันนั้นเรายังนัดจะเล่นดนตรีด้วยกันที่ชั้นยี่สิบอยู่เลย แต่พอต้นไปหา พี่เค้าก็บอกว่าพี่นนท์กลับไปแล้ว โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย ไปหาก็ไม่เคยเจอตัว ต้นพยายามหมดแล้ว... จะทำยังไงดีพี่เมษ” น้ำต้นเงยหน้าขึ้นมาตารื้นไปด้วยน้ำตาราวกับคนที่อับจนหนทางหมดสิ้นแล้ว โถ... เด็กเอ๋ย จะรู้ตัวไหมนะว่าได้ปล่อยให้คนๆนึงเข้ามามีอิทธิพลในใจตัวเองมากถึงเพียงนี้แล้ว เมษลูบหลังเด็กหนุ่มอย่างเบามือยิ่ง

“ต้นจะให้พี่ช่วยอะไรครับ” เมษว่าอย่างอ่อนโยน น้ำต้นได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่รู้เหมือนกัน ต้นทำอะไรไม่ถูกแล้วตอนนี้”

“เดี๋ยวพี่จัดการให้ ไม่รู้จะช่วยได้แค่ไหนเหมือนกัน แต่พี่ว่าตอนนี้ต้นต้องทำงานให้เรียบร้อยเสียก่อนนะ” น้ำต้นมองด้วยสายตาอ้อนวอน ก่อนที่เมษจะพูดตัดบท ไม่ยอมให้น้ำต้นโต้แย้งอะไรได้ทั้งนั้น “เชื่อพี่ พี่ว่านนท์จะต้องมีปัญหาอะไรบางอย่าง เขาอาจจะมีเหตุผลของเขา พี่จะพยายามติดต่อนนท์ให้ แต่ต้นจะมานั่งรอแบบนี้ไม่มีประโยชน์ เสียงานด้วย เราจะเสียคำพูดกับเจ้าของงานเขาไม่ได้ อย่าลืมสิ”

น้ำต้นก้มหน้าอีกครั้งอย่างยอมจำนนท์ ก่อนที่จะรับคำเบาๆว่า “ครับ” เขายกมือไหว้เมษ “ขอโทษครับพี่เมษที่เกือบทำให้พี่เมษเดือดร้อน ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องวุ่นวาย แต่ต้นไม่มีใครแล้วจริงๆ”

“ไม่เอาน่า” เมษหัวเราะออกมาเบาๆ “หน้าที่ของพี่คือดูแลเรานี่นา ปกติต้นไม่ค่อยมีเรื่องอะไร ทำเอาพี่ว่างงานไปเลย ตอนนี้ถือซะว่าหาอะไรมาให้พี่ได้ทำแก้เหงาก็แล้วกันนะ” เธอว่าอย่างติดตลก

“งั้นต้นไปนะพี่” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินคอตกออกไป แต่ยังไม่ทันที่จะออกไป เสียงหนึ่งเรียกชื่อเขาขึ้นมาอย่างสนิทสนม

“น้ำต้น”

“ไหม” น้ำต้นยังคงแปลกใจกับการปรากฏตัวของหญิงสาวที่ทำเอาเขาไม่ทันได้ตั้งตัว “ทำไมมาที่นี่ได้”

“อ้าว... ก็มาเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าบ้างสิจ๊ะ เมื่อกี้เพิ่งไปหาพวกครูๆมา” เธอหมายถึงครูที่คอยสอนทั้งเธอและน้ำต้น รวมไปถึงนักเรียนฝึกหัดคนอื่นๆมาก่อนนั่นเอง “ก็เลย ไหนๆก็มาแล้ว แวะขึ้นมาหาต้นเสียด้วยเลย”

“เหรอ” น้ำต้นย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่กระตือรือร้นนัก ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติเขาคงนึกอยากจะรู้ว่าไหมมีจุดประสงค์อื่นใดอีกหรือไม่ เพราะครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เขาแน่ใจว่าคงทำให้เธอไม่พอใจอยู่ไม่น้อย แต่นี่ราวกับไหมไม่ได้จดจำเรื่องที่เกิดขึ้นเลย แถมยังมาเยี่ยมเขาเสียอีก แต่สภาพจิตใจของน้ำต้นในตอนนี้ มันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเองเสียเลย เขาไม่อยู่ในอารมณ์อยากจะพูดคุยหรือพบเจอใครทั้งนั้นด้วยซ้ำ

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือต้น” ไหมถามเป็นการหยั่งเชิง “ดูสิ ทำหน้ายังกับโดนใครเค้าทิ้งมา” ว่าแล้วเธอก็หัวเราะออกมาอย่างมีจริต

“ไม่ใช่เรื่องของไหม อย่ายุ่ง!” น้ำต้นเหวออกไปอย่างลืมตัว พอได้เห็นสีหน้าที่แสดงอาการตกใจของไหมเขาจึงรู้ตัวว่าได้ปล่อยอารมณ์ให้อยู่เหนือเหตุผลเกินไปสียแล้ว

“ต้นขอโทษ” เขาเลื่อนมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองเหมือนจะเรียกสติให้กลับมา “มันมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย เลยลืมตัว”

ไหมยังคงมองหน้าน้ำต้นราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง

“พอดีต้นต้องรีบไปงาน ถ้าไหมอยากอยู่ต่อก็เข้าไปคุยกับพี่เมษหรือพี่นอก็ได้นะ ไปล่ะ” ไม่ทันให้ไหมได้พูดอะไรต่อ น้ำต้นก็สะพายกระเป๋าเดินเข้าไปในลิฟท์ที่เปิดรอเขาอยู่พอดี

ไหมมองตามหลังของเด็กหนุ่มจนลับหายไป ก่อนที่จะเหยียดริมฝีปากยิ้มออกมาอย่างชอบใจ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือสีสดขึ้นมาก่อนที่จะกดหาปลายสาย

“คุณไหม ว่ายังไง”

“ท่าทางแผนแรกจะได้ผลนะ ต่อไปเราสองคนคงต้องจัดการกับคนของเรากันเองแล้วล่ะ ทางโล่งแล้วนี่”

“คุณไหมเก่งนะ ทำได้ยังไง” อีกฝ่ายว่าอย่างชื่นชม

“เอาเถอะ ท่าทางตอนนี้ทางคุณเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างไปแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่คุณ ส่วนทางฉัน คงต้องเช้าถึงเย็นถึงหน่อยล่ะ”

“พยายามเข้านะคุณ ผมเอาใจช่วย” แล้วต่างฝ่ายต่างก็กดวางสายไป ไหมยืนชั่งใจอยู่เพียงครู่เดียวก็หันหลังเดินกลับไปที่ลิฟท์ ไม่สนใจอยากจะเจอใครอีก

*******************

สามวันแล้วสินะ น้ำต้นจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ นนท์นั่งทอดอารมณ์อยู่หน้าโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้อย่างนั้นอยู่เป็นนาน โดยงานที่ตั้งใจจะนำมาทำด้วยไม่ได้มีความคืบหน้าขึ้นสักนิด เขาฝากชีวิตไว้กับร้านกาแฟแห่งนี้มาหลายวันแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามทุกอย่างที่จะไม่เจอกับน้ำต้นสักพัก เขาไม่รับโทรศัพท์ พร้อมกับขอมิ่งออกมาทำงานข้างนอก บอกที่บ้านว่างานยุ่งมากจนต้องกลับดึกทุกวัน ทุกหนทางที่น้ำต้นจะติดต่อเขาได้ เขาตัดขาดมันไปจนหมดสิ้น ลึกๆในใจ นนท์รู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ได้รู้จักกับน้ำต้น เด็กหนุ่มได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อไม่ได้เจอหน้าหรือพูดคุยกันแบบนี้ ในใจของนนท์ยิ่งรู้สึกอ้างว้างจนแทบทนไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า นี่เป็นทำร้ายจิตใจทั้งตัวเขาและน้ำต้นมากเพียงไร แต่ก็จำเป็นต้องทำ เขาจะได้ชื่อว่าเป็นคนทำลายชีวิตของเด็กหนุ่มคนหนึ่งได้อย่างไร ยิ่งเป็นคนที่เขารักเหมือนกับคนในครอบครัวด้วยแล้ว เขาจะทำได้อย่างไร วันนี้มันอาจจะเจ็บปวด แต่นนท์เชื่อว่าเวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น น้ำต้นยังอายุน้อย ชีวิตของเด็กหนุ่มยังก้าวไปได้อีกไกล และเขายังจะได้เจอกับใครอีกหลายคน ขอแค่เขาอดทนอีกสักหน่อย ทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เหมือนอย่างที่มันเคยเป็น

แต่ทำไม ในใจของเขามันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ การต่อสู้ระหว่างความโหยหาอยากพบเจอน้ำต้นและการพยายามหักห้ามใจให้ได้ มันช่างสาหัสนัก ตอนที่มีเรื่องของเอ้เข้ามา เขายังไม่รู้สึกมากขนาดนี้ เอ้กับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำนอกจากเพื่อนที่สนิทกันมากกว่าคนอื่น เขาจึงสามารถถอนตัวออกมาและตัดใจลงได้อย่างง่ายดายและไม่ยากเย็นนัก แต่นี่... ทำไมมันจึงไม่ง่ายอย่างนั้นบ้าง อย่าว่าแต่ลงมือทำงานที่อยู่ตรงหน้าเลย สองสามวันมานี้ นนท์แทบไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาไม่อยากกิน ไม่อยากนอน ไม่อยากพบเจอใคร ในใจมันว่างเปล่าเสียจนคิดอะไรไม่ออก

อดรนทนไม่ได้ นนท์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ชั่งใจอยู่เป็นครู่ว่าควรจะโทรไปดีไหม แต่เขาไม่มีใครแล้วจริงๆ

“ฮัลโหล” เสียงใสที่ปลายสายตอบรับมาอย่างร่าเริง

“ฮัลโหล สวีทตี้” นนท์ทักทายพร้อมกับยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันมานี้

“นนท์ ว้าย...” เสียงกรี๊ดดังขึ้นอย่างไม่ปิดบังความดีใจที่รู้ว่าใครโทรมา “ยูไม่โทรหาไอเลย ไอคิดถึงยูมาก” เมลต่อว่าทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชี้แจงอะไรทั้งสิ้น

“ไอมิสยูเมล แต่ยูมีเบบี้ ไอไม่กล้าโทรมากวนหรอก” นนท์ส่งภาษาไทยสลับอังกฤษที่ทำอยู่เป็นประจำให้กับเพื่อนซี้ลูกครึ่งที่ไม่ได้เจอหน้ากันพักใหญ่

“โธ่นนท์ ยูเป็นเพื่อนไอนะ จะโทรมาเมื่อไหร่ก็ได้”

“แต๊งกิ้วเมล”

“นนท์”

“เยส”

“ยูโอเค้” ชายหนุ่มเงียบเสียงไป “ยูอาร์น็อตโอเค” เธอสรุปในที่สุด

นนท์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะออกปากว่า “สมกับเป็นเพื่อนกันมานาน ยังไม่ได้บอกอะไรก็รู้แล้ว”

“ยูอยู่ที่ไหนนนท์ ถ้ายูต้องการ ไอไปหายูได้ตอนนี้เลย”

“โน โน โน ไม่เป็นไรเมล ยูต้องดูแลลูกนะ” นนท์ระล่ำระลักบอกแก่ปลายสาย

“โอ้ ชัทอัป แล้วไอจะจ้างเบบี้ซิตเตอร์เพื่ออะไร แต่ตอนนี้น่ะ ยูนี้ดมี เทลมีแวร์ยูอาร์”

นนท์ส่ายหน้ากับตัวเองเบาๆ เขาไม่อยากจะปฏิเสธอีกแล้วว่าตอนนี้เขาต้องการใครสักคนจริงๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น สาวลูกครึ่งหน้าตาน่ารักสะสวยก็เดินเข้ามาในร้านกาแฟแห่งนั้น เธอหันซ้ายหันขวาราวกับมองหาใครบางคน เมื่อสบตากับนนท์ ริมฝีปากที่แต้มลิปสติกสีชมพูอ่อนๆก็คลี่ยิ้มออกอย่างยินดี


เมลยังดูสดใสไม่เปลี่ยนแม้จะเพิ่งผ่านการคลอดลูกมาไม่กี่เดือน รูปร่างของเธออวบอิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังดูสมส่วน ผิวพรรณสดใส ใบหน้าที่ปราศจากริ้วรอยใดๆยิ่งกลับทำให้เธอดูเด็กกว่าอายุที่แท้จริงเหลือเกิน เธอสวมเสื้อยืดสีชมพูค่อนข้างเข้ารูป กระโปรงยาวถึงน่อง สะพายกระเป๋าผ้าที่ดูธรรมดาแต่กลับดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อเวลาที่เธอถือมันเอาไว้ บนศีรษะมีแว่นกันแดดคาดอยู่หลวมๆ

”ไฮ้นนท์” เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามากอดนนท์อย่างยินดี

“ยูลุกวันเดอร์ฟุลสวีทฮาร์ต” เขาเอ่ยปากชมอย่างจริงใจ ก่อนที่จะสวมกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น

“ยูลุกแทริเบิล!” ว่าแล้วทั้งคู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาออกมาอย่างอดไม่ได้ เวลาอยู่กับเมลเขาเป็นตัวเองได้เต็มที่จริงๆ

เมลพินิจไปที่ใบหน้าของเพื่อนสนิทมานานปีของเธอ นนท์ดูไม่สดชื่นติดจะเศร้าหมองด้วยซ้ำ แม้จะรู้ว่าปกติเพื่อนของเธอจะเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง แต่หนนี้น่าจะมีอะไรที่รบกวนจิตใจนนท์มากเหลือเกิน ทุกอย่างจึงแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตาได้ชัดเจนขนาดนี้ เมลเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเพื่อนสนิท ก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุดว่า

“ยูมีเรื่องทุกข์ใจหรือนนท์” เมลถามอย่างอ่อนโยน ดวงหน้าคมคายนั้นหรี่ตาลงก่อนที่จะยิ้มจางๆ

“ชัดเจนอย่างนั้นเชียวหรือเมล” เขาถาม

“ไอเป็นเพื่อนยูมานานนะ ทำไมไอจะดูไม่ออก เล่าให้ไอฟังได้ไหม”

“ไอไม่รู้จะเล่ายังไง” นนท์ได้แต่ก้มหน้า

“ยูกำลังมีความรักอยู่หรือเปล่า” เมลถามอย่างตรงไปตรงมา นนท์เงยหน้าขึ้นมอง เขาไม่แน่ใจว่าจะตอบคำถามนี้ว่าอย่างไรดี เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับน้ำต้น กริยาเช่นนี้เมลบอกกับตัวเองทันทีว่าเธอเดาไม่ผิดจริงๆ

“ไอก็ไม่รู้”

“แต่ยูแคร์เขา... มาก บอกตามตรงนะ ไอไม่เคยเห็นยูเป็นอย่างนี้เลย”

นนท์จับมือเมลวางเบาๆบนโต๊ะ เขาชั่งใจอยู่เป็นนานก่อนที่ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับเพื่อนรัก ที่นั่งฟังเขาอย่างตั้งใจ เมลพยักหน้ารับรู้เป็นระยะ เธอตั้งคำถามบางอย่างกับเขา เขาก็ตอบเธออย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง ยิ่งได้เล่าออกไป ปัญหาในใจอันหนักอึ้งของนนท์ก็เหมือนจะค่อยๆบรรเทาเบาบางลงได้บ้าง

“ไอ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ไอกำลังทำอยู่เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือเปล่า” เขาปิดท้ายเมื่อเล่าจบ

“นนท์ มายเดียร์นนท์” เมลรำพึงออกมาพร้อมรอยยิ้มที่เหมือนจะปลอบประโลมชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

“ยูเป็นคนดีแสนดี และยูก็มักจะคิดถึงคนอื่นเสมอก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง เอสเปเชียลลี่ ซัมวันยูแคร์เดอะโมสต์” เธอเน้นหนักไปที่ประโยคสุดท้ายที่เธอจงใจพูดกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ “แต่บางเรื่อง ก็ทำเอาอดีตนักศึกษาจากมหา’ลัยระดับไอวี่ลีกอย่างยู ไปไม่เป็นได้เหมือนกัน” เธอหัวเราะออกมาในที่สุด

“ไอจะไม่บอกล่ะนะว่ายูรู้สึกยังไงกับเด็กคนนั้น มันเป็นเรื่องที่ยูต้องไปเคลียร์ตัวเองเอาเอง” เมลว่า “แต่ไออยากจะบอกยูเหลือเกินว่า สิ่งที่ยูทำแม้มันอาจจะเป็นเรื่องที่ยูมองว่าถูกต้องแล้ว แต่ไอว่ามันไม่แฟร์เลย”

“ไม่แฟร์ยังไง” นนท์ถาม

“ไม่แฟร์กับตัวยูเอง แล้วก็ไม่แฟร์กับเด็กคนนั้น” เมลส่ายหน้าเบาๆให้กับความไร้เดียงสาของเพื่อน “ยูแคร์เขาไหม” เธอถาม

“แคร์สิ” นนท์ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ

“แล้วยูคิดว่าเขาแคร์ยูหรือเปล่า ตอบไอมาตรงๆนะ”

“คิด” นนท์ตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง

“แล้วมันเรื่องอะไร ยูถึงปล่อยให้ใครก็ไม่รู้เดินมาบอกให้ยูทำอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่ยูไม่เปิดโอกาสให้เด็กคนนั้นได้คุยกับยูก่อน” เมลย้อนทันที “ทีนี้ถามตัวเองซิว่ายูแคร์เขาหรือแคร์สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด”

“แต่ไอคิดว่า ไอทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขาอยู่นะเมล” นนท์ท้วง

“ดีที่สุดแต่ยังดีไม่พอ” เมลสวนกลับทันควัน “มันจะดีที่สุดได้ยังไง เมื่อคนสองคนยังไม่ได้คุยกัน สิ่งที่ยูคิดว่าดีสำหรับเขา กับสิ่งที่เขาคิดว่าดีที่สุด อาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกันก็ได้”

นนท์นิ่งอึ้งไปกับคำพูดเตือนสติของเมล จริงสิ เขาคิดเอง เออเอง ตัดสินใจทั้งหมดเลยแท้ๆ

“ยูทำอย่างนี้น่ะ ใจร้ายกับเขามากเลยถ้าเขาแคร์ยูน่ะนะ” เมลยิ้มเมื่อเห็นนนท์เริ่มที่จะเปลี่ยนทีท่าไปบ้างแล้ว “ลองไปคิดดูนะ แล้วก็คุยกันซะ”

นนท์บีบมือเพื่อนรักอย่างนึกขอบคุณ เรื่องเพียงเท่านี้ทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลได้นะ “ขอบคุณมากจริงๆครับเมล” เขายิ้ม

“โอ้... ด้นท์บีซิลลี่ฮันนี่” เธอหัวเราะอย่างเปิดเผย “เขาถึงว่าไง ผงเวลามันเข้าตาตัวเองน่ะ เอาไม่ออกหรอก” เธอบีบมือชายหนุ่มกระชับขึ้น

“ยูเป็นคนฉลาดนะนนท์ แล้วยูก็เป็นคนดีมากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ไอได้รู้จักมาเลย ไออยากให้ยูมีความสุขนะ ยูดีเซิร์ฟอิท” เมลเน้นย้ำ “แอนด์แอสอะเฟรนด์” เธอว่าเป็นภาษาอังกฤษ “เรื่องบางเรื่องน่ะ ยูสยัวร์ฮาร์ต น็อตยัวร์เบรน” ทำเอานนท์ถึงกับอมยิ้มออกมาได้ในที่สุด

“ไอล์ รีเมมเบอร์แธ็ท” เขารับคำ

ทั้งคู่พูดคุยกัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอีกพักใหญ่ ก่อนที่เมลจะขอตัวกลับ นนท์ยอมรับว่าในตอนนี้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก และยิ่งคิดถึงใครอีกคนอย่างที่สุด

“แอนด์ นนท์” เมลเรียกชื่อเขาอีกครั้ง “เน็กซ์ไทม์ บริงฮิมวิธยู ไอ วอนท์ ทู ซี ธิส กาย”

นนท์ถึงกับหัวเราะออกมาพลางพยักหน้า “แล้ววันหลังจะพามาทำความรู้จักนะ” แล้วทั้งคู่ก็โบกมือลากันตรงนั้นเอง

***********************

นนท์ตัดสินใจนั่งทำงานต่อไป ในใจก็คิดว่าเมื่อเจอกับน้ำต้น เขาจะเริ่มต้นอย่างไรดี เรื่องที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็ต้องโทษว่าเป็นความผิดของเขาด้วยที่ตัดสินใจด้วยตัวเองแบบหุนหันพลันแล่น เขามองแต่ว่าเป็นการทำเพื่อน้องชายของเขา แต่กลับลืมไปเสียสนิทว่าน้ำต้นจะรู้สึกอย่างไร

“นนท์หรือคะ”

“ฮัลโหล พี่เมษ” นนท์รับสายด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเมื่อเห็นชื่อปลายสายที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือของเขา “มีอะไรหรือเปล่าครับพี่”

“ก็ต้องมีอยู่แล้วล่ะ” เมษทำเสียงโล่งอก แต่ก็อดที่จะตัดพ้อออกมาไม่ได้ “เฮ้อ... นึกว่าจะไม่รับสายพี่อีกคนแล้ว”

“โธ่ ไม่หรอกครับ” นนท์ว่าอย่างรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆ

“เข้าเรื่องเลยนะ นนท์มีอะไรกับต้นหรือเปล่า สองคนเป็นอะไร ทำไมไม่คุยกัน”

“นนท์ขอโทษครับพี่เมษ” เมษอดใจอ่อนไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงละห้อยของชายหนุ่ม

“เอาเป็นว่าพี่ไม่รู้หรอกนะว่าเราสองคนมีปัญหาอะไรกัน แต่ตอนนี้น้ำต้นดูแย่มาก พี่ขอร้องล่ะนนท์ ช่วยไปคุยกับน้องหน่อยเถอะ” นนท์ใจหายวูบเมื่อได้ยิน

“แย่แค่ไหนครับ” เขากลั้นใจถาม

“นนท์ พี่อยู่กับต้นมานาน ยังไม่เคยเห็นต้นอ่อนแอขนาดนี้มาก่อนเลยนะ เมื่อตอนสายวันนี้เขาเข้ามาคุยกับพี่ รายนั้นถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เขาไม่มาขอให้ใครช่วยหรอก” เมษว่าอย่างอ่อนใจ “เขาก็ร้องไห้นิดหน่อย บอกให้พี่ช่วยติดต่อนนท์ให้ด้วย” หัวใจนนท์กระตุกด้วยความเสียใจ นี่ถ้าเขารู้ว่าการตัดสินใจของเขาจะทำให้น้ำต้นรู้สึกแย่ถึงเพียงนี้ เขาจะไม่ทำเด็ดขาด

“นนท์ ถ้าน้องทำอะไรผิดก็ยกโทษให้น้องนะ” เมษขอร้อง

“พี่เมษอย่าพูดแบบนั้น คนที่ผิดคือนนท์ต่างหาก อย่าโทษน้ำต้นเลยครับ นนท์สัญญาว่าจะไปคุยกับน้องให้เร็วที่สุดเลย นนท์ขอโทษนะครับ” ความรู้สึกผิดท่วมท้นในใจเขาจนดวงตาแดงก่ำ เขาอยากจะร้องไห้ออกมาเหลือเกิน

“ตอนนี้ต้นไปทำงาน กว่าจะเลิกคงเย็นๆ” เมษว่า “เลิกงานแล้วเขาคงกลับบ้านเลย นนท์ค่อยโทรหาตอนนั้นก็ได้”

“ขอบคุณมากครับพี่เมษ”

“นนท์ครับ”

“ครับ”

“ดูแลน้ำต้นหน่อยนะ” เมษชั่งใจก่อนที่จะพูดต่อ “สำหรับน้ำต้นในตอนนี้ เขาอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีนนท์”

“ครับพี่เมษ” ในใจของเขาเต็มตื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และทันทีที่กดวางสาย น้ำอุ่นๆก็ไหลลงอาบแก้มของนนท์อย่างห้ามไม่อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดจากความเสียใจที่ตัวเองได้เผลอทำให้คนสำคัญเป็นทุกข์ หรือเกิดจากความตื้นตันใจในสิ่งที่เมษเพิ่งบอกแก่เขาไป แต่ตอนนี้เขารู้แค่ว่า เขาอยากจะพูดคุยกับน้ำต้นมากที่สุด นนท์คว้ามือถือขึ้นมา กดหมายเลขที่คุ้นเคยให้แสดงขึ้นบนหน้าจอ ก่อนที่จะโทรออกไป

ปลายสายว่าง แต่ไม่มีคนรับ น้ำต้นยังคงทำงานอยู่แน่นอน เขากดวางสาย และตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะต้องไปคุยกับน้ำต้นด้วยตัวเองเสียที

**********************

เด็กหนุ่มแปลกใจที่ได้พบกับหญิงสาวโดยบังเอิญอีกครั้งหลังจากเสร็จงานแล้ว ทำไมไหมถึงได้เข้ามาปรากฏตัวในชีวิตของเขาช่วงนี้บ่อยเหลือเกิน ถ้าเป็นแต่ก่อน เขาอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกรู้สากับการมีอยู่ของนักแสดงสาวเลยจริงๆ

“ที่จริงไหมตามต้นมาเองแหละ” หญิงสาวสารภาพตามตรงอย่างไม่ปิดบัง เธอดูสวยสง่าอย่างที่ใครๆชื่นชมกันจริงๆเสียด้วย

“มีอะไรหรือเปล่าไหม” น้ำต้นว่าอย่างไม่ค่อยสนใจนัก “ถ้าไม่มีอะไรต้นขอกลับก่อน เหนื่อยมากเลยวันนี้” ต้องบอกว่าเหนื่อยใจสิ ถึงจะถูก

“ให้ไหมไปส่งนะต้น” เธอบอกเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน

“อย่าเลยไหม”

“ต้น ไหมเป็นเพื่อนนะ ไม่บอกก็รู้ว่าต้นมีเรื่องไม่สบายใจ ไหมเป็นห่วง ไม่ได้หรือ” หนนี้หญิงสาวถึงกับออกปากตัดพ้อเขา “เพราะงั้นให้ไหมไปส่งได้ไหม”

เด็กหนุ่มหมดแรงจนไม่อยากจะพูดต่อความยาวอะไรอีกแล้ว จึงทำได้แค่ว่า “ตามใจ แล้วแต่เถอะ”

ออฟไลน์ Namehoto

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +696/-9
แม้หญิงสาวจะรู้สึกลิงโลดที่ในที่สุด น้ำต้นก็ยอมนั่งรถมากับเธอ แต่ด้วยอาการเหมือนคนซังกะตาย อีกทั้งตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกันโดยมีเธอทำหน้าที่เป็นคนขับนั้น เด็กหนุ่มไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แถมยังนั่งหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างด้วยอาการเหม่อลอยอีกต่างหาก ราวกับเธอไม่มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้น ไหมได้แต่บอกให้ตัวเองใจเย็นๆเข้าไว้ นี่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแน่นอน หากเธอได้น้ำต้นกลับมาอีกครั้งแม้ลึกๆในใจเธอจะไม่แน่ใจว่า เธอจะรักน้ำต้นได้เหมือนเดิมหรือไม่ แต่ไหมก็เฝ้าบอกตัวเองมาตลอดว่า เธอกลับไปรักเขาได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร เขากับเธอก็เคยได้ชื่อว่าเป็นคนรักกันมาก่อน เธอเชื่อมั่นอย่างนั้น แม้ภาพของคนที่นั่งอยู่ข้างๆมันช่างรู้สึกบาดใจ แต่เธอเชื่อเหลือเกินว่านั่นเป็นความรู้สึกเพียงชั่ววูบของน้ำต้นเท่านั้นเอง คนเราเมื่อเหงา แล้วมีใครสักคนเข้ามาทำดีด้วย ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ใจจะไขว้เขวไปบ้าง นนท์อย่างนั้นหรือ? เธอยอมรับไม่ได้หรอก นี่เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด

“ต้นเป็นอะไรหรือเปล่า ดูซึมๆไปนะ” ไหมถามลองเชิง

“เปล่า” และน้ำต้นก็ตอบกลับมาแบบประหยัดถ้อยคำเสียจนเธอไม่แน่ใจว่าอารมณ์ของเด็กหนุ่มเป็นอย่างไรแน่ในตอนนี้

ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลยจนรถเก๋งคันงามของนักแสดงสาวเลี้ยวเข้าไปในคอนโดจุดหมายปลายทาง ทันทีที่รถจอดสนิท น้ำต้นก็เปิดประตูรถทำท่าเหมือนจะเดินออกไปทันทีเดี๋ยวนั้น

“เดี๋ยวสิต้น” นักแสดงสาวเรียกเสียงหลง

“นี่ไม่คิดจะชวนเพื่อนเก่าขึ้นไปดื่มอะไรหน่อยเหรอ” เธอถามอย่างมีความหวัง

น้ำต้นหันกลับมามองเธอ ใบหน้าของเขานิ่งสนิท ไม่บ่งบอกอาการยินดียินร้ายแต่อย่างใด ถึงตอนนี้

ไหมเองก็ไม่แน่ใจเสียแล้วว่า เธอคิดถูกหรือผิดที่เสนอตัวมาส่งเขาในวันนี้ เธออาจจะรุกเขาเร็วเกินไปก็ได้ แต่มาถึงตอนนี้แล้ว เธอไม่อยากจะปล่อยโอกาสที่มีอยู่ให้หลุดลอยไป คว้าได้ก็ควรที่จะคว้าเสีย

“ถ้าไม่เบื่อก็ตามใจนะไหม” ถึงแม้จิตใจจะห่อเหี่ยวและไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลยในตอนนี้ แต่ถึงอย่างไร น้ำต้นก็ไม่อาจทำตัวไร้มารยาทหรือแล้งน้ำใจต่อเพื่อนได้ ใจจริงเขาอยากจะอยู่คนเดียว ไม่อยากพูดคุยกับใครเลยนอกจากพี่นนท์คนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้คุยกันให้รู้เรื่อง เขาก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยจริงๆ ทำไมนะพี่นนท์ ทำไมมีอะไรไม่บอกกัน พี่จะรู้บ้างไหมว่าต้นรู้สึกยังไง

แม้แต่ตอนที่อยู่ในลิฟท์ น้ำต้นก็ดูใจลอยราวกับมีเรื่องหนักอกให้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา ไหมเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียดนั้น และเริ่มรู้สึกถึงความไม่พอใจของตัวเองที่ก่อตัวมากขึ้นทุกที เธอไม่เข้าใจ น้ำต้นเป็นอะไร ทำไมจะต้องทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นเพราะนนท์จริงๆล่ะก็ บอกได้เลยว่าตอนนี้เธอคงอยากจะขย้ำคอนนท์ให้หายแค้น เพราะมันคนเดียว

น้ำต้นเดินนำเข้าไปในห้อง เขาเปิดประตูเชิญหญิงสาวเข้ามานั่งแล้วจึงปิดประตูตามหลัง ก่อนที่จะเอ่ยอย่างพอเป็นพิธีว่า “ตามสบายนะ” เขาวางกระเป๋าทิ้งลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง ไหมกวาดสายตามองไปรอบห้องที่เธอคุ้นเคย มันเปลี่ยนไปไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่มากขึ้น แต่ก็รู้สึกน่าอยู่กว่าเดิมขึ้นเป็นอักโข

**********************

นนท์ขับรถเข้ามาจอดในบริเวณคอนโดหรือบ้านอีกหลังของน้องชาย เมื่อดับเครื่องยนต์ นนท์ก็เอนหลังพิงพนักเบาะอย่างอ่อนแรง นี่เขาจะบอกน้ำต้นว่าอย่างไรดี เอาเข้าจริงๆ เรื่องมันซับซ้อนเหลือเกินที่จะบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปจนถึงความรู้สึกอันมากมายและท่วมท้นที่อยู่ในใจ เขาจะเริ่มอย่างไรดี นนท์ระบายลมหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจลงจากรถ เขาเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ กดเรียกลิฟท์ และกดหมายเลขชั้นที่จะขึ้นไปอย่างคุ้นเคย เอาเถอะ... เมื่อถึงเวลา ก็คือถึงเวลานั่นแหละ

นนท์เดินมาหยุดที่หน้าห้องของน้ำต้น เขายืนนิ่งเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างครู่หนึ่งแล้วจึงเคาะประตูอย่างเบามือ ยังไม่ทันที่จะเคาะครั้งต่อไป ประตูที่อยู่เบื้องหน้าก็เปิดออก

“เอ่อ” สีหน้าของนนท์ในตอนนี้ ต้องเรียกว่าเป็นความงุนงงผสมผสานกับความสับสนหลายๆอย่าง เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนเปิดประตูจึงไม่ใช่เจ้าของห้อง แต่กลับเป็นใครอีกคนที่เขาคุ้นหน้าเป็นอย่างดี

“สวัสดีค่ะคุณนนท์” เสียงนั้นหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากเคลือบสีสวยที่คลี่ยิ้มออกอย่างสมใจ

“คุณไหม“ เสียงที่เปล่งออกมาน่าจะเป็นครางออกมาจากลำคอมากกว่าจะเป็นเสียงพูดในยามปกติ “ขอโทษนะครับ คือ...”

“อ๋อ ต้นชวนไหมมาอยู่เป็นเพื่อนน่ะค่ะ ท่าทางเขาเหมือนต้องการใครซักคน” เธอหันกลับไปมองด้านหลัง

“คุณนนท์มีอะไรหรือเปล่าคะ คืออย่าหาว่าเสียมารยาทนะคะที่ไม่ชวนเข้ามา แต่ว่า... “ เธอยื่นหน้าทำเสียงกระซิบกระซาบอย่างจงใจ “พอดี เราอยากจะมีเวลาส่วนตัวกันนิดหน่อยน่ะค่ะ” ว่าแล้วนักแสดงสาวก็ยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน “หวังว่าคุณนนท์คงเข้าใจนะคะ”

“งั้น...” นนท์กลืนน้ำลายลงอย่างยากเย็น ก่อนที่จะเอ่ยออกไปในที่สุดว่า “ผมไม่รบกวนนะครับ” โดยไม่ฟังคำตอบใดๆทั้งสิ้น นนท์เดินหันหลังกลับไป โดยไม่คิดที่จะหันกลับมามองอีก

ไหมรีบปิดประตูทันที ก่อนที่จะหันหลังกลับมามอง น้ำต้นยังไม่ออกมาจากห้อง นับว่าเป็นจังหวะที่ดีจริงๆ โชคเข้าข้างเธอ อยู่ดีๆตัวปัญหาก็เดินเข้ามาติดกับเธอเสียเอง โดยที่เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ อาศัยฝีมือการแสดงนิดหน่อยๆแค่นั้นเอง ไหมยิ้มกับตัวเองอย่างพอใจ นึกถึงสีหน้าของนนท์เมื่อครู่แล้ว เธอรู้สึกสมใจอย่างบอกไม่ถูก ทีนี้ก็เหลือแต่แค่น้ำต้นเท่านั้น ซึ่งสำหรับเธอแล้ว ในตอนนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

“เมื่อกี้ได้ยินเสียงเหมือนมีใครมา ใครเหรอ” น้ำต้นโผล่หน้าออกมาถาม

“เปล่าจ้ะ เคาะห้องผิดน่ะ” ไหมส่งยิ้มหวานกลับไป

น้ำต้นเดินออกมา มือข้างหนึ่งถือผ้าขนหนูผืนนุ่มขยี้อยู่บนเส้นผมชื้นๆที่เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวเพิ่งสระมาหมาดๆ หัวร้อนนักก็เอาน้ำเย็นดับเสียหน่อย ว่าแล้วพอเข้าไปในห้องได้ ก็ลงมือเอาน้ำราดหัวแล้วก็สระมันเสียเลยทีเดียว มืออีกข้างถือน้ำเปล่ามาแก้วหนึ่ง ก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะอย่างไม่มีพิธีรีตรองอะไรนัก

ไหมถือโอกาสนั้นเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับน้ำต้น แล้วถือวิสาสะเอื้อมมือจะช่วยเด็กหนุ่มเช็ดผม น้ำต้นรีบผละออกทันทีโดยอัตโนมัติ แม้แต่ไหมเองก็ยังตกใจกับปฏิกิริยานั้นของเขา

“เอ่อ...” น้ำต้นแก้เก้อ “ไม่เป็นไรหรอกไหม เดี๋ยวต้นทำเองได้” ไหมชักสีหน้าขึ้นมาอย่างเหลืออด

“เดี๋ยวนี้น้ำต้นรังเกียจไหมถึงขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อน...” หญิงสาวน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างน้อยใจ

“ไหม” น้ำต้นระบายลมหายใจในที่สุด “เดี๋ยวนะ” เขาชั่งใจก่อนที่จะเริ่มรู้สึกตัวเหมือนกันว่า ตั้งแต่เมื่อไรกันนะที่เขาไม่ได้โหยหาสัมผัสจากมือคู่นี้อีกต่อไปแล้ว ยิ่งในตอนนี้มันไม่มีความหมายอันใดอีกแล้วสำหรับเขา เอาเข้าจริงๆ เขาไม่ชอบด้วยซ้ำที่ไหมเข้ามาใกล้ชิดกับเขาจนเกินไปถึงเพียงนี้

“มันไม่ใช่เรื่องรังเกียจไม่รังเกียจนะ ต้นอยากจะให้ไหมเข้าใจเสียใหม่”

“แล้วมันอะไรกันล่ะต้น มันเกิดอะไรขึ้น” ไหมถามอย่างข่มอารมณ์

“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้วไหม” ต้นย้ำทุกคำพูดชัดถ้อยชัดคำ ในใจของไหมเจ็บแปลบ “ต้นไม่เข้าใจ ไหมต้องการอะไรถึงอยู่ดีๆก็อยากจะมาสนิทกับต้นอีก อยู่ดีๆก็มาทำดีด้วย โอเค เรายังเป็นเพื่อนกันได้ ต้นเคยบอกอย่างนั้น แต่นี่มันไม่ใช่นะไหม” น้ำต้นมองหน้าเธอ “แล้วมันจะไม่มากไปกว่านั้น เราเป็นได้แค่เพื่อนจริงๆ”

เหมือนถูกตบหน้า เหมือนศักดิ์ศรีที่ยอมทิ้งเอาไว้ถูกเหยียบย่ำ คนอย่างไหมนี่หรือที่ถูกผู้ชายปฏิเสธ ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเก่า เป็นคนที่เธอเคยคิดว่า อยากจะกลับมาหาเขาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้แท้ๆ

“ต้นเปลี่ยนไปนะ ตั้งแต่มีชื่อเสียงต้นเปลี่ยนไป” ไหมกัดริมฝีปากว่าออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บใจ

“ไม่หรอกไหม คนที่เปลี่ยนก็คือไหมนั่นแหละ ต้นแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยด้วยซ้ำ” น้ำต้นพยายามจะอธิบาย

“แล้วถ้าไม่ใช่ชื่อเสียงแล้วมันอะไร หรือเพราะไอ้เกย์นั่น!” ไหมระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเหลืออด “เพราะมันใช่ไหม!”

น้ำต้นขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไหมกำลังพูดถึงอะไร

“ปากก็บอกพี่ชายน้องชาย ทำไมเหรอต้น เดี๋ยวนี้เปลี่ยนรสนิยมมาชอบไม้ป่าเดียวกันแล้วหรือไง ผู้หญิงดีๆถึงได้ไม่มองน่ะ”

“ไหมกำลังพูดถึงใคร” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นในแบบที่ไหมเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ใบหน้าของน้ำต้นขึ้งเครียดบึ้งตึง เธอถอยกรูด แต่ด้วยแรงโทสะ เธอจึงไม่อาจจะยั้งอะไรได้อีกต่อไป

“ก็ไอ้พี่นนท์นั่นไง ทำไมเหรอ ลีลามันเจ๋งมากเลยเหรอ ถึงกับจะเป็นจะตายพอมันทิ้งไปน่ะ”

“พี่นนท์ทำไม ทำไมไหมถึงรู้จักพี่นนท์”

“ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ โลกมันกลมจะตาย เพื่อนผู้ชายของไหมคนนึงเป็นแฟนเก่ามันไง ยังบอกเลย แพศยาอย่างนั้น โดนใครเสียบทีก็ยอมเค้าไปหมดนั่นแหละ”

“หุบปากนะไหม!” น้ำต้นตะคอกเสียงดัง “ถ้าไม่หยุดพูด ถึงจะเป็นเพื่อนก็เถอะ...” เขากำมือเหมือนพยายามจะยั้งอารมณ์โกรธที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆอย่างเต็มที่ จนเนื้อตัวสั่นไปหมด ครั้งสุดท้ายที่เขาโกรธใครขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วนะ

“ปกป้องกันเข้าไปเถอะ” ไหมไม่อาจจะห้ามตัวเองได้อีกแล้ว “ระวังนะ ไหมจะแฉให้หมดเปลือกเลยว่า นักร้องวัยรุ่นชื่อดังมีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน อยากรู้จริงๆว่าถึงตอนนั้น ยังจะมีคนมากรี๊ดอยู่อีกไหม น่าขยะแขยงสิ้นดี”

“จะเอาอย่างนั้นก็ได้นะไหม บอกได้เลยว่า ต้นไม่แคร์หรอกนะ อยากทำอะไรก็ทำ ที่แน่ๆ เราคงไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนที่ดีระหว่างกันอีกแล้ว อีกอย่าง...” น้ำต้นข่มความโกรธในใจเอาไว้อย่างเต็มที่ “ขยะแขยงความคิดของตัวเองดีกว่า คนอย่างไหมดีไม่ได้ครึ่งนึงของพี่นนท์ด้วยซ้ำ อย่าดึงเอาเขาลงมาแปดเปื้อนเพราะความคิดแบบนี้เลย”

เหมือนโดนตบหน้าแรงๆเข้าไปอย่างจังอีกครั้ง ไหมได้แต่ยืนกำมือกัดริมฝีปากด้วยความพยายามที่จะระงับความเคืองแค้นเอาไว้เต็มที่ เธอไม่ว่าอะไรอีก ได้แต่เดินหันหลังคว้ากระเป๋าถือใบสวยได้ก็เดินกระแทกเท้าสะบัดหน้าออกไป พร้อมกับปิดประตูโครมใหญ่

น้ำต้นทรุดตัวลงนั่ง เขาทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ ทั้งสับสน นี่เขาปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาได้อย่างไร เขาปล่อยให้เธอเข้ามายืนด่าพี่นนท์ของเขาอย่างหยาบคายต่อหน้าเขาได้อย่างไร ลึกๆแล้ว คำพูดที่ไหมบอกแก่เขาว่า นนท์เป็นเกย์นั้น กลับไม่ใช่สิ่งที่เขารู้สึกเป็นกังวลเลยสักนิด เพราะสิ่งที่น้ำต้นเชื่อมาตลอดก็คือ นนท์เป็นคนดี ใครบ้างจะไม่รักพี่นนท์ เขาจะไม่แปลกใจเลยหากคนที่จะรักนนท์จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มันไม่สำคัญสักนิด มันสำคัญตรงนนท์เป็นคนที่มีคุณค่าให้ใครก็ได้มารัก และนนท์ก็มีสิทธิ์ที่จะรักใครก็ได้เช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้มาใกล้ชิดสนิทสนมกับนนท์ เขาอาจจะไม่รู้สึกแบบนี้ก็ได้ เขาอาจจะยังเด็ก แต่เขาไม่เคยตัดสินใครทั้งนั้นหากเขาไม่ได้เข้าไปคลุกคลีหรือทำความรู้จักด้วย ที่ผ่านมาน้ำต้นเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านนท์รู้สึกย่างไรกับตัวเขา เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ที่แน่ๆมันเป็นความรู้สึกผูกพันที่มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ นับวันก็ยิ่งรู้สึกว่าต่างคนต่างก็ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันไปแล้ว และเขาก็มีความสุขดีกับความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปเช่นนี้ เขาไม่ได้รังเกียจด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าไม่เฉียดคำว่ารังเกียจเลยต่างหาก เขารู้สึกขอบคุณใครสักคนข้างบนที่ทำให้เขาได้มาพบกับนนท์ นั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของเขา

แล้วทำไมไหมถึงรู้จักกับนนท์ล่ะ ตั้งแต่ตอนไหน นักแสดงอย่างไหมกับคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังให้กับนักร้องอย่างนนท์ ไม่ใช่อะไรที่จะรู้จักกันได้ง่ายๆสักหน่อย แต่ที่แน่ๆ น้ำต้นรู้สึกมั่นใจว่า การที่ทั้งคู่ได้พบปะรู้จักกัน น่าจะเป็นเหตุผลที่นนท์หายไปไม่ยอมติดต่อกลับมา คิดได้ดังนั้นน้ำต้นก็ยิ่งร้อนใจขึ้นไปอีก เขาคว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมา ตอนที่กำลังจะกดหานนท์นั่นเอง ที่เห็นว่ามีสายเรียกเข้าที่เขาไม่ได้รับอยู่สองสามสาย และหนึ่งในนั้นเป็นชื่อ พี่นนท์ โธ่โว้ย! ทำไมถึงไม่รับนะ พี่นนท์ที่เขาพายามติดต่อมาตลอดสามวันนี้โทรหาเขา แต่เขากลับไม่รับเสียนี่ ก็แน่ล่ะเขาทำงานอยู่แล้วก็ต้องปิดเสียงโทรศัพท์ แต่มันก็ยังน่าโมโหอยู่ดี

น้ำต้นกดโทรกลับไปทันที แต่เสียงที่ตอบรับมากลับเป็นเสียงเนิบๆที่แจ้งตอบว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่เรียกไป ยิ่งทำให้น้ำต้นหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก ทำไมล่ะ พี่นนท์จะคุยกับต้นไม่ใช่หรือ แล้วทำไมพี่ถึงไม่ยอมเปิดเครื่อง เกิดอะไรขึ้น เขายังพยายามต่อไปอีกหลายครั้ง ก็ยังคงไม่มีใครรับสายอยู่นั่นเอง

“โว้ย!!!” เขาแหกปากออกมาอย่างเหลืออด วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่างจริงๆ เขานั่งไม่ติดอยู่พักหนึ่ง จึงตัดสินใจกดโทรหาเออาร์คนสนิท

“พี่เมษครับ โทรหาพี่นนท์ได้มั้ยพี่” เสียงนั้นรอนรน

“พี่บอกนนท์ไปแล้วนะ นนท์ก็รับปากพี่เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะโทรหาต้น” เมษเงียบไปครู่หนึ่งจึงบอกว่า “แต่พี่บอกนนท์นะว่าวันนี้ต้นกลับเร็ว เขาไม่ได้ไปหาที่ห้องเหรอ”

“ไม่เห็นมี...” คนมาหาที่ห้องงั้นหรือ? หรือว่า... “ตายโหง...” น้ำต้นอุทานออกมาอย่างลืมตัวในแบบที่ไม่ได้เป็นบ่อยๆ ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย

“พี่เมษ ไม่เป็นไรพี่ ขอบคุณครับ แค่นี้ก่อนนะพี่” เขาวางสายทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบจากปลายสายแต่อย่างใด

วินาทีนั้นเอง น้ำต้นคว้าอะไรได้ก็หยิบติดมือไปก่อนที่จะผลุนผลันออกจากห้องไปทันที

_____________________________

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ LoveAholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
กรี๊ด..คนแรก

ถ้าอย่างนั้น ขอก่อนเลย

 :beat:  ยัยไหม ยัยตัวดี

เกลียดชะนี เอามันออกไป

น้ำต้นจ๋า.ไปตามพี่นนท์ให้ได้นะ

ส่งใจไปช่วยสุด ๆ เลย  :o12:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
ไหมมันร้ายมาก ต้องจัดการ

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
 :o12:

^


ชัดเจนเปลี่ยน!!!


อิเจ๊ไหม  :z6:

ออฟไลน์ panpan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ชะนีนางนี้ แรงไม่เลิกจริงๆ  :beat:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด