พิมพ์หน้านี้ - .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Namehoto ที่ 05-07-2009 19:00:50

หัวข้อ: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 05-07-2009 19:00:50
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


*****************

แนะนำเรื่อง

เรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งโดยเพื่อนสนิทของนาเมฮ์เองค่ะ เรียกว่า คุณนิ้วไขว้ (ตามนามปากกาของเจ้าตัว) ก็แล้วกันนะคะ

นิ้วไขว้ฝากมาให้ลงที่เล้าอีกที่นึง (นอกจากที่เจ้าตัวเอาไปโพสเองที่ถนนนักเขียน พันทิป)

ไม่อนุญาติให้นำไปลงที่อื่นนอกเหนือจากที่นี่ หากไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าของเรื่องนะคะ

ฝากไว้อีกเรื่องด้วยค่ะ

*โค้ง*


***************************************

เพลงรัก

บทที่ 1

“งั้น วันนี้ พี่ว่าเอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน” คนนั่งหัวโต๊ะว่าพร้อมวางปากกาในมือลงบนโต๊ะประชุมหน้าตาทันสมัยขนาดนั่งได้สิบคนแบบพอดีๆ

“ก็เกือบเป็นรูปเป็นร่างแล้วเหมือนกันนะ ต้น” หญิงสาวผมสั้นท่าทางคล่องแคล่วที่ดูไม่ออกว่าอายุมากหรือน้อยที่นั่งใกล้ๆกันว่าอย่างอารมณ์ดี

“ครับพี่” ต้น ของพี่ๆตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้ว่าเขาจะใช้เวลาเกือบตลอดช่วงบ่ายและช่วงเย็นของวันนี้หมดไปกับการประชุมที่ยาวนาน แต่เขายอมรับกับตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายแต่อย่างใด


ถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบสามปีแล้ว นับตั้งแต่วันที่น้ำต้นเดินเข้ามาในบริษัทเพลงยักษ์ใหญ่แห่งนี้ในฐานะนักเรียนฝึกหัด เขาเริ่มต้นชีวิตการเป็น “นักร้อง” นับตั้งแต่วันนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายถึงเพียงนี้ จากเด็กผู้ชายจากต่างจังหวัดธรรมดาคนหนึ่งที่รักการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ บวกกับพรสวรรค์ด้านดนตรีและน้ำเสียงที่อาจจะมีความโดดเด่นกว่าคนในวัยเดียวกันสักหน่อย เขาตัดสินใจจากบ้านเกิดมาไกลเพื่อเป้าหมายในชีวิตที่แน่วแน่ของเขาในการที่จะเป็นนักร้อง “ศิลปิน” เป็นคำที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับเขา เวลาที่มีใครเรียกเขาว่าศิลปิน เขาก็จะบอกอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัวว่า เขาเป็นแค่นักร้องคนหนึ่งที่ยังต้องฝึกฝนตัวเองอีกมากมายนัก และความสำเร็จที่เขาได้รับมาจากอัลบั้มชุดแรกในชีวิตก็ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น


ในบรรดานักร้องฝึกหัดรุ่นเดียวกันนั้น น้ำต้นเป็นคนที่มีพัฒนาการเร็วกว่าใครเพื่อน เขาอาจจะเป็นนักเรียนฝึกหัดที่อายุมากกว่าคนอื่น เพราะเด็กส่วนใหญ่มาสมัครตั้งแต่เพิ่งจะย่างเข้าวัยรุ่นเท่านั้น แต่ตอนนั้นน้ำต้นอายุสิบหกจะย่างเข้าสิบเจ็ดอยู่แล้ว แต่ด้วยความสามารถอันล้นเหลือที่มี น้ำต้นจึงได้รับการยอมรับนับถือจากน้องๆที่เรียนมาด้วยกันอย่างเป็นเอกฉันท์ ใครที่มีปัญหาเรื่องการร้องเพลง การเล่นดนตรี หรือแม้แต่การเต้น เป็นต้องมาหาพี่ต้นอยู่เสมอ เพราะรู้ว่าพี่คนนี้ดีใจหาย เรื่องน้ำใจ น้ำต้นพร้อมที่มีให้คนอื่นได้อย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น พอโดนแซว เขาก็ว่าอย่างติดตลกว่า “ต้นเป็นคนเหนือครับ หนุ่มเหนือก็ใจดีและจริงใจอย่างนี้แหละ”


ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี แววที่เคยมีก็ยิ่งโดดเด่นเข้าตาโปรดิวเซอร์หลายต่อหลายคนในบริษัท จนวันหนึ่ง พี่นอ หรือนรเศรษฐ์ หนึ่งในโปรดิวเซอร์ที่ได้ชื่อว่ามีฝีมืออยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทย ก็เรียกตัวน้ำต้นเข้าไปพบ พร้อมกับบอกข่าวดีแก่เด็กหนุ่มว่า หมดเวลาของการเป็นนักเรียนฝึกหัดแล้ว “พี่ว่าต้นควรจะได้แสดงความสามารถที่มีออกมาเสียที พี่ดูต้นอยู่นานแล้ว” ในวันนั้นเขาดีใจจนแทบจำไม่ได้แล้วว่าพี่นอบอกอะไรแก่เขาบ้าง นอกจาก คำสัญญาที่พี่นอขอให้เขาตั้งใจให้มากที่สุดกับการทำงานครั้งนี้ “พี่ไม่ได้ทำงานให้นักร้องใหม่มานานมาก เพราะพี่ไม่ถูกใจใครสักที ต้นคือคนที่พี่หมายมั่นปั้นมือนะ เพราะฉะนั้นพี่ก็จะคาดหวังจากต้นมากกว่าคนอื่น คิดว่าจะไหวมั้ย” เขาให้สัญญาทันทีแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย


น้ำต้นเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับทักทายทีมงานอย่างร่าเริงตามวิสัยของเขา ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า วันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน แม้เพิ่งจะผ่านการประชุมอันแสนยาวนานเมื่อไม่กี่นาทีมานี้ แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงความคล่องแคล่วสดใสเอาไว้ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก็เป็นเรื่องงานที่เขารัก ทำไมเขาจะต้องเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายกับมันด้วยเล่า ที่สำคัญการประชุมครั้งนี้ก็เป็นเรื่องของเขาล้วนๆ เขากำลังจะได้ทำอัลบั้มที่สองเร็วๆนี้แล้ว


“ชุดแรกประสบความสำเร็จถล่มทลายเลยล่ะต้น” พี่นอยืนยันในห้องประชุม “ชุดที่สองแทนที่จะต้องรอไปอีกห้าหกเดือนก็เลยต้องร่นเวลาให้เร็วขึ้นอีกหน่อย”

“มันจะไม่เร็วเกินไปใช่มั้ยครับพี่” น้ำต้นถามด้วยน้ำเสียงเจือกังวลเล็กน้อย

“พี่รู้ว่าต้นคิดอะไรนะ ต้นไม่ต้องห่วง ข้อแรกกว่างานจะออกมา ไทม์มิ่งมันน่าจะพอดี ไม่ติดกันจนเกินไป ข้อสองเราไม่เคยทำงานกันลวกๆ งานต้องพิถีพิถัน ยิ่งชุดนี้ชุดที่สอง ใครๆก็ชอบบอกว่าอาถรรพ์หมายเลขสอง เราก็ยิ่งอยากจะเปลี่ยนความเชื่ออันนั้นมากขึ้นไปอีก” เมษ หรือพี่เมษ เออาร์สาวผมสั้นท่าทางห้าวๆว่า “เชื่อมือพี่นอเถอะต้น”

“ต้นเชื่ออยู่แล้วครับพี่ ถ้าพี่ว่าดี ต้นก็ต้องว่าดีอยู่แล้ว” เขาว่าอย่างจริงใจ ถ้ากับคนอื่นเขาอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากเท่านี้ แต่ตลอดระยะเวลาที่ทำงานร่วมกันมา พี่นอกับพี่เมษ และทีมโปรดักชั่นทีมนี้ ได้พิสูจน์แล้วว่า ทุกคนได้ทุ่มเททำงานเพื่อเขามากเพียงใด


นี่เขากำลังจะมีผลงานอัลบั้มที่สองออกมาแล้วหรือนี่ เขาอดรำพึงกับตัวเองขึ้นมาไม่ได้จริงๆ จะว่าไป สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาตลอดระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมานี้ ไม่ต่างอะไรกับความฝันเลย นรเศรษฐ์เข้มงวดกับการทำงาน รายละเอียดทุกเม็ด โปรดิวเซอร์มือทองคนนี้ไม่เคยมองข้ามจุดเล็กๆอะไรไปเลยแม้แต่นิดเดียว ในตอนแรกน้ำต้น อดรู้สึกท้อแท้ไม่ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความฮึดที่มีอยู่เกินร้อยของเขา ทำให้เริ่มจับทางการทำงานของโปรดิวเซอร์หน้าตาดุดันแต่ใจดีคนนี้ได้ในที่สุด ผ่านไปไม่นานดูเหมือนจังหวะในการทำงานจะลงตัวไปหมด ไม่ว่านรเศรษฐ์จะให้เขาร้องเพลงซ่อมแล้วซ่อมอีก เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ลองแล้วลองอีก ไม่รู้ตั้งกี่ร้อยครั้ง เขาก็ไม่เคยบ่น ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองไป เมื่อความสนิทสนมเกิดขึ้นและทำงานได้เข้าขากันมากขึ้น น้ำต้นก็เริ่มกล้าที่จะเสนอความคิดเห็นลงในเนื้องานของตัวเองบ้าง ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง เขาก็กล้าที่จะพูดบอกความคิดของตัวเองออกไป นรเศรษฐ์ก็ดีใจหาย อะไรดีไม่เพียงแต่จะรับฟังเท่านั้นแต่นำไปใช้ในงานของเขาจริงๆ อะไรที่ยังไม่ดีก็แนะนำว่าไม่ดีอย่างไร ไม่เพียงแต่จะได้ทำผลงานของตัวเอง เขายังได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วย ระยะเวลาปีครึ่งที่ใครๆต่างก็ออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่า ยาวนานเกินไปสำหรับการทำผลงานสักชุดให้กับนักร้องหน้าใหม่ ดูจะไม่ใช่เรื่องที่น้ำต้นเป็นกังวลเลย เพราะเขาเชื่อเหลือเกินว่า อัลบั้มแรกที่ผ่านฝีมือของนรเศรษฐ์จะต้องออกมาดีแน่นอน


น้ำต้นรื้อหากุญแจรถและโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเป้คู่ใจเป็นระวิง วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนเสียหน่อยเถอะ แทบจะไม่ได้ดูดำดูดีบ้าน หรือจะเรียกให้ถูกคงต้องบอกว่าเป็นคอนโดของเขาที่แม่ซื้อเอาไว้ให้เมื่อครั้งที่รับรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้กำลังจะได้ออกอัลบั้มเป็นของตัวเองแล้วนั่นแหละ ตอนนั้นแม่คงไม่คิดหรอกว่าลูกชายคนนี้จะประสบความสำเร็จกับงานชุดแรกถึงขนาดนี้ แม่บอกว่า “แม่ดีใจกับต้นนะลูก แต่แม่ก็ไม่อยากให้ต้นดีใจเกินไป เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง” ต้นรู้ดีว่าแม่หมายถึงมันอาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ได้ ในช่วงเวลาที่วงการเพลงไทยซบเซาลงอย่างน่าใจหาย ไม่น่าแปลกใจเลยว่ามีนักร้องหน้าใหม่มากมายที่ออกผลงานชุดแรกออกมาเพียงชุดเดียวแล้วก็หายเงียบไปจะมีอยู่อย่างมากมายดาษดื่น แม่กลัวว่าลูกชายจะผิดหวังมากหากหวังสูงเกินไป
   

แต่ต้นกลับกลายเป็นนักร้องหน้าใหม่ที่สวนกระแสทุกคน อัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อว่า My Tone ของน้ำต้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ปล่อยซิงเกิ้ลแรกออกมาได้ไม่ทันไรเพลงของเขาก็ดังเป็นพลุแตก น้ำต้นกลายเป็นที่รู้จักภายในระยะเวลาอันรวดเร็วจนเขาเองแทบจะตั้งตัวไม่ทัน หมุนวิทยุไปคลื่นไหนเป็นต้องได้ยินเพลงของเขาเปิดวนอยู่อย่างนั้น ซิงเกิ้ลที่สอง และสามที่ออกตามมาก็ขึ้นไปติดอยู่อันดับหนึ่งบนชาร์ตตามความคาดหมาย ยอดขายอัลบั้มที่ใครๆก็บอกกับเขามาตั้งแต่แรกว่า อย่าหวังมากเกินไป เพราะนักร้องเดี๋ยวนี้รายได้หลักมาจากการขายโชว์มากกว่ายอดขาย กลับเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นทั้งยอดขายที่เป็นซีดีหรือยอดดาวน์โหลด ตั้งแต่นั้น งานก็วิ่งเขาหาเขามากมายจนตั้งตัวไม่ติด โชคยังดีที่มีเมษเข้ามาทำหน้าที่เป็นเออาร์หรือจะว่าตามจริงก็เหมือนผู้ดูแลและผู้ช่วยส่วนตัวของเขาเองนั่นแหละ เขาถึงได้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง โชคดีขึ้นไปอีกเมื่อพี่เมษเองก็ทั้งรักและเอ็นดูเขาเหลือเกิน แถมพี่เมษยังเป็นเออาร์ที่มีความรู้เรื่องดนตรีอีกต่างหาก เวลามีเรื่องหรือปัญหาอะไรไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ก็ได้ผู้หญิงทำงานเก่งคนนี้แหละที่คอยดูแลเป็นห่วงเขาอยู่ตลอดเวลา
   

แม้ชื่อเสียงจะทะลักเข้ามาจนแทบไม่ทันตั้งตัว แต่ก็เป็นคุณแม่นี่เองที่คอยเตือนสติเขาอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ให้หลงระเริงไปกับชื่อเสียงเงินทองเหล่านั้น “ทำตัวเหมือนเดิมนี่แหละลูก แม่เชื่อว่าที่ต้นมีวันนี้ได้ก็เพราะตัวของต้นเอง เราอย่าไปเปลี่ยนแปลงเพียงเพราะสิ่งนามธรรมชั่ววูบนะลูก เคยดีกับใครยังไง นอบน้อมกับใครยังไงก็ให้ทำอย่างนั้น อย่าให้ใครมาว่าเราได้” น้ำต้นยิ้มรับคำสอนของแม่ ในใจอยากจะบอกเหลือเกินว่า ลูกแม่ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังอยู่แล้ว แต่ที่แน่ๆ เขารู้ดีว่าคนที่ดีใจกับเขาที่สุดก็คือพ่อกับแม่นี่เอง พ่ออาจจะไม่ใช่คนพูดเก่ง แต่เขาก็รู้ว่าพ่อรักและเป็นห่วงเขามากกว่าใคร
   

“ต้นครับ จะกลับคอนโดเลยหรือเปล่า” เมษเดินเข้ามาถาม
   
“ครับพี่ พี่เมษมีอะไรให้รับใช้ครับ” น้ำต้นว่า
   
“โอ๊ย... ให้ต้นมารับใช้ แฟนๆเธอจะได้ตามมาหักคอพี่ปะไร” เมษว่าติดตลก “พี่จะเตือนเรื่องคิวถ่ายแฟชั่นของต้นหน่อย วันมะรืนบ่าย ถ่ายปก Men Fash! จำได้ไหม”
   
“พี่ไม่เตือน ต้นก็ลืมไปแล้วเนี่ย” น้ำต้นว่าพลางเปิดสมุดจดคิวของตัวเองขึ้นมาดูบ้าง “เออ จริงด้วย”
   
“แล้วก็อีกอันนึง พี่ปุ๊กผู้จัดละคร โทรมาถามว่าตกลงต้นสนใจอยากไปเล่นละครให้พี่เค้าแล้วรึยัง” เมษถามยิ้มๆเหมือนพอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
   
“แหม พี่เมษ...ถ้าเป็นเรื่องร้องเพลงนะ สู้ตายเลย แต่เรื่องนี้นี่...” น้ำต้นทำท่าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
   
“จะให้พี่บอกปัดไปก่อนมั้ย” เมษถามพลางพินิจดูใบหน้าคมๆและดวงตากลมโตที่ขมวดเข้าหากันอย่างเอ็นดู
   
“พี่ปุ๊กเค้าจะโกรธต้นมั้ยอ่ะครับ ถ้าต้นปฏิเสธไปก่อน” สีหน้าของเขาเห็นได้ชัดว่าลำบากใจยิ่ง
   
“ไม่หรอก ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของต้นเลย พี่เข้าใจนะ แล้วก็คิดว่าถ้าอธิบายให้พี่ปุ๊กฟังพี่เค้าต้องเข้าใจสิ อีกอย่าง พี่จะบอกพี่ปุ๊กไปด้วยว่าต้นกำลังเตรียมทำอัลบั้มใหม่ คิวอาจจะไม่ได้ เอางี้ดีไหมล่ะ”
   
น้ำต้นยกมือไหว้เออาร์สาวคนสนิทอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณครับพี่เมษ”
   
“งั้นเอาตามนี้ ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่สนิทกับพี่ปุ๊ก คุยกันได้ ป่ะ... จะลงไปแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวพี่ไปด้วย”
   
“วันนี้พี่เมษกลับเร็วเป็นประวัติการณ์ พายุเข้าแน่ๆ” น้ำต้นแซว
   
“เออน่า... เห็นอย่างนี้ชั้นก็คนมีครอบครัวนะเธอ กลับเร็วซักวันนายไม่ว่าหรอก เดี๋ยวจะได้ซื้อของเข้าบ้านด้วย เออ... ต้นเอาอะไรรึเปล่า เดี๋ยวพี่ซื้อเผื่อเลย ไปซื้อของลำบากนี่เรา”
   
“นิดหน่อยพี่ พอไหว ไม่เหลือบ่ากว่าแรงต้นก็ไปของต้นเองได้ แค่ต้องไปดึกหน่อยฮะ”
   

เมษตบบ่าน้ำต้นอย่างเข้าใจ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอจึงรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้นัก อาจจะเป็นเพราะเป็นคนบ้านเดียวกันหรือ แค่นี้ก็ไม่น่าจะทำให้รู้สึกถูกชะตากับน้ำต้นได้มากมายขนาดนี้ คงเป็นเพราะความเป็นเด็กซื่อๆ จริงใจ ตรงไปตรงมา บวกกับความสามารถอันล้นเหลือที่น้ำต้นมีมากกว่า ที่ทำให้เธออยากจะเห็นกับตาว่าเด็กคนนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน เธอหันไปมองเด็กหนุ่มที่เดินเคียงไปข้างๆ ไม่ใช่แค่ความสามารถหรอกนะที่น้ำต้นมี รูปสมบัติของหนุ่มคนนี้ยังไม่เบาเสียด้วย น้ำต้นอาจจะไม่ใช่หนุ่มวัยย่างเข้ายี่สิบที่หล่อจัด แต่เขาดูแลตัวเองค่อนข้างดี หน้าตาอยู่ห่างไกลจากคำว่าขี้ริ้วขี้เหร่ไปไกลโข ดวงตากลมโตหวานหยาดเยิ้ม คิ้วเข้มจมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่ม ยิ้มกว้างแต่ดูมีเสน่ห์ล้นเหลือ ผมที่ตัดสั้นตอนนี้ดูเหมือนจะยาวขึ้นแล้ว และคงต้องตัดออกบ้างเร็วๆนี้ ยิ่งช่วยทำให้ใบหน้านี้น่าดูมากขึ้นไปอีก เมษอมยิ้มเมื่อนึกถึงแฟนๆที่ตามไปให้กำลังใจน้ำต้นอย่างคลั่งไคล้ไม่ว่าเขาจะไปปรากฏตัวที่ไหนก็ตาม โถ เด็กหนอเด็ก จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองเสน่ห์แรงขนาดไหน
   

น้ำต้นหันกลับมามองหน้าเมษอย่างรู้ตัวว่าถูกแอบมอง ก่อนจะทำหน้าระแวงเต็มที่ “อะไรพี่”
   
เมษระเบิดเสียงหัวเราะออกมาตรงหน้าลิฟต์ที่ทั้งคู่ยืนรออยู่อย่างไม่รีบเร่งอะไรนัก “เปล๊า... ก็แค่รู้สึกว่า ต้นจะรู้ตัวไหมว่า ตัวเองเสน่ห์แรงขนาดสาวๆกรี๊ดกันทั้งบ้านทั้งเมืองขนาดนี้”
   
“โหยพี่... ทุกวันนี้ต้นก็วางตัวไม่ถูกนะ บางทีก็เขิน คนมากรี๊ดเยอะๆ”
   
“นั่นสิ ขี้อายแบบนี้ เมื่อไหร่จะมีแฟนซักทีล่ะเรา”
   
“โอ๊ย... ไม่มีพี่ ใครจะมาเอา” ต้นส่ายหน้าหงึก “อีกอย่าง เดี๋ยววิ่งไปงานทางโน้น เดี๋ยววิ่งไปงานทางนี้ ต้นจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลใครได้ ขืนไปมีใคร มีหวังโดนเค้าทิ้งแน่ๆ” คนฟังถึงกับหัวเราะชอบใจออกมาเมื่อได้ยิน
   
“เออ พูดไปเถอะ เดี๋ยวมีขึ้นมา ขี้คร้านจะไม่พ้นมือพี่เมษคนนี้”
   
“มีเมื่อไหร่นะ พี่เมษรู้คนแรกแน่นอน ต้นไม่ปิดบังพี่เมษอยู่แล้ว” เด็กน้อยเอ๋ย เมษรำพึงขึ้นในใจอย่างเอ็นดู ก็เพราะซื่ออย่างนี้นี่เล่า พี่ถึงได้เป็นห่วง
   
“ไป ลิฟต์มาแล้ว” เมษรุนหลังน้ำต้นเข้าไปในลิฟต์ที่ว่างเปล่า
   

จะสามทุ่มแล้ว ปริมาณรถบนถนนคงจะเบาบางลงบ้างแล้ว มาอยู่ในเมืองหลวงหลายปีก็จริง น้ำต้นอดทนได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวก็คือเรื่องรถติดนี่ล่ะ กว่าจะถึงคอนโดก็คงจะปาเข้าไปสี่ทุ่มโน่นล่ะมั้งวันนี้ ครั้นจะมาทำงานด้วยรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านหน้าคอนโด สะดวกสบายเสียยิ่งกว่าอะไร แต่ด้วยเพราะชื่อเสียงและหน้าตานี่ไงเล่า ทำให้เกิดความแตกตื่นทุกครั้งไม่ว่าเขาจะไปปรากฏตัวที่ไหน แทนที่จะสบายกลายเป็นลำบากแถมยังจะไปสร้างความวุ่นวายให้คนอื่นอีก ก็เลยตัดปัญหาด้วยการขับรถไปไหนมาไหนเสียเองนี่แหละ
   

“ต้น พี่อยากจะบอกอะไรต้นหน่อยนะ” เมษว่า

“ครับพี่”
   
“เรื่องละครน่ะ พี่อยากให้ต้นลองไปคิดดูเหมือนกันนะ อาจจะไม่ใช่ครั้งนี้ก็ได้ แต่คราวต่อไป พี่อยากให้ต้นลองอ่านบทดู แล้วต้นลองถามตัวเองอีกทีว่าพร้อมไหม อยากเล่นไหม พี่ว่ามันเป็นโอกาสที่ดีนะ”
   
“แต่ต้นไม่มั่นใจว่าต้นจะทำได้เลยนะพี่”
   
“พี่รู้ แต่พี่ว่าของบางอย่างไม่ลองไม่รู้ อีกอย่าง มันไม่ได้หมายความว่าต้นจะทิ้งการร้องเพลงไปเลยนี่ แค่เป็นการลองอะไรใหม่ๆดู แต่สุดท้ายมันก็แล้วแต่ต้นเลยนะ พี่แค่อยากให้เก็บไปคิดดูน่ะ”
   
“ครับพี่เมษ ถึงตอนนั้นต้นก็คงหนีไม่พ้นขอคำปรึกษาจากพี่เมษนี่แหละ” น้ำต้นสบายใจเวลาคุยเรื่องงานกับเมษ เพราะเขารู้ว่าเมษไม่เคยบังคับ หรือกดดันอะไรเขา คำแนะนำของเมษจะเต็มไปด้วยเหตุผลที่น่าฟังเสมอ และที่สำคัญ เขารู้ดีว่าหากเมษออกปาก นั่นต้องเกิดจากการไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีแล้วและย่อมเป็นสิ่งที่เห็นว่าดีที่สุดสำหรับเขา
   

ลิฟต์หยุดอยู่ที่ชั้นยี่สิบ ประตูลิฟต์เปิดออก ก่อนที่จะมีคนอีกห้าหกคนเดินเข้ามา เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงอีกครั้ง เขาจึงสังเกตเห็นใครคนหนึ่งที่เริ่มรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอีกแล้ว น้ำต้นจำได้ว่าพักนี้เขามักจะได้เห็นเสี้ยวหน้านี้อยู่บ่อยๆ ในลิฟต์บ้าง ตรงทางเดินของชั้นยี่สิบ บ้าง นานๆก็จะได้เห็นบนชั้นสามสิบ ที่เขาขึ้นไปทำงานเป็นประจำสักที ทำไมรู้สึกคุ้นตาคนคนนี้นักก็ไม่รู้ ทั้งที่ดูออกจะธรรมดาแท้ๆ ถ้ายืนเทียบกับกัน เขาตัวเล็กกว่าน้ำต้น สูงน่าจะไม่เกิน 170 ผมสั้นระต้นคอ ที่โดดเด่นคงจะเป็นแว่นตากรอบดำที่ทำให้ดูเป็นเด็กเรียนอันนั้นนั่นแหละ แต่ก็ไม่น่าจะใช่เด็กนะ เพราะบุคลิกดูเป็นผู้ใหญ่ทีเดียว ท่าทางก็เรียบร้อยดีจริงๆ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เคยได้รู้สักทีว่าคนคุ้นหน้าคนนี้เป็นใครที่ไหน และทำอะไรอยู่ที่นี่


ยังไม่ทันไร ลิฟต์ก็พาเขามาลงที่ชั้นล่างสุด ของอาคารสูงสามสิบห้าชั้นแห่งนี้แล้ว ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็ปรากฏว่ามีกลุ่มแฟนเพลงของเขาที่มารออยู่ชั้นล่างอย่างเหนียวแน่นเดินเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูปและขอลายเซ็น น้ำต้นไม่เคยอิดออด ไม่เคยแสดงอาการเบื่อหน่ายต่อคนเหล่านี้ แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน เพราะเขารู้ดีกว่า เขาคงมาไม่ได้ไกลถึงเพียงนี้หากไม่มีคนที่ชื่นชมในตัวเขา เมษยืนดูอยู่ห่างๆ ถ้าไม่ใช่ลักษณะกลุ้มรุมเสียจนไร้ระเบียบ เธอจะไม่เข้าไปขัดขวางแต่อย่างใด เพียงแต่จะดูความเรียบร้อยให้แน่ใจว่าทุกอย่างควบคุมได้และไม่วุ่นวายเท่านั้น
กว่าจะปลีกตัวไปขึ้นรถได้ ก็สามทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว น้ำต้นหัวเราะเบาๆกับตัวเอง วันไหนคิดว่าจะกลับถึงบ้านเร็วๆ เป็นต้องมีอะไรมาทำให้ดึกทุกที แต่ก็ชินเสียแล้ว เขายกมือไหว้ลาเมษที่จอดรถอยู่ไม่ไกลกัน เปิดประตูขึ้นรถอย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกหงุดหงิดสักนิดที่จะกลับถึงบ้านดึกกว่าที่ตั้งใจนิดหน่อย ข้าวของพะรุงพะรังที่ส่วนใหญ่เป็นของขวัญและของกินจากแฟนเพลงที่เพิ่งได้รับมาสดๆร้อนๆถูกวางเอาไว้อย่างดีตรงเบาะหลังของรถญี่ปุ่นสีดำพาหนะคู่ใจที่พาเขาไปไหนต่อไหนได้อย่างคล่องตัวมาตลอดทั้งปี


“แม่ นี่ต้นนะ” เขาทักที่ปลายสายอย่างร่าเริงผ่านสมอลล์ทอล์ก ก่อนที่จะสตาร์ทรถเก๋งสีดำและออกจากลานจอดรถฝ่าการจราจรที่เริ่มจะบางตาลงแล้วออกไป

 

*****************

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ  

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: PORTRAIT ที่ 05-07-2009 19:10:25
วู้วเข้ามาโฉบนิยายที่ลงโดยพี่นาเมฮ์
เป็นกามลังใจให้พี่นิ้วไขว้คนแต่งด้วย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 05-07-2009 19:19:40
จิ้มเรื่องใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 05-07-2009 19:48:39
อ่านตอนแรกก็หลงรักแล้ว   :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 05-07-2009 19:55:00
ตามมาจิ้มเรื่องใหม่ค่ะ
เห็นชื่อคนโพสต์ก็รีบเปิดเข้ามาดูเลย
ตอนแรกก็น่าติดตามแล้วค่ะ
มารอตอนต่อไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้ทั้งคนแต่งคนโพสต์เลยค่ะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรั&#
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 05-07-2009 20:15:59
หุหุ น้ำต้นชื่อแปลกดีคะ อายุยังน้อยแต่ดังมากๆแล้วก็นิสัยดีจัง
ท่าทางจะรุ่งกว่าการเป็นนักร้องแหะ นักแสดงก็มาจ่อล่ะ อิอิ

 :mc4: ต้อนรับเรื่องใหม่คะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: lomekung ที่ 05-07-2009 20:46:58



ขอจิ้มเรื่องใหม่อะคับบบบบ :z13:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: van ที่ 05-07-2009 21:01:23
อ่านสนุกค่ะ  เนื้อเรื่องชวนติดตามจะรอตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณคุณนิ้วไขว้ผู้แต่งและคุณนาเมฮ์คนโพสนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 05-07-2009 21:32:19
เข้ามาเจิมนิยายใหม่  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 06-07-2009 10:47:05
จิ้มๆ น่าอ่าน  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 06-07-2009 10:58:34
ตามมาเจิม ฟิคใหม่อีกคน 

 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 06-07-2009 12:29:19
เจิมด้วย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 06-07-2009 23:37:08
มาต่อแล้วค่ะ

***************

เพลงรัก

บทที่ 2

“หวัดดีคร้าบ” น้ำต้นยกมือไหว้ทีมงานทุกคนอย่างร่าเริงเช่นเคย
   
“น้องต้นมาแต่เช้าเชียว วันนี้มีอะไรหรือครับ” เสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามไถ่เขาอย่างเป็นกันเอง เหมือนกับที่ต้นบอกใครต่อใครว่า ชั้นสามสิบเหมือนบ้านแห่งที่สองของเขา “ประชุมครับพี่”
   
เมื่อวานเมษโทรถามไถ่เขาเรื่องการถ่ายปกกับนิตยสารแฟชั่นผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นนิตยสารที่มาแรงที่สุดในขณะนี้
   
“สบายมากพี่เมษ ถ่ายนานหลายชั่วโมงเหมือนกัน แต่เสื้อผ้าสวยมาก แล้วก็พี่ทีมงานทุกคนน่ารักหมดเลยครับ” ต้นส่งเสียงไปยังปลายสาย เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องห่วง เมษไม่ห่วงอยู่แล้ว เพราะนิตยสาร Men Fash! แอบกระซิบอย่างไม่ปิดบังว่า เป็นแฟนเพลงของน้ำต้นกันทั้งทีม จึงไม่น่าแปลกใจที่น้ำต้นจะถูกเจาะจงตัวให้เป็นปกของนิตยสารที่ว่าสำหรับฉบับเดือนหน้าไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
   
“พี่รู้หรอกน่า น้องพี่ไม่ทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว ทางโน้นเค้าก็ชมเราใหญ่เลยว่าต้นทำงานด้วยง่ายมาก วันหลังอาจจะขอตัวไปถ่ายอีก เออ... เกือบลืม พี่นอให้พี่โทรมาเตือนว่าพรุ่งนี้อยากให้ต้นมาเข้าประชุมด้วยแต่เช้า ซักสิบโมง ไหวมั้ย พี่เช็กดูแล้วพรุ่งนี้ต้นไม่ติดอะไร”
   
“ไหวสิพี่ พอจะรู้มั้ยครับว่าประชุมเรื่องอะไร”
   
“เห็นพี่นอบอกว่า อยากจะแนะนำให้รู้จักกับทีมงานสักหน่อย หนนี้เรามีการเปลี่ยนแปลงอะไรนิดหน่อย แล้วก็ได้คนใหม่ๆมาช่วยงานด้วย พี่นออยากให้ทำความรู้จักกันไว้น่ะ”
   

ทำความรู้จักงั้นหรือ จู่ๆภาพของชายหนุ่มที่เขามักจะเจอในลิฟต์แว่บเข้ามา ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกถูกชะตากับคนคนนั้นเหลือเกิน อะไรบางอย่างติดอยู่ในหัว สลัดอย่างไรก็ไม่หลุดเสียที
   
“พี่เมษครับ ต้นถามอะไรหน่อยนะพี่”
   
“ว่ามา” เมษเองก็ชักสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาแล้ว จากน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังของเด็กหนุ่ม
   
“พี่รู้จัก เอ... จะว่าไงดี ผู้ชายยังไม่แก่นะ ตัวเล็กๆ หน้าเด็กๆ... ในตึกเราอ่ะครับพี่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร ที่ไหน ชื่ออะไร”
   
เมษถึงกับเอามือกุมศีรษะที่ปลายสาย “ต้นครับ... แล้วพี่จะรู้มั้ยเนี่ย คนในตึกเรามีเป็นร้อยเป็นพัน!” พลางหัวเราะ
   
“เอ่อ...” น้ำต้นหัวเราะเก้อๆ “นั่นสิพี่ งั้นไม่เป็นไรครับ”
   
“ทำไม มีอะไรหรือเปล่า”
   
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรครับ ต้นแค่สงสัยเฉยๆ เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้เช้านะพี่” ว่าแล้วน้ำต้นก็วางสายทันที ทำเอาปลายสายงงว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำต้นจึงได้เสียอาการถึงเพียงนี้
   

น้ำต้นเสียอาการจริงอย่างที่เมษคิด เขาไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกที่ติดอกติดใจนี่เท่าไหร่ แค่ตลกตัวเองนิดหน่อยที่กล้าถามอะไรเพี้ยนๆออกไปแบบนั้น พี่เมษจะไปรู้ได้ยังไงกันเล่า เขาเกาศีรษะตัวเองอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรนัก แต่ก็เลือกที่จะหยุดคิดมันไปเสียดีกว่า ตอนนี้ขอคิดถึงเรื่องงานเพียงอย่างเดียว น้ำต้นยกให้งานเป็นอันดับหนึ่งก่อนอย่างอื่นเสมอ จนเพื่อนฝูงที่มีอยู่ในกรุงเทพฯไม่กี่คนบ่นกระปอดกระแปด “ต้นน่ะ พอเป็นเรื่องงานทีไร ทิ้งเพื่อนทุกที” จนน้ำต้นอดหัวเราะไม่ได้ เขารู้ดีว่าเพื่อนๆของเขาเองก็ให้การสนับสนุนเขาเต็มที่ และยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนๆไม่เคยปฏิบัติตัวกับเขาต่างไปจากเดิม เขาเองก็ไม่ได้ทำตัวต่างไปจากเดิมแม้จะมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น นอกจากเวลาที่มีให้กันอาจจะลดน้อยลงเท่านั้นเอง
   

เมื่อคืนเมื่อพอจะมีเวลาว่างบ้าง น้ำต้นจึงพาตัวเองไปฟิตเนสที่อยู่ใกล้ๆกับคอนโดของเขานั่นเอง ก่อนที่จะกลับมาหลับเป็นตาย และตื่นมาประชุมได้ตรงเวลาพอดี
   

เมื่อเดินเข้าห้องประชุมที่วันนี้ดูหนาตากว่าเมื่อวันก่อนเพราะเก้าอี้ทุกตัวถูกครอบครองเอาไว้หมด ยกเว้นที่ว่างที่เป็นของเขาเพียงตัวเดียว น้ำต้นก็ยกมือไหว้กราด ทำเอาทุกคนในห้องรับไหว้แทบไม่ทันพร้อมกับหัวเราะไปที่เด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู
   
“สวัสดีคร้าบบบบ”
   
“ต้นมาตรงเวลามากเลย มานั่งก่อนมา... ไม่ต้องห่วง พวกพี่ยังไม่ได้เริ่มหรอก แค่พุดคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” พี่นอว่าอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะดึงเก้าอี้ข้างๆตัวให้น้ำต้นนั่ง
   

ตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่คุ้นหน้าเหลือเกินนั่งอยู่ด้วย “เฮ้ย... “ เขาอุทานกับตัวเองเบาๆ แต่ก็เบาพอที่ทุกคนจะหันหน้าไปมองเขาอย่างสนใจ
   
“มีอะไรต้น” พี่นอถามอย่างสงสัย
   
“ง่า... เปล่าครับพี่ นึกว่าลืมของ” ปากว่า แต่สายตากลับไปจับจ้องอยู่ที่วงหน้าของตัวต้นเหตุของท่าทาง ‘เสียอาการ’ นั้น
   
“งั้นมาเริ่มแนะนำตัวกันก่อนมั้ย” พี่นอว่า “ทุกคนรู้จักน้ำต้นแล้วนะครับ ชื่อเล่นเต็มๆของน้องคือน้ำต้นครับ แต่ทุกคนเรียกต้นจนติดปากกันหมดแล้ว ไช่ไหมเรา” นอหันไปถามเจ้าตัว
   
“เรียกต้นหรือน้ำต้นก็ได้ครับพี่”
   
“ส่วนคนนี้ พี่มิ่ง ทำหน้าที่เป็นมิวสิกแล้วก็ลีริกไดเร็กเตอร์อัลบั้มชุดใหม่ของเรา เรื่องดนตรีกับเนื้อเพลงพี่มิ่งจะคอยดูแลให้เกือบทั้งหมด ส่วนนั่น โจ เป็นซาวนด์เอ็นจิเนียร์ คนนี้เรื่องซาวนด์หายห่วง พี่เชื่อมือมาก ส่วนถัดไปเป็นสไตลิสต์ซึ่งต้นคุ้นเคยดีอยู่แล้ว ทุกคนนั่นเชนครับ” นอแนะนำอย่างไม่ติดขัด “แล้วก็เพชร คนนี้รู้จักคุ้นเคยกันดี พีอาร์สาวสวยของเรา นักร้องจะเกิดไม่เกิดอยู่ที่พี่เพชรคนเดียว”
   
“แหม พี่นอ... ชมเกินจริงค่ะพี่” เพชรว่าอย่างติดตลก
   
“แล้วก็เมษ เมษเป็นเออาร์ของต้นครับ ถ้าจะเช็กคิวงานหรืออะไรก็ให้เช็กกับเมษได้เลย”
   
“แล้ว พี่อีกคนล่ะครับ” น้ำต้นถามอย่างกระตือรือร้น จนฝ่ายที่ถูกพาดพิงถึงอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้
   
“แหมใจร้อนจริงน้องเรา คนนี้ชื่อนนท์ เป็นผู้ช่วยพี่มิ่งนะ ในเนี้ย นนท์น่าจะอายุใกล้เคียงกับต้นที่สุด น่าจะคุยกันเข้าใจง่ายกว่าแก่ๆอย่างพวกเรา หรือว่าไง” นอถามอย่างติดตลก เรียกเสียงหัวเราะและเสียงประท้วงจากเชนสไตลิสต์หนุ่มที่น่าจะเรียกว่าสาวมากกกว่า “พี่นอ... เป็นอะไรคะ ชอบย้ำเรื่องอายุ” เชนบ่นกระปอดกระแปด
   
“แหม กับน้องเชนนี่ต้องขอยกให้คนนึง” นรเศรษฐ์แหย่กลับทันควัน ทำเอาเชนค้อนแทบไม่ทัน เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างสนุกสนาน
   
“นนท์ ไม่พูดอะไรหน่อยหรือเรา” มิ่งพะยักเพยิด
   

นนท์อมยิ้มก่อนจะว่าด้วยเสียงทุ้มต่ำไม่สมตัวสักเท่าไร “สวัสดีทุกคนครับ ยังไงฝากตัวด้วยนะครับ ผมมือใหม่กว่าใคร ประสบการณ์ก็น้อย ยังไงอาจจะต้องรบกวนทุกคนมากหน่อย”
   
“โอ๊ย... น้องนนท์ถ่อมตัว” เพชร พีอาร์สาวเปรี้ยวถึงกับออกปาก “พี่เห็นใครๆก็ชมว่านนท์เก่งออก”
   
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพี่ ได้พี่มิ่งคอยช่วยตลอด จะเรียกว่าเก่งคงไม่ได้อ่ะครับ”
   
“พี่มิ่ง ว่าไง น้องให้เครดิตขนาดนี้แล้ว” นอหันไปถามมิ่งที่ดูจะอาวุโสที่สุดในห้อง
   
“คนนี้เก่งจริง ไม่งั้นพี่ไม่ผูกขาดขนาดนี้หรอก นนท์เขาเก่งเรื่องเปียโนครับ แล้วก็มีเซนส์ในการแต่งเพลงดี ทางถนัดเขาเป็นอาร์แอนด์บี พี่ก็เลยดึงตัวมาช่วยงานนี้ด้วย เพราะคุยกับนอแล้ว นอบอกว่าไม่อยากให้งานใหม่ของต้นมีแต่ซาวนด์ป๊อปอย่างเดียว อยากจะให้ดนตรีเติบโตขึ้นตามตัวนักร้องด้วย” มิ่งว่าอย่างเป็นการเป็นงาน “แล้วนี่เขาแต่งเพลงให้หลายคน ที่ดังๆติดชาร์ตหลายเพลงก็เป็นผลงานของนนท์เขา”
   
นนท์ฟังพี่มิ่งของน้องบรรยายสรรพคุณตัวเองแล้วได้แต่ยิ้มเขินๆ พร้อมกับบอกว่า “แต่ผมยังแต่งเพลงมาไม่กี่เพลงครับ ยังอีกนานกว่าจะเก่งได้อย่างพี่มิ่ง”
   
“น้องนนท์เรียบร้อยดีจัง อายุเท่าไหร่แล้วคะ” เมษถามอย่างใคร่รู้

“ย่างยี่สิบห้าแล้วครับ”
   
“อะไร หน้ายังเด็กอยู่เลย ต้นยังดูเหมือนคนย่างยี่สิบห้ากว่าอีก” น้ำต้นว่าอย่างเปิดเผย นนท์ทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มไม่ปิดบัง ส่วนคนอื่นๆหัวเราะให้กับความใสซื่อกับเจ้านักร้องตัวดี ที่ไม่เหลือมาดนักร้องสุดเท่เอาเสียเลยเวลาที่ได้มานั่งพูดคุยอย่างเป็นกันเองแบบนี้
   
“เอาล่ะ ไหนๆพี่ก็เกริ่นมาบ้างแล้ว พี่ยังไม่ได้ถามต้นเลยว่า โอเคไหม ถ้าพวกพี่เห็นว่าอยากเพิ่มความเป็นอาร์แอนด์บีให้กับงานชุดใหม่ของต้น ชุดที่แล้วมันป๊อปมากซึ่งก็เหมาะกับศิลปินหน้าใหม่และงานชุดแรก เพราะมันติดหูง่ายที่สุด ตัวต้นเองก็มาสายป๊อปด้วย ตามพี่ทันใช่ไหม” นรเศรษฐ์หันไปถามน้ำต้น
   
“ที่ว่าเพิ่มนี่ เพิ่มมากน้อยอะไรยังไงเท่าไหร่หรือครับพี่” น้ำต้นพยักหน้า พร้อมกับถามอย่างสนใจใครรู้ขึ้นมาบ้าง
   
“ครึ่งต่อครึ่งเลย หนนี้พวกพี่มองว่าอยากจะให้เพิ่มเพลงช้าลงไปมากหน่อย เพราะเสียดายเสียงเรา ชุดที่แล้วเพลงเร็วเยอะเน้นสนุกสนานเป็นหลัก แต่ไม่ค่อยได้โชว์พลังเสียงเท่าไหร่” มิ่งเสริม
   
“แต่พี่อยากจะให้ต้นได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วยว่า จะเอาด้วยไหม หรืออยากจะลดจะเพิ่มอะไรบ้าง ก็บอกพวกพี่ได้” นอว่าอย่างเปิดใจ ตามปกติแล้ว น้อยถึงน้อยมากที่ตัวนักร้องจะมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นในผลงานของตัวเอง ยิ่งเป็นงานชุดแรกๆด้วยแล้ว ยิ่งเป็นไปได้ยาก นักร้องส่วนใหญ่ที่ออกมาบอกว่า ได้มีส่วนร่วมตรงนั้นตรงนี้ เอาเข้าจริงถ้านับเป็นสัดส่วนแล้ว แทบจะไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ หากไม่ใช่วงดนตรีที่ทำเพลงกันเองมาก่อนแล้ว โอกาสที่จะได้มีส่วนร่วมจริงๆนั้นถือว่าน้อยเหลือเกิน
   

แต่สำหรับนรศรษฐ์แล้ว ไม่เพียงแต่จะได้ชื่อว่าเป็นโปรดิวเซอร์มือทอง แต่ในเรื่องของน้ำจิตน้ำใจอันเปิดเผยของเขาก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน นรเศรษฐ์มีวิธีที่จะดึงเอาศักยภาพในตัวของนักร้องที่เขาโปรดิวซ์ออกมาได้ชนิดคาดไม่ถึง เอาเป็นว่าลงเขาได้เลือกแล้วว่าจะทำงานให้ใคร ผลงานชุดนั้นต้องมีอะไรที่มากกว่าอัลบั้มหนึ่งชุดที่มีเพลงครบสิบหรือสิบสองเพลงอย่างแน่นอน ยิ่งกับน้ำต้น นรเศรษฐ์รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นและความกระตือรือร้นของตัวเองที่ขาดหายไปนานแล้วทุกครั้งที่ได้ทำงานกับเด็กหนุ่มคนนี้ เขามั่นใจเหลือเกินว่าจะได้เห็นพัฒนาการที่จะเกิดขึ้นกับน้ำต้นในแบบที่เขาจะไม่ได้เห็นจากใครบ่อยนัก
   

นักร้องหนุ่มที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในห้องประชุมในตอนนี้ คลี่ยิ้มออกมาในที่สุด ดวงตากลมโตเป็นประกาย เขายกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างขัดเขินก่อนที่จะบอกออกไปในที่สุด “ต้นดีใจเลยล่ะครับพี่” เท่านั้นเอง ทุกคนจึงยิ้มออกมาได้อีกครั้ง
   

“ต้นเองก็คิดอยู่ครับว่า อัลบั้มที่สอง ถ้ายังเป็นป๊อปใสๆอย่างเดียวแบบนี้ คงเหมือนย่ำอยู่กับที่ แต่ยังไม่มีโอกาสได้บอกพี่นอซักที ใจต้นอยากลองร้องแบบอาร์แอนด์บีดูบ้างมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ พอพวกพี่ๆชี้โพรงให้อย่างนี้ ต้นไม่มีปัญหาเลยครับพี่”
   
เมษที่ยิ้มกว้างกว่าใครเพื่อนจึงหันไปทางนรเศรษฐ์บ้าง “เห็นมั้ย พี่นอ เมษบอกพี่แล้วว่าต้นต้องชอบ ถ้าซื้อหวยถูกไปแล้วพี่” ว่าแล้วเมษก็ชูมือขึ้นอย่างมีชัย
   
“เออ ไอ้เมษ เอ็งแน่มาก... สมแล้วที่คอยดูแลกันมา” นรเศรษฐ์ว่าอย่างเห็นด้วย
   
“ดีมาก ก็ถือว่าเราก็คงจะเริ่มงานกันได้เสียทีนะ เจ้าตัวเขาโอเคแล้วนี่” ว่าแล้วมิ่งก็หันไปทางชายหนุ่มที่นั่งฟังเงียบๆอยู่ข้างๆ ทันที “งั้นงานนี้พี่บอกนนท์ได้เลยว่า คงต้องเหนื่อยหน่อยแล้ว”
   
“อ้าว ยังไงครับ” นนท์ถามกลับอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก น้ำต้นที่สังเกตอยู่นานแล้ว รู้สึกแปลกใจกับสีหน้าของสมาชิกใหม่เล็กน้อย ปกติเขามักจะเห็นแต่หน้านิ่งๆเป็นส่วนใหญ่เวลาที่เดินสวนกันไปมา เมื่อได้เห็นสีหน้าแปลกใจของนนท์เวลาทำตาโต และเลิกคิ้วขึ้นแบบนี้ จึงรู้สึกแปลกตาไม่น้อย ดูท่าเขาจะเพลิดเพลินกับการสังเกตสังกาเพื่อนร่วมงานคนใหม่คนนี้มากอย่างชนิดที่ตัวเองยังคาดไม่ถึง
   
“ก็นนท์ถนัดทางนี้พอดีไง ที่ผ่านมานนท์ยังไม่ได้เข้าไปลุยแบบเต็มตัวกับงานของใครเลย พี่ก็มีคิดอยากให้ต้นได้ทำงานเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ไปเลยเพื่อที่จะเป็นเครดิตที่ดีของเราต่อไปได้ด้วย วันนี้เหตุผลนึงที่พี่พานนท์มาด้วยก็เพราะเรื่องนี้แหละ ถ้าต้นรับปากจะทำ พี่ก็จะได้ยกหน้าที่หลักในการทำดนตรีกับเนื้อร้อง รวมไปถึงแนะนำการร้องให้กับนนท์เลย แต่พี่จะคอยดูให้ด้วยไง”
   

สีหน้าของนนท์ยิ่งประหลาดใจหนักขึ้นไปอีกเหมือนกับตัวเขาเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ชั่วอึดใจนั้น นนท์ยกมือไหว้มิ่งอย่างซึ้งน้ำใจที่สุด “ขอบคุณครับพี่มิ่ง ที่ให้โอกาสผม แต่พี่มิ่งแน่ใจเหรอครับ ผมไม่เคยจับงานใหญ่แบบนี้มาก่อนเลย” ตอนนี้สีหน้าของเจ้าตัวชักเริ่มแฝงความกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว
   
“พี่เชื่อมือนนท์นะ เอางี้... ต้น เจ้าของผลงาน ว่าไง? เราจะโอเคไหมถ้ามีนนท์มาคอยดูให้แทนพี่ แต่ก็อย่างที่บอก พี่เองก็จะดูแลภาพรวมให้อยู่เหมือนเดิม ไม่ได้หนีหายไปไหน”
   
น้ำต้นยิ้มน้อยๆ ก่อนจะว่า “ถ้าพี่มิ่งว่าดี ต้นก็เชื่อครับ อีกอย่างผลงานที่พี่นนท์เคยทำมา ต้นก็ชอบอยู่หลายเพลง เพราะงั้นต้นไม่มีปัญหาครับ ถ้าพี่นนท์โอเค ต้นก็โอเค”
   
“งั้นเคาะ!” มิ่งหยิบปากกาเคาะลงไปบนโต๊ะเบาๆลักษณะคล้ายปิดการประมูลอะไรซักอย่าง เรียกเสียงฮาครืนจากผู้เข้าร่วมประชุมได้อย่างถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่นนท์ที่เมื่อครู่เพิ่งขมวดคิ้วเป็นกังวลกับหน้าที่ใหญ่ที่เพิ่งได้รับมอบหมายแบบไม่ทันรู้ตัว เมื่อหันไปทางน้ำต้น นนท์ ก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มกว้างให้อย่างไม่ปิดบังพร้อมกับพยักหน้า ราวกับจะขอบคุณที่ยอมรับและให้โอกาสเขา สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือรอยยิ้มกว้างที่ใสซื่อและจริงใจอย่างยิ่ง
   
“มีอย่างนึงที่อยากจะบอกทุกคนเอาไว้นะครับ” นอประกาศ “พี่ไม่รู้นะว่าโปรดิวเซอร์ของทีมทำงานทีมอื่นเป็นยังไงกันบ้าง แต่กับพี่รวมถึงพี่มิ่ง เราเปิดกว้างสำหรับความคิดเห็นของทุกคน และพี่อยากจะให้ทุกคนแชร์ความคิดของตัวเองออกมาอย่างเปิดเผยที่สุด คิดอะไร รู้สึกยังไง ให้พูดกันมาได้เลยตรงๆ พี่ชอบการทำงานที่ทุกคนมีโอกาสได้รับรู้ทุกเรื่องเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวเพลง ภาพของน้อง ขั้นตอนการทำงานทุกอย่าง อย่าคิดว่าเราดูตรงนี้ก็รู้แค่นี้ก็พอ ของคนอื่นไม่ยุ่ง แบบนั้นไม่ได้ นั่นไม่ใช่การทำงานในแบบของพี่” เขาว่าด้วยสีหน้าจริงจัง ในแบบที่คนภายนอกมาเห็นทีไร เป็นต้องรู้สึก แหยง ทุกทีไป
   
“อย่างถ้าเมษมีไอเดียเรื่องของดนตรี เมษก็เอามาแชร์ได้ หรือถ้านนท์เห็นว่าการแต่งตัวสไตล์ไหนจะเหมาะกับต้น นนท์ก็พูดได้ หรือถ้าเชนมีช่องทางการพีอาร์เพิ่มเติมก็บอกได้เช่นกัน พี่บอกได้เลยว่าจะไม่มีการก้าวก่ายเรื่องหน้าที่รับผิดชอบกันแน่นอน อันนี้ไม่ต้องห่วง พี่เพียงแต่อยากให้ทุกคนเปิดกว้างเอาไว้ แต่ที่สุดแล้ว ทุกคนต้องรู้ว่างานในแต่ละส่วนมีความก้าวหน้ายังไงแค่ไหนแล้วบ้าง ทุกคนโอเคไหม”
   
ทุกคนต่างพยักหน้ารับรู้โดยทั่วกัน
   
“ดีมากครับ และขอบคุณที่ทุกคนเปิดใจรับ ที่สำคัญใครมีปัญหา ติดใจอะไร มาคุยกับพี่ได้เลยโดยตรง พี่ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายเป็นทางการ มือถือพี่เปิดตลอด โทรหาพี่ได้”
   
“แล้วภรรยาไม่ว่าไรเหรอพี่ ถ้าโทรไปตอนพี่อยู่กับครอบครัวอ่ะ” เสียงหนึ่งแซวขึ้นมาบ้าง
   
“เฮ่ย เคลียร์กันด้ายยย” ว่าแล้ว เขาก็ทำท่าล่อกแล่กหันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวังเต็มที่ เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครา
   

การประชุมดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ ส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีการลงรายละเอียดในเนื้องานมากนัก เพราะการประชุมครั้งนี้ถือเป็นการแนะนำตัวกันอย่างคร่าวๆ และบอกว่าใครดูแลอะไรในภาพรวมเท่านั้น การประชุมครั้งต่อๆไปนั่นต่างหากที่จะถือเป็นการเริ่มลงมือทำงานอย่างแท้จริง
   
“เอาล่ะ เลิกประชุมได้” นรเศรษฐ์ประกาศ “ขอโทษนะครับที่เลยเวลาไปเยอะเลย ตาย... พี่มีต้องไปข้างนอกต่อ นี่ถ้าไม่ติดอะไรจะพาไปเลี้ยงข้าวแล้วเนี่ย เอาไว้คราวหน้านะทุกคน เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้ว”
   
“พี่นอ คิวแน่นยังกะเป็นศิลปินซะเอง” เชนแซวอย่างอดไม่ได้ตามวิสัยสาวช่างเหน็บ
   
“หรือน้องเชนจะเปลี่ยนจากสไตลิสต์มาเป็นเออาร์ของพี่ล่ะครับ” นอสวนกลับไปบ้าง
   
“วุ้ย... ไม่ล่ะค่ะพี่... หนูขอวุ่นวายกับเสื้อผ้าแบบนี้ ดีกว่าวุ่นวายกับผู้ชายมีพันธะอย่างพี่ค่ะ” ทุกคนจึงพร้อมใจกันหัวเราะออกมาอีกนั่นแหละ จึงได้ลุกขึ้นเก็บเอกสารเตรียมแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองกันเสียที
   
“นนท์กับน้ำต้น มีเวลาก็ทำความรู้จักพูดคุยกันให้เยอะๆนะ เราสองคนต้องทำงานด้วยกันไปอีกนานเลย”
   
“ครับพี่มิ่ง”
   
“รับทราบคร้าบบบบ”


น้ำต้นยังคงไม่ละสายตาจากหนุ่มร่างเล็กท่าทางคงแก่เรียนที่นั่งอ่านอะไรอย่างตั้งใจ ขณะที่คนอื่นๆทยอยลุกเดินออกไปจากห้องบ้างแล้ว หน้านิ่วเชียว ปกติจะเป็นคนซีเรียสอย่างที่เห็นไหมนี่ นนท์ยังคงตั้งอกตั้งใจอ่านเอกสารในมือต่อไป มืออีกข้างจับปากกาขีดเขียนอะไรขยุกขยิก โห ผู้ชายอะไรมือสวยยังกับผู้หญิง อย่างนี้ล่ะมั้งที่เค้าเรียกมือศิลปิน ท่าทางเรียบร้อย นิ่งๆ เงียบๆแบบนี้ จะคุยกันได้ไหมนี่ ปกติน้ำต้นก็คิดว่าตัวเองไม่ใช่คนช่างพูดอะไรมากมายอยู่แล้ว นี่มาเจอคนไม่ช่างพูดยิ่งกว่าอีก จะไหวมั้ยน้อ
   
“ต้นครับ”
   

เออ แต่ก็แปลกคนอะไรตัวก็ไม่ใหญ่ แต่เสียงทุ้มดีจริง เสียงหล่อนะเนี่ย ชักอยากรู้แล้วว่าถ้าร้องเพลงแนวอาร์แอนด์บีแล้ว จะออกมาเพราะแค่ไหน

   
“น้ำต้นครับ”
   
เจ้าของชื่อที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งกับเสียงเรียกที่ไม่ค่อยคุ้นหูนั้น
   
“ครับผม”   

คราวนี้คนเรียกถึงกับหัวเราะออกมาบ้าง เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเลิกลั่กหันซ้ายหันขวาเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว นอกจากตัวเองกับคนที่อยู่ตรงหน้าแค่สองคน
   
“อ่า... ครับ” น้ำต้นเกาหัวแกรกด้วยเขินในความเปิ่นของตัวเอง
   
“พี่เห็นน้ำต้นนั่งเหม่ออยู่นานแล้ว เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบรับซักที ไม่ไปหาอะไรทานเหรอครับ” นนท์ถามอย่างเป็นกันเอง น้ำต้นเพิ่งเคยได้ยินประโยคยาวๆจากปากของนนท์เป็นครั้งแรก จึงออกอาการเหวอไปเล็กน้อย ก่อนที่ความคิดหนึ่งจะแว่บขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เอาวะ...
   
“พี่นนท์ ต้นเรียกพี่นนท์นะครับ... งั้นไปกินข้าวด้วยกันมั้ยพี่ ข้างล่างตึกนี่ก็ได้” น้ำต้นถามอย่างกระตือรือร้น
   
“ไปกินกับพี่เนี่ยนะครับ” นนท์ไม่ทันตั้งตัว
   
“พี่ติดอะไรรึเปล่า ต้นลืมถาม”
   
“เปล่าครับไม่ติดอะไร”
   
“งั้นไปกันป่ะ...” คนชวนลุกขึ้นอย่างไม่ใส่ใจจะรอคำตอบ ทำเอานนท์ต้องวางมือจากเอกสารตรงหน้า และเก็บข้าวของเดินตามออกไปงงๆ แต่ก็ไม่ขัดข้องอะไร
   
“พี่ไปรอต้นที่ลิฟต์แป๊ปนึงนะครับ เดี๋ยวต้นถามคิวอะไรพี่เมษนิดเดียว เดี๋ยวตามไป” เขาหันมาสั่งเสร็จสรรพ ก่อนที่จะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาเมษ
   

ครู่เดียวก็ตามมาสมทบนนท์ที่ยืนรอลิฟท์ที่ใครๆในบริษัทต่างก็รู้กันว่า ลิฟต์ที่นี่ต้องรอกันนานกว่าจะเปิดประตูรับใครสักที แต่วันนี้ในความรู้สึกน้ำต้น ทำไมไม่รู้สึกว่านานเหมือนทุกทีก็ไม่รู้


********************

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 07-07-2009 00:17:01
และก็เป็นหนุ่มน้อยหน้าเด็กที่ลิำฟต หึหึ  :z1:์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 07-07-2009 00:57:02
 :o8: น้ำต้นหลงรักแล้วสินะ อั๊ยยยยย ได้ทำงานด้วยกัน
คงศึกษานิสัยกันได้ อิอิ แต่ว่าพี่นนท์อ่ะไม่ปิ๊งน้องบ้างเหรอ หุหุ

ขอบคุณคะคุณนาเมฮ์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 07-07-2009 01:39:56
ผ่านมาเจอ...อ่านแล้วนึกถึงใครก็ม่ายรู้ ..อิอิ... o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: tonhukwang ที่ 07-07-2009 02:16:03
มาให้กำลังใจครับผม แล้วจะรีบตามเก็บ :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 07-07-2009 09:16:31
น้ำต้น  กะ นนท์  ได้ทำงานใกล้ชิดกันงี้ 
โอกาส ปิ๊งกันเยอะมาก
แต่เหมือน น้ำต้นจะปิ๊ง นนท์แล้วนะเนี่ย  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 07-07-2009 10:08:49
น้ำต้น เก็บอาการหน่อย
ก๊ากกกกกกกกกก
เดี๋ยวเค้ารู้ตัว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 07-07-2009 10:51:55
อุ๊ย น่ารัก น่าหม่ำ  :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 08-07-2009 12:31:33
ดูท่าจะตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัวสินะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: nam-nueng ที่ 08-07-2009 14:55:59
ยาวดีค่ะ ชอบจัง รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 08-07-2009 16:06:24
ว้าวววว


หนุกอ่ะ 

 :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: underscoreONES ที่ 08-07-2009 16:12:19

น่าสนใจค่ะ เข้ามาลงชื่อขอติดตามอ่านด้วยคนนนนน  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: un_john2006 ที่ 09-07-2009 01:42:41
ใคร ..............เป็นใคร


ตามลุ้นตอนต่อไป



เป็นอีกหนึ่งกำลังใจครับ


 o13 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 2 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 09-07-2009 05:54:32
น่ารัก... ขอบคุณพี่นะเมฮ์ และพี่นิ้วไขว้มากๆ เลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 3 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 17-07-2009 22:35:30
กลับมาอัพเรื่องนี้ต่อแล้วนะคะ หายไปหลายวัน คนเขียนอัพในถนนนักเขียนแล้ว เลยรีบมาอัพในนี้ด้วยค่ะ


***********************

เพลงรัก

บทที่ 3


น้ำต้นเดินล่วงหน้าเข้าไปนั่งโต๊ะที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของร้านอาหารที่อยู่ชั้นล่างสุดของตัวตึก แม้จะเป็นร้านอาหารจานเดียวที่เรียบง่าย แต่ก็มีการจัดร้านและตกแต่งอย่างอบอุ่นน่านั่งทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ร้านนี้จะเป็นที่นิยมของใครหลายคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ เขาหันไปมองนนท์ที่กำลังยืนคุยอยู่กับใครสักคนที่น่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานในชั้นเดียวกันตรงหน้าร้าน ท่าทางนนท์ตั้งอกตั้งใจฟังคู่สนทนาและพยักหน้าอยู่เป็นระยะ ตอนที่อยู่ในลิฟต์น้ำต้นมีโอกาสได้สังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของผู้ชายธรรมดาที่เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมถึงรู้สึกติดอกติดใจหนักหนามาตั้งแต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ

นนท์เป็นคนตัวเล็ก แต่ว่าไม่อ้วนไม่ผอม เขาเป็นคนรูปร่างดีและน่าจะเป็นคนที่แต่งตัวเป็นคนหนึ่ง เสื้อผ้าสีเข้มๆที่เขาเลือกมาใส่นั้น อาจจะดูเรียบง่ายสบายๆ แต่ผ่านการเลือกมาแล้วอย่างดีแน่ๆ นนท์ไม่น่าจะใช่คนเนี้ยบตลอดเวลาเหมือนอย่างที่น้ำต้นคิดเอาไว้แต่แรก แต่เขาเป็นคนที่ดูดีเอามากๆเมื่อมองนานๆ ใบหน้าเรียวเล็ก จมูกโด่ง ตาเรียวแต่ไม่เล็กเกินไป ผิวพรรณดีทีเดียว ที่โดดเด่น เห็นจะเป็นรอยยิ้มที่บางทีก็ดูเขินๆ บางทีก็เปิดเผยเสียจนเห็นฟันขาวเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ เขารู้สึกถูกชะตากับคนคนนี้มากจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร


“ขอโทษครับที่ทำให้รอ” นนท์เดินมาสบทบอย่างนึกเกรงใจ
“โอ๊ย ไม่เป็นไรพี่ สบายๆครับ พี่นนท์สั่งเลย ต้นสั่งเรียบร้อยแล้ว”


พนักงานของร้านที่เป็นเด็กสาว แม้จะมีโอกาสได้พบปะกับลูกค้าที่เป็นศิลปินชื่อดังมากมาย กลับไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่ากับการที่ได้เห็นน้ำต้นแวะเข้ามาทานอาหารในร้าน ก็เธอเป็นแฟนเพลงที่เหนียวแน่นของเขานี่นา ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะเกิดอาการประหม่าเล็กน้อยเมื่อรับออเดอร์มาแล้ว พร้อมกับถามนักร้องหนุ่มเบาๆว่า “จะว่าอะไรมั้ยคะถ้าจะขอลายเซ็นอ่ะค่ะ”
   
ต้นหัวเราะเขินๆ พร้อมกับบอกอย่างเต็มใจว่า “ได้สิครับ หลังทานข้าวก็ได้ครับ” สาวเจ้ายิ้มปลื้มก่อนจะรีบเดินหายเข้าไปหลังร้าน
   
นนท์มองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแบบไม่ค่อยจะคุ้นชินนัก ก่อนจะเอ่ยปากถามคู่สนทนาว่า “เจอแบบนี้บ่อยๆหรือเปล่าครับน้ำต้น”
   
“บ่อยพี่” น้ำต้นดื่มน้ำอย่างกระหาย “แต่ก็ยังไม่ชินเท่าไหร่”
   
“ต้นน่ะนะ ไม่ชิน” นนท์ถามอย่างไม่เชื่อหู
   
“จริงๆ ใครมาขอลายเซ็นขอถ่ายรูป ต้นก็จะเขินๆทุกที ทำตัวไม่ค่อยถูก แต่ก็พยายามทำเต็มที่อ่ะพี่ ใจนึงเวลาเห็นคนชื่นชอบเรา ก็อดดีใจไม่ได้ ให้ทำอะไรก็ทำหมด” เจ้าตัวว่าติดตลกพร้อมกับยิ้มชอบใจ
   
“แล้วเวลาไปไหนมาไหนล่ะครับ”
   
“ก็ทำตัวปกติพี่ แต่บางทีต้นก็เลี่ยงๆที่ที่คนเยอะๆหน่อย เดี๋ยวไปทำเค้าแตกตื่น เดือดร้อนคนอื่นอีก”
   
“ลำบากเหมือนกันเนาะ เป็นคนดังนี่” นนท์ว่าด้วยสีหน้าที่เริ่มจะผ่อนคลายขึ้น
   
“พี่นนท์ทำงานอยู่ที่นี่นานรึยัง” น้ำต้นถามอย่างใคร่รู้จริงๆ
   
“ซักสองปีได้แล้วครับ”
   
“ก็ไม่นานนะ มิน่าช่วงแรกๆที่มาอยู่นี่ ต้นไม่เคยเห็นพี่เลย” เขาว่าซื่อๆ
   

เมื่อเห็นนนท์ทำหน้าประหลาดใจ น้ำต้นจึงรู้ตัวพร้อมกับเกาศีรษะตัวเองแบบไม่เหลือมาดเท่ใดๆ “คือ... ที่จริง ต้นเห็นพี่บ่อยๆนะ ในตึกเนี่ย เดินสวนกันไปมา”
   
“จริงเหรอครับ” นนท์ยิ้มกว้างขึ้นมาบ้าง “พี่น่ะเห็นต้นบ่อยนะ แต่พี่ไม่ใช่คนสะดุดตาอะไร ไม่คิดว่าคนดังขนาดนี้จะจำเราได้” เขาพูดเล่นอย่างอารมณ์ดี บรรยากาศในการสนทนาเริ่มสบายและเป็นกันเองมากขึ้น
   
“โหย... คนดังอะไรกัน”
   
“จริงๆ พี่ลงมาทีไรก็จะเห็นแฟนๆต้นมารอกันเพียบเลย เคยมีคนเดินเข้ามาถามพี่ด้วยนะว่า ต้นจะลงมาเมื่อไหร่”
   
“จริงอ่ะ พี่ตอบไปว่าไง” เขาเกิดอยากรู้ขึ้นมาบ้าง
   
“พี่ก็บอกไม่รู้ครับ ต้นอยู่ชั้นไหนพี่ยังไม่รู้เลย เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าทำงานอยู่ชั้นสามสิบ” น้ำต้นหัวเราะชอบใจใหญ่กับท่าทางขี้เล่นของนนท์ที่เริ่มจะเผยออกมาเรื่อยๆ
   
“แล้วพี่นนท์มาทำงานที่นี่ได้ยังไงอ่ะครับ”
   
“พี่มีคนที่รู้จักกับพี่มิ่งอีกทีนึงแนะนำมาครับ พี่สนใจอยากทำงานด้านนี้มาตั้งแต่ตอนที่เรียนจบแล้ว สบโอกาสก็เลยลองเข้ามาคุยดู พี่มิ่งไม่รู้ถูกใจอะไรพี่ เลยให้ลองทำอะไรก๊อกๆแก๊กๆไปก่อน ตอนหลังถึงได้แต่งเพลงแต่งอะไรบ้าง”
   
“แสดงว่าพี่ก็ต้องเก่งสิ ถ้าทำงานกับพี่มิ่งได้”
   
นนท์ส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ “ไม่หรอก พี่ว่าพี่มิ่งอยากให้โอกาสพี่มากกว่า ซึ่งพี่ก็ต้องขอบคุณพี่มิ่งนี่แหละ ถ้าไม่มีพี่มิ่ง พี่ก็อาจจะต้องไปนั่งทำงานออฟฟิศอยู่ที่ไหนซักแห่ง ซึ่งอาจจะไม่สนุกและไม่มีความสุขเท่านี้ก็ได้”
   
“อ้าว พี่ไม่ได้จบมาทางนี้หรอกเหรอ” ต้นถามอย่างแปลกใจขึ้นมาจริงๆ
   
“เปล่าครับ พี่จบธุรกิจมา” นนท์หยุดนิดนึงก่อนจะว่าต่อ “แต่ว่าเราสนใจดนตรีก็เลยไปเทคคอร์สมาเลยปีนึงหลังเรียนจบ”
   
“คอร์สอะไรพี่” น้ำต้นชักติดลมกับการซักไซ้นนท์
   
“ก็ร้องเพลงแต่งเพลงอะไรพวกนี้”
   
“ยากมั้ย”
   
“ก็ สนุกดีครับ เราชอบด้วยมั้งก็เลยตั้งใจเต็มที่ ถึงจะแค่ปีเดียว แต่ผลที่ออกมาก็คุ้มค่านะ”
   
“นั่นดิ ต้นชอบเพลงที่พี่แต่งตั้งหลายเพลง เอาจริงๆนะ” น้ำต้นชมกันแบบซึ่งๆหน้า “ตอนแรกอ่ะ ก็ไม่รู้หรอกว่าใครแต่ง ตอนหลังก็ลองดูตรงเครดิตในปกซีดี ถึงได้รู้ว่าเพลงส่วนใหญ่ที่ต้นชอบ เป็นเพลงที่พี่แต่งหลายเพลง สงสัยรสนิยมจะตรงกัน”
   
“แต่พี่บอกตรงๆ ตอนแรกไม่คิดว่าต้นจะโอเคง่ายๆเลยนะ ตอนที่พี่นอถามเรื่องเปลี่ยนแนวเพลงกับต้นในที่ประชุมน่ะครับ”
   
“ทำไมล่ะพี่ ต้นไม่เหมาะกับแนวนี้เหรอ”
   
“เปล่าครับ” นนท์รีบปฏิเสธก่อนจะอธิบายยืดยาว “คือชุดแรกของต้นมันป๊อปมาก ซึ่งมันก็เหมาะกับต้นดีอยู่แล้วไง แล้วอาร์แอนด์บีเนี่ย มันจะมีความเป็นผู้ใหญ่พอสมควร พี่ก็ไม่แน่ใจว่าต้นจะอยากเปลี่ยนแนวเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ คือถ้าเป็นอีกสองสามปีมันก็ยังได้อยู่ไงครับ”
   
“ไม่เร็วหรอกพี่ ต้นว่านะ อีกอย่างต้นค่อนข้างเชื่อมีพี่นอด้วยแหละ ถ้าพี่นอเห็นว่าดีแล้วก็แสดงว่าต้องดีจริงๆ แต่ที่แปลกใจนิดหน่อยก็ตอนที่รู้ว่าพี่จะได้มาทำงานให้ต้นนี่แหละ”
   
“อ้าว ทำไมรึ”
   
“ก็ มันเหมือนสวนกันไปสวนกันมา ต้นก็สงสัย เอ๊... คนนี้ใครหว่า ทำไมเจอบ่อยจัง ยิ่งพักหลังเนี่ย เหมือนรู้เลย วันก่อนต้นยังถามพี่เมษ ใครอ่ะ ผู้ชายตัวเล็กๆ เลยโดนว่าเลยว่าข้อมูลแค่นี้พี่จะรู้ไหม” นนท์ถึงกับหัวเราะชอบใจออกมาแบบกลั้นไม่อยู่ “แล้วจู่ๆวันนี้พี่ก็มาเลย แล้วก็ตู้ม... มาดูแลการทำงานของต้น โอ้โห... มันเป็นไปได้ยังไง”
   

ทั้งคู่พูดคุยกันยืดยาวจนเกือบลืมอาหารที่สั่งไปแล้ว เมื่อเด็กสาวยกอาหารที่สั่งไปมาแล้วนั่นล่ะ ถึงได้รู้ว่าตัวเองหิวโซกันขนาดไหน น้ำต้นลงมือจัดการข้าวกระเพราไข่ดาวตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย จนนนท์อดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ “น้ำต้นนี่... เอาจริงๆ ก็แทบไม่มีมาดนักร้องชื่อดังเลยเหมือนกันนะ” เขาออกปาก
   
“จริงๆพี่ พวกพี่ๆข้างบนก็พูดอย่างนี้บ่อยๆ ต้นไม่ได้มีมาดอะไรหรอก เป็นคนสบายๆ เมื่อก่อนเป็นไง เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้นแหละ ต้นอยู่ง่ายกินง่ายจะตาย”
   
“เป็นตัวเองนี่แหละดีที่สุดเชื่อพี่” นนท์ว่า ในใจนึกถึงใครคนหนึ่ง ที่ช่างแตกต่างกับคนตรงหน้านี้เหลือเกิน เขาเคยเชื่อว่า ชื่อเสียงนั้นเปลี่ยนแปลงคนได้ทุกคน เขาเจอมาแล้วกับตัว แต่กับน้ำต้น ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามีความเป็นธรรมชาติมากมายนัก ผิดกับใครหลายคนที่เขามีโอกาสได้ร่วมงานด้วยอย่างสิ้นเชิงจริงๆ
   
“พี่นนท์เป็นอะไรรึเปล่า” น้ำต้นถามอย่างคนช่างสังเกต เมื่อเห็นนนท์เงียบไปเหมือนคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ
   
“อ๋อ ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่า บางทีการที่พี่มิ่งตัดสินใจให้พี่ทำงานให้ต้นอาจจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพี่ก็ได้”
   
“ทำไมล่ะพี่ ตอนแรกพี่ไม่ได้อยากทำงานกับต้นหรอกเหรอ” เจ้าตัวทำน้ำเสียงราวกับจะประท้วงเล็กๆ
   
“เอ๊ย... เปล่า” เขาขำให้กับท่าทางที่เหมือนเด็กขี้อ้อนของน้ำต้น “คือ ถ้าทำงานอย่างที่ผ่านมา พี่คงไม่รู้สึกกังวลไง แต่นี่จู่ๆพี่มิ่งก็เรียกให้พี่เข้าประชุมด้วย พี่ก็นึกสงสัยอยู่แล้วว่าต้องมีอะไร แล้วก็มีจริงๆ แล้วพี่ก็ไม่รู้ด้วยว่าต้นเป็นยังไง ทำงานด้วยยากง่ายแค่ไหน ยิ่งเป็นคนดังด้วยก็อดรู้สึกหนักใจไม่ได้ว่าตัวเองจะไหวมั้ย แล้วนี่โปรเจ็กต์ใหญ่เลย”
   
“แล้วเอาไงพี่ ไหวมั้ย” เด็กหนุ่มตาโตถามอย่างนึกสนุก ทำเอานนท์ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
   
“ไหว พอได้มาคุยกันแบบนี้พี่ก็เบาใจ พี่เบาใจตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องประชุมแล้ว คือพี่มิ่งก็บอกเอาไว้ก่อนแล้วล่ะว่าต้นทำงานด้วยง่าย แล้วก็มีความสามารถ แต่ของบางอย่างมันก็ควรจะได้มารู้จักและสัมผัสเอง ถึงจะรู้แน่”
   
“พี่นนท์นี่ ท่าจะเป็นคนขี้กังวลนะ คิดมากด้วย” น้ำต้นว่าอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
   
“ชัดเจนยังงั้นเลยเหรอ” นนท์ถาม
   
“ก็งั้นสิ ไม่รู้ล่ะ...” น้ำต้นตัดบท “ตกลงพี่แฮ้ปปี้จะทำงานกับต้นแล้วนะ” เจ้าตัวถามขณะที่ในปากยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ
   
“แฮ้ปปี้ครับ” นนท์ยิ้มอย่างจริงใจ และให้อดรู้สึกเอ็นดูกับภาพของเด็กหนุ่มที่อายุห่างจากเขาตั้งห้าปีที่นั่งกินข้าวอย่างไม่เหลือมาดเท่ใดๆอยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้จริงๆ ดูเอาเถอะ ตัวเองออกจะดูดีขนาดนี้ หน้าตารึยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยิ่งเรื่องชื่อเสียงความโด่งดัง น้ำต้นก็เรียกว่าอยู่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทยไปแล้ว แต่กลับวางตัวได้ธรรมดาเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับคนอื่นนอกจากเพื่อนสนิทที่มีไม่กี่คนได้อย่างสบายใจถึงเพียงนี้
   

ไม่แน่ว่าการทำงานร่วมกับน้ำต้นครั้งนี้ อาจจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปเลยก็ได้

   
อาหารมื้อเที่ยงแบบง่ายๆจบลงด้วยการเซ็นลายเซ็นให้กับพนักงานสาวในร้านนั่นเอง น้ำต้นถามชื่อเสียงเรียงนามก่อนที่จะเซ็นให้อย่างตั้งอกตั้งใจ นนท์มองเหตุการณ์เล็กๆที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างสนใจ ตอนนั้นเองที่เขามีโอกาสได้สังเกตกริยาท่าทางของน้ำต้นอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
   

น้ำต้นเป็นธรรมชาติเสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนกับใคร เขาอาจจะดูขัดเขินอย่างที่ว่าเวลาที่มีคนมาแสดงความชื่นชมเขาอย่างเปิดเผย แต่การแสดงออกของน้ำต้นก็เป็นไปอย่างใสซื่อจริงใจอย่างแท้จริง เวลาถามชื่อใครน้ำต้นจะตั้งใจฟัง แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนชื่อนั้นลงไปในรูปแล้วก็เซ็นให้แบบไม่มีอิดออด ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง ดูก็รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ช่างใส่ใจคนรอบข้าง และช่างสังเกตเหลือเกิน
   
ทั้งสองคนเดินคุยกันในเรื่องสัพเพเหระอย่างถูกคอจนถึงลิฟต์
   
“เออ เกือบลืม ขอเบอร์พี่นนท์ให้ต้นหน่อย ต่อไปคงได้โทรคุยกันบ่อยขึ้นแล้วล่ะพี่”
   
“อ๋อได้ครับ เอาเบอร์ต้นมาเลย เดี๋ยวพี่ยิงให้” นนท์กดมือถือในมืออย่างคล่องแคล่ว เมื่อน้ำต้นบอกเบอร์ส่วนตัวที่สงวนเอาไว้เฉพาะทีมงานคนสนิทเท่านั้น สักพัก เสียงโทรศัพท์ของน้ำต้นก็ดังขึ้น พร้อมกับโชว์เบอร์โทรศัพท์เลขสวยที่จำได้ไม่ยากนักขึ้นมา
   
“เรียบร้อย พี่นนท์นะครับ” เขาสะกดชื่อของนนท์พร้อมกับทำปากขมุบขมิบไปด้วย “พี่ชื่อนนท์เฉยๆเลยเหรอ”
   
“หา?” นนท์ว่าอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะหัวเราะและตอบไปว่า “นนท์เฉยๆนี่แหละครับ”
   
“สั้นดีเนาะ”
   
“ชื่อน้ำต้นนี่ก็แปลกนะ ฟังดูเป็นคนเหนือสมตัวจริงๆ” นนท์ว่าอย่างไม่คิดอะไร
   
“เอ๊... พี่รู้ได้ไง” น้ำต้นหันไปถามจริงจัง
   
“ก็พี่เป็นคนเชียงใหม่”
   
“จริงอ้ะ ต้นเป็นคนเชียงราย”
   
“พี่รู้แล้วครับ”
   
“โฮะ... ดีจัง เป็นคนเหนือเหมือนกัน พี่กะต้นนี่ โชคชะตาฟ้าลิขิตเนาะ”
   
นนท์หัวเราะชอบใจกับสำนวนที่เหมือนหนังจีนของเด็กหนุ่ม “ไม่น่าเชื่อจริงๆด้วย”
   
“งี้วันหลังต้นก็พูดคำเมืองกับพี่ได้อ่ะสิ ว่าแต่พี่พูดได้หรือเปล่าเหอะ”
   
“พูดได้ครับ” เขาตอบหน้าตาเปื้อนยิ้ม
   
“เย้... เจ๋งไปเล้ย” เขาร้องขึ้นมาแบบไม่เก็บอาการดีใจเอาไว้เลยซักนิด
   

ลิฟต์หยุดที่ชั้นยี่สิบก่อนที่จะเปิดออก ทั้งคู่ร่ำลาแยกย้ายกันตรงชั้นนั้นเอง น้ำต้นที่อยู่ในลิฟต์มีอาการร่าเริงมากผิดปกติ เขายกมือถือที่โชว์เบอร์ของเพื่อนหรือจะเรียกว่าพี่ชายคนใหม่ขึ้นมาดู ก่อนที่จะยิ้มกับตัวเอง เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกดีถึงเพียงนี้

   
นนท์เดินตรงไปที่โต๊ะทำงานที่ข้าวของถูกวางเอาไว้อย่างค่อนข้างเป็นระเบียบ โดยมีโน้ตบุ๊กประจำตัวตั้งอยู่ในที่ประจำของมัน บนโต๊ะมีรูปของพ่อกับแม่ที่ถูกใส่เอาไว้ในกรอบอย่างดีวางอยู่ใกล้ๆ ส่วนอีกมุมเป็นภาพเขาและเพื่อนๆสมัยเรียนต่างประเทศติดอยู่หลายใบ ใบหนึ่งเป็นภาพของเมลานี สาวสวยลูกครึ่งไทยอังกฤษ เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนที่นนท์มีอยู่ในเมืองไทยที่เพิ่งจะตกลงปลงใจแต่งงานกับหนุ่มลูกครึ่งที่พบรักกันที่นี่และตัดสินใจแต่งงานกันในที่สุด
   

ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ยิ่งกับเมลานีเพื่อนรักด้วยแล้ว เขารู้สึกดีใจแทนเพื่อนที่ได้พบกับความรักและคนรักที่ดี และความดีนั้นเองที่ทำให้เมลานี หญิงสาวที่รักความอิสระเหนือสิ่งอื่นใด ตัดสินใจแต่งงานจนทำเอาแม้แต่เขาเองยังแปลกใจ ความรักช่างมีอิทธิพลอย่างไม่น่าเชื่อ น้ำต้นเคยนึกสงสัย แล้วเขาจะสามารถรักใครได้ถึงเพียงนั้นไหมนะ เขาเคยเชื่อมั่นในเรื่องของความสัมพันธ์อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ เมื่อตอนที่เขายังเด็กและอ่อนต่อโลกกว่านี้ แต่แล้ววันหนึ่งความสัมพันธ์ที่เขาเคยเชื่อมั่นกลับแว้งกลับมาทำร้ายเขา อย่าว่าแต่เป็นคนรักเลย แค่เริ่มจากการเป็นเพื่อน ยังรับมือยากถึงเพียงนี้... แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจบไปแล้ว เขาก็ไม่ได้อยากจะย้อนกลับไปรื้อฟื้นอะไรอีก แค่ขยาดกับเรื่องของความสัมพันธ์ขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นเอง

   
นนท์เปิดลิ้นชักและหยิบซีดีแผ่นหนึ่งขึ้นมา เขาพลิกไปพลิกมาอยู่เป็นครู่ ก่อนที่จะใส่มันเข้าไปในโน้ตบุ๊กพร้อมกับใส่หูฟัง เสียงเปียโนดังล่องลอยขึ้นอย่างอ่อนหวาน เขาหลับตาฟังอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปตามเสียงเปียโนที่ดังก้องในหูพร้อมกับคิดว่าจะเอาซาวนด์แบบไหนเพิ่มเติมลงไปอีกดีอย่างไม่ได้จำเพาะเจาะจงอะไรนัก เพลงที่เขาฟังเป็นเพียงเดโมที่เขาแต่งขึ้น มันยังไม่สมบูรณ์ แต่เมโลดี้ของมันตอนที่เขาเล่นออกมาในตอนนั้นมันช่างจับใจเขาเหลือเกิน นนท์ยังไม่เคยหยิบเอาไปให้ใครได้ฟังเสียทีแม้แต่พี่มิ่ง ไม่รู้เพราะอะไรเขาจึงรู้สึกอินกับเพลงนี้เป็นพิเศษ และยังไม่คิดจะยกมันให้เป็นของนักร้องคนไหนเลย แม้จะชอบเพลงนี้มากเพียงใดก็ตาม
   

“เอายังไงดีเรา” เขารำพึงเบาๆกับตัวเอง ก่อนที่จะหยิบกระดาษขึ้นมา เขียนอะไรขยุกขยิกลงไปอย่างตั้งอกตั้งใจและลืมเรื่องราวรอบตัวไปอย่างสิ้นเชิง


******************

โปรดติดตามตอนต่อไปค่า
   
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 3 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 17-07-2009 22:47:39
เย้ มาต่อแล้ว เหมือนจะหายไปนาน
 :-[ พี่่นนท์ ชอบบ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 3 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 17-07-2009 22:50:33
ต้นน่ารักมากคะ

รีบมาจิ้มอย่างไว

อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 3 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 18-07-2009 01:29:26
ความรักกำลังจะเกิดแล้ว

ฮิ้วๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 3 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 18-07-2009 01:57:25
ต่างคนต่างเปิดใจแบบนี้
ท่าทางนนท์จะมีแรงบันดาลใจแต่งเพลงที่เหมาะกันน้ำต้นแน่ๆ
น้ำต้นนี่ ชิวจริงๆน่ารักอ่ะ กินข้าวไปคุยไปดเป็นธรรมชาติมากๆมากกว่าสถานภาพค.เป็นนักร้องซุปเปอร์
สตาร์ที่พ่วงท้ายซะอีกนะเนี่ย

 :pig4: พี่นาเมฮ์คะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 3 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 18-07-2009 02:10:15
ถ้านักร้องจริงๆเป็นแบบนี้คงดีอ่ะนะ

 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 3 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 18-07-2009 09:36:32
รักตัวละครคู่นี้จัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 3 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 18-07-2009 12:11:26
ชอบคู่นี้นะ น้ำต้นก็น่ารักดี  แต่นนท์ดูนิ่งๆ น่าค้นหามาก ดูมีความหลังฝังใจในชีวิตพอสมควรนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 3 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: tk91 ที่ 18-07-2009 15:28:14
อ่านแล้วมีความสุข
โอ้วววว

น้ำต้น น่ารักมากๆๆๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 3 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-07-2009 19:42:28
น้องน้ำต้นน่ารักจัง  ดูสดใสดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 4 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 19-07-2009 20:45:39
มีตอนต่อมาให้นะคะ กับ บทที่สี่ ของเพลงรัก

เรื่องราวของน้ำต้นและนนท์ จะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อทั้งสองเริ่มทำงานด้วยกัน

************************

เพลงรัก

บทที่ 4

วันอาทิตย์แรกในรอบหลายเดือนวันนี้เป็นวันว่างที่หาได้ยากยิ่งสำหรับน้ำต้น แม้อัลบั้มชุดแรกจะหมดช่วงโปรโมตไปนานแล้ว แต่ผลจากความสำเร็จของมันก็ยังตามมาอย่างต่อเนื่อง ดูได้จากงานโชว์ตัว งานมินิคอนเสิร์ต และการถ่ายแฟชั่นที่ยังคงมีเข้ามาเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง หลายครั้งที่เขาอดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่า เขาแค่ชอบร้องเพลงมากเท่านั้นเองแท้ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้คนชื่นชมเขามากมายถึงเพียงนี้ งานต่างๆที่ประเดประดังเข้ามาไม่ต่างอะไรกับผลพลอยได้ที่เปิดโอกาสให้เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงานด้านอื่นๆเพิ่มขึ้น และด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจนี้เอง ทำให้น้ำต้นไม่เคยอิดออดในเรื่องของการทำงานเลย อย่างเก่งก็บ่นกับเมษบ้างว่าเหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น แต่ก็ไม่เคยงอแงเลยสักครั้ง ยิ่งเวลาโทรคุยกับแม่ น้ำต้นยิ่งไม่เคยบ่น เพราะแม่เป็นคนบอกว่าเขาเป็นคนเลือกเส้นทางนี้เอง เพราะฉะนั้นจงยอมรับผลที่จะตามมาด้วยรอยยิ้มดีกว่า
เขานั่งกดรีโมททีวีเปลี่ยนช่องไปมาอย่างไม่ได้นึกอยากดูอะไรเป็นพิเศษ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นห้องพัก แต่ก็ต้องนับว่าเป็นห้องที่น่าอยู่ไม่เลว ห้องของเขาอยู่บนชั้นสิบห้า สูงพอที่จะมีความเป็นส่วนตัวและได้เห็นวิวทิวทัศน์รอบๆได้ ในห้องถูกออกแบบเอาไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว ถัดไปก็เป็นห้องครัวที่ว่าตามจริง เขาแทบไม่ได้ใช้งานอะไรสักเท่าไหร่ นอกจากเวลาที่อยากจะเข้ามาหาอะไรกินก๊อกๆแก๊กๆไปตามเรื่อง แล้วก็ห้องนั่งเล่นที่เขานั่งอยู่นี่ เขามองไปรอบๆห้องที่แม่ชอบแซวว่า ห้องหนุ่มโสดโดยแท้ แล้วก็หันไปเห็นกองของขวัญที่กองอยู่สูงพะเนินเทินทึกอยู่ตรงมุมห้อง ก่อนที่จะยิ้มออกมา “เยอะขนาดนี้ แกะเท่าไหร่ก็ไม่ทันสักที” เขารำพึง แต่ก็รู้สึกชื่นใจทุกครั้งที่ได้เห็น น้ำต้นไม่เคยไม่ใส่ใจของขวัญที่ได้รับมาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว จดหมายทุกฉบับ กระดาษโน้ตทุกชิ้น เขาก็เก็บรักษาเอาไว้อย่างดี ในใจชักนึกหวั่นอยู่เหมือนกันว่า ถ้ามันล้นห้องขึ้นมา เข้าจะทำอย่างไรกับของที่ได้รับมาดีล่ะนี่ แล้วก็ส่ายหน้าก่อนที่จะยิ้มกับตัวเองและเลิกคิดถึงมันในที่สุด


อันที่จริงแม้จะได้วันหยุดกับเขาเสียที ไปๆมาๆน้ำต้นกลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับวันหยุดที่มีดีเหมือนกัน เพื่อนฝูงก็ไม่ว่าง แต่อันที่จริงเขาอยากจะใช้เวลาทำอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียวมากกว่า อะไรก็ได้ ว่าแล้ว เหมือนจะตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด น้ำต้นหยิบเสื้อยืดธรรมดาตัวหนึ่งมาสวมคู่กับกางเกงยีนส์สีซีดกลางเก่ากลางใหม่ พอสวมรองเท้าผ้าใบเสร็จก็คว้าเป้คู่ใจออกมา โดยไม่ลืมถือหมวกแก๊ปที่ตอนนี้กลายเป็นของจำเป็นมากที่สุดไปแล้วติดมือออกมาด้วย


ค่าที่ว่าคอนโดหนุ่มโสดของเขาอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าอย่างยิ่ง น้ำต้นจึงเดินทอดอารมณ์ขึ้นบันไดรถไฟฟ้าไปอย่างง่ายๆและสบายใจที่สุด อากาศในกรุงเทพในช่วงปลายปีอย่างนี้สบายดีเหลือเกิน แม้มันจะไม่ได้เย็นสบายเหมือนกับตอนอยู่บ้านที่เชียงราย แต่ก็พอจะชดเชยไปได้พอกล้อมแกล้มเหมือนกันล่ะน่า น้ำต้นคิดกับตัวเองประสาคนมองโลกในแง่ดี


มองดูเผินๆ น้ำต้นในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป ขึ้นไปบนรถไฟฟ้าเขาก็ไม่ได้หันซ้ายหันขวา ทำท่ามีพิรุธ หรือดูว่ามีใครจ้องมองอยู่หรือไม่ แค่ยืนอยู่ใกล้ๆประตูและยืนมองทิวทัศน์เบื้องนอกอย่างเพลิดเพลินเท่านั้น เช้าวันอาทิตย์คนยังไม่หนาตาเท่าไร เขาก็ยิ่งปล่อยตัวสบายๆ ทิ้งความเป็นนักร้องเอาไว้เบื้องหลัง กลายเป็นนายน้ำต้นคนธรรมดาเท่านั้น
รถไฟฟ้าพาเขาไปหยุดตรงสถานีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านที่มีร้านน่านั่งอยู่มากมาย น้ำต้นไม่ได้อยากจะทำอะไรมากกว่าการไปนั่งหากาแฟอร่อยๆกินแล้วก็อ่านหนังสือหรือทำอะไรของตัวเองไป ตอนอยู่บ้านที่เชียงราย เขาก็เป็นแบบนี้ เขาไม่ค่อยชอบไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน วันๆก็อยู่บ้านฟังเพลง ร้องเพลงไปตามเรื่อง ขนาดพ่อกับแม่ยังเคยออกปากให้เขาออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนฝูงบ้างก็ได้ น้ำต้นได้แต่ยิ้มแล้วก็บอกพ่อกับแม่ว่า “เพื่อนๆเขามาหาต้นอยู่แล้ว ต้นไม่ต้องออกไปหรอก” ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง น้ำต้นเป็นขวัญใจเพื่อนๆ อยู่โรงเรียนเขาทั้งตั้งใจเรียนและขยันทำกิจกรรมไม่ได้หยุด เสาร์อาทิตย์บางทีเพื่อนๆก็มาหาเขาถึงบ้าน ออกจากบ้านกับเพื่อนทีไรถ้าไม่ไปหาอะไรกิน ก็ไปเล่นกีฬา มีเท่านี้จริงๆ จนเพื่อนบางคนถึงกับออกปากว่า “คนอะไรวะ ทำไมใช้ชีวิตน่าเบื่ออย่างนี้” น้ำต้นไม่ว่าอะไรนอกจากยืนยันคำพูดเดิมๆว่า “ความสุขของคนเราไม่เหมือนกันนี่หว่า”
น้ำต้นเดินลงสถานีรถไฟฟ้า เขาเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างและบอกร้านจุดหมายที่ต้องการไปกับคนขี่ทันทีอย่างไม่ลังเล นี่ถ้าแฟนๆรู้ว่านักร้องชื่อดังอย่างน้ำต้นกำลังนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างคล่องแคล่วเพื่อไปหากาแฟดื่ม คงได้แปลกใจไปตามๆกัน ความเป็นจริงกับสิ่งที่เห็นตามหน้าจอทีวีก็เป็นอย่างนี้แหละ มันขัดแย้งกันเสมอ เขาล้วงมือลงในกระเป๋าพร้อมหยิบเหรียญสิบบาทให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่พาเขามาส่งถึงที่ ก่อนจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟแบบที่เขาชอบดื่มเป็นประจำเมื่อมาร้านนี้
น้ำต้นถือกาแฟร้อนไปยังมุมที่เขามักจะนั่งอยู่เป็นประจำ ยังไม่สิบโมงเช้าแบบนี้ คนย่อมบางตาเป็นธรรมดา เขาหยิบไอพ็อตสีขาวออกมาจากเป้ ในนั้นบรรจุเพลงที่เขาชื่นชอบเอาไว้จำนวนนับไม่ถ้วน แม้จะชอบฟังเพลงมากเพียงไร น้ำต้นก็อดคิดไม่ได้จริงๆว่า คนคนนึงจะฟังเพลงได้มากมายขนาดไหนกันนะ เป็นพันเป็นหมื่นขนาดนี้เลยหรือเปล่า เพราะเอาเข้าจริงๆเขาเป็นคนมีนิสัยถ้าชอบเพลงไหนมากๆ ก็จะฟังเพลงนั้นซ้ำๆวนไปวนมาได้เป็นสิบเป็นร้อยเที่ยว เอาจนร้องได้นั่นแหละ เขาหยิบหนังสือแนวสืบสวนฆาตกรรมเล่มเขื่องอย่างที่ชอบขึ้นมาอ่าน เดี๋ยวนี้เวลาอ่านหนังสือของเขาเหลือน้อยลงเต็มที คงจะมีแต่วันแบบนี้นี่แหละที่จะได้หยิบเอาหนังสือที่ซื้อสะสมเอาไว้กองพะเนินมานั่งอ่านสักที


เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ น้ำต้นไม่ได้สนใจจะรับรู้ พออ่านหนังสือจนรู้สึกล้า เขาก็ลุกไปสั่งขนมมากินเพิ่มคู่กับนม กาแฟกินวันละแก้วก็พอแล้ว น้ำต้นพูดกับเมษบ่อยๆ เวลาที่เมษถามว่าจะเอากาแฟเพิ่มอีกไหม เขาหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งออกมา สภาพของมันเห็นได้ชัดว่าผ่านการใช้งานมาพอสมควรแล้ว ปกติเด็กหนุ่มไม่ใช่คนชอบเขียนบันทึกประจำวันสักเท่าไรนัก แต่เมื่อไรที่นึกครึ้มใจ หรือมีเรื่องอะไรที่โดนใจเข้ามา เขาก็อยากจะบันทึกความทรงจำเหล่านั้นเอาไว้บ้างเหมือนกัน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนเล่นดนตรีมาก่อน เรื่องแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงจึงจำเป็นกับเขาไม่น้อย และเพิ่งจะมาเริ่มจริงจังกับมันหลังจากที่มีอัลบั้มแรกของตัวเองออกมานี่แหละ ถ้าเขาอยากจะเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จ เขาก็ควรจะทำอะไรได้มากกว่าแค่ร้องเพลงอย่างเดียว เสียดายก็ตรงที่มานั่งร้านแบบนี้ จะแบกกีตาร์มาด้วยเป็นที่เอิกเกริกไม่ได้เสียด้วยสิ เขาคิดกับตัวเองอย่างติดตลก


น้ำต้นใช้เวลาอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งนั้นนานหลายชั่วโมง รู้ตัวอีกครั้งก็จะหกโมงเย็นเข้าไปแล้ว เป็นวันที่เขาได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างเรียบง่ายได้คุ้มค่าอย่างยิ่ง ขณะกำลังชั่งใจว่าจะออกไปหาอะไรกินเป็นมื้อเย็นก่อนกลับบ้าน หรือไปแวะที่ไหนต่อดี ต้นสังเกตเห็นใครคนหนึ่งที่คุ้นตาเหลือเกินเดินเข้ามาในร้าน เขายิ้มออกมาอย่างยินดีโดยไม่ปิดบัง แต่ตอนที่กำลังจะลุกขึ้นไปทักนั้น เขาเห็นใครอีกคนเดินเข้ามาติดๆ เมื่อฝ่ายแรกหันไปเห็นว่าคนที่เข้ามาทักทายด้านหลังเป็นใคร สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปกลายเป็นเคร่งเครียดทันที น้ำต้นนึกไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นสีหน้าแบบนั้นด้วย เขาชะงักก่อนที่จะตัดสินใจนั่งลงดังเดิม แต่สายตาจับจ้องไปที่คนสองคนนั้นอย่างสนใจ


“นนท์” เจ้าของชื่อหันไปทางต้นเสียงก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะกลายเป็นความประหลาดใจและกลายเป็นความตึงเครียดในที่สุด
“เอ้… มาทำอะไรที่นี่” นนท์ถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ก็เรามาแถวนี้ เห็นหลังอยู่ไวๆยังคิดอยู่ว่าใช่นนท์หรือเปล่า แล้วก็ใช่จริงๆด้วย มาคนเดียวเหรอ”

นนท์ไม่ตอบ แค่พยักหน้าแล้วหันไปรับกาแฟที่สั่งเอาไว้เท่านั้น

“เรานั่งด้วยได้ไหม” เอ้ถาม
“ไม่ดีหรอก นายไม่ได้มาคนเดียวไม่ใช่เหรอ” นนท์ว่าแล้วก็ถือกาแฟไปนั่งอย่างไม่สนใจอะไรอีก ทำเอาอีกฝ่ายสะอึกไป แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เดินตามไปอย่างไม่ลดละ และนั่งที่โต๊ะตัวเดียวกับนนท์โดยที่เจ้าของโต๊ะไม่แม้แต่จะคิดเชื้อเชิญ
“แต่เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไม่ใช่เหรอ” เอ้ท้วง
“ก็เป็นเพื่อนได้ เราไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้านายคาดหวังว่าเราจะเป็น “เพื่อน” กันเหมือนเดิม มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วนะเอ้”
“อะไรกันนนท์ งอนอะไรไม่เข้าท่า” เอ้ว่าอย่างหงุดหงิด
“อย่ามายุ่งกับเราเอ้ นายต้องการอะไรกันแน่ถึงได้มาวุ่นวายกับเราอีก” นนท์หยุดก่อนจะมองผ่านกระจกออกไปด้านนอก “โน่น เพื่อนนายเขามองหาโน่นแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” เอ้ว่าอย่างไม่สนใจ
“อย่า... เอานิสัยมักง่ายมาใช้แถวนี้เอ้ แล้วขอร้อง จะไปไหนก็ไป” นนท์ว่าอย่างเย็นชา และไม่ใส่ใจกับคนตรงหน้าอีกต่อไป
“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องนะนนท์”
“เราไม่จำเป็นต้องคุยกัน ไปเถอะเอ้ เราไม่อยากเจอนายอีก หรือจะให้เราย้ายโต๊ะเอง นายถึงจะพอใจ”
“เออ ไม่ต้อง” เอ้เริ่มหัวเสียขึ้นมาบ้าง “เราไปก็ได้ แต่เรายังไม่ยอมแพ้หรอกนะ” เขาว่าพร้อมกับลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ “แล้วเจอกันนะนนท์”

น้ำต้นไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดคุยอะไรกัน เขารู้แต่ว่า นนท์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาคู่สนทนาอีก ใบหน้านิ่งๆที่ปกติจะดูอ่อนโยนในตอนนี้ ดูบึ้งตึงและไม่สู้ดีเอาเสียเลย ฝ่ายที่เข้ามาทักทายเดินออกจากร้านไปแล้ว น้ำต้นชั่งใจอย่างไม่รู้ว่าจะเข้าไปทักทายหรือจะปล่อยให้นนท์นั่งต่อไปคนเดียวดี สุดท้ายเขาได้แต่หันไปมองโต๊ะที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของร้านอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี จนกระทั่งอีกฝ่ายลุกเดินออกไปในที่สุด


สองทุ่มแล้ว น้ำต้นตัดสินใจกลับคอนโดหรือบ้านกลางเมืองของเขา โดยไม่สนใจจะทานมื้อเย็นอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ในหัวมีแต่ภาพที่ได้เห็นและมีอะไรที่ต้องคิดอยู่เต็มไปหมด ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับพี่นนท์หนอ ถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้นตอนเดินออกจากร้านไป และมันก็ยังติดตาเขามาจนถึงตอนนี้


ในห้องประชุมเล็กบนชั้นสามสิบ


การประชุมในวันนี้สมาชิกไม่ได้หนาตาอย่างเช่นเมื่อหลายวันก่อน เพราะหลักๆแล้ววันนี้เป็นการพูดคุยถึงเรื่องของดนตรีเป็นหลัก หลายคนที่ไม่ได้มีความรู้เชิงลึกในเรื่องของดนตรี จึงขอตัวไปทำงานที่ล้นมืออยู่ให้เสร็จ และปล่อยให้คนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงอย่างนรเศรษฐ์ มิ่ง นนท์ และที่ขาดไม่ได้น้ำต้นรับมือกันไปก่อน


ตลอดระยะเวลาที่นั่งประชุมกันนั้น น้ำต้นสังเกตเห็นว่านนท์ไม่ค่อยพูดอะไรนัก หน้าตาของเขาแม้จะไม่เคร่งเครียดจนน่ากลัวเหมือนเมื่อคืน แต่จะเรียกว่าสบายดีก็คงไม่ใช่แน่ ไม่ว่าพี่มิ่งและพี่นอจะถามอะไร ก็ดูเหมือนว่า นนท์จะสงวนคำพูดเหลือเกิน เขาดูมีเรื่องอะไรในใจที่ต้องคิดอยู่ตลอดเวลา จนแม้แต่คนอื่นๆที่ไม่ได้ช่างสังเกตเหมือนน้ำต้นยังรู้สึกได้

“นนท์ พอจะมีไอเดียอะไรใหม่ๆสำหรับงานของต้นบ้างแล้วหรือยัง” มิ่งถาม
“ก็... พอจะมีอยู่เหมือนกันครับ แต่ว่ามันยังไม่ค่อยเรียบร้อย ผมก็เลยอยากทำให้มันเสร็จสมบูรณ์จริงๆก่อน ค่อยเอามาให้ดูกันอีกที”
“ต้นล่ะ”
“ก็... มีไอเดียที่พอจะเอามาเป็นวัตถุดิบในการแต่งเพลงบ้างแล้วนิดหน่อยครับพี่ พร้อมเมื่อไหร่ต้นจะเอามาให้พวกพี่ช่วยดูให้นะครับ”
“ได้ คือ... พี่ไม่ได้เร่งอะไรหรอก โปรเจ็กต์นี้ พี่อยากให้เวลากับมันเต็มที่หน่อย ไม่อยากจะเร่งออกมา อะไรที่ไม่ดีจริงๆ พี่ไม่อยากปล่อยหรอก แต่ก็ไม่อยากให้พวกเราวางใจเกินไป พี่ก็คงจะถามเราบ่อยๆแบบนี้แหละ อย่าเพิ่งเบื่อไปก่อนก็แล้วกัน”
“งั้นวันนี้เอาแค่นี้” นอปิดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการนี้อย่างเรียบง่ายตามแบบฉบับของเขา
“ต้นเดี๋ยวออกมาคุยกับพี่แป๊ปนะ” พี่มิ่งบอกน้ำต้น หน้าตาจริงจัง

เดินออกมายังไม่ทันพ้นประตูดี มิ่งก็เอ่ยถามกับต้นด้วยสีหน้าที่แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างไม่ปิดบัง “นนท์เป็นอะไร ต้นรู้หรือเปล่า”
ต้นอึ้งไปเป็นครู่ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ต้นไม่แน่ใจเหมือนกันครับพี่มิ่ง แต่ท่าทางคงมีเรื่องไม่สบายใจเอามากๆ”
“พี่ฝากดูนนท์หน่อยนะต้น เขาไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมืองไทยเท่าไหร่ แล้วเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึก วัยพี่ห่างเขาเยอะ บางทีก็ไม่รู้จะเข้าไปถามยังไงดี พี่อดเป็นห่วงมันไม่ได้ ยังไงก็น้องน่ะนะ”
น้ำต้นยิ้มออกมาในที่สุด “ได้ครับพี่มิ่ง”
“ฝากหน่อย ฝากหน่อย มีกันอยู่แค่นี้แล้ว” พี่มิ่งตบบ่าเขาเบาๆก่อนจะเดินออกไป


การประชุมเลิกไปแล้ว นนท์ยังคงนั่งเหม่อบ้างสลับกับชั่งใจว่าจะจดอะไรลงไปในสมุดจดงานดี เขาไม่มีสมาธิเอาเลยจริงๆ ไม่ควรเลย ปกติแล้วเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว นนท์จะแยกแยะได้ไม่เคยเอามาปนกัน ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องบางเรื่องจะมีผลต่อจิตใจของเขามากถึงเพียงนี้


“พี่นนท์... พี่.. วู้ว...” เสียงของน้ำต้นปลุกนนท์ให้ตื่นจากภวังค์ทันที ก่อนที่จะเห็นว่านักร้องคนดังยืนโบกไม้โบกมืออยู่ตรงประตูราวกับเด็กๆก็ไม่ปาน เรียกร้อยยิ้มน้อยๆให้กับนนท์ได้เป็นครั้งแรกของวันเลยก็ว่าได้
“ครับน้ำต้น” เขาวางปากกา ปิดสมุดลงในที่สุด แล้วก็ค่อยๆถอดแจ๊กเก็ตสีดำออกเมื่อเครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำถูกปิดลง
“ค่ำแล้วพี่... ไปกินข้าวกันนะ” น้ำต้นยื่นหน้าแบ๊วเข้ามาใกล้และมองเขาด้วยตากลมใสคู่นั้น เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากจะออกไปกินข้าวหรือไปไหนเลยจริงๆตอนนี้ “นะพี่นะ ต้นยังไม่ได้กินอะไรเลยเหมือนกัน หิวแล้วด้วย เพื่อนจะไปกินข้าวก็ไม่มี” เด็กหนอเด็ก ได้ทีก็อ้อนเอาอ้อนเอา


แล้วคนใจอ่อนอย่างนนท์ก็ตกปากรับคำไปในที่สุด


“เย้... มันต้องอย่างนี้สิพี่ ปาย... ลุกเลย เดี๋ยวนี้เลย... หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว” นนท์อดหัวเราะไม่ได้กับท่าทางของน้ำต้นที่เอามือลูบพุงแบนๆป้อยๆ หน้าตาละห้อยเพราะความหิวอย่างไม่ปิดบังกันเลย หมดกัน... นักร้องขวัญใจวัยรุ่นแห่งยุค
“ไปครับ จะกินอะไรคิดเอาไว้รึยัง” นนท์ถามเอาใจขึ้นมาบ้าง
“วันนี้ตามใจพี่นนท์”
“อ้าว ไหงมาตามใจพี่”
“ขอสารภาพ หิวจนคิดไม่ออกแล้ว” น้ำต้นเอาหัวทิ่มผนังห้องเบาๆเหมือนคนที่อับจนหนทางเต็มที แหม... กะอีแค่เลือกร้านอาหารแค่นี้ นนท์ได้แต่ส่ายหน้ากับลีลาของอีกฝ่าย
“ไปกินอาหารญี่ปุ่นร้านข้างๆนี่ไหม พี่เองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน แต่ถ้าหิวแบบนี้พี่ว่าดีกว่าขับรถออกไปตระเวนหาร้านนะ”
“จัดมาพี่!” น้ำต้นทำท่าพยักเพยิดให้นนท์เดินตามออกมา ส่วนตัวเองสะพายเป้เตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว ก่อนที่จะกึ่งเดินกึ่งกระโดดออกไปอย่างเริงร่าเกินเหตุ


น้ำต้นฝ่าด่านแฟนเพลงตรงชั้นล่างของตึกออกมาอย่างไม่ยากเย็นนัก แค่เขาออกปากว่าขอออกไปคุยงานสักพักแล้วเดี๋ยวจะกลับมา แฟนๆก็เปิดทางให้เขาอย่างว่าง่ายแล้ว ก็เพราะไอ้ความใสซื่อนี่แหละ แฟนเพลงทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ถึงได้ติดเขาหนึบชนิดตามไหนตามนั่นกันเลยทีเดียว


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 4 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 19-07-2009 20:47:03
ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ว่าอยู่ในอาคารที่อยู่ถัดไปใกล้ๆ มันอาจจะไม่ได้ดูใหญ่โตอะไร แต่เรื่องรสชาติอาหาร นนท์รับประกันเป็นมั่นเหมาะ เพราะลองคออาหารญี่ปุ่นตัวยงอย่างเขาได้มาฝากท้องด้วยบ่อยๆแล้วล่ะก็ แปลว่าเชื่อถือได้แน่นอน


“อิรัชไชมาเสะ!” เสียงร้องเรียกต้อนรับแขกดังออกมาถึงหน้าร้าน ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไป
“ยามาดะซัง คมบังวะ” นนท์ทักทายชายวัยกลางคนที่มือง่วนอยู่กับการทำซูชิอยู่อย่างขะมักเขม้น
“อา... นนท์ซัง เกงกิ?” เจ้าของร้านที่ชื่อยามาดะ ถามไถ่ลูกค้าคนล่าสุดอย่างเป็นกันเอง
“เกงกิเดส วันนี้พาเพื่อนมาทานด้วยครับ” นนท์ว่า
“โดโสะ โดโสะ” เขาผายมือไปยังเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ “นนท์ซังกับเพื่อนวันนี้จะทานอะไรดี” ยามาดะถามอย่างอารมณ์ดีด้วยภาษาไทยที่แม้จะปนสำเนียงญี่ปุ่นออกมาด้วย แต่ฟังดูก็รู้ว่าคนพูดน่าจะอาศัยอยู่ที่เมืองไทยมานานปี
“พี่นนท์ว่ามาเลยเหอะ ต้นกินอะไรก็ได้”
“งั้นขอทงคัตสึราเม็งให้ผม แล้วก็คนนี้เอาอาหารชุดพิเศษมื้อเย็นมาเลย เขาหิว” นนท์ว่ากลั้วเสียงหัวเราะ
“ไฮ่ ชตโตะมัตเตะกุดาไซ” ว่าแล้วเจ้าของร้านก็ลงมือทำอาหารที่สั่งอย่างคล่องแคล่ว
“พี่นนท์มาบ่อยเหรอร้านนี้” น้ำต้นถามอย่างสนอกสนใจ หลังจากที่มองนนท์พูดคุยกับยามาดะซังอย่างเป็นกันเอง
“บ่อยครับ” ดูนนท์จะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว
“พี่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยเหรอ”
“นิดหน่อยเอง พี่เรียนมาบ้าง แต่ไม่เก่งหรอก” นนท์หยิบตะเกียบขึ้นมาพร้อมกับค่อยๆแยกออกเป็นสองซีกอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ตกลงพี่พูดได้กี่ภาษาเนี่ย” นนท์กันไปมองหน้าคนถามอย่างอดที่แปลกใจไม่ได้ “ถามทำไมครับ”
“ก็พี่มิ่งบอก พี่นนท์เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก”
“อ๋อ... พี่ก็พูดภาษาอังกฤษแหละ แล้วก็ภาษาญี่ปุ่นนิดหน่อย เพราะเลือกเรียนเป็นวิชาเลือกตอนอยู่มหาวิทยาลัย”
“โห ดีจัง ต้นได้แค่ภาษาเหนืออีกภาษาเดียวเอง” น้ำต้นพูดออกมาหน้าตาเฉย
“นับด้วยเหรอน้ำต้น ภาษาเหนือเนี่ย”
“ไม่รู้อ่ะ ใครไม่นับ ต้นนับของต้นก็แล้วกัน” ดู ยังแถต่อได้อีก นนท์หัวเราะออกมาแบบทึ่งๆ
“น้ำต้นนี่ดูร่าเริงเสมอเลยนะครับ”
“จริงเหรอพี่ บางคนก็บอกต้นไม่ค่อยช่างพูดเท่าไหร่”
“ฮื้อ ไม่นะ พี่เห็นต้นคุยเก่งออก” นนท์แย้ง
“แล้วแต่คนหรอกพี่นนท์ กับบางคนต้นก็กล้าคุย ถ้าไม่คุ้นเคยกันต้นไม่ค่อยคุยเท่าไหร่” เขาว่าพลางจ้องไปที่หน้าของคู่สนทนาตรงๆ
“พี่ว่า พี่ก็ไม่ใช่คนเงียบนะ” นนท์จ้องตอบยิ้มๆ “แต่ไม่รู้ทำไม อยู่ที่นี่คนถึงบอกว่าพี่ไม่ค่อยพูดก็ไม่รู้”
“เนาะ ต้นว่าพี่เป็นคนเรียบร้อยอ่ะ แต่ต้นคุยกะพี่สนุกนะ” เขาว่าซื่อๆแบบไม่ปิดบัง


อาหารที่สั่งไปถูกยกมาเสิร์ฟร้อนๆ น้ำต้นแค่ได้เห็นก็ลืมทุกอย่าง ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ มือข้างหนึ่งถือตะเกียบ อีกข้างก็หยิบโน่นหยิบนี่ขึ้นมาชื่นชม “หอม น่ากินจังพี่นนท์ สวรรค์เลย” ว่าแล้วก็ไม่ฟังเสียง ใช้ตะเกียบคีบเนื้อย่างที่ส่งกลิ่นหอมพร้อมควันฉุยใส่ปากทันที


“อ๊อยย.. ร้อน” เจ้าตัวดียกมือโบกไปมาเป็นระวิง
“อ่ะ น้ำ... พี่กำลังจะบอกเลยว่าร้อนนะ” นนท์ว่าพลางกลั้นหัวเราะสุดชีวิต “บอกไม่ทันเลย”
“มันหิวอ่ะพี่” น้ำต้นว่าเสียงอ่อยหลังจิบน้ำเข้าไปพร้อมกับแลบลิ้นออกมา ท่าทางจะโดนลวกเข้าไปอย่างจัง
“อ่ะ ค่อยๆกิน กินสลัดไปก่อน อันนี้ไม่ร้อน” นนท์เลื่อนจานสลัดให้ ก่อนที่จะค่อยๆจัดการอาหารของตัวเองไป
น้ำต้นเคี้ยวอาหารในปากตุ้ยๆ บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนร่วมโต๊ะอยู่เป็นระยะ จนอีกฝ่ายเริ่มรู้ตัว ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“มีอะไรติดหน้าพี่เหรอน้ำต้น”
“เปล่า ไม่มีครับ”
“แล้วมองหน้าพี่ทำไม พี่ชักระแวงแล้วนะนี่”


น้ำต้นหัวเราะชอบใจ ว่าตามจริง นนท์เองก็รู้สึกว่าถูกมองอยู่บ่อยๆ เด็กคนนี้จะรู้ตัวไหมนะว่า ปิดบังอะไรใครไม่ได้เลย การแสดงออกของน้ำต้นตรงไปตรงมาเสียจนนนท์เองยังนึกขำด้วยความเอ็นดู ที่สะดุดใจเขาที่สุดก็คือ น้ำต้นมีนิสัยชอบจ้องตาคู่สนทนา ผิดกับคนอื่นๆส่วนใหญ่ที่นนท์รู้จัก นนท์เคยชินกับการมองหน้าคู่สนทนาอยู่แล้ว ด้วยว่าไปเรียนอยู่เมืองนอกเมืองนามาเสียนาน แต่ก็เพิ่งจะมาเจอกับน้ำต้นนี่แหละ เขาไม่แน่ใจว่ากับคนอื่นน้ำต้นจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า แต่กับเขา เขารู้สึกได้


“ก็กำลังคิดว่า ไปไงมาไงเราถึงมาลงท้ายที่กินข้าวด้วยกันทุกที” น้ำต้นเอียงคอว่าเหมือนเด็กๆ
“นั่นสิ” นนท์หัวเราะออกมาเบาๆ
“โทษทีนะพี่ ต้นลืมถามว่าพี่มีนัดที่ไหนรึเปล่า อยู่ดีๆก็ลากพี่มากินข้าวแบบนี้เลย”
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ค่อยไปไหนกับใครเท่าไหร่หรอก บางทีทำงานเสร็จ พี่ก็ไปแวะร้านหนังสือบ้าง อะไรบ้างตามเรื่อง แล้วก็กลับบ้านเลย”
“งี้ก็ดีดิ” น้ำต้นร้องออกมาอย่างพอใจ
“ดียังไงครับ” นนท์ทำหน้าแปลกใจ
“ก็เดี๋ยววันหลังต้นชวนพี่ไปกินข้าวบ่อยๆไง”
“หน้าพี่เหมือนตัวเจริญอาหารมากขนาดนั้นเลยเหรอต้น” นนท์ทำหน้าเหรอหรา ก่อนที่น้ำต้นจะหัวเราะก๊ากออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของคนที่แก่กว่าเขาตั้งห้าปี
“พี่นนท์นี่ตลกดีเนาะ” น้ำต้นว่าอย่างใจนึก
“พี่เนี่ยนะ มีแต่คนบอกพี่หัวช้าจะตาย” นนท์ทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนจะยอมรับอยู่กลายๆ
ทั้งคู่ยังคงพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อไปอย่างไม่รู้เบื่อ ดูเหมือนจะมีเรื่องให้พูดคุยกันมากมายเหลือเกินสำหรับเพื่อนใหม่ทั้งสองคน เหลือบไปมองที่นาฬิกาอีกที ก็ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว
“เอ๊ย... ตายล่ะ นี่ดึกขนาดนี้เลยเหรอ”
“นั่นสิ” นนท์ว่า “กลับเถอะ ดึกมากแล้ว”
น้ำต้นชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามออกไปแบบไม่อ้อมค้อม
“พี่นนท์ มีต้องขึ้นไปเอาอะไรบนตึกรึเปล่าพี่”
“ก็มีเหมือนกันครับ กุญแจรถพี่อยู่ข้างบน ไม่ได้หยิบลงมาด้วย”
“แล้วอย่างอื่น กระเป๋าเงิน มือถือ”
นนท์ชูของที่ว่ามาให้น้ำต้นดู
“งั้นพี่ไม่ต้องขึ้นไป เดี๋ยวกลับบ้านเลย ต้นไปส่งเอง”
“ไม่ได้...” นนท์ประท้วง “พี่จะให้ต้นไปส่งได้ยังไง พี่ขับรถมา เดี๋ยวขับกลับเองได้”
“ก็พี่จะเสียเวลาขึ้นไปอีกทำไม ไม่รู้ล่ะ เดี๋ยวไปส่งให้ อย่าปฏิเสธเลยน่าพี่... นะ นะ ถือว่านั่งไปเป็นเพื่อนกันก็ได้” น้ำต้นออด
“แต่พี่เกรงใจ...”
พูดยังไม่ทันจบ น้ำต้นก็ชิงพูดสวนขึ้นมาทันที
“งั้นมื้อนี้ต้นให้พี่เลี้ยง แลกกับการขับรถไปส่งบ้าน”
“น้ำต้น...” นนท์ทำเสียงอ่อนใจ “ทำไมพูดเองเออเองแบบนี้ล่ะ”
“พี่นนท์ น่า... ให้ต้นไปส่งนะพี่”
นนท์ถอนหายใจ ไตร่ตรองอยู่เป็นครู่แล้วในที่สุดก็พยักหน้า
“ก็ได้ครับ แต่ที่จริงต้นไม่เห็นต้องลำบาก”
“ไม่ลำบาก อยากไปส่ง ไป... คิดเงิน”

นนท์ทำได้แค่ส่ายหน้า แต่ก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ ทำเอาอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจที่มีมาตลอดทั้งวันจางหายไปเหมือนปลิดทิ้งทีเดียว


“ต้นฟังแนวนี้ด้วยเหรอ” นนท์ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับหยิบซีดีที่วางอยู่ในรถขึ้นมาพร้อมออกปากถามอย่างสนใจ คนขับที่นั่งหน้าระรื่นขับรถอย่างสบายอารมณ์หันมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะมองถนนตรงหน้าต่อไป
“แผ่นไหนพี่” นนท์อ่านออกเสียงชื่ออัลบั้มและศิลปินที่เป็นภาษาต่างประเทศออกมาอย่างคล่องแคล่ว
“อ๋อ เพิ่งลองเอามาฟังครับ ปกติต้นฟังเพลงไทยมากกว่า แต่ก็เห็นว่าอัลบั้มใหม่จะมีอาร์แอนด์บี ก็เลยคิดว่า ลองหามาฟังดูบ้างคงไม่เสียหาย ต้นยืมพี่นอมาฟังอีกทีน่ะ”
“ชุดนี้ดีมาก” นนท์พึมพำเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า “ถ้าต้นสนใจอยากฟังเพลงอาร์แอนด์บีดีๆ เดี๋ยวพี่เอามาให้ยืมฟัง ดีมั้ย” นนท์หันไปถาม
น้ำต้นหันมามองหน้านนท์ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มและหันกลับไปมองถนนดังเดิม “ก็ดีสิพี่” น้ำเสียงของเขาไม่อาจปิดบังความยินดีที่ท่วมท้นนี้อยู่ได้เลยจริงๆ


นนท์คอยบอกทางให้กับน้ำต้นอย่างไม่มีติดขัด ย่านที่บ้านของนนท์ตั้งอยู่ เรียกได้ว่าเป็นย่านของคนที่มีฐานะแท้ๆ บ้านส่วนใหญ่ในบริเวณนี้เป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่เรียงตัวกันอย่างมีระเบียบ มีเนื้อที่กว้างขวาง ส่วนใหญ่ประตูบ้านจะมีขนาดใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิดอย่างดี น้ำต้นหยุดรถอยู่หน้าบ้านที่มีประตูสีขาวขนาดใหญ่หลังหนึ่งในที่สุด


“ถึงแล้วครับ เอ่อ... ต้นจะแวะเข้ามาดื่มอะไรหน่อยมั้ย” นนท์ว่าอย่างไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี “คือมันดึกแล้ว พี่เกรงใจต้น แต่ถ้าเจ้าบ้านไม่ชวนแขกเลยก็ดูไม่มีมารยาท ตามใจต้นนะครับ” เขาขมวดคิ้วย่นเข้าหากัน ราวกับว่านี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายก็ไม่ปาน ก่อนที่น้ำต้นจะหัวเราะออกมาอย่างนึกขัน
“ยังจะมาเกรงใจอะไรกันอีกพี่ โธ่...” น้ำต้นว่า “มันดึกแล้ว พี่นั่นแหละสะดวกรึเปล่า ต้นน่ะนอนดึกเป็นประจำ ถ้าพี่ไหว ต้นก็อยากจะเห็นบ้านพี่อยู่เหมือนกัน”
นนท์ยิ้มออกในที่สุด “ไหวสิ พี่ก็นอนดึกอยู่แล้ว ถ้าอยากแวะ ก็ยินดีต้อนรับครับ”


ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อไป ประตูบานใหญ่ก็เปิดออก คนเปิดประตูทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นรถหน้าตาไม่คุ้นเคยมาจอดอยู่หน้าบ้านเป็นนาน นนท์เลื่อนกระจกลงก่อนจะยื่นหน้าออกไปบอกแก่ชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงที่ยืนงงอยู่ตรงประตู


“นนท์มากับเพื่อนครับน้าชาย ไม่ต้องตกใจ”
“อ้าวแล้วรถคุณนนท์ล่ะครับ”
“อยู่ออฟฟิศครับ พอดีวันนี้ดึก เพื่อนก็เลยอาสามาส่ง ขอบคุณน้าที่มาเปิดประตูให้ครับ”
“ไม่เป็นไรครับคุณนนท์” ว่าแล้วก็วิ่งไปเปิดประตูอย่างขะมักเขม้น


น้ำต้นขับรถเข้าไปภายในบริเวณบ้าน ถึงกับอึ้งไปกับขนาดของบ้านหลังใหญ่ที่มีเนื้อที่กว้างขวางไม่เบา เขาหันซ้ายทีหันขวาทีด้วยความตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบๆบ้าน ก่อนที่นนท์จะบอกให้เขานำรถไปจอดตรงหน้าบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน


“นี่บ้านพี่ หลังใหญ่เป็นของญาติๆเค้าอยู่กัน” นนท์ว่าอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไร ก่อนที่จะเปิดประตูลงไป “เชิญครับ”
น้ำต้นเดินลงมา อ้าปากค้าง “บ้านพี่ใหญ่มากเลย” เขามองหน้านนท์ด้วยตาโตเป็นประกาย เหมือนเด็กได้เจอของเล่นไม่มีผิด


นนท์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะพยักหน้าให้น้ำต้นเดินตามเข้าไป นนท์ไขกุญแจเปิดประตูบ้านหลังเล็กของเขา เมื่อเดินเข้าไปสิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือเก้าอี้รับแขกขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กที่จัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ถัดเข้าไปเป็นโต๊ะอาหารขนาดที่พอนั่งได้ 5-6 คน แต่บนโต๊ะเต็มไปด้วยข้าวของที่มีตั้งแต่อาหารแห้งและขวดโหลใส่ขนมหลากชนิด


“บ้านพี่ของเยอะนะ แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรหรอก ก็บ้านธรรมดานี่แหละ ต้นนั่งก่อน เดี๋ยวพี่มา” นนท์เดินเอาของเข้าไปเก็บในห้องครู่เดียวก็ออกมา พร้อมหยิบซีดีติดออกมาด้วยหลายแผ่น โดยมีน้ำต้นจับตามองทุกอิริยาบถอยู่ไม่ห่าง
“เอาน้ำอะไรมั้ย” นนท์วางซีดีไว้บนโต๊ะก่อนทำท่าจะเดินไปที่ตู้เย็น น้ำต้นคว้าข้อมือเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปากอย่างเกรงใจ
“ไม่ต้องแล้วพี่ นั่งเหอะ ต้นไม่ได้จะแวะมากวนพี่สักหน่อย” นนท์ยิ้มและนั่งลงที่โซฟาข้างๆโดยดี
“แล้วก็นี่” เขาเลื่อนกองซีดีไปวางตรงหน้าน้ำต้น “ซีดีที่พี่บอก พอดีต้นมากะทันหันก็เลยหยิบมาให้เท่านี้ก่อน เดี๋ยววันหลังพี่จะหาแผ่นอื่นๆมาให้ลองฟังอีก พี่มีเยอะเลย”
“ขอบคุณครับพี่นนท์” น้ำต้นยกมือไหว้อย่างซาบซึ้งใจจริงๆ “ที่จริงพี่ไม่เห็นต้องรีบเลย แต่ก็ขอบคุณนะครับ” นนท์ส่ายหน้าเบาๆเหมือนจะบอกว่าอย่าเกรงใจกลายๆ
“บ้านพี่ใหญ่โตมากเลย” น้ำต้นพูดซ้ำเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง สายตามองออกไปยังประตูกระจกที่มองเห็นทะลุออกไปภายนอก แม้จะมืดแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่า สวนด้านนอกผ่านการจัดแต่งเอาไว้เป็นอย่างดี
“บ้านญาติทางแม่น่ะ ไม่ใช่บ้านพี่... ถ้าจะบอกว่าบ้านของตัวเองจริงๆก็ต้องเป็นหลังเล็กหลังนี้มากกว่า”
“งี้ก็มีเพื่อนมาบ่อยๆอ่ะสิ”
“ไม่มีครับ”
“อ้าว” น้ำต้นทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“น้ำต้นเป็นคนแรกที่มาบ้านพี่”
“โห... “ น้ำต้นทำเสียงยินดีอย่างไม่ปิดบัง “ดีใจนะเนี่ย”
นนท์ยิ้มแต่กลับไม่ได้สบตากับอีกฝ่าย
“พี่นนท์...”
“ครับ” เขาสะดุ้งเล็กน้อย
“งั้นต้นปล่อยให้พี่นนท์พักดีกว่า ดึกแล้ว... ต้นกลับล่ะนะ” นนท์ยิ้มไม่ว่าอะไร เขาลุกขึ้นแตะบ่าน้ำต้น
“ไป เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่รถครับ”
น้ำต้นถือซีดีเอาไว้ในมืออย่างทะนุถนอม เขาเดินกลับไปที่รถพร้อมกับเจ้าบ้านที่เดินมาส่งอย่างเต็มอกเต็มใจก่อนจะเปิดประตู วางซีดีในมือเอาไว้ที่เบาะข้างคนขับแทนที่คนที่เขาเพิ่งจะขับรถมาส่ง
“ขอบคุณนะที่มาส่งพี่”
“ขอบคุณเหมือนกันที่เลี้ยงข้าวต้น” คนพูดทำท่าทะเล้น นนท์ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“ขับรถกลับบ้านดีๆ ถึงแล้วโทรบอกพี่หน่อยก็ได้นะ” น้ำต้นยิ้ม พยักหน้า กำลังจะเปิดประตูรถแล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“พี่นนท์”
“ครับ”
“ถ้าพี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ พี่คุยกับต้นได้นะ”

นนท์ถึงกับประหลาดใจ

“ต้นก็ไม่รู้หรอกว่าพี่มีปัญหาอะไร แต่ต้นอยากให้พี่สดชื่นกว่านี้ แล้วถ้ามันจะทำให้พี่รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง ก็... คุยกับต้นได้” น้ำต้นมองหน้านนท์ตรงๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปแตะที่ต้นแขนนนท์เบาๆ “แค่นี้ล่ะครับ พี่พักผ่อนเถอะ” ว่าแล้วเขาก็เข้าไปนั่งและปิดประตูรถโดยไม่รอคำตอบแต่อย่างใด ก่อนที่จะเลื่อนกระจกและโบกมือลา

นนท์โบกมือตอบกลับอย่างไม่รู้ตัว


รถเก๋งสีดำขับออกไปแล้ว ประตูปิดลงแล้ว แต่นนท์ยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นครู่ คำพูดของเด็กน้ำต้นยังก้องอย่างอ่อนโยนอยู่ในหู ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา แล้วก็เดินกลับเข้าบ้านไปด้วยหัวใจที่เต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก


ไม่ถึงยี่สิบนาที โทรศัพท์มือถือของนนท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาและทำหน้าแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใคร
“ถึงบ้านแล้วเหรอ ทำไมเร็วจัง” นนท์ถามอย่างแปลกใจ
“ใกล้แล้วพี่ ไม่ต้องห่วง แต่เมื่อกี้ลืมถาม” เสียงนั้นว่ามาตามสาย
“อะไรครับ”
“พรุ่งนี้พี่รีบเข้าออฟฟิศรึเปล่า”
“ไม่รีบครับ ปกติพี่เข้าเกือบเที่ยงแล้ว”
“โอเคพี่ งั้นต้นไม่โทรหาแล้วนะ ใกล้ถึงคอนโดแล้ว พี่พักผ่อนเถอะ”
“อ้าว” ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ปลายสายก็วางไปเสียแล้ว นนท์กดวางสายอย่างไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยน้ำต้นกลับถึงบ้านแล้ว เขาก็เบาใจ


เฮ้อ... ช่างเป็นวันที่ยาวนานและมีอะไรให้คิดมากมายเหลือเกิน นนท์นอนห้อยขาอยู่บนเตียง คิ้วขมวดเคร่งเครียดอย่างคนที่มีเรื่องต้องคิดอยู่มากมาย แต่เมื่อคิดถึงอาหารมื้อเย็นและแขกยามวิกาลที่เพิ่งจากไป กลับทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้อย่างประหลาด ก่อนที่จะสลัดความคิดยุ่งเหยิงออกไป และตัดใจลุกขึ้นไปอาบน้ำในที่สุด


**************************

โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 4 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 19-07-2009 21:06:29
มาอ่านสองตอนรวดเลยค่ะ
น้องน้ำต้นน่ารักจัง
สดใสตลอดเวลา
อยากมีอยู่ข้างๆ ตัวบ้าง 555
มีคนน่ารักๆ อย่างน้องน้ำต้นอยู่ใกล้ๆ
อีกไม่นานพี่นนท์คงจะลืมเรื่องไม่สบายใจได้แน่ๆ

ขอบคุณพี่นาเมฮ์นะคะ
ฝันดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 4 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 19-07-2009 21:34:09
ติดใจเรื่องนี้ซะแล้ว อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 4 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 19-07-2009 21:49:25
น้องน้ำต้นนี่แอบแรงได้ใจ

ไปส่งถึงบ้านแต่ก็นะ

เป็นเราไม่ได้ ส่งถึงเตียงเลย คริๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 4 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-07-2009 21:52:23
 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 4 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 20-07-2009 02:09:43
น้ำต้น กับ นนท์

อ่านแล้วตกหลุมรักทันทีค่ะ

เหมือนมีภาพซ้อนขึ้นมาเลย

 :o8:


ขอบคุณคนแต่ง และคนโพสต์ ค่า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 4 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 20-07-2009 22:33:32
เค้าเพิ่งเห็นแหละ ว่าพี่นาเมฮ์เอานิยายมาลงด้วย
ปกติเข้าแต่เรื่องของพี่เอกะพี่ป่านเลย ไม่ค่อยได้มาดูหน้าหลักเท่าไหร่
ขอแปะไว้ก่อนนะค๊า เดี๋ยวมาตามอ่าน อิอิ

Edit

อ่านแล้วจ้าาา
ไม่เคยอ่านนิยายแนวประมาณนี้มาก่อนเลยอ่ะ
น้ำต้น น่ารักดีจัง ดูใสๆจริงใจดี
แต่บทบรรยายมันเยอะดีจังเนาะ
ถ้าทำเป็นเล่มนี่ บทบรรยายของตอนเดียวปาไปสามหน้าได้มั้ง เหอๆ
อย่าว่ากันเน้อ
เอาใจช่วยคนแต่งต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 22-07-2009 12:24:08
อีกบทแล้วนะคะ บทนี้ค่อนข้างยาวหน่อยนึง แต่ฝากให้ติดตามด้วย

เปิดตัวเอ้ไปแล้วที่ตอนที่แล้ว หนนี้จะเปิดตัวอีกตัวละครนึงบ้าง

จะเป็นใครนั้น อ่านกันเลยค่ะ

***************

เพลงรัก

บทที่ 5


ชายหนุ่มลุกออกมาจากเตียงได้พักใหญ่แล้ว เขาหันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียง สิบโมงเช้า ถือว่าสายกว่าปกติเล็กน้อย คงเพราะเมื่อคืนมีเรื่องให้ต้องคิดมากมายเหลือเกิน ทำให้หลับไม่สนิทเสียที กว่าจะปิดตาลงได้ก็ต้องนอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่นานทีเดียว เขาหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ทำธุระ แปรงฟัน และตอนที่กำลังตรียมตัวจะอาบน้ำอยู่นั่นเอง เสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้นเป็นจังหวะเบาๆ


“ครับ แป๊ปนึงครับ” นนท์เดินไปเปิดประตู “ป้าชื่น มีอะไรครับ”

แม่บ้านท่าทางใจดีที่คอยดูแลคุณนนท์มานานยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา ไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม ในสายตาของนาง คุณนนท์ก็ยังคงเป็นเด็กน้อยที่เธอรักเหมือนลูกอยู่นั่นเอง ป้าชื่นรักในจิตใจที่งดงามและความสุภาพเรียบร้อยของชายหนุ่ม เธอผูกพันกับบ้านนี้มานานค่าที่ว่าเจ้าของบ้านคนเก่าที่สิ้นไปนั้นเลี้ยงดูอุปการะเธอมาตั้งแต่ยังเป็นสาวรุ่นจนกลายเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ และพลอยผูกพันกับคุณนนท์ที่เธอเฝ้าดูแลมาแต่อ้อนแต่ออก คุณนนท์ของเธอเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มที่น่ารักแสนดี เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง และเธอก็ได้เฝ้าดูการเติบโตนั้นอย่างภาคภูมิใจเหลือเกิน


“คุณนนท์ขา มีเพื่อนมาหาคุณนนท์แต่เช้าเลยค่ะ” เธอว่า “ป้าชื่นว่าเขาหน้าคุ้นๆยังไงไม่ทราบค่ะ”

“เขาบอกหรือเปล่าครับว่าชื่ออะไร” นนท์ถามอย่างสงสัยขึ้นมาจริงๆ

“เขาบอกป้าว่า จะมารับคุณนนท์ไปทำงานน่ะค่ะ เห็นว่าชื่อน้ำต้น ชื่อแปลกเชียว” ป้าชื่นว่าพลางนึกถึงหน้าตาทะเล้นน่าเอ็นดูของแขกยามเช้าที่มืออ่อนตีนอ่อน อีกทั้งยังขี้อ้อน พูดจาอ่อนหวานเป็นที่สุด จนเธออดนึกเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้ นนท์ได้แต่ทำตาโตหายสงสัยทันที แต่ก็ยังงงกับสิ่งที่ได้ยินไม่หาย

“เขาว่ายังไงนะครับป้า” นนท์ถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู

“เขาบอกมารับคุณนนท์ไปทำงานค่ะ เมื่อคืนคุณนนท์ไม่ได้ขับรถกลับมาหรอกหรือคะ” ป้าชื่นถาม

“เปล่าครับ พอดีดึกแล้ว เพื่อนก็เลยมาส่ง” นนท์ว่า “เอ้อ... นนท์กวนป้าชื่นไปบอกเขาให้รอนนท์ยี่สิบนาทีได้ไหมครับ เดี๋ยวนนท์ออกไป ให้เขามารอในห้องนั่งเล่นนี่ก็ได้ ขอบคุณครับป้า” ไม่ทันขาดคำชายหนุ่มก็ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มป้าชื่นฟอดใหญ่ แล้วจึงปิดประตู

ป้าชื่นยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินออกไปบอกแก่แขกผู้มาเยือนยามเช้าตามที่คุณนนท์บอกทุกคำชนิดไม่ขาดตกบกพร่อง

*******************

“น้ำต้น” นนท์เรียกอย่างไม่หายประหลาดใจ

“เร็วดีจังพี่นนท์ ไหนบอกยี่สิบนาที” เจ้านักร้องหนุ่มตีหน้าเซ่อ ทำทีไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของเจ้าบ้าน

“นั่นมันไม่สำคัญเท่ากับว่าต้นมาที่นี่ได้ยังไง”

“ขับรถมาสิพี่ เมื่อคืนเพิ่งมา ต้นไม่ได้ลืมทางมาบ้านพี่ง่ายขนาดนั้นซักหน่อย” น้ำต้นแถไปเรื่อย

“พูดเล่นกับพี่แต่เช้าเลยครับน้ำต้น” เขาเลิกถาม ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแล้วก็นั่งลงง่ายๆอย่างไม่สนใจใคร่รู้อะไรอีก

“ต้นมารับพี่ไปทำงานไง” เขาหันไปทำตาแป๋วใส่คนที่นั่งข้างๆ

“ไม่เห็นต้องลำบากขนาดนั้นเลย” นนท์ว่าอย่างเกรงใจ

“ก็มานึกดู ต้นลืมคิดไปว่ามาส่งพี่แล้ว พี่ก็ไม่มีรถสิ แล้วจะไปทำงานยังไง ก็เลยคิดว่าต้องรับผิดชอบพี่หน่อย” น้ำต้นว่าด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง

“โธ่... พี่ให้คนที่บ้านไปส่งตรงรถไฟฟ้าก็ได้”

“ไม่ได้สิพี่... ต้นทำพี่ลำบาก ต้นก็ต้องรับผิดชอบ” แต่หน้าตาคนพูดยียวนยิ่งนัก

“แล้วนี่ เลยต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมารับพี่”

“ก็วันนี้ ไม่มีงานตอนเช้า มีอีกทีค่ำเลย” นนท์เถียงต่อไม่ออก เพราะดูเหมือนน้ำต้นจะเตรียมคำพูดดักเขาไว้หมดทุกทางแล้ว เขาได้แต่ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้า

“ไปกันเถอะ”

“ไปไหนแต่เช้า”

“ไปหาอะไรดื่มหน่อย ไปกินกาแฟกันเถอะ” น้ำต้นชวนเป็นเด็กๆ

“แล้วแต่เลยครับ” นนท์ว่าอย่างยอมแพ้

“พี่ไม่รีบต้องเข้าออฟฟิศใช่มั้ย”

“ไม่รีบครับ”

“งั้นไปกินกาแฟเป็นเพื่อนต้นนะ” น้ำต้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้นนท์ ตาเป็นประกายมองช้อนขึ้นมาอ้อนเขาเต็มที่

“พี่ยอมแล้วครับน้ำต้น” เขาชูมือยอมแพ้พร้อมกับหัวเราะออกมาเห็นฟันเรียงตัวเป็นระเบียบ เกิดมาไม่เคยเจอใครที่อ้อนได้อ้อนดีขนาดนี้มาก่อน เขาเองก็เป็นคนใจอ่อนเสียด้วย ถึงต้องเป็นฝ่ายยอมอยู่ร่ำไปแบบนี้

น้ำต้นกึ่งเดินกึ่งกระโดดออกไปอย่างร่าเริงจนน่าหมั่นไส้ เกือบชนกับแม่นมของบ้านเข้าแล้ว “อุ๊ย ขอโทษครับคุณป้า เกือบไปแล้ว” ว่าแล้วก็เข้าไปประคองป้าชื่นอย่างไม่ถือเนื้อถือตัว

“ไม่เป็นไรค่ะป้าชื่นไม่เป็นไร” นางว่าพลางหัวเราะไม่ปิดบังความเป็นคนอารมณ์ดีเอาไว้เลยแม้แต่น้อย “แล้วนี่จะออกไปกันแล้วหรือคะ ไม่ทานอะไรกันก่อนซักหน่อยเหรอคะเนี่ย” ป้าชื่นโอดครวญ

“อยากทานอยู่เหมือนกัน แต่พอดีวันนี้แขกนนท์เขารีบจ้ะป้า” นนท์พูดกับแม่นมของบ้านด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน น้ำต้นมองภาพที่เห็นด้วยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะรีบเข้าไปอ้อนป้าชื่นอย่างคนรู้งาน

“ต้นขอโทษครับป้า แต่รับรอง ถ้าป้าไม่ว่าอะไร วันหลังต้นจะมาขอชิมฝีมือป้าแน่ๆ ได้มั้ยครับป้า” นนท์เลิกคิ้วพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างไม่เชื่อหู นี่จะเรียกว่าเนียนได้ไหมนี่...

“จริงๆนะคะคุณ ขอให้มาเถอะค่ะ ป้าชื่นจะแสดงฝีมือให้ดูจนไม่อยากจะไปทานข้างนอกอีกเลย” ป้าชื่นว่าด้วยสีหน้าจริงจัง จนสองหนุ่มอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“อันนี้ต้องอยู่ที่พี่นนท์ด้วยแหละครับป้า”

“อ้าว เกี่ยวอะไรกับพี่ครับเนี่ย” นนท์ไม่ทันได้ตั้งตัว

“ก็ถ้าพี่นนท์เขาไม่ต้อนรับ ต้นก็มาไม่ได้ใช่ไหม ก็ต้องขึ้นกับเจ้าบ้านเขา” ว่าแล้วเจ้าตัวดีก็เดินเข้าไปโอบไหล่กอดป้าชื่นหน้าตาเฉย ดูเอาเถอะ

“โอ๊ย ไม่ต้องถามหรอกค่ะ ปกติคุณนนท์ไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้านเลย คุณเป็นคนแรก แสดงว่าก็ต้องเป็นเพื่อนสนิท ป้าชื่นไว้ใจได้แน่นอน” นนท์ถึงกับทึ่งกับฤทธิ์ของน้ำต้น ไม่ทันไรก็ชนะใจป้าชื่นเสียแล้ว ก่อนจะหัวเราะอย่างยอมแพ้อีกครา

“ถ้าป้าชื่นว่าอย่างนั้น นนท์คงไม่กล้าขัดป้าแล้วล่ะ“ ได้ยินอย่างนั้นเจ้าเด็กจอมเนียนถึงกับซ่อนยิ้มเอาไว้ไม่ไหว แถมยังทำท่าชูกำปั้นเล็กๆแล้วก็ดึงเข้าหาตัวอย่างสมใจอีกต่างหาก ดูเอาเถอะ รู้จักกันได้ไม่ทันไร ก็ตีสนิทกับคนในบ้านได้เสียแล้ว

“ขับรถกันระวังค่ะคุณๆ คุณนนท์ไม่ต้องล็อกห้องนะคะ เดี๋ยวป้าให้เด็กเข้าไปทำความสะอาดให้”

นนท์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “ขอบคุณครับป้า งั้นนนท์ไปนะ” ว่าแล้วก็เข้าไปกอดแม่นมแล้วก็หอมอีกฟอดใหญ่

“ไปนะคร้าบบบบ” น้ำต้นยกมือไหว้พร้อมบอกลาด้วยน้ำเสียงร่าเริง

ป้าชื่นมองตามรถเก๋งสีดำมันปลาบที่ขับออกไปอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินไปสั่งให้เด็กในบ้านทำหน้าที่ของตัวเองอย่างที่เคยทำจนเป็นกิจวัตร



นนท์มองตามเด็กหนุ่มที่สาละวนอยู่กับการถือแก้วกาแฟส่งกลิ่นหอมฉุยมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ ภายในร้านกาแฟในวันธรรมดาสายๆแบบนี้ มีคนมานั่งอยู่ค่อนข้างบางตา ไม่พลุกพล่าน และเจ้าเด็กจอมเนียนที่นั่งหน้าแป้นอยู่ตรงกันข้ามกับเขาก็ไม่ต้องคอยระวังสายตาใครด้วย อันที่จริงน้ำต้นไม่ใช่คนที่จะมาคอยระวังอะไรสักเท่าไหร่อยู่แล้ว เพราะความซื่อและตรงไปตรงมาตามธรรมชาติของเจ้าตัวนี่เอง ที่บางครั้งทำให้ถึงกับลืมไปว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นถึงนักร้องชื่อดัง

“อะไรครับน้ำต้น” นนท์เหลือบไปเห็นสายตาที่จ้องมาที่เขาแบบมีเลศนัยเสียจนอดถามออกมาไม่ได้

เจ้าเด็กตาแป๋วไม่ว่าอะไรนอกจากยิ้มสำทับ น้ำต้นเอาคางเกยกับโต๊ะ สายตายังช้อนมองไปที่นนท์ไม่เลิก

“อะไรกัน” นนท์หัวเราะ ชักเริ่มทนสายตาคู่นี้ไม่ได้แล้วเหมือนกัน

“ปล่าววววว” อีกฝ่ายยานคางตอบ

“แล้วไหน คุยกันหน่อยซิ มันเรื่องอะไรต้องลำบากไปรับพี่ด้วย”

“ต้นก็บอกไปแล้วไง”

“ไม่ใช่ละ เอาจริงๆสิ”

“เอาจริงๆเหรอ”

นนท์พยักหน้าพลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“ก็... ไม่รู้สิพี่ แค่รู้สึกอยากไปรับพี่นนท์ ก็เลยไป แค่เนี้ย”

“แค่เนี้ย?” นนท์ถามแบบไม่เชื่อหู

“แล้วเมื่อคืนที่โทรมาอ่ะ”

“ก็นึกได้ว่า ตอนเช้าพี่นนท์คงไม่มีรถไปทำงาน ก็เลยโทรไปถาม จะได้กะเวลามารับถูกไง”

“ฮื้อ” นนท์ทำเสียงขึ้นจมูก เด็กคนนี้มันอะไรกัน

“เอาน่าพี่ไม่ต้องสนใจหรอก ต้นอยากไปก็ไป แค่นี้เอง ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก อีกอย่างพี่ๆเค้าก็บอกว่าถึงยังไงเราก็ต้องทำงานด้วยกัน ทำความรู้จักกันไว้ไม่เห็นเสียหาย” น้ำต้นเริ่มตอบแบบยียวนเสียแล้ว

นนท์เอียงคอเหมือนจะประเมินสีหน้าของคนพูดว่าหมายความอย่างไรแน่


“พี่นนท์แต่งเพลงอย่างเดียวเลยเหรอตอนนี้” น้ำต้นชวนคุย

“ก็... ไม่เชิงครับ” นนท์จิบกาแฟด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น

“ไม่เชิง ก็แปลว่าทำอย่างอื่นด้วย”

“ก็ ทำงานแปลด้วยนิดๆหน่อยๆ” นนท์ว่าอย่างไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

“แสดงว่า ภาษาพี่นี่ต้องเข้าขั้นเทพแล้วล่ะ” น้ำต้นว่าด้วยสีหน้าที่แสดงความทึ่งออกมาอย่างไม่ปิดบัง “พี่แปลอะไรบ้าง”

“ก็ พ็อกเก็ตบุ๊กอะไรประมาณนี้ แล้วก็มีเขียนอะไรก๊อกแก๊กไปเรื่อย พี่ยังไม่เก่งขนาดนั้นหรอก” เขาถ่อมตัว

“ไม่จริงอ่ะ ตอนพี่มิ่งชม พี่นนท์ก็ว่าอย่างนี้” น้ำต้นว่าตาเป็นประกาย “พี่ไปอยู่มืองนอกมากี่ปีครับ”

“ประมาณสิบปีนะ ถ้าจำไม่ผิด”

“แล้วทำไมภาษาไทยพี่เก่งจังล่ะ ต้นเห็นคนที่ไปอยู่เมืองนอกนานๆแล้ว กลับมาอย่าว่าแต่เขียนเลย แค่พูดก็ไม่ชัดละ แต่พี่นี่นอกจากจะไม่ลืมแล้วยังเอามาใช้ได้ด้วย” เขาชมซึ่งๆหน้า ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับยิ้มเห็นฟันสวย

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แล้วน้ำต้นล่ะ ทำไมถึงอยากมาเป็นนักร้องครับ”

“ตอบแบบสมัยนิยมเลยนะ ผมชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ” เขาทำมือเหมือนถือไมโครโฟนและเปลี่ยนป็นสีหน้าขึงขังทันที ทำเอานนท์ถึงกับหัวเราะชอบใจออกมา อีกฝ่ายจึงหัวเราะออกมาด้วย

“เอาจริงๆสิครับ” นนท์ว่า

“จริงๆพี่นนท์ ต้นชอบร้องเพลงมาก จำความได้ก็ร้องเพลงมาตลอด งานโรงเรียนบ้าง งานอะไรบ้าง มีโอกาสเป็นต้องกระโดดขึ้นไปร้องเพลงตลอดเลย พ่อกับแม่เค้าไม่ได้ว่าอะไร ยิ่งพ่อ พอเห็นเราชอบ ก็สนับสนุน อยากเรียนอะไรก็ให้เรียน อยากเล่นอะไรก็ซื้อให้เล่น”

“อย่างนี้ ต้นก็เล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่างสิ” นนท์ทึ่ง

“หลายอย่าง แต่ไม่น่าจะก่งซักอย่างนะพี่” น้ำต้นว่าอย่างติดตลก “ที่ถนัดกว่าอย่างอื่นคงเป็นกีตาร์ล่ะมั้ง นอกนั้นก็งูๆปลาๆ” เด็กหนุ่มว่าอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

“เก่งนะ”

“พอจบมอหก ก็เออ... เอาไงดี ความรู้สึกอยากทำตรงนี้ให้จริงจังไปเลยมันก็เกิดขึ้นมาเฉยๆ ก็เลยตัดสินใจเดินเข้ามาที่นี่เลย”

“แล้วต้นเคยไปไหนไกลบ้านมาก่อนรึเปล่า”

“ไม่เคยพี่ พ่อกับแม่ยังตกใจเลย เค้าก็ถามแน่ใจแล้วเหรอ เราก็แน่ใจ” น้ำต้นหยุดเหมือนพยายามที่จะคิดทบทวนถึงวันเวลาเก่าๆ “แต่พอมาจริงๆอ่ะ คิดถึงพ่อกับแม่มากเลย แต่เราก็ตัดสินใจแล้ว ไม่อยากให้เค้าผิดหวังกับเรา เพราะเราเลือกของเราเอง”

“แล้วมาอยู่คนเดียวทั้งที่ไม่เคยอยู่อย่างนี้ ไม่เหงาเหรอต้น”

“เหงาสิพี่” น้ำต้นว่าในขณะที่สายตาไม่ได้ละจากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าไปไหน “ตอนนี้ก็เหงา”

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างคนทั้งสอง ราวกับรอบตัวไม่มีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง

“แต่ก็ชินแล้วนะ” เสียงน้ำต้นดังทำลายความเงียบขึ้น นนท์สังเกตเห็นรอยยิ้มกว้างเปิดเผยอย่างคนมองโลกในแง่ดี ก่อนที่จะรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะของตัวเอง อีกแล้ว “เราก็อยู่มาได้ตั้งสองสามปี อีกอย่าง แม่เค้าก็แวะมาหาบ้างเหมือนกัน ไม่ถึงกับเหงาอะไร งานก็เยอะด้วย... บางทีลืมเหงาไปเลยก็มี” น้ำต้นหัวเราะเบาๆ

นนท์มองนาฬิกาบนข้อมือ ก่อนจะพูดตัดบทอย่างนึกเสียดาย “พี่ต้องเข้าออฟฟิศแล้วล่ะครับน้ำต้น” เขาว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“โอ๊ย จะเที่ยงแล้ว ขอโทษทีพี่นนท์” เจ้าตัวกระวีกระวาดหยิบกระเป๋าขึ้นมา เตรียมพร้อมที่จะลุกเต็มที่ นนท์ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้รีบขนาดนั้น ที่จริงเวลาเข้างานของพี่มันค่อนข้างไม่แน่นอนแล้วก็อิสระกว่าที่คิดเยอะนะ” นนท์ว่าอย่างสบายอารมณ์

“แล้วไป กลัวพี่ลำบากเพราะโดนต้นลากไปลากมา” เจ้าตัวว่าออกมาหน้าตาเฉย นนท์ได้แต่ส่ายหน้าหัวเราะเหมือนจะบอกว่า เขาไม่ได้ลำบากอะไรเลยสักนิด จนอีกฝ่ายเองก็อดยิ้มตอบไม่ได้เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 22-07-2009 12:26:56
กว่าจะถึงบริษัทก็เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว นนท์ไม่นึกอยากทานมื้อกลางวันอีก จึงตัดสินใจเข้าออฟฟิศทันที เด็กน้ำต้นเดินขึ้นลิฟต์พร้อมๆกับเขา ก่อนจะบอกลากันเมื่อลิฟต์หยุดอยู่ตรงชั้นยี่สิบ

นนท์รู้สึกแปลกใจตัวเองเล็กน้อยที่ความตั้งใจว่าจะกลับมาทำงานอะไรนิดหน่อยที่โต๊ะจางหายไปอย่างง่ายดาย เขาทำได้แค่เพียงนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยและใจลอยเมื่อคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นเป็นต้นมา เหมือนเขาแทบจะไม่ได้ห่างเด็กน้ำต้นนั่นเลยก็ว่าได้ ไม่เพียงแต่น้ำต้นจะเริ่มเข้ามาสนิทสนมกับเขา แต่ตัวเขาเองก็นับได้ว่าเปิดใจกับน้ำต้นมากอย่างที่ตัวเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นกัน ทำไมนะ เขาสงสัย แต่ก็อีกเหมือนกันที่ตั้งแต่เกิดมา เขาเองก็ยังไม่เคยพบกับใครที่ใสซื่อและจริงใจกับความรู้สึกตัวเองเหมือนน้ำต้นมาก่อนเช่นกัน น้ำต้นมีอะไรมาทำให้เขาได้แปลกใจอยู่เรื่อยๆ นึกจะพาเขาไปไหนก็พาไป นึกอยากจะพาเข้าไปส่งบ้านหรือมารับก็ทำ นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ และทำในแบบที่เขาเองมักจะปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่เรื่องเพียงแค่นี้กลับทำให้เขารู้สึกสบายใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ นึกแล้วก็ให้ประหลาดใจได้อีก

นนท์นั่งปล่อยความคิดให้ล่องลอยอยู่เป็นนาน ก่อนจะหยิบสมุดโน้ตที่เขามักจะจดอะไรต่อมิอะไรเอาไว้ในนั้นเสมอ ขึ้นมา ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเขียนอะไรลงไปเงียบๆ และไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างอีก


อันที่จริงวันนี้น้ำต้นไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่บริษัทเลยสักนิด งานเพียงชิ้นเดียวที่เขาต้องทำในวันนี้ก็คืองานโชว์ตัวที่กว่าจะเริ่มก็ค่ำไปแล้วโน่นล่ะ แต่ด้วยความที่อยากจะหาเรื่องไปรับนนท์มาทำงาน เขาจึงทำเนียนว่าตัวเองก็มีงานต้องเข้ามาคุยเหมือนกัน ดังนั้นพอออกมาจากลิฟต์ได้ไม่ทันไร ก็โดนเมษทักเสียก่อนแล้ว

“น้ำต้น วันนี้ไม่มีงานในนี้นี่ ทำไมมาได้ล่ะเรา” เมษถามอย่างไม่ได้เจาะจงจะเอาคำตอบอะไร แต่ทำเอาอีกฝ่าย อึกอักขึ้นมาเสียอย่างนั้น ดูเอาเถอะ เจอกับใครไม่เจอ ต้องมาเจาะจงเจอกับคนที่รู้คิวของเขาหมดเสียด้วย

“เปล่าพี่เมษ พอดี...” เมษเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะ “ปัดโธ่... พี่ไม่ได้จะคาดคั้นอะไรสักหน่อย” เธอแตะไปที่ไหล่ของน้ำต้นเบาๆอย่างเป็นกันเอง “เอ๊า เข้ามา เข้ามา ไหนๆก็ไหนๆ มาเช็กคิวงานกันหน่อยก็แล้วกัน กินอะไรมาหรือยัง” เมษถาม

“ก็นิดหน่อยครับพี่ แต่คงไม่กินอะไรแล้ว” น้ำต้นยิ้มเมื่อนึกถึงกาแฟเมื่อตอนสายที่ดื่มเข้าไป “คุยกันเลยก็ได้ครับพี่เมษ” ว่าแล้วก็เดินหายเข้าไปในพาร์ทิชั่นของเมษนั่นเอง


“ฮัลโหล” นนท์รับสายโดยที่ไม่ทันมองด้วยซ้ำว่าปลายทางเป็นใคร “ครับ?” เขาว่าเมื่อปลายสายไม่ได้ทักทายกลับมา

“พี่นนท์” เสียงคุ้นหูดังขึ้น

“น้ำต้น? มีอะไรครับ” นนท์ถามอย่างแปลกใจ เพิ่งแยกกันได้ไม่ถึงสองชั่วโมงแท้ๆ

“ว่างปะพี่” น้ำต้นถามกระตือรือร้น

“พี่ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรนะ มีอะไรรึเปล่าครับ”

“เดี๋ยวลงไปหานะ” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบรับว่าอย่างไร คนที่โทรมาก็วางสายไปเสียแล้ว

“อะไรกัน” นนท์ทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนทุกครั้งที่ลืมตัว




“พี่ แถวนี้มีกีตาร์หรือเปล่า” น้ำต้นไม่พูดพล่ามทำเพลง ทันทีที่เดินเข้ามาถึงโต๊ะทำงานของชายหนุ่มที่กำลังง่วนเขียนอะไรอยู่สักอย่างบนโต๊ะ

“หือม์” นนท์เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ทันตั้งตัว

“กีตาร์ไงพี่” น้ำต้นยืนยัน

“อ๋อ... ในห้องเล็กน่ะ” นนท์ลุกขึ้นยืนพาน้ำต้นเดินไปห้องเล็ก ที่ดูกลายๆเหมือนจะเป็นห้องประชุมธรรมดา แต่มีเครื่องดนตรีวางอยู่หลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นเปียโน กีตาร์ทั้งกีตาร์โปร่งและกีตาร์ไฟฟ้า เบส และยังมีเครื่องเป่าหลายชิ้นวางอย่างเป็นระเบียบอยู่มุมหนึ่ง

“โห มีห้องอย่างนี้อยู่ด้วยเหรอพี่” น้ำต้นถามอย่างตื่นเต้น

“ไม่มีหรอก ถ้าพี่มิ่งไม่อยากได้แบบนี้” นนท์ว่า “ปกติถ้าอยากเข้ามาเล่นอะไร หรืออยากจะแต่งเพลง หรือคิดอะไรไม่ออก พวกพี่ก็จะเข้ามาทำอะไรก๊อกๆแก๊กๆกันในนี้แหละ”

“ยอดไปเลยพี่นนท์” น้ำต้นว่าพลางเดินสำรวจเครื่องดนตรีชิ้นนั้นทีชิ้นนี้ทีอย่างชอบใจ เหมือนเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ก็ไม่ปาน

“ว่าแต่น้ำต้นเถอะครับ มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย” นนท์ถามอย่างสงสัยเต็มแก่

“พอดีเลย... เล่นดนตรีกันไหมพี่นนท์”

“หา...” นนท์อ้าปากค้างแบบไม่เชื่อหูตัวเอง

“เล่นดนตรีมั้ย” น้ำต้นว่าซ้ำ “ต้นเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำแล้ว ห้องนี้ก็มีครบ พี่นนท์เล่นเปียโน เดี๋ยวต้นเล่นกีตาร์เอง”

“เฮ้ย... จะดีเหรอน้ำต้น”

“เค้าห้ามเล่นเหรอพี่”

“เปล่า ก็ไม่ได้ห้าม”

“ก็นั่นไง พี่ก็ไม่ได้ยุ่งด้วยใช่มั้ยล่ะ”

“ก็ไม่ยุ่ง”

“งั้นมาเล่นกัน” น้ำต้นพูดเองเออเอง “นะพี่นนท์ นะครับ นะ นะ นะ” เอาอีกแล้วไง นนท์หันไปมองหน้าเจ้าของเสียงออดอ้อนพลางเอียงคอราวกับจะประเมินอะไรบางอย่าง แล้วเขาก็แพ้ให้กับดวงตาหวานกลมโตคู่นี้อีกจนได้
“งั้นก็ได้”

“เย่!!!!!!!!!!!”

“แต่พี่ไม่รับประกันนะว่าจะเล่นได้ดีรึเปล่า” นนท์ว่าอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว

“ดีสิ ต้องดีอยู่แล้วล่ะพี่”

เจ้าเด็กตัวแสบเดินอย่างร่าเริงไปหยิบกีตาร์ขึ้นมาลูบๆคลำ นนท์เดินไปที่เปียโนสีดำที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง เขานั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตัวยาว ก่อนที่จะหันไปมองเจ้านักร้องหนุ่มที่แสนจะเอาแต่ใจตัวเองอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเขากลับไม่เคยลุกขึ้นมาประท้วงได้สำเร็จเลยสักครั้ง เมื่อเลือกกีตาร์ตัวที่พอใจที่สุดได้แล้ว น้ำต้นก็เดินมาหานนท์ สายตากวาดไปรอบห้องเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง

“หาอะไรเหรอน้ำต้น”

“เก้าอี้ ไม่มีเลยซักตัว” แล้วเหมือนจะฉุกใจขึ้นได้

“พี่นนท์กระเถิบหน่อย” นนท์ทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะรู้สึกตัวก็หันไปเห็นน้ำต้นนั่งปุลงมาบนเก้าอี้เปียโนของเขาเสียแล้ว “อย่างนี้แหละ พอดีเลย”
นนท์หันไปมองหน้าที่อยู่ห่างเขาไม่กี่นิ้ว อีกฝ่ายหันมามองตอบพลางส่งยิ้มมาให้

“พี่นนท์”

“ครับ”

“เล่นอะไรก็ได้ให้ต้นฟังหน่อย ยังไม่เคยเห็นพี่นนท์เล่นเปียโนเลย” น้ำต้นว่า
“เอาเพลงอะไรดีล่ะ” นนท์นั่งคิดอยู่สักพัก “เอาเพลงนี้ก็แล้วกัน” ว่าแล้วนนท์ก็ร่ายมนตร์ลงบนเปียโนหลังใหญ่ เสียงของมันก้องกังวาน เพลงที่เล่นออกมานั้นน้ำต้นไม่รู้จัก แต่สำเนียงของมันช่างไพเราะอ่อนหวานอย่างยิ่ง เขามองนิ้วเรียวยาวที่พรมอยู่บนคีย์สีขาวสลับดำอย่างทึ่งจัด ขณะเดียวกันก็เหลือบมองไปที่ใบหน้าของคนเล่นที่ตอนนี้ดูจะอินกับบทเพลงที่เล่นเหลือเกิน นนท์หลับตาและยิ้มน้อยๆให้กับบทเพลงที่ตัวเองบรรเลงออกมาอย่างตั้งใจ ราวกับอยากจะให้คนข้างตัวได้ดื่มด่ำมันไปพร้อมๆกัน น้ำต้นไม่รู้หรอกว่าฝีมือการเล่นเปียโนระดับนี้จะเรียกว่าเก่งแค่ไหน แต่ที่รู้อยู่เต็มอกก็คือ เพลงที่นนท์เล่นมันช่างไพเราะจับใจเขาเหลือเกิน

นนท์กดไปที่โน้ตตัวสุดท้ายก่อนที่จะยกมือออกมา พร้อมกับหันไปมองน้ำต้นที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เสี้ยวหน้าของเขาอย่างลืมตัว

“เพราะมากเลยพี่นนท์ เพลงของใครครับ”

“พี่แต่งเองครับ ไม่มีเนื้อหรอกนะ พี่แค่แต่งเอาไว้เล่นกับเปียโนเท่านั้นเอง”

“ต้นชอบมากเลยพี่” น้ำต้นออกปากชมอย่างไม่ปิดบัง นนท์ยิ้มอย่างขัดเขินเมื่อถูกชมซึ่งๆหน้า อันที่จริงเขายังไม่เคยเล่นเพลงนี้ให้ใครฟังมาก่อนเลยด้วยซ้ำ น้ำต้นเป็นคนแรกที่ได้ยินมัน และเขาออกจะนึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า ทำไมถึงได้ยอมเล่นเพลงนี้ให้น้ำต้นฟัง

สองชั่วโมงต่อจากนั้น บทสนทนาที่ออกจากปากของชายหนุ่มทั้งสองคนแทบจะเรียกได้ว่าน้อยมาก มีแต่เพียงเสียงเปียโนและกีตาร์เท่านั้นที่ทำหน้าที่สื่อสารระหว่างกันแทน ยิ่งเล่นก็ยิ่งดูเหมือนว่าเสียงของมันช่างสอดประสานรับกันอย่างลงตัว สองคนสลับกันร้องเพลงคุ้นหูด้วยกันได้อย่างไม่รู้สึกขัดเขินอันใด เมื่อฝ่ายหนึ่งร้อง อีกฝ่ายก็จะเล่นเครื่องดนตรีของตัวเองไป เมื่อถึงท่อนที่ต้องร้องประสานกัน ต่างฝ่ายต่างก็เหมือนจะรู้ว่าควรจะร้องคีย์ไหนอย่างไร บางครั้งก็มีเล่นผิดๆถูกๆ แต่ไม่มีใครเห็นเป็นเรื่องสลักสำคัญหนักหนา หนักๆเข้าก็หัวเราะไปกับความผิดพลาดนั้นเสีย เป็นที่สนุกสนานกันไป

“ว้า พี่” น้ำต้นมองที่นาฬิกาก่อนที่จะบ่นออกมาอย่างเสียดาย “เดี๋ยวต้นต้องไปงานแล้วอ้ะ“ น้ำเสียงบ่งบอกได้ชัดว่ารู้สึกขัดใจอย่างยิ่ง ที่ช่วงเวลานี้กำลังจะจบลงแล้ว

“ก็ไปงานก่อนเถอะ ชักช้าจะยิ่งสายนะ” นนท์ยิ้มอย่างเอ็นดูให้กับท่าทางหงุดหงิดเล็กๆนั้น

“ขับรถไปไม่ทันแน่นอน สงสัยต้องขึ้นรถไฟฟ้าแล้ว” น้ำต้นบ่นกระปอดกระแปดไปตามเรื่อง สีหน้าเห็นได้ชัดว่ายังไม่อยากไปแม้แต่น้อย

“ไปได้แล้วน้ำต้น วันหลังอยากมาเล่นเมื่อไหร่ก็มาได้ เปียโนกับกีตาร์นี่ไม่ได้จะหนีไปไหนซักหน่อย” พี่เองก็ไม่ได้หนีไปไหน นนท์เกือบหลุดปากออกไปแล้วก่อนที่จะยั้งเอาไว้ได้ทัน

“จริงเหรอพี่นนท์ ต้นมาเล่นได้อีกจริงๆนะ” ใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์เมื่อครู่อารมณ์ดีขึ้นทันควัน เด็กหนอเด็ก ช่างแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนดีเหลือเกิน

“ได้” นนท์ยิ้มอย่างเอ็นดู พลางยกมือขึ้นขยี้ผมเจ้าเด็กแสบอย่างมันเขี้ยว น้ำต้นที่ไม่ทันตั้งตัวหัวเราะไปกับกริยาของนนท์ ในหัวใจรู้สึกชื่นมื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “พี่ว่าต้นไปเถอะ”

“ครับ” น้ำต้นเดินถือกีตาร์ไปวางไว้ตรงที่เดิมของมัน เขาเดินไปที่ประตูก่อนที่จะเปิดมันอย่างอ้อยอิ่ง แล้วก็ชะงักไปนิดหนึ่งเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาสักอย่าง แต่ลังเลว่าจะพูดออกไปดีไหม เสียงเปียโนยังดังขึ้นเบาๆอยู่เบื้องหลัง น้ำต้นหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกไปจากเปียโนหลังนั้น

“พี่นนท์”

“ครับ” นนท์หันกลับไปตามเสียงที่เรียกชื่อเขาอย่างแปลกใจ

“เดี๋ยวต้นโทรหาพี่อีกทีนะ”

นนท์ส่งยิ้มให้กับอีกฝ่ายก่อนที่จะพยักหน้า “ครับ” ดูท่าเขาจะเริ่มเคยชินกับการรับปากเด็กน้ำต้นนี่ไปเสียแล้วจริงๆ

น้ำต้นจึงตัดใจเดินออกไป โดยที่ไม่รู้ตัวว่ามีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้าอย่างนั้นไปตลอดทาง

น้ำต้นวิ่งขึ้นรถไฟฟ้าไปอย่างรวดเร็ว เขามัวแต่เล่นกีตาร์เพลินเสียจนลืมเวลาไปเลย แม้จะรู้ว่าทันเวลาแน่นอน แต่ด้วยความที่เป็นคนรับผิดชอบต่องานเสมอ เขาควรจะต้องไปถึงก่อนเวลาเพื่อที่จะต้องไปแต่งหน้าเสียก่อน แม้จะต้องรีบเร่งเพียงใด แต่ความรู้สึกอิ่มเอมที่อยู่ในใจกลับไม่ได้ลดหายลงไปแต่อย่างใด เขาไม่ได้สนุกกับการเล่นดนตรีแบบนี้มานานมากแล้ว ว่างเมื่อไรก็ลุกขึ้นมานั่งเกากีตาร์คนเดียวทุกทีไป ก็สนุกดีหรอกนะ แต่บอกได้เลยว่า ไม่สนุกเท่ากับเล่นสองคนแน่นอน

ใช้เวลาเพียงไม่นาน รถไฟฟ้าก็พาเขามายังสถานีปลายทาง ที่เรียกได้ว่าเป็นย่านที่เหมือนกับรวบรวมห้างสรรพสินค้าชื่อดังขนาดใหญ่มากมายเอาไว้ด้วยกัน เขาเร่งฝีเท้าไปยังจุดที่มีการจัดงาน ทีมงานแจ้งเอาไว้แต่เนิ่นๆแล้วว่า ให้เดินเข้าไปด้านหลังของเวทีได้เลย น้ำต้นโล่งใจที่เขาไปถึงทันเวลา ทันเวลาน่ะทันอยู่แล้วล่ะ เขาแค่ต้องมาก่อนเวลาสักหน่อยเสมอเท่านั้นเอง

“สวัสดีครับ”

“น้องต้นมาแล้ว” เสียงทีมงานและช่างแต่งหน้าดังขึ้นตะเบ็งเซ็งแซ่ จนไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงแสดงความยินดีที่เขามาทันเวลาหรือเป็นเสียงที่แสดงความชื่นชมเขาอยู่กันแน่เหมือนกัน น้ำต้นยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อมและเป็นกันเอง มีเสียงทักทายเขาดังขึ้นจากมุมโน้นบ้างมุมนี้บ้าง เขาก็ทักทายตอบอย่างร่าเริงและไม่ถือตัวเช่นกัน

“นี่มีใครมาแล้วบ้างครับ”

“ก็มีน้องต้นแล้วก็น้องไหมค่า” ช่างแต่งหน้าร่างชายใจสาวนางหนึ่งตอบอย่างร่าเริงผิดธรรมชาติ “ที่เหลือ ก็ต้องขอเลตกันเป็นธรรมเนียมนิดนึง ไม่รู้ทำไม ไม่เข้าใจ” เธอจีบปากจีบคอว่า

ต้นหันไปมองดาราสาวอีกคนที่ถูกพาดพิงถึงเมื่อครู่ เธอเห็นเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ก่อนจะยิ้มให้ เด็กหนุ่มยิ้มตอบกลับไป

เขาไม่ได้เจอหน้าไหมมานานพอสมควรแล้ว หลังจากที่เขาง่วนอยู่กับการทำงานอัลบั้มชุดแรก ไหมก็ขอแยกทางกับเขา เด็กสาวเป็นรุ่นน้องที่เรียนการร้องเพลงมากับเขานี่แหละ เธอเข้ามาเรียนก่อนแล้วได้มาทำความรู้จักกับเขาที่แม้เข้ามาทีหลัง แต่ด้วยวัยแล้วน้ำต้นก็ยังถือว่าอาวุโสกว่าไหมอยู่สองปี ถึงอย่างนั้นทั้งคู่กลับยินดีที่จะเรียกชื่อของกันและกันเพื่อแสดงถึงความเป็นเพื่อนมากกว่า ตอนที่เรียนอยู่ด้วยกันทั้งคู่สนิทสนมกันมาก จนเพื่อนร่วมคลาสเข้าใจเหมือนๆกันว่า คู่นี้คบหากันเป็นแฟนอยู่ แม้จะยังเด็ก แต่ไหมก็ถือเป็นความรักครั้งแรกของน้ำต้น เขารักเธอ แม้ตอนนั้นจะยังไม่แน่ใจนักว่ารักในความคิดของเขาคืออะไรแน่ แต่เขาเชื่อว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเธอน่าจะเรียกว่ารักได้เหมือนกัน

แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อต้นถูกเรียกตัวให้เข้าไปคุยเรื่องการทำเพลงก่อนไหม แม้ใบหน้าจะแสดงความยินดี แต่ลึกๆในใจแล้วเธออดคิดไม่ได้ว่าทำไมน้ำต้นที่เข้ามาเรียนหลังเธอหลายปี จึงได้รับโอกาสที่ดีรวดเร็วเช่นนี้ เธออิจฉาน้ำต้น ยิ่งเห็นน้ำต้นต้องวุ่นอยู่กับการทำงานอัลบั้มคราวใด ความรู้สึกต่อต้านก็กัดกร่อนจิตใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำต้นที่ต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างการนัดพบกับไหมและการทำงาน ยิ่งสับสนหนักขึ้นไปอีกที่คนที่เขาคิดว่าน่าจะยินดีกับเขาไม่แพ้พ่อและแม่ กลับดูอารมณ์เสียและไม่พอใจเขาไปทุกเรื่องอยู่ตลอดเวลาจนเขาเหนื่อยหน่ายและอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไหมไม่ช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นเลย น้ำต้นไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและเธอ สุดท้ายมันก็จบลง เมื่อไหมระเบิดอารมณ์ใส่เขาถึงความรู้สึกอัดอั้นและขัดเคืองใจกับโอกาสที่เขาได้รับ ในขณะที่เธอกลับถูกมองข้าม

“มันไม่แฟร์เลยต้น” เธอว่าทั้งน้ำตา ขณะที่เขาได้แต่นิ่งอึ้งไปกับคำพูดที่เขานึกไม่ถึง “โอกาสมันควรจะเป็นของไหมแท้ๆ แต่ต้นกลับได้มันไป ไหมอดคิดไม่ได้นะว่าถ้าไม่มีต้น ไหมอาจจะได้โอกาสนั้นมาก็ได้”

เขาอยากบอกเหลือเกินว่า ไม่ใช่ว่าโอกาสจะตกถึงใครก่อน แต่มันเป็นเรื่องของความพร้อมมากกว่า ในวันที่นรเศรษฐ์บอกว่าเขาพร้อมแล้ว เขาก็ไม่ลืมที่จะถามไปว่า แล้วคนอื่นเล่าทำไมจึงไม่ได้รับโอกาสอันนี้ นรเศรษฐ์บอกแก่เขาว่า “ต้น มันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้ออกอัลบั้มของตัวเองนะ บางคนร้องเพลงได้ แต่แค่นั้นมันไม่พอ บางคนหน้าตาดี แต่ยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นนักร้องที่ดี แบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน” เขาว่าต่อ “และพี่ไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยให้ของไม่มีคุณภาพออกมาหรอกนะต้น และต้นก็คือเพชรในมือที่พี่เห็นว่าพร้อมแล้วสำหรับการเจียระไน” ถึงอย่างนั้นความรู้สึกผิดก็ยังคงถาโถมเข้ามาในใจของเขา คำพูดของไหมยิ่งตอกย้ำหนักลงไปอีก
“ต้น” นรเศรษฐ์ชั่งใจก่อนจะเตือนสติเขา “พี่พอจะรู้นะว่าต้นต้องเจอกับอะไร”

“ครับพี่” แววตาน้ำต้นยังคงดูหม่นหมอง ทั้งที่โอกาสเข้ามาหาเขาแล้ว แต่ความรู้สึกผิดอันนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยจริงๆ

“ความรักเป็นสิ่งที่ดีถ้ามันเกื้อหนุนชีวิตเรา แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มันบั่นทอนจิตใจเรา มันอาจจะไม่ใช่ความรักแล้วก็ได้” น้ำต้นมองหน้าคนพูดราวกับอยากจะถามอะไรบางอย่างออกไป

“ไม่รู้สินะต้น แต่พี่เชื่อเสมอนะว่า คนที่เขารักเราอย่างแท้จริง เขาย่อมอยากจะเห็นเราก้าวไปในหนทางที่ดี และพร้อมที่จะอยู่ตรงนั้นเพื่อเป็นกำลังใจให้เรา ไม่ใช่ทำให้เราท้อแท้ พี่จะบอกต้นแค่นี้แหละ ต้นเก็บเอาไปคิดดูดีๆนะ” นรเศรษฐ์ผละไป ปล่อยให้เด็กหนุ่มได้มีเวลาคิดกับตัวเอง

การตัดสินใจของน้ำต้น นำพาให้เด็กหนุ่มก้าวมาได้ไกลเกินกว่าจะคิด ไหมไม่ได้เสียอกเสียใจกับการเลิกรานั้น ทำให้เขารู้ว่าเธอหมดใจกับเขาแล้ว หรือที่ผ่านมาเธออาจจะไม่ได้มีใจกับเขามากถึงเพียงนั้น ทั้งคู่ยังเด็ก ความรักที่แท้จริงคืออะไรยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ เขาเองก็นึกแปลกใจไม่แพ้กันเมื่อพบว่า ก็ไม่ได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์เด็กสาวมากมายอย่างที่คิด ความรู้สึกผิดไม่เหลือในใจอีกต่อไป เหลือแต่ความมุ่งมั่นที่จะสานฝันของตัวเองและมีความสุขกับมันแต่เพียงอย่างเดียว

เขาเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จ แต่กับไหมดูเหมือนว่าเส้นทางของเสียงเพลงไม่ได้เหมาะกับเธอนัก เธอจึงเบนความฝันของตัวเพื่อที่จะไปเป็นนักแสดงแทน ดูเหมือนเธอจะทำมันได้ดีและค่อนข้างประสบความสำเร็จทีเดียว แน่ล่ะ อาจจะไม่เท่ากับความสำเร็จที่ต้นได้รับ แต่เขาก็รู้สึกยินดีกับเธอในใจว่าอย่างน้อยเธอก็ได้ค้นพบตัวเองแล้ว

“ไม่ได้เจอกันนานนะต้น” ไหมในชุดเดรสสั้นสีขาวและมีริบบิ้นสีแดงคาดเอวเล็กคอดที่นั่งไขว่ห้างปล่อยให้ช่างจัดแต่งทรงผมให้อยู่นั้น หันมาทักทายน้ำต้น

“สบายดีหรือเปล่า ไหม” น้ำต้นยิ้มอย่างเป็นมิตร เขาเลือกนั่งเก้าอี้รอช่างแต่งหน้าทำผมใกล้ๆกับนักแสดงสาว

“ก็ตามอัตภาพน่ะ” เธอว่า “แต่ก็คงไม่สบายเท่ากับนักร้องชื่อดังที่ประสบความสำเร็จอย่างต้นหรอก” เธอว่าอย่างติดตลก

“ไหม” เขาหันไปมองเธอ

“โธ่ ไม่เอาน่า ไหมพูดเล่น” เธอหัวเราะประดิษฐ์ “เราไม่ได้คุยกันนานเลยนะ ตลกดี ทั้งที่อยู่ในวงการเดียวกันแท้ๆ”

“ต่างคนต่างก็งานยุ่งล่ะมั้ง แต่นี่เราไม่รู้เลยนะว่าไหมก็มาร่วมงานนี้ด้วย”
“แต่ไหมรู้ว่าต้นจะมานะ” เธอหันไปมองเขาเต็มตา ด้วยสายตาที่มีความหมายมากขึ้น

“เอ่อ เหรอ... แต่เราก็ดีใจที่ได้เจอไหมนะ” ต้นว่าอย่างไม่มีความหมายลึกซึ้งใดๆ ไหมในตอนนี้ก็คือเพื่อนคนนึงที่เขารู้จักเท่านั้นเอง

บทสนทนาดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่เฉพาะเจาะจงอะไรนัก เขาคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเป็นพิเศษแล้วจริงๆนั่นแหละ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอันใด แต่ทำไมลึกๆแล้ว เขากลับรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด

“ต้น”

“ครับ”

“ตอนนี้ต้นมีใครรึยัง” จู่ๆไหมก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“หมายความว่ายังไง มีใคร?” น้ำต้นหันไปมองเธอบ้างด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ

“ก็ แฟน คนที่ดูกันอยู่ คนรู้ใจ อะไรแบบนั้นน่ะ”

“อ๋อ” น้ำต้นพยักหน้าเข้าใจ “ไม่มีหรอก ทำแต่งานอย่างนี้ ใครจะมาสนใจ” เขาว่าอย่างไม่ใส่ใจ แต่วูบหนึ่งกลับนึกถึงหน้าคนที่เพิ่งจะเล่นเปียโนคลอเสียงกีตาร์ไปด้วยกันเมื่อไม่กี่นาทีมานี้ แบบนั้น จะเรียกว่ารู้ใจได้ไหมนะ แหม เล่นดนตรีเข้าขากันขนาดนั้น

เกิดความเงียบระหว่างเด็กหนุ่มและหญิงสาวอยู่เป็นครู่ แต่ก่อนที่ไหมจะทันเอ่ยอะไรออกมาอีก ทีมงานคนหนึ่งก็เข้ามาเตือนช่างแต่งหน้าทำผมให้เร่งมือเร็วขึ้น

“ดาราคนอื่นๆทยอยมากันแล้วแก เร็วเลยนะ เดี๋ยวไม่ทัน” ว่าแล้วก็ผลุบออกไป พอดีกับที่น้ำต้นเสร็จจากการแต่งหล่อแล้วเช่นกัน

“เรียบร้อยค่ะน้องต้น แหมคนหล่อนี่ไม่ต้องทำอะไรมากก็หล่อได้แล้วเนาะ” ช่างคนสวยแต่เสียงห้าวไม่เข้ากับหน้าตาจีบปากจีบคอชื่นชมชายหนุ่มที่นั่งเอียงหน้าไปทางซ้ายทีขวาที่เพื่อเช็กความเรียบร้อยของตัวเอง

“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพี่ ต้นว่าเพราะฝีมือพี่ต่างหาก ไม่มีพี่นี่ต้นคงแย่” เด็กหนุ่มหยอดลูกอ้อน

“วุ้ย... น้องต้นก็...” สาวเจ้าได้แต่เขินและปลื้มอยู่กับคำชมนั้นไม่หาย

“งั้นต้นไปเตรียมตัวนะครับพี่ ไปนะไหม เดี๋ยวคุยกันใหม่” น้ำต้นว่าแล้วก็เดินออกไป

ไหมได้แต่พยักหน้ายิ้มรับ สายตามองตามหลังน้ำต้นอย่างมีความหมาย ก่อนที่จะหันกลับไปมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกราวกับจะประเมินอะไรบางอย่าง ไหมยิ้มให้กับเงานั้นด้วยแววตาเชื่อมั่น ก่อนจะเอ่ยปากกับช่างที่กำลังง่วนทำอะไรบางอย่างกับเส้นผมของเธอว่า

“เอาให้สวยสุดๆไปเลยนะคะพี่ วันนี้ไหมอยากจะสวยเป็นพิเศษเลย”

******************

โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 22-07-2009 14:04:05
จิ้ม ๆ  :z13:

อ่านเขิน อิอิ แอบนึกถึงหนึ่งเก้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 22-07-2009 17:49:17
ชื่อคุณนาเมฮ์ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ...สนุกมากมาย ขอชื่นชมคุณคนแต่งด้วยนะครับ
+1 ให้คุณนาเมฮ์แล้วครับ...เริ่มติดซะแล้วสิเนี่ย  :L2:
ลุ้นว่าไหม+เอ้จะมาไม้ไหนต่อไป ส่วนนนท์ก็เริ่มใจอ่อนกับความน่ารักใสซื่อของต้นซะแล้ว...
รออ่านต่อนะครับ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 22-07-2009 18:22:16
แหม  หนูไหมเนี่ย ท่าทางจะร้ายเอาเรื่อง  คิดจะสานสัมพันธ์ต่อ ก่อสัมพันธ์ใหม่หรือไงจ๊ะหนู ชักจะไม่ปลื้มนะ  :m20:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 22-07-2009 18:44:37
เมื่อไรจะได้บรรเลงเพลงรักกันนะ หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: tk91 ที่ 22-07-2009 20:24:08
อร๊ายยยยยยยย
เปียโนกีต้าร์
เค้าคิดถึงงงงงงงง  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 22-07-2009 20:46:18


อ่านแล้วคิดถึงเนอะ  :impress3:

ความหลังที่แสนมีความสุข

เปียโน กีตาร์ ที่แสนหวาน

ขอบคุณ ทั้งคนโพสต์และคนแต่งค่ะ









หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-07-2009 21:19:02
มาแล้วของแรงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 23-07-2009 13:04:37
นุ้งไหมอยากรีเทริน์ เหอะเหอะสายไปแล้วนะคะคนสวย

ส่วนพี่นนท์  :o8: จะต้องให้ต้นออกตัวจีบมากกว่านี้ใช่ป่ะคะ
ถึงจะหันมาสนใจนุ้งน้ำต้นบ้าง น้องเค้ารักจริงนะแต่
เรื่องแบบนี้ต้องอาศัยเวลานิดส์ หุหุ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 23-07-2009 15:25:08
เอิ๊กกกกส์

หวั่นไหวทั้งคุ่แล้วววว

น้ำต้นน่ารักเกิ๊นนน  :o8:

แต่ เจ๊ไหม..มาไงเพ่  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 24-07-2009 10:40:21
แปะไว้ก่อนค่า
ได้ข่าวว่ามันเยอะ เดี๋ยวค่อยมาอ่านละกันนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 5 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: nam-nueng ที่ 24-07-2009 17:33:55
ชอบมากกกกกกเรื่องนี้ ตามไปอ่านในพันธุ์ทิพย์แล้วด้วยล่ะ   :L2:  :L2:

เรื่อง beats of life ด้วยนะคะ เรื่องนี้น่าจะเอามาโพสต์ในเล้า สนุกมากเลย อยากให้มี ตอนพิเศษของ beats of life อีกจัง   :impress2:


ปล. เค้าเป็นสาวกยุนแจด้วยน๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 24-07-2009 18:41:35
บทที่ 6 แล้วนะคะ

บทนี้เรียกว่า ยาวเหยียดเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นนาเมฮ์ขอว่าอย่าเพิ่งคอมเมนท์จนกว่าจะมีคำว่า โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ เพราะว่าอาจจะต้องแบ่งโพสเป็นหลายความเห็นกว่าจะจบบทน่ะค่ะ


ไปอ่านเรื่องราวของนนท์และน้ำต้นกันต่อได้เลยค่ะ

**********************************

เพลงรัก

บทที่ 6

งานอีเวนต์ไหนๆก็เหมือนกันไปหมด น้ำต้นคิดกับตัวเอง อันที่จริงเขาก็ไม่ได้นิยมมางานแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่บางอย่างบางครั้งมันก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆนั่นแหละ ยิ่งถ้าเป็นงานจ้างให้มาโชว์ตัวแบบนี้ มันก็คือหน้าที่ดีๆนี่เอง น้ำต้นเคยบอกกับเมษตอนที่เออาร์ประจำตัวถามขึ้นมาอย่างสงสัยว่า ทำไมจึงไม่ค่อยชอบงานแบบนี้

“สงสัยเพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดมั้งพี่” เขาตอบแบบทีเล่นทีจริง “ต้นไม่ค่อยชอบที่ที่คนเยอะๆ แย่งกันพูด แย่งกันกิน มันวุ่นวายยังไงก็ไม่รู้” แต่ก็ไม่ลืมที่จะยืนยันออกไปว่า ส่วนตัวเขาไม่ได้รู้สึกต่อต้านอันใด แค่รู้สึกไม่เป็นตัวเองเฉยๆ

น้ำต้นก้มลงดูนาฬิกาบนข้อมือ งานใกล้จะเลิกแล้ว ดีจริง

“ดูเวลาใหญ่เลย จะรีบไปไหนเหรอต้น” เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงคุ้นเคย ไหมนั่นเอง พอได้แต่งหน้าทำผม ความสวยที่มีมากอยู่แล้วเป็นทุนเดิมดูจะเพิ่มมากขึ้นอีกเป็นเท่าทวีคูณจนเขาเองยังอดชื่นชมไม่ได้

“เปล่าหรอก” น้ำต้นยิ้มให้เธอ

“งั้น เสร็จจากนี้ต้นไปที่ไหนต่อรึเปล่า ไหมจะชวนไปทานข้าวน่ะ” ไหมเอ่ยปากชวน

“ถ้าวันนี้คงไม่ได้แล้วล่ะไหม” น้ำต้นปฏิเสธแทบจะทันที ไหมนิ่วหน้าแต่ก็เป็นเพียงแค่แวบเดียวจนไม่อาจจะสังเกตได้ทัน ลึกๆแล้วเธอไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนปฏิเสธนักแสดงสาวสวยอย่างเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำต้นที่เคยได้ชื่อว่าเป็นอดีตแฟนเก่าด้วยแล้ว เพราะด้วยความที่ยังเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเขาน่าจะยังมีใจให้เธออยู่บ้าง

“มีนัดแล้วเหรอต้น” เธอถามเหมือนจะไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ แม้ในใจจะรู้สึกผิดหวังก็ตาม

“อื้อ แต่วันหลังถ้าอยากจะไปกินข้าวด้วยกันก็ได้นะ เพื่อนกันนานๆจะมาเจอกันสักที” ต้นว่าอย่างไม่คิดเป็นอื่น ใจของไหมกระตุกเล็กน้อยด้วยความผิดหวังขึ้นมาอีก แต่เธอก็เก่งพอที่จะปิดบังมันเอาไว้อย่างมิดชิด แม้จะรู้สึกเสียหน้าไปบ้าง แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะไม่รุกเกินไปจนน่าเกลียด ให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อนก็ได้

“งั้นไม่เป็นไรต้น ไว้ค่อยเจอกันนะ” ต้นพยักพลางยิ้มให้กับไหมที่หันหลังเดินจากไป


***********************

“ฮัลโหล พี่นนท์” เดินออกมาจากงานที่เลิกแล้วได้ไม่ถึงห้านาที น้ำต้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดก่อนจะกรอกเสียงลงไปทันที

“ครับ” ปลายสายตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มหูอย่างเคย

“เพิ่งจะทุ่มครึ่ง มากินข้าวกันมั้ยพี่” น้ำต้นว่าอย่างร่าเริง ปลายสายพ่นลมออกจมูกเหมือนจะรู้ ก่อนที่จะพูดกลั้วเสียงหัวเราะออกมา

“จะขุนพี่เหรอน้ำต้น จะชวนไปไหนเป็นไม่พ้นเรื่องกิน”

“เออ... จริง” น้ำต้นเพิ่งจะคิดได้ “แต่แหม ถึงเวลามันก็ต้องกินนะพี่ มามั้ย”

“ที่ไหนครับ” นนท์เลิกคิดที่จะปฏิเสธไปนานแล้ว

เมื่อบอกจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็วางสายไป นนท์ตัดสินใจเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่น่าจะสะดวกที่สุดในเวลาทุ่มกว่าๆเช่นนี้ ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกชินกับการที่ถูกเด็กน้ำต้นชวนไปโน่นไปนี่เสียแล้ว หรือเป็นเพราะที่ผ่านมา เขาไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทมากนัก เมื่อมาเจอคนที่พูดคุยกันถูกคอ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสานไมตรีต่อ น่าจะเป็นอย่างนั้น แม้จะยังไม่ค่อยจะเข้าใจความรู้สึกของตัวเองสักเท่าไรนัก ก็คิดเสียว่า มีเพื่อนกินข้าวก็ยังดีกว่ากลับไปนั่งกินอะไรคนเดียวที่บ้านล่ะน่า

“พี่ ทางนี้” เจ้าเด็กโข่งตัวโตแต่ตาหวานหน้าทะเล้นนั่งโบกไม้โบกมืออยู่ในร้านอาหารเล็กๆบนชั้นสามของห้างดัง เขาโบกมือตอบพลางยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปยังโต๊ะตัวในสุดอันเป็นมุมสงบของร้าน

“รอพี่นานมั้ย” นนท์ถามอย่างเกรงใจ

“ไม่นานเลย มาสั่งกัน ต้นสั่งแต่น้ำ ยังไม่ได้สั่งอาหารเลย” ทั้งคู่สาละวนอยู่กับการสั่งอาหาร ร้านแห่งนี้ แม้จะไม่ได้ใหญ่โต แต่เมนูกลับมีตัวเลือกมากมาย นนท์ถึงกับนิ่วหน้า เพราะไม่รู้จะสั่งอะไรดี นั่นก็ดี นี่ก็อยากกินไปหมด ทำเอาน้ำต้นหัวเราะชอบใจออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของพี่ชายจำเป็น จนตัวต้นเหตุต้องเงยหน้าขึ้นมอง

“หัวเราะอะไรน้ำต้น” เขาเลิกคิ้วขึ้นถาม

“ก็พี่อ่ะ” พูดยังไม่ทันจบก็หัวเราะออกมาอีก “นี่เราสั่งอาหารกันนะพี่นนท์ ไม่ได้จะสอบเอนทรานซ์ เห็นหน้าตัวเองมั้ยนั่น หน้านิ่วคิ้วขมวดใหญ่แล้ว”

“เออ เหรอ” ทีนี้เจ้าตัวเบิกตาเลิกคิ้วขึ้นเหมือนกับจะประหลาดใจในกริยาที่ไม่ทันคาดคิดของตัวเอง ก่อนที่จะยิ้มจนตาเรียวยาวคู่นั้นแทบจะปิดลงทีเดียว

“พี่ไม่เห็นรู้เลย” เขาว่าเขินๆ ก่อนที่จะเอะใจ “แล้วมันเรื่องอะไรต้นมาแอบดูหน้าพี่” เขาแกล้งทำเสียงเขียวขึ้นมาบ้าง

“พี่นนท์นี่น้อ” เจ้าเด็กตาโตส่ายหน้าแต่กลับไม่พูดอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายรอฟังเก้อไปเสียอย่างนั้น “ไม่เอาละ สั่งๆๆ เดี๋ยวก็หิวแย่หรอก” น้ำต้นว่าอย่างเอาใจ

ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเขาจึงเข้ากันได้ดีและรวดเร็วถึงเพียงนี้ น้ำต้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นน้องชายที่สามารถเอาแต่ใจตัวเองได้เต็มที่เมื่ออยู่ต่อหน้านนท์ ในขณะที่นนท์เองก็รู้สึกเป็นตัวเองได้อย่างไม่ต้องปิดบังเมื่ออยู่ต่อหน้าน้ำต้น ที่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เขาต้องกลายมาเป็นพี่ชายจำเป็นให้ ทั้งคู่ไม่รู้สึกว่าต้องระมัดระวังตัวเอง สามารถพูดคุยและหัวเราะไปด้วยกันได้ทุกเรื่อง ทั้งๆที่เพิ่งจะได้พบและรู้จักกันไม่นานแท้ๆ

ในขณะที่ทานอาหารและพูดคุยกันอย่างออกรส กลับมีสายตาคู่หนึ่งมองมายังพวกเขาอย่างข้องใจเป็นที่สุด ไหมที่พอดีเดินผ่านร้านอาหารแห่งนั้นก็พลันสายตาถูกดึงดูดให้มองไปยังเด็กหนุ่มท่าทางคุ้นหน้านั่งอยู่กับใครบางคน เด็กหนุ่มที่เพิ่งจะปฏิเสธไม่ไปทานมื้อเย็นกับเธอ แต่เลือกที่จะมานั่งพูดคุยระหว่างมื้ออาหารอย่างออกรสอยู่ที่นี่กับใครคนหนึ่ง ใครกัน เธอไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย แต่ที่แน่ๆความผิดหวังที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นความรู้สึกเสียหน้าขึ้นมาอย่างรุนแรง นี่น้ำต้นไม่เห็นความสำคัญของเธอแล้วใช่ไหม จึงเลือกที่จะมาทานข้าวกับเพื่อนผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ แทนที่จะเลือกสาวสวยที่เคยมีอดีตอันสวยงามด้วยกันมาอย่างเธอ เขากล้าปฏิเสธเธอ และเลือกที่จะหมางเมินกับเธอ นับเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้สำหรับดาราสาวสวยที่มีชื่อเสียงที่ไม่นับว่าเป็นรองใคร แถมยังพกพาความมั่นใจอันล้นปรี่เอาไว้เต็มตัว เธอไม่เข้าใจเลย แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ความรู้สึกอยากเอาชนะเด็กหนุ่มมันท่วมท้นอยู่เต็มหัวใจ และที่สำคัญ หากได้ตัวน้ำต้นกลับมา ชื่อเสียงของเขาก็จะช่วยทำให้ชื่อเสียงของเธอยิ่งโด่งดังมากขึ้นไปอีก คุ้มค่าที่จะลงทุนยิ่งนัก แค่อาจจะต้องอดทนเอาอกเอาใจเสียหน่อย ยอมเสียหน้าบ้างก็ได้ เธอหันไปมองภาพในร้านอาหารอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินเชิดคางออกไป

“พี่นนท์” น้ำต้นเรียกชื่อชายหนุ่มก่อนจะช้อนตาแป๋วขึ้นมอง

“จะเอาอะไรอีกน้ำต้น” ทำหน้าแบบนี้ เขานึกสังหรณ์อย่างไรพิกล ท่าทางนนท์จะเริ่มคุ้นเคยกับการอ่านท่าทางของเจ้าเด็กคนนี้เสียแล้ว

“คืนนี้พี่นนท์กลับยังไง” นั่นปะไร

“พี่ก็ต้องขับรถกลับสิครับ” น้ำต้นนิ่วหน้า “ทำไมครับต้น”

“ยังไงพี่ก็จะขับรถกลับเองให้ได้ใช่มั้ย” น้ำต้นถามย้ำ

“ก็งั้นสิ” นนท์ตอบกลั้วเสียงหัวเราะเหมือนพยายามจะเดาใจว่า เด็กน้ำต้นนี่จะมาไม้ไหน

“งั้น วันนี้ต้นติดรถพี่กลับมั่งได้ปะ” ว่าแล้วเจ้าคนตัวโตกว่าก็แยกเขี้ยวยิ้มอย่างชอบใจ

“ฮื้อ แล้วรถต้นล่ะครับ” นนท์เบิกตาคู่เรียวของเขาอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก

“เก๊าะ ทิ้งไว้ที่ออฟฟิศ” ง่ายๆแบบนั้นเลย

“แล้วทำไมไม่ขับกลับเองล่ะครับ” นนท์ถามกึ่งเอ็นดูกึ่งอ่อนใจ

“ก็ อยากนั่งรถพี่มั่งง่ะ” เจ้าตัวเอาคางท้าวโต๊ะอาหาร แล้วทำหน้ามู่ทู่อย่างไม่สบอารมณ์กับคำถามของชายหนุ่มนัก “ไม่ได้เหรอพี่ วันนี้ต้นก็ทำงานหนักน้า” เจ้าตัวปดหน้าซื่อๆ “เหนื่อยนา” ว่าแล้วก็ช้อนสายตาขึ้นมองพี่ชายอีกครา “ไปส่งหน่อยน่านะ พี่นนท์ นะ...” แถมยังสำทับมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเต็มที่

“พี่ไม่ใช่ไม่อยากไปส่งซักหน่อยน้ำต้น” นนท์ว่าขำๆ “แค่คิดว่าแล้วพรุ่งนี้เราจะไปทำงานยังไงแค่นั้นเอง”

“โฮ้ย... รถไฟฟ้าก็มี้ นั่งรถไฟฟ้าเข้าสิ สบายจะตาย” น้ำต้นอ้าง แววตาเป็นประกายขึ้นมาอย่างมีหวัง

นนท์ได้แต่ทอดถอนใจ จะเถียงทีไรก็เหมือนกับน้ำต้นจะมีข้ออ้างที่ทำให้เขาพูดไม่ออกทุกที แต่ก็นั่นแหละ เขาก็ไม่ได้ขัดข้องที่จะไปส่งเด็กหนุ่มที่นั่งทำตาแป๋วที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้อยู่แล้ว แค่สงสัยว่าทำไมจะต้องมาคะยั้นคะยออยากให้เขาไปส่งขนาดนี้เท่านั้นเอง เอาเถอะ

“งั้นพี่ไปส่งครับ” นนท์ว่ายิ้มๆ

“เยสสสสสสส!” น้ำต้นส่งเสียงแสดงความสมใจออกมาแบบไม่ปิดบัง “พี่นนท์ใจดี๊ใจดี”

“ไม่ต้องเลย มัดมือชกพี่แบบนี้ ขืนไม่ไปส่งจะโดนตราหน้าว่าแล้งน้ำใจปะไร” นนท์ว่าอย่างไม่ถือสา “อีกอย่าง เมื่อคืนต้นก็อุตส่าห์ไปส่งพี่ พี่ก็อยากจะตอบแทนบ้าง”

“จะมาตอบแทนอะไรกันพี่ เราต้องเจอกันไปอีกนาน มัวแต่คิดมาตอบแทน พอดีไม่เป็นอันทำอะไร ปะ คิดเงินเหอะ เดี๋ยวไปกัน” ตัดสินใจปุ๊ปก็ลงมือปั๊ป นี่คือลักษณะเฉพาะอีกอย่างของน้ำต้นจริงๆ นนท์ส่ายหน้าแต่ในใจก็อดนึกเอ็นดูน้ำต้นขึ้นมาไม่ได้

*******************

รถยนต์เอนกประสงค์สีน้ำเงินสะอาดเอี่ยมเลี้ยวเข้าไปยังคอนโดที่เด็กในร่างผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับอย่างเขาเรียกว่าบ้านโดยใช้เวลาไม่นานนักทั้งที่ยังเพิ่งจะแค่สามทุ่มกว่านั้น ทำเอาคนขับเองก็ประหลาดใจ เพราะไม่คาดคิดว่าการจราจรจะเป็นใจถึงเพียงนี้

“คอนโดนี่สวยนะ พี่ยังชอบเลย” นนท์ว่าขึ้นมาขณะชะลอเพื่อหาที่จอดรถ
“พี่นนท์เคยมาด้วยเหรอ” น้ำต้นถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

“อือ เคยคิดจะซื้อเก็บเอาไว้เหมือนกัน เพราะมันเดินทางสะดวกไง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ”

รถจอดสนิทแล้ว ก่อนที่นนท์จะทันได้พูดอะไร น้ำต้นก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

“พี่” น้ำต้นหันไปมองร่างตรงที่นั่งคนขับ

“ว่าไงครับ” นนท์ตอบรับแต่ก็ยังไม่มีที่ท่าจะจะดับเครื่องยนต์แต่อย่างใด

“ยังไม่ดึกเท่าไหร่ ขึ้นไปห้องต้นมั้ย”

“อารมณ์ไหนเนี่ยน้ำต้น” นนท์หันมามองด้วยความแปลกใจ

“ก็... มาถึงเร็ว ขึ้นไปต้นไม่มีอะไรทำ พี่กลับไปก็ไปอยู่คนเดียว ไหนๆก็มาแล้ว ขึ้นไปหน่อยมั้ย ต้นก็อยากเป็นเจ้าบ้านที่ดีเหมือนกันนะพี่”

นนท์หัวเราะชอบใจก่อนที่จะตัดสินใจดับเครื่อง และหันไปพยักหน้ากับคนข้างๆ “เอาครับ เชิญเจ้าบ้านนำไปก่อนเลย”

น้ำต้นตาเป็นประกาย นี่ถ้าไม่ใช่ว่าที่จอดรถไม่สว่างนักล่ะก็ ป่านนี้นนท์คงได้เห็นไปแล้วว่า ใบหน้าของน้ำต้นในตอนนี้ไม่อาจซ่อนความยินดีได้เลย เขากระวีกระวาดเปิดประตูรถลงไป ก่อนที่จะเดินนำไปยังลิฟต์ที่จะพาทั้งคู่ขึ้นไปบนห้อง

“ห้องน่าอยู่มากเลยน้ำต้น” นนท์ว่าอย่างทึ่ง ห้องอาจจะไม่ถึงกับเนี้ยบมาก แต่ข้าวของก็ถูกวางเอาไว้อย่างถูกที่ถูกทางของมัน แต่ที่เขาชอบมากที่สุดเห็นจะเป็นการที่มันถูกจัดเอาไว้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน ดูแล้วสบายตาแล้วก็มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง เหมือนกับบุคลิกของเจ้าของห้องไม่มีผิด

“จริงๆมันก็รกกว่านี้นะพี่ แต่พักหลังทนไม่ได้ วางอะไรก็หาไม่เจอ ไอ้เรายิ่งขี้ลืม เลยจัดการสังคายนาซะใหม่ ไม่งั้นคงไม่กล้าชวนพี่มาหรอก” น้ำต้นออกตัวพลางหัวเราะ

“พี่นนท์หาที่นั่งเอาเลยนะ ตามสบายพี่” ว่าแล้ว เจ้าของห้องก็เดินหายเข้าไปในห้องเล็กๆที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอน ก่อนที่จะออกมาอีกครั้งหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดธรรมดาและกางเกงขาสั้น ดูอย่างนี้แล้ว น้ำต้นก็คือเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งนี่เอง

“พี่นนท์เอาอะไรหน่อยมั้ย” เจ้าของห้องส่งเสียงอู้อี้ออกมาขณะก้มลงค้นหาอะไรกุกกักตรงตู้เย็น “มีน้ำส้ม นม น้ำ ไอติม อะไรอีกนี่... “ เสียงนั้นเริ่มกลายเป็นเสียงบ่นกับตัวเองแทนที่จะเป็นเสียงถามไถ่ตามปกติ รู้ได้เลยว่าเจ้าของห้องคนนี้ไม่ได้ใส่ใจจะเปิดดูว่ามีอะไรอยู่ในตู้เย็นบ้างมานานแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ” นนท์ลอบยิ้มออกมาในที่สุด

“โหพี่... นานๆต้นจะได้รับแขกที่ ช่วยสั่งหน่อยเถอะคร้าบว่าจะเอาอะไร” อาการของเจ้าบ้านเหมือนคนที่อยากจะรับแขกจนตัวสั่น

“งั้น ไอติมรสอะไร” นนท์ถามอย่างนึกสนุก

“ช็อกโกแล็ต”

“งั้นเอาไอติม”

“ต้องยังงั้นสิ” น้ำต้นชอบใจ


*********************

“อยู่คนเดียวแบบนี้ เหงามั้ยน้ำต้น” นนท์ถาม มือข้างหนึ่งถือช้อนอีกข้างถือไอติมควอตใหญ่ ที่ทีแรกทำเอาแขกงงไปเล็กน้อย ตอนที่เจ้าบ้านหยิบมาเสิร์ฟอย่างเป็นกันเองโดยไม่มีพิธีรีตองอะไรทั้งสิ้น นนท์ได้แต่หัวเราะและรับมาไว้ในมืออย่างว่าง่าย ก่อนจะตักกินอย่างเพลิดเพลิน ลดอายุจากหนุ่มวัย 25 กลายเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าไปทันที น้ำต้นลอบมองวงหน้าที่กำลังมุ่งมั่นอยู่กับการตักไอศกรีมเข้าปากจนไม่ทันฟัง

“อะไรอีกทีนะพี่” น้ำต้นเกาศีรษะแก้เก้อ เมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองหน้าแขกที่กำลังเพลินอยู่กับไอศกรีมในมือ

“ไม่เหงาเหรอ อยู่คนเดียวแบบนี้” นนท์ถามซ้ำ

“ก็... มันยังไงดีล่ะ” น้ำต้นครุ่นคิด “มันคงไม่ทันได้คิดมั้งพี่นนท์ เราอยู่แบบนี้มานาน แล้วมันก็มีอะไรให้ทำ ก็เลยไม่ทันได้เหงาเท่าไหร่” เขายิ้ม “ถ้าพี่ไม่ถามขึ้นมา ต้นก็ไม่ทันนึกถึงนะ” ว่าแล้วก็มองหน้านนท์

“แต่พี่อยู่บ้านแบบนั้น ท่าทางจะไม่เหงา หรือยังไง” น้ำต้นถามกลับบ้าง

“ก็ ไม่เสมอไปหรอก พี่ชอบอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยอะไรกับใคร” นนท์ว่า เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง “หรือ เราอาจจะไม่ทันได้นึกถึงมันก็ได้” เขารำพึงออกมาเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า

“เหมือนกันเลยเนาะ”

“หือม์”

“ก็ต้นกะพี่ไง เหมือนกันเลย”

บทสนทนาหยุดลงเพียงเท่านั้น น้ำต้นหยิบกีตาร์ขึ้นมาเกาเป็นเพลงโน้นเพลงนี้อย่างเพลิดเพลิน นนท์หยุดกินไอศกรีมไปแล้ว และหันมาตั้งใจฟังเสียงกีตาร์แทน เมื่อใดที่น้ำต้นเล่นเพลงที่เขาคุ้นเคย นนท์ก็จะร้องคลอไปด้วยเสียทีหนึ่ง ถ้าเขาหยุดเพราะจำเนื้อไม่ได้ น้ำต้นก็จะร้องเสริมขึ้นมา บางครั้งก็สลับบทบาทร้องนำบ้าง ร้องประสานบ้าง หากเพลงไหนต่างคนต่างจำเนื้อไม่ได้จนเสียงเงียบไป ก็จะกลายเป็นเสียงหัวเราะขึ้นมาทันที

เวลาจะผ่านไปเท่าใดไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้นมาก ทุกอย่างจึงหยุดลง น้ำต้นเดินไปรับโทรศัพท์ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นความประหลาดใจพร้อมกับนิ่วหน้าเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องครัว แต่ก็ไม่ลืมที่จะบอกแก่แขกคนแรกที่มาเยือนห้องเขาเสียก่อนว่า

“ขอตัวแป๊ปนะครับพี่” น้ำต้นปิดกระบอกเสียงก่อนจะหันมาพูดด้วยน้ำเสียงแสดงอาการขอโทษ

“น้ำต้น ไม่เป็นไร งั้นพี่กลับก่อนดีกว่า ดึกแล้ว” นนท์ว่าพลางลุกขึ้นยืน

“พี่นนท์ถึงบ้านแล้วโทรบอกต้นหน่อยนะ”

นนท์ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มและพยักหน้า เมื่อประตูห้องปิดลง น้ำต้นจึงกลับไปสนทนากับปลายสายต่อ

“มีเพื่อนมาหาเหรอต้น”

“อื้อม์ ไหมโทรมามีอะไรหรือเปล่า” น้ำต้นถามด้วยความแปลกใจจริงๆจังๆ เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าไหมต้องการอะไรจากเขากันแน่ ร้อยวันพันปีไหมไม่เคยโทรมาหาเขาเลยสักครั้งแท้ๆ

“เพื่อนจะโทรหาเพื่อนบ้างไม่ได้เหรอ” ไหมทำน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจเกินจริง

“เปล่า ก็แค่... แปลกใจ” และเขาก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

“ก็ วันนี้เห็นต้นไปกินข้าวกับใครไม่รู้มา แหม... มันน่าน้อยใจอยู่เหมือนกันนะ ปฏิเสธไหมแล้วไปกินกับคนอื่น” น้ำเสียงปลายสายเหมือนจะตัดพ้อและแสดงความเป็นเจ้าของอยู่กลายๆ แต่เจ้าตัวพยายามที่จะไม่ให้ฟังดูจริงจังอะไร

“ก็เรารับปากพี่เค้าไปแล้ว อีกอย่างพี่นนท์ก็ไม่ใช่คนอื่น” น้ำต้นว่าตรงๆ ไหมถึงกับสะอึกไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินน้ำต้นทำเสียงแข็งราวกับจะปกป้องบุคคลที่สามขึ้นมาแบบนั้น

“ไหมก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย แซวเล่นแค่นี้เอง ที่โทรมาเนี่ย ก็คิดว่าจะนัดต้นไปหาอะไรทาน ทบทวนความสัมพันธ์ครั้งเก่าของเราหน่อยน่ะ เราไม่ได้คุยกันมานานแล้วนะต้น”

ไม่รู้ทำไม เมื่อไหมพูดถึง ‘ความสัมพันธ์ครั้งเก่า’ ขึ้นมาแบบนี้ มันกลับทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจนัก

“ก็ไหมว่างเมื่อไหร่ก็นัดมาได้ ไปกินข้าวกับเพื่อนเก่าน่ะ เราไม่ขัดข้องหรอก” น้ำต้นพยายามย้ำเมื่อพูดคำว่า เพื่อนเก่า เขาเริ่มแน่ใจแล้วว่า ไม่ได้เหลือความรู้สึกพิเศษใดๆกับไหมแล้วจริงๆ จึงพยายามที่จะไม่แปรเจตนาเป็นอื่นใดนอกเหนือจากคำว่าเพื่อนเท่านั้น

ไหมไม่พอใจน้ำเสียงของปลายสายเอาเสียเลย แต่การที่จะพูดอะไรออกไปในตอนนี้นับว่าเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสักเท่าไหร่ และเธอเองก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่า ควรเรียนรู้ที่จะอดทนเอาไว้บ้าง หากรุกเกินไป อีกฝ่ายก็จะมีแต่ถอยหนีเท่านั้น

“เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวไหมจะโทรมานัดต้นอีกทีก็แล้วกันนะ” ต้นรับคำก่อนที่จะวางสายไป เขาไม่เข้าใจว่าไหมยังจะต้องการอะไรจากเขาอีก แม้เขาจะใสซื่อเพียงใด แต่ก็ไม่โง่พอที่จะมองข้ามจุดประสงค์ที่แท้จริงของไหมไปได้ เพียงแต่ไม่แน่ใจเท่านั้นว่าไหมต้องการอะไรจากเขา

น้ำต้นเดินกลับมายังห้องนั่งเล่น กีตาร์ยังวางอยู่ตรงนั้น แต่แขกผู้มาเยือนจากไปเสียแล้ว ที่สำคัญความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่อ้อยอิ่งอยู่นี่ คืออะไรกันหนอเขาเองก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่ง

“ฮัลโหล” เขากรอกเสียงลงไปทันทีที่กดรับสาย

“น้ำต้น” ไม่รู้ทำไม เขาชอบจริงๆเวลาที่คนๆนี้เรียกชื่อเล่นเขาแบบเต็มๆในแบบที่ไม่ค่อยมีใครเรียกบ่อยนักแบบนี้

“พี่นนท์ ถึงบ้านแล้วเหรอพี่” น้ำต้นถามออกไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรก่อน

“ถึงแล้วครับ” ปลายสายหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

“ขอบคุณที่มาส่งต้นนะพี่ แล้วก็ เอ่อ... “ น้ำต้นเกิดอาการอึกอักขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนกัน”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “พี่ก็ขอบคุณที่ต้นชวนพี่ไปบ้าน พี่สนุกมาก”

“งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะพี่นนท์”

“ราตรีสวัสดิ์ครับต้น”

น้ำต้นวางสายด้วยหัวใจที่พองฟู ความรู้สึกโหยหาที่กรุ่นอยู่เมื่อครู่ หายไปราวกับปลิดทิ้ง เขาเดินเข้าไปในห้องนอน ทิ้งร่างลงบนฟูกนุ่มๆก่อนที่จะอมยิ้มอย่างสบายอารมณ์อยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงตัดใจลุกเดินไปอาบน้ำในที่สุด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 24-07-2009 18:44:00
หลายวันมานี้นนท์รู้สึกได้ว่า ไม่ว่าเขาจะไปไหนหรือทำอะไร จะต้องมีเงาของเจ้าเด็กตัวโตหน้าทะเล้นปรากฏอยู่ด้วยตลอดเวลา เขาในตอนแรกที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากไปกว่าแค่เจ้านักร้องนี่เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าเจ้านักร้องคนที่ว่า ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาไปเสียแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ น้ำต้นติดเขาแจอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไร ถ้าไม่โทรมาถามเขาก็เป็นต้องโทรมาชวนเขาอยู่ร่ำไป แล้วก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่เขาถึงไม่เคยปฏิเสธเด็กคนนี้ได้เลย เผลอๆ ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งตามใจเสียละมากกว่า แม้แต่เมษยังออกปากว่า “น้ำต้นติดพี่ชาย แถมยังได้พี่ชายตามใจไปซะทุกอย่างขนาดนี้ มีหวังเสียเด็กแน่”

มื้อเที่ยงกับมื้อเย็นกลายเป็นมื้ออาหารที่ถ้าไม่ติดงานอะไร ต่างฝ่ายต่างก็จะรอไปกินพร้อมกันโดยอัตโนมัติ เมื่อไรที่ว่างน้ำต้นก็จะลงมาหาพี่นนท์เพื่อเล่นดนตรีด้วยกัน ตกเย็นถ้าไม่ให้พี่นนท์ไปส่ง เขาก็จะอาสาไปส่งพี่นนท์ที่บ้านเอง ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะได้เป็นแขกที่บ้านของนนท์มากกว่า โดยมีป้าชื่นและเด็กๆที่บ้านคุณนนท์คอยถือหางเอาใจ เพราะไม่เพียงแต่จะได้ชื่อว่าเป็นนักร้องชื่อดังเท่านั้น แต่เมื่อบวกกับนิสัยขี้อ้อนน่ารักเหลือประมาณ ทำให้น้ำต้นแทบจะกลายเป็นคุณต้นของบ้านนนท์ไปเสียแล้ว

ความสนิทสนมของสองพี่น้องนั้นก้าวหน้าไปพร้อมๆกับเนื้องานที่ทั้งทางมิ่ง นรเศรษฐ์ รวมไปถึงทีมงานคนอื่นๆได้วางแผนเอาไว้ นนท์ทำงานในส่วนของดนตรีคืบหน้าไปมาก โดยมีมิ่งคอยกำกับดูแลอยู่ตลอดเวลา

“นนท์ พี่ชอบทำนองที่นนท์แต่งมากเลยนะ” มิ่งถึงออกปากชมเมื่อได้ฟังเดโมเพลงใหม่ที่นนท์แต่งขึ้น “แต่งได้ดีกว่างานก่อนหน้านี้อีก” เขาว่าพลางฟังทำนองเพลงใหม่เหล่านั้นไปด้วย

“นนท์กะจะเอามาให้พี่มิ่งลองฟังแล้วก็เลือกดูก่อนน่ะครับว่าจะหยิบอันไหนไปใช้ได้บ้าง” นนท์ยิ้มอย่างโล่งใจ ลองว่ามิ่งได้ออกปากชมแบบนี้ก็แสดงว่างานของเขาผ่านแล้ว

“แล้วเรื่องเนื้อเพลงล่ะนนท์”

“ขอเวลาอีกนิดครับพี่มิ่ง ตอนนี้นนท์พอจะมีเขียนๆเอาไว้บ้างแล้ว แต่ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใส่ทำนองแบบไหนดี”

“ได้ทำนองมาขนาดนี้ พี่ไม่เร่งนนท์แล้วล่ะ เราลองไปดูๆมาก็แล้วกัน แล้ว... ต้นได้ฟังรึยัง”

“ยังครับ ยังไงนนท์ก็อยากให้พี่ลองฟังดูก่อนน่ะครับ แล้วถ้ามันออกมาสมบูรณ์กว่านี้ค่อยให้ต้นกับพี่นอฟังดูอีกที”

“พวกเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ งานไม่ดีไม่ปล่อยเลยนะเรา” มิ่งหัวเราะชอบใจ

“ก็ติดพี่มิ่งมาแหละครับ”

“แล้วต้นเป็นไงมั่ง” มิ่งถามถึงเจ้านักร้องว่าที่เจ้าของเพลงเหล่านี้ขึ้นมาบ้าง

“ก็” จู่ๆเมื่อถูกถามเกี่ยวกับน้ำต้นขึ้นมา ลึกๆข้างในหัวใจของนนท์เหมือนจะเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบแบบไม่ต้องคิดว่า “ดีครับ น้ำต้นเป็นคนซื่อๆ ตรงไปตรงมาดี เขาจริงใจกับทุกอย่างเลย บอกตามตรง นนท์ไม่ห่วงเลยซักนิดเรื่องการถ่ายทอดอารมณ์ของเขา” นนท์ว่าอย่างมั่นใจ

“สนิทกันแล้วเหรอ” มิ่งถามอย่างแปลกใจ

“ก็ครับ” นนท์ตอบอ้อมแอ้ม

“ดีแล้ว พี่ก็ห่วงๆเราสองคน คนนึงก็สุภาพเรียบร้อยแถมเงียบดีเหลือเกิน อีกคนก็ร่าเริงแจ่มใส มนุษย์สัมพันธ์เป็นเลิศ ก็กลัวอยู่ว่าจะเข้ากันได้มั้ย”

“ครับ” นนท์พูดได้แค่นั้นก่อนที่จะยิ้มออกมา

********************

“พี่” เสียงที่เรียกเขาอย่างสนิทสนมนั้นคุ้นหูเสียจนเขาไม่ต้องหันไปมองก็รู้แล้วว่าเป็นใคร

“ไม่มีงานแล้วเหรอน้ำต้น” นนท์ถามอารมณ์ดี

“หมดแล้ววันนี้” เขาลงมานั่งแปะข้างๆเก้าอี้ทำงานของนนท์อย่างไม่ต้องรอให้เจ้าของอนุญาต “พักนี้งานอีเวนต์เยอะมากเลยพี่นนท์” เจ้าตัวโอด “แล้วต้นก็ไม่ช้อบไม่ชอบนะ มันเหนื่อยยิ้ม เหนื่อยทักทายคน รู้จักมั่งไม่รู้จักมั่ง ก็ต้องทำตามหน้าที่ไป”

นนท์หันไปมองหน้าคนที่นั่งเอาคางเกยโต๊ะด้วยทีท่าอ่อนแรงอย่างนึกขำ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าน้องชายของเขาไม่นึกนิยมงานแบบนี้ และยังรู้ด้วยว่า แม้น้ำต้นจะบ่นกระปอดกระแปดให้เขาฟังบ่อยเพียงไร แต่ถ้าเป็นเรื่องของการทำงาน เขาก็ยังคงเต็มที่ทุกครั้ง “ชอบไม่ชอบมันไม่สำคัญเท่า เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดแหละพี่ ต้นรู้ว่าบางครั้งเราจะเลือกอะไรตามความพอใจของเราไปซะหมดคงไม่ได้หรอก” ครั้งหนึ่งน้ำต้นเปรยขึ้นมากับเขา ทำเอานนท์ถึงกับทึ่งกับความคิดอันนี้ของเด็กหนุ่ม แม้น้ำต้นจะยังเด็กแต่ความคิดอ่านโดยเฉพาะในเรื่องของการทำงานนั้นเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน นักร้องหลายคนที่เขามีโอกาสได้ร่วมงานด้วยหลายๆคน นอกจากจะไม่เคยคิดอะไรแบบนี้แล้ว เผลอๆก็เบี้ยวเจ้าของงานเสียเฉยๆ เรื่องความรับผิดชอบไม่ต้องพูดถึง มีแต่ความเอาแต่ใจตัวเองล้วนๆ นนท์ได้แต่มองดูอยู่เงียบๆ และนึกผิดหวังอยู่ในใจเมื่อนักร้องที่เขาเคยชื่นชอบบางคนก็เป็นหนึ่งในจำนวนคนเหล่านั้นด้วย

แต่น้ำต้นไม่ใช่ และไม่ใช่แค่เพราะน้ำต้นเป็นคนที่เขาสนิทสนมและผูกพันราวกับเป็นน้องชายแท้ๆคนหนึ่งในสายตาของเขาแต่เพียงเท่านั้นแน่นอน น้ำต้นในฐานะที่เป็นนักร้องคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่จะทุ่มเทให้กับการทำงานให้สมกับที่เจ้าตัวยืนยันว่ารักการร้องเพลงเหลือเกินเท่านั้น เขายังใส่ใจคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นทีมงาน แฟนๆ หรือใครก็ตามที่เขามีโอกาสได้ร่วมงานด้วย บวกกับความสามารถที่น้ำต้นมีอย่างล้นเหลือ นนท์ไม่นึกแปลกใจเลยว่า เด็กหนุ่มจะไม่ก้าวมาไกลขนาดนี้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วได้อย่างไร ความรู้สึกของเขานั้นเป็นทั้งความชื่นชมบวกกับความภาคภูมิใจ และตอนนี้เขาก็กำลังทำผลงานให้กับนักร้องที่เขามีแต่จะชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆคนนี้ด้วยอีกต่างหาก

“แต่ต้นก็ทำได้ดีทุกครั้งนะ พี่ไม่เห็นมีใครบ่นว่าต้นเหลวไหลเลยซักครั้ง” นนท์กล่าวชม

“ก็ลองเหลวไหลดูสิ พี่เมษจะได้เล่นงานเข้าปะไร” น้ำต้นพูดติดตลก

“พี่” น้ำต้นว่าพลางเอามือดึงแขนเสื้อของนนท์เบาๆโดยไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำ

“เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านพี่ได้ปะ” ทำน้ำเสียงแบบนี้อีกแล้ว “นะพี่นะ” น้ำต้นอ้อนต่อเมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายตอบรับว่าอย่างไร

“...”

“พี่นนท์” ปากเรียกชื่อ แต่ก็ยังคงไม่ลืมตาอยู่นั่นเอง “พี่” เอ๊ะ... ยังไง ทำไมพูดด้วยแล้วไม่ตอบ อดรนทนไม่ได้ เจ้าน้องชายก็ลืมตาหันไปมองพี่ จึงได้เห็นว่าพี่ชายกำลังหันมามองเขาพร้อมกับกลั้นยิ้มเต็มที่

“โห่... พี่นนท์อ้ะ” น้ำต้นหน้ามุ่ยขัดใจ “ไม่ตอบแล้วยังมาแกล้งกัน ต้นเหนื่อยนะวันนี้ ไม่เห็นใจกันบ้างเลย” เจ้าตัวส่งเสียงโอดครวญที่อีกฝ่ายฟังอย่างไรก็รู้สึกว่ามันออกจะเกินจริงไปนิด

“แล้วถ้าพี่บอกว่า ไม่ให้ไปล่ะ” นนท์หยั่งเชิง

“แล้วมันเรื่องอะไรพี่จะมาห้ามต้นอ่ะ พี่จะใจร้ายขนาดนั้นเชียวเหรอ น้องพี่ทั้งคนเลยนะ” เจ้าตัวแสบยังโอดครวญต่อไปไม่หยุด

“ก็นี่ไง” นนท์หัวเราะชอบใจออกมา “พี่เคยห้ามต้นได้มั้ย” ว่าแล้วก็หันไปมองหน้าหวานๆของเจ้าเด็กตัวโตที่กำลังขมวดคิ้วอยู่แบบไม่ค่อยสบอารมณ์นักที่คนเป็นพี่เดี๋ยวนี้ชักจะทันเกมเขามากขึ้นทุกที แล้วนนท์ก็ซบหน้าลงกับแขนตัวเองก่อนที่จะหัวเราะออกมาชุดใหญ่อีกครั้ง น้ำต้นถึงกับไม่อาจทนขมวดคิ้วต่อไปได้ แล้วก็เลยเลื่อนศีรษะทุยๆนั่นไปซบแขนนนท์ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ พอเห็นพี่ชายหัวเราะชอบใจแบบนั้น ใจมันก็พลันมีความสุขไปด้วยอย่างไม่อาจจะห้ามได้จริงๆ

“บังอาจหัวเราะเยาะพี่รึ ตัวแสบ” นนท์ที่เงยหน้าเปื้อนยิ้มขึ้นมาเอามือขยี้เส้นผมของน้ำต้นอย่างมันเขี้ยว

“โอ๊ย... หมดกัน ความหล่อหายไปหมด” น้ำต้นคร่ำครวญจนน่าหมั่นไส้

เสียงหัวเราะค่อยๆเงียบลง นนท์นอนซบแขนตัวเองลงไปอีกครั้งแต่หันไปมองเสี้ยวหน้าของน้ำต้นอย่างพิจารณา น้ำต้นหันไปสบตากับนนท์ราวกับนัดกันไว้ มือที่ขยี้หัวเจ้าน้องชายเมื่อครู่กลายเป็นสัมผัสที่อ่อนโยนเมื่อเขาลูบเส้นผมที่ชี้ไปชี้มาอย่างเอ็นดู น้ำต้นไม่อาจอธิบายความรู้สึกที่เหมือนกับเวลาได้หยุดเดินไปชั่วขณะเหมือนในตอนนี้ได้เลย และดูเหมือนไม่อาจจะละสายตาที่น่าดึงดูดใจคู่นี่ได้ด้วย ความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แต่ที่แน่ๆมันเป็นความรู้สึกที่ดีเหลือหลาย แล้วนนท์ก็ยิ้มให้กับเขา

“ต้นไม่ถามพี่ก็จะชวนอยู่พอดี” น้ำเสียงนุ่มหูเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ป้าชื่นยังถามหาอยู่เลย ถ้าพี่ไม่พาไป เดี๋ยวจะโดนงอนเอา” มือนุ่มเรียวยาวเกินกว่าจะเป็นมือผู้ชายที่ลูบเส้นผมเขาอย่างอ่อนโยนผละจากศีรษะของเขา แต่ไม่ทันไร ก็ถูกสัมผัสอุ่นจากมือของน้ำต้นคว้าเอาไว้

“แล้วถ้าป้าชื่นไม่ถามหาล่ะ” น้ำต้นยังคงจับมือข้างนั้นเอาไว้ไม่ปล่อย นนท์ชะงักด้วยไม่ทันตั้งตัว “พี่ยังจะชวนต้นไปบ้านพี่อยู่หรือเปล่า” เจ้าน้องชายจ้องตรงไปที่ดวงตาของชายหนุ่มราวกับคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ นนท์ไม่เคยเห็นน้ำต้นทำสีหน้าและแววตาแบบนี้มาก่อน เขาได้แต่ยิ้ม ก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกกว้างจนเหมือนจะหัวเราะออกมา

“ป้าชื่นไม่ชวน ต้นก็ไปบ้านพี่ได้เสมอนะครับ” นนท์มองเจ้าน้องชายล้อๆ “อะไร จะงอนพี่ซะแล้วเหรอเรา”

น้ำต้นหัวเราะออกมาในที่สุด “บ้า แหมพี่... ก็แค่อยากรู้ เห็นชอบเอาป้าชื่นมาอ้างทุกที ไอ้เราก็คิดว่าหรือเจ้าบ้านเค้าไม่อยากให้ไปก็ไม่รู้ ออกปากชวนไปบ้านทีไร เอาคนอื่นมาอ้างตลอด” เจ้าเด็กน้อยทำทีตัดพ้อ

“พี่ไม่เห็นต้องชวน น้ำต้นก็หาเหตุมาได้ทุกทีแหละ” นนท์ส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ “ว่าแต่”

นนท์เงียบไป ไม่พูดอะไรต่อ จนน้ำต้นที่เงี่ยหูรอฟังอยู่อดรนทนไม่ได้ หันไปมองหน้าพี่ชายจำเป็นที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน พี่ชายก็ได้แต่มองหน้าแล้วก็ยิ้มอย่างเดียว ในที่สุดนนท์ก็เอ่ยออกมาอย่างติดตลก

“เมื่อไหร่จะปล่อยมือพี่ครับน้ำต้น”

“เอ๋า... ลืม” น้ำต้นยิ้มแหยแก้เก้อ เขาคลายมือออก แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือของนนท์ไปเสียเลยทีเดียว “จับเพลินไปหน่อย นี่ถ้าหลับตาก็นึกว่าจับมือผู้หญิงอยู่เลยนะ มือนิ้มนิ่ม” ว่าไม่ว่าเปล่า ทำท่าจะยกมือข้างนั้นมาสัมผัสริมฝีปากตัวเองเสียอย่างนั้น

“เอ๊ย!” นนท์ดึงมือออกอย่างลืมตัวด้วยความตกใจ น้ำต้นหัวเราะชอบใจอาการของพี่ชาย ยิ่งเงยหน้าขึ้นมองหน้าเหวอๆของนนท์ตอนนี้ น้ำต้นก็ยิ่งหยุดหัวเราะไม่ได้

“แกล้งพี่เหรอ” นนท์ซัดมะเหงกลงบนศีรษะเจ้าน้องชายตัวแสบโป๊กใหญ่

“โอ๊ย!  พี่... ต้นล้อเล่น” น้ำเสียงเหมือนจะโอดครวญแต่ฟังไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย

“ไป... จะไปไหนก็ไป” นนท์ออกปากไล่ด้วยหมั่นไส้เต็มแก่

“งั้น...” น้ำต้นลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ “เดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปกะต้นนะ เดี๋ยวต้นขับรถไปเอง ขากลับพี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับไปส่ง” เจ้าคนน้องว่าเป็นชุดชนิดไม่เปิดโอกาสให้พี่ได้โต้เถียงอะไรทั้งสิ้น

“แล้วก็... ระวังเถอะ” น้ำต้นหันกลับมาว่าด้วยสายตายียวนอย่างยิ่ง

“วันนี้รอดตัวไป แต่วันหน้าไม่รอดแน่” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินออกไป โดยไม่รอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่นิ่งอึ้งไปกับคำพูดนั้นอย่างไม่เชื่อหู

“เจ้าตัวแสบ” นนท์บ่นให้ตัวเองได้ยินเบาๆ รู้สึกแค่ความร้อนที่ผะผ่าวอยู่บนใบหน้าเท่านั้นในตอนนี้

**********************

“ป้าชื่นคร้าบบบบบ” เจ้าเด็กร่างใหญ่ตาหวานทำเสียงใสพลางเดินถลาเข้าไปหาหญิงชราร่างท้วมพร้อมกับสวมกอดนางอย่างร่าเริงและอบอุ่น ทันทีที่ดับเครื่องและก้าวลงจากรถ ทิ้งให้คนที่นั่งมาด้วยเปิดประตูออกมาและหยุดมองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างอดเอ็นดูภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ได้ ก็เพราะอย่างนี้ไงเล่า ถึงได้ชนะใจป้าชื่นและใครต่อใครได้อย่างไม่ต้องสงสัย ก็น้องชายของเขาช่างขี้อ้อนและช่างประจบเอาใจถึงเพียงนี้

“คุณต้น” ป้าชื่นเรียกชื่อเด็กหนุ่มอย่างเป็นกันเอง “แหม... ป้าคิดว่าคุณนนท์จะไม่ชวนคุณต้นมาเสียแล้วค่ะ”

“ก็” น้ำต้นหันไปมองนนท์ที่กำลังเดินเข้ามาสมทบ ก่อนจะเอ่ยปากเหมือนอยากจะให้คนมาทีหลังได้ยินชัดๆว่า “ถ้าต้นไม่ขอมาเอง ก็ไมรู้เหมือนกันว่าจะมีใครชวนหรือเปล่า” กล่าวหาเสร็จแล้วยังไม่พอ เจ้าเด็กขี้อ้อนยังทำตาแป๋วชวนให้น่าสงสารอีกต่างหาก

“จริงหรือคะคุณนนท์” ป้าชื่นหันไปถามคุณนนท์ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาสมทบทันควัน

“อ้าว... แล้วมันเรื่องอะไรมากล่าวหาพี่ล่ะน้ำต้น” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ชูมือทำท่าจะมะเหงกไปที่ศีรษะของเจ้าน้องตัวดีขี้ฟ้องอีกคำรบ

“อ๊ะ อ๊ะ... ดูสิครับป้าชื่น ยังไม่ทันไร พี่นนท์จะทำร้ายร่างกายต้นซะแล้ว” ไม่ว่าเปล่า ยังแสร้งทำเป็นวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังร่างท้วมๆของป้าชื่นที่บังร่างเด็กหนุ่มจนมิด ก่อนที่จะย่อตัวและชะโงกหน้าออกมาลอบมองนนท์อีกต่างหาก

“ดูเอาเถอะครับ ป้าชื่น” นนท์ได้แต่ส่ายหน้าราวกับระอากับพฤติกรรมป่วนของน้ำต้นเต็มแก่ แต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

ป้าชื่นหัวเราะชอบใจเด็กหนุ่มทั้งสองคน ยิ่งกับคุณนนท์ด้วยแล้ว นางให้รู้สึกแปลกใจเหลือคณา เพราะปกติคุณนนท์เป็นคนไม่ช่างจำนรรจา บุคลิกก็เงียบขรึมแม้จะสุภาพอ่อนโยนเพียงไร แต่ทุกครั้งที่มีชายหนุ่มหน้าทะเล้นนิสัยร่าเริงคนนี้อยู่ใกล้ๆ คุณนนท์จะดูสดชื่นและอารมณ์ดีเป็นพิเศษ อีกทั้งยังดูเปิดเผยแถมยังขี้เล่นเสียอีกด้วย นางไม่เห็นชายหนุ่มยิ้มหัวกับใครแบบนี้มานานมากเหลือเกินนับตั้งแต่คุณนนท์กลับมาจากเมืองนอก นางจึงได้นึกนิยมและชอบอกชอบใจเด็กหนุ่มน้ำต้นคนนี้มากเป็นพิเศษ

“ไม่เอาแล้วค่ะคุณๆ” นางว่าพลางเอามือไล่ต้อนสองหนุ่ม “ไปนั่งเล่นกันก่อนดีกว่าค่ะ ป้าชื่นยังเตรียมสำรับอาหารอะไรไม่เรียบร้อย ขอไปสั่งการอะไรเด็กๆก่อนดีกว่า ยังไม่หิวกันนะคะ”

ทั้งคู่ส่ายหน้า ก่อนที่คนตัวเล็กแต่แก่กว่าจะเข้าไปโอบนาง “ป้าชื่นตามสบายครับ นนท์กับต้นยังไม่หิวเท่าไหร่ เดี๋ยวหาอะไรทำกันไปก่อน แล้วค่อยให้เด็กมาเรียกก็ได้” ว่าแล้วก็หอมฟอดใหญ่ที่แก้มของแม่นม นางกอดตอบหลวมๆก่อนที่จะผละไป ปล่อยให้สองหนุ่มได้มีเวลาเป็นของตัวเอง


************************

“ต้นนั่งเล่นไปก่อน ขอพี่เอาของเข้าไปเก็บในห้องหน่อย” ว่าแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ไม่ไกลกัน

น้ำต้นแวะเวียนมาที่นี่หลายครั้งแล้ว นับตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มสนิทสนมกัน บ่อยครั้งที่เขาลืมตัวคิดว่าที่นี่เป็นบ้านอีกหลังของตัวเองไปเสียอย่างนั้น ระยะหลังเขามาที่นี่บ่อย ไม่รู้ทำไมจึงรู้สึกเหมือนทนกับความเหงาไม่ได้มากอย่างแต่ก่อน หรืออาจจะเป็นเพราะความเคยชินที่ได้รู้ว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร ก็จะมีพี่นนท์คอยอยู่ข้างๆ ให้ได้รู้สึกอุ่นใจอยู่ตลอดเวลากันแน่ แม้น้ำต้นจะไม่ใช่ลูกคนเดียว แต่ด้วยความที่พี่คนโตเป็นพี่สาว ทั้งคู่จึงไม่อาจพูดคุยกันได้ทุกเรื่องแม้จะสนิทสนมกันเพียงไรก็ตาม เมื่อมีนนท์ก้าวเข้ามาทำความรู้จัก เขาที่ถูกชะตานนท์ตั้งแต่แรกเห็น จึงได้รู้สึกเปิดใจกับคนๆนี้มากเป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดระยะเวลาที่ได้ทำความรู้จักกัน เขาก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับคนที่เขาเรียกว่าพี่ได้อย่างเต็มปากและสนิทใจได้มากขึ้นเรื่อยๆ

น้ำต้นมองสำรวจห้องที่เขาเริ่มจะคุ้นเคยกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะชั่งใจเดินไปเคาะห้องของพี่ชายที่หายเข้าไปอยู่ในนั้นครู่ใหญ่แล้ว

“พี่นนท์” เขาเคาะประตูเบาๆ พร้อมกับเรียกพี่

ยังไม่ทันได้รอสักกี่มากน้อย ประตูก็เปิดออก “ขอโทษที่ช้า จะเอาอะไรหรือเปล่าต้น” นนท์ทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

“ไม่อยากได้อะไร แต่ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมพี่”

นนท์ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากยิ้มและเปิดประตูออกกว้างขึ้นเพื่อให้คนตัวโตกว่าสอดร่างเข้ามาได้สบายๆ

“ห้องพี่นนท์นี่สะอาดเรียบร้อยมากเลยเนาะ ดูยังไงก็ห้องพี่ชัดๆเลยอ่ะ” คนพูดหันไปมองรอบๆห้องราวกับจะจดจำตำแหน่งข้าวของที่วางเอาไว้มุมนั้นบ้างมุมนี้บ้างเอาไว้ให้ขึ้นใจ

“พอดีพี่มาเปิดโน้ตบุ๊กแล้วมันก็เลยติดพันนิดหน่อย โทษทีที่ให้รอนานนะ” เจ้าของบ้านขี้เกรงใจว่าพลางนั่งลงบนเก้าอี้เข้าชุดกับโต๊ะเขียนหนังสือที่มีโน้ตบุ๊กกางอยู่

“พี่นนท์”

“ว่าไงครับ”

“พี่เล่นเปียโนให้ฟังหน่อยสิ” น้ำต้นนั่งลงบนขอบเตียงนุ่มพลางพยักเพยิดไปทางคีย์บอร์ดที่ตั้งอยู่ใกล้ๆโต๊ะเขียนหนังสือ “นะพี่ ต้นอยากฟัง เอาเพลงที่พี่แต่งเองที่เล่นให้ต้นฟังตอนที่เราเล่นดนตรีด้วยกันครั้งแรกนั่นก็ได้”

นนท์หันมามองหน้าน้ำต้นก่อนที่จะเดินไปนั่งหน้าคีย์บอร์ดที่เขามักจะใช้ทำงานหรือแม้แต่ใช้ผ่อนคลายอารมณ์ได้ด้วยในบางวัน นนท์ไม่ได้ตั้งโปรแกรมให้หวือหวามากมาย แค่เซ็ตเครื่องให้เป็นเสียงเปียโนเท่านั้น ก็ใช้ได้แล้ว นนท์ค่อยๆยกมือยาวเรียวดึงดูดสายตาคู่นั้นขึ้นมา ก่อนที่จะค่อยๆวางนิ้วลงบนคีย์ กลายเป็นคอร์ดที่สอดรับประสานกันอย่างอ่อนหวานจับใจ

แม้น้ำต้นจะเคยฟังเพลงนี้มาแค่ครั้งเดียว แต่ด้วยสำเนียงที่งดงามของมันที่เมื่อได้ยินอีกครั้ง เขาก็จดจำได้ทันที จากที่แค่ชอบเพลงนี้ มาครั้งนี้เขากลับหลงรักมันขึ้นมาจริงๆจังๆเสียแล้ว เสียงเพลงบางครั้งก็แสดงถึงตัวตนของคนที่บรรจงสร้างสรรค์มันขึ้นมา น้ำต้นเอนร่างลงครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนขอบเตียง ปล่อยอารมณ์และความคิดให้ล่องลอยไปกับเสียงเปียโนหวานซึ้งนั้น

เมื่อบรรเลงเพลงจบลง นนท์ก็หันกลับมามองเด็กหนุ่มที่ร่ำร้องอยากฟังเพลงของเขาหนักหนา ก่อนที่จะคลี่ยิ้มอันอ่อนโยนออกมา เขาลุกจากเก้าอี้ และเดินมาคุกเข่าอยู่ข้างเตียงตรงที่มีร่างสูงยาวครึ่งนั่งครึ่งนอนที่ตกอยู่ในห้วงนิทราไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย นนท์หัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงหน้าที่ตอนนี้ดูเด็กกว่าอายุจริงของเจ้าตัวไปหลายปี

“นอนหลับเป็นเด็กๆไปเลย” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปบีบจมูกเจ้าน้องชายตัวดีเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนมือปัดเส้นผมยุ่งๆที่เคลียอยู่ตรงหน้าผากของน้ำต้นอย่างแผ่วเบายิ่ง ด้วยเกรงว่าคนที่นอนหลับสนิทอยู่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน แล้วจึงเดินออกไป ปล่อยให้เด็กหนุ่มนอนพักผ่อนได้อย่างเต็มที่


**************************  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 24-07-2009 18:46:19
น้ำต้นที่ตื่นขึ้นมามองไปรอบๆอย่างมึนงง จำไม่ได้ว่าตัวเองเผลองีบหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ พอตั้งสติได้ก็พลันนึกได้ว่า ไม่ได้อยู่ที่บ้านของตัวเองสักหน่อย แต่กลับมาหลับใหลไม่ได้สติอยู่แบบนี้ แย่จริงๆเรา พี่นนท์ก็ไม่อยู่ ไม่รู้หายไปไหน คิดได้ดังนั้นก็ทำท่าจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ แต่พลันสายตาก็หันไปเห็นอะไรสักอย่างตกอยู่บนพื้นใต้โต๊ะเขียนหนังสือของเจ้าของห้องนั่นเอง น้ำต้นคลานมุดเข้าไปหยิบมันขึ้นมา

“รูปถ่าย” เขารำพึงเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อหงายภาพขึ้นมาดู ในรูปมีคนอยู่สองคน คนหนึ่งก็คือพี่นนท์ของเขาที่ดูแตกต่างจากตอนนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อีกคน เขาไม่รู้จัก แต่ก็รู้สึกว่าคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างไรพิกล ที่แน่ๆ เขาไม่ชอบบรรยากาศในภาพนี่เอาเสียเลย พี่นนท์ยิ้มเหมือนอย่างที่มักจะยิ้มให้เขาบ่อยๆ และคนข้างๆนั่นก็ดูจะสนิทสนมกับพี่ชายของเขาเป็นพิเศษ น้ำต้นรู้สึกไม่พอใจและไม่พอใจเอามากๆชนิดที่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจึงรู้สึกหงุดหงิดหนักหนา เขาว่าเขาคุ้นหน้าคนในรูป แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์นึกถึงจริงๆว่าเคยเห็นหมอนี่ที่ไหนมาก่อน

จริงสิ เขาต้องตามหานนท์เสียก่อน เจ้าของบ้านหายไปไหนเสียแล้วก็ไม่รู้ ทิ้งให้เขานอนอยู่คนเดียว ว่าแล้วก็ตัดใจวางรูปถ่ายนั้นไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะเปิดประตูเดินออกไป ยื่นหน้าเข้าไปดูในห้องรับแขกก็ไม่เห็นวี่แววว่ามีใครนั่งอยู่ ในห้องครัวเล็กๆก็ไม่มี แต่พอเปิดประตูหน้าบ้านหลังเล็กออกไป น้ำต้นก็เห็นร่างเล็กๆสมส่วนนั่งหันหลังเขียนอะไรขยุกขยิกอย่างตั้งใจ มีหูฟังที่ต่อกับเครื่องเล่นเอ็มพีสามเสียบอยู่ที่หู อากาศเบื้องนอกกำลังสบาย มีลมเย็นพัดมาเบาๆ น้ำต้นสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ พอได้เห็นด้านหลังของนนท์ที่นั่งอยู่ตรงนั้น เขาก็รู้สึกสบายใจและโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

ต่อให้เรียกก็คงไม่ได้ยินหรอก ยิ่งพอได้ใส่หูฟังและตั้งหน้าตั้งตาทำอะไรแบบนี้ด้วยแล้ว น้ำต้นเดินเข้าไปหาทางด้านหลัง ใกล้ถึงเพียงนั้น นนท์ก็ยังไม่รู้ตัวอยู่ดีนั่นเอง จนกระทั้งน้ำต้นยื่นแขนข้ามไหล่ของชายหนุ่มแล้วเท้าลงบนโต๊ะพลางก้มหน้าพ่นลมหายใจรดหูของเขานั่นแหละ เจ้าตัวถึงกับสะดุ้งหันหน้าไปจนเกือบจะชนเข้ากับแก้มใสๆของเด็กหนุ่มขี้เล่นที่ยื่นหน้าเข้ามานั่นเสียแล้ว

“เอ๊ย!...” ก่อนที่จะผงะออกไป นนท์หน้าตาตื่น ก่อนที่จะเห็นว่าเสี้ยวหน้าที่อยู่ห่างไปไม่กี่เซนติเมตรกำลังยิ้มกว้างอย่างชอบอกชอบใจอย่างยิ่ง

“เล่นอะไรน้ำต้น!” นนท์โวยวายออกมา ด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก เสียงโวยวายของพี่นนท์ก็ไม่ต่างอะไรกับเสียงพูดธรรมดาของคนทั่วไปนั่นแหละ เจ้าตัวแสบคิด “แล้วนี่ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ มันเรื่องอะไรมาแอบดูพี่” นนท์ยังไม่เลิกประท้วง มือปิดสมุดที่เขาง่วนเขียนอะไรลงไปอยู่เป็นนานด้วยเกรงว่า คนใกล้ตัวจะเห็นเข้า

“ก็พี่นนท์ไม่ยอมปลุก ทิ้งให้ต้นนอนอยู่คนเดียว ใช้ได้ที่ไหน” เจ้าคนน้องที่นอกจากจะไม่สำนึกถึงบุญคุณของคนพี่ ยังกล้าดีมายียวนเขาเสียอีก

“อ้อ เป็นความผิดของพี่อีกใช่ไหม” นนท์เสียงอ่อนลงอย่างไม่นึกถือสาหาความอะไรอีก “แล้วนี่อะไรเนี่ย... ปล่อยซิ” เขาสั่ง เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าโดนล็อกตัวเอาไว้จนไม่อาจลุกไปไหนได้

“ไม่ปล่อย ไม่รู้ล่ะ”

“ไม่ปล่อยแล้วพี่จะลุกได้ไงเล้า” คนพี่ทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนมอดแทะไม้

“งั้น... บอกมาก่อน พี่นนท์ทำอะไรอยู่ ถึงได้ไม่รู้ตัวเอาเล้ยว่ามีคนเดินมาใกล้ขนาดนี้”

“ไม่บอก เรื่องอะไรพี่ต้องบอก” นนท์เอามือวางทับสมุดเอาไว้ราวกับกลัวว่าข้อความข้างในมันจะล้นทะลักออกมาให้คนข้างๆได้เห็นอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่บอกใช่ไหม”

“ไม่มีทาง” เขาว่าอย่างดื้อดึง

“งั้นเจอนี่” ยังไม่ทันขาดคำแขนข้างหนึ่งของน้ำต้นก็รวบร่างที่นั่งอยู่เอาไว้ อีกข้างก็ลงมือจี้ไปที่เอวเสียเลย

“เฮ้ย... ไม่เอา... ปล่อยก่อน... น้ำต้น!” นนท์ถึงกับดิ้นไปมาและหัวเราะด้วยความจั๊กกะจี๋ แต่ก็ขยับไปไหนไม่ได้มากนัก เพราะแขนแข็งแรงอีกข้างที่ล็อกตัวเขาเอาไว้เรียบร้อย

“ยอมบอกรึยัง” น้ำต้นยังคงสนุกกับการแกล้งพี่ ว่าตามจริง เขาไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นหรอกว่าพี่นนท์ของเขาเขียนอะไรอยู่ แต่ด้วยความหมั่นไส้ที่ดูจะมีความลับเยอะเหลือเกิน แถมยังติดใจกับไอ้ผู้ชายที่ยิ้มทำหน้าระรื่นในรูปถ่ายนั่นอีก มันเขี้ยวนัก เลยขอเอาคืนเสียหน่อยเถอะ

“ไม่บอก ยังไงก็ไม่บอก” ใจแข็งจริงๆแฮะ โดยไม่ทันตั้งตัวน้ำต้นเลยช้อนร่างนั้นขึ้นมาอุ้มเอาไว้ในวงแขนเสียเลย

“เฮ้ยยยยยย!!!” นนท์ที่ถึงแม้จะตัวเล็กแต่ก็แข็งแรงพอตัวถึงกับตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำต้นหัวเราะชอบใจอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นปฏิกิริยาของนนท์

“น้ำต้น ปล่อยพี่” เขาส่งเสียงประท้วงก็จริงแต่แขนข้างหนึ่งเกาะเกี่ยวที่คอของคนตัวใหญ่กว่าอย่างลืมตัว เมื่อเสียงหัวเราะจากน้ำต้นเบาลง เจ้าน้องชายตัวดีก็ก้มลงมองพี่ที่อยู่ในอ้อมแขนนั้น น้ำต้นจากที่รู้สึกชอบอกชอบใจเมื่อครู่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ เพราะพี่นนท์ที่เมื่อกี้พยายามบิดตัวหนีเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ในตอนนี้กลับก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาเขา ใบหูทั้งสองข้างที่ไม่ได้อยู่ห่างระดับสายตาเขาเท่าไหร่ แดงก่ำขึ้นมาเอง ผิวพรรณขาวจัดแบบคนทางเหนือยิ่งขับให้มันเด่นชัดขึ้นไปอีก น้ำต้นรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวจากใบหน้าของชายหนุ่มในอ้อมแขนแข็งแรงของเขาอย่างชัดเจน

“ปล่อยพี่ลงก่อนเถอะนะ” น้ำเสียงของนนท์ไม่ใช่เสียงประท้วงเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เป็นเสียงนุ่มเบาที่น้ำต้นไม่เคยได้ยินมาก่อน น้ำต้นยอมปล่อยร่างนั้นลงยืนอย่างนึกเสียดาย นนท์ยังไม่ยอมสบตาเขา แต่รีบเดินเข้าไปเก็บสมุดพร้อมกับเครื่องเล่นเอ็มพีสามที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะนั้นอย่างรวดเร็ว และเดินกลับเข้าไปในบ้าน โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

น้ำต้นใจเสียทันทีเมื่อเห็นกริยานั้นจากนนท์

“พี่นนท์” น้ำต้นเรียกเสียงอ่อน ก่อนที่จะเดินตามเข้าไป “พี่” ตอนนี้เข้าเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆแล้ว หรือเขาจะเล่นเกินไป เขาทำให้พี่นนท์ไม่พอใจมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ

“พี่นนท์ครับ” เด็กหนุ่มเปิดประตูห้องที่เขาเพิ่งนอนหลับไปอย่างสบายเมื่อไม่กี่นาทีมานี้ นนท์นั่งนิ่งอยู่หลังคีย์บอร์ด น้ำต้นไม่เห็นว่านนท์ทำหน้าอย่างไรในเวลานี้ แต่เขาค่อยๆเดินเข้าไป นั่งลงข้างเตียงอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าเข้าไปเล่นแบบถึงเนื้อถึงตัวอีก

“ถ้าต้นทำให้พี่โกรธ ต้นขอโทษครับพี่” น้ำต้นว่าอย่างสำนึกผิดจริงๆ เขาก้มหน้าเม้มปากด้วยความหวั่นใจ มือที่ประสานกันอยู่บนตักเครียดเกร็งอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่รู้จักกันมา นนท์ไม่เคยโกรธหรือทำท่าเกรี้ยวกราดกับเขาเลยแม้สักครั้ง เด็กหนุ่มนึกกลัวขึ้นมาจริงๆเมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปของนนท์

แต่แล้วก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่ยวบหยุ่นลงข้างๆตัว น้ำต้นหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างที่แม้ในยามนี้ก็ยังไม่ยอมสบตากับเขา แต่ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างที่นั่งติดกันอยู่นี้

“จริงๆนะพี่ ต้นขอโทษ...” เขาระล่ำระลักออกมา

“ไม่ต้อง” เสียงพูดของนนท์ดังออกมาเพียงแผ่วเบา “ไม่ต้องขอโทษ” น้ำต้นยังคงมองไปที่นนท์อย่างเต็มตา จนกระทั่งชายหนุ่มหันหน้ามาสบตาเขา

“พี่ไม่ได้โกรธต้นเลยนะครับ” ได้ยินเพียงเท่านั้น หัวใจของน้ำต้นก็พองฟูขึ้นมา เหมือนต้นไม้อันแห้งแล้งที่จู่ๆก็ได้รับน้ำอันชุ่มฉ่ำอย่างไรอย่างนั้น “พี่เพียงแต่...” นนท์พูดได้เพียงเท่านั้นก็ก้มหน้าเงียบไป เป็นเวลาเนิ่นนานที่ความเงียบได้เข้ามาครอบงำในห้องนั้น ชายหนุ่มตั้งตัวไม่ทันและแปลกใจระคนกันเมื่อสัมผัสจากอุ้งมือที่สากกว่าจับมือเรียวยาวของเขาเอาไว้ น้ำต้นไม่ได้สบตานนท์เหมือนอย่างทุกครั้ง แต่มือที่จับมือของเขากระชับเอาไว้อยู่นั้น ราวกับจะบอกเขาว่า ไม่ต้องพูดอะไรออกมาอีกแล้ว

นนท์ยิ้มอย่างที่มักจะยิ้มให้กับน้ำต้นเสมอ เขาปล่อยให้น้ำต้นจับมือเอาไว้แบบนั้นก่อนที่จะเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างของเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาห้าปีที่เขาเองยังไม่อยากเชื่อว่าจะสามารถทำให้เขารู้สึกอุ่นใจได้ขนาดนี้ทุกครั้งเวลาที่อยู่ใกล้กัน ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว ได้แต่ปล่อยให้สัมผัสนั้นพูดแทนความรู้สึกอันมากมายที่ก่อตัวขึ้น ช่างอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก

“คุณนนท์ คุณต้นขา... ป้าชื่นให้มาตามไปทานมื้อเย็นค่า” เสียงเด็กรับใช้ดังขึ้นที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนที่นนท์ตะโกนบอกออกไปด้วยเสียงที่ดังพอได้ยินว่า

“เดี๋ยวตามไปครับ” นนท์หันไปสบตากับเด็กหนุ่มที่นั่งกุมมือเขาอยู่ข้างๆไม่ยอมปล่อย เขาเลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะถามว่า จะเอายังไง จนกระทั่งเด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างขัดใจ

“ขัดคอ!” น้ำต้นคำรามออกมาเบาๆ ก่อนที่จะปล่อยมือข้างนั้นออกไปอย่างนึกเสียดาย นนท์ถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอาการกระฟัดกระเฟียดอย่างไม่เป็นจริงเป็นจังนักของน้องชายตัวดี นนท์เอื้อมมือขึ้นลูบศีรษะน้ำต้นอย่างอ่อนโยน

“ไป... ไปทานข้าวกัน พี่หิวแล้ว” นนท์ทำท่าจะลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวพี่” น้ำต้นคว้ามือนนท์เอาไว้ “แล้วบอกได้รึยังว่าเมื่อกี้เขียนอะไร ทำท่ามีความลับขนาดนั้น”

“ติดใจขนาดนั้นเชียวเหรอน้ำต้น” นนท์ว่าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู

“ตอนแรกเฉยๆ ไม่รู้ก็ได้ แต่ตอนนี้ชักอยากรู้ขึ้นมาจริงๆแล้ว” น้ำต้นช้อนสายตาขึ้นมองพี่ชาย มือยังไม่ยอมปล่อย

“มันก็ ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก” นนท์ชั่งใจก่อนจะบอกออกไปว่า “แต่เอาไว้ ถ้าเรียบร้อยเมื่อไหร่ พี่จะบอกต้นเป็นคนแรกเลย ตกลงไหม” ได้ยินอย่างนั้น น้ำต้นจึงยอมคลายมือออกพร้อมกับยิ้มออกมาได้ในที่สุด

“สัญญาแล้วนะ”

“สัญญา”

“งั้นไปกินข้าวได้” เจ้าเด็กตาหวานจู่ๆก็ตัดบทขึ้นมาง่ายเสียจนน่าทึ่ง ก่อนที่จะจูงมือคนพี่ให้เดินตามออกไป

*******************

“ฮัลโหล ต้น” เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย น้ำต้นถึงกับชะงักไปจนนนท์ที่นั่งอยู่ข้างๆสังเกตเห็นได้ไม่ยากนัก มื้อเย็นค่ำวันนี้อาหารฝีมือการกำกับของป้าชื่น อร่อยไม่ผิดหวัง แถมต่างฝ่ายต่างก็เป็นคู่สนทนาที่พูดคุยกันออกรสอย่างยิ่ง อาหารมื้อนี้จึงอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ชื่นมื่นเป็นพิเศษ จนสำรับอาหารคาวถูกยกออกไปและมีของหวานเข้ามาแทนที่แล้ว ก็ยังดูเหมือนว่าช่วงเวลานี้จะยืดยาวออกไปได้อีกไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งเสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือของน้ำต้นดังขึ้นนั่นแหละ

“เอ่อ... ว่ายังไง” น้ำต้นอึกอักเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใคร พร้อมกับหันไปสบตากับนนท์

ปลายสายถึงกับอึ้งไป เมื่อเสียงทักทายจากอีกฝ่ายฟังดูห่างเหินและหมางเมินอย่างรู้สึกได้

“ต้นถ้าไม่สะดวกคุยกับไหม ก็ไม่เป็นไรนะ” ยิ่งฝ่ายนั้นทำเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ออกมา น้ำต้นก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก เขาไม่อยากคุยกับไหมเวลาอยู่กับพี่นนท์เลย ไม่รู้เป็นเพราะอะไร

“ไม่ใช่ไม่อยากคุย” ปากแม้จะบอกออกไป แต่สายตาของเขายังคงจับนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของนนท์ ที่สีหน้าในตอนนี้น้ำต้นเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไร เขายิ้มให้น้องชาย ตบที่ต้นแขนเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงค่อยพอแค่ให้ได้ยินว่า

“คุยธุระของต้นไปเถอะ เดี๋ยวพี่ขอตัวแป๊ปนึง” แล้วก็ผละออกจากโต๊ะไป น้ำต้นบอกได้แค่เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เอามากๆ แต่ก็นั่นแหละ อีกคนก็พี่ อีกคนก็เพื่อนเก่า... เขาเองก็อยากรู้ว่าไหมต้องการอะไรจากเขานัก พักนี้จึงโทรหาเขาบ่อยเหลือเกิน

“มีอะไรหรือเปล่าไหม” น้ำต้นเปลี่ยนน้ำเสียงให้ฟังดูอ่อนโยนขึ้น

“ขอบคุณนะต้น... ไหมก็แค่” จู่ๆปลายสายก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ไหม เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไม” ตอนนี้เองที่เขาก็เริ่มที่ตกอกตกใจขึ้นมาบ้าง

“ต้น ไหมรู้สึกแย่มากเลยตอนนี้ แต่ไหมไม่มีใครเลย...” ว่าแล้วก็ร้องไห้โฮออกมาอีก “มันเครียดไปหมด คนเดียวที่ไหมนึกถึงก็คือต้น” ไหมสะอึกสะอื้น ทำเอาน้ำต้นใจอ่อนยวบ ลืมความขัดเคืองใจมื่อครู่ไปสิ้น

“แล้ว จะให้ต้นช่วยยังไง”

“ถ้าไม่กวนใจจนเกินไป... ต้นมาอยู่เป็นเพื่อนไหมหน่อยได้ไหม” น้ำต้นนิ่งเงียบไป เขาหันหน้าไปมองทางที่พี่ชายของเขาเพิ่งผละไปเมื่อครู่อย่างลำบากใจ “แต่ถ้าไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ไหมเข้าใจนะ” ปลายสายทำเสียงเครือขึ้นมาอีกแล้ว

“ได้...”

“อะไรนะต้น”

“เดี๋ยวต้นจะไปหาก็แล้วกัน ยังอยู่ที่เดิมใช่ไหม”

“ใช่จ้ะ ดีใจนะที่ต้นยังจำได้”

ความรู้สึกอันหนักอึ้งในอกทบทวีขึ้นทันที่เขากดวางสาย ทำไมไหมชอบโทรมาตอนที่เขาอยู่กับนนท์นะ และมันก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจทุกครั้ง เขาไม่อยากให้นนท์รู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ หรือนนท์อาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยก็ได้ แต่เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี

“พี่นนท์” น้ำต้นเดินตามนนท์ออกไปตรงระเบียงของบ้านเล็ก สายตาของเขาจับไปที่แผ่นหลังของพี่ชายที่ยืนไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้นคนเดียว นนท์เป็นผู้ชายตัวเล็กก็จริง แต่ก็ดูดีเหลือเกินแม้จะมองจากด้านหลังแบบนี้ก็ตามที

น้ำต้นเดินเข้าไปยืนข้างๆนนท์ สีหน้าของเขาลำบากใจอย่างยิ่ง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องลำบากใจ ถ้าเป็นพี่เมษโทรมาตาม เขาจะลำบากใจแบบนี้ไหม หรือเพราะนี่เป็นเรื่องของไหม... เรื่องของคนที่อาจจะทำให้พี่นนท์รู้สึกอะไรหรือเปล่า น้ำต้นจึงเป็นกังวล แต่เขาก็ไม่อาจจะตอบคำถามนี้ได้

“จะไปหาเพื่อนเหรอน้ำต้น” นนท์กลับเป็นฝ่ายเปรยขึ้นมาเสียเอง

“พี่เนี่ย เหมือนอ่านใจคนได้เลย” น้ำต้นพ่นลมหายใจออกมาเบาๆพร้อมรอยยิ้ม

“ไม่หรอก... พี่อ่านไม่ได้ทุกคนหรอก” นนท์หันหน้ามามองเขาตรงๆก่อนจะนิ่งไปเป็นครู่ “ไปเถอะ เขาคงต้องการความช่วยเหลือจากเราจริงๆนั่นแหละ ถึงได้โทรมา”

“จะดีเหรอพี่ ต้นเป็นคนคะยั้นคะยอขอมาบ้านพี่เองแท้ๆ” เขาก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดเต็มที่

นนท์ยิ้มให้น้ำต้น เขายกมือขึ้นตบที่หลังของน้องชายเบาๆ ก่อนจะว่า “บ๊องหรือเปล่า คิดมากไปแล้ว”

“งั้นต้นกลับก่อนนะพี่นนท์”

“ไปเถอะ ขับรถดีๆล่ะ” น้ำต้นยกมือไหว้นนท์ ในใจเขาอยากจะบอกออกไปเหลือเกินว่า ไม่ได้อยากไปเลยซักนิด ยิ่งเห็นหน้าเหงาๆของนนท์ด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งอยากจะเปลี่ยนใจไม่ไปเสียเดี๋ยวนั้น

“กลับถึงบ้านแล้ว จะโทรหานะพี่” น้ำต้นว่า ก่อนจะออกเดินไป

นนท์เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับรำพึงกับตัวเองเบาๆว่า “ต้นก็อ่านใจพี่ได้เหมือนกันนะ” เขายืนเหม่อมองท้องฟ้าไร้ดาวนั่นอีกครู่ใหญ่ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้าน

_____________________________________

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 24-07-2009 19:01:45
มาจิ้มอย่างรวดเร็ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-07-2009 19:14:07
ยาวจุใจจิงๆ ว่าแต่เมื่อไหร่ต้นจะสารภาพไปเลยล่ะว่าชอบนนท์น่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 24-07-2009 19:22:17
"ต้นก็อ่านใจพี่ได้เหมือนกัน"

 :z2:  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 24-07-2009 20:17:21
เง้อออออออ

เจ๊ไหมมม

มามุกไหนเนี่ยยย  :angry2:

รุกหนักๆเลยน้ำต้น (แค่นี้ยังไม่พอ??)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 25-07-2009 02:27:52
หุหุ ได้ใจมากเลย

ออ่านจนจุใจสุดๆ

ขอบใจมากๆจ้า หนุกมาก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Magnolia ที่ 25-07-2009 02:53:33
มาเจิม เรื่องใหม่ไม่ทัน ..

แต่ขอลงชื่อไว้ก่อนนะจ๊ะ คุณนายขา

ไปตามอ่านก่อนแล้วกัน 55   :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 25-07-2009 02:59:15
กิ๊ด ๆ ตอนนี้น่ารักมาก

มีจับมือกันด้วย  :-[


น้ำต้นจ๋า  อย่าลังเลลูก

มารยาหญิง อย่าไปสนใจ

กลับมาหาพี่นนท์เถ๊อะ..


ขอบคุณคนแต่ง และ คนโพสต์คร๊าบ



หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 25-07-2009 10:33:59
พี่นนท์ ที่แสนจะสุภาพ   จะเผลอใจให้น้องน้ำต้นที่น่ารัก ขี้อ้อน ได้มั๊ยเนี่ย   :-[

ว๊า   ไม่น่ามีไหม มาขัดคอเลย    :m16:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 6 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 25-07-2009 17:11:35
พี่นนท์ตะเองใจหวิวๆชิมิตอนที่น้องบอกว่าจะกลับแล้วอ่ะ
อิอิ สองคนนี่น่ารักกันจริงๆค.สัมพันธ์ค่อยๆก้าวทีละก้าวแล้น
แต่ว่าน้ำต้นก็รุกแล้วดีจริงๆเด็กอะไรไม่รู้ ช่างอ้อนเป็นที่สุด
ขอบคุณคะ พี่นาเมฮ์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 28-07-2009 12:12:55
มาต่อให้คุณนิ้วไขว้เธอแล้วนะคะ บทที่เจ็ดนี่ก็ยาวเช่นกัน อ่านกันทีจุใจเลยทีเดียว

เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้เลยค่ะ (อย่าลืมว่าอย่าเพิ่มจิ้มหรือเมนท์จนกว่าจะเจอคำว่า to be continue นะคะ)

**********************

เพลงรัก

บทที่ 7

น้ำต้นนำรถเข้าไปจอดในลานจอดรถของอพาร์ตเม้นต์หรูใจกลางเมืองที่เขาเคยมาอยู่บ่อยๆเมื่อนานมาแล้ว นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้มาที่นี่อีก อดีตเพื่อนสาวในตอนนั้นของเขาอยู่กับคุณแม่ที่คอยดูลูกสาวไม่ต่างอะไรกับผู้จัดการส่วนตัว น้ำต้นไม่ค่อยได้ขึ้นไปถึงห้องของไหม เพราะคุณแม่ของเธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมท่าเดียว น้ำต้นในวัยเพียงแค่นั้น ยังมองออกเลยว่าแม่ของไหมไม่ชอบที่ลูกสาวของเธอมาคบกับเขา ก็แหงล่ะ... ตอนนั้นเขายังไม่มีอะไรเลยนี่นา ตอนนั้นเขาก็รู้สึกไม่พอใจอยู่หรอกนะ แต่พอมาถึงตอนนี้ ทำไมเขาจึงรู้สึกเฉยๆไปเสียแล้วก็ไม่รู้ ลึกๆเขาก็เข้าใจดีว่า คนเป็นแม่ย่อมต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น คนตัวเปล่าแถมยังเด็กเหลือเกินในตอนนั้นอย่างเขา จึงไม่น่าจะใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ทำไมเขาจะไม่รู้

พอลงจากรถ เขาอดคิดขึ้นมาไม่ได้จริงๆว่า ทำไมไหมถึงเลือกโทรหาเขา เขาไม่น่าจะใช่เพื่อนเพียงคนเดียวของเธออยู่แล้ว เผลอๆ ไหมยังจะมีเพื่อนฝูงมากกว่าเขาเสียอีก อีกอย่างไหมหายไปจากชีวิตเขาหลายปี แล้วจู่ๆเกิดจะคิดถึงเขาขึ้นมา ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน แต่เอาเถอะ อย่างน้อย เขาก็บอกตัวเองได้ว่า ไหมไม่เหลือพื้นที่ในหัวใจของเขาอีกแล้ว สำหรับเขาในตอนนี้ นักแสดงสาวได้กลายมาเป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นจริงๆ

“ค่า” เสียงที่อยู่ด้านหลังประตูดังขึ้นเมื่อเขาเคาะประตู มันฟังดูร่าเริงผิดปกติเมื่อเทียบกับเสียงที่เขาเพิ่งพูดคุยด้วยทางโทรศัพท์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้อย่างสิ้นเชิง

“ไหม” น้ำต้นประเมินดูสีหน้าท่าทางของไหมทันที่ที่เธอเปิดประตูออกมาต้อนรับเขา

“ต้น ไหมดีใจมากเลยที่ต้นมาหาไหม” พูดยังไม่พอ นักแสดงสาวยังถือโอกาสเข้ามาคล้องแขนเขาเอาไว้อย่างสนิทสนมเสียอีกด้วย ก่อนที่จะลากเขาเข้ามาในห้องชนิดไม่ทันตั้งตัวหลังจากที่ปิดประตูตามหลังทันที

“เอ่อ ไหม... ไหนบอกว่ามีเรื่องไง” น้ำต้นยังไม่วายสงสัย ตอนนี้เขาชักจะปรับอารมณ์ตามหญิงสาวไม่ทันเหมือนกัน

“ก็...” ว่าแล้วก็เหมือนกับเพิ่งคิดได้ สาวเจ้าพลันตีหน้าเศร้าทันควันทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีก แต่แล้วเธอก็ทำหน้าเชิดขึ้นมาราวกับไม่แคร์สิ่งใดในโลก “ไหมแค่เจ็บใจ”

“เจ็บใจ?” น้ำต้นทำหน้างง เขานั่งลงบนโซฟาบุหนังสีสดตัวนุ่ม โดยมีร่างสวยสะโอดสะองที่สวมกางเกงขาสั้นและเสื้อกล้ามพอดีตัวนั่งลงข้างๆ ในแบบที่แนบชิดเกินจำเป็น จนน้ำต้นชักรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเสียแล้ว

“ก็บทละครเรื่องล่าสุดนี่น่ะสิ ทีแรกผู้จัดฯเค้ามาจีบจะให้ไหมเล่นเป็นนางเอก แต่ไปๆมาๆ กลับดันยกบทนางเอกไปให้คนอื่นซะนี่” ไหมทำหน้ากระเง้ากระงอด ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น อาจจะมองว่าน่ารักน่าเอ็นดู แต่กับน้ำต้นในตอนนี้ เขากลับยิ่งรู้สึกงงเป็นไก่ตาแตก

“แล้วไหมก็เรียกให้ต้นมาเนี่ยนะ เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ” น้ำต้นถามอย่างไม่เชื่อหู

“ต้นไม่เข้าใจหรอกว่าเรื่องแบบนี้มันเสียหน้าแค่ไหน ไหมนะแค้นมากเลย” ว่าแล้วก็เบียดตัวเข้าหานักน้องหนุ่มเต็มที่ “ไหมเป็นนักแสดงหญิงระดับต้นๆเลยนะ แล้วทำไมถึงต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย” ว่าตามจริงมันก็พอจะมีส่วนจริงอยู่บ้างเหมือนกัน แต่เหตุผลหลักที่เธอไมได้เป็นนางเอกละครเรื่องที่ว่านี่ก็เพราะ เธอไม่อยากรับงานนี้เองด้วยส่วนหนึ่งเพราะเห็นว่าบทของมันเชยลาก ไม่เหมาะกับสาวสมัยใหม่ของเธอเอาเสียเลย ประโยชน์เพียงอย่างเดียวของมันคือ ทำให้เธอสามารถสร้างเรื่องมาตบตาน้ำต้นได้นี่แหละ

น้ำต้นหันไปมองหญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกว่าแฟน ไหมในตอนนั้นอาจจะเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองก็จริง แต่ก็ผิดกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ไหมกลายเป็นคนที่เขาไม่รู้จักไปเสียแล้ว เธอไม่เหลือความน่ารักแบบเด็กสาวอีกต่อไปแล้ว เธอมีแต่ความทะยานอยากและอีโก้อันมากล้นเสียจนเขานึกกลัว ด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้ เธอสามารถโทรไปบีบน้ำตาให้เขารู้สึกเห็นใจและเป็นห่วงจนต้องรีบบึ่งมาหาเธอ เรื่องนี้ทำให้เขาผิดหวังในตัวของหญิงสาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาหมดรักเธอแล้วจริงๆด้วยสินะ

น้ำต้นเขยิบตัวออกห่างจากไหมอย่างสุภาพ เขามองใบหน้าเธอที่ยังคงงงวยกับอาการของนักร้องหนุ่ม “ไหม ถ้าไหมไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” เขาบอกแก่เธอ “แต่การที่ไหมกึ่งขอร้องกึ่งบังคับให้ต้นต้องออกมาแบบนี้ ต้นลำบากใจนะ” ไหมถึงกับทำหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำพูดอันตรงไปตรงมานี้ออกมาจากปากของน้ำต้น

“ต้นต้องเสียมารยาทต่อคนๆหนึ่งมากๆ เพื่อที่จะมาหาไหมเพราะความเป็นห่วง” น้ำต้นอยากจะตำหนิเธอเหลือเกิน แต่ก็ยั้งใจเอาไว้ “แต่ก็เอาเถอะ ไหมไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะไหม เล่นกับความรู้สึกของคนอื่นน่ะ มันไม่ดี”

ไหมรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เธอเสียหน้าด้วยไม่คิดว่าจะถูกใครว่าเอาตรงๆแบบนี้มาก่อน ยิ่งกับน้ำต้นด้วยแล้วเธอยิ่งรู้สึกมากกว่าใคร เธอมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยสักนิด น้ำต้นเป็นใครจึงกล้าดีมาตำหนิเธอเช่นนี้ เธอที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมให้เธอไปเสียหมดทุกเรื่อง ไหมถอยห่างออกมาจากน้ำต้นทันทีโดยอัตโนมัติ ดวงตารื้นน้ำตาราวกับจะตัดพ้ออะไรบางอย่าง แต่เธอกล้ำกลืนมันลงไป

“เพราะอะไรต้นถึงไม่เหมือนเดิม ต้นมีคนอื่นแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงของเธอต่อว่าเขาอยู่กลายๆ

“ต้นจะมีใครหรือไม่มี มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเราเลยไหม” น้ำต้นนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตัดใจพูดในที่สุดว่า “มันก็แค่ต้นไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับไหมอีกแล้ว”

ไหมถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่ม นี่เธอถูกเขาปฏิเสธหรือนี่ เธอไม่อยากจะเชื่อเลย

“เรื่องของเรามันจบไปแล้ว แต่ต้นก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับไหมนะ” เขาว่าพลางลุกขึ้นยืนมองหน้าหญิงสาวพร้อมกับจับมือของเธอเอาไว้หลวมๆ เธอเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกที่ทั้งเจ็บและอาย

“ต้นไปก่อนนะ” เขาปล่อยมือเธอวางไว้บนตักอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเดินเปิดประตูออกไปและปิดมันลงเบาๆเอาไว้เบื้องหลัง ราวกับจะย้ำเตือนเจ้าของห้องนั้นว่า มันจบลงแล้วจริงๆ


*******************

“มันจะจบแบบนี้ได้ยังไง” นักแสดงสาวที่นิ่งเงียบไปนานเหมือนจะยังไม่หายช็อกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ “ไหมไม่ยอมหรอกนะ” เธอกำมือแน่น ปากก็พร่ำแต่ว่า “ไหมไม่ยอมตัดใจแน่นอน”


********************

เมื่อขับรถกลับมาถึงห้องของตัวเอง น้ำต้นนั่งแปะลงไปที่โซฟาอย่างอ่อนแรง แต่ในใจของเขากลับรู้สึกชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อ เขาหยิบโทรศัพท์เครื่องบางสีเงินขึ้นมา กดหมายเลขที่คุ้นเคยก่อนที่จะเอามันยกขึ้นแนบหู

“ครับน้ำต้น”

“พี่นนท์”

“ถึงบ้านแล้วเหรอ เร็วจัง” นนท์ว่าอย่างแปลกใจ

“ก็ธุระเสร็จเร็วกว่าที่คิดน่ะพี่”

“ดีแล้ว” นนท์ตอบไปอย่างไม่รู้ว่าว่าอะไรต่อดี “งั้น ไปพักผ่อนเถอะต้น”

“พี่”

“ครับ”

“ไม่นึกอยากถามอะไรต้นบ้างเหรอ”

“หือม์ ว่าไงนะต้น” นนท์ถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก

“เอาน่า เจอกันพรุ่งนี้นะพี่นนท์”

“เจอกันครับ”

“เอ่อ... ฝันดีนะพี่” พูดออกไปแล้วก็รู้สึกร้อนๆหน้ายังไงพิกล

ปลายสายนิ่งไปพักหนึ่งก็จะหัวเราะเบาๆออกมาว่า “เหมือนกันครับ”

น้ำต้นบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่ รู้แค่ว่าตอนที่กดวางสาย เขาแทบจะกระโดดตัวลอยเลยทีเดียว

*******************

ลมเย็นช่วงปลายปีพัดมาพอให้คนในเมืองหลวงได้รู้สึกชื่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะแม้จะมีแสงแดดส่องจ้าอยู่ด้านนอก อากาศกลับไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนอย่างช่วงที่ผ่านมา มองออกไปภายนอก ก็พอจะเห็นผู้คนเริ่มหยิบเสื้อแขนยาวมาใส่บ้างแล้ว เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่เพราะอยากจะป้องกันตัวเองจากอากาศที่หนาวเย็นแต่อย่างใด แต่เหมือนอยากจะอวดเสื้อตัวสวยกันเสียมากกว่า ผู้ช่วยสไตลิสต์วัยเกือบสี่สิบที่แม้น้ำหนักจะเกินมาตรฐานไปสักเล็กน้อยแต่ก็ยังดูคล่องแคล่วเปรี้ยวจี๊ดสมอาชีพที่ทำอยู่คิดกับตัวเองอย่างเพลิดเพลิน แหม... เธอเองก็เป็นหนึ่งในพวกชอบโชว์เหล่านั้นเสียด้วยสิ ก่อนที่ความคิดจะถูกขัดขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานข้างๆตัวขึ้นมา

“พี่กี้รึเปล่าคะ” คนที่รับสายถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่แสดงความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง

“น้องไหม” เธอถามย้ำว่าใช่คนที่เธอนึกถึงอยู่หรือเปล่า ก่อนที่จะออกปากไปว่า “มีอะไรให้พี่รับใช้หรือคะ”

“ต้องมีแน่นอนค่ะพี่ นี่ไหมรบกวนเวลาพี่หรือเปล่าคะ” ไหมถามอย่างไม่ค่อยเกรงใจสักเท่าไร ค่าที่ว่าทั้งสองคนมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดีมานาน เพราะเคยมีโอกาสได้ร่วมงานกันและคุยกันถูกคออย่างยิ่ง อีกส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะต่างคนต่างก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลตัวเองได้เป็นอย่างดี ในขณะที่กี้สามารถแนะนำสไตลิสต์ที่ถูกใจไหมให้ได้ ชื่อเสียงของไหมก็ช่วยเธอได้เหมือนกันในฐานะที่สนิทสนมกับดาราสาวคนดังเป็นพิเศษ

“ได้ยินมาว่าตอนนี้พี่กี้ทำงานเป็นผู้ช่วยพี่เชนเหรอคะ” ไหมถามไม่อ้อมค้อม

“ใช่ค่ะ ตอนนี้มีโปรเจ็กต์อัลบั้มใหม่ของน้ำต้น งานใหญ่เชียวล่ะ” กี้ว่าโดยไม่ทันนึกว่าน้ำต้นเคยเป็นแฟนเก่าของไหมมาก่อน ทำเอาปลายสายถึงกับจี๊ดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเรื่องผลงานใหม่ของน้ำต้น สำหรับไหมแล้ว เธออยากได้น้ำต้นคืนมามากพอๆกับความริษยาในใจที่มีต่อน้ำต้นนั่นเอง

“นั่นแหละค่ะ ไหมก็เลยอยากจะถามอะไรพี่กี้หน่อย” นักแสดงสาวซ่อนอารมณ์อันพลุ่งพล่านของตัวเองเอาไว้มิดชิด

“ถามมาเลยค่ะ” กี้ว่าอย่างไม่คิดอะไร

“พี่กี้คะ ตอนนี้ต้นเค้าสนิทอยู่กับใครเป็นพิเศษหรือคะ”

“ฮื้อ... ไม่มีนี่” กี้ตอบไปตรงๆ “เท่าที่เห็นก็มีแค่น้องนนท์ ที่ตอนนี้เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ”

“นนท์ เหรอคะ” ไหมสะดุดหูกับชื่อนี้ทันที

“ค่า น้องนนท์เข้ามาทำหน้าที่ดูแลในส่วนดนตรีและเนื้อร้องงานชุดใหม่ให้ต้นค่ะ”

“นนท์นี่ เป็นใครมาจากไหนเหรอคะพี่”

“เท่าที่พี่รู้มาจากพี่เชนนะคะ นนท์เขาเป็นเด็กนักเรียนนอกค่ะ ท่าทางสุภาพใจดีเชียว แถมหล่ออีกต่างหาก” คนเล่าทำเสียงเคลิ้ม “เขามาทำงานกับพี่มิ่งมาน่าจะซักสองปีอ่ะค่ะ แต่เห็นว่าอยู่เบื้องหลังผลงานเพลงดังๆหลายเพลงเลย”

“อ้าวแล้วเขามาเกี่ยวอะไรกับต้นล่ะคะพี่ ไม่ใช่พี่มิ่งหรอกเหรอคะที่ต้องเป็นมิวสิกไดเร็กเตอร์ให้ต้น” เธอถามอย่างหงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ก็ เห็นพี่เชนบอกว่า พี่มิ่งอยากจะให้นนท์ได้แสดงฝีมือเต็มตัวซักทีน่ะค่ะ”
ไหมนั่งฟังอย่างอดทน ก่อนจะกลั้นใจถามออกไปว่า “แล้วต้นกับนนท์สนิทกันแค่ไหนคะ”

“ก็ สนิทนะ พักหลังนี่ตัวติดกัน เหมือนพี่น้องเลย พวกพี่เห็นแล้วยังอดเอ็นดูไม่ได้”

“เกินไปรึเปล่าพี่กี้” ไหมแขวะขึ้นมาอย่างนึกหมั่นไส้

“แหมน้องไหม ถ้าได้รู้จักกับนนท์นะ น้องไหมจะชอบเขา เขาน่ารักนะ”

“โอ๊ย ไม่ล่ะค่ะ ผู้ชายบุคลิกนุ่มนิ่มแบบนั้น หวังอะไรจากต้นรึเปล่าก็ไม่รู้ ไหมว่ามันไม่เข้าท่าเลย” เธอว่าตามความรู้สึกที่ได้เห็นนนท์ที่นั่งทานข้าวกับน้ำต้นเมื่อหลายวันก่อน

“แหม น้องไหม อย่ามองโลกในแง่ร้ายเลยค่ะ น้องนนท์เขาเป็นคนดีจริงๆ” กี้พยายามแก้ตัวแทน ช่วยไม่ได้จริงๆนี่นา เพราะเธอเองก็ถูกใจกับชายหนุ่มมากจริงๆ อดไม่ได้ก็เลยต้องแก้ตัวให้แบบนี้นี่แหละ

“ค่า... เอาเถอะค่ะ” ไหมไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก

“น้องไหมถามขึ้นมามีอะไรรึเปล่าคะ”

“ไม่หรอกค่ะ ไหมก็แค่ห่วงต้นในฐานะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ เกิดทำอะไรไม่เหมาะไป ผลเสียมันจะตกอยู่ที่ต้นเองนั่นแหละ” เธอพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว “ขอบคุณพี่กี้มากนะคะ ไว้มีอะไรเดี๋ยวไหมอาจจะโทรมารบกวนพี่อีกแน่นอนค่ะ” ว่าแล้วก็วางสายไป

“แปลกคนจริง” กี้รำพึงกับตัวเอง ก่อนที่จะง่วนกับการเปิดดูนิตยสารต่างประเทศตรงหน้าสลับกับการมองผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ด้านนอกต่อไป


*************************

นนท์อย่างนั้นหรือ ไหมรำพึงกับตัวเอง ไม่ได้มีผู้หญิงคนใหม่ แต่กลับไปคบกับผู้ชายอย่างนั้นหรือต้น เธอเองแม้จะยังไม่มั่นใจกับความคิดอันนี้ แต่มันกลับยิ่งทวีความเจ็บแปลบในใจให้เพิ่มมากขึ้น มันน่าแค้นใจไหม ถ้าเธอจะแพ้ผู้ชายคนหนึ่งจริงๆ คนอย่างเธอ มีหรือจะยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เธอจะแย่งน้ำต้นกลับคืนมาให้ได้ คอยดูเถอะ เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าคนดีเหลือเกินเหมือนที่ใครๆเขาว่ากันอย่างนนท์ จะไม่มีจุดด่างพร้อยอะไรเหมือนคนอื่นๆเลยเชียวหรือ

***********************

พักนี้น้ำต้นเข้าออฟฟิศบ่อยเสียจน ใครต่อใครเห็นเป็นต้องทัก ใช่ว่าเขาไม่มีงานต้องทำ เพียงแต่งานของเขาส่วนใหญ่ไม่ต้องจมอยู่ในออฟฟิศเหมือนงานของคนอื่นเท่านั้นเอง แต่แม้จะเอาเรื่องงานมาอ้าง เอาเข้าจริงๆ น้ำต้นกลับไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่บนชั้นสามสิบเท่ากับชั้นยี่สิบสักเท่าไร ว่างเมื่อไรเป็นต้องลงไปเล่นดนตรีกับพี่นนท์อยู่ร่ำไป คนพี่รึก็ดีใจหาย น้องลงมาขอเล่นดนตรีด้วยก็แทบจะไม่เคยขัด หากไม่ติดประชุม หรือมีงานด่วนเข้ามาจริงๆ นนท์เป็นต้องตกปากรับคำเล่นดนตรีกับน้ำต้นไปเสียเกือบทุกครั้ง

“มาบ่อยเชียวเจ้าต้น” เมษทักน้ำต้นเป็นคำแรกทันทีที่เห็นหน้านักร้องหนุ่ม

“ทักแบบนี้อีกคนแล้ว อะไรเนี่ย” แม้จะทำท่าบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ไม่เห็นว่าเจ้าตัวจะนำพากับอะไร “ต้นมาบ่อยๆไม่ดีเหรอพี่ ว้า... ไม่อยากเจอกันก็บอกก็ได้” ว่าแล้วก็ทำหน้ามุ่ยราวกับจะน้อยอกน้อยใจเสียเต็มประดา เมษชำเลืองมองด้วยหางตาอย่างรู้ทัน

“พอมีคนที่ถูกใจ ก็เกิดอยู่บ้านคนเดียวขึ้นมาไม่ได้แล้วล่ะสิ” เมษพูดขึ้นมาลอยๆโดยไม่มองหน้าคนถูกพาดพิง น้ำต้นนิ่งเงียบไปเป็นครู่ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างยอมจำนน

“ดูออกอย่างนั้นเลยเหรอพี่”

“แหม ต้นเอ๊ย พี่ทำงานกับต้นมานานแค่ไหนแล้ว เรื่องแค่นี้มีหรือพี่จะมองไม่ออก” เมษหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของเจ้าเด็กตาหวาน “ไปถูกใจอะไรพี่เขาล่ะ” เมษถามขึ้นมาแบบไม่คิดจะเร่งรัดเอาคำตอบอะไรจากเด็กหนุ่ม น้ำต้นมองหน้าเมษ เขาไม่เคยกังขาถึงความจริงใจที่เมษมีต่อเขาเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เขามีปัญหา หรือในเวลาที่เขามีความสุข เมษไม่เคยมองอะไรในตัวเขาพลาดเลยสักครั้ง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเมษรักและหวังดีต่อเขาเพียงไร

“พี่เมษครับ”

“จ๋า” เธอตอบรับ แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

“พี่เมษว่า พี่นนท์เป็นยังไง” เมษหันไปมองตาแป๋วที่หันมาสบตาเธออย่างจริงจัง

“พี่ว่าน้ำต้นน่าจะรู้จักนนท์ดีกว่าพี่นะ”

“ต้นรู้ครับพี่ แต่ต้นก็อยากจะถามพี่เมษให้แน่ใจอ่ะครับ”

เมษพยักหน้าก่อนจะละสายตาจากคอมพิวเตอร์ และกอดอกอย่างครุ่นคิด

“นนท์เป็นคนจิตใจดีนะ เป็นคนดีมากๆ เขาดีกับทุกคนเลยเท่าที่พี่เห็น ขนาดพี่มิ่งยังบอกว่าไม่เคยเห็นนนท์โกรธใครซักที เขาก็จิตใจดีเหมือนเรานั่นแหละน้ำต้น แต่เราอ่ะเป็นพวกแสดงออกชัดเจน ตรงไปตรงมา ส่วนนนท์เนี่ยเหมือนจะเป็นคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ทำให้บางทีก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรในใจ”

“แต่พี่คิดว่าพี่นนท์เป็นคนดีใช่ไหม”

“โอ๊ย อันนี้พี่ไม่สงสัยเลย เขาเป็นคนน่ารัก พี่อาจจะไม่สนิทกับเขา แต่พี่ก็มองออก” เมษหันไปมองน้ำต้นอย่างล้อๆเมื่อพูดว่า “แล้วพี่ก็รู้ด้วยนะว่าทำไม ต้นถึงถูกใจนนท์เขา”

“พี่รู้ด้วยเหรอ” น้ำต้นหน้าแดง เมื่อโดนเมษวิเคราะห์ออกมาตรงๆ

“แหม มันก็ไม่ได้ดูยากขนาดนั้น เราอ่ะติดพี่นนท์ยังกะอะไรดี” เมษหัวเราะออกมาเบาๆ “แต่ที่พี่หมายถึงก็คือ เราสองคนเนี่ยบุคลิกข้างนอกถึงจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ว่ามันก็มีความเหมือนที่ดึงดูดกันอยู่ เช่นเป็นคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน แล้วก็เป็นคนขี้เหงาเหมือนกัน ในขณะเดียวกันก็มีจังหวะที่รับส่งกันได้พอดี นี่พี่พูดฟังเข้าใจยากไปไหม” เมษหันมาถามน้ำต้นที่ทำตาแป๋วอย่างสนอกสนใจ

เด็กหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะว่า “พูดต่ออีกสิพี่เมษ”

“พี่เชื่อนะต้นว่าคนเราบนโลกนี้เกิดมาเพื่อที่จะเป็นส่วนเติมเต็มของใครสักคนหรือใครอีกหลายๆคนเสมอ ต้นเกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่ซึ่งก็เหมือนเราได้เติมชีวิตของเขาให้สมบูรณ์ ให้เขาได้รักเรา ทำให้ชีวิตทั้งของเราและเขามีความหมาย แล้วพอเราเติบโตขึ้น ได้เรียนรู้ถึงความรัก พี่ว่าลึกๆในใจของคนเกือบทุกคนนั่นแหละ ล้วนแล้วแต่มองหาคนที่จะเติมเต็มอะไรบางอย่างในชีวิตบางส่วนที่ขาดหายไปของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แต่จะเจอหรือเปล่าก็อีกเรื่อง“ เมษว่าต่อยืดยาว “ทีนี้สิ่งที่พี่เห็นมันก็แค่สิ่งที่พี่เห็นเท่านั้น ที่เหลือก็อยู่ที่เราเองนั่นแหละที่จะคิดว่า คนที่เรารู้สึกดีหรือรู้สึกพิเศษมากนั้น ใช่คนที่จะเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดของเราหรือเปล่า” เมื่อหันไปเมษก็พบกับดวงตาใสแป๋วที่มองเธอไม่วางตา ราวกับได้ซึมซับทุกคำพูดของเธอเอาไว้จนหมดสิ้น  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 28-07-2009 12:16:23
“ก็นั่นแหละ ในสายตาพี่ เวลาที่ดูเราสองคนอยู่ด้วยกันนะ พี่รู้สึกดีมาก ไม่รู้เป็นไง”

“หรือพี่เมษคุ้นกับต้นมั้ง ถึงรู้สึกดี”

“ก็ส่วนนึง แต่พี่ก็รู้นี่ว่าน้องที่พี่ดูแลอยู่เป็นยังไง อีกอย่างพี่เป็นเออาร์มานานนะ งานของพี่คือการอยู่กับคนและรับมือกับคน ความสามารพิเศษของพี่คือการอ่านคน ที่เหลือก็อยู่ที่เราแล้วล่ะว่าจะเชื่อพี่แค่ไหน”

“ต้นอ่ะเชื่อสายตาพี่เมษอยู่แล้ว”

“แต่ก็แค่อยากให้มั่นใจ ใช่ไหม” เมษเคาะไปที่ศีรษะน้ำต้นเบาๆอย่างรู้ทัน

“ไม่รู้สิพี่เมษ” น้ำต้นถอนหายใจออกมาในที่สุด “คือ... ต้นไม่แน่ใจว่า... อือ... ไม่รู้จะพูดยังไงดี” นักร้องหนุ่มเกาศีรษะอย่างไม่รู้จะจัดเรียงคำพูดออกมาแบบไหนดี ขนาดตัวเองยังไม่แน่ใจเลยว่า กำลังจะบอกอะไรแก่เมษ

“ต้นครับ” เมษเรียกชื่อเขาอย่างอ่อนโยน

“ครับ”

“พี่ว่าพี่เข้าใจต้นในระดับนึงนะ” เมษพูดราวกับจะให้กำลังใจเด็กหนุ่ม “แล้วพี่ก็พอจะรู้ด้วยว่าต้นกำลังสับสน แต่พี่อยากจะบอกต้นว่าพี่มองดูต้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพราะเป็นงาน แต่เพราะพี่ใส่ใจเราจริงๆไม่ต่างอะไรกับคนในครอบครัว เข้าใจใช่ไหม” ต้นพยักหน้า “และพี่ก็เห็นด้วยว่า ต้นเป็นยังไงหรือบางครั้งอาจจะถึงขนาดมองออกว่าต้นคิดอะไรอยู่ และถ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีสำหรับต้นแล้วล่ะก็ พี่คงจะห้ามและเตือนต้นโดยที่ไม่ต้องรอให้ต้นออกปากก่อนแล้ว จริงไหม” เด็กหนุ่มพยักหน้าอีกครั้ง

“และสิ่งที่พี่มองเห็นในความสัมพันธ์ระหว่างต้นกับนนท์ก็คือ สิ่งที่ดี” เมษย้ำหนักตรงคำสุดท้ายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเด็กหนุ่มที่ตั้งใจฟังเธออย่างไม่ยอมพลาดแม้แต่คำเดียว “พี่มองว่าเราสองคนเกื้อหนุนกันในแบบที่พี่เองในตอนนี้ก็มองไม่เห็นว่าใครจะสามารถมาทดแทนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ เพราะฉะนั้น หากต้นเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ดี ต้นก็เดินหน้าต่อเถอะ อย่าทิ้งมันไปเสีย” เมษยิ้มให้น้ำต้น ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปแตะบ่าคนที่เปรียบได้เหมือนกับน้องชายแท้ๆก็ไม่ปาน และเอ่ยออกมาอีกว่า “แต่มีอย่างนึงที่พี่อยากจะบอกเราไว้” ต้นยังคงมองไปยังใบหน้าของเมษไม่วางตา

“ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะใจกว้างอย่างพี่ และถ้าต้นตัดสินใจเลือกแล้ว ผลกระทบของมันอาจจะมีมากกว่าที่คิด สำคัญตรง เราเองก็ต้องแน่ใจด้วย อย่าเพิ่งด่วนใจร้อน” เธอบีบไหล่น้ำต้นแน่นขึ้นอีก “แต่ให้แน่ใจว่า ต้นมีพี่อยู่ตรงนี้ ถ้าต้นไม่มีใคร ก็จงจำไว้ว่ามีพี่อยู่อีกคน”

น้ำต้นน้ำตาคลอ เขายกมือไว้เมษอย่างไม่อาจปิดบังความรู้สึกซาบซึ้งใจอันท่วมท้นนี้ได้

“ขอบคุณครับพี่เมษ” เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาในที่สุด “ต้นกังวลมาตลอดเลย เพราะไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องผิดหรือถูก พออยากจะคุยกับพี่เมษ ต้นก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง แต่พี่เมษก็เข้าใจต้นทุกอย่างจริงๆ”

“แล้วคำตอบของพี่เป็นยังไง ทำให้เราสบายใจขึ้นไหม” เมษถาม

“สบายใจขึ้นมากครับ แล้วก็ช่วยเตือนสติไม่ให้ต้นทำอะไรผลีผลามออกไปด้วย”

“แล้ว... ขอโทษนะที่ถามตรงๆ ไหนๆเราก็เปิดอกคุยกันแล้ว” เมษชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามออกมาในที่สุด “เรื่องคนเก่าของเรา เอายังไง พี่เห็นท่าทางเค้าจะเทียวไล้เทียวขื่อเราไม่เลิกนี่”

“ต้นว่าต้นก็เคลียร์ตัวเองกับเขาชัดเจนแล้วนะพี่”

“เราชัดเจนก็จริง แต่เขาล่ะจะยอมรับมันได้หรือเปล่า บอกตามตรงเจตนามันยังไงไม่รู้พิกล หายไปตั้งนาน จู่ๆก็อยากจะกลับมาคืนดีกะเราอีกเนี่ยนะ” เมษที่พอจะได้รับรู้เรื่องของไหมมาบ้างอดที่จะออกปากด้วยความกังวลลึกๆไม่ได้

“ต้นก็พอจะมองออกอยู่นะ แต่ก็ถือว่าเราบอกเขาชัดเจนไปแล้วว่าเราไม่ได้รู้สึกกับเขาแบบนั้นแล้ว แต่ถ้าจะเป็นเพื่อนก็ไม่ว่ากัน”

“พี่ห่วงก็ไอ้ตรงนั้นแหละ” เมษว่าพลางถอนใจ “แต่ก็เอาเถอะ พี่ไม่อยากมองอะไรในแง่ร้ายหรอกนะ ระวังหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวเกิดมันเป็นข่าวขึ้นมา มันจะไม่ดีกับเราเอง”

“ครับพี่เมษ”

“แล้วเรื่องนนท์ล่ะ ยังไงต่อ”

“ขอเวลาต้นไปตั้งสติก่อนพี่เมษ ต้นอยากให้แน่ใจก่อน ไม่อยากให้พี่เขาเสียความรู้สึกเพราะอารมณ์ชั่ววูบของเราน่ะ”

เมษตบบ่าน้ำต้นอย่างเอาใจช่วย เธอไม่พูดอะไรอีก แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วจริงๆสำหรับเด็กหนุ่ม

**********************

“ไหมเป็นอะไร หน้าเครียดเชียวแก นี่มาสนุกกันเว้ย ไม่ได้มางานศพใคร ทำหน้าให้สนุกหน่อยซี้” เสียงตะโกนกรอกหูดังแข่งกับเสียงดนตรี ร่างเพรียวระหงที่อยู่ในชุดเกาะอกสั้นสีดำกับรองเท้าส้นเข็มที่ส่งให้หญิงสาวดูสง่าขึ้นกลับไม่ไปด้วยกันกับใบหน้าที่ถูกบรรจงแต่งเอาไว้อย่างสวยสะด้วยเครื่องสำอางยี่ห้อดังที่ตอนนี้มันบูดบึ้งไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย แม้ไหมจะตัดสินใจมาเที่ยวผับชื่อดังที่ประจำของเธอกับกลุ่มเพื่อนคนสนิทเพื่อคลายเครียด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้อารมณ์อันขึ้งเครียดของเธอดีขึ้นได้เลย หญิงสาวจึงนั่งทำหน้าบูดอยู่ที่โต๊ะพร้อมกับเครื่องดื่มที่ไม่หลงเหลือความเย็นอยู่แล้วอย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งรอบข้าง

“เบื่อ” เธอว่า “ไม่ได้ดั่งใจซักอย่าง” ทำเอาเพื่อนสาวที่มาด้วยไม่กล้าตอแยกับเธออีก

“ไหม แกดูหนุ่มๆ โต๊ะโน้นสิ” ไหมหันไปมองตามมือของเพื่อนสาวอีกคนที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดไม่แพ้กันที่กำลังชี้มือไปทางโต๊ะที่อยู่ไม่ห่างออกไป โต๊ะนั้นกลุ่มใหญ่พอดู มีทั้งผู้หญิงผู้ชายหน้าตาดีหลายคนออกท่าออกทางตามเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่อย่างออกรส บางคนน่าจะเป็นคนในวงการเดียวกับเธอด้วยซ้ำ

“เฉยๆ” เธอเบะปากก่อนที่จะหันมาคนน้ำสีอำพันที่เจือจางอยู่ในแก้วที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจอะไรอีก

“โธ่อะไรวะไหม สนุกหน่อยซี้ กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว ทำไมแกไม่หาอะไรสนุกๆใส่ตัวไปก่อนเล่า” ไหมฟังแล้วถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ

“ไอ้หนิงมันไปชวนเค้าคุยอยู่โน่นแน่ะ สนใจไหม นั่นไง ไม่ทันขาดคำ มาโน่นแล้ว” ไหมเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีสี่คนเดินเข้ามา

“ไหม หนุ่มๆเขาอยากจะเข้ามาทักทายแกหน่อยแน่ะ ไม่ว่ากันนะ” ไหมชินเสียแล้วกับการที่ถูกเพื่อนๆเอาชื่อเธอไปใช้แบบนี้ แต่เธอไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร ดีเสียอีก ในช่วงเวลาแบบนี้ มันก็ช่วยเสริมอีโก้ของเธอขึ้นมาได้ไม่น้อยเหมือนกัน ไหมสวมบทบาทนักแสดงสาวทันทีด้วยการคลี่ยิ้มให้อย่างเชิญชวน ก่อนที่ยื่นมือไปสัมผัสมือชายหนุ่มแต่ละคนแบบเรียงตัว

“คนนี้พี่กานต์ คนนี้เจตต์ นี่แม็กซ์ แล้วก็พี่เอ้ค่ะ พี่เอ้เป็นดีเจอยู่ที่คลื่นดัง ฮ็อตแอนด์คูล ไง”

“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ” ไหมฉีกยิ้มหวานหว่านเสน่ห์อย่างมืออาชีพ ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผลเหมือนกับทุกครั้ง ว่าตามจริง ตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก เพราะอย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่าเสน่ห์ของเธอยังใช้ได้ผลดี หลังจากที่ผิดหวังกับน้ำต้นมาหลายต่อหลายครั้ง

ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างสนุกสนานขึ้นกว่าเดิมมากสำหรับไหมที่เมื่อมีคนให้ความสนใจในตัวเธอมากขนาดนี้ ความมั่นใจก็ย่อมกลับคืนมาอีกครั้ง เธอพูดคุยกับหนุ่มๆอย่างออกรส หัวเราะกับเรื่องตลกฝืดๆได้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ โดยมีหนุ่มๆฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวบ้างพอไม่ให้น่าเกลียดเกินไป มาเที่ยวทั้งทีก็แบบนี้แหละ ถ้ามัวแต่หวงเนื้อหวงตัวก็อย่ามาเสียเลยจะดีกว่า

“เพื่อนคุณเจตต์ พูดน้อยจังค่ะ” ไหมกระซิบริมหูชายหนุ่มที่เธอถูกใจและดูจะอัธยาศัยดีกว่าใครเพื่อน

“คนไหนหรือครับ อ๋อ เอ้...” เขาพยักหน้าเมื่อมองตามนิ้วมือเรียวยาวที่ทาเล็บด้วยสีแดงสดของหญิงสาว “คุณไหมอย่าไปบอกใครนะ” เจตต์ทำท่าจุ๊ปากน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินในสายตาของหญิงสาวยามนี้

“เอ้มันไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกครับ รู้กันแค่นี้นะ”

“อ้าว” ไหมทำท่าประหลาดใจขึ้นมา

“จริงๆ ที่มันยอมมาทำความรู้จักเนี่ย เพราะมันชอบผลงานของคุณไหม ก็เลยอยากมาทำความรู้จักกันไว้น่ะครับ ไม่งั้นมันไม่รีบกลับไปโต๊ะโน้นเร็วอย่างนี้หรอก”

“ว้า น่าเสียดายจัง คุณเอ้ออกจะหล่อขนาดนั้น”

“หล่อขนาดนั้นก็ยังอกหักได้นะครับ” ไหมมองหน้าเจตต์อย่างไม่อยากจะเชื่อนัก

“จริงๆครับ นี่มันบอกว่ามันถูกสลัดรักมาแบบไม่ใยดีเลย ผมก็ไม่รู้จะอะไรนักหนา ฝ่ายโน้นก็ไม่ใช่ว่าจะดีเด่มาจากไหน แค่คนทำงานเบื้องหลัง ชื่อเสียงก็ใช่ว่าจะโด่งดังอะไร แต่มันทำท่าจะเป็นจะตายให้ได้”

“ตายจริง” ไหมยกมือขึ้นปิดปากอย่างมีจริต “ว่าแต่คุณเจตต์เถอะค่ะ มีเพื่อนเป็นแบบนี้ ตัวคุณเองเถอะ ยังไงแน่”

“โอ๊ย... คุณไหม ผมชายแท้ครับ” เขาโวยอย่างไม่สู้จะจริงจังอะไรนัก “ไอ้เอ้มันเพื่อนผม จะให้ผมเลิกคบมันเพราะเหตุผลที่ว่ามันชอบผู้ชายมากกว่า ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องนะ”

“คุณเจตต์ยอมรับได้เหรอคะ” ไหมถามอย่างไม่ค่อยจะเชื่อถือนัก

“ตราบใดที่มันไม่หวังเคลมผม ผมก็รับได้หมดแหละ โถ่   คุณไหม โลกเราเดี๋ยวนี้น่ะ มันไปถึงไหนแล้ว” เขาว่าอย่างไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร

“แล้วอย่างคุณเอ้ เป็นถึงดีเจ แล้วมาเป็นแบบนี้ แฟนๆเขายังยอมรับได้หรือคะ”

“มันก็ต้องมีทั้งคนที่ดูออกและไม่ออกมั้งครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อีกอย่างมันเป็นดีเจ ไม่ใช่ดารานักแสดงที่จะต้องออกหน้าบ่อยๆ ก็คงไม่เป็นไร นนท์แฟนเก่ามันก็คนเบื้องหลัง ไม่ต้องออกหน้าอะไรอยู่แล้ว” เขาว่าพลางยักไหล่

“อะไรนะคะ” ไหมหูผึ่งขึ้นมาทันที

“อะไรนี่คืออะไรหรือครับ” ชายหนุ่มแปลกใจต่อกริยาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันของหญิงสาวโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว

“แฟนเก่าของคุณเอ้อ่ะค่ะ ชื่ออะไรอีกทีนะคะ” ไหมถามด้วยน้ำเสียงที่เก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ขึ้นมาจริงๆ

“ชื่อนนท์ครับ เด็กนอกมั้งรู้สึก” เจตต์ทำท่าครุ่นคิด

“บิงโก!” ไหมพูดกับตัวเองเบาๆ เสียงดนตรีดังก้องนั้นกลบเสียงของเธอเอาไว้หมด แม้แต่เจตต์ที่อยู่ใกล้กับเธอถึงเพียงนั้นก็ไม่ได้ยิน

“ทำไมคุณไหมสนใจเรื่องของเอ้ขึ้นมาล่ะครับ อย่าบอกนะว่าหลงเสน่ห์มันเข้าอีกคน ผมไม่ยอมจริงๆ” เจตต์แสร้งทำท่าน้อยอกน้อยใจขึ้นมา แต่ไหมในตอนนี้ไม่ได้สนใจอีกแล้ว นอกจากชื่อที่ก้องอยู่ในหูตอนนี้

“แหม ไม่หรอกค่ะ ก็เห็นว่าเป็นคนในแวดวง ไหมอาจจะรู้จักแฟนเก่าเขาก็ได้ คุณเจตต์ก็... ไหมไม่มีรสนิยมประหลาดแบบนั้นหรอกค่ะ” เธอว่าพลางออดอ้อน ปกปิดอาการลิงโลดภายใน ที่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะถือแต้มต่อเหนือน้ำต้นขึ้นมาแล้ว

*********************

ผับเลิกแล้ว ผู้คนเดินทยอยกันออกมาไม่ขาดสาย ไม่น่าเชื่อว่า สถานที่อันคับแคบขนาดนี้ จะมีผู้คนเป็นร้อยเข้าไปยัดทะนานกันอยู่ภายในกันได้ตลอดทั้งคืน ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา บ้างก็เมาจนขาดสติ ที่พอมีสติอยู่บ้างก็ไม่แน่ใจว่าจะพาตัวเองกลับถึงบ้านได้หรือไม่ บางคนก็เดินออกไปหาแท็กซี่กันเป็นกลุ่ม บ้างก็เดินไปขึ้นรถเป็นคู่ๆแม้จะเพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง ไหมมองคนเหล่านี้ด้วยสายตากึ่งดูถูก เธอไม่เหมือนคนธรรมดาเหล่านี้ เธอพิเศษกว่าคนอื่น และเธอก็เชื่อเช่นนั้นเสมอ แต่คืนนี้เธอกึ่งวิ่งกึ่งตามชายคนหนึ่งออกจากผับอย่างผิดธรรมดาอย่างยิ่ง

“คุณเอ้คะ” ไหมเรียกชื่อของชายหนุ่มก่อนที่เขาจะหันมาทำหน้าพิศวง

“คุณไหม มีอะไรครับ” เอ้ถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง ดาราสาวที่มีชื่อเสียงอย่างเธอ มีธุระอะไรกับเขาอย่างนั้นหรือ

“ไหมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณค่ะ คืนนี้คงไม่สะดวก แต่ว่าอยากจะขอเบอร์คุณเอาไว้” เอ้ยังคงทำหน้าไม่เข้าใจอยู่นั่นเอง ไหมจึงยื่นหน้าราวกับจะกระซิบกับเขาว่า “เรื่องของนนท์น่ะค่ะ” เท่านั้นเอง เบอร์ของเอ้ก็ถูกบันทึกเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือของเธอทันที

“แล้วไหมจะโหรหาคุณเร็วๆนี้ค่ะ” ว่าแล้วเธอก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินจากไป

**********************

“น้องนนท์จ๋า มีแขกมาหาค่ะ” เพื่อนร่วมงานสาวนางหนึ่งตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มอย่างเป็นกันเอง

“ครับ ขอบคุณครับ” นนท์วางงานในมือลงอย่างนึกเสียดาย สมองกำลังแล่นดีเดียว ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ใครกันที่มาหาเขาโดยที่ไม่ได้นัดหมายแบบนี้ ปกติเพื่อนจำนวนน้อยที่เขามีก็ไม่เคยมาหาเขาถึงที่ ใครกันนะ

ยิ่งได้มาเห็นหน้าแขกที่มาเยือนเขาโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยแล้ว นนท์ก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจหนักขึ้นไปอีก เขาก็พอจะรู้จักเธอผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์บ้างหรอกนะ แต่ไอ้เรื่องที่เธอจะมารู้จักเขานี่ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลยจริงๆ ยังไม่ทันที่นนท์จะได้เอ่ยอะไรออกมา หญิงสาวก็คลี่ยิ้ม ก่อนที่จะเป็นฝ่ายชิงทักทายเขาขึ้นมาเสียก่อน

“คุณนนท์ใช่ไหมคะ” เธอมองเขาราวกับจะประเมินอะไรบางอย่าง ผู้ชายคนนี้ดูดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก เขาอาจจะดูธรรมดา แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่ชวนดึงดูดใจไม่น้อย ใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตาเรียวยาวแต่ก็ดูมุ่งมั่น จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากไม่หนาไม่บางนั่น รูปร่างอาจจะไม่สูงใหญ่ แต่ก็ดูแข็งแรงทะมัดทะแมงเหมือนคนที่ดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งรสนิยมในการแต่งตัว ไม่ต้องพูดถึง เธอนึกทึ่งกับภาพชายหนุ่มที่ยืนเผชิญหน้าเธออยู่ในตอนนี้ไม่น้อยทีเดียว แต่ท่าทางนิ่งเฉยภายนอกที่ดูคล้ายจะติดขี้อาย มันช่างขัดแย้งกับแววตามั่นใจที่มองเธอแบบไม่หลบสายตาสักนิดเสียจริงๆเชียว

“ใช่ครับ คุณน่าจะเป็นคุณไหม” เขาว่าบ้าง ไหมเป็นคนสวยและมีเสน่ห์เอามากๆ เธอสูงสง่า ใบหน้าผ่านการวาดแต่งมาอย่างประณีตสวยงามจนแทบลืมหายใจ ท่าทางที่ดูมันอกมั่นใจตลอดเวลานั้น จะว่าดีก็ดี แต่ก็อดทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกเหมือนตัวเล็กลงไปอย่างช่วยไม่ได้ เธอสะพายกระเป๋าใบหรูที่ดูจากยี่ห้อแล้วราคาคงเหยียบหลักหมื่น ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นดาราจริงๆ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ฉันทราบค่ะว่าเราไม่ได้รู้จักกัน” เธอว่า “แต่ฉันมีเรื่องสำคัญมากอยากจะคุยกับคุณ ไม่ทราบพอจะมีเวลาไหมคะ” เธอว่าด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังในแบบที่ต่อให้เขาอยากจะปฏิเสธเพียงไร ก็ไม่อาจจะทำได้ เขาประเมินเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

“ได้ครับ ซักครู่นะครับ” นนท์เดินหายเข้าไปภายในออฟฟิศของเขาครู่เดียวจริงๆ ก่อนที่หูของหญิงสาวจะจับเสียงของเขาได้ว่า “พี่มนครับ ถ้าต้นมาบอกให้รอหน่อยนะครับ บอกไปก็ได้ว่านนท์มีแขก”

ไหมชักสีหน้าทันที เธอไม่ชอบใจเอามากๆที่นนท์ทำเหมือนมีสิทธิพิเศษอะไรบางอย่างในตัวน้ำต้น เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังสั่นน้อยๆด้วยความริษยาที่จู่ก็แล่นผ่านเป็นริ้วๆทั่วร่างกาย

“ไปกันครับ ไปร้านกาแฟข้างล่างตึกพอไหวมั้ยครับคุณไหม”

“ไม่มีปัญหาค่ะ” เธอปรับเปลี่ยนสีหน้าได้ทันทีที่เห็นนนท์เดินออกมา

*********************

“ฉันจะไม่อ้อมค้อมล่ะนะคะ” ไหมเป็นฝ่ายพูดออกมาทันทีที่เครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้าแล้ว นนท์เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจต่อท่าทีของหญิงสาวที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

“ฉันเป็นแฟนเก่าต้น ไม่รู้ว่าต้นบอกอะไรคุณเกี่ยวกับฉันบ้างหรือเปล่า”

นนท์อึ้งไปทันทีที่โดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้

“เปล่าครับ” ไหมกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความผิดหวัง เธอไม่คิดว่าน้ำต้นจะไม่เห็นความสำคัญของเธอ ถึงขนาดที่ไม่เคยพูดเรื่องเธอให้นนท์ได้รู้ด้วยซ้ำ นี่ในสายตาของน้ำต้นเธอไร้คุณค่าถึงเพียงนี้เชียวหรือ มันน่าเจ็บใจนัก

“ช่างเถอะ แต่เอาเป็นว่า ที่ฉันมาพูดกับคุณในวันนี้ ฉันทำเพราะหวังดีกับต้น”

“หวังดี... หวังดีอะไรครับ” นนท์ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ เขาไม่รู้เลยว่าประเด็นของไหมคืออะไร และเธอต้องการอะไรจากเขากันแน่

“ฉันรู้นะว่าคุณเป็นอะไร” เธอแสยะยิ้มอย่างมาดร้าย ความสวยของเธอในสายตาของนนท์ที่มีก่อนหน้านี้ มลายหายไปจนหมดสิ้น

“ผมเป็นอะไรหรือครับคุณไหม” นนท์ถามด้วยอารมณ์ที่นิ่งเฉยอย่างยิ่งในแบบที่เขาเป็นเสมอเวลาที่รู้สึกไม่พอใจกับอะไรสักอย่าง

“อย่ามาตีหน้าซื่อ ฉันคุยกับแฟนเก่าคุณมาแล้ว” ไหมนึกถึงเอ้

“แฟนเก่าผม?”

“เอ้ไงล่ะ” ไหมว่าอย่างมีชัย “จำคนรักเก่าของตัวเองไม่ได้หรือไง”

'นนท์เขาเป็นฝ่ายไม่ไยดีผม ทั้งที่ผมรักเขามากนะ' ไหมยังจำคำที่เอ้บอกแก่เธอผ่านทางโทรศัพท์ได้ดี 'แต่เขามันหลายใจ ผู้ชายก็แพศยาได้นะคุณ' เอ้ว่าอย่างขมขื่น 'เรารู้จักกันตอนที่เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอกได้ไม่นาน เขามาทำงานกับพี่มิ่ง แล้วผมก็ไปเจอกับเขาโดยบังเอิญ เราก็เลยคบหาเป็นเพื่อนกัน แต่นนท์เขาไม่ค่อยมีเพื่อนในเมืองไทยเท่าไหร่ ก็เลยติดผม ผมดูเขาออกแต่แรกว่าเขาเป็นอะไร ผมเองก็หลงรักเขา เราก็เลยคบหากันเป็นคนรักหลังจากนั้นไม่นาน แต่แล้วเขาก็เป็นฝ่ายตีตัวออกห่างผม แล้วก็เลิกติดต่อกับผมเสียอย่างนั้น คนแบบนี้โดนเสียบเข้าไปทีเดียวก็เปลี่ยนใจได้แล้ว' เอ้พูดถึงนนท์แบบเจ็บแสบและหยาบคายยิ่ง 'เด็กน้ำต้นนั่นแฟนเก่าคุณเหรอ ระวังเถอะจะโดนหลอกเอา หรือเสร็จกันไปแล้วล่ะ ถึงได้ติดกันแจขนาดนั้นอย่างที่คุณว่า' เอ้ใส่อย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น

ลึกๆแล้วไหมอดจะรังเกียจคำพูดคำจาของเอ้ขึ้นมาไม่ได้ ภายนอกเขาเป็นผู้ชายที่ดูดีทีเดียว แต่เมื่อปล่อยให้เข้าได้พูดพล่าม สันดานเดิมก็เริ่มออก เขาจึงไม่ปิดบังอะไรอีก เขาเจ็บใจนนท์มากทีเดียว นั่นคือสิ่งที่ไหมสังเกตได้อย่างชัดเจน แต่เธอเลือกที่จะมองข้ามจุดเสียของเอ้ไป นั่นเพราะความแค้นเคืองมันบังตาเธอเสียสิ้น เธอไม่ชอบหรอกนะที่เอ้พูดถึงน้ำต้นแบบนั้น แต่ในใจของเธอเองก็นึกหวั่นอยู่ไม่น้อย น้ำต้นเป็นของเธอ เธอจะเอาเขากลับคืนมาให้ได้ และหากเธอจะเสียเขาไป ก็ไม่ควรจะต้องเสียให้กับคนอย่างนนท์ เธอเบะปากอย่างนึกขยะแขยงในใจเมื่อได้ยินเรื่องของนนท์ออกจากปากเอ้

'แต่ผมอยากได้นนท์คืน' ไหมนึกแปลกใจเมื่อได้ยินเอ้พูดขึ้นมา 'เขาเป็นของผม ยังไงผมก็ยังรักเขา ผมอยากได้ของผมคืน' โป๊ะเชะ! ในเมื่อความต้องการของเขาและเธอตรงกันแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยหากทั้งสองคนจะตัดสินใจร่วมมือกัน ไหมคิดง่ายๆ แค่ขู่นนท์นิดหน่อย ขี้คร้านจะกลัวจนหัวหด ส่วนเอ้ ก็คิดแค่ว่าตัวเองเหนือกว่าน้ำต้นแน่นอน นนท์แค่หลงผิดไป ง้อเข้าสักหน่อยเดี๋ยวก็ซมซานกลับมาหาเขาแล้ว

“เอ้ไม่ได้เป็นคนรักเก่าของผม” ไหมหงุดหงิดทันทีกับความนิ่งเฉยของนนท์ ยิ่งเจ้าตัวปากแข็งไม่ยอมรับแบบนี้แล้ว เธอยิ่งรู้สึกมีน้ำโหชนิดที่ไม่ว่าจะปั้นหน้าเก่งอย่างไรก็ปิดไม่มิด

“อย่ามาโกหกหน่อยเลย ฉันคุยกับเอ้หมดแล้ว” ตอนนั้นเอง นนท์จึงทำหน้าราวกับจะสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ในทันที

“อ้อ คุณคุยกับเอ้เรื่องผมมาแล้วนี่เอง” เขาว่าพลางส่ายหน้า และนึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจ เรื่องเก่าๆที่ลืมไปได้นานแล้วแท้ๆ “เขาบอกว่าผมเป็นยังไงบ้างล่ะ” นนท์ถามอย่างไม่นึกใส่ใจอยากได้คำตอบสักเท่าไรนัก

“ก็มากพอที่จะทำให้ฉันรู้ว่าเนื้อแท้คุณเป็นยังไงก็แล้วกัน” เธอว่าอย่างถือดี “ยิ่งได้รู้ฉันก็ยิ่งเป็นห่วงต้น”

“คุณเหรอ เป็นห่วงน้ำต้น”

“อย่ามาตีหน้าเซ่อนะคุณนนท์ ฉันยังรักเขา และเขาเองฉันก็เชื่อว่าเขายังมีใจให้ฉันอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทิ้งคุณออกมาหาฉันอย่างวันนั้นหรอก”

นนท์สะอึกกับคำพูดที่กระแทกหัวใจเขาเข้าอย่างแรง “แต่แปลกนะ เขากลับไม่ยอมเล่าเรื่องฉันให้คุณฟัง คงรู้มั้งว่าคุณจะรับไม่ได้ น้ำต้นเขาเป็นคนดี เขาแคร์คนรอบข้างเสมอแหละ ไม่ว่าจะเป็นคนสำคัญหรือไม่สำคัญขนาดไหนก็ตาม” เธอย้ำไปที่คำว่า ไม่สำคัญ เป็นพิเศษ

“อีกอย่าง เขาเป็นคนซื่อ อ่อนต่อโลก ฉันไม่อยากให้เขาหลงผิดมาคบหากับคุณ” ไหมว่าต่อชนิดไม่หยุดพักหายใจ “บอกตามตรงฉันเป็นห่วงชื่อเสียงของต้น ถ้าเขามีข่าวกับคุณ อนาคตเขาดับแน่” ว่าจบเธอก็ยกมือขึ้นกอดอกราวกับจะข่มชายหนุ่มตรงหน้าลงให้ได้ “ที่สำคัญ ฉันเชื่อว่าเรายังสามารถกลับมาคบกันได้อีกแน่นอน น้ำต้นยังรักฉัน”

“พูดจบแล้วใช่ไหมคุณไหม” นนท์ว่าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สมอันใดกับเรื่องที่ได้ยินแม้แต่น้อย “อันที่จริงถ้าคุณเชื่อในสิ่งที่เอ้บอกไปทั้งหมดนั้นโดยไม่ยอมฟังความจากปากผมเลย ผมก็หมดเรื่องจะคุยกับคุณแล้ว เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอธิบาย” นนท์หยุดพูดและจ้องไปที่ดวงตาของหญิงสาวที่นั่งคอแข็งอยู่ตรงกันข้ามกับเขาอย่างไม่วางตา “อีกอย่างนึง ผมกับต้นเราเป็นพี่น้องที่คบหากันอย่างจริงใจ ผมปรารถนาดีต่อเขาเสมอ และจะไม่ห้ามเลยหากเขาอยากจะคบหาอะไรกับใคร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องไปบอกเขาเอง ไม่ใช่มาบอกกับผม เพราะผมไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับเขาขนาดนั้น เขาสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง” นนท์ลุกขึ้นยืน

“เราคงหมดเรื่องที่จะคุยกันแล้วครับ” นนท์ว่า “อีกอย่างผมยืนยันนะ ผมกับเอ้เราไม่ได้เป็นอะไรกันมากไปกว่าเพื่อน เราอาจจะมีความรู้สึกที่ดีต่อกันบ้าง นั่นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ ผมไม่ทราบ คุณไปถามความจริงกับเจ้าตัวเอาเองก็แล้วกัน ขอตัวนะครับ” ว่าแล้ว นนท์ก็เดินจากไปโดยไม่สนใจจะหันกลับมามองหญิงสาวอีก

“ไอ้วิปริต! เจ็บใจนัก!” ไม่รู้เพราะอะไร คำพูดเรียบๆที่แสนสุภาพนั่น ถึงได้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรงได้ก็ไม่รู้ เธอเจ็บใจ ที่แม้จะข่มขู่นนท์เท่าไร ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลย แถมยังตอกกลับเธอได้อย่างเจ็บแสบโดยไม่ต้องหยาบคายหรือแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว เธอมองตามหลังชายหนุ่มที่เดินขึ้นลิฟต์หายไป

“ฉันไม่ยอมแพ้หรอก” เธอว่าอย่างอาฆาตมาดร้าย

***********************

ถ้าไหมคิดว่า นนท์ไม่สะทกสะท้านและไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เธอบอกแก่เขา ไหมก็คิดผิด อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง นนท์คิดกับตัวเองในใจขณะที่ขึ้นยืนอยู่ในลิฟต์ที่กำลังพาเขากลับขึ้นไปยังชั้นยี่สิบ เรื่องที่เขากับเอ้ไม่มีอะไรเกินเลยกันเป็นเรื่องจริง เขาเองก็ไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองเขาว่าเป็น ‘อะไร’ แต่เรื่องที่เขากังวลอย่างยิ่งก็คือเรื่องของน้ำต้นต่างหาก ความสัมพันธ์ของเขากับต้นไม่ได้มีอะไรเกินเลยมากไปกว่าแค่พี่น้อง แม้ว่าระยะหลังมานี้พวกเขาจะมีวิธีการแสดงออกต่อกันในแบบที่พิเศษอยู่สักหน่อย แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าทั้งเขาและน้ำต้นวางตัวดีพอที่จะไม่ให้มาว่าอะไรได้แน่นอน แต่ต่อไปล่ะ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน น้ำต้นเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง ใครหรืออะไรก็ตามที่อยู่รายรอบตัวเขาจะต้องถูกจับตามองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่สนิทกับน้ำต้นมากกว่าใคร ถึงตอนนั้นน้ำต้นจะต้องถูกดึงให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน เขาจะเป็นอะไรหรือเป็นอย่างไรมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเขาไม่ใช่คนมีชื่อเสียงอะไร แต่กับน้ำต้น ชื่อเสียงและอนาคตที่สดใสของน้องชายจะต้องมัวหมองเพราะเขา นี่คือสิ่งที่เขาไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้

เขายกมือขึ้นทาบกับอกด้านซ้ายของตัวเองก่อนที่จะรวบแขนขึ้นกอดอก ก้มหน้าก้มตาโดยไม่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างใดๆ ปวดหัวใจเหลือเกินกับสิ่งที่ต้องตัดสินใจทำนับตั้งแต่วินาทีนี้ เขาควรจะต้องปล่อยมือนี้ไปเสียที เขาควรจะต้องเปลี่ยนบทบาทจากพี่ชายมาเป็นแค่คนแต่งเพลงเท่านั้นแล้วสินะ

ลิฟต์เปิดออก นนท์เดินออกจากลิฟต์ด้วยหัวใจที่หนักอึ้งและเป็นทุกข์เหลือแสน

“พี่มนครับ” นนท์เปิดปากออกมาอย่างยากลำบาก เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ต้นมารึยังครับพี่”

“ยังค่ะ” มนสังเกตเห็นอาการที่ผิดปกติของนนท์ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า “น้องนนท์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” นนท์ส่ายหน้า

“พี่มน นนท์มีธุระ ถ้าต้นมา ช่วยบอกด้วยนะครับว่านนท์กลับไปแล้ว”

“ได้จ้ะ แต่นนท์ไม่เป็นอะไรแน่นะ” เธอถามอย่างไม่ค่อยจะวางใจนัก นนท์ฝืนยิ้มก่อนที่จะพยักหน้าและพึมพำขอบคุณหญิงสาว เขาปิดการสนทนาด้วยการเลือกที่จะเดินผละออกไป

เพิ่งจะสี่โมงเย็นเท่านั้น นนท์ไม่อยากกลับบ้าน แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะไปอยู่ที่ไหนดี ที่ออกจะกว้างใหญ่ แต่ทำไมจึงเหมือนกับว่าไม่มีที่สำหรับเขาเหลืออยู่เลย

ในใจนนท์อ้างว้างยิ่งนัก

___________________________

โปรดติดตามตอนต่อไป


**********************

อยากตบยัยไหมแล้วนะ แง่งงงงงง  :angry2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 28-07-2009 12:34:37
ขอถีบบบบบบบบบบบบแทนตบได้ปะ  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 28-07-2009 12:54:45
หญิงชั่วชายโฉดดดดดดดดดดดดดดด
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนนท์ถึงใจแข็งกับเอ้ได้
เหอะๆ คำพูดขอเอ้นั่น ด่าตัวเองใช่มั๊ญ แทนที่จะเป็นพฤติกรรมของนนท์ เลวมากๆ
ส่วนนังญ ชั่ว เหอะๆๆๆ โดนน้ำต้นพูดใส่ไปตรงๆแล้วยังไม่รู้สึกสำนึกอะไรอีก
แบบนี้แม้กระทั่งค.เป็นเพ่อนคงไม่ต้องมีให้กันหรอกมั้ง

ส่วนพี่นนท์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :sad4: ใจเย็นๆนะคะรอน้องน้ำต้นมาอธิบายก่อนนะ
อย่าฟังความข้างเดียวจากนังไหม อั๊ยยยยยยยยยยยยยยย :z6: :beat: หน้าสวยแต่นิสัยไม่ดี แย่ๆๆๆๆ

ขอบคุณคะ พี่นาเมฮ์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 28-07-2009 13:46:57
เกลียดไหมที่สุด

เขาไม่รักแล้วยังตามไปตื้ออีก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: nam-nueng ที่ 28-07-2009 18:17:38
เฮ้ออออ พี่นนท์ เครียดอีกละ พอจะนึกพล็อตตอนหน้าออกเลยค่ะ  :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 28-07-2009 20:22:20
เวรกรรม   :z3:

เจอแต่พวกมารผจญ     :z6:

ได้เครียดอีกละ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 28-07-2009 21:24:20
เวนนนนน

เจ๊ไหม .. :beat:


ว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรแบบนี้

กลุ้มใจเลยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 28-07-2009 22:41:37
น้องไหม..กรุณากลับหลุมด่วน

อย่ามาเกะกะแถวเน้  :z6:

พี่นนท์คร๊าบ อย่าคิดมากจิ

ความรักต้องใช้ใจ อย่าใช้สมอง

อย่าหนีน้องไปไหนน๊า  :monkeysad:





หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 29-07-2009 00:02:10
+1 ให้คุณนาเมฮ์แล้วนะครับ...
เอาใจช่วยนนท์และน้ำต้นต่อไป...ไหมและเอ้ช่างร้ายกาจจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 29-07-2009 10:34:35
อ่านแล้วปวดใจ
สงสารพี่นนท์จังเลยค่ะ
ยัยไหมกับนายเอ้นี่ก็นะ
ร้ายพอกันทั้งคู่

พี่นนท์อย่าทำอะไรใจร้ายกับน้ำต้นนะ

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณพี่นาเมฮ์ที่มาโพสต์ให้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 29-07-2009 23:37:16
วุ้ยรับไม่ได้กับการกระทำ


/ m e จิบน้ำส้มอย่างนางเอก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Lala ที่ 30-07-2009 01:34:45
อ่านแล้วอินเว้ยยย

พี่นนท์ มีเหตุผลนะคะ อต่อย่าคิดไปเองคนเดียวสิคะ

ถามน้ำต้นบ้างไรบ้าง ว่าเค้าต้องการแบบนี้รึเปล่า

อินนนน 55+
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 30-07-2009 15:37:05
 :sad4: อยากอ่านตอน 8 แล้วครับคุณนาเมฮ์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 7 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 30-07-2009 22:41:21
สงสารนนท์จัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 31-07-2009 22:53:38
มาติดตามเรื่องของน้ำต้นและพี่นนท์กันต่อนะคะ

************************

เพลงรัก

บทที่ 8

“โธ่เว้ย! เป็นอะไร ทำไมไม่รับสายนะ” เด็กหนุ่มหัวเสียขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้ คิ้วดกดำที่ปกติช่วยส่งให้ดวงตากลมโตดูอ่อนโยน ในตอนนี้ ขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ สามวันเข้าไปแล้วที่เขาติดต่อนนท์ไม่ได้เลย โทรไปแม้สัญญาณสายจะว่าง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสายเลยสักครั้ง พอลงไปหาถึงที่ ทุกคนก็ได้แต่ส่ายหน้า บอกว่านนท์ไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน วันแรกที่เขาไม่ได้พบเจอหรือพูดคุยกับนนท์ น้ำต้นรู้สึกเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเองเสียเลย เขาพาลที่จะหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา บางครั้งถึงกับอยากจะขอยกเลิกงานโชว์ตัวบางงานไปเสียเลยด้วยซ้ำ เพราะคิดแค่ว่าอยากเจอพี่นนท์ แต่ก็ทำไม่ได้ นั่นยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้เกิดขึ้นในใจมากขึ้นไปอีก

“พี่เมษ ช่วยโทรตามพี่นนท์ให้ต้นให้หน่อยได้ไหมครับ” จู่ๆเจ้าเด็กโข่งก็เดินคอตกเข้ามาหาเมษอย่างสิ้นท่า เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีจริงๆ ในใจคิดแค่อยากเจอนนท์ อยากพูดคุยกัน อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น นนท์ถึงได้เหมือนกับจู่ๆหายไปจากชีวิตเขาไปเลยแบบนี้ เขาทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นครับน้ำต้น” เมษเงยหน้าขึ้นมองหน้าน้ำต้นด้วยท่าทางที่เป็นห่วงขึ้นมาทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มยืนก้มหน้ากัดริมฝีปากคล้ายจวนเจียนจะร้องไห้ออกมาได้ทุกวินาที “นั่งลงคุยกับพี่ซิ” ว่าแล้วเธอก็เอื้อมมือไปดึงแขนน้ำต้นให้นั่งลงอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะลูบหลังราวกับจะปลุกปลอบใจแต่ก็ต้องอุทานออกมาเบาๆว่า

“น้ำต้นเป็นอะไร” เธอกระซิบเสียงเบาเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการสั่นเทาของเด็กหนุ่มที่กำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้เต็มที่ ใบหน้าของน้ำต้นเหมือนเด็กถูกทิ้งไม่มีผิด

“ต้นไม่รู้พี่เมษ พี่นนท์หายไปไหนไม่รู้ ต้นติดต่อไม่ได้เลย”

“เราไปทำอะไรให้พี่เขาไม่พอใจหรือเปล่า”

“ไม่นะพี่ วันนั้นเรายังนัดจะเล่นดนตรีด้วยกันที่ชั้นยี่สิบอยู่เลย แต่พอต้นไปหา พี่เค้าก็บอกว่าพี่นนท์กลับไปแล้ว โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย ไปหาก็ไม่เคยเจอตัว ต้นพยายามหมดแล้ว... จะทำยังไงดีพี่เมษ” น้ำต้นเงยหน้าขึ้นมาตารื้นไปด้วยน้ำตาราวกับคนที่อับจนหนทางหมดสิ้นแล้ว โถ... เด็กเอ๋ย จะรู้ตัวไหมนะว่าได้ปล่อยให้คนๆนึงเข้ามามีอิทธิพลในใจตัวเองมากถึงเพียงนี้แล้ว เมษลูบหลังเด็กหนุ่มอย่างเบามือยิ่ง

“ต้นจะให้พี่ช่วยอะไรครับ” เมษว่าอย่างอ่อนโยน น้ำต้นได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่รู้เหมือนกัน ต้นทำอะไรไม่ถูกแล้วตอนนี้”

“เดี๋ยวพี่จัดการให้ ไม่รู้จะช่วยได้แค่ไหนเหมือนกัน แต่พี่ว่าตอนนี้ต้นต้องทำงานให้เรียบร้อยเสียก่อนนะ” น้ำต้นมองด้วยสายตาอ้อนวอน ก่อนที่เมษจะพูดตัดบท ไม่ยอมให้น้ำต้นโต้แย้งอะไรได้ทั้งนั้น “เชื่อพี่ พี่ว่านนท์จะต้องมีปัญหาอะไรบางอย่าง เขาอาจจะมีเหตุผลของเขา พี่จะพยายามติดต่อนนท์ให้ แต่ต้นจะมานั่งรอแบบนี้ไม่มีประโยชน์ เสียงานด้วย เราจะเสียคำพูดกับเจ้าของงานเขาไม่ได้ อย่าลืมสิ”

น้ำต้นก้มหน้าอีกครั้งอย่างยอมจำนนท์ ก่อนที่จะรับคำเบาๆว่า “ครับ” เขายกมือไหว้เมษ “ขอโทษครับพี่เมษที่เกือบทำให้พี่เมษเดือดร้อน ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องวุ่นวาย แต่ต้นไม่มีใครแล้วจริงๆ”

“ไม่เอาน่า” เมษหัวเราะออกมาเบาๆ “หน้าที่ของพี่คือดูแลเรานี่นา ปกติต้นไม่ค่อยมีเรื่องอะไร ทำเอาพี่ว่างงานไปเลย ตอนนี้ถือซะว่าหาอะไรมาให้พี่ได้ทำแก้เหงาก็แล้วกันนะ” เธอว่าอย่างติดตลก

“งั้นต้นไปนะพี่” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินคอตกออกไป แต่ยังไม่ทันที่จะออกไป เสียงหนึ่งเรียกชื่อเขาขึ้นมาอย่างสนิทสนม

“น้ำต้น”

“ไหม” น้ำต้นยังคงแปลกใจกับการปรากฏตัวของหญิงสาวที่ทำเอาเขาไม่ทันได้ตั้งตัว “ทำไมมาที่นี่ได้”

“อ้าว... ก็มาเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าบ้างสิจ๊ะ เมื่อกี้เพิ่งไปหาพวกครูๆมา” เธอหมายถึงครูที่คอยสอนทั้งเธอและน้ำต้น รวมไปถึงนักเรียนฝึกหัดคนอื่นๆมาก่อนนั่นเอง “ก็เลย ไหนๆก็มาแล้ว แวะขึ้นมาหาต้นเสียด้วยเลย”

“เหรอ” น้ำต้นย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่กระตือรือร้นนัก ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติเขาคงนึกอยากจะรู้ว่าไหมมีจุดประสงค์อื่นใดอีกหรือไม่ เพราะครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เขาแน่ใจว่าคงทำให้เธอไม่พอใจอยู่ไม่น้อย แต่นี่ราวกับไหมไม่ได้จดจำเรื่องที่เกิดขึ้นเลย แถมยังมาเยี่ยมเขาเสียอีก แต่สภาพจิตใจของน้ำต้นในตอนนี้ มันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเองเสียเลย เขาไม่อยู่ในอารมณ์อยากจะพูดคุยหรือพบเจอใครทั้งนั้นด้วยซ้ำ

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือต้น” ไหมถามเป็นการหยั่งเชิง “ดูสิ ทำหน้ายังกับโดนใครเค้าทิ้งมา” ว่าแล้วเธอก็หัวเราะออกมาอย่างมีจริต

“ไม่ใช่เรื่องของไหม อย่ายุ่ง!” น้ำต้นเหวออกไปอย่างลืมตัว พอได้เห็นสีหน้าที่แสดงอาการตกใจของไหมเขาจึงรู้ตัวว่าได้ปล่อยอารมณ์ให้อยู่เหนือเหตุผลเกินไปสียแล้ว

“ต้นขอโทษ” เขาเลื่อนมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองเหมือนจะเรียกสติให้กลับมา “มันมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย เลยลืมตัว”

ไหมยังคงมองหน้าน้ำต้นราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง

“พอดีต้นต้องรีบไปงาน ถ้าไหมอยากอยู่ต่อก็เข้าไปคุยกับพี่เมษหรือพี่นอก็ได้นะ ไปล่ะ” ไม่ทันให้ไหมได้พูดอะไรต่อ น้ำต้นก็สะพายกระเป๋าเดินเข้าไปในลิฟท์ที่เปิดรอเขาอยู่พอดี

ไหมมองตามหลังของเด็กหนุ่มจนลับหายไป ก่อนที่จะเหยียดริมฝีปากยิ้มออกมาอย่างชอบใจ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือสีสดขึ้นมาก่อนที่จะกดหาปลายสาย

“คุณไหม ว่ายังไง”

“ท่าทางแผนแรกจะได้ผลนะ ต่อไปเราสองคนคงต้องจัดการกับคนของเรากันเองแล้วล่ะ ทางโล่งแล้วนี่”

“คุณไหมเก่งนะ ทำได้ยังไง” อีกฝ่ายว่าอย่างชื่นชม

“เอาเถอะ ท่าทางตอนนี้ทางคุณเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างไปแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่คุณ ส่วนทางฉัน คงต้องเช้าถึงเย็นถึงหน่อยล่ะ”

“พยายามเข้านะคุณ ผมเอาใจช่วย” แล้วต่างฝ่ายต่างก็กดวางสายไป ไหมยืนชั่งใจอยู่เพียงครู่เดียวก็หันหลังเดินกลับไปที่ลิฟท์ ไม่สนใจอยากจะเจอใครอีก

*******************

สามวันแล้วสินะ น้ำต้นจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ นนท์นั่งทอดอารมณ์อยู่หน้าโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้อย่างนั้นอยู่เป็นนาน โดยงานที่ตั้งใจจะนำมาทำด้วยไม่ได้มีความคืบหน้าขึ้นสักนิด เขาฝากชีวิตไว้กับร้านกาแฟแห่งนี้มาหลายวันแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามทุกอย่างที่จะไม่เจอกับน้ำต้นสักพัก เขาไม่รับโทรศัพท์ พร้อมกับขอมิ่งออกมาทำงานข้างนอก บอกที่บ้านว่างานยุ่งมากจนต้องกลับดึกทุกวัน ทุกหนทางที่น้ำต้นจะติดต่อเขาได้ เขาตัดขาดมันไปจนหมดสิ้น ลึกๆในใจ นนท์รู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ได้รู้จักกับน้ำต้น เด็กหนุ่มได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อไม่ได้เจอหน้าหรือพูดคุยกันแบบนี้ ในใจของนนท์ยิ่งรู้สึกอ้างว้างจนแทบทนไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า นี่เป็นทำร้ายจิตใจทั้งตัวเขาและน้ำต้นมากเพียงไร แต่ก็จำเป็นต้องทำ เขาจะได้ชื่อว่าเป็นคนทำลายชีวิตของเด็กหนุ่มคนหนึ่งได้อย่างไร ยิ่งเป็นคนที่เขารักเหมือนกับคนในครอบครัวด้วยแล้ว เขาจะทำได้อย่างไร วันนี้มันอาจจะเจ็บปวด แต่นนท์เชื่อว่าเวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น น้ำต้นยังอายุน้อย ชีวิตของเด็กหนุ่มยังก้าวไปได้อีกไกล และเขายังจะได้เจอกับใครอีกหลายคน ขอแค่เขาอดทนอีกสักหน่อย ทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เหมือนอย่างที่มันเคยเป็น

แต่ทำไม ในใจของเขามันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ การต่อสู้ระหว่างความโหยหาอยากพบเจอน้ำต้นและการพยายามหักห้ามใจให้ได้ มันช่างสาหัสนัก ตอนที่มีเรื่องของเอ้เข้ามา เขายังไม่รู้สึกมากขนาดนี้ เอ้กับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำนอกจากเพื่อนที่สนิทกันมากกว่าคนอื่น เขาจึงสามารถถอนตัวออกมาและตัดใจลงได้อย่างง่ายดายและไม่ยากเย็นนัก แต่นี่... ทำไมมันจึงไม่ง่ายอย่างนั้นบ้าง อย่าว่าแต่ลงมือทำงานที่อยู่ตรงหน้าเลย สองสามวันมานี้ นนท์แทบไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาไม่อยากกิน ไม่อยากนอน ไม่อยากพบเจอใคร ในใจมันว่างเปล่าเสียจนคิดอะไรไม่ออก

อดรนทนไม่ได้ นนท์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ชั่งใจอยู่เป็นครู่ว่าควรจะโทรไปดีไหม แต่เขาไม่มีใครแล้วจริงๆ

“ฮัลโหล” เสียงใสที่ปลายสายตอบรับมาอย่างร่าเริง

“ฮัลโหล สวีทตี้” นนท์ทักทายพร้อมกับยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันมานี้

“นนท์ ว้าย...” เสียงกรี๊ดดังขึ้นอย่างไม่ปิดบังความดีใจที่รู้ว่าใครโทรมา “ยูไม่โทรหาไอเลย ไอคิดถึงยูมาก” เมลต่อว่าทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชี้แจงอะไรทั้งสิ้น

“ไอมิสยูเมล แต่ยูมีเบบี้ ไอไม่กล้าโทรมากวนหรอก” นนท์ส่งภาษาไทยสลับอังกฤษที่ทำอยู่เป็นประจำให้กับเพื่อนซี้ลูกครึ่งที่ไม่ได้เจอหน้ากันพักใหญ่

“โธ่นนท์ ยูเป็นเพื่อนไอนะ จะโทรมาเมื่อไหร่ก็ได้”

“แต๊งกิ้วเมล”

“นนท์”

“เยส”

“ยูโอเค้” ชายหนุ่มเงียบเสียงไป “ยูอาร์น็อตโอเค” เธอสรุปในที่สุด

นนท์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะออกปากว่า “สมกับเป็นเพื่อนกันมานาน ยังไม่ได้บอกอะไรก็รู้แล้ว”

“ยูอยู่ที่ไหนนนท์ ถ้ายูต้องการ ไอไปหายูได้ตอนนี้เลย”

“โน โน โน ไม่เป็นไรเมล ยูต้องดูแลลูกนะ” นนท์ระล่ำระลักบอกแก่ปลายสาย

“โอ้ ชัทอัป แล้วไอจะจ้างเบบี้ซิตเตอร์เพื่ออะไร แต่ตอนนี้น่ะ ยูนี้ดมี เทลมีแวร์ยูอาร์”

นนท์ส่ายหน้ากับตัวเองเบาๆ เขาไม่อยากจะปฏิเสธอีกแล้วว่าตอนนี้เขาต้องการใครสักคนจริงๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น สาวลูกครึ่งหน้าตาน่ารักสะสวยก็เดินเข้ามาในร้านกาแฟแห่งนั้น เธอหันซ้ายหันขวาราวกับมองหาใครบางคน เมื่อสบตากับนนท์ ริมฝีปากที่แต้มลิปสติกสีชมพูอ่อนๆก็คลี่ยิ้มออกอย่างยินดี


เมลยังดูสดใสไม่เปลี่ยนแม้จะเพิ่งผ่านการคลอดลูกมาไม่กี่เดือน รูปร่างของเธออวบอิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังดูสมส่วน ผิวพรรณสดใส ใบหน้าที่ปราศจากริ้วรอยใดๆยิ่งกลับทำให้เธอดูเด็กกว่าอายุที่แท้จริงเหลือเกิน เธอสวมเสื้อยืดสีชมพูค่อนข้างเข้ารูป กระโปรงยาวถึงน่อง สะพายกระเป๋าผ้าที่ดูธรรมดาแต่กลับดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อเวลาที่เธอถือมันเอาไว้ บนศีรษะมีแว่นกันแดดคาดอยู่หลวมๆ

”ไฮ้นนท์” เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามากอดนนท์อย่างยินดี

“ยูลุกวันเดอร์ฟุลสวีทฮาร์ต” เขาเอ่ยปากชมอย่างจริงใจ ก่อนที่จะสวมกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น

“ยูลุกแทริเบิล!” ว่าแล้วทั้งคู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาออกมาอย่างอดไม่ได้ เวลาอยู่กับเมลเขาเป็นตัวเองได้เต็มที่จริงๆ

เมลพินิจไปที่ใบหน้าของเพื่อนสนิทมานานปีของเธอ นนท์ดูไม่สดชื่นติดจะเศร้าหมองด้วยซ้ำ แม้จะรู้ว่าปกติเพื่อนของเธอจะเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง แต่หนนี้น่าจะมีอะไรที่รบกวนจิตใจนนท์มากเหลือเกิน ทุกอย่างจึงแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตาได้ชัดเจนขนาดนี้ เมลเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเพื่อนสนิท ก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุดว่า

“ยูมีเรื่องทุกข์ใจหรือนนท์” เมลถามอย่างอ่อนโยน ดวงหน้าคมคายนั้นหรี่ตาลงก่อนที่จะยิ้มจางๆ

“ชัดเจนอย่างนั้นเชียวหรือเมล” เขาถาม

“ไอเป็นเพื่อนยูมานานนะ ทำไมไอจะดูไม่ออก เล่าให้ไอฟังได้ไหม”

“ไอไม่รู้จะเล่ายังไง” นนท์ได้แต่ก้มหน้า

“ยูกำลังมีความรักอยู่หรือเปล่า” เมลถามอย่างตรงไปตรงมา นนท์เงยหน้าขึ้นมอง เขาไม่แน่ใจว่าจะตอบคำถามนี้ว่าอย่างไรดี เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับน้ำต้น กริยาเช่นนี้เมลบอกกับตัวเองทันทีว่าเธอเดาไม่ผิดจริงๆ

“ไอก็ไม่รู้”

“แต่ยูแคร์เขา... มาก บอกตามตรงนะ ไอไม่เคยเห็นยูเป็นอย่างนี้เลย”

นนท์จับมือเมลวางเบาๆบนโต๊ะ เขาชั่งใจอยู่เป็นนานก่อนที่ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับเพื่อนรัก ที่นั่งฟังเขาอย่างตั้งใจ เมลพยักหน้ารับรู้เป็นระยะ เธอตั้งคำถามบางอย่างกับเขา เขาก็ตอบเธออย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง ยิ่งได้เล่าออกไป ปัญหาในใจอันหนักอึ้งของนนท์ก็เหมือนจะค่อยๆบรรเทาเบาบางลงได้บ้าง

“ไอ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ไอกำลังทำอยู่เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือเปล่า” เขาปิดท้ายเมื่อเล่าจบ

“นนท์ มายเดียร์นนท์” เมลรำพึงออกมาพร้อมรอยยิ้มที่เหมือนจะปลอบประโลมชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

“ยูเป็นคนดีแสนดี และยูก็มักจะคิดถึงคนอื่นเสมอก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง เอสเปเชียลลี่ ซัมวันยูแคร์เดอะโมสต์” เธอเน้นหนักไปที่ประโยคสุดท้ายที่เธอจงใจพูดกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ “แต่บางเรื่อง ก็ทำเอาอดีตนักศึกษาจากมหา’ลัยระดับไอวี่ลีกอย่างยู ไปไม่เป็นได้เหมือนกัน” เธอหัวเราะออกมาในที่สุด

“ไอจะไม่บอกล่ะนะว่ายูรู้สึกยังไงกับเด็กคนนั้น มันเป็นเรื่องที่ยูต้องไปเคลียร์ตัวเองเอาเอง” เมลว่า “แต่ไออยากจะบอกยูเหลือเกินว่า สิ่งที่ยูทำแม้มันอาจจะเป็นเรื่องที่ยูมองว่าถูกต้องแล้ว แต่ไอว่ามันไม่แฟร์เลย”

“ไม่แฟร์ยังไง” นนท์ถาม

“ไม่แฟร์กับตัวยูเอง แล้วก็ไม่แฟร์กับเด็กคนนั้น” เมลส่ายหน้าเบาๆให้กับความไร้เดียงสาของเพื่อน “ยูแคร์เขาไหม” เธอถาม

“แคร์สิ” นนท์ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ

“แล้วยูคิดว่าเขาแคร์ยูหรือเปล่า ตอบไอมาตรงๆนะ”

“คิด” นนท์ตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง

“แล้วมันเรื่องอะไร ยูถึงปล่อยให้ใครก็ไม่รู้เดินมาบอกให้ยูทำอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่ยูไม่เปิดโอกาสให้เด็กคนนั้นได้คุยกับยูก่อน” เมลย้อนทันที “ทีนี้ถามตัวเองซิว่ายูแคร์เขาหรือแคร์สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด”

“แต่ไอคิดว่า ไอทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขาอยู่นะเมล” นนท์ท้วง

“ดีที่สุดแต่ยังดีไม่พอ” เมลสวนกลับทันควัน “มันจะดีที่สุดได้ยังไง เมื่อคนสองคนยังไม่ได้คุยกัน สิ่งที่ยูคิดว่าดีสำหรับเขา กับสิ่งที่เขาคิดว่าดีที่สุด อาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกันก็ได้”

นนท์นิ่งอึ้งไปกับคำพูดเตือนสติของเมล จริงสิ เขาคิดเอง เออเอง ตัดสินใจทั้งหมดเลยแท้ๆ

“ยูทำอย่างนี้น่ะ ใจร้ายกับเขามากเลยถ้าเขาแคร์ยูน่ะนะ” เมลยิ้มเมื่อเห็นนนท์เริ่มที่จะเปลี่ยนทีท่าไปบ้างแล้ว “ลองไปคิดดูนะ แล้วก็คุยกันซะ”

นนท์บีบมือเพื่อนรักอย่างนึกขอบคุณ เรื่องเพียงเท่านี้ทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลได้นะ “ขอบคุณมากจริงๆครับเมล” เขายิ้ม

“โอ้... ด้นท์บีซิลลี่ฮันนี่” เธอหัวเราะอย่างเปิดเผย “เขาถึงว่าไง ผงเวลามันเข้าตาตัวเองน่ะ เอาไม่ออกหรอก” เธอบีบมือชายหนุ่มกระชับขึ้น

“ยูเป็นคนฉลาดนะนนท์ แล้วยูก็เป็นคนดีมากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ไอได้รู้จักมาเลย ไออยากให้ยูมีความสุขนะ ยูดีเซิร์ฟอิท” เมลเน้นย้ำ “แอนด์แอสอะเฟรนด์” เธอว่าเป็นภาษาอังกฤษ “เรื่องบางเรื่องน่ะ ยูสยัวร์ฮาร์ต น็อตยัวร์เบรน” ทำเอานนท์ถึงกับอมยิ้มออกมาได้ในที่สุด

“ไอล์ รีเมมเบอร์แธ็ท” เขารับคำ

ทั้งคู่พูดคุยกัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอีกพักใหญ่ ก่อนที่เมลจะขอตัวกลับ นนท์ยอมรับว่าในตอนนี้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก และยิ่งคิดถึงใครอีกคนอย่างที่สุด

“แอนด์ นนท์” เมลเรียกชื่อเขาอีกครั้ง “เน็กซ์ไทม์ บริงฮิมวิธยู ไอ วอนท์ ทู ซี ธิส กาย”

นนท์ถึงกับหัวเราะออกมาพลางพยักหน้า “แล้ววันหลังจะพามาทำความรู้จักนะ” แล้วทั้งคู่ก็โบกมือลากันตรงนั้นเอง

***********************

นนท์ตัดสินใจนั่งทำงานต่อไป ในใจก็คิดว่าเมื่อเจอกับน้ำต้น เขาจะเริ่มต้นอย่างไรดี เรื่องที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็ต้องโทษว่าเป็นความผิดของเขาด้วยที่ตัดสินใจด้วยตัวเองแบบหุนหันพลันแล่น เขามองแต่ว่าเป็นการทำเพื่อน้องชายของเขา แต่กลับลืมไปเสียสนิทว่าน้ำต้นจะรู้สึกอย่างไร

“นนท์หรือคะ”

“ฮัลโหล พี่เมษ” นนท์รับสายด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเมื่อเห็นชื่อปลายสายที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือของเขา “มีอะไรหรือเปล่าครับพี่”

“ก็ต้องมีอยู่แล้วล่ะ” เมษทำเสียงโล่งอก แต่ก็อดที่จะตัดพ้อออกมาไม่ได้ “เฮ้อ... นึกว่าจะไม่รับสายพี่อีกคนแล้ว”

“โธ่ ไม่หรอกครับ” นนท์ว่าอย่างรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆ

“เข้าเรื่องเลยนะ นนท์มีอะไรกับต้นหรือเปล่า สองคนเป็นอะไร ทำไมไม่คุยกัน”

“นนท์ขอโทษครับพี่เมษ” เมษอดใจอ่อนไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงละห้อยของชายหนุ่ม

“เอาเป็นว่าพี่ไม่รู้หรอกนะว่าเราสองคนมีปัญหาอะไรกัน แต่ตอนนี้น้ำต้นดูแย่มาก พี่ขอร้องล่ะนนท์ ช่วยไปคุยกับน้องหน่อยเถอะ” นนท์ใจหายวูบเมื่อได้ยิน

“แย่แค่ไหนครับ” เขากลั้นใจถาม

“นนท์ พี่อยู่กับต้นมานาน ยังไม่เคยเห็นต้นอ่อนแอขนาดนี้มาก่อนเลยนะ เมื่อตอนสายวันนี้เขาเข้ามาคุยกับพี่ รายนั้นถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เขาไม่มาขอให้ใครช่วยหรอก” เมษว่าอย่างอ่อนใจ “เขาก็ร้องไห้นิดหน่อย บอกให้พี่ช่วยติดต่อนนท์ให้ด้วย” หัวใจนนท์กระตุกด้วยความเสียใจ นี่ถ้าเขารู้ว่าการตัดสินใจของเขาจะทำให้น้ำต้นรู้สึกแย่ถึงเพียงนี้ เขาจะไม่ทำเด็ดขาด

“นนท์ ถ้าน้องทำอะไรผิดก็ยกโทษให้น้องนะ” เมษขอร้อง

“พี่เมษอย่าพูดแบบนั้น คนที่ผิดคือนนท์ต่างหาก อย่าโทษน้ำต้นเลยครับ นนท์สัญญาว่าจะไปคุยกับน้องให้เร็วที่สุดเลย นนท์ขอโทษนะครับ” ความรู้สึกผิดท่วมท้นในใจเขาจนดวงตาแดงก่ำ เขาอยากจะร้องไห้ออกมาเหลือเกิน

“ตอนนี้ต้นไปทำงาน กว่าจะเลิกคงเย็นๆ” เมษว่า “เลิกงานแล้วเขาคงกลับบ้านเลย นนท์ค่อยโทรหาตอนนั้นก็ได้”

“ขอบคุณมากครับพี่เมษ”

“นนท์ครับ”

“ครับ”

“ดูแลน้ำต้นหน่อยนะ” เมษชั่งใจก่อนที่จะพูดต่อ “สำหรับน้ำต้นในตอนนี้ เขาอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีนนท์”

“ครับพี่เมษ” ในใจของเขาเต็มตื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และทันทีที่กดวางสาย น้ำอุ่นๆก็ไหลลงอาบแก้มของนนท์อย่างห้ามไม่อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดจากความเสียใจที่ตัวเองได้เผลอทำให้คนสำคัญเป็นทุกข์ หรือเกิดจากความตื้นตันใจในสิ่งที่เมษเพิ่งบอกแก่เขาไป แต่ตอนนี้เขารู้แค่ว่า เขาอยากจะพูดคุยกับน้ำต้นมากที่สุด นนท์คว้ามือถือขึ้นมา กดหมายเลขที่คุ้นเคยให้แสดงขึ้นบนหน้าจอ ก่อนที่จะโทรออกไป

ปลายสายว่าง แต่ไม่มีคนรับ น้ำต้นยังคงทำงานอยู่แน่นอน เขากดวางสาย และตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะต้องไปคุยกับน้ำต้นด้วยตัวเองเสียที

**********************

เด็กหนุ่มแปลกใจที่ได้พบกับหญิงสาวโดยบังเอิญอีกครั้งหลังจากเสร็จงานแล้ว ทำไมไหมถึงได้เข้ามาปรากฏตัวในชีวิตของเขาช่วงนี้บ่อยเหลือเกิน ถ้าเป็นแต่ก่อน เขาอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกรู้สากับการมีอยู่ของนักแสดงสาวเลยจริงๆ

“ที่จริงไหมตามต้นมาเองแหละ” หญิงสาวสารภาพตามตรงอย่างไม่ปิดบัง เธอดูสวยสง่าอย่างที่ใครๆชื่นชมกันจริงๆเสียด้วย

“มีอะไรหรือเปล่าไหม” น้ำต้นว่าอย่างไม่ค่อยสนใจนัก “ถ้าไม่มีอะไรต้นขอกลับก่อน เหนื่อยมากเลยวันนี้” ต้องบอกว่าเหนื่อยใจสิ ถึงจะถูก

“ให้ไหมไปส่งนะต้น” เธอบอกเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน

“อย่าเลยไหม”

“ต้น ไหมเป็นเพื่อนนะ ไม่บอกก็รู้ว่าต้นมีเรื่องไม่สบายใจ ไหมเป็นห่วง ไม่ได้หรือ” หนนี้หญิงสาวถึงกับออกปากตัดพ้อเขา “เพราะงั้นให้ไหมไปส่งได้ไหม”

เด็กหนุ่มหมดแรงจนไม่อยากจะพูดต่อความยาวอะไรอีกแล้ว จึงทำได้แค่ว่า “ตามใจ แล้วแต่เถอะ”  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 31-07-2009 22:56:10
แม้หญิงสาวจะรู้สึกลิงโลดที่ในที่สุด น้ำต้นก็ยอมนั่งรถมากับเธอ แต่ด้วยอาการเหมือนคนซังกะตาย อีกทั้งตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกันโดยมีเธอทำหน้าที่เป็นคนขับนั้น เด็กหนุ่มไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แถมยังนั่งหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างด้วยอาการเหม่อลอยอีกต่างหาก ราวกับเธอไม่มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้น ไหมได้แต่บอกให้ตัวเองใจเย็นๆเข้าไว้ นี่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแน่นอน หากเธอได้น้ำต้นกลับมาอีกครั้งแม้ลึกๆในใจเธอจะไม่แน่ใจว่า เธอจะรักน้ำต้นได้เหมือนเดิมหรือไม่ แต่ไหมก็เฝ้าบอกตัวเองมาตลอดว่า เธอกลับไปรักเขาได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร เขากับเธอก็เคยได้ชื่อว่าเป็นคนรักกันมาก่อน เธอเชื่อมั่นอย่างนั้น แม้ภาพของคนที่นั่งอยู่ข้างๆมันช่างรู้สึกบาดใจ แต่เธอเชื่อเหลือเกินว่านั่นเป็นความรู้สึกเพียงชั่ววูบของน้ำต้นเท่านั้นเอง คนเราเมื่อเหงา แล้วมีใครสักคนเข้ามาทำดีด้วย ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ใจจะไขว้เขวไปบ้าง นนท์อย่างนั้นหรือ? เธอยอมรับไม่ได้หรอก นี่เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด

“ต้นเป็นอะไรหรือเปล่า ดูซึมๆไปนะ” ไหมถามลองเชิง

“เปล่า” และน้ำต้นก็ตอบกลับมาแบบประหยัดถ้อยคำเสียจนเธอไม่แน่ใจว่าอารมณ์ของเด็กหนุ่มเป็นอย่างไรแน่ในตอนนี้

ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลยจนรถเก๋งคันงามของนักแสดงสาวเลี้ยวเข้าไปในคอนโดจุดหมายปลายทาง ทันทีที่รถจอดสนิท น้ำต้นก็เปิดประตูรถทำท่าเหมือนจะเดินออกไปทันทีเดี๋ยวนั้น

“เดี๋ยวสิต้น” นักแสดงสาวเรียกเสียงหลง

“นี่ไม่คิดจะชวนเพื่อนเก่าขึ้นไปดื่มอะไรหน่อยเหรอ” เธอถามอย่างมีความหวัง

น้ำต้นหันกลับมามองเธอ ใบหน้าของเขานิ่งสนิท ไม่บ่งบอกอาการยินดียินร้ายแต่อย่างใด ถึงตอนนี้

ไหมเองก็ไม่แน่ใจเสียแล้วว่า เธอคิดถูกหรือผิดที่เสนอตัวมาส่งเขาในวันนี้ เธออาจจะรุกเขาเร็วเกินไปก็ได้ แต่มาถึงตอนนี้แล้ว เธอไม่อยากจะปล่อยโอกาสที่มีอยู่ให้หลุดลอยไป คว้าได้ก็ควรที่จะคว้าเสีย

“ถ้าไม่เบื่อก็ตามใจนะไหม” ถึงแม้จิตใจจะห่อเหี่ยวและไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลยในตอนนี้ แต่ถึงอย่างไร น้ำต้นก็ไม่อาจทำตัวไร้มารยาทหรือแล้งน้ำใจต่อเพื่อนได้ ใจจริงเขาอยากจะอยู่คนเดียว ไม่อยากพูดคุยกับใครเลยนอกจากพี่นนท์คนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้คุยกันให้รู้เรื่อง เขาก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยจริงๆ ทำไมนะพี่นนท์ ทำไมมีอะไรไม่บอกกัน พี่จะรู้บ้างไหมว่าต้นรู้สึกยังไง

แม้แต่ตอนที่อยู่ในลิฟท์ น้ำต้นก็ดูใจลอยราวกับมีเรื่องหนักอกให้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา ไหมเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียดนั้น และเริ่มรู้สึกถึงความไม่พอใจของตัวเองที่ก่อตัวมากขึ้นทุกที เธอไม่เข้าใจ น้ำต้นเป็นอะไร ทำไมจะต้องทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นเพราะนนท์จริงๆล่ะก็ บอกได้เลยว่าตอนนี้เธอคงอยากจะขย้ำคอนนท์ให้หายแค้น เพราะมันคนเดียว

น้ำต้นเดินนำเข้าไปในห้อง เขาเปิดประตูเชิญหญิงสาวเข้ามานั่งแล้วจึงปิดประตูตามหลัง ก่อนที่จะเอ่ยอย่างพอเป็นพิธีว่า “ตามสบายนะ” เขาวางกระเป๋าทิ้งลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง ไหมกวาดสายตามองไปรอบห้องที่เธอคุ้นเคย มันเปลี่ยนไปไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่มากขึ้น แต่ก็รู้สึกน่าอยู่กว่าเดิมขึ้นเป็นอักโข

**********************

นนท์ขับรถเข้ามาจอดในบริเวณคอนโดหรือบ้านอีกหลังของน้องชาย เมื่อดับเครื่องยนต์ นนท์ก็เอนหลังพิงพนักเบาะอย่างอ่อนแรง นี่เขาจะบอกน้ำต้นว่าอย่างไรดี เอาเข้าจริงๆ เรื่องมันซับซ้อนเหลือเกินที่จะบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปจนถึงความรู้สึกอันมากมายและท่วมท้นที่อยู่ในใจ เขาจะเริ่มอย่างไรดี นนท์ระบายลมหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจลงจากรถ เขาเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ กดเรียกลิฟท์ และกดหมายเลขชั้นที่จะขึ้นไปอย่างคุ้นเคย เอาเถอะ... เมื่อถึงเวลา ก็คือถึงเวลานั่นแหละ

นนท์เดินมาหยุดที่หน้าห้องของน้ำต้น เขายืนนิ่งเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างครู่หนึ่งแล้วจึงเคาะประตูอย่างเบามือ ยังไม่ทันที่จะเคาะครั้งต่อไป ประตูที่อยู่เบื้องหน้าก็เปิดออก

“เอ่อ” สีหน้าของนนท์ในตอนนี้ ต้องเรียกว่าเป็นความงุนงงผสมผสานกับความสับสนหลายๆอย่าง เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนเปิดประตูจึงไม่ใช่เจ้าของห้อง แต่กลับเป็นใครอีกคนที่เขาคุ้นหน้าเป็นอย่างดี

“สวัสดีค่ะคุณนนท์” เสียงนั้นหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากเคลือบสีสวยที่คลี่ยิ้มออกอย่างสมใจ

“คุณไหม“ เสียงที่เปล่งออกมาน่าจะเป็นครางออกมาจากลำคอมากกว่าจะเป็นเสียงพูดในยามปกติ “ขอโทษนะครับ คือ...”

“อ๋อ ต้นชวนไหมมาอยู่เป็นเพื่อนน่ะค่ะ ท่าทางเขาเหมือนต้องการใครซักคน” เธอหันกลับไปมองด้านหลัง

“คุณนนท์มีอะไรหรือเปล่าคะ คืออย่าหาว่าเสียมารยาทนะคะที่ไม่ชวนเข้ามา แต่ว่า... “ เธอยื่นหน้าทำเสียงกระซิบกระซาบอย่างจงใจ “พอดี เราอยากจะมีเวลาส่วนตัวกันนิดหน่อยน่ะค่ะ” ว่าแล้วนักแสดงสาวก็ยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน “หวังว่าคุณนนท์คงเข้าใจนะคะ”

“งั้น...” นนท์กลืนน้ำลายลงอย่างยากเย็น ก่อนที่จะเอ่ยออกไปในที่สุดว่า “ผมไม่รบกวนนะครับ” โดยไม่ฟังคำตอบใดๆทั้งสิ้น นนท์เดินหันหลังกลับไป โดยไม่คิดที่จะหันกลับมามองอีก

ไหมรีบปิดประตูทันที ก่อนที่จะหันหลังกลับมามอง น้ำต้นยังไม่ออกมาจากห้อง นับว่าเป็นจังหวะที่ดีจริงๆ โชคเข้าข้างเธอ อยู่ดีๆตัวปัญหาก็เดินเข้ามาติดกับเธอเสียเอง โดยที่เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ อาศัยฝีมือการแสดงนิดหน่อยๆแค่นั้นเอง ไหมยิ้มกับตัวเองอย่างพอใจ นึกถึงสีหน้าของนนท์เมื่อครู่แล้ว เธอรู้สึกสมใจอย่างบอกไม่ถูก ทีนี้ก็เหลือแต่แค่น้ำต้นเท่านั้น ซึ่งสำหรับเธอแล้ว ในตอนนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

“เมื่อกี้ได้ยินเสียงเหมือนมีใครมา ใครเหรอ” น้ำต้นโผล่หน้าออกมาถาม

“เปล่าจ้ะ เคาะห้องผิดน่ะ” ไหมส่งยิ้มหวานกลับไป

น้ำต้นเดินออกมา มือข้างหนึ่งถือผ้าขนหนูผืนนุ่มขยี้อยู่บนเส้นผมชื้นๆที่เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวเพิ่งสระมาหมาดๆ หัวร้อนนักก็เอาน้ำเย็นดับเสียหน่อย ว่าแล้วพอเข้าไปในห้องได้ ก็ลงมือเอาน้ำราดหัวแล้วก็สระมันเสียเลยทีเดียว มืออีกข้างถือน้ำเปล่ามาแก้วหนึ่ง ก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะอย่างไม่มีพิธีรีตรองอะไรนัก

ไหมถือโอกาสนั้นเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับน้ำต้น แล้วถือวิสาสะเอื้อมมือจะช่วยเด็กหนุ่มเช็ดผม น้ำต้นรีบผละออกทันทีโดยอัตโนมัติ แม้แต่ไหมเองก็ยังตกใจกับปฏิกิริยานั้นของเขา

“เอ่อ...” น้ำต้นแก้เก้อ “ไม่เป็นไรหรอกไหม เดี๋ยวต้นทำเองได้” ไหมชักสีหน้าขึ้นมาอย่างเหลืออด

“เดี๋ยวนี้น้ำต้นรังเกียจไหมถึงขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อน...” หญิงสาวน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างน้อยใจ

“ไหม” น้ำต้นระบายลมหายใจในที่สุด “เดี๋ยวนะ” เขาชั่งใจก่อนที่จะเริ่มรู้สึกตัวเหมือนกันว่า ตั้งแต่เมื่อไรกันนะที่เขาไม่ได้โหยหาสัมผัสจากมือคู่นี้อีกต่อไปแล้ว ยิ่งในตอนนี้มันไม่มีความหมายอันใดอีกแล้วสำหรับเขา เอาเข้าจริงๆ เขาไม่ชอบด้วยซ้ำที่ไหมเข้ามาใกล้ชิดกับเขาจนเกินไปถึงเพียงนี้

“มันไม่ใช่เรื่องรังเกียจไม่รังเกียจนะ ต้นอยากจะให้ไหมเข้าใจเสียใหม่”

“แล้วมันอะไรกันล่ะต้น มันเกิดอะไรขึ้น” ไหมถามอย่างข่มอารมณ์

“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้วไหม” ต้นย้ำทุกคำพูดชัดถ้อยชัดคำ ในใจของไหมเจ็บแปลบ “ต้นไม่เข้าใจ ไหมต้องการอะไรถึงอยู่ดีๆก็อยากจะมาสนิทกับต้นอีก อยู่ดีๆก็มาทำดีด้วย โอเค เรายังเป็นเพื่อนกันได้ ต้นเคยบอกอย่างนั้น แต่นี่มันไม่ใช่นะไหม” น้ำต้นมองหน้าเธอ “แล้วมันจะไม่มากไปกว่านั้น เราเป็นได้แค่เพื่อนจริงๆ”

เหมือนถูกตบหน้า เหมือนศักดิ์ศรีที่ยอมทิ้งเอาไว้ถูกเหยียบย่ำ คนอย่างไหมนี่หรือที่ถูกผู้ชายปฏิเสธ ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเก่า เป็นคนที่เธอเคยคิดว่า อยากจะกลับมาหาเขาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้แท้ๆ

“ต้นเปลี่ยนไปนะ ตั้งแต่มีชื่อเสียงต้นเปลี่ยนไป” ไหมกัดริมฝีปากว่าออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บใจ

“ไม่หรอกไหม คนที่เปลี่ยนก็คือไหมนั่นแหละ ต้นแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยด้วยซ้ำ” น้ำต้นพยายามจะอธิบาย

“แล้วถ้าไม่ใช่ชื่อเสียงแล้วมันอะไร หรือเพราะไอ้เกย์นั่น!” ไหมระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเหลืออด “เพราะมันใช่ไหม!”

น้ำต้นขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไหมกำลังพูดถึงอะไร

“ปากก็บอกพี่ชายน้องชาย ทำไมเหรอต้น เดี๋ยวนี้เปลี่ยนรสนิยมมาชอบไม้ป่าเดียวกันแล้วหรือไง ผู้หญิงดีๆถึงได้ไม่มองน่ะ”

“ไหมกำลังพูดถึงใคร” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นในแบบที่ไหมเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ใบหน้าของน้ำต้นขึ้งเครียดบึ้งตึง เธอถอยกรูด แต่ด้วยแรงโทสะ เธอจึงไม่อาจจะยั้งอะไรได้อีกต่อไป

“ก็ไอ้พี่นนท์นั่นไง ทำไมเหรอ ลีลามันเจ๋งมากเลยเหรอ ถึงกับจะเป็นจะตายพอมันทิ้งไปน่ะ”

“พี่นนท์ทำไม ทำไมไหมถึงรู้จักพี่นนท์”

“ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ โลกมันกลมจะตาย เพื่อนผู้ชายของไหมคนนึงเป็นแฟนเก่ามันไง ยังบอกเลย แพศยาอย่างนั้น โดนใครเสียบทีก็ยอมเค้าไปหมดนั่นแหละ”

“หุบปากนะไหม!” น้ำต้นตะคอกเสียงดัง “ถ้าไม่หยุดพูด ถึงจะเป็นเพื่อนก็เถอะ...” เขากำมือเหมือนพยายามจะยั้งอารมณ์โกรธที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆอย่างเต็มที่ จนเนื้อตัวสั่นไปหมด ครั้งสุดท้ายที่เขาโกรธใครขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วนะ

“ปกป้องกันเข้าไปเถอะ” ไหมไม่อาจจะห้ามตัวเองได้อีกแล้ว “ระวังนะ ไหมจะแฉให้หมดเปลือกเลยว่า นักร้องวัยรุ่นชื่อดังมีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน อยากรู้จริงๆว่าถึงตอนนั้น ยังจะมีคนมากรี๊ดอยู่อีกไหม น่าขยะแขยงสิ้นดี”

“จะเอาอย่างนั้นก็ได้นะไหม บอกได้เลยว่า ต้นไม่แคร์หรอกนะ อยากทำอะไรก็ทำ ที่แน่ๆ เราคงไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนที่ดีระหว่างกันอีกแล้ว อีกอย่าง...” น้ำต้นข่มความโกรธในใจเอาไว้อย่างเต็มที่ “ขยะแขยงความคิดของตัวเองดีกว่า คนอย่างไหมดีไม่ได้ครึ่งนึงของพี่นนท์ด้วยซ้ำ อย่าดึงเอาเขาลงมาแปดเปื้อนเพราะความคิดแบบนี้เลย”

เหมือนโดนตบหน้าแรงๆเข้าไปอย่างจังอีกครั้ง ไหมได้แต่ยืนกำมือกัดริมฝีปากด้วยความพยายามที่จะระงับความเคืองแค้นเอาไว้เต็มที่ เธอไม่ว่าอะไรอีก ได้แต่เดินหันหลังคว้ากระเป๋าถือใบสวยได้ก็เดินกระแทกเท้าสะบัดหน้าออกไป พร้อมกับปิดประตูโครมใหญ่

น้ำต้นทรุดตัวลงนั่ง เขาทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ ทั้งสับสน นี่เขาปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาได้อย่างไร เขาปล่อยให้เธอเข้ามายืนด่าพี่นนท์ของเขาอย่างหยาบคายต่อหน้าเขาได้อย่างไร ลึกๆแล้ว คำพูดที่ไหมบอกแก่เขาว่า นนท์เป็นเกย์นั้น กลับไม่ใช่สิ่งที่เขารู้สึกเป็นกังวลเลยสักนิด เพราะสิ่งที่น้ำต้นเชื่อมาตลอดก็คือ นนท์เป็นคนดี ใครบ้างจะไม่รักพี่นนท์ เขาจะไม่แปลกใจเลยหากคนที่จะรักนนท์จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มันไม่สำคัญสักนิด มันสำคัญตรงนนท์เป็นคนที่มีคุณค่าให้ใครก็ได้มารัก และนนท์ก็มีสิทธิ์ที่จะรักใครก็ได้เช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้มาใกล้ชิดสนิทสนมกับนนท์ เขาอาจจะไม่รู้สึกแบบนี้ก็ได้ เขาอาจจะยังเด็ก แต่เขาไม่เคยตัดสินใครทั้งนั้นหากเขาไม่ได้เข้าไปคลุกคลีหรือทำความรู้จักด้วย ที่ผ่านมาน้ำต้นเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านนท์รู้สึกย่างไรกับตัวเขา เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ที่แน่ๆมันเป็นความรู้สึกผูกพันที่มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ นับวันก็ยิ่งรู้สึกว่าต่างคนต่างก็ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันไปแล้ว และเขาก็มีความสุขดีกับความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปเช่นนี้ เขาไม่ได้รังเกียจด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าไม่เฉียดคำว่ารังเกียจเลยต่างหาก เขารู้สึกขอบคุณใครสักคนข้างบนที่ทำให้เขาได้มาพบกับนนท์ นั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของเขา

แล้วทำไมไหมถึงรู้จักกับนนท์ล่ะ ตั้งแต่ตอนไหน นักแสดงอย่างไหมกับคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังให้กับนักร้องอย่างนนท์ ไม่ใช่อะไรที่จะรู้จักกันได้ง่ายๆสักหน่อย แต่ที่แน่ๆ น้ำต้นรู้สึกมั่นใจว่า การที่ทั้งคู่ได้พบปะรู้จักกัน น่าจะเป็นเหตุผลที่นนท์หายไปไม่ยอมติดต่อกลับมา คิดได้ดังนั้นน้ำต้นก็ยิ่งร้อนใจขึ้นไปอีก เขาคว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมา ตอนที่กำลังจะกดหานนท์นั่นเอง ที่เห็นว่ามีสายเรียกเข้าที่เขาไม่ได้รับอยู่สองสามสาย และหนึ่งในนั้นเป็นชื่อ พี่นนท์ โธ่โว้ย! ทำไมถึงไม่รับนะ พี่นนท์ที่เขาพายามติดต่อมาตลอดสามวันนี้โทรหาเขา แต่เขากลับไม่รับเสียนี่ ก็แน่ล่ะเขาทำงานอยู่แล้วก็ต้องปิดเสียงโทรศัพท์ แต่มันก็ยังน่าโมโหอยู่ดี

น้ำต้นกดโทรกลับไปทันที แต่เสียงที่ตอบรับมากลับเป็นเสียงเนิบๆที่แจ้งตอบว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่เรียกไป ยิ่งทำให้น้ำต้นหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก ทำไมล่ะ พี่นนท์จะคุยกับต้นไม่ใช่หรือ แล้วทำไมพี่ถึงไม่ยอมเปิดเครื่อง เกิดอะไรขึ้น เขายังพยายามต่อไปอีกหลายครั้ง ก็ยังคงไม่มีใครรับสายอยู่นั่นเอง

“โว้ย!!!” เขาแหกปากออกมาอย่างเหลืออด วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่างจริงๆ เขานั่งไม่ติดอยู่พักหนึ่ง จึงตัดสินใจกดโทรหาเออาร์คนสนิท

“พี่เมษครับ โทรหาพี่นนท์ได้มั้ยพี่” เสียงนั้นรอนรน

“พี่บอกนนท์ไปแล้วนะ นนท์ก็รับปากพี่เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะโทรหาต้น” เมษเงียบไปครู่หนึ่งจึงบอกว่า “แต่พี่บอกนนท์นะว่าวันนี้ต้นกลับเร็ว เขาไม่ได้ไปหาที่ห้องเหรอ”

“ไม่เห็นมี...” คนมาหาที่ห้องงั้นหรือ? หรือว่า... “ตายโหง...” น้ำต้นอุทานออกมาอย่างลืมตัวในแบบที่ไม่ได้เป็นบ่อยๆ ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย

“พี่เมษ ไม่เป็นไรพี่ ขอบคุณครับ แค่นี้ก่อนนะพี่” เขาวางสายทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบจากปลายสายแต่อย่างใด

วินาทีนั้นเอง น้ำต้นคว้าอะไรได้ก็หยิบติดมือไปก่อนที่จะผลุนผลันออกจากห้องไปทันที

_____________________________

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 31-07-2009 23:11:49
กรี๊ด..คนแรก

ถ้าอย่างนั้น ขอก่อนเลย

 :beat:  ยัยไหม ยัยตัวดี

เกลียดชะนี เอามันออกไป

น้ำต้นจ๋า.ไปตามพี่นนท์ให้ได้นะ

ส่งใจไปช่วยสุด ๆ เลย  :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 31-07-2009 23:23:20
ไหมมันร้ายมาก ต้องจัดการ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 31-07-2009 23:44:16
 :o12:

^


ชัดเจนเปลี่ยน!!!


อิเจ๊ไหม  :z6:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 01-08-2009 08:42:44
ชะนีนางนี้ แรงไม่เลิกจริงๆ  :beat:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-08-2009 10:52:05
ตามอ่านรวดเดียวเลย
ชอบมาก ๆๆๆๆๆ

ไหมนี่ไม่ไหวแล้ววววว  :angry2:
ต้นกับพี่นนท์เข้าใจกันเถอะนะ ๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 01-08-2009 10:57:51
ดีนะ ต้นรู้ตัวเร็วเหมือนกัน  :z3:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 01-08-2009 13:52:33
ร้ายจริงๆ

ดีนะที่ต้นรู้ทันแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 01-08-2009 15:44:20
ตามไปเลยน้ำต้นนนน


เอาให้เสร็จๆไปเลย จะได้ตกลงปลงใจกันเสียที ซิกๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 01-08-2009 17:13:51
หวังว่า น้ำต้น คงได้เคลียร์กับพี่นนท์ซะทีนะ 

เฮ้อ  เหนื่อยใจ   :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-08-2009 23:26:50
สะใจชะนีไหมอย่างรุนแรง อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 02-08-2009 02:20:35
พี่นนท์ใจแข็งมากมาย ตัดวงจรทุกอย่างกับน้ำต้นเลยอ่ะ น่าสงสารน้องนะ
แต่พี่นนท์ก็โชคไม่ดีอีกเช่นกันที่มาเจอ นังนีน้อยในช่วงเวลาที่ตัวเอง
ตัดสินใจยอมลดทิฐิทุกอย่างแล้ว เฮ้ออออ นุ้งน้ำต้นไปง้อมพี่นนท์ไวไวนะลูก
อธิบายให้พี่นนท์ฟังให้หมดนะ ว่าอะไรเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 03-08-2009 10:00:15
ค้างค่ะ ค้าง
อยากอ่านต่อแล้ววว
น้ำต้นรีบๆ ตามไปเลยน้า
คุยกันให้เข้าใจไวไวน้า

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 8 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 03-08-2009 12:31:00
 :m31: ไหม....อย่างนี้มันต้อง  :beat: :z6: :z3:
แล้วนนท์กับน้ำต้นจะเคลียร์กันได้ไหมเนี่ย...ลุ้นจนปวดตับจริงๆ
รออ่านต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 05-08-2009 08:51:13
บทที่ 9 มาแล้วนะคะ เรื่องราวของพี่นนท์และน้ำต้น

กับปัญหาที่เข้ามา ทั้งสองคนจะเข้าใจกันไหม หาคำตอบได้เลยค่ะ

*********************

เพลงรัก

บทที่ 9

วันนี้มีประชุม

เป็นการประชุมที่น้ำต้นตั้งหน้าตั้งตารอเลยก็คงไม่ผิดนัก เขาติดต่อนนท์ไม่ได้เลย ถึงขนาดที่ตามไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ เหมือนนนท์จะอ่านใจเขาออกไปเสียทุกย่างก้าว ที่ออฟฟิศไม่ต้องพูดถึง นนท์ไม่โผล่มาหลายวันแล้ว แม้แต่มิ่งก็บอกแค่ว่าได้คุยกับนนท์ผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น พอไปหาที่บ้าน ป้าชื่นก็ทำหน้าเป็นกังวล และได้แต่บอกว่า “คุณนนท์บอกว่าจะขอไปค้างที่อื่นซักพัก บอกว่าเป็นเรื่องงาน แต่ป้าไม่แน่ใจเลยค่ะคุณต้น พักนี้คุณนนท์ไม่ค่อยอยู่บ้านเลย แล้วท่าทางก็ไม่สดชื่นเหมือนเดิม” ป้าชื่นระบายให้กับเด็กหนุ่มฟัง “คุณต้นขา ป้าฝากดูคุณนนท์หน่อยนะคะ” แม่นมร่างอวบยื่นมืออูมๆมาจับมือเขาราวกับไม่อาจจะไหว้วานใครได้อีกแล้ว

อับจนหนทางเข้า ก็พอดีกับที่เมษโทรมาบอกว่า เช้าวันนี้ทุกคนต้องเข้าประชุมร่วมกัน เขาจึงมั่นใจว่าจะต้องได้เจอนนท์แน่นอน เมื่อคืนน้ำต้นไม่ได้นอนเลย เขานอนไม่หลับ ที่จริงหลับไม่ลงตั้งแต่ที่ไม่ได้เจอหน้านนท์ในวันแรกๆแล้วด้วยซ้ำ ในใจก็นึกแปลกใจว่าเขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน และไม่เคยรู้สึกแคร์ใครมากเท่านี้มาก่อนเลยนอกจากพ่อกับแม่เท่านั้น

เมื่อคืนแม่ของเขาโทรมา ราวกับจะรู้ว่าลูกชายของแม่กำลังมีเรื่องไม่สบายใจ

“น้ำต้น เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” เธอออกปากถามลูกชาย เมื่อจับน้ำเสียงที่ไม่ร่าเริงเหมือนปกติของลูกชายได้

“แม่นี่เหมือนมีตาทิพย์เลยนะ” น้ำต้นหัวเราะออกมาเบาๆ

“ก็แม่เป็นแม่นี่ลูก ไหนต้นบอกแม่ซิ มีอะไรหรือเปล่า”

“ต้นกับพี่นนท์ เรามีเรื่องเข้าใจผิดกัน” น้ำต้นพูดถึงนนท์โดยที่ไม่ต้องเท้าความอะไรอีก เพราะทุกครั้งที่คุยกับผู้เป็นแม่ เด็กหนุ่มไม่เคยปิดบังอะไรอยู่แล้ว ก็เขาปลื้มพี่นนท์ออกจะขนาดนั้น จะไม่ให้เล่าให้แม่ฟังได้อย่างไร “หลายวันแล้ว เรายังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย ต้นไม่สบายใจอ่ะแม่”

“ใจเย็นๆนะครับลูก” ปลายสายเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่าเพิ่งกังวลเกินไปนะ ไม่มีประโยชน์หรอก”

“ต้นไม่อยากให้พี่นนท์เข้าใจผิด ไม่อยากให้พี่นนท์คิดอะไรไปเอง” เมื่อได้เริ่ม ทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมา “ต้นไม่สบายใจเลยแม่ ต้นแคร์พี่เขามาก เขาจะรู้ไหมว่าเขาทำแบบนี้มันโหดร้ายมากเลย” น้ำต้นทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ออกมา

“น้ำต้นครับ แม่ไม่รู้จักพี่นนท์ของลูกหรอกนะ” ผู้เป็นแม่พูดปลอบใจ “แต่ถ้าต้นรู้สึกว่าไม่อยากเสียคนดีๆอย่างนี้ไป ก็ต้องอดทนหน่อยนะลูก เรื่องบางเรื่องมันจะมีอะไรเข้ามาทดสอบเราเสมอ แม่เชื่อว่าถ้าเราผ่านมันไปได้ ต่อไปทุกอย่างก็จะราบรื่นนะ ขอแค่เราอย่าเพิ่งเสียกำลังใจไปก่อนนะครับ”

“แม่... แล้วพี่นนท์...” เขาอึกอักไปราวกับไม่อาจจะเรียบเรียงคำพูดที่เหมาะสมออกมาได้

“ไปคุยกันก่อนดีไหม แล้ววันหลังถ้ามีเวลาก็พาพี่นนท์ของลูกมาให้แม่รู้จักหน่อย แม่อยากรู้เหลือเกินว่าคนที่ทำให้ลูกแม่ร้อนอกร้อนใจได้ขนาดนี้ เป็นคนแบบไหน”

“ฮะแม่” น้ำต้นยิ้มออกมาได้ในที่สุด

“ไปนอนซะนะลูก” ผู้เป็นแม่สั่งก่อนที่จะวางสายไป

แล้วช่วงเวลาที่เขาเฝ้าบอกให้ตัวเองอดทนก็หมดลง เมื่อเขามองเห็นร่างๆหนึ่งเดินเข้ามาในห้องประชุมเป็นคนสุดท้าย ไม่บอกก็รู้ว่านนท์จงใจมาเป็นคนสุดท้าย เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ต้องพูดคุยกับเขา ตลอดช่วงเวลาที่นั่งประชุมกันนั้น น้ำต้นไม่มีสมาธิเลย เขาเอาแต่นั่งขยับไปมา สายตาก็จับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่มที่สวมกางเกงยีนส์สีเข้ม ท่อนบนก็สวมเสื้อสีดำโดยมีแจ็กเก็ตสีดำสวมทับอีกที นนท์เองก็ดูไม่สดชื่นไม่ต่างอะไรกับเขา และเห็นได้ชัดว่านนท์จงใจไม่หันมามองเขาเลยแม้แต่นิดเดียว น้ำต้นบอกไม่ถูกว่าภายใต้ใบหน้าอันเรียบเฉยนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกอย่างไร เขารู้แต่ว่ามันช่างหมางเมินและห่างเหินเหลือเกิน เวลาที่นนท์เปิดปากคุยกับใครสักคนในที่ประชุม น้ำต้นจะอดรู้สึกปวดแปลบในใจไม่ได้ เขาอิจฉา ทำไมพี่นนท์พูดคุยกับคนอื่นได้ แต่เลือกที่จะไม่พูดคุยกับเขา

“เพลงส่วนใหญ่ที่นนท์แต่งมาน่ะ พี่ฟังแล้วโอเคมาก ยิ่งได้พี่มิ่งมาช่วยเกลาด้วย โอ้โห... ไม่ต้องพูดถึง” นรเศรษฐ์ว่าอย่างชื่นชม

“แหมไอ้น้อง อันนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้นนท์เขาไป แนวมันเข้าทางเขาด้วยแหละ” มิ่งว่าบ้าง

“ไม่หรอกครับพี่ แต่เนื้อเพลง... มันยังติดๆอยู่นะครับ ผมก็เลยยังไม่ค่อยอยากเอามาให้ดูเท่าไหร่ มันยังไงไม่รู้” นนท์ได้แต่ยิ้มบางๆ “ขอเวลาผมอีกหน่อยได้ไหมครับ”

“ถ้านนท์ต้องการเวลาอีกหน่อย เพื่องานที่ดีกว่า พี่ก็ไม่ติดอะไรนะ” มิ่งว่าสบายๆ “น้ำต้นล่ะ ว่าไง”

“ต้นแล้วแต่พี่ๆครับ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ฟังเพลงที่แต่งเลย” เขาว่าพลางมองไปยังนนท์ที่ยังคงนั่งนิ่งและไม่สบตากับเขา “ต้นอยากฟังนะพี่” น้ำต้นเหมือนจะเจาะจงคำพูดนี่ไปให้ชายหนุ่มร่างเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกลกัน แต่ก็เสไปมองคนอื่นๆด้วย

นนท์ข่มความรู้สึกภายในเอาไว้อย่างเต็มที่ เขาอยากจะให้น้ำต้นได้ฟังเพลงพวกนี้ยิ่งกว่าใคร แต่ในใจของเขาตอนนี้มันช่างแห้งแล้งเหลือเกิน วันนี้เขาไม่อยากมาประชุมเลย แต่รู้ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเลี่ยงได้ ก็จำต้องมาในที่สุด แล้วหลังจากเลิกประชุมล่ะ เขาจะทำตัวอย่างไร ทุกครั้งที่เห็นน้ำต้น เขารู้สึกเจ็บปวดข้างในอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน และคิดแต่ว่าอยากจะหนีไปเสียให้พ้นเร็วๆเท่านั้น

“นนท์ เดี๋ยวหลังจากนี้พี่มิ่งกับพี่ขอคุยอะไรกับนนท์หน่อยได้ไหม” นรเศรษฐ์หันมาถามชายหนุ่มที่ปกติก็พูดน้อยอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งดูเหมือนจะพูดน้อยลงไปอีก ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้างงๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะถามอะไรออกไปแต่อย่างใด

น้ำต้นทำหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เขาอยากจะคุยกับนนท์ ทำไมนนท์จะไม่รู้ แต่เขาไม่พร้อมที่จะพูดคุยอะไรในตอนนี้จริงๆ

“นนท์ เป็นอะไรไปหรือเปล่า พี่ว่าพักนี้นนท์แปลกๆไปนะ” มิ่งออกปากถามอย่างอดไม่ได้จริงๆ

“ก็ มีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อยครับพี่”

“ไหวไหม” นนท์เงยหน้ามองไปที่มิ่งอย่างนึกขอบคุณ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามิ่งเป็นห่วงเขา แต่เขาเองก็ไม่รู้จริงๆว่าควรจะรับมือกับมันอย่างไรดี

“คิดว่าไหวครับ ขอโทษนะครับพี่มิ่งที่พักนี้นนท์ทำตัวเหลวไหล”

“ไม่เอาน่านนท์ เราไม่ใช่เด็กๆแล้ว งานของนนท์พี่เองก็แฮ้ปปี้ จะว่าไป นนท์ทำงานได้เร็วกว่าที่พี่คิดเอาไว้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เรามีปัญหาพี่เองก็พอจะมองออก แต่พี่จะไม่ถามล่ะนะ” มิ่งว่าอย่างเข้าใจ “แต่ก็อยากให้นนท์แก้ไขมันเสีย ปัญหาบางอย่างปล่อยเอาไว้นานๆไม่ดีหรอก”

“งั้นมาเข้าเรื่องของเรากัน” นรเศรษฐ์ตัดบทขึ้นมา นนท์ทำหน้างงเหมือนแปลกใจเล็กน้อยที่เรื่องที่มิ่งและนรเศรษฐ์อยากคุยกับเขาไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาส่วนตัวที่เขากังวลนักหนาแค่เพียงเรื่องเดียว

“พี่มีข่าวดีสำหรับนนท์นะ” ทั้งโปรดิวเซอร์และมิวสิกไดเร็กเตอร์หันไปมองหน้ากันยิ้มๆ ก่อนที่จะเปิดปากเล่าถึงข่าวดีให้แก่ชายหนุ่ม

************************

น้ำต้นหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก เขาจะต้องรีบไปทำงานต่อ ในขณะที่ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับนนท์เลย ความตั้งใจทั้งหมดถูกทำลายลงสิ้น เห็นทีหนนี้จะเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เขารู้สึกเคืองทั้งมิ่งและนรเศรษฐ์ เวลาอื่นมีตั้งมากมาย ไม่เคยเรียกนนท์คุย แล้วจู่ๆ จำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นวันนี้เสียด้วยที่อยากจะคุยกับนนท์ให้ได้ แล้วนี่เขาจะหาโอกาสแบบนี้ได้อีกเมื่อไหร่กัน

“พี่เมษ ต้นต้องไปตอนนี้เลยเหรอ” น้ำต้นอิดออด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากจะออกไปไหนเลยในตอนนี้ เมษมองเด็กน้ำต้นอย่างเข้าใจและเห็นใจ แต่งานก็คืองาน และเด็กหนุ่มก็เลี่ยงไม่ได้

“ถ้าเป็นงานอื่น พี่ก็พอจะบอกปัดเค้าได้นะต้น แต่งานนี้มันงานใหญ่ ยังไงต้นก็ต้องไปครับ” เมษเข้าไปแตะที่ต้นแขนของเด็กหนุ่มเบาๆ “ต้น พี่เข้าใจนะ” เธอมองหน้าเขา “แต่ต้นมีหน้าที่ที่ต้องทำ นนท์ก็มีหน้าที่ของเขา เรื่องส่วนตัวอะไรก็ตามคงต้องเก็บเอาไว้ก่อน”

น้ำต้นหน้างอ เขาหันไปมองที่ห้องประชุมที่ยังคงปิดเงียบ นนท์หายเข้าไปคุยกับมิ่งและนรเศรษฐ์นานเป็นชั่วโมงแล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาง่ายๆ

“ต้น” เธออดไม่ได้เมื่อเห็นสายตาที่ทอดมองไปทางห้องประชุมอย่างอาลัยอาวรณ์ “เดี๋ยวนนท์ออกมา พี่จะบอกให้” น้ำต้นหันมามองเมษด้วยแววตาหม่นแสง “อย่าเพิ่งหมดหวัง เชื่อพี่ นนท์ต้องมีเหตุผลของเขา แต่ตอนนี้พี่ขอล่ะ ต้นต้องไปทำงานนะครับ”

น้ำต้นคอตก ท่าทางของเด็กหนุ่มน่าสงสาร อีกใจหนึ่งก็น่าเอ็นดูนัก น้ำต้นในตอนนี้ไม่เหลือมาดนักร้องคนดังอีกต่อไป ดูยังไงเมษก็ว่าเหมือนลูกหมาถูกทิ้งมากกว่า นนท์หนอนนท์ ทำไมใจแข็งกับน้องได้ถึงเพียงนี้ น้ำต้นได้แต่พยักหน้า หยิบหมวกที่วางบนโต๊ะมาสวมก่อนที่จะถือกระเป๋าสะพายลงลิฟท์ไป

นนท์เดินออกมาจากห้องประชุมหลังจากใช้เวลาอยู่ในนั้นเป็นนาน ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าดีใจ หรือตกใจ หรือสับสน แน่นอนเรื่องที่มิ่งและนรเศรษฐ์บอกแก่เขาเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน และถ้าเป็นเมื่อสองสามเดือนก่อน เขาคงจะตะโกนและกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเป็นแน่ แต่ตอนนี้ คนที่เขาอยากจะบอกมากที่สุด กลับกลายเป็นคนที่เขาคอยหลบหน้ามาตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาบอกไม่ถูกว่าควรจะรู้สึกอย่างไร และเขาควรจะทำอย่างไรดี

“เก็บไปคิดนะนนท์ว่าจะเอายังไง” มิ่งเดินมาตบไหล่เขาเบาๆ ก่อนจะเดินผละเข้าไปในห้องทำงานของนรเศรษฐ์เพื่อคุยงานต่อ

นนท์ชั่งใจอยู่เป็นครู่ ก่อนที่จะเดินไปหาเมษที่ตั้งอกตั้งใจจดจ่ออยู่กับตารางงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ มองจากด้านหลังแบบนี้ เมษดูแปลกตากว่าที่เคย อันที่จริงเมษเป็นผู้หญิงในแบบที่เขาไม่ค่อยได้เห็นนัก เธอเป็นคนเปิดเผย อารมณ์ดี และยิ้มแย้มอยู่เสมอ แต่ที่พิเศษคือเมษเหมือนมีพลังบางอย่างดึงดูดให้ใครๆก็อยากเข้าไปพูดคุยด้วย ทั้งที่เธอไม่ใช้ผู้หญิงหน้าตาจัดว่าสะสวยอะไร แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบที่ไม่เหมือนใคร เวลาคุยกับเมษ แม้แต่คนที่ชอบเก็บอะไรในใจอย่างนนท์ก็ยังอดรู้สึกอยากเปิดใจกับผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาไม่ได้จริงๆ

“พี่เมษครับ” เมษหันขวับทันทีที่รู้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร

“นนท์ ดีจริง” เธอยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะเอื้อมมือแตะไปที่เก้าอี้ตัวข้างๆ “นึกว่าจะหนีกลับไปเสียแล้ว มานั่งนี่มา”

“ขอบคุณครับ” นนท์นั่งลงอย่างว่าง่าย

“ยังไม่ได้คุยกันล่ะสิ ทั้งสองคน” นนท์พยักหน้า “เฮ้อ...” หญิงสาวระบายลมหายใจออกมา แต่สีหน้าไม่ได้แสดงความหนักใจสักเท่าไหร่นัก

“นนท์มีอะไรอยากคุยกับพี่เมษหน่อยครับ”

เมษหันไปมองหน้าชายหนุ่มตรงๆ ก่อนที่จะเอ่ยว่า “พี่ฟังอยู่ค่ะ”

“เรื่องน้ำต้นน่ะครับ” พูดได้เท่านั้น นนท์ก็เงียบไป ทำเอาเมษที่รอฟังอยู่อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

“เอาเถอะ พี่เข้าใจ” เธอว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ “นนท์นี่ ถ้าเป็นเรื่องตัวเองนี่แทบไม่เปิดปากเลยจริงๆนะ” ได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็ได้แต่มองหน้าเมษ

“คุยกันเถอะนะ ถือว่าพี่ขอร้องก็ได้นนท์ คุยกับน้องซะ” เมษพูดน้ำเสียงจริงจัง “พี่ไม่รู้หรอกว่า ระหว่างเราสองคนมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่พี่จะรู้หรือเปล่ามันไม่สำคัญเท่ากับทั้งสองคนควรจะได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

“แต่นนท์รู้สึกเหมือนยังไม่พร้อม”

“นนท์ ถ้าจะรอให้พร้อมน่ะต้องรอถึงเมื่อไหร่ พี่ว่ามันไม่ใช่นนท์ไม่พร้อมหรอก นนท์เป็นกังวลมากกว่า เชื่อพี่ ถึงเวลาที่ต้องคุยกันได้แล้ว” นนท์สะอึก เขากลัว! เมษพูดถูกแล้ว เขากลัวสิ่งที่จะได้ยินจากปากน้ำต้นมากกว่า เขาจึงพยายามหลบหน้าอยู่อย่างนี้ คงถึงเวลาที่ต้องคุยกันจริงๆแล้วสินะ

“พี่อยากจะบอกอีกอย่างนึงนะ” เมษยิ้ม “เรื่องบางเรื่องมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไปหรอก”

“ครับ”

“แล้วก็ อย่างที่พี่เคยบอก พี่ฝากน้องด้วยนะ” เมษพูดแค่นั้นแล้วก็ยิ้ม นนท์ยกมือไหว้ ก่อนที่จะเดินออกมา

************************

น้ำต้นนั่งซุกตัวอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง งานสำคัญจบลงแล้ว พอร่ำลาเจ้าภาพของงานเสร็จ เขาก็เดินอย่างไม่มีจุดหมายไปเรื่อยๆ จนมาลงเอยที่ร้านแห่งนี้ โทรศัพท์มือถือในมือ ถูกกดแล้ววาง กดแล้ววางไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขากลัวว่าปลายสายจะไม่ยอมรับโทรศัพท์จากเขาอีก แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจได้ในที่สุด เขาไม่อยากจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ยอมรับได้ทุกอย่าง แต่ต้องไม่ใช่การที่ไม่ได้พูดคุยและไม่ได้ทำความเข้าใจอะไรกันเลยแบบนี้ เขายอมไม่ได้

“ฮัลโหล” น้ำต้นใจเต้น เขากลับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงที่คิดถึงมาหลายวันตอบรับเขาที่ปลายสายเสียที

“น้ำต้น”

“พี่นนท์ อยู่ที่ไหน”

“พี่อยู่ที่บ้าน”

“ต้นไปหานะ”

“ครับ”

“อย่าเพิ่งหนีต้นไปไหนนะพี่” น้ำเสียงของน้ำต้นเจือคำขอร้องเอาไว้อย่างไม่ปิดบัง

“พี่ไม่ไปไหนหรอก จะรอที่บ้านนะ” ปลายสายวางไปแล้ว ตอนนั้นเองที่นนท์บอกกับตัวเองว่า น้ำต้นมีความหมายกับเขามากเสียจน เขาไม่อาจะทำร้ายจิตใจเด็กหนุ่มได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เขาก็จะยอมรับมันทุกอย่าง เขาพร้อมแล้วที่จะพูดคุยกับน้องชายของเขาอย่างเปิดอกที่สุด

***********************

น้ำต้นขับรถออกไป ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ ถึงขนาดไม่ต้องคิดเท้าก็พาเขาไปถึงจุดหมายได้ทุกครั้ง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกชอบถนนหนทางสายนี้ เพราะมันจะพาเขาไปยังที่ที่เขารู้สึกสบายใจและผ่อนคลายที่สุด และมั่นใจว่าคนที่เขารอคอยอยากพบมากที่สุดก็จะอยู่ที่นั่นเพื่อต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นอยู่เสมอ วันนี้น้ำต้นไม่ได้ขับรถด้วยอาการร้อนอกร้อนใจเหมือนอย่างหลายๆวันที่ผ่านมา เพราะเขารู้ว่า วันนี้คนที่เขาอยากเจอกำลังรอเขาอยู่เช่นกัน

เขาเลี้ยวรถเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ลัดเลาะเข้าไปอีกนิดก็เป็นเรือนหลังเล็ก และจอดมันเอาไว้ในที่ที่เขามักจะจับจองอยู่เสมออย่างคุ้นเคย รถอเนกประสงค์สีน้ำเงินที่สะอาดสะอ้านมันปลาบเป็นเงาอยู่เสมอจอดเอาไว้ในที่ของมัน ไม่เหมือนพักหลังที่มันมักจะหายไปพร้อมกับเจ้าของ และทำให้เขารู้สึกผิดหวังทุกครั้งที่ไม่เห็นมันในโรงรถ

น้ำต้นเดินลงมาจากรถ เขาหยุดยืนดูที่เรือนหลังเล็ก และยังไม่ทันจะเดินเข้าไปด้วยซ้ำ ประตูก็เปิดออกเจ้าของบ้านใส่ชุดลำลองเป็นเสื้อแขนยาวสีขาวและกางเกงขายาวสีครีม ราวกับรอต้อนรับเขาอยู่พักใหญ่แล้ว ท้องฟ้าด้านนอกมืดครึ้มลงอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ยังแค่เลยเวลาหกโมงเย็นไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ช่วงปลายปีก็อย่างนี้ ค่ำเร็วกว่าปกติ อากาศก็เย็นลงกว่าเมื่อกลางวันอย่างรู้สึกได้ เจ้าของบ้านทอดสายตามายังร่างของเขา ทำไมเขาจะไม่รู้ จนกระทั่งเขาเดินมาถึงประตู นนท์จึงเปิดมันให้กว้างออก และปล่อยเอาไว้แบบนั้น ด้วยรู้ว่าแขกจะปิดประตูเองเมื่อเดินเข้ามาแล้ว

นนท์ยืนหันหลังให้เขา น้ำต้นใจหายเมื่อสังเกตเห็นว่าแท้จริงแล้ว นนท์ตัวเล็กกว่าที่คิด แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดถึงร่างเล็กๆอันคุ้นเคยนี่เหลือเกิน นนท์หันหน้ากลับมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตากับน้ำต้นที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างหลังเขา ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันสักคำ ได้แต่มองตากันและนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งนนท์ยื่นแขนทั้งสองข้างออกมา สองคนจึงสวมกอดกันอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกอีกต่อไป

“พี่คิดถึงน้ำต้นนะครับ” พูดได้เท่านั้น น้ำอุ่นๆก็ไหลอาบแก้มนนท์ แขนทั้งสองข้างของเขากอดน้ำต้นเอาไว้แน่น ราวกับจะบอกว่าไม่อยากให้ร่างที่สูงใหญ่ในอ้อมแขนนี้จากไปไหนเลย

“พี่นนท์ พี่นนท์ อย่าทำแบบนี้อีกนะพี่” น้ำต้นร้องไห้ออกมาในที่สุด เขาโล่งใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน เหมือนกับความหนักหน่วงที่ถ่วงอยู่ในใจเขามาหลายวันได้มลายหายไปจนหมดสิ้น “อย่าหนีต้นไปแบบนี้อีก” เด็กหนุ่มกระชับวงแขนนั้นให้แน่นขึ้น ในที่สุดเขาก็ได้พี่นนท์กลับมาแล้ว  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 05-08-2009 08:56:06
ทั้งสองคนยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ราวกับอยากจะซึมซับความอบอุ่นจากกันและกันเอาไว้ให้นานที่สุด ราวกับว่าหากปล่อยมือไป จะไม่มีโอกาสได้โอบกอดกันเช่นนี้อีก ก่อนที่นนท์จะค่อยๆคลายวงแขนออก น้ำต้นเหมือนจะยังคงดื้อดึงแข็งขืนที่จะไม่ปล่อยนนท์ แต่ด้วยแรงผลักเบาๆที่ไม่ใช่การผลักไสแต่เป็นสัมผัสที่อ่อนโยน เขาจึงยอมคลายวงแขนของตัวเองลงบ้าง นนท์เงยหน้าขึ้นมองน้ำต้นแล้วยิ้ม เขาหยุดร้องไห้นานแล้ว แต่เจ้าน้องชายนี่สิท่าทางต่อมน้ำตาจะไม่หยุดทำงานเอาง่ายๆเลยจริงๆ เขานึกขันระคนเอ็นดู ก่อนที่จะยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าคมคายของน้ำต้นอย่างแผ่วเบา

“พอแล้ว ไม่ร้องแล้ว ตัวโตซะเปล่า ทำไมขี้แยอย่างนี้ล่ะเรา” นนท์ว่าล้อๆ แต่นิ้วยังคงปาดคราบน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน

“ยังจะพูดอีก ก็เพราะพี่นั่นแหละ ดูดิ๊ เสียฟอร์มหมดเลย” ปากแม้จะบ่นแต่ในใจกลับเบาหวิวปลอดโปร่งยิ่งนัก น้ำต้นยกมือขึ้นจับมือนนท์ที่ตอนนี้แนบอยู่บนแก้มของเขา ก่อนที่จะสวมกอดร่างเล็กแต่แข็งแรงนั้นอีกครั้งเบาๆ

“น้ำต้น”

“ครับ”

“เราต้องคุยกันนะ”

“ต้นก็คิดว่าเราต้องคุยกันเสียที”

น้ำต้นยังคงจับมือข้างนั้นเอาไว้ไม่ปล่อย เขากึ่งเดินกึ่งจูงพี่ชายไปที่โซฟา ทั้งคู่นั่งลง ไม่มีใครพูดอะไรอยู่เป็นนาน

“พี่นนท์บอกต้นได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” น้ำต้นที่เป็นฝ่ายอดรนทนไม่ไหวออกปากขึ้นมาก่อน

“พี่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีเหมือนกันนะ มันสับสนไปหมด” นนท์เอ่ย

“เอาอย่างนี้ ทำไมวันนั้นพี่ถึงไม่รอต้น เราสัญญาจะเล่นดนตรีกัน แต่พอต้นไปหา พี่เค้าก็บอกพี่กลับไปแล้ว”

“วันนั้นมีคนมาหาพี่”

“ใคร ผู้หญิง ผู้ชาย”

“ผู้หญิง”

“งั้นต้นพอจะนึกออกแล้ว แล้วยังไงต่อ”

“เขาบอกว่า มันจะดีกับต้นถ้า เอ่อ... พี่อยู่ห่างจากต้น”

“แล้วพี่ก็เชื่อเขางั้นเหรอ” น้ำต้นเริ่มไม่พอใจขึ้นมาแล้ว

“ต้น พี่ไม่ได้เชื่อเขาหรอกนะ แต่ลำพังพี่อ่ะ พี่ไม่ห่วงตัวเองเลย พี่ห่วงต้นมากกว่า แล้วก็คงทนไม่ได้แน่ๆถ้าชื่อเสียงของต้นจะมัวหมองไปเพราะ ต้นมาใกล้ชิดกับพี่” นนท์มองหน้าน้ำต้น “ต้นเข้าใจความรู้สึกพี่หรือเปล่า”

“เข้าใจครับ” ทีนี้เป็นเขาที่เสียงอ่อนลง

“แต่พี่ก็รู้นะว่าพี่ทำไม่ถูกที่หนีหน้าต้นไปเลย อันนี้พี่ยอมรับผิด และพี่ขอโทษ” น้ำต้นคว้ามือนนท์มาบีบกระชับเอาไว้ในมือ

“พี่ไม่ต้องขอโทษ”

“แต่พี่มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนเก่า แล้วก็อีกคนที่ต้นควรจะขอบคุณมากๆก็คือพี่เมษ พี่ถึงคิดได้ แล้วก็ตัดสินใจว่าควรจะเปิดใจคุยกับเราเสียที”

“พี่ไปหาต้นใช่ไหมวันนั้น” ใบหน้าของน้ำต้นเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีที่ถามออกไป

“อือม์” นนท์ก้มหน้ากัดริมฝีปากอย่างอดกลั้นความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้อย่างเต็มที่

“แล้วพี่ทำไมไม่รอเจอต้น”

“เขาบอกพี่ว่า ต้นอยากจะใช้เวลาส่วนตัว อยู่กับเขา”

“แล้วพี่ทำยังไง”

“พี่ก็ตัดสินใจกลับ”

“แล้วก็ปิดเครื่อง ไม่ยอมคุยกับต้นอีก” น้ำต้นหันมามองหน้าพี่ชายอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่รื้นอยู่ในดวงตากลมโตคู่นั้น “ทำไมพี่ไม่ถามต้นซักคำ”

“พี่ขอโทษ แต่พี่บอกตามตรง พี่ช็อกมากเลยนะ... พี่ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้ช็อก แล้ววูบนั้นมันทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง พี่บอกไม่ถูกจริงๆ” มือของเขาบีบกระชับตอบมือของน้องชาย “อีกอย่าง พี่ไม่รู้เลยว่าต้นคิดกับพี่ยังไง พี่ไม่เคยรู้เรื่องเขากับต้น พี่ไม่รู้อะไรเลยนะ ต้นเข้าใจพี่ใช่ไหม”

“พี่นนท์”

“หือม์”

“ต้นอยากรู้ว่า...” น้ำต้นหันไปสบตานนท์ “พี่นนท์รู้สึกยังไง”

“รู้สึกยังไง กับอะไร”

“กับเรื่องของต้นและเขา”

“พี่ไม่แน่ใจ แต่พี่ไม่อยากเห็นต้นอยู่กับเขา”

“พี่หวงน้อง” น้ำต้นยิ้มออกในที่สุดแต่ก็ไม่วายว่าล้อๆ

“หวงสิ” นนท์ว่าตรงๆ ก่อนที่จะทันได้ว่าอะไรต่อ เขาก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าขึ้นมาเสียเฉยๆ

“พี่นนท์”

“ครับ”

“ขอต้นบอกอะไรพี่หน่อยนะ” น้ำต้นก้มหน้ามองไปที่มือนุ่มนิ่มเรียวยาวของคนข้างๆที่เขาจับเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “เรื่องของต้นกับเขาน่ะมันจบไปนานแล้ว ต้นกลับไปรักเขาไม่ได้แล้ว ยิ่งพอมาเกิดเรื่องแบบนี้ ต้นก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่สามารถรักผู้หญิงคนนั้นได้อีกแล้ว จะเป็นเพื่อนได้หรือเปล่าต้นยังไม่รู้เลย”

“เพราะพี่หรือเปล่า”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่เลยพี่นนท์ เราไม่เหมาะกันมาตั้งแต่แรก และมันควรจะจบไปได้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว กลับมาคราวนี้ ต้นไม่รู้เขาต้องการอะไรเหมือนกัน เหมือนเขาอยากจะกลับมาคืนดีด้วย เพราะอะไรต้นก็ไม่รู้ รู้แต่เราไม่ได้รักกันแล้ว เราอาจจะไม่เคยรักกันมาแต่แรกแล้วก็ได้ เพราะตอนนั้นเราก็ยังเด็กกันมาก” น้ำต้นพูดยืดยาว “แล้ววันนั้นน่ะ ที่พี่ไปเจอเขาที่ห้องน่ะ เขาอาสาไปส่งต้นเอง ไอ้เราก็จิตตกเพราะโดนพี่ทิ้งไปไม่ไยดี ก็เลยยังไงก็ได้ ใครจะไปคิดว่าเรื่องราวมันจะบานปลายไปขนาดนี้”

“แต่ต้นต้องเข้าใจนะ ว่าถ้าต้นเป็นพี่ ชั่วโมงนั้น เจอแบบนั้นยังไงก็ต้องคิด” นนท์ว่าบ้าง

“แต่ก็ไม่เห็นถึงกับต้องปิดเครื่องหนีเลยนี่นา ใจร้ายชะมัด”

“ใครว่าใจร้าย คนกำลังคิดมาก”

“แล้วทำไมพี่ต้องคิดมากขนาดนั้น”

“มันก็เสียใจน่ะ”

“ทำไมต้องเสียใจล่ะพี่” เด็กน้ำต้น ถามต้อนเขาเสียจนไม่เปิดจังหวะให้เขาได้แก้ตัวอะไรได้เลย

“แล้วจะมาคาดคั้นพี่ทำไมเนี่ย” คนพี่เริ่มบ่นกระปอดกระแปดออกมาบ้าง

“พี่นนท์ ต้นถามพี่จริงๆนะ” จู่ๆน้ำต้นก็พูดโพล่งขึ้นมา

“พี่คิดกับต้นยังไง”

นนท์อึ้งไปกับคำถามนี้ เขาได้แต่นั่งเงียบราวกับจะชั่งใจอะไรบางอย่าง ทำเอาคนถามใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปเลยทีเดียว

“ก่อนจะตอบ พี่ขอถามอะไรต้นบ้างได้ไหม”

“ถามมาเลยพี่”

“ต้นรู้เรื่องพี่มาบ้างแล้วใช่ไหม”

“ก็พอรู้นะ คิดว่ารู้”

“แล้วต้นคิดยังไง มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะต้นสำหรับพี่น่ะ”

น้ำต้นหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หนนี้นนท์ไม่สบตาน้ำต้น ท่าทางเหมือนเขากำลังครุ่นคิดอะไรในใจอย่างหนัก มือทั้งสองข้างของพี่ชายประสานกันแน่นจนเห็นว่าข้อนิ้วมือขาวซีดจนไม่มีสีเลือด

“แต่มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับต้นเลย” น้ำต้นพูดออกมาอย่างหนักแน่น เขาแทบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ

“ต้นยังเด็กก็จริงนะพี่ แต่ต้นก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อย่างหนึ่งที่ต้นอยากให้พี่รู้ไว้ก็คือ ต้นไม่เคยตัดสินใคร ถ้าต้นไม่ได้สัมผัสหรือพูดคุยรู้จักกับคนคนนั้นด้วยตัวเองเสียก่อน” น้ำต้นหยุดและหันกลับไปมองนนท์อีกครั้ง “และต้นพูดได้เลยว่าต้นรู้จักพี่นนท์ดี พี่เป็นคนที่ดีมาก ดีขนาดที่ว่าชีวิตนี้นนท์จะหาคนที่ดีแบบนี้เจออีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ หลังจากที่เกิดเรื่อง ต้นบอกตัวเองไว้เลยว่า จะไม่ยอมเสียพี่ไปเด็ดขาด นอกจากพี่จะเกลียดต้นแล้ว”

“พี่จะเกลียดต้นได้ยังไง”

“ไม่รู้แหละ พูดไว้ก่อน” ว่าแล้วก็ยังไม่วายหันไปทำหน้าทะเล้นใส่พี่อีกต่างหาก ทำเอานนท์หัวเราะออกมาจนได้

“แล้วต้นไม่รู้สึก...” นนท์พูดค้างเอาไว้อย่างนั้น

“ต้นรู้สึกดีมากเวลาอยู่กับพี่นนท์” น้ำต้นสวนกลับมาทันควันทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ หนนี้ไม่แค่สบตา น้ำต้นคว้ามือข้างหนึ่งของนนท์ขึ้นมากุมเอาไว้ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเลว่า

“ต้นชอบพี่นนท์นะครับ” นนท์ทำตาโตเมื่อได้ยินคำสารภาพที่ออกจากปากน้ำต้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เอ๊า มัวแต่ช็อก”

“ต้นว่าอะไรนะ” ถามไปทั้งที่ก็ได้ยินชัดเจนเต็มสองหูอยู่แล้ว

“ต้นชอบพี่ไง”

“เป็นไปได้ยังไง ก็ต้น...” เขาอึกอัก “แล้วพี่ก็...”

“หยุดเลยพี่นนท์” น้ำต้นยกมือยกไม้ราวกับจะห้ามอะไรสักอย่าง “ไม่ต้องพูด ถ้าต้นแคร์ว่าพี่เป็นอะไรต้นคงไม่มาคุยกับพี่หรอก ต้นแคร์แค่พี่เป็นพี่นนท์แค่นี้ก็พอแล้ว โอเคไหม”

นนท์ก้มหน้าเงียบ น้ำต้นไม่รู้เลยว่าคนพี่คิดอะไรอยู่ในใจ จนกระทั่งร่างที่นั่งข้างๆเอนตัวและซบศีรษะลงบนไหล่เขา

“ขอบคุณนะน้ำต้น”

น้ำต้นเอียงศีรษะตอบรับสัมผัสนั้นแผ่วเบาแทนคำตอบ

“ทีนี้พี่ตอบคำถามต้นได้รึยัง”

“ว่า?”

“ว่าพี่คิดยังไงกับน้องคนนี้ไง”

“จะเอาจริงๆหรือแบบรักษาน้ำใจดีล่ะ” แม้จะไม่เห็นสีหน้าของคนถาม แต่น้ำต้นก็พอจะเดาได้ว่า พี่นนท์ของเขาคงกำลังแอบยิ้มอยู่เป็นแน่

“ขอความจริงแบบที่ช่วยรักษาน้ำใจด้วยจะดีมากพี่” นนท์ได้ยินถึงกับหัวเราะชอบใจออกมา เขาหันไปมองหน้าเจ้าเด็กโข่งที่นั่งทำตาแป๋วมองเขาอยู่ นนท์เห็นหน้าน้ำต้นแล้วก็ได้แต่พยายามจะกลั้นหัวเราะสุดชีวิต

“ขำอารายพี่นนท์” เจ้าน้องชายทำเสียงยียวน “นี่ถามจริงจังนะพี่ เห็นเป็นเรื่องตลกไปซะได้”

“ไม่หัวเราะแล้ว เอ๊า” นนท์อมยิ้ม

“ต้นรอฟังอยู่นะ”

“ยังจะต้องให้พี่บอกอีกเหรอ”

“อ้าว ทีต้นยังบอกพี่เลย” น้ำต้นเริ่มตัดพ้อ “ไหนบอกว่าเราต้องคุยกันไง มันก็ควรจะคุยให้ครบทุกเรื่องสิพี่” เจ้าน้องชายอ้างโน่นอ้างนี่ไปเรื่อย

“พี่ไม่ถนัดบอกความรู้สึกตัวเองกับใคร”

“ก็นี่แหละ จะได้ถนัดขึ้นอีกหน่อย ต่อไปมีอะไรต้องคุยกันรู้ไหมพี่ ถ้าเอาแต่เงียบแล้วต้นจะรู้ได้ยังไงว่าพี่คิดยังไง อ่ะ ทีนี้บอกได้รึยังว่าพี่คิดยังไง”

“พี่ก็...” นนท์ก้มหน้าก้มตางุดไม่ยอมสบตาคู่สนทนาเสียอย่างนั้น

“อะไรพี่ ต้นไม่ได้ยิน” เจ้าเด็กตาหวานทำท่าเอียงคอยื่นหูเข้าไปใกล้ๆคนข้างตัวที่พูดอะไรงึมงำอยู่คนเดียว

“พี่ก็ชอบน้ำต้น”

“ก็แค่นี้แหละ” ปากบอกว่าแค่นี้ แต่หน้าตาคนพูดบานเป็นกระด้ง “แล้วก้มหน้าก้มตาทำไม” เจ้าตัวดียังไม่เลิกตอแย

“ไม่เอาแล้ว” นนท์ผลุนผลันลุกขึ้นทำท่าเหมือนจะเดินหนีคู่สนทนาไปเสียดื้อๆอย่างนั้น แต่ก็ยังไวไม่เท่าเด็กน้ำต้นที่คว้าข้อมือเขาเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ เขาไม่เห็นหน้าพี่นนท์ เห็นแต่ใบหูที่แดงก่ำผิดปกติกว่าทุกครั้ง

“จะหนีไปไหนพี่ มานั่งนี่ก่อน” ไม่พูดเปล่า แต่ออกแรงดึงเพียงนิดเดียว คนพี่ที่ตัวเล็กกว่าก็เซกลับลงมานั่งปุลงข้างๆเขา ไหล่กับไหล่ชนกัน เข่ากับเข่าแนบชิดกัน ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกถึงไออุ่นของอีกฝ่าย ที่ผ่านมาก็พวกเขาไม่เคยสังเกตเลยด้วยซ้ำว่า ได้เข้ามาใกล้ชิดกันมากถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน จำได้แค่ว่า เวลาที่มีอีกคนอยู่ข้างๆมันช่างอุ่นใจและผ่อนคลายยิ่งนัก

“น้ำต้น” นนท์เรียกชื่อคนข้างๆเบาๆพอแค่ได้ยินกันสองคนเมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

“ครับพี่นนท์” เสียงตอบรับจากอีกฝ่ายไม่ได้ดังไปกว่ากัน

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ต้นเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม”

“พี่นนท์ บอกต้นซิ พี่กังวลอะไร”

“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” ใบหน้าที่อยู่ห่างจากน้ำต้นไม่กี่นิ้ว ฉายแววกังวลออกมาอย่างไม่อาจปิดบัง

“พี่รู้มั้ยว่าตัวเองเป็นคนคิดเยอะ บางทีคิดอะไรพี่ก็ไม่ยอมพูดออกมา ต้นเป็นห่วงพี่นะ แล้วก็...” เด็กหนุ่มปล่อยให้คำพูดทิ้งค้างไว้อย่างนั้น เขายกมือขึ้นตีไปบนเข่าของพี่ชายเบาๆราวกับอยากจะเน้นทุกคำที่เขากำลังจะบอกออกไปว่า “เชื่อใจต้นมากกว่านี้ ได้ไหม”

นนท์หันไปมองหน้าน้ำต้นราวกับจะประเมินอะไรบางอย่าง

“จริงอยู่ เราอาจจะยังไม่รู้จักกันมากมายสักเท่าไหร่ แต่ต้นอยากจะให้พี่เชื่อใจต้น อยากให้ไว้ใจ อยากให้รู้ว่าพี่ไม่ได้เหงาอยู่คนเดียวอย่างที่ผ่านๆมา”

“ดูพี่ออกด้วยเหรอ”

“ไม่งั้นจะเป็นน้องพี่ได้เหรอ” น้ำต้นสวนกลับไปยิ้มๆ “ได้ไหมพี่” น้ำต้นบีบที่หัวเข่านนท์เบาๆ

เขายกมือขึ้นวางทับมือที่สากกว้างของเด็กหนุ่ม และปล่อยให้ห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เงียบเสียจนเข็มตกลงพื้นก็คงจะได้ยินกันถนัดถนี่ทีเดียว ก่อนที่นนท์จะระบายลมหายใจออกมาราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว

“น้ำต้นลางานได้ไหม”

“อะไรนะพี่” น้ำต้นถามกลับด้วยใบหน้าประหลาดใจ

“ลางานได้ซักสองสามวันหรือเปล่า”

“ก็ต้องถามพี่เมษก่อน แต่ช่วงนี้งานต้นไม่ค่อยเยอะแล้ว น่าจะไม่ติดอะไร” เขามองไปที่นนท์ราวกับรอคำตอบจากปากชายหนุ่ม “มีอะไรเหรอพี่นนท์”

“ต้นโทรไปถามพี่เมษนะ ได้วันว่างเมื่อไหร่มาบอกพี่” ใบหน้าของเด็กหนุ่มยังคงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามอยู่นั่นเอง “พี่จะพาต้นไปบ้านพี่ที่เชียงใหม่”

________________________________

โปรดติดตามตอนต่อไป


****************************

คนเขียนลงไว้ว่า

จบไปแล้วอีกตอนนึง และคาดว่าน่าจะทำให้คนอ่านหลายๆท่านโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง หลังจากที่คนเขียนทำร้ายจิตใจเอาไว้เยอะเลย นับว่าคลี่คลายไปได้เปลาะนึงแล้วนะคะ หวังว่าจะเรียกรอยยิ้มจากทกุคนได้บ้างนะคะ

หวังว่าจะติดตามกันไปเรื่อยๆอย่างนี้ เช่นที่ผ่านมาค่ะ

จาก นิ้วไขว้ fingers-crossed  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 05-08-2009 09:49:20
คืนดีกันแล้ว
แต่ว่ามันยังคุนเครือไม่มั่น
ใจในความสัมพันธ์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 05-08-2009 10:02:49
เฮ้อ

โล่งอก

ในที่สุดก็เข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-08-2009 10:22:07
เย้ ๆๆๆ เข้าใจกันแล้ววว
ว่าแต่ว่า พี่นนท์ให้ต้นลางานนี่ จะไปเที่ยวไหนกันหว่า ๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 05-08-2009 10:45:12
เข้าใจกันแล้ว เย้ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 05-08-2009 11:37:07
แหม พอเข้าใจกันปุ๊บ  พี่นนท์ ก็ชวนน้องเที่ยวเชียวนะ 

ถือโอกาสกระชับความสัมพันธ์ หลังจากห่างหายกันไปนาน    :-[

ช่างคิดจริง พี่นนท์ 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 05-08-2009 12:03:55
โล่งอก :เฮ้อ:
อุปสรรคที่พี่นนท์กลัวหนะ คงต้องมีแน่ๆ
แต่ถ้าเชื่อใจกันให้มากกว่านี้ มีอะไรก็คุยกัน ทุกอย่างคงจะดีขึ้นนะคะ
น้ำต้นเป็นคนที่ใครๆก็จับตามอง และในเมื่อมีคนรักก็ย่อมมีคนชัง
และรอคอยให้น้ำต้นสะดุดขาตัวเองอะไรนี้ยังไงก็ต้องรักแบบรอบคอบ อิอิ

ขอบคุณคะ พี่นาเมฮ์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-08-2009 15:30:07
 :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 05-08-2009 17:47:44
ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น   ความรักชนะทุกสิ่ง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 05-08-2009 19:11:11
คริๆ

อ่านไปอายไปตอนนี้

น่ารักดีๆ


ตอนไปเชียงใหม่ต้องสนุกแน่ๆเลย รีบลางานนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 05-08-2009 22:59:53
เย่  :mc4:

พาไปบ้านแล้วว

(อ่าว ต้องดีใจเพราะเค้าดีกันไม่ใช่??)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 06-08-2009 09:18:45
อ่านตอนนี้แล้วโล่งอก
ในที่สุดก็ได้คุยกันซะที
ดีใจดีใจ สองคนดีกันแล้ว
แถมมีโปรแกรมไปเที่ยวกันอีกต่างหาก
รอตอนต่อไปนะคะ

ขอบคุณพี่นาเมฮ์ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: twin2g ที่ 06-08-2009 14:00:46
เพิ่งตามอ่านตั้งแต่แรก

ครบทุกรสจริงๆ


ขอน้ำตาลเว่อร์เลยน้าตอนหน้าอ่ะ

เรื่องนี้อ่านแล้ว อินเนอร์มันแร๊ง!
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 06-08-2009 21:56:10
บทจะเข้าใจกัน ก็ดูจะเดินเรื่องรวบรัดเสียเหลือเกิน ไม่เนียนเลยอ่ะ
2-3 ตอนหลัง อ่านแล้วมันแหม่งๆแฮะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 07-08-2009 22:03:57
อ่าาา อ่านรวดเดียวเลย หุหุ จะว่างัยดีอ่ะเนี้ย 555
ชอบพี่นนท์มากๆเลยอ่ะค่ะ บุคลิกแบบนี้มันโดน 555 แบบพี่เค้าดูนิสัยดีมากก ขี้กังวลดีแท้น้อ
เหมาะกับน้ำต้นมากๆเลยอ่ะ แล้วก็ดูเป็นคู่ที่ลงตัวมากๆด้วย นิสัยเข้ากันดีจิง
ว่าแต่เกลียด ยัยไหม กับเห้เอ้จังเลย คิดว่ามันคงไม่จบแค่นี้แน่ๆเลย แล้วคิดว่าอุปสรรคคงมีมาอีกมากมาย
อ่านไปมาละครไทยมากเลยอ่ะ 555 แต่ชอบน้าสนุกดี
สู้ต่อไปน้ำต้นกับพี่นนท์ Fightinggg (ชอบพี่นนท์อ่ะ :o8: :-[)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 9 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 09-08-2009 01:57:16
เย้...เข้าใจกันแล้ว   ดีใจที่สุด

วันข้างหน้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม

พี่นนท์ห้ามคิดแทนน้ำต้นอีกนะ

ต้องคุยกันเน้อ    :กอด1:

ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์ค่ะ






หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 11-08-2009 08:47:34
นนท์จะพาน้ำต้นไปที่บ้าน จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ มาติดตามกันต่อนะคะ

************************

เพลงรัก

บทที่ 10

“ว่าไงเมษ ตัวยุ่งไม่อยู่กรุงเทพฯ เหงาไหม” โปรดิวเซอร์มือทอง เดินถือแก้วกาแฟหอมกรุ่นเดินเข้ามาอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะเริ่มต้นบทสนทนาแรกกับลูกน้องคนสนิท

“มาแต่เช้าเลยพี่นอ เมียไม่บ่นเหรอกลับดึกตื่นเช้าแบบนี้” เมษแซวยิ้มๆหลังจากที่รับรู้ว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นใคร

“เอาน่า ขออนุญาตเค้าไปแล้วไง” นรเศรษฐ์หัวเราะชอบใจ ใครจะแซวเขาว่ากลัวภรรยา ไม่เพียงแต่จะไม่เก็บมาใส่ใจ แต่กลับหัวเราะชอบอกชอบใจไปเสียอย่างนั้นทุกทีไป เมษมีหรือจะไม่รู้ว่านรเศรษฐ์รักภรรยาและครอบครัวของเขามากเพียงไร นี่ถ้าไม่เห็นว่าสนิทสนมกันเป็นอย่างดีเธอก็คงไม่กล้าแซวเล่นแบบนี้เหมือนกัน

“ไม่รู้ป่านนี้ถึงเชียงใหม่แล้วหรือยัง” เมษมองดูนาฬิกาตั้งโต๊ะอันเล็กที่วางเอาไว้ไม่ไกลนัก นรเศรษฐ์ลากเก้าอี้มานั่งลงไขว่ห้าง พลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ

“เมษ พี่ถามอะไรหน่อยสิ”

“ค่ะพี่” เมษละมือจากแป้นคีย์บอร์ด ก่อนที่จะหันไปรอฟังว่านรเศรษฐ์จะพูดอะไรกับเธอ

“เมษว่า สองคนนั่นเขาเป็นยังไง”

“แล้วจากสายตาพี่นอ พี่ว่าเค้าเป็นยังไงล่ะ” เมษย้อนถามกลับไปบ้าง “หนูน่ะ มีคำตอบให้พี่อยู่แล้ว แต่ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า พี่เราจะคิดยังไง”

“พี่ก็ไม่ยังไงหรอก ทีแรกก็รู้สึกเบาใจนะว่า ดีจริงที่น้ำต้นกับนนท์เข้ากันได้ดี ทำให้การทำงานมันง่ายขึ้นเยอะ แต่พักหลังพี่เห็นตัวติดกันเป็นเงา มีคนนึงก็ต้องมีอีกคนนึงอยู่ด้วยตลอด” นรเศรษฐ์ชั่งใจก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ก็เลยค่อนข้างแน่ใจว่ามันคงต้องมีอะไรมากกว่านั้นแล้วล่ะ”

“พี่นอว่าไงล่ะคะ”

“พี่ก็ไม่ว่าไงหรอก”

“อ้าว...” เมษมีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา

“ทำไมล่ะ”

“ก็... แปลกใจนิดหน่อยน่ะพี่” พอได้เห็นสีหน้าของคู่สนทนาที่มีศักดิ์เป็นทั้งหัวหน้าและเหมือนจะเป็นพี่ชายอยู่กลายๆ ดูไม่เป็นทุกข์ร้อนอะไรกับเรื่องที่กำลังพูดคุยกันเลยสักนิด เมษก็อดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้

“เห็นอย่างนี้พี่ไม่ใช่พวกจิตใจคับแคบนะเมษ”

“เปล่าเลยพี่ หนูไม่เคยคิดเลยนะว่าพี่จะเป็นคนใจแคบหรืออะไร”  เมษว่า “แต่พี่ต้องเข้าใจนิดนึง นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายปกติทั่วไป โดยเฉพาะคนที่มีลูกมีเมียแล้วอย่างพี่จะยอมรับได้ง่ายๆไงคะ แล้วที่ผ่านมาหนูก็ไม่รู้ว่าพี่นอมีทัศนคติกับเรื่องแบบนี้ยังไง”

“โธ่เอ๊ย เมษ ทำงานในวงการนี้ก็น่าจะเห็นๆกันอยู่ ไอ้เพื่อนๆที่รู้จักคบหากันอยู่นี่ก็มีไม่น้อยที่เป็น พี่ก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไรเลย”

“แต่นี่เรากำลังพูดถึงน้ำต้นอยู่นะคะ” เมษหยั่งเชิงอีกครั้ง

“ก็...“ นรเศรษฐ์ยักไหล่อย่างไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร “น้องมันก็คน ถ้ามันจะรักใครชอบใครก็เป็นสิทธิ์ของมัน”

“แล้วพี่ไม่กลัวเหรอคะว่า นักร้องหนุ่มที่พี่ปั้นขึ้นมากับมือ จู่ๆก็เกิดมีรสนิยมชอบผู้ชายขึ้นมาเสียอย่างนั้น”

“เป็นเมื่อก่อนก็อาจจะกังวลหน่อย” นรเศรษฐ์จิบกาแฟต่อ “แต่ตอนนี้ดูเอาสิเมษ ว่านักร้อง ดารา นักแสดง ในบ้านเราเนี่ย มีแบบนี้กี่คน พอเวลาผ่านไป พี่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะแตกต่างจากเราตรงไหน แค่รสนิยมของเราไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง แล้วบอกตามตรงนะ” เขาหันไปพูดกับเมษ “เคสน้ำต้นเนี่ย พี่แทบไม่เป็นห่วงอะไรเขาเลย”

“เพราะอะไรคะพี่”

“เอาตรงๆนะ เราก็รู้จักเด็กของเราดีอยู่แล้ว ว่าเขาเป็นยังไงเป็นเด็กดีแค่ไหน พี่เชื่อในการตัดสินใจของต้นนะ อีกอย่างดูนนท์สิ พี่เองเป็นผู้ชายแท้ๆ พี่ยังถูกใจเด็กคนนี้เลย มันมีอะไรไม่รู้ชวนให้ดึงดูดใจ แถมที่ผ่านมา พอได้พูดคุยกันบ่อยๆ พี่ก็เห็นแล้วว่า นนท์เป็นเด็กดีขนาดไหน ถึงไม่แปลกใจเลยถ้าต้นมันจะชอบนนท์ขนาดนั้น ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตามน่ะนะ แล้วก็อีกอย่าง...” นรเศรษฐ์ยักไหล่ทำท่ายียวนขึ้นมา “ถ้าไอ้ต้นมันจะเป็นอะไร มันก็ไม่ได้เป็นบนหัวกะบาลใครนี่หว่า พี่ปั้นมันขึ้นมาให้เป็นนักร้องที่ดี มันก็ได้ทำหน้าที่ของมันไปแล้วอย่างดี ที่เหลือก็เรื่องของมัน คนเรามันก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างสิ”

“โอ้โห” เมษทำตาโต

“อะไรของเอ็งอีกวะเมษ” นรเศรษฐ์ทำเสียงฮึดฮัดเมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกน้องสาวที่ทำหน้าทึ่งออกมาอย่างไม่ปิดบัง “ฉันพูดผิดตรงไหน”

“ไม่ผิดจ้ะพี่ แค่ทึ่งในความคิดของพี่น่ะ” เมษหัวเราะพรืดออกมา “ถ้าไม่ได้มาคุยกันแบบนี้ เมษจะคิดไม่ถึงเลยนะ”

“แต่เราก็จะไปคาดหวังให้ทุกคนคิดแบบนี้ไปทั้งหมดไม่ได้หรอก เรื่องนี้พี่ก็รู้ ว่าแต่เอ็งล่ะ ตกลงคิดยังไงกับสองคนนี้บ้าง” นรเศรษฐ์ใช้สรรพนามที่แสดงถึงความสนิทสนมที่ใช้กับเมษอยู่บ่อยๆ

“หนูมองออกตั้งแต่แรกแล้ว” เมษว่ายิ้มๆ

“ผู้หญิงนี่เซ้นส์เรื่องแบบนี้แรงนะ” นรเศรษฐ์ทึ่ง

“ก็ไม่ทุกคนหรอกนะพี่นอ อย่างเมษเนี่ย มันเป็นความสามารถพิเศษน่ะ” นรเศรษฐ์พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย “สองคนนี่เขาดึงดูดกันมาตั้งแต่แรกที่ได้เจอกันแล้ว อีกอย่างเมษน่ะใกล้ชิดต้นขนาดนี้ เมษจะไม่รู้เชียวหรือว่าน้องเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่งเลย เวลาชอบอะไร หรือถูกใจใคร ต้นมันจะหยุดตัวเองไม่ค่อยได้ ว่างเป็นต้องพูดถึงตลอด แล้วดูสิ ตั้งแต่รู้จักกันมา ยังไม่เคยเห็นต้นติดใครหนึบขนาดนี้มาก่อน”

“เห็นด้วยเลย”

“ระยะหลังมันก็เกิดเรื่องอะไรขึ้นด้วย ก็ยิ่งได้เห็นว่าทั้งต้นทั้งนนท์เขาผูกพันกันมากด้วยอะไรบางอย่างบอกไม่ถูกนะพี่”

“แต่ไม่รู้เป็นยังไงนะ ไอ้คู่นี้นี่ เวลาพี่มองดูสองคนอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่รู้สึกขัดตาเลย กลับรู้สึกดีไปซะงั้น พี่ว่า ส่วนหนึ่ง มันก็วางตัวกันดีด้วยแหละ ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียด พี่ถึงไม่ว่าอะไรไง ถ้ามันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ ใครก็ว่ามันไม่ได้หรอก”

“ถามจริงๆนะพี่นอ พี่เป็นห่วงว่ามันจะเป็นข่าวขึ้นมาหรือเปล่า เมษไม่รู้นะ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ แต่ใครจะไปรู้ใช่ไหมพี่ ยังไงต้นมันก็คนของประชาชนน่ะ”

“ห่วงนิดหน่อย แต่ไม่มาก ถ้ามีอะไรขึ้นมาเราก็คงต้องช่วยน้องเต็มที่อยู่แล้ว พี่นะ อะไรที่ดีกับน้องทุกคน พี่ไม่เคยห้าม มีแต่จะช่วย แล้วเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเสียหายนะ เอ่อ... ในความคิดของพี่หรอกนะ แต่ถ้ามีอะไรล่ะก็ พี่อยากให้เมษรู้ไว้เลยว่า พี่พร้อมจะช่วยน้องเสมอ”

“เมษไม่ห่วงสองคนนี้ เท่ากับคนรอบตัวเขาหรอก” เมษถอนหายใจอย่างอดกังวลขึ้นมาไม่ได้

“แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่มีอะไรใช่ไหม” เมษส่ายศีรษะเบาๆ “ถ้างั้นก็อย่าเพิ่งไปกังวลกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง” นรเศรษฐ์ยื่นมือไปขยี้ศีรษะของเมษเบาๆ “พี่ก็ฝากสองคนให้เราดูแลหน่อยก็แล้วกัน”

เมษเลิกคิ้วขึ้นอย่างที่ทำจนติดเป็นนิสัยเวลาที่นึกฉงนสงสัยอะไรขึ้นมา

“หมายความว่ายังไงคะพี่”

“เออ จริง” นรเศรษฐ์ว่า “พี่ยังไม่ได้บอกเมษนี่นา ไป...” ว่าแล้วโปรดิวเซอร์อารมณ์ดีก็ลุกขึ้นยืน เขาผลักเก้าอี้ออกไปเบาๆ ก่อนจะถือแก้วกาแฟที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งในตอนนี้ขึ้นมา

“งั้นเราไปคุยรายละเอียดกันหน่อย”

เมษจึงได้แต่ลุกเดินตามหัวหน้าของตัวเองออกไปทั้งกึ่งอยากรู้และกึ่งประหลาดใจเมื่อเห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยลับลมคมในนั้น

***********************

เด็กหนุ่มที่สวมแว่นตาและหมวกแก๊ปใบโปรด ยืนรอชายหนุ่มอีกคนที่กำลังรอกระเป๋าเดินทางที่ถูกลำเลียงบนสายพานอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองคนแต่งตัวตามสบาย แต่ถึงแม้จะสวมเพียงแค่เสื้อแจ๊กเก็ตกันหนาวตามสภาพอากาศในท้องที่ บวกกับกางเกงยีนส์สีซีดและรองเท้าผ้าใบคู่สบาย ก็ยังนับว่าเป็นภาพที่น่าดูยิ่งนัก น้ำต้นนั้นไม่ต้องพูดถึง หลายคนเหมือนจะจำใบหน้าอันโดดเด่นของเขาได้ แต่ก็ทำได้แค่ชี้มือมาและทำท่าพยักเพยิดให้กับคนข้างๆและหัวเราะคิกคักอย่างตื่นเต้นเท่านั้น ด้านนนท์ที่เดินเคียงข้างน้องชาย แม้ไม่ใช่คนโด่งดังมีชื่อเสียง แต่ด้วยรูปสมบัติที่มีอยู่ อีกทั้งยังได้เดินเคียงข้างนักร้องชื่อดังอย่างน้ำต้นด้วยแล้ว จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เขาเองก็พลอยตกเป็นเป้าสายตาไปด้วย

“พี่ว่า พี่ชักเข้าใจความรู้สึกต้นแล้วแฮะ” นนท์ว่าอย่างรู้สึกทึ่งกับปฏิกิริยาของผู้คนที่มีต่อน้ำต้น

“เดี๋ยวก็ชิน พี่” น้ำต้นว่าอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

“ไม่ลืมอะไรแล้วใช่ไหม” นนท์ถามย้ำ

“ไม่ลืมแล้ว ข้าวของไม่ได้เยอะแยะอะไร” ปากว่าไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันซ้ายหันขวาดูว่าหลงลืมอะไรเอาไว้บ้างหรือไม่

“อากาศเย็นเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าเสื้อกันหนาวที่เอามาไม่พอก็ยืมของพี่ไปก่อนก็ได้”

“คร้าบบบบบ” คนน้องลากเสียงตอบรับอย่างร่าเริง

“ท่าทางมีความสุขจังนะ ทำยังกับไม่เคยเดินทางไปไหน” นนท์อดแซวออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“ก็นานๆต้นจะได้มาเที่ยวอย่างนี้ซักที แถมยังได้มากับพี่นนท์ด้วย ไม่ให้ดีใจได้ไง” น้ำต้นว่าออกมาซื่อๆ ทำเอาพี่นนท์ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งไม่แพ้กัน “ดีจังที่มาช่วงนี้ อากาศกำลังดีเลยเนาะ” เด็กน้อยว่า

“พี่ชอบอากาศหนาวนะ แต่ขี้หนาวไปหน่อย” นนท์ว่า

“อะไรพี่ ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนามาแท้ๆ”

“เออ แต่เวลาหนาวพี่ก็ต้องหาเสื้อกันหนาวมาใส่ใช่ไหมล่ะ ไม่ใช่หนาวแล้วทำเท่ทนหนาวไม่ยอมใส่เสื้อเมื่อไหร่” นนท์ท้วงขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกเหมือนอย่างที่ชอบทำเวลานึกฉิวเจ้าน้องชาย

“ไม่แข็งแรงเอาซะเลยพี่เรา” น้ำต้นลอยหน้าลอยตาพูด

“พี่แข็งแรงนะ” นนท์ยังไม่วายส่งเสียงประท้วง “ถือว่าตัวสูงกว่าหรือ”

น้ำต้นหัวเราะชอบใจที่เห็นพี่นนท์เถียงเขาแบบไม่ยอมแพ้เป็นเด็กๆ พลางโอบแขนกอดกระชับพี่ชายเอาไว้ก่อนจะบีบเบาๆเหมือนจะเอาใจเต็มที่ “น่า พี่นนท์ ล้อเล่น”

เมื่อเดินออกมาถึงประตูด้านหน้า น้ำต้นทำหน้าเหมือนเพิ่งจะนึกได้ ก่อนจะหันไปถามนนท์ว่า

“แล้วเราจะไปบ้านพี่กันยังไงล่ะเนี่ย แท็กซี่มีไหมพี่”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวรถของที่บ้านมารับ พี่โทรไปบอกเขาแล้วตอนรอเอากระเป๋าน่ะ” พูดยังไม่ทันขาดคำ รถอเนกประสงค์สีดำคันใหญ่ก็เข้ามาจอดเทียบอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคนแทบจะทันที เมื่อเปิดไฟฉุกเฉินแล้ว ประตูด้านคนขับก็เปิดออก ชายวัยกลางคนผิวขาว หน้าตาใจดีรีบเดินลงมารับกระเป๋าจากมือของชายหนุ่มทั้งคู่

“คุณนนท์ สวัสดีครับ”

“น้าเปี๊ยก” นนท์ทักชายผู้นั้นด้วยท่าทางที่คุ้นเคยและเป็นกันเอง “สวัสดีครับน้า” เขายกมือไหว้ ทำเอาเจ้าน้องชายที่ยืนงงอยู่เผลอยกมือขึ้นมาด้วยอาการเดียวกันโดยอัตโนมัติ

“ขึ้นรถเลยครับคุณๆ เดี๋ยวผมจัดการกับกระเป๋าเอง” นนท์เปิดประตูด้านหลังออกอย่างคุ้นเคยก่อนที่จะพยักเพยิดให้น้ำต้นขึ้นไปก่อน โดยเขาปีนขึ้นตามไปติดๆ

“ไม่เจอคุณนนท์ตั้งนาน หน้าตาสดใส ดูหล่อขึ้นเป็นกองเชียวครับ” คนขับรถประจำบ้านชวนคุณนนท์คุยอย่างเป็นกันเองด้วยใบหน้าแสดงความยินดีไม่ปิดปัง

“พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้างครับ” นนท์ถาม

“สบายดีครับ นี่พอรู้ว่าคุณนนท์จะกลับบ้าน ดีใจกันใหญ่ คุณผู้ชายน่ะท่านไม่ออกอาการเท่าไหร่ แต่คุณผู้หญิงสิครับ ตื่นเต้นใหญ่เลย”

“แล้วนี่ตกลงไปบ้านไหนครับน้า”

“บ้านพักบนดอยครับ คุณผู้หญิงบอกคุณนนท์พาเพื่อนมาทั้งที อยากให้พักผ่อนกันสบายๆ ถ้าพักที่บ้านเห็นท่านว่าคนพลุกพล่านเกินไป”

นนท์อมยิ้มเมื่อนึกถึงหญิงวัยกลางคนท่าทางบุคลิกดูภูมิฐาน สวยสง่า และดูดีอยู่เสมอ ใครๆก็มักจะบอกว่านนท์เหมือนแม่ ไม่ว่าจะเป็นดวงตา รอยยิ้ม หรือนิสัยใจคอหลายๆอย่าง แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่นนท์ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อไม่น้อย น่าแปลกที่เวลาอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ เขากลับไม่ได้รู้สึกโหยหาพ่อกับแม่มากเท่าตอนที่ได้เหยียบลงผืนแผ่นดินเชียงใหม่บ้านเกิดของเขาเองเหมือนอย่างในตอนนี้

บ้านบนดอยที่พูดถึงนั้นอยู่นอกเขตตัวเมืองไกลออกไปพอสมควร แต่ยิ่งไกลจากตัวเมืองมากเท่าไหร่ สภาพทิวทัศน์ข้างทางก็ยิ่งน่าดูมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าในตอนนี้จะใกล้เที่ยงเข้าไปเต็มที และแสงแดดในช่วงปลายปีแบบนี้ก็จะเจิดจ้ากว่าทุกฤดู แต่บรรยากาศรอบๆตัวกลับดูอบอุ่นแม้อากาศจะหนาวเย็นอยู่บ้างก็ตาม ช่างเป็นความขัดแย้งที่ชวนให้มีความสุขยิ่งนัก น้ำต้นเมื่อได้เห็นก็อดคิดถึงบ้านของเขาที่เชียงรายขึ้นมาไม่ได้ เขาอยากให้พี่นนท์ได้รู้จักพ่อกับแม่ของเขาเหมือนกับที่เขาเองกำลังจะได้ไปพบกับพ่อและแม่ของนนท์อีกไม่นานนี้แล้วบ้างเหลือเกิน

“เชียงใหม่กับเชียงรายใกล้กันแค่นี้เองนะน้ำต้น” นนท์พูดทำลายความเงียบขึ้นมาเบาๆ เหมือนจะรู้ว่าน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ น้ำต้นยิ้มออกมา

“เหมือนพี่นนท์กับต้นเลยนะ อยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่ไม่รู้ทำอะไรกันอยู่ กว่าจะได้มาเจอกัน” นนท์ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำเปรียบเปรยนั้น

“ตอนนี้ก็ได้เจอแล้วไง” นนท์ตบมือลงบนขาของน้ำต้นเบาๆ “แล้วก็ ถ้าอยากจะไปหาพ่อกับแม่ที่เชียงรายก็บอกได้นะ พี่พาไปได้” น้ำต้นหันไปมองหน้าพี่ชายก่อนจะยิ้มและวางมือของตัวเองทับมือเรียวยาวข้างที่ยังวางอยู่บนขาของเขาก่อนจะรวบมันเอาไว้ในอุ้งมือของตัวเอง

“ขอบคุณนะพี่นนท์” ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งได้มอง น้ำต้นก็ได้แต่บอกตัวเองว่า คนคนนี้ช่างมีอิทธิพลต่อเขามากขึ้นทุกวัน

ทันทีที่รถเอนกประสงค์สีดำมันปลาบเลี้ยวผ่านประตูขนาดใหญ่เข้าไป น้ำต้นถึงกับอ้าปากค้าง กับความใหญ่โตของ “บ้านบนดอย” ที่นนท์พูดถึง ตอนแรกที่ได้ยินว่าเป็นบ้านบนดอย ภาพในความคิดของเขาก็คือบ้านไม้หลังกระทัดรัด ที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่ขนาดไม่กี่ไร่ที่ปลูกพืชไร่พืชสวนเอาไว้พอร่มรื่นเหมือนอย่างที่เขาเคยได้เห็นหรือได้ไปพักมาแล้ว แต่บ้านบนดอยของนนท์นั้น เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ขนาดสองชั้น ที่ประตูและหน้าต่างเป็นกระจกบ้านใหญ่ จำนวนของมันมากมายขนาดที่ไม่อาจจะประมาณได้ด้วยสายตา หน้าบ้านมีบันไดที่นำไปสู่ชานขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมา เนื้อที่ด้านหน้าก่อนถึงตัวบ้านเป็นสนามหญ้าอันกว้างใหญ่ที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับเอาไว้อย่างเรียบร้อยสวยงามอย่างยิ่ง  ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นห้อมล้อมอยู่สร้างความร่มรื่นเย็นสบายให้กับตัวบ้านได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูไหนของปี ถัดออกไปทางด้านหลังเป็นสวนหรือไร่ของต้นอะไรสักอย่างเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่า มันกินเนื้อที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา จะกี่ไร่เขาไม่อาจประมาณถูก หันกลับมามองที่ตัวบ้านอีกครั้ง เท่าที่ประเมินดู บ้านหลังนี้น่าจะมีห้องหับไม่ต่ำกว่าสิบห้อง เห็นจากสภาพภายนอกแล้ว ภายในน้ำต้นไม่อยากจะคิดว่ามันจะสวยสบายน่าอยู่เพียงไร

นนท์ตบหลังน้องชายที่ยังคงยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นทันทีที่ลงจากรถและเห็นว่า บ้านบนดอย ที่เขาพูดถึงเป็นอย่างไร

“ไป เข้าบ้าน เดี๋ยวน้าเปี๊ยกเขาก็ให้เด็กมาเอาประเป๋าเข้าไปเอง”

“พี่...” น้ำต้นยังคงไม่อาจจะละสายตาจากบ้านไม้หลังใหญ่ไปได้เลย

“อะไรครับ”

“นี่มันบ้านหรือรีสอร์ท” นนท์ถึงกับอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาไม่ตอบคำถามอะไรอีก ได้แต่ตบหลังน้องชายอีกครั้งและเดินนำเข้าไปในตัวบ้านอย่างคุ้นเคย

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป น้ำเสียงอบอุ่นที่คุ้นหูนนท์เหลือเกินก็เรียกชื่อของเขาออกมาด้วยความยินดี

“นนท์” สตรีวัยกลางคนในชุดเสื้อสีฟ้ากางและกางกางขายาวสีขาวเดินมาทางชายหนุ่มทั้งสองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“แม่” นนท์กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปพร้อมกับกางแขนออกเพื่อที่จะโอบร่างของสตรีผู้นั้นเข้ามากระชับเอาไว้อย่างแสนคิดถึง “คิดถึงแม่จัง”

“แม่ก็คิดถึง เป็นยังไงบ้างลูก” นางจับบ่าทั้งสองข้างของลูกชายเอาไว้ พลางเงยหน้ามองไปที่ใบหน้าของเขาด้วยแววตารักใคร่

“สบายดีจ้ะแม่ แม่เป็นยังไงบ้าง” นางยกมือขึ้นลูบไปที่ศีรษะของลูกชายอย่างอ่อนโยน “สบายดีครับ แล้วนี่เพื่อนของนนท์ใช่ไหมลูก แนะนำให้แม่รู้จักหน่อยสิครับ”

น้ำต้นที่ยืนยิ้มอยู่กับภาพที่เห็นตรงหน้า ตอนนี้ตัวเองกลายเป็นเป้าสายตาของสองแม่ลูกไปเสียแล้ว นนท์ยิ้มมาทางน้องชายก่อนจะยกมือโอบไหล่ผู้เป็นแม่ และพากันเดินมาทางเขา มองแบบนี้แล้ว นนท์เหมือนแม่เหลือเกิน แต่อะไรบางอย่างบอกน้ำต้นว่าสตรีผู้นี้ดูแข็งแกร่งและมีความเด็ดเดี่ยวอยู่ในที สมกับท่วงท่าที่ดูสง่างามน่าชมอย่างยิ่ง

“แม่ นี่น้ำต้นครับ”

นางหยุดมองดูใบหน้าของเด็กหนุ่มราวกับจะประเมินอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเอียงคอพร้อมกับยิ้มให้เมื่อน้ำต้นก้มศีรษะยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับคุณแม่” เมื่อไรที่น้ำต้นยิ้ม ดวงตาของเขาก็เหมือนจะยิ้มตามไปด้วย ใครได้เห็นก็เป็นอดเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้ แม้แต่วารีริน แม่ของนนท์เองก็ตาม

“เดินทางมาเหนื่อยๆ พักผ่อนหาอะไรทานกันดีไหม” วารีรินว่า

“ดีครับ” น้ำต้นว่าพลางยกมือขึ้นไหว้ในความอารีของวารีริน ทำเอานางอดยิ้มออกมาในความใสซื่อและตรงไปตรงมาของเด็กน้อยตัวโตที่ยืนยิ้มแฉ่งต่อหน้านางขึ้นมาไม่ได้ วารีรินหันกลับมามองนนท์ที่ยืนยิ้มมองมาทางเธอและเจ้าน้องชายตัวดี “ไปครับ นนท์พาน้องไปที่ห้องก่อนแล้วค่อยมาหาอะไรทานกัน แม่ให้เด็กเตรียมอะไรไว้ให้แล้ว” ผู้เป็นแม่ว่า ก่อนจะหันมาพูดกับน้ำต้น “ตามสบายนะลูก ให้นึกเสียว่าเป็นบ้านของตัวเองก็แล้วกันนะ” น้ำต้นยกมือขึ้นไหว้อีกครั้ง

ชายหนุ่มทั้งสองคนจึงพากันเดินขึ้นไปบนชั้นสอง โดยมีนนท์นำทางไป

“พี่” น้ำต้นเรียกชื่อเขาเบาๆ

“ครับ”

“แม่พี่สวยจัง ใจดีด้วย”

“อ่ะแน่ล่ะ ไม่งั้นจะมีลูกชายน่ารักแบบนี้เหรอ” นนท์พูดออกมาหน้าตาเฉย

“โห...” น้ำต้นโห่ประท้วงออกมาเบาๆ “กล้าพูด”

“ทำไม” ทำเอานนท์หยุดเดินแล้วหันหน้ามาอย่างจะเอาเรื่อง แต่ก็ดูไม่ขึงขังเอาเสียเลย “พี่มันไม่ดีตรงไหน หือม์”

น้ำต้นหัวเราะก๊ากออกมาก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอวพี่ชายของเขาจากทางด้านหลังอย่างเอาใจ “โถ่ ล้อเล่นน่าพี่ ใจน้อยไปได้”

“ใครใจน้อย แต่พูดจาไม่เข้าหูเจ้าของบ้านแบบนี้ เขาเรียกว่าวอน รู้ไหม” นนท์กอดอกว่าอย่างมีแต้มต่อ “อยากโดนเอาไปปล่อยไหม เอาแบบกลับกรุงเทพฯไม่ถูกเลยดีไหม”

“ยอมแล้วคร้าบพี่... โห พี่นนท์อ่ะ เป็นเจ้าบ้านประสาอะไร ดุแขกเป็นบ้าเลย” เจ้าตัวแสบยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างยอมจำนน

“ก็ดูแขกทำตัวดิ” ว่าแล้วก็หันหลังเดินตรงไปยังห้องที่น้ำต้นจะจับจองตลอดช่วงเวลาสองสามวันต่อจากนี้ไป ยังออกเดินไปได้ไม่กี่ก้าว นนท์ก็รู้สึกถึงร่างอุ่นๆหนักๆที่กอดกระชับเขาจากทางด้านหลัง พร้อมกับเสียงกระซิบที่ข้างหูเบาๆว่า “ไม่รักน้องแล้วเหรอพี่” ทำเอาเจ้าตัวออกอาการหน้าแดงหูแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อหันไปมอง ก็เห็นเจ้าเด็กโข่งทำหน้าทะเล้นใส่เขาจนน่าซัดมะเหงกลงบนหัวทุยๆนั่นสักที ติดตรงที่แขนทั้งสองข้างของเขาโดนล็อกเอาไว้แน่นเสียแล้ว

“ปล่อยพี่ก่อน เดินไม่ได้แล้วเห็นไหม” นนท์ขืนตัวอย่างไม่สู้จะจริงจังนัก

“ไม่เอา” ไม่พูดเปล่า ยังเอาหน้าซุกไปที่หลังของเขาอย่างดื้อดึงอีกต่างหาก “บอกมาก่อน ไม่รักกันแล้วใช่ไหม”

ดูเอาเถอะ บทจะออดอ้อนเอาแต่ใจขึ้นมา เขาไม่เคยเอาชนะเจ้าน้องชายคนนี้ได้เสียที นนท์ถอนหายใจพลางส่ายศีรษะเบาๆด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนหน้าอยู่อย่างนั้น

“ใครบอกไม่รัก แต่ถ้ายังไม่ยอมปล่อยแบบนี้ จะไม่รักขึ้นมาจริงๆแล้ว”

“ว้า พี่นนท์อ้ะ” น้ำต้นร้องออกมาในที่สุด “เล่นพูดแบบนี้ ต้นก็แย่สิ”

“ก็เราน่ะมันรุ่มร่ามนัก เอะอะเป็นต้องปากว่ามือถึงเรื่อย มันก็ต้องขู่กันบ้างล่ะ” นนท์ว่าขำๆ “เอ้า ปล่อยได้แล้ว ไปดูห้องก่อน แล้วเดี๋ยวจะได้ลงมาทานข้าว จะให้แม่พี่รอแย่หรือยังไง”

เจอไม้นี้เข้า น้ำต้นจึงยอมคลายวงแขนออกในที่สุด ก่อนจะเอามือดุนดันหลังให้พี่ชายเดินนำต่อไป ห้องพักของน้ำต้นอยู่ไม่ไกลจากบันไดสักเท่าไรนัก เมื่อนนท์เปิดประตูห้อง น้ำต้นจึงเห็นว่าภายในห้องนั้นน่าอยู่เพียงไร เตียงขนาดย่อมตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งด้านใน ภายในห้องยังประกอบไปด้วยตู้เสื้อผ้าขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป มีโทรทัศน์ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่ง หน้าต่างบานใหญ่มีผ้าม่านสีเข้ากับพรมที่ปูพื้นพอดี แถมห้องนี้ยังมีห้องน้ำในตัวอีกด้วยต่างหาก

“พี่เป็นเศรษฐีเหรอเนี่ย” น้ำต้นหันไปถามพี่นนท์ของเขาซื่อๆ ทำเอาคนถูกถามหัวเราะพรืดออกมา

“จะอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาหน่อยไหม” นนท์ถาม

“ขอล้างหน้าหน่อยพี่ เดี๋ยวต้นตามลงไป พี่นนท์ลงไปอยู่เป็นเพื่อนแม่เหอะ”

“เด็กยกกระเป๋าขึ้นมาให้แล้ว งั้นพี่ลงไปรอข้างล่างนะ” แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไป นนท์ก็รู้สึกถึงแรงฉุดเบาๆตรงข้อมือที่ทำเอาเขาเซไปเล็กน้อย ก่อนที่จะรู้สึกถึงริมฝีปากและลมหายใจอุ่นๆสัมผัสอยู่ตรงข้างแก้มของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ขอบคุณนะพี่นนท์”

“ชอบทำอย่างนี้อยู่เรื่อยเลยน้ำต้น” หนนี้นนท์ไม่ดุเขา แต่กลับคลี่ยิ้มจางๆบนใบหน้าแทน

“มันอดไม่ได้ ไม่โกรธต้นนะ”

นนท์ส่ายศีรษะช้าๆ ก่อนจะบีบมือข้างที่เพิ่งทำเอาเขาเสียหลักเมื่อครู่เอาไว้เบาๆ

“พี่ลงไปรอข้างล่างนะ” ว่าแล้วก็ปล่อยมือและเดินออกไป ปล่อยให้แขกยืนยิ้มไม่หุบเอาไว้เบื้องหลัง

*********************  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 11-08-2009 08:49:27
ร้านอาหารแห่งนี้แม้จะไม่ได้ดูใหญ่โตอะไรนัก แต่บรรยากาศรวมถึงการตกแต่งภายในร้าน บ่งบอกถึงสถานะของลูกค้าที่เดินเข้ามาใช้บริการได้เป็นอย่างดี ภายในไม่ได้จัดไฟให้ดูสว่างจ้าจนเกินไป แต่เลือกที่จะใช้ไฟสีเหลืองนวลสบายตาแทน โต๊ะแต่ละตัวที่ตั้งวางอยู่ตามจุดต่างๆก็ราวกับถูกคัดสรรและวางแผนมาอย่างดีว่ามุมไหนจะเหมาะที่สุด สำหรับลูกค้าจำนวนกี่คน ช้อนส้อมและจานชามถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ แม้ว่าในยามนี้จะเลยเวลาเที่ยงวันมาหลายนาที ลูกค้าในร้านก็ต้องเรียกได้ว่าบางตายิ่งนัก อาจจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดา ไม่ใช่สุดสัปดาห์ที่หากจะมาทานอาการมื้อหนักก็อาจจะต้องรอคิวยาวเหยียด

หญิงสาวในชุดสวยสีเข้มเลือกนั่งโต๊ะตัวข้างในสุดมุมหนึ่งของร้าน โทรศัพท์มือถือสีสดวางอยู่ตรงหน้า นิ้วเคาะโต๊ะไม่เป็นจังหวะ ติดจะร้อนรนเสียด้วยซ้ำ บนโต๊ะยังไม่มีอาหารใดๆมาเสิร์ฟ เพราะเธอยืนยันอยากจะดื่มแต่น้ำเพียงอย่างเดียวขณะที่รอใครคนหนึ่งให้มาตามนัด ซึ่งตอนนี้เลยเวลานัดไปแล้วเกือบครึ่งค่อนชั่วโมง ทำเอาเธอหงุดหงิดอยู่ไม่ใช่น้อย

“คุณไหม” เสียงชายหนุ่มที่เรียกชื่อเธอ ทำให้ตื่นจากภวังค์ในที่สุด

“คุณเลท” เธอว่าห้วนๆบ่งบอกถึงความไม่พอใจ

“โธ่ ผมขอโทษ เมื่อคืนจัดรายการดึกแล้วยังมีปาร์ตี้ต่อ แค่ตื่นมาให้ทันก่อนบ่ายได้นี่ก็นับว่าเจ๋งแล้ว” เจ้าตัวว่าอย่างไม่รู้สึกผิดอันใด ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ลงนั่ง พร้อมหยิบเมนูเตรียมสั่งอาหาร โดยไม่สนใจจะไถ่ถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยซ้ำว่าเธออยากจะทานอะไรหรือไม่ ไหมได้แต่ส่ายหน้าก่อนที่จะเรียกพนักงานของร้านมาสั่งอาหารมื้อแรกของวัน

“แล้วไหนคุณบอกว่าเรียบร้อยแล้วไงล่ะ เกิดอะไรขึ้น” เอ้ถามออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังจากพนักงานเดินจากไปแล้ว

“ก็เรียบร้อยอยู่แค่พักเดียว ฉันก็คิดว่าเอาอยู่แล้วเชียว” เธอเบือนหน้าออกไปมองความเคลื่อนไหวด้านนอกพลางกัดริมฝีปากอย่างขัดใจที่อะไรๆก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิด “คนของคุณก็มีทีท่าว่าจะถอยอยู่หรอกนะ”

“อ้าว แล้วยังไงล่ะ” เอ้ยังคงสงสัยอยู่นั่นเอง

เห็นได้ชัดว่าไหมต้องอดกลั้นความขัดเคืองใจเอาไว้อย่างเต็มที่ทีเดียว นักแสดงสาวในตอนนี้ไม่อาจจะแยกแยะอารมณ์ของตัวเองได้ด้วยซ้ำว่าตกใจ ประหลาดใจ แค้นเคืองใจ หรือเจ็บใจกันแน่ เธอเอาน้ำต้นคืนมาไม่ได้ แล้วยังเสียเขาให้กับผู้ชายอีกคน ทั้งที่เธอคิดว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอต้องการน้ำต้นเขาจะต้องกลับมาหาเธอจนได้แท้ๆ เธอมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองเกินไป และคาดการณ์อะไรผิดไปมากทีเดียว

“ตอนนี้มันติดอยู่ที่คนของฉันน่ะสิ” กว่าเธอจะกัดฟันพูดออกมาได้มันช่างยากลำบากนัก

“อะไรนะ!” เอ้ร้องออกมาอย่างไม่เชื่อหู “หมายความว่า...”

“เขาเลือกมัน! คุณเชื่อไหมล่ะ... ผู้ชายแท้ๆอย่างต้น คนที่เคยคบหาเป็นแฟนกับฉัน ตอนนี้กลับไปเลือกคบผู้ชายคนนั้นแทน!” เธอพรั่งพรูออกมาอย่างเหลืออด

“คุณแน่ใจเหรอ เขาอาจจะแค่... สนิทกัน” แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่เอ้เองก็ชักจะไม่แน่ใจขึ้นมาเสียแล้ว

“ต้นด่าว่าฉัน เขาปกป้องนนท์ของคุณชนิดออกหน้า จะให้ตีความหมายว่ายังไงอีกล่ะ!” เธอเหวขึ้นมา “แต่ฉันไม่เชื่อหรอก ฉันว่ามันเป็นความหลงผิดชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นแหละ น้ำต้นน่ะเป็นผู้ชายแท้ๆนะ คนของคุณมันร้ายนักไม่ใช่เหรอ มันต้องเป็นเพราะอย่างนั้นแน่ๆ”

“ใจเย็นๆสิคุณ เดี๋ยวคนก็ได้ยินกันหมด” เอ้จุ๊ปากปรามหญิงสาวก่อนที่จะหันไปมองรอบๆร้าน

“ฉันไม่ยอมหรอกนะ” เธอกัดฟันพูดออกมาอย่างขัดเคือง

“ไม่ยอมแล้วคุณจะทำยังไง” เอ้ถามอย่างสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาจริงๆ ดูเหมือนว่าความต้องการของเขาที่อยากจะได้นนท์กลับมายังไม่ได้ครึ่งของที่ไหมอยากจะได้น้ำต้นกลับมาด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าความต้องการอันแรงกล้าของเธอเกิดจากความรักในตัวเด็กน้ำต้นหรือความอยากเอาชนะกันแน่

“ฉันจะทำทุกอย่างนั่นแหละเพื่อให้ได้ต้นกลับมา หรือไม่... อย่างน้อยก็ไม่ต้องมีใครสมหวังสักคน!”

“คุณจะทำยังไง คราวที่แล้วก็เหลวไม่เป็นท่า”

“นี่คุณไม่คิดอยากจะได้คนของคุณกลับไปหรือไง” เธอชักพาลเมื่อไม่เห็นความกระตือรือร้นในน้ำเสียงของคู่สนทนาสักเท่าไร

“โธ่ ไอ้อยากมันก็อยากนะ” เขาตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงเลิกสนใจไปแล้ว แต่นี่เป็นนนท์ที่ไม่เหมือนใคร และเขาก็ถูกใจนนท์อย่างยิ่งเสียด้วย

“งั้นคุณก็ต้องร่วมมือกับฉัน ถึงยังไงเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว” อันที่จริงจะบอกว่าลงเรือลำเดียวกันก็ไม่ถูกนัก สำหรับคนจับจดอย่างเอ้ เขาไม่ใช่คนที่มีความมุ่งมั่นกับสิ่งใดเป็นเวลานานๆ แต่ในเมื่อเห็นความจริงจังของหญิงสาวตรงหน้า บวกกับความเสียดายที่ยังมีต่อนนท์ เขาจึงต้องปล่อยตามน้ำไปก่อน เผื่อว่าเมื่อไหมได้ตัวต้นกลับไปจริงๆ เขาก็ยังพอจะมีหวังในเรื่องของนนท์ขึ้นมาได้อีกครั้ง

“จะเอายังไงก็ว่ามาก็แล้วกัน” เอ้ปล่อยให้ขึ้นอยู่กับนักแสดงสาว ก่อนที่จะการสนทนาจะหยุดลงเมื่อบริกรเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหาร

“ขอเวลาฉันหน่อย” เธอพูดขึ้นมาเมื่อบริกรเดินห่างออกไปแล้ว “แล้วจะบอกคุณอีกที” แล้วจึงหันไปสนใจอาหารตรงหน้าพร้อมกับสมองที่ครุ่นคิดไปตลอดมื้ออาหารนั้น

************************

เมษนั่งฟังอย่างตั้งใจก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อนรเศรษฐ์เล่าเรื่องสำคัญให้เธอฟัง

“ก็ดีสิพี่” เมษว่าออกไปตามความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง “เป็นเรื่องที่ดีแหละเหมาะสมมากๆ”

“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ” นรเศรษฐ์ว่าอย่างพอใจเมื่อเมษเห็นดีด้วยกับเรื่องที่เขาเพิ่งออกปากบอกลูกน้องสาวไป “เหลือแค่ว่าเราน่ะจะไหวหรือเปล่าเท่านั้นแหละ”

“ไหวสิพี่” เมษรับคำทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย

“ไม่คิดก่อนหน่อยหรือ” คนเป็นหัวหน้าย้อนถามเหมือนเป็นการหยั่งเชิง ทั้งที่รู้ว่าคำตอบก็จะยังคงเป็นอย่างเดิม

“ไม่ต้องคิดเลย นี่เมษดีใจแทนน้องมากเลยนะพี่นอ” เธอว่าด้วยสีหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยความยินดีอยู่นั่นเอง “พี่นอบอกน้องแล้วใช่ไหม”

“ก็บอกเจ้าตัวเขาไปแล้ว แต่กับคนใกล้ตัว เขายืนยันว่าอยากจะบอกด้วยตัวเอง พี่ก็เลยแล้วแต่เขา”

“ความสามารถเขาขนาดนั้น เขาควรที่จะได้รับโอกาสนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ”

“พี่มิ่งก็ว่ายังงี้ แต่เหมือนที่ผ่านมา มันยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมไง ตอนนี้แหละกำลังเหมาะ” นรเศรษฐ์ว่า “ขอแค่อย่าเพิ่งมีเรื่องอะไรเข้ามาก็พอ”

เมษหรี่ตา แม้ว่าเรื่องที่ได้ยินจะเป็นข่าวดีสำหรับใครหลายคน แต่ลางสังหรณ์แปลกๆข้างในทำให้เธออดเป็นกังวลไม่ได้

“แล้วถ้าเกิดมีเรื่องอะไรขึ้นมาล่ะพี่” เมษถาม

“พวกพี่น่ะไม่เท่าไหร่ แต่มันจะกลายเป็นเรื่องของข้างบนทันทีเลย” นรเศรษฐ์ว่า “แต่อย่างที่บอก” เขาหันไปราวกับจะเป็นการยืนยันกับเมษว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะยืนเคียงข้างน้องของพี่เสมอ”

“นั่นสิคะพี่” เมษยิ้มออกมาในที่สุด “ของบางอย่างกว่าจะได้มา ก็อาจจะต้องผ่านบททดสอบเสียก่อน จะยากจะง่ายก็ถือว่าวัดดวงกันไปเลย” เธอว่า “เมษก็จะขอลุยกับมันซักตั้งเหมือนกันพี่”

นรเศรษฐ์ถึงกับหัวเราะชอบใจก่อนที่จะเอามือตบหลังลูกน้องคนสนิทเบาๆอย่างนับถือน้ำใจโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรออกมาอีก


***********************

พระอาทิตย์ยามเย็นบนดอยในฤดูนี้สวยงามยิ่งนัก แสงสีส้มเหลืองระบายอยู่อย่างอ่อนโยนบนท้องฟ้า ท่ามกลางอากาศที่เย็นลงอย่างรู้สึกได้ ชายหนุ่มคิดถึงภาพนี้รวมทั้งบรรยากาศแบบนี้เหลือเกิน เขาห่างบ้านไปนาน กลับจากต่างประเทศไม่ทันไร เขาก็ต้องลงไปอยู่กรุงเทพฯเพราะถูกเรียกให้ไปทดลองงาน นับแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ชีวิตของเขาก็มีแต่งานมาตลอด ว่างเมื่อไรจึงได้คิดถึงบ้านสักที

และในวันนี้ วันที่เขาเลือกจะกลับมาเยี่ยมบ้าน เขาไม่คิดเลยว่าจะได้พาใครคนหนึ่งที่แสนพิเศษกลับมาด้วย แม่เองก็คงรู้สึกเหมือนกัน ถ้านนท์พาเพื่อนมาที่บ้าน มันมักจะหมายถึงบ้านในตัวเมืองนั่นต่างหาก บ้านบนดอยคือที่พิเศษของนนท์ มันคือที่พักใจของเขาโดยแท้ แต่หนนี้นนท์กลับอยากพาน้ำต้นมาด้วยอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด เมื่อไหร่กันหนอที่เด็กน้ำต้นได้เข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตของเขาจนเขาเผลอปล่อยให้ล่วงล้ำเข้ามาจับจองพื้นที่ในหัวใจได้ถึงเพียงนี้

นนท์เพิ่งคุยกับแม่ แม่ที่ไม่ว่าเมื่อไรหรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เข้าใจนนท์มากที่สุดอยู่เสมอ แม่ที่ยอมรับลูกในแบบที่เป็นและรักในความเป็นตัวเขามาตลอด นนท์ยิ้มอย่างผ่อนคลายที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา นี่แหละสิ่งที่เขากังวลและนึกหวั่นใจมากที่สุด และแม่ก็ทำให้มันคลี่คลายลงด้วยวิธีของแม่นี่เอง

“นนท์แน่ใจแล้วใช่ไหมครับ” คำพูดของแม่ยังคงก้องในหู นนท์จำได้ว่าแม่มองเข้าไปในดวงตาของเขาก่อนจะถามเพื่อที่จะให้แน่ใจอย่างที่สุด

“แน่ใจครับแม่” นนท์กุมมือแม่เอาไว้

“แม่เชื่อใจนนท์นะลูก และถ้าเป็นสิ่งที่นนท์ตัดสินใจแล้ว แม่ก็แน่ใจว่ามันจะต้องดีสำหรับนนท์” เขาพูดไม่ออก ได้แต่ตื้นตันในคำพูดของมารดาที่ทำเอาน้ำตาคลอหน่วย “ท่าทางน้องเป็นเด็กดีนะ” วารีรินว่า

“น้ำต้นเป็นเด็กดีจริงๆนะแม่ เขาเป็นคนจิตใจดี นนท์อยู่กับเขาแล้วเป็นตัวเองอย่างที่สุดและสบายใจที่สุด” นนท์ยืนยัน “แล้ว... นนท์ก็ดีใจนะ ที่แม่เชื่อในการตัดสินใจของนนท์”

“แม่เป็นแม่นะลูก” เธอว่าพลางยิ้มให้ลูกชายอย่างอ่อนโยน

“แล้วพ่อ...” นนท์เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากเมื่อนึกถึงบิดา นักธุรกิจมือหนึ่งของจังหวัด ชายวัยกลางคนท่าทางน่าเกรงขาม หัวหน้าครอบครัวที่เข้มแข็ง และเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ระดับภาคเหนือที่มีคนในปกครองนับพันชีวิต คนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ นนท์ก็นึกเกรงใจเสมอแม้จะรักไม่แพ้ผู้เป็นแม่เลยสักนิด

“แม่เชื่อว่าพ่อเขาต้องเข้าใจ” วารีรินว่า “พ่อเขาอาจจะอยากคุยกับนนท์หน่อยนะลูก” เธอยิ้มให้กับใบหน้าดูเป็นกังวลของลูกชายที่มองกลับมา “แม่อาจจะพูดแทนใจพ่อไม่ได้ทุกอย่าง แต่อย่างหนึ่งที่แม่บอกนนท์ได้เลยก็คือ พ่อเขาภูมิใจในตัวนนท์มากเลยนะ แม้ว่าอาจจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม”

นนท์ไม่พูดอะไรอีกนอกจากเดินเข้าไปกอดแม่อย่างรักใคร่ ถ้าไม่มีแม่ นนท์จะเป็นอย่างไรหนอ เขาอดคิดไม่ได้จริงๆ

ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว สีส้มจางๆถูกแทนที่ด้วยสีเทาและเปลี่ยนเป็นสีดำมืดไปในที่สุด อากาศในตอนนี้เย็นเยือกขึ้นกว่าเดิม จนเขาไม่อาจจะทนยืนตากลมโดยไม่สวมอะไรให้อุ่นกว่านี้ได้อีกต่อไป เขาหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องนอน แม้นนท์จะบอกว่าเขาชอบห้องที่ดูเรียบง่าย แต่ห้องของเขาก็ถูกจัดแต่งเอาไว้อย่างดีเพื่อรอต้อนรับเขากลับมาอยู่เสมอ ข้าวของทุกอย่างในห้องเป็นสีออกโทนขาวและน้ำตาลอ่อนอย่างที่เขาชอบ นนท์เป็นคนเจ้าระเบียบ เขาไม่ชอบให้ห้องของเขารกรุงรัง และชอบให้ห้องดูกว้างและโล่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถัดจากห้องนอนก็เป็นห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้ามากมายที่เขาเลือกซื้อมาเองกับมือ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืดที่พับเรียงกันเอาไว้ เสื้อเชิ้ตและแจ็กเก็ตที่แขวนเรียงกันเป็นตับ รวมไปถึงกางเกงหลากแบบสำหรับโอกาสอันหลากหลายที่พับวางเอาไว้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน

นนท์หยิบเสื้อกันหนาวมาตัวหนึ่งก่อนที่จะไม่ลืมหยิบอีกตัวหนึ่งติดมืออกมาเผื่อน้องชายของเขา ไม่รู้ว่าน้ำต้นอาบน้ำเสร็จหรือยัง ท่าทางเด็กหนุ่มจะอ่อนเพลียจากการทำงานและการเดินทางไม่น้อย เจ้าตัวจึงของีบสักหน่อยในช่วงบ่าย นนท์จะเข้าไปปลุกอยู่หนหนึ่ง แต่พอเห็นใบหน้าที่หลับใหลอย่างสบายอกสบายใจของน้องชายแล้ว ก็นึกเปลี่ยนใจ ปล่อยให้น้ำต้นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าพอเจ้าตัวตื่นขึ้นมา ก็มาโวยเอากับเขาว่าไม่ยอมปลุก ทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆปลี้ๆตั้งวันหนึ่ง ก่อนจะขอไปอาบน้ำให้สบายตัวเตรียมพร้อมสำหรับอาหารมื้อเย็นดีกว่า นนท์เดินไปก็นึกขำไป เด็กกำลังโต ในหัวก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องกินกับนอนอยู่นั่นเอง

“คร้าบ” เสียงจากในห้องตอบรับเสียงเคาะประตูไม่ดังไม่เบานั้น

“พี่เข้าไปได้ไหม” นนท์ถามจากหน้าห้อง ก่อนที่ประตูจะเปิดผลัวะออกมา

“เข้ามาสิพี่” น้ำต้นสวมเสื้อยืดกับกางเกงขายาวท่าทางใส่สบาย หัวยุ่งที่ยังหมาดน้ำกระจายตัวไม่เป็นทรงยิ่งขับให้ใบหน้าเด็กลงกว่าเดิมลงไปอีก เขาผละไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางกองอยู่บนเตียงเพื่อนำไปแขวนเอาไว้ให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาขยี้ไปบนศีรษะของตัวเองอย่างไม่ประณีตบรรจงอะไรทั้งสิ้น

“อ่ะ นี่” นนท์ยื่นเสื้อแจ็กเก็ตสีขาวในมือให้กับน้ำต้น “ใส่แค่นี้กันอะไรไม่ได้หรอก” เจ้าน้องชายยื่นมือรับเสื้อจากมือพี่ด้วยสีหน้าเริงร่าเกินเหตุ

“เสื้อพี่เหรอ” รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังอยากถามอยู่นั่นเอง

“อื้อ พี่เห็นว่าอากาศมันเย็นมาก เสื้อที่เราเอามาไม่น่าจะอุ่นพอหรอก”

“เสื้อพี่นนท์หรือนี่” ว่าแล้วน้ำต้นก็รีบสวมเข้าไปทันทีก่อนจะร้องออกมาว่า “อุ่นดีจังเนาะ” หน้าตาของน้ำต้นในตอนนี้เหมือนเด็กๆไม่มีผิด นนท์ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความเอ็นดู

“หล่อไหม” เจ้าเด็กตาหวานหันมาถามพี่ชายหน้าตาเฉย

“เกินไป แค่เสื้อตัวเดียว”

“แหม มันก็อยู่ที่คนใส่ด้วยแหละพี่ เชื่อว่าต่อให้พี่นนท์ใส่ก็หล่อไม่ได้เท่านี้” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังทำหน้าตากรุ้มกริ่มราวกับมั่นอกมั่นใจในความหล่อของตัวเองเสียเต็มประดา

“หล่อตายล่ะน้ำต้น” นนท์ว่าพลางส่ายหน้าระอา แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวจู่ๆร่างที่สูงใหญ่กว่าก็ล็อกคอเขาเอาไว้เบาๆแต่ก็มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ร่างทั้งร่างลงไปนอนแผ่บนเตียง ก่อนที่จะจับต้นชนปลายอะไรได้ ร่างนั้นก็ทับขวางตัวของเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ “โอ๊ย เล่นอะไร หนักนะเนี่ย” เจ้าของร่างเล็กว่าที่ถูกทับเอาไว้โอดขึ้นมา

“น้องพี่หล่อไหม บอกความจริงมาซะดีๆ”

“ลุกก่อน นึกว่าตัวเองตัวเล็กหรือไง” นนท์โวยออกมา พลางใช้มือดันร่างของน้ำต้นออกไป แต่ไม่เป็นผล

“ไม่ลุก ตอบมาให้ชื่นใจหน่อย เร็ว” เจ้าเด็กแสบยังยียวนแกล้งพี่ต่อไป

อดรนทนไม่ได้ นนท์ถึงกับหมั่นไส้และมันเขี้ยวในความกวนของเจ้าน้องชายตัวดี จึงใช้ไม้อ่อนจี้เอวเข้าไปไม่ยั้ง ก่อนที่น้ำต้นจะบิดตัวผละลงจากร่างของเขาในที่สุด ตอนนั้นเองที่นนท์กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบผลักน้ำต้นให้ลงไปนอนก่อนที่เขาจะลุกนั่งและจี้ไปตามจุดบ้าจี้ของน้องชาย

“โอ๊ยพี่นนท์ พอแล้ว... พอแล้วพี่” น้ำต้นร้องลั่นสลับกับหัวเราะไม่หยุด

“จะยอมไหม หือม์” นนท์เองก็หัวเราะชอบใจออกมาไม่แพ้กัน

“ยอมๆๆๆ ยอมแหล่ว...” น้ำต้นจับข้อมือข้างหนึ่งของนนท์เอาไว้ อีกข้างยกมือยอมแพ้ พร้อมกับหัวเราะด้วยความเหนื่อยอ่อน

“บอกแล้วใช่ไหมว่าพี่แข็งแรง” นนท์ว่าอย่างมีชัย

“เชื่อแล้วพี่ เชื่อแล้ว แรงมหาศาลจริงๆ”

“ปล่อยมือพี่ได้แล้ว” เด็กน้ำต้นที่ตอนนี้นอนแผ่อยู่ เริ่มรู้ตัวว่าจับแขนนนท์เอาไว้แน่น แต่แทนที่เขาจะคลายมือออก ก็กลับคว้าข้อมืออีกข้างหนึ่งของพี่มาจับเอาไว้ ดวงตาของเขาจับจ้องเข้าไปที่ดวงหน้าและในดวงตาของอีกฝ่าย เขาค่อยๆดึงมือนั้นลงวางไว้เหนือบ่าของเขา และค่อยๆรั้งร่างที่เป็นต่อเขาในตอนนี้ลงมาก่อนที่จะได้สัมผัสอีกฝ่ายมากกว่านั้น นนท์ก็ซัดหน้าผากลงมากระแทกหน้าผากของเขาดังโป๊ก

“โอ๊ย...” น้ำต้นร้องลั่น “พี่นนท์เล่นอะไร”

นนท์ลุกขึ้นนั่งก่อนจะก้าวลงจากเตียงแล้วยืนกอดอกเอียงคอมองเด็กน้ำต้นที่นอนเอามือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆอยู่บนเตียง

“ทีนี้จะลุกได้แล้วหรือยัง” นนท์ว่ายิ้มๆอย่างมีชัย

“จะลุกก็บอกดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องใช้กำลังเล้ย” เจ้าตัวบ่นอุบ

“อย่ามา...” นนท์ลากเสียงยาว “ใครกันชอบใช้กำลัง มาเลย ลุกเดี๋ยวนี้ ข้าวปลาจะกินไหม” นนท์ว่าเสียงเขียว แต่กลับไม่ได้ฟังน่ากลัวเลยสักนิด “ยังจะมาทำปากยื่นปากยาว” นนท์ดักคอน้ำต้นเมื่อเห็นน้องชายนอนทำปากยื่นอย่างไม่สบอารมณ์อยู่บนเตียง “ไม่ไป พี่ไปนะ หิวแล้วเนี่ย” ว่าแล้วก็เดินผละไป ตอนนั้นเองที่น้ำต้นกระวีกระวาดลุกขึ้นจากเตียงจนได้

“พี่ รอด้วยดิ” น้ำต้นถลาเข้าไปจับมือนนท์เอาไว้ “ไปด้วยนะ”

“จะไปก็ตามมา จะต้องมาจับมือพี่ทำไม” นนท์หันไปมองหน้าน้ำต้นก่อนจะก้มลงไปมองมือที่จับมือของเขาเอาไว้ ท่าทางเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

“จูงหน่อย”

“นี่อายุเท่าไหร่แล้ว”

“อายุเท่าไหร่ก็หลงได้นาพี่นนท์” น้ำต้นทำหน้าทะเล้นใส่นนท์

“บ้านพี่ไม่ใช่เขาวงกตสักหน่อย” นนท์คำราม

“นะพี่นะ” น้ำต้นอ้อนสำทับลงไปอีก

“ลงไปข้างล่างต้องปล่อยนะ”

“คร้าบพี่” นนท์ฟังแล้วได้แต่ส่ายหน้า ใจอ่อนทุกทีสิเรา

*********************
เด็กหนุ่มกระชับเสื้อแจ็กเก็ตที่สวมอยู่ให้แนบตัวมากขึ้นไปอีกเมื่อสำเหนียกถึงอากาศหนาวยะเยือก นานเท่าไหร่แล้วหนอที่เขาไม่ได้สัมผัสกับอากาศแบบนี้ ยิ่งนึกก็ยิ่งคิดถึงบ้าน พ่อกับแม่จะเป็นอย่างไรบ้าง อากาศที่เชียงรายจะหนาวเท่ากับบนดอยนี่ไหมนะ น้ำต้นปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปกับไอหมอกยามค่ำคืน ในใจสงบนิ่งในแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานาน สักพักเขาก็รู้สึกถึงไออุ่นข้างตัวเขา นนท์เดินมายืนอยู่ใกล้ๆเคียงข้างเขาโดยไม่พูดอะไร เพียงแค่นี้น้ำต้นก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาได้แล้ว

“หนาวเนาะพี่” น้ำต้นเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา ระเบียงหน้าห้องบนชั้นสองของบ้านที่เป็นส่วนห้องนอนของนนท์ที่ยื่นออกมาถูกเจ้าน้องชายตาหวานขึ้นมาจับจองทันทีที่เขาพาขึ้นมาชมห้อง แน่ล่ะว่าต้องเป็นหลังจากที่ทนเสียงออดอ้อนของเด็กน้ำต้นไม่ไหวแล้วนั่นเอง

“มุมนี้เวลามองลงไปสวยจังเลย” น้ำต้นเปรยขึ้นมาก่อนจะหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนนท์ ผิวที่ขาวอยู่แล้วของชายหนุ่มยิ่งดูขาวสว่างมากขึ้นไปอีกท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็นแบบนี้ ดวงตาที่ไม่ได้กลมโตเหมือนอย่างเขา กลับดูรับกับใบหน้าเรียวเล็กและจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากของนนท์ในตอนนี้พ่นลมหายใจเป็นไอสีขาวออกมา พลางเผยรอยยิ้มบางๆที่คลี่ออกอย่างสบายใจ

“พี่ ทำไมคุณแม่พี่ไม่ค้างที่นี่ล่ะ” น้ำต้นถาม

“แม่เขาห่วงพ่อ ถ้าพ่อไม่มาแม่ก็ไม่ค้างหรอก” และแม่ก็ดูเหมือนมีเรื่องจะต้องคุยกับพ่อด้วย เพียงแต่นนท์ไม่ได้พูดออกไปเท่านั้นเอง

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ มีแต่เสียงหรีดหริ่งเรไรที่ร้องอยู่เท่านั้น ต่างฝ่ายต่างก็ครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆอยู่ในหัวราวกับรอให้อีกฝ่ายเอ่ยอะไรออกมาก่อน

“หนาวไหม” นนท์เปิดปากถามขึ้นมาในที่สุด

“พี่ล่ะหนาวหรือเปล่า” น้ำต้นย้อนถามกลับมาบ้าง

“หนาวแต่ดาวสวย พี่ยังไม่อยากกลับเข้าไป” นนท์หันไปยิ้มให้น้องชายก่อนจะว่า “แต่พี่มีวิธีดีๆ ตอนเด็กๆพี่ทำบ่อยๆเวลาอยู่กับพี่น้ำ” นนท์พูดถึงพี่สาวเพียงคนเดียวของเขาที่ตอนนี้ยังคงศึกษาอยู่ต่างประเทศ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องก็หันมาบอกกับน้ำต้นว่า “มาช่วยพี่หน่อย”

น้ำต้นเดินตามหลังนนท์ไปแบบงงๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เขารับผ้าห่มจากนนท์มาถือเอาไว้สองผืน และเห็นนนท์หยิบหมอนติดมือมาด้วยสองใบ เมื่อเดินกลับมาที่ระเบียงอีกครั้ง นนท์จึงจัดแจงปูผ้าผืนหนึ่งบนพื้นระเบียงก่อนจะวางหมอนลงไปพิงกับผนังห้องด้านนอก แล้วก็วางผ้าอีกผืนลงไป เขาสอดตัวลงไปในผ้าผืนนั้น ก่อนจะยื่นมือไปหาน้ำต้นที่ยืนมองอยู่

“จะเข้ามานั่งด้วยกันไหม อุ่นดีนะ” นนท์ว่ายิ้มๆ เด็กหนุ่มยื่นมือมาจับมือของเขาก่อนจะสอดร่างลงไปและดึงผ้าห่มให้ขึ้นมาคลุมถึงคอ หลังก็เอนพิงหมอนใบเขื่องแต่นุ่มสบายที่วางเอาไว้

“อุ่นสบายดีจัง”

“ใช่ไหม”

นนท์และน้ำต้นไม่ได้คุยอะไรกันอีก ทั้งสองคนนั่งเงียบๆ ดวงตาจับจ้องอยู่บนฟ้า มองดาวดวงนั้นบ้างดวงนี้บ้าง ท้องฟ้ายามค่ำคืนของที่นี่ในฤดูนี้ช่างกระจ่างตายิ่งนัก พระจันทร์ดวงสวยส่องสว่างจนแทบไม่ต้องอาศัยแสงไฟในบ้าน ดวงดาวก็กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดราวกับมีใครทำกากเพชรหล่นกระจายเอาไว้ ลมหนาวลดความยะเยือกลงไปได้มากเมื่อได้ผ้าห่มและร่างของคนสองคนแบ่งปันไออุ่นให้กันและกันอยู่อย่างนี้

“แม่พี่นนท์นี่เท่ดีนะ”

“นี่คือคำชมแม่พี่เหรอ” นนท์นึกขำ

“จริงๆนะ แม่พี่เนี่ย ทั้งเท่ ทั้งทันสมัย สมบูรณ์แบบสุดๆเลย”

“แล้วคุณแม่ของน้ำต้นล่ะ”

“แม่เป็นแม่บ้านธรรมดานี่แหละ แต่ก็มักจะมีคำพูดดีๆมาสอนลูกอยู่เสมอ ต้นพูดได้เลยว่า ถ้าไม่ใช่เพราะคำสอนของแม่ ต้นจะไม่มีวันนี้แน่นอน”

“พี่ชักอยากเจอแม่ต้นแล้วสิ” นนท์หันไปมองน้ำต้นราวกับจะยืนยันคำพูดนั้นจริงๆ

“แม่เขารู้เรื่องพี่ด้วยนะ” น้ำต้นเงยหน้าขึ้นมองดาวดวงหนึ่งที่ส่องแสงสว่างกว่าดาวดวงอื่น

“จริงหรือ” นนท์เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ “รู้แบบไหนล่ะ”

“ก็ ต้นบอกแม่ไปว่า ได้รู้จักพี่ชายคนหนึ่ง เขาเป็นคนดีมาก เป็นคนที่ต้นไว้ใจและเชื่อใจสุดๆ” น้ำต้นหันไปมองหน้าพี่ชายที่ตอนนี้ยิ้มออกมาอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกใดๆ “ตอนที่พี่หายไป ต้นก็โทรไปปรึกษาแม่นะ”

นนท์เลื่อนมือกุมมือน้ำต้นใต้ผ้าห่ม ราวกับจะทดแทนคำขอโทษที่ไม่อาจจะจะเอ่ยออกมาได้

“แต่ก็แม่นี่แหละที่บอกว่า พี่คงมีเหตุผลของพี่ แล้วถ้าคิดว่าไม่อยากเสียพี่ไปก็ให้คุยกันให้เข้าใจซะ”

“แม่ของน้ำต้นก็เท่เหมือนกันนะ” นนท์พูดออกมาดังนั้นแล้วทั้งคู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“ต้นว่าเราสองคนโชคดีที่มีแม่แบบนี้นะว่าไหม” นนท์พยักหน้า  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 11-08-2009 08:51:17
“น้ำต้น” เด็กหนุ่มหันไปตามเสียงเรียกที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม “พี่มีอะไรจะบอกแน่ะ”

“เรื่องดีหรือเปล่า” เขาแสร้งทำหน้าระแวงเสียจนน่าหมั่นไส้ ทำเอานนท์อดรนทนไม่ได้ซัดมะเหงกลงบนศีรษะน้องชายทีหนึ่งอย่างไม่สู้จะจริงจังนัก

“ชอบใช้กำลังจริงๆเลยพี่เรา” ปากบ่นไปมือก็คลำบนหัวป้อยๆ ดูอย่างไรก็มารยาชัดๆ

“เคยคิดอยากเป็นนักแสดงบ้างไหมเรา แอ๊กติ้งเก่งเหลือเกิน”

“แหมพี่ ไม่เห็นต้องประชดกันเลย ไม่เอาแล้ว... ไหนมีอะไรจะบอกไม่ใช่เหรอ” น้ำต้นเปลี่ยนท่าที ทำท่าสนใจเรื่องของนนท์ขึ้นมาทันที

“วันก่อนพี่คุยกับพี่มิ่งกับพี่นอมา”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องของพี่” นนท์หรุบตาลงต่ำ ท่าทางเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ทำไมอ่ะพี่นนท์” ตอนนี้น้ำต้นชักใจไม่ดีขึ้นมาบ้างแล้ว

“ต่อไปพี่อาจจะไม่ได้ทำงานกับต้นแล้ว”

“เฮ้ย...” เจ้าตัวร้องเสียงหลง “ได้ไงอ่ะ  ต้นไม่ยอมนะพี่”

“ถ้าไม่ยอมแล้วต้นจะทำยังไง”

“ไม่รู้ล่ะ ต้นจะไปคุยกะพี่มิ่งกะพี่นอเองเลย มันเรื่องอะไร พี่นนท์ทำงานออกจะดี มันไม่มีเหตุผลนี่แบบนี้” พอได้เห็นท่าทางฮึดฮัดของน้องชายแบบนั้น นนท์ก็ทนไม่ไหว หัวเราะพรืดออกมาทันที

“นี่ไม่ตลกนะพี่นนท์ นี่ซีเรียสมาก ต้นจะไปบอกเลยว่า ถ้าไม่ใช่พี่นนท์ ต้นไม่ยอมเด็ดขาด” น้ำต้นยังโวยวายต่ออย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วดูดิ๊ พี่ก็ยังทำท่าเย็นใจ นี่ก็ไม่อยากทำเพลงให้ต้นเหมือนกันแล้วใช่ไหม” ดู ดูความพาลของเจ้าเด็กนี่เสียก่อน

“พี่ยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อยน้ำต้น” นนท์พูดกึ่งขำกึ่งทึ่ง

“แล้วพี่ยอมได้ยังไง หือม์” เจ้าตัวแสบยังคงเหวี่ยงไม่หยุด

“เดี๋ยวๆๆ ฟังพี่ให้จบก่อนได้ไหม”

“ยังมีอะไรอีก นี่ใจอยากจะโทรหาพี่เมษมันเดี๋ยวนี้เลย”

“พี่จะได้เป็นนักร้องแล้ว”

“ต้นไม่ยอม...” ราวกับสติกลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง ก่อนที่น้ำต้นจะหันไปมองหน้านนท์อย่างไม่เชื่อหู “อะไรนะพี่นนท์”

“พี่มิ่งกับพี่นอบอกว่า พี่จะได้เป็นนักร้อง จะมีอัลบั้มเป็นของตัวเองแล้ว” นนท์มองน้องชายด้วยแววตาที่เป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความยินดี

“จริงเหรอพี่นนท์” น้ำเสียงของน้ำต้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ท่าทางของเขาดีใจยิ่งกว่านนท์เสียอีก ไม่ทันขาดคำ เขาคว้าตัวพี่ชายเข้าไปสวมกอดเอาไว้แน่นปากก็พร่ำบอกแต่ว่า จริงหรือ ไม่หยุด นนท์ตกใจกับกริยาของน้องชายไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาและกอดตอบไปด้วยความซาบซึ้งใจ

“จริงๆ”

“ต้นดีใจมากๆเลย ดีใจกับพี่ด้วยจริงๆ”

“พี่ก็ดีใจที่ต้นดีใจกับพี่”

“นี่มีใครรู้แล้วบ้าง”

“ไม่รู้สิ พี่ยังไม่ได้บอกใคร อยากจะบอกน้ำต้นให้ได้รู้เป็นคนแรก”

“ขอบคุณนะพี่นนท์ นี่เป็นข่าวดีที่สุดในรอบปีของต้นเลย” เด็กหนุ่มพูดออกมาจากใจจริง อะไรที่เป็นเรื่องของนนท์เขาจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอ และหากมันเป็นเรื่องน่ายินดี เขานี่แหละเป็นคนแรกที่จะยินดีกันนนท์ก่อนใครและมากกว่าใคร

เขารักนนท์ และเชื่อเหลือเกินว่า นนท์ก็รักเขา

จู่ๆเจ้าน้องชายก็ผละออกจากอ้อมกอดนั้น แล้วจึงขมวดคิ้วมองหน้าพี่ชายเหมือนกับข้องใจอะไรบางอย่าง

“แล้วงี้อัลบั้มต้นจะเสร็จไหมล่ะเนี่ย” ทำเอานนท์หัวเราะออกมาพรืดใหญ่

“ปัดโธ่ ไอ้เราก็นึกว่าจะพูดอะไร” เขายิ้มให้กับน้องชายก่อนจะกระชับมือบนต้นแขนเพื่อที่จะตอกย้ำอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า “ถ้าอัลบั้มนี้ของต้นไม่เสร็จ พี่ก็ยังคงเริ่มงานของตัวเองไม่ได้หรอก” ได้ยินดังนั้น น้ำต้นก็หัวเราะชอบใจออกมาพร้อมกับส่ายหน้า

“ต้นพูดเล่นพี่นนท์”

“อ้าว”

“จริงๆ ต้นอยากจะให้พี่นนท์มีงานของตัวเองออกมาเร็วๆล่ะมากกว่า ถึงพี่จะไม่ได้ทำเพลงให้ต้น ต้นก็ไม่ว่าอะไรหรอก”

“ทีเมื่อกี้ยังโวยวายลั่นอยู่เลย”

“ก็มันไม่เหมือนกัน เมื่อกี้พี่หลอกอำน้องนี่นา แต่อันนี้เรื่องจริง แถมเป็นเรื่องที่ดีด้วย ใครจะไปโกรธลง” น้ำต้นว่าออกไปอย่างซื่อตรงไม่อ้อมค้อม ยิ่งทำให้หัวใจของนนท์พองฟูขึ้นมาอีกครั้ง จะมีใครอีกหนอ นอกจากพ่อกับแม่ที่รักและหวังดีกับเขาอย่างจริงใจได้ถึงเพียงนี้

“แต่พี่พูดจริงๆนะ พี่อยากทำงานให้ต้นให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเริ่มงานของตัวเอง ถึงตอนนั้นพี่มิ่งกับพี่นอก็คงเข้ามาช่วยเหมือนเดิม พี่ไม่ห่วงเท่าไหร่หรอก”

“งั้น... ถ้าต้นจะขอมีส่วนร่วมด้วย จะได้ไหม”

“อันนั้นไม่รู้แล้ว ลองไปถามพี่เขาดูสิ” นนท์ว่า

น้ำต้นยิ้มกว้าง เด็กหนุ่มไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก เพราะความรู้สึกสุขใจมันท่วมท้นมากเสียจนไม่อาจจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดใดๆได้ เขาจึงถือวิสาสะอย่างที่ชอบทำ ยื่นแขนข้างหนึ่งออกไปโอบเอวพี่ชายเอาไว้ก่อนจะเอนร่างลงไปเอาศีรษะนอนหนุนตักของชายหนุ่มอย่างสบายใจ เหมือนอยากจะบอกแก่พระจันทร์และดวงดาวเบื้องบนว่า คนคนนี้เป็นคนสำคัญของเขาแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น

นนท์ไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด เขาปล่อยให้น้องชายหนุนนอนบนตักนั้นได้ตามใจ มือข้างหนึ่งวางบนศีรษะทุยๆนั้นเอาไว้อย่างเอ็นดู มืออีกข้างดึงผ้าห่มให้คลุมร่างนั้นเอาไว้ด้วยเกรงว่าลมหนาวจะทำอันตรายน้องชายที่เขารักเหลือเกินอย่างไรอย่างนั้น

“สบายไหม” พี่ชายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“สบายกว่าครั้งไหนๆ” น้องชายว่าพลางหลับตาลง

บรรยากาศรอบตัวตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ชายหนุ่มทั้งสองคนไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรแก่กันอยู่เป็นนาน พวกเขาปล่อยให้ความเงียบพูดแทนความรู้สึกทุกอย่างที่เอ่อท่วมท้นอยู่ในใจ เวลาไม่มีความหมายอีกต่อไป สิบนาที สามสิบนาที หรือชั่วโมงหนึ่ง ไม่มีใครรู้ รู้แต่อยากจะให้เวลาเดินช้าลงและน่าจะยืดยาวต่อไปแบบนี้นานๆ

“พี่นนท์”

“หือม์”

“พี่นนท์เริ่มรู้สึกดีๆกับต้นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“นึกยังไงถามขึ้นมาเนี่ย” นนท์กึ่งพูดกึ่งหัวเราะ

“น่า อยากรู้”

“ไม่รู้สิ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” นนท์ละมือจากศีรษะที่นอนหนุนตักเขา เงยหน้าแหงนมองขึ้นไป “น่าจะเป็นตอนที่ต้นมาเล่นดนตรีกับพี่ครั้งแรกหรือเปล่านะ”

“เหรอ ตอนนั้นเองเหรอ” น้ำต้นพึมพำออกมากับตัวเองทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิทอยู่ “แต่เชื่อไหม…”

“หือม์?” นนท์เลิกคิ้วขึ้น

“ว่าต้นชอบพี่ตั้งแต่เห็นพี่ครั้งแรกเลย” ได้ยินดังนั้นไม่เพียงแต่จะหายสงสัยเป็นปลิดทิ้ง ยังทำเอาคนฟังหน้าแดงจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่นซ่านออกมาบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่

“ตั้งแต่เมื่อไหร่” นนท์ก้มลงถามเสียงเบา

“ซักปีนึงได้แล้วมั้ง ตอนนั้นเห็นพี่เดินๆอยู่ในตึกนี่แหละ”

“นานขนาดนั้นเชียวเหรอ”

“ก็ขนาดนั้นแหละ พี่ก็ไม่เคยหันมามองต้นเลย ไอ้เราก็ไม่รู้จะไปถามใครดี ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่รู้จัก”

“ขอโทษ”

“เอ๊า จะขอโทษทำไมเนี่ย” น้ำต้นลืมตาขึ้นมองหน้าพี่ชาย “แต่พี่อ่ะ เวลาเดินอยู่ในตึก ต้นก็ไม่เห็นจะมองใครเลย ก้มหน้าก้มตาเดินงุดๆ ไม่แปลกใจซักนิดถ้าจะไม่รู้ว่ามีใครมองอยู่”

“บทพี่จะสมองช้าก็ช้าได้ใจจริงๆนั่นแหละ” นนท์ออกปากบ้าง

“ก็จนก่อนหน้าที่จะได้มาทำงานด้วยกัน อดรนทนไม่ได้ก็เลยถามพี่เมษ พี่เมษก็ดันไม่รู้จักพี่อีก ก็คิดว่า หรือสงสัยจะต้องลุยเข้าไปเองเสียแล้ว” นนท์ฟังก็ได้แต่หัวเราะออกมา

“แสดงว่าเป็นโชคหรือเปล่าที่จู่ๆพี่มิ่งก็เสนอให้พี่มาทำเพลงให้ต้น”

“โชคดีมหาศาลเลยล่ะ” น้ำต้นยิ้มออกมาทั้งริมฝีปากทั้งแววตา “วันนั้นที่ประชุม ต้นไม่เป็นอันประชุมเลยล่ะ”

“พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“ความรู้สึกช้าได้อีกนะ พี่นนท์เนี่ย”

“ก็มีนึกแปลกใจอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน ว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงตอแยกับเราจัง” ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจออกมา

“ไม่งั้นจะเช้าถึงเย็นถึงขนาดนั้นเหรอพี่” ได้ยินอย่างนั้นนนท์ก็อดจะตีเบาๆลงบนหน้าผากของเจ้าเด็กแผนสูงไม่ได้จริงๆ

“โอ๋ย... ทำไมขยันทำร้ายร่างกายกันจริง” ปากถึงจะบ่นแต่นัยน์ตาแฝงแววขี้เล่นเต็มที่ “จะช้ำในตายเสียก่อนไหมนี่”

“เว่อละ”

“ช้ำในตายไม่เป็นไร ขอแค่อย่าช้ำใจตายเสียก่อนเป็นพอ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นมาหน้าตาเฉย

“โห... นี่ถ้าไม่เห็นว่านอนอยู่อย่างนี้จะวิ่งไปคายของเก่าออกมาให้หมดเลย” น้ำต้นถึงกับหัวเราะก๊ากออกมาทันทีที่ได้ยิน

“ใจร้ายว่ะพี่เนี่ย”

“ทนไม่ได้ก็ลุกไป”

“ไม่เอา” ว่าแล้วก็โอบแขนข้างหนึ่งไปที่เอวของพี่ชายอีกคราด้วยแน่ใจว่า จะไม่ถูกปฏิเสธแน่นอน

“น้ำต้น” เขากระซิบเบาๆที่หูน้องชาย

“อือ”

“น้ำต้นครับ”

“เรียกอีกสิพี่”

“ทำไมเหรอ”

“ต้นชอบเวลาพี่เรียกชื่อเต็มๆของต้นแบบนี้”

“น้ำต้น”

“ครับ”

“ลุกไปนอนไหม”

“พี่เมื่อยแล้วเหรอ”

“ยัง แต่กลัวนอนไม่สบาย”

“ใครบอก เนี่ยแหละ สบายที่สุดแล้ว”

“แล้วถ้าพี่เมื่อยขึ้นมาล่ะ”

“ก็รอให้เมื่อยก่อนค่อยปลุก ถึงตอนนั้นจะยอมลุกให้” นนท์หัวเราะเบาๆอย่างยอมแพ้กับการต่อรองครั้งนี้

“งั้นนอนไปก่อนเถอะ”

ดวงดาวที่ส่องกระจ่างอยู่เต็มท้องฟ้าในตอนนี้ราวกับจะเป็นประจักษ์พยานกับภาพอันอบอุ่นเบื้องล่าง บนชั้นสองของบ้านระเบียงไม้หลังใหญ่ ที่ตอนนี้ไม่มีเสียงพุดคุยอันใดอีกต่อไป เหลือแต่เพียงความเงียบอันอบอุ่นท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นและสายหมอกยามค่ำคืนที่ห่มคลุมชายหนุ่มสองพี่น้องต่างสายเลือด แต่กลับมีความผูกพันอันเหนียวแน่นอันน่าอัศจรรย์ใจระหว่างกันและกัน

นนท์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ต่อจากนี้ไป หนทางของพวกเขาทั้งคู่จะเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่า ในเมื่อเขาเลือกแล้ว และได้ตัดสินใจไปแล้ว เขาก็พร้อมที่จะรับมือกับเรื่องราวอันวุ่นวายต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้านี้แล้ว นนท์ละสายตาจากท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวยงามดึงดูดใจ พลางก้มหน้าลงพินิจมองดูใบหน้าของเด็กหนุ่มวัยยี่สิบที่นอนหนุนตักเขาอย่างสบายอารมณ์ น้ำต้นยามเข้าสู่ห้วงนิทราแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยขี้อ้อนคนหนึ่ง เขาใช้มือเขี่ยปอยผมยุ่งๆที่ปรกอยู่บนหน้าฝากเด็กหนุ่มออกอย่างเบามือ ก่อนจะดึงผ้าห่มให้กระชับร่างที่นอนอยู่นั้นมากขึ้นไปอีก

“แล้วถ้าพี่เมื่อยขึ้นมาจริงๆ จะบอกเราได้ไหมเนี่ย หือม์ น้ำต้น” เขาบ่นออกมาเบาๆ พร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาอย่างนึกขันระคนเอ็นดู ก่อนที่เงยหน้าขึ้นมองแสงดาวและผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น

__________________________________

โปรดติดตามตอนต่อไป

********************

อ่านมาถึงตอนนี้ คิดว่าหลายๆท่านคงจะชินกันแต่ละตอนที่ยาวได้ใจกันไปแล้วล่ะนะคะ พอมานั่งย้อนอ่านดู โอ้โห... ทำไม แต่งออกมาแต่ละตอนมันยาวได้ใจอย่างนี้เล่า แล้วอย่าคิดว่าจะจบง่ายๆนะคะ คงอีกพักนึงล่ะค่ะ สำหรับนิยายเรื่องนี้ เพราะอย่างที่เคยบอกว่า ยาวกว่า Beats of Life ประมาณนึงเลยทีเดียว

ตอนนี้ถือว่าเป็นตอนคลายเครียดนะคะ เป็นคนที่คนเขียนเองก็รู้สึกว่า กดดันมาเยอะ เลยขอผ่อนคลายสักหน่อย ตอนต่อๆไปนี่เรื่องราวก็คงจะเข้มข้นขึ้นอีก ซึ่งก็ยังอยากจะให้ตามอ่านกันต่อไปเรื่อยๆ อ่านแล้วชอบใจอะไรยังไง ก็บอกให้คนเขียนได้รับรู้บ้างสักนิดก็จะขอบคุณมากเลยล่ะค่ะ

จากคุณ : fingers-crossed  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 11-08-2009 11:46:08
ตามมาอ่านตอนหวานหวานค่ะ
บรรยากาศก็ดี
สองคนนี้ก็เข้าใจกัน หวานจริงจริ๊ง

แต่เริ่มเห็นเค้าลางของปัญหาแล้วสิคะ
ไหมกับเอ้จะทำอะไรเนี่ย
ขอให้เรื่องร้ายๆ ที่จะเกิดขึ้น
ผ่านไปได้ด้วยดีน้า

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 11-08-2009 11:48:31
ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบอะ

น่ารักทั้งคู่เลยอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 11-08-2009 12:09:56
  :-[ น่ารักมากมาย...
ส่วนนังไหม+เอ้  :z6:
จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-08-2009 13:40:58
ตอนนี้โรแมนติกจังวุ้ยยยยย
อ่านแล้วเขิล   :o8:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Sakana2yunjae ที่ 11-08-2009 18:19:48
ว้าว อ่านทันแล้ว

ชอบจัง น้องน้ำต้นนี่เป็นเด็กได้สุดใจ พี่นนท์ก็น่ารัก ต้องยอมแพ้ความน่ารักของน้องน้ำต้นต่อไป อิอิ

ยังไงก็ขอฝากเนี้ยฝากตัวด้วยนะคะ ติ๊กจะติดตามตอนต่อไปคะ

 :pig4: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 11-08-2009 19:23:50
อ่า อ่านจุใจมากค่ะ ชอบด้วย สนุกดี ดูสบายๆผ่อนคลายจิงด้วยในตอนนี้
ชอบพี่นนท์มากมายอ่ะงานเน้ ไม่รู้ทำมัยถูกใจจิงๆ 555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-08-2009 19:34:39
ยาวจุใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 11-08-2009 23:21:09
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
ตามอ่านทันแล้วค่ะ
โฮกมากกกกกก
ดีแล้วที่เคลียร์ปัญหากันเสร็จสิ้น

อ่านแล้วคิดหน้านายเอกพระเอก เป็นฉากๆ
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
น้ำตาจะไหล((เว่อร์))

ต่อไปต้องเจออะไรอีกแยะ อยากให้ทั้งคู้สู้ๆ กันต่อไป
จับมือกันเดินไปข้างหน้า..
พี่นนท์ต่อไปจะเป็นนักร้อง อุปสรรคอีกเยอะเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 13-08-2009 01:10:47
ยาวได้ใจมากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 10 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 13-08-2009 03:33:10
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ แต่ก็ทำให้นึกถึงเบื้องหลังชีวิตการเป็นนักร้องหรือศิลปินนี่มันช่างมีอุปสรรคมากมายที่ต้องฟันฝ่า เป็นกำลังให้เจ้าของเรื่องนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 14-08-2009 23:58:02
มาแล้วค่ะ

***********************************

เพลงรัก

บทที่ 11


‘หายไปไหนกันนะ’ ใบหน้าสะสวยที่ยิ่งเมื่อถูกแต่งแต้มเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางสีสันสวยงาม ก็ยิ่งดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นไปอีก ในตอนนี้ ขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อความพยายามหลายต่อหลายครั้งของเธอไม่เป็นผล ไหมเพียรโทรเข้ามือถือของน้ำต้นหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับติดต่อเด็กหนุ่มไม่ได้เลย ครั้นลองโทรเข้าบริษัท ก็ได้รู้ว่าน้ำต้นไปต่างจังหวัด แต่จะไปกับใครหรือที่ไหนนั้น กลับไม่มีใครให้คำตอบเธอได้ นักแสดงสาวยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก เมื่อโทรหาเออาร์ของน้ำต้นแล้วแทนที่จะได้รับคำตอบที่ต้องการ แต่กลับกลายเป็นว่าโดนตอกกลับมาเสียเอง จนเธอล่าถอยแทบไม่ทัน

“คุณไหมมีอะไรให้พี่ช่วยหรือคะ” เมษถามกลับเมื่อเธอถามถึงน้ำต้น

“ไหมพยายามติดต่อต้นมาหลายวันแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้ค่ะ ก็เลยอยากจะรบกวนพี่เมษหน่อย”

“พี่คงช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ” เมษว่าพลางถอนหายใจเบาๆออกมา

“ทำไมล่ะคะ พี่ดูแลต้นอยู่ พี่น่าจะทราบสิคะว่าจะติดต่อต้นได้ยังไง”

“ทราบน่ะก็ทราบค่ะ แต่เจ้าตัวขอมาว่าไม่อยากติดต่อใคร ทุกอย่างให้ผ่านพี่ไปก่อนค่ะ ดังนั้นพี่คงต้องขอโทษด้วยที่คงช่วยอะไรคุณไหมไม่ได้มาก”

“ไหมเป็นเพื่อนสนิทกับต้นนะ ทำไมเพื่อนจะติดต่อเพื่อนไม่ได้ล่ะคะ” นักแสดงสาวว่าอย่างดื้อดึง เธอนึกฉุนแม่เออาร์คนนี้นัก เป็นแค่เออาร์ มันเรื่องอะไรถึงต้องวุ่นวายกับเรื่องของน้ำต้นมากขนาดนี้

“สนิทเท่าไหร่พี่ไม่ทราบค่ะ น้ำต้นไปต่างจังหวัด แล้วก็บอกว่าจะไม่ติดต่อใครจนกว่าจะกลับมา หรือนอกจากต้นจะติดต่อมาเองเท่านั้น ดังนั้น พี่ช่วยไม่ได้จริงๆค่ะ”

“โกหก นี่คุณตั้งใจจะกีดกันฉันใช่ไหม” น้ำสียงของไหมเริ่มไม่สบอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ

“พี่ไม่ได้โกหกค่ะ แต่ถ้าคุณไหมอยากจะทิ้งโน้ตอะไรเอาไว้ให้ต้นก็ได้นะคะ กลับมาแล้วพี่จะบอกเขาว่าคุณติดต่อมา”

“ไม่จำเป็น แล้วต้นไปไหนกับใคร” เมษจับได้ถึงน้ำเสียงของปลายสายที่กรุ่นไปด้วยความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ

“เรื่องส่วนตัวค่ะ พี่คงบอกไม่ได้”

“นี่ฉันเป็นเพื่อนนะ ไม่ใช่แฟนเพลงทั่วๆไป”

“จะเพื่อนหรือใครก็บอกไม่ได้ค่ะ เกิดมีคนมาอ้างเอาแบบนี้เรื่อยๆ พี่ไม่ต้องบอกเขาไปหมดหรือคะคุณไหม” เมษยังว่าต่ออย่างใจเย็น “เห็นใจพี่เถอะค่ะ” พร้อมกับหยอดลงไปอีกหน่อยเป็นการตบท้าย

“เอาเถอะค่ะ ขอบคุณนะคะ” เมษยังไม่ทันได้ตอบกลับอะไรออกไป ก็ปรากฏว่าปลายสายวางหูไปเสียแล้ว

และที่ยิ่งทำให้ไหมของขึ้นหนักขึ้นไปอีกก็เห็นจะเป็นตอนที่เธอโทรเข้าออฟฟิศของนนท์ แล้วปรากฏว่า นนท์เองก็ลาพักร้อนพร้อมๆกับที่น้ำต้นหายไปพอดีเหมือนกัน แม้จะคอยบอกตัวเองว่า อาจจะไม่มีอะไร แต่ทำไมจิตใจของเธอมันจึงไม่ยอมสงบลงเอาเสียเลย ไหมในตอนนี้มีแต่ความร้อนรุ่ม ขุ่นเคืองใจ และเต็มไปด้วยความริษยาอย่างยิ่งยวด เธอไม่เคยรู้สึกโกรธและเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นการที่จะให้เธอเลิกราแต่เพียงเท่านี้ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย

“น้องไหม อีกสิบนาทีจะอัดเทปแล้ว เตรียมสแตนด์บายเอาไว้เลยนะคะ” ทีมงานของรายการโทรทัศน์ที่เธอเดินทางมาอัดรายการโปรโมทละครเรื่องใหม่โผล่หน้าเข้ามาแจ้งกับนักแสดงสาว

“ได้ค่ะพี่” เธอยิ้มตอบกลับไปเสียงหวาน และรอยยิ้มนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นเหี้ยมเกรียมเมื่อเธอตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า ถึงเวลาเดินหมากเสียที

************************

สี่วันสามคืนเป็นช่วงเวลาที่แม้จะสั้นนัก แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่นนท์และน้ำต้นจะจดจำเอาไว้ไม่มีวันลืมเป็นแน่ ความรู้สึกเป็นกังวลทั้งหลายทั้งปวงที่ทับถมอยู่ในใจของนนท์ในวันที่ต้องเดินทางกลับบ้านนั้น หนักหนาอยู่พอสมควร นนท์ถึงขนาดเตรียมใจเอาไว้แล้วด้วยซ้ำว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็พร้อมที่จะยอมรับมันแล้วทุกอย่าง จนมาถึงตอนนี้ ขณะที่นั่งอยู่บนชั้นธุรกิจของเครื่องบินที่กำลังจะพาเขากลับสู่ความวุ่นวายของกรุงเทพฯอยู่นี้ นนท์กลับรู้สึกเบาสบายอย่างประหลาด ความทุกข์ใจและความกังวลทั้งหลายมลายหายไปหมดแล้วจริงๆ หันไปมองเจ้านักร้องหนุ่มที่นอนหลับสบายอยู่ข้างๆ นนท์ก็ได้แต่ยิ้มและส่ายหน้า ช่างสบายอกสบายใจไปเสียหมดทุกเรื่อง ทุกสถานการณ์จริงๆน้ำต้น เจ้าเด็กปากแข็ง นึกแล้วก็ให้หมั่นเขี้ยวยิ่งนัก ตลอดทั้งบ่ายของเมื่อวานนี้ ไม่ว่านนท์จะเฝ้าเพียรถามน้ำต้นสักเท่าใด น้ำต้นก็ปากแข็ง ไม่ยอมปริปากออกมาเลยสักนิด นอกจากคำพูดสั้นๆว่า

“เอาน่าพี่นนท์ มันเป็นเรื่องคำสัญญาของลูกผู้ชาย พี่ไม่ต้องกังวลไปหรอก” ว่าแล้วเจ้าตัวดีก็ลอยหน้าลอยตา ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งให้กับฟ้ากับฝนโดยไม่สนใจคำขอร้องของนนท์อีกต่อไป ทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทำเอานนท์ถึงกับนั่งไม่ติด

นนท์พาน้ำต้นไปบ้านในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งแม้อาจจะไม่ได้วุ่นวายมากอย่างในกรุงเทพฯ แต่ก็เรียกได้ว่าคึกคักไม่แพ้กัน แม่บอกเขาว่าพ่ออยากพบกับเพื่อนสนิทของนนท์ อยากพุดคุยกับเด็กที่นนท์ถูกอกถูกใจหนักหนา ยังไม่พอ แม้แต่แม่ของลูกก็ยังชอบใจเด็กคนนี้ พ่อจึงอยากรู้จักน้ำต้นขึ้นมาบ้าง

พ่อสำหรับนนท์นั้น เป็นคนที่นนท์ทั้งรักทั้งเกรงใจ เขาอาจจะไม่ได้สนิทกับพ่อมากเท่ากับแม่ แต่ไม่เพียงแต่จะไม่เคยน้อยอกน้อยใจ แต่ก็รักพ่อไม่แพ้แม่ นนท์เชื่อว่าพ่อเองก็ทั้งรักและภูมิใจในตัวเขามาก แม้จะไม่เคยออกปากให้ได้ยินเลยสักครั้งก็ตาม แต่ที่นนท์ไม่เคยรู้เลยก็คือพ่อคิดอย่างไรกับเรื่อง “ส่วนตัว” ของเขา นี่เป็นเรื่องเดียวที่ติดค้างอยู่ในใจเขามาตลอด แม้จะพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่คิดถึงมัน แต่ทำไมนนท์จะไม่รู้ว่า มันเป็นเรื่องที่ทำใจยากเพียงใด เมื่อลูกชายเพียงคนเดียวของนักธุรกิจที่มีหน้ามีตาและประสบความสำเร็จอย่างพ่อ กลับเป็นอย่างนี้ แม้พ่อจะไม่เคยพูดอะไรกับเขาตรงๆ แต่พ่อก็รับรู้ และยอมรับมันเงียบๆในแบบของพ่อ แต่ภายในนั้นพ่อจะรู้สึกอย่างไร นนท์ไม่กล้าถาม นนท์ที่แคร์ความรู้สึกของทุกคน โดยเฉพาะพ่อกับแม่ จึงได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่า แม้เขาจะไม่สมบูรณ์แบบและอาจจะทำให้พ่อผิดหวังไปบ้าง เขาก็ยินดีที่จะทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับทุกสิ่งที่เขาทำ เพียงเพื่อที่จะชดเชยความรู้สึกของพ่อแม่ ให้ได้ภาคภูมิใจที่มีลูกอย่างเขาบ้างสักนิดก็เพียงพอแล้ว

พ่อจะภูมิใจบ้างไหมหนอที่เขาพยายามตั้งใจเรียนจนสอบได้ที่หนึ่งของระดับชั้นมาตลอดช่วงระยะเวลาที่เรียนชั้นประถมและมัธยม จะภูมิใจไหมที่เขาจบปริญญาตรีจากหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง พ่อจะภูมิใจไหมที่เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานของรุ่นทั้งที่เขาเป็นเด็กเอเชียหัวดำแท้ๆ พ่อจะภูมิใจไหมที่ความรักดนตรีของนนท์ทำให้เขาตั้งใจเรียนเปียโนจนถึงขนาดได้รับใบรับรองให้เป็นครูสอนเปียโนได้อย่างสบาย แม้นนท์จะไม่ได้ตัดสินใจมาทำงานให้พ่อในทันที แต่งานที่นนท์เลือกทำจะทำให้พ่อภูมิใจบ้างไหมว่า มันสามารถเลี้ยงนนท์ได้และยังสร้างชื่อเสียงให้กับเขาได้ด้วย นนท์ตั้งคำถามเหล่านี้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา และแม้จะไม่รู้คำตอบ แต่เขาก็ยังคงเพียรพยายามต่อไปเพื่อความรู้สึกของพ่อกับแม่อยู่นั่นเอง

“นนท์ไปนั่งเป็นเพื่อนแม่เขาไปลูก” ชายวัยกลางคนที่มีส่วนละม้ายคล้ายนนท์อยู่ไม่น้อย นอกจากรูปร่างที่ค่อนข้างอวบท้วมอยู่สักหน่อยหันไปบอกลูกชาย ขณะที่สายตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มตัวสูงที่เพิ่งจะยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อมเมื่อครู่

“ครับพ่อ”

“ส่วนน้ำต้น... ใช่ไหม” ภาษกรถามย้ำ

“ครับ”

“ตามผมเข้ามาในห้องหน่อย ผมอยากคุยด้วย” เมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นบิดาพูดอย่างเข้มงวดจริงจังขึ้นมา นนท์ถึงกับหน้าเสีย และเกิดความกังวลขึ้นในใจทันที ในขณะที่เจ้าเด็กหน้าเป็นนั้นหันมาสบตากับนนท์ก่อนจะเอื้อมมือไปจับไหล่ของเขาเบาๆราวกับจะปลอบใจให้เขาหายวิตกกังวล น้ำต้นยิ้มให้เขาอย่างมั่นใจ ก่อนจะเดินตามหลังภาษกรไปอย่างไม่ประหม่าอันใดทั้งสิ้น วินาทีนั้นเองที่นนท์รู้สึกเหมือนน้ำต้นดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาชนิดผิดหูผิดตา สายตาที่ไม่หวั่นไหว กับท่าทางที่พร้อมแล้วสำหรับทุกเรื่องที่กำลังจะถาโถมเข้ามา ช่วยทำให้นนท์รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

นนท์กระสับกระส่ายและไม่เป็นตัวเองถึงขนาดนั่งไม่ติด คอยแต่จะผุดลุกผุดนั่งอยู่ตลอดระยะเวลาที่น้องชายของเขาหายเข้าไปในห้องทำงานของพ่อ ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว หนึ่งชั่วโมงก็แล้ว น้ำต้นก็ยังไม่ออกมาเสียที

“ไม่เป็นไรหรอกนนท์ เชื่อแม่สิลูก”วารีริน มองไปที่ลูกชายของนางอย่างเห็นใจระคนเอ็นดู เธอไม่เคยเห็นลูกชายในลักษณะนี้มาก่อน เห็นทีจะไม่ใช่แค่ความชอบเพียงชั่ววูบอย่างที่เธอเคยนึกกังวลเอาไว้เสียแล้ว แต่ก็นั่นแหละ คนที่เป็นแม่อย่างเธอจะไม่รู้เชียวหรือว่านนท์เป็นคนจริงจังกับทุกเรื่องเพียงไร ลูกชายของเธอไม่ใช่เด็กเหลวไหลใจแตกที่จะใช้ชีวิตอย่างมักง่ายเหมือนใครหลายคนในยุคสมัยนี้ แบบที่คิดจะรักใครง่ายๆก็ทำ อยากจะเลิกรักก็ทำ อยากจะมีอะไรกันก็ทำ โดยไม่คิดหรือไตร่ตรองอะไรเลย นั่นย่อมไม่ใช่นนท์ของแม่แน่นอน

สองชั่วโมงแห่งความว้าวุ่นใจของนนท์จบลงเสียทีเมื่อเห็นน้ำต้นเดินออกมาจากห้องทำงานของภาษกร สิ่งที่นนท์ไม่เชื่อสายตาก็คือ พ่อที่มักจะดูเข้มงวดของเขาเดินโอบไหล่ของน้ำต้นออกมาอย่างสนิทสนม พร้อมกับพูดคุยอะไรกันบางอย่าง ก่อนที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกันทั้งคู่ นนท์ไม่รู้ว่าทั้งพ่อและน้ำต้นพูดคุยอะไรกัน จับทันก็แค่ประโยดสุดท้ายที่ผู้เป็นพ่อเอ่ยแก่เจ้าน้องชายต่างสายเลือดว่า “ที่สัญญาเอาไว้ หวังว่าจะไม่ลืมนะ” และน้ำต้นก็ตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิดว่า “ด้วยชีวิตครับคุณพ่อ”

“ไปนนท์ ไปทานข้าวกัน หิวแย่แล้วมั้งเนี่ย” ภาษกรเปรยขึ้นมาก่อนจะเดินนำไปยังห้องอาหาร โดยไม่ปริปากอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่คุยกับน้ำต้นอยู่เป็นนานสองนานออกมาสักคำ

“คุยอะไรกันตั้งนาน” นนท์เอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้ แม้จะรู้สึกโล่งใจเหลือเกินก็ตาม

“บอกไม่ได้พี่นนท์ มันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย” ว่าแล้วน้ำต้นก็ยิ้มกริ่ม ไม่ปริปากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเหมือนกัน จนนนท์นึกฉิวขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้ ดูเอาเถอะ ไอ้เราหรือ นึกเป็นห่วงอย่างกับอะไรดี

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ไม่ต่างอะไรกับวันรวมญาติของบ้านนนท์ ในสายตาของน้ำต้นนั้น เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า นนท์เติบโตขึ้นมาด้วยความรักและความอบอุ่นมากเพียงไร อย่างนี้นี่เองสินะ ไม่ว่าเมื่อไรที่เขาได้อยู่ใกล้ๆพี่ชายของเขาคนนี้ เขาจึงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่กระจายออกมาอยู่ตลอดเวลา เชื่อแล้วว่า คนที่ได้รับความรักจากครอบครัวอย่างท่วมท้น จะสามารถแบ่งปันความสุขอันนั้นให้แก่คนรอบข้างได้อย่างเหลือเฟือ ไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมชายหนุ่มที่นั่งหัวเราะอยู่บนโต๊ะอาหารใกล้ๆเขาในตอนนี้ จึงได้เป็นที่รักของใครต่อใครเหลือเกิน ก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เขาชักจะรู้สึกหนักใจขึ้นมาเสียแล้วสิ เสน่ห์แรงแบบนี้ คนที่จะเหนื่อยเห็นที่จะเป็นน้องชายคนนี้นี่แหละ

“เป็นอะไรไป น้ำต้น” นนท์เอะใจเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆของน้ำต้น

“เปล่าพี่… กินข้าวเถอะ” ว่าแล้วก็ไม่ฟังเสียง เจ้าเด็กตาหวานก็ปฏิบัติการณ์หว่านเสน่ห์ บริการคนนั้นทีคนโน้นที ทั้งคุณย่า คุณยาย แม่ หรือแม้แต่พ่อก็ไม่เว้น นนท์ได้แต่ส่ายหน้าและรำพึงกับตัวเองในใจว่า แบบนี้ก็เสร็จเจ้าตัวแสบกันหมด หลานรักและลูกรักอย่างเขามีหวังจะตกกระป๋องก็คราวนี้

หลังจากมื้อเย็นวันนั้น ตลอดระยะทางที่นั่งรถกลับไปยังบ้านบนดอย จนใกล้เวลาที่ต้องเข้านอนเต็มที ไม่ว่านนท์จะขอร้องสักเพียงใด น้ำต้นก็ยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียวไม่ยอมบอกว่าเข้าไปคุยอะไรกับภาษกรมาบ้าง

“ตามใจ ไม่บอกก็ไม่บอก พี่ไม่อยากรู้แล้ว ต่อไปมีอะไรก็ไม่ต้องมาสนใจพี่ก็ได้” นนท์ถึงกับต้องใช้ ‘ไม้งอน’ กับน้องขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าหมดหนทางจะง้างปากเจ้าเด็กนี่ได้แน่ๆ

“โธ่พี่นนท์” น้ำต้นเข้าไปโอบรอบคอพี่ชายจากข้างหลังอย่างอ่อนโยนและเอาใจอยู่ในที “ไม่ใช่ว่าต้นไม่อยากบอกนะ” หนนี้น้องชายเป็นฝ่ายอ้อนบ้าง “แต่ว่าลูกผู้ชาย สัญญากับใครเอาไว้แล้วก็ต้องรักษาสัญญาใช่ไหม พี่อยากจะให้ต้นเป็นคนไม่ซื่อสัตย์เหรอ” ปากว่ายังไม่พอ มือไม้ที่อยู่ไม่สุขก็กอดกระชับนนท์แน่นขึ้นอีกหน่อย แถมเจ้าตัวยังเอาคางมาเกยบนไหล่เขาอย่างเอาใจเต็มที่ “เห็นใจต้นนะ นั่นก็พ่อพี่ นี่ก็พี่... ทำใจลำบากจะแย่”

ลูกอ้อนเจ้าเด็กโข่งได้ผลจนได้ นนท์บอกตัวเองว่าคงต้องยอมแพ้เสียแล้ว ท่าทางเจ้าเด็กหน้าเป็นนี่จะใจแข็งกว่าที่คิด อีกอย่าง ว่าตามจริง เขาก็ไม่ได้นึกอยากรู้มากอย่างเมื่อตอนแรกสักเท่าไหร่แล้วจริงๆนั่นแหละ หลังจากที่พ่อเดินออกมาคุยกับเขาหลังอาหารมื้อเย็นนั่นเอง คำพูดสั้นๆของพ่อ ทำให้นนท์ลืมความกังวลทุกสิ่งอย่างไปจนหมดสิ้น

“น้ำต้นเป็นเด็กดีนะ มันซื่อๆ จริงใจดี” นนท์หันไปมองหน้าพ่ออย่างไม่เชื่อหู “เลือกได้ดีนี่ลูก” ภาษกรหันไปมองหน้าลูกชายก่อนจะยิ้มให้ราวกับจะบอกเขาว่า ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะนนท์ด้วยความรักใคร่

นนท์ที่ได้ยินดังนั้นถึงกับน้ำตารื้น เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก นอกจากยกมือไหว้พ่ออย่างซาบซึ้งใจที่สุด พ่อไม่ใช่คนช่างพูด และไม่ใช่คนที่ชอบแสดงความรู้สึกมากนัก เพียงเท่านี้ก็ทำให้นนท์รู้สึกได้ถึงความรักที่พ่อมีต่อเขาและตื้นตันใจอย่างที่สุด คำพูดสั้นๆของพ่อมันช่างมีความหมายต่อเขาเหลือเกิน มันสามารถทดแทนความกังวลทั้งหลายทั้งปวงของเขาได้จนหมด เขาไม่สงสัยอีกแล้วว่าพ่อรักเขามากแค่ไหน ภาคภูมิใจในตัวเขาเพียงใด และเชื่อมั่นในตัวเขามาตลอด

แรงกระชับจากวงแขนแข็งแรงนั้นยังคงไม่คลายลง

“อย่างอนน้องนะพี่” น้ำต้นยังคงออดอ้อนต่อไปไม่เลิก

“ไม่งอนหรอกน่า” นนท์ว่าอย่างไม่ติดใจอะไรอีก “ปล่อยพี่ได้แล้ว พรุ่งนี้เราต้องบินกันแต่เช้า นอนเถอะ”

“พี่” น้ำต้นยังไม่ยอมปล่อยเขา

“เฮ้ย...” นนท์ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อร่างที่นั่งอยู่บนขอบเตียงของเขาตะแคงล้มลงไปนอนไม่เป็นท่า ก็จะใครที่ไหน ถ้าไม่ใช่ฝีมือเจ้าเด็กโข่งข้างหลังเขานั่นเอง “ทำอะไรเนี่ยน้ำต้น” เด็กน้ำต้นหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นพี่ชายโวยวายออกมา

“อยู่เฉยๆสิพี่”

“เรานี่มันยังไงกันนะ หือม์” นนท์ทำเสียงดุน้องขึ้นมาบ้าง

“น่า... ไหนๆ พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว นอนเป็นเพื่อนกันหน่อยสิ”

“ไม่เอา ห้องพี่ก็มี เดี๋ยวจะกลับไปนอนที่ห้องแล้ว โตแล้วก็นอนเองสิ”

“อะไรกัน” แม้จะไม่ได้ประจันหน้ากัน แต่ความใกล้ชิดระหว่างทั้งคู่ในยามนี้ ทำให้นนท์รู้สึกได้เลยว่าเจ้าน้องชาย กำลังทำ ‘ปากยื่นปากยาว’ เหมือนอย่างที่เขาเห็นเป็นประจำเวลาที่เจ้าตัวไม่สบอารมณ์หรือถูกขัดใจจากเขา “พี่นนท์ไม่รักน้อง” แขนข้างหนึ่งของน้ำต้นกลายเป็นหมอนให้นนท์นอนหนุนไปแล้ว ในขณะที่มืออีกข้างรวบเอวของพี่ชายเอาไว้แน่นก่อนที่จะกระชับร่างนั้นให้แนบชิดกับตัวเองมากขึ้น

“ไม่เกี่ยว” นนท์ท้วงขึ้นมาบ้าง แต่น้ำเสียงกลับฟังดูไม่มีน้ำหนักสักเท่าไหร่นัก มือข้างหนึ่งก็พยายามแกะมือที่เกาะกุมเอวของเขาเอาไว้ ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน หัวใจเขาเต้นจะไม่เป็นจังหวะอยู่แล้ว ทำไมน้ำต้นถึงได้ชอบปากว่ามือถึงนักนะ

“ได้ไง พ่อเขาอุตส่าห์ฝากฝังขนาดนั้นแล้ว จะมาพูดจาห่างเหินแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” เจ้าตัวร้ายยังลอยหน้าลอยตากระซิบข้างหูเขาอยู่แบบนั้น

“ฝากฝังอะไร เมื่อไหร่กัน อย่ามา...” นนท์หันหน้าไปประท้วงทันที

“จริงๆ แต่ต้นบอกพี่ได้แค่นี้แหละ” น้ำต้นมองเข้าไปในดวงตาของนนท์ ก่อนที่จะคลายมือที่เอวของนนท์ออกเบาๆ แต่ไม่ยอมปล่อยออกให้เป็นอิสระดั่งใจของเจ้าของ แต่ขืนดันให้นนท์หันทั้งร่างมาเพื่อที่จะได้เห็นหน้ากันได้อย่างถนัดถนี่อีกสักนิด ใบหน้าของนนท์ในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าติดชิดกับน้ำต้นมากกว่าครั้งไหน หน้าผากเรียบเนียนสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา จมูกเกือบจะชนกัน ริมฝีปากรู้สึกถึงลมหายใจที่อบอุ่นของกันและกัน ร่างกายที่แนบชิดกันนั้นแทบจะรู้สึกได้ถึงทุกจังหวะการเต้นของหัวใจของแต่ละฝ่ายได้อย่างชัดเจน มือข้างหนึ่งของนนท์วางอยู่บนเอวของน้ำต้นอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนอีกข้างที่เจ้าตัวไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนดี จนในที่สุดก็ทำได้แค่เอามันไปวางไว้แนบอกข้างหนึ่งของอีกฝ่าย

“จริงเหรอ” นนท์ถามเสียงแผ่วเบา

“จริงๆ” น้ำต้นตอบเสียงเบาไม่แพ้กัน

“พี่นนท์”

“หือม์”

“ต้นรักพี่นะครับ”

“...”

“พี่ล่ะ รักต้นไหม”

“...”

“พูดอะไรบ้างสิพี่นนท์ อย่าเงียบแบบนี้” น้ำต้นพยายามมองหน้าอีกฝ่ายที่เอาแต่ก้มหน้างุดอยู่ตรงซอกคอของเขาโดยไม่พูดอะไร “พี่นนท์” หนนี้น้ำต้นยอมผละมือจากเอวพี่ชายก่อนที่จะเลื่อนขึ้นมาสัมผัสกับแก้มอุ่นๆข้างหนึ่งและขืนให้เงยหน้าขึ้นมองเขา

“ว่าไงครับ...” น้ำต้นยังคงรอคำตอบ ก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับโดยไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก

ตอนนั้นเองที่ริมฝีปากของเขาเลื่อนเข้ามาประทับกับริมฝีปากของนนท์อย่างอ่อนโยนที่สุด ราวกับจะประกาศให้โลกรู้ว่าคนที่เขากอดเอาไว้อย่างแนบแน่นคนนี้รักเขาและเป็นของเขาแต่เพียงคนเดียว นนท์จูบตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานไม่แพ้กัน เขานึกไม่ออกเหมือนกันว่า เคยรักใครหมดหัวใจเหมือนกับที่ได้รักคนคนนี้มาก่อนหรือเปล่า ทำไมหนอเด็กธรรมดาคนนี้จึงได้เข้ามามีอิทธิพลต่อจิตใจของเขามากมายนัก ถูกล่ะ นนท์ไม่เคยบอกว่ารักใครเลยแม้สักครั้ง อย่างเก่งก็ได้แค่บอกว่าชอบเท่านั้น ผ่านไปไม่นาน มันก็จบลงเหมือนๆกัน และเขาก็มักจะเป็นฝ่ายเจ็บปวดมันไปเสียทุกครั้ง ทั้งที่ก็บอกตัวเองแล้วว่าให้ระวัง ทั้งที่คิดว่าตัดสินใจถูกแล้ว เลือกไม่ผิดคนแล้ว จนเขาเองเริ่มไม่แน่ใจในความรักขึ้นมาเสียแล้ว แม้จะเฝ้าเพียรบอกตัวเองว่า เรื่องของหัวใจก็เป็นเสียแบบนี้ ไม่อย่างนั้น ใครๆก็สมหวังกันไปหมดก็ตาม

จูบนั้นเนิ่นนานเสียจนหัวใจของทั้งคู่แทบจะหยุดเต้น กว่าจะยอมผละออกจากกันไม่มีใครรู้ว่ากิน

เวลาไปเท่าไหร่ รู้แต่เหมือนกับโลกรอบข้างหยุดหมุนไปเสียเฉยๆอย่างนั้น มันอาจจะไม่ใช่การจูบที่ช่ำชอง ไม่ใช่การจูบที่เร่าร้อนรุนแรง แต่ก็อบอุ่นหัวใจอย่างที่สุด นนท์บอกตัวเองอย่างนั้น

“นอนนี่เถอะนะพี่นนท์ นอนด้วยกันเฉยๆนี่แหละ ต้นแค่อยากกอดพี่เอาไว้แบบนี้แค่นั้นเอง” แม้น้ำเสียงจะออดอ้อนแต่ก็ฟังดูจริงจังกว่าทุกครั้ง

“อือม์” นนท์ตอบรับแค่นั้นก่อนที่จะขดตัวซุกอยู่กับอกของเจ้าน้องชายตัวดีอย่างไม่สนใจอะไรอีกต่อไป น้ำต้นได้แต่ประหลาดใจกับปฏิกิริยาตอบรับง่ายๆของคนตัวเล็กกว่าในอ้อมกอด ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม และกระชับแขนข้างที่โอบกอดพี่ชายให้แน่นมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปทั้งสองคน

********************  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 15-08-2009 00:00:34
นนท์หันไปมองคนข้างตัวที่ยังคงหลับใหลอยู่บนที่นั่งข้างๆเขาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างนึกขันกับเมื่อนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อตอนเช้าวันนี้ ตอนที่เขาสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมเสียงโอดครวญเบาๆของเจ้าตัวดี

“รู้สึกเหมือนไม่มีแขนเลยพี่นนท์” นนท์ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหัวเราะชอบใจออกมา ก็แหงล่ะ เขานอนทับแขนของน้ำต้นเอาไว้ตลอดทั้งคืน โดยไม่ได้ขยับไปไหนเลยนี่นา ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด

“ตัดทิ้งเลยดีไหมน้ำต้น”

“ดูเอาเถอะ ไอ้เรารึอุตส่าห์เสียสละยอมเป็นหมอนให้หนุนทั้งคืน จะเห็นใจกันสักนิดก็ไม่มี แถมยังซ้ำเติมกันอีก คนรักกันภาษาอะไรเขาทำกันแบบนี้ ฮื้อ” ยิ่งโอด นนท์ก็ยิ่งหัวเราะไม่หยุด

“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า ไป... ลุกได้แล้ว เดี๋ยวจะไปขึ้นเครื่องไม่ทัน” เมื่อเห็นนนท์ทำท่าจะผละออกไป น้ำต้นก็ยิ่งโอดครวญมากขึ้นจนน่าหมั่นไส้

“โหย... พี่อ้ะ... แขนมันขยับไม่ได้เนี่ยเห็นมั้ย จะช่วยกันหน่อยไม่ได้เลยเหรอ” ว่าแล้วก็ยื่นมืออีกข้างมาให้นนท์จับ “น่า อย่างน้อยช่วยดึงขึ้นไปหน่อยก็ยังดี”

นนท์หันไปมองอย่างหมางเมิน ก่อนที่จะตอบออกไปแบบมะนาวไม่มีน้ำว่า “ไม่” แต่แล้วกลับปัดมือที่ยื่นมาให้พ้นทางโดยไม่ให้เจ้าของมือได้ตั้งตัว และโหย่งตัวลงไปก้มหน้าใช้ปากแตะไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะผละออกมาอย่างทันทีทันใด ทำเอาน้ำต้นร้องเฮ้ยออกมาเสียงดัง ไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรนนท์ก็ลงไปยืนยิ้มอยู่ตรงข้างเตียงเสียแล้ว ทำเอาน้องชายทำหน้าไม่ถูกเป็นครั้งแรกเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายถูกจู่โจมเข้าบ้าง

นนท์เดินไปเปิดประตูอย่างสบายใจ ก่อนที่จะหันหน้ามายิ้มให้อย่างเป็นต่อว่า “อย่าคิดว่าทำเป็นอยู่คนเดียว” แล้วจึงปิดประตู ปล่อยให้น้ำต้นที่เพิ่งจะตั้งสติได้ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

**********************

หนุ่มร่างสูงกว่าในหมวกแก๊ปและแว่นกันแดดเข็นรถออกมาจากประตูทางออกพร้อมกับชายหนุ่มอีกคนที่กำลังง่วนอยู่กับกระเป๋าสะพายใบย่อม แม้การบินจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯจะใช้เวลาในการเดินทางไม่นานนัก แต่การที่ต้องตื่นแต่เช้า และเดินทางไปเช็กอินที่สนามบินก่อนเวลาเป็นชั่วโมง รวมถึงต้องเสียเวลารอกระเป๋าที่โหลดขึ้นเครื่องที่กินเวลาไปไม่น้อย ก็ทำเอาชายหนุ่มทั้งสองคนเหน็ดเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

“น้ำต้น นนท์ ทางนี้”

สองหนุ่มยกมือไหว้เมื่อเห็นว่าต้นเสียงที่คุ้นเคยนั้นเป็นใคร

“พี่เมษ ขอบคุณนะครับที่มารับ” น้ำต้นกับนนท์ยกมือไหว้เออาร์สาวอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ไปกันเถอะ มีอะไรไปคุยกันในรถดีกว่า” เมษรับไหว้ก่อนจะตัดบทชนิดไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัวทัน

“พี่เมษมีอะไรหรือเปล่า” น้ำต้นเอะใจกับกริยาของเมษที่ผิดไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด

“มีเรื่องนิดหน่อย” เธอจับแขนน้ำต้น ก่อนจะบอกเขาด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดผิดปกติ “ไปคุยในรถเถอะ เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง”

ไม่มีใครพูดอะไรอีก ทั้งสองคนเร่งฝีเท้าเดินตามหลังเออาร์สาวที่จ้ำพรวดๆ อย่างไม่รีรออะไรทั้งสิ้น

*********************

“เราสองคนไม่ได้ดูทีวีใช่ไหม” เมษโพล่งขึ้นมาหลังจากที่ขับรถออกมาจากสนามบินได้พักใหญ่ น้ำต้นกับนนท์หันไปมองหน้ากันอย่างไม่สู้จะเข้าใจอะไรนัก

“อยู่เชียงใหม่แทบจะไม่ได้ดูทีวีเลยครับ” นนท์เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

“ดีแล้วล่ะ”

“มีอะไรหรือเปล่าพี่เมษ” น้ำต้นถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้

“เรื่องไหม”

น้ำต้นหันไปมองหน้านนท์

“ไหมทำไมพี่”

“ต้นตอบพี่ตรงๆนะ เรื่องของต้นกับไหม มันยังไงแน่”

“ไม่ยังไงหรอกพี่เมษ มันจบไปตั้งนานแล้ว แต่ระยะหลังมานี่จู่ๆเขาก็กลับมาติดต่อกับต้นอีก แต่ต้นก็บอกเขาไปแล้วตรงๆว่า เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ คือยังไงต้นก็ไม่กลับไปคบกับเขาแน่นอน”

“แล้วเขาว่ายังไงบ้าง”

“เขาก็คงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ต้นคิดว่าบอกเขาไปชัดเจนแล้ว มันก็น่าจะจบแล้ว”

“เชื่อเถอะ มันยังไม่จบหรอก”

“หมายความว่าไงพี่เมษ”

“ก็ตอนที่เราสองคนไม่อยู่ เขาโทรมาหาพี่ ถามหาต้น”

มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มคว้ามือของคนข้างตัวมาจับเอาไว้แน่น อีกฝ่ายแม้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ก็กระชับมือตอบเพื่อให้อีกคนได้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

“แต่พี่ไม่ได้บอกอะไรเขาหรอกนะ ที่แน่ๆเขาหัวเสียน่าดู”

“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เวลาเขาไม่ได้อะไรอย่างใจ เขาจะไม่ยอมง่ายๆหรอกพี่เมษ”

“เขาไม่ยอมง่ายๆจริงๆนั่นแหละต้น” เมษว่าขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักใจจนรู้สึกได้ น้ำต้นได้แต่ขมวดคิ้ว ด้วยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เขาหายไป

“เมื่อวานเขาไปออกรายการทีวี รายการสดด้วย มันเลยตัดอะไรไม่ทัน คือเรื่องของเรื่องน่ะ เขาจะโปรโมตละครเรื่องใหม่นั่นแหละ ทีนี้รายการนี้เขาก็เน้นเจาะลึกเรื่องชีวิตส่วนตัวของคนดังอยู่แล้ว แต่ที่พี่นึกไม่ถึงก็คือ เขาจะฉวยโอกาสจากการไปออกรายการสดทำแบบนี้”

“เขาทำอะไรพี่เมษ”

“เขาบอกว่าตอนนี้กำลังจะรีเทิร์นกับอดีตแฟนหนุ่มที่เป็นนักร้องชื่อดัง ที่กำลังตามง้อเขาอยู่”

“เฮ้ย... ต้นเปล่า…”

“พี่ถึงถามต้นก่อนไง ว่าระหว่างเรากับเขาตกลงมันเป็นยังไง พี่ก็เชื่อแหละว่าเราน่ะไม่ได้อะไรกับเขา แต่ก็อยากรู้จากปากน้องมากกว่าอยู่ดี”

“แต่มันก็แค่คำพูดลอยๆนะพี่เมษ”

“ถ้ามันแค่ลอยๆอย่างที่ว่าก็ดีน่ะสิ แต่ฝ่ายโน้นเขาไม่ได้โง่ขนาดพูดขึ้นมาลอยๆ อย่างเดียวหรอก ดาราระดับเขาน่ะ ทำอะไรต้องรอบคอบ โชคเข้าข้างเขาด้วยแหละต้น”

“โชคเข้าข้าง? ยังไงพี่”

“ต้นไปหาเขาที่คอนโดมาหรือเปล่าล่ะ”

“คอนโด... อ๋อ ไปแค่ครั้งเดียว วันที่เขาโทรให้ต้นออกไปหาน่ะพี่ แต่วันนั้นก็บอกเขาไปชัดเจนแล้วว่าคงกลับไปคบกันไม่ได้แล้ว”

“นั่นแหละ มีนักข่าวถ่ายรูปเราเอาไว้ได้ ยังไม่พอยังมีรูปที่เขาออกจากคอนโดเราไปด้วยน่ะสิ”

“แต่วันนั้นเขามาส่งต้นเฉยๆนะพี่”

“เออ แต่นักข่าวจะสนไหมล่ะ ก็รู้ๆอยู่ พวกนี้น่ะ พอถ่ายรูปอะไรมาได้ มันก็นั่งเทียนเขียนกันเป็นวรรคเป็นเวร แถมเจ้าตัวยังไปพูดออกรายการเสียชัดเจนขนาดนั้น ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเป็นเราล่ะต้น”

ได้ยินดังนั้น น้ำต้นถึงกับถอนหายใจหนักๆ เอนตัวลงพิงกับเบาะหลังของรถเก๋งคู่ใจของเออาร์ส่วนตัวของเขาอย่างเหนื่อยอ่อนทันที นนท์หันไปมองน้องชายอย่างเห็นใจที่สุด เขาเองก็ไม่รู้จะช่วยน้ำต้นได้อย่างไรดีเหมือนกัน แม้ในใจจะรู้สึกโหวงกับข่าวที่เพิ่งได้ยินมาสดๆร้อนๆอยู่บ้างก็ตาม

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะพี่เมษ”

“ตอนนี้อยู่เฉยๆไปก่อน ดูซิว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อไป แต่พี่ว่าเขาไม่หยุดแค่นี้แน่นอน”

“พี่นอว่ายังไงบ้างครับ”

“เขาก็ห่วงๆอยู่ ห่วงเราทั้งสองคนนั่นแหละ” เมษสบตานนท์ผ่านทางกระจกมองหลัง “พี่แค่อยากจะบอกพวกเราเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ตกใจถ้าเกิดไปได้ยินข่าวอะไรขึ้นมา ให้พี่แนะนำนะ ก็อยากจะให้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานของเราต่อไป โอเคไหม ส่วนเรื่องนักข่าว พี่จะเลี่ยงๆให้ ต้นก็พยายามเลี่ยงๆหน่อยก็แล้วกัน ระวังฝ่ายโน้นเอาไว้ด้วย เราไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน ลองเขากล้าเอาชื่อเสียงของเขาเข้าแลกแบบนี้ ยิ่งต้องระวัง” เมษนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะว่า “พี่ฝากนนท์ดูน้องหน่อยนะครับ”

นนท์ยิ้มให้เมษผ่านกระจกมองหลัง ก่อนจะพยักหน้า “ครับพี่เมษ”

“แล้วก็ นนท์... พี่ยินดีด้วยนะ พี่นอบอกพี่แล้ว ดีใจกับนนท์จริงๆ”

“ขอบคุณครับ”

“งานนี้พี่ยอมเหนื่อยเป็นสองเท่าเลยนะเนี่ย”

“เหนื่อยเป็นสองเท่า?” น้ำต้นเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัย “ทำไมล่ะพี่”

“ก็นอกจากต้องดูแลเด็กโข่งอย่างเราแล้ว พี่ก็ต้องดูแลพี่นนท์ของเราด้วยไงน้ำต้น”

“จริงเหรอพี่เมษ” เจ้าเด็กโข่งร้องออกมาอย่างยินดี “เย้... ต้นดีใจสุดๆเลย ดีจังนะพี่นนท์” ว่าแล้วก็หันไปหาพี่ชายที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ

“ขอบคุณครับพี่เมษ นนท์ดีใจมากเลยที่พี่เมษยอมเหนื่อยกับนนท์อีกคน”

“โอ๊ยนนท์ พี่นะไม่ห่วงนนท์เท่ากับไอ้เด็กข้างๆนนท์หรอก”

“ไหงงั้นล่ะพี่ ต้นออกจะเป็นเด็กดี น่ารักก็เท่านั้น แสนดีก็เท่านั้น...”

“โอย พอ พอ... เดี๋ยวอ้วก” เมษสวนกลับตรงๆ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากสองหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังได้อย่างพร้อมเพรียงกัน

“ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีนะพี่นนท์” คำพูดของเด็กหนุ่ม เรียกรอยยิ้มจากทั้งเมษและนนท์โดยที่คนพูดเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ดูเอาเถอะ เกิดเรื่องกับตัวเองแท้ๆ แต่ก็ยังไม่วายนึกถึงความรู้สึกของคนใกล้ตัวมากกว่าตัวเอง แล้วแบบนี้จะไม่ให้เมษรักและเป็นห่วงน้องชายคนนี้ได้อย่างไร จะไม่ให้นนท์ตื้นตันกับความรักที่น้องชายคนนี้มอบให้เขาได้อย่างไรกัน

“ถึงบ้านก็พักผ่อนกันซะนะ เรายังต้องรับมือกับอะไรอีกเยอะเลย” เมษว่าดังนั้นแล้วก็เบนสายตากลับมาจดจ่อกับถนนหนทางที่ยังมีรถราไม่หนาแน่นนักอีกครั้ง

**********************

“คุณไหมนี่แน่มากเลย” ชายหนุ่มยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันอยู่ครึ่งแก้วชูให้กับไหม ราวกับจะเชิดชูวีรกรรมอันยิ่งใหญ่อะไรสักอย่างของหญิงสาว

“เล่นไม้นวมไม่ได้ผล มันก็ต้องแลกกันหน่อย” ไหมว่าอย่างดุดัน แววตาที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวของเธอ บอกว่าเธอยอมแลกกับทุกอย่าง แม้ทางผู้จัดละครจะไม่ค่อยพอใจกับเรื่องที่เธอไปพูดออกรายการสดนัก แต่เพราะผลตอบรับจากการที่ใครต่อใครให้ความสนใจกับนางเอกละครคนนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด น่าจะทำให้ช่วยเพิ่มเรตติ้งให้กับละครได้ไม่น้อย บวกกับบทบาทที่นักแสดงสาวได้รับในครั้งนี้ค่อนข้างจะแตกต่างจากบทนางเอกสาวเรียบร้อยตามแบบฉบับละครทั่วไปด้วยแล้ว การโปรโมตหนนี้แม้อาจจะดูแรงไปสักนิด แต่ก็ต้องถือว่าสร้างกระแสได้ดีทีเดียว จึงยากที่ใครจะตำหนิเธอได้

“ทุกอย่างมันเข้าทางไปหมด” สมกับความต้องการของเธอในตอนนี้ที่สุด

“แล้วนี่ทางเด็กน้ำต้นว่ายังไงบ้าง” ดีเจหนุ่มเจ้าสำราญว่าพลางกระดกแก้วขึ้นจิบ

“ก็ไม่เห็นว่ายังไงนะ แต่มีคนบอกว่ากลับมาจากต่างจังหวัดแล้ว” ว่าตามตรงเธอคาดหวังว่าจะได้รับโทรศัพท์จากเด็กหนุ่มอยู่เหมือนกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววว่าน้ำต้นจะโทรมาเลย

“รู้สึกสองคนนั่นจะไปด้วยกันนะ” เธอยักไหล่ราวกับจะไม่ยี่หระในสิ่งที่ตัวเองพูด แต่ลึกๆแล้ว เธอไม่ชอบใจอย่างที่สุด และโกรธที่ทุกอย่างกลับพลิกผันไปเสียหมด

“อะไรนะ” ดูเหมือนข่าวนี้จะเรียกความสนใจจากเอ้ได้ผลก็คราวนี้ “นนท์น่ะนะ ไปกับเด็กของคุณ”

“ก็ใช่น่ะสิ ดูเหมือนที่คุณบอกฉันจะเป็นเรื่องจริงนะ ร้ายนัก เห็นเงียบๆติ๋มๆ ไม่นึกว่าจะขนาดนี้เหมือนกัน”

“ผมก็ไม่อยากเชื่อ” แน่ล่ะ ในสายตาของเอ้ นนท์คือคนที่เล่นด้วยยากที่สุด ตอนที่สนิทสนมกัน ไม่ว่าเอ้จะพยายามปลอบหรือขู่เพียงใด นนท์ก็ไม่ยอมใจอ่อนเอาเสียเลย จนหลายครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า เล่นตัวเสียยังกับผู้หญิงก็ไม่ปาน แล้วนี่อะไร ไอ้นักร้องนั่นมันมีดีอะไร นนท์ถึงได้ยอมใจอ่อนไปกับมัน เขานึกขบเขี้ยวเจ็บใจตัวเองที่ประเมินเด็กน้ำต้นต่ำเกินไป คิดว่ายังเด็กไม่ประสีประสา คงไม่มีน้ำยาสักเท่าไหร่ จึงวางใจ ไม่คิดกระตือรือร้นจะตื๊อนนท์ให้ใจอ่อนกับเขา “แสดงว่าเด็กคุณ ลีลาดี หรือยังไง”

ไหมเชิดคอขึ้น ในใจนึกรังเกียจนักเวลาที่เอ้พูดจาหยาบโลนเช่นนี้ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าต่างคนต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันล่ะก็ เธอคงไม่คิดอยากจะลดตัวไปยุ่งกับคนอย่างเอ้เป็นแน่ ในใจก็นึกหวังเหลือเกินว่าเรื่องมันจะจบลงอย่างที่เธอหวังเอาไว้ ทำไมต้องทำให้เรื่องยากถึงเพียงนี้ด้วยนะน้ำต้น คนอย่างเธอไม่ดี ไม่เหมาะกับเขาตรงไหน ถึงวันนี้เธอก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่า น้ำต้นจะมีรสนิยมแบบนั้น

“เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งวางใจนักก็แล้วกัน ถ้าอะไรยังไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจเอาไว้ล่ะก็ ฉันคงต้องพึ่งทางคุณด้วยเหมือนกัน งานนี้ฉันเอาจริงนะคุณ” เธอมองตาเอ้ราวกับจะยืนยันคำพูดนั้น

คนกลางคืนเริ่มทยอยเข้ามาในร้านมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้วันศุกร์ ใครๆก็อยากจะมาเที่ยวสังสรรค์ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าเป็นน้ำต้นน่ะหรือ อย่างมากก็ไปหาอะไรทานด้วยกัน เขาไม่ชอบเที่ยว ไม่ชอบดื่ม ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย จนหลายครั้งเธออดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าน้ำต้นเป็นคนดีที่น่าเบื่อเหลือเกิน ส่วนหนึ่งที่เธอทิ้งเขาไปในตอนนั้น ไม่ใช่แค่เพราะแม่ของเธอที่ไม่สนับสนุนเอาเสียเลยหรอก แต่เป็นเพราะเธอทั้งเบื่อทั้งริษยาเขามากเสียจนไม่อาจทนคบหาเขาต่อไปได้แล้วต่างหาก แม้ลึกๆเธอจะเสียดายเขาอยู่เหมือนกันก็ตาม

เอ้ผละจากโต๊ะของหญิงสาวเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนของเขา ไหมนัดชายหนุ่มให้มาพบปะพูดคุยกันที่นี่เพราะเห็นว่าสะดวกกับทั้งสองฝ่าย เอ้นั้นเป็นขาประจำของที่นี่อยู่แล้ว ส่วนไหมก็นัดเพื่อนเอาไว้อีกร้านที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ป่านนี้เพื่อนของเธอคงมากันพร้อมหน้าแล้ว ก่อนที่เธอจะลุกออกจากโต๊ะเพื่อเดินเบียดกลุ่มคนที่เริ่มจะหนาตาขึ้นเรื่อยๆออกไป ก็หันไปมองเอ้อีกครั้ง ชายหนุ่มสนุกสุดเหวี่ยง มือข้างหนึ่งยังถือแก้วเหล้าที่พร่องลงไปเพียงเล็กน้อยไม่ปล่อย ส่วนอีกข้างง่วนอยู่กับกับการลูบหน้าลูบหลังชายหนุ่มเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนอย่างพิศวาสเต็มที่ เธอเบะปากให้กับภาพที่เห็นอย่างนึกรังเกียจก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไปจากร้าน พร้อมกับสายตาของคนเป็นสิบที่หันไปมองเธออย่างชื่นชมในความสะสวยอันโดดเด่นไม่เป็นรองใคร

________________________________

โปรดติดตามตอนต่อไป

****************************

จบลงไปอีกตอนแล้วค่ะ ต้องขอโทษอย่างยิ่งทีเดียวที่ทิ้งช่วงนานไปสักนิด แต่ก็เอามาลงให้อ่านกันต่อแล้ว และดูเหมือนว่า ตอนต่อไปคงมีอะไรให้ได้ลุ้นกันใจหายอีกแล้วล่ะค่ะ

อย่าลืมติดตามกันต่อนะคะ

จากคุณ : fingers-crossed   
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: MawinK ที่ 15-08-2009 00:35:37
 ชอบจังเลยอ่ะ...มาลงให้แบบจุใจไปเลย..แต่ละตอนยาวได้ใจ..

แอบกระซิบถามคนเขียนนิดหนึ่ง...  o18 อ่านตอนบรรยาย Background นนท์  รู้สึกคุ้นๆ อ่ะ... คล้ายๆ ประวัติของใครสักคนในบ้าง AF ที่มีอักษรขึ้นต้นด้วย น. เหมือนกัน.... แถมน้องชายอีกคนก็อักษรขึ้นต้นด้วย ต. อีก  ละอ่อนเมืองทั้งคู่...

คนเขียนแอบให้มุขนี้เป็นแรงบันดาลใจอ่ะปล่าวครับ.....  :o8:

จะรออ่านตอนต่อไปนะครับ.... :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 15-08-2009 00:46:46
หึหึ

ยัยไหมโครตลงทุน แค่ไม่อยากยอมแพ้่  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 15-08-2009 02:26:52
+1 ให้คุณนาเมฮ์แล้วนะครับ...ขอบคุณที่นำมาลงต่อครับ
ยัยไหมเริ่มแผลงฤทธิ์แล้วสิเนี่ย... :m16:
รอลุ้นตอนต่อไปนะครับ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Sakana2yunjae ที่ 15-08-2009 08:05:05
น้องไหมนี่แรงจริงๆๆ เหอๆๆ น้ำต้นแอนด์พี่นนท์ สู้ๆๆเค้านะคะ

ขอบคุณพี่นาเมฮ์ แอนด์คุณ fingers-crossed คะ :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 15-08-2009 10:02:44
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
น่าาาาร้ากกก
จูจุ๊บกันแล้วด้วยยยย
อร๊ายยยย

ต้นมีสัญญาอะไรกะคุณพ่อพี่นนท์น้า..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 15-08-2009 12:44:54
ชะนีไหม กัดไม่ปล่อยจิงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-08-2009 22:42:46
 :o8: :o8:

เขิลอีกแล้วว
แต่นะ ไหมกะเอกนี่ เอาไปเก็บเดี๋ยวนี้เลย  :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 15-08-2009 22:56:15
โอย ไม่ได้อยู่แค่ 10 วัน

ไปต่อไกลเลยนะนี่

ลงได้จุใจมากเลยจ้า

ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 15-08-2009 23:41:21
แรงได้โล่ห์ค่ะคุณไหม ถึงขนาดเอาตัวเช้าแรกเลยทีเดียว เหอๆ
เป็นกำลังใขให้คนแต่งกะคนโพสนะค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 16-08-2009 00:08:10
อ่านตอนที่นนท์กับน้ำต้นอยู่ด้วยกันแล้วเขินนนนนนนนนนน
น่ารักมากกกกเลยค่ะ

ตอนหน้าจะมีอะไรให้ลุ้นอีกเหรอคะ
ยัยไหมก็นะ ไม่ยอมหยุดป่วนซะที

เอาใจช่วยพี่นนท์กับน้องต้นค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: chineigiro ที่ 16-08-2009 09:22:22
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด




ยายไหมแรงได้โล่ :angry2:



สู้ๆๆๆนะจ้า นนท์ และต้นน้ำ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 16-08-2009 11:58:12
ชอบอะ

อ่านทีจุใจเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 17-08-2009 01:22:00
มาต่ออีกนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 17-08-2009 17:00:02
 :pig4:  ไหมนี้ร้ายจริงๆ แล้วนนท์กับน้ำต้นจะเป็นไงต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Ugly Ducky ที่ 17-08-2009 18:25:47
 :serius2:

ร้ายมากกกกกกกกกกกกกกกก

โปรดติดตามตอนต่อไป ....
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 19-08-2009 01:01:04
ป๊าดดดด

ยิ่งอ่านยิ่งชอบแฮะ

หลงรักน้ำต้นไปแล้ววว

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 11 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 19-08-2009 23:29:58
พี่นนท์ กับ น้ำต้น น่ารักได้โลห์อ่ะ

อ่านไปเขินไป  :-[ หวานกันจังเลย

แต่ก็ยังได้อีกน๊าคนแต่ง จัดมาได้เรื่อย ๆ

คนอ่านพร้อม เป็นโรคเบาหวานก็ยอม ^ ^

ส่วนยัยไหม เมื่อไหร่จะล้มเลิกความเลวซะที

ทำตัวแบบนี้ ควรแก่การให้รางวัล  :beat:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 20-08-2009 21:48:17
ตอนต่อมาค่ะ

*******************

เพลงรัก

บทที่ 12

ชายหนุ่มในชุดทำงานแบบสบายๆตามปกติที่หนีไม่พ้นกางเกงยีนส์สีเข้มคู่กับเสื้อยืด และไม่ลืมที่จะสวมแจ๊กเก็ตยีนส์แบบมีฮู้ดทับเอาไว้อีกชั้นเวลาที่นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศแบบนี้  เครื่องปรับอากาศของออฟฟิศไหนๆก็ดูจะเย็นฉ่ำเกินไปสำหรับเขาเหมือนๆกันไปหมด แต่ในตอนนี้เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับอะไรมากไปกว่าเพลงที่กำลังนั่งฟังและสมุดบันทึกที่วางอยู่ตรงหน้า นนท์เปิดเพลงที่เขาแต่งเอาไว้เพลงนี้อย่างตั้งอกตั้งใจซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาแต่งเพลงนี้เก็บเอาไว้นานแล้ว ฟังมันไปไม่รู้กี่รอบจนขึ้นใจ แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะคิดแต่งเนื้อเพลงออกมา ด้วยไม่คิดว่าจะมอบมันให้ใคร

แม้ทำนองที่เขานั่งฟังอยู่จะเป็นเดโมที่มีแต่เสียงเปียโนกับโปรแกรมมิ่งอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ด้วยเนื้อเพลงที่แต่งออกมามันช่างตรงใจเขาอย่างที่สุด นนท์จึงคิดอยากจะสร้างความพิเศษให้กับเพลงนี้ให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก เขาคิดว่าจะปรึกษากับมิ่งและนรเศรษฐ์ในการประชุมใหญ่ช่วงบ่ายของวันนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเพลงนี้จะต้องเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา เพราะมันคือเพลงที่เขาแต่งขึ้นเพื่อคนที่พิเศษที่สุดนั่นเอง นนท์ก้มลงอ่านเนื้อเพลงที่เขาแต่งขึ้นเองอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย


ฉันลองเปิดใจออกดู ข้างในมีเธออยู่
ลองมองดู มีเพียงเธอคนเดียว
ในชีวิตที่มืดมน มองท้องฟ้ายังมืดหม่น
จนเธอเดินเข้ามา นำพาความหวังมาให้

เติบโตขึ้นอย่างมืดบอด ไม่หวังอ้อมกอดใดอีกต่อไป
แต่เมื่อมีเธอข้างใจ อยู่ข้างกายกัน คืนวันกลับน่าอัศจรรย์ขึ้นทันใด

เปรียบเหมือนนางฟ้า ลอยลงมาใกล้ๆ
ความรักที่เธอมอบไว้ เอ่อล้นท่วมท้นเกินบรรยาย
แม้จะหวาดหวั่น กลัวความฝันจางหาย
แต่รักนี้ของฉันมันมากมาย ไม่มีวันที่ฉันจะยอมสูญเสียเธอไป

เธอคนเดียวเท่านั้น เพียงคนเดียวในหัวใจ
จะไม่ยอมให้ใครพรากไป ใจฉันฝากไว้ที่เธอ

ความรักต่อเธอมากล้นท่วมใจ สัญญาเอาไว้ ฉันจะรักแต่เพียงเธอ...


นนท์ยิ้มกับตัวเอง เขาไม่คิดอยากจะแก้ไขอะไรอีกแล้วจึงถอดหูฟังออก หยิบแผ่นเดโมออกมาจากเครื่องเล่นก่อนที่จะเก็บมันใส่กล่องเอาไว้ เขาพิมพ์เนื้อเพลงลงไปในคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะสั่งพิมพ์ออกมาห้าชุด ที่เหลือก็แค่ดูว่าเจ้าของเพลงจะถูกใจเพลงนี้ไหม และทางมิ่งกับนรเศรษฐ์จะยอมตามใจเขาหรือไม่เท่านั้นเอง

นนท์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ระบายลมหายใจออกมาช้าๆ นึกโล่งใจขึ้นมาบ้างแล้วกับผลงานของเขาที่เริ่มเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาในที่สุด ทั้งๆที่ เพลงนี้จะกลายเป็นเพลงของคนอื่น แต่เขาก็ไม่รู้สึกเสียดมเสียดายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะคนอื่นที่ว่าก็คือคนที่รักและรู้ใจเขามากที่สุด มานึกดูแล้ว นนท์นึกขันตัวเอง นานมาแล้ว เขาเคยคิดว่าจะดีแค่ไหนหากได้เป็นคนถ่ายทอดผลงานของตัวเองออกมาโดยที่ไม่ต้องผ่านชื่อหรือน้ำเสียงของใคร แต่พอวันนี้มาถึง เขากลับไม่ได้นึกถึงเรื่องของตัวเองสักเท่าไหร่ ใจนึกแต่เพียงว่า เพลงไหนถึงจะเหมาะกับน้ำต้น เพลงไหนน้ำต้นจะชอบ และจะร้องออกมาได้อย่างไร ทำไมเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งจึงได้กลับกลายมามีอิทธิพลต่อเขามากมายถึงเพียงนี้ คิดแล้วนนท์ก็ได้แต่ยิ้มและส่ายหน้ากับตัวเอง

ว่าตามจริง นนท์เองยังไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าเขาจะก้าวมาได้ไกลได้ถึงขนาดนี้ เขาเป็นนักแต่งเพลงมาสองปี แม้ใจจะรักงานแต่งเพลงและงานเขียน ถึงขนาดเขียนหนังสือและแปลหนังสือออกมาได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ลึกๆในใจ นนท์อยากจะร้องเพลงที่สุด แต่เขาไม่เคยออกปากบอกใคร เพราะเขาไม่แน่ใจ แต่จะบอกว่าไม่แน่ใจเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ถูกต้องนัก นนท์มองอะไรตามความเป็นจริงเสมอ เมื่อล่วงเข้าสู่วัยหนึ่ง แค่ความฝันเพียงอย่างเดียวคงจะไม่พอเสียแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการเป็นนักร้องนั้นมันยากเย็นเพียงไร แต่ก็ยังยากไม่เท่ากับว่า ได้เป็นนักร้องแล้วจะประสบความสำเร็จหรือไม่ และยังรู้ด้วยว่าการจะเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จได้นั้น แค่ร้องเพลงเก่ง และเสียงดี ยังไม่พอ ยังต้องอาศัยจังหวะและความเฮงด้วย จะมีใครสักกี่คนที่เป็นได้อย่างน้ำต้น นนท์ไม่เคยอิจฉาน้อง เขาไม่อิจฉาใครทั้งสิ้น แค่นึกตำหนิที่ตัวเองไม่มีความกล้ามากถึงเพียงนั้นบ้างเท่านั้นเอง

สิ่งที่นนท์ทำได้ก็คือ การแต่งเพลง และหวังว่าความสามารถทางดนตรีที่มีอยู่ อาจจะทำให้เขาได้เข้าใกล้กับคำว่านักร้องศิลปินได้บ้าง แม้โอกาสนั้นอาจจะไม่เดินเข้ามาหาเขาตลอดกาลก็ตาม ยิ่งได้มาทำงานให้กับน้ำต้น เขาก็ยิ่งทุ่มเทลงไปเต็มที่ นนท์มองเห็นตัวเองในตัวเด็กหนุ่ม และเฝ้าคิดว่า แม้ตัวเองจะไม่ได้เป็นนักร้องอย่างที่หวัง แต่น้ำต้นนี่แหละคือคนที่จะทำหน้าที่ตรงนี้แทนเขาได้ดีที่สุด

วันที่มิ่งกับนรเศรษฐ์เรียกเขาเข้าไปคุยด้วยท่าทางยินดี พร้อมกับบอกข่าวดีว่า เขาจะได้เป็นนักร้องแล้วนั้น มันเหมือนทุกอย่างรอบตัวหลายเป็นสีขาวไปหมด นนท์บอกไม่ถูกว่าช็อกหรือดีใจหรือประหลาดใจ น่าจะเป็นทุกความรู้สึกนั่นแหละ แต่ที่ทำให้นนท์ซาบซึ้งใจที่สุดก็คือท่าทีของมิ่งกับนรเศรษฐ์ที่ดีใจกับเขาอย่างไม่ปิดบัง นั่นเป็นการบอกว่า ทั้งสองคนไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างยิ่ง และเป็นเพราะพี่ทั้งสองคนนี่เอง โอกาสอันยิ่งใหญ่นี้จึงถูกส่งมอบต่อเขาในที่สุด แน่ล่ะ การทำงานอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกของนนท์คงยังไม่ได้เริ่มในเร็ววัน เพราะถึงอย่างไรอัลบั้มของน้ำต้นคือสิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้ ซึ่งนั่นก็เป็นความตั้งใจของนนท์เช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรสำหรับเขา เรื่องของน้องชายก็ต้องมาก่อนอย่างอื่นเสมอ

หญิงสาวเปิดนิตยสารแนวซุบซิบที่วางกองอยู่บนโต๊ะอย่างนึกครึ้มใจ ได้ผลจริงๆเสียด้วย แค่ดาราสาวอย่างเธอพูดออกรายการสดที่ออกอากาศทั่วประเทศไปแค่ครั้งเดียว สื่อก็ให้ความสนใจอย่างมากมายแล้ว แต่แม้เธอจะไม่ได้พูดชื่อ “คนรักเก่า” ที่กำลังจะ “รีเทิร์น” ออกมา ใครบ้างล่ะจะไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงใคร สื่อบางฉบับถึงกับโทรเข้ามาติดต่อขอพุดคุยสัมภาษณ์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว บางสื่อก็ถามถึงที่มาที่ไปว่าคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไร ไหมไม่ได้เปิดอกเล่าทุกอย่าง และใช้วิธีพูดเลี่ยงไปเลี่ยงมาก็จริง แต่นั่นก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นความกระหายของสื่อให้มากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก

ไม่เพียงเท่านั้น คนรอบข้างเองก็ยังให้ความสนใจกับข่าวนี้ไม่น้อย ไม่ว่าเธอจะไปออกรายการโทรทัศน์ เดินทางไปถ่ายละคร หรือไปออกงานที่ไหน ตั้งแต่ช่างแต่งหน้าทำผม ไปจนถึงเพื่อนนักแสดงเป็นต้องออกปากถามเธออยู่ร่ำไป คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการอย่างไหม มีหรือจะไม่รู้ว่า ข่าวลือนั้นกระจายไปรวดเร็วแค่ไหนและจะถูกบิดเบือนมากเพียงไร เมื่อเรื่องราวถูกนำไปพูดแบบปากต่อปากแบบนี้ เรื่องชื่อเสียงเธอก็ห่วงอยู่หรอกนะ แต่โชคดีที่นางเอกอย่างเธอมีภาพเป็นผู้หญิงแสนดีมาแต่ไหนแต่ไร แล้วเรื่องแบบนี้ ฝ่ายผู้ชายนั่นแหละที่มักจะเป็นฝ่ายถูกกดดัน เธอไม่รู้หรอกว่าน้ำต้นจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ แต่ชั่วโมงนี้ไหมยอมเสี่ยงทุกอย่าง จะด้วยเพราะความโกรธ ความริษยา ความรัก ความอยากเอาชนะ หรืออะไรก็ตาม เธอเองก็ไม่แน่ใจ เธอรู้แต่ว่า เกมนี้เธอไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน

แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกมากก็คือ ทำไมน้ำต้นจึงไม่ยอมติดต่อมาบ้างเลย ทั้งๆที่ข่าวก็ลงออกจะครึกโครม ทำไมเขาถึงเมินเฉยกับเธอมากถึงเพียงนี้ หรือเขาจะยังเคืองเธอไม่หาย ให้ตายยังไงไหมก็ไม่อยากเชื่อว่า น้ำต้นสนใจในตัวนนท์มากกว่าเธอ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย และยังเป็นเรื่องที่เธอไม่มีวันยอมรับได้ด้วย ไม่มีวันเด็ดขาด ใจเย็นๆ ไหม... หญิงสาวเฝ้าบอกตัวเอง เรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นเข้าไว้

*************************

“น้ำต้นครับ พี่เมษขอคุยด้วยหน่อย” เออาร์สาวประจำตัวของนักร้องหนุ่มเดินเข้ามาบอกกับเขาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

“พี่เมษ มีอะไรครับ” น้ำต้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้กัน เมื่อเขาเดินเข้ามานั่งเก้าอี้รับแขกข้างๆโต๊ะทำงานของเมษ

“ดูนี่สิ” เมษวางนิตยสารแนวซุบซิบที่มักจะพาดหัวข่าวด้วยคำพูดหวือหวา ติดจะหยาบคายจาบจ้วงเกินปกติด้วยซ้ำในความรู้สึกของเขาเอง ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เขาจะไม่รู้เรื่องอะไร เพราะเขาไม่เคยอ่านนิตยสารประเภทนี้เลย

“อะไรครับพี่” น้ำต้นยังคงไม่เข้าใจว่า เมษอยากจะให้เขาดูอะไรกันแน่

“ข่าวของเราก็คุณไหมไง”

“ต้นกะไหม?”

“พี่บอกแล้วไงต้น มันยังไม่จบหรอก ลงเขายอมพูดออกรายการไปแบบนั้น เขาก็คงหวังอะไรพอสมควร”

น้ำต้นตั้งหน้าตั้งตาอ่านข่าวในมือ ซึ่งส่วนใหญ่ จะอ้างว่าเป็นคำพูดจากนักแสดงสาวเองที่ยืนยันว่า เคยคบหาอยู่กับเขามาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักเรียนฝึกหัดในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เพราะเนื้อข่าวบอกว่า นักแสดงสาวเผยถึงสาเหตุที่เลิกรากันไปในตอนนั้นว่าเป็นเพราะ ความที่ทั้งคู่ยังเป็นเด็กและต่างคนก็ต่างมุ่งความสนใจไปกับงานของตัวเอง โดยเฉพาะกับอดีตแฟนหนุ่มที่ทุ่มเทไปที่การร้องเพลงเสียจนหลงลืมเธอ ทำให้ห่างกันและเลิกกันไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม เธอยืนยันว่า ทั้งเธอและเขายังรู้สึกดีต่อกัน ระยะหลังได้กลับมาติดต่อกันอีก จึงมีโอกาสได้สานต่อความสัมพันธ์ครั้งเก่าขึ้นมาอีกครั้ง เนื้อหาต่อจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกนอกจากจะพูดถึงผลงานของนักแสดงสาว และมีข้อความที่เหมือนจะเป็นการบอกใบ้ตอกย้ำเข้าไปอีกว่า นักร้องหนุ่มคนที่เธอกล่าวถึงเป็นใครมาจากไหน อ่านจบมีหรือจะไม่รู้ว่าเป็นเขา

น้ำต้นถึงกับถอนหายใจหนักๆออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ไหมทำเกินไปจริงๆ เด็กหนุ่มเฝ้าบอกตัวเองว่า การได้เปิดใจคุยกันแบบตรงไปตรงมาคราวนั้น น่าจะทำให้หญิงสาวเข้าใจและตัดใจได้เสียที ที่จริงน้ำต้นไม่ได้รังเกียจไหมเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาไม่ได้รักเธอเลย ยิ่งตอนนี้เขายิ่งแน่ใจ น่าเสียดายจริงๆ ทั้งๆที่เขากับไหมยังน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้แท้ๆ

“ต้นจะเอายังไงต่อ” เมษถามอย่างเห็นใจเด็กหนุ่มที่นั่งหน้าเหี่ยวหมดมาดนักร้องชื่อดังอย่างสิ้นเชิง

“ไม่รู้เหมือนกันพี่ ต้นห่วงความรู้สึกพี่นนท์มากกว่า ไม่รู้จะรู้ข่าวหรือยัง”

“พี่ว่านนท์คงเข้าใจแหละ”

“พี่เมษว่าต้นควรโทรหาไหมดีหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิต้น มันอยู่ที่เราเองนั่นแหละ”

“พวกพี่ๆว่ายังไงกันบ้างครับ”

“พี่ๆเขาเข้าใจนะ เขาก็เป็นห่วงน่ะ เพราะจริงๆข่าวมันมาจากฝ่ายโน้นฝ่ายเดียว ที่แย่คือมันมีรูปลงด้วยนี่แหละ คนมันพร้อมจะเชื่อข่าวแบบนี้อยู่แล้วด้วย ยิ่งมีรูปให้เห็นแบบนี้ ไม่ต้องสืบหาที่มาที่ไปหรอก เขาก็ปักใจเชื่อไปแล้ว”

“เอาไงดีพี่”

“มีอีกอย่างที่พี่จะบอก นักข่าวเริ่มโทรหาพี่แล้วนะ”

“พี่บอกเขาว่าไงครับ”

“พี่ก็บอกว่าพี่ยังไม่รู้เรื่องอะไร แต่เชื่อพี่เถอะ เรื่องมันจะต้องถึงต้นเร็วๆนี้แน่”

“ขอโทษนะครับพี่เมษ”

“ไม่ต้องขอโทษเลยน้ำต้น พี่น่ะรู้จักน้ำต้นดีกว่าใครหลายคน แล้วพี่ก็เชื่อเราด้วย เกิดมาเป็นคนดัง ทำงานอยู่ในวงการนี้ยังไงก็หนีข่าวลือไม่พ้น ปัญหายังไงมันก็ต้องมีเข้ามา ก็ต้องช่วยกันแก้ไป แค่อย่าเพิ่งท้อแท้ไปเสียก่อนเข้าใจไหม” น้ำต้นได้แต่พยักหน้า

“อีกอย่าง ไปบอกนนท์เขาเสียหน่อย พี่เชื่อแหละว่านนท์เข้าใจ แต่ถึงยังไงเรื่องแบบนี้ ให้เขารู้จากปากเราเองจะดีที่สุด”

น้ำต้นเงยหน้าขึ้นมองเมษอย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยเล่าเรื่องเขากับนนท์ให้เมษฟัง แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นเสียแล้ว เมษเป็นคนมองอะไรได้อย่างทะลุปรุโปร่งเสมอ เด็กหนุ่มยิ้มให้เมษก่อนจะยกมือไหว้อย่างซาบซึ้งใจ

“ขอบคุณนะครับพี่เมษ ไม่มีพี่เสียคน ต้นคงไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน”

“เอาน่า... “ เมษตบบ่าน้ำต้นอย่างเอ็นดู “ไป เดี๋ยวเตรียมตัวไปประชุมกันนะ ยังไงเรื่องงานก็ต้องมาก่อน”

 เดินออกไปยังไม่ทันไร น้ำต้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลขที่กดอยู่เป็นประจำด้วยความคุ้นเคย ก่อนจะยกขึ้นแนบหูด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจนัก

************************

“สวัสดีครับ” นนท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นโดยไม่ทันมองด้วยซ้ำว่าปลายสายเป็นใคร ค่าที่กำลังง่วนอยู่กับงานบนโต๊ะนั่นเอง

“นนท์”

ทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสายนนท์ถึงกับชะงักไปทันที เขาไม่ค่อยให้เบอร์นี้กับใครนัก แล้วปลายสายไปเอาเบอร์ของเขามาจากไหนกัน

“นนท์ ทำไมเงียบไปล่ะ ขอคุยด้วยได้ไหม” เสียงอันคุ้นเคยนั้นยังคงพูดต่อไป

“มีอะไรต้องคุยกันอีก” น้ำเสียงที่เย็นชาแบบที่ไม่ค่อยได้ยินจากนนท์นัก ทำเอาเขาอึ้งไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้อยู่นั่นเอง

“ทำไมถึงได้พูดจาห่างเหินกันอย่างนี้นนท์ ไม่เห็นกับความสัมพันธ์ครั้งเก่าของเราบ้างเลยหรือ”

“อย่ามาพูดเรื่องนี้กับเรานะเอ้” นนท์ว่าเสียงเข้ม “เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น”

เอ้ถึงกับกุมโทรศัพท์ในมือไว้แน่นด้วยความไม่ชอบใจอย่างยิ่ง ชักจะเกินไปหน่อยแล้วไหมนนท์

“อย่างนั้นหรือ อ๋อ ลืมไป ตั้งแต่กำลังจะกลายเป็นนักร้องตามไอ้เด็กนั่นไปอีกคน ถึงกับลืมเพื่อนเก่ากันไปเลยนะ เราผิดหวังในตัวนายจริงๆนนท์”

เอ้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ก็นั่นแหละ ช้าเร็วก็ต้องมีคนรู้ เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกินความสามารถของเอ้ที่จะสืบเสาะจนรู้ได้หรอก

“นายไม่มีสิทธิ์หวังด้วยซ้ำเอ้ แล้วก็ไม่ต้องไปพาดพิงถึงใครด้วย อย่าดึงน้ำต้นลงที่ต่ำ”

เอ้ถึงกับตะลึงในคำพูดอันตัดรอนของนนท์ ไม่เพียงแต่ตัดรอน เขารู้สึกได้เลยด้วยซ้ำ ถึงน้ำเสียงของปลายสายที่แสดงอาการรังเกียจเขาชัดเจนถึงเพียงนั้น ทำเอาเขาหน้าชาและเปลี่ยนเป็นร้อนขึ้นมาด้วยความโกรธทันที
“ลีลามันคงเด็ดสิท่า ถึงได้หลงหัวปักหัวปำ ปกป้องมันออกนอกหน้านัก”
หนนี้นนท์เป็นฝ่ายกำโทรศัพท์แน่นด้วยพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เต้นตามอีกฝ่าย

“เอ้ อย่าคิดว่าคนอื่นมักง่ายเหมือนนาย” นนท์พูดสวนกลับไปแบบมะนาวไม่มีน้ำ “เราไม่อยากเสียเวลาถกเรื่องความสัมพันธ์ของใครกับนาย แล้วนายก็เลิกมายุ่งกับเราเสียที”

“จำไว้นะนนท์ ถ้าคิดว่าคนอย่างไอ้เอ้จะหยุดแค่นี้ นายคิดผิด” เอ้เสียงแข็ง “ของของฉัน ถ้าฉันไม่ได้ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์” ว่าแล้วก็กดวางสายทันที

นนท์ตกตะลึงในคำพูดอาฆาตมาตรร้ายที่เอ้ทิ้งท้ายเอาไว้ ปกติเขาเคยเห็นเอ้เป็นคนอารมณ์ดี ติดจะเพลย์บอยเสียมากกว่าจะพูดอะไรจริงจัง นี่เห็นทีจะเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่นนท์ได้เห็นธาตุแท้อีกด้านหนึ่งของเอ้ ของของฉัน อย่างนั้นหรือ แค่ได้ยินนนท์ก็รู้สึกขนลุกแล้ว เอ้มองเขาเป็นสิ่งของงั้นหรือ แล้วที่ผ่านมาไม่ใช่เขาหรอกหรือที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเอ้เอาไว้ แล้วสุดท้ายก็เอ้นั่นแหละที่ทิ้งขว้างมันไป พร้อมกับพูดใส่หน้าอีกต่างหากว่า นนท์เป็นคนน่าเบื่อ แล้วก็เป็นนนท์นั่นเองที่ต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวด และพยายามที่จะหักดิบตัดใจเสีย ราวกับว่ายังทำให้เขาเสียใจไม่พอ ผ่านไปไม่ทันไร เอ้ก็กลับมาตอแยกับเขาอีก แล้วจะไม่ให้เขาต่อว่าเอ้ว่ามักง่ายได้อย่างไร เพราะเอ้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่บอกไปว่า มักมาก ดังนั้นความรู้สึกดีที่น่าจะหลงเหลืออยู่บ้างมันก็ย่อมต้องหมดลงได้เป็นธรรมดา นนท์จึงไม่คิดจะกลับไปคบหากับเอ้อีกไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม และเขาก็เป็นคนเด็ดขาดเสียด้วย

อารมณ์ที่คุกกรุ่นยังไม่ทันจางหาย เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีก หนนี้นนท์ไม่ลืมที่จะดูเสียก่อนว่า ปลายสายเป็นใคร ก่อนที่จะยิ้มออกมาปัดเป่าอารมณ์ที่ขุ่นมัวออกไปได้แทบจะทันที

“ครับน้ำต้น”

“พี่นนท์ อีกตั้งนานกว่าจะประชุม ต้นมีเรื่องอยากคุยกับพี่ ได้ไหม” นนท์เลิกคิ้วขึ้นอย่างพิศวงแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยแฮะเด็กคนนี้

“เดี๋ยวสิครับ มีอะไรหรือเปล่า”

“มีสิพี่ สำคัญมากเลย ได้ไหมครับ นะ พี่นนท์” โธ่เอ๋ยน้ำต้น ไม่ต้องทำเสียงออดอ้อนขนาดนี้พี่นนท์ก็ต้องยอมอยู่แล้วล่ะ

“ได้ พี่ไม่ได้ติดอะไรอยู่แล้ว”

“งั้นเดี๋ยวต้นลงไปหา แค่นี้นะพี่” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบกลับ เจ้าน้องชายก็รีบกดวางสายไปเสียแล้ว

“ทำไมมีแต่คนชอบวางสายใส่เราจังเลย” เขาบ่นอุบกับตัวเองอย่างไม่ถือเป็นจริงเป็นจังอะไรก่อนที่จะส่ายหน้าและยิ้มกับตัวเองอยู่อย่างนั้น

*****************
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 20-08-2009 21:51:33
นนท์เปิดนิตยสารในมืออย่างทึ่งๆ ก่อนจะพลิกขึ้นดูหน้าปกอีกครั้ง แล้วก็หันไปมองหน้าเจ้าเด็กตาหวานที่นั่งเอาคางพาดกับโต๊ะทำงานของเขาพลางมองดูเขาตาปริบๆว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง พออ่านข่าวที่เจ้าตัวลงทุนหอบหิ้วลงมาให้อ่านเสร็จก็หันไปมองหน้าตัวต้นเหตุทีหนึ่ง ก่อนจะพลิกดูหน้าอื่นๆอย่างตื่นตาตื่นใจ เสร็จจากเล่มหนึ่งก็หยิบอีกเล่มหนึ่งขึ้นมา อดรนทนไม่ได้ เจ้าน้องชายตัวดีถึงกับต้องเป็นฝ่ายโพล่งออกมาเสียเอง

“ว่ายังไงพี่นนท์” นนท์หันไปมองเด็กหนุ่มที่ทำหน้ามุ่ยอยู่เป็นนาน ก่อนจะปิดนิตยสารในมือลงแล้วก็วางกองรวมๆกันไว้เหมือนเดิม

“ก็ไม่ว่ายังไง แค่แปลกใจนิดหน่อยว่า ทำไมคนชอบอ่านนิตยสารแบบนี้จัง” นนท์ชี้มือไปที่กองนิตยสารนั้นก่อนจะว่าต่อ “พี่ไม่เห็นมันจะน่าอ่านตรงไหน มีแต่ข่าวอะไรไม่รู้ น้ำต้นอ่านนิตยสารแบบนี้ด้วยหรือ” เขาถามน้ำต้นด้วยสีหน้าล้อๆ ทำเอาเจ้าเด็กโข่งทำหน้ามุ่ยหนัก

“โหย... หน้าอย่างต้นเนี่ยนะจะอ่าน พี่เมษเขาเอามาให้ดูหรอก ไม่งั้นต้นก็คงยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยมั้งป่านนี้”

“อือม์”

“อะไร! แค่เนี้ย... อ่านเสร็จพูดได้แค่เนี้ย”

“เอ๊า... แล้วจะให้พี่พูดอะไรล่ะน้ำต้น ก็มันข่าวซุบซิบน่ะ จะไปสนมันทำไม”

“โธ่ พี่... เขาดันไปให้ข่าวว่า ต้นจะรีเทิร์นไปคบกับเขา พี่ไม่นึกโกรธบ้างหรือไง” นนท์เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกันกลั้นยิ้ม

“โกรธทำไม”

“ว้า... พี่นนท์ นี่ต้นกังวลจะตาย พี่กลับทำเฉยซะงั้น”

“ก็ต้นจะกลับไปคบกับเขาหรือเปล่าล่ะ”

“เง้อ... บ้าสิ! ไม่มีทางหรอก”

“ก็นั่นไง พี่ก็รู้อยู่แล้ว พี่จะโกรธทำไม” นนท์ว่า “พี่น่ะสิจะห่วงน้ำต้นมากกว่า” น้ำต้นทำหน้างงขึ้นมาทันที ทำเอานนท์ยิ้มออกมาอีก ซื่อเหลือเกินหนอน้ำต้น

“ตอนนี้น่ะ คนที่ต้องลำบากใจก็คือเรานั่นแหละ เพราะจากนี้ไปนักข่าวคงต้องเล่นเรื่องนี้แน่ๆ ไหมเขามีชื่อเสียงขนาดนั้น ต้นเองก็ไม่เบา นักข่าวเขามีเรื่องให้เล่นเขาไม่ปล่อยง่ายๆหรอก”

“แต่พี่ไม่ได้โกรธใช่ไหมล่ะ”

“ไม่ได้โกรธ พี่จะโกรธทำไม”

“ไม่งอนนะ”

“ไม่งอน”

“ไม่หึง?”

“ไม่หึง”

“ซักนิดก็ไม่เหรอ?” พอได้เห็นสีหน้าเหมือนจะผิดหวังของเด็กน้ำต้น นนท์ถึงกับหัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป

“ถามทำไมเนี่ย”

“ว้า... ไอ้เราก็หวังว่าพี่เราจะหวงเราซักหน่อย” บ่นกระปอดกระแปดยังไม่พอ เจ้าตัวยังเบือนหน้าหนีให้รู้ว่างอนแล้วไปเสียอย่างนั้น

“เอ๊า เป็นงั้นไป” นนท์ว่าพลางยกมือขึ้นขยี้ศีรษะเจ้าน้องชายเบาๆอย่างเอ็นดู

“ต้นยังไม่เห็นพี่ตอนหวงว่าเป็นยังไง”

“เป็นไงอ่ะพี่”

“อย่ารู้เลย” นนท์ยิ้ม ก่อนที่จะก้มลงกระซิบใกล้ๆ “ไม่หวง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่รักนี่”

เท่านั้นแหละ เจ้าเด็กตาหวานถึงกับหน้าแดงก้มหน้าลงกับโต๊ะและแอบยิ้มอยู่คนเดียว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนนท์

“พี่นนท์เนี่ย บทจะพูดอะไรออกมาเล่นไม่ทันให้ได้ตั้งตัวเลย” น้ำเสียงเหมือนจะบ่นๆแต่ทำไมถึงหยุดยิ้มไม่ได้ก็ไม่รู้

“ไม่ชอบเหรอ”

“ชอบ... กำลังจะบอกเลยว่า...”

“ว่า?”

“พูดแบบนี้บ่อยๆก็ดีนะพี่”

“ของดีมีบ่อยได้ยังไง”

“บ่อยๆเหอะ น้องขอจะไม่ให้เชียวหรือ”

“ทำตัวดีๆ อย่างอแง อย่าดื้อ จะพูดให้ฟังบ่อยๆ”

“โห... ทำยังกับเราเป็นเด็ก” ว่าแล้วก็เบะปากทำหน้ามุ่ยขึ้นมาอีกจนได้

“ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวจะได้ขึ้นมาประชุม”

“ไม่ไปแล้ว... งอน” นนท์อดหมั่นไส้ลีลาของเจ้าน้องชายไม่ได้ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลุกขึ้นมาแล้วก้มลงจูบลงไปบนกระหม่อมของเด็กขึ้งอนทีหนึ่งทันที ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับพูดขึ้นลอยๆว่า “ใครไม่ไป ไปเองก็ได้ หิวไส้จะขาดแล้ว” เท่านั้นเอง น้ำต้นกระโดดผึงขึ้นจากเก้าอี้ทันที ไม่รู้เป็นเพราะตกใจ หรือดีใจ หรืออะไรเจ้าตัวก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

“เดี๋ยว! พี่นนท์...” เรียกได้แค่นั้น ก็เดินจ้ำอ้าวตามคนพี่ไปที่หน้าลิฟท์แต่โดยดี

***********************

“คุณไหม ผมมีข่าวจะบอก” ปลายสายที่ไม่พูดเกริ่นอะไรทั้งสิ้น กรอกเสียงลงโทรศัพท์ทันที่ที่รู้ว่าอีกฝ่ายกดรับสายแล้ว

“ว่ายังไงคะ”

“นนท์กำลังจะออกอัลบั้มแล้วนะ”

“อะไรนะ”

“ก็อย่างที่ได้ยิน ศัตรูหัวใจของคุณน่ะ มันท่าจะรุ่งใหญ่แล้ว ได้ทำงานให้เด็กน้ำต้นสร้างเครดิตให้ตัวเองยังไม่พอ ถูกอวยให้เป็นศิลปินไปแล้วอีกคน” น้ำเสียงเอ้แสดงความดูหมิ่นออกมาอย่างไม่ปิดบัง อันที่จริงเขารู้เรื่องนนท์จะได้ออกอัลบั้มนี้มาโดยบังเอิญแท้ๆ และทันทีที่ได้รู้ เขาก็ยิ่งนึกอยากจะกลับไปคบหากับนนท์อีกครั้ง เหตุผลที่โทรไปหานนท์ก็คือนอกจากจะแสดงความยินดีแล้ว ก็ยังอยากจะสานต่อความสัมพันธ์ครั้งเก่าที่ไม่คืบหน้าไปไหนเพราะตัวเขาเองนั่นแหละ ทำไมเอ้จะไม่รู้ว่าความสามารถทางดนตรีของนนท์โดดเด่นขนาดไหน และทำไมจะไม่รู้ว่านนท์มีเสน่ห์ชวนให้ดึงดูดใจเพียงไร ตอนนี้นนท์เป็นแค่คนทำงานเบื้องหลัง จึงอาจจะยังไม่เป็นที่สนใจของใคร แต่เขาเชื่อเหลือเกินว่า อย่างนนท์สามารถที่จะเป็นนักร้องหรือแม้แต่นักแสดงได้อย่างสบายด้วยซ้ำ ไม่น่าเลย... ในตอนนั้น เขาไม่น่าจะหมางเมินกับนนท์เลย เพียงแต่ไม่ทันคิดว่านนท์จะก้าวมาไกลขนาดนี้ แล้วก็ที่นึกไม่ถึงเลยก็คือความใจเด็ดของนนท์ เป็นคนอื่น โดนเขางอนง้อเข้าหน่อย ก็มีอันต้องใจอ่อนหมดแล้ว เขาประเมินนนท์ผิดเกินไป ของดีจึงต้องหลุดมือไปเช่นนี้

แต่ความหวังในการที่จะสานสัมพันธ์ก็ต้องมีอันพังทลาย ไม่เพียงแต่นนท์จะตัดบัวไม่เหลือใย ยังมีไอ้เด็กน้ำต้นนั่นเข้ามาขวางทางเขาอีก ที่แย่คือ ไอ้เด็กนั่นท่าทางจะจริงจังกับนนท์ แถมยังมีภาษีเหนือเขาอยู่หลายขุม นึกแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ ตอนนี้เขาชักเข้าใจความรู้สึกของไหมขึ้นมาแล้ว และเห็นทีว่าจะต้องให้ความร่วมมือกับนักแสดงสาวคนนี้อย่างจริงจังเสียที

“คุณแน่ใจเหรอ” ไหมเม้มปากด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก ที่แน่ๆเธอโกรธที่สถานการณ์ของฝ่ายโน้น อะไรๆก็ดูเหมือนจะดีไปเสียหมด

“แน่ใจ ผมทำงานในวงการเพลงนะคุณ ถึงจะเป็นดีเจก็เถอะ แหล่งข่าวผมเชื่อถือได้”

“เจ็บใจนัก”

“เห็นทีคงต้องลงมือทำอะไรให้จริงจังกว่านี้อีกหน่อยแล้ว” ไหมแปลกใจขึ้นมาเมื่อเห็นทีท่าอันกระตือรือร้นเกินปกติของเอ้ แต่เธอเลือกที่จะไม่ถาม เพราะเธอไม่ได้อยากรู้อะไรมากไปกว่านั้น ความต้องการของไหมก็คือการได้ตัวน้ำต้นกลับคืนมา หรือถ้าจะไม่ได้ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ หรือถ้าถึงกับต้องทำลายใครเธอก็จะทำ

“คุณมีแผนอะไรหรือเปล่า”

“คุณจัดการกับน้ำต้นของคุณไปเถอะ ส่วนผมจะจัดการเรื่องนนท์เอง”

“ได้ ระวังอย่าให้สาวถึงกันก็แล้วกัน แค่นี้ฉันก็เปลืองตัวพอแล้ว” ไหมว่า ก่อนที่จะวางสายไป คิดสาระตะแล้วเธอจึงกดโทรศัพท์อีกครั้ง

*********************

เนื้อเพลงถูกแจกให้กับมิ่ง นรเศรษฐ์ เมษ และน้ำต้น โดยนนท์เก็บเอาไว้เองแผ่นหนึ่ง แผ่นเดโมถูกเปิดให้คนในห้องประชุมได้ฟังกันรอบหนึ่ง ก่อนที่จะเปิดอีกรอบโดยหนนี้มีนนท์ร้องคลอตามไปด้วย เมื่อเพลงจบลง ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบขนาดที่ถ้ามีเข็มเล่มหนึ่งหล่นลงพื้น ก็คงได้ยินกันทั่ว นนท์ถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง ปกติเขาจะไม่รู้สึกว่าต้องลุ้นขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาใส่ความตั้งใจกับเพลงนี้ชนิดเกินร้อย จึงหวังเหลือเกินว่า คนที่ได้ฟังจะชอบมัน เขาหันไปมองน้ำต้นเป็นคนแรก และตอนนั้นเองที่ความเคร่งเครียดทั้งหมดมลายหายไปในทันที ชายหนุ่มเห็นน้ำตาคลออยู่ในตาแดงๆของน้องชายที่ยิ้มออกมาในที่สุด

“พี่ชอบมากเลยนนท์” มิ่งกับนรเศรษฐ์เอ่ยออกมาในที่สุด “เมษว่าไง”

“ชอบค่ะพี่ เมษก็ชอบ” แล้วสายตาทุกคู่ก็จับไปที่นักร้องหนุ่มทันทีโดยไม่ได้นัดหมาย

“...” น้ำต้นได้แต่ก้มหน้า พูดไม่ออก

“ไม่ชอบเหรอต้น” นรเศรษฐ์แซว เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นทันทีก่อนจะส่ายหน้า

“ใครว่าไม่ชอบ นี่เป็นเพลงที่ต้นชอบมากที่สุดเลย” น้ำต้นตั้งใจพูดให้นนท์ได้ยินโดยเฉพาะ

“แล้วก็ ผมอยากจะขออะไรอีกเรื่องด้วยครับ” นนท์รีบพูดขึ้นมาทันที แม้ในใจจะโล่งเหลือเกินที่ทุกคนชอบเพลงของเขา

“ว่ามาเลย” มิ่งเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น

“เพลงนี้น่ะ เครื่องดนตรีหลัก ยังไงผมก็คงต้องขอให้เป็นเปียโนนะครับ แต่ถ้าดนตรีแบ็กกราวน์ผมอยากขอให้เน้นที่เครื่องสายเป็นหลัก คืออย่างน้อยๆก็ต้องมีไวโอลิน เชลโลอะไรพวกนี้ยืนพื้นไว้ก่อน ไหวหรือเปล่าครับ ผมเองก็ห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในส่วนนี้อยู่เหมือนกัน”

“ถ้ามันต้องเพิ่มเพื่องานที่สมบูรณ์กว่า มันก็ต้องเพิ่มแหละ บอกตามตรงนะนนท์ พี่อยากฟังเพลงที่เสร็จสมบูรณ์มากเลย”

“ผมไม่ค่อยถนัดทางคลาสสิกเท่าไหร่ แค่ก็อยากให้ใส่ซาวนด์ออร์เคสตร้าเพราะๆลงไปด้วยน่ะครับ ในเมื่อเราอยากจะให้คนฟังเห็นว่าน้ำต้นเติบโตขึ้นในแง่ของการเป็นนักร้อง ซาวนด์แบบนี้น่าจะช่วยได้มาก”

“เข้าใจล่ะ แล้วเพลงอื่นๆที่นนท์เคยเอามาให้พวกพี่ฟังล่ะ ยังไงดี”

“พี่มิ่งกับพี่นอมีเลือกๆเพลงไหนเอาไว้บ้างหรือยังครับ” เมื่อเห็นทั้งคู่พยักหน้านนท์จึงว่าต่อ “มันจะมีบางเพลงในนั้นที่เป็นเพลงบัลลาด ที่ผมก็มีคิดอยากจะใส่เครื่องสายลงไปบ้างด้วยเหมือนกัน”

การสนทนาในเรื่องของดนตรียังดำเนินต่อไป น้ำต้นถึงกับทึ่งในความสามารถของนนท์ในแบบที่เขาไม่เคยได้เห็น เขาเพิ่งเคยเห็นสีหน้าที่เอาจริงเอาจังขณะที่พูดคุยเรื่องดนตรี ซึ่งเอาจริงๆก็คือผลงานของเขานั่นเองแบบนี้เป็นครั้งแรก ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่รักผู้ชายบุคลิกเคร่งขรึมเวลาอยู่ต่อหน้าใครๆ ที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเขาคนนี้เท่านั้น เขายังนึกชื่นชมในตัวพี่ชายคนนี้เหลือเกิน เมื่อไหร่หนอ เขาถึงจะตามพี่ชายของเขาทันเสียที พี่นนท์เก่งเหลือเกิน

“ทีนี้อีกเรื่องที่พี่อยากจะขอพูดอย่างเป็นทางการเสียที” มิ่งว่า “ก็อย่างที่ทุกคนคงรู้กันดีแล้วนะว่า นนท์จะเป็นนักร้องเบอร์ต่อไปของเรา ซึ่งพี่กับนอยินดีกับนนท์ด้วยนะครับ”

นนท์ยกมือไหว้ขอบคุณโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

“แล้วเมษก็จะรับหน้าที่ดูแลเราทั้งสองคนไปพร้อมๆกันเลย ซึ่งเรื่องนี้เมษโอเค” เมษพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออด

“ตอนนี้ในส่วนดนตรีของน้ำต้นคืบหน้าไปเกินครึ่งแล้ว ใจพี่ทีแรกกะว่าจะให้นนท์เริ่มทำงานอัลบั้มของตัวเองเลย แต่นนท์ยืนยันว่า อยากจะมีส่วนในการทำงานในอัลบั้มใหม่ของน้ำต้นให้มากที่สุด ซึ่งพี่ไม่ติดอะไรนะ” มิ่งว่าต่อยืดยาว “พี่ก็เลยเอามาปรึกษานอแล้วก็ทีมงานหลายๆคน ทุกคนก็เลยเห็นพ้องกันว่า มันอาจจะทำให้งานของนนท์ล่าช้าออกไปบ้าง แต่ว่าเราจะใช้วิธีโปรโมตอัลบั้มของน้ำต้น โดยให้เครดิตนนท์ในฐานะของหนึ่งในคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังในการทำอัลบั้มนี้” มิ่งกวาดสายตามองทุกคนในห้องที่กำลังตั้งอกตั้งใจฟังโดยไม่มีใครพูดขัดขึ้นมา “โดยนนท์เองก็คงต้องลุยงานของตัวเองไปด้วย โดยมีพี่กับนอคอยดูแลให้”

“ซึ่งนนท์อาจจะต้องเหนื่อยหน่อยในช่วงแรกๆ แต่มันจะดีต่อนนท์เมื่องานของนนท์ออกมา” นรเศรษฐ์ว่าพลางหันไปมองนนท์ “คิดว่าไหวไหม”
นนท์ยิ้มออกมาในที่สุด “ต้องดีสิครับ” เขาไม่อาจจะปิดบังความยินดีได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ

“ต่อให้พี่ให้ผมเริ่มงานของตัวเอง ยังไงผมก็คงต้องยืนยันทำงานของน้ำต้นให้เรียบร้อยก่อนอยู่ดี”

“น้ำต้นล่ะว่าไง”

“ดีเสียยิ่งกว่าดีอีกครับ ทีแรกต้นก็ห่วงกลัวว่าพี่นนท์ต้องออกงานช้าเพราะต้น แต่พอพี่มิ่งพูดขึ้นมาแบบนี้ ต้นคงไม่ติดอะไรแล้วล่ะครับ” ว่าแล้วก็หันไปยิ้มกว้างกับนนท์

“ไอ้สองคนนี่มันห่วงกันดีจริง” มิ่งหัวเราะชอบใจ

“ส่วนเรื่องข่าวน่ะ พวกพี่ก็พอจะรู้กันมาบ้างแล้วนะ” ได้ยินดังนั้นทั้งน้ำต้นและนนท์ก็มีสีหน้าไม่สบายใจขึ้นมาทันที นี่แหละที่พวกเขาเป็นห่วง

“ข่าวมันต้องแรงแน่ๆ พี่บอกได้เลย ก็เลยอยากจะขอเตือนพวกเราเอาไว้สักหน่อย” นรเศรษฐ์ว่าด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอให้ทำอะไรอย่างมีสตินะ แล้วก็อย่าไปเต้นตามเขา พี่เองน่ะไม่ได้อยากโปรโมทอัลบั้มของน้องด้วยข่าวแรงๆหรอก มันไม่ใช่วิธีของพี่ สองคนช่วยดูแลกันหน่อยก็แล้วกัน ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาเมษ พี่เชื่อมือเขา”

“ครับ” สองคนพยักหน้ารับคำโดยพร้อมเพรียงกัน

***********************

ร้านอาหารแห่งนี้ ไหมบอกว่าเป็นร้านของเพื่อนที่ไว้ใจได้ น้ำต้นแม้ไม่ได้นึกอยากมาพบหน้าหญิงสาวแต่อย่างใด แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็อยากจะพูดคุยกับไหมให้รู้เรื่องและเข้าใจกันไปเลยเสียที ในที่สุดเมื่อไหมเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาและบอกว่า มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย น้ำต้นจึงตัดสินใจรับปาก โดยไม่ลืมที่จะบอกกับนนท์เสียก่อน

“เขาโทรมาน่ะพี่นนท์ เขาว่าอยากคุยเรื่องที่เกิดขึ้น”

“น้ำต้นว่าไงล่ะครับ”

“ต้นไม่อยากเจอเขานะพี่ แต่ก็อยากให้เรื่องมันจบลงเสียที พี่นนท์อยากให้ต้นไปไหม” ได้ยินดังนั้นนนท์ได้แต่ยิ้ม ก่อนจะบอกออกไปว่า

“เรื่องนี้เป็นเรื่องของต้นนะ ทุกอย่างแล้วแต่ต้น พี่ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจแทนหรอกนะ” น้ำต้นทำหน้าขัดใจขึ้นมา แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรออกไป นนท์ก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “น้ำต้น ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รัก ไม่ห่วงนะครับ แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ถ้าต้นคิดว่าอยากจะไปคุยให้เข้าใจก็ไปเถอะ หรือถ้าต้นไม่อยากจะคุยกับเขาอีกต่อไป ก็แล้วแต่ พี่เคารพการตัดสินใจของต้น”

ได้ยินดังนั้นน้ำต้นจึงระบายลมหายใจออกมาด้วยความหนักใจ และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้ในที่สุด

“ถ้างั้น ต้นจะไปเจอเขา อยากให้เขาหยุดทำอะไรโง่ๆเสียที”

“ดีแล้วครับ พี่จะรอฟังข่าวนะ”

“แล้วก็... ขอบคุณมากนะพี่” น้ำต้นที่กำลังจะลุกออกมาหันไปเอ่ยกับพี่ชาย
“ขอบคุณพี่เรื่องอะไร”

“เพลงที่พี่แต่งให้น่ะ ขอบคุณนะ”

“รู้ได้ยังไงว่าพี่แต่งให้” นนท์ถามยิ้มๆอย่างไม่ได้หวังคำตอบอะไรเป็นจริงเป็นจัง

“รู้กันในใจไง” เมื่อได้ยินเจ้าน้องชายตอบออกมาได้หน้าตาเฉย นนท์ถึงกับเลิกคิ้วทำหน้าแบบไม่เชื่อหูตัวเองขึ้นมาทันที ทำเอาเด็กน้ำต้นหัวเราะก๊ากออกมาในที่สุด

“นี่แหละความลับของสมุดเล่มนั้น ตามสัญญา...” นนท์หมายถึงสมุดบันทึกที่เขาหวงนักหวงหนาไม่ยอมให้น้ำต้นได้อ่านคราวนั้นนั่นเอง

เด็กหนุ่มได้แต่ยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่รู้จะเอ่ยเป็นคำพูดอย่างไรดีให้ตรงกับความรู้สึกในตอนนี้ของตัวเอง

“ชอบไหม” นนท์ถาม

“ชอบที่สุด”

“พี่ดีใจนะ”

“รู้” น้ำต้นยิ้มให้นนท์ก่อนจะเดินออกมาด้วยหัวใจที่พองฟู ทำให้การมาพบกับไหมในวันนี้ เจ้าตัวตัดสินใจที่จะพูดอะไรออกไปให้ตรงและชัดเจนเพื่อที่จะให้เรื่องทั้งหมดจบลงไปเสียที

ถ้าไม่ใช่เพราะพี่นนท์ล่ะก็ เขาอาจจะไม่มานั่งรอหญิงสาวที่สร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตของเขาแบบนี้แล้วก็ได้ แต่ใจหนึ่ง น้ำต้นอยากรู้เหลือเกินว่า ไหมทำแบบนี้เพื่ออะไร ผู้หญิงถือดีอย่างนั้น ยอมเอาชื่อเสียงตัวเองเข้าเสี่ยงบอกแก่ใครๆว่าเธอกำลังจะกลับไปคบหากับเขา ซึ่งเขารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว เพื่ออะไร ไม่ว่าจะมีนนท์เข้ามาในชีวิตของเขาหรือไม่ก็ตาม น้ำต้นไม่ได้รักไหมอีกแล้ว ยิ่งเกิดเรื่องอย่าว่าแต่ความรักเลย แม้แต่ความเป็นเพื่อน น้ำต้นเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะยังมีหลงเหลือให้กับหญิงสาวบ้างหรือไหม

เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่ตรงประตูกระจกของร้านดังขึ้น น้ำต้นเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวรูปร่างแบบบางสูงโปร่งในชุดกระโปรงสีหวาน สะพายกระเป๋าราคาแพงที่เหมาะกับเธออย่างยิ่ง เดินเข้ามาในร้าน เสียงรองเท้าส้นสูงยี่ห้อดัง กระทบพื้นเป็นจังหวะ ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยของเธอเคลื่อนไหวตามจังหวะการเดิน ใบหน้าแต่งแต้มด้วยสีสันของเครื่องสำอางราคาแพง ไหมเป็นผู้หญิงที่สวยสะและร่ำรวยเสน่ห์เหลือเกิน ไม่มีครั้งไหนที่หญิงสาวไปปรากฏตัวแล้วทุกสายตาจะไม่จับจ้องอยู่ที่เธอ น้ำต้นมั่นใจว่าคนอย่างไหม จะต้องมีผู้ชายดีๆมากมายมาต่อแถวเพื่อรอให้เธอเลือกเป็นคู่อยู่แล้ว แล้วทำไม เธอยังยึดติดอยู่กับเขาถึงเพียงนี้ เขามีดีอะไรนอกเหนือไปจากการเป็นนักร้องชื่อดัง ถ้าถามเขาว่า อะไรที่ทำให้ไหมยังอยากกลับมาหาเขา ก็คงเหลือเพียงแค่เหตุผลนี้เท่านั้น ชื่อเสียงที่เขามี เป็นสิ่งเดียวที่เขาคู่ควรกับเธอ

ไหมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงกันข้ามกับเขา หญิงสาวถอดแว่นสีชาออก ทุกท่วงท่าของเธอไม่ว่าจะนั่งหรือขยับตัว แลดูไร้ที่ติไปหมด ราวกับว่าได้ฝึกมาจนรู้แล้วว่ามุมไหนหรือทำท่าอย่างไร จึงจะทำให้เธอดูดีที่สุด

“ขอโทษที่ให้รอนะต้น”

“ไม่เป็นไร”

“สั่งอะไรมาทานหรือยัง”

“ไม่หิว ไหมมีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองอะไรหรอก”

และเขาก็หมายความตามนั้นจริงๆ เมื่อยืนยันว่าจะไม่สั่งอะไรอื่นอีกนอกจากเครื่องดื่มเท่านั้น ไหมถึงกับต้องกัดริมฝีปากเอาไว้อย่างอดกลั้น ในชีวิตนี้มีครั้งไหนที่เธอจะรู้สึกเสียหน้าได้มากเท่าครั้งนี้อีกไหม

“ก็ได้ จะเอาอย่างนั้นก็ได้”

“ไหมทำไปทำไม”

“ทำทำไม!?! ก็ไหมรักต้น ยังไม่เข้าใจอีกหรือ”

“ไหมไม่ได้รักเราแล้ว จำได้หรือเปล่า”

“ตอนนั้นไหมยังเด็ก...”

“ตอนนี้ไหมก็ไม่ได้รักเรา ถามตัวเองดีๆเถอะไหม นี่มันไม่ใช่ความรักหรอก”
“ถ้าไม่ใช่แล้ว ต้นคิดว่าไหมจะกล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกรายการเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะอยากได้ต้นคืนมา ไหมยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อที่จะทวงคนที่ไหมรักคืน”

“แล้วถามเราบ้างหรือเปล่า ว่าเรายังรักไหมอยู่มั้ย” น้ำต้นสวนกลับทันที “ความรักน่ะ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ เราบอกไหมไปแล้วว่าเราไม่ได้รักไหมแล้ว ทำแบบนี้ก็เท่ากับบีบบังคับกัน นี่มันความรักประเภทไหนกัน หือม์” เด็กหนุ่มยังว่าต่อไม่หยุด “แล้วไปพูดออกรายการแบบนั้น คิดบ้างหรือเปล่าว่ามันจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง กองถ่ายละครของไหม คนรอบข้างล่ะ แล้วงานของเราล่ะ แฟนๆของเราเขาจะคิดยังไง ถ้าไหมยืนยันว่าทำไปเพราะความรัก ขอบอกเลยว่านี่น่ะเป็นความรักที่เห็นแก่ตัวและขาดสติมาก”

“ต้น ทำไมพูดกับไหมแบบนี้” หญิงสาวตัวสั่นด้วยความโกรธและตกใจอย่างยิ่ง น้ำต้นไม่ไว้หน้าเธอเลย คราวก่อนที่เธอโดนต่อว่า เธอพยายามบอกตัวเองว่า เป็นเพราะน้ำต้นไม่พอใจที่เธอหลอกให้เขามาหา แต่นี่มันอะไรกัน ทุกอย่างล้วนผิดคาดไปหมด

“เราจำเป็นนะ เพราะหนนี้ไหมทำเกินไปจริงๆ แล้วไหนเรื่องที่ไปให้สัมภาษณ์ลงหนังสืออะไรนั่นอีก ทำลงไปได้ยังไง ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไหม”

“ไหมไม่สนหรอก! ใครให้ต้นไปเลือกอีกระเทยนั่นล่ะ!” หญิงสาวเหวออกมาอย่างลืมตัว

น้ำต้นสะอึกทันทีเมื่อได้ยิน เขาใช้ความพยายามที่มีอยู่ทั้งหมด ระงับอารมณ์โกรธที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกิดมาไม่เคยรู้สึกอยากตบผู้หญิงคนไหนมาก่อนในชีวิต ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้กลับกลายเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเก่าเขาไปเสียได้

“พูดใหม่อีกทีดีๆซิไหม” เขากัดฟันย้อนถามกลับไป

“ยังจะถาม ไหมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า น้ำต้นจะมีรสนิยมชอบกระเทยแบบนี้ หรือลีลามันจะเด็ดจริงอย่างที่ใครๆเขาว่า ต้นถึงได้ถือดีเลือกมันแทนไหม ไหมผิดหวังในตัวต้นจริงๆ” หญิงสาวพรั่งพรูคำผรุสวาสออกไปไม่ยั้งให้สาสมกับอารมณ์ที่เต็มไปด้วยโทสะอันกราดเกรี้ยว “ผู้หญิงดีๆไม่มีแล้วเหรอถึงไปเลือกมัน หายไปด้วยกันหลายวัน เป็นยังไงล่ะ สมใจไหม เอากับผู้ชายด้วยกัน หายอยากไปเลยไหม !!!”

“พูดจบแล้วหรือยัง!” น้ำต้นสวนกลับออกไปอย่างเหลืออด “ผู้หญิงดีๆงั้นหรือ หมายถึงใคร หมายถึงเธอน่ะหรือ... ต่อให้เธอเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่เหลือในโลก เราก็ไม่สนหรอกไหม ผู้หญิงดีๆเขาไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก แล้วฟังตัวเองบ้างหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมาบ้าง” ไหมยิ่งของขึ้นเข้าไปอีกเมื่อการด่าอย่างสะใจของเธอไม่เพียงแต่ไม่ทำให้น้ำต้นเต้นตาม แต่ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มดูแคลนเธอหนักขึ้น

“แล้วถ้าที่ไหมพูดหมายถึงพี่นนท์ล่ะก็ ใช่ เรารักพี่นนท์ ก็ดูเขากับไหมสิ มีอะไรเทียบกันได้บ้าง โดยเฉพาะเรื่องของจิตใจ มันคนละระดับกันเลยจริงๆ นี่ยิ่งต้องขอบคุณพี่นนท์เลยที่ทำให้ได้เห็นธาตุแท้ของคนที่เราคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ เราดีใจนะที่เลิกกับไหมไปเสียได้ ให้ตายเถอะ เกิดมาไม่เคยดีใจอะไรเท่านี้” ไหมถึงกับอ้าปากค้างกับคำพูดของน้ำต้นที่ช่างเสียดแทงหัวใจเธอนัก

“หมายความว่ายังไง ต้นรักมัน”

“เออ เรารักพี่นนท์ แล้วยังไงหรือไหม เจ็บใจมากหรือที่เราเลือกเขาไม่ได้เลือกไหม ให้พูดจริงๆ ไม่ใช่แค่กับไหมหรอก เราไม่เลือกใครหรอก ถ้าเป็นพี่นนท์ ยังไงเราก็เลือกพี่นนท์อยู่แล้ว จิตใจเขาดีกว่าใครๆที่เราเคยรู้จักมา เราไม่สนหรอกว่าเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เรารักที่เขาเป็นแบบนี้ พอใจไหม” น้ำต้นไม่รู้สึกโกรธไหมอีกต่อไปแล้ว ยิ่งคุยกับหญิงสาว น้ำต้นก็ยิ่งรู้สึกสมเพชจนแทบทนไม่ได้ ความริษยาและความอยากเอาชนะโง่ๆแท้ๆที่ทำให้เธอขาดสติถึงเพียงนี้ “ยังมีอะไรจะพูดกับเราอีกหรือเปล่า หรือมีแค่นี้ อ้อ อีกอย่างนะ... ไหมเชื่อเราสิ ไหมไม่ได้รักเราหรอก ไหมแค่อยากเอาชนะ เพื่อให้ได้เราไปเสริมบารมีไหมมากกว่า ต่อให้เราไม่มีพี่นนท์เราก็ไม่กลับไปหาไหมหรอก เพราะฉะนั้น เราถือว่าเราชัดเจนที่สุดแล้ว ไหมเลิกยุ่งกับเราเสียที อย่าให้เราเกลียดไหมมากกว่าที่เป็นอยู่นี้เลย”

น้ำต้นลุกขึ้นยืนและเดินผละออกไปโดยไม่สนใจจะหันมามองหญิงสาวที่นั่งตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินอีก ศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีอยู่โดยเหยียบขยี้แหลกลาญไปต่อหน้าต่อตา บ่าอันบอบบางของเธอสั่นสะท้านราวกับพยายามอย่างเต็มที่ที่จะระงับอารมณ์ทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ไม่ให้ระเบิดออกมา

“เกลียดงั้นหรือ” ไหมขบเขี้ยวออกมาอย่างคับแค้นใจ “ต้นได้เกลียดไหมสมใจแน่ๆ”

_________________________________

ยาวอีกแล้วค่ะตอนนี้ หนนี้มาค่อนข้างช้า ซึ่งต้องขอโทษคนอ่านทุกท่านนะคะ ภาระเยอะเอาเรื่อง แต่ก็นึกถีงทุกท่านอยู่ตลอด ขอบคุณที่เข้ามาโพสต์คอมเม้นต์กันอย่างสม่ำเสมอค่ะ สั้นบ้างยาวบ้าง ก็มีคุณค่าสำหรับนักเขียนสมัครเล่นตัวเล็กๆคนนี้เสมอ

ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะคะ

จากคุณ : fingers-crossed  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 20-08-2009 22:15:28
เดี๋ยวเหอะไหม ที่เธอทำให้เค้าเกลียดอะ สิ่งที่จะทำ มันไม่ใช่หรอกแค่ต้นที่จะเกลียดมันอาจจะเป้นทุกคนในวงการเลยก็ได้
เชื่อสิ ไหมต้องการเอาชนะโดยไม่สนอะไร ก็แค่อยากดังให้สมใจก็เท่านั้น
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 20-08-2009 22:26:19
ร้ายสุดๆอะ

ไหม+ เอ้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-08-2009 22:49:09
ดีแล้วที่ต้นพูดกับไหมไปตรง ๆ (แรง ๆ ) อย่างงั้น
ผู้หญิงคนนี้ไม่ไหวแล้วววว
แย่ที่สุอ่ะ ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 21-08-2009 00:52:52
ร้ายๆแบบนี้ล่ะ มันแน่

รอน้ำต้นออกมาตบนังไหม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 21-08-2009 09:57:23
 :beat:เห็นด้วยกับน้ำต้นว่าต่อให้เหลือผู้หญิงคนเดียวนโลกก็เอาเธอไม่ลง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 21-08-2009 11:06:12
เข้ามาขอบคุณคุณนิ้วไขว้ และคุณนาเมฮ์ นะคะ

สนุกมากเลย ชอบความรักของ 2 หนุ่มที่น่ารักมากๆ เลยค่ะ

มารอตอนต่อไปด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 21-08-2009 13:44:51
โอยยย ไหมจะร้ายไปไหนเนี่ย
เค้าพูดขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมอีก

เอาใจช่วยน้องต้นกับพี่นนท์
ให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปด้วยดีค่ะ

ขอบคุณคุณนิ้วไขว้สำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ
ขอบคุณพี่นาเมฮ์ที่เอาเรื่องสนุกๆ มาให้อ่านกันค่ะ
 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 21-08-2009 15:16:54
โหหหหหห   ขอ:z6: แล้วตามด้วย :beat:
อยากเหยียบให้จมดิน กร๊ากกกก ดิฉันโหดได้อีกค่ะงานเน้
ขอให้เชื่อใจกันและปรึกษากันตลอดน้า น้ำต้นกะพี่นนท์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 21-08-2009 16:19:50
ต้น..สุดยอดไปเลย
ดีกว่าตบหน้าผู้หญิงอีกลูก
ก๊ากกกกก

ไหม เค้าจะทำอะไรอีกนะ
กรรม!
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Ugly Ducky ที่ 21-08-2009 17:07:48
 :angry2:

ช้านอยากจะด่าเธอ....
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: chineigiro ที่ 21-08-2009 23:54:39
 :fire: กริ๊ดดดดดดด  ยัยไหม กะตาเอ้ แรงไม่ต้องโดน :z6:



 :oni2: ยังไงก็เปงกำลังใจให้เสมอนะจ้า รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 22-08-2009 00:21:48
แร้งงงงงงส์

อิเจ๊นี่  ไม่จบไม่สิ้นวุ้ย  :z6:


งานจะเข้ารึเปล่าเนี่ยน้ำต้นเอ๊ยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 22-08-2009 13:51:35
 :เฮ้อ: ไหมก็ยังร้ายอยู่เหมือนเดิม  ขอบคุณเจ้าของเรื่องและคนโพสต์ครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 23-08-2009 01:40:29
โอ้ว...ไหม...สุดยอดของความแรง...
อย่างนี้มันต้อง  :beat: :z6:
เป็นห่วงน้ำต้นและนนท์จริงๆ  :sad4:
รออ่านต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Sakana2yunjae ที่ 23-08-2009 08:07:11
รับไม่ได้จิงๆๆ ผู้หญิงคนนี้ สุดๆๆเลยอ่ะ เหอๆๆ

หน้ามืดตามัวมากมาย

ขอบคุณคะสำหรับนิยายเรื่องนี้คะ :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-08-2009 23:06:00
มายังหว่า ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 12 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 28-08-2009 03:02:01
มาให้กำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 28-08-2009 14:56:20
เพลงรัก

บทที่ 13

เรือนหลังเล็กที่แยกตัวออกมาจากบ้านหลังใหญ่โตมโหฬารที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตอันกว้างใหญ่แห่งนี้ กลายมาเป็นที่พักใจของเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำ คอนโดมิเนียมที่เขามักจะเรียกว่าบ้าน กลายเป็นสถานที่ที่เงียบเหงาสำหรับเขาไปเสียแล้วหลังจากที่ได้กลายมาเป็นแขกประจำของบ้านหลังนี้ ยิ่งเมื่อมีเจ้าของเรือนหลังเล็กนั่งอยู่ใกล้ๆเขาแบบนี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นไปอีก

น้ำต้นลงมานั่งเล่นนอนเล่นอยู่บนพื้นพรมในห้องของนนท์อยู่เป็นนาน หนังสือที่อยู่ในมือก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง เพราะคอยแต่ชำเลืองสายตามองไปทางชายหนุ่มร่างเล็กที่นั่งเขียนอะไรก๊อกแก๊กอยู่ที่โต๊ะทำงานอย่างมีสมาธิยิ่ง เวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ บางทีไม่จำเป็นต้องพูดคุยอะไรกันมากมาย ขอแค่รับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้หายไปไหน แค่นี้ก็เพียงพอแล้วจริงๆ น้ำต้นสำรวจพี่นนท์จากเบื้องหลังอย่างตั้งใจ นนท์ตัวเล็กจริงๆนั่นแหละ ยิ่งตอนนี้ก็ยิ่งดูเหมือนจะผอมลงไปนิดหน่อย แต่ว่าก็ยังคงดูแข็งแรงสมส่วน แขนขวาไหวอยู่เล็กน้อยเป็นระยะแสดงให้เห็นว่าติดพันกับการเขียนอะไรบางอย่างขยุกขยิก นานๆครั้งถึงจะเงยหน้าขึ้นสักครั้ง บางทีก็เอียงศีรษะไปมาราวกับว่ามันจะช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าลงไปได้บ้าง พี่นนท์ของเขาผมยาวขึ้นกว่าเดิมมาก แต่กลับขับให้ใบหน้าเรียวเล็กนั้นดูเด็กลงกว่าอายุจริงได้อีก

“พี่นนท์” เขาเอ่ยเรียกชื่อพี่ชายออกมาลอยๆ

นนท์หยุดมือพลางหันมามองเจ้าน้องชายที่นอนคว่ำเหยียดยาวเอามือเท้าคางเงยหน้าขึ้นมองเขาจากเบื้องหลัง

“มีอะไรครับ” นนท์ขานรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

น้ำต้นมองหน้าเขาก่อนจะส่ายหน้าและยิ้มน้อยๆออกมา

“เปล่า” แล้วก็ก้มหน้าลงมองหนังสือ ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกอยากอ่านอะไรต่อไปแล้ว

นนท์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แล้วจึงยิ้มออกมาในที่สุดราวกับจะอ่านใจน้องชายต่างสายเลือดคนนี้ออกทะลุปรุโปร่ง

“พี่ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อยน้ำต้น ก็อยู่ตรงนี้นี่แหละ” คำพูดของเขาเหมือนเป็นการยืนยันให้เด็กหนุ่มเบาใจ น้ำต้นได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ แต่ก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในที่สุด

“เปล่า... ก็ ต้นเห็นพี่นนท์ทำงานเงียบๆ ก็เลยนึกว่าลืมไปแล้วว่ามีน้องนั่งอยู่ตรงนี้อีกคน”

นนท์นึกขันคำพูดของเจ้าเด็กน้อยตัวโตที่นอนแผ่อยู่บนพื้นอย่างสบายอารมณ์ ดูเอาเถอะ นี่บ้านเขาแท้ๆ ตัวเองทำตัวตามสบายเสียยังกับเจ้าของบ้านยังไม่พอ ยังหมั่นโอดครวญเอาแต่ใจจนเขาต้องคอยหันมาเอาใจอยู่บ่อยๆอีกต่างหาก นี่เขาเคยยอมใครมากขนาดนี้มาก่อนบ้างไหมหนอ แต่กริยาอาการของเขาที่แสดงต่อน้องชายของเขาคนนี้ ก็มักจะสวนทางกับความคิดไปเสียทุกครั้ง

นนท์เห็นท่าทางเนือยๆที่ไม่สนใจกับหนังสือตรงหน้าของน้ำต้นแล้ว จึงละมือจากงานที่ทำอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะลงมานั่งแปะที่พื้นด้วยอีกคน เด็กน้ำต้นเห็นดังนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่ปิดบังก่อนจะเลื่อนตัวเองเข้าไปใกล้ๆแล้วถือวิสาสะนอนหนุนตักพี่ชายตัวเองเสียเลย

“แบบนี้สิ ค่อยสบายขึ้นมาหน่อย” พอขยับศีรษะไปมาจนรู้สึกสบายดีแล้ว ก็กอดอกหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย โดยไม่ถามเจ้าของตักสักคำว่านั่งสบายไหม อย่างแก่งนนท์ก็แค่ส่ายหน้าแล้วก็ไม่ว่าอะไร น้ำต้นมีหรือจะไม่รู้จักพี่ชายของตัวเองดี

“พี่นนท์ครับ”

“หือม์”
“วันนี้ขอนอนนี่ได้ไหม”

“บ้านตัวเองไม่มีหรือไง ต้องมาอาศัยนอนบ้านคนอื่นเขา”

“เปล่า...” น้ำต้นลากเสียงยืดยาว “แต่อยากมานอนด้วย”

“แล้วถ้าพี่บอกว่าไม่ได้ล่ะ”

“พี่นนท์คร้าบบบบ” นั่นปะไร “อยู่คนเดียวต้นก็เหงานาพี่” เริ่มแล้ว เทคนิคการออดอ้อนของเจ้าน้องชาย “พี่นนท์จะใจร้ายขับไล่ไสส่งน้องชายเพียงคนเดียวของพี่ไปได้ลงคอเชียวหรือ ข้าวก็กินแล้ว มานั่งๆนอนๆจนง่วงแล้ว แถมดึกขนาดนี้ ต้นขับรถกลับเองคนเดียว พี่จะไม่เป็นห่วงเลยเหรอ” นนท์ถึงกับระบายลมหายใจออกมาอย่างระอากับเจ้าเด็กตาหวานที่นอนออดอ้อนอยู่บนตักเขาไม่เลิก

“นะ พี่นนท์น้า... ให้ต้นนอนที่นี่นะพี่นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องออกไปพร้อมกันอยู่ดี สองคนออกไปพร้อมกัน ประหยัดน้ำมันเพื่อชาติไงพี่นนท์” เจอไม้นี้เข้าไป นนท์กับหัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“เอาอย่างนี้เลยนะน้ำต้น” ชายหนุ่มว่าอย่างทึ่งจัด

“พี่นนท์นะครับ ให้ต้นนอนนี่นะพี่ ได้ไหม นะ... พี่นนท์ ขอนอนด้วยนะ นะ นะ”

“พอ พอ พอ พี่ยอมแล้ว” นนท์ว่าอย่างยอมแพ้ บทมันจะอ้อนก็อ้อนได้ใจดีเหลือเกิน อันที่จริง เขายอมให้เจ้าน้องชายตัวแสบนี่ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ด้วยความอยากรู้ว่า ถ้าเขาอิดออด เจ้าเด็กนี่จะอ้างเหตุผลอะไรทำให้เขาใจอ่อนได้บ้าง แล้วก็จริงดังคาด มันอ้อนเอาตายเลยทีเดียว นนท์หัวเราะพร้อมกับขยี้ลงไปบนผมยุ่งๆของน้ำต้น “แล้วจะมาอาศัยนอนบ้านคนอื่น เสื้อผ้าเราล่ะ”

“เก๊าะยืมพี่นนท์” น้ำต้นพูดหน้าตาเฉย

“ข้าวของเครื่องใช้?”

“โอ๊ย พี่นนท์มีออกจะครบทุกอย่าง กลัวอะไร ก็ใช้ด้วยกันกับพี่นี่แหละ”

“น้ำต้น”

“จ๋าพี่” เจ้าน้องชายตอบรับด้วยน้ำเสียงยียวนแบบผู้มีชัย

“นี่มันบ้านใครเนี่ย”

“บ้านพี่ดิ”

“แล้วไหงสั่งเอาสั่งเอาแบบนี้”

“บ้านพี่ก็เหมือนบ้านน้อง ของๆพี่ก็คือของๆน้อง ของๆน้องก็คือของๆน้อง”

“เอ๊า” นนท์ร้องออกมาเบาๆอย่างทึ่ง

“เป็นพี่ไม่ยอมน้อง เดี่ยวพ่อกับแม่พี่จะดุเอานะ” โอ้โห บทมันจะแถเอาแต่ใจตัวเองขึ้นมา ไม่มีใครกินเจ้าเด็กนี่ลงเลยจริงๆ

“งั้นพี่ยอมก็ได้”

“เย้...”

“แต่ถ้าบอกอะไรไม่เชื่อกัน อย่ามาหาว่าใจร้ายไม่ได้นะ”

“น่าพี่ก็”

“งั้นอย่างแรก ไปอาบน้ำเลยไป”

“ยังไม่อยากอาบอ้ะ”

“นี่ดึกแล้ว เดี๋ยวพี่จะนอนแล้ว ไม่อาบตอนนี้เราจะไปอาบตอนไหน ไปเลย อย่าให้ต้องดุ”

“พี่นนท์...” เจ้าตัวแสบ ออด

“อย่ามา... ไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวนี้” เมื่อเห็นว่างานนี้ออดอ้อนอย่างไรคงไม่เป็นผล น้ำต้นจึงยอมลุกแต่โดยดี แต่แววตาที่มองเขานี่มันมีเลศนัยอย่างไรพิกล แต่ก่อนจะได้ทันตั้งตัวเจ้าเด็กหน้าทะเล้นก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบกับเขาว่า

“อาบด้วยกันไหม”

“น้ำต้น!” นนท์ว่าได้แค่นั้นก็หน้าแดง ส่วนเด็กน้ำต้นกระโดดผลุงวิ่งเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจออกมา

“เด็กบ้านี่...” พูดออกมาได้เท่านั้นก็ยกมือขึ้นลูบใบหน้าอันร้อนผ่าวของตัวเอง

*************************

ชายหนุ่มเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำอย่างสบายใจ ก่อนจะเดินมาหยุดยืนข้างๆเตียง สายตาก้มลงมองร่างที่นอนทอดกายเหยียดยาวโดยมีผ้าห่มคลุมอยู่ครึ่งๆกลางๆ นนท์ยิ้มออกมาก่อนจะดึงผ้าห่มที่กระจัดกระจายอยู่นั้นคลุมร่างที่นอนขดอยู่บนเตียงเพราะความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง

“คงเหนื่อยสินะน้ำต้น งานเยอะเหลือเกินพักนี้” เขารำพึงออกมาเบาๆโดยไม่คาดหวังว่าจะได้คำตอบใดๆจากร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่

นนท์เก็บผ้าเช็ดตัวแล้วจึงเดินไปปิดไฟ ก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงและสอดร่างเข้าไปในผ้าห่มอย่างเงียบเชียบและแผ่วเบาที่สุด ด้วยเกรงว่าจะทำให้ร่างที่นอนอยู่ข้างๆสะดุ้งตื่น แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวได้สักกี่มากน้อย ก็มีแขนอุ่นๆสอดเข้ามารวบร่างของเขาแล้วดึงให้เข้าไปหา

“พี่อาบน้ำนานจัง”

“ยังไม่หลับหรือ”

“หลับไปแล้ว แต่มาสะดุ้งตื่นตอนมีคนเอาผ้ามาห่มให้” น้ำต้นไม่ว่าเปล่า รวบร่างนั้นเข้ามาสวมกอดเอาไว้แนบแน่น นนท์เผลอกอดตอบร่างอุ่นๆนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่มันช่างอุ่นสบายดีเหลือเกิน

“พี่นนท์ตัวเย็นเชียว”

“พี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จนี่นา”

“งั้นก็ต้องกอดเอาไว้แบบนี้แหละ ให้ความอบอุ่นไง” ใบหน้าที่ซุกอยู่ตรงซอกคอนั้นยิ้มออกมาในความมืด น้ำต้นนี่ท่าจะเป็นเด็กขี้เหงาจริงๆ แล้วท่าทางจะเป็นคนชอบการได้สัมผัสตัวคนเอามากๆเสียด้วย

“พี่ว่าน้ำต้นตัวใหญ่ขึ้นหรือเปล่า” นนท์ถาม

“แต่ต้นว่าพี่นนท์ผอมลง” น้ำต้นว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่าทำงานหนักเกินไปนะพี่ ต้นเป็นห่วงพี่นะ”

“ครับ” เขารับคำยิ้มๆ

“พี่นนท์”

“ว่ายังไง”

“พี่นนท์ไม่เห็นถามเลยว่าวันนั้นต้นไปคุยอะไรกะไหม”

“ทำไมต้องถามล่ะ”

“พี่ไม่อยากรู้เหรอ”

“พี่เฉยๆนะ ก็พอจะเดาได้อยู่”

“เดาได้? พี่เก่งขนาดนั้นเชียว”

“เปล่า แต่น้ำต้นเป็นคนดูง่ายจะตาย อีกอย่าง เราอยากบอกพี่เมื่อไหร่ พี่ก็พร้อมจะอยู่ฟังเสมออยู่แล้ว” ได้ยินดังนั้น น้ำต้นก็ยิ่งกระชับร่างเล็กในอ้อมแขนนั้นเข้ามาอีก

“ต้นเลือกคนไม่ผิดหรอกพี่นนท์” น้ำต้นว่า “ต้นรักพี่นะครับ”

“พี่รู้” นนท์ลูบหลังของน้องชายอย่างเบามือ “นอนซะนะน้ำต้น พักผ่อน พี่รู้ต้นก็เหนื่อยเหมือนกัน”

“ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันนะพี่”

“ถ้าน้ำต้นต้องการ พี่ก็จะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอดเลยดีไหม” น้ำต้นจูบลงบนหน้าผากของนนท์เบาๆก่อนจะคลายวงแขนลง ไม่นานเสียงลมหายใจของเขาก็สม่ำเสมอเป็นสัญญาณบอกว่า เจ้าตัวได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว

“ราตรีสวัสดิ์ครับ” เขากระซิบเบาๆก่อนจะปิดเปลือกตาลง นอนหลับเคียงข้างคนที่เขารักไปในที่สุด

**********************

บรรยากาศของออฟฟิศในวันนี้แปลกไปจากเดิม ตั้งแต่นนท์กับน้ำต้นเดินขึ้นมาจากลานจอดรถ ทั้งคู่ก็สังเกตเห็นถึงสายตาแปลกๆของคนรอบข้างที่ถ้าไม่มองมาตรงๆก็ลอบมองอยู่ห่างๆ น้ำต้นอาจจะไม่รู้สึกมากเท่าเขา เพราะเคยชินกับการตกเป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว แต่นนท์ที่ความรู้สึกไวกลับรู้สึกอึดอัดอย่างไรบอกไม่ถูก เขารู้แต่ว่า น่าจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นเสียแล้ว ขณะรอขึ้นลิฟท์อยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของน้ำต้นก็ดังขึ้น

“ครับพี่เมษ”

“น้ำต้นอยู่กับนนท์หรือเปล่า” เสียงของเมษที่ปลายสายร้อนรนและเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

“อยู่ครับ มีอะไรหรือเปล่าพี่เมษ”

“ทั้งสองคนขึ้นมาที่ชั้นสามสิบพร้อมกันเลยนะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
น้ำต้นหันไปมองหน้านนท์โดยที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็บอกนนท์ตามที่เมษสั่งทุกอย่าง

*******************

'นักร้องหนุ่มไบฯ จับปลาสองมือ: กลายเป็นเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อนักร้องหนุ่มขวัญใจวัยรุ่นทั่วบ้านทั่วเมืองที่กำลังมีข่าวจะรีเทิร์นกลับไปหาคนรักเก่าที่เป็นนักแสดงสาวชื่อดังไม่แพ้กัน แต่ไปๆมาๆ ก็มีข่าวออกมาว่ากำลังคั่วอยู่กับหนุ่มนักแต่งเพลงเจ้าของเพลงฮิตมากมายอยู่ด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ช่างภาพแอบไปเห็บภาพตอนกำลังดินเนอร์สุดสวีตกับอดีตแฟนสาว กะว่างานนี้จะได้ภาพเด็ดของคู่รักคู่ฮ็อตของวงการมาได้แล้วแท้ๆ แต่ไปๆมาๆ มีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ แจ้งว่า ตอนนี้นักร้องหนุ่มกำลังคั่วอยู่กับนักแต่งเพลงหนุ่มคู่ขาคนใหม่อยู่ ก็เลยยังสองจิตสองใจเลือกไม่ถูก ว่าจะฝักใฝ่ทางไหนดี ระหว่างไม้คนละสีกับไม้ป่าเดียวกัน แหม... รสนิยมหลากหลายแบบนี้ ท่าทางจะมีแต่ได้กับได้เสียล่ะมั้ง'

น้ำต้นอ่านข่าวจากนิตยสารแนวซุบซิบที่อยู่ในมือ ในหน้าเดียวกับเนื้อข่าวที่ใช้ภาษาดุเดือดจาบจ้วงนั้น มีภาพที่เห็นได้ชัดว่าเป็นการแอบถ่ายจากระยะไม่ไกลนัก เป็นร้านอาการที่ไหมนัดเขาไปคุยกันครั้งสุดท้ายอยู่หลายภาพ ดูยังไงก็เหมือนคู่รักที่ไปทานมื้อเย็นด้วยกันจริงๆ แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น ก็คือภาพของเขาขณะขึ้นรถไปกับชายหนุ่มคนหนึ่ง แม้ภาพจะไม่คมชัดนัก แต่เห็นครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นนนท์

เด็กหนุ่มโกรธอย่างที่สุด ชนิดที่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเคยโกรธเกรี้ยวกับอะไรมากเท่านี้มาก่อนหรือไม่ เขาโกรธที่เสียรู้ไหม โกรธที่พี่นนท์คนที่เขารักต้องตกเป็นขี้ปากคนอื่น โกรธที่เกิดเรื่องทุเรศทุรังแบบนี้ขึ้น มิน่าเล่า เมื่อเช้าสายตาที่จับจ้องมายังเขาและพี่นนท์มันจึงดูประหลาดและจับผิดอย่างไรพิกล เขาเจ็บใจที่ต้องทำให้พี่นนท์ของเขาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้

“เอาล่ะ ทีนี้เล่าให้พี่ฟังหน่อยเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น” เมษยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมศีรษะ “ข่าวมันออกมาแบบนี้ได้ยังไง”

“ต้นก็ไม่แน่ใจครับพี่” ต้นพูดเสียงเข้ม “แต่ให้เดา ก็คิดว่าคงเป็นฝีมือไหม”

“เราแน่ใจได้ยังไง”

“วันนั้นไหมเขานัดต้นออกไปครับพี่ ต้นก็บอกพี่นนท์เอาไว้แล้วว่า จะออกไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ปัญหามันจะได้จบๆกันไปเสียที”

“แล้วเป็นไง”

“เขานัดต้นไปที่ร้านนี้แหละ บอกว่าเป็นร้านเพื่อนเขา มันเป็นส่วนตัวดี แล้วเราก็คุยกัน แต่บอกได้เลยว่า เรื่องมันจบลงไม่สวยนัก เขาโกรธต้นที่ไม่เลือกกลับไปหาเขา ต้นก็ว่าเขาไปแรงเหมือนกันเพราะตอนนั้นโกรธเขามาก” ต้นถอนหายใจก่อนจะว่าต่อ “พอเห็นรูปกับข่าว ต้นเลยค่อนข้างแน่ใจว่า น่าจะเป็นเขานั่นแหละที่โทรไปบอกให้นักข่าวไปถ่ายรูปไว้ เพราะรูปมันคุณภาพดีมากเสียจนไม่เหมือนแอบถ่ายทั่วไป แล้วร้านแบบนั้นน่ะ มันไม่น่าจะมีใครรู้จักมากนักด้วย ไม่รู้สิพี่ มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่ต้นก็มั่นใจยังไงไม่รู้”

“แล้วข่าวนนท์ มันยังไงกัน”

“บอกตามตรงครับ นนท์ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างอับจนหนทาง เขาไม่ทันได้ตั้งตัวกับข่าวนี้เลยด้วยซ้ำ

“ให้พี่พูดตามตรงนะ พี่ว่าคงเป็นคนที่ไม่หวังดีทั้งกับนนท์แล้วก็ต้นนั่นแหละ น่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องภายในพอสมควร”

“แล้วจะเอายังไงดีพี่เมษ”

“น้ำต้นกับนนท์ ให้พี่พูดแบบเปิดอกกับเราสองคนเลยนะ” เมษระบายลมหายใจออกมาอย่างหนักใจยิ่ง “ไหนบอกพี่ให้แน่ใจซิว่า เราสองคนน่ะมันยังไง”

ชายหนุ่มทั้งสองคนหันไปมองหน้ากันก่อนที่นนท์จะพยักหน้า

“ต้นกับพี่นนท์ เรารู้สึกดีต่อกันครับ ต้นรักและเชื่อใจพี่นนท์มากที่สุด และพี่นนท์ก็เป็นคนที่สนิทกับต้นมากที่สุด”

“สองคนคบกันอยู่หรือเปล่า” เมษถามออกมาตรงๆ

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ” หนนี้นนท์เป็นฝ่ายพูดออกมาเอง

“ในฐานะที่พี่เป็นพี่นะ พี่ไม่มีปัญหาอะไรกับความสัมพันธ์ของเราสองคนหรอก พี่รักเราเหมือนน้องจริงๆ แล้วก็เป็นห่วงเรามาก แต่ว่าหนนี้พี่ต้องขอให้ทั้งสองคนฟังพี่ให้ดี”

น้ำต้นและนนท์พยักหน้าอย่างเข้าใจในสถานการณ์เป็นอย่างดี

“พอข่าวมันออกมาแบบนี้ ทั้งต้นและนนท์คงต้องระวังตัวกันให้มากขึ้นแล้ว เพราะตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็กำลังจะมีงานออกมา ลำพังข่าวต้นกับผู้หญิงคนนั้นน่ะ ยังไม่เท่าไหร่ แต่ข่าวที่มีกับนนท์มันค่อนข้างแรง และอาจจะส่งผลกระทบมากทีเดียว ดังนั้น ถือว่าพี่ขอร้องนะ ยังไงช่วงนี้เราทั้งสองคนอาจจะต้องอยู่ห่างๆกันหน่อย”

น้ำต้นถึงกับขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก แต่ก็ต้องกลั้นใจพยักหน้ารับคำไป ข่าวกำลังร้อนแรง ถ้าหากเขายังดื้อดึงต่อไป คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คงหนีไม่พ้นนนท์นี่เอง

“พี่เห็นใจแล้วก็เข้าใจทั้งสองคนนะ แล้วจะไม่โกหกด้วยว่านี่มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของบริษัท แต่ที่สุดแล้ว มันจะดีกับเราทั้งสองคนเองด้วย พี่คงต้องเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับพี่นอก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที ยังไงพี่ขอร้องให้พวกเราใจเย็นๆกันก่อน แล้วก็ห่างกันสักพักนะ”

“ได้ครับพี่เมษ” นนท์รับคำ มือข้างหนึ่งยกขึ้นตบไหล่น้องชายอย่างหมดเรี่ยวแรง “ถ้าอย่างนั้น มีอะไรพี่เมษโทรบอกนนท์ได้เลยนะครับ” เมษพยักหน้าก่อนที่จะมองตามหลังชายหนุ่มที่เดินออกจากห้องไป

“พี่เมษ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนี่” น้ำต้นทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง

“พี่ว่าคุณไหมมีส่วนในเรื่องนี้ด้วยแน่ๆ เขาคงเสียหน้านั่นแหละ แล้วไอ้เรื่องรูปถ่ายน่ะ คุณไหมเขารู้จักสื่อเยอะ ไม่ใช่เรื่องยากเลยถ้าเขาจะขอยืมมือสื่อพวกนั้น เขาได้เอาคืนต้น สื่อก็ได้ข่าวเด็ด”

“แต่เรื่องพี่นนท์นี่ ต้นงงมากนะพี่ พี่นนท์เขายังไม่ใช่คนดัง ทำไมถึงโดนเล่นเรื่องนี้ได้ คนที่รู้ว่าต้นสนิทกับพี่นนท์ก็มีแต่พวกเรากันเองนี่แหละ”

“พี่ว่าอาจจะไม่ใช่คุณไหมคนเดียวก็ได้นะต้นเรื่องคราวนี้น่ะ น่าจะมีคนรู้เห็นคนอื่นอีก เพียงแต่เรายังไม่รู้ว่าเป็นใครเท่านั้นเอง”

“ต้นสงสารพี่นนท์เขา เขากำลังจะมีผลงาน เขาเป็นคนดี ไม่น่าจะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้เลย”

“รักนนท์มากใช่ไหมต้น” เมษถามไปตรงๆ

“รักครับ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะปกป้องเขา ต้นไม่ผิดปกติใช่ไหมพี่เมษ” น้ำต้นว่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“ไม่หรอกครับน้ำต้น เรื่องของความรักก็แบบนี้แหละ เพียงแต่มันจะเข้ามาหาเราในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง ต้นกับนนท์ก็มีความรักในแบบของตัวเอง ซึ่งลองได้ชื่อว่าเป็นความรักยังไงมันก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว” เมษยื่นมือไปกุมมือของเด็กหนุ่มเอาไว้ “ถ้าเราเชื่อมั่นว่าเราเลือกรักคนไม่ผิด ก็จงรักษามันเอาไว้ให้ดี ตอนนี้เราค่อยๆคิดแก้ปัญหากันไป แล้วทุกอย่างจะดีเอง โอเคไหม”

น้ำต้นกระชับมือข้างที่เมษเกาะกุมเอาไว้แน่น เขาไม่รู้จะเอ่ยปากขอบคุณหญิงสาวอย่างไรดีจึงจะสมกับความรักและความหวังดีที่เธอมอบให้แก่เขา

“ขอพี่ไปสืบข่าวสักหน่อยเถอะ ขอใช้คอนเน็กชั่นที่มีอยู่นี่ให้เป็นประโยชน์เสียหน่อย” เมษยิ้มเหี้ยมเกรียม “เป็นคนดีอย่างเดียวคงรับมือกับไอ้คนพวกนี้ไม่ไหว ก็สวมบทคนร้ายหน่อยก็แล้วกัน ต้นไม่เคยเห็นก็จะได้เห็นซะ จะได้รู้ว่าพี่เมษของเราบทจะร้ายขึ้นมาน่ะ น่ากลัวขนาดไหน”

น้ำต้นพยักหน้าอย่างอดจะแปลกใจในท่าทีที่ไม่ค่อยจะได้เห็นนักของเออาร์คู่ใจขึ้นมาไม่ได้

********************  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 28-08-2009 14:58:44
ชายหนุ่มเดินเซื่องๆกลับมานั่งประจำโต๊ะทำงานของตัวเอง เขาพูดไม่ออกและทำอะไรไม่ถูก เมื่อรู้ว่าคนที่เขารักที่สุดถูกทำร้ายอย่างขี้ขลาดที่สุดก็เพราะมาคบหาอยู่กับเขานี่เอง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านอกจากไหมแล้ว ใครอีกที่จะทำแบบนี้กับเขาได้ ถ้าคิดว่าคนอย่างไอ้เอ้จะหยุดแค่นี้ นายคิดผิด ใช่แล้ว เขาคิดผิด คิดผิดที่ไม่คิดว่าเอ้จะทำเรื่องสกปรกกับเขาแบบนี้ได้ น่าขันที่เอ้มาโกรธเกรี้ยวเอากับเขา ทั้งที่เอ้นั่นเองไม่ใช้หรือที่ทอดทิ้งเขาไป ในวันที่เขาคิดว่าเอ้จะเป็นที่พักใจให้ได้ เขาดีกับเอ้ทุกอย่าง ช่วยเหลือเขา คอยเป็นกำลังใจให้เท่าที่เพื่อนสนิทคนหนึ่งจะทำให้ได้ แม้จะบอกตัวเองไม่ได้ว่าในวันนั้นเขารู้สึกกับเอ้เกินเพื่อนหรือไม่ แต่นนท์ในวันนี้นึกขอบคุณกาลเวลาที่ทำให้เขาได้เห็นธาตุแท้ของเอ้เสียก่อนที่เขาจะรู้สึกกับคนคนนั้นเกินเพื่อนจริงๆ

เอ้ตัดขาดเขาไปเสียเฉยๆ เมื่อได้รู้จักกับเพื่อนดีเจหนุ่มคนใหม่ที่ชักชวนให้เขาได้ไปทำงานดีเจจนเริ่มมีชื่อเสียงสมใจเขาในที่สุด ตอนนั้นเขาสงสัยเต็มที่ว่า เผลอทำอะไรให้เอ้ไม่ชอบใจหรือไม่ เอ้จึงเปลี่ยนแปลงไป แต่ท้ายที่สุดเขาจึงเข้าใจว่า สำหรับเอ้ ใครที่ “ให้” เขาได้มากกว่า เขาจึงจะเลือกคนๆนั้น ที่สำคัญ เอ้เป็นคนมักมาก สำส่อนไม่เลือก นนท์รังเกียจการใช้ชีวิตแบบนี้มากที่สุด เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เขารู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า แค่เกิดมาเป็นแบบนี้ก็เป็นทุกข์ในใจเขามากพออยู่แล้ว ยิ่งใช้ชีวิตเหลวแหลกก็ยิ่งจะทำให้รู้สึกแย่กับตัวเองขึ้นไปอีก จนกระทั่งได้มาเจอกับน้ำต้นนี่แหละ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า แม้จะเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป นั่นเพราะน้ำต้นเป็นคนดีและจริงใจกับเขาอย่างที่สุด

แล้วมันเรื่องอะไรที่คนที่เป็นฝ่ายถอยจากเขาไปแต่แรกอย่างเอ้จะมาทำหวงก้างเขา เอ้ไม่ได้มิสิทธิ์อะไรในตัวเขาสักนิด เขากับเอ้ไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่าคำว่าเพื่อนด้วยซ้ำ แล้วทำไมจึงต้องจ้องทำลายเขาและน้ำต้นเช่นนี้ ในวันที่เขามีความสุขและตัดขาดเอ้ได้ ทำไมเอ้จะต้องกลับมาเพื่อที่จะสานต่อกับเขาอีก

นนท์ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกดหมายเลขที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องนึกถึงมันขึ้นมาอีก

“ฮัลโหล”

“เอ้ นนท์พูด”

“รู้อยู่แล้ว มีอะไรให้รับใช้หรือครับ” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงยียวน

“บอกมาว่าต้องการอะไร ทำไมต้องทำกันขนาดนี้”

“ทำอะไรนนท์ เราแทบจะไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ”

“จะเอายังไง” นนท์เสียงแข็งขึ้นมาทันที

“เราอยากเจอนาย ได้ไหม”

“เพื่ออะไร หลังจากที่นายทำเรื่องไว้กับเรากับน้ำต้นน่ะหรือ”

“อยากช่วยไอ้เด็กนั่นนักไม่ใช่เหรอ ก็ลองกลับไปคิดดูก็แล้วกันว่าจะมาเจอกันหรือเปล่า” เมื่อพูดชื่อน้ำต้นขึ้นมา ทุกอย่างราวกับจะหยุดนิ่งลง นนท์ในตอนนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะช่วยน้องชายของเขา เมื่อชั่งใจดูแล้ว แม้ในใจจะนึกชิงชังคนที่อยู่ปลายสายยิ่งนัก แต่ก็ต้องกัดฟันเอ่ยออกไป

“จะนัดอะไรยังไงก็ว่ามา”

เอ้ที่อยู่ปลายสายนึกกระหยิ่มใจยิ่งนักเมื่อบอกสถานที่และเวลานัดออกไปชนิดแทบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ


********************

เช้าวันนี้มันเป็นยังไงนะ

ไม่เพียงแต่อากาศเบื้องนอกจะขมุกขมัวชวนให้หดหู่แล้ว ปริมาณงานที่กองอยู่บนโต๊ะของชายหนุ่มก็ชวนให้รู้สึกอ่อนใจหนักขึ้นไปอีก

“พี่นนท์ พี่นนท์” เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ทำเอานนท์ที่กำลังเคร่งเครียดอยู่กับงานในมือถึงกับงุนงง บวกกับที่เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ ทั้งงานที่ล้นมือ ทั้งเรื่องข่าวคราวที่เกิดขึ้น ต่างก็เข้ามารุมเร้าเขาชนิดไม่หยุดยั้ง

“อะไรน้ำต้น ทำไมเสียงดังแบบนี้”

“ทำไมเมื่อคืนพี่ไม่รับโทรศัพท์ต้น รู้ไหมว่าโทรไปไม่รู้กี่รอบ” อารมณ์ของน้องชายของเขาในตอนนี้ร้อนรุ่ม และร้อนใจอย่างยิ่ง ยิ่งมาเห็นนนท์นั่งทำงาน ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เขาอารมณ์พลุ่งพล่านหนักขึ้นไปอีก เขารึ สู้อุตส่าห์เป็นห่วง กลัวว่าพี่ชายจะไม่สบายใจ ยอมรับปากเมษที่จะอยู่ห่างนนท์เอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นข่าว

เมื่อวานนนท์ไปพบเอ้ตามนัด เขาปิดมือถือเอาไว้ การพูดคุยกินเวลานานและทำให้หัวใจของเขารู้สึกหนักอึ้งอย่างสุด เขาขับรถกลับบ้านด้วยความอ่อนล้า กว่าจะอาบน้ำ ทำงานที่คั่งค้างอยู่มากมาย ก็แทบไม่ได้นอน เรื่องจะเปิดโทรศัพท์นั้นลืมไปได้เลย

“พี่ขอโทษ” พูดได้เท่านั้นก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“ขอโทษแค่นี้เองหรือ ต้นเป็นห่วงพี่ขนาดไหนรู้ไหม แล้วพี่ไปทำอะไรทำไมต้องปิดโทรศัพท์ ปกติพี่ไม่ปิดนี่” น้ำต้นเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ว่าตามจริง ตอนนี้เหตุผลอะไรเด็กหนุ่มก็คงไม่อยากฟังเท่าไหร่นัก

“น้ำต้น พี่เหนื่อยนะ อย่าใช้อารมณ์แบบนี้ได้ไหม”

“พี่จะไปรู้อะไร” น้ำต้นกำมือแน่นด้วยพยายามระงับโทสะที่แทบทะลักล้นออกมา เขาเป็นห่วงนนท์มากเสียจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน พี่นนท์จะรู้บ้างไหม แล้วนี่ยังมีหน้ามาบอกให้เขาใช้เหตุผลอย่างนั้นหรือ “บอกหน่อยได้ไหมว่าเมื่อวานพี่หายไปไหนมา”

“พี่ มีนัดกับเพื่อน” นนท์ว่าเนือยๆ

“ดีนี่พี่ พอพี่เมษให้อยู่ห่างกันสักพัก ก็นัดกับเพื่อนเลยทันทีแถมปิดโทรศัพท์อีก บอกต้นมาตรงๆก็ได้นะว่าเพื่อนหรือใคร”

“น้ำต้น! พอสักทีได้ไหม! ถ้าไม่สงบสติอารมณ์เสียก่อน ก็ไม่ต้องมาคุยกัน” ว่าแล้วนนท์ก็เดินออกไปจากบรรยากาศอันคุกกรุ่นนั่นทันที โดยไม่สนใจจะหันมามองอีก เขาแทบจะไม่มีแรงยืนอยู่แล้วด้วยซ้ำ

น้ำต้นเตะเก้าอี้กระแทกผนังอย่างขัดเคืองใจ ทำไมอะไรๆถึงได้ลงเอยในรูปนี้ได้นะ มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับพี่นนท์กันแน่

*********************

'เบื้องหลังนักแต่งเพลงฉาวจับปลาสองมือ!!! เป็นแค่คนเบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้จัก แต่คงเห็นเป็นโอกาสเหมาะ ได้เกาะคนดังฉาวไปด้วยกัน เรียกว่าฉลาดไม่เบา นักแต่งเพลงหนุ่ม น ที่เพิ่งมีข่าวว่าป็นคู่ขานักร้องหนุ่มคนดังจนทำเอาแฟนเก่านักแสดงงงเป็นไก่ตาแตก ยิ่งเผยธาตุแท้ ว่าที่จริงตัวเองยังคบหากับดีเจหนุ่มคลื่นดัง แถมยังรักกันหวานชื่น แอบนัดไปจู๋จี๋กันนอกรอบ ระวังเถอะ สับรางไม่ทันขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือน!!! พร้อมกับมีภาพที่เห็นได้ชัดว่าเป็นนนท์นั่งพูดคุยกับเอ้สองต่อสองอยู่หลายภาพ'

ข่าวที่อยู่ในหน้าถัดไปพาดหัวพร้อมเนื้อข่าวที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน

'นักร้องหนุ่มหน้าโง่ โดนสวมเขาย้งไม่รู้ตัว' โดยมีภาพน้ำต้นขับรถยนต์สีดำของตัวเองที่มีนนท์นั่งมาด้วย และเห็นได้ชัดว่ากำลังขับออกมาจากบ้านของนนท์นั่นเอง ส่วนเนื้อหาของข่าวก็หนีไม่พ้น เรื่องความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างชายหนุ่มทั้งสองคน ถึงขนาดที่ไปนอนค้างอ้างแรมอยู่ที่บ้านของอีกฝ่ายได้อย่างเปิดเผย อีกทั้งยังอ้างด้วยว่า นักแต่งเพลงหนุ่มมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับใช้โอกาสที่ได้เข้ามาใกล้ชิดนักร้องชื่อดังแสวงหาผลประโยชน์และชื่อเสียง ตัวนักร้องก็โง่ยอมให้หลอกอยู่ได้ไม่ลืมหูลืมตา  ตัวหนังสือที่ถ่ายทอดออกมาแต่ละตัวช่างหยาบและต่ำช้าเสียจนไม่น่าเชื่อว่า คนมีการศึกษาและได้ชื่อว่าเป็นสื่อแท้ๆจะเขียนออกมาได้ถึงขนาดนี้ อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่าหากินบนความทุกข์และความเสียหายของคนอื่น
เมษวางนิตยสารแนวซุบซิบในมือลงบนโต๊ะอย่างอ่อนใจ นี่มันอะไรกันอีกเนี่ย เธอยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าปรกตารุงรังอยู่อย่างไม่ใส่ใจ เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่เสียแล้ว ใครกันนะที่ไปแอบถ่ายภาพของเด็กสองคนนี้ เธอไม่เชื่อหรอกว่า นักข่าวจะสืบรู้ได้เอง เพราะแทบจะยังไม่มีใครรู้จักนนท์ แต่ต่อให้มีภาพนนท์กับน้ำต้น สื่อก็ไม่น่าจะจู่ๆหยิบประเด็นชู้สาวขึ้นมาเล่น เมษแน่ใจว่าเรื่องนี้จะต้องมีตื้นลึกหนาบางเสียแล้ว

ยังไม่ทันไร ก็มีโทรศัพท์มาถึงเมษทันที ปลายสายแจ้งว่ามาจากข่าวสำนักหนึ่ง อยากจะขอพูดคุยสอบถามเรื่องข่าวของน้ำต้น เมษได้แต่บ่ายเบี่ยงตอบปฏิเสธไป หนักๆเข้า ก็เริ่มมีนักข่าวที่สนิทสนมกับเมษเป็นพิเศษโทรมาสอบถามถี่ขึ้นเรื่อยๆ

“แล้วเนี่ย อะไรก็ไม่เท่า ทางน้องไหมเขาออกปากมาเองด้วยนะว่า คนที่เป็นข่าวกับน้ำต้นน่ะเป็นฝ่ายมาตื้อตอแยไม่เลิก เรื่องมันเป็นยังไงแน่พี่เมษ” นักข่าวสาวรายหนึ่งรายงานพร้อมกับถามสำทับตามมาอย่างสงสัยใคร่รู้

“เขาพูดอย่างนั้นเลยเหรอ” เมษนิ่วหน้าถามกรอกหูโทรศัพท์ลงไป

“ก็วันนี้เขาไปออกกองถ่าย นักข่าวเลยตามไปสัมภาษณ์เขา เขาก็เลยใส่ไม่ยั้งเลย”

“อย่าเพิ่งลงข่าวนี้ได้ไหม” เมษว่า

“หนูไม่ลงน่ะไม่เป็นไร แต่คนอื่นล่ะพี่ บางเล่มเขากะเล่นเรื่องนี้แรงๆอยู่แล้ว เขาไม่ปล่อยหรอก แล้วนี่ถ้าเขาลงข่าวนี้แล้วหนูไม่ลงนะ หนูก็ต้องโดนนายว่าอยู่ดี”

เมษถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“เอาเถอะ พี่เข้าใจ”

“พี่เมษ เรื่องมันเป็นยังไงคะ หนูชักไม่แน่ใจแล้วสิ เพราะทางน้องน้ำต้นก็เงียบเหลือเกิน ข่าวมันก็มาจากฝ่ายโน้นเยอะเลย” นักข่าวสาวถามแสดงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ

“จอย ขอพี่คุยกับทางนี้ก่อน แล้วถ้าได้เรื่องยังไง พี่จะบอกจอยแน่นอน ขออย่างเดียว จะลงข่าวยังไงก็ช่วยเซฟน้องพี่หน่อยนะ”

“ไม่ต้องห่วงพี่ หนูไม่นิยมเขียนข่าวเลวๆอยู่แล้ว พี่เมษมีอะไรให้หนูช่วยก็บอกได้นะ”

“ขอบใจมาก” เมษวางหูโทรศัพท์แล้ว แต่สีหน้ากังวลยังไม่คลายลงไปแม้แต่น้อย

น้ำต้น นนท์ สองคนอยู่ที่ไหนนะ ทั้งที่พยายามที่จะติดต่อมาตั้งแต่เช้า แต่ดูเหมือนทั้งสองคนเลือกที่จะปิดโทรศัพท์ไปราวกับนัดกันไว้ไม่มีผิด


***********************

เขาไม่สนอีกแล้ว

น้ำต้นขับรถยนต์คู่ใจด้วยสีหน้าเคร่งเครียดบึ่งออกจากบ้านของเขาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรทั้งสิ้น ไม่สนแม้แต่เรื่องที่โดนห้ามไม่ให้พบกัน ไม่สนเรื่องที่จะต้องตกเป็นข่าว เขาไม่สนใจอะไรแล้ว หลังจากที่ได้อ่านนิตยสารซุบซิบเล่มนั้น สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือการได้ไปเผชิญหน้ากับนนท์แล้วพูดคุยกันให้รู้เรื่อง ไอ้ดีเจคนนั้นมันเป็นใคร ทำไมมีข่าวว่าพี่นนท์คบอยู่กับมัน ที่สำคัญ ทำไมเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย น้ำต้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะเชื่อข่าวที่ลงในนิตยสารเล่มที่ว่า แต่อีกใจก็อดคิดไม่ได้ถึงความประจวบเหมาะ วันนั้นพี่นนท์ไม่รับสายของเขา ถึงกับปิดโทรศัพท์ด้วยซ้ำ แล้วภาพที่ลง ดูยังไงก็คือนนท์ชัดๆ มีหรือเขาจะจำนนท์ไม่ได้ แล้วทำไมนนท์ไม่บอกเขาว่าไปไหน ไปทำอะไร กับใคร ทำไมจะต้องปิดบัง นั่นคือสิ่งที่น้ำต้นทนไม่ได้อย่างยิ่ง

ป้าชื่นเป็นคนแรกที่เห็นรถเก๋งสีดำมันปลาบที่แสนคุ้นเคยขับเข้ามาจอดหน้าเรือนหลังเล็ก นางเดินออกมาดูให้แน่ใจ และเมื่อเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มนางจึงออกปากทักทาย

“คุณน้ำต้น” เด็กหนุ่มหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะยกมือไหว้ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้สบายใจนัก

“พี่นนท์ล่ะครับป้า”

“เอ ป้ายังไม่เห็นนะคะ น่าจะยังอยู่ในเรือนเล็กนั่นแหละค่ะ แต่สายป่านนี้แล้ว” ป้าชื่นเริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา น้ำต้นร้อนใจจนไม่รอฟังอะไรอีก เขามีกุญแจสำรองอยู่แล้ว จึงเดินดุ่มๆเข้าไปไขกุญแจประตูหน้าบ้าน ไฟในบ้านปิดสนิท ข้างในเงียบผิดวิสัย

“พี่นนท์” น้ำต้นเรียก เขาเดินตรงเข้าไปยังห้องนอนของชายหนุ่ม ก่อนจะเคาะพอให้คนข้างในได้ยิน “พี่ นี่ต้นนะ” น้ำต้นยังคงเคาะประตูต่อไป แต่เคาะอย่างไร คนด้านในก็ไม่ยอมเปิดเสียที เขาจึงตัดสินใจถือวิสาสะหมุนลูกบิดประตูเข้าไป ไม่ได้ล็อก ในห้องมืดสนิท ผ้าม่านถูกปิดเอาไว้จนหมด น้ำต้นนิ่วหน้าก่อนที่จะยื่นมือไปกดสวิตช์ไฟ

ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไหวน้อยๆ พร้อมกับส่งเสียงครางเบาๆออกมา

“พี่นนท์เป็นอะไร” น้ำต้นถลาเข้าไปยังร่างที่คลุมโปงอยู่ในผ้านวมผืนใหญ่

“ปิดไฟ…” เสียงนั้นแหบโหย และอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นอะไรพี่นนท์”

“ปิดไฟหน่อย ปวดหัว...”

น้ำต้นรีบถลาไปปิดสวิตช์ไฟก่อนจะรีบกลับไปที่เตียงดังเดิม เขาค่อยๆดึงผ้าห่มออก แม้ห้องจะมืดแต่เห็นได้ชัดว่า นนท์อาการไม่สู้ดีนัก

“ป้าชื่นครับ ป้า!”

“ต้น อย่าเสียงดัง หัวพี่จะระเบิด” เขาครางออกมาอย่างยากเย็น แต่ยังไม่ทันที่น้ำต้นจะได้ทำอะไรต่อ ร่างอวบท้วมของแม่บ้านชราก็ปรากฏขึ้นตรงประตู

“ตายจริง คุณนนท์เป็นไมเกรนหรือคะนี่” นางรีบเดินเข้าไปดูอาการชายหนุ่มอย่างร้อนใจ “เป็นมากเสียด้วย อาเจียนด้วยใช่ไหมคะ ตายแล้ว...”

“ป้า พี่นนท์เป็นอะไรมากไหมครับ” น้ำต้นถามอย่างร้อนใจ

“ไมเกรนค่ะคุณ โรคประจำตัวเขา ไม่เป็นมาตั้งนานแล้ว โถ่...ไม่รู้ปล่อยเอาไว้แบบนี้ได้ยังไง ไม่ยอมบอกใคร เห็นทีต้องรบกวนคุณต้นแล้วค่ะ พาไปโรงพยาบาลเถอะ”

น้ำต้นไม่คิดนาน ก้มหน้าลงกระซิบร่างเล็กๆที่นอดขดตัวนิ่วหน้าด้วยความทรมาณทันที

“พี่นนท์ อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวจะอุ้มไปขึ้นรถ เราจะไปหาหมอกัน” เขาไม่แน่ใจว่านนท์พยักหน้าตอบรับแก่เขาหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้รอคำตอบแต่อย่างใด สอดแขนแข็งแรงขึ้นช้อนร่างนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนทันที เขาเดินอุ้มร่างพี่ชายของเขาออกไปขึ้นรถของเขาที่จอดอยู่ ตอนนั้นเองที่ได้เห็นว่าสีหน้าของนนท์ซีดเซียวและอ่อนล้าเพียงไร นนท์นิ่วหน้าเมื่อแสงจากภายนอกแยงตา ยิ่งทำให้อาการปวดหัวนั้นหนักหนาขึ้นอีก เขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า เบือนหน้าซุกเข้ากับอ้อมอกหนาที่อุ้มเขาเอาไว้

เมื่อวางร่างนั้นลงบนเบาะหลังแล้ว น้ำต้นแทบจะเรียกได้ว่ากระโจนขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับทันที โดยมีป้าชื่นเข้าไปนั่งดูแลคุณนนท์ของนางแบบไม่ต้องรอให้ใครสั่ง

น้ำต้นลืมไปจนหมดสิ้นว่า เขามาบ้านนนท์เพื่ออะไร ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องพาพี่นนท์ไปหาหมอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

*********************

หญิงสาวผมสั้นในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ เดินจ้ำแบบไม่สนใจใครทันทีที่จอดรถได้แล้ว โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ ต้องยอมรับล่ะว่า หรูหราเอาเรื่องจริงๆ อีกนิดเดียวก็เฉียดคล้ายโรงแรมเข้าไปเต็มทีแล้ว ไหนจะเรื่องความสะอาดสะอ้าน ที่นั่งหรือแม้แต่การตกแต่งก็ดูสวยงามเป็นระเบียบไปเสียหมด หรือเพราะมันน่าเข้าอย่างนี้นี่เอง คนถึงได้ขยันมานอนป่วยกันนัก เธอคิดกึ่งประชด ดูเอาเถอะ แม้แต่ลิฟต์ยังดูดีถึงเพียงนี้

ห้อง 402 นี่แหละ ห้องพิเศษที่น้ำต้นโทรบอกว่านนท์นอนพักรักษาตัวอยู่ เมษเคาะประตูพอเป็นพิธีก่อนจะเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นคือเด็กหนุ่มน้ำต้น นั่งเฝ้าชายหนุ่มอีกคนที่กลายสภาพเป็นคนป่วยนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงชนิดไม่ยอมห่างและไม่ยอมให้คลาดสายตาแม้แต่น้อย เมษได้แต่ส่ายหน้าเมื่อเห็นสีหน้าของน้ำต้น เจ้าตัวจะรู้ไหมหนอว่า ตัวเองก็มีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนป่วยที่นอนอยู่นั่นเลย น้ำต้นนั่งหน้าเซียว สีหน้าหมอง ไม่สดชื่นเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้เพราะเป็นห่วงนนท์ หรือมีปัญหาให้ขบคิดมากเกินจะรับมือกันแน่ แต่เมษเชื่อว่าน่าจะเป็นทั้งสองอย่างรวมกัน

เธอเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม วางมือไว้บนไหล่ของเขาเบาๆ

“นนท์เป็นยังไงบ้าง”

“เป็นไมเกรนครับ เป็นหนักมาก...” น้ำต้นน้ำตาคลอเมื่อพูดถึงตรงนี้ “โชคดีที่ต้นไปเจอเข้าพอดี ไม่งั้นไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”

“ไปหานนท์เขาเหรอวันนี้” เมษถามด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่เจือแววตำหนิติเตียนอะไรทั้งสิ้น เด็กหนุ่มพยักหน้า เขาละสายตาจากวงหน้าของนนท์ที่นอนหลับใหลอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นมองเมษก่อนจะยกมือไหว้

“ต้นขอโทษนะพี่” เด็กหนุ่มว่าอย่างสำนึกผิด “ที่ไม่ฟังพี่เมษ ยังดื้อจะไปหาพี่นนท์จนได้”

“มานี่มา” เธอตบบ่าน้ำต้นเบาๆแล้วพยักเพยิดให้ไปคุยกันตรงโซฟา “จะได้ไม่ไปกวนนนท์เขา”

น้ำต้นลุกขึ้นทำตามอย่างว่าง่าย

“ไหนเล่ามาซิ ทำไมจะต้องไปหานนท์วันนี้ด้วย ทุกทีพี่ก็เห็นว่าต้นเชื่อฟังพี่ดีนี่นา”

“ต้นอ่านเจอข่าวพี่นนท์…”

“อือม์... พี่ก็ว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ” เมษว่าอย่างเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างทะลุปรุโปร่ง

“ก็เลยอยากจะไปคุยกะพี่เขาให้รู้เรื่อง ว่าเรื่องมันเป็นยังไงแน่ คือ เราเพิ่งทะเลาะกันน่ะพี่”

“แล้วยังไงอีก”

“ทีแรก ตอนที่ขับรถไปหาพี่นนท์ ต้นโกรธมากเลยนะ”

“โกรธที่เขามีคนอื่นไม่บอกเราเหรอ” เมษถามลองใจ

“เปล่า โกรธที่ทำไมพี่นนท์ไม่ยอมบอกอะไรเลย เหมือนต้นพึ่งพาไม่ได้น่ะพี่ มันก็เลยแบบน้อยใจ” เมษได้ยินแล้วก็ได้แต่ยิ้มส่ายหน้า พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะน้ำต้นราวกับจะปลอบประโลมไม่ให้คิดมาก “ทีแรกต้นก็คิดนะว่าต้องคุยให้มันรู้เรื่องกันไปเลยวันนี้แหละ ถ้าต้องหมางใจกันก็ยอม” น้ำต้นหันไปมองที่เตียงคนป่วยอีกครั้ง “แต่พอเห็นพี่นนท์ป่วยขนาดนั้น ความตกใจ ความเป็นห่วงมันก็เข้ามาแทนทุกอย่าง ก็เลยเหมือนมันเบรกยั้งอารมณ์ให้เราได้มีสติขึ้นมา”

“แล้วตอนนี้เป็นไง”

“ก็คิดอยู่อย่างเดียวว่า อยากให้พี่นนท์หายเร็วๆ ตอนเห็นพี่นนท์ต้นลืมทุกอย่างเลย ตอนนั้นแหละที่บอกตัวเองว่า ถ้าพี่นนท์เป็นอะไรไปต้นจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองเลย”

“แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นอะไรแล้วใช่ไหม” น้ำต้นพยักหน้า “งั้นเราก็สบายใจได้แล้วนะ” เด็กหนุ่มพยักหน้าอีกครั้ง

“พี่นนท์น่ะ... มีอะไรไม่ค่อยพูด เขามีอะไรก็เก็บไว้ จนเป็นแบบนี้ คอยดูนะพี่ ถ้าพี่นนท์ตื่นแล้ว ต้นจะคุยกะเขาเรื่องนี้ก่อนเป็นอย่างแรกเลย ไม่งั้นไมเกรนก็จะกำเริบแบบนี้อยู่นั่น มีอย่างที่ไหนปล่อยให้เราต้องเป็นห่วงแทบตายแบบนี้ ไม่เอาแล้วนะ” พอได้พูดเท่านั้นแหละ น้ำต้นก็หยุดบ่นไม่ได้ ทำเอาเมษนึกขันขึ้นมาอย่างนึกเอ็นดู ดูเอาเถอะ เมื่อกี้ยังทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายอยู่เลย น้ำต้นเอ๋ย

“เอาล่ะ ทีนี้มาเข้าเรื่องปัญหาของเราหน่อยดีไหม”

“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นแน่พี่เมษ”

“ตอนนี้พี่ค่อนข้างแน่ใจแล้วล่ะว่า คุณไหมมีเอี่ยวกะเรื่องนี้” น้ำต้นนิ่งไป ทำไมเขาถึงไม่แปลกใจสักนิดนะ “น้องนักข่าวที่สนิทกับพี่คนนึงบอกว่า ล่าสุด เขาให้ข่าวไปว่า นนท์เป็นฝ่ายมาก้อร่อก้อติกกะต้นเอง แล้วก็ตื๊อไม่เลิก เขายืนยันว่า เขากับน้ำต้นจะกลับมารีเทิร์นกันแน่นอน ติดอยู่ที่นนท์คนเดียว”
ความโกรธของเด็กหนุ่มแล่นขึ้นเป็นริ้วๆ เขากัดฟันแน่นจนกรามนูนขึ้นเป็นสัน มือประสานกันแน่นเสียจนข้อนิ้วไม่มีสีเลือด เมษเข้าใจความรู้สึกของเด็กหนุ่มเป็นอย่างดี เธอเอื้อมมือไปจับมือที่เย็นชืดของน้ำต้นอย่างแผ่วเบา

“ใจเย็นๆก่อนน้ำต้น”

“ทำไม เขาต้องทำกับเราขนาดนี้พี่เมษ ต้นกับเขาเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ทำไมเขาจะต้องมาทำร้ายคนที่ต้นรักด้วย”

“คงหนีไม่พ้นเรื่องของอีโก้และความหวงก้างล่ะมั้งต้น ไม่รู้สิ พี่ไม่รู้จักเขาเท่าเราน่ะนะ”

“ไหมทำเรื่องนี้คนเดียวหรือครับพี่เมษ”

“อือ อันนี้แหละที่พี่อยากจะมาคุยกะเรา เมื่อเช้า โอ้โห... ไม่อยากจะบอกเลย พี่แทบไม่เป็นอันทำงาน รับแต่โทรศัพท์อย่างเดียว”

“ต้นขอโทษครับพี่”

“ไม่ต้องขอโทษ มันกลายเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ คนที่โทรมาส่วนใหญ่เขาอยากได้ข่าวจากเราก็จริง แต่บางคนก็โทรมาบอกอะไรเราเยอะ พี่ก็... ไหนๆก็ต้องรับโทรศัพท์อยู่แล้ว ก็ใช้แหล่งข่าวให้เป็นประโยชน์เสียเลย แล้วก็ได้เรื่องจริงๆเสียด้วย”

“ได้อะไรเหรอพี่เมษ” หนนี้ น้ำต้นสนอกสนใจขึ้นมาอย่างไม่ปิดบัง

“ก็ไอ้รูปทั้งหลายที่เป็นข่าวน่ะ ทั้งหมดนั่น ถ่ายโดยช่างภาพคนเดียวกันหมดเลย”

“เฮ้ย... จะเป็นไปได้เหรอพี่ มันต่างวาระ ต่างสถานที่ทั้งนั้นเลยนะ”

“ก็แปลว่ามันต้องมีคนคอยบอกให้ช่างภาพไปถ่ายใช่ไหม นั่นแหละ แต่รายละเอียดพี่ยังไม่รู้ ต้องรอให้แหล่งข่าวโทรมาบอกอีกที คงต้องรอหน่อยล่ะนะ เรื่องช่างภาพ”

น้ำต้นพยักหน้า

“ส่วนเรื่องผู้สมรู้ร่วมคิด ทีแรกพี่สงสัยมากว่าทำไมจู่ๆนนท์ถึงได้มีข่าวกับดีเจคนนั้นได้ ที่มาที่ไปมันน่าสงสัยเกินไปหน่อย ก็เลยลองโทรไปคุยกับคนทางคลื่นวิทยุที่ไอ้ดีเจคนที่เป็นข่าวกับนนท์จัดอยู่ เขาถึงได้หลุดปากออกมาว่า ดีเจคนที่ว่านี่ชื่อเอ้ มันเคยสนิทสนมกับนนท์อยู่พักนึง ตอนที่นนท์กลับจากเมืองนอกแล้วก็มาทำงานที่นี่ใหม่ๆ”

“เขาคบกันเหรือพี่” น้ำต้นกลั้นใจถาม

“ทางโน้นไม่ได้บอกนะ เขาว่าเขาก็ไม่แน่ใจว่าคบกันแบบไหน เพราะท่าทางคนที่ชื่อเอ้เนี่ย จะถูกใจนนท์ออกนอกหน้า ส่วนนนท์ก็เฉยๆ วางตัวเหมือนเพื่อนมากกว่า คนก็เลยดูไม่ออก แต่ที่รู้มาก็คือ ไอ้เจ้าเอ้เนี่ยมีรสนิยมชอบผู้ชาย ที่สำคัญคือเจ้าชู้มาก เปลี่ยนคู่เป็นว่าเล่น”

“อ้าวแล้วพี่นนท์ล่ะ”

“ก็ไม่รู้นะ เหมือนแบบพอรู้อีกที เอ้ก็มาสนิทสนมกับดีเจคนหนึ่งในคลื่น แล้วตอนหลังก็ได้เป็นดีเจไปเลย ส่วนนนท์ก็ย้ายมาทำงานกับพี่มิ่ง”

“ดีเจเอ้เหรอ ต้นว่าเหมือนจะคุ้นๆหน้าเขาอยู่นะ...” น้ำต้นพยายามนึกอยู่เป็นนาน เขาแน่ใจว่าไม่เคยเสวนาอันใดกับดีเจคนนี้แน่นอน แต่ทำไมรู้สึกคุ้นนักก็ไม่รู้ “อ๋อ...ไอ้หมอนั่น”

“ทำไมหรือต้น”

“ต้นเคยไปกินกาแฟ แล้วพี่นนท์ก็ไปร้านนั้นด้วย แต่ตอนนั้นเรายังเพิ่งรู้จักกัน ต้นก็เห็นดีเจคนนี้แหละ เข้าไปคุยกับพี่นนท์ แต่เหมือนพี่นนท์ไม่อยากจะคุยด้วย ท่าทางเขาหัวเสียอยู่เหมือนกัน นี่ถ้าพี่ไม่พูดขึ้นมาต้นคงลืมไปแล้วนะเนี่ย”

“พี่ก็เลยคิดว่า หรือดีเจคนนี้จะร่วมมือกับไหมด้วย เพราะจังหวะมันประจวบเหมาะพอดี ต้นมีข่าวกับไหม แล้วนนท์ก็มีข่าวกับเขาเฉพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นตอนนี้เสียด้วย ทั้งที่เรื่องของเขากับนนท์มันก็นานมากแล้ว”

“ลำพังไหมคนเดียว คงไม่รู้เรื่องพี่นนท์กับดีเจคนนี้หรอก ถ้าเขาไม่ร่วมมือกัน”

“เอาเป็นว่า ตอนนี้เรารู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด เข้าเค้าเลยทั้งสองคน คนนึงก็หวังจะกลับมาคบกับเรา อีกคนก็หวังทางนนท์”

“เราจะเอายังไงดีพี่เมษ”

“จำที่พี่บอกได้ไหม เรื่องพี่ในด้านมืดน่ะ” เมษว่าพลางกระดกริมฝีปากขึ้นยิ้มข้างหนึ่ง

“จำได้ครับ”

“อยากเห็นด้านร้ายๆของพี่ขึ้นมาบ้างแล้วหรือยัง”

“ครับพี่เมษ”

“คอยดูดีๆก็แล้วกันน้ำต้น”

เมษลุกขึ้นยืน ก่อนจะบอกแค่ว่า

“ดูแลนนท์ดีๆนะ อะไรที่ไม่เข้าใจก็คุยกันซะ นนท์เขาไม่มีใครหรอก มีแต่เรานั่นแหละ” ว่าแล้วก็เดินไปที่ประตูก่อนจะหันมาทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “แล้วพี่จะโทรหานะ”

______________________________

มาถึงตอนที่ 13 ก็แปลว่าใกล้แล้วล่ะค่ะ เรื่องราวจึงต้องเข้มข้นขึ้น และจะเข้มข้นขึ้นอีก ซึ่งก็แปลว่ามีแนวโน้มจะทำร้ายจิตใจคนอ่านสูงมาก แต่ก็หวังว่าจะชอบกัน และจะติดตามกันไปเรื่อยๆจนจบค่ะ

อ่านให้สนุก ชอบไม่ชอบอย่าลืมบอกกัน และขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ

จากคุณ : fingers-crossed   
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 28-08-2009 15:54:43
พี่เมษ

เอาให้แสบเลยนะพี่
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 28-08-2009 16:30:20
สวัสดีค่ะ คุณนาเมฮ์ และคุณนิ้วไขว้ นะคะ

ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ มันเป็นความสวยงามในความรักจริงๆ
มีความต้องการให้เกิดสิ่งดีๆ กับคนที่ตนรัก

ชอบน้ำต้นมาก ในความเป็นเด็กและผู้ใหญ่ในคนเดียวกัน

ชอบนนท์มาก เป็นพี่ที่น่ารัก และรักน้องมากมาย

สรุปคือ ชอบทุกอย่างในเรื่องนี้เลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้ทั้งคนแต่งและคนโพสเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 28-08-2009 17:08:10
อ่านจบตอนนี้แล้ว
ไมเกรนจะกินตามพี่นนท์เลยล่ะค่ะ


ขอบคุณคนส่งข่าวนะคะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-08-2009 18:58:44
รอด้านมืดของพี่เมษดีก่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-08-2009 21:46:14
 :beat: :beat:
เอ้กับไหมนี่ไม่มีคำบรรยายจริง ๆๆ
น้ำต้นต้องอย่าให้เค้ามาทำร้ายยน๊า ๆๆ
ดูแลพี่นนท์ดี ๆ ด้วย ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 28-08-2009 21:59:11
ดูก้รู้ว่าพี่เมษอะร้ายใน ของแบบนี้ไม่ร้ายมันไม่รอดหรอก  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 28-08-2009 22:08:38
รอสะใจ...พี่เมษเอาคืนเร็วๆ นะครับ... :m16:
ส่วนไหมกับเอ้...ทำอะไรไว้ก็ต้องชดใช้กรรมในไม่ช้าแน่นอน
สิ่งที่นนท์และน้ำต้นต้องการในตอนนี้คงเป็น "ความเชื่อใจ" และ "ความหนักแน่น" นะครับ
ขอบคุณคุณนิ้วไขว้และคุณนาเมฮ์มากๆ เลยครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Sakana2yunjae ที่ 29-08-2009 09:21:37
เอาให้เต็มที่เลยพี่เมษ ร้ายมาก็ร้ายกลับ  :laugh: ซะใจ

ขอบคุณคนโพสต์ แอนด์ คนแต่งนะคะ :L2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 29-08-2009 11:08:50
จัดไปชุดใหญ่เลยพี่เมษ 5555 เอาให้หน้าหงายไปเลย บังอาจมากกกมาทำพี่นนท์ของน้ำต้นได้  :m16:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 29-08-2009 13:39:31
มาร่วมให้กำลังใจน้ำต้นกับนนนี่

ขอให้ผ่านเรื่องร้ายๆไปได้จ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 30-08-2009 15:18:52
น้ำต้นกับนนท์คงต้องร่วมกันฟันฝ่าไปให้ได้สินะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 30-08-2009 17:13:38
สงสารพี่นนท์กับน้องต้นจังเลยค่ะ
แต่ยังไงก็คุยกันให้เข้าใจนะคะ
เข้าใจกันสองคน เรื่องอื่นก็จะผ่านไปด้วยดีน้า

รอดูด้านมืดของพี่เมษค่ะ
เอาให้ไหมกับเอ้กระเจิงไปเลยนะคะ

ขอบคุณคุณนิ้วไขว็สำหรับเรื่องสนุกๆ
ขอบคุณพี่นาเมฮ์ที่เอามาลงให้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 01-09-2009 00:07:45
อยากเห็นด้านร้ายของพี่เมษเร็วๆ จังเลยค่ะ


เอาให้จมดินไปเลยนะพี่ 555  :z6:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 01-09-2009 01:33:43
ก่อนที่จะได้รู้ว่าด้านมืด ของพี่เมษเป็นยังไง

สำหรับ ยัยชะนีไหม   :beat: จัดให้ไปก่อน

แบบว่าทนไม่ไหวแล้ว  ทำแบบนี้เผื่อชีคิดได้
 
น้ำต้น กับ พี่นนท์  อยู่ในโลกมายา ถือซะว่า

เป็นบทเรียนแรก ที่เข้ามาให้ช่วยกันแก้ไข

ไม่ว่าจะเกิดอะไร ก็จับมือกันฝ่าฟันไปให้ได้นะ

เอาใจช่วยเต็มที่เลย   :L2: 


ขอบคุณ คนแต่ง และ คนโพสต์นะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 02-09-2009 18:00:56
ตอนต่อไปมาแล้วค่า

******************************

เพลงรัก

บทที่ 14

“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละพี่” เมษนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากที่ได้เริ่มต้นเล่าเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างยืดยาวจนแทบไม่ได้พักหายใจ

“มันเรื่องใหญ่เหมือนกันนะนี่” นรเศรษฐ์เอ่ยออกมาในที่สุด “ชิงรักหักสวาทกันยังกะละครหลังข่าว”

“ก็ดีนะที่ได้รู้เสียก่อน ไม่งั้นพวกพี่คงยังงมกันไม่ถูกว่าจะเอายังไง”

“ทำไมหรือคะ”

“ก็เบื้องบนน่ะสิ” มิ่งที่นั่งฟังอยู่ด้วยพูดขึ้นบ้าง “เขาก็เป็นห่วงกับข่าวที่เกิดขึ้น แค่ต้นมีข่าวกับดาราสาวน่ะ มันไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอมันมาเกี่ยวกับนนท์ด้วยแล้ว ทีนี้ล่ะ นั่งกันไม่ติดเลย”

“แล้วพี่บอกทางนั้นไปว่าไงบ้างคะ”

มิ่งกับนอยักไหล่พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ก็บอกเขาไปแหละว่าให้เชื่อมั่นในตัวเด็กเราหน่อย หนังสือพวกนั้นมันก็ต้องทำทุกอย่างแหละ เพื่อให้ขายข่าวให้ได้ โชคดีมากที่น้ำต้นเป็นเด็กดี ผลงานที่ออกไปมันก็พิสูจน์ตัวเขาได้ในระดับหนึ่งด้วยแหละ นนท์นี่สิ...”

“นนท์ทำไมหรือคะ” เมษนิ่วหน้า

“เขาเกือบให้พี่ล้มเลิกโปรเจ็กต์นนท์แล้ว แถมจะถอดนนท์ออกจากทีมโปรดักชั่นของต้นมันด้วย”

“แล้ว...” เมษทำหน้าไม่ค่อยดีเสียแล้ว

“พี่ก็แย้งเขาไปสิ เรื่องอะไรจะยอม เด็กมีความสามารถจะต้องมาหมดอนาคตเพราะข่าวเฮงซวยพวกนี้ มันใช่เรื่องที่ไหน พี่ก็เลยบอก ขอเวลาให้เด็กมันพิสูจน์ตัวเองก่อนได้ไหม ไม่ใช่เห็นข่าวอะไรออกมาก็เต้นตามมันไปหมด ประสาทหรือเปล่า” มิ่งว่าอย่างหงุดหงิด

“งานนี้นะเมษ พวกพี่เชียร์ไอ้สองคนนั่นสุดใจขาดดิ้นเลย ทีแรกก็ไม่แน่ใจหรอกว่าจะปล่อยให้มันคบกันดีไหม” นรเศรษฐ์ว่า “เด็กมันไม่ได้คบหากันไปในทางเสียหาย แค่อาจจะต้องขอไม่ให้มันออกนอกหน้านักก็พอ ที่เหลือ ถ้ามันคบกันแล้วส่งเสริมกันไปในทางที่ดี พี่ไม่ห้ามแล้ว เอาเลยโว้ย”

“พี่ก็เอาด้วยวะ แหม... รู้เป็นคนสุดท้ายเลย แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไอ้สองคนนั่นตกอยู่ในปากเหยี่ยวปากกาล่ะวะ เอา... ไฟต์ให้น้องมันหน่อย ไม่ใช่คนอื่นคนไกล น้องเราทั้งนั้น” มิ่งสำทับตามมาด้วยอีกคน

“เอ็งวางแผนยังไงบ้างล่ะเมษ”

“พี่ไว้ใจเมษหรือเปล่าล่ะ”

“ไว้ใจสิ”

“งั้นพี่รอดูเอาก็แล้วกัน จะได้เห็นว่าเวลาเมษร้ายน่ะ น่ากลัวขนาดไหน”

ได้ยินดังนั้น นรเศรษฐ์กับมิ่งจึงได้แต่มองตากันปริบๆ รู้สึกแหยงลูกน้องสาวที่ปกติยิ้มแย้มแจ่มใสไม่อะไรกับใครคนนี้ขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย

**********************

เมษกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองได้ครู่ใหญ่แล้ว มานึกๆดูเธอวนเวียนอยู่ในวงการนี้มาเป็นระยะเวลากว่าสิบปีแล้วสินะ ที่ผ่านมา อยากจะได้อะไร หรือต้องการอะไร เมษไม่เคยออกปากขอร้องหรือพึ่งพาใคร ไม่ว่าจะอย่างไรเมษก็จะพยายามใช้ความพยายามและความสามารถของตัวเองพิสูจน์ให้ใครต่อใครได้เห็นว่า เธอมีดีกว่าที่ใครๆคิด เธอไม่เคยอาศัยบารมีใคร ไม่เคยบอกว่ารู้จักคนใหญ่คนโตที่ไหน

แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอจะทำ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อน้องสองคนที่เธอรัก เมษเคยมองโลกนี้แต่ในด้านที่สวยงาม ทุกคนดูจะเป็นคนดีไปหมด โดยลืมคิดไปว่านี่คือวงการ “มายา” และประสบการณ์ที่ผ่านมาก็สอนบทเรียนให้กับเธอ โลกใบนี้ ทุกอย่างมักจะมาคู่กันเสมอ เมื่อมีคนดีก็ต้องมีคนเลว คนดีต้องใช้ความพยายามมากกว่ามากมายนักเพื่อที่จะบรรลุอะไรสักอย่าง ในขณะที่คนเลวไม่ต้องใช้อะไรมากไปกว่าลูกไม้สกปรกเพื่อให้บรรลุจุดหมายของตัวเอง โดยไม่สนวิธีการ ดังนั้นการปฏิบัติต่อคนเลวในบางครั้งจึงน่าจะมองข้ามวิธีการไปบ้าง ก็คงจะพอสมน้ำสมเนื้อดีเหมือนกัน

เมษกดโทรศัพท์ทันทีที่ตัดสินใจได้

“จอย พี่เมษนะคะ… ตกลงเรื่องที่พี่ขอให้ช่วยเป็นยังไงบ้าง อือม์... พี่เข้าใจ คิดอยู่เหมือนกันว่าต้องเจอตอ งั้นเดี๋ยวพี่จัดการเรื่องนี้เอง จอยช่วยพี่อีกอย่างได้ไหม รับรองเลยว่าถ้าได้เรื่อง พี่จะให้ข่าวเด็ดกับจอยก่อนใครทันทีแน่นอน โอเคนะ...” เมษอธิบายยืดยาวและทำความเข้าใจกับนักข่าวสาวรุ่นน้องที่สนิทกันอีกครั้ง ก่อนจะวางหูไป

*******************

เด็กหนุ่มยังคงนั่งนิ่งเฝ้ามองใบหน้าที่นอนหลับสนิทอยู่อย่างนั้นเป็นนาน น้ำต้นไม่แตะต้องอาหารใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าป้าชื่นจะขอร้องอย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าจะรอกินพร้อมกับพี่นนท์ จนหญิงชราต้องยอมแพ้ในทิฐิของเด็กหนุ่ม นางยิ่งรู้สึกรักใคร่และเชื่ออกเชื่อใจคุณน้ำต้นมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดฝากฝังให้น้ำต้นดูแลคุณนนท์แทนเธอ พร้อมกับสำทับตามว่า

“ถ้าตื่นแล้ว คุณทั้งสองคนต้องทานของที่ป้าทำมาให้นะคะ” น้ำต้นรับปาก และก่อนที่แม่นมประจำบ้านนนท์จะกลับบ้านพร้อมคนขับรถที่มารอรับอยู่แล้ว นางก็ยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้เด็กหนุ่ม “ตอนไปเอาเสื้อผ้ามาให้คุณนนท์ผลัด ป้าเห็นรูปวางกระจัดกระจายบนโต๊ะคุณนนท์ ก็เลยหยิบติดมาด้วยค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร แต่คิดว่าน่าจะเอามาให้คุณดู”

น้ำต้นยกมือไหว้หญิงชราพร้อมกับรับปากว่าจะดูแลนนท์ให้ดีที่สุด

คล้อยหลังป้าชื่นไม่ทันไร น้ำต้นจึงแกะซองเปิดออกดู รูปนับสิบใบชุดเดียวกับที่ลงในนิตยสารที่เขาเห็นเมื่อเช้าก็ปรากฏแก่สายตาของเขา น้ำต้นพูดไม่ออก รูปเหล่านี้หรือเปล่าคือต้นเหตุให้พี่นนท์ต้องเป็นอย่างนี้ รูปพวกนี้หรือเปล่าที่ทำให้นนท์ต้องนัดออกไปเจอกับเอ้ เป็นเพราะรูปเหล่านี้เองสินะ... น้ำต้นไม่อาจจะบรรยายความรู้สึกของตัวเองในยามนี้ออกมาเป็นคำพูดได้เลย เขารู้สึกผิดกับนนท์เสียจนไม่รู้จะกล่าวขอโทษอย่างไรดี รู้สึกโกรธคนที่ถ่ายรูปพวกนี้ โกรธนิตยสารที่ทำลายความรู้สึกของคนที่ตกเป็นเหยื่อของมันอย่างเลือดเย็น โกรธคนจิตใจต่ำช้าอย่างไหมและเอ้ที่ใช้วิธีสกปรกทำลายคนอื่น โกรธแม้แต่นนท์ที่ทำไมไม่เคยคิดจะปรึกษาพูดคุยกับเขาเลยสักนิด มีอะไรก็เงียบเก็บเอาไว้แต่เพียงคนเดียวจนตัวเองต้องมีสภาพแบบนี้

แต่แล้วความรู้สึกอันสับสนก็หยุดลงเพียงเท่านั้น เมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวน้อยๆของร่างที่นอนนิ่งนานนับชั่วโมงบนเตียงคนป่วย นนท์นิ่วหน้าก่อนที่จะค่อยๆลืมตาขึ้นมา เขากระพริบตาถี่เหมือนกับจะปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างภายในห้อง แล้วจึงค่อยๆกลอกตาสำรวจดูว่าตัวเองอยู่ที่ไหน น้ำต้นถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก เขาเอื้อมมือขึ้นไปแตะเบาๆบนหน้าผากของนนท์

“พี่” น้ำต้นเรียกเขาเบาๆ

“....”

“เอาน้ำหน่อยไหม”

ร่างอันอ่อนระโหยนั้นพยักหน้าช้าๆ น้ำต้นหันไปหยิบแก้วน้ำที่ตั้งรออยู่บนหัวเตียงก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะคนป่วยยกให้สูงขึ้น แล้วจึงค่อยๆป้อนน้ำให้นนท์ได้ค่อยๆจิบอย่างใจเย็น เมื่อเห็นว่าพอแล้วจึงค่อยๆวางศีรษะให้ลงไปนอนหนุนกับหมอนดังเดิม

“ดีขึ้นหรือยังพี่” ไม่ถามเปล่า เขายังจับมือข้างหนึ่งของนนท์กระชับเอาไว้ ราวกับจะยืนยันว่าเขาจะอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน นนท์พยักหน้าก่อนจะเบือนสายตามายังใบหน้าของเด็กหนุ่มที่เห็นได้ชัดว่าซีดเซียวและดูอ่อนล้าเพียงใด

“พี่นอนหลับไปนานไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงเบาแหบโหย

“ก็นานพอดู พี่ไม่ปวดหัวแล้วใช่ไหม”

“ดีขึ้นแล้ว”

“พี่นนท์” เขาเรียกชื่อพี่ชายก่อนที่จะเอาคางวางเกยไว้กับขอบเตียง จับมือของนนท์ขึ้นมาวางไว้บนศีรษะทุยๆของตัวเอง

“ว่าไงครับ”

“ต้นขอโทษที่ทำอะไรไม่ดีกับพี่เอาไว้ ต้นไม่ได้ตั้งใจจริงๆ พี่ยกโทษให้ต้นนะ”

“พี่ไม่ได้โกรธต้นเลยนะ” คนป่วยว่าพลางลูบศีรษะน้องชายเบาๆ

“ต้นมันไม่ได้เรื่อง เอาแต่ใจตัวเองก็เท่านั้น” เด็กหนุ่มตำหนิตัวเองเป็นการใหญ่ เขาลืมไปหมดสิ้นถึงความขุ่นข้องหมองใจที่มีต่อพี่นนท์

“ไม่เอา อย่าว่าตัวเองแบบนั้น”

“พี่” เจ้าเด็กน้อยยกแขนขึ้นท้าวคาง ก่อนจะถามออกไปตรงๆ “ต้นดูพึ่งพาไม่ได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ”

นนท์มองหน้าน้ำต้นอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก

“รูปน่ะ ต้นเห็นหมดแล้ว วันนั้นเขานัดพี่ไปเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม แล้วทำไมพี่ไม่บอกต้นซักคำ”

“อ๋อ เห็นหมดแล้วเหรอ”

“ที่จริงเห็นมาก่อนแล้วด้วยซ้ำ มันเพิ่งลงหนังสือไปเมื่อเช้านี้เอง” นนท์ทำตาโต ก่อนจะระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนและปลดปลง

“เขาทำจริงๆด้วยสินะ คนแบบนั้น...”

“พี่น่าจะบอกต้นสักคำ” น้ำต้นพูดด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจไม่ปิดบัง

“พี่อยากจะบอกนะ แต่พี่ไม่รู้จะบอกยังไงจริงๆ” นนท์หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “น้ำต้นต้องเข้าใจนะว่า พี่อยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียวมาตลอด มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพี่เวลามีปัญหาอะไรแล้วจะเอ่ยปากบอกใคร มันเป็นความเคยชินของพี่ ไม่ใช่เพราะต้นพึ่งพาไม่ได้หรอก”

น้ำต้นมองหน้าพี่นนท์ของตัวเอง

“เข้าใจพี่ใช่ไหม มันผิดที่พี่ ไม่ใช่ที่น้ำต้น” นนท์ยิ้ม

“งั้นสัญญากันก่อน”

“สัญญา?”

“ว่าต่อไปถ้ามีอะไร ต้องบอกต้นนะ พี่ต้องทำตัวให้ชินได้แล้ว สัญญาเลย” เจ้าเด็กโข่งจ้องหน้าเขาเขม็งพร้อมกับชูนิ้วก้อยขึ้น ทำเอาคนป่วยที่นอนอยู่หัวเราะพรืดออกมาเบาๆ แต่ก็ยอมชูนิ้วก้อยขึ้นมาให้คนเฝ้าไข้เกี่ยวด้วยแต่โดยดี

“ครับ”

“ดีมาก” น้ำต้นยิ้มกว้างออกมาในที่สุด มองยังไงก็เหมือนกับเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นที่ถูกใจที่สุดในชีวิตนั่นเอง “งั้น พี่หิวรึยัง ป้าชื่นแกกำชับหนักหนาว่าตื่นมาแล้ว ต้องกินอาหารที่แกทำมาด้วย”

“ยังไม่ค่อยหิว แต่ยังไงก็ต้องกินใช่ไหม”

“ถูกต้อง พี่ผอมเกินไปแล้วรู้ไหม กอดไปมีแต่กระดูก มันเจ็บนะ”

“เป็นความผิดของผิดอีกแล้วสิ” นนท์ว่าอย่างนึกขัน “ว่าแต่...”

“อะไรหรือพี่”

“เรื่องข่าว...”

“ต้นก็ไม่รู้เหมือนกัน” น้ำต้นว่าพลางส่ายหน้า “แต่พี่เมษเขาบอกว่า ปล่อยให้เขาจัดการเอง”

“พี่เมษน่ะเหรอ” นนท์ถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“อื้อ เขาว่า เขาเบื่อเป็นนางเอกแล้ว ขอเป็นนางร้ายสักที” น้ำต้นว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ “เอาน่าพี่... ตอนนี้อย่าเพิ่งไปสนใจอะไร ให้พี่หายก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันนะ มะ... เดี๋ยวไปจัดสำรับมาให้” น้ำต้นเน้นเสียงตรงคำว่า สำรับ ได้น่าหมั่นไส้ยิ่งนัก พอเอาเข้าจริงๆ ที่ว่าจะจัดสำรับนั้นก็คือ การร้องหาพยาบาลให้มาช่วยเขาอีกแรงนั่นเอง

นนท์ได้แต่ส่ายหน้ากับความเจ้าเล่ห์ของน้องชายที่หันมายักคิ้วให้เขาทีหนึ่ง เหมือนอยากจะอวดว่า น้องพี่เสน่ห์ยังแรงดีไม่มีตกนะจะบอกให้

***************************

ชายหนุ่มนอนนิ่งมองเพดานสีขาวในห้องอย่างอ่อนระโหยโรยแรงด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขารู้สึกเป็นกังวล ใช่แล้ว ดูเหมือนมีอะไรต้องคิดและเป็นกังวลมากมายเหลือเกิน แม้จะได้ปรับความเข้าใจกับน้ำต้น แม้จะคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง แต่อะไรบางอย่างรบกวนจิตใจของเขา

เป็นการดีหรือไม่ ที่เขาควรจะอยู่เคียงข้างน้องชายของเขาต่อไป

ถ้าน้ำต้นไม่ใช่นักร้องที่โด่งดังมีชื่อเสียง ทุกอย่างจะง่ายกว่านี้ไหม หรือถ้าเขาไม่ได้จะกำลังจะกลายเป็นนักร้องขึ้นมา สถานการณ์จะเป็นอย่างนี้หรือไม่ การจะรักใครสักคนมันยากกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากมายนัก ความรักมันไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง มีอะไรอย่างอื่นอีกมากมายที่เขายังต้องเรียนรู้จากมัน การเสียสละเพื่อคนที่รักน่าจะเป็นสิ่งที่เขาคงจะต้องเรียนรู้ให้มากขึ้น ที่ผ่านมา เขานึกถึงตัวเองมากเกินไป เขากลัวที่จะเสียน้ำต้นไป จึงไม่ยอมทำอะไรลงไปให้เด็ดขาด จะแยกห่างหรือ ความรู้สึกของเขามันก็ช่างเรียกร้องรุนแรง ไม่ใช่แค่น้ำต้นที่จะเสียใจ แต่เขาเองก็คงทำใจไม่ได้เหมือนกัน และการที่เขากลัวตัวเองจะเสียใจนี่หรือเปล่า ที่เป็นการรั้งเด็กหนุ่มเอาไว้ หรือเขาจะเห็นแก่ตัวเกินไปจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่แค่น้ำต้นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ ไหนจะพี่เมษ พี่มิ่ง แล้วก็พี่นออีก ไหนจะทีมงานอีกหลายๆคน ที่ผ่านมา เขาไม่เคยคิดถึงผลกระทบเหล่านี้เลย หรือเขาควรที่จะต้องทำอะไรให้เด็ดขาดไปเสียที

ก่อนหน้าที่ไม่มีน้ำต้น นนท์ยังอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากต่อไปไม่มีน้ำต้น นนท์ก็ควรต้องอยู่ได้สิ

แต่เขาสัญญาเอาไว้แล้ว

นนท์มองไปรอบๆห้อง ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ป้าชื่นกลับบ้านไปแล้ว น้ำต้นต้องออกไปทำงาน แต่กว่าจะยอมไปได้ก็ทำท่าอิดออดอยู่เป็นนาน

“ก็ต้นไม่อยากทิ้งพี่นนท์เอาไว้คนเดียว”

น้ำเสียงงอแงเอาแต่ใจที่เขาคุ้นเคยมากกว่าใครยังคงสะท้อนอยู่ในหัว เขาอมยิ้ม เมื่อนึกถึงใบหน้าคมคายของเด็กหนุ่มที่คิ้วขมวดเข้าหากันแถมยังเบะปากแสดงความไม่พอใจออกมาเหมือนเด็กๆ ตอนที่ถูกเมษดึงแขน อันที่จริงแทบจะเรียกว่าลากตัวออกไปเลยก็คงไม่ผิดนัก ไม่เพียงแต่ต้องยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง ยังต้องใช้กำลังเพื่อลากตัวเจ้าเด็กโข่งนั่นให้ออกไปทำงานจนได้ในที่สุด ก่อนไป เจ้าตัวยังไม่วายกำชับกำชาเขาเป็นหนักหนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกินยา กินข้าว หรือพักผ่อน โดยไม่ลืมย้ำว่าจะรีบกลับมา

จะผิดไหมนะ ถ้าเขาเลือกวิธีโหดร้ายแบบนี้ เพื่อน้องชายที่เขารักที่สุด

เขาจะทำได้ไหม

แล้วน้ำต้นจะเข้าใจไหม

น้ำตาอุ่นๆไหลลงมาช้าๆ อาบแก้มทั้งสองข้าง

“พี่ขอโทษนะ น้ำต้น พี่ขอโทษ” มือเรียวยาวของชายหนุ่มยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ในหัวใจเจ็บปวด แต่ถ้าเป็นการทำเพื่อคนที่เขารักแล้ว เจ็บแค่นี้นับว่าคุ้มค่ายิ่งนัก

***********************

น้ำต้นไปทำงานแล้ว แม้เจ้าตัวจะอิดออดท่าโน้นท่านี้ แต่เมษก็มีวิธีจัดการเอาเสียจนอยู่หมัดได้อยู่ดี

คงต้องโทรไปจริงๆแล้วล่ะสิเนี่ย เมษนึกในใจ ลึกๆแล้วเออาร์สาวก็อดจะรู้สึกแปลกๆไม่ได้ ที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่ก็เอาเถอะ

“แม่จ๋า” เธอเอ่ยเรียกปลายสายเสียงอ้อนเป็นเด็กๆหลังจากที่คอยฟังเสียงรอสายไม่นาน “โธ่ แม่... อย่างอนน่า ช่วงนี้มันมีเรื่องต้องรับมือเยอะอยู่ นี่เมษเป็นเออาร์นะแม่... จ้า... จ้ะแม่” เมษกลอกตาไปมาเมื่อเสียงจากปลายสายออกปากบ่นเธอเสียยืดยาว เมษชินเสียแล้ว

“แม่... ที่โทรมาเนี่ย ที่จริงมีเรื่องอยากขอให้พ่อช่วยนิดหน่อยน่ะ เมษขอคุยกับพ่อได้ไหม... ขอบคุณจ้ะแม่” หลายคนมักจะออกปากเสมอเวลาได้ยินเออาร์สาวมาดห้าวคนนี้คุยโทรศัพท์กับพ่อหรือแม่ เธอชอบใช้คำพูดจ๊ะจ๋ากับพ่อแม่มากกว่าคะขา แต่กลับไม่ได้รู้สึกขัดหูคนฟังแต่อย่างใด ใครได้ยินมักจะออกปากชมว่าน่ารักไปเสียทุกครั้ง “แปลกตรงไหน พูดจ๊ะจ๋ากับพ่อแม่” เธอว่าอย่างไม่ค่อยเข้าใจนักเวลามีคนแซว

“พ่อ หวัดดีจ้ะ... เมษมีเรื่องอยากขอร้องหน่อย...” เท่านั้นแหละ เสียงจากปลายสายก็ล้งเล้งบ๊งเบ๊งตามมาทันที แน่นอนว่า เป็นเสียงหัวเราะยินดีปรีดาที่ในที่สุด ไอ้ลูกสาวจอมหัวแข็งมันก็ยอมเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่มันเสียที

“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละพ่อ ใจจริง เมษไม่อยากใช้วิธีนี้เลยนะ แต่แหม... ไอ้เราก็ไม่ใช่นางเอกละครเสียด้วย แถมมันมาทำกับน้องเรายังงี้...” เมษทำตาโตก่อนจะยิ้มออกมาอย่างนึกขัน “จริงเหรอพ่อ แม่เนี่ยนะ... เอาจริงเหรอ” ว่าแล้วเธอก็หัวเราะชอบใจออกมาอย่างไม่อาจจะอดกลั้นได้อีก
“อ้อ แล้วมีอีกเรื่อง ไหนๆก็ไหนๆนะ แถมพ่อกับแม่ยังให้ความร่วมมือเต็มที่ขนาดนี้แล้ว...” เมษบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการไปยังปลายสายอีกครั้ง “ยังไง ถ้าน้าพิมอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม น้าพิมจะโทรหาเมษหรือจะให้เมษโทรไปก็ได้นะแม่” ตอนนี้แม่กลับมาพูดกับเธออีกครั้ง

“แม่จ๋า...” เมษส่งเสียงอ่อนหวานไปยังปลายสายอีกครั้ง “ขอบคุณมากนะจ๊ะที่ช่วยหนู ฝากขอบคุณพ่อด้วยนะ”

เมษวางสายไปแล้ว ในใจนึกทึ่งในเส้นสายมากมายที่ตัวเองมีอยู่ แต่ไม่เคยได้ใช้เลยสักครั้ง นี่ถ้าเราเลวกว่านี้อีกหน่อย ป่านนี้คงเป็นใหญ่เป็นโตไปแล้วเหมือนกันนะนี่ นึกในใจได้ดังนั้น แล้วจึงหัวเราะออกมาในที่สุด

ต่อไป

“พี่เมษ หวัดดีค่ะ” ปลายสายเจื้อยแจ้วออกมาทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใคร

“จอย เรื่องที่พี่ไหว้วานไป ถึงไหนแล้วจ๊ะ”

“เรียบร้อยพี่... ได้เรื่องแล้ว”

“งั้นเราคงต้องเจอกันหน่อยแล้ว รายละเอียดมันคงไม่สะดวกคุยกันทางโทรศัพท์”

“นัดมาเลยพี่เมษ”

“จอย ขอบใจมากนะ พี่เป็นหนี้จอยเลยหนนี้”

“เลี้ยงข้าวหนูมื้อนึงก็พอ” นักข่าวสาวรุ่นน้องว่าอย่างติดตลก

“ไม่ต้องห่วง พี่ให้จอยได้มากกว่านั้นอีก” เมษนัดแนะพูดคุยกับนักข่าวเรียบร้อยแล้ว จึงวางสายไป

ยังเหลือใครอีกหนอ

ตลอดช่วงบ่ายของวันนั้น งานด่วนของเมษก็คือการโทรศัพท์อย่างบ้าคลั่งชนิดที่ทำเอาเจ้าตัวถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆเมื่อวางสายสุดท้ายของวันนี้ลง

มันต้องได้เรื่องสิน่า เธอนึกกับตัวเองอย่างหมายมั่นปั้นมือ

*********************

นักแสดงสาวนั่งกรีดกรายเปิดอ่านบทละครในมือ ฉากต่อไปต้องรอถึงเย็น เธอจึงยังพอมีเวลานั่งสบายๆได้อยู่พอสมควร เมื่อเหลือบไปเห็นนิตยสารซุบซิบที่ถือติดมือมาด้วย เธอก็บรรจงวางบทละครในมือลง และหยิบนิตยสารเล่มนั้นขึ้นมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ จนถึงขนาดจำได้แล้วว่าหน้าที่ต้องเปิดดูนั้นอยู่หน้าไหน พอได้เห็นก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างสาแก่ใจไม่ได้ไปเสียทุกครั้ง

ทำไมไหมจะไม่รู้ว่า ถึงอย่างไรน้ำต้นก็ไม่มีวันกลับมารักเธออีกต่อไปแล้ว เผลอๆตอนนี้คงเกลียดเธออย่างกับอะไรดี ก็ช่างปะไร เอาเข้าจริงๆเธอเองก็ไม่ได้นึกรักเขามาแต่ไหนแต่ไรเหมือนกัน แค่หวังว่าถ้าได้กลับมาคบกันอีกก็คงจะดี ถือว่าเกาะกันดังไป ตอนแรกเธอก็เข้าใจว่า หรืออาจจะเป็นเพราะเธอยังรักเขา จึงอยากจะได้เขาคืนมาอีก แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้น เธอจึงเข้าใจว่าที่เธอทำไปทั้งหมด มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีต่างหาก เธอแค่อยากจะเอาชนะเท่านั้นเอง แม้จะไม่ถึงกับชนะ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายหน้าโง่อย่างน้ำต้น มันก็ต้องเจอกับอะไรแบบนี้แหละถึงจะสาสม กล้าดีอย่างไร ถึงได้ด่าว่าเธอขนาดนั้น คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน

โธ่เอ๋ย ไอ้เราก็หลงคิดว่าเป็นผู้ชายแท้ๆ สุดท้ายก็เป็นพวกไม้ป่าเดียวกัน นึกแล้วให้น่าขนลุก นี่เธอเคยหลงชอบคนแบบนี้ได้ยังไงกันนะ แถมยังยอมเปลืองตัวประกาศออกรายการว่าจะกลับมาคบกันอีกต่างหาก แล้วเป็นไงล่ะ ตอนนี้เลยกลายเป็นรักสามเส้าระหว่างชายสองหญิงหนึ่งที่พลิกล็อก ผู้ชายอีกคนกลับไปเลือกผู้ชายอีกคน อีรุงตุงนังไปหมด ไปๆมาๆ ประเด็นที่น้ำต้นคบกับผู้ชายก็กลบข่าวรักรีเทิร์นของเธอไปเสียอย่างนั้น บ้าบอดีจริงๆ ต่อไปจะเอาแบบไหนอีกดีนะ ถึงจะสาสมกับความแค้นที่เธอมี

“น้องไหมคะ สะดวกหรือเปล่า พี่ขอคุยด้วยหน่อย” ผู้จัดละครร่างอวบเดินเข้ามานั่งลงโดยไม่ต้องรอการอนุญาตจากเธอ

“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ปุ๊ก” เธอนึกเอะใจเมื่อเห็นสีหน้าที่นิ่งสนิท ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนอย่างทุกวันของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นถึงผู้จัดละครเบอร์หนึ่งของเมืองไทย

“พี่ขอพูดตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมนะ ละครอาจจะต้องมีการตัดบทของน้องไหมออก แล้วก็อาจจะต้องเร่งให้ปิดกล้องเร็วขึ้น”

“อะไรนะคะพี่ปุ๊ก” นักแสดงสาวร้องเสียงสูง “ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ”

“ก็ ทีมของเราประชุมกันแล้ว เราอยากจะเร่งให้ปิดเร็วขึ้น เพราะมีเรื่องใหม่มาจ่อคิวรออยู่แล้ว ทางช่องเขาเร่งมา”

“แต่ทำอย่างนี้ไม่ถูกนี่คะ” เธอนิ่วหน้า

“อีกอย่างนึง ละครเรื่องหน้าที่ทางกองเขามาเกริ่นๆกับไหมเอาไว้ พี่คงต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ”

“ทำไมอีกล่ะคะ” ตอนนี้น้ำเสียงของนักแสดงสาวเริ่มที่จะไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเสียแล้ว

“ก็มีคนอื่นที่เหมาะกับบทนี้มากกว่า เราเองก็อยากได้นักแสดงหน้าใหม่ด้วย”

“แต่ไหมก็ยังถือว่าไม่ใช่หน้าเก่านี่คะ” เธอเถียงอย่างอดไม่ได้

“เราดูที่ความเหมาะสมมากกว่าจ้ะไหม ละครพี่ ไม่ได้จำเป็นว่า นักแสดงจะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงอย่างเดียว มันต้องดูกันที่ฝีมือด้วย” ไหมถึงกับคอแข็งเถียงไม่ออก “แค่นี้แหละค่ะที่พี่อยากคุยด้วย ยังไงก็ขอบคุณไหมมากนะคะ” ว่าแล้วผู้จัดสาวใหญ่ก็ลุกขึ้นและเดินออกไปทันที ทิ้งให้นักแสดงสาวสวยนั่งงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว

**********************  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 02-09-2009 18:04:55
“พี่เอ้ นายเรียก” โปรแกรมสาวในห้องส่งยื่นหน้าเข้ามาเรียกตัวชายหนุ่มที่หน้าตาโทรมเหมือนคนอดนอนหลังจากจัดรายการเสร็จลงไปหมาดๆ ใจหนึ่งก็อดแปลกใจไม่ได้ที่จู่ๆนายใหญ่ของคลื่นเกิดอยากพบตัวเขาขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วนเสียเฉยๆ ชายหนุ่มหอบกระเป๋าเดินออกมา ก่อนจะเลี้ยวไปยังอีกฝั่งที่แยกออกจากสตูดิโอจัดรายการออกไป เมื่อมาถึงเอ้ก็เคาะประตู

“เชิญค่ะ” ชายหนุ่มเดินเข้าไป เขายกมือไหว้ผู้หญิงวัยราวสี่สิบต้นๆที่มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารคลื่นวิทยุหลายๆคลื่นที่บริษัทนี้เป็นเจ้าของที่กำลังนั่งง่วนกับงานเอกสารตรงหน้า แม้จะอยู่ในวัยสี่สิบ แต่เธอก็ยังดูสาวกว่าอายุจริงมากนัก “นั่งสิ” เธอว่า

“เอ้... เราจัดรายการที่นี่มากี่ปีแล้ว” เธอว่าอย่างเป็นการเป็นงานหลังจากที่วางมือจากงานบนโต๊ะแล้ว

“เกือบสองปีแล้วครับ”

“ที่ผ่านมา พี่ก็ไม่เห็นว่าเราจะมีปัญหาอะไรนะ นอกจากพักหลังที่พี่ว่าเราจัดพลาดบ่อย บางทีก็พูดผิดพูดถูกเหมือนไม่ค่อยได้ทำการบ้านมา บางทีก็ปล่อยให้มีเดดแอร์ ทำงานมาขนาดนี้ ไม่น่าจะผิดพลาดกับเรื่องแค่นี้ได้นะเอ้” เธอจ้องเขาเขม็ง

“เอ่อ... คือ พอดี ช่วงนี้มีปัญหานิดหน่อยครับพี่” เขาตอบอ้อมๆแอ้มๆ ไม่เถียงเพราะเรื่องที่นายว่ามาเป็นเรื่องจริงทุกประการ พักหลังเขาเที่ยวหนัก พักผ่อนน้อยยังไม่พอ ยังมีเรื่องของนนท์กับน้ำต้นต้องจัดการอีก แถมนี่ยังต้องเลิกกับพีทอีก ก็เลยยิ่งดื่มหนักกว่าเดิม

“ปัญหาอะไรนักหนาถึงปล่อยให้กระเทือนมาถึงงานได้” น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้นจนคนฟังถึงกับหงอไปเหมือนกัน

“เอาล่ะ พี่จะพูดกับเอ้ตรงๆล่ะนะ ปัญหาที่พี่พูดไปน่ะ ยังถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่พี่ได้ยินมา” เอ้ นิ่วหน้าก่อนจะหันไปสบตากับอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“ได้ยินมา ได้ยินอะไรครับ”

“เอ้ พี่ไม่โง่นะ ลูกน้องพี่ไปทำอะไรเอาไว้ พี่จะไม่รู้เชียวหรือ เธอบอกพี่มาตามตรงซิ ว่าจ้างช่างภาพไปตามถ่ายรูปน้ำต้นแล้วเอาไปลงหนังสือ หวังจะทำลายเขาน่ะ”

“เฮ้ย...” เอ้ตาโตทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ออกจากปากผู้เป็นนาย

“น้ำต้นอยู่บริษัทเดียวกับเรานะเอ้ เขาเป็นศิลปินของเรา เขาคืออนาคตคนนึงที่สำคัญมากของเรา ทำไมถึงกล้าทำแบบนี้ อันที่จริงอย่าว่าแต่กับคนในค่ายเราเลย ถ้าพี่รู้ว่าลูกน้องพี่ ไปทำแบบนี้กับใคร พี่ก็คงไม่ชอบเหมือนกัน แต่นี่...” เธอหยุดพูดและพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับอารมณ์เอาไว้ “ทำไมถึงทำแบบนี้ ถามหน่อยซิ” น้ำเสียงนั้นคาดคั้น

เอ้หน้าซีดขาวเป็นกระดาษ เรื่องแบบนี้มาถึงหูนายเขาได้อย่างไร มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย ทำยังไงดีเอ้ จะทำยังไงดี

“ไม่เป็นไร จะไม่ตอบคำถามพี่ก็ได้” เธอว่าด้วยสีหน้าเยือกเย็น “แต่พี่เลี้ยงคนแบบนี้เอาไว้ไม่ได้หรอกนะเอ้ คนที่ใช้วิธีสกปรกกลั่นแกล้งคนอื่นแบบนี้ พี่ไม่เอา”

“พี่...” เอ้พูดไม่ออก

“ไม่ต้องมาจัดรายการแล้วนะ เดี๋ยวพี่จะหาคนมาทำแทนเอง เธอมาเขียนใบลาออกซะก็แล้วกัน อย่าให้ถึงขั้นว่าพี่เป็นคนไล่เธอออกเลย เรื่องเงินชดเชยอะไรเดี๋ยวพี่ให้ฝ่ายบุคคลจัดการให้ ต่อไปนี้เธอไม่ใช่พนักงานของที่นี่อีกแล้ว” เอ้ได้แต่อ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางศีรษะก็ไม่ปาน “หมดธุระแล้ว เชิญ” แล้วจึงหันไปกดสปีกเกอร์โฟนก่อนจะพูดกรอกลงไป “พี่เสร็จธุระตรงนี้แล้ว เดี๋ยวจัดการที่เหลือแทนพี่ด้วยนะ”

“ครับ”

“อ้อ อีกอย่าง เธออย่าคิดเรื่องฟ้องร้องหาว่าพี่ไม่เป็นธรรมกับลูกน้องนะ เพราะที่พี่พูดมาน่ะ พี่มีหลักฐานพร้อม ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำเถอะ ถ้าไม่อยากปิดประตูอนาคตตัวเองไปเสียก่อน ออกไปเงียบๆแบบนึ้คือหนทางเดียวของเธอจริงๆ”

เอ้ได้แต่ก้มหน้าและเดินเซื่องๆออกไป อย่างไม่อาจจะแก้ตัวอะไรได้อีก ปล่อยให้อดีตเจ้านายมองตามหลังเขาไปพร้อมกับส่ายหน้า เด็กเอ๋ย ทำลายตัวเองแท้ๆ

***********************

หญิงสาวเปิดประตูเข้าห้องมาด้วยอารมณ์ที่ยังคุกกรุ่นได้ไม่ทันไร ก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาเธออีกแล้ว มันน่าหงุดหงิดนัก เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของผู้จัดการส่วนตัวของเธอ จึงกดรับ

“โทรมาก็ดีแล้วพี่ ไหมมีเรื่องอยากคุยด้วย” ปลายสายถึงกับงงงวยกับปฏิกิริยาของหญิงสาว

“งั้นน้องไหมว่ามาก่อนเลยค่ะ พี่ก็มีเรื่องต้องคุยกับหนูเหมือนกัน”

“วันนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จู่ๆพี่ปุ๊กก็จะลดบทในละครที่กำลังถ่ายทำอยู่ลง แล้วก็บอกปัดเรื่องหน้าไปแล้วด้วย ไหมงงมากเลยนะ แต่โกรธมากกว่า มาทำกันแบบนี้ได้ยังไง” เธอระบายออกมาอย่างอัดอั้น

“น้องไหมไม่รู้หรือคะว่าเกิดอะไรขึ้น”

“เอ๊ะ! ถ้ารู้ ไหมคงไม่มานั่งหงุดหงิดอยู่อย่างนี้หรอกค่ะพี่” เธอแหวใส่ปลายสายอย่างไม่สบอารมณ์

“งั้นน้องไหมเตรียมใจเอาไว้เลยนะคะ” ผู้จัดการสาวว่าด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“เกิดอะไรขึ้นอีกคะ”

“ไม่ใช่แค่พี่ปุ๊กนะไหม แต่ผู้จัดรายอื่นทุกช่อง บอกยกเลิกบทของไหมหมดเลย ทุกรายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ตัวนักแสดงคนอื่นมาแทนหมดแล้ว”

“อะไรนะ!” ไหมถึงกับแผดเสียงออกมา “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”

“ยังไม่หมดค่ะ งานอีเวนต์ งานโชว์ตัวทั้งหมด ออร์กาไนเซอร์ก็ยกเลิกคิวไหมหมดแล้ว อย่าถามพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ต้องถามไหมมากกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ตอนนี้แม้แต่น้ำเสียงของผู้จัดการส่วนตัวของเธอเองก็เริ่มที่จะหงุดหงิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้นัดหมายนี้เช่นกัน

“ไหมไม่รู้ โอ๊ย... นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย!!!”

“ที่แย่คือเรื่องละครน่ะ เราไม่ได้สังกัดกับช่องไหน เราจึงไม่มีสัญญาผูกมัดอะไรกับใคร ดังนั้นถ้าเขายกเลิกกับเรา เราก็ไปว่าอะไรเขาไม่ได้”

“บ้า! บ้า! บ้า!” ไหมออกฤทธิ์อาละวาดตีอกชกหัวตัวเองอย่างห้ามไม่อยู่

“พี่ก็ไม่เคยเจอนะเรื่องแบบนี้ ประเด็นคือ ไหมแน่ใจนะว่าไม่ได้ไปทำเรื่องอะไรไว้”

“นี่... พี่จะมาพูดกับไหมเหมือนไหมเป็นผู้ร้ายแบบนี้ไม่ได้นะ ไหมเป็นดาราดังนะพี่” เธอตะคอกออกไปอย่างเหลืออด

“ไหม พี่จำเป็นต้องถามนะ ตั้งแต่พี่เป็นผู้จัดการดารามา ยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย แล้วถ้าไหมไม่มีงาน พี่เองก็กระเทือนเหมือนกัน”

“อ๋อ แน่ล่ะสิ หน้าไหนมันก็หวังเงินด้วยกันทั้งนั้นแหละ!”

“ไหม!” ปลายสายเสียงแข็งขึ้นมาบ้าง

“ทำไม มันบาดใจใช่ไหม แค่พูดความจริงแค่นี้ ยอมรับไม่ได้เหรอ หน้าบางนักเหรอ!?!”

“... เอาเถอะ คุยกันตอนนี้คงไม่รู้เรื่อง สงบสติอารมณ์ซะ แล้วค่อยมาคุยกันใหม่” โดยไม่รอคำตอบใดๆ อีกฝ่ายกดวางสายทันที

“เฮงซวย!” ไหมขว้างโทรศัพท์ลงบนโซฟาเนื้อนุ่ม มันจึงไม่แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆไปเสียก่อน

“อย่าให้รู้นะ ว่าเป็นฝีมือของใคร” แต่หญิงสาวก็ทำได้แค่ขบเขี้ยวอย่างแค้นเคืองและไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านั้น

**********************

ชายหนุ่มกลับเข้ามาทำงานเป็นวันแรกหลังจากออกจากโรงพยาบาล แม้หน้าตาของนนท์จะสดใสขึ้นมาก แต่ดูเหมือนว่าเขากลับดูเงียบขรึมมากขึ้นไปอีก
หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ในที่สุด นนท์ก็ได้เห็นภาพที่ลงในนิตยสารซุบซิบต้นตอข่าวที่สร้างความฮือฮากันไปทั่ววงการนั่นเสียที วันนั้นทั้งวันนนท์ไม่อยากพบใคร ไม่ออกไปไหน ขังตัวเองเอาไว้ในห้องนอนอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้าของอีกวัน โดยอ้างกับทุกคนว่ารู้สึกเพลียและอยากพักผ่อน ทั้งที่เขาใช้เวลาตลอดทั้งคืนเพื่อที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง

นนท์เดินเอากระเป๋าไปวางไว้ที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกา อีกสิบห้านาที เขานั่งลง เปิดโน้ตบุ๊กเป็นกิจวัตรเหมือนทุกครั้งที่มาถึงที่ทำงาน ขณะรอให้เครื่องพร้อมสำหรับการทำงาน นนท์หยิบสมุดโน้ตขึ้นมา เปิดดูอะไรต่อมิอะไรไปพลางๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้าหนึ่งในนั้นนานกว่าหน้าอื่นๆ
เหลืออีกเพลงหนึ่ง อีกแค่เพลงเดียวเท่านั้นที่แต่งอย่างไรก็ไม่ถูกใจเขาเสียที

คงต้องเร่งมือหน่อยแล้ว

นนท์มองนาฬิกาอีกครั้ง แล้วจึงตัดสินใจลุกขึ้น เขาเดินตรงไปยังห้องทำงานของมิ่ง ชั่งใจอยู่เป็นครู่แล้วจึงเคาะประตู เมื่อมีเสียงตอบรับ จึงเปิดเข้าไปแล้วก็ได้เห็นว่านรเศรษฐ์มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“พี่มิ่ง พี่นอ สวัสดีครับ” นนท์ยกมือไหว้ทั้งสองคน “นนท์ทำให้ต้องรอกันหรือเปล่าครับพี่”

“เปล่าๆๆ” นรเศรษฐ์ปฏิเสธเป็นพัลวัน “ก็เห็นว่าไหนๆก็ต้องมาอยู่แล้ว พี่ก็เลยมาเร็วหน่อย กะมาคุยอะไรกับพี่มิ่งเขาพอดี” นนท์ยิ้มพลางพยักหน้า ไม่ได้ว่าอะไรอีก

“ว่าแต่นนท์มีอะไรด่วนหรือ ถึงได้ขอให้พี่มาคุยด้วย” นรเศรษฐ์ถามอย่างสงสัย

“ก็ไม่ได้เร่งด่วน แต่ก็สำคัญมากครับ” นนท์ว่าด้วยสีหน้าหมองลงไปอย่างรู้สึกได้ “แต่ก่อนอื่น นนท์เอางานมาส่งครับ ที่ค้างๆเอาไว้ ทั้งที่เก็บตกแล้วก็ที่บอกว่าจะเพิ่มเติม เหลือแต่ให้พี่มิ่งกับพี่นอได้ฟังแล้วเคาะอีกที อ้อ แล้วก็มีอีกเพลงนึง เนื้อร้องยังไม่เสร็จ แต่นนท์จะเร่งให้ภายในอาทิตย์นี้แน่นอน”
มิ่งกับนรเศรษฐ์หันไปมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ

“ทำไมถึงเร่งส่งงานอย่างนี้ล่ะนนท์ เวลาก็ยังเหลือไม่ใช่เหรอ” มิ่งถาม

“พอดี นนท์อยากจะขออะไรพี่มิ่งนิดหน่อย แล้วก็คงต้องขอพี่นอด้วยน่ะครับ”

ยิ่งได้เห็นสีหน้าท่าทางของนนท์ ทั้งโปรดิวเซอร์ทั้งมิวสิกได้เร็กเตอร์ก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่ตรงหน้าขึ้นมาอย่างไม่อาจจะปิดบัง

“นนท์ เป็นอะไรหรือเปล่า” มิ่งถาม “พวกพี่เป็นห่วงนนท์มากนะ”

“นนท์ทราบดีครับ” เขาว่า พลางยกมือไหว้คนที่เขารักและนับถือไม่ต่างอะไรกับพี่ชายแท้ๆ “แล้วก็ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง และสร้างปัญหาให้พวกพี่ต้องเป็นกังวลและวุ่นวายกันไปหมด”

“เฮ้ย... เราพี่น้องกันนะ ถ้าพี่ไม่ช่วยน้องแล้วใครจะช่วย” นรเศรษฐ์ว่าพลางยกมือขึ้นแตะบ่าของชายหนุ่มเบาๆ

“นนท์รู้ดีว่าที่ผ่านมาก็สร้างปัญหาให้พวกพี่พอสมควร แต่ก็ยังอยากจะขอความช่วยเหลือจากพวกพี่อีกสักครั้ง ได้ไหมครับ”

พี่ชาย ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากันปริบๆ กลัวสิ่งที่กำลังจะได้ยินต่อจากนี้ไปเหลือเกิน

******************

น้ำต้นลงลิฟต์มาหาพี่นนท์เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ในใจหมายมั่นปั้นมือจะพาพี่ชายไปหาอะไรอร่อยๆมื้อใหญ่ทานเสียหน่อย งานนี้แหละจะได้ขุนกันให้อ้วนไปเลยเสียที ผอมเหลือเกินพี่นนท์ของเรา น้ำต้นเดินดุ่มเข้าไปที่โต๊ะทำงานของนนท์ แต่ก็ไม่มีร่างของคนที่ตามหาแต่อย่างใด เจ้าตัวจึงหันหลังกลับและเดินตรงไปยังห้องทำงานของมิ่งราวกับรู้ล่วงหน้า แต่ก่อนจะเดินไปถึง ประตูก็เปิดออก พร้อมกับนนท์ที่หน้าตาไม่สดชื่นเอาเสียเลยเดินออกมาพอดี พอเห็นน้ำต้น นนท์ก็ปรับสีหน้าให้ดูสดใสขึ้นทันที

“ตามลงมาถึงนี่เลยเหรอเรา” เขาทักน้องชายอย่างอารมณ์ดี

“พี่เข้าไปคุยอะไรกันตั้งนาน” น้ำต้นถามอย่างสงสัย

“ก็เรื่องงานนี่แหละ พี่เป็นพนักงานของที่นี่นะครับ ไม่ทำงานบ้าง เดี๋ยวโดนไล่ออกปะไร”

“งั้นคุยกันเสร็จแล้วใช่ไหม” นนท์หันไปพยักหน้า “ไปหาอะไรกินกันนะ ต้นเล็งร้านดีๆเอาไว้แล้ว”

“งั้นไปกดลิฟต์รอไป เดี๋ยวพี่ไปเอากระเป๋า แล้วจะตามไป” นนท์ยิ้มให้น้องชายที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ลิฟต์อย่างว่าง่าย

เขาได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้นไปอย่างเศร้าสร้อย

*********************

ข่าวลือเรื่องดีเจหนุ่มคลื่นดังถูกปลดฟ้าผ่ากลางอากาศกลายเป็นที่พูดถึงอยู่ไม่ทันไร ก็มีข่าวดาราสาวชื่อดังถูกคนในวงการบอยค็อตขนาดที่ว่าไม่มีใครจ้างทำงานอีกต่อไป เมื่อมีประเด็นให้เล่น แต่ไม่มีที่มาที่ไปที่ชัดเจนแบบนี้ ก็หวานหมูนิตยสารหลายๆเล่มที่ถนัดนักเรื่องนั่งเทียนเขียนข่าวแรงๆ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่พอเป็นข่าวของฝ่ายดีเจหนุ่มคนนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน แถมยังสำส่อนได้ใจ หนักเข้าก็โดนลือไปถึงว่าเล่นยาเสพติดบ้าง ติดหนี้พนันบ้าง เจ้าแม่ใหญ่ประจำคลื่นจึงต้องปลดออกเพราะทนพฤติกรรมเหลวแหลกเหล่านี้ไม่ไหว ประเด็นที่ว่าเขาเคยเป็นแฟนกับนักแต่งเพลงหนุ่มก่อนหน้านี้จึงถูกกลบเกลื่อนไปในที่สุด

ด้านดาราสาวชื่อดัง ก็มีข่าวลือออกมาว่าหลังจากไม่มีงานเข้ามาเลย ก็ได้รับการทาบทามจากหนังสือแนวปลุกใจเสือป่าให้ไปถ่ายแบบ หนักเข้าเธอก็กลายเป็นเด็กเสี่ยที่ไหนสักคนไปเสียแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ดูเหมือนใครต่อใครที่อ่านข่าวเหล่านี้ก็พร้อมจะเชื่อขึ้นมาเสียสนิทใจทีเดียว

“ไหมเล่นผิดคนแล้วล่ะรู้ไหม” ผู้จัดการส่วนตัวของดาราสาวเอ่ยออกมาในที่สุดเมื่อเห็นสภาพของนักแสดงสาวที่วันนี้เกล้าผมเอาไว้ลวกๆ สวมเสื้อยืด และกางเกงยีนส์ธรรมดา ดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้ถูกปกปิดโดยแว่นตาสีชา แม้จะนั่งอยู่ในร้านที่มีไฟสลัวแบบนี้ก็ตาม

“ไหมไม่ได้ทำอะไรใคร” เธอกัดริมฝีปากอย่างดื้อดึง

“ไหม พี่ขอล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว” เธอว่าอย่างอ่อนใจ

“มันทำได้ยังไง พี่แก้ว! นักร้องอย่างมันทำกับไหมถึงขนาดนี้ได้ยังไง”

“แล้วไหมไปทำกับเขาแบบนั้นได้ยังไง” ผู้จัดการสาว ไม่ยอมบอกว่าเธอรู้อะไรมาบ้าง แต่สิ่งที่เธอได้รับรู้มาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักแสดงสาวผู้นี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นี่แหละหนอ ที่เขาว่าเวรกรรมมันตามทันไวอย่างกับติดจรวด ทำอะไรกับเขาเอาไว้ไม่รู้จักคิด พอโดนเข้ากับตัวก็ฟูมฟายเสียจะเป็นจะตาย เธอไม่รู้ว่าควรจะสงสารหรือสมเพชหรือสมน้ำหน้าหญิงสาวผู้นี้ดี ดูเอาเถอะ ตัวเองมีทั้งทรัพย์สมบัติ มีรูปสมบัติอยู่อย่างเพียบพร้อม ฝีมือการแสดงก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ฝึกฝนต่อไปขี้คร้านงานจะวิ่งเข้ามาชนจนรับไม่ไหว แต่เพราะความถือดีงี่เง่า ความอยากเอาชนะโดยปราศจากเหตุผล และไม่สนวิธีการ จึงนำพาตัวเองมาสู่จุดนี้

นี่แหละหนอวงการมายา วันนี้อยู่จุดสูงสุด อีกวันอาจจะร่วงหล่นลงมาตกต่ำได้ราวกับพลิกผ่ามือ คนที่เวียนว่ายอยู่ในนี้จึงต้องระมัดระวังตัวเองไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

“ไหมไม่ต้องสนหรอกว่าเขาทำได้ยังไง ไหมลองไตร่ตรองดูว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง” เธอย้ำ หญิงสาวเบือนหน้าหนี เธอยังกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นราวกับพยายามหักห้ามน้ำตาที่ไหลออกมา “เรื่องนี้มันร้ายแรงมากเลยนะ”

ไม่ต้องบอกก็รู้ เมื่อวานเธอไปหาเอ้มา เห็นสภาพเอ้แล้วทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเอ้โดนอะไรมาบ้าง ห้องของอดีตดีเจหนุ่มเละเทะบ่งบอกว่าเจ้าของไม่ได้สนใจไยดีอะไรกับมันมาเป็นอาทิตย์ กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้งยิ่งทำให้ห้องส่งกลิ่นเหม็นอับน่าเวียนหัว เอ้เปิดประตูออกมาในสภาพที่ย่ำแย่เต็มทน ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาทรุดโทรมจนดูไม่ได้ หนวดเคราขึ้นหรอมแหร็ม เขาอยู่ในสภาพตกงานและสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง เอ้เป็นดีเจ งานอื่นๆของเขายังนับว่าน้อยมาก เมื่อถูกไล่ออกก็หมายถึงหนทางที่ปิดตายจนหมดสิ้น เขาอยู่ในสภาพที่ต้องย้ายออกจากคอนโดเร็วๆนี้ เพราะไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าได้ เงินชดเชยที่ได้มาไม่ใช่หลักประกันอะไรอีกต่อไป

ถึงแม้เอ้จะร้ายกาจนัก แต่เขาก็ไม่ใช่คนใจสู้อะไร ยิ่งรู้ตัวว่าเรื่องที่ทำลงไปหลายเป็นเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ เขาจึงสิ้นหวังอย่างที่สุด และไม่อาจจะลุกขึ้นมาสู้กับอะไรได้อีกแล้ว

ไหมไม่รู้ว่าเอ้จะเอาอย่างไรกับอนาคตของตัวเองต่อไป เธอไม่คิดหวังพึ่งอะไรกับคนๆนี้อีก จึงจากมาเสียอย่างนั้น และไม่สนใจอยากรู้ข่าวคราวอะไรของเอ้อีกแล้ว ตอนนี้เรื่องเดียวที่เธอสนใจก็คืออนาคตของตัวเองที่ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อยกันแน่ ว่าตามจริง เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำกับทุกอย่างที่ประเดประดังเข้ามา เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะใครและทำได้อย่างไร จึงได้ชี้เป็นชี้ตายอนาคตในวงการของเธอได้ถึงเพียงนี้ เธอออกจะตกใจกับผลที่ตามมาเสียด้วยซ้ำ

“น้ำต้นเป็นนักร้องเบอร์หนึ่งของค่ายนะไหม ค่ายนั่นคือเบอร์หนึ่งของเมืองไทย น้ำต้นอาจจะไม่มีอำนาจเส้นสายอะไร แต่คนที่แวดล้อมเขาน่ะเราไม่รู้ อีกอย่างเด็กคนนั้นเป็นที่รักของใครต่อใครตั้งมากมาย เราไปทำร้ายเขา ก็เหมือนไปทำร้ายล่วงเกินคนอื่นที่ชื่นชมเขาด้วยเหมือนกัน”

ไหมได้แต่ปล่อยให้น้ำตาอาบแก้มพร้อมกับสะอึกสะอื้นออกมา

“ทำไมไหมไม่คิดบ้างคะ ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง” เธอลดความเข้มงวดในน้ำเสียงลงเมื่อเห็นว่าไหมร้องไห้หนักเพียงไร

“ไหม... ไหมไม่ทันคิดเลยจริงๆ ไหมได้แต่โกรธ ได้แต่แค้นที่เขามาทำลายศักดิ์ศรีเรา ไหมแค่อยากเอาชนะเขา”

“พี่หวังว่ามันจะกลายเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของไหมนะ” ว่าแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “บอกตามตรง พี่ไม่มั่นใจเลยว่า ไหมจะกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับมาได้มากแค่ไหนเหมือนกัน”

“แล้วไหมจะทำยังไงดี” เธอถึงกับคร่ำครวญออกมาอย่างสิ้นหวัง เมื่อสำนึกได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันร้ายแรงกว่าที่เธอคิดเอาไว้มากมายนัก

“เรื่องนี้พี่ก็พอจะรู้ที่มาที่ไปอยู่บ้าง แล้วทางผู้จัดน่ะ เขาก็ไม่ได้ถึงกับแบนเราไปตลอดหรอก เขาก็แค่เหมือนแช่แข็งเราเอาไว้ก่อน”

หญิงสาวยังคงร้องไห้ต่อไป

“ขอพี่ถามอะไรไหมสักหน่อยเถอะ เรายังรักที่จะทำงานในวงการนี้หรือเปล่า หรือไม่อยากอยู่แล้ว เพราะพี่เองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าไหมตั้งใจจะเข้ามาทำอะไรกันแน่”

“ยังไงไหมก็รักการแสดงนะพี่ ไหมอาจจะลืมตัว คิดว่าตัวเองแน่มากมาก่อนทั้งที่ไหมยังไม่รู้เรื่องอะไรสักเท่าไหร่เลย พอได้ใจก็เลยคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่ไหมแน่ใจว่ายังรักที่จะทำงานอยู่”

“งั้นพี่ก็จะช่วยนะ แต่พี่รับปากไม่ได้เหมือนกันว่าจะช่วยได้แค่ไหน” นักแสดงสาวมองหน้าผู้จัดการสาวอย่างมีความหวังขึ้นมา

“แล้วรับปากพี่ว่า ต่อไปก็ตั้งใจทำงาน อย่าไปทำผิดคิดร้ายกับใครแบบนี้อีก นี่มันไม่ใช่ละครหลังข่าวนะไหม มันชีวิตจริง ผลของมันร้ายแรงกว่าที่เราจะคาดคิดเอาไว้มากมายนัก”

ไหมยกมือไหว้ขอบคุณหญิงสาวที่นั่งสั่งสอนเธออยู่เป็นนานอย่างนึกขอบคุณ จริงอยู่ว่าคำพูดหลายๆคำนั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอเหลือเกิน แต่เธอก็ต้องยอมรับมัน เพราะล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น เธอโง่และสิ้นคิดขนาดที่เอาอนาคตของตัวเองลงไปเสี่ยงเพื่อทำลายชีวิตคนอื่น ที่จริงเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยด้วยซ้ำ แต่เธอกลับยังพอมีโอกาสเหลืออยู่บ้าง ผิดกับเอ้ที่ไม่น่าจะเหลือโอกาสใดๆสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว

“เช็ดน้ำหูน้ำตาซะ แล้วกลับไปพักผ่อน พี่จะโทรไปบอกไหมอีกทีก็แล้วกัน ยังไงพี่ก็ยังเป็นผู้จัดการไหมอยู่นี่นะ” เธอว่าพลางถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน

“ไหมขอโทษนะพี่” นักแสดงสาวยกมือไหว้อีกครั้ง “ที่พูดไม่ดีกับพี่เอาไว้เยอะ แต่พี่ก็ยังมีน้ำใจกับไหม แล้วก็ขอบคุณนะคะ”

ผู้จัดการสาวรับไหว้พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างจริงใจ

“แล้วพี่จะโทรไปบอกไหมนะ” เธอว่าอย่างอ่อนโยนก่อนจะลุกออกไป ปล่อยให้ไหมนั่งนิ่งคิดอะไรคนเดียวอยู่เป็นนาน จนกระทั่งเธอตัดสินใจลุกขึ้น และขับรถกลับที่พักของตัวเองในที่สุด

*********************

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสินะ ขอบคุณพี่นอกับพี่มิ่งที่ไม่หลุดปากบอกอะไรกับใครมาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา

เขาใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้จัดการงานทุกอย่างที่เหลืออยู่ มิ่งกับนรเศรษฐ์ลงมาช่วยดูแลงานในส่วนดนตรีสำหรับอัลบั้มใหม่ของน้ำต้นอย่างใกล้ชิดและเคร่งเครียดมากขึ้น ส่วนเวลาว่างที่เหลือก็มีน้ำต้นที่ทำตัวติดกับเขาไม่ห่าง พี่นนท์ไปไหน น้ำต้นเป็นต้องไปด้วยเสมอ

นนท์นึกแปลกใจอยู่บ้างที่ข่าวคราวเสียหายดูจะซาลงไปอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะมีประเด็นข่าวร้อนแรงใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวันกระมัง ข่าวลือร้ายๆที่เกิดแก่น้ำต้นจึงเลือนหายไปได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ แม้จะดูเหมือนกับนิตยสารทุกเล่มพร้อมใจกันหยุดลงข่าวพวกนี้อย่างพร้อมเพรียงกันจนน่าแปลกใจก็ตามที เป็นเรื่องที่ดี และทำให้เขาเบาใจไปได้เปลาะหนึ่ง แต่...
น้ำต้นจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้อีกกี่ครั้งกันถ้ามีเขาอยู่ด้วย

นนท์นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเหมือนคนอ่อนแรงที่ใกล้จะล้มลงเต็มที แต่ก็ยังฝืนหยิบโทรศัพท์ข้างตัวขึ้นมา

“น้ำต้นครับ” เขาเรียกปลายสายอย่างคุ้นเคย “เย็นนี้ไปหาอะไรกินกัน พี่เลี้ยงเอง” นนท์ยิ้มเศร้าๆออกมาเมื่อได้ยินเสียงร้องอย่างดีใจไม่ปิดบังออกมาจากอีกฝ่าย ช่างซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆน้ำต้น “ได้ครับ... ตอนเย็นเจอกันนะ”

ชายหนุ่มวางสาย ก่อนจะรำพึงออกมาเบาๆว่า “ถือว่าเลี้ยงส่งก็แล้วกันนะ”

*******************

  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 13 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 02-09-2009 18:06:21
“ดีอกดีใจอะไรกันน้ำต้น หน้าบานเป็นกระด้ง แถมเสียงดังไปถึงฝั่งโน้นแน่ะ” น้ำเสียงไม่ได้ตำหนิเลยสักนิดออกจะติดแซวเล่นเสียด้วยซ้ำ

“เย็นนี้พี่นนท์พาไปเลี้ยงข้าวแหละพี่เมษ”

“โธ่เอ๊ย... นึกว่าเรื่องสำคัญอะไร ฉันก็เห็นพวกเธอไปกินข้าวด้วยกันแทบทุกวัน” เมษว่าพลางส่ายหน้า

“มันไม่เหมือนกัน นานๆพี่นนท์เขาจะเป็นคนออกปากชวน แถมเสนอตัวเป็นเจ้ามือทั้งที” เด็กน้ำต้นทำหน้าทะเล้น

“แล้วนี่เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไรล่ะ”

“เออจริง” น้ำต้นเหมือนเพิ่งจะคิดได้ “อยู่ดีๆก็บอกจะเลี้ยง เนื่องในโอกาสอะไรหว่า”

“ปัดโธ้ น้องฉัน” ว่าแล้วเมษก็ได้แต่เอามือตบที่ศีรษะตัวเองเบาๆ

“ช่างปะไร ได้ไปกะพี่นนท์ก็พอแล้ว” น้ำต้นหน้าระรื่นเสียจนเมษนึกหมั่นไส้อยากซัดเข้าซักป้าป หนอย มีความสุขจนออกนอกหน้าเลยนะ ไอ้คนมีความรัก

“เฮ้ยสองคนน่ะ” เสียงทุ้มใหญ่อันแสนคุ้นเคยตะโกนเรียก “เข้ามาคุยกันในห้องหน่อย” นรเศรษฐ์ว่าแล้วก็เดินนำไปยังห้องประชุมเล็กโดยมีร่างใหญ่ๆของมิ่งเดินนำไปก่อน

ประตูห้องปิดสนิทลง ทุกคนเลือกที่นั่งของตัวเองเรียบร้อย นรเศรษฐ์จึงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนใคร

“ไหนอัปเดตข่าวคราวหน่อยซิ”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ก็ข่าวคราวเอ็งนั่นแหละ น้ำต้น”

“อ๋อ... ยังไงดีล่ะพี่เมษ” น้ำต้นหันไปถามเออาร์ประจำตัวหน้าซื่อๆ “มันก็เงียบๆไปแล้วนะพี่ ต้นก็งงๆตอนแรกแรงเหลือเกิน แต่พอบทจะหยุดเล่นกันก็หยุดกันหมด ไปเล่นเรื่องอื่นกันแทน” น้ำต้นละที่จะไม่พูดถึง เรื่องอื่น ที่ว่าเอาไว้ราวกับจะเป็นที่รู้กัน

“คือที่เรียกมาเนี่ย อยากจะถามไงว่าอยู่ดีๆข่าวก็เงียบไปเลย มีใครไปทำอะไรหรือเปล่า” นรเศรษฐ์ถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “ขนาดเบื้องบนเขายังงงเลย โปรเจ็กต์ทุกอย่างเลยยังคงจะดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไปชั่วครู่ เมษพอจะอ่านสายตาจากพี่ชายทั้งสองคนออก ก่อนที่จะยิ้มเก้อๆออกมาในที่สุด “ก็ได้ แหม... พี่ก็ เมษยอมแล้วอ่ะ” คนพูดทำหน้าแหยๆพลางยกมือขึ้นเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย

“เอ็งใช้วิทยายุทธ์อะไรวะเมษ เรื่องมันถึงกลับพลิกผันไปแบบนี้”

“นิดหน่อยเอง”

“นิดหน่อยเช่น?”

“เช่นโทรไปหาพ่อกับแม่ให้ช่วย” สายตาทุกคู่ยังคงจับจ้องไปที่เออาร์สาวราวกับจะคาดคั้นเอาความจริงให้ได้ “ก็พ่อเมษเป็นนายกสมาคมสื่อสิ่งพิมพ์แห่งประเทศไทย เขาก็เลยโทรไปหาบอกอหนังสือเล่มนั้นให้บอกตัวช่างภาพมา เมษได้ไปคุยกะช่างภาพคนที่ว่าในที่สุด ถึงได้รู้แน่นอนว่า ใครที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ที่แรกบอกอเขาไม่ยอมบอก หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอม พอพ่อแผลงฤทธิ์เขาเลยยอม เมษเลยขอไปคุยกะช่างภาพคนนั้น เขาก็ยอมเล่า โชคดีที่เขายอมเปิดปากเพราะเห็นว่าโดนเบี้ยวเงินค่าช่างภาพ ก็เลยเคือง แฉออกมาหมดเลยว่าใครเป็นใคร” อย่างไรก็ตามเมษเว้นที่จะไม่เล่าว่าพ่อเขาได้ขู่บรรณาธิการนิตยสารเล่มที่ว่าอย่างไรบ้าง ถึงได้ยอมบอกตัวช่างภาพมาในที่สุด “เอ่อ แล้วพอดีแม่เขาเป็นแฟนน้ำต้น ก็เลยยุพ่อให้สั่งระงับข่าวลือของน้ำต้นกับนนท์ไปชั่วคราว” พร้อมกับเสนอว่าอาจจะมีข่าวฉาวอื่นๆที่น่าสนใจกว่านั้นให้ได้เล่นกันแทน

ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องได้แต่นั่งฟังอ้าปากค้าง ไม่นึกไม่ฝันว่า เออาร์สาวท่าทางธรรมดาเหลือเกินคนนี้ จะมีพ่ออยู่ในตำแหน่งสำคัญถึงเพียงนี้

“แล้วพอดีกับที่น้าแท้ๆของเมษเขาเป็นซีอีโอของคลื่นวิทยุ... เอ่อ นั่นพอดี แม่เลยจัดการโทรไปบอกซะ น้าพิมเลยโทรกลับมาถามเมษแทบไม่ทัน พอถามไถ่เสร็จ น้าก็ลงดาบเลยทันที”

ทั้งสามคนยังนั่งฟังอย่างตกตะลึงต่อไป

“ทีนี้ นายเก่าเมษเขาเป็นออร์กาไนเซอร์ระดับท็อปไฟว์ของวงการ เมษเลยโทรไปขอความช่วยเหลือเขานิดหน่อย คือเขาก็เอ็นดูหนูประมาณนึงไงพี่” เมษหันไปบอกมิ่งกับนรเศรษฐ์ “แกเลย... เคืองแทนลูกน้องเก่า แทนที่จะระงับงานที่ตัวเองจัด ยังไปล็อบบี้เจ้าอื่นเขาด้วย” เมษว่าแล้วก็หัวเราะแหะๆ

“แล้วก็...”

“นี่ยังไม่หมดอีกเหรอ” นรเศรษฐ์ถามอย่างนึกทึ่ง

“พี่ปุ๊ก ผู้จัดละครรายใหญ่ของเรา เขาชอบน้ำต้นจะตาย อยากได้ตัวมาลงละครตั้งหลายเรื่องแล้ว ทางเราก็แบบไม่เคยตกปากรับคำเขาไปเสียทีไง ทีนี้เมษก็เลยโทรไปเล่าให้แกฟังนิดหน่อย แกเลย... แบนละคร แถมผู้จัดฯรายอื่น ยังเป็นใจไปกับแกด้วย เรื่องมันก็เลยเป็นอย่างนี้... อันที่จริงเมษแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” เจ้าตัวว่าแล้วก็ยิ้มแหยๆ

“อื้อหือเว้ยเฮ้ย” มิ่งร้องออกมาอย่างนึกชื่นชมไม่ปิดบัง “เลยได้ยืมมือฆ่าเสียเลย เอ็งแน่มากเมษ”

“โคตรดีใจเลยที่ไม่ได้เป็นศัตรูกะมัน” นรเศรษฐ์ยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆ ส่วนน้ำต้นพูดไม่ออก

“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะพี่ที่หนูอาศัยบารมีพ่อแม่กะคนใหญ่คนโตเขาน่ะ ถึงได้รู้ว่าการมีเส้นมีสายมันดีแบบนี้นี่เอง” เมษว่าอย่างติดตลก “แต่ไม่เอาหรอกพี่ ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็พอแล้ว เมษไม่ชอบวิธีแบบนี้เท่าไหร่หรอก แต่นี่...” เมษหันไปทางน้ำต้นพลางทำหน้าพยักเพยิด “มันน้องเราทั้งคน นนท์มันก็น้องเรา เล่นสกปรกมา เราก็จำเป็นต้องใช้วิธีนี้”

“นี่ยังดีนะ” มิ่งว่า “ที่เอ็งรับบทเป็นคนดี ถ้าเอ็งรับบทเป็นคนร้ายล่ะก็... ขนาดมันนานๆจะร้ายทีนะนอ เอ็งว่าไหม” เขาหันไปขอความเห็นกับนรเศรษฐ์

“จริงพี่ จริงแท้” เขาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่รีรอเลยสักนิด

“แหมพี่... นานๆทีน่า เป็นคนดีอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่เป็นคนร้ายเหนื่อยกว่าเยอะ”

“เอ๊า แล้วนั่น เงียบไปเลยน้ำต้น”

“เอ่อ ยังงงไม่หายครับพี่” น้ำต้นทำหน้าเหมือนคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ เด็กหนุ่มยังเด็กนักจึงไม่รู้เรื่องราวเล่ห์เหลี่ยมอะไรสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเขาก็สัมผัสได้ว่า พี่ๆทุกคนในห้องต่างก็รักและหวังดี และพร้อมที่จะช่วยเหลือเขาอยู่ตลอดเวลา จนเขาซึ้งน้ำใจและนึกขอบคุณอย่างที่สุด

เขายกมือไหว้พี่ชายพี่สาวทั้งสามคน

“แต่ต้นขอบคุณพวกพี่มากๆที่คอยดูแลเป็นห่วงต้นขนาดนี้ สัญญาเลยนะพี่ ว่าต้นจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดเลย จะไม่ให้พวกพี่ต้องผิดหวังแน่นอนครับ”

“มันต้องให้ได้อย่างนี้สิไอ้น้อง” ว่าแล้วก็พร้อมใจกันหัวเราะเสียงดังออกมา

“ไป ตามสบาย พี่ไม่กวนแล้ว” สิ้นเสียงสั่งสลายตัว ทุกคนก็พร้อมใจลุกออกไปทันที

____________________________

โปรดติดตามตอนต่อไป

**********************************

จบไปอีกตอน แบบยาวๆ ไม่ขอพูดอะไรมาก อ่านให้สนุกนะคะ

จากคุณ : fingers-crossed
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 02-09-2009 18:21:39
เขาเบื่อเป็นนางเอกแล้ว ขอเป็นนางร้ายสักที
ร้ายได้ใจจริงๆ

แต่พี่นนท์ทำงี้อีกแล้ว T^T
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: KIMKUNG ที่ 02-09-2009 18:22:46
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 02-09-2009 18:40:30
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อย่าทิ้งน้องงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 02-09-2009 21:04:36
อ่า ดีใจ ที่อะไรๆกลับมาเป็นแบบนี้ เย้ๆ ว่าแต่....
พี่นนท์อ่าทำเยี่ยงเน้นะค่ะ ไม่สงสารน้ำต้นหรอ :o12: ร้องไห้ไปก่อนล่วงน้าเลยทีเดียว 555
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-09-2009 21:49:37
เส้นสายอลังการที่สุดดดดดดดดดดดดด แต่ชักหวั่นๆตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: twin2g ที่ 03-09-2009 00:38:32
เรื่องข้างนอก คนข้างนอกเค้าก็จัดการให้แล้ว
ชักหวั่นกับเรื่องภายในนี่แหละ

พี่นนท์อย่าซับซ้อนให้มากนักเลย
คิดตรงๆแบบน้องบ้าง ไรบ้าง

สงสารทั้งพี่ทั้งน้องอ่ะ
ตอนหน้าสงสัยต้องเตรียมใจอย่างแรง


อย่าเศร้ามากน้า สงสารคนอ่านมั่งเห๊อะ(อินไปป่าววะเรา)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 03-09-2009 09:04:32
พี่เมษนี่สุดยอดดดดดดดดดดเลยค่ะ
ไม่ต้องทำไรมาก แค่ยกหูโทรศัพท์ ก็จัดการเรียบร้อย

พี่นนท์ พี่นนท์ อย่าทำร้ายจิตใจน้ำต้นเลยน้า
เลี้ยงส่ง นี่จะไปไหนล่ะเนี่ย

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 03-09-2009 10:08:14
ขอบคุณครับ ยาวมากเลยแต่นนท์จะทำอะไรต้องติดตาม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 03-09-2009 10:42:31
กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส พี่เมษเริดที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด สะจายยยยยยยยมากค่ะ 555  :laugh: :laugh: :laugh:



ว่าแต่พี่นนท์คิดจะตัดสินใจทำอะไร ถามน้องน้ำต้นสักคำสิคะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 03-09-2009 12:54:06
พี่เมษสุดยอด... :laugh: จัดการได้สะใจดีแท้
ไหมและเอ้ก็ได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้อย่างรวดเร็ว
...เหลือแต่นนท์...จะหนีน้ำต้นไปไหนอีกเนี่ย  :sad4:
รออ่านต่อนะครับ...ขอบคุณคุณนิ้วไขว้และคุณนาเมฮ์ครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 03-09-2009 13:38:35
เรื่องเก่าเงียบไป

แต่ นนนี่ ทำไมจะหนีไปซะงั้นล่ะ


ม่ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Sakana2yunjae ที่ 04-09-2009 06:49:46
พี่นนท์จะทำอะไรอีกหรอ เหอๆๆ  :call:

น้ำต้นสู้ๆๆนะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวนี้นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 04-09-2009 10:09:46
เรื่องอะไรก็เคลียร์ หมดหละ 

จะเหลือก็แต่ สิ่งที่นนท์ตัดสินใจ   

กลัวใจนนท์จริง  จะทิ้งน้องอีกป่ะเนี่ย   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-09-2009 21:40:37
จะเริ่มที่คนไหนก่อนดี พี่เมษดีกว่า  o13
ที่สุดอ่ะ ๆๆๆๆ ต้องแบบนี้แหละค่ะพี่เมษ ^^

ไหมกะเอ้ สมควร ทำตัวเองนิ่ ๆๆๆๆ

พี่นนท์ขาจะไปไหน จะทำอะไร
แง้ ๆๆๆ ไม่เอาน๊า ๆๆๆ พี่นนท์อย่าคิดคนเดียวซิ่ ๆ
มีน้ำต้นอยู่ทั้งคน ๆๆ

ให้คนแต่งกะคนโพสนะค๊าา  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 06-09-2009 00:14:19
มารออ่านและให้กำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 08-09-2009 00:20:54
พี่เมษร้ายได้ใจมั่กมัก  o13

อย่างนี้สิ ถึงจะสาสมกัน

ส่วนพี่นนท์  อย่าน๊า  :serius2:

คิดจะทำอะไรอีก สัญญากันแล้วนี่นา

จะทิ้งน้องไปไหน  ถามความเห็นน้องบ้างเถอะ นะนะนะ

คิดเอาเองคนเดียว ไม่ดีเน้อ  มีอะไรปรึกษากันดีกว่าน๊า


ขอบคุณคนโพสต์ และ คนแต่งค่ะ   :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 14 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: cmos ที่ 09-09-2009 18:14:31
มะอาวน๊า  นนท์ อย่าทิ้งน้องไปไหนนะ

สัญญากันแล้วไง  :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 12-09-2009 17:01:47
ตอนต่อไปค่ะ

*********************************

เพลงรัก

บทที่ 15

เด็กหนุ่มจ้องมองไปยังดวงหน้าอันเหม่อลอยที่เขารักหนักหนาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม เสี้ยวหน้าด้านข้างหันออกไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ดวงตาเรียวยาวนั้นจับจ้องอยู่กับแสงไฟราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรในใจ มือทั้งสองข้างประสานกันยกขึ้นอยู่ในระดับริมฝีปากพอดี

ร้านอาหารฝรั่งสุดหรูแห่งนี้ เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของมันมาบ้าง มันตั้งอยู่บนอาคารที่สูงติดอันดับในกรุงเทพฯ จึงไม่น่าแปลกใจที่การประดับประตาตกแต่งและวิวด้านนอกของร้านจะสวยงามน่าดึงดูดใจถึงเพียงนี้ ราคาของมันคงแพงระยับทีเดียว แต่นนท์ยืนยันว่าอยากพาเขามาที่นี่จริงๆ

“พี่นนท์” เสียงเรียกเบาๆทำให้เขาตื่นจากภวังค์ ก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้กับเจ้าของเสียงเรียกที่นั่งห่างกันแค่มือเอื้อม “เหม่อจังเลย คิดเรื่องอะไรอยู่เหรอพี่” น้ำต้นที่สนใจทุกรายละเอียดปลีกย่อยของพี่ชายออกปากถามอย่างใคร่รู้

“พี่แค่สงสัยน่ะ”

“สงสัยอะไร”

“กรุงเทพที่วุ่นวายจะตาย ทำไมตอนกลางคืน เวลาที่มองลงไปแบบนี้มันถึงได้ดูสวยนัก”

“พี่ชอบเหรอ”

“ชอบ แต่ที่ชอบมากกว่าก็คือ ได้มาดูวิวแบบนี้กับคนที่อยากให้มาด้วยมากที่สุดนั่นแหละ”

“พูดแบบนี้ ดีใจนะเนี่ย”

“น้ำต้นเคยรักใครมากๆไหม”

เด็กหนุ่มไม่ตอบ แต่ชี้มือไปยังฝั่งตรงข้ามที่คนถามนั่งอยู่ นนท์หัวเราะออกมา

“ไม่เอาสิ ก่อนหน้านั้นต่างหาก”

เขาส่ายหน้า

“ต้นเป็นคนมีแฟนน้อยมากพี่ ไหมเป็นคนแรกที่ต้นคบด้วย” พูดชื่อนี้ออกมาทีไร เขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทุกครั้ง “แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าแค่ว่าเราสนิทกันมาก เด็กๆน่ะพี่ บอกว่าเป็นแฟนก็เป็น ตอนที่เขาขอเลิกก็เลยไม่ได้เจ็บปวดอะไร” เขายักไหล่ “แล้วพี่ล่ะ”

“อายุขนาดนี้ มันก็ต้องมีบ้างแหละนะ” เขาว่าอย่างติดตลก “พี่เคยคิดนะว่า จะมีไหมคนที่ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า ถ้าชีวิตนี้ขาดเขา เราจะอยู่หรือเปล่า”

“แล้วมีไหม”

นนท์ชี้มือมาทางน้ำต้นบ้าง เด็กหนุ่มถึงกับหัวเราะด้วยความเขินเมื่อเจอมุกนี้เข้าไป

“ที่ผ่านมาก็คิดทุกครั้งแหละว่า นี่น่ะต้องเป็นคนที่ใช่ แต่สุดท้าย พอเลิกกันไป แม้จะเจ็บปวด แค่เราก็ยังอยู่ได้นะ” นนท์ว่าแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “พี่ก็เลยคิดว่า มันก็คงมีแหละ คนที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น แต่ก็เชื่อนะว่ามันไม่ทำให้ใครตายได้หรอก ถ้าเราเข้มแข็งพอและเลือกที่จะเก็บความทรงจำที่ดีเอาไว้” นนท์เอื้อมมือเรียวยาวและแบบบางเกินมือผู้ชายทั่วไปสัมผัสกับมือที่ใหญ่และหนากว่าเล็กน้อยของน้ำต้น

“น้ำต้นสัญญาอะไรกับพี่อย่างนึงได้ไหม”

“สัญญาอะไรพี่”

“ขอให้เข้มแข็งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“หมายความว่าไงอ่ะพี่” น้ำต้นไม่ค่อยเข้าใจนักว่านนท์หมายความว่ายังไง

“สัญญากับพี่ก่อน”

ทำไมเขาจะสัญญาไม่ได้เล่า เรื่องแค่นี้เอง สำหรับเขา ขอให้มีพี่นนท์เสียคน จะเข้มแข็งเท่าไหร่ก็ย่อมได้อยู่แล้ว

“สัญญาน่ะได้อยู่แล้ว แต่วันนี้ พี่นนท์ดูแปลกๆนะ”

“แปลกยังไง” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“ก็พี่ดูเหม่อยังไงไม่รู้ แล้วจู่ๆก็มาพูดเรื่องนี้”

“ยังไม่ชินอีกเหรอ” เจ้าตัวย้อนถามยิ้มๆ “น้ำต้น”

“ครับผม” เด็กตาหวานขานรับล้อๆ

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่อยากให้น้ำต้นรู้ว่าพี่รักเรามากนะ”

หนนี้น้ำต้นถึงกับเลิกคิ้วขึ้นบ้าง

“เห็นไหม พี่นนท์แปลกๆไปจริงๆด้วย” น้ำต้นทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อพี่ชายหน้าตาเฉย “กลัวน้องไม่รักล่ะซี้...” ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ ทำเอาคนพี่ถึงกับยิ้มออกมาพลางส่ายหน้า

บริกรในชุดสูทสุดโก้เดินตัวตรงพร้อมถือถาดอาหารในมือดูท่าทางสง่างามเกินกว่าจะมาทำหน้าที่นี้ เขาวางอาหารหน้าตาสวยหรูลงตรงหน้าชายหนุ่มทั้งคู่พร้อมรอยยิ้ม คล้อยหลังไปไม่ทันไร น้ำต้นเกิดคันปากอยากถามพี่ชายขึ้นมาตงิดๆ

“พี่ ถามอะไรหน่อยสิ” น้ำต้นยื่นหน้าทำเสียงกระซิบกระซาบ ทั้งที่โต๊ะอื่นๆที่มีแขกอยู่ห่างออกไปไกลโขอยู่ “พี่พามาเลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไรเนี่ย”

“โอกาสอะไรดีล่ะ” นนท์ก้มหน้ามองอาหารตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองน้ำต้น “พี่ไม่ได้คิดเอาไว้ซะด้วยสิ”

“เอ๊า...” น้ำต้นตบหน้าผากตัวเองเบาๆ

“ก็แค่อยากพามาน่ะ…”นนท์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น้ำต้นอดรู้สึกไม่ได้ว่าแวบหนึ่งมีแววเศร้าฉายออกมาด้วย ก่อนที่จะกลับไปเป็นยิ้มที่สดใสตามเดิม “เลี้ยงส่งก็แล้วกัน”

“ส่งอะไร ใครจะไปไหน” น้ำต้นถาม หนนี้คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยเต็มที่

“ก็ส่งเรื่องร้ายที่กำลังจะจบลงด้วยดีไงเล่า มา พี่หิวแล้ว ทานกันเถอะนะ” ว่าแล้วนนท์ก็ก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารหน้าตาน่าทานที่อยู่ในจานตรงหน้าทันที โดยไม่รอให้เด็กช่างถามได้ซักอะไรอีก

อาหารพิเศษในคืนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ชายหนุ่มทั้งสองคนดูจะมีเรื่องพูดคุยกันมากมายไม่รู้จักจบจักสิ้น

แสงไฟยามราตรีในช่วงเวลาดึกดื่นค่ำคืนที่การจราจรบางตาเช่นนี้สวยแปลกตาแล้วก็ให้ความรู้สึกเงียบเหงาอย่างไรบอกไม่ถูก เมืองใหญ่ที่ไหนๆในโลกก็ดูจะเหมือนกันไปเสียหมด นนท์รู้สึกเช่นนั้น เมื่อหันไปมองสารถีจำเป็นที่ตั้งอกตั้งใจมองถนนตรงหน้าแล้ว นนท์ก็ยิ้มออกมา เขาอยากจะซึมซับภาพใบหน้าของคนที่เขารักเอาไว้ให้ได้มากที่สุด มีความทรงจำระหว่างเขาและน้ำต้นเกิดขึ้นมากมายในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนมานี้ สำหรับเขา ระยะเวลาเท่าไหร่ก็คงยากจะลบเลือนมันลงไปได้ แต่สำหรับน้ำต้น เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้แต่หวังว่า เวลาน่าจะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปเอง

รถเก๋งสีดำที่คนบ้านนี้คุ้นเคยเป็นอย่างดีไปแล้ว เข้าไปจอดเทียบหน้าเรือนหลังเล็กเหมือนอย่างทุกครั้งที่ได้มาเยือนที่แห่งนี้

“วันนี้ต้นรีบกลับเถอะ มันดึกมากแล้ว อย่าแวะเลยนะ” นนท์บอกน้องชาย

น้ำต้นชั่งใจอยู่เป็นครู่ก่อนจะสบตานนท์ราวกับจะค้นหาความจริงอะไรบางอย่าง

“พี่นนท์ไม่เป็นไรใช่ไหม” น้ำต้นถามออกไปตรงๆ

“พี่ไม่เป็นไรครับ ทำไมหรือ” เขายิ้ม

“ไม่รู้สิ ต้นว่าพี่นนท์แปลกๆอ่ะ”

“พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” นนท์ไม่ว่าเปล่า เขาเปิดประตูรถตรงที่นั่งข้างคนขับออก น้ำต้นก็ทำอย่างเดียวกัน  แต่ดูจะเป็นการกระทำที่เป็นไปโดยอัตโนมัติมากกว่า

“พี่....” ยังไม่ทันได้เรียกชื่อ ร่างที่เล็กบางกว่าของพี่ชายก็เดินเข้ามาสวมกอดเขาเอาไว้แน่น น้ำต้นได้แต่ประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจไปในขณะเดียวกัน “พี่นนท์” เขาว่าได้เท่านั้น ก็ยกแขนขึ้นสวมกอดนนท์เอาไว้แน่นไม่แพ้กัน

“พี่รักต้นนะครับ”

“ต้นก็รักพี่นนท์”

นนท์คลายวงแขนออก เขาใช้มือทั้งสองข้างจับต้นแขนของน้ำต้นเอาไว้และค่อยๆผลักออกอย่างเบามือ น้ำต้นยังคงงงไม่หายกับอ้อมกอดนั้น และประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อมือข้างหนึ่งของนนท์โน้มคอเขาลงมาก่อนที่จะประทับจูบลงไปอย่างอ่อนโยนบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของเขา เนิ่นนานเป็นครู่ก่อนจะค่อยๆถอนออก หน้าผากสัมผัสกันแผ่วเบาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน น้ำต้นใจเต้น พี่นนท์ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ที่แน่ๆความสุขมันท่วมท้นหัวใจไปหมดแล้วในตอนนี้

“ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับ” นนท์ว่าเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบ

น้ำต้นพยักหน้า มือข้างที่จับมือนนท์เอาไว้นั้นไม่อยากปล่อยเอาเสียเลย เขาอ้อยอิ่งอยู่ได้ไม่นาน นนท์จึงเป็นฝ่ายปล่อยมือออกก่อน

รถของน้ำต้น หายลับไปจากประตูบ้านแล้ว น้ำตาของนนท์ไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ บ่าทั้งสองข้างสั่นสะท้าน เขากลืนเสียงสะอื้นลงคออย่างยากเย็น ก่อนจะขยับริมฝีปากโดยไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมาจับได้ว่า

“ดูแลตัวเองนะครับ ลาก่อน”

แล้วจึงเดินหายเข้าไปในเรือนเล็กราวกับคนไร้วิญญาณ

**********************

พี่นนท์หายตัวไป

น้ำต้นรู้สึกชาไปหมด เกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนพวกเขายังไปทานอาหารด้วยกัน พูดคุยกัน เขายังขับรถไปส่งพี่นนท์ถึงบ้าน พี่นนท์ยังเข้ามากอดเขา จูบเขา แล้วจู่ๆพี่นนท์จะหายตัวไปไหนได้อย่างไรกัน

เขาโทรไปหานนท์แต่เช้า ไม่รู้เป็นอย่างไร วันนี้รู้สึกอยากจะไปรับนนท์มาทำงานด้วย แต่โทรศัพท์ปิด โทรไปกี่ครั้งก็ไม่ติด เขาร้อนใจถึงขนาดขับรถไปหาถึงบ้านนนท์ แต่เรือนเล็กปิดล็อกเอาไว้ น้ำต้นมีกุญแจสำรอง แต่เมื่อไขเข้าไป กลับไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของพี่นนท์ บ้านมันช่างเงียบ เงียบจนน่ากลัว เขาวิ่งไปถามเด็กในบ้าน ไม่มีใครรู้ว่าคุณนนท์หายไปไหน แม้แต่ป้าชื่น ที่บอกเขาได้แค่ คุณนนท์ทิ้งโน้ตสั้นๆเอาไว้ว่าจะขอเดินทางไปพักผ่อนที่ไหนไกลๆสักพัก ไม่รู้เก็บกระเป๋าไปตอนไหน ไม่มีใครรู้เห็นเลย น้ำต้นถึงกับหน้าถอดสี มันจะเป็นไปได้อย่างไร ไม่มีเหตุผลเลย

น้ำต้นโทรหาคุณแม่ของนนท์ แต่เมื่อเล่าให้ฟังว่านนท์ทิ้งโน้ตเอาไว้ว่าอย่างไร นางก็สงบใจลงได้ แต่ก็บอกน้ำต้นได้แค่เพียงว่า “ถ้านนท์ไม่อยากให้หาเขาเจอ ก็จะหาเขาไม่เจอหรอก เวลาเขามีปัญหาอะไร เขาจะหนีหายไปเพื่อให้เวลาตัวเองได้ใคร่ครวญอะไรบางอย่าง แล้วเขาก็จะกลับมาเอง” น้ำเสียงของน้ำต้นแสดงความผิดหวังออกมาอย่างไม่ปิดบัง

วารีรินเข้าใจเด็กหนุ่มเป็นอย่างดี และเชื่อเหลือเกินว่าต้นเหตุที่ทำให้นนท์คิดไม่ตกจนต้องหนีหายไปแบบนี้ก็คงหนีไม่พ้นเด็กหนุ่มปลายสายนี้เป็นแน่แท้ นนท์คงมีปัญหาคับอกเสียจนไม่อาจจะบอกใครได้จริงๆ นางได้แต่ถอนใจและให้กำลังใจเด็กหนุ่ม และยืนยันว่าหากนนท์แจ้งข่าวมาเมื่อใด นางจะโทรบอกให้เขาได้ทราบเรื่องก่อนใครทันที

ทันทีที่วางหูโทรศัพท์ เขาก็รีบผลุนผลันออกจากรถ และตรงดิ่งไปยังชั้นสามสิบทันที ลิฟต์ที่ช้าอยู่แล้วเป็นปกติกลับยิ่งดูช้าลงไปอีกจนเขาหงุดหงิด น้ำต้นได้แต่กัดริมฝีปากเอาไว้อย่างอดทน เขาต้องอดทนสินะ

เขากดปุ่มเปิดซ้ำๆเหมือนคนเสียสติทันทีที่ลิฟต์พาเขามายังจุดหมายที่ต้องการ แม้แต่ประตูลิฟต์ก็ยังช้าไม่ทันใจเขาเอาเสียเลย คนอื่นที่อยู่ในลิฟต์ถึงกับแปลกใจกับกริยาร้อนรนของเด็กหนุ่ม

“พี่เมษ! พี่เมษครับ...” น้ำต้นเรียกเมษเสียงดังขนาดทำเอาคนทั้งออฟฟิศหันมามองเขาเป็นตาเดียว เมษโผล่หน้าออกมามองหาต้นเสียง ยังไม่ทันได้พูดอะไร น้ำต้นก็ปรี่เข้ามาถึงตัวเสียก่อนแล้ว

“พี่นนท์... พี่นนท์ เขา...” น้ำต้นระล่ำระลักพลางจับแขนเมษเขย่าอย่างลืมตัว

“นนท์ทำไมครับน้ำต้น ใจเย็นๆ” เมษตกใจ แต่ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะเรียกสติของเด็กหนุ่มให้กลับมา เกิดอะไรขึ้น ทำไมน้ำต้นถึงได้ดูร้อนใจขนาดนี้ แล้วนนท์เป็นอะไร

“พี่นนท์หนีต้นไปแล้ว พี่เมษ... พี่นนท์หนีไปอีกแล้ว ต้นจะทำยังไงดี” พูดได้เท่านั้น น้ำต้นก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจจะอดกลั้นอะไรเอาไว้ได้อีก เด็กหนุ่มซบหน้าลงบนแขนของเมษ ร้องไห้อย่างอัดอั้น ด้วยความไม่เข้าใจว่า ทำไมนนท์ต้องหนีไป มันเกิดอะไรขึ้นอีก เขาทำอะไรให้นนท์ไม่พอใจ ในหัวมีแต่ความไม่รู้อยู่เต็มไปหมด สร้างความสับสนในใจให้กับเด็กหนุ่มยิ่งนัก

เมษนิ่วหน้า ก่อนจะลูบศีรษะน้ำต้นอย่างปลอบประโลม เธอเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน

“ไหนมาคุยกับพี่ให้รู้เรื่องก่อนซิ มันเกิดอะไรขึ้น” น้ำต้นได้แต่ส่ายหน้า เขาเล่าให้เมษฟังเท่าที่ได้รับรู้มาจากป้าชื่นและวารีริน แต่ก็ยืนยันว่าเมื่อคืนนี้ทุกอย่างยังเป็นปกติ เขาไปหาอะไรทานกับนนท์ แล้วก็ไปส่งนนท์ ไม่มีสัญญาณของการบอกเลิก การลาจาก การโกรธเคืองอะไรจากนนท์ทั้งสิ้น

“ไปหาพี่มิ่งกับพี่นอกัน” เมษโพล่งขึ้นมา

“พี่สองคนเขาจะรู้เรื่องเหรอพี่” น้ำต้นถามทั้งที่น้ำตายังอาบแก้ม

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่นนท์เขายังต้องส่งงานให้พี่เขาหรือเปล่าล่ะ นนท์น่ะ ไม่ใช่คนที่จะหนีไปโดยทิ้งความรับผิดชอบให้ใครได้หรอกนะ” นึกได้ดังนั้นทั้งคู่จึงไม่รีรอที่จะเข้าไปหานรเศรษฐ์ในห้อง แน่นอนว่ามิ่งก็อยู่ด้วย ครบองค์ประชุมทีเดียว

นนท์หายไป

พูดได้เท่านี้มิ่งกับนรเศรษฐ์ก็ได้แต่หันไปมองหน้ากันแล้วก็ส่ายหน้าเบาๆ

“น้องมันเอาจริงว่ะนอ”

“พวกพี่รู้เหรอครับว่าพี่นนท์อยู่ไหน” น้ำต้นชิงถามก่อนทันที แต่ความหวังก็ดับวูบลงไปอีกเมื่อพี่ๆพร้อมใจกันส่ายหน้าอีกครั้ง

“เรื่องนี้พี่จนปัญญาจริงๆ”

“เชื่อสิว่าถ้าพวกพี่รู้ พวกพี่ก็ต้องบอกเราไปแล้ว” มิ่งเสริม

“เมื่อซักอาทิตย์นึง นนท์เดินเข้ามาบอกพวกพี่ว่าจะเคลียร์งานให้เรียบร้อย เขาอยากจะหายไปซักพัก พวกพี่ก็งง พยายามถามเหตุผลเขา แต่เขาไม่ยอมบอก”

“ทั้งที่เขาก็รู้นะว่าการที่เขาหายไปมันอาจจะเป็นการตัดโอกาสการเป็นนักร้องของเขาไปเลยก็ได้ เขาก็บอกว่า เขายอม พวกพี่ถึงกับงงไปเลย” มิ่งว่า “แล้วพี่ทำงานกับนนท์มา ทำไมพี่จะไม่รู้ว่านนท์น่ะอยากมีผลงานของตัวเองในฐานะนักร้องขนาดไหน แต่นี่เขายอมทิ้งโอกาสนั้นไป ก็เลยคิดว่าปัญหามันคงใหญ่มากสำหรับเขา”

“ตอนแรกที่ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเรื่องอะไร แต่เมื่อวาน เขาเข้ามาส่งงานชิ้นสุดท้าย” มิ่งพูดพลางชี้มือไปที่ซองสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะของนรเศรษฐ์ “เขาบอกว่าเป็นเพลงที่ใช้เวลาแต่งเนื้อและแก้ไขอะไรนานมาก เขาเพิ่งทำเสร็จแล้วก็เลยรีบเอามาส่ง แล้วก็บอกว่าจะมาลา”

“ลาไปไหนอ่ะพี่” น้ำต้นถาม

“นนท์ไม่ได้บอก พี่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็บอกไปว่า ถ้ามีเรื่องอะไรจะลาไปซักอาทิตย์นึงพี่ไม่ว่าหรอก เพราะงานเขาเสร็จหมดแล้ว เขาเร่งทำมาตลอดทั้งอาทิตย์เลย เอาจนเสร็จ”

“แต่ตอนมันมาบอก พี่ว่ามันฟังทะแม่งๆ” พี่ใหญ่ที่สุดของทีมว่าต่อ

“ยังไงคะพี่มิ่ง” เมษเอียงคอถามอย่างสงสัยขึ้นมาติดหมัด

“เขาบอกว่า ถ้าหากนานกว่านั้นล่ะ อาจจะเป็นเดือน หรือเป็นปี เขาเองก็ไม่รู้ พี่กับนองี้อึ้งไปเลย”

“ท่าทางนนท์มันไม่ดีเลยนะเมื่อวาน เหมือนมันตัดสินใจอะไรได้เด็ดขาดแล้วน่ะ”

“แล้วพวกพี่บอกนนท์ว่าไง”

“พี่ก็เลยบอกไปแค่ว่า ให้เวลาตัดสินใจอาทิตย์นึง ครบอาทิตย์แล้วจะว่ายังไงให้โทรมาบอกพวกพี่ด้วย จะได้รู้ว่าจะเอายังไงต่อกับโปรเจ็กต์ของนนท์”

“ผมกลัวใจมันว่ะพี่” นรเศรษฐ์หันไปออกความเห็นกับมิ่ง

“ทำไมพี่นนท์ถึงทำแบบนี้ ต้นไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงได้ร้ายกาจ เห็นแก่ตัวขนาดนี้” ความน้อยใจกลายเป็นความโกรธขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แน่ล่ะ พี่นนท์ยอมบอกคนอื่น แต่ไม่บอกอะไรกับเขาเลย แล้วไหนบอกว่ารักกัน ทำไมถึงได้ขยันทำร้ายจิตใจกันนัก

“น้ำต้น” มิ่งเรียกชื่อเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน “อยากฟังเพลงสุดท้ายที่น้ำต้นแต่งให้ไหม”

เด็กหนุ่มส่ายหน้า เขาไม่มีอารมณ์ฟังเพลงอะไรทั้งนั้น ในหัวมีแต่เรื่องของนนท์ที่เขาไม่เข้าใจเลยสักอย่าง

“ฟังหน่อยเถอะ แล้วบางทีต้นอาจจะเข้าใจเหตุผลของนนท์มากขึ้นก็ได้” น้ำต้นเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเอ่อไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด มิ่งไม่รอคำตอบ เขายื่นซีดีที่อยู่ในซองสีน้ำตาลให้กับนรเศรษฐ์ที่รู้หน้าที่ หยิบเอาซีดีแผ่นนั้นใส่ลงในเครื่องเล่นก่อนที่จะเปิดฟัง

เสียงเปียโนที่ไพเราะและเศร้าบาดใจดังขึ้นมาในท่อนอินโทร บอกให้รู้ว่านี่เป็นเพียงแผ่นเดโมที่ยังต้องใส่เสียงดนตรีอะไรลงไปอีกเพื่อทำให้เพลงนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่อะไรบางอย่างในเสียงเปียโนนั้นที่ฟังดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน เสียงร้องนุ่มๆของนนท์ดังขึ้นคลอไปกับเสียงเปียโนที่เข้ากันได้อย่างลงตัว


'บนทางสายนี้ เราเคยมีกัน มือของเราจับเอาไว้มั่น
ราวกับจะไม่มีวันจากกันไปไหน
แต่มาวันนี้ใจหาย เราต้องเดินด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย
ทางเดินของหัวใจต้องจบสิ้นลง

มองเธอในดวงตา อยากให้เธอได้เข้าใจ
ฉันไม่ได้อยากจากไปไหน แต่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเรา
รักเธอ แม้รักเธอ แต่ก็ต้องปล่อยมือไป
รักเธอ จะจดจำไว้ ไออุ่นไม่มีวันจาง

ถึงเวลาต้องแยกจาก แม้ไม่อยากแต่ต้องตัดใจ
ไม่ใช่เราไปกันไม่ได้ แต่คงยากจะบอกให้เข้าใจ
วันไหนหากได้พบกัน หวังว่าเธอจะพอจดจำฉันไว้ได้ไหม
เธออาจไม่ให้อภัย แต่จงเข้าใจว่าฉันรักเธอ

น้ำตาของเราคงรินไหล ไม่เป็นไรจงเข้มแข็ง
วันนี้อาจจะไม่แข็งแรง ไม่ต้องฝืนแสดงมันออกมา
รักเธอ จะรักเธอตลอดไป ไม่มีวันลืม
รักเธอ อยากบอกรักเธอ แต่ทำไม่ได้
รักเธอ แม้รักเธอ แต่ก็ต้องปล่อยมือไป
รักเธอ จะจดจำไว้ ไออุ่นไม่มีวันจาง
รักเธอ ฉันรักเธอเพื่อจะบอกลา
ถึงอย่างนั้น มันก็ยังดังก้องในใจ... ไม่ว่าจะอย่างไร ก็รักเธอ'

เสียงคีย์สุดท้ายจบลงพร้อมกับเสียงสะอื้นอย่างหนักจากคนที่กำลังจะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของเพลงนี้ น้ำต้นยกมือขึ้นปิดหน้า เขาร้องไห้อย่างไม่อายใครอีกต่อไป บ่าที่กว้างใหญ่ของเขาสั่นสะท้าน ภาพชายหนุ่มตัวโตที่นั่งร้องไห้ให้เห็นกันต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ดูแล้วมันช่างสะเทือนใจยิ่งนัก ไม่มีใครพูดอะไรอยู่เป็นนาน ชั่วโมงนี้คงไม่อาจจะทำอะไรได้ดีมากไปกว่าการปล่อยให้เด็กหนุ่มได้ระบายความรู้สึกทั้งหมดผ่านน้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด

แค่ได้ฟังเพลงนี้ เขาก็เข้าใจพี่นนท์ของเขาแล้ว

พี่นนท์เลือกที่จะจากไปเพื่อเขา พี่นนท์ยอมทิ้งอนาคตของตัวเองก็เพื่อเขา พี่นนท์เลือกที่จะเจ็บปวดก็เพื่อเขา น้ำต้นนึกไม่ออกว่านอกจากพ่อกับแม่ยังจะมีใครที่รักเขาได้มากเท่ากับพี่นนท์อีกหรือไม่ ใจหนึ่งก็ซาบซึ้งตื้นตันในหัวใจ แต่อีกใจก็นึกโกรธที่นนท์ตัดสินใจเองทุกอย่าง โดยไม่สนใจถามความรู้สึกของเขาเลย

“เพลงนี้...” พูดได้เท่านี้เด็กหนุ่มก็สะอื้นออกมาอีกครั้ง กว่าจะตั้งสติเอ่ยอะไรออกมาได้อีก “เพลงนี้มีชื่อไหมครับ”

“รักเพื่อบอกลา”

ได้ยินดังนั้นน้ำตาของเด็กหนุ่มก็พาลจะไหลออกมาอีก

“เพลงมันเศร้ามากเลยนะคะ” เมษเปรยขึ้นมาลอยๆ ไม่คาดหวังจะได้รับคำตอบใดๆ

“พี่นนท์แต่งให้ต้นเหรอพี่” เขากัดฟันถามออกไป ทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
มิ่งกับนรเศรษฐ์ได้แต่พยักหน้า

“แล้วต้นจะร้องได้ยังไง...” เด็กหนุ่มก้มหน้า “เพลงมันเศร้าขนาดนี้ ต้นร้องไม่ได้หรอกพี่”

น้ำต้นลุกขึ้นแล้วเดินช้าๆออกจากห้องไป

ทิ้งความเงียบเอาไว้เบื้องหลังกับคำถามที่ไม่มีใครตอบได้

*********************
 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 12-09-2009 17:05:16
หัวหิน

เขามาพักอยู่ที่หัวหินได้สามวันแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลามันผ่านไปช้าหรือเร็วกันแน่ เขาไม่ค่อยได้นึกถึงมันเท่าไหร่ อันที่จริงเขาจะไปพักที่ไกลๆอย่างภูเก็ตก็ได้ แต่... หัวหินมันอยู่ใกล้กรุงเทพมากกว่า สุดท้าย ที่คิดว่าจะหักดิบตัดใจได้ มันไม่ง่ายเลย ที่ผ่านมา นนท์เป็นฝ่ายถูกความรักเดินจากไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเลือกที่จะเดินจากมันมา ทั้งที่ยังรัก ทั้งที่รู้ว่ามันจะต้องเจ็บปวด แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะทำให้เขารู้สึกเหมือนขาดพลังใจในการมีชีวิตถึงเพียงนี้ นนท์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้อง แล้วก็ระเบียงที่มองเห็นวิวทะเลได้ชัดเจน ตกเย็นเขาก็เดินเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมายไปเรื่อยๆ พอมืดแล้วค่อยเดินกลับ

มีเพื่อนดีก็ดีอย่างนี้เอง นนท์คิดกับตัวเอง เขามีเพื่อนเป็นลูกเจ้าของรีสอร์ทสุดหรูในหัวหินแห่งนี้ ทันทีที่บอกว่าอยากได้ห้องพัก ที่เขาสามารถพักไปได้เรื่อยๆก่อนสักอาทิตย์หนึ่ง เพื่อนเขาก็เปิดห้องให้ทันที แถมยืนยันว่าจะไม่คิดเงินอีกต่างหาก นนท์ไม่ยอม แต่เขาในวินาทีนั้นหรือจะมีแรงทุ่มเถียงกับใครได้ เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า ที่พักที่แน่ใจว่า ใครก็จะหาเขาไม่พบ

เพื่อนที่มีอยู่ไม่กี่คนของนนท์ทำได้แค่เป็นห่วงเพื่อน แต่ไม่ว่าจะเฝ้าเพียรถามสักเท่าไหร่ นนท์ก็ไม่ยอมตอบ ได้แต่ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้า พร้อมกับบอกแค่ว่าสบายดีเท่านั้น

“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร” ธีร์ หรือทีเจชื่อที่ถูกใช้บ่อยๆสมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ หนึ่งในเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนของนนท์บอกเขาอย่างนั้น “พร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยบอกก็แล้วกัน”

นนท์โทรหาแม่ บอกแค่ว่าพักอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก แม่ไม่ซักอะไรอีก บอกแค่ว่า “ลูกหนีได้ทุกอย่าง ยกเว้นหนีใจตัวเอง” เท่านั้นแม่ก็วางหูไป อย่างน้อยก็เบาใจว่าลูกชายของเธอยังสบายดีทุกประการ เขาโทรหาเมลเพื่อนสนิท บอกแค่ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ถ้าโทรหาเขาไม่ติดก็ทิ้งข้อความเอาไว้ แล้วเขาจะโทรกลับ เมลคงเป็นเพื่อนคนเดียวในโลกที่เขาจะไม่มีความลับอะไรต่อเธอ

“นนท์ อาร์ยูชัวร์อะเบาท์ ธิส” เมลถามกลับมาอย่างเป็นห่วง

“ไอม์ น็อต ชัวร์” นนท์ตอบตรงๆ “เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้”

เมลรู้จักเพื่อนคนนี้ของตัวเองดีเสียจนคิดว่าพูดไปตอนนี้คงไม่มีประโยชน์

“ออลไรท์ เทคแคร์นะนนท์” พูดได้เท่านั้นเมลก็วางหูพลางระบายลมหายใจด้วยความหนักอก


********************

หกวัน

พี่นนท์หายไปหกวันแล้ว ไม่ว่าจะเพียรพยายามโทรไปเท่าไหร่ นนท์ก็ไม่เคยรับสาย โทรไปถามวารีรินกี่ครั้งนางก็บอกได้แต่ว่านนท์อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯแต่เจ้าตัวไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน เขาขับรถไปบ้านนนท์ทุกวัน แม้จะรู้ว่านนท์ไม่กลับมา เขาก็ยังเฝ้าเพียรไปรอนนท์ที่บ้านจนดึกดื่น แล้วจึงค่อยกลับ ไม่ว่าป้าชื่นหรือเด็กๆ จะบอกแก่เขาอย่างไร เขาก็ไม่ฟัง อาหารที่ป้าชื่นจัดเตรียมไว้ให้น้ำต้นก็ไม่ยอมแตะ

ทุกเช้าเขาจะขับรถมาที่ออฟฟิศ แล้วก็จะแวะมานั่งรอที่ชั้นยี่สิบ ทุกเช้าจนถึงเที่ยง แล้วจึงค่อยขึ้นไปชั้นสามสิบ ก่อนกลับก็จะต้องแวะมาที่ชั้นยี่สิบอีกครั้ง เป็นอย่างนี้มาตลอดเกือบทั้งสัปดาห์ น้ำต้นบอกเมษว่าจะขอรับงานให้น้อยที่สุดตลอดช่วงสัปดาห์นี้ เขาอยากทุ่มเทเวลาอันน้อยนิดที่มีในการติดตามและรอคอยนนท์อย่างเต็มที่ อีกไม่นานจะต้องเข้าห้องอัดเสียงแล้ว เขาจะทำอย่างไรดี

พี่นนท์ไม่อยู่ เขาจะร้องเพลงได้อย่างไร

รักเพื่อบอกลา เพลงสุดท้ายที่นนท์แต่งทิ้งเอาไว้ ที่สุดแล้วนรเศรษฐ์ก็ทำก๊อปปี้ให้เขาเอาไว้ชุดหนึ่ง เพื่อฟังให้ขึ้นใจ น้ำต้นไม่กล้าแม้แต่จะเปิดฟังด้วยซ้ำ เขาจะทนฟังเพลงนี้ได้อย่างไรกัน

“พี่... พี่อยู่ไหน ต้นอยากเจอพี่” เด็กหนุ่มก้มหน้าซบลงบนพวงมาลัยรถยนต์ก่อนจะร้องไห้ออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ น้ำต้นทนไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อคิดว่า การขับรถไปบ้านนนท์วันนี้ก็จะเหมือนกับทุกๆวัน นั่นคือไม่มีพี่นนท์อยู่ที่นั่นแล้ว วันพรุ่งนี้จะครบกำหนดหนึ่งสัปดาห์ที่นนท์จะโทรมาให้คำตอบมิ่งกับนรเศรษฐ์ ถ้าเขายังหานนท์ไม่เจอ ความหวังก็จะยิ่งริบหรี่ลงไปอีก
อีกสักตั้ง

เขาจะขอลองทุ่มเทอีกสักตั้ง ดูซิว่าจะหาพี่นนท์เจอไหม

“ป้าชื่นครับ” เด็กหนุ่มเรียกแม่นมของบ้านทันทีที่เปิดประตูรถลงมาแล้วเห็นหญิงชราเดินมาหาเขาด้วยความเป็นห่วง “พี่นนท์มีเพื่อนสนิทที่นี่บ้างไหม ใครก็ได้”

“โอ๊ย เพื่อนสนิทคนเดียวของคุณนนท์ที่ป้ารู้จักก็คือคุณน้ำต้นนี่แหละค่ะ” ป้าชื่นทำหน้ายุ่ง “เอ๊ะ แต่เห็นมีอยู่คนนึงค่ะ เป็นฝรั่งด้วยสิ แต่ป้าชื่นไม่รู้จักเธอหรอกนะคะ”

“แล้วคุณแม่ล่ะครับ เอ่อ หมายถึงคุณแม่พี่นนท์จะรู้จักหรือเปล่า” น้ำต้นถามอย่างร้อนใจ

“ป้าไม่แน่ใจหรอกค่ะ เรื่องของคุณๆ ป้าไม่เคยเข้าไปยุ่งเลย”

“ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวต้นขอเข้าไปใช้ห้องพี่นนท์หน่อยนะครับ” ป้าชื่นพยักหน้าก่อนที่น้ำต้นจะไขกุญแจห้องเข้าไป เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดหมายที่คุ้ยเคยมาตลอดทั้งสัปดาห์

“คุณแม่ครับ” เขาหมายถึงวารีริน คุณแม่ของนนท์ “คุณแม่รู้จักเพื่อนพี่นนท์คนที่เป็นลูกครึ่งไหมครับ เห็นป้าชื่นบอกว่าเป็นผู้หญิง” ปลายสายนิ่งไปราวกับใช้ความคิดก่อนจะตอบออกไปให้น้ำต้นได้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆวัน

“อ๋อ เมลานี เพื่อนสนิทของนนท์เขา แม่เคยเจอไม่กี่ครั้งจ้ะ”

“คุณแม่มีเบอร์เขาไหมครับ”

“ไม่มีหรอกจ้ะ” คำตอบของนางทำเอาเด็กหนุ่มหัวใจห่อเหี่ยวลงไปอีกครั้ง นางรู้สึกเห็นใจเด็กหนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะนึกขึ้นได้

“แต่เห็นว่าหนูเมลแกแต่งงานกับน้องร้องคนนึง ที่ดังๆหน่อยน่ะค่ะ เป็นวงร็อคอะไรสักอย่าง แม่จำไม่ได้ เขาเพิ่งมีลูกกันไปด้วยนะถ้าแม่จำไม่ผิด นนท์เขาก็เล่าๆให้ฟังอยู่”

นักร้อง นักร้อง นักร้อง อย่างนั้นหรือ... ใช่แล้ว เขานึกออกแล้ว

“ขอบคุณครับแม่” น้ำต้นร้องออกมาอย่างดีใจ

“แล้วต้นแน่ใจหรือลูกว่าจะหานนท์เจอ”

“ไม่ลองไม่รู้ครับ แล้วต้นจะโทรมารบกวนอีกนะครับ” กล่าวลากันเรียบร้อยน้ำต้นก็รีบวางสาย ก่อนจะกดหาเออาร์สาวประจำตัวทันที

“พี่เมษ” เขาเรียกชื่อออกไปทันทีที่ปลายสายกดรับ “พี่ช่วยเช็กอะไรให้ต้นหน่อยได้ไหม”

************************

หัวหิน พี่นนท์อยู่ใกล้เขาแค่นี้นี่เอง

เด็กหนุ่มกระโดดขึ้นรถทันทีที่รู้ว่านนท์พักอยู่ที่ไหน ตอนนี้เที่ยงคืน ขับรถอย่างเร็วก็ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะร้อนใจเพียงไร เขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับไม่ให้ตัวเองขับรถเร็วเกินไป เขายังไม่อยากเอาชีวิตไปทิ้งทั้งที่ยังไม่ทันได้เห็นหน้าพี่นนท์ของเขาหรอก

ถ้าไปถึงแล้ว พี่นนท์ไม่อยู่ล่ะ เขาจะทำอย่างไร หากนนท์พยายามที่จะหนีหน้าเขาต่อไปแบบนี้ เขาจะทำอย่างไร แล้วเขาจะพูดอะไรกับพี่นนท์ น้ำต้นขับรถด้วยความรู้สึกอันหลากหลายและความคิดอันมากมายที่ตีกันไม่หยุดในหัว

ไม่รู้ล่ะ เป็นตายอย่างไร เขาก็จะพาพี่นนท์กลับด้วยกันให้ได้ เขาจะไม่ยอมให้คนที่เขารักหายไปไหนอีกแล้ว พอกันที จะว่าไป... ถ้าเจอตัว น้ำต้นเองก็อยากจะซัดพี่นนท์สักทีเหมือนกัน คนอะไรคิดมากเหลือเกิน แถมคิดเองเออเองเสียด้วย แล้วเป็นไงล่ะ ไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อนบ้าอะไร ก็เดือดร้อนกันไปหมดแล้วเนี่ย!

ตีสองกว่านิดหน่อย ในที่สุดเขาก็มายืนอยู่ที่รีสอร์ทสุดหรูแห่งนี้จนได้ โชคดีไปที่ไม่ได้หายากอย่างที่คิด นี่ถ้านนท์ไปพักอยู่รีสอร์ทเล็กๆ เขาคงตามหาลำบากกว่านี้มาก น้ำต้นยืนจดๆจ้องๆอยู่ครู่เดียวแล้วจึงสวมหมวกแก๊ปประจำตัวของเขาเดินเข้าไปในส่วนต้อนรับลูกค้าที่จะมาพัก

พนักงานสองสามคนเดินไปมา แต่ไม่มีที่ท่าว่าจะยุ่งขิงอะไรมากมาย แต่ก็นึกแปลกใจเมื่อเห็นร่างสูงของชายหนุ่มที่สวมหมวกเดินตรงเข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้

“เอ่อ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าจะเช็กอินคงต้องรอสายๆของวันพรุ่งนี้น่ะค่ะ” พนักงานสาวหน้าตาสวยสะไม่เบาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

“คือ ผมไม่ได้จะมาเปิดห้องครับ คือ...” เอาเข้าจริงๆ เขาเองก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดีเหมือนกัน “ผมมาตามหาคนครับ”

พนักงานสาวยังคงมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรนัก

“คือเขาเป็นแขกของที่นี่น่ะครับ”

“ถ้าอย่างนั้น เอ่อ... เราคงช่วยอะไรไม่ได้ค่ะ คือที่นี่เรารักษาความเป็นส่วนตัวของแขกของเรามาก”

“ขอร้องล่ะครับ” น้ำต้นเอ่ยออกไปในที่สุด เขายื่นมือไปจับมือของพนักงานสาวผู้นั้นอย่างลืมตัว “ผมขับรถมาจากกรุงเทพฯ ยังไงก็ต้องพบกับเขาให้ได้”

“คุณคะ...” เธอทำหน้าลำบากใจขึ้นมาเต็มที่ “อย่าทำอย่างนี้เลยค่ะ”

น้ำต้นถอดหมวกออก และแน่นอน พนักงานสาวผู้นั้นจำเขาได้และถึงกับผงะไปเล็กน้อย เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากเอาไว้อย่างลืมตัว ด้วยไม่อยากเชื่อว่า จู่ๆนักร้องชื่อดังจะมายืนจับมือเธออยู่ตรงหน้านี้แล้ว

“นะครับ ผมขอร้อง เอาแค่ช่วยเช็กให้นิดเดียวว่า เขาพักอยู่ที่นี่หรือเปล่าก็พอ อย่างน้อยให้ผมได้แน่ใจว่าผมมาถูกที่แล้วจริงๆ”

พนักสาวอ้าปากค้างไปเป็นครู่ก่อนจะตั้งสติได้ หนนี้เธอระบายลมหายใจเพื่อเรียกสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว

“ถึงอย่างนั้นเถอะนะคะ เอ่อ... คุณน้ำต้น...” เธอเอ่ยชื่อเขาอย่างลังเล แต่น้ำต้นพยักหน้า “ฉันอยากจะช่วยนะคะ แต่ก็ลำบากใจจริงๆ”

“เขาชื่อนนท์ครับ” น้ำต้นเอ่ยชื่อ และนามสกุลของพี่ชายออกมา โดยไม่รอให้พนักงานสาวว่าอย่างไรต่อ

ได้ผล ชื่อของนนท์ทำให้เธอนึกเอะใจ ชื่อนนท์ นามสกุลแบบนี้ เพื่อนของคุณธีร์คนนั้นนั่นเอง ชายหนุ่มรูปร่างไม่สูงใหญ่นัก แต่หน้าตาชวนให้ดึงดูดใจ แถมกริยามารยาทยังดูดีอีกต่างหาก เสียอย่างเดียวดูเศร้าเกินไปหน่อย

“คุณน้ำต้นคะ...”

“แค่บอกว่าเขาอยู่ที่นี่ก็พอครับ”

พนักงานสาวพยักหน้า น้ำต้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขามาถูกที่แล้ว อย่างน้อยก็พอจะทำให้ความหวังที่เหลือริบหรี่เหลือเกินดูมีหนทางขึ้นบ้างแล้ว

“คงบอกห้องไม่ได้ใช่ไหมครับ” เธอส่ายหน้าอย่างเห็นใจ ที่ไม่อาจช่วยอะไรเขาได้

“ไม่เป็นไร” น้ำต้นว่า “แต่ถ้าผมอยากพบกับเจ้าของที่นี่จะเป็นไปได้ไหม”

“หา...” มีไม่บ่อยหรอกนะที่จะเกิดเรื่องอะไรให้ได้เธอตกใจได้ติดๆกันขนาดในภายในหนึ่งคืน

“ก็ในเมื่อ คุณเปิดเผยข้อมูลของแขกไม่ได้ ผมก็จะไม่เซ้าซี้ไงครับ แต่ถ้าจะขอพบกับเจ้าของที่นี่ คงได้ใช่ไหม” น้ำต้นยิ้มอย่างมีชัย “วันพรุ่งนี้เช้า คือผมหมายถึงตอนสายของวันนี้เลยจะเป็นไปได้ไหม”

“เอ่อ... ยังไงดีล่ะคะ” ตอนนี้เธอชักจะทำอะไรไม่ถูกแล้วเหมือนกัน

“ช่วยผมหน่อยเถอะนะครับ” น้ำต้นมองตาพนักงานสาวผู้นั้นอย่างจริงจังเป็นการขอร้อง “คนที่ผมตามหามีความสำคัญมาก สำคัญเท่าชีวิต คุณเชื่อเถอะว่า ถ้าผมไม่ได้ทางใด ผมก็ต้องพยายามเอาอีกทางหนึ่งอยู่ดี ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้พบกับเขา เพราะฉะนั้น ช่วยผมหน่อยเถอะครับ” เขาว่าด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ใช่แล้ว อย่างหนึ่งที่เธอรู้สึกแปลกใจในตัวชายหนุ่มผู้นี้ก็คือ ดวงตาที่บวมช้ำราวกับคนอดนอนและผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักนั่นเอง ผิดกับภาพของชายหนุ่มผู้ร่าเริงพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่เธอๆได้เห็นผ่านทางจอโทรทัศน์อย่างสิ้นเชิง

พนักงานสาวยิ้มให้เขาก่อนจะบีบมือข้างที่เขายังคงไม่ยอมปล่อยเอาไว้ตอบเขา

“เอาเถอะค่ะ ฉันจะโทรบอกคุณธีร์เป็นอย่างแรกของเช้าวันนี้เลยก็แล้วกันนะคะ”

“ขอบคุณครับ” เขามองเธออย่างรู้สึกซึ้งน้ำใจยิ่งนัก

“แล้วคุณ...”

“ผมจะนั่งรออยู่ที่นี่แหละ รับรองว่าจะไม่ให้รบกวนใครแน่ๆครับ”

“จะดีเหรอคะ อีกตั้งหลายชั่วโมง”

“ดีครับ ผมรบกวนคุณตั้งมากมาย อีกอย่าง ผมรอมานานแล้ว จะรอต่อไปอีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก” ว่าแล้ว น้ำต้นก็เดินตรงไปที่โซฟาที่ตั้งอยู่ในล็อบบี้ ก่อนจะนั่งปุลงไป โดยไม่รอให้หญิงสาวได้มีโอกาสพูดอะไรต่ออีก

***********************

เช้ามืดแล้ว

เขานอนหลับๆตื่นๆแบบนี้มาหลายวัน อันที่จริงต้องบอกว่าตั้งแต่มาพักอยู่ที่นี่ต่างหาก นนท์หันไปมองนาฬิกาตรงหัวเตียง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าเหมือนกับทุกวัน... เขาเดินไปล้างหน้าล้างตา แต่งตัวด้วยชุดลำลองที่ดูสบาย แต่กลับดูดีเหลือเกินเมื่ออยู่บนร่างของชายหนุ่ม

นนท์ไม่สวมรองเท้า เวลาเดินลงไปยังชายหาด เขาชอบที่จะเดินลงจากระเบียงทางด้านหลังของห้องแล้วก็ย่ำเท้าลงไปบนทรายนุ่มๆ เดินทอดอารมณ์ไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาที่ได้ทำแบบนี้พร้อมกับรอชมพระอาทิตย์ในตอนเช้า เป็นช่วงเวลาที่เขาชอบมากที่สุด และทำให้เขารู้สึกมีความสุขที่สุดเช่นกัน

แต่ทำไมหนอ แสงอาทิตย์ในยามเช้ามันถึงได้ทำให้เขารู้สึกเหงามากมายถึงเพียงนี้ ดูพระอาทิตย์ขึ้นคนเดียวมันเหงาได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ นนท์หยุดยืนอยู่ตรงจุดที่น้ำทะเลซัดมาบรรจบบนหาดทราย น้ำทะเลเย็นๆชะล้างทรายบนเท้าของเขาออกไป แต่กลับยิ่งทำให้ทรายติดเท้ามากขึ้นไปอีก ยิ่งล้างออกก็ยิ่งติดอยู่อย่างนั้น

ความรักก็คล้ายกัน ยิ่งพยายามวิ่งหนีจากมัน มันก็จะผูกติดอยู่กับเราจนสลัดไม่หลุด

นนท์ยืนมองตรงขอบฟ้า แสงสีส้มอ่อนค่อยๆเผยให้เห็น บรรยากาศรอบข้างเริ่มที่จะสว่างไสวขึ้น นานเท่าไหร่เขาไม่รู้ รู้แต่คอยยืนมองดวงอาทิตย์สีส้มลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ดวงตาพร่าพรายไปชั่วครู่เมื่อละสายตาจากมัน อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นบ้างแล้ว นนท์จึงก้มลงมองเท้าที่มีน้ำทะเลซัดใส่อย่างอ่อนโยน เขายิ้ม และตัดสินใจจะเดินเล่นต่ออีกสักหน่อย


*********************


นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้

น้ำต้นนั่งหลับๆตื่นๆอยู่ที่ล็อบบี้ จนไม่อาจฝืนตัวเองต่อไปได้ เขาจึงเดินไปบอกแก่พนักงานสาวคนเดิมว่าจะขอลงไปเดินเล่นที่ชายหาดเพื่อรอเวลาแทน

“ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นสิคะ รีสอร์ทของเราขึ้นชื่อทีเดียวค่ะ” เธอว่า “อย่างน้อยมันน่าจะทำให้คุณสดใสขึ้นได้บ้าง”

“ขอบคุณนะครับ แล้วก็...”

“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันจะโทรบอกคุณธีร์ให้เอง”

เขายิ้มขอบคุณให้เธอก่อนที่จะเดินตรงไปยังหาดทรายที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยสะอาดของรีสอร์ทแห่งนี้ คงจะดีนะ ถ้าได้มาเที่ยวที่นี่กับพี่นนท์ ไม่ใช่คนหนึ่งหนีมาแล้วอีกคนมาตามหาแบบนี้ น้ำต้นถอดรองเท้าทิ้งไว้บนทราย ก่อนจะค่อยๆเดินทอดน่องลงไปให้เท้าได้สัมผัสกับน้ำทะเลเย็นๆ

เขาชอบทะเลมาก ทั้งที่เกิดอยู่กับป่ากับเขามาตั้งแต่เด็กแท้ๆ จำได้ว่าพอได้มาเที่ยวทะเลเป็นครั้งแรก เขาก็ตกหลุมรักมันชนิดถอนตัวไม่ขึ้น แต่ปัญหาเพียงอย่างเดียวของเขาที่มีต่อทะเลก็คือ ถ้ามาคนเดียว กลับยิ่งรู้สึกว่ามันเหงาเกินไป ทะเลช่างกว้างใหญ่ ท้องฟ้าก็กว้างไกล ทำให้คนเรารู้สึกตัวเล็กเหลือเกิน

พระอาทิตย์ริมทะเลสวยงามเสมอโดยเฉพาะเวลาที่มันกำลังขึ้นจากขอบฟ้าแบบนี้

พี่นนท์จะรู้ไหมว่าความหวังดีของพี่ มันทำร้ายน้องชายคนนี้สาหัสเหลือเกิน พี่คงไม่คิดสินะว่าต้นจะรักพี่หมดหัวใจขนาดนี้ ถึงได้คิดว่าการหนีมาจะทำให้อะไรดีขึ้นได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น มาหัวหินหนนี้ ถ้าต้นไม่ได้เจอพี่นนท์ หรือถ้าพี่นนท์ยังยืนยันจะหนีเขาไปอีก เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีแรงร้องเพลงต่อไปได้อีกไหม

ความรักมันเป็นอย่างนี้นี่เองสินะ

ไหนๆก็ต้องรอเวลาอยู่แล้ว ก็ขอฆ่าเวลาด้วยการเดินเล่นบนหาดทรายไปเรื่อยๆแบบนี้ก็แล้วกัน แล้วก็คิดซิว่า ถ้าเจอพี่นนท์จะพูดอะไรเป็นอย่างแรก

“น้ำต้น”

เขาไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินนั้นเป็นชื่อของเขาหรือไม่ แต่เสียงเรียกนั้นช่างคุ้นหูเหลือเกิน เขาเงยหน้าขึ้น แสงอาทิตย์ทำให้ตาพร่าไปเล็กน้อย เขาจึงทำได้แต่เพียงพยายามหรี่ตามองไปทางต้นเสียง  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 12-09-2009 17:09:03
“น้ำต้น...” เสียงนั้นเรียกมาอีกครั้ง ภาพที่ปรากฏแก่สายตาพลันชัดขึ้น

“พี่นนท์” เขาเอ่ยได้เท่านั้นก็เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ร่างที่ดูบางลงกว่าเดิมนับแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าตกใจและประหลาดใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นน้ำต้นอย่างไม่คาดคิดมาก่อน

ไม่น่าเชื่อว่าจะยืนอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว แต่เหมือนห่างไกลกันเหลือเกิน ชายหนุ่มทั้งสองคนได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ด้วยต่างฝ่ายต่างไม่คาดคิดว่าจะได้พบกันในลักษณะนี้

น้ำต้นตาพร่า แต่ไม่ใช่เพราะแสงอาทิตย์ แต่เพราะน้ำตาที่เอ่อคลอออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“พี่นนท์ ทิ้งต้นได้ยังไง” คำพูดหลุดออกมาจากปากได้ในที่สุด

นนท์สะอึกเมื่อได้ยินเสียงแหบพร่านั้นเอ่ยออกมาไม่ดังไปกว่าเสียงคลื่นบางๆที่ดังก้องอยู่ทั่วบริเวณเท่าไรนัก น้ำตาของเด็กหนุ่มไหลลงเป็นสายอาบแก้ม ดวงตาฉายชัดว่าผ่านการร้องไห้มาไม่น้อยและดูอิดโรยอย่างยิ่ง น้ำต้นได้นอนบ้างไหม เขาอยากถาม แต่ตอนนี้เขาพูดอะไรไม่ออก ขาข้างหนึ่งก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว

“หนีอีกสิ พี่หนีต้นไปอีกสิ” ตอนนี้เสียงนั้นกลายเป็นเสียงตะโกนที่ดังขึ้น นนท์ชะงักขาข้างนั้นทันที “ทำไมพี่ไม่บอกว่าเกลียดน้องคนนี้แล้ว ทำไมไม่บอกว่าไม่รักกันอีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนั้นพี่ไม่ต้องหนีไปไหนหรอก ต้นจะเดินออกจากชีวิตพี่ไปเอง” เขาต่อว่าทั้งน้ำตา “แต่พี่รู้ไหมว่าพี่ทำแบบนี้ มันฆ่ากันชัดๆ นึกจะหนีไปก็ไป ไม่พูด ไม่บอก ต้นเป็นอะไรในชีวิตพี่ แล้วต้นไปทำอะไรให้พี่เจ็บช้ำน้ำใจ พี่ถึงทำแบบนี้กับต้น บอกหน่อยได้ไหมพี่นนท์ บอกให้เข้าใจ แล้วถึงตอนนั้นต้นจะไปจากพี่เองก็ได้”

“น้ำต้น...พี่ไม่...” เสียงของนนท์แหบหายลงคอไป

“ไม่อะไร! ไม่รักกันแล้วใช่ไหม! ไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม!” น้ำต้นตะโกนออกไปอย่างไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ตอนนี้เขามีแค่ความรู้สึกโกรธ น้อยใจ เสียใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด

“ไม่ใช่!” นนท์ตะโกนตอบกลับมาเสียงดังไม่แพ้กัน “ไม่ใช่...” เขาทรุดร่างลงนั่งบนพื้นทรายอย่างหมดแรง เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆอีกต่อไปแล้วจริงๆ ใบหน้าซบลงกับฝ่ามือและร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“พี่นนท์” น้ำต้นแทบจะถลาเข้าไปหา แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่าแค่เดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงหน้าชายหนุ่ม

“พี่อยากจะบอกน้ำต้นไปเลยเหมือนกันว่า ไม่รักแล้ว พี่เกลียดต้น ไม่อยากอยู่ใกล้ ไปไหนก็ไป... อะไรก็ได้ ที่จะผลักไสต้นให้อยู่ห่างจากพี่” นนท์ยังคงก้มหน้าโดยมีมือข้างหนึ่งคอยปาดน้ำตาอยู่อย่างนั้น “แต่พี่พูดไม่ออก พี่ทำไม่ได้ ไม่ใช่แค่เพราะพี่รักต้น แต่พี่โกหกตัวเองไม่ได้เลย” นนท์ยังคงสะอึกสะอื้นต่อไป

“ที่จริงพี่จะหนีไปไกลๆก็ได้ แต่พี่ทำไม่ได้ เพราะมันรู้สึกเหมือนจะตายถ้าอยู่ห่างกันมากกว่านี้ เข้าใจพี่ไหมน้ำต้น” เด็กหนุ่มได้แต่พยักหน้า “แต่จะให้พี่อยู่กับน้ำต้นแล้วทำให้ชีวิตการงาน ทุกสิ่งที่น้ำต้นสร้างมาพังหมด พี่ก็ทำไม่ได้อีกเหมือนกัน พี่ถึงต้องหนีมา อนาคตทั้งหมดของต้นจะมาจบเพราะพี่ไม่ได้เด็ดขาด” นนท์คว้าแขนของน้องชายแล้วบีบมันอย่างลืมตัว “นักร้องที่มีอนาคตสวยงามอย่างน้ำต้นจะจบลงตรงที่มีคนรักเป็นผู้ชายไม่ได้เด็ดขาด เข้าใจไหม”

“ต้นไม่ได้มีคนรักเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงอะไรทั้งนั้นพี่นนท์” น้ำต้นว่าด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดแต่หนักแน่น “ถ้าไม่ใช่พี่นนท์ ต้นก็รักใครไม่ได้เข้าใจไหม” หนนี้เป็นเขาที่จับไหล่นนท์กระชับแน่นแล้วเขย่าเหมือนจะตอกย้ำคำพูดทั้งหมดของตัวเอง

“ต้นไม่ได้อยากได้แค่พี่ชายนะ แต่อยากได้คนรักที่จะมาเป็นคู่คิด อยู่ด้วยกัน ช่วยกัน แชร์กัน ต้นถามพี่อีกครั้งได้ไหมว่า ต้นดูพึ่งพาไม่ได้ขนาดนั้นเชียวหรือ ต้นไม่ได้อยากจะให้พี่มาดูแลต้นอย่างเดียวนะ แต่ต้นก็อยากให้พี่เห็นต้นเป็นที่พึ่งพิงได้เหมือนกัน แต่แล้วพี่ก็พยายามจะหนีไป พยายามจะผลักไสกัน พี่เคยคิดบ้างไหมว่าต้นจะรู้สึกยังไง จะเจ็บปวดแค่ไหน ต้นเสียใจมากเลยนะพี่” น้ำต้นร้องไห้ออกมาอีกครั้ง “พี่ไม่รู้หรือว่าต้นรักพี่แค่ไหน ทำไมพี่ถึงได้ดูถูกน้ำใจกันขนาดนี้”

“พี่ขอโทษ น้ำต้น พี่เสียใจ” เขาถลาเข้าไปกอดน้องชายเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าน้ำต้นจะหนีหายจากเขาไปต่อหน้าต่อตา

“ต้นกอดพี่ได้ไหม แล้วจะสัญญาได้ไหมว่าจะไม่หนีกันไปแบบนี้อีก” แขนแข็งแรงทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มปล่อยทิ้งไว้ข้างตัว อย่างไม่แน่ใจว่าถ้ายกมันขึ้นกอดตอบ พี่ชายของเขาจะหนีเขาไปอีกหรือไม่

นนท์พยักหน้าถี่ ใบหน้าอาบน้ำตาซบลงบนไหล่จนเสื้อของน้ำต้นเปียกชื้นไปหมด

“ต้นไม่มีแรงจะเสียใจได้บ่อยๆนะพี่นนท์ เพราะฉะนั้นอย่าทำแบบนี้อีกนะพี่ ต้นขอร้อง” แขนของเด็กหนุ่มยกขึ้นโอบกระชับร่างชายหนุ่มที่รู้สึกได้ชัดเจนว่าผ่ายผอมลงไปมากจนน่าใจหาย

“พี่สัญญา จะไม่ทำแบบนี้อีก”

“สัญญาแบบคราวที่แล้วก็ไม่เอานะ”

“ไม่แล้ว ครั้งนี้สัญญาจริงๆ”

“พี่ยังรักต้นอยู่หรือเปล่า”

“รักสิครับ ไม่อย่างนั้นพี่คงวิ่งหนีต้นไปแล้ว”

“เราจะอยู่ด้วยกันนะ” นนท์พยักหน้า “มีอะไรก็ต้องคุยกัน อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว อย่าแบกโลกเอาไว้คนเดียวอีก” นนท์กอดกระชับน้ำต้นให้แน่นขึ้นเรากับจะเป็นการตอบรับ

“ต้นรักพี่นนท์มากนะ พี่หนีไปที ใจมันจะขาดให้ได้เลย” น้ำต้นว่าต่อ

“พี่ขอโทษ” วงแขนของทั้งคู่คลายจากกัน แต่มือไม้นั้นไม่ยอมห่างกันเลยแม้แต่น้อย น้ำต้นประสานมือเข้ากับนนท์ ก่อนจะกระซิบอะไรเบาๆข้างหูเขา ทำเอานนท์ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบอ้อมแอ้มเสียงเบาไม่แพ้กันว่า “พูดออกมาได้ ไม่อายปากนะเรา”

น้ำต้นฉวยโอกาสที่นนท์ไม่ทันได้ตั้งตัวช้อนร่างนั้นขึ้น

“เฮ้ยยยยย!!! อะไร... ไม่เอา! ปล่อย!” นนท์ประท้วงออกมาด้วยเสียงอันดัง น้ำต้นที่แข็งแรงกว่า ยืนอมยิ้มมองหน้าพี่ชายที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างมีเลศนัย

“ขืนยอมยกโทษให้ง่ายๆ ก็ไม่ใช่น้ำต้นสิ” คนพูดแยกเขี้ยว

“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!” นนท์สั่งเสียงแข็ง “เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” นนท์ทุบไหล่ของน้ำต้นไม่แรงนักแต่ก็ไม่เบาเช่นกัน

“โอ๊ย... เช้าๆยังงี้ก็มีคนบ้าอย่างเราแค่สองคนนี่แหละมายืนอยู่แถวนี้” เด็กเจ้าเล่ห์ยังว่าต่ออย่างยียวน ยังไม่ทันที่นนท์จะได้ประท้วงอะไรต่อ ร่างอันสูงใหญ่แข็งแรงของน้องชายก็อุ้มร่างของเขาวิ่งลงทะเลไปหน้าตาเฉย ก่อนจะโยนร่างของเขาทิ้งลงน้ำตูมเบ้อเริ่ม นนท์พรวดพราดขึ้นมาจากน้ำ ก่อนจะที่กระโจนเข้าหาน้ำต้นอย่างเอาเรื่อง

“ทำอย่างนี้ใช่ไหม!” น้ำเสียงคาดโทษของนนท์ไม่ได้ฟังดูน่ากลัวเลยสักนิด น้ำต้นที่ได้แต่หัวเราะชอบใจไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อโดนร่างเล็กแต่แข็งแรงนั้นโถมเข้าใส่จึงเสียหลักล้มลง เปียกมะล่อกมะแล่กตามกันไปแบบไม่มีใครน้อยหน้าใคร


************************


หากมองขึ้นไปบนบันไดทางขึ้นไปยังด้านหลังของรีสอร์ท จะเห็นร่างของคนสองคนยืนมองภาพชายหนุ่มสองคนปลุกปล้ำผลักกันไปมาอยู่ในน้ำอย่างพิศวงงงงวย ด้วยไม่แน่ใจว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่ เพราะชายหนุ่มทั้งสองคนที่ทำท่าเหมือนจะทะเลาะกันใหญ่โต ตอนนี้ลงไปเล่นน้ำกันจนเป็นที่สนุกสนานไปแล้วเรียบร้อย

“เอายังไงดีคะคุณธีร์” พนักงานสาวถามชายหนุ่มที่ยืนกอดอกยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆเธออยู่เป็นนาน

“ก็... คงไม่ต้องทำอะไรแล้วมั้ง” เขาว่าหน้าตาเฉย “ท่าทางจะคุยกันรู้เรื่องแล้วล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ

“ยังไงก็ขอบคุณมากนะ”

“ขอบคุณอะไรคะ”

“ก็ที่ทำให้เพื่อนผมยิ้มได้ซักที คุณทำหน้าที่ของคุณได้ดีทีเดียวแหละ” ธีร์ออกปากชมหญิงสาว

“ไม่หรอกค่ะ ดิฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“เอาเถอะ ปะ... ขึ้นไปกัน ปล่อยเขาไว้อย่างนั้นแหละ แล้วถ้านนท์จะเอาอะไรก็ดูแลให้ผมด้วยก็แล้วกันนะ”

“ได้เลยค่ะ” ว่าแล้วทั้งคู่ก็เดินหายเข้าไปในรีสอร์ท ปล่อยให้ชายหนุ่มสองคนสนุกกับการเล่นน้ำทะเลในแบบที่ไม่ได้คาดคิดกันต่อไป

*********************

“ตามหาพี่เจอได้ยังไงน้ำต้น” นนท์ถามขณะยื่นผ้าเช็ดตัวให้หลังจากที่เล่นน้ำกันอยู่นานเป็นชั่วโมง น้ำต้นที่ไม่มีเสื้อผ้าผลัดเปลี่ยนเลยเพราะมาแต่ตัว ก็ไม่พ้นต้องมาออดอ้อนขอยืมเสื้อผ้าของพี่ชายมาใส่ ไม่ต่างอะไรกับตอนอยู่กรุงเทพฯ

“พี่เมลไงพี่” น้ำต้นตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

“เราไปรู้จักเมลได้ยังไง” นนท์ถามอย่างสงสัย

“ไม่ยาก โทรไปถามแม่พี่นนท์ไง แล้วก็ให้พี่เมษช่วยหาเบอร์แฟนพี่เมลให้หน่อย เส้นสายพี่เมษอ่ะเยอะ แกไปหาเอาจนได้ ต้นเลยโทรไปหา เล่าที่มาที่ไปเสร็จ แกยื่นโทรศัพท์ให้คุยกะพี่เมลตรงนั้นเลย”

“แต่พี่ไม่ได้บอกเมลว่าพักที่ไหนนะ” นนท์ทำท่าครุ่นคิด

“พี่เมลบอกว่า ถ้าพี่พักอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ก็คงไม่พ้นหัวหิน แต่พี่เมลไม่ชัวร์ เลยโทรเช็กกะเพื่อนที่เป็นเจ้าของรีสอร์ทซะเลย แล้วก็อย่างที่เห็น...”

นนท์นึกทึ่งในตัวเพื่อนสาวคนสนิท อีกใจก็นึกทึ่งเจ้าน้องชายที่เห็นเป็นเด็กขี้เล่นแบบนี้ บทจะเอาจริงขึ้นมา น่ากลัวเหลือเกิน น้ำต้นทำทุกอย่างจริงๆถ้านั่นเป็นสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง

“เก่งเหมือนกันนะเราเนี่ย” นนท์ออกปากชมน้ำต้นทันทีที่เด็กหนุ่มอาบน้ำผลัดเสื้อผ้าออกมาเป็นที่เรียบร้อย

“โชคช่วยหรอกพี่นนท์” ไม่ว่าเปล่า น้ำต้นยังถือวิสาสะนอนหนุนตักพี่นนท์ต่างหมอนแถมยังเอาแขนโอบเอวเอาไว้ไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก “ตลอดทางที่ขับรถมาต้นก็คิด ถ้าไม่เจอพี่นนท์แล้ว ต้นจะทำยังไง จะไปหาพี่ที่ไหน เพราะนี่น่ะเป็นความหวังสุดท้ายแล้ว”

“ขอบคุณที่หาพี่จนเจอนะ” นนท์ลูบผมที่ยังเปียกชื้นของเด็กหนุ่มที่ยึดตักเขาเอาไว้เป็นของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

“พี่นนท์”

“ครับ”

“ถ้าต้นไม่มาหาพี่ พี่จะทำยังไงต่อ”

“พี่กำลังคิดว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกน่ะ”

“พี่ไม่เสียดายเหรอที่จะไม่ได้เป็นนักร้อง”

“เสียดายสิ แต่ว่าพี่นึกถึงเรื่องนี้น้อยกว่าเรื่องของน้ำต้นนะ”

“ใจนึงก็โกรธพี่นะที่ทำแบบนี้ แต่อีกใจนึงก็อยากขอบคุณ”

“ขอบคุณอะไร”

“ขอบคุณที่พี่รักต้นขนาดนี้”

นนท์ยิ้มกับคำพูดที่ได้ยิน น้ำต้นพลิกตัวขึ้นนอนหงาย มองหน้าชายหนุ่มที่ลูบศีรษะเขาอย่างอ่อนโยนอยู่ในตอนนี้

“ตอนนี้พี่ไม่ต้องหนีแล้วนะ” นนท์พยักหน้า

“แล้วก็จะได้ออกอัลบั้มแล้วด้วย”

หนนี้นนท์ยิ้มก่อนจะกลอกตาขึ้น

“ไม่รู้พี่มิ่งกับพี่นอจะยังอยากได้พี่อยู่ไหม”

“อยากสิ แค่อย่าลืมโทรบอกพี่เขาก็พอ”

“นั่นสิ” เขาหัวเราะออกมาเบาๆ

“พี่”

“หือม์”

“ต้นฟังเพลงของพี่แล้วนะ”

“อือม์”

“ร้องยังไงก็ร้องไม่ได้”

“ทำไมล่ะ มันร้องยากขนาดนั้นเลยเหรอ” นนท์ขมวดคิ้ว

“เปล่า”

“อ้าว”

“มันเศร้าเกินไป ต้นร้องทีไรต้องหยุดกลางครันทุกที”

นนท์ได้แต่นิ่งเงียบ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

“พี่แต่งเพลงเศร้าขนาดนั้นออกมาได้ยังไง” น้ำต้นยกมือขึ้นสัมผัสข้างแก้มของนนท์

“บางอย่างก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน”

“ยังอยากให้ต้นร้องเพลงนี้อยู่อีกหรือเปล่า”

นนท์พยักหน้า

“อยากสิ ถึงมันจะเป็นเพลงเศร้า แต่มันก็เป็นเพลงที่น่าจดจำนะว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเราบ้าง”

“พี่นนท์กลับกรุงเทพฯกับต้นนะ” นนท์พยักหน้า “แล้วไปฟังต้นอัดเสียงเพลงนี้ นะ”

“ถ้าพี่ไปฟังด้วย ต้นจะร้องได้แน่เหรอ”

“ต้นจะพยายาม”

เขายิ้มตอบกลับรอยยิ้มของน้องชายที่นอนมองหน้าพูดคุยกับเขา จะไม่หนีไปอีกแล้ว นนท์บอกตัวเองอย่างนั้น ในวินาทีที่เขาได้เห็นน้ำต้นเมื่อเช้านี้ เขาได้แต่บอกตัวเองว่า เขาคงหนีคนคนนี้ไปไม่ได้จริงๆ น้ำต้นเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจของเขาจนเต็ม จนไม่เหลือที่เอาไว้ให้ใครอีก และดูเหมือนชีวิตของเขาพลันจะดูมีความหมายขึ้นมาทันที

“ตายล่ะ” จู่ๆเด็กน้ำต้นก็โพล่งออกมา

“อะไร”

“หิวแล้ว ทำไงดี”

นนท์ส่ายหน้าก่อนที่จะเคาะมือลงบนหน้าผากน้ำต้นเบาๆ

“หิวแล้วยังจะลีลา มันน่าปล่อยให้อดตายไหม”

“พี่นนท์ก็เหมือนกัน” น้ำต้นได้ทีจึงสวนกลับไปบ้าง

“พี่ทำไม” นนท์เลิกคิ้วอย่างข้องใจ

“ผอมจะตายอยู่แล้ว!” น้ำต้นว่าไม่สบอารมณ์ “ถามหน่อย อยู่ที่นี่กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างไหม หือ” ว่าไม่ว่าเปล่า เจ้าตัวยังพรวดพราดลุกขึ้นมา จับแขนบ้างไหล่บ้างของนนท์โดยที่เจ้าตัวยังไม่ทันได้ออกปากอะไรทั้งสิ้น “เนี่ย แล้วมีแต่กระดูก หน้าก็เหลือแค่สองนิ้วเองมั้ง แล้วดูเอวดิ๊... เท่าไหร่เนี่ย 23 ถึงไหม แขนขาเล็กนิดเดียว” น้ำต้นบ่นต่อไปไม่หยุด “อุ้มทีเบายังกะอะไรดี กอดทีก็โดนกระดูกทิ่มพุง ไม่เอาละพี่นนท์ ต่อไปนี้ต้องกินเยอะๆ เริ่มจากมื้อนี้ก่อนเลย ไป...” น้ำต้นจับข้อมือนนท์ ทำทีพยักเพยิดให้เขาลุกตามมา

“ไปไหน”

“ไปกินข้าว”

“ได้ยังไง น้ำต้นไม่ใช่แขกของที่นี่”

“แต่พี่เป็นเพื่อนเจ้าของที่นี่ โทรไปบอกเลยนะว่ามีแขกห้องนี้เพิ่มมาอีกคนนึง”

“เอาจริงหรือนี่”

“เอาจริง หิวแล้วด้วย” น้ำต้นทำหน้าตาเอาเรื่อง นนท์ถึงกับหัวเราะออกมา ตกกระไดพลอยโจนอีกแล้วเรา ก่อนจะยกหูโทรศัพท์ขึ้น พูดอะไรกับปลายสายสักพัก แล้วก็มองหน้าน้องชาย ที่เลิกคิ้วขึ้นราวกับจะถามว่า เรียบร้อยใช่ไหม นนท์ไม่ว่าอะไร แต่ยื่นมือออกไป น้ำต้นจับมือพี่ชายก่อนจะเดินออกไปยังห้องอาหาร

นี่น่าจะเป็นอาหารมื้อแรกที่ทั้งคู่ทานได้มากที่สุดในรอบหลายๆวันเลยทีเดียว

---------------------------------------

โปรดติดตามตอนต่อไป

***************************

จบไปแล้วนะคะ สำหรับตอนไคลแม็กซ์ที่เขียนยากที่สุด กว่าจะเขียนตอนนี้จบลงได้ จำได้ว่าไปนั่งทำอารมณ์อยู่นานเป็นเดือน แต่พอลงมือเขียน ก็รวดเดียวจบไปเลยเหมือนกัน

หวังว่าจะชอบนะคะ ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้แล้ว ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด และจะยังติดตามกันไปจนตอนสุดท้ายนะคะ

จากคุณ : fingers-crossed 

*************************

แจ้งข่าวนะคะ สำหรับเรื่องเพลงรัก มีโครงการที่จะรวมเล่มค่ะ และในการรวมเล่มจะมีตอนพิเศษของพี่นนท์กับน้ำต้นเพิ่มให้ด้วยนะคะ มีใครสนใจหรือเปล่า เพราะนิ้วไขว้ยังไม่แน่ใจว่าจะรวมดีไหม เลยมาขอโยนหินถามทางว่ามีใครสนใจหรือเปล่าก่อนน่ะค่ะ

*****************************
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 12-09-2009 17:33:04
ถ้ารวมเล่นสนใจครับ

ตอนนี้ชอบอะ นี้นะไม่ค้างไว้ให้ลุ้นว่าหาเจอไม่เจอ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-09-2009 17:39:23
จะจบแล้วหรอคะ ๆๆๆ
อยากบอกว่าอ่านตอนนี้ไปแล้ว สงสารทั้งน้ำต้น สงสารทั้งพี่นนท์
เห้อออ พออ่านจบก็โล่งอก เข้าใจกัน
เจอกันซะที :)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 12-09-2009 20:53:39
 o13
อ่านไปร้องไห้ไปอ่ะ เศร้าแทน แต่ดีใจที่เข้าใจกันแล้ว เย้ๆ
จะมีรวมเล่มด้วยหรอค่ะเนี้ย อู้วววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 12-09-2009 22:14:22
สวัสดีค่ะ คุณนิ้วไขว้ และคุณนาเมฮ์

อ่านตอนนี้ด้วยน้ำตา มันไหลตลอดที่อ่านตอนนี้เลยค่ะ :sad11: :sad11:
เศร้ามาก แต่ก็ดีใจที่ได้เจอกัน รักกัน
ต้องขอบคุณความรักของทั้งสองคน ที่ทำให้ผ่านพ้นเรื่องร้ายๆมาได้

เรื่องรวมเล่ม เอาเลยค่ะ ดีดีดีดี  ขอจอง 1 ชุดด้วยเลยค่ะ
ชอบเรื่องนี้มาก อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Sakana2yunjae ที่ 13-09-2009 00:34:20
 :L2:ว้าว ในที่สุดก็ได้รักกันอีก ซึ้งจิงๆๆเลยงานนี้

อ่านไปเศร้าไปนะเนี้ย ตอนต่อไปเป็นตอนจบแล้วหรอเนี้ย

น่าสนใจนะคะเนี้ย ถ้าจะรวมเล่ม อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: dragon3oyd ที่ 13-09-2009 03:10:28
โฮ่ TOT ซึ้งมาก อ่านแล้วร้องไห้เลย
ในที่สุดก็ได้รักกันแล้ว
พี่นนท์ อย่าคิดมากอีกนะ มีอะไรก็ปรึกษากัน
ความรักเอาชนะืุกสิ่งได้อยูีแล้ว :-)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 13-09-2009 03:12:00
ซึ้งมากมาย...บีบหัวใจ แต่ก็ปลื้มที่ลงเอยได้ด้วยดี
ว่าแต่จะจบแล้วจริงๆ เหรอครับ...เสียดายจัง
รออ่านตอนจบนะครับ...ขอบคุณคุณนิ้วไขว้และคุณนาเมฮ์มากๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 13-09-2009 09:11:15
ถ้ารวมเล่มจริงขอจองด้วยคน

แล้วถ้าคุณนิ้วไขว้มีเขียนเรื่องอื่นของคู่นี้อีกก็เอาหมดแหละ :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 13-09-2009 10:22:13
ทำเอาเศร้าไปเลยครับ แต่ก็ดีแล้วที่เข้าใจกันได้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 13-09-2009 10:38:03
อ่านตอนนี้  ได้หลายอารมณ์มากเลย

แต่ดีจัง ที่ไม่ทำให้เศร้า ค้างคา    :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 13-09-2009 12:30:00
 :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 14-09-2009 16:52:47
โอย ลุ้นแทบตาย

สุดท้ายก็โล่งใจ


เฮ้อๆ

กว่าจะยิ้มได้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: naknarook ที่ 14-09-2009 19:26:17
ร้องไห้เกือบตาย ตอนต้น

ดีนะ ที่เข้าใจกันได้ด้วยดี


ปล.รวมเล่ม สนใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: twin2g ที่ 14-09-2009 20:33:07
ดีนะที่ไม่แกล้งคนอ่านอ่ะ

แต่ตอนแรกมันเศร้าจริงๆ(หรือเราอินมากไป -*-)
มันบีบหัวใจมากอ่ะ แบบว่าเศร้าข้างใน น้ำตาไม่ไหลออกมา



แต่ในที่สุด เค้าก็เข้าใจกันแล้วววววว
รอบทส่งท้ายหวานๆนะคะ


รักทั้งแต่งและคนโพสต์เลย
รักพี่นนท์กับน้ำต้นด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 14-09-2009 23:03:38
รออ่านตอนจบนะครับ :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 15-09-2009 17:02:23
ตามมาอ่านตอนเครีดยๆ ค่ะ
แต่พออ่านจบก็หายเครียดนะคะ
ดีกันแล้ววววววววววววว

ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอคะ
รออ่านนะคะ

ยกมือขอรวมเล่มด้วยคนค่ะ
ถ้าเปิดจองเมื่อไหร่บอกกันด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 15 UP!
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 17-09-2009 23:33:24
ในที่สุดก็เข้าใจกัน  น้ำต้นเก่งมากตามพี่จนเจอ

พี่นนท์ก็ต้องไม่ทำแบบนี้แล้วนะ วันหน้ามีอะไร

ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ไข ห้ามทิ้งน้องไปอีกน๊า

คนอ่านใจจะขาด สงสารทั้งสองคนเลย  :impress3:


ลงชื่อไว้สำหรับรวมเล่มด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 18-09-2009 21:35:35
เรื่องราวของพี่นนท์กับน้ำต้น จะเป็นอย่างไร

อ่านบทสุดท้าย (แต่ไม่ท้ายสุด ... ทำไม ยังไง รอจบเรื่องนะคะ) ได้เลยค่ะ

*******************************

เพลงรัก

บทที่ 16

ไม่มีใครถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพียงแค่น้ำต้นพานนท์กลับกรุงเทพฯด้วยสีหน้าอันเบิกบาน อีกทั้งนนท์ยังยืนยันว่าจะขอกลับมาทำงานอัลบั้มอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้แต่เดิม เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

เมษทำแค่เดินเข้ามาตบไหล่ของน้องชายทั้งสองคนเบาๆ ก่อนจะบอกแค่ว่า “คุยกันเข้าใจก็ดีแล้ว อย่าทำให้เป็นห่วงอีกนะ” เท่านั้น ชายหนุ่มทั้งสองคนก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยกมือไหว้ด้วยความซาบซึ้งใจ


*************************

การบันทึกเสียงครั้งสุดท้ายของน้ำต้นเสร็จเรียบร้อยลงด้วยดีในที่สุด แม้เพลงสุดท้ายจะยากแสนสาหัสสำหรับน้ำต้นก็ตาม เพลงรักเพื่อบอกลา ใช้เวลาตลอดทั้งสัปดาห์เต็มๆในการบันทึกเสียง นนท์เป็นคนเข้ามากำกับการร้องอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา ปัญหาอย่างเดียวของการบันทึกเสียงเพลงนี้ก็คือ ทำอย่างไรน้ำต้นจึงจะไม่ร้องไห้ออกมาระหว่างบันทึกเสียง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเหลือเกิน สุดท้ายก็จบลงด้วยดี เพราะในที่สุดน้ำต้นก็สามารถถ่ายทอดเพลงนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์ แลกกับรอยแดงช้ำบนหลังมือไม่กี่รอย

“รอยอะไรเนี่ย” เจ้าของเพลงถามขึ้นเมื่อเห็นหลังมือแดงๆของเด็กหนุ่ม

“รอยเล็บไงพี่ ถ้าไม่คอยจิกมือตัวเองเอาไว้ ร้องไม่รอดแน่นอน” น้ำต้นตอบออกไปซื่อๆเมื่อถูกถามหลังเดินหน้าระรื่นแสดงความโล่งใจออกมาจากสตูดิโอ ก่อนจะถูกนนท์บ่นเอาเสียยกใหญ่

“ใครใช้ให้แต่งเพลงเศร้าไม่บันยะบันยังแบบนั้นเล่า” นนท์ได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่รู้จะเถียงออกไปอย่างไรดี

ความวุ่นวายยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านั้น เพราะไหนจะมีเรื่องปกอัลบั้มที่มีกำหนดจะต้องถ่ายภาพกันครั้งใหญ่ เนื่องจากที่ประชุมได้มีการตกลงเอาไว้แล้วว่า ในเมื่ออัลบั้มชุดนี้เป็นอัลบั้มที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี เนื้อหา เสื้อผ้า ท่าเต้น ทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นผลงานชุดนี้ ได้ผ่านขั้นตอนอันมากมายในแบบที่ต้องเรียกว่า ทีมงานทุกคนสู้กันถวายหัวเลยทีเดียว ดังนั้นการที่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน

“เบื้องบนเขาชอบมากเลยนะ อัลบั้มนี้น่ะ” มิ่งเอ่ยขึ้นกลางที่ประชุม

“ถ้าไม่ชอบ หนูจะขอลาออกเลยพี่” สไตลิสต์ชายใจหญิงอย่างเชนถึงกับออกปาก “นี่ทุ่มเทให้ชนิดที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อนเลยนะคะ ขอบอก งานนี้หนูกะให้เป็นมาสเตอร์พีซของหนูเลยล่ะพี่” เธอยังจีบปากจีบคอว่าต่อไป เรียกรอยยิ้มจากทุกคนในห้องได้ชนิดพร้อมเพรียงกัน “แต่ขอบอกนะคะว่า งานนี้ถ้าไม่ได้น้องนนท์ อาจจะไม่ออกมาเพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้ก็ได้”

“โอ๊ย อย่าสิครับ นนท์ไม่ได้ทำอะไรเลย” นนท์ร้องออกมา

“หนูขา รสนิยมหนูน่ะพี่ให้ห้าดาวเลยนะคะ หยิบจับอะไรมาดูดีไปหมด ช่วยพี่ได้เยอะเลยเชียว” เธอว่าพลางยกมือสองข้างขึ้นปรบเบาๆอย่างกรีดกราย “ขอบอกเลยนะคะว่า งานของนนท์ เชนยืนยันจะขอทำให้ค่ะ ถ้าพี่ๆไม่ว่าอะไร”

“โอ๊ย พี่จะไปว่าอะไรได้ล่ะครับ แหม สไตลิสต์มือหนึ่งเสนอตัวมากขนาดนี้” นรเศรษฐ์อดไม่ได้จึงขอออกปากแซวเสียหน่อย เชนยกมือขึ้นประนมแล้วก็ค้อมศีรษะลงอย่างมีจริต ก่อนจะตีขลุมเอาเสียเลยว่า “ขอบคุณล่วงหน้า รับปากหนูแล้วนะคะ”

“พูดถึงอัลบั้มของนนท์ก็ดีแล้วค่ะ” เมษว่าขึ้นมาบ้าง “ต่อไปน้ำต้นก็เหลือแค่การโปรโมตอย่างเดียวแล้ว ระหว่างนั้นนนท์ก็เริ่มลุยงานของตัวเองได้เลย เมษก็เลยแพลนกับเพชรเอาไว้แบบนี้ค่ะ” เมษพลิกดูเอกสารที่อยู่ในแฟ้มตรงหน้า ก่อนที่จะปล่อยให้พีอาร์สาวสวยพูดอย่างเป็นการเป็นงานขึ้นมาว่า “ก็ที่จริงก็เอาตามที่พี่มิ่งเคยบอกไกด์เอาไว้นั่นแหละค่ะว่า ไหนๆอัลบั้มนี้ของต้นก็ได้นนท์ช่วยดูให้อยู่แล้ว ทั้งในส่วนของดนตรีและเนื้อร้อง ถ้าซิงเกิ้ลแรกดังอย่างที่วางแผนเอาไว้ เราจะมีการพูดถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังซึ่งก็คือนนท์ไปด้วย พอให้รู้ว่านนท์มีบทบาทในการทำงานเพลงยังไง ถ้าไปได้สวยถึงขนาดมีคนอยากคุยประเด็นการทำงานเบื้องหลัง เมษก็จะเปิดโอกาสให้สัมภาษณ์นนท์ไปด้วยเลย เหมือนเป็นการแนะนำให้รู้จักกันไปก่อน เราจะทำกันอย่างต่อเนื่องนะคะ แต่ก็จะโฟกัสที่ตัวน้ำต้นเป็นหลัก จะไม่ให้มีการขโมยซีนกันเด็ดขาด แล้วพองานของนนท์ออกมา ตอนนั้นก็หวังว่า เราจะทำงานกันได้ง่ายขึ้น” เมษอธิบายยืดยาว “แต่ต้องเตรียมใจนิดนึงว่า อาจจะต้องเหนื่อยต่อเนื่องกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“พี่เมษนั่นแหละเหนื่อย” น้ำต้นว่า

“เขาจ้างฉันมาเหนื่อยนี่เธอ” เมษว่าหน้าตาเฉย เรียกเสียงฮาครืนได้อีกคำรบ “ไม่หรอก พี่ยอมเหนื่อยจริงๆนะงานนี้” เมษยืนยัน “พี่อยากจะเห็นความสำเร็จของพวกเราจริงๆ”

“อยากจะแสดงให้ข้างบนรู้ด้วยว่า เราเลือกคนไม่ผิด” มิ่งว่า “เพราะฉะนั้น สองคนต้องตั้งใจนะรู้ไหม”

น้ำต้นกับนนท์มองหน้ากันก่อนจะยิ้มและพยักหน้าให้กัน

“พวกพี่พูดถึงขนาดนี้ พวกผมสู้ตายครับ” น้ำต้นว่าเป็นการปิดท้ายการประชุมในครั้งนี้ลงอย่างชื่นมื่นเป็นที่สุด

***********************

“พี่นนท์” เด็กหนุ่มยื่นหน้าเข้ามามองหาเขา

“ว่าไงเรา ลงมาถึงนี่เลย ทำไมไม่โทรลงมาล่ะครับ”

“เย็นนี้ไปด้วยกันหน่อย” น้ำต้นว่ายิ้มๆอย่างมีเลศนัย

“ไปไหนล่ะ บอกมาก่อน ไม่งั้นไม่ไปจริงๆด้วย” พักหลังเขาชักจะตามเจ้าน้องชายทัน ไม่เผลอปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ตกกระไดพลอยโจนได้อีก

“ทำตัวเป็นคนขี้ระแวงไปได้” น้ำต้นเดินเข้ามานั่งข้างๆนนท์ “แม่ต้นมาล่ะ” พูดได้เท่านี้เด็กน้ำต้นก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “อยากให้พี่นนท์เจอแม่ ไปด้วยกันนะ”

“พี่อยากเจอแม่น้ำต้นนะ แต่...” เขาเว้นช่วงเพื่อรอดูสีหน้าของน้องชาย ที่แน่นอน... หน้าบูดได้อีก นนท์ถึงกับหัวเราะชอบใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำต้นนี่เวลายุก็ยุขึ้นง่ายจริงๆ “พี่ยังพูดไม่จบ อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นซี่”

“ไหนว่ามา ต้องฟังขึ้นด้วยนะ” น้ำต้นว่าด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง

“ต้นต้องพาแม่ไปบ้านพี่แล้วล่ะเย็นนี้”

“อ้าว ทำไมล่ะ” แม้จะหายงอนเป็นปลิดทิ้ง แต่ความสงสัยไม่เคยปราณีใคร

นนท์อมยิ้ม ก่อนจะกระซิบเบาๆพอให้ได้ยินว่า

“เซอร์ไพรส์ บอกไปก็ไม่สนุกสิ”

“เรื่องดีหรือไม่ดี บอกก่อน” ทีนี้กลายเป็นเด็กน้ำต้นที่ทำหน้าระแวงขึ้นมาบ้าง

“ดีสุดๆ” พูดเท่านั้นนนท์ก็ปิดปากเงียบ ไม่ยอมบอกอะไรอีก

“ก็ได้” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน “งั้นเดี๋ยวต้นไปทำงานก่อน ตอนเย็นจะมารับนะ”

นนท์พยักหน้ายิ้มๆ นานๆเขาจะมีชัยเหนือน้องชายสักที แต่ก็มีชัยได้ไม่นาน เมื่อน้ำต้นชิงก้มลงหอมแก้มนุ่มๆของพี่ชายที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหน้าตาเฉย ก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกไป ไม่ทันที่นนท์จะได้โวยวายอะไร ร่างสูงใหญ่ก็หายลับไปเสียแล้ว

“คงแก้ไม่ได้แล้วจริงๆนิสัยนี้” ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อพร้อมกับฮัมเพลงเดิมกับที่ฮัมมาตลอดทั้งเช้าต่อไปอย่างอารมณ์ดียิ่ง

************************

คนขับรถเอาแต่นั่งยิ้มเงียบๆอย่างผิดวิสัยมาเกือบตลอดทาง ทำเอาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังคู่กับสตรีใบหน้ายิ้มแย้มท่าทางใจดีอยู่นั้นนึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

“เอาแต่นั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียวโชเฟอร์ ไม่พูดไม่จาสักคำ” เสียงจากผู้โดยสารด้านหลังดังขึ้น เมื่อเห็นว่าโชเฟอร์จำเป็นแอบเหลือบมองเขาจากกระจกมองหลังหลายต่อหลายครั้ง คนถูกทักอมยิ้มออกมาทันทีเมื่อรู้ตัวว่าถูกจับได้เสียแล้ว

“เปล่าครับ ก็เห็นว่าคุยกันสนุกดี ก็เลยไม่อยากขัดจังหวะ”

“ไม่ใช่เพราะกำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหม” เสียงนั้นยังคาดคั้นไม่ลดละ

“อ้าววว... ไหงระแวงกันแบบนั้นล่ะครับคุณผู้โดยสาร ดูเอาเถอะ ไอ้เรารึอุตส่าห์ยอมให้ไปนั่งคุยกันข้างหลังสบายๆ จนจะเหมือนแท็กซี่เข้าไปอยู่รอมร่อ เห็นความดีเรารึก็ไม่ แล้วยังมองเราไม่ดีอีก มันน่าน้อยใจ” ประโยคสุดท้าย เจ้าตัวจงใจให้ฟังดูน่าเคาะกบาลมากกว่าน่าเห็นใจอย่างไรพิกล
นี่ถ้าไม่เห็นแก่คุณแม่ที่น่ารักเป็นกันเองขนาดนี้ล่ะก็ นนท์คงถลาเข้าไปขย้ำคอเจ้าน้องชายที่ทำหน้าที่เป็นพลขับอยู่แบบไม่รีรอเลยทีเดียว

“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ” นนท์ทำทีไม่ใส่ใจเสียงนกเสียงกา แต่หันไปคุยกับคุณแม่ของโชเฟอร์แทน

“ทำไมคะลูก” นางเรียกนนท์ว่าลูกทุกคำนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบกับชายหนุ่ม อาจจะฟังดูแปลกๆที่คนเป็นแม่จะพูดถึงลูกชายแบบนี้ แต่นางก็ยอมรับล่ะว่า ลูกชายนางตาถึงทีเดียว

“ก็คุณแม่ออกจะน่ารักแสนดีขนาดนี้ คุณพ่อก็ดูเป็นคนน่ารักอบอุ่น แล้วทำไมลูกชายคุณแม่ถึงได้เป็นแบบนี้ก็ไม่รู้” เป็นไงล่ะพี่เรา สนิทกันเร็วขนาดกล้า ‘กัด’ ลูกชาย ต่อหน้าแม่ของเขาอย่างนี้เลยหรือ น้ำต้นกัดฟันอดทนไม่ต่อปากต่อคำเต็มที่ แต่สายตาที่มองผ่านกระจกมองหลังมาทางนนท์นั้น มีแววคาดโทษเอาไว้ว่า เดี๋ยวค่อยไปคิดบัญชีกันนอกรอบตอนแม่ไม่อยู่ก็ได้

ก็เขาจะไปว่าอะไรได้ แม่ตัวเองเล่นเห่อลูกชายคนใหม่ถึงขนาดที่หัวเราะไปกับคำพูดเชือดเฉือนลูกชายตัวเองเสียขนาดนั้น น้ำต้นได้แต่ถอนใจก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป

*********************

“ถึงแล้วครับ” นนท์เอ่ยกับสตรีที่นั่งมาด้วยกันดังพอที่จะให้คนข้างหน้าได้ยินชัดเจน

น้ำต้นในตอนนี้ได้แต่ประหลาดใจกับภาพที่ได้เห็นอยู่ไกลๆ เขาเปิดประตูรถลงไปยืนให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี จนต้องหันไปมองหน้าเจ้าของบ้านเรือนเล็กเพื่อรอคำตอบ แต่นนท์ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากแค่ยิ้มกว้างให้น้องชายที่เขารักที่สุด

“อะไรเนี่ยพี่นนท์ คนมาจากไหนเยอะแยะไปหมด” น้ำต้นยังงงไม่หาย เมื่อเห็นว่ามีคนยืนอยู่เต็มสนามหญ้าหน้าเรือนเล็กที่เคยเป็นที่จอดรถของน้ำต้น จะว่าเต็มก็ไม่ใช่เสียทีเดียว แต่ก็น่าจะมีร่วมประมาณยี่สิบคน เท่าที่ประเมินจากสายตาคร่าวๆ

“พี่จัดงานเลี้ยงนิดหน่อย ก็พอดีจังหวะที่คุณแม่มาเยี่ยมน้ำต้นพอดีเลย” นนท์ว่ายิ้มๆ

“เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไร” น้ำต้นถามเสียงแข็งขึ้นมา รอยยิ้มค่อยๆจางหาย นนท์เข้าใจดีว่าน้องชายรู้สึกอย่างไร ก็ไม่ใช่เพราะการ ‘เลี้ยง’ ครั้งล่าสุดนั่นหรอกหรือ นนท์ถึงได้ตัดสินใจหนีเขาไป ทำเอาเขาตามหาเสียเกือบตาย แล้วจะไม่ให้น้ำต้นเข็ดกับงานเลี้ยงได้อย่างไร

ชายหนุ่มยิ้มก่อนเดินไปตบไหล่ของน้ำต้นเบาๆ

“งานเลี้ยงจริงๆ พี่อยากจะฉลองให้กับอัลบั้มใหม่ของต้นที่เสร็จลงเสียที เพื่อนๆพี่เขาก็อยากจะเจอต้น คุณแม่พี่ก็มานะ ก็เลยเอาเสียหน่อย นานๆพี่จะเอาใจแบบนี้ซักทีนะ ไม่ชอบเหรอ” หนนี้นนท์ทำเสียงอ้อนขึ้นมาบ้าง น้ำต้นพูดไม่ออก ได้แต่หันไปมองหน้าพี่ที หันไปมองกลุ่มคนที่บางส่วนหันมาทางเขาที ก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง เขาจับมือของนนท์บีบกระชับเอาไว้

“ชอบสิพี่ ขอบคุณนะที่ทำเพื่อต้น”

“อย่างน้อยก็ชดเชยที่พี่ทำให้เราต้องเสียอกเสียใจซักหน่อยก็ยังดีนะ” นนท์หมายความตามที่พูดจริงๆ

“แค่พี่อยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว” เด็กหนุ่มว่าสั้นๆ แต่ได้ใจความ

“ไป เข้าไปทักทายทุกคนกัน” ว่าแล้วนนท์ก็หันไปเชื้อเชิญแม่ของเด็กหนุ่มให้เดินตามไปทันที

ป้าชื่นเดินเข้ามาหาชายหนุ่มทั้งสองคน วารีริน คุณแม่ของนนท์เดินตามมาติดๆ นางรับไหวน้ำต้นก่อนจะเข้าไปพุดคุยทำความรู้จักกับคุณแม่ของเด็กน้ำต้นอย่างคนอัธยาศัยดีเยี่ยม

น้ำต้นแปลกใจเมื่อเห็นเมษยืนคุยกับชายคนหนึ่งที่แม้จะยืนหันหลังให้เขาแต่ก็รู้สึกคุ้นเหลือเกิน

“ไงต้น” ทันทีที่เมษทักเขา ชายคนที่ว่าจึงหันมายิ้มให้ทันที

“พี่ หวัดดีครับ” น้ำต้นยกมือไหว้นักดนตรีหนุ่มจากวงร็อคชื่อดังที่เขารู้จัก แต่ไม่เคยพูดคุยกันแบบนี้เลยสักครั้ง นอกจากทางโทรศัพท์ ชายหนุ่มคนเดียวกับที่เขาโทรไปรบกวนเวลาภรรยาของเขาเพื่อถามเรื่องนนท์นั่นเอง

“น้ำต้นใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มแปลกใจที่ชายหนุ่มท่าทางสุภาพอ่อนโยนผู้นี้คือสมาชิกวงร็อคอันแสนโด่งดังที่ขึ้นชื่อเรื่องการแสดงอันร้อนแรงบนเวที น้ำต้นยกมือไหว้ “ในที่สุดก็ได้เจอกัน” เขาว่าต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ตามหาหัวใจเจอเสียทีนะ” เด็กหนุ่มทำตาโตก่อนจะยิ้มเขินออกมาอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่านั้น

“เฮ้ ฮันนี่...” เสียงใสเจื้อยแจ้วของหญิงสาวที่เดินเคียงข้างมากับนนท์ดังขึ้น

“รู้จักกันแล้วเหรอครับ” นนท์ถาม

“พี่น่ะรู้จักคุณบีเขามาก่อนตั้งนานแล้วจ้ะ” เมษว่า “ส่วนรายนี้” เออาร์สาวชี้มือไปที่น้ำต้น “ก็เป็นคนโทรคุยกะเขา แล้วก็ภรรยาเขา เรื่องเรานั่นแหละ” เธอชี้ไปที่บี ต่อด้วยเมล แล้วจึงมาหยุดตรงที่นนท์ตามลำดับ

ทำเอานนท์ถึงกับเกาศีรษะอย่างไปไม่เป็น น้ำต้นโชคดีจริงๆที่ได้คนๆนี้มาทำหน้าที่เออาร์ให้ เขาคิดในใจ ในขณะที่คนอื่นๆได้แต่ยิ้มออกมาอย่างนึกขัน

“ได้เจอตัวจริงแล้ว หล่อกว่าที่เห็นในทีวีตั้งเยอะ” เมลเอ่ย ก่อนที่จะเดินเข้าไปสวมกอดน้ำต้นตามธรรมเนียมที่ลูกครึ่งสาวอย่างเธอคุ้นเคย น้ำต้นเงอะงะไปเล็กน้อย แต่ก็กอดตอบกลับไป ไม่รู้ทำไม เขาจึงรู้สึกชอบในอัธยาศัยใจคอของหญิงสาวผู้นี้เหลือเกิน ทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกแท้ๆ

“ขอบคุณพี่เมลมากนะครับที่ช่วยต้น”

“เมลไม่ได้ช่วยแค่ต้นนะคะ” เธอเรียกชื่อแทนตัวเองอย่างไม่ค่อยจะคุ้นเคยนัก “แต่ได้ช่วยเพื่อนด้วย” หญิงสาวจับมือทั้งสองคนเอาไว้ก่อนจะบอกว่า “ผ่านอะไรกันมามากมาย ต่อไปพวกยูต้องดูแลกันและกันดีๆนะ เมลเอาใจช่วย”

น้ำต้นยังได้ทำความรู้จักอย่างเป็นทางการกับเพื่อนสนิทอีกไม่กี่คนของนนท์ ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ตอนอยู่ต่างประเทศ เด็กหนุ่มคิดในใจว่า เพื่อนของนนท์ก็เหมือนตัวนนท์ น่ารัก อบอุ่น ใจดีเหมือนกัน อย่างนี้ใช่ไหมที่เขาบอกว่า คนแบบเดียวกันมักจะมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างให้ได้มาพบ รู้จัก และคบหากัน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่น้ำต้นได้มีโอกาสพบปะญาติคนอื่นในบ้านนี้ของนนท์ด้วยอีกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคุณลุง คุณป้า และลูกพี่ลูกน้องที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันไปเสียหมด ทุกคนให้การต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นราวกับเป็นญาติสนิทก็ไม่ปาน

“เค้าเห็นเป็นนักร้องหรอกนะ ก็เลยเห่อกัน อย่าเพิ่งดีใจไป” นนท์เข้ามากระซิบกับน้ำต้นอย่างนึกหมั่นไส้ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าบานเป็นกระด้ง

“ใครว่า เขาเห็นว่าน้องพี่เป็นคนน่ารักต่างหาก ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า” เจ้าน้องชายกระซิบตอบกลับไปแบบไม่ยอมแพ้

การพูดคุยยังดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน อาหารที่ป้าชื่นจัดเตรียมไว้ถูกนำมาวางเรียงกันบนโต๊ะส่งกลิ่นหอมฉุยยั่วใจ ทุกคนทำตัวตามสบายด้วยการเดินไปตักอาหารและหามุมนั่งพูดคุยกันอย่างไม่มีการถือเนื้อถือตัวแต่อย่างใด ค่าที่ว่ารู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วจนเวลาล่วงเลยไปถึงสามทุ่ม แขกบางส่วนจึงเริ่มทยอยกลับ บางส่วนขอตัวกลับไปยังเรือนใหญ่ เมื่อร่ำลาเมล บี และเมษซึ่งเป็นแขกกลุ่มสุดท้ายแล้ว บรรดาแม่ๆก็ชวนกันไปพูดคุยต่อในบ้าน เหลือเพียงเจ้าภาพของงานยืนกันอยู่เพียงสองคน

*************************  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 18-09-2009 21:40:03
นนท์มองหน้าน้ำต้นแล้วยิ้ม ชายหนุ่มไม่พูดอะไรก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋าและค่อยๆเดินทอดน่องอย่างสบายใจเดินเข้าเรือนหลังเล็กไป น้ำต้นเดินตามนนท์ไปติดๆ

ห้องรับแขกหรือที่จริงก็คือห้องนั่งเล่นของนนท์ดูแปลกตาไปมาก โซฟาถูกจัดวางเสียใหม่ เหลือพื้นที่ที่กว้างขึ้นที่นนท์สั่งให้ปูพรมที่หนานุ่มเป็นพิเศษ เพื่อที่เขาจะเอาไว้นั่งเล่นนอนเล่นเวลาไม่อยากขลุกอยู่แต่ในห้องนอน ไม่ว่าจะยังไงพี่นนท์ก็ยังเป็นคนที่เนี้ยบอยู่เสมอจริงๆ น้ำต้นคิดในใจ เขาเดินลงไปนั่งข้างๆนนท์ที่นั่งพิงโซฟาบนพื้นพรมนุ่มๆนั่น ก่อนจะพิงศีรษะลงบนไหล่ของนนท์โดยที่เจ้าของเองก็ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด

“ขอบคุณนะพี่นนท์”

“สนุกไหม”

“ต้องบอกว่ามีความสุขมากกว่า” น้ำต้นเอื้อมมือไปจับมือข้างหนึ่งของนนท์ขึ้นวงไว้บนตักเขา ก่อนที่จะใช้นิ้วนวดคลึงมือข้างนั้นอย่างเพลิดเพลิน

“น้ำต้น”

“หือม์”

“แน่ใจแล้วใช่ไหม”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องของเรา”

“แน่ใจมาตั้งนานแล้ว” น้ำต้นหลับตา “ว่าแต่พี่นั่นแหละ แน่ใจไหม”

“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ”

“ก็พี่เป็นฝ่ายวิ่งหนีต้นตลอดเลยนี่”

“พี่ขอโทษ จริงๆนะ พี่ไม่รู้จะทำยังไงดี”

“ก็บอกแล้วว่ามีอะไรให้บอกกันบ้าง อย่าเก็บอะไรเอาไว้คนเดียว พอบอกว่าให้สัญญา ตัวเองก็เป็นคนผิดสัญญาเสียอย่างนั้น มันน่าน้อยใจไหม”

“ต่อไปไม่ทำแล้ว”

“จริงอ่ะ”

“จริงๆ อยู่ห่างกันแบบนั้นแล้ว มันทรมานใจ”

“จริงเหรอ”

นนท์พยักหน้า

“ถึงได้รู้ว่าพี่รักน้ำต้นมากจริงๆ”

น้ำต้นบีบมือของนนท์เอาไว้โดยไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก

“พี่ใจแข็งนะ แต่ก็ไม่แข็งพอ ไม่อย่างนั้นพี่คงหนีไปไกลแล้ว ไม่อยู่แค่ที่หัวหินหรอก” เขาว่า “พยายามจะหักดิบแต่ทำไม่ได้ มันเหมือนจะตายเลย เกิดมาพี่ไม่เคยใช้ชีวิตเลื่อนลอยขนาดนั้นมาก่อนเลยนะรู้ไหม” นนท์หันมามองเสี้ยวหน้าของน้ำต้น “แต่มันไม่มีพลังใจจะทำอะไรเลย”

“ต้นไม่เคยคิดเลยนะ ว่าพี่จะรักต้นขนาดนี้”

“เหรอ”

“ก็ต้นมักจะรู้สึกว่า รักพี่มากกว่าอยู่ฝ่ายเดียวตลอดเลย” น้ำต้นยิ้ม “บางทีก็รู้สึก เอ๊ หรือเรารักเขาข้างเดียวหว่า น้ำตาจะเช็ดหัวเข่าไหมนี่”

“เอ๊า ก็ลูกเขามีพ่อมีแม่ จะให้ตกปากรับคำง่ายๆก็แย่สิ” นนท์พูดหน้าตาเฉย น้ำต้นถึงกับหัวเราะชอบใจออกมา

“ไม่หนีกันไปไหนแล้วแน่นะ”

“ไม่ไปไหนแล้ว”

“ต้นจริงใจกับพี่นะ”

“พี่เห็นแล้ว”

“เราจะรักกันไปนานๆใช่ไหม”

“พี่ก็ไม่รู้ ต้นยังเด็กนะ จะต้องได้พบเจอกับคนอีกตั้งมากมาย วันหนึ่งคนที่อยู่ข้างๆต้นอาจจะไม่ใช่พี่ก็ได้”

“พี่นนท์ ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ” เขาทำหน้านิ่วเมื่อหันไปมองพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

“โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกน้ำต้น พี่เองก็ไม่ได้อยากเป็นพระเอกหรอกนะถึงได้พูดแบบนี้ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง เราต้องมองโลกตามความเป็นจริงด้วยนะ”

“งั้นก็ยังไม่ต้องไปมองมัน ทำตอนนี้แหละให้ดีที่สุด ต้นจะทำให้พี่เห็นเองว่าต้นจริงใจแค่ไหน”

นนท์ยิ้ม นั่นสินะ จะคิดไปทำไมให้เปล่าประโยชน์ สู้ทำวันนี้ให้ดีที่สุดไม่ดีกว่าหรือ

“พี่นนท์”

“ครับ”

“ขอจูบพี่นนท์หน่อยได้ไหม”

นนท์เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหันไปมองหน้าน้องชายอย่างไม่แน่ใจ

“ดูทำหน้าเข้า ขอจริงๆนะ ไม่ได้พูดเล่น”

“ทุกทีไม่เคยเห็นขอ”

“หนนี้ขอ”

นนท์หัวเราะพรืดออกมา เขามองเข้าไปในดวงตากลมโตของน้องชาย ใบหน้าเลื่อนเข้าใกล้กันชนิดที่เขามองเห็นเงาของตัวเองสะท้อนจากดวงตาคู่นั้น น้ำต้นยกมือขึ้นข้างหนึ่งประคองใบหน้าของนนท์เอาไว้ นิ้วโป้งไล้อยู่เบาๆบนคิ้ว สัมผัสเปลือกตาที่ปิดและเปิดขึ้นเพื่อมองหน้าเขาให้ชัดกว่านี้ เขารู้สึกถึงลมหายใจอันอบอุ่นของอีกฝ่าย ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากอันอ่อนนุ่มที่รอรับรอยจูบอันดูดดื่มนั้น เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่ามันช่างอ่อนหวานเชิญชวนและเย้ายวนใจอย่างยิ่ง เขาเคยจูบและได้รับรอยจูบจากใครแบบนี้มาก่อนหรือเปล่านะ นนท์คิดในใจ

มือไม้ของน้ำต้นเริ่มอยู่ไม่สุข มือที่สัมผัสใบหน้าเขาเมื่อครู่เลื่อนไปสัมผัสกับเส้นผมบนท้ายทอยของนนท์ ส่วนมืออีกข้างรวบเอวของเขาเอาไว้แน่น ริมฝีปากยังไม่ยอมผละจากกัน ทั้งคู่รู้สึกถึงอุณหภูมิในร่างกายที่ดูเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ

“พอก่อน” นนท์ระล่ำระลักพูดออกมาเมื่อน้ำต้นยอมผละออกจากเขาในที่สุด เขารู้สึกได้ถึงความร้อนบนใบหน้า และลมหายใจที่หอบถี่ผิดจังหวะ

“พอก็ได้” น้ำต้นเองก็เรียนรู้ที่จะรู้จักหยุดเมื่อถึงเวลาเช่นกัน

“ไปหัดจูบแบบนี้มาจากไหนกันนี่” นนท์ถึงกับไม่ยอมสบตาน้ำต้นตรงๆด้วยความเขิน

“ถ้าไม่ใช่กับคนที่รักจริงๆ จูบแบบนี้ไม่ได้หรอกพี่นนท์” น้ำต้นว่าซื่อๆ

“เดี๋ยวน้ำต้นต้องพาคุณแม่กลับแล้วนะ”

“ถึงได้ยอมหยุดนี่ไง” ว่าแล้วก็กระซิบลงข้างๆพี่ชายที่หน้ายังแดงไม่หายเบาๆว่า “ไม่งั้นน่ะ ไม่หยุดแค่นี้หรอก”

นนท์ตีลงบนไหล่ของน้ำต้นอย่างไม่ปราณีปราศัย

“โอ๊ย พี่... ซัดมาซะเต็มที่เลย”

“พูดจาไม่รักชีวิต” นนท์ว่า

“ยอมตาย” เด็กหนุ่มพูดหน้าตาเฉย

“กล้าก็ลองดู”

น้ำต้นเบือนหน้าหนีไปอีกทาง “ถ้าไม่ต้องไปส่งแม่ พ่อจะปล้ำให้” เขารำพึงออกมาเบาพอแค่ให้ตัวเองได้ยิน

“บ่นอะไรพึมพำอยู่คนเดียว”

“เปล่าคร้าบบบ” น้ำต้นแยกเขี้ยวยิ้มอย่างไม่สู้จะจริงใจนัก “งั้นเดี๋ยวกลับแล้วนะพี่นนท์”

“อือม์” นนท์ลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือออกไปให้น้ำต้นได้เกาะกุมเพื่อพยุงร่างตัวเองลุกขึ้นยืนบ้าง น้ำต้นไม่ยอมปล่อยมือข้างนั้น เขาออกแรงกระตุกเบาๆก่อนที่จะรวบร่างนั้นเข้ามากอดกระชับเอาไว้ นนท์กอดตอบอย่างเต็มใจ

“ไม่รู้เป็นยังไงต้นชอบกอดพี่นนท์จังเลย”

“ตัวเล็กแต่ก็อบอุ่นใช่ไหมล่ะ” นนท์ว่าพลางหัวเราะอย่างนึกขันคำพูดตัวเอง

“อบอุ่นสิ อบอุ่นที่สุดเลย” น้ำต้นว่า

นนท์กอดตอบกลับไปอีกครั้งก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุด

“กลับได้แล้วครับน้ำต้น”

เด็กหนุ่มยอมปล่อยเขาแต่โดยดี แต่ไม่วายอ้อยอิ่งอยู่เป็นนาน

“พี่ไม่หนีหายไปไหนแล้วน่า”

น้ำต้นหัวเราะ

“ไปหาแม่กันเถอะ” นนท์ชวน

“พี่ว่าไหม...” เขายังคงจูงมือพี่ชายเอาไว้ นนท์รอว่าน้ำต้นจะพูดอะไรต่อ

“แม่ๆเราเนี่ย เจ๋งที่สุดเลย”

“จริง”

ชายหนุ่มสองคนจูงมือกันเดินหัวเราะอย่างเบิกบานไปหาแม่ในเรือนหลังใหญ่

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ยังรอเขาอยู่ เขามีงานอีกตั้งมากมายที่ต้องทำ อาจจะต้องเจอข่าวร้ายๆมากกว่าวันที่ผ่านมา แต่เขาไม่นึกหวั่นกับมันอีกต่อไป เมื่อรู้ดีว่าคนที่เขาเดินจูงมืออยู่นี้ จะยังอยู่เคียงข้างเขาไปตลอด ชีวิตดูจะมีความหมายมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

เสียงเพลงแท้ๆทำให้พวกเขาทั้งคู่ได้มาพบกับ รักกัน และมีกันและกัน แล้วก็เป็นเสียงเพลงอีกเหมือนกันที่จะเป็นสายใยเชื่อมโยงความผูกพันของพวกเขาเอาไว้ มีคนไม่กี่คนหรอกที่จะได้ร้องเพลงที่แต่งโดยคนรักของตัวเองให้คนอื่นได้ฟัง และเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่โชคดีเหล่านั้น เขาเลือกที่จะร้องเพลงเพราะเขารักมัน แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า เพราะเสียงเพลงนี่อีกเหมือนกันที่นำความรักเข้ามาในชีวิตเขา และนั่นยิ่งทำให้เพลงที่เขาจะร้องต่อไปมีความหมายมากขึ้นไปอีก

ขอบคุณพี่นนท์ที่แต่งเพลงให้ต้น

สักวันเถอะ... ต้นก็จะแต่งเพลงให้กับพี่นนท์บ้างเหมือนกัน


============== END =================




สารจาก fingers-crossed เรื่องรวมเล่มนิยาย “เพลงรัก”

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านมากๆนะคะที่เข้ามาติดตามอ่านพร้อมคอมเม้นต์ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นผลประโยชน์ทั้งหลายทั้งปวงต้องยกให้คุณนาเมฮ์เพื่อนที่แสนดีของเรานั่นเอง ต้องขอบคุณตั้งแต่ตอนที่เป็นทั้งกำลังใจ คอยลุ้น คอยอ่านและคอมเม้นต์นิยายเรื่องนี้มาตั้งแต่ยังไม่จบด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้เคยเอานิยายเรื่องนี้ไปลองเสนอตามสำนักพิมพ์ปกติดู ปรากฏว่าไม่มีที่ไหนตอบกลับมาเลย จะบอกว่าเป็นเพราะเขียนแย่หรือก็ไม่น่าจะเลวร้ายขนาดนั้น แต่คงเป็นเพราะยากจะหาคนที่เปิดกว้างกับความรักแบบนี้ ซึ่งว่าตามตรง เราก็เฉยๆค่ะ อย่างน้อยก็ได้ลองแล้ว ถึงอย่างนั้นความเป็นนักเขียนมันก็อดไม่ได้ ที่อยากจะรู้ว่า คนอื่นๆจะคิดอย่างไรกับงานของเรากันบ้างหนอ จึงได้ลองเอาไปลงในพันทิปห้องถนนนักเขียนดู ก็ปรากฏว่าฟีดแบ็กดีเกินกว่าที่คาดเอาไว้ มันทำให้เราชื่นใจมากค่ะ ยิ่งพอได้เอามาลงในเล้า ก็ยิ่งบอกไม่ถูกเลยล่ะค่ะว่าปลื้มใจแค่ไหนที่มีคนตอบรับกลับมามากมายในทางที่ดีเสียด้วย

ก่อนหน้านี้เรื่องรวมเล่ม เป็นเรื่องที่เราคิดแบบที่เล่นทีจริง เพราะไม่มั่นใจว่า จะมีคนอยากอ่านนิยายของเรามากน้อยแค่ไหน ถึงตอนนี้แม้หลายๆท่านจะเข้ามาติชมทำให้คนเขียนอย่างเราได้ชื่นใจไปแล้ว เราก็ไม่ทราบอยู่ดีกว่า ควรจะนำนิยายเรื่องนี้มารวมเล่มดีไหมน่ะค่ะ จึงไม่ได้มีการคิดวางแผนอะไรมาก่อนจริงๆ ก็เลยขอสารภาพว่าค่อนข้างขลุกขลักพอสมควรทีเดียว

เพื่อนนาเมฮ์จึงกระทุ้งถามว่า จะเอายังไงดี อยากจะรวมไหม ถ้ารวมก็ต้องมีอะไรที่พิเศษให้กับคนที่เขาสนใจอยากเก็บนิยายเรื่องนี้ไว้ นั่นก็คือ การเพิ่มตอนพิเศษที่ไม่เคยลงที่ไหนมาก่อนลงไปด้วย ซึ่งเราคิดเอาไว้ว่าจะมีประมาณสามตอน... บอกได้เลยว่า แต่งขึ้นใหม่ทั้งหมด และยังไม่เคยเอาลงที่ไหน และจะไม่เอาลงที่ไหน นอกจากในรวมเล่มเท่านั้น

ดังนั้นจึงอยากจะถามเพื่อนนักอ่านทุกท่านค่ะว่า มีใครสนใจอยากจะเก็บรวมเล่มนิยาย “เพลงรัก” พร้อมตอนพิเศษอีกสามตอนนี้บ้างไหมคะ ถามกันทื่อๆแบบนี้แหละค่ะ ราคายังไม่ได้คิดเลย เพราะจำนวนหน้าเยอะมาก ลำพัง 16 ตอนนี้ก็ 181 หน้าพิมพ์เข้าไปแล้ว ยิ่งถ้ารวมตอนพิเศษก็คงจะเกินสองร้อยไปแน่แท้ ยิ่งพออัดเป็นรูปเล่ม ก็ไม่รู้ว่าจะหนาแค่ไหน

เขียนมาขนาดนี้ ถ้ายังมีคนที่อยากจะได้จริงๆ เราก็ยินดีจะรวมเล่มนิยายเรื่องนี้ค่ะ ดังนั้น รบกวนแจ้งที่คุณนาเมฮ์ได้เลยนะคะว่า ใครอยากจะได้บ้าง... จะได้รวบรวบรายชื่อที่แน่นอนและสั่งตีพิมพ์ได้แบบทันท่วงที

ก่อนจาก ขอโปรโมตนิยายเรื่องใหม่ “Beats of Life” เป็นเรื่องที่เราเขียนต่อจาก “เพลงรัก” ซึ่ง ขอบอกว่าใครที่เป็นสาวก “ยุนแจ” ห้ามพลาดค่ะ

***************************************


(นาเมฮ์นะคะ ใครสนใจจริงๆ โปรดลงชื่อในทู้และบอกจำนวนเล่มที่ต้องการอีกครั้งด้วยนะคะ .... เดี๋ยวจะรับหน้าที่เร่งรัดตอนพิเศษให้ค่ะ จะได้รวมเล่มเร็วๆ)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: dragon3oyd ที่ 18-09-2009 21:59:19
อ่าา happy ending แล้วว :)
รอตอนพิเศษน้ะคร๊าาาา

ตอนนี้น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 18-09-2009 22:05:27
จบแล้วววววววววววว
น่ารักมากๆ เลยค่ะ
มาลงชื่อจอง 1 เล่มนะคะ

เป็นตอนจบที่น่ารักมากๆ เลยค่ะ
ชอบเรื่องนี้จัง

แล้วมาเห็นสปอยล์เรื่องต่อไป
สาวกยุนแจอย่างหนูมีหรือจะพลาด
แต่ขออย่าเศร้านะคะ (5555)
ว่าแต่ พี่นาเมฮ์ จะเอามาลงให้อ่านที่นี่กันอีกรึเปล่าคะเนี่ย
หรือว่าต้องไปตามอ่านที่อื่น

รอข่าวคราวเรื่องรวมเล่มนะค้า

ขอบคุณสำหรับสนุกๆ ค่า
^______________^

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 18-09-2009 22:58:23
สวัสดีค่ะ คุณนาเมฮ์ และคุณนิ้วไขว้

จบตอนได้อย่างสวยงามมากค่ะ มีความสุขกับความรักของพี่นนท์และน้องน้ำต้นมากมายจริงๆ

และดีใจมากขึ้นไปอีกที่จะมีการรวมเล่ม อย่างที่เคยตอบไว้แล้วว่าอยากได้

งั้น ก็ขอจอง 1 ชุดด้วยนะคะ
อยากอ่านตอนพิเศษอ่ะ ขอหวานๆ นะคะ
และจะติดตามผลงานเรื่องต่อๆ ไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 18-09-2009 22:58:44
จบได้หวานมากกก ชอบมากกก

ลงชื่อจองรวมเล่มด้วยคนค่ะ

ส่วนเรื่องต่อไป  ขอกรี๊ดดดด

เป็นหนึ่งในลัทธิยุนแจอยู่แล้วค่ะ

จะรอด้วยใจจดจ่อนะคะ  :L2:
 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 18-09-2009 23:51:25
สนใจจริงๆครับ

ขอจองด้วยนะครับ ชุดนึง  :z1: >< :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: bixzz ที่ 19-09-2009 00:16:38
 o13 จบได้อย่างประทับใจมากๆ...
ขอบคุณคุณนิ้วไขว้ที่แต่งเรื่องดีๆ แบบนี้ จะรออ่านเรื่องต่อไปนะครับ
+1 ให้กำลังใจคุณนาเมฮ์ที่นำเรื่องดีๆ มาลงฝากกันเสมอๆ นะครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Joobperman ที่ 19-09-2009 00:18:49
อ่ะนะ ..อ่านในเงามืด  โดยไม่เคยเม้นท์เรื่องนี้เลย
แต่ขอบอกว่าชอบมาก ติดตามอ่านมาตลอด
การเขียนของคุณนิ้วไขว้ก็ไหลรื่น ไม่ติดขัด กำลังดี ภาษาสละสลวย
แม้จะใช้การบรรยายมากกว่าการใช้คำพูดระหว่างตัวละคร  
แต่ก็ไม่ทำให้เรื่องน่าเบื่อนะ  เนื้อเรื่องน่าติดตาม  ชอบ ชอบจ้า
ส่วนตอนพิเศษเนี่ย ขอมีแบบหวาน ๆ  กะหื่น ๆ ด้วยได้มั้ยจ๊ะ
คุณนิ้วไขว้เขียนตอนสวีทหวานแหว๋วของน้ำต้นกะนนท์น้อยไปหน่อยอ่ะ
งั้นรอตอนพิเศษเน๊าะ....

****ขอจอง 2 ชุดจ้า*****

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Sakana2yunjae ที่ 19-09-2009 06:15:56
ยกมือด้วยคนคะ ขอ 1 ชุด

ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องที่ทำให้เราสาวกยุนแจชอบ อิอิ

จะติดตามต่อไปค้า ............
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 19-09-2009 08:59:48
จองแน่นอน 1 เล่มถ้วน :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 19-09-2009 12:14:02
จอง 1 ชุดด้วยคนค่า

ชอบความรักของต้นกะนนท์มากเลย 

ปล.แอบสาวกยุนแจเหมือนกัน  จะรอเรื่องใหม่น่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 19-09-2009 13:26:15
เย้ๆ

จบแบบ แฮปๆ ดีใจจริงๆ

อ่านแล้วก็มีความสุขเนอะ คริๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 19-09-2009 15:43:50
ว้าวว สาวก ยุนแจ ไม่พลาดแน่ค่ะ 555 จะรออ่านเรื่องต่อไปนะค่ะ

อ่านแล้วแบบว่าจบน่ารักมากเลยอ่ะ อิอิ ชอบพี่นนท์ เสมอมาและตลอดไป ฮิ้ววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 19-09-2009 15:50:58
ชอบอะ เนื้อเรื่องน่ารักดี เขาขอจอง 1 ตอนพิเศษขอแบบน่ารักนะ  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 19-09-2009 22:58:14
ชอบเรื่องนี้มากๆ

ขอจอง 1 เล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 20-09-2009 04:09:12
ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน ขอบคุณมากนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: marrybell ที่ 20-09-2009 12:53:33

 :L2:

เค้า ชอบเรื่องนี้จังเลย

จอง  1 เล่ม นะคะ

อยากอ่านตอนพิเศษ แล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: naknarook ที่ 22-09-2009 16:19:47
ขอบคุณ มากๆๆนะคะ สำหรับตอนจบ น่ารักแบบนี้


แล้วก็  ขอจอง 1 เล่มด้วย



ปล.ขอตอนพิเศษหวานปนหื่น  นะคร้า อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 22-09-2009 17:39:35
 :กอด1: จองๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขะเจ้า  จอง 1 ชุดด้อคร่ะ อิอิ







แลเวก็รออ่านเรื่องต่อปายด้วยยยยยยยยยยยยยยย








อิอิ






ว่าแต่................. ตอนพิเจษเนี่ย ขอแบบ พิเจ๊ดพิเจดได้ป่าว หุหุ อิอิ ชอบยาวๆๆๆๆๆๆ คุคุ




หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 23-09-2009 08:43:08
 :m4:
เอาชุดหนึ่ง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 28-09-2009 21:17:14
ไว้จะมาอัพเดทรายชื่อผู้จอง และรายละเอียดอื่นๆ เรื่อยๆนะคะ

ตอนนี้นิ้วไขว้กำลังปั่นตอนพิเศษอยู่ค่ะ  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 29-09-2009 09:26:54
จะรอนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Ugly Ducky ที่ 29-09-2009 17:00:44
 :pig4:

ขอบคุณมากๆๆๆๆ ค่ะ  .... ขอจอง หนังสือด้วย 1 เล่ม นะคะ

ชอบมากกกกกกกกก ... จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: nongree ที่ 29-09-2009 20:57:19
มาจองด้วย 1 เล่มจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: nanahashi ที่ 30-09-2009 21:39:26
มาจองด้วย 1 คน คะ จะรอข่าวคราวนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Kirihara ที่ 02-10-2009 00:11:42
ซุ่มอ่านอยูนาน ชอบมากเลยค่า

ขอ1เล่มด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: RainumTung ที่ 02-10-2009 16:44:46
ขอจอง  1 เล่มเน้อ

^^ เรื่องนี้สมุกมากมาย น่าซื้อรวมเล่มไว้อย่างแรง

 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: SANDSEAME ที่ 02-10-2009 21:26:41
จอง 1 เล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: tk91 ที่ 02-10-2009 22:25:16
จอง 1 เล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Sakana2yunjae ที่ 03-10-2009 22:39:39
รับทราบคะพี่นาเมฮ์ รออยู่นะคะคุณนิ้วไขว้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: runglovely3 ที่ 05-10-2009 15:46:29
หนุกมากๆเลย  น่าซื้อรวมเล่ม :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END และรวมเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 07-10-2009 22:37:50
หนุก จริงๆเลยเรื่องนี้ เนื้อหาดี ภาษาก็สวยด้วย ขอบคุณมากๆคร้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END แจ้งราคา
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 10-10-2009 00:26:40
นิ้วไขว้จะส่งเรื่องเข้าพิมพ์ ในประมาณอาทิตย์หน้าแล้วค่ะ

ราคาประเมินตอนนี้อยู่ที่เล่มละ 350 พร้อมค่าจัดส่ง

โปรดแจ้งชื่อ ที่อยู่ มาทาง PM ได้นะคะ และจะแจ้ง ชื่อบัญชีที่โอนเงินค่าหนังสือไปทาง PM เป็นรายบุคคลค่ะ

วันจันทร์จะมาอัพเดทรายชื่อผู้จองนะคะ  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END แจ้งราคา
เริ่มหัวข้อโดย: Sakana2yunjae ที่ 10-10-2009 07:51:28
ส่ง PM ไปสั่งจองแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END แจ้งราคา
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 10-10-2009 21:58:00
Pm ไปแล้วนะครัะบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...บทที่ 16 END แจ้งราคา
เริ่มหัวข้อโดย: rannie ที่ 10-10-2009 23:40:32
1 ชุดน่ะค่ะ

พีเอ็ม ไปแล้วน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...อัพรายชื่อจองหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 12-10-2009 11:46:12
รายชื่อคนที่จองหนังสือค่ะ โปรดตรวจสอบ

ชื่อ                     จำนวน (ชุด)           ราคา
หนิง ตงจิ้น               1              350     แจ้งที่อยู่แล้ว
ปี้ปี้ปี้~PalmY               1              350     แจ้งที่อยู่แล้ว
MaeMoo               1              350
panpan                          1              350
naknarook               1              350
Forever_ever               1              350     แจ้งที่อยู่แล้ว
LoveAholic               1              350
JoobperMan               2              700
Sakana2yunjae               1              350
jaaeyboy               1              350
maio2000               1              350
miyabi                          1              350
marrybell               1              350
Big                          1              350     แจ้งที่อยู่แล้ว
cartoons               1              350
gboy                          1              350
Aramoba               1              350     แจ้งที่อยู่แล้ว
คนจากถนนนักเขียน     2              700
Both                          1              350     แจ้งที่อยู่แล้ว
C2U                          1              350     แจ้งที่อยู่แล้ว
Cuddle                          1              350     แจ้งที่อยู่แล้ว
Ugly Ducky               1              350
nongree               1              350
nanahachi               1              350
Kirihara                          1              350
RainumTung               1              350
SANDSEAME               1              350
tk91                         1              350
rannie                         1              350     แจ้งที่อยู่แล้ว
maicy                         1                   350
ืnone                          1                   350     แจ้งที่อยู่แล้ว
Naddict                      1                    350


รวม                           32


สำหรับบัญชีโอนเงิน จะแจ้งเมื่อหนังสือเรียบร้อยแล้วไปทาง PM นะคะ และโอนแล้วจะจัดส่งหนังสือให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...อัพเดทรายชื่อจองหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: Naddict ที่ 19-10-2009 21:56:14
คือว่า PM ไปจองทีแระ  แต่ไม่เห็นรายชื่อเราอ่ะ
เลยมาจองในกระทู้อีกที ละกันนะคะ

เรา จอง 1 ชุดนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 20-10-2009 08:22:04
หนังสือพิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ

นาเมฮ์ได้ PM รายละเอียด การโอนเงิน และ วิธีการโอนไปให้ผู้ที่มีรายชื่อจองหนังสือ ที่อัพเดทล่าสุดไว้ด้านบนเรียบร้อยทั้งหมดแล้วนะคะ

หนังสือจะจัดส่งให้ทันที (ด้วยไปรษณีย์พัสดุลงทะเบียนตามชื่อผู้รับและที่อยู่ที่แจ้งมาทาง PM) หลังจากได้รับการโอนเงิน ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ค่ะ

เมื่อได้รับหนังสือแล้ว กรุณาแจ้งให้ทราบด้วยนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 21-10-2009 21:06:05
รับโอนถึงวันที่เท่าไหร่ค่ะ  สิ้นเดือนได้เปล่า  :m15:

ต้องไปช็อปปิ้งงานฟิควันที่ 25 อีก เอิ๊กกกกกกกก

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Soulmate ที่ 22-10-2009 14:06:53
อ่านจบแล้ว
นนท์-ต้น
นัท-ต้อล
 :m12: :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: rannie ที่ 22-10-2009 23:05:18
ได้รับหนังสือแล้วน่ะค่ะ

ขอบคุณ คุณนาเมฮ์ มากๆๆค่ะ จะรีบอ่านอย่างเร็ว

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 23-10-2009 11:11:40
ได้ค่ะ

เพราะคนที่มีชื่อจองไว้ จะเก็บหนังสือไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Joobperman ที่ 23-10-2009 12:59:16
โอนเงินและส่งรายละเอียดทาง pm เรียบร้อยแล้วนะคะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 23-10-2009 23:05:08
อยากรู้อะครับ

ว่าส่งเป็น ลงทะเบียนใช่รึเปล่าาา  :z1:

ใครส่งแล้วแจ้งด้วยสิครับ จะได้ลุ้น  :laugh:

วันเสาร์

ได้รับแล้วครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: nongree ที่ 24-10-2009 18:08:39
ได้รับหนังสือแล้วค่ะ ส่งเร็วทันใจจริงๆ o13
ขอบคุณคนเขียนและคุณนาเมฮ์ด้วยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: marrybell ที่ 27-10-2009 14:12:49
ได้รับหนังสือแล้วนะคะ

ขอบคุณค่า


 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Yukisae ที่ 29-10-2009 22:35:35
ได้รับหนังสือแล้ว
อ่านแล้ว จบแล้ว น่ารักมากเลยอ่ะคะ  :-[
ชอบมากๆ ทั้งพี่นนท์ ทั้งน้ำต้น
แอบเศร้าเยอะเลย
แต่สนุกมากๆ
ขอบคุณคุณนิ้วไขว้กับพี่นาเมฮ์มากๆเลยค่ะ ^ ^


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 04-11-2009 21:07:00
ได้รับหนังสือแล้วน่ะค่ะ  วันนี้เอง  :-[

ขอข้ามไปอ่านตอนพิเศษก่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 05-11-2009 10:23:37
ได้รับหนังสือแล้วค่ะ

เมื่อวานไปโรงงาน เหนื่อยมาก กลับบ้านก็สลบ
ตื่นมาตอนตี1กว่าๆ ก็ไปอาบน้ำ
ก่อนนอน (ตี2) เห็นบนโต๊ะมีซองไปรษณีย์กันกระแทก
ที่คุณชายเอามาให้จากบ้านแม่

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด หนังสือมาแล้ว ที่โอนเงินไปคุณนาเมฮ์ไม่สับสน
(เพิ่งมาอ่าน PM เลยรู้ว่าคุณนาเมฮ์ไม่สับสนจริงๆ ด้วย)
ก็เลยฉลองตอนพิเศษซะเลย กว่าจะนอนก็ตี3 เกือบไม่ตื่นไปทำงาน
แต่ไม่เป็นไร มีความสุขมากกกกกก
พี่นนท์กับน้องน้ำต้น น่ารักมาก
มาสปอยด์นิดนึง ตอนสุดท้าย แอบจิ้นเองเลยนะเนี่ย น่าจะยาวกว่านี้อีกสักนิดนะคะ อิอิ

ขอบคุณอีกครั้งกับเรื่องราวดีๆ ประทับใจเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Miyabi ที่ 06-11-2009 21:13:04
ได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วค่ะ

ตอนพิเศษน่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: iota ที่ 11-11-2009 23:19:34
เพิ่งจะมาติดตามอ่านเป็นเรื่องที่อ่านแล้วสนุกดีครับ
บทเศร้าเราก็แอบร้องไห้ไปกับน้ำต้นและพี่นนท์ด้วย
น้ำต้นนี่น่ารักได้ใจจริงๆ ความรักแม้จะมีอุปสรรคแต่คนสองคน
เมื่อมีใจดวงเดียวกันเข้าอกเข้าใจกันก็สามารถก้าวข้ามปัญหาที่
ผ่านเข้ามาได้.......เป็นความรักที่ดีมากจริง :กอด1:

ขอบคุณ คุณนิ้วไขว้ที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านครับ
ขอบคุณ คุณนาเมฮ์ที่นำเรื่องราวดีๆมาโพสนะครับ

T_T เสียดายที่สั่งซื้อหนังสือไม่ทัน.........
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Heater ที่ 17-11-2009 22:56:44
คนเเต่งเก่งมากๆครับ
แต่งได้ดีและสนุกมากๆเลย o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 25-11-2009 03:32:09
เข้ามาดันให้กระทู้อยู่ต้นๆ

ชอบมากมาอ่านแล้วหลายรอบก็ยิ่งชอบ

อยากได้หนังสืออ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAholic ที่ 26-11-2009 22:37:26
ได้รับหนังสือแล้วค่ะ  ประทับใจมากกก

รูปที่หน้าปก  สีปกหน้า และ ปกหลัง

ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นยังไงนะคะ แต่สำหรับตัวเอง

เห็นหนังสือครั้งแรก น้ำตาซึมเลยทีเดียว

และจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ระลึกถึงความทรงจำที่สวยงาม

ขอบคุณมากนะคะ  สำหรับความเอาใจใส่ค่ะ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: fingerscrossed ที่ 26-11-2009 23:33:34
เพิ่งจะได้แวะเข้ามาอ่านย้อนหลัง... หลังจากสมัครเป็นสมาชิกได้ไม่นานค่ะ

ขอบคุณทุกๆท่านนะคะที่ชอบนิยายเรื่องนี้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีมากขนาดนี้จริงๆค่ะ ดีใจ ชื่นใจ และภูมิใจเหลือเกินที่งานเขียนเล็กๆชิ้นนี้สร้างความประทับใจให้ได้... นิยายที่พิมพ์เอาไว้หมดสต๊อกไปแล้ว เหตุผลหนึ่งเพราะพิมพ์น้อยค่ะ... แต่ถ้าสนใจกันหลักสิบเล่มขึ้นไป ก็มีโอกาสจะพิมพ์เพิ่มได้ในอนาคตนะคะ

ตอนนี้เราเอานิยายเรื่องใหม่ไปลงไว้แล้ว Beats of Life เป็นอีกเรื่องที่เราชอบมาก และหวังใจอย่างยิ่งค่ะว่าหลายคนจะชอบเหมือนกัน อย่าลืมติดตามกันนะคะ

ขอบคุณจากใจค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-12-2009 19:56:31
ชอบจังเลย อิอิ ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 06-12-2009 15:29:03
ใช้เวลาไปสองวัน ในที่สุดก็อ่านจบ

อ่านเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย อบอุ่น เหงา หวาน ซึ้ง มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา

ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสต์นะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาทองสีชมพู ที่ 12-12-2009 02:06:09
อ่า เพิ่งอ่านจบ
ชอบมากๆ ประทับใจ
อ่านแล้วมันละมุ่นๆ ละลายในปากแต่ไม่ละลายในมือ (อะไร?)
 :-[

ชอบจัง เสียดายไม่ทันหนังสือ

ชอบน้ำต้นจัง เป็นแบบที่ชอบเลย เป็นเด็กและผู้ใหญ่ในคนเดียวกัน
เหมือนจะพึ่งพาไม่ได้ แต่จริงๆแล้วพึ่งพาได้มากทีเดียว
จริงใจต่อตัวเอง จนรู้สึกเหมือนกับว่ารักพี่นนท์ข้างเดียว
พี่นนท์น่าอิจฉาจะตาย มีคนที่รักได้มากขนาดนี้
แต่ไม่ได้มายความว่าพี่นนท์รักน้ำต้นน้อยนะ
แต่พี่นนท์คิดเยอะแฮะ

โอ๊ยยยยยยยยยยยยย ชอบ อ่อนโยนจังชอบๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...หนัีงสือเสร็จแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: somsom ที่ 06-02-2010 08:10:24
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้

ชอบมากกกก สนุกวางไม่ลงเลยทีเดียว

ถ้ายังมีหนังสือเหลืออยู่ ขอจองเล่มนึงนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: fingerscrossed ที่ 12-02-2010 22:33:57
สวัสดีแฟนๆนักอ่านทุกท่านค่ะ... ตอนนี้เรากำลังจะตีพิมพ์นิยายเล่มใหม่เรื่อง Beats of Life แล้ว ก็มีคิดว่า อาจจะมีรีปริ๊นท์ "เพลงรัก" อีกครั้ง เพราะเห็นมีหลายท่านอยากจะสั่งซื้อกัน

ดังนั้นก็เลย อยากจะรบกวนท่านที่อยากสั่งซื้อ เพลงรัก ช่วยลงชื่อยืนยันและบอกจำนวนที่ต้องการเอาไว้ในหน้ากระทู้นี้ หรือในกระทู้ Beats of Life ได้เลยนะคะ เราจะเข้ามาทะยอยรวบรวมรายชื่อเรื่อยๆ ก่อนจะสรุปยอดในช่วงปลายเดือนนี้อีกครั้งค่ะ

สำหรับ ราคาพร้อมค่าจัดส่งคือ 350 บาทเหมือนเดิมนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามและชื่นชอบกันค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 14-02-2010 16:20:03
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
น่ารักมากเลยค่ะ
ทั้งคุณน้องน้ำต้น
ทั้งคุณพี่นนท์
ครอบครัวของทั้งสองก้ออบอุ่นมากเลย
พร้อมเข้าใจลูกเสมอ
อ่านแล้วรู้สึกอบอวลไปด้วยความรักค่ะ
ขอบคุณทั้งคนโพสและคนแต่ง(คุณนิ้วไขว้) มากนะค่ะ  :L2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: pandora_pea ที่ 17-02-2010 16:38:05
ของจอง 1 เล่มค่ะ  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 08-04-2010 00:28:48
ขอจองด้วย 1 ชุดจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 14-04-2010 11:52:12
ขอจองด้วยคน 1 ชุดค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: perfectpie ที่ 21-04-2010 20:45:04
ขอจอง เพลงรัก 1 ชุดค่ะ..ชอบมากค่ะ

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องดีดีมาให้อ่านกันนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: iiดาวพระสุขლii ที่ 23-04-2010 11:38:55
ไม่ทราบว่ายังจองทันรึเปล่าค่ะ ขอจองชุดนึงค่ะ (ถ้าทัน)

เป็นเรื่องราวความรักที่น่ารักมากๆ เขียนเรื่องได้ดีมากค่ะ ทั้งสำนวน ภาษา และเนื้อเรื่อง o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 24-04-2010 16:34:53
ยังจองได้ไหมค่ะ เรื่องนี้

ถ้าจอง เล่มหนึ่งค่ัะ

ปล รบกวนบอกด้วยนะค่ะ  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 04-05-2010 11:22:38
เื่รื่องนี้น่ารักมากเลยค่ะ

ชอบอิมเมจตัวละครน้ำต้น  กับ นนท์มากเลย

อ่านสองสามตอนแรก  หลงรักน้ำต้นหมดหัวใจ  555+

แต่งดี  ภาษาก็ดี  เป็นเรื่องที่ดีอีกเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจมากเลยค่ะ  o13

ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีดีมาให้อ่านนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: zemicolon ที่ 07-08-2010 17:28:34
น่ารักมากครับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Persephone ที่ 08-08-2010 01:58:30
มาลงชื่อของจองครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 08-08-2010 05:17:04
สนุกมากกกกกกก

เฮ้ยอยากได้สักเล่มจริงๆๆๆ

2คนนั้นน่าจะโดนหนักๆๆๆ

โดนแบนไปเลยตลอดชีพยิ่งดีนะเนี่ย


มีความสุขจริงๆๆที่ได้อ่านเรื่องนี้

ขอยอมรับเลยว่าตอนแรก

นึกว่าต้นน้ำจะเป็นนายเอกสะนี้

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 08-08-2010 16:29:31
ยังจองได้อยู่หรือเปล่าค่ะ
ขอจองด้วย 1 เล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 08-08-2010 21:52:17
น่ารักอ่า

ขอบคุณค้าบบบ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 09-08-2010 14:25:59
อ่า เคยเห็นชื่อคุณนิ้วไขว้ที่พันทิพค่ะ แต่ว่าไม่เคยรู้เลยว่าพี่เค้าแต่งนิยายด้วย
เพราะจะเห็นแต่แปลข่าวน่ะค่ะ เพิ่งรู้ว่าพี่เค้าสนิทกับคุณนาเมฮ์ด้วย
กำลังหานิยายอ่านอยู่พอดีเลยค่ะ เห็นชื่อคุ้นๆเลยจิ้มเข้ามาดู
เดี๋ยวจะลองไปอ่านก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...REPRINT!!! พิมพ์ครั้งที่ 2 !!
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 11-08-2010 16:38:33
ขอบคุณนะคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ............. เพลงรัก .............. by fingers-crossed ...กำลังคิดว่าจะ Reprint ค่ะ!!!
เริ่มหัวข้อโดย: fingerscrossed ที่ 17-08-2010 19:27:53
เอิ่ม... กลับเข้ามาอีกครั้งในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา...

ปรากฎว่ายังมีคนอ่านนิยายเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องทีเดียว อันนี้คนเขียนรู้สึกขอบคุณจนไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีแล้วจริงๆค่ะ

ก็... เอาจริงๆนะคะ ตอนนี้หนังสือในสต๊อกไม่มีเหลือเลยแม้แต่เล่มเดียว แต่... แต่และแต่... ถ้าอยากจะได้กันสักจำนวนหนึ่งก็น่าจะพิมพ์ใหม่ได้อยู่ค่ะ

เพราะฉะนั้น... รบกวนนะคะ ถ้าหากใครอยากจะได้รวมเล่ม (ซึ่งมีตอนพิเศษที่ไม่เคยลงที่ไหนเลยอีกสามตอน) รบกวนแจ้งมาทาง PM ได้ไหมคะ... แล้วเราจะตอบกลับไปทาง PM เช่นกัน

ยังไงลองดูนะคะ ถ้ายังมีเพื่อนนักอ่านที่อยากได้ ก็ยินดีจะพิมพ์เพิ่มค่ะ เพราะตอนนี้คนเขียนเองก็ไม่มีเก็บไว้เลยซักเล่มเหมือนกัน ^_^'''

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...REPRINT!! รอบ 2 พิมพ์ครั้งที่ 3!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Namehoto ที่ 19-08-2010 15:19:02
ตามที่คุณเพื่อนนิ้วไขว้เธอบอกนะคะ

เนื่องจากตัวผู้เขียนก็ไม่มีเก็บไว้สักเล่ม

และยังมีคนต้องการอยู่ เจ้าตัวเลยตัดสินใจรีพรินท์อีกครั้ง ก็คือ เนื้อเรื่องทั้งหมด + สามตอนพิเศษ

เป็นการพิมพ์ครั้งที่ 3

ถ้าใครสนใจ PM หา คุณนิ้วไขว้ได้เลยนะคะ  
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 11-10-2010 08:05:54
เพิ่งได้มาอ่านหลังจากที่เม้นท์ทิ้งไว้คราวที่แล้วว่าจะอ่านน่ะค่ะ
อ่านรวดเดียวทั้งคืนเลย ชอบมากค่ะ ตัวละครดูจริงและไม่เว่อร์เกินไปดี
ทำให้คิดว่าคนรักกันมากๆก็เสียสละให้กันได้ขนาดนี้เลยเนอะ
นึกถึงคนที่อยู่รอบๆตัวเราเลยค่ะ อ่านแล้วยิ้มๆ คู่นี้น่ารักมากอย่างบอกไม่ถูกเลย
เป็นกำลังใจให้นะคะ เชื่อว่าพี่นิ้วไขว้ยังไงก็คงจะแต่งนิยายไปเรื่อยๆแน่ๆ
ขอติดตามเป็นแฟนนิยายของพี่เพิ่มอีกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: arewhy ที่ 11-10-2010 15:01:09
ชอบเรื่องนี้จังครับ
ประทับใจด้วย
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 13-11-2011 13:39:42
>"< สนุกมากค่ะ

อยากอ่านตอนพิเศษจังงง
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 13-11-2011 19:07:07
ชอบจังค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น
แม่ๆของทั้งสองคน
ก็น่ารักมากๆ o13
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 14-11-2011 10:29:54
เข้ามา   :z13: หลังอ่านจบเมื่อคืน

 :mc4:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: ladyzakura ที่ 14-11-2011 16:03:54

อ่านจบแล้วรู้สึกปลื้มมากๆ เลยค่ะ เป็นนิยายดีๆ ที่น่าประทับใจมาก

ความรัก การสนับสนุน แล้วความจริงใจจากคนรอบข้างสำคัญมากจริงๆ

ยิ่งอย่างคนเป็นพ่อแม่แล้วด้วย ปลื้มชะมัด ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 14-11-2011 19:28:29
Thanks for good story~
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 15-11-2011 10:21:58
หวัดดีนาเมฮ์
เห็นชื่อของนาเมฮ์ก็เลยตามเข้ามาอ่าน
อ่านก่อนนะ
 :z2:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 16-11-2011 02:48:05
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากๆเลยค่ะ
หลงรักน้ำต้นตั้งแต่เริ่มอ่านแรกๆ เด็กอะไรขี้อ้อนจริงๆ ไม่น่าล่ะนนท์ถึงขัดใจไม่เคยได้  :laugh:
ขอบคุณคุณนิ้วไขว้สำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ รวมถึงคุณนาเมฮ์คนโพสด้วยค่า  :L2:
ปล.อยากได้รวมเล่มมากๆเลยค่ะ เสียดายมาเจอเรื่องนี้ช้าไปปีกว่าแหนะ  :z3:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Nineน้อย ที่ 16-11-2011 12:15:41
ขอบอกว่าชอบมาก เนื้อเรื่องน่าติดตาม  ชอบ ชอบจริงๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีครับผม

หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: NAS ที่ 11-12-2011 02:55:05
ขอบคุณค่ะ เป็นนิยายรักที่ซาบซึ้งมากๆค่ะ อยากได้หนังสือบ้าง จะมีรีปริ้นอีกมั๊ยค่ะ
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 13-12-2011 08:48:02
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีครับผม :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: YaOi_KUKU ที่ 13-12-2011 15:55:14
สนุกมากเลยคร๊

ขอบคุณนะคร๊ ที่ลงนิยายให้อ่าน  :L2: :L2: :3123: :3123: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: fingerscrossed ที่ 28-12-2011 22:46:13
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน หลังจากที่ไม่ได้แวะเข้ามานานพอสมควร

เห็นมีหลายท่านอยากให้พิมพ์เรื่องนี้ใหม่ รู้สึกคนจะชอบกันเยอะมาก คนเขียนปลาบปลื้มและรู้สึกขอบคุณมากจริงๆค่ะ ทีนี้เรื่องมีอยู่ว่า ขนาดพิมพ์เพิ่มไปแล้วคราวก่อน มันก็หมดอยู่ดี หมดขนาดคนเขียนยังไม่มีเก็บเอาไว้เหมือนกันค่ะ

ทีนี้ ตอนนี้นิ้วไขว้กำลังโพสต์เรื่องสั้นที่ใช้ชื่อว่า MOMENT The serie เอาไว้ ก็กะเอาไว้ว่า ถ้าโพสต์ไปเรื่อยๆแล้วมีคนอยากให้รวมเล่ม ก็จะรวมเล่มบวกตอนพิเศษให้ด้วยเหมือนเดิม แล้วก็เลยคิดว่า จังหวะนั้นน่าจะเอาเพลงรักมารวมเล่มใหม่อีกครั้งไปเลยพร้อมๆกันทีเดียว

ใครที่แวะเข้ามาอีกครั้งและอยากได้รวมเล่มของเพลงรัก ก็เข้าไปแจ้งหลังไมค์เอาไว้ก่อนได้นะคะ ถ้ารวบรวมรายชื่อได้จำนวนหนึ่งก็จะพิมพ์ใหม่แน่นอน นิ้วไขว้จะเข้าไปแจ้งให้ทุกท่านทราบเป็นรายบุคคลเลยค่ะ

ขอบคุณเพื่อนนักอ่านทุกท่านอย่างสุดซึ้งจริงๆค่ะที่ติดตามอ่าน และชอบในผลงาน ^^
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: luna ที่ 28-02-2012 23:19:17
เรื่องนี้สนุกมากค่ะ ชอบมากเลย
คนเขียนแต่งเรื่องและใช้ภาษาได้ดีมากเลยค่ะ   

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 21-04-2012 11:44:18
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยอ้ะ  :sad11:
เป็นนิยายที่ดีมากกกก อีกเรื่องหนึ่งเลยนะ
 o13 o13
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: mulli ที่ 24-04-2012 07:50:04
ชอบน้ำต้นกะพี่นนท์ รักกันหนุงหนิงแท้  o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 30-10-2012 20:36:35
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้  เป็นเรื่องที่ประทับใจมากสุด ๆ อีกเรื่อง....มีทุกอารมณ์ ครบรสเลยทีเดียว  พออ่านไปได้ไม่เท่าไหร่  คิดถึงน้องน้ำเชี่ยวกับพี่พีท, หนูริวกับพี่พสุ   3 เรื่องนี้มีหลากรสหลายอารมณ์ ทำให้รู้ว่าเพื่อคนที่เรารักที่สุด เราสามารถที่จะให้ได้ทุกสิ่งจริง ๆ   :pig4:  o13
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 30-10-2013 16:37:59
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ
พี่นนท์กับน้องน้ำต้น ทั้งอบอุ่น ทั้งซึ้งใจ ทั้งเศร้าใจ
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 11-11-2013 20:34:15
งื้ออออ

เป็น1ในไม่กี่เรื่องที่เราอ่านแล้วชอบมากจริงๆ

ประทับใจในความรักของทั้งสองคน

อยากได้ค่ะ


คงหาไม่ได้แล้ว T T
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 30-01-2014 20:24:51
ความรักที่ดำเนินไปบนพื้นฐานของความเข้าใจ ความจริงใจ บทสรุปของความรักนั้นก็ย่อมสวยงายเสมอ

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 16-03-2015 08:02:23
ชอบมากกกก  เพิ่งได้เข้ามาอ่าน หลงรักพี่นนท์กับน้องน้ำต้นเลย
เป็นพระนายแบบที่ชอบมาก ๆ อ่านแล้วมีความสุขจังเลย  :o8:
เสียดาย ได้มาอ่านช้าไป อยากได้หนังสือจังเลยค่ะ ฮือออ  :mew6:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 17-03-2015 04:03:36
T-T เรารู้สึกเสียดายจริงๆที่เราไปมุดหัวอยู่ที่ไหน
ไม่มาเจอเรื่องนี้ตั้งแต่แรก อยากได้หนังสือสุดๆเลย
ปกติเราติดเรื่องเธอคือลมหายใจอยู่แล้ว พอได้มาอ่านเรื่องนี้อีก
ยิ่งอยากกรี๊ดดังๆ เป็นความรักที่ไม่มีอะไรแทนได้จริงๆ >< ฟิน
พี่นนท์กับน้องน้ำต้น เหมาะสมกันมากๆ
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 17-03-2015 12:41:48
เรื่องนี้สนุกมากกกกกก
รู้สึกเป็นสไตล์อบอุ่นๆ น้ำต้นน่ารัก 5555
 :L2:  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 07-04-2015 03:45:43
ชอบพี่นนท์กับน้องต้นมาก ๆ อ่านแล้วทั้งฟินทั้งซึ้งมาก ๆ เลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 08-01-2016 13:01:00
 o13  ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 18-01-2016 23:52:42
ตอนแรกๆเรื่อยๆมาเรียงๆไปหน่อย แต่พอมีไหมกับเอ้มาก็สร้างสีสันให้กับเรื่องขึ้นได้มากทีเดียว แต่แอบไม่เข้าใจกับการกระทำของนนท์ที่หนีน้ำต้นว่าทำไปทำไม รู้ว่านนท์หวังดีแต่ทำไมไม่แคร์ความรู้สึกน้ำต้นเลย หนีไปดื้อๆซะงั้น และสุดท้ายก็ขอสารภาพว่าเผลออ่านชื่อ "น้ำต้น" เป็น "ต้นน้ำ" บ่อย อิอิ

 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: venass09 ที่ 20-01-2016 17:55:39
เรื่องนี้อ่านจบไปนานแล้ว แต่ตอนนั้นยังเป็นแค่เงาในบอร์ด เลยไม่ได้ขอบคุณ :mew2:
แต่วันนี้มีตัวตนแล้วเลยแวะเข้ามาขอบคุณซะที :L2:
ขอบคุณค่ะ :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 20-04-2016 00:22:31
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ รู้สึกพลาดมากเลยที่ไม่เห็นนิยายเรื่องนี้
หลงนักนนท์กับน้ำต้นมากขึ้นเรื่อยๆทุกๆตอนเลย
เรื่องนี้ทั้งฟิน ทั้งซึ้ง อบอุ่น น่ารัก ดีงามมากเลย
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆแบบนี้ออกมานะคะ
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 21-04-2016 08:20:43
น่ารักอบอุ่นมากค่ะ ขอบคุณนะคะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 31-08-2016 00:28:54
ตามมาจากกระทู้นิยายแนะนำค่ะ  :oni1:
บอกเลยว่าพลาดมาก พลาดที่ไม่ได้อ่านเรื่องนี้ ฮื่ออ เราก็เกือบพลาดแล้วเหมือนกัน
คือนิยายเรื่องนี้มีครบทุกรส ทั้งหวาน ทั้งอบอุ่น ทั้งซึ้ง และทั้งเศร้า มันปนกันไปหมด
ชอบทั้งเนื้อเรื่อง ชอบทั้งภาษา ชอบทั้งตัวละคร ดูโดยรวมแล้วมีมิติมาก
อ่านจบแล้วก็คงคิดถึงน้ำต้นกับนนท์ไปอีกนาน ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 05-12-2018 15:11:46
ขอบคุณมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: .......... เพลงรัก ........... by fingers-crossed ...
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 27-02-2021 23:26:57
 :กอด1: