"ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH  (อ่าน 225436 ครั้ง)

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 28

ชายหนุ่มตัวสูงค่อยๆเคลื่อนกายออกจากเตียงที่นอนอยู่อย่างไม่เร่งรีบ เขาชักชินกับการต้องตื่นเช้าๆอย่างนี้แล้วล่ะ นี่ก็สองสัปดาห์แล้วที่วิชญ์ภาสเปิดเรียน การใช้ชีวิตไปมาข้ามจังหวัดดูจะกลายเป็นของธรรมดาสำหรับวิชญ์ภาสไปแล้ว .. แม้มันจะเหนื่อยบ้าง แต่ถ้าว่าไปการจราจรในกรุงเทพฯก็วุ่นวายไม่แตกต่าง ระยะเวลาที่ใช้อาจมากกว่าการขับรถข้ามจังหวัดอย่างนี้ก็เป็นได้



ชายหนุ่มมองร่างเปล่าของตัวเองในกระจกด้วยรอยยิ้ม.. ก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดน้ำจากฝักให้ไหลชะลงมาบนเรือนกายแกร่งอย่างสดชื่น มือหนาเอื้อมลูบอกตัวเองด้วยความสุขและความอบอุ่นที่ยังปรากฏ เขากับคนตัวบางไม่ต่างอะไรจากคนรัก แต่มันมากกว่าคำว่าคนรัก ..เพราะยิ่งนานวันเขากับกรณ์ก็ยิ่งผูกพันกันมากกว่าเดิมหลายเท่า พักหลังมานี้วิชญ์ภาสไม่ค่อยถูกกรณ์ทำหน้าดุใส่สักเท่าไหร่ .. ดูเหมือนความรักระหว่างทั้งสองจะราบรื่นไปได้เรื่อย ๆ เพราะทั้งสองก็ไม่มีท่าทีจะวอกแวกชายตามองคนอื่น .. แต่ก็ใช่ว่ารักจะเดินทางไปโดยไม่มีสะดุดในเมื่อตอนนี้วิชญ์ภาสกำลังเป็นที่หมายตาของ แพท..รุ่นน้องตัวร้ายเจ้าแผนการ

หลังอาบน้ำชำระล้างกายเสร็จเรียบร้อยก็หยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดตรงราว ขึ้นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วนุ่งเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยอาการที่สดชื่นกว่าเดิมหลายเท่า ..


“ ตื่นแล้วเหรอครับ..” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายคนตัวนุ่มที่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ..


“ อือ..วันนี้มีเรียนเช้าเหรอ” คนตัวบางเอ่ยถามด้วยเสียงงัวเงีย .. พลางยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองเบาๆก่อนจะเดินมาทางวิชญ์ภาสที่ยืนมองอยู่


“ ครับ ..วันนี้เห็นทีผมคงต้องนอนที่คอนโดฯนะครับ คืนนี้จะมีเลี้ยงจับรหัสกัน” วิชญ์ภาสคว้าร่างที่ยืนอยู่ด้านหน้าเข้ามากอดไว้ และเอ่ยบอกไปตามตรง .. แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอกันหนึ่งวันก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกแล้ว

“ อืม.. ไม่ต้องกลับหรอกดึกๆอย่างนั้นขับรถอันตรายออก” กรณ์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ และเอ่ยบอกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วบาง ไม่ค่อยบ่อยที่จะเห็นกรณ์อ่อนโยนอย่างนี้ วิชญ์ภาสเลยรู้สึกดีเป็นพิเศษ จากนั้นวิชญ์ภาสก็ต้องแยกออกจากร่างที่ไม่อยากจะห่าง เพราะหน้าที่ที่ยังต้องมี


..ส่วนกรณ์ก็แยกไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวจะไปทำงานด้วยเหมือนกัน นี่ก็เข้ากลางเดือนแล้วไม่ค่อยมีงานอะไรที่เร่งด่วนอย่างเช่นต้นเดือนที่ผ่าน แต่ตอนนี้กรณ์ก็ต้องเจอปัญหาที่กำลังเดินเข้ามา .. อมรารีสอร์ตกำลังรุกหนักขยายแคมเปญการท่องเที่ยว หากสายลมยังคงนิ่งเฉยอาจทำให้ฐานนักท่องเที่ยวและรายรับที่จะเข้ามาต้องสะดุดแน่นอน



กรณ์อาบน้ำแต่งตัวสักพักหนึ่งก็ลงมาทานอาหารข้างล่าง ซึ่งคนของเขาทานนำหน้าไปก่อน ปกติมักจะทานพร้อมๆกัน แต่พักหลังกรณ์ก็บอกให้วิชญ์ภาสทานนำหน้าไปก่อน เพราะเวลาในช่วงเช้าค่อนข้างเร่งรีบ นอกจากวันไหนที่วิชญ์ภาสไม่มีเรียนเช้าถึงจะอยู่รอทานพร้อมๆกัน



“ หน้าคุณดูเครียดๆนะ..” วิชญ์ภาสเอ่ยทักกรณ์ที่นั่งทานข้าวต้มอยู่ข้างๆ ..อย่างเป็นห่วง




“ หน้าฉันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ..” มือนุ่มแตะหน้าตัวเองอย่างไม่แปลกใจนัก .. ช่วงนี้เขาเครียดจริงๆ ยิ่งอดีตเพื่อนเก่าที่หลายเป็นคู่แค้นแสนร้ายลุกขึ้นมาบุกหนัก .. เลยทำให้กรณ์เครียดเป็นอย่างมาก ยังดีที่ตอนนี้เขามีไหล่หนาให้พักพิง และสามารถแอบอิงในอกหนั่น เลยทำให้กรณ์วางใจของเขาลงได้บ้าง



“ อย่าเครียดมากเลยนะครับ วันนี้ผมไม่กลับบ้านด้วยยังไงก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะครับ” น้ำเสียงของวิชญ์ภาสบอกอย่างชัดเจน แสดงถึงความรู้สึกในหัวใจของวิชญ์ภาสออกมาอย่างไม่ปิดบัง .. มันจริงอย่างที่เขาเคยพูดกับโต้งไว้ เมื่อใดที่พบเจอความรัก เราก็สามารถเป็นไปได้ทุกอย่างเท่าที่รักนำทางไป



“ เห็นฉันเป็นเด็กหรือยังไง” กรณ์ย่นจมูกให้หนึ่งที


“ ผมก็แค่ห่วงคุณเท่านั้นเอง..”




“ รู้แล้วๆ..” กรณ์พยักหน้ารับ แล้วหันไปสนใจข้าวต้มชามใหญ่ตรงหน้าต่อ บรรยากาศของทั้งสองอยู่ในสายตาของใครหลายคนในบ้าน ทุกอย่างที่กำลังเป็นอยู่เหมือนเข้าที่เข้าทาง และทำให้คนรอบข้างมีความสุขตามๆกันไป นี่แหละนะอานุภาพของความรักสามารถบันดาลได้แทบทุกอย่าง



วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของน้องในคณะของวิชญ์ภาส .. จะมีการจับรหัสของเด็กปีหนึ่ง โดยแต่ละคนจะมีพี่สายรหัสของตนสามคนทั้งปีสอง สาม และสี่ .. นักศึกษาหลายคนจึงมารวมกันอยู่ด้านหน้าลานรวม ..



“ ฉันรู้แล้วว่าใครจับได้พี่วิชญ์..” หญิงสาวรูปร่างสมส่วนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง เล่นเอาหญิงสาวที่รับฟังถึงกับหันขวับอย่างตื่นเต้น ..


“ ขอบใจมาก..” หญิงสาวยิ้มให้พร้อมทั้งควักเงินห้าพันส่งให้เพื่อนอย่างหมายมั่น .. ชั่วพริบตากระดาษโพยชื่อของวิชญ์ภาสก็มาอยู่ในมือหญิงสาวอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด แพทจ้องมองชื่อที่อยู่ในมืออย่างสมใจก่อนจะปรายยิ้มออกมา



“ รหัสน้องพรนภัส..พี่หนึ่งปีสอง พี่เอกปีสาม .. และพี่วิชญ์ปีสี่..” รุ่นพี่ที่ขานชื่อเอ่ยขึ้นประกาศผ่านโทรโข่งขนาดเล็กเพื่อประกาศให้ทุกคนรับทราบ ..


“ ซวยแล้วไหมล่ะไอ้วิชญ์เอ๊ย ..” โต้งที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อนสนิทเอ่ยขึ้นอย่างหนักใจแทน ยัยเด็กสุดแรงที่เดินหน้ามาอ่อยเหยื่อตั้งแต่วันแรก มีหรือที่โต้งจะจำไม่ได้ แววตาที่ดูมุ่งหมายบอกชัดว่าหลังจากนี้คงมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นอย่างไม่คลาดคลาย ..



“ ทำไมวะ” วิชญ์ภาสเหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่าภัยร้ายกำลังเดินหน้ามาหาเขา ..



“ ก็ยัยน้องแพทที่มันสอดเบอร์โทรฯในสมุดเซ็นชื่อของมันไงล่ะ ..แกได้มันเป็นน้องสายรหัส คราวนี้แกโดนมันกินได้ง่ายขึ้นแน่ๆ” โต้งตอบไปพร้อมทั้งผลักหัวของเพื่อนให้หันไปมองด้านหน้าเวที




“ กูมีเมียแล้ว..” เสียงมั่นคงดังขึ้นราวกับไม่หวั่นเกรงกับสิ่งใดๆที่จะเข้ามา


“ เอ่อ..ผู้หญิงบางคนเขาไม่สนหรอกว่าผู้ชายจะมีแฟน มีเมียแล้วหรือเปล่า ถ้าอยากได้ก็ต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ได้มา โดยไม่สนใจด้วยว่าวิธีการที่จะใช้จะดีหรือร้ายขนาดไหน และยัยน้องแพทคนนี้ก็เข้าสเปคผู้หญิงอย่างที่กูว่ามาเป๊ะ” คนหน้าตี๋บอกไปด้วยความหวั่นๆแทนเพื่อนของตน คนอย่างแพทจะว่าอ่านออกง่ายก็ได้ แต่ถ้าจะพูดว่ายากก็ไม่ผิด .. อาจจะอ่านง่ายว่าเป็นคนยังไง แต่คงยากที่จะอ่านว่าคิดการแผนอะไรร้ายๆหรือเปล่า


“ พูดอย่างนี้ก็เป็นเนอะมึง” วิชญ์ภาสไม่ยักจะเชื่อว่าเพื่อนของตนจะพูดออกมาได้

“ แล้วมึงจะเอาไงอ่ะ.. พี่รหัสมันต้องเลี้ยงข่าวเด็กปีหนึ่งหนึ่งมื้อ มึงจะเลี้ยงวันไหนอ่ะ..”



“ วันนี้เลยแล้วกัน กูบอกคุณกรณ์ไว้แล้วว่าวันนี้จะไม่กลับบ้าน ..เลี้ยงวันนี้ให้เสร็จๆไปเลย ไม่อยากให้ยุ่งยาก อีกอย่างกูว่ามึงก็เลี้ยงพร้อมกูเลยแล้วกัน นัดพวกไอ้บอมไปด้วยจะได้ไปกันเยอะๆ..” วิชญ์ภาสบอกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเสนอแกมบังคับ

“ วิชญ์ ”

“ หือ..”


“ กูถามจริงดิ..ทำไมมึงถึงรักคุณกรณ์นักหนา ถึงจะน่ารัก ดูน่าเป็นเจ้าของ แต่ก็ร้ายไม่ใช่เล่น มึงก็รู้ใช่ไหมว่าเขามีอิทธิพลมากแค่ไหน ในพื้นที่รอยต่อระหว่างภาคใต้กับภาคกลาง ตอนแรกที่เป็นเรื่องกูนึกว่ามึงจะถูกสั่งเก็บเสียแล้ว” จริงอย่างที่โต้งว่า .. ตระกูลสายลมทรงอิทธิพลแค่ไหนใครๆก็รู้ แม้ตอนนี้จะมีคนของอมราขึ้นมาเทียบรัศมี แต่คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ยังเคารพนับถือทุกสายเลือดที่มาจากสายลมไม่คลาย


“ กูคิดว่าเรื่องอย่างนี้มันพูดยาก ..อย่างที่กูเคยบอกมึงต้องเจอกับตัวถึงจะเข้าใจ”


“ อย่างว่า ..ก็เล่นน่ารัก น่ากอดเสียขนาดนั้น” โต้งได้แต่ส่ายหน้า รู้สึกหมั่นไส้เจ้าเพื่อนสนิทกลายๆ ..โธ่อะไรจะมั่นคงเสียขนาดนี้ .. แต่เห็นเพื่อนมีความสุขเข้าก็รู้สึกมีความสุขไม่แตกต่าง ..


“ สวัสดีค่ะ .. พรนภัสค่ะ ชื่อเล่นแพท” หญิงสาวหน้าใสกล่าวขึ้น



“ ครับพี่ชื่อวิชญ์” วิชญ์ภาสผงะเล็กๆ เมื่อแม่เด็กใจกล้าเดินมาหยุดตรงหน้ารายงานตัว แม้มันจะดูธรรมดาในสายตาคนทั่วไป เพราะวันนี้เป็นวันทำความรู้จักของรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ในสายตาของโต้งเขาก็รับรู้ได้ทันทีว่ายัยนี้กำลังเดินตามแผนจับวิชญ์ภาสไม่คลาด


“ วันนี้ไปกินข้าวด้วยกันเลยดีกว่านะ วันอื่นพี่ไม่ว่าง ว่าแต่น้องรู้จักร้าน Wave หรือเปล่า”


“ ร้าน Wave ตรงสี่แยกใหญ่ใช่ไหมคะ” หญิงสาวเหมือนจะดีใจไม่น้อย เข้าใจไปว่าเหยื่อที่หล่อนหมายตากำลังติดกับ เพราะดูเหมือนจะเร่งไม่น้อย ..แต่ความเข้าใจของเธอคงคลาดไปสักหน่อยเพราะแท้จริงวิชญ์ภาสไม่อยากให้เสียเวลาไปวันอื่น



“ งั้นทุ่มครึ่งเจอกันที่ร้านนะ ..เดี๋ยวพี่จะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อน” วิชญ์ภาสนัดเวลากับหญิงสาว และหันไปสนใจกับเพื่อนข้างกายแทน .. เล่นเอาหญิงสาวถึงกับเก้อไปชั่วขณะแต่คนอย่างหล่อนไม่ยอมง่ายๆหรอก ยังไงคืนนี้ยังอีกยาวไกล ..ดินเนอร์ใต้แสงเทียนบรรกากาศออกจะโรแมนติกขนาดนี้ รับรองว่าพี่วิชญ์ไม่รอดมือเธอแน่นอน



“ แล้วจะนัดเลี้ยงรวมวันไหนอ่ะมึง”


“ อีกอาทิตย์ข้างหน้าแหละ..” โต้งตอบไปก่อนจะลุกขึ้นแยกไป .. อีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดเลยอยากจะกลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่าก่อน วิชญ์ภาสก็เช่นกันรีบขับรถกลับคอนโดฯของตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างที่รถกำลังจะเคลื่อนออกจากหน้ามหาวิทยาลัย ชายหนุ่มก็เห็นใครบางคนที่เพิ่งเจอเมื่อครู่กำลังยืนมองกระโปรงรถตัวเองอยู่อย่างวุ่นวาย


“ เป็นไรเหรอน้อง..”


“ รถแพทเสียค่ะ..” หญิงสาวตอบไปพร้อมทั้งยกมือขึ้นปาดเหงื่อไปด้วย ..

“ แล้วเป็นไรมากไหมล่ะ..เรียกช่างหรือยังไง..”



“ เรียกแล้วค่ะ แต่ท่าทางจะหนักแพทเลยกะจะให้มาดูก่อนแล้วค่อยมาเอารถพรุ่งนี้ค่ะ..” หญิงสาวแกล้งโกหก ที่จริงรถเจ้าหล่อนไม่ได้เป็นอะไรสักอย่างแต่จงใจมาดักรอวิชญ์ภาสก็เท่านั้นเอง ..



“ งั้นให้พี่ไปส่งไหม..” สถานการณ์อย่างนี้ชายหนุ่มจะยื่นมือช่วยก็ดูจะใจดำไปสักนิด และเหมือนมันจะเดินตามแผนของแพททุกอย่าง .. เมื่อท้ายที่หล่อนก็สามารถขึ้นมานั่งบนรถวิชญ์ภาสได้ ตอนที่วิชญ์ภาสถามว่าจะให้ส่งที่ไหนเจ้าหล่อนก็บอกว่าให้ส่งที่แห่งหนึ่งในกลางเมือง แต่เพียงชั่ววินาทีถัดมาก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามา และทำเหมือนว่าที่บ้านหล่อนไม่มีใครอยู่สักคน ..


การเดินทางของแผนการจบลงโดยที่วิชญ์ภาสไม่อาจหลีกเลี่ยงการพาหญิงสาวไปที่คอนโดฯของตน
หากเป็นเมื่อก่อน คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ..แต่ตั้งแต่ที่วิชญ์ภาสได้รู้จักคำว่าความรัก ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหกล้ำกรายเข้ามาภายในที่ของเขาเลยสักคน



“ ทำตัวตามสบายนะ..พี่อาบน้ำก่อน” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในห้อง .. จากนั้นก็วางข้าวของของตนลงบนโต๊ะอย่างผ่อนคลาย .. เขาเชื่อว่าหากตัวเองบริสุทธิ์ใจคงไม่มีอะไรต้องวุ่นวายใจหรอก อีกอย่างเขาก็เชื่อใจของตัวเองว่าจะไม่มีทางวอกแวกออกจากความรักที่มอบให้กรณ์แน่นอน


หญิงสาวลุกขึ้นอย่างกระหยิ่มย่อง เมื่อทุกอย่างที่วางแผนดูจะเข้าล็อค เธอเดินรอบๆห้องของวิชญ์ภาสอย่างวาดหวัง ... ก่อนที่หนึ่งเสียงจะดึงร่างของเธอให้หลุดออกจากภวังค์คิด สายตาคู่สวยหันไปมองทางต้นเสียงอย่างสงสัยแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหน้าโทรศัพท์มือถือที่กำลังกรีดร้อง ..


“ ชิ..” แพทมองหน้าจอด้วยความคิดบางอย่าง .. ภาพของวิชญ์ภาสกับกรณ์ที่ถ่ายด้วยกันเมื่อวันก่อนปรากฏขึ้นหรา แถมชื่อที่กำกับอยู่ด้านหน้ายิ่งเพิ่มความชิงชังแก่หญิงสาวได้มากมายนัก .. ‘wife’

“ ฮัลโหล..” แพทยกโทรศัพท์ขึ้นกดรับ


“ เอ๊ะ..แล้ววิชญ์ล่ะ” กรณ์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าปลายสายเป็นหญิงสาวรับสาย เขาตั้งสติแล้วถามต่ออย่างพยายามวางใจให้เป็นกลาง


“ พี่วิชญ์อาบน้ำอยู่ค่ะ..”



“ แล้วเธอเป็นใคร ..” กรณ์ถามเสียงขุ่น ภายในใจรู้สึกรุ่มร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน .. วิชญ์ภาสไม่เคยทำให้กรณ์หวาดระแวงเลยสักครั้ง เมื่อเจออย่างนี้เลยค่อนข้างอึ้ง แต่ก็ยังอยากจะถามให้รู้เรื่องคนอย่างนั้นไม่ใช่พวกหุนหัน เขาต้องสืบให้รู้ความจริงเสียก่อนแล้วค่อยโมโหหรือโกรธ



“ แล้วคุณคิดว่าไงล่ะคะ” แพทตอบไม่ตรงประเด็น จากนั้นก็เลือกกดตัดสายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเคลื่อนไหวจากทางด้านหน้าห้องน้ำ เลยทำให้เธอต้องรีบวางโทรศัพท์แล้ววิ่งกลับไปนั่งตรงโซฟาก่อนที่วิชญ์ภาสจะสังเกตอะไร ..

โทรศัพท์เครื่องเดิมกรีดร้องอีกครั้ง .. อย่างที่บอกว่าหากยังไม่รู้เรื่องกรณ์ไม่ยอมหรอก


ชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำ.. เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์เลยเดินดิ่งมารับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เขากดรับอย่างปกติ


“ นี่ยัยผู้หญิงบ้า ตกวิชามารยาทหรือยังไง ถึงได้วางสายใส่ฉันหา ..” เสียงปลายสายรัวฉาดมาเป็นชุดเล่นเอาวิชญ์ภาสถึงกับอึ้งกิมกี่..กรณ์อารมณ์ค้างจากอะไรหรือทำไมถึงได้สวดยับขนาดนี้ .. วิชญ์ภาสจำต้องยืนฟังอีกฝ่ายบ่นอยู่เกือบนาทีกว่าเขาจะพูดอะไรออกมาได้ ..อันว่าน้ำเชี่ยวอย่างเอาเรือไปขวาง

“ เป็นอะไรไปครับ..”


“ ผู้หญิงคนนั้นไปไหนแล้ว ..” กรณ์ชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าคนที่ตนกำลังพล่ามบ่น คือชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจของตัวเองหวั่นไหวมากกว่าเดิม


“ ผู้หญิงไหน”


“ ก็เมียแกไงไอ้บ้า..” กรณ์กระชากเสียงใส่อย่างโกรธๆ ..


“ เรียกหาตัวเองทำไมล่ะครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มเล็กน้อย

“ อย่ามาตลกถ้าแกยังไม่อยากตาย ไอ้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน ถ้ามันไม่ใช่เมียแกแล้วมันจะอยู่ห้องแกได้ยังไง แถมยังรู้อีกว่าแกอาบน้ำอยู่..”


“ ฮะๆ..”


“ ตลกมากใช่ไหม ..ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าเลยนะ..”


“ ใครบอกว่าผมตลกคุณหา ..ผมกำลังดีใจต่างหาก ปกติไม่ค่อยเห็นคุณเป็นอย่างนี้สักเท่าไหร่ ก็แค่ดีใจที่คุณหึงผมก็เท่านั้นเอง..” เพราะวิชญ์ภาสบริสุทธิ์ใจเขาเลยไม่กลัวว่ากรณ์จะเข้าใจผิด .. เขาเชื่อว่าความจริงใจที่เขาแสดงมาตลอดหลายเดือนจะทำให้กรณ์ฟังความจริงจากปากของเขา

“ ก็จะหึงแล้วไมวะ..”

“ หึงก็มาจับให้ได้คาหนังคาเขาสิครับ ..”


“ แกท้าเหรอ..”



“ ครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มรับอย่างสุดกว้างแล้วตัดสายโทรศัพท์ของตัวเองไป .. ตามจริงเขาควรจะกังวลและวุ่นวายใจ แต่ไม่รู้สิเขากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ได้กลัวว่ากรณ์จะโกรธหรือโมโหเลย .. เพราะเขารู้ดีว่าหากกรณ์โกรธมันจะร้ายแรงแค่ไหน กรณ์ไม่มีทางพูดหรือด่าใส่เขาอย่างที่เป็น แต่เขาจะได้รับการตอบแทนอย่างแสนเย็นชา .. หากกรณ์ยังด่ายังเหวี่ยงใส่แสดงว่าวิกฤตการณ์ยังไม่เข้าสู่ช่วงอันตราย ..

“ สบายใจจริงเลยนะคะพี่วิชญ์..” แพทจงใจเอ่ยขึ้น



“ แฟนพี่โทรฯมาก็ต้องดีใจสิ” วิชญ์ภาสเองก็จงใจเน้นคำว่าแฟนอย่างชัดเจน .. ตัวต้นเหตุของเรื่องราว คิดเหรอว่าเขาจะโง่ไม่รู้ตัว แต่ชายหนุ่มก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ..ไม่ได้โกรธแต่จำ .. ชายหนุ่มแยกไปแต่งตัวภายในห้องของตัวเองก่อนจะเดินออกมาสมทบกับหญิงสาวที่นั่งวางแผนร้าย ..


“ ทำไมเราไม่ทานกันแถวนี้ล่ะคะ..”



“ พี่อยากกินร้าน wave” วิชญ์ภาสไม่ได้ให้เหตุผลอะไร แต่แพทก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าวิชญ์ภาสจะขับรถย้อนไปทางแถวสี่แยกมหาวิทยาลัยทำไม ในเมื่อทานกันแค่สองคนจะหาร้านแถวนี้ก็ได้.. ดูเหมือนหล่อนจะมองโลกในแง่ดีเกินไปกระมัง .. ที่ต้องเป็นร้าน wave เพราะวันนี้ไม่ได้ทานแค่สองคนเท่านั้น วิชญ์ภาสจะไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองต้องอยู่กับหญิงสาวเพียงลำพังอีกแล้ว หากยังประมาทเขาเองนี่แหละที่อาจต้องพลาดพลั้ง ..


..call me .. เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นแทรกทุกความเงียบให้หมดไป ชายหนุ่มกดรับที่บลูทูธอันจิ๋วข้างๆหู ช่วงนี้ทางการยิ่งรณรงค์โทรฯห้ามขับ อุปกรณ์นี้จึงกลายเป็นที่นิยม


“ ไงวะโต้ง..”


“ ไอ้เพื่อนเวรเอ๊ย .. ทำไมเมียมึงโหดอย่างนี้หา รู้หรือเปล่าว่าเพื่อนมึงเกือบตายเพราะลูกสมุนของคุณเมียของมึง มึงไปทำอีท่าไหนวะ เมียมึงถึงให้คนมาคาดคั้นกับกูว่ามึงอยู่ไหน” เสียงของโต้งดูจะโหวกเหวกจนวิชญ์ภาสต้องสะดุ้งแต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่โต้งบอกออกมาก็ยิ่งทำให้แปลกใจมากกว่าเดิม


“ ทำไมวะ ..”


“ ก็คุณกรณืไปหามึงที่ห้อง ..แล้วมึงไม่อยู่.. กูละซวยโดนโทรฯตาม” โต้งตอบกลับมา เมื่อเขาถูกกรณ์ตามตัวไปพบเมื่อสิบนาทีก่อน ตอนนี้วิชญ์ภาสกำลังติดแหงกอยู่กลางการจราจรเมืองหลวง เลยทำให้คลาดกับกรณ์ที่ไปหาที่ห้องตอนนี้คนหน้าหวาน เลยมุ่งไปถามความจากโต้งแทน ..

“ จริงอะ..”


“ มึงไม่กลัวบ้างหรือยังไง..” โต้งดูจะแปลกใจ


“ ขอโทษครับคุณเพื่อนโต้ง ถึงผมจะเกรงใจภรรยา แต่ก็ไม่ได้กลัวโว้ย อีกอย่างเห็นคุณกรณ์เป็นอย่างนี้มันรู้สึกดีชิบ .. เดี๋ยวเจอกันที่ร้านนะเพื่อน..” คนเจ้าเสน่ห์ยิ้มกว้างด้วยความสุข .. แล้วตัดสายของเพื่อนไป

“ พี่โต้งไปด้วยเหรอคะ..”


“ เอ้ายังไม่รู้เหรอ ไอ้โต้ง ไอ้บอมก็นัดเลี้ยงน้องรหัสเหมือนกัน” วิชญ์ภาสตอบไปราวกับเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่รับรู้ทำเอาหญิงสาวถึงกับแค้นจัด ..ทั้งเรื่องที่ทำอะไรกรณ์กับวิชญ์ภาสไม่ได้ แล้วไหนอาหารแสนโรแมนติกมื้อนี้จะมีมารมาขวางกลางอีก แต่หล่อนคงไม่รู้ว่าการที่หล่อนกล้าเข้าไปแหยมคนของกรณ์ แค่คิดก็ผิดแล้ว ..


Wave ..ชื่อร้านสีแดงฉานหน้าร้านตั้งเด่นเป็นสัญลักษณ์ แล้วรถของวิชญ์ภาสก็จอดลงด้านหน้าชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้าน พร้อมหญิงสาวที่รีบสาวเท้าตามไม่ห่าง วิชญ์ภาสมองซ้ายมองขวาอยู่พักหนึ่งก็มองเห็นพรรค์พวกของตัวเองนั่งรออยู่ตรงสวนใจกลางร้าน .. และเหมือนทุกสายตากำลังมองมาที่เขาไม่คลาย ..


ชายหนุ่มเผยยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าภายในกลุ่มเพื่อนและน้องรหัสปีหนึ่งมีใครอีกคนนั่งรวมอยู่ด้วย

“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสรีบเดินเข้าไปหาอีกคนที่นั่งอยู่อย่างไม่กลัวเกรง ท่ามกลางความหวาดหวั่นของคนในร้าน ก็โต๊ะอื่นๆที่กลางสวนเป็นคนของกรณ์ทั้งนั้น ที่สำคัญแต่ละคนละหน้าตาโหดทั้งนั้นเลย .. วิชญ์ภาสช่างกล้า โต้งยังแอบชื่นชมอยู่ลึกๆที่เพื่อนของตนไม่แสดงความหวาดหวั่นออกมา



ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
555555

กรณ์นี่แรงโดนใจจริง ๆนะ

ชอบบบบบบบบบบบบบบบ

อย่างยัยแพทมันต้องเจอแบบนี้แหละ

โดนชุดใหญ่แน่

แต่สงสัยงานนี้คงไม่ใช่แค่แพทนะ

วิชญ์ก็อาจจะโดนบ้างไรบ้าง

โทษฐานดีใจเกินเหตุ  :laugh:

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
อุ้ย มันส์พะย่ะค่ะ

nanao

  • บุคคลทั่วไป
สุดยอดเลยครับ  มาให้อ่านแบบไม่หวาดไม่ไหวเลย

ขอบคุณมากคร้าบ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
จับชะนีเชือดแล้วเอาไปทำ ชะนีส้มเลย

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
โอ้ยยยยยยยยยยยยย มันค้างมากมายอ่ะ ปล่อยให้ค้างอย่างงี้ได้ยังไงอ่ะคร้า

โอ้ยยยยยยยยยยยยยย ไม่ไหวแล้ววววววส่งตอนต่อไปมาให้หนูซะดีดีดนะคร้าๆๆ  o18

doomare

  • บุคคลทั่วไป
ชอบที่กรณ์เป็นแบบนี้

เอาแบบนี้เรื่อยๆเลยน่ะ ชอบบบบบบบบบ

กรณ์แรงได้อีก

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 o18ไม่ได้มาอ่านตั้งหลายวัน น่ารักกกกกกกกกกก คุณกรณ์น่ารักมากกกกกกกกก  ร้ายจิงๆๆนะยายแพทททท  ขอบคุนค่ะๆ รอนตอนต่อไป   :impress3:

ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
กรี๊ด...ยัยแพทจะโดน :beat:ไหมเนี่ย

ชอบแบบหึงๆๆ

รออ่านต่อไป  :L2:

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
วันนี้ไม่มาต่อเหรอคร้า คุณพี่ o22

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 o18 งานนี้ยัยแพทเสร็จแน่  o18

nanao

  • บุคคลทั่วไป
คุณกรณ์สุดยอดอ่ะ

จัดการยายแพทให้หลาบจำเลย *0*

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เข้ามารออ่ะคร้า วันนี้จะไม่มาจริงๆๆ เหรอคร้า :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
menano  ชอบที่คุณกรณ์เป็นแบบนี้เหมือนกัน"หึงโหด"

Ryze  มันส์พอที่จะเป็นละครน้ำเน่าได้หรือยังค่ะ 55555

SomLove  อยากจะลงให้ทีหลายๆตอน คนอ่านจะได้ไม่ขาดตอนค่ะ

pongsj  ชะนีส้มเลยหรอ 55555 แต่ถ้าทำมาแล้วใครจะซื้อกินเนี๊ยะ

k_K_U_K_K_I_K  มาต่อให้แล้วคร๊าบบบ พอดีตอนกลางวันมันไม่ว่างเลยมาดึกหน่อยค่ะ

doomare  55555 ชอบคุณกรณ์แบบนี้กันใหญเลย

kitty  ว้าววว หายไปไหนมา นึกว่าจะไม่มาอ่านซะแล้ว

tutu  คุณกรณ์ไม่ตบหรอกค่ะ เสียมือเปล่าๆทำอย่างอื่นดีกว่า หึ หึ

THIP  ยัยแพทจะเสร็จยังงัยต้องติดตามค่ะ


มาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะลงต่อให้เลยค่ะ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 29


“ ไม่คิดว่าคุณจะมาจริงๆ..” วิชญ์ภาสมาหยุดอยู่ตรงหน้ากรณ์ด้วยความดีใจพร้อมทั้งเอ่ยถามขึ้นเสียงร่าเริง ท่ามกลางความแปลกใจของเพื่อนๆร่วมรุ่น รวมถึงรุ่นน้องสี่ห้าคนที่ร่วมอยู่ด้วย .. หลายคนเคยได้ยินมาถึงอดีตที่แสนร้ายของวิชญ์ภาส แต่เพราะความรักทำให้วิชญ์ภาสเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่.. และวันนี้เพิ่งได้เห็นว่าคนที่ทำให้เสือร้ายสยบแทบเท้าคือใคร


“ ท้าฉันเอง ..ไหนยัยนั่นล่ะ..”


“ วันนี้มีคนนอกด้วยเหรอคะ..” และผู้กล้าที่ท้าทายกรณ์ก็เอ่ยแทรกขึ้นมา .. สายตาดุๆตวัดมองอย่างเอาเรื่อง เพราะน้อยคนนักจะกล้าทำเช่นนี้


“ ขอโทษนะคะ วันนี้เลี้ยงรหัสกันพี่รหัสกับน้องรหัสต้องนั่งข้างกันไม่ใช่เหรอ..” หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ข้างกรณ์แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่หวั่นๆ .. แต่หากหล่อนรู้ว่าคนที่กำลังท้าทายอยู่ไม่ใช่คนทั่วไป หรือเป็นเพียงนักศึกษาต่างสถาบันที่วิชญ์ภาสไปติดพันหล่อนคงสะอึก...


“เหรอ..” กรณ์กระแทกเท้าของตัวเองพร้อมทั้งส่งร่างให้ยืนขึ้น ใครๆก็ไม่กล้าจะเอ่ยอะไรออกไป แต่ยัยแพทผู้กล้าก็นั่งแทนที่ของกรณ์ลงไป ..

“ นั่งสิคะพี่วิชญ์..”



“ มันจะมากเกินไปแล้วนะ..” วิชญ์ภาสสะบัดมือที่จับมือของตัวเองออก .. หากทำเขาเขาจะไม่รู้สึกอะไรนักหรอก แต่หากกล้ามาทำคนที่เขารัก เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน ..


“ เขาบอกให้นั่งก็นั่งสิ..” กรณ์บอกเสียงแผ่ว .. วิชญ์ภาสเลยต้องยอมนั่งลงตามที่กรณ์บอก..ทันทีที่ร่างสูงนั่งลง ร่างของกรณ์ก็นั่งทับลงบนตักอีกคนท่ามกลางความตกใจของใครหลายคน .. วิชญ์ภาสขยับตัวไปด้านหลังจนติดกับพนัก และแยกขาออกให้กรณ์นั่งลงตรงช่องว่างอย่างไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ..

หญิงสาวมองอย่างกระฟิดกระเฟียด..เพราะไม่อาจจะทำอะไรได้



“ คุณหายข้องใจหรือยังครับ..” วิชญ์ภาสกระซิบถามคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าของตนอย่างแผ่วๆ เพียงให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น


“ อะไร” เสียงกรณ์ยังคงแข็งๆ ..



“ ก็เรื่องผมกับยัยผู้หญิงนี่ไง..” วิชญ์ภาสบอกไปพร้อมทั้งบุ้ยปากไปยังหญิงสาวที่อยู่ไม่ห่างจากเขากับกรณ์สักเท่าไหร่ ..ในเมื่อกรณ์ไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง เขาก็ไม่แคร์หรอก.. กลับรู้สึกภูมิใจมากกว่าที่คนน่ารักซึ่งใครมายมายหมายปองอยากเป็นเจ้าของอยู่ในอ้อมอกของเขา


“ รสนิยมต่ำ..เลือกเป็นเมียทั้งทีเอาผู้หญิงนิสัยไม่ดีนี่นะ..”


“ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย .. แล้วผมก็มีเมียคนเดียวด้วย..” วิชญ์ภาสกระชับแขนด้านช้ายเข้ากับเอวของกรณ์ แล้วย้ำความมั่นใจด้วยเสียงที่หนักแน่น ..


“ กลับบ้านก่อนเถอะ..แกตายแน่”


“ ตายคาอกคุณผมยอมครับ..” คนเจ้าเล่ห์บอกไปด้วยน้ำเสียงทีเล่น .. ยังไงตอนนี้ระหว่างกรณ์กับวิชญ์ภาสก็ต้องร่วมมือกันก่อน ยัยแพทมันคงไม่เลิกราไปง่ายๆหรอก

Rbbbb…เสียงโทรศัพท์ของกรณ์ดังขึ้น ชายหนุ่มเลยต้องละจากร่างของวิชญ์ภาสเดินปลีกไปคุยด้านหลังร้านก่อน .. คนตัวสูงเลยถือโอกาสไปล้างไม้ล้างมือในห้องน้ำอย่างไม่สนใจสายตาที่มอง


“ ไอ้เด็กนี่มันมีดียังไงคะ ทำไมพี่วิชญ์ถึงหลงนักหลงหนา” ทันทีที่ทั้งสองหายไปจากโต๊ะ ยัยแพทก็เอ่ยขึ้นอย่างหมั่นไส้ที่ตัวเองถูกหยามหน้ากันเช่นนี้




“ ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับสองคนนี้” โต้งที่ร่วมโต๊ะแต่ต้นเอ่ยเตือน ..



“ ขอบคุณในความหวังดีค่ะ แต่แพทไม่ต้องการ” เจ้าหล่อนสะบัดเสียงใส่ แล้วเดินออกจากโต๊ะตามวิชญ์ภาสไปทางห้องน้ำ ..ทิ้งไว้เพียงสายตาระอาของคนทั้งโต๊ะ ..

วิชญ์ภาสล้างไม้ล้างมือเสร็จก็เดินออกจากห้องน้ำอย่างไม่ทันระวังตัว .. ก็โดนหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาชน..



“ จะรีบไปไหนคะพี่วิชญ์ ..เขาไม่หายไปไหนหรอก” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างหมั่นไส้ แต่เสียงที่แสนบาดหูก็ลอยไปกระทบโสตประสาทของคนหน้าสวยที่ปลีกมาคุยโทรศัพท์อยู่หลังร้าน กรณ์เข้าหลบตรงพุ่มไม้ข้างๆและมองดูไปยังต้นเสียงก็พบคนของเขากำลังยืนคุยอยู่กับหญิงสาวตัวปัญหา



“ ถึงไม่หายแต่พี่ก็อยากอยู่ใกล้กับคุณกรณ์..” วิชญ์ภาสตอบกลับไปอย่างมั่นคง .. คนอย่างแพทหมายจะได้คือต้องได้ ไม่ว่าต้องใช้วิธีการใดๆ แต่ในเมื่อหล่อนต้องการ ..หล่อนก็จะยอมทุกอย่าง


“ มันมีดีอะไรคะ..” เธอผลักร่างวิชญ์ภาสให้ชิดกับผนังด้านหลัง ก่อนจะวางมือลงบนอกหนั่นของชายหนุ่มอย่างถือดี..มือนางเคลื่อนไปทางด้านในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสกับความแข็งแกร่งของอกหนา


“ อย่ามาเรียกคุณกรณ์ว่ามัน..” ชายหนุ่มถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ


“ แพทว่าคนหล่อๆอย่างพี่ไม่น่าจะหยุดอยู่ที่เขานะคะ.. ปกติพี่เล่นสองสามครั้งก็เขี่ยทิ้งแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมกับรายนี้ถึงอยู่ทนอยู่นาน สงสัยจะโดนเสน่ห์..” ปากก็พล่ามไป ส่วนมือก็ยังรุกไล้ วิชญ์ภาสที่กำลังโมโหไม่รู้เลยว่ามือของหญิงสาวได้เริ่มล้วงล้ำไปวนเวียนตรงรอบๆสะดือของเขาแล้ว


“ จำไว้ว่าอย่ามายุ่งกับพี่อีกถ้าไม่อยากเดือดร้อน ที่สำคัญอย่าคิดนะว่าเธอจะทำให้พี่กับคุณกรณ์เลิกกันได้ เรื่องวันนี้ที่แอบรับโทรศัพท์ตั้งใจจะทำให้พี่กับคุณกรณ์โกรธกัน พี่ให้อภัยได้ แต่ถ้าครั้งต่อไปยังมีอีกเธอได้รู้แน่ว่านรกเป็นยังไง..พี่มันไม่ใช่คนดี ที่สำคัญเธอก็ไม่ใช่คนที่พี่รักไม่จำเป็นที่พี่ต้องดีกับเธอ..” มือหนาผลักร่างที่เบียดเสียดกับตนออกอย่างแรง จนเธอเสไปเบื้องหลัง ..


“ แล้วพี่จะเสียใจ ..แต่แพทบอกพี่ไว้เลยนะว่าแพทไม่รามือง่ายๆ อะไรที่แพทต้องการแพทต้องได้ ” หญิงสาวชี้หน้าให้อย่างโกรธแค้น แล้วเดินกระแทกเท้ากลับไปที่โต๊ะก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินจากไปด้วยความไม่พอใจ ..


“ ไอ้บ้าเอ๊ย ..ผู้ชายมีเป็นร้อย กล้าดียังไงมายุ่งกับสามีชาวบ้านเขา” กรณ์มองตามร่างของหญิงสาวที่เดินออกไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน .. แต่ชายหนุ่มก็มาสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อคิดทวนสิ่งที่พูดออกไป ‘สามี’ งั้นเหรอ


คนตัวสูงที่หงุดหงิดเพราะถูกยั่วโทสะจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย ..ในจังหวะที่กำลังจะเดินผ่านก็เหลือบเห็นเงาของใครสักคนที่คุ้นเคย แถมกลิ่นหอมที่ลอยมากับสายลมก็ทำให้วิชญ์ภาสรับรู้ได้ว่าคนของเขาอยู่แถวๆนี้..ชายหนุ่มเดินอ้อมกลับไปทางห้องน้ำโดยไม่ทำให้กรณ์สงสัย จากนั้นก็ค่อยๆเดินย้อนไปทางแนวพุ่มไม้ที่กรณ์หลบอยู่


..โอ๊ะ... ร่างบางถูกตวัดเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอันสุดอุ่น


“ เฮ้ย..ไอ้บ้าใครนี่” กรณ์ถามอย่างตกใจ เพราะอยู่ๆก็ถูกกอดอย่างนี้



“ สามีตัวเองจำไม่ได้เหรอครับ...” เสียงทุ้มหนาดังขึ้นบอก ทำให้ร่างที่ดิ้นอยู่หยุดดิ้นไปอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น กรณ์สงบนิ่งในอ้อมกอดนั้น ตอนนี้ก็ได้ยินเรื่องต่างๆจากปากวิชญ์ภาสหมดแล้ว เลยทำให้ความโกรธที่แบกอยู่ในใจละลายไปกับความจริงทั้งหมด


“ แอบฟังนานหรือยังนี่..”



“ ไม่ได้แอบ ..ดันเดินมาคุยกันแถวนี้ทำไม” กรณ์ตอบโยกโย้ไม่ยอมรับว่าตัวเองแอบฟัง ..


“ โอเคๆ..คุณไม่ได้แอบฟัง แต่ได้ยินทุกอย่างที่ผมพูดโดยบังเอิญ สรุปว่ายังโกรธผมอยู่อีกหรือเปล่านี่ หรือต้องให้ผมอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีกไหม..” ชายหนุ่มจับร่างที่เขากอดให้หันมาเผชิญหน้า แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงจริงจัง ดวงตาคู่กลมมองไปเบื้องหน้าด้วยความรักและอบอุ่น


“...” กรณ์ส่ายหน้าไปมา


“ โอเคครับ ..สรุปว่าเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม”



“..” คราวนี้กรณ์จึงเลือกพยักหน้าแทน ..ทำให้รอยยิ้มแสนสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าวิชญ์ภาสอีกครั้ง ชายหนุ่มแนบหน้าของตัวเองเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วกระซิบในหนึ่งอย่างที่ทำให้กรณ์ต้องหน้าแดงก่ำ



“ วันนี้คุณหึงโหดมากเลยนะ ...แต่ผมก็ชอบที่เห็นคุณเป็นแบบนี้บ้าง..” มือของชายหนุ่มเอื้อมโอบกระชับร่างนุ่มให้แนบชิดกับตนมากกว่าเดิม ..เพราะเหตุการณ์วันนี้มันทำให้วิชญ์ภาสมั่นใจและมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว กรณ์แสดงออกชัดเจนว่าภายในหัวใจดวงน้อยก็มีวิชญ์ภาสอยู่เต็มหัวใจเหมือนกัน


“ คุณกรณ์ครับ..”



“ อะไรเหรอ..” กรณ์หันกลับไปมองคนที่ขับรถอยู่อย่างแปลกใจ หลังจากที่เคลียร์เรื่องวุ่นวายจบวิชญ์ภาสก็ลาเพื่อนๆที่ร่วมโต๊ะและขับรถออกมากับเขา ตลอดเส้นทางเหมือนเต็มไปด้วยดวงตาของความรักและความอบอุ่นที่มอบให้กัน


“ ขอบคุณนะ..”


“ อะไรอะ” กรณ์เลิกคิ้วมอง



“ ปกติเวลาคุณโกรธคุณชอบห่างออกไปหรือไม่ก็ไม่พูดกับผมสักคำเดียว แต่วันนี้คุณกลับโมโห วุ่นวายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันทำให้ผมใจเต้นเร็วอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยก็พอรู้ว่าในใจคุณก็มีผมบ้าง” พูดเองก็เหมือนจะเขินเอง ทั้งที่อาการนี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ตอนนี้วิชญ์ภาสเขินมากจริงๆ .. ยิ่งได้เห็นดวงตาใสๆ ใบหน้าหวานใกล้ๆ ยิ่งทำให้หัวใจมันสูบฉีดเร็วขึ้นกว่าเดิม



“ ไม่มี...นายคงตายไปนานแล้ว..” กรณ์ย่นจมูกใส่แล้วล้มกายลงเอนกับเบาะพร้อมปิดตาลง ..



“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสเหลือบมองด้วยสายตาเบิกกว้าง .. คำที่กรณ์เอ่ยมานั้น คำที่พูดออกมา มันเป็นความจริงใช่ไหม ในที่สุดกรณ์ก็ยอมรับว่าใจของกรณ์เองก็มีเขาอยู่



“ เรียกทำไมวุ่นวายจริง..” กรณ์แสร้งบ่นแต่ภายในใจกลับกำลังเขินจนหน้าแดงก่ำ..



“ ไม่วุ่นวายก็ได้ แต่คืนนี้ผมรักนะ..” วิชญ์ภาสยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้คนน่ารักที่นับวันจะมัดใจเขาได้มากขึ้นและมากขึ้น .. ริมฝีปากอิ่มสัมผัสกับปากของกรณ์เพียงแผ่วเบา ก่อนจะผละกลับไปสนใจพวงมาลัยและทางด้านหน้า .. คนตัวบางหันไปอีกทางแล้วปรายยิ้มออกเช่นเดียวกัน .. นี่แหละอำนาจของความรัก



.. เจ้าของบ้านสายลมเดินเคียงข้างคนที่ท้าให้เขามาจับไต๋ไม่ห่าง ... โดยมีมือหนั่นหนาของคนตัวสูงโอบกระชับเอวของเขาไม่ให้ห่างไปไหน กรณ์ไม่สนใจอะไรอยู่แล้วล่ะ .. เพราะเขาเคยสนมามากต่อมาก มากจนเผลอทำร้ายตัวเองก็หลายครั้ง จนเมื่อได้รู้จักความหมายที่แท้จริงของความรักกรณ์ถึงได้เข้าใจ ว่าบางทีเขาควรจะดูแลหัวใจของตัวเองบ้าง ..



.. ห้องของวิชญ์ภาสเปิดออกเพื่อต้อนรับใครอีกคนอีกครั้ง .. เป็นครั้งที่สองที่กรณ์ได้เดินเข้ามาในเขตของวิชญ์ภาส ได้เดินเข้ามาเป็นหนึ่งในโลกของวิชญ์ภาส



“ คุณมาอย่างนี้แล้วทางโน้นไม่เป็นอะไรเหรอ..” เจ้าของห้องทิ้งกายลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ อย่างอ่อนแรงก่อนจะหันไปถามอีกคนที่นั่งลงข้างๆด้วยความแปลกใจ



“ พรุ่งนี้คนรถจะมารับแต่เช้า..” กรณ์บอกไปตามที่เป็นจริง .. ตอนที่อยู่ร้าน wave สุรีย์ก็โทรฯมารายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับการช่วงชิงแคมเปญการท่องเที่ยวกับทางจังหวัด ระหว่างสายลม และอมรา พรุ่งนี้เช้ายังมีประชุมใหญ่ของบริษัท ตลอดจนรีสอร์ตเครือสายลมทั้งหมด ..



“ แล้วไม่เหนื่อยแย่เหรอ..” คมหน้าแกร่งปรายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกมือบางของอีกคนขึ้นมากุมไว้ ..



“ อะไรที่เป็นของฉัน ฉันไม่ยอมให้มันเป็นของคนอื่น จนกว่าที่ฉันจะไม่ต้องการมัน ..” ด้วยเพราะกรณ์ไม่ใช่พวกพูดจาพาทีหวานๆเก่ง เลยไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรออกไป ..จึงเลือกพูดในแบบของตน พูดในแบบที่คนอื่นฟังอาจต้องสะอึก แต่กลับคนที่เป็นหนึ่งเดียวกับกรณ์กลับรู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก



“ ผมนึกว่าผมจะขี้หวงคนเดียวซะอีก ที่ไหนได้คุณก็ขี้หวงเหมือนกัน..” รอยยิ้มบางๆที่มีค่อยๆเปิดออกจนกว้างขึ้นกว่าเดิม .. ดวงตาของชายหนุ่มดูจะทอประกายสดใสมากกว่าวันไหน ๆ ..มือที่กุมมือกรณ์อยู่ดึงให้อีกคนขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม จนสุดท้ายกรณ์ต้องขึ้นมานั่งคร่อมตักอีกฝ่ายเพราะแรงดึง .. ร่างของทั้งสองแนบชิดจะมีก็เพียงเนื้อผ้าที่กั้นขวาง แต่ลมหายใจ ดวงตา และความอบอุ่นกลับใกล้ชิดกัน


“ เพี้ยนป่ะนี่..” นิ้วชี้เรียวจิ้มลงกลางหน้าผากชื้นเหงื่อของเจ้าตากลม ..

“ คุณกรณ์..”


“ อืม..” กรณ์มองตาคนที่นั่งด้านล่างรับด้วยเสียงสั้นๆ


“ อาทิตย์นี้มีเลี้ยงใหญ่สายรหัส ..ผมต้องนอนที่นี่อีก วันนั้นคุณมานอนที่นี่กับผมได้ไหมครับ..” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกพร้อมทั้งขออีกคนไปในตัว ..

“ วันไหนล่ะ..”


“ เสาร์ครับ”


“ ก็ได้.. ต่อไปถ้านายไม่กลับบ้านฉันจะมานอนที่นี่ .. แล้วจะมาบ่นทีหลังว่าฉันเจ้ากี้เจ้าการตามติดไม่ได้นะ” กรณ์พยักหน้าให้พร้อมทั้งพูดขู่ไปในตัว ..

“ ชอบสิไม่ว่า..” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์พรายออกอย่างตื่นเต้น .. เขาแทบจะไม่อยากอยู่ห่างจากอีกคน ถ้ากรณ์ทำตามอย่างที่พูดจริงเขาคงดีใจมากกว่ารู้สึกรำคาญแน่นอน .. อย่างน้อยมันก็ทำให้ความรักมั่นคง หัวใจได้สูบเต้นและมีความสุขมากมายกว่าวันไหนๆ


“ ให้มันตลอดเถอะ ..” กรณ์เลิกคิ้วมอง



“ ผมน่ะตลอดแน่ .. ไม่วอกแวกแน่นอนครับผม เล่นหึงโหดเสียขนาดนี้ ถ้าผมกล้าวอกแวกคงได้กินกระสุนแน่นอน” วิชญ์ภาสยิ้มให้พร้อมทั้งยื่นหน้าตัวเองไปสูดดมความหอมจากใบหน้านวล .. กรณ์ปรายยิ้มเล็กกับการกระทำนั้น เพราะนับวันความสุขดูจะสดใสขึ้นเรื่อยๆ

“ ว่าแต่ยัยเด็กนั่นเถอะ ..”

“ เด็กไหน”


“ ก็อิเด็กไร้มารยาทคนนั้นน่ะสิ..” กรณ์เอ่ยเสียงแข็งทันทีที่เอ่ยถึงยัยผู้หญิงหน้าหนาคนนั้น .. นึกแล้วอย่าจะจัดการให้รู้สำนึก แต่ก็กลัวว่ามันจะรุนแรงและหุนหันเกินไป กรณ์เลยต้องทำใจเย็นๆไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเรื่องราวมันอาจไม่จบง่ายๆ เขาต้องรอดูเกมก่อน

“ เขาเป็นน้องรหัสผม .. ตอนกำลังจะกลับมาที่ห้อง ผมเจอเขารถเสียอยู่ แล้วเขาก็บอกว่าที่บ้านไม่มีใคร ผมคิดว่าคงไม่เสียหายอะไรถ้าผมบริสุทธิ์ใจ อีกอย่างวันนี้ก็มีเลี้ยง ผมเลยให้เธอมากับผมก่อน..และเรื่องมันก็เป็นไปอย่างที่คุณรู้นั่นแหละ..” วิชญ์ภาสบอกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้มีความหวาดหวั่นหรือความกลัวใดๆเลย ในเมื่อตอนนี้เขาบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยไม่ต้องเกรงสิ่งใด ..


“ แล้วให้เข้ามาในห้องนี่นะ.. ปลาย่างใกล้กับแมว ต่อให้ไม่หิว แต่เดี๋ยวนี้ปลาย่างมันร้ายกว่าที่คิด เผลอๆจะกระโดดดิ้นเข้าปาก ระวังเถอะก้างจะติดคอเข้าสักวัน..” กรณ์ค่อนขอดเชิงเล่น .. ทำให้เจ้าคนที่โอบร่างตนอยู่ด้านล่างถึงกับขันเบาๆ ..


“ ไม่อยากให้ก้างติดคอ ก็ล่ามโซ่แมวไว้สิครับ .. ผมยอมยื่นมือให้ล่ามอยู่แล้ว อีกอย่างแมวแถวนี้มันชอบอาหารเม็ดแล้ว ไม่กลับไปกินปลาย่างหรอก ”



“ ไอ้แมวบ้า ..” มือบางตบหน้าผากคนหน้าคมไปหนึ่งที แล้วหัวเราะออกมาอย่างวางใจ .. ทุกครั้งที่อยู่ใกล้อีกคนกรณ์ก็เหมือนได้วางโลกที่แสนหนักอึ้ง ได้ก้าวเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่มีเรื่องใดๆให้วุ่นวาย ได้ยิ้มอย่างที่ไม่เคยจะเป็น หรือกระทั่งหัวเราะอย่างไม่ต้องปิดกั้น



“ พูดกันตั้งมากแล้ว ..มาให้ผมฟัดดี..” เจ้าแมวบ้าของกรณ์แยกเขี้ยวเล็กน้อย แล้วซุกไซ้ริมฝีปากของตนไปกับลำคอขาวๆ .. มือหนารับหน้าที่แกะกระดุมนั้นออกเรื่อยๆ จนร่างบางถูกถอดเสื้อออกจนเปล่าเปลือย .. ยามเมื่อริมฝีปากของกรณ์เผยออกก็ถูกลิ้นชุ่มแทรกซึมเข้าไป .. มือของคนตัวสูงเอื้อมเปะป่ายจนท้ายสุดสองกายก็ไร้สิ่งใดกั้นขวาง ..

“ อึก..” กรณ์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อร่างกายได้ต้อนรับการเดินทางครั้งใหม่.. ความแข็งแกร่งแทรกผ่านความร้อนผ่าว และอารมณ์ร้อนแรง ..



มือเรียวเอื้อมคล้องคอของวิชญ์ภาสไว้ ..ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะเคลื่อนเข้าหากันอีกครั้ง .. เจ้าตัวสูงลากริมฝีปากของตนลงมาบนซอกคอขาวๆอีกครั้ง มือก็กระชับเอวของกรณ์ให้ร่างนั้นเคลื่อนขึ้นลงเพื่อตอบรับความพลุ่งพล่านครั้งใหญ่..



ชายหนุ่มรวบรวมแรงที่มียกร่างที่กำลังตอบรับกันและกันให้ลุกขึ้น ก่อนจะอุ้มให้กรณ์มุ่งหน้าเข้าไปในห้องนอนของตนพร้อมกัน ก่อนจะวางร่างชุ่มเหงื่อลงบนที่นอนหลังใหญ่ ตามด้วยร่างสูงที่ทาบทับลงมาไม่ยอมให้เกิดช่องว่างระหว่างกันเลยสักวินาทีเดียว ..



“ ยังไม่เหนื่อยหรือไง..” กรณ์เริ่มบ่นเมื่ออีกคนยังคงเคลื่อนไหวราวกับแรงไม่มีหมด



“ รู้หรือเปล่าว่าหน้าคุณตอนนี้มันเซ็กซี่แค่ไหน ยิ่งเห็นยิ่งทำให้ผมไม่อยากจะออกห่างเลย” คำพูดง่ายๆ แต่กระสับกระส่ายเพราะความเสียวซ่านที่แทรกอยู่ ทำเอากรณ์หน้าแดงไม่ใช่น้อย



“ ..อึก อื้อ..” สองคนเคลื่อนไหวกันต่ออย่างต้องการ .. จนท้ายที่สุดร่างกายก็ปลดเปลื้องทุกสรรพอารมณ์ออกจนหมดสิ้น .. สองกายล้มลงข้างกัน สอดส่ายราวกับไม่ยอมแยกจากกัน .. ยิ่งใกล้ก็ยิ่งชิด ยิ่งนานก็ยิ่งผูกพันไปเรื่อย



กรณ์พลิกกายเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน .. แล้วหลับตาลงอย่างวางใจในเรื่องราวทุกสิ่ง


“ ผมรักคุณจัง ..” วิชญ์ภาสกระซิบแผ่วๆกับข้างหูคนที่ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อย .. รอยยิ้มแสนภูมิใจและปิติ เป็นครั้งแรกที่เขารับรู้ถึงความอิสระในความรัก ..



หากจะเดินไปข้างหน้าท่ามกลางอุปสรรคเขาก็พร้อมยินดี เพราะนับจากนี้จะมีมืออีกข้างอยู่เคียงกันไม่ปล่อยให้วิชญ์ภาสต้องคิดไปเพียงคนเดียว และมีหัวใจที่เต็มตื้นด้วยความผูกพัน


“ ไอ้บ้า ..” เสียงหนึ่งทำเอาวิชญ์ภาสสะดุ้งไป ..เขาผละจากร่างกรณ์เล็กน้อยเพื่อมองอีกคน แต่พบว่ากรณ์กำลังหลับอยู่


“ กล้ามีเมียน้อยเหรอไอ้บ้า ...แกตายแน่” กำปั้นหนักทุบลงบนอกหนาอย่างแรง .. เล่นเอาคนที่ตกใจเสียงต้องสะดุ้งและปล่อยขำออกมาอย่างมีความสุข ..


“ ขนาดหลับยังดุยิ่งกว่าเสืออีกนะครับนี่.. ผมไม่กล้ามีเมียน้อยหรอก แค่คุณคนเดียวผมก็พอใจแล้ว” วิชญ์ภาสยิ้มให้กับคนละเมออย่างขำๆ.. แต่กลับรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก .. ขืนกล้าแหยมท่าทางเมียของเขาคงถลกหนังเชือดเนื้อแน่นอน ..


ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ตอนเดียว เองเหรอ คร้า อีกซัก 2 ตอนได้หรือป่าวอ่ะ อยากอ่านอีกกกกก

โทดฐานลงช้าอ่ะ :o12: :impress2:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 30



เช้าวันถัดมากรณ์ก็ถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาที่เขาตั้งไว้ .. วันนี้ยังมีงานหนักให้เผชิญหน้า ชายหนุ่มเลยต้องตื่นเร็วกว่าปกติ .. เสียงที่ดังขึ้นไม่ได้ปลุกเฉพาะเพียงคนตั้งใจเพียงคนเดียว แต่มันก็ปลุกเจ้าคนตาใสที่นอนข้างๆกรณ์อีกด้วย



“ จะกลับแล้วเหรอครับ..” วิชญ์ภาสจับมือของคนที่ยันกายขึ้นนั่งอย่างไม่อยากห่าง



“ อืมเช้าแล้ว ..เดี๋ยวคนรถจะมารับ” กรณ์พยักหน้าให้



“ วันนี้ผมจะรีบกลับบ้านนะ..” ร่างของกรณ์ถูกดึงมาใกล้หลังจากที่วิชญ์ภาสพูดจบ .. ริมฝีปากหนาสัมผัสบนใบหน้าหวานๆเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้กรณ์เดินละออกจากห้องไป เขารู้ดีว่าหน้าที่ของแต่ละคนตอนนี้คืออะไร


“ อืม..รีบกลับล่ะ.” กรณ์พยักหน้าเบาๆ.. ก่อนจะบอกต่อด้วยหนึ่งประโยคที่ทำให้อีกคนแทบไม่อยากจะไปเรียนเลย .. ยิ่งรู้ว่ากรณ์รอคอยยิ่งทำให้อยากกลับบ้าน และไม่อยากเถลไถลไปไหน



ห้องที่เคยมีอุ่นไอของทั้งสอง กลับว่างเปล่า แต่หัวใจที่เคยโหยหากลับถูกเติมเต็ม .

กรณ์ขว้างบันทึกรายงานที่ได้รับมาจากเลขาฯผิวสีน้ำผึ้งอย่างหัวเสีย .. เมื่อรู้ว่าโครงการหลักที่ทางจังหวัดจัดขึ้นถูกอมราแย่งตัดหน้าไปเป็นพ่องาน



“ ตอนนี้ทางรีสอร์ตโน้นกำลังเร่งหนัก.. งานจังหวัดที่จะจัดอาทิตย์หน้าก็ตัดหน้าชิงไป ดิฉันแว่วมาว่างานโอทอปประจำสิ้นเดือนคงไม่แคล้วถูกตัดหน้าอีก ..ในงานจะมีการเปิดตัวบู๊ทการท่องเที่ยวจากส่วนกลาง ทางโน้นกำลังส่งแผนงานไปยังคณะกรรมการ” สุรีย์รายงานความเคลื่อนไหวต่อ จากการค้นหาและเก็บรวบรวมข้อมูลทำให้หล่อนสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ


“ แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะนี่ ยอดแขกที่มาพักก็ดูจะน้อยลง”



“ ผมว่าบางทีคุณกรณ์น่าจะลองเปิดเจรจากับทางฝ่ายโน้นดู.. ยังไงคุณกรณ์กับคุณเอกก็เป็นเพื่อนกันมาก่อน ทางที่ดีน่าจะร่วมมือกันมากกว่าแข่งขันกันอย่างนี้นะครับ” กรรมการบริหารผู้หนึ่งเอ่ยเสนอ .. แต่สิ่งพูดดูจะไม่เข้าเค้าในความคิดกรณ์เอาเสียเลย



“ ไม่มีทาง” มือบางตบลงกลางโต๊ะอย่างแรง .. สร้างความชะงักให้กับเหล่าผู้ร่วมหุ้นอย่างมาก ใครๆก็รู้ดีว่านับตั้งแต่สองประมุขบ้านสายลมเสียไป กรณ์ก็กลายเป็นคนใหม่ที่ไร้รอยยิ้มและหมดความร่าเริง ความเด็ดขาดที่แสดงผ่านแววตาเล่นเอาทุกคนไม่กล้าจะปริปากเลยสักนิด



“ ..” คนตัวบางลุกพรวดออกไปท่ามกลางความวุ่นวายใจของเหล่าผู้บริหาร .. เลขาฯสาวต้องรับหน้าที่ขอโทษขอโพยทุกท่านก่อนจะเดินตามนายของตนออกไป..


หญิงสาวเดินตามกรณ์เข้าไปภายในห้องของชายหนุ่ม ..


“ ดูท่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่จะไม่พอใจอย่างมาก..”

“ ไม่พอใจก็ให้ถอนหุ้นไปสิ .. ฉันไม่สนหรอก ยังไงตอนนี้บ้านสายลมก็ถือหุ้นเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ต่อให้พวกเขาอยากขายจริงฉันก็มีปัญญาซื้อกลับมาจนครบส่วน..” กรณ์สบถออกมาด้วยความโมโห เกมทางธุรกิจที่กำลังดำเนินไปดูท่าจะแย่ลงเรื่อยๆ .. หากไม่เพราะรีสอร์ตสายลมคือจุดเริ่มต้นความรักและความฝันของพ่อแม่ กรณ์คงตัดเนื้อร้ายชิ้นนี้ออกไปแน่นอน



“ เราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าผู้บริหารถอนหุ้นออกจริง ความน่าเชื่อถือขอเครือสายลมก็จะลดน้อยลงไปด้วย ..ทุกอย่างจะกระทบเป็นวงกว้างจนทำให้ทุกอย่างภายในนามสายลมต้องวุ่นวาย” จริงอย่างที่หญิงสาวกล่าว ..หากมีผู้บริหารพากันถอนหุ้นออกจากบริษัทจริงๆ ธุรกิจมากมายภายใต้นามของสายลมคงถึงกาลระส่ำระสาย



“แล้วนี่ฉันต้องเจรจากับไอ้นั่นจริงๆเหรอ มันไม่มีทางออกเลยหรือยังไง” กรณ์กุมขมับอย่างหัวเสีย .. มองไม่เห็นทางออกอื่นจริงๆ



“ คงจะมีทางนี้เพียงทางเดียว” เธอนั่งลงตรงข้ามคนเป็นเจ้านาย หวังว่ากรณ์จะนำพาสายลมรอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้




วิชญ์ภาสเดินออกจากห้องเรียนด้วยความสดชื่น .. เพราะใกล้จะได้กลับไปเจอคนที่เขารักแล้ว วันนี้ไม่มีกิจกรรมอะไร กว่าจะมีเลี้ยงอีกครั้งก็วันเสาร์หน้า .. ตอนนี้วิชญ์ภาสเลยเลือกเดินมาสมทบกับเพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ตรงซุ้มม้าหินอ่อนตัวเดิม ..

“ ไงบ้าง..หน้าแป้นมาเชียวนะมึง” ชายหนุ่มร่างบึกเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์



“ ก็หน้าแป้นสิมีความสุขไง” วิชญ์ภาสยักคิ้วเข้มขึ้นส่ง แล้วเดินมานั่งใกล้ๆกับเพื่อน ก่อนจะยกมือขึ้นโอบบ่าอีกฝ่ายตามวิสัย



“ เอ่อ..เห็นมึงมีความสุขก็ดีแล้วแต่เสาร์นี้เตรียมรับมือล่ะ กูว่าเด็กนั่นคงไม่ยอมง่ายๆหรอก ท่าทางมันจะรั้นมากไม่ใช่น้อย ..” โต้งตบไหล่เพื่อนกลับด้วยความห่วงใย .. เพราะดูจากรูปการที่เกิดขึ้นในคืนเมื่อวานก็รู้ดีว่าหญิงสาวไม่ใช่เล่นๆ




“ กูสงสัยจริงๆ เด็กนั่นมันใช้อะไรคิดวะ มันบอกว่ามันจะไม่ยอมแต่เล่นร้ายขนาดนั้น คิดเหรอว่าคนจะจับมันทำแฟน” วิชญ์ภาสส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจอย่างไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ เพราะจะว่าไปหญิงสาวเหมือนจะต้องการให้เขาสนใจ แต่กลับแสดงธาตุแท้ที่แสนร้ายกาจออกมา แล้วมันจะได้ผลเหรอ



“ สงสัยมันเห็นคุณเมียมึงร้ายมั้ง เลยอยากร้ายบ้าง” โต้งพูดติดตลก ยามเอ่ยถึงคนรักของวิชญ์ภาส


“ ไม่เหมือนกันเว้ย .. ยัยเด็กนี่มันร้ายมาก มึงรู้ไหมว่าตอนที่คุณกรณ์เห็นยัยเด็กนั่นแล้วพูดว่ายังไง” วิชญ์ภาสรีบแย้งปกป้องคนที่ตนรักทันที


“ ว่าไง”




“ บอกว่ากูตาต่ำที่เอาเด็กนั่นมาทำเมีย..กูละเชื่อเขาเลย..” วิชญ์ภาสหัวเราะร่วนยามพูดจบ นึกถึงน้ำเสียง นึกถึงใบหน้าของกรณ์ก็พานจะยิ้มแย้มละคลายความกังวลในใจออกไปจนหมดสิ้น ไม่รู้ว่าป่านนี้อีกคนจะเป็นยังไงบ้าง เขารู้ดีว่าหน้าที่ตอนนี้คืออะไร แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่างเขาก็อยากจะใช้มันไปกับคนที่เขารัก




“ กูว่ามึงกลับบ้านมึงเถอะ..คุณเมียมึงคงรออยู่..” โต้งยิ้มขันในท่าทีของเพื่อน ก่อนจะออกปากไล่ปล่อยให้วิชญ์ภาสไปพบเจอความสุข จากที่ไม่เคยเชื่อถือในคำว่ารักเลยสักครั้ง แต่เวลานี้เขากลับได้เข้าใจและเชื่อมั่น ..อำนาจของมันมีมากมายแค่ไหน วิชญ์ภาสก็แสดงให้โต้งได้เห็นชัดเจนแล้ว.. รักที่มากมายเกินกว่าใครจะเข้าใจ รักที่มากด้วยคำว่าความสุข



“ ไปนะ..” ชายหนุ่มยิ้มกว้างส่งให้เพื่อน ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังรถของตัวเองที่จอดห่างออกไปไม่ไกลจากตึกเรียนสักเท่าไหร่ .. แต่เท้าของชายหนุ่มก็จำต้องชะงักเมื่อเห็นหญิงสาวตัวต้นเรื่องยืนรออยู่ตรงหน้ารถของเขา


“ เป็นอะไรคะ เห็นหน้าแพทถึงกับต้องตกใจเลยเหรอ”




“ เธอมีอะไร” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามหล่อนด้วยความไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ ..



“ ทำไมคะ .. แพทเป็นน้องรหัสของพี่นะ แพทมีปัญหาเรื่องเรียนพี่ก็น่าจะให้ความช่วยเหลือสิ..” หญิงสาวชักสีหน้าไม่พอใจ ยกประเด็นฐานะของตนขึ้นมาอ้าง


“ พี่ไม่ว่าง”



“ ไม่ว่างเพราะมันแต่เอาเวลาไปยุ่งเรื่องส่วนตัวเหรอคะ..” แพทเอื้อมไปจับแขนของอีกฝ่าย แต่ก็โดนสะลัดกลับมา ..


“ พี่จะบอกอะไรให้นะ...บางทีเธออาจจะสำคัญตัวเองผิดไปก็ได้ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพิ่งมาเป็นพี่รหัสน้องรหัสกัน ยังไม่มีความผูกพันอะไรด้วยซ้ำ แล้วพี่ต้องแคร์เธอทำไม อีกอย่างจะใช้เวลากับเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องส่วนรวมมันก็เรื่องของพี่อย่ามายุ่ง..” ชายหนุ่มยกคำเหยียดออกมาพูดตรงๆ .. เขาชักจะทนหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้แล้ว


“ นี่พี่..”



“ หลีกด้วยพี่จะกลับบ้าน ..” วิชญ์ภาสบอกก่อนจะเบี่ยงตัวไปเปิดประตูด้านคนขับ ..แต่หญิงสาวก็ไม่ยินยอมปล่อยให้เขาไปได้ง่ายๆ เปิดประตูแล้วนั่งข้างวิชญ์ภาสอย่างถือดี..



“ ลงไป..” วิชญ์ภาสบอกเสียงเย็นอย่างโกรธๆ..




“ แพทไม่ลง..แพทบอกแล้วว่ามีเรื่องจะคุยกับพี่ ไอ้นั่นกล้าดียังไงมาแย่งพี่ไป..”



“ เธอคงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องละมั้ง ที่สำคัญเธอคงพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า พี่ไม่ได้เป็นของเธอ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอด้วยซ้ำ อีกอย่างคุณกรณ์ก็ไม่เคยแย่งพี่ไปจากใคร พี่ต่างหากล่ะที่เป็นคนวิ่งตามเขาเอง..” อารมณ์ของวิชญ์ภาสเหมือนจะแทบทะลุขีดสุด ..ยัยเด็กนี่ช่างยั่วโมโหได้มากจริงๆ



“ แล้วพี่จะเสียใจ..” หญิงสาวแผดเสียงใสก่อนจะเดินลงจากรถออกไปอย่างหัวเสีย .. วิชญ์ภาสมองตามร่างนั้นอย่างเซ็งๆ แต่กลับไม่รู้เลยว่าหญิงสาวได้บรรลุเป้าหมายบางอย่างแล้ว .. รถของเขาวิ่งออกจากมหาวิทยาลัยและมุ่งหน้าตรงดิ่งกลับไปบ้านสายลมอย่างไม่ออกนอกลู่นอกทาง ..

ก่อนถึงบ้านชายหนุ่มก็โทรฯเข้าไปยังสายลม เลยทำให้รู้ว่ากรณ์ยังไม่กลับบ้าน เขาเลยเลือกจะขับไปรับอีกคนเช่นที่เคยทำเมื่อวันก่อน ..



“คุณวิชญ์..” แม่สาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยเรียกอีกคนที่นั่งรอกรณ์ตรงล็อบบี้ ..



“ คุณกรณ์ล่ะครับ..” ชายหนุ่มลุกขึ้นมาทางหญิงสาว และเอ่ยถามถึงอีกคนด้วยน้ำเสียงห่วงใย .. ตอนเช้าก็รู้มาว่าอีกฝ่ายมีงานต้องเข้าประชุม ท่าทางจะหนักหนาไม่ใช่น้อย



“ ยังอยู่ในห้องอยู่เลยค่ะ วันนี้มีปัญหาพอตัวคุณกรณ์ค่อนข้างเครียด..” ดูจากหน้าตาของหญิงสาวก็บอกชัดว่าสิ่งที่พูดออกมา คงหนักหนาอย่างที่ว่าจริงๆ ..




“ เอ่อ..ผมขึ้นไปหาคุณกรณ์ได้ไหม..” ด้วยเพราะเกรงว่าจะทำให้คนที่เขารักต้องเดือดร้อน เลยถามหยั่งเชิงจากหญิงสาวก่อน .. สุรีย์มองหน้าคนตรงข้ามอยู่เพียงครู่ ก่อนจะชั่งใจไปมาและพยักหน้าอนุญาตพร้อมรอยยิ้มส่งให้



“ ขอบคุณครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มกว้าง.. โดยมีสุรีย์เดินนำทางไปตรงชั้นบนที่กรณ์ทำงานอยู่ .. แม้ตอนนี้จะเลิกงานแล้ว แต่กรณ์ก็ยังจมอยู่กับกองความเครียดที่สุมอยู่มากมาย .. หญิงสาวหยุดอยู่ตรงหน้าห้องแล้วผายมือชี้ให้วิชญ์ภาสรับรู้



“ ห้องนี่แหละค่ะ.. ถ้างั้นฉันให้คนขับรถคุณกรณ์กลับเลยล่ะกันนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยความห่วงใย เขาค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ .. ภาพที่เห็นคือคนตัวบางกำลังนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่.. ท่าทางของกรณ์ดูจะเหนื่อยไม่ใช่น้อย ..




คนตัวสูงเดินย่องเข้าไปเงียบๆ ไม่อยากให้กรณ์ได้ตื่น .. ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ข้างๆคนตัวบางก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ... แต่แรงสัมผัสที่กดลงทำให้คนที่หลับตาอยู่ต้องเบิกตาออกอย่างตกใจเพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นวิชญ์ภาส



“ เฮ้ย..นายเองเหรอ” กรณ์ตกใจ ..แต่พอเห็นว่าเป็นวิชญ์ภาสเลยไม่ได้ว่าอะไรและกลับไปในท่าทีเหมือนเก่า




“ เครียดมากเหรอครับ ..ได้ยินคุณสุรีย์บอกว่าวันนี้คุณมีเรื่องให้กังวล” ชายหนุ่มมองดวงหน้าขาวใสที่ผ่อนเอนลงบนเบาะเก้าอี้อย่างห่วงใย เขาไม่ชอบเห็นกรณ์เป็นอย่างนี้เลย ..


“ นิดหน่อย ..เรื่องวุ่นๆ..”


“ มานี่ครับ ..” วิชญ์ภาสบอกเบาๆก่อนจะดึงมือของกรณ์ให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่.. ชายหนุ่มไม่ลืมจะเอี้ยวตัวไปกดล็อคประตูห้อง แล้วดึงม่านลงอย่างรอบคอบ ..เขาพากรณ์มาตรงโซฟาสีดำตัวใหญ่หน้าโทรทัศน์ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างกอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้



“ ทำไมเหรอ” คนตัวนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ แต่เพียงเสี้ยววินาทีกรณ์ก็แทบใจหายวูบเมื่อร่างของเขาถูกดึงให้ล้มลงไปตรงโซฟาตัวใหญ่ด้านหลัง.. ร่างของวิชญ์ภาสที่กอดเอวอยู่ล้มนำหน้าไปก่อน ตามด้วยร่างของกรณ์ที่ทาบทับลงบนตัวอีกฝ่ายโดยมีแขนแกร่งโอบรอบลำตัว ...


“ ทำอะไร..” วิชญ์ภาสถามอย่างตกใจ .. แต่มือหนาก็เอื้อมขึ้นมากดศีรษะของอีกคนให้แนบชิดไปกับซอกคอของตัวเองอย่างอ่อนโยน...



“ ผมดีแต่ทำให้คุณเหนื่อยกว่าเดิม..พักสักหน่อยนะ..” เสียงแผ่วๆที่แฝงความห่วงใยมากมายทำให้กรณ์ไม่กล้าจะเคลื่อนไหว ยอมให้กายของเขาได้นอนทับบนกายของอีกฝ่าย ยอมให้ลมหายใจได้ใกล้กันและกัน ด้วยความอบอุ่นที่อีกคนพยายามจะแสดงออกมาให้เห็น


“ เอ๊ะ..” กรณ์ชะงักไป



“ อะไรเหรอครับ ..” วิชญ์ภาสเองก็แปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆกรณ์ก็ชะงัก แล้วดันกายที่แนบทับกับตัวของเขาขึ้นเพียงเพื่อให้มีระยะห่าง ..จากนั้นมือเรียวก็เอื้อมปลดกระดุมชุดนักศึกษาของวิชญ์ภาสออกอย่างรวดเร็ว ทำให้คนหน้าคมถึงกับเขินเพราะไม่คิดว่ากรณ์จะเริ่มต้น ..


คนตัวบางแหวกเสื้อของวิชญ์ภาสออกเผยให้เห็นอกหนั่น และกล้ามท้องแกร่ง..


“ ไม่มีนี่..” กรณ์มองอย่างแปลกใจแล้วเปรยกับตัวเองเบาๆ..



“ คุณหาอะไรครับ ..ผมนึกว่าคุณจะ..”



“ อย่ามาหื่นตอนนี้เว้ย .. บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าไปทำอะไรมา ฉันได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงด้วย..” กรณ์สูดลมเข้าปากจนแก้มป่อง แล้วจับจ้องคนตัวหนั่นที่นอนราบกับพื้นโซฟาอย่างจับผิด ..บอกแล้วไงว่ากรณ์เป็นพวกหวงของของตัวเอง ไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปไหนหรอก..



“ ผมเปล่าทำอะไรนะ ..เรียนเสร็จก็ไปนั่งคุยกับไอ้โต้งพักหนึ่ง แล้วก็รีบมาหาคุณเลย” วิชญ์ภาสรีบตอบไปอย่างตรงไปตรงมา ..


“ ไปนอนกับใครมาหรือเปล่า..”




“ เปล่านะ..ตั้งแต่เราเป็นอะไรกันผมไม่เค้ยไม่เคยแตะต้องตัวคนอื่นเลยนะ ..” วิชญ์ภาสรีบยืนยันเสียงหนักแน่น เพราะเกรงว่ากรณ์จะพานเข้าใจผิดไปใหญ่..



“ แล้วเจอผู้หญิงที่ไหนมาบ้าง .. ถ้าเดินผ่านเฉยๆ กลิ่นคงไม่ติดตัวอย่างนี้หรอก ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าของของฉัน ฉันหวง..” มือเรียวเอื้อมจับบ่าแกร่งของคนที่นอนอยู่ด้านล่างอย่างหาคำตอบ ดวงตาคู่เรียวจ้องมองเข้าไปในดวงตาอีกคู่


“ เปล่านะ ..เมื่อกี้ก็เจอกับคุณสุรีย์ไง ..เอ่อใช่สิก่อนกลับมาก็เจอกับน้องรหัสที่เจอกันเมื่อวานนั่นแหละครับ ..แต่ผมไม่ได้อะไรเขาจริงๆนะ..” วิชญ์ภาสกรอกตาไปมาครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน และบอกร่ายก่อนจะมาสะดุดที่ตรงน้องรหัสตัวแสบ



“ เหรอ..ถ้าอย่างนั้นก็ดีกลับบ้านดีกว่า..” กรณ์พยักหน้ายอมเชื่อใจอีกคน แต่ในความคิดก็เริ่มนึกภาพหญิงสาวร่างเล็กแสนรั้นคนนั้น .. ท่าทางงานนี้จะไม่ใช่หมูๆเสียแล้ว



“ อะไรนะ..” วิชญ์ภาสชะงักเพราะไม่คิดว่าจะจบง่ายขนาดนี้




“ กลับบ้านไง ..ฉันหิวข้าวแล้ว..” กรณ์ก้มลงไปใกล้กับอีกคนก่อนจะกระซิบข้างหูเป็นเชิงหยอกเย้า .. เจ้าตัวสูงเลยฉวยโอกาสสูดกลิ่นหอมจากแก้มใสอย่างหนักหน่วงหนึ่งที...


“ เร็วๆกลับบ้าน..” มือเรียววางค้ำบนอกหนั่นที่เปล่าเปลือยเพื่อยันให้ร่างตัวเองลุกขึ้นนั่งได้.. จากนั้นก็ขยับให้วิชญ์ภาสได้ลุกขึ้นตาม ..ชายหนุ่มยกมือขึ้นติดกระดุมตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่าสรุปว่าเมื่อกี้กรณ์เปิดเสื้อเขาทำไม ..ฝ่ายกรณ์ก็ได้แต่ขำตัวเองอย่างงงๆ.. ที่จริงเขาจะดูร่องรอยหลักฐานจากร่างกายอีกฝ่ายต่างหากล่ะ.. เพราะถ้าวิชญืภาสไปแอบกิ๊กกั๊กกับคนอื่นจริง คงมีร่องรอยอะไรเหลือไว้บ้างแหละ



ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
กรณ์เนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เทวดาตัวร้ายชัดๆอิอิ

doomare

  • บุคคลทั่วไป
โห...มีหาหลักฐานด้วย

หาบ่อยๆก็ดีน่ะ

ยิ่งตอนละเมอยิ่งแล้วใหญ่ หึงโหดจริงๆ

nanao

  • บุคคลทั่วไป
อยากรู้จริงยายแพทแอบทำอะไร ชิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
ขอบคุนค่ะo18 โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  คุณกรณ์จะน่ารักไปถึงไหนนนนนนนนนนนนนนนน  :กอด1: รอตอนต่อไปจ้า :o8: :-[


ที่หายไปนานเปิดเทอมแล้วอะ เลยไม่ค่อยได้มาอ่านน  :z2:

speedboy

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ยมีตรวจสอบกันด้วย


ตรวจให้เจอนะคร้าบ.............


น้องแพทเนี่ยของแรงตัวจริงเลย  อิอิ


 :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อิอิ กรณ์สู้ๆ ยัยแพทไม่มีน้ำยาหรอก :z1:

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อิอิ มีการตรวจสอบด้วย สงสัย วิช จะชอบให้ตรวจ

แน่เลยอ่ะคร้า :z1: :laugh: o13

ปล.มานั่งรอตอนอิอิ


ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
คุณกรณ์เจ๋งมาก  o13

555 อย่างนี้แหละ

อะไรที่เป็นของ ๆ เราแล้วใครจะแย่ง

อย่าไปยอม

ลุยยยยยยยยยยยยยยย

จัดให้หนักเลยค่ะ

ชุดใหญ่ไปเลย ให้อีนังเด็กนั่นรู้ไปเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

ว่ากำลังเล่นกะใครอยู่  โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
แหม แหม มีแต่คนสนับสนุนคุณกรณ์กันทั้งนั้น

ถ้าเกิดวิชญ์ภาสนอกลู่นอกทางขึ้นมาจริงๆคงตายอย่างเดียว

เพราะคนแถวนี้คงเข้าไปช่วยคุณกรณ์จัดการแน่ๆ 55555

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 31

ระหว่างทางเดินที่กลับไปสู่รถของตัวเอง ..คนตัวสูงที่เดินเคียงข้างประธานบริหารบริษัทก็นึกคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น และระลึกได้ว่าต้นตอของน้ำหอมมาจากไหน.. ตอนที่แพทจับแขนของวิชญ์ภาสในทีแรกหญิงสาวคงกะไว้แล้วล่ะว่าจะทิ้งร่องรอยนี่ไว้บนเสื้อของเขา .. และกรณ์ก็เจอมันเข้าจริงๆ..


“ นี่..” มือบางตบลงบนต้นแขนคนที่ยืนข้างๆอย่างแรง

“ โอ๊ย..มีอะไรครับผมเจ็บนะ..” วิชญ์ภาสหลุดออกจากความคิดของตัวเองเพราะแรงกระทบนั้น .. ดวงตาคู่ใสหันมองกรณ์อย่างไม่เข้าใจที่อยู่ๆอีกคนก็ตีเขาแรงๆเช่นนี้



“ ฉันเรียกเป็นรอบที่สามแล้ว ..ไม่เห็นเหรอไงถึงรถแล้ว..” กรณ์เบิกตาเรียวๆมองเข้าไปในดวงตาของอีกคน ก่อนจะชี้ให้วิชญ์ภาสได้เห็นว่าตอนนี้ทั้งสองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารถคันสีดำของเจ้ากบตากลมแล้ว .. วิชญ์ภาสได้แต่ยิ้มแห้งเมื่อรู้ถึงสาเหตุเขารีบเปิดล็อคอย่างรวดเร็ว ..


กรณ์เดินก้าวเข้ามาในรถแล้วนั่งลงอย่างอ่อนล้า..ตอนนี้แม้จะรู้สึกผ่อนคลายไปได้บ้างแต่ยังไงภาระหนักที่มีก็ยังต้องแบกรับต่อไป.. ก่อนรถจะเคลื่อนออกจากที่จอดมือหนาๆของวิชญ์ภาสก็เอื้อมมือวางไว้บนใบหน้านุ่มๆอย่างแผ่วโยน ..


“ อะไรเหรอ..” กรณ์หันกลับไปมองเจ้าของมืออย่างไม่เข้าใจ


“ ตอนนี้เลิกงานแล้วนะครับ..มีอะไรค่อยคิดพรุ่งนี้ดีกว่า เห็นคุณเครียดๆผมไม่สบายใจเลย” อีกฝ่ายอยากให้กรณ์ได้พักจริงๆ เวลานี้มันนอกเหนือเวลางานแล้ว หากกรณ์ยังหยิบเอาความไม่สบายใจมาคิด ตัวกรณ์เองนั่นแหละที่อาจจะแย่ไปมากกว่าเก่า


“ อืม..” กรณ์พยักหน้าให้เล็กน้อย แล้วพิงร่างของตนไปกับเบาะรถด้านหลัง หวังให้ความเหนื่อยล้าไปละคลายไปจากร่างกายนี้ .. หากจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ค่อยไปมองในวันพรุ่งนี้แล้วกัน


..ขณะที่รถกำลังแล่นไปเรื่อยๆ กรณ์ก็เริ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรบางสิ่งกลิ้งอยู่ตรงปลายเท้า ในจังหวะที่รถหยุดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกใหญ่ คนตัวบางก็เลื่อนเบาะของตนไปจนสุดแล้วโน้มกายลงเก็บบางสิ่งบางอย่างที่ใช้เท้ายันเอาไว้ขึ้นมาดู..

“ ลิปสติก..” กรณ์พึมพำเบาๆ.. ก่อนจะกำแท่งลิปสติกไว้ไม่ให้วิชญ์ภาสเห็น ..


“ นี่เด็กนั่นขึ้นมาบนรถด้วยเหรอ..” กรณ์เปรยขึ้นราวกับไม่มีอะไร.. แต่วิชญ์ภาสก็เหมือนจะแปลกใจเพราะยังไม่ได้บอกอีกฝ่ายเลย


“ ก็ตอนเย็นนั่นแหละ..น้องเค้าบอกว่ามีธุระจะคุยกับผม แต่ผมบอกไปว่าไม่ว่าง ก็เลยขึ้นมานั่งปักหลักบนรถเลย ..แต่ก็น่าแปลกอยู่ๆก็ลงไปง่ายๆ” วิชญ์ภาสตอบคำถามอย่างไม่มีปิดบัง พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตด้วยความไม่เข้าใจ ดีนะที่คนข้างกายของวิชญ์ภาสเป็นกรณ์ ไม่ใช่คนอื่นไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงถูกเข้าใจผิดแล้วล่ะ


“ นี่ฝากไปคืนด้วย ..” กรณ์วางแท่งลิปสติกไว้ตรงคอนโซลหน้ารถอย่างเบามือ ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเคืองแต่อย่างใด ..


“ คือ” วิชญ์ภาสหันมองคนของตัวเองอย่างหวั่นใจ



“ มองอะไรเล่า..” กรณ์ย่นจมูกใส่เช่นทุกทีที่ชอบทำ ท่าทีน่ารักน่าชังที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์เห็น กรณ์ที่แสนน่ารักด้วยเพราะรักได้ชักพาความเย็นชาออกไปจนหมดสิ้น .. แม้จะไม่ได้อ่อนหวานเช่นคนอื่นทั่วไป แต่มันก็อ่อนที่สุดเท่าที่คนชื่อกรณ์จะอ่อนได้ ..


“ ผมนึกว่าคุณจะโมโหเสียอีก..”


“ คิดว่าฉันสติเสียหรือยังไง.. นิดๆหน่อยๆก็โมโห”


“ แต่เมื่อก่อนคุณเป็นแบบนี้นี่ครับ..” เสียงทะเล้นดังขึ้นตอบไปอย่างทันท่วงที เล่นเอาคนฟังหน้าสวยถึงกับส่งสายตาดุๆมาให้



“ หลอกด่าฉันเหรอ..”



“ เปล่าครับ..” วิชญ์ภาสส่ายหน้าไปมา ..แล้วพุ่งหน้าไปวางซุกตรงบ่าของอีกฝ่ายอย่างอ้อนๆ .. ไฟแดงยังคงติดอีกเกือบนาทีเขาเลยไม่ต้องรีบต้องร้อนอะไร ..มือทั้งสองก็โอบเอวคนที่รักดุจดวงใจไว้แน่น ..แถมยังแอบเบาลมระไปบนต้นคอระหงอย่างแกล้ง


“ ไอ้..” กรณ์เริ่มสั่นเพราะแรงกระทบ ..แต่ก็รู้สึกดีที่ได้มีกันและกัน .. เพราะอ้อมกอดนี้กรณ์ถึงได้รับรู้ว่าแท้จริงชีวิตยังมีความสุข และความทุกข์ให้พบเจอ .. แม้จะทุกข์ แต่รักก็ทำให้สุขกลบทุกข์ได้สิ้น .. เขาโชคดีจริงๆที่พบอีกคน


“ จะไฟเขียวแล้ว..” กรณ์กระซิบกับคนที่กอดเขาอย่างไม่กล้านัก.. ตอนนี้หัวใจมันสั่นโครมครามยังกับกลองรัว นี่ถ้าวิชญ์ภาสใกล้เข้ามากว่านี้คงได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นแล้วล่ะมั้ง



“ ครับผม..คุณเมีย” ชายหนุ่มกระซิบบอกพร้อมทั้งสรรพนามใหม่ ที่โต้งมักใช้เรียกกรณ์ ..



“ ไอ้บ้า..” กรณ์ผลักบ่าของอีกคนให้พ้นตัว ก่อนจะเอื้อมมือไปกดวิทยุเปิดเพลงกลบเสียง ..


เสียงเปียโนใสๆดังขึ้นเป็นตัวนำเมโลดี้.. ก่อนที่หนึ่งบทเพลงที่เปรียบเสมือนเส้นด้ายระหว่างทั้งสองคนจะดังขึ้นอย่างตรงใจ ..


บางเวลาที่ฉันขาดเธอจะเติมให้กัน
บางเวลาที่หนาวสั่นเธอจะเป็นอุ่นไอ
บางเวลาที่แพ้มาก็ยังมีเธอเข้าใจ
บางเวลาเลวร้ายฉันยังมีเธอ
บางเวลาฉันทำผิดเธอยังยอมอภัย
บางเวลาฉันร้องไห้เธอยังให้ไหล่อิง
ไม่ใช่คนที่โชคดีที่เกิดมามีทุกสิ่ง
แต่ฉันโชคดีจริงๆ ที่มีเธอ
ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เธอยังเหมือนเคย ยังแสนดีอยากบอกว่าซึ้งใจ
ต่อจากวันนี้คนๆ นี้จะทุ่มเททั้งใจ
ตอบแทนรักที่ยิ่งใหญ่
ตอบแทนในความหวังดี
ตอบแทนเวลาที่ให้ฉัน
ด้วยทุกเวลาของฉัน...ฉันให้เธอ



ประมุขแห่งสายลมเหมือนจะถูกดึงออกจากโลกของความเป็นจริงไปชั่วขณะ หนึ่งบทเพลงที่เพิ่งเคยได้ฟังครั้งแรก แต่เนื้อหามันไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับอีกคนเลยสักนิด .. กรณ์ที่ต้องแบกภาระมากมายของสายลม ทุกความรู้สึกต้องเก็บกดลงในหัวใจไร้ที่ระบาย ไร้ที่พักพิง แต่ยามที่ได้มาพบกับอีกคนที่พร้อมจะช่วยเขาให้หายเหนื่อย พร้อมจะมีไหล่หนาให้เอนแอบ .. แม้วิชญ์ภาสจะไม่ใช่คนที่เข้ามายกปัญหามากมายให้สลายหายไป แต่เขาก็เป็นคนที่พร้อมจะแบกปัญหาคู่เคียงกับกรณ์ไปจนสุดปลายทาง ... ดวงตาคู่สวยหลั่งน้ำตาออกมาอย่างที่ตัวเองไม่รู้ตัว ...


“ คุณกรณ์..เป็นอะไรไปครับ” วิชญ์ภาสชะงักไปเมื่อเห็นคนที่เขารักกำลังร้องไห้ ..ไม่บ่อยนักหรอกที่จะเห็นกรณ์ร้องไห้อย่างนี้



“ เปล่า..” ใบหน้าสวยหวานส่ายไปมา .. แต่น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด รอยยิ้มที่ทอประกายออกจากใบหน้าของคนตัวบางทำให้วิชญ์ภาสได้รู้ ว่าน้ำตาที่ไหลออกมาในตอนนี้ไม่ใช่ความเสียใจ ไม่ใช่ความเจ็บปวด แต่กลับมีความสุข



“ ไม่เป็นอะไรก็ดีครับ..” ชายหนุ่มยกมือของตัวเองขึ้นเช็ดน้ำตากรณ์อย่างเบามือ.. ก่อนจะหันกลับไปสนใจกับการขับรถเบื้องหน้า ..




“ อืม” ดวงตาคู่นั้นปิดลงอย่างวางใจ เมื่อได้รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังพบเจอคือความรักที่แท้จริง จุดเริ่มต้นมันอาจจะเกิดจากแค้น แต่ปลายทางกลับเต็มไปด้วยความรัก ..





กรณ์เดินนำอีกคนเข้าบ้านไปด้วยความคิดบางอย่าง ..แต่วิชญ์ภาสก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เอื้อมหยิบหนังสือที่วางอยู่ในรถก่อนจะเดินตามอีกคนขึ้นห้องนอน .. ห้องที่กลายเป็นของทั้งสองโดยปริยาย ไม่มีความรู้สึกแปลกแยกหรือเคอะเขินแต่อย่างใด ..ทุกอย่างรอบกายดูเป็นธรรมชาติอย่างถึงที่สุด..



“ นี่..” เมื่อวิชญ์ภาสเดินเข้ามาหยุดภายในห้องนอน ..กรณ์ก็ยื่นบางสิ่งบางอย่างส่งมาให้เขา ..ชายหนุ่มวางหนังสือในมือลงกับเตียงแล้วรับกล่องสี่เหลี่ยมที่กรณ์ส่งมาเปิดออกอย่างไม่เข้าใจ



“ อะไรครับนี่..” วิชญ์ภาสค่อยๆเปิดมันออก .. และก็พบสร้อยสีเงินเส้นเล็กๆเส้นหนึ่งอยู่ภายใน ..ข้างๆมีแหวนสีเดียวกันวางอยู่ข้างๆ ..ลักษณะตรงหัวแหวนจะคล้ายๆกับแม่เหล็กหรืออะไรสักอย่าง .. ชายหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยื่นกล่องส่งมาให้เขา



“ ไหนบอกว่าให้เอาโซ่มาล่ามคอได้..นี่ไง” นั่นเลิกคิ้วเล็กๆ แต่ไม่กล้าจะสบตาอีกฝ่ายตรงๆหรอก ในตอนนี้เขารู้สึกเขินๆอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ ความรู้สึกที่ใจเต้นถี่ แต่กลับรู้สึกดีอย่างมากมาย ความรู้สึกของการเป็นคนรักกัน ..



“ ครับ ?” วิชญ์ภาสผงะเล็กๆ แล้วใช้มือของตนหยิบสร้อยที่วางในกล่องขึ้นมาอย่างแปลกใจ เพราะไม่นึกมาก่อนว่ากรณ์จะทำอะไรอย่างนี้เป็นด้วย ใครจะนึกล่ะว่าภรรยาจอมเหวี่ยง ที่พร้อมจะขย้ำสามีทุกครั้งที่คิดนอกลู่นอกทาง หรือมีอะไรให้ระแคะระคายสงสัยจะทำอะไรน่ารักๆแบบนี้ออกมา



“ ใส่ให้ผมสิครับ ..” เจ้าตัวดียิ้มย่องอย่างปลาบปลื้ม แล้วยื่นสร้อยในมือส่งให้กรณ์ไป .. ดูจากสีสันและเนื้อสัมผัสก็บอกชัดว่ามันคงไม่ใช่สร้อยราคาถูกๆที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปแน่.. เนื้อแพลททินัมเหลือบฟ้าที่มีตัวต่อตะขอกลางเป็นเพชรเม็ดใสเรียบง่าย ราคาค่างวดอาจเฉียดแสน ..


“ วุ่นวายจริง..” ชายหนุ่มหน้าคมนั่งลงตรงขอบเตียงเพื่อให้คนน่ารักของเขาใส่สร้อยให้เขาได้.. กรณ์ยื่นมือไปลากเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงโต๊ะกระจกมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม และเลื่อนกายลงนั่ง จากนั้นก็เอื้อมไปหยิบแหวนที่วางคู่กันขึ้นมา .. คนตัวบางหมายจะใส่แหวนตรงนิ้วชี้เพราะจะได้สะดวกแต่คนตัวสูงก็หยิบแหวนออกจากมือกรณ์มาเสียก่อน ..แล้วค่อยสวมแหวนกลับไปตรงนิ้วนางข้างซ้ายของอีกคน ..



“ นิ้วนี้ดีกว่าครับ..” น้ำเสียงแพรวพราวอดจะทำให้กรณ์เขินอายไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องยกมือขึ้นงอแล้วเคาะไปกลางกระบาลเจ้าตัวดีจอมเจ้าเล่ห์เพียงลงแรง .. ดวงตาคู่สวยหันกลับไปสนใจสร้อยในมือของตน ค่อยๆวางพาดเส้นสร้อยไปตรงหลังคอแล้วกวาดมาอยู่อยู่ตรงหน้าเพื่อง่ายต่อการกลัดตะขอ ..แต่ช่วงจังหวะที่กรณ์โน้มกายไปข้างหน้า ก็ถูกสัมผัสบนใบหน้าหวานๆอยู่หลายที แม้จะยกมือขึ้นปัดป้องก็ไม่อาจผลักริมฝีปากนั้นให้ออกห่างจากตัวของตนได้เลย สุดท้ายเลยต้องปล่อยให้อีกคนทำตามที่ต้องการโดยกรณ์ตั้งใจกลัดตะขอให้ต่อ.. เขายื่นมือที่มีแหวนวงงามขึ้นคู่ก่อนที่ปลายสร้อยจะวิ่งเข้าหากัน ..


“ เอ๊ะ..” วิชญ์ภาสชะงักริมฝีปากของตนอย่างแปลกใจเมื่อเหลือบเห็นตะขอกลัดสร้อย กับหัวแหวนวิ่งเข้าหากัน..


“ ทำได้ไงครับนี่..”



“ ปลายมันเป็นแม่เหล็ก ถ้าจะถอดก็ต้องใช้แหวนติดกับหัวตะขอถึงจะออก..” กรณ์อธิบายเสียงเบาๆ.. ความหมายในนิยามคือกรณ์ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายถอดสร้อยเส้นนี้ตลอดชีวิต .. หากมันจะหลุดออกก็หมายถึงกรณ์เป็นคนถอด หรือจะอีกนัยคือความหมายของการพลัดพราก ..


“ ขอบคุณครับ..ผมชอบมากเลย” ชายหนุ่มยกมือขึ้นคล้ำสร้อยเส้นบาง แต่กลับหนาแน่นฝังลึกในหัวใจอย่างไม่มีสิ่งใดมาแทรกผ่าน .. แท้จริงความหมายของมันใช่จะเป็นสร้อยเนื้อดีราคาแพง แต่กลับเป็นความตั้งใจที่อีกคนกระทำต่อเขาต่างหากล่ะ



“ งั้นก็ปล่อยมือได้แล้ว..เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำแล้ว” กรณ์ยิ้มให้เมื่อเห็นอีกฝ่ายพอใจในสิ่งของที่เขามอบ .. ถ้าวิชญ์ภาสได้รู้ว่าสร้อยเส้นนี้นอกจากกรณ์จะตั้งใจมอบให้ อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายความรักระหว่างแม่และพ่อของเขา ไม่รู้คนหน้าคมจะดีใจขนาดไหน .. เพราะตั้งแต่หัวใจได้ค้นพบกับคำว่ารัก กรณ์ก็รู้ตัวว่าลมหายใจของเขาฝากไว้ในมืออีกคนแล้ว


“ ผมอาบด้วยดีกว่านะ..”


“ อาบน่ะได้ แต่ห้ามมายุ่งกับทุกส่วนในตัวฉัน วันนี้ฉันอยากพักผ่อน” กรณ์ยกนิ้วขึ้นชี้กลางหน้าผากของอีกคนอย่างห้ามปราม ..ใบหน้า รอยยิ้ม และลมหายใจ .. คือสิ่งที่รักได้มอบให้ เหนืออื่นใดรักยังทำให้กรณ์ได้รู้ว่าชีวิตยังมีอีกมากมายให้ค้นหา


“ รับทราบครับผม” เจ้ากบตาหวานพยักหน้างึกๆ.. แล้วจึงรวบแรงที่มีทั้งหมดอุ้มร่างตรงหน้าเดินตรงดิ่งสู่ห้องน้ำที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวทันที บานประตูที่ปิดลงพร้อมสองหัวใจที่ใกล้ชิด แม้กรณ์จะรู้สึกเขินๆบ้าง แต่เขากลับสุขใจที่ใกล้กันขนาดนี้ แผ่นฟ้าของสายลมที่เคยมืดมนและอ้างว้าง บัดนี้ได้มีแสงสว่างจากดวงดาวส่องประกาย แม้มันจะไม่แกร่งกล้าเทียบเท่าดวงอาทิตย์ แต่มันก็มีชีวิตจิตใจเดิมความสดใสด้วยทั้งหมดของคำว่ารัก




หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเดินละออกจากห้องนอนของตนด้วยความคิดบางอย่าง .. ความจริงที่หลายคนในบ้านยังไม่รับรู้ ความจริงที่เธอต้องยอมรับและเดินต่อไป .. เธอเคยคิดว่าหากเธอสามารถทำให้กาณฑ์ยอมรับทุกอย่างได้ บางทีในใจของเขาอาจเหลียวมามองเธอบ้าง ..แต่เหมือนเธอจะคิดผิดเมื่อความจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่าคนที่อายุน้อยกว่ากับเธอคงเป็นได้เพียงพี่สาวกับน้องชาย .. แรกเริ่มมันอาจดูเจ็บปวด แต่มาถึงวันนี้ในใจของหล่อนกลับรู้สึกมีความสุขมากมายกว่าที่เป็น ..


“ ทุกอย่างโอโคค่ะ..คุณกรณ์ก็เครียดๆเหมือนเดิมแต่ดีที่คุณวิชญ์คอยอยู่ข้างๆ..” หญิงสาวยิ้มไปกับกระบอกปลายสายอย่างมีความสุข .. ชีวิตที่เคยอ้างว้างเป็นเพียงเด็กในความอุปถัมภ์ของอดีตประมุขสายลมผู้ล่วงลับ แต่วันนี้กลับมีคนที่เป็นเหมือนญาติค่อยห่วงใยและถามสารทุกข์สุกดิบ



“ ครับงั้นฝันดีนะครับ” ชายหนุ่มปลายทางตัดสายไป เหลือเพียงรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยว อย่างน้อยสายลมก็ยังบรรเทาความร้อนรนและอ้างว้าง .. แม้มันจะไม่ใช่ลมเย็นขนาดพาความร้อนให้ละคลายไปจนหมดสิ้น แต่มันก็พัดระเรื่อให้ความร้อนได้เบาบาง




เช้าวันเสาร์คนตัวบางตื่นนอนก่อนอีกคน ..เพราะช่วงระยะนี้อีกฝ่ายรู้ดีว่ากรณ์มีงานหนักเลยไม่ค่อยกวนสักเท่าไหร่ เมื่อวานก็ไม่กล้าบุกรุกเขตหวงห้ามได้แต่กอดแต่หอมตามประสา จริงๆหากอีกคนต้องการกรณ์เองก็พร้อมจะมอบให้ เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่ผูกยึดใจของทั้งสองมันคือความรัก ไม่ใช่เซ็กซ์หรือเงินทอง .. การใกล้กัน การสัมผัสเป็นเพียงปัจจัยหนึ่ง แค่ได้จับมือกรณ์อีกฝ่ายก็มีความสุขมากพอแล้วล่ะ..


กรณ์ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน..และลงมาจากห้องเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า ลงมาก็เห็นแม่บ้านสาวในชุดนอนสีชมพูแจ๋นหัวฟูชนิดเพิ่งตื่น หน้าตาของเจ้าหล่อนยังงัวเงียอยู่ไม่ใช่น้อยๆ ..



“ คุณกรณ์จะรับอะไรดีคะ” หญิงสาวสลัดความง่วงงุนเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินลงมาแต่เช้า ปกติวันเสาร์กรณ์ไม่ตื่นเช้าอย่างนี้หรอก ส่วนมากก็จะลงมาตอนเจ็ดโมงครึ่งหรือไม่ก็แปดโมง ..



“ น้ำส้มก็ได้..แต่เดี๋ยวฉันไปเดินเล่นในสวนก่อนไม่ต้องตอนนี้หรอก..” กรณ์หันไปมองแม่บ้านสาวเล็กน้อย สั่งความเสร็จสรรพก็เดินตรงดิ่งไปยังสวนหน้าบ้านที่แสนร่มรื่น ..บรรยากาศในตอนเช้าช่างบริสุทธิ์อย่างชนิดที่ไม่น่าเชื่อ ..




“ จะลงไปเดินเล่นทำไมไม่ปลุกล่ะครับ..” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากตรงชานระเบียงห้องชั้นสอง ..กรณ์หันกลับไปมองก็พบคนตัวสูงที่มีเพียงกางเกงนอนขายาวสวมอยู่ ด้านบนก็ห่มลมห่มฟ้าตามประสา ..ไม่รู้จักอายผีสางหรือยังไง ..



“ ก็เห็นว่านอนอยู่..” กรณ์ตอบไปเสียงเบาๆ ไม่ได้รู้สึกวุ่นวายหรือรำคาญอีกคนเลยสักนิด


“ เราจะออกจากนี่กี่โมงดีครับ ..” คนที่อยู่ด้านบนเอ่ยถาม .. จริงๆเขามีนัดเลี้ยงตอนเย็นๆ ช่วงเช้ากับกลางวันก็ว่างเลยอยากจะถามอีกฝ่ายดูก่อน เผื่อกรณ์จะสะสางงานหรืออะไรที่คั่งค้างให้เรียบร้อยเสียก่อน ..


“ บ่ายๆแล้วกัน ..” กรณ์เอ่ยบอก .. เขาพยายามสดชื่น พยายามสดใสแต่บางทีงานที่รุมเร้าก็มากเกินเขาจะห้ามปราม .. ทุกอย่างเหมือนรุมมารอบด้าน วันนี้เขาจะลงมือเผด็จศึกยัยเด็กหน้าไม่อายที่จ้องจะแย่งคนของเขาไปให้ราบคาบ .. กรณ์เชื่อว่าการค่อยๆแก้ไปที่ละเปราะแม้จะกินเวลานานแต่มันก็ได้ผลดีกว่าทำลวกๆ ..


“ ครับ งั้นผมขอนอนต่อนะ..” กรณ์มองตามก่อนจะพยักหน้าให้..ร่างด้านบนจึงหายลับกลับเข้าไปในห้อง ส่วนกรณ์ก็เดินเล่นต่ออย่างครุ่นคิด.. เขาเดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่ตรงลานด้านหน้าแล้วเปิดประตูหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาด้วยใจมาดหมาย ..



‘ คุณกรณ์ให้สืบเรื่องราวของเด็กคนนี้ทำไมคะ .. ทั้งที่เด็กนี่ก็เป็นแค่นักศึกษาธรรมดาๆคนหนึ่ง ถึงบ้านจะค่อนข้างมีฐานะแต่ไม่ได้มีธุรกิจอะไรที่เราต้องสนใจ’ สุรีย์ที่ได้รับหน้าที่ ให้จ้างวานนักสืบสืบค้นหาประวัติและข้อมูลของหญิงสาวเอ่ยถามอย่างแปลกใจ พร้อมมองไปยังเจ้านายที่กำลังเปิดดูเอกสารที่ได้รับมาจากนักสืบอย่างสงสัย



‘ไม่มีอะไรหรอก..แค่เด็กนิสัยไม่ดีคิดจะเป็นมือที่สาม’ กรณ์ไม่ได้ตอบตรงประเด็น แต่คำที่พูดก็ทำให้หญิงสาวรับรู้ได้กระจ่างแจ้ง ..รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เธอไม่เคยเห็นเจ้านายเป็นอย่างนี้มาก่อน แต่พักหลังมานี้เธอก็ได้เห็นในหลายสิ่งที่กรณ์ไม่เคยทำ


‘ยิ้มอะไร’ กรณ์โวยขึ้นแถมยังติดเหวี่ยงนิดๆ แตกต่างจากเมื่อก่อนที่มักเฉียบขาดและดุดัน




‘เปล่าค่ะ.. ’ หญิงสาวส่ายหน้าแล้วเดินจากไป ..ทิ้งไว้เพียงเจ้านายหน้าหวานที่กำลังเคืองๆ เพราะโดนจับได้ว่ากำลังหาทางกำจัดมือที่สาม ที่กำลังจะเข้ามายุ่งย่ามกับคนของตน กรณ์เชื่อใจว่าคนของเขาไม่นอกลู่นอกทาง แต่เขาไม่เชื่อแม่สาวไฟแรงสูงคนนั้น แค่เห็นก็รู้ชัดว่ารั้นไม่น้อยหากชะล่าใจแม่นี่จะทำให้เกิดความวุ่นวายระหว่างเขากับคนคิ้วหนา ..ซึ่งกรณ์จะไม่มีวันยอม ..


ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
กรณ์จับหมกป่าไปเลย แต่ชักส่อแวววุ่นๆยังไงไม่รู้เนอะ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 32

คนตัวสูงที่บอกว่าจะนอนต่อแต่จริงๆ เขากลับนอนไม่หลับเลยต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวฆ่าเวลา ..เมื่อคืนก็เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ตื่นมาเลยค่อนข้างอิ่ม..ขืนยังนอนต่อตื่นมาอีกทีคงมึนหัวแน่นอน


สายน้ำที่สาดกระทบลงบนเรือนกายแกร่ง ..กล้ามเนื้อทุกมัด หยาดน้ำทุกหยด ดูจะพราวและแวววาวเป็นภาพที่งดงามหนึ่งภาพ เขาเริ่มถูสบู่เหลวที่บีบมาจากขวดด้วยความเคยชิน แต่มือก็ไปชะงักและหยุดตรงสร้อยที่กรณ์สวมให้.. เขาเลื่อนกายไปอยู่ในแนวฝักบัวเพื่อให้น้ำชำระล้างฟองสีขาวออกไป จากนั้นก็ขยับไปยืนอยู่ตรงหน้ากระจกมองร่างกายของตัวเองด้วยความรู้สึกแปลกใหม่..

“ นับวันคุณจะน่ารักขึ้นจริงๆ..” มือหนายังคงวนเวียนตรงสร้อยแพลททินัมที่สวมอยู่ ดวงตาจับจ้องไปก็พลอยจะนึกถึงเจ้าของสร้อย หากเลือกได้เขาก็อยากให้ไม่มีอุปสรรคเข้ามากล้ำกราย แต่เขาก็รู้ดีว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอก แค่ตอนนี้ได้อยู่ข้างกันและพยุงชีวิตให้เดินหน้าไปพร้อมๆกัน แค่นี้เขาก็สุขหัวใจแล้วล่ะ ..


วิชญ์ภาสอาบน้ำเพลินจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว.. ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนข้างๆขึ้นมาเช็ดกายแล้วยกขึ้นสะบัดสวมคาดเอวออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี.. เจ้าของห้องอีกคนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กตัวเก่งหันมามองอีกคนเล็กน้อยแล้วหันกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อ



“ ขึ้นมานานแล้วเหรอครับ..” วิชญ์ภาสถามขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะก่อนหน้ายังเห็นกรณ์เดินเล่นอยู่ตรงสนามหน้าบ้านอยู่เลย ..



“ สักพักแล้ว..” คนหน้าสวยตอบเบาๆ ก่อนจะสะบัดนิ้วออกจากแป้นอย่างเมื่อยล้า .. ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านเขาก็เร่งปิดข้อสรุปผลประกอบการบางส่วน เพราะอยากใช้เวลาในวันเสาร์และอาทิตย์จัดการเรื่องที่คั่งค้างอยู่ ที่สำคัญวันนี้จะต้องไปกรุงเทพฯกับอีกฝ่าย กรณ์เลยอยากไปโดยไม่มีความพะว้าพะวงแต่อย่างใด..


“ หน้าคุณซีดๆนะ..” ชายหนุ่มที่เหลือบมองอีกคนผ่านกระจกบานใหญ่เอ่ยทัก มือของเขาก็ยังลูบไล้แป้งเด็กกลิ่นหอมไปตามร่างกายอย่างปกติ ..



“ เหรอ..” คนได้ฟังยกมือขึ้นจับหน้าตัวเองอัตโนมัติ ช่วงนี้กรณ์วุ่นจริงๆ อาทิตย์หน้ายังต้องเข้าเจรจากับศัตรูตัวฉกาจที่เขาไม่ต้องการพบหน้าอีก .. แต่กรณ์ก็เลือกจะไม่ไปไม่ได้หรอกในเมื่อหนทางนี้ดูจะประนีประนอมที่สุด ในวงการธุรกิจหากเลือกจะผูกมิตรได้จะทำให้เราเดินหยุดอยู่ตรงยอดของผู้คน แต่ในความเป็นจริงน้อยนักที่แต่มิตรทางออกที่ดีที่สุดคือพยายามมีศัตรูให้น้อยที่สุด


“ วันนี้คุณไปกับผมหรือเปล่าครับ..” วิชญ์ภาสหยิบเสื้อเชิ้ตที่แขวนอยู่หน้าตู้ขึ้นมาสวมทับ .. เสื้อเชิ้ตสีดำขนาดพอดีตัวที่ดูจะเหมาะกับเขาอย่างมากถูกสวมลง ..


“ ไปเถอะ..รออยู่ที่คอนโดฯแล้วกัน” กรณ์ละหน้าจากคอมพิวเตอร์แล้วหันมามองอีกคน ที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ .. ร่างกายแข็งแกร่งที่เผยความล่ำสัน เพราะกระดุมเสื้อยังไม่ถูกติด


“ คุณเหนื่อยมากไหม..” ไม่รู้สินะอยู่ๆก็อยากถาม ..อยากให้อีกคนได้รู้ว่าเขาห่วงกรณ์มากจริงๆ หากเลือกได้ก็ไม่อยากให้กรณ์ต้องเจอกับอุปสรรคใดๆ.. ชายหนุ่มเอื้อมมือหนาไปดึงร่างที่นั่งอยู่เข้ามาใกล้.. กรณ์ยอมเอียงตามแรงที่ดึงเข้ามาทำให้หน้าหวานซบลงอยู่บนท้องแกร่ง ที่ขึ้นลอนเพราะความกำยำสมส่วน .. ความเย็นที่เพิ่งผ่านน้ำ ความหอมจากกลิ่นแป้ง และความอุ่นจากหัวใจ


“ จริงๆช่วงนี้ผมมีความสุขมากเลยนะ ที่คุณลุกขึ้นมาทำโน่นทำนี่ตั้งมากมาย ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ แต่บางทีผมอาจจะมีความสุขมากจนลืมมองไปว่าคุณกำลังมีปัญหารุมเร้า..” เสียงเขาติดสั่นตรงส่วนกลาง ด้วยเพราะกลัวว่าอีกคนจะหนักเกินไป..


“ นายมีความสุขก็พอแล้วแหละ..” กรณ์บอกเบาๆ..หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีคำๆนี้หลุดออกจากปากเขาแน่ๆ คำที่เรียบง่ายแต่กลับแฝงความรักมายมายไว้ในนั้น ..


“ ผมไม่มีความสุขหรอกนะถ้าคุณยังวุ่นวายใจอย่างนี้..” มือหนาเอื้อมรั้งให้ใบหน้าที่ซบอยู่กับท้องของตนผละห่าง ก่อนจะทรุดการลงคุกเข่าเผชิญหน้ากับอีกคนตรงๆ..


“ ฉันก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร ..” กรณ์ส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบางๆ.. มือนุ่มวางลงบนบ่าแกร่งของอีกฝ่ายอย่างผ่อนแรง .. ดวงตาคู่เรียวจับจ้องเขาไปในดวงตาของอีกคนหมายจะบอกความหมาย ว่าเขาไม่ได้เหนื่อยมากมายจนร่างกายทนไม่ได้ เขาแค่สับสนว่าควรรับมืออย่างไรกับกลเกมทางธุรกิจที่เป็นอยู่


“ คุณกรณ์..”


“ หืม..?” คิ้วเรียวของคนหน้าสวยยกขึ้นเล็กน้อย .. เป็นเชิงรับรู้


“ ผมรักคุณ..” คำสั้นๆที่ย้ำความมั่นใจ แววตาที่นิ่งสงบฉายชัดถึงความรักและความจริงใจที่มีอย่างมากมาย หากแสดงเป็นคำพูดได้คงเห็นคำว่ารักฉายกระจ่างในดวงตาคู่นี้แล้วล่ะ


“ นายบอกฉันแล้ว..” กรณ์ยิ้มให้โดยไม่เคอะเขินเช่นที่ผ่าน .. เขารู้สึกได้ด้วยหัวใจ รู้สึกถึงความอิ่มเอิบที่กำลังแผ่ความอบอุ่นให้ซาบซึ้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำว่ารักแล้วกรณ์มีอาการน้อยที่สุด แต่หัวใจกลับรับรู้ได้มากที่สุดเช่นกัน


“ ผมอยากบอก.. ผมไม่ได้บอกรักคุณตั้งหลายวันแล้ว..” เจ้าคนอายุน้อยกว่าส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาคู่นั้นยังคงทอประกายความชัดเจน และมั่นคงไม่เปลี่ยน



“ กลัวฉันจะลืมหรือไง” มือเรียวที่วางอยู่บนบ่าของชายหนุ่ม เลื่อนมาวางบนใบหนาเข้มๆ..กรณ์ยกนิ้วของตนวางลงบนคิ้วหนาอย่างเบามือ.. จิ้มถามคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่สุขใจ



“ ผมแค่อยากได้ยินจากคุณบ้าง..” สิ่งที่เคยเกิดในใจ ..คำที่เขาเฝ้ารอจากกรณ์มายาวนาน เขารู้ดีว่าคนอย่างเขาไม่สมควรได้รับ เขารู้ดีว่าความร้ายกาจและความชั่วช้าที่เคยกระทำมันมากมาย ..แค่กรณ์ให้อภัย แค่กรณ์ยอมให้เขาอยู่ใกล้ และดีกับเขาเช่นที่เป็นก็มากเกินพอ แต่เขาก็อดไม่ได้จริงๆที่จะรู้สึก ..แค่อยากฟังสักครั้งในชีวิตก็เพียงพอแล้ว ..


“ ถ้านายรอได้สักวันนายจะได้ยินฉันบอกว่ารักนาย..” รอยยิ้มบางคลี่ออกเบาๆ.. กระนั้นนิ้วที่ไล้ไปตามแนวคิ้วของชายหนุ่มยังคงวนเวียนไม่ห่าง ..



“ ผมรักคุณ..” นั่นคือคำตอบรับที่ดีที่สุด.. สักวันเขาจะได้ยินบางสิ่งบางอย่างที่หัวใจของคนหน้าหวานต้องการจะบอก แม้วันนี้จะยังไม่ถึงเวลา แต่เขาก็รู้ว่าต้องมีสักวันที่จะได้ยิน แท้จริงมันไม่สำคัญเลยว่ากรณ์จะพูดหรือไม่แค่ได้อยู่ด้วยกัน ได้มีลมหายใจของกันและกันมันก็มากมายเกินกว่าที่คนอย่างเขาจะคิดแล้ว..




ทั้งสองออกจากสายลมและมุ่งตรงสู่บ้านใจกลางเมือง.. วันนี้คุณกรณ์ของชายหนุ่มดูจะอยู่ในชุดสบายกว่าที่คิด เสื้อยืดตัวบางสีฟ้าก่อนกับกางเกงขาสั้นกรอมเข่าสีขาว .. หากใครไม่รู้ก็คงคิดว่าคนหน้าสวยคงเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยหรือไม่ก็คงเพิ่งจบมัธยมแน่ๆ .. กรณ์ในตอนนี้ดูเด็กกว่าอายุจริงๆอย่างมาก ยิ่งได้เจอความรักยิ่งทำให้ดูมีน้ำมีนวลมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ..



แม่เด็ก ‘เขียว’ ที่อยู่ติดบ้านไม่ได้ออกไปเรียนรีบวิ่งมาเปิดประตูรับเจ้านายทั้งสองอย่างรวดเร็ว ..ตามด้วยคุณวรางคณาทียิ้มกว้างต้อนรับกรณ์และวิชญ์ภาส ..



“ซื้ออะไรมาเยอะแยะมากมายจ๊ะนี่..” คุณวรางคณาเอ่ยทักทาย เมื่อเห็นถุงข้าวของมากมายที่เขียวถือเดินลับไปทางครัวของบ้าน .. กรณ์กับเจ้าตัวสูงยกมือขึ้นไหว้คุณวรางคณาเป็นการทักทาย แล้วเดินเข้าไปภายในบ้านตรงโถงรับแขก บ้านที่เป็นของแม่กรณ์เวลานี้ไม่ต่างอะไรจากบ้านของคุณวรางคณา ยิ่งกรณ์กับวิชญ์ภาสไม่ใช่แค่คนรู้จักกันยิ่งทำให้นางมีสิทธิ์ในบ้านนี้อย่างไม่ต้องปริปากบอก



“ วันนี้คุณกรณ์ว่างเหรอคะ..” คุณวรางคณาเอ่ยถามคนหน้าสวยที่ดูเด็กกว่าทุกครั้งที่นางเจออย่างแปลกใจ ..รู้ดีว่ากรณ์ค่อนข้างยุ่งและต้องดูแลกิจการมากมายของครอบครัว



“ จะไม่ให้ว่างได้ไง วันนี้วิชญ์ภาสมาค้างที่กรุงเทพฯคุณกรณ์ก็ต้องตามมาอยู่แล้ว” เจ้าตัวสูงชิงตอบคำถามแทนคนข้างกาย ทำให้กรณ์ต้องชักสีหน้าดุๆหันไปมองปราม




“ ตาวิชญ์นี่ไม่มีมารยาทจริงๆ..” คุณวรางคณาดุเสียงแกมหยอกมากกว่าจริงจัง เพราะท่าทีของลูกชายกับคนที่มีบุญคุณกับตนดูจะเง้างอดน่ารักๆมากกว่าวุ่นวาย .. คนอย่างคุณวรางคณาอยากเห็นลูกชายมีความ สุขมากกว่าสิ่งอื่นใด ยิ่งรู้ว่าได้รักกับกรณ์ยิ่งทำให้ความวางใจเพิ่มมากขึ้น .. กรณ์เป็นคนที่มีรับผิดชอบมาตั้งแต่เด็กๆ หากลูกชายของนางได้อยู่ใกล้คงซึมซับมาไม่มากก็น้อยแหละ



“ ก็วิชญ์พูดจริงนี่แม่.. เย็นนี้วิชญ์มีเลี้ยงสายรหัสรวม เดี๋ยวให้ไอ้โต้งมารับ เลยพาคุณกรณ์มานอนที่นี่ฝากแม่ดูแลด้วยนะครับ..” เจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยิ้มแย่ง พร้อมทั้งอธิบายถึงสาเหตุที่ทำที่เขาเลือกจะพากรณ์มาที่นี่แทนจะเป็นคอนโดฯของชายหนุ่ม



“ ทำยังกับคุณกรณ์เขาเป็นเด็กงั้นแหละ” คุณวรางคณาอดขันในท่าทีห่วงใยของเจ้าลูกชายไม่ได้



“ ก็วิชญ์ห่วง หวง หึง ทุกอย่างเลย..” ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างภูมิใจ หากอยู่ด้วยกันสองคนกรณ์คงไม่หน้าแดงขนาดนี้.. สุดท้ายเลยต้องหนีจากสถานการณ์รุมเร้าเดินหนีขึ้นด้านบนไปเสียดื้อๆ


“ พูดจนคุณกรณ์เขาอายม้วนไปแล้ว..”




“ ก็วิชญ์พูดจริงนี่..เรียนจบวิชญ์จะขอคุณกรณ์แต่งงานแม่ว่าไง..” ชายหนุ่มสำทับคำที่พูด ก่อนจะเปิดประเด็นใหม่ที่ตัวเองคิดขึ้นมา แม้ระหว่างทั้งสองจะรู้จักกันแค่ครึ่งปี ( ประมาณนี้นะ..) แต่เขาก็มั่นใจอย่างถึงที่สุดว่าตนกับอีกคนจะอยู่กันไปจนตลอดรอดฝั่ง



“ หา..พูดจริงพูดเล่น”คุณวรางคณาผงะไปเพราะคำของลูกชาย จนต้องย้ำถาม..



“ จริงดิแม่ ..วิชญ์ไม่พูดเล่นกับเรื่องอย่างนี้หรอกครับ..” ชายหนุ่มพยักหน้าย้ำความมั่นใจในสิ่งที่ตนได้พูดออกไปต่อหน้ามารดา


“ ก็แล้วแต่วิชญ์แล้วกัน .. แต่แม่ว่าก่อนจะขอคุณกรณ์แต่งงานวิชญ์ก็ควรจะสร้างอนาคตให้ตัวเองมั่นคงด้วยนะ ถึงคุณกรณ์จะมีเงินมากมายแต่มันคงไม่ดีหรอกหากเราไม่มีงานเป็นของตัวเอง .. ความรักแบบนี้มันเป็นภาษีด้านลบทันทีที่คนเห็น” นางให้ข้อเสนอตามประสาแม่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ..


“ วิชญ์ก็คิดอย่างนั้นแหละ..วิชญ์ไม่ภูมิใจหรอกที่จะเกาะคุณกรณ์โดยตัวเองไม่กระดิกเท้าทำอะไรเลย” ยังไงสัญชาตญาณของผู้ปกป้องก็ยังกู่ก้องในหัวสมองของเขา .. กรณ์ดูจะเพียบพร้อมและดีกว่าเขาไปทุกอย่าง เขารู้ดี เขาอยากจะหางานสักอย่างที่มันมั่นคงถึงมันจะไม่ดีเท่ากรณ์ แต่เขาก็ภูมิใจที่เขามีเงินของตัวเองสามารถเลี้ยงคนที่เขารักได้

หลังทักทายกับมารดาสักพักหนึ่ง ชายหนุ่มก็ขอตัวตามคนของตนขึ้นไปบนห้องอย่างไม่รีบเร่ง ..เพราะกว่าเพื่อนจะมารับก็อีกชั่วโมงกว่าๆ ยังมีเวลาให้ทำโน่นทำนี่อย่างสบายๆ.. เขาเดินก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ ดวงตาคู่กลมเหลือบมองไปยังอีกฝ่ายที่กำลังเอนกายหลับตาอยู่บนเตียง คนน่ารักที่นับจะน่ารักน่าหยิกมากขึ้นกว่าเดิมกำลังผ่อนอิริยาบถทุกประการไว้ด้วยความวางใจ



“ หลับหรือเปล่าครับ..” ชายหนุ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้อีกคน แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วๆ หากกรณ์หลับก็ไม่อยากจะรบกวน ..แต่หากกรณ์ตื่นอยู่ก็คงพอได้ยินสิ่งที่เขาถาม



“..” คนที่หลับตาส่ายหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้หลับแค่อยากพักผ่อนสายตาก็เท่านั้น หลายวันมานี้กรณ์ค่อนข้างเครียด เวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างนี้จึงเป็นเวลาที่เขาได้ผ่อนคลายและไม่ต้องคิดเรื่องอะไรให้วุ่นวาย แต่กระนั้นก็คงต้องเว้นไว้สักเรื่องหนึ่ง..เรื่องยัยเด็กน้องใหม่ที่หมายจะมายุ่มย่ามกับวิชญ์ภาส เรื่องนี้กรณ์ไม่ยอมหรอก


“ วันนี้ผมคงกลับดึกแน่ๆไม่ต้องรอนะครับ..”



“ แล้วใครบอกว่าฉันจะรอ..หลงตัวเอง” คนที่หลับตาอยู่เอ่ยตอบเบาๆ .. คนฟังได้แต่ปรายยิ้มมองคนที่นอนอยู่โดยไม่ถือสาอะไรกับคำพูดนี้ .. เขารู้จักคนที่นอนอยู่ดีมากพอจะรู้ว่าคำที่กรณ์พูดออกมาก็เป็นเพียงคำแก้เก้อ มันอาจจะดูแรงในสายตาของคนอื่น แต่กลับเขาเขารู้ดีว่ามันมีความหมายว่าอะไร


“ แน่ใจนะครับ ...” ใบหน้าคมเข้มโน้มลงมาเรื่อยๆจนเสมอกับใบหน้าของอีกคน มีเพียงช่องว่างเพียงหนึ่งนิ้วมือกั้นกลางระหว่างทั้งสอง .. ชายหนุ่มที่โน้มหน้าลงจงใจเป่าลมใส่ริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ ทำให้คนที่นอนอยู่เบิกตามอง .. และสิ่งที่เห็นตอนนี้คือดวงตาคู่กลมที่ใกล้กับใบหน้าเขาอย่างมาก.. ที่สำคัญในดวงตาคู่นั้นมีเงาของเขาปรากฏอยู่เพียงผู้เดียว ดวงตาที่ไม่อาจมีไว้เพื่อมองกรณ์เพียงผู้เดียว แต่มันจะมีกรณ์เพียงเท่านั้นในทุกส่วนลึกแม้จะหลับตาลง แต่ภาพของคนตรงหน้าก็ยังประทับลงไปในใจของชายหนุ่มตลอดเวลา ..


“ ว่าไงครับ..ยังไม่ตอบผมเลยเลย..” ชายหนุ่มไม่ยอมละหน้าห่าง ถามต่อไปด้วยความสุขที่ได้อยู่ใกล้กัน

“ ...” กรณ์ไม่ตอบคำถาม แต่เลื่อนใบหน้าของตนมาทางด้านข้างก่อนจะยกขึ้นเล็กน้อยแล้วจดริมฝีปากของตนบนใบหน้าคมเบาๆไปหนึ่งที ..ช่วงจังหวะที่มันสัมผัสเล่นเอาหัวใจของชายหนุ่มอีกคนเต้นรัวราวมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ..ร่างกรณ์ผละออกจากเตียงไปตั้งหลักด้านข้างทันที โดยทีร่างของวิชญ์ภาสยังคงอยู่ในท่าเดิม ..ยังคงค้างอยู่ด้วยความรู้สึกแปลกๆ


“ เป็นอะไรไปอ่ะ..” เพราะสังเกตว่าอีกคนอยู่ในท่านั้นนานเกินไป กรณ์เลยเอ่ยถามขึ้น


..
“ ..” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่ทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างผ่อนแรง .. ใบหน้าที่แสนเสน่ห์พลิกหันมาทางกรณ์โดยที่หัวยังแตะกับหมอนที่รองอยู่ไม่ห่าง ..


“ ขอแบบเมื้อกี้อีกครั้งได้ไหม” คำพูดที่ร่าเริง แฝงวาวเจ้าเล่ห์ดังขึ้นอย่างชัดเจน



“ ไปข้างล่างดีกว่า..” กรณ์บู้ปากเรียวส่งตอบ แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดีทิ้งให้เจ้าตัวสูงนอนยิ้มเพ้ออยู่เพียงลำพัง .. ทุกการกระทำที่ค่อยๆเพิ่มระดับ ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้นมักทำให้ใจของคนเพ้อต้องกระตุกสั่นและรัวลั่นราวกลองรบ ..



กรณ์เดินมาหยิบโน้ตบุ้คที่ติดมาจากบ้านสายลม ออกมาท่องเนตตามประสา ..แม้ที่นี่จะไม่ได้ติดสัญญาณอินเทอร์เนต แต่เทคโนโลยีมือถือที่ล้ำหน้าทำให้เขาสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลออนไลน์ได้ทุกที่ ที่สัญญาณโทรศัพท์เข้าถึง



“ น้าไม่เคยเห็นคุณกรณ์เป็นอย่างนี้สักเท่าไหร่ ..” คุณวรางคณาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาเอ่ยขึ้น .. ภาพตรงหน้าใครจะเชื่อล่ะว่ามันจะเกิดขึ้น ประมุขของสายลม ตระกูลที่แสนทรงอิทธิพลในลุ่มน้ำรอยต่อ ตอนนี้กำลังนั่งกับพื้นบ้านอิงหลังไปกับโซฟาตัวใหญ่ ตรงหน้าก็เป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่วางอยู่ตรงโต๊ะน้ำชาตัวเตี้ย ๆ


“ ยังไงเหรอครับ ..” กรณ์เงยหน้าจากหน้าจอแล้วเอ่ยถามมารดาของเจ้าตัวยุ่ง



“ ก็อย่างนี้..ตอบน้าตรงได้ไหมคะว่าคุณกรณ์รู้สึกยังไงกับเจ้าวุ่นกันแน่..” แม้นางจะไม่ถาม คำถามก็ย่อมปรากฏอยู่กลางใจแล้ว คุณวรางคณาแค่อยากได้ยินบ้าง ..


“ ไม่รู้สิ..แค่อยู่ด้วยกันก็พอแล้วล่ะ..” กรณ์ตอบไปด้วยความรู้สึกโล่งสบาย ไม่ต้องปิดบังหรือวางท่าแต่อย่างใด อาจเพราะคนตรงหน้าคือแม่ของคนที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว กรณ์ถึงได้กล้าพูดอย่างไม่ต้องปกปิด



“ ค่ะ..” คุณวรางคณายิ้มให้ .. ปล่อยให้กรณ์ฆ่าเวลาไปกับการท่องเนตต่อ สักพักต่อมาแขกที่ต้องมาก็เดินทางมาถึง เจ้าหนุ่มหน้าตี๋ดีกรีเพื่อนสุดฮอต ที่ตอนนี้เสน่ห์จะแซงหน้าวิชญ์ภาสไปหลายขุมแล้ว ..ด้วยเพราะตั้งแต่ที่วิชญ์ภาสมีตัวจริงไม่วอกแวกชายตาแลใคร ทั้งสาวทั้งหนุ่มก็เลยพุ่งมาที่โต้งแทน ..




“ สวัสดีครับคุณแม่...คุณก..กรณ์” โต้งเดินยิ้มแย้มเข้ามาในบ้านอย่างคุ้นเคย .. เพราะตั้งแต่ที่วิชญ์ภาสเจอแม่ครั้งก่อน โต้งก็รู้ว่าคุณวรางคณาอยู่บ้านหลังนี้..แต่เขาไม่ยักคิดมาก่อนว่าจะได้เจอกรณ์อยู่ที่นี่ด้วย แถมที่สำคัญกรณ์แทบไม่เหลือคราบประมุขสายลมที่น่าเกรงขามเลย


“ เป็นอะไร..หน้าฉันเหมือนผีมากเหรอไงถึงได้เสียงสั่น” กรณ์เงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่ ..แล้วเหวี่ยงใส่อย่างแกล้งๆ..จะว่าไปโต้งก็มีส่วนเกี่ยวข้องให้น้องชายของเขาต้องเจ็บปวดครั้งก่อน พอรู้ว่าโต้งเกรงๆชายหนุ่มเลยอยากจะแกล้งเล่นให้สาใจบ้าง ..


“ เปล่าครับ ..” ชายหนุ่มรีบบอกปัดอย่างรวดเร็ว



“ หวังว่าจะกลับบ้านโดยสวัสดิภาพนะ ..คงรู้ใช่ไหมว่าอะไรเกิดขึ้นวันนี้นายต้องรับผิดชอบด้วย..” คนหน้าสวยเอ่ยเรียบๆราบๆ แต่คนฟังดูชักจะไม่สบายตัวในการฟังสักเท่าไหร่ สิ่งที่กรณ์พูดมีเหรอที่เขาจะไม่เข้าใจ ก็เล่นหวงสามีเว่อร์ขนาดนี้ ใครหน้าไหนมาแย่งรับรอง... ซี้ ...


“ รับรองด้วยหัวเลยครับ..” เจ้าเด็กหนุ่มตะเบะเท้ารับอย่างขันๆ เพราะตอนนี้คนน่าเกรงขามดูจะไม่ต่างจากเด็กมัธยมหัดหวงก้าง หน้าตากรณ์ดูจะไม่ให้เอาเสียเลย .. กระนั้นโต้งก็รู้ดีว่าคนอย่างกรณ์นั้นไม่ใช่ธรรมดา กรณ์คงดูน่ารักน่ากอดเฉพาะอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนสนิทตากลมเท่านั้นล่ะมั้ง ..



speedboy

  • บุคคลทั่วไป
เหอะๆๆ  ยัง.............ยังคงหวานกันม่ายเลยเลยนะคร้าบ


 :oni2: :oni2: :oni2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด