"ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH  (อ่าน 211655 ครั้ง)

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :z1: ฉากนี้ขอละเอียดๆ  :z1:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
จะลงโทษแบบไหนเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อิอิ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
menano  ต้องตามอ่านไปเรื่อยๆแล้วจะได้รู้ว่าเธอคือใคร และเธอจะทำอะไร

k_u_k_k_i_k  รอแปปนะ เดี๋ยวลงให้ค่ะ

SomLove  ความรักทำให้คนหื่น 55555

THIP  เล่นขอกันตรงๆเลย อยากจัดให้เหมือนกันนะ แต่น้องเค้าเขียนไว้แล้วไม่รู้เหมือนกันว่าละเอียดพอมั้ย 55555

pongsj  แหม แหม ทำมาถามไม่รู้จริงหรอว่าจะลงโทษแบบไหน กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามคร๊าบบบ  :L2:

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องสนุกมากๆ อ่ะ อ่านไปลุ้นไป ชอบวิทมากๆ ค่ะ ชอบกรณ์ด้วย นายเอกในฝันทีเดียว


LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 23

ร่างบางเริ่มถอยคืบไปด้านหลังอย่างหวั่นๆ ไม่ใช่หวั่นกับการเผชิญหน้า ..แต่หวั่นกับบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนไป.. บัดนี้บทบาทมันแตกต่างไปแล้ว กรณ์อาจกลายเป็นของอีกฝ่ายทั้งตัวและหัวใจ ส่วนวิชญ์ภาสนั่นไม่ต้องพูดถึงบัดนี้ทั้งหมดของหัวใจและจิตวิญญาณได้กลายเป็นของกรณ์โดยแท้จริง


ร่างสูงไล่ตามราวกับหมายป่าตามลูกแกะ.. วิชญ์ภาสยกมือขึ้นสูงดึงเสื้อที่ตนสวมอยู่ออกอย่างรวดเร็ว ..เวลาของความรักควรเริ่มต้นได้สักที .. ถูกต้องแล้วล่ะ เวลานี้เป็นเวลาของสองหัวใจโดยแท้จริง


มือแกร่งเอื้อมสัมผัสอีกคนที่หลังชนฝาด้านหลังอย่างไร้ทางหนี.. วิชญ์ภาสค่อยๆวางมือของตนลงบนใบหน้าของกรณ์อย่างอ่อนโยน ..



“ จะทำอะไร..” เสียงสั่นๆของกรณ์เอ่ยถามขึ้น ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งใดกำลังจะเกิด แต่มันก็อดจะตื่นเต้นตามไม่ได้ทุกที.. ทุกครั้งที่ใกล้ ทุกครั้งที่สัมผัส ในใจของวิชญ์ภาสยังมีบางสิ่งบางอย่างไม่เข้าที่เข้าทาง แต่เวลานี้ทุกความสับสนและกังวลได้เลือนหายไปหมดแล้ว

“ เริ่มกันใหม่นะคุณกรณ์..เราเริ่มกันใหม่นะ”

“ เริ่มอะไร..” กรณ์เลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ ..

“ ผมขอโทษสำหรับทุกสิ่งเลวๆที่เคยทำ ผมขอโทษสำหรับทุกอย่างที่พลาดไป นับจากวันนี้ผมขอเริ่มใหม่..นะครับ” คำขอที่ดังขึ้น มันไม่ต่างอะไรจากตอนนั้น ตอนที่วิชญ์ภาสเอ่ยบอกรักกับคนตรงหน้า มันจริงจังจริงใจ สำหรับใครที่เคยพลาด ก็อาจขอเพียงโอกาสสำหรับการเริ่มใหม่ เวลานี้วิชญ์ภาสกำลังร้องขอต่อหน้าเขา ต่อหน้าคนที่วิชญ์ภาสรักอย่างแท้จริง


“ แล้วแต่...” กรณ์บอกเสียงเบา คล้ายๆจะประกาศให้อีกคนรู้ว่ากรณ์เองก็ยอมรับอีกฝ่ายแล้ว


เหมือนกัน .. “ คุณกรณ์.. ?” วิชญ์ภาสปรายยิ้มให้ด้วยความสุข เขาเองก็รับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นอยู่ใกล้ๆเขา หัวใจที่กำลังพร่ำเรียกให้เขาเข้าใกล้ และอยู่ด้วยกันไปตลอดทุกลมหายใจเข้าออก



“ อือ..” กรณ์เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เมื่อโดนอีกฝ่ายเรียกชื่อ



“ ผมเริ่มแล้วนะ..” คนตัวสูงเอ่ยตอบ พร้อมทั้งเสื้อที่กรณ์ใส่มาจากบ้านถูกถอดออก..มือหนาเริ่มเปะป่ายไปตามร่างกายขาวเนียนที่มีเพียงเขาได้สัมผัส ร่างกายที่เป็นของเขาเพียงผู้เดียว ..ริมฝีปากหนาจดลงบนต้นคออย่างแสนรัก ค่อยๆลากความหยุ่นนุ่มไปตามแนวลำตัวปลุกเร้าอารมณ์ของอีกคนให้มากขึ้น .. ความร้อนที่เริ่มระอุทำให้คนตัวบางตอบรับการสัมผัสของอีกคน ..


“ เร็วหน่อย..” เสียงกระเส่าที่ดังขึ้นอย่างออดอ้อน ทำให้คนที่คุกคามต้องชะงักและเหลือบหันไปมองอีกคนที่หายใจรัวหอบอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง


“ วันนี้คุณน่ารักมากเลย รู้ตัวรึเปล่า..” วิชญ์ภาสยิ้มให้ และลงมือปลุกอารมณ์ของสองกายต่ออย่างต้องการกันและกัน เมื่อความว่างเปล่าของร่างกายเผยโฉม ความต้องการที่ผาดโผนก็อวดกายของมันอย่างไม่อายสายตาใครๆ ..



“ อื้อ..” กรณ์จำต้องสะดุ้งเมื่อร่างกายตอบรับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างทั้งสองคน .. มันค่อยๆเดินทางเข้าไปอย่างใจเย็น .. สายตาคู่กลมกำลังจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังนอนอยู่ด้านล่าง ใบหน้าหวานดูจะแหยเกไปสักหน่อยเพราะความตึงเข้มที่แทรกผ่าน ..



คนตัวบางถูกกระชับร่างให้ใกล้กับคนคุมเกมมากขึ้น ..เพื่อให้ช่องว่างระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นน้อยที่สุด ยามนี้ร่างกายของกรณ์เองก็ต้องการวิชญ์ภาสไม่แตกต่าง อยากจะหลอมรวม อยากจะเป็นหนึ่งเดียวกันในความรัก




ร่างกายหนั่นหนาเคลื่อนไหวอย่างชำนิชำนาญ .. ปรนเปรอความสุขให้สองร่างอย่างมากมาย



เวลานี้มันมีคำว่าความสุข คำว่าเราเข้ามาเป็นหนึ่ง ทำให้เซ็กซ์ครั้งนี้แปลกกว่าเดิม..เพราะเวลานี้มันมีความรักและความอบอุ่น



เพียงไม่เท่าไหร่ ..ก็สิ้นสุดหนทางของอารมณ์ ความเหนื่อยอ่อนผลักร่างสูงให้ล้มลงทาบทับอีกร่างที่อยู่ด้านใต้อย่างต้องการใกล้ชิด




“ หนักนะ..” กรณ์บ่นเบาๆ ผลักร่างของวิชญ์ภาสให้ล้มลงข้างๆ..อีกฝ่ายยินยอมทำตามแต่ก็ไม่ได้ห่างหายไปไหนยังอยู่ใกล้ๆทุกลมหายใจ



“คุณเป็นสะใภ้บ้านผมแล้วนะ..”

“ ใครยอมรับ” กรณ์หันมองอีกคนที่นอนข้างๆ เงยหน้ามองอีกฝ่ายที่เอ่ยบอก แต่ก็โดนก้มลงจุมพิตก่อนจะพูดอะไรออกมา



“ เป็นเถอะนะ.. ผมมีโปรโมชั่นตั้งเยอะ สมัครวันนี้แถมรักเต็มอั้น ” เจ้าตัวสูงยกมือขึ้นกอดร่างข้างๆ แถมยังทำหน้าออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ..วิชญ์ภาสในยามนี้มีหลากหลายมุม หลากหลายทาง แต่ทุกอย่างที่แสดงออกมาล้วนมีแววตาของความสุขปรากฏให้เห็น

“ พูดมากจริง ..อาบน้ำดีกว่า” กรณ์ย่นจมูกใส่อีกคนอย่างเขินๆ แล้วลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างรวดเร็ว ท่าทีระหว่างทั้งสองที่แสดงออก เหมือนไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นและปิดบังกันและกันอีก



“ ตกลงจะยอมไหมล่ะครับ..” วิชญ์ภาสลุกตามคว้าร่างที่ลุกขึ้นก่อนเข้ามากอดไว้..


“ โง่หรือฉลาดนี่” กรณ์ขยับกายเล็กน้อย จากที่โดนนั่งสวมกอดก็กลายเป็นขยับมาเผชิญหน้ากับอีกคน มือบางสัมผัสลงบนเอวหนั่นที่ไร้สิ่งใดปกปิด..ดวงตาของเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายที่กำลังมองเขาเหมือนกัน สองสายตาจ้องมองกันและกันด้วยความรู้สึกบางอย่าง ในเวลานี้รักมันปรากฏสำหรับคนสองคนอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นหรอกว่าเราจะรักกันเพราะอะไร ขอแค่วันนี้เรารักกันก็เพียงพอแล้ว



“ รักฉันไปตลอดชีวิตได้ไหม..” คำพูดเบาๆแผ่วๆ ดังตามมาหลังจากที่คนตัวบางปล่อยศีรษะของตัวเองลงซบกับซอกคอของอีกคนที่นั่งอึ้งๆ ท่าที คำพูด ตลอดจนทุกการกระทำ มันทำให้วิชญ์ภาสรู้สึกหัวใจพองโต และตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนไหนในชีวิต

“ ครับ” คำรับแม้จะแสนสั้น แต่มันก็ทำให้กรณ์มั่นใจอย่างถึงที่สุด ยามที่ร่างกายอยู่ข้างกาย ยามที่หัวใจเรียกร้องชื่อของกันและกัน มันดีที่สุดแล้ว




“ ไปอาบน้ำกันดีกว่าครับ เดี๋ยวลงไปข้างล่างกัน” ชายหนุ่มตัวสูงเอ่ยบอกพร้อมทั้งดันร่างของกรณ์ให้ลุกขึ้น โดยที่ตัวของเขาเดินไปด้วยกันไม่ห่าง ภายในห้องน้ำที่แสนกว้างสองกายยังไม่ออกห่าง น้ำที่ปริ่มเต็มไหลออกเพราะสองกายที่ลงนั่งอยู่ใกล้ๆ.. เกมรักบทใหม่เริ่มต้นด้วยความต้องการของสองกาย




“ นี่โกนหนวดเสียบ้างสิ ไม่เห็นรึยังไงแดงหมดแล้ว” มือบางประคองศีรษะของอีกคนที่กำลังเริ่มซุกไซร้ต้นคอขาวๆ ให้มองดูเนื้อตัวของกรณ์ที่มีรอยแดงปรากฏอยู่แทบทุกส่วนที่โดนสัมผัส




“ คุณชอบอย่างนั้นเหรอ..” วิชญ์ภาสเลิกคิ้วถาม ..อย่างมีเลศนัย มือของเขาเองยังไม่หยุดลูบไล้ไปตามแนวแผ่นหลังของกรณ์เลยสักวินาที ยิ่งใกล้ก็ยิ่งชิด ยิ่งหลงใหล ยิ่งรักและเข้าใจ ..ใครบอกกันล่ะว่ายามเมื่อได้เสพสมจนเต็มอิ่มแล้วอาจหลงลืม อาจเบื่อสิ่งนั้น เวลานี้วิชญ์ภาสได้พิสูจน์ให้แล้วว่าเขาจะไม่มีวันเบื่อกรณ์เด็ดขาด .. เขาคงไม่ทิ้งลมหายใจของตัวเองไปหรอก


“ ไอ้ ...ไอ้...” กรณ์ชักหน้าแดงเพราะคำของวิชญ์ภาส ..




“ ไอ้สามีรึครับ..” วิชญ์ภาสรับคำแทนกรณ์ ยิ่งทำให้อีกคนหน้าแดงไปมากกว่าเดิม ความสุขกำลังเต็มปริ่มในที่ในฐานของมัน หลังจากหยอกล้อกันสักพักก็ถึงแก่การบรรลุความต้องการของอารมณ์ มันจะแปลกอะไรในเมื่อร่างกายเกิดมาเพื่อกันและกัน และเวลานี้สองกายก็พบผู้เป็นเจ้าของมันแล้ว เลยเรียกร้องและโหยหากันและกันมากกว่าคนทั่วไปก็เท่านั้นเอง ..กว่าจะออกจากห้องน้ำได้ก็เย็นย่ำ กรณ์แยกไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาผลัดตรงหน้ากระจก ส่วนวิชญ์ภาสก็ยังอยู่ในผ้าเช็ดตัวผืนเดิม ก็เขาไม่คุ้นเคยนี่ไม่ใช่บ้านเขาสักหน่อย


“ เอานี่..” กรณ์ยื่นชุดนอนตัวใหญ่ส่งให้วิชญ์ภาสหลังจากที่เขาเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ... เสื้อในมือดูใหญ่กว่าไซส์ปกติที่กรณ์ใส่



“ ขอบคุณครับ.. ว่าแต่ช่วยผมแต่งตัวหน่อยสิ” วิชญ์ภาสยื่นมือเลยไปจับมือของกรณ์เข้ามาใกล้จนคนตัวบางยืนอยู่ตรงหน้า กรณ์ไม่ขัดศรัทธาใดค่อยวางกางเกงลงบนมือของวิชญ์ภาส ส่วนมือของเขาก็จับเสื้อมาคลี่ขึ้นแล้วสวมให้ราวทำกับเด็กๆตัวเล็กๆ


“ คุณกรณ์ครับ...” เจ้าเด็กน้อยร่างโข่งเอ่ยขึ้นหลังจากที่กรณ์สวมเสื้อให้เขาเสร็จ .. ดวงตาคู่เรียวเหลือบมองตอบเจ้าเด็กตากลมไปอย่างสงสัย



“ อะไรเหรอ..”


“ คุณช่วยดีกับผมแบบนี้ไปตลอดได้ไหม ...ผมคิดว่าผมคงอยู่ไม่ได้หากเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงแม้จุดเริ่มต้นของเราจะไม่ได้สวยงามเหมือนคู่อื่นๆ แต่ผมก็มีความสุขมากที่เราอยู่ใกล้กันอย่างนี้ และยิ่งมีความสุขที่คุณดีกับผม” ความหนักแน่น ความมั่นคง อาจสูญสลาย หรือ ในทางกลับกันก็อาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งใด ขอเพียงความรักและเชื่อมั่นปรากฏ .. วิชญ์ภาสคงจะกลายเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุด หากคำว่ารักหลุดออกจากปากกรณ์ แต่บางทีเขาอาจไม่ได้หวังสูงถึงเพียงนั้น เพราะแค่กรณ์ดีกับเขา แค่กรณ์ไม่เหมือนวันวานแค่นี้ก็ทำให้เขายิ้มได้มากต่อมาก




“ แล้วนายคิดว่าจะรักฉันไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ..” มือบางวางลงบนบ่าของคนที่นั่งอยู่กับขอบเตียง สองสายตายังคงจ้องมองกันไปมา จากพายุที่บ้าคลั่งพร้อมจะทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง แต่เวลานี้พายุร้ายก็กลายเป็นสายลมบางๆ พัดเข้ามาเพียงเพื่อเอื้อไอเย็นผ่อนร้อนให้หายไปก็เท่านั้น



“ ไม่รู้ผมพูดไปคุณจะเชื่อรึเปล่า ..แต่คุณเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดีเด่เหนือใครๆ ทำให้ผมรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วผมมันร้ายกาจแค่ไหน .. ทุกสิ่งที่เริ่มขึ้นมันทำให้รู้ว่าความรักมีค่าแค่ไหนสำหรับผม ทำให้รู้ว่าผมคงไม่อาจอยู่ต่อไปหากเราต้องห่างกัน ทุกครั้งที่ร่างกายคุณต่อต้านผมน้อยลง มันยิ่งทำให้ใจผมเต้นแรงมากขึ้นกว่าเก่า ทุกครั้งที่ใกล้กันคุณอาจไม่รู้ว่า คุณกำลังทำให้ผมตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”




“ ขนาดนั้นเชียว .. เอาเถอะถ้านายรักฉันต่อไปฉันก็พอใจแล้ว..” รอยยิ้มที่ส่งให้คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในวันนี้ จุดเริ่มต้นของรักไมจำเป็นต้องหานิยามสรุปผลในเร็ววัน ขอเพียงเชื่อมั่นและแต่งเติมให้เพิ่มพูนไปเรื่อยๆ ก็คงพอแล้วล่ะ



“ งั้นเดี๋ยวเราไปทานข้าวกันดีกว่า แม่คงทำอาหารไว้เยอะหลายอย่าง” วิชญ์ภาสคว้าร่างที่ยืนอยู่ข้างหน้าเข้ามากอดแล้วกดใบหน้าของตัวเองลงบนหน้าท้องแกร่งอย่างอ้อนๆ .. กรณ์ไม่ได้ว่าอะไรกลับโอบศีรษะที่กดลงมาอย่างเบาบาง ..จากนั้นสองคนก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่รู้เลยว่าบางสิ่งบางอย่างข้างหน้าอาจเกิดขึ้น



โทรศัพท์เครื่องสีดำของคนตากลมเคลื่อนไปมาพร้อมส่งเสียงร้อง


‘Private number’



“ ทำอะไรตรงนี้ยัยแพท..” เสียงของหญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้น ทำให้คนที่กำลังต่อสายถึงชายหนุ่มตาหวานต้องหันไปมองแล้วกดตัดสายอย่างเคืองๆ



“ ก็โทรฯหาพี่วิชญ์ไง ..ไม่รู้รึว่าเขาตามจีบฉันอยู่ โทรฯมาหาแต่ฉันไม่เห็นเลยจะโทรฯกลับ แต่พี่เขาคงไม่ว่างมั้ง” หญิงสาวผมยาวผิวขาวเอ่ยขึ้นอย่างมาดมั่น




“ ฝันไปรึเปล่ายัยแพท.. พี่โต้งบอกเองว่าพี่วิชญ์เขามีแฟนแล้ว แถมคนนี้ยังเรียกได้เต็มปากว่าแฟนของแท้ไม่ใช่คนควงเล่นเหมือนแต่ก่อน” เพื่อนสาวดูเหมือนจะไม่เชื่อคำสักเท่าไหร่ ..



“ คอยดูแล้วกัน ...” หญิงสาวเอ่ยขึ้นแล้วเดินกลับไปสมทบกับเพื่อนๆที่โต๊ะ.. ‘อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้มา ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ’




กรณ์เดินนำวิชญ์ภาสลงมาตัวปลิว ดูต่างจากคนเพิ่งเสร็จศึกเสียจริง .. แท้จริงเพราะกรณ์ชินแล้วนะสิกับภาวะหลังหลั่งเหงื่อ เลยทำให้ร่างกายปรับสภาพได้รวดเร็ว เพราะยิ่งสัมผัสกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น




“ แล้วแม่ล่ะเขียว..” ชายหนุ่มตัวสูงเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อไม่เห็นมารดาอยู่ที่โต๊ะอาหาร



“ อยู่ในครัวค่ะคุณวิชญ์ ..” เด็กสาวเอ่ยตอบพร้อมทั้งจัดจานที่ไปด้วย ทั้งหมดวางไว้สี่ที่ แม้เขียวจะเป็นเด็กในอุปการะ แต่สำหรับที่นี่เขียวไม่ต่างอะไรจากคนในบ้าน เช่นเดียวกับสุรีย์ เช่นเดียวกับหมอพิสิษฐ์ ไม่มีการแยกสถานะ



“ งั้นผมไปหาแม่ในครัวนะ..” วิชญ์ภาสเอ่ยบอกกับคนข้างกาย ..




“..” กรณ์พยักหน้าให้ พร้อมทั้งร่างที่เดินไปหยุดอยู่ตรงโต๊ะนั่งเล่นใกล้ๆกับทีวี ที่อยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ส่วนวิชญ์ภาสก็เดินเข้าไปหามารดาในครัว




“ ฮัลโหลกฤษฏิ์เหรอ... กาณฑ์เป็นไงบ้าง..” กรณ์ต่อสายถึงน้องชายคนเล็ก เพื่อถามไถ่อาการของอีกคน แม้กาณฑ์จะยอมรับเขากับวิชญ์ภาส แต่ไม่ได้หมายถึงหัวใจ ...มันไม่ใช่คอมพิวเตอร์สักหน่อยที่สั่งชัทดาวน์ปุ๊บ เครื่องจะดับปั๊บ หัวใจคนมันมีอะไรที่พิเศษกว่าเครื่องจักร เครื่องกลที่ไร้ชีวิต



“ ก็ดีครับ ...ว่าแต่พี่กรณ์เถอะฮันนี่มูนเป็นไงบ้าง..” เจ้าน้องชายปลายสายตอบกลับมา พร้อมทั้งอดจะคนหน้าสวยไม่ได้



“ ไอ้เด็กบ้า ..พูดบ้าอะไรของเรา” กรณ์แหวเข้าใส่อย่างร้อนตัว ..เพราะจะว่าไปการมากรุงเทพฯของทั้งสองคนครั้งนี้มันไม่แตกต่างจากการฮันนีมูนจริงๆ เพราะทั้งสองได้เข้าใจ ได้ใช้เวลาดีๆที่มีแต่ความรักด้วยกัน อย่างนี้คงเรียกว่าฮันนีมูนได้มั้ง



“ ก็กฤษฏิ์พูดจริง ..พี่กรณ์นั่นแหละปากแข็ง”




“ อย่าให้ถึงคราวพี่นะกฤษฏิ์ ..แค่นี้แหละ..” กรณ์คาดโทษขู่ไปตามปลายสาย กฤษฏิ์ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ..เฮ้อ .. เรื่องคนนี้นั่นคิดทางแก้ทางออกให้เขาพอจะได้ แต่เรื่องของตัวเองกับหมอหนุ่มนี่สิ ดูจะแตกต่างไปสิ้นเชิง ..




“ เป็นอะไรไปเหรอ..” คนตัวสูงผิวคร้ามแดดถามขึ้นอย่างสงสัย


“ เปล่าครับ ..พี่กรณ์โทรฯมาถามอาการพี่กาณฑ์นะครับ” กฤษฏิ์เงยหน้าขึ้นตอบคำถามของหมอพิสิษฐ์อย่างปิดบังในส่วนความคิด เขาบอกให้กรณ์พูดความจริง แต่พอถึงคราวตัวเองก็กลับพูดไม่ถูก.. ความสัมพันธ์ที่ก้าวกระโดดระหว่างเขากับหมอหนุ่มยังไม่มีอะไรยืนยันความมั่นคงได้เลย แล้วเขาจะกล้าบอกกรณ์เหรอ ..




“ รู้ไหมว่าคนที่เป็นคู่กัน ใช่เพียงแต่จะแบ่งปันความดีใจ ความยินดี มันยังรวมไปถึงความกังวลและความเสียใจด้วย..” สายตาที่กฤษฏิ์แสดงทำให้หมอพิสิษฐ์พอจะเดาทางออก เพราะเขาเองก็เคยเรียนด้านจิตวิทยามาบ้างหรือต่อให้ไม่เคยเรียนมาแต่เพราะหัวใจรักที่โยงถึงกันก็พอทำให้ใกล้กัน อย่างไม่สามารถบอกได้




“ กฤษฏิ์..” เด็กหนุ่มสะอึกไป ราวกับเด็กทำผิดแล้วโดนจับผิดได้.. หลายคนเลือกจะปฏิเสธเพื่อปกป้องตัวเองจากการลงโทษ แต่เมื่อใดที่เด็กเหล่านั้นโตขึ้นพวกเขาจะได้รู้ว่าแท้จริงการยอมรับผิด ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย ..คนเราอาจหนีทุกอย่างบนโลกได้ แต่หนึ่งสิ่งที่ไม่อาจหนี นั่นคือความจริง .. แม้แต่พี่ชายที่เคยเชื่อมั่นในแรงแค้น ยังหนีความจริงไม่พ้นเลย



“ ต้องให้อาเตือนความสัมพันธ์ระหว่างเราอีกรอบไหม ถึงยอมพูดออก..” พิสิษฐ์เลิกคิ้วมองพร้อมทั้งยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อตัวเองขู่ๆ.. กฤษฏิ์ไม่ได้ดิ้นหนีแต่กลับโผเข้ากอดร่างสูงที่ยืนงงอย่างรวดเร็ว



“ อยู่ข้างๆกฤษฏิ์ไปตลอดนะอาหมอ..”



“ อาไม่ทิ้งไปไหนหรอก..” พิสิษฐ์ตอบไปพร้อมทั้งกระชับกอดอีกร่างให้แน่นกว่าเดิม ขอเพียงอยู่ด้วยกัน ขอเพียงจับมือเดินไปด้วยกันข้างหน้า เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอแล้วสำหรับเขาสองคน พิสิษฐ์เชื่อว่าปัญหาในใจกฤษฏิ์คงหายไปสักวัน และเขานี่แหละที่จะร่วมสู้ไปพร้อมๆกับอีกคน



เสียใจกันละซิที่ฉากนั้นไม่ละเอียดพอ แต่หวังว่าความหวานคงพอทดแทนกันได้นะ

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักมากๆ ค่ะ แต่เดาว่ายัยแพทก่อให้เกิดปัญหาได้แน่นอน น่ากลัวมากมาย

ออฟไลน์ canzaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านเรื่องนี้แล้วตื่นเต้นมาก ลุ้นอยู่ว่าตอนต่อไปจะเป็นไง
เป็นกำลังจัยให้ทุกคู่นะคับ

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
5555555555

อยากจะบอกว่าไม่เสียใจหรอกที่ฉากนั้นไม่ละเอียดน่ะ

แต่อ่านเสร็จจะต้องไปหาหมอไหมเนี่ย

น้ำตาลในเลือดจะขึ้นค่า

แต่เด๋วอาจจะต้องไปหาหมอจริง ๆ นะ

เพราะเริ่มมีตัวมาทำให้ต้องเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกอีกแล้ว

ผู้หญิงพวกนี้เป็นไรไม่รู้เนอะ

รู้ว่าเค้ามีเจ้าของยังจะอยากได้อีกอ่ะ

บ้าป่ะเนี่ย   :m31:

speedboy

  • บุคคลทั่วไป
มาแว้วละคร้าบนางร้าย............เจอแน่ๆๆๆๆๆ


เตรียมส่งใจช่วยกันนะคร้าบพวกเรา


 :oni2: :oni2: :oni2:


doomare

  • บุคคลทั่วไป
ยายแพทเป้นใคร

เดี๋ยวมี :beat: :beat: :beat:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






nanao

  • บุคคลทั่วไป
โหยตัวร้ายโผล่มาแล้วอ่ะ   :m16:

ออฟไลน์ nutjung19

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ยัยแพท ยัตัวร้ายมาแล้วววว  :z6:



หุหุ เค้าหวานกันดีเน๊อะ  :z1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อืม ยังไม่ละเอียดจริงๆด้วย  :z1: ตอนหน้าคนเขียนแก้ตัวใหม่นะ  :z1:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
jedi2543  ปัญหายายแพทไม่เท่าไหร่หรอก คุณกรณ์มีวิธีจัดการอยู่แล้ว ปัญหาอย่างอื่นซิน่ากลัวกว่า

canzaa  มาช่วยกันลุ้นนะค่ะว่าจะเป็นงัยต่อไป

menano  55555 ไปหาหมอล้วงหน้าเลยค่ะ ยังมีหวานอีกเยอะ

speedboy  นางร้ายตัวนี้ไม่น่ากลัวหรอกค่ะ มีน่ากลัวกว่านี้อีก

doomare  อย่าไปทำไรยายแพทเลยค่ะ ปล่อยให้คุณกรณ์จัดการดีกว่า สนุกกว่าเยอะ

SomLove  โผล่มาเดี๋ยวก็ไปแล้ว อยู่ไม่ได้นานหรอกค่ะ

nutjung19  เตรียมเปิดโรงงานน้ำตาลได้เลย มีหวานอีกตรึม

THIP  เราก็อยากอ่านละเอียดเหมือนกัน แต่น้องเค้าเขียนจบไปแล้ว ไอ้เราจะเอาไปให้น้องเค้าเขียนเพิ่มน้องเค้าก็ไม่ว่างซะงั้น สงสัยงต้องจินตนาการไปก่อนแล้วกัน 55555



LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ไปต่อกันเลยค่ะ

ตอน24

ชายหนุ่มตัวสูงเดินก้าวเข้าไปภายในครัวของบ้าน ตามกลิ่นหอมที่ลอยออกมา .. ตอนนี้คุณวรางคณากำลังลงมือทำอาหารรับขวัญลูกสะใภ้ของตนเองอย่างมีความสุข คนตัวสูงกระโดดเข้าคว้าร่างที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาอย่างคิดถึง ..

“ ทำอะไรอยู่ครับแม่” เจ้าตาใสของคุณวรางคณาเอ่ยถาม



“ มาอ้อนอะไรนี่...ไปอ้อนคนข้างนอกนู้นไป..” นางบุ้ยปากพร้อมทั้งรอยยิ้มที่แสนกว้าง ส่งประกายความพอใจที่มีอย่างมากมายต่อข่าวดีที่ได้รับรู้



“ แม่ถูกใจกับสะใภ้ของแม่ไหม..” วิชญ์ภาสยอมปล่อยมือออกจากมารดา แล้วเลือกมาหยุดอยู่ข้างๆให้นางทำงานของนางได้สะดวก แต่ไม่วายเอ่ยถามความคิดเห็นของมารดา ..



“ ถูกใจสิ ถูกใจมากด้วย ว่าแต่เราเถอะ.. ถ้าขืนทำตัวเหมือนเมื่อก่อนรับรองแม่ไม่เข้าข้างเด็ดขาด” นางยกตะหลิวในมือขึ้นชี้คาดโทษลูกชาย สมัยก่อนวิชญ์ภาสเป็นยังไงนางเองก็รู้หมด แต่จะตักจะเตือนอย่างไรก็ไม่เคยยอมฟังสักครั้ง



“ คุณกรณ์เขาดีกับแม่มากรู้ไหม ถ้าเราทำให้คุณกรณ์ต้องเสียใจแม่จะไม่พูดกับเราอีกคอยดูสิ..”


“ แม่ควรไปขอร้องสะใภ้แม่มากกว่า ..ไม่รู้รึยังไงว่าคนที่ควรกลัวควรเป็นวิชญ์มากกว่านะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นตามความเป็นจริง หากเขาทำให้กรณ์ต้องเสียใจจริง ..คนที่ต้องเจ็บมากกว่าก็คงเป็นเขานี่แหละ


“ แม่ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำว่านี้จากปากเรา ... ดูเราเปลี่ยนไปมากจริงๆนะ” นางยิ้มให้กับคำของลูกชายผู้เคยมั่นใจในตัวเองอย่างถึงที่สุด บัดนี้วิชญ์ภาสกลายเป็นหนุ่มหน้าหล่อที่ไม่ได้เลวร้ายเช่นวันวาน .. ความรักมีพลังมากกว่าที่ใครๆคิดไว้จริงๆ



“ คงงั้น...” เขายิ้มกว้างให้มารดา ..สองแม่ลูกคุยกันต่อสักพักแล้วยกอาหารออกไปนอกครัวกัน .. ความสุข รอยยิ้ม และคำว่า ครอบครัวกำลังเริ่มขึ้นภายในบ้านหลังนี้ ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วันที่ผ่านเกิดเรื่องมากมายจนแม้แต่กรณ์ยังไม่อยากเชื่อ ทุกอย่างเกิดขึ้น จบลง อย่างเร็ว .. เวลานี้เขารู้สึกอิ่มใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจริงๆ




“ ว้าว..อาหารน่ากินจังเลยนะคะคุณน้า ปกติอยู่กับเขียวสองคนไม่เห็นมีอย่างนี้เลย..” ยัยเด็กหน้าใสเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตา เมื่อเห็นอาหารมากมายเรียงรายอยู่บนโต๊ะ



“ จะให้เหมือนได้ยังไงหะ แม่เขียว ..วันนี้สะใ.. เฮ้ย คุณกรณ์ กับลูกชายน้ามาทั้งทีนะ..” คำของหญิงวัยกลางคนขาดไปช่วงกลางเล็กน้อยแล้วสามารถกลับลำได้ทัน ก่อนกรณ์จะหันมามอง ..


“ ทานอาหารกันดีกว่า..” คุณวรางคณารีบเปลี่ยนเข้าสู่อีกเรื่องทันที ทุกคนจึงหันไปสนใจกับอาหารบนโต๊ะ มีเสียงพูดคุยกันบ้างเล็กๆน้อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคุณวรางคณานั่นแหละที่เป็นคนคอยเติมสีสันของบรรยากาศให้เพิ่มมากขึ้น วิชญ์ภาสแอบยิ้มในท่าทีของมารดาอย่างสุขใจ .. เพราะเขาไม่ค่อยจะเห็นมารดามีความสุขอย่างนี้สักเท่าไหร่


“ แล้วจะอยู่กันกี่วันละนี่”



“ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วแม่ .. คุณกรณ์ยังต้องทำงานอีก” วิชญ์ภาสเงยหน้าขึ้นตอบคำถามของมารดาอย่างราบเรียบ จริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาหรอกหากกรณ์จะต้องทำงาน .. แต่เพราะเขาไม่อยากห่างอีกคนนี่สิ มันเลยเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต นับจากวันนี้ทั้งสองจะใกล้กันอย่างชนิดที่ไม่มีอะไรกั้นขวาง ..



“ อืม ..งั้นเหรอ แล้วเราเปิดเรียนวันไหนล่ะ..”


“ เดือนหน้าครับแม่..”



“ แย่จังเนอะ.. พรุ่งนี้แม่ก็ติดถ่ายละคร ถ้าไม่มีงานยุ่งแม่คงขอตามไปเที่ยวบ้านคุณกรณ์ด้วย” คุณวรางคณาถอนหายใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร ชีวิตนางในตอนนี้มีสีสันยิ่งกว่าวันไหนๆ จากเดิมที่อยู่แต่บ้าน กินดอกผลจากกิจการที่สามีทิ้งไว้ให้ .. การเดินเข้าสู่วงการทำให้นางได้พบปะผู้คนมากมาย ทำให้รอยยิ้ม ทำให้ความสดใสปรากฏขึ้น



“ ไว้น้านาว่างก็ไปสิ.. เดี๋ยวกรณ์ให้คนที่บ้านขับรถมารับ” กรณ์เสนอด้วยเสียงปกติ แต่คำของกรณ์ก็กลับทำให้คนข้างกายถึงกับยิ้มกว้าง ..


“ ยิ้มอะไร..”




“ เปล่าครับ ..เดี๋ยวทานข้าวเสร็จเราไปข้างนอกกันดีกว่าไหม” วิชญ์ภาสส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วเอ่ยชวนคนของเขาให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน ..



“ ไปนะคะคุณวิชญ์ ..เขียวไปด้วยได้ไหม” เสียงใสๆของเด็กสาวผู้ร่าเริง รีบเสนอขอตามไปด้วย




“ แม่เขียว..” คุณวรางคณาส่งสายตาดุๆไปยังเด็กสาว .. เรื่องอะไรจะให้แม่เขียวของนางไปขัดขวางความสุขระหว่าง ลูกชายกับลูกสะใภ้ล่ะ ปล่อยให้กรณ์กับวิชญ์ภาสได้มีเวลาด้วยกันเยอะๆ นางเชื่อว่าคนหน้าสวยมีอิทธิพลมากมายจนลูกชายผู้เหลวไหลกลับมาเดินสู่ร่องสู่รอย

“ ตกลงว่าไงครับ..”


“ อือ” กรณ์พยักหน้ารับเบาๆ ..แล้วหันไปสนใจกับอาหารในจานต่อ ..

สองร่างที่เดินเคียงข้างกัน...แม้จะไม่มีส่วนใดในร่างกายสัมผัสกัน แต่ความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากหัวใจได้เชื่อมทั้งสองเอาไว้ด้วยความแนบแน่น
..



“ ทำไมถึงพาฉันมาที่นี่ล่ะ..” กรณ์หยุดเท้าของตัวเอง แล้วเอ่ยถามคนข้างกายเมื่อวิชญ์ภาสพาตนมาในบริเวณ แยกเทพเจ้าที่คนทั่วไปในกรุงเทพฯรู้จัก ควันธูป เปลวเทียนและกลิ่นดอกไม้ ยังคงอบอวล แม้ฟ้าจะเริ่มมืดแต่เวลานี้ยังมีผู้คนมากมายคลาคล่ำด้วยศรัทธา และความหวัง



“ แยกราชประสงค์เชื่อกันว่ามี หกเทพเจ้าคุ้มครองอยู่... ตอนแรกผมกะจะพาคุณไปที่พระมูรติ แต่ดูท่าตอนนี้พระท่านคงสะดุ้งใหญ่เพราะคอนเสิร์ตหน้าเซนทรัลเวิร์ด ผมเลยย้ายมาหน้าท้าวมหาพรหมแทน..” ชายหนุ่มตัวสูงเอื้อมมือไปจับแขนของกรณ์ ทำให้คนตัวบางหันมาเผชิญหน้ากับวิชญ์ภาส



“ ไม่อยากเชื่อว่านายจะเชื่อเรื่องอย่างนี้ด้วย” กรณ์ปรายยิ้มเล็กน้อย




“ ผมแค่อยากทำอะไรกับคุณด้วยกันเท่านั้นเอง ...” วิชญ์ภาสยิ้มตอบกลับด้วยความจริงใจ .


..
“ ฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องอย่างนี้สักเท่าไหร่ .. ถ้าอยากจะทำอะไรกับฉัน ... ฉันว่าพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาใส่บาตรไม่ดีกว่าเหรอ” กรณ์เอ่ยเสนอ



“ แต่เราก็อุตส่าห์มาแล้ว ..ไม่สักการะสักหน่อยเหรอ”



“แล้วแต่” กรณ์พยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มบางๆ.. แล้วทั้งสองก็เดินก้าวเข้าไปหยุดต่อหน้าเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ ศูนย์รวมศรัทธาของใครหลายคน .สองที่ประกบพนมไหว้ ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งใดประดับสักการะ ขอเพียงใจที่มุ่งมั่นในศรัทธาก็เพียงพอ ..



“ ผมรักคุณนะ..” คนตัวสูงฉวยโอกาสที่กรณ์กำลังหลับตาบอกรักอีกคน ..


“ รู้แล้ว ..พูดบ่อยจริง” กรณ์รีบเงยหน้าขึ้น แล้วเดินพึมพำแยกจากอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว คนคิ้วเข้มจึงรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ ไม่บ่อยให้กรณ์เดินไปไหนไกล .. เขาถือจังหวะที่มือของอีกฝ่ายกำลังแกว่งเข้ารวบจับ แล้วตีหน้าเฉย




“ คุณจะอายไหม ..ถ้าคนเขามองเรา” วิชญ์ภาสเอ่ยถามเบาๆ เพราะไม่แน่ใจว่าการกระทำของเขาจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกระอักกระอ่วนหรือเปล่า



“ จะจับก็จับ” กรณ์บอกไปเสียงเบาๆ ไม่ได้ว่าอะไร ยอมให้วิชญ์ภาสจับมือของตนต่อไป .. ช่างมันสิ ใครอยากจะมองก็มองไป กรณ์ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ... ตอนนี้เพราะคนที่จับมือเขาอยู่ กรณ์ถึงได้รู้สึกถึงความสุข รู้สึกถึงควมอบอุ่น และที่พักพึง



“ เดือนหน้าผมก็เปิดเรียนแล้ว ..เฮ้อ..” เส้นทางที่เต็มไปด้วยผู้คน เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว แต่กลับมีสองหัวใจผูกติดกันแน่นจนแทบแยกไม่ออก ..



“ แล้วทำไมล่ะ..” กรณ์ถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ ..



“ ก็เราต้องห่างกันนะสิ .. คุณย้ายมาอยู่กับผมได้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยปากบอกความจริง พร้อมทั้งชวนกรณ์ให้ย้ายมาอยู่กับเขาในกรุงเทพฯ บ้านสายลมอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นร้อยกิโล หากจะเดินทางจริงๆก็ใช้เวลาถึงสองชม. วิชญ์ภาสกลัว ..กลัวว่าเขาจะอยู่ไม่ได้หากต้องห่างกัน


“ ฉันยังต้องทำงาน” กรณ์บอกไปตามความจริง



“ โห่..” วิชญ์ภาสถอนหายใจอย่างหนักหน่วง .. แม้เรื่องราวจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ยามที่เขาคิดถึงวันข้างหน้าเขาก็อดจะกังวลไม่ได้จริงๆ...



“ งั้นผมไปกลับเอง..” วิชญ์ภาสบอกในจังหวะต่อมา .. เขาคงไม่ยอมหรอกหากต้องห่างกัน ตลอดเวลาสองสามเดือนที่ผ่าน แทบนับวันที่ห่างกันได้ .. สองลมหายใจใกล้กันมากเกินกว่าจะห่างกัน



“ แม้ความรักจะเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต แต่บางทีรักอย่างเดียวมันก็ไม่พอหรอก ยิ่งรักทำให้เราต้องลำบากจนเกินเหตุ บางทีมันก็ไม่ดีนักหรอก” ด้วยความเป็นผู้ใหญ่กว่า ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าทำให้กรณ์เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี




“ จริงอย่างที่คุณพูด.. แต่ผมว่าหากต้องอยู่ที่นี่คนเดียวนั่นแหละคือความลำบากแท้จริง .. การไปกลับที่นี่กับบ้านสายลมแม้มันจะลำบากแต่มันก็เป็นแค่ลำบากกาย .. ยังไงก็ดีกว่าลำบากใจ” นั่นสินะ .. ลำบากกายเพราะต้องเดินทางไปมา มันยังดีกว่าลำบากใจที่ต้องห่างกัน



“ ตามใจ .. ฉันพูดอะไรนายเคยเชื่อเหรอ..” กรณ์ย่นจมูกให้คนตัวสูงไปหนึ่งที แล้วเดินสาวเท้าให้เร็วขึ้น แท้จริงยามเมื่อร่างของเขาลัดมาหน้าวิชญ์ภาสได้หลายก้าว รอยยิ้มแห่งความชุ่มชื้นก็ผลิออกจากใจ.. เพราะคำที่พูดมันมากด้วยความรัก เต็มตื้นด้วยความจริงใจ

..และแล้วก็ถึงเวลาที่ทั้งสองต้องโบกมือลาเมืองฟ้าอมรเสียที..




หนึ่งวันกว่าๆที่ผ่านมา ทำให้กรณ์ได้รู้สึกและรับรู้ถึงอารมณ์มากมายที่ยากจะหาได้จากที่ไหน แต่ทุกอารมณ์ที่เกิดก็มีไออุ่นจากคนที่บอกว่ารักเขาหล่อเลี้ยงอยู่ใกล้ๆ ความสำคัญของมันคือทำให้ใจได้เต้นถี่และเต้นแรง เต้นเพียงเพื่อรัก ..



“ บ้านเงียบเชียว ..ไปไหนกันหมดนี่” ขณะที่ทั้งสองคนเดินก้าวเข้ามา ในคฤหาสน์สายลมที่แสนยิ่งใหญ่กรณ์ก็เปรยขึ้นอย่างสงสัย เพราะทั้งบ้านดูเงียบเชียบไร้เงาของใครสักคน




“ นุ่นๆ ..” นายหนุ่มร่างบางเอ่ยเรียกสาวใช้ร่างอวบอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเจ้าหล่อนก็ย้ายร่างอิ่มของตัวเองมาอย่างอุ้ยอ้าย ..( อุ๊ว้ายๆ)



“ คุณกรณ์ คุณวิชญ์กลับมาแล้วเหรอคะ” แม่สาวใช้เอ่ยทักทายอย่างแปลกใจ ..



“ แล้วหายไปไหนกันล่ะนี่.. น้องกาณฑ์ยังไม่ออกจากโรงพยาบาลเหรอ” กรณ์เอ่ยถามถึงน้องคนกลาง ..ผู้ร่วมประเด็นความเจ็บปวดอย่างสงสัย เพราะจากรายงานที่สุรีย์โทรฯมาบอกเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา อาการของกาณฑ์ก็ดีขึ้นจนออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว



“ เห็นคุณสุรีย์โทรฯมาบอกเมื่อตอนเที่ยงว่า จะไปพัทยากับคุณกาณฑ์ค่ะ ฝากเรียนคุณกรณ์ว่าไม่มีอะไร.. คุณกาณฑ์เธอแค่อยากไปพักผ่อนสักสองสามวัน เดี๋ยวก็กลับมาแล้วค่ะ..” แม่บ้านสาวตอบไปอย่างฉะฉาน พร้อมทั้งปลอบประโลมคนเป็นนายไปในตัว




“ อืม.. แล้วน้องกฤษฏิ์ล่ะ” กรณ์พยักหน้ารับเป็นเชิงรู้ ..พร้อมทั้งถามถึงเรื่องน้องชายอีกคนต่อ



“ ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์นุ่นก็ยังไม่เห็นคุณกฤษฏิ์กลับมาเลยค่ะ สงสัยจะนอนที่บ้านคุณหมอมั้งคะ เห็นเธอโทรฯมาสั่งว่าหากคุณกรณ์มาถึงให้โทรฯไปรายงานเธอด้วย..” นุ่นตอบตามความจริง โดยลืมเสียสนิทว่ากฤษฏิ์กระชับไว้ว่าห้ามบอกกรณ์เรื่องที่กฤษฏิ์สั่งให้โทรฯไปรายงาน




“ อะไรนะ..” กรณ์เลิกคิ้วขึ้นอย่างครุ่นคิด .. ปกติกฤษฏิ์ไม่ใช่คนอย่างนี้



“ จะไปไหนครับ” วิชญ์ภาสเอ่ยถามคนตัวบางที่หันหัวเรือเดินออกจากบ้านหลังใหญ่ ...




“ บ้านอาหมอ.. เออใช่... นุ่นไม่ต้องโทรฯไปบอกกฤษฏิ์นะว่าฉันจะไปบ้านอาหมอ เดี๋ยวฉันไปหาน้องเอง” กรณ์ตอบไป พร้อมทั้งนึกได้เลยสั่งกำชับแม่บ้านสาวไว้อีกรอบ ในใจของกรณ์ตอนนี้เหมือนมีรอยสงสัยบางอย่างที่แม้แต่เขาเองยังไม่เข้าใจ ..บางทีความร้อนในสายเลือดที่แปลกไปอาจทำให้กรณ์รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องชายคนเล็กกระมัง



“ คุณคิดอะไรอยู่เหรอครับ..” วิชญ์ภาสเอ่ยถามคนที่นั่งข้างๆเบาะคนขับอย่างสงสัย ท่าทีในตอนนี้ของกรณ์บอกชัดว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางสิ่งบางอย่างอยู่ ..



“ ไม่รู้ รู้สึกแปลกๆก็เท่านั้น” กรณ์เอื้อนเอ่ยในบางคนที่แม้แต่วิชญ์ภาสยังไม่เข้าใจ .. เจ้าตัวสูงขับรถไปตามคำบอกทางของกรณ์อย่างหาคำตอบ แต่ก็ไม่ได้มันสักทีสุดท้ายเลยขับไปอย่างเดียว เรื่องอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สิ่งที่ยากที่สุดในโลกใบนี้คือการรักษาความลับ .. เพราะแท้จริงไม่มีความลับใดในโลก ...

รอบรั้วของความรักที่งดงาม ..ดำเนินไปตามสองใจที่ผูกกันมา เย็นนี้กฤษฏิ์ลงมือทำอาหารให้อีกฝ่ายทานด้วยตัวเอง เพราะย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กเลยทำให้ กฤษฏิ์ต้องช่วยเหลือตัวเองในหลายเรื่อง เขาเองจึงพอจะมีวิชาติดตัวมาบ้างพอตัว



“ อาหมอนะอาหมอ.. กฤษฏิ์บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามทำรอย แล้วดูสิขืนพี่กรณ์เห็นกฤษฏิ์ซวยแน่ วันนี้พี่กรณ์กลับมาแล้วด้วย" กฤษฏิ์บ่นกระปอดกระแปดกับคนตัวสูงที่กำลังทานอาหารอยู่ใกล้ๆ .. แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหมอจอมหื่น



“ มันมือไปหน่อย ..คราวหน้าอาจะระวังนะ”



“ พอเลยไอ้หื่น .. รีบๆกินเข้าแล้วไปส่งกฤษฏิ์ได้แล้ว พี่กรณ์กลับบ้านแล้วไม่เห็นกฤษฏิ์คงสงสัยแน่นอน” กฤษฏิ์โยนผ้ากันเปื้อนที่พาดอยู่ด้านหลังใส่อีกฝ่ายอย่างเคืองๆ ดูสิดู ..แกล้งกฤษกิ์เสียขนาดนี้แล้วยังทำหน้าตายไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกเหรอ



“ ครับผม..” ชายหนุ่มหยิบผ้ากั้นเปื้อนออก แล้วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแสนเสน่ห์.. ด้านนอกบ้านรถของกรณ์ก็จอดลงเรียบร้อย พร้อมทั้งสองคนที่หยุดยืนอยู่หน้ารั้วบ้าน .. กรณ์กดกริ่งเรียกให้เจ้าของบ้านออกมาเปิด แต่กฤษฏิ์ก็เอ่ยเสนอตัวขึ้นก่อน เลยทำให้เรื่องราวบางอย่างที่กำลังกังวลใกล้จะเป็นจริงๆ ..


“ พี่กรณ์..” เท้าของคนตัวบางถึงกับชะงัก เมื่อเดินมาหน้าบ้านและเห็นพี่ชายยืนอยู่ใกล้ๆกับคนหน้าหล่อ จะเดินกลับเข้าไปก็ไม่ได้ จะเดินต่อก็กลัว .. กฤษฏิ์ยกมือขึ้นดึงคอเสื้อขึ้นปิดรอยที่หมอหนุ่มฝากเอาไว้ แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างใจดีสู้เสือ



“ เป็นอะไรไป ..ตกใจอะไร” กรณ์เอ่ยทักอย่างสงสัยในท่าทางของเจ้าน้องชาย ...



“ พี่กรณ์กลับมานานแล้วเหรอ..” กฤษฏิ์ถามเสียงสั่น ค่อยๆเลื่อนล็อคที่ลงสลักกับพื้นออกแล้วเลื่อนประตูรั้วเพื่อเปิดให้กรณ์ได้ก้าวเข้ามาในบ้านอย่างกระอักกระอ่วน




“ เพิ่งกลับมา .. บ้านตัวเองก็มีทำไมไม่อยู่ล่ะ..” กรณ์ยังคงรุกถามต่ออย่างจับผิด ..ปกติกฤษฏิ์เป็นพวกฉะฉานในความคิด กล้าพูด กล้าทำ และกล้าแสดงออก แต่แววตาที่ส่อพิรุธทำให้กรณ์จับผิดได้ดีว่าบัดนี้ น้องชายคนเล็กผู้ร่าเริงกำลังมีเรื่องปิดบังอยู่แน่นอน

“ คือ..”



“ พอดีไม่มีใครอยู่บ้าน .. ผมเลยชวนกฤษฏิ์มานอนที่นี่...” หนึ่งเสียงเข้มของเจ้าของบ้านเอ่ยตอบแทนท่าทีอึกอักของเจ้าเด็กร่างบาง ที่แทบจะถูกต้อนจนมุม

“ กรณ์ไม่ยักรู้ .. ว่าแต่คงไม่ได้นอนอย่างเดียวล่ะมั้ง ไม่อย่างนั้นน้องของกรณ์คงไม่มีรอยพวกนี้หรอก หวังว่าอาหมอคงมีคำตอบที่ดีพอให้กรณ์นะ..” กรณ์พยักหน้ารับ แล้วปรายตามองคนตัวสูงที่ยื่นมือปกป้องคนที่เขารักอย่างหาคำตอบ ในตอนท้ายเจ้าของมือเรียวบางก็เอื้อมถลกคอเสื้อของกฤษฏิ์ออกเผยให้เห็นรอยช้ำจากการกระทำของหมอหนุ่ม



speedboy

  • บุคคลทั่วไป
พี่เค้ารักน้องนิคร้าบ  ก็หวงกันบ้างซิ


เดียวก็เข้าใจกันเนอะ


 :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ nutjung19

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
โฮ้ววว คุณกรณ์ อย่าโหดมากซิคะ น้องเขยกลัว   :z1:





ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
555555555

วันนี้กรณ์เล่นบทพี่ชายหวงน้องสาว เอ้ย น้องชายด้วย

เหอเหอ

ไม่รู้อาหมอจะกลัวรึเปล่าเนอะ

เตรียมตัวตอบคำถามดี ๆ ละกัน

ว่านอนกันยังไงมีรอยที่ตัวกฤษฎิ์ด้วยน่ะ  :haun4:

doomare

  • บุคคลทั่วไป
อย่าหวงน้องเกินไปเลย

ไหนๆก้ได้เสียแล้ว  :laugh: :laugh:

จะโดนคนแต่ง :beat:มั้ยเนี้ยะ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
วิญญาณคุณแม่เข้าสิงกรณ์แล้ว อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
คิกคิก งานนี้สงสัยหมอเจอศึกหนัก  :m20: :m20:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 25


ทั้งสี่ตกอยู่ในสถานการณ์เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด.. โดยแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ได้แก่ส่วนขรึมอย่างกรณ์ผู้โดดเดี่ยวแต่ยามแข็งน่ากลัวยิ่งกว่าใครไหนๆรวมกัน ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายหวั่นๆ อย่าง กฤษฏิ์ พิสิษฐ์ และก็วิชญ์ภาส


รายหลังนี้เป็นแรงหนุน ยังไงกฤษฏิ์ก็ช่วยเขามาหลายเรื่อง แถมยังเป็นเพื่อนคุยที่ดีของเขา .. ชายหนุ่มเลยเอนใจไปทางอีกฝั่งเพราะยังไงก็อยากให้เรื่องราวจบลงด้วยดี เขาเองก็สร้างปัญหาให้มากแล้ว ... ถ้ายังมีปัญหาเรื่องกฤษฏิ์กับหมอพิสิษฐ์อีกคงวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้นแน่ๆ

“ ถ้าจะโทษก็เป็นความผิดของผม” วิชญ์ภาสยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ ..



“ หมายความว่ายังไง ..” กรณ์จ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกคน เพื่อค้นหาคำตอบที่มี ... ยังไงสัญชาตญาณของการปกป้องและดูแลยังเต็มเปี่ยม กรณ์ยังคงเป็นพี่ชายของกฤษฏิ์ ยังต้องดูแลและเอาใจใส่ แม้กฤษฏิ์จะโตแล้วแต่ยังไงเขาก็ตัดความรักที่มีให้ไม่ได้หรอก



“ คืนที่ผมไปส่งคุณกรณ์ .. เป็นคืนที่เกิดเรื่อง ถึงมันจะเกิดจากความผิดพลาดจะมีเหล้าเข้ามาเป็นตัวแปร แต่ยังไงผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ทำลงไปเพราะผมรักกฤษฏิ์จริงๆ” หมอหนุ่มที่มักเงียบ และเฝ้าวิ่งตามเงาของกรณ์มาตลอดเวลา กลับรู้ใจตัวเองเมื่อกฤษฏิ์หมางเมินและเฉยชาต่อเขา แท้จริงรักกับชื่นชมมันคาบเกี่ยวกันไม่น้อย .. คนเรากว่าจะรู้ค่าของบางสิ่งก็ต่อเมื่อมันสาย .. แต่เวลานี้มันยังเป็นเวลาของเขา เขารู้ตัวก่อนก็เท่ากับเขามีสิทธิ์ที่จะไขว่คว้าความรักไม่ใช่เหรอ




“ กรณ์แค่อยากรู้ว่าอาจะเอายังไง... บ้านสายลมไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ อีกอย่างกฤษฏิ์ก็เติบโตมาบนกองเงินกองทอง อาคิดว่าเงินของตัวเองจะมีพอให้กฤษฏิ์ผลาญเล่นหรือเปล่าล่ะ..” ดวงตาคู่เรียวชะงักเล็กน้อย แต่ก็สวนกลับไปอย่างไม่รอช้า



“ พี่กรณ์..ทำไมพี่พูดอย่างนี้ล่ะ” กฤษฏิ์ที่ยืนฟังด้วยใจสั่นๆ ถึงกับตัวชารู้สึกว่าความร้อนในกายของตนเพิ่มขึ้นอย่างคุกรุ่น การที่กรณ์พูดเช่นนี้มันไม่ต่างอะไรจากดูถูกพิสิษฐ์เลยสักนิด




“ ผมรู้ครับว่าผมมันไม่ได้ดีเด่มาจากไหน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณท่านชุบเลี้ยงและส่งเสีย ผมคงไม่ได้ยืนจนถึงทุกวันนี้ ถึงผมจะไม่ได้มีเงินมากมายเหมือนคนของสายลม แต่ผมเชื่อว่าผมจะสามารถดูแลกฤษฏิ์ได้จนตลอดรอดฝั่ง” พิสิษฐ์ไม่ต่างอะไรจากต้นไม้ที่เติบโตจากดิน ..แต่เขากลับเป็นต้นไม้ที่งดงามและออกดอกออกผลดกหนากว่าผู้ใดเพราะแรงอุปถัมภ์จากอดีตประมุขสายลม ทุกลมหายใจจึงไม่เคยหลงลืมบุญคุณของผู้ล่วงลับทั้งสอง



“ ความรัก กับ คำพูดอันสวยหรูกรณ์ว่ามันไม่มีอะไรมันคงหรอกนะ ... แต่เอาเถอะ ... ไหนๆ กฤษฏิ์กับอาหมอก็เป็นอะไรกันแล้ว กรณ์จะห้ามก็คงว่ากรณ์เป็นพวกหัวแข็งเผด็จการ แต่ถ้าอาไม่ผ่านโปรสามเดือน กรณ์พาน้องกรณ์กลับแน่...” กรณ์ปรายยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยกเหยียดแล้วพูดต่อ ด้วยดวงตาที่เปลี่ยนไป



“ พี่กรณ์..พี่หมายถึงอะไร”

“ ต่อไปไม่ต้องกลับไปที่สายลมอีก.. สามเดือนนี้พี่จะดูสิว่าอาหมอจะผ่านโปรหรือเปล่า จำไว้ว่านี่คือสิ่งที่กฤษฏิ์เลือกเอง หากสุดท้ายปลายทางมันไม่ได้ดั่งใจ กฤษฏิ์มีสิทธิ์ที่จะเสียใจแต่ไม่สามารถโทษใครได้ ..” ใช่สินะ ตอนนี้น้องๆของกรณ์เองก็โตกันหมดแล้ว เขาควรเปิดอิสระและทางเดินให้เลือกเอง .. แม้สุดท้ายจะต้องเสียใจ แต่อย่างน้อยมันจะเป็นบทเรียนล้ำค่าให้ก้าวข้างหน้ามั่นคงกว่าเก่า



“ ขอบคุณ..” หมอหนุ่มยิ้มให้กับโอกาสที่เปิดให้กฤษฏิ์และเขา ...



“ การที่กรณ์ให้กฤษฏิ์มาอยู่กับอาหมออย่างนี้.. หวังว่าอาหมอเองก็คงรู้ว่าตอนนี้กฤษฏิ์มีหน้าที่อะไร ถ้าพี่รู้ว่าเราไม่สนใจการเรียนรับรองเราได้ถูกดัดนิสัยแน่..” กรณ์หันไปคาดโทษกับเจ้าน้องชายตัวบาง .. กฤษฏิ์เพิ่งจบไฮสกูลและยังต้องต่อเข้ามหาวิทยาลัยอีก .. แม้บ้านจะร่ำรวยด้วยทรัพย์สินแต่ทั้งหมดมันก็ไม่จีรังเท่ากับวิชาความรู้ .. ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ของหมอพิสิษฐ์ กรณ์เชื่อว่าอีกคนคงรู้ว่าควรทำอะไรบ้าง ..



“ ครับ ..” กฤษฏิ์ยิ้มรับกับพี่ชายของตัวเอง พร้อมทั้งเดินเข้ามากอดร่างที่บางกว่าเขาอย่างดีใจ เวลานี้ได้เกิดเรื่องดีๆมากมายในชีวิต กาณฑ์ได้รู้ความจริงและยอมเปิดทางให้กรณ์และวิชญ์ภาส ส่วนกรณ์ก็ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของน้องชายกับหมอประจำบ้านสายลม และเปิดโอกาสให้ต่อ .. นับจากนี้มันคงมีรอยยิ้มปรากฏในแทบทุกมุมของความรู้สึกกระมัง ขอให้มันสดใสและเจิดจ้าแค่นี้ก็พอแล้ว


“ เอ๊ะ... ว่าแต่กฤษฏิ์ พี่กรณ์ก็มีเหมือนกันนะ” เด็กหนุ่มที่โอบกอดร่างของพี่ชายเหลือบเห็น ร่องรอยความรักที่เจ้าตากลมของพี่ชายฝากไว้และเอ่ยถามขึ้นเสียงใส


“ ไอ้เด็กบ้า ... งั้นไม่ต้องอยู่ที่นี่เลย” กรณ์รีบผลักร่างที่กอดเขาอยู่ แล้วแหวกอากาศบ่นเจ้าน้องชายปากมากที่ดันตาดีมาเห็นร่องรอยใต้ร่มผ้าของกรณ์อย่างฉุนๆ



“ อ้าว..กฤษฏิ์ไม่พูดก็ได้” กฤษฏิ์รีบปลีกหลบไปอยู่ข้างหมอหนุ่มที่ยืนขำอยู่.. กรณ์ได้ทีต้องรีบหนีก่อนจะอายไปมากกว่านี้ ส่วนวิชญ์ภาสก็ต้องรีบตามกลัวกรณ์จะงอนเขาอีก.. ถึงเขาจะไม่ได้ล้อ แต่ยังไงเขาก็เป็นตัวต้นเรื่องขืนไม่รีบตามรับรองได้ถูกงอนชัวร์



คนตัวสูงเดินมาทันก่อนกรณ์จะขึ้นรถ.. วิชญ์ภาสคว้าร่างแบบบางไว้อย่างเร็ว




“ งอนผมหรือเปล่านี่คุณกรณ์” วิชญ์ภาสเอ่ยถามเสียงหวั่นๆ กลัวเสียจริงที่จะโดนอีกคนเหวี่ยง ยังไงเขาก็แคร์ความรู้สึกของกรณ์มากที่สุด เขาคงไม่สบายใจหากเห็นคนที่เขารักต้องเจ็บปวดหรือกังวลใจ



“ เปล่า .. กลับบ้านได้แล้ว” กรณ์บอกเบาๆ จริงๆไม่ได้งอนอะไรแต่มันอายที่จะสู้หน้าอีกคนน่ะสิ ทั้งๆที่รู้ว่าเรื่องราวและร่องรอยระหว่างเขากับเจ้าตากลม มันจะไม่มีวันจางหาย เพราะความรักที่มีผลักดันให้อีกคนไม่กล้าแยกออกจากกรณ์ .. ทุกสัมผัส ทุกตารางนิ้วในร่างกาย มีเจ้าของเพียงคนตัวสูงผู้เดียวเท่านั้น



“ ครับ..กลับบ้าน” วิชญ์ภาสพยักหน้าให้พร้อมอมยิ้มสื่อความหมาย .. กลับบ้าน .. คำนี้มันช่างน่าฟังจริงๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนึ่งในเจ้าของ เหมือนสายลมคือบ้านของเขาและกรณ์ ... ในความคิดเขาอยากเป็นเจ้าของสายลมหาใช่ตัวบ้านที่แสนโอ่อ่า แต่ในฐานะที่มันเป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่เขามีต่อกรณ์ จุดเริ่มแรกของเรื่องราวที่อาจดูเจ็บปวด แฝงด้วยแรงแค้นมากกว่าใครผู้ใดจะคาดคิด


“ ยิ้มอะไร” กรณ์อดจะถามไม่ได้



“ ผมแค่มีความสุข และดีใจที่เห็นคนรอบกายผมมีความสุข” คำตอบที่ออกจากใจ .. สำคัญเหนือคำไหนที่กรณ์เคยได้ยินมา เจ้าปีศาจร้ายล่าสวาทที่แสนน่ากลัว บัดนี้ไม่ต่างอะไรจากเทพบุตรสุดแสนน่ารัก ทั้งสุภาพ และให้เกียรติ


“ อืม” กรณ์พยักหน้าให้แล้วเดินขึ้นรถไปพร้อมกับหัวใจที่สุขยิ่งกว่า ... เวลานี้กรณ์รู้สึกไม่แตกต่างจากอีกคนหรอก เขาทั้งสุข ทั้งยิ้ม และร่าเริงกว่าช่วงชีวิตไหนๆที่เคยผ่านมา


ทั้งสองกลับสู่สายลมด้วยจุดเริ่มต้นใหม่ของกันและกัน ..



ค่ำคืนของความรักจบลงด้วยการแต่งแต้มความสุข ไอร้อน และ เสน่หาที่ปรนเปรอให้แก่กันและกัน ไม่มีสิ่งไหนสามารถแยกทั้งสองออกห่างกันได้


ร่างบางถูกอีกคนโอบขึ้นนั่ง แล้วกระชับผ้าห่มคลุมกายท่อนล่างของอีกคนไว้พอเหมาะ ส่วนตัวเองก็หยิบกางเกงขาสั้นมาสวมใส่แล้วอุ้มกรณ์ลงจากเตียงไปนอกห้อง .. ก่อนออกพ้นก็คว้าเอาบางสิ่งบางอย่างติดมือของตัวเองออกไปด้วย



“ จะพาฉันไปไหน ..เหนื่อยแล้วนะ ง่วงนอน” กรณ์บ่นเบาๆ ไม่กล้าสบตากับคนที่อุ้มร่างของเขาอยู่ วิชญ์ภาสทำให้ใจของกรณ์รู้สึกเต้นแรงอย่างไม่อาจห้ามปราม ความรักครั้งนี้เหมือนจะเป็นครั้งแรก ที่ทำให้กรณ์เข้าใจถึงคำว่ากันและกัน



“ ผมไม่พาเมียตัวเองไปขายหรอกน่า..” วิชญ์ภาสเย้าเข้าให้อดจะแหย่คนที่เขารักไม่ได้จริงๆ ยิ่งเห็นกรณ์หน้าแดง ยิ่งเห็นกรณ์อายก็ทำให้ใจเขาเต้นแรงเช่นกัน มันมีความสุขปรากฏอยู่แทบทุกพื้นที่ในหัวใจ ความสุขที่ได้มีกันและกัน



“ ไอ้บ้า” กรณ์ค้อนยกใหญ่พร้อมทั้งยกกำปั้นทุบอกหนาๆ ที่มีร่องรอยขีดข่วนจากฝีมือเขาเองไปหนึ่งที ตัวต้นเหตุได้แต่หัวเราะในลำคออย่างยิ้มแย้ม ..



“ ว้าย ..” แม่สาวร่างอวบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เพิ่งเดินออกมาจากการแอบกินอาหารรอบดึกสงัดถึงกับร้องกรี๊ดเมื่อเห็นเจ้านายของตนกับวิชญ์ภาสในสถานะหมิ่นเหม่ ... พอดีมันเป็นช่วงตรงทางผ่านหน้าบันไดทำให้เธอเห็นจริงๆ สาวร่างอวบและคนอื่นๆในบ้านก็ล้วนรู้ดีว่าทั้งสองเป็นอะไรกัน แต่ไม่เค้ยไม่เคยเห็นจะจะอย่างนี้สักที



“ แอบไปกินรอบดึกมาใช่ไหม ..ถ้ายังไม่อยากโดนคุณกรณ์หักเงินเดือนก็ลืมเรื่องนี้ไปซะ แล้วกลับห้องตัวเองภายใน 1.9 วินาที” วิชญ์ภาสเหลือบมองอีกคนที่ยืนอยู่ด้านล่าง ...แล้วบอกไปด้วยเสียงดุๆ เขาไม่อยากให้กรณ์ต้องรู้สึกอายและงอนเขาอีก



“ ว้าย นุ่นไม่เห็นค่ะไม่เห็น..” หญิงสาวบอกเสียงสั่นกลัวโดนหักเงินเดือน ..จริงๆไม่ได้กลัวจะไม่พอใช้หรอกนะ แต่ที่กลัวคือกลัวปริมาณไขมันในร่างกายลดน้อยเพราะเงินน้อยลงก็เท่านั้น ว่าแล้วหญิงสาวก็วิ่งหายไปอย่างกับไม่เคยปรากฏกายขึ้นมาก่อน




“ หึหึ” เจ้าร่างบางที่อยู่ในอ้อมอกของคนตัวสูงหัวเราะเบาๆ ไม่ได้รู้สึกอายหรือเขินอย่างที่วิชญ์ภาสคิด .. กรณ์อดไม่ได้หรอกที่จะเห็นหน้าเหรอหราของยัยร่างอวบ .. ทุกอย่างที่คิดเลยผิดไปจากเดิมทั้งหมด




“ ตกลงจะพาไปไหนนี่..” เมื่อวิชญ์ภาสเริ่มสาวเท้าเดินต่อกรณ์เลยถามออกมาอีกครั้ง ..



“ เดี๋ยวก็รู้ครับ...” มุมปากของคนคิ้วหนาเผยออกเบาๆ พร้อมทั้งก้มลงกดจูบบนหน้าผากเนียนมนอย่างสุดรัก เท้าของชายหนุ่มยังคงเดินต่อโดยไม่ได้ให้คำตอบใดๆกับกรณ์


บรรยากาศรอบตัวของทั้วสองเริ่มมืดขึ้น ทางที่วิชญ์ภาสอุ้มพากรณ์ไปเป็นทางเดินวนขึ้นสู่ดาดฟ้าเหนือสุดแห่งคฤหาสน์สายลม มีพื้นที่รัศมี 1.9 เมตร สูงจากพื้นดิน 19 เมตร ลักษณะที่พุ่งสู่ท้องฟ้าทำให้ยามนี้ทั้งสองไม่แตกต่างจากยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว และ ท้องฟ้ามืดดำ ชายหนุ่มเอื้อมมือเปิดสวิทซ์โคมที่ติดอยู่ด้านนอกของรัศมี ไฟที่ติดอยู่เลยสว่างพอให้ทั้งสองเห็นกันและกัน



“ เพิ่งรู้ว่าสายลมจะมีที่อย่างนี้ด้วย” กรณ์เบิกตามองรอบๆอย่างตื่นเต้น เพราะไม่คิดมาก่อนว่าบ้านของเขาจะมีสถานที่แบบนี้ แม้จะเป็นเจ้าของ แม้จะครอบครองมาตลอดช่วงชีวิต แต่กรณ์กลับหลงลืมมองเห็นบางสิ่งที่งดงามนี้




“ ผมเห็นโดมบนหลังคาสามลมมานาน ..ก็แค่สงสัยเท่านั้นว่ามันน่าจะขึ้นมาได้” วิชญ์ภาสปรายยิ้มแสนกว้างให้กับคนที่ครองหัวใจของเขา .. และทำให้ใจเขาเต้นถี่ได้แทบทุกวินาทีที่อยู่ใกล้กัน


“ เหรอ..” คนหน้าสวยเงยขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ .. คำของเขาก็ทำให้กรณ์ยิ้มได้เหมือนกัน จากคนไม่รู้จักความสุข จากคนที่ใช้แต่ความเย็นชาปกปิดบาดแผลและความรู้สึก บัดนี้ทุกอย่างได้ถูกคำว่า ‘รัก’ เปิดออกจนหมดสิ้น .




“ ที่นี่สวยมากจริงๆ ..” กรณ์ยิ้มให้วิชญ์ภาสอย่างปิดทุกความกังวล ..มือบางเอื้อมไล้บนใบหน้าคมเข้มอย่างเบามือ นิ้วเรียวเลื่อนลูบไปบนใบหน้าของอีกคอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ... ตัวตาคู่เรียวปิดออกแต่มือยังคงเลื่อนไปข้างหน้าอย่างเนิบนาบ ...



.. ทุกสัมผัส ทุกกลิ่นไอ ทุกคำว่าเรา ..


“ ดวงตาของนายสามารถหยุดมองที่ฉันเพียงคนเดียวได้หรือ... มือของนายจะสามารถหยุดสัมผัสไว้ที่ร่างกายของฉันเพียงคนเดียวได้หรือเปล่า หัวใจของนายจะสามารถเต้นเพียงชื่อของฉันได้จริงเหรอ ...” เสียงหวานดังขึ้นถาม ราวท่วงทำนองที่แผ่วบาง ราวสายลมเย็นๆที่พัดผ่าน แต่มันกลับสร้างความสุขและความมั่นคงในหัวใจได้มากมายที่สุดในชีวิต



“ หากเป็นเมื่อก่อน .. คำตอบของผมคงเป็น ‘ไม่ ’ ทั้งสามข้อ เพราะผมเชื่อมั่นในหน้าตา เชื่อมั่นในความคิด และการใช้ชีวิตของตัวเอง ผมจึงไม่คิดจะแคร์คนที่เรื่องมากเจ้าปัญหา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันเมื่อผมรู้จักกับความรักจริงๆ ผมมั่นใจในตัวเองอย่างถึงที่สุดแล้ว ..ดวงตาของผมคงไม่สามารถหยุดที่คุณเพียงคนเดียว แต่ผมเชื่อว่าจะมีเพียงคุณคนเดียวที่ผมใช้ดวงตามองพร้อมรัก มือของผมคงไม่สามารถหยุดแตะต้องเพียงที่ร่างกายคุณเพียงคนเดียว แต่ผมเชื่อว่าจะมีเพียงคุณคนเดียวที่ทำให้มือของผมสั่นทุกครั้งที่ใกล้กัน แต่ผมมั่นใจอยู่อย่างหนึ่ง ... หัวใจของผมจะเรียกเพียงชื่อของคุณเพียงคนเดียว..” ท่วงทำนองของความมั่นคงและจริงใจ ตอบกลับมาจนคนถามต้องหน้าแดงก่ำ ใจเต้นสั่นด้วยความรักที่มันมีมากมาย



“ พูดเหมือนจะดี..แต่แอบด่าฉันใช่ไหมนี่ที่เรื่องมากเจ้าปัญหา” ดวงตาคู่เรียวต้องหรุบหลีกอย่างเขินๆ แต่ไม่วายแก้เก้อให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองไม่เงียบเชียบเกินไป ..กลัวจริงๆ กลัวว่าอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นจนแทบจะหลุดออกจากขั้ว



“ ถึงคุณจะเรื่องมาก จะเจ้าปัญหา จะขี้วีน จะชอบใช้กำลัง จะชอบข่มขู่ ... แต่ผมยินดีสมัครเข้าชมรมกลัวเมียนะครับ...” วิชญ์ภาสยิ้มกว้างพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้


“ ..อยู่ก็อยู่ไปสิ.. มันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย” กรณ์ถลึงตาให้ตอนที่อีกคนบอกนิสัยเสียๆของเขา แต่ต้องอายม้วนตอนวิชญ์ภาสบอกว่าจะยอมให้กรณ์ได้ทุกอย่าง ..


“ เกี่ยวสิ...” ดวงตาคู่กลมทอประกายความรักพร้อมย้ำความเชื่อมั่นที่ตัวเองมี .. ริมฝีปากหยุ่นๆสัมผัสลงบนกลีบปากบางอย่างนุ่มนวล ..


“ ฉวยโอกาส” กรณ์บ่นเบาๆแก้อาย ลมที่พัดมาจากด้านบนสร้างความเหน็บหนาวให้กับสองกายได้มาก แต่เมื่ออุณหภูมิของความรัก สร้างความอบอุ่นให้ได้มากต่อมาก ... กายเจ็บ แต่ใจสุข มันก็มีคุณค่ามากเกินกว่าอะไรทั้งมวลแล้วล่ะ ..  



เสียงดนตรีจากโทรศัพท์มือถือที่วิชญ์ภาสหยิบติดมือตอนออกจากห้องดังขึ้น .. ท่วงทำนองของเพลงสากลเพลงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้น พร้อมเสียงห้าวเครือของนักร้องคลอไปกับดนตรี

.. Close your eyes, give me your hand, darling
คนตัวสูงเลื่อนริมฝีปากของตนสัมผัสลงบนเปลือกตาบาง ..ยื่นมือทั้งสองไปสัมผัสกับมือของอีกฝ่ายแล้วตวัดให้มันขึ้นมาคล้องคอของตัวเอง .

Do you feel my heart beating
จากนั้นมือทั้งสองก็เลื่อนมาตรงเอวบาง ...ประคองร่างนั้นเคลื่อนไปตามจังหวะหัวใจที่เต้นแข่งกับบทเพลง

Do you understand
จากไม่เข้าใจ จากเคยตั้งคำถาม

Do you feel the same
แต่เวลานี้หัวใจของทั้งสองกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นไม่แตกต่างกัน ดวงตาของความรักที่ทอประกายเพื่อกัน

Am I only dreaming
ร่างกายของความเร่าร้อนที่ต้องการเพียงคนที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ฝันกลางวันหรือหมอกควันที่ไม่อาจจับต้อง

Is this burning an eternal flame
หัวใจที่กำลังพร่ำเรียกกันและกัน ..กำลังทอแสงแห่งความหวัง เปลวไฟของความรักที่จะเป็นนิรันดร์เกินใครจะดับมันลง

I believe it's meant to be, darling
ดวงตาที่จับจ้องกัน .. สื่อความหมายของความอบอุ่นได้ดี ร่างกายเคลื่อนไปตามบทเพลงของทั้งสอง


I watch you when you are sleeping
หมู่ดาวและฟากฟ้าจะเป็นพยานของใจที่เคลื่อนไปด้านหน้า ในทุกๆยาม ...

You belong with me
นับจากนี้ แม้ตัวต้องห่างไกล แต่หัวใจกลับผูกโยงถึงกัน ..

Do you feel the same
แม้กรณ์ในยามนี้จะยังไม่ได้กล้าแสดงความรักเช่นที่วิชญ์ภาสกระทำ

Am I only dreaming
แต่วิชญ์ภาสก็มีความสุขแล้ว เมื่อนี่มันไม่ใช่เพียงฝันที่เขาสร้างขึ้นฝ่ายเดียว

Or is this burning an eternal flame
ความอบอุ่นที่เคียงคู่ หัวใจที่ใกล้ชิด.. รัก

Say my name, sun shines through the rain
ส่วนกรณ์ก็เคยผ่านอุปสรรค และความยากลำบาก ..

A whole life so lonely
ชีวิตที่ผ่านมาต้องแบกรักความรับผิดชอบอะไรมากมาย เคยต้องกางปีกเพื่อปกป้องผู้อื่น แต่ตนกลับไม่เคยมีใครเป็นที่พึ่ง ..

And then you come and ease the pain
แต่ในวินาทีที่วิชญ์ภาสได้นำพามาความรักมาสู่เขาทุกความเจ็บก็ค่อยๆ ถูกความรักรักษาและดูแล

I don't want to lose this feeling ...ooooohhhh....

นับจากนี้ลมหายใจของสองกายจะเป็นใกล้กัน .. ทั้งสองจำเป็นต้องมีกัน ไม่ใช่ต้องการ
วันใดที่รักต้องห่างหาย คงเป็นวันที่หัวใจพบกับคำว่าตายด้าน

“ ผมรักคุณ...” คำบอกรักดังขึ้นพร้อมเสียงดนตรีที่จบไป.. แสงดาวที่เคยสงบหนึ่งก็พร้อมใจกับพราวประกายพาดตัวรอบทิศ ...


“ ฝนดาวตก..” กรณ์ชะงักในคำของวิชญ์ภาส .. แต่ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อรอบกายมีเพียงแสงวูบวาบ มือบางเอื้อมปิดไฟตรงรอบๆให้ดับลง ..พร้อมหันหลังไปมองรอบกายที่เริ่มมีปรากฏการณ์ฝนดาวตกอย่างตื่นตาตื่นใจ ..


“ นั่งดูดีกว่าครับ..” วิชญ์ภาสเชื้อชวนคนรักแล้วดึงมือให้กรณ์นั่งลงตามเขา ..ชายหนุ่มตัวบางยินยอมโดยไม่ขัดขื้นและนั่งลงตรงระหว่างกลางของวิชญ์ภาส อีกฝ่ายชันเข่าขึ้นป้องลมหนาว .. ทั้งกายมีเพียงกางเกงขาสั้นที่ติดตัวมา ส่วนกรณ์ก็มีผ้าห่มผืนใหญ่แต่ทั้งกายไม่เหลืออะไรสักชิ้น ..


“ หนาวไหม..” กรณ์เอ่ยถามอีกคนที่กอดเขาอยู่... ด้านหลังวิชญ์ภาสพึ่งเข้ากับผนังโดมที่เย็นชื้น

“ นิดหน่อยครับ..” วิชญ์ภาสพยักหน้าให้เล็กน้อย คนที่มีผ้าคลุมกายเลยตวัดผ้าไปด้านหลังเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับไออุ่น...กายของทั้งสองที่ถูกผืนผ้าแยกห่างจากกันก็แนบชิดและรับรู้ถึงอุณหภูมิของกันและกัน



วิชญ์ภาสขยับให้ชายผ้าตรงมาหน่อยนึงเพื่อให้กรณ์ที่ไม่มีอะไรเลยในตัวได้นั่งลงตรงกลาง เมื่อผ้าคลุมเขาและกรณ์จากด้านนอกได้หมด..มือหนาก็เอื้อมเข้ามากอดอีกคนทำให้หลังของกรณ์ชนเข้ากับอกแกร่ง ..หน้าคมวางกดลงบนบ่าบางอย่างนุ่มนวล ..ดวงตาของทั้งสองยังจับจ้องไปยังปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่วูบวาบตื่นตาตื่นใจ


“ อุ่นจังเลยครับ..” วิชญ์ภาสกระซิบแผ่วๆตรงข้างหู กดจูบลงเบาๆ จากนั้นก็ลากเลื่อนลงมาตามแนวลำคอสวย ... จงใจประทับร่องรอยความรักลงไปอย่างนุ่มนวล แต่ลิ้นชื้นและแรงที่กระทำก็อดจะทำให้กรณ์สะดุ้งสั่นไหวไม่ได้ มือหนาเองก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามร่างกายนุ่มๆอย่างหลงใหลและหมายจะครอบครองอีกครั้ง


“ ..ไม่เอาแล้วนะ เหนื่อย” กรณ์กัดฟันพูดอย่างสุดกลั้นอารมณ์ แม้จะรู้สึกดีแต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะรองรับความต้องการที่ปรากฏอีกรอบในค่ำคืนนี้ .. ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเมื่อสองสามวันก่อน กรณ์แทบจะนับไม่ได้เลยว่าระหว่างทั้งสองเคลื่อนไหวไปตามทำนองของอารมณ์กี่ครั้งแล้ว


“ ..อื้อ...” แต่คำห้ามของกรณ์ดูจะไร้ผล เมื่อร่างของเขาถูกยกให้ลอยขึ้นเล็กน้อยเพื่อต้อนรับความมุ่งหมายในปรารถนาที่แทรกผ่าน ..



“ ผมขออีกครั้งนะครับแล้วคืนนี้จะไม่กวนคุณอีก” คำกระซิบข้างๆหูบอกเจตนาแท้จริง บรรยากาศที่แสนเป็นใจอดจะปลุกอารมณ์ของคนหน้าหล่อขึ้นมาไม่ได้จริงๆ .. ลมหายใจที่กระหืดหอบเพราะการเคลื่อนไหว หยดเหงื่อที่เริ่มประสานกับไอร้อนในร่างกาย หรือจะเนื้อกายที่สัมผัสไปมาอย่างสุดห้าม


แสงดวงดาวที่ส่องประกายจากฟากฟ้า ..

เซ็กซ์ท่ามกลางหมู่ฝนดาวตก ..


พยานรักชั้นดีที่ยากจะมีผู้ใดได้มีโอกาสสัมผัส ยอดสูงแห่งสายลมที่สูงถัดฟากฟ้า กำลังสร้างความซ่านสุขในกายของสองคนที่รักกันได้มากมายเกินผู้ใดจะเอื้อมขวาง ทางข้างหน้ายังไม่มีอะไรเป็นตัวรับประกันแต่อย่างน้อยเวลานี้สุขใจ ... ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ


“ กลับห้องกันดีกว่า..” เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ร่างที่อ่อนแรงของกรณ์ก็ล้มลงกลางอกหนั่น คนตัวสูงจึงกระชับร่างของอีกคนขึ้นและเดินลงจากโดมสูงอย่างรวดเร็ว ความรัก เส้นทาง และหัวใจ

“ ถึงกับสลบเลยเหรอครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มให้คนที่หลับลงเพราะอ่อนแรง ...และพาคนที่เขามอบหัวใจไปพักผ่อน ... เส้นทาง รอยยิ้ม และไออุ่นมีค่าให้ครอบครองเมื่อเข้าใจความหมายของมัน



ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 26

ใครบางคนเคยบอกไว้ว่าชีวิตคือการเดินทาง .. คนเราต้องเคลื่อนไหวไปข้างหน้า และต้องกล้าจะก้าว หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป กาณฑ์และสุรีญ์ก็กลับมาจากพัทยา ในช่วงแรกกาณฑ์ยอมรับจริงๆว่าตนทำใจไม่ได้ยามเห็นกรณ์กับวิชญ์ภาสยิ้มให้กัน แต่ยิ่งนานวันยิ่งทำให้เขาเข้าใจและเริ่มจะเปลี่ยนมุมมองใหม่กำลังใจสำคัญข้างกายอย่างสุรีย์ ทำให้เขาคิดอะไรๆได้มาก .. อีกอย่างการที่เขาวางใจให้สงบนิ่งมันยิ่งทำให้รอบข้างมีความสุข และเขาจะดิ้นรนไปเพื่ออะไรล่ะ ..หากการดิ้นรนนี้มีแต่สร้างความเจ็บปวดให้คนรอบกาย

อีกไม่กี่อาทิตย์เทอมใหม่ของมหาวิทยาลัยก็เริ่มขึ้นแล้ว ..

ส่วนงานที่บริษัทก็เหมือนจะหนักเป็นเงาตามตัว เล่นเอาคนตัวบางต้องเคร่งเครียดมากมายนัก ..ธุรกิจรีสอร์ตที่หัวหินก็เริ่มมีปัญหา เมื่อหัวหน้าผู้จัดการรีสอร์ตแอบคิดไม่ซื่อ กรณ์ต้องจัดการเคลียร์บัญชียกใหญ่ทำให้ช่วงนี้ชีวิตของเขาวุ่นวายไม่ใช่น้อย



“ เหนื่อยมากเหรอครับ..” ชายหนุ่มตัวสูงที่อาสาขับรถมารับคนที่ตนรักเอ่ยถามขึ้นอย่างเห็นใจ เขายังโชคดีที่เป็นแค่นักศึกษายังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย ..



“ อือ..” กรณ์พยักหน้าให้อย่างเอื่อยๆ แล้วล้มกายลงเอนกับเบาะด้านหลัง มือก็เอื้อมปลดไทออกพร้อมทั้งเอื้อมปลดกระดุมหน้าออกอีกสองสามเม็ด..



“ ..” วิชญ์ภาสละมือจากพวงมาลัยรถแล้วยกกระดาษทิชชู่ซึ่งดึงออกจากกล่อง เอื้อมไปด้านหน้าและบรรจงซับเหงื่อที่แทรกซึมอยู่ตามไรผมคนตัวบางเบาๆ .. ความอบอุ่นที่แสดงทำให้คนเหนื่อยล้ารู้สึกละภาระที่มีไปได้กว่าครึ่ง นี่แหละนะความรัก.. มันมีพลังมากกว่าที่ใครจะคาดคิดจริงๆ หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีใครหน้าไหนได้เห็นท่าทีอ่อนล้า และเหนื่อยหน่ายเช่นนี้หรอก ..



“ พรุ่งนี้วันเสาร์..วันนี้กลับบ้านดึกหน่อยคงไม่เป็นไรใช่ไหม” คนที่ซับเหงื่อให้กรณ์เอ่ยถามเสียงแผ่ว ราวกับจะบอกอีกคนมากกว่าขออนุญาต ..


“ ไปไหนเหรอ” ดวงตาอ่อนแสงเปิดขึ้นจ้องมองใบหน้าของอีกคน ถามขึ้นอย่างรู้ทัน ..
“ เดี๋ยวก็รู้ครับ..” รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นหลังจากพูดจบ .. ริมฝีปากหนาวางลงสัมผัสกับผิวหน้าชื้นเหงื่อเล็กน้อย ประทับความรักลงอย่างไม่เคยนึกเบื่อ จากนั้นเจ้าตัวสูงก็เลยหันไปสนใจกับพวงมาลัยรถต่อ ..ทั้งสองเดินทางฝ่ากระแสลมและความมืดไปเรื่อยจนหยุดอยู่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด .


.
“ พามาเที่ยวห้างนี่นะ” กรณ์เอ่ยถามเมื่อรู้ชัดว่าชายหนุ่มอีกคนพาเขามาที่ไหน ..



“..” ไม่มีคำตอบออกจากปากอีกฝ่าย จะมีก็เพียงรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ กรณ์จึงได้แต่ต้องเลยตามเลยเดินเข้าไปในห้างแห่งนี้พร้อมคนรูปหล่อ สองกายที่อยู่เคียงข้างโดนจับจ้องด้วยความอิจฉา.. สายตาที่หมายปองจะเป็นเจ้าของ แทบแยกไม่ออกเลยว่าใครจะถูกจับจ้องมากกว่ากัน ..



“ นี่..” มือบางเอื้อมกระตุกชายเสื้อของอีกคน


“ อะไรครับ..”



“ พามาทำไมอ่ะ.. อยากกลับบ้าน” กรณ์เอ่ยถามด้วยดวงตาที่อ่อนแรง ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของคนข้างๆสักเท่าไหร่หรอก กรณ์เวลานี้อยากพักผ่อนมากกว่า ..


“ วันนี้ไม่ต้องกลับบ้านดีกว่าครับ ..นอนที่นี่เลยดีกว่า..” คนตัวสูงพูดจบก็รวบรัดด้วยการจับมือกรณ์ให้เดินตามเข้าลิฟต์ไปอย่างเร็ว .. กรณ์เลยไม่มีโอกาสได้ขัดอีกฝ่ายต้องปล่อยให้เป็นไปตามที่วิชญ์ภาสต้องการ เอาเถอะไหนๆก็มีคนที่กรณ์วางใจอยู่ใกล้ๆ จะพาไปไหนกรณ์ก็ไม่หวั่น



รอสักพักลิฟต์ก็มาหยุดอยู่ตรงชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้.. ด้านบนเป็นส่วนรีสอร์ตและสปาที่เพิ่งเปิดบริการในช่วงหนึ่งปีก่อน แม้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากมาย แต่ก็มีแขกมาใช้บริการไม่ขาดสาย ..อาจเพราะราคาที่สูงเกินความจำเป็นเลยทำให้ที่นี่มีเฉพาะลูกค้ากระเป๋าหนักเท่านั้น



“ สองคนครับ..” ชายหนุ่มที่เดินมาหยุดอยู่หน้าเคาท์เตอร์ยื่นบัตรให้กับพนักงาน ..



“ ไม่ยักจะนึกนะครับว่าคุณกรณ์จะมาใช้บริการที่นี่ด้วย .. โลกมันช่างกลมจริงๆ” เสียงของใครบางคนจงใจกระแทกขึ้นด้วยความไม่พอใจสักเท่าไหร่ ..



“ ..คุณเอก..” กรณ์หันขวับอย่างรวดเร็ว ..และต้องชะงักเล็กๆเมื่อพบว่าคนที่กล่าวทักทายเขาไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นคนใกล้ๆที่กรณ์ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยว



“ โอ๊ะโอ่ ..มีหนุ่มหล่อเป็นองครักษ์ด้วยเหรอครับนี่” คนที่ทักทายเหลือบเห็นชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนด้านข้างกรณ์ก็เอ่ยสำทับอย่างไม่เป็นมิตร .. ขัดกับรูปร่างหน้าตาของเขาสิ้นดี



“ ..” วิชญ์ภาสจ้องมองคนที่กำลังเล่นงานกรณ์อย่างไม่ชอบใจนัก.. มือหนาเอื้อมไปรั้งเอวของกรณ์ราวกับแสดงความเป็นเจ้าของให้รู้กัน .. เขาไม่สนใจว่าใครจะมองเขายังไง ที่สนมีเพียงกรณ์คนเดียวเท่านั้น ..



“ ..” ทางฝ่ายเอกก็ชะงักไปกับภาพที่เห็น เพราะจากที่รู้จักกรณ์มาไม่เคยมีใครสักคนที่สามารถทำเช่นนี้ได้ .. กรณ์ไม่ได้ปัดป้องแต่กลับยินยอมให้มือคู่นั้นแสดงความเป็นเจ้าของได้เต็มที่ แค่นี้ก็พอจะบอกให้เอกได้รับรู้ถึงความสำคัญที่คนตรงหน้ามีต่อกรณ์



“ ไปกันดีกว่าครับ..” วิชญ์ภาสกระซิบข้างหูอีกฝ่ายแล้วเลือกจะพากรณ์ให้เดินเลี่ยงเข้าไปข้างใน .. เขาหยิบบัตรห้องพักที่รับจากพนักงานเคานเตอร์ส่งให้พนักงานอีกคนด้านหน้า เพื่อพาทั้งสองไปยังห้องพักด้านในสุด ..ผ่านสองทางเดินที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้ และแสงไฟ ..



ทันทีที่เข้ามาในห้องส่วนตัวซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำมันหอมระเหย.. กรณ์ก็เอ่ยขึ้น

“ ไม่ถามเหรอ..”



“ ทำไมล่ะครับ .. คุณอยากให้ผมถามหรือยังไง” คนตัวสูงลดร่างของตัวเองลงนั่งกับขอบเตียง และเอื้อมมือไปดึงอีกคนให้มาหยุดยืนข้างหน้า..มือทั้งสองจับอยู่ตรงเอวบางเบาๆและเงยหน้าขึ้นจ้องมองกรณ์ที่กำลังมองเขาตอบกลับมา..



“ แล้วอยากถามไหมล่ะ” กรณ์ถามกลับไปพร้อมทั้งวางมือของตนโอบลำคอคนที่นั่งต่ำกว่าเล็กน้อย


“ อยากถามสิครับ แต่ผมว่าถ้าผมซักไซ้มากไปมันจะแปลกๆ ปกติคนเป็นเมียต้องชอบจุกจิกไม่ใช่เหรอ ผมเลยไม่รู้ว่าควรถามรึเปล่า” ใบหน้าหล่อๆ ที่ต้องการเพียงคนหน้าหวานตรงหนาเพียงคนเดียวเอ่ยขึ้นด้วยความจริงใจ มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เปลี่ยนไปเพราะความรัก ..



จากดวงตาวาวเล่ห์ที่มากด้วยตัณหาและการล่าเหยื่อ แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาใสซื่อจริงใจพร้อมจะมอบรักเพียงกรณ์ผู้เดียว


“ ถามสิ..” กรณ์ยิ้มให้เป็นการเปิดทาง

“ เขาเป็นใครครับ..”

“ เจ้าของอมรารีสอร์ตคู่แข่งคนสำคัญของรีสอร์ตสายลม ..” กรณ์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิม ความเครียดจากที่ทำงานดูจะกลับมาอีกครั้งเมื่อดวงตาคู่เรียวไปพบกับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ



“ ผมสงสัยจริงๆนะครับ ..ทั้งที่รีสอร์ตสายลมเป็นเพียงหนึ่งในธุรกิจหลายสิบอย่างของเครือสายลม แต่ทำไมมันถึงทำให้คุณเครียดมาก ราวกับทั้งสามลมจะล่มสลายนั่นแหละครับ..” มือที่หนากระชับเอวกรณ์ให้แน่นขึ้นพร้อมทั้งตั้งคำถามไปในตัว



“ หากเทียบกับธุรกิจอื่นๆ มันอาจดูเล็กน้อย แต่เพราะรีสอร์ตแห่งนี้คือที่แรกในธุรกิจทุกอย่าง คือจุดเริ่มต้นที่เริ่มมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ มันจึงมีความสำคัญกับครอบครัวเรามาก หากรีสอร์ตล้มไปฉันก็ไม่มีหน้าไปพบพ่อกับแม่หรอก..” ภาระบนปีกที่บอบบางคือความหนักอึ้งซึ่งกรณ์ยังต้องแบก ..



“ เอาเป็นว่าอย่าเครียดเลยนะครับ .. วันนี้ผมพาคุณมาพักผ่อนนะไม่ใช่พาคุณมาเครียด เปลี่ยนชุดดีกว่าเดี๋ยวสามีบริการเองนะ..” ชายหนุ่มที่รับรู้เรื่องราวพยายามปกปิดความร้อนใจและสงสารไปด้วยรอยยิ้มและความร่าเริง

“ ทำอะไรอ่ะ..อย่าบอกนะว่าหื่นอีกแล้ว” กรณ์ชะงักตัวออกเล็กน้อยเพราะดันเข้าใจไปว่าวิชญ์ภาสจะออกอาการหื่นกำเริบอีกครั้งแล้ว ..


“ ยังไงวันนี้ก็ต้องเกิด .. เราไม่ได้ใกล้กันตั้งหลายวันแล้วนะ ไม่กลัวผมขาดใจตายรึไง” ใบหน้าคมๆถูไถไปกับหน้าท้องแบนราบของอีกฝ่ายอย่างอ้อนๆ มือก็กระชับกันให้แน่นมากขึ้นจนกรณ์ไม่ได้ขัดขืนอะไร ได้แต่ยิ้มไปกับท่าที่อ้อนๆของคนที่ทำให้โลกของเขาเปลี่ยนไป


“ ตายไปก็ดีฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย..”


“ โห่..” เจ้าตัวสูงเงยหน้ามองคนที่ตนรักอย่างงอนๆ แต่ท่าทีที่แสดงมันไม่เข้ากับเขาสักเท่าไหร่ .. มือนั้นเอื้อมรั้งร่างบางให้เข้าใกล้และโยนให้กรณ์ล้มลงกับพื้นเตียงด้านหลัง โดยมีร่างของเขาเคลื่อนทับอย่างว่องไว


“ อย่างผมมันอึด ..ทั้งหน้าด้านหน้าทน ไม่เหนื่อย ไม่ป่วย ไม่ตายรับรองคุณต้องเหนื่อยไปตลอดชีวิตแน่นอน ..” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏพร้อมริมฝีปากที่ซุกไซ้ไปมา ..เรียกเสียงหัวเราะกับอีกฝ่ายได้มากพอตัว แต่ใครจะรู้ว่าเสียงหัวเราะที่ดังออกมามันหยุดทุกการกระทำของวิชญ์ภาสลงไปอย่างชะงักงัน .. เจ้าตัวสูงเอื้อมมือยันกับพื้นเตียงและขยับขึ้นมองหน้าอีกคนอย่างอึ้งๆ


“ เป็นอะไรไป..” กรณ์ถามไปด้วยรอยยิ้ม



“ คุณหัวเราะ..”


“ บ้ารึเปล่า..” มือบางงอขึ้นและเคาะลงกลางหน้าผากคนที่กำลังจ้องเขาด้วยสายตาอึ้งๆไปหนึ่งที .. มันอาจไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องพิสดารหากเกิดกับคนทั่วไป แต่นี่มันเกิดกับกรณ์ ..


“ ผมไม่เคยเห็นคุณหัวเราะมาก่อน” วิชญ์ภาสบอกไปตามที่ใจเขาคิด ใช่สินะอย่างมากเขาก็เห็นกรณ์ยิ้มบ่อยขึ้นแต่ไม่เคยมีครั้งไหนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังลอดจากปากคู่งามเลยสักครั้ง


“ ทำไมล่ะ..”



“ ผมแค่รู้สึกแปลกๆ...อย่างน้อยผมก็รู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากขึ้นที่ทำให้คุณหัวเราะได้..” ชายหนุ่มตัวสูงชันกายของตัวเองขึ้นนั่งพร้อมทั้งดึงให้กรณ์ลุกขึ้นมาด้วย ..จากนั้นก็ค่อยๆเอื้อมมือปลดกระดุมเสื้อและถอดกางเกงให้อีกคนอย่างรวดเร็ว ..ร่างบางถูกอุ้มขึ้นจากพื้นเตียงและเดินมุ่งหน้าเข้าไปภายในห้องน้ำแสนกว้างซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษ ภายในมีเทียนหอมจุดอยู่หลายจุด ...ร่างนวลนุ่มถูกวางลงบนเตียงที่วางอยู่ใกล้ๆอ่างน้ำ ...



“ ทำอะไรอ่ะ..” กรณ์ถามไปเมื่อพบว่ากายของเขาถูกผ้าขนหนูผืนบางปกคลุมในส่วนสะโพก ..


“ ผมมันหื่นอย่างที่คุณว่าจริงๆ ทั้งที่ตั้งใจจะพาคุณมาพักผ่อนแต่ก็เกือบแกล้งคุณเข้าแล้ว..” รอยยิ้มหวานๆส่งตอบกลับมา ..พร้อมความอุ่นจากของเหลวกลิ่นหอมที่เทลงกลางหลังนุ่มๆ ..



“ ถึงฝีมือผมจะไม่เข้าขั้นแต่ตั้งใจสุดๆเลยนะ..” มือที่ประทับลงหลังน้ำมันหอมระเหยค่อยๆคลึงไปตามเนื้อขาวๆอย่างตั้งอกตั้งใจ ...กรณ์ได้แต่เผยยิ้มเบาบางและหลับตาลง .. บางสิ่งที่กรณ์ไม่เคยคิดว่าจะได้พบมาก่อนในชีวิตล้วนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีอีกคนเดินเข้ามา ความรักและความอบอุ่นที่เขาเคยมองข้ามบัดนี้ปรากฏชัดอยู่ตรงหน้า มันมั่นคงยิ่งกว่าสิ่งไหนๆ รักจากดวงตาคู่กลม ..ดวงตาที่ทอประกายเพียงภาพของกรณ์ผู้เดียวเท่านั้น



ร่างกายของกรณ์เริ่มเบาขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ .. แม้คนนวดจะไม่ค่อยมีความรู้สึกเท่าไหร่ แต่อาศัยว่าเคยวิ่งแข่งให้กับทีมโรงเรียนทีมมหาวิทยาลัยมาบ้าง เลยพอจะบรรเทาอาการปวดเมื่อยให้คนตัวบางได้พอตัว .. กลิ่นหอม ความร้อนและความรักล้วนประสานเข้ากับการเคลื่อนไหว ...


“ เป็นไงบ้างครับ ..”

“ อืม..ดีขึ้น” กรณ์เอ่ยขึ้นเสียงบางรู้สึกว่าตัวเองสบายขึ้นจริงๆ ..



“ เหรอครับ ...งั้นไปที่อ่างดีกว่าล้างตัวออกก่อนแล้วค่อยเข้านอน คุณจะได้รู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิม” วิชญ์ภาสยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าความตั้งใจของเขาทำให้คนที่รักสบายตัวขึ้น .. ชายหนุ่มเอื้อมดึงร่างที่นอนคว่ำอยู่กับเตียงให้ลุกขึ้นและเดินลงอ่างน้ำใกล้ๆกัน .. คราวนี้เจ้าหมอนวดจำเป็นก็รีบถอดเสื้อผ้าของตัวเอง

แล้วกระโจนลงในอ่างน้ำที่ลอยกลีบดอกไม้หอมๆไว้อย่างรวดเร็ว มือหนาเอื้อมดึงร่างที่ห่างออกให้เลื่อนมานั่งข้างหน้าจากนั้นก็หันให้หลังกรณ์มาอยู่ข้างหน้าของตนเอง



“ นั่งเฉยๆนะครับ” วิชญ์ภาสกระซิบแผ่วๆ แล้วยกที่ฟองน้ำขึ้นลูบไล้ไปตามเรือนร่างของอีกคนอย่างตั้งใจ พยายามทำให้กรณ์รู้สึกสบายที่สุด .. ทางข้างหน้าอีกแสนไกลไม่รู้ว่าต้องเจออะไรอีกบ้าง วิชญ์ภาสรู้เพียงว่าเขาอยากดีกับคนที่เขารักให้มากที่สุด พยายามทำทุกวันให้มีค่า และก้าวเดินไปด้วยกัน ..


“ เร็วๆสิ ง่วงนอนแล้วนะ..” กรณ์เริ่มบ่นเมื่อฟองน้ำเริ่มไม่เคลื่อนที่ไปไหน .. แต่กลับหมุนวนอยู่แถวยอดอกของตนอย่างเนิบนาบ .. เจ้าของสายลมพอจะรู้แล้วล่ะว่าอะไรจะเกิดเป็นลำดับต่อไป .. ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ทุกสัมผัสก็ทำให้เกิดความตื่นเต้นได้มากพอตัว หลังจากที่กรณ์พูดจบประโยคก็รับรู้ถึงความรักที่เดินทางก้าวเข้ามาเช่นทุกครั้ง ..หลายวันแล้วสินะที่มันไม่ได้พบปะตามประสาของกายและกาย .. ยิ่งนานวันกรณ์ยิ่งรู้ว่าร่างกายของเขาขาดกายของอีกคนไม่ได้จริงๆ ..


ทุกการเปลี่ยนแปลง ทุกอารมณ์ที่เคลื่อนไหวขึ้นลง มีคำว่ารักรายล้อมอยู่เสมอ
แต่ใครจะรู้วันข้างหน้า แต่ใครจะรู้อนาคต .. กำหนดของฟากฟ้ายากนักจะเข้าใจ



speedboy

  • บุคคลทั่วไป
น่าอิจฉาริษยาจังเลยคร้าบ..........รักกันเยอะๆนานๆนะคร้าบ


อบอุ่นจังตอนนี้อะคร้าบ.......นอนดีกว่า


 :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
จุใจเลยยยยยยยยยยยยยยยย อิอิ

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
เห็นด้วยว่าแพทไม่เท่าไหร่


สงสัยตาเอกน่ากลัวกว่าจริงๆ ด้วย

doomare

  • บุคคลทั่วไป
จะแพท หรือ เอก ไม่มีกลัว

แต่กลัวถ้าแพทกับเอกร่วมมือกันอ่ะ

 :call: :call: :call:

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
 :o8:

อื้อหืออออออออออออออ

2 ตอนนี้หวานมากมายอ่ะ

เขินแทนนะเนี่ย  :-[

ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเจออะไร

ก็ขอให้ผ่านมันไปได้ด้วยดีเถอะนะ

วิชญ์ออกจะรักกรณ์ขนาดนี้น่ะเนอะ

คู่ของกฤษฎิ์นี่เหมือนฝึกงานเลยนะ

มีโปร 3 เดือนด้วยอ่ะ

โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :laugh:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 27

ร่างกายที่บอบบางค่อยๆขยับออกจากที่นอนหลังใหญ่เนื้อนุ่มอย่างผ่อนคลาย .. กรณ์รู้สึกปลอดโปร่งและมีความสุขกว่าที่เป็น .. คนตัวบางชันกายขึ้นและเอนหลังพิงกับหัวเตียงและปรายตามองไปยังอีกคนที่ยังหลับอยู่ ผ้าห่มที่ร่นลงไปต่ำกว่าอกทำให้คนที่จ้องมองอดจะหน้าแดงไม่ได้ มือคู่นั้นจึงเอื้อมไปดึงผ้าห่มให้ขยับขึ้นมาคลุมร่างอีกคน


“ อื้อ...เช้าแล้วเหรอครับ..” เสียงงัวเงียดังจากปากของชายหนุ่ม แต่ดวงตายังคงหลับอยู่


“ เช้าแล้ว..” กรณ์ยิ้มให้เบาๆ แล้วตอบกลับไปเสียงราบเรียบ กรณ์เพิ่งเข้าใจคำว่าความสุขก็ตอนที่เจอกับคนหน้าหล่อนี่แหละ .. การตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามีใครอีกคนนอนข้างๆ มีอ้อมกอดอุ่นๆคอยปลอบประโลมและมีไหล่ให้พิงอิง มันช่างเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากเกินกว่าจะหาคำใดๆมาบรรยายได้


“ วันนี้วันเสาร์ขออู้ไม่ตื่นนะครับ...” วิชญ์ภาสบอกด้วยเสียงที่งัวเงียเช่นเดิม .. ปล่อยให้กรณ์ได้แต่ยิ้มขันๆในท่าทีน่ารักที่ไม่เคยมีใครได้พบเห็น .. คนตัวบางละกายออกจากเตียงนอนแล้วเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมเนื้อบางที่แขวนอยู่ข้างๆขึ้นมาสวมทับ กรณ์เดินเล่นรอบห้องอยู่สักพักก็มาหยุดตรงระเบียงและเหลือบเห็นใครสักคนตรงสระว่ายน้ำด้านล่างกำลังมองมายังเขา ..

“ ไอ้ชั่ว..” คำสบถเบาบางดังขึ้นเมื่อชายคนนั้นปรายยิ้มกว้างส่งมาให้ .. แต่ใครจะรู้ว่ากรณ์ยิ่งเกลียดชายคนนั้นมากเท่าไหร่ .. เขาก็ยิ่งจะเข้าใกล้กรณ์มากขึ้นเท่านั้น แต่มันคงไม่มีค่าอะไรสำคัญในเมื่อหัวใจทั้งดวงในขณะนี้ถูกยกให้อีกคนไปจนหมดสิ้นแล้ว



และแล้วเวลาที่วิชญ์ภาสไม่ต้องการให้มาถึงก็เดินทางมาจนได้.. วันนี้เป็นวันแรกที่เขาเปิดเรียน การเดินทางไปมาระหว่างจังหวัดไม่ง่ายสักเท่าไหร่ แม้จะใช้เวลาเพียงสองชม. แต่ขับรถไปมามันก็น่าเบื่อพอตัวและความรักมันจะยังยืนยงอยู่ได้จริงหรือเปล่า ในเมื่อหลายคนเคยพูดไว้ว่าระยะทางเป็นหนึ่งในอุปสรรคของคำว่ารัก ..


“ จะไปยังไงอ่ะ..” คนตัวบางที่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวภายในห้องเอ่ยถาม คนที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกด้วยความสงสัย


“ วันนี้ผมจะนั่งรถตู้ขึ้นกรุงเทพฯไปก่อนแล้วตอนเย็นค่อยไปเอารถที่คอนโดฯ..” ชายหนุ่มตัวสูงหันไปมองคนที่นั่งชันกายอยู่บนเตียง เสื้อนอนตัวหลวมที่สวมอยู่ลุ่ยลงจนโชว์ผิวขาวๆนุ่ม ผมที่ฟูเล็กน้อยกับหน้าตางัวเงียที่ไม่เคยมีใครได้พบเห็นเรียกรอยยิ้ม และความรักจากดวงตาคนจ้องมองได้มากพอตัว



“ อืม..” กรณ์พยักหน้ารับเบาๆ ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่มาก..ด้วยเพราะต้องไปต่อรถสาธารณะวิชญ์ภาสเลยเผื่อเวลาเตรียมไว้เพราะเกรงจะไม่ทัน


“ เดี๋ยวผมต้องไปก่อนนะครับ .. แล้วตอนเย็นจะรีบกลับ..” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาใกล้อีกคนที่นั่งมองอยู่แล้วเอ่ยขึ้น พร้อมทั้งฝากรอยจูบอำลาในตอนเช้าไว้อย่างแนบแน่น จากนั้นจึงเดินจากไปทิ้งไว้เพียงเจ้าของห้องที่รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป ชีวิตที่เริ่มต้น .. ใครจะรู้ล่ะว่าคำว่ารักที่วิชญ์ภาสได้เอ่ยปากออกมามันจะจริงจังจริงใจสักแค่ไหน ..

คนตัวบางละทิ้งความกังวลต่างๆ และล้มกายลงนอนกอดจะหยิบหมอนที่วิชญ์ภาสนอนหนุนเข้ามากอดไว้ ..ดวงตาคู่สวยพริ้มลงอย่างวางใจเมื่อกลิ่นไอและความอุ่นของอีกคนยังปรากฏ.. ทุกครั้งที่ใกล้กันกรณ์มักวางใจและเชื่อมั่น เขารับรู้ได้จริงๆว่ารักครั้งนี้มันมีอิทธิพลต่อหัวใจและตัวตนของเขามากกว่าครั้งไหน ๆ รักที่กลายจากแค้นดูจะเป็นรักที่แตกต่าง จากเกลียดกันสุดฟ้าก็กลายเป็นรักมากจนแทบไม่อยากจากกัน ..



ชายตัวสูงเองก็รู้สึกไม่แตกต่าง .. แต่รายนี้ดูจะอาการหนักกว่าหน่อยเพราะต้องหยิบเอา
โทรศัพท์ที่ถ่ายรูปเขากับกรณ์ขึ้นมาดูบรรเทาความคิดถึง จนแม้แต่โต้งเพื่อนสนิทยังแปลกใจและตัดสินใจถามเมื่อตอนเลิกคาบช่วงบ่ายๆ ..


“ เป็นอะไรหรือเปล่านี่มึง ..ทำหน้ายังกะปลาขาดน้ำ” มือหนาตบลงบนบ่าหนั่นอย่างพอแรง แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้.. วิชญ์ภาสไม่ใช่พวกชอบโว ชอบคุยเช่นที่ผ่านมา แต่ดูจะนิสัยดีขึ้นจนแม้แต่โต้งยังรู้สึกทะแม่งๆ แถมยังไม่ก้อร่อก้อติกกับคนรายทางเช่นเจ้าเสือคนเก่า



“ อยากกลับบ้าน..”



“ หึหึ ..อะไรกันมามหาวิทยาลัยไม่ถึงวัน บ่นอยากกลับบ้านแล้ว ..นี่กลัวเมียจนประสาทหลอนแล้วหรือยังไง” โต้งแค่นหัวเราะอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ..ก็ตอนที่วิชญ์ภาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปของกรณ์เขาเองก็แอบเห็นอยู่หลายครั้ง


“ ทำไมวะ..คนอยากกลับบ้านไม่จำเป็นต้องกลัวเมียโว้ย แต่อยากอยู่ด้วยกันมันผิดมากหรือไง” วิชญ์ภาสถลึงตาเข้าใส่เพื่อนอย่างเซ็งๆ ครั้นจะโทรฯหากรณ์บ่อยๆก็กลัวจะไปรบกวนอีกคนจนไม่ต้องทำการทำงานกัน เขาจึงเลือกโทรฯไปตอนเที่ยงครั้งเดียว

“ เอ่อ.. อาการหนักจริงๆมึง ว่าแต่วันนี้จะไปกับกูไหมมีนัดเลี้ยงเปิดเทอมที่ร้านโว้ย..” โต้งเปลี่ยนประเด็นไปอย่างฉับพลันแล้วเอ่ยปากชวนวิชญ์ภาสไปร้านเช่นทุกทีที่ทำ .. และเลี้ยงที่ว่ามันก็ไม่ได้พ้นเรื่องเหล้ายาปลาปิ้งเลย อย่างว่าบางครั้งมันอาจกลายเป็นธรรมเนียมหนึ่งในหมู่นักศึกษาวัยระห่ำไปแล้วล่ะ



“ ไม่เอาอ่ะ กูอยากกลับไปกินข้าวที่บ้าน” วิชญ์ภาสรีบส่ายหน้าปฏิเสธโดยทันที เพราะถ้าไปก็เท่ากับว่าเขาจะต้องกลับบ้านช้า อีกอย่างเขาก็บอกคนที่เขารักไว้แล้วว่าจะรีบกลับ ไม่อยากให้กรณ์เสียความรู้สึกและไม่เชื่อถือในคำพูดของเขา


“ เออ ..เอาเข้าไปมีเมียแล้วลืมเพื่อน” โต้งเริ่มโวย



“ ถ้าวันหนึ่งมึงได้เจอความรัก มึงจะไม่พูดคำนี้กับกู..” วิชญ์ภาสเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนสนิท และพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง จนแม้แต่โต้งที่ได้ฟังต้องอึ้งกับประโยคนี้


“ ช่างหัวมึงแล้วกัน ..แต่เดือนหน้าตอนรับน้องกลุ่ม พี่ชมรมทุกคนต้องไปร่วม แล้วอย่าติดเมียจนเบี้ยวล่ะมึง..เดี๋ยวจะหาว่ากูไม่เตือน..”


“ เออ..” วิชญ์ภาสพยักหน้ารับไปหนึ่งทีก่อนจะหันไปสนใจกับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองต่อ .. หลังเลิกเรียนโต้งกับวิชญ์ภาสก็มานั่งอยู่ตรงม้าหินใต้ลานร่มไม้ ..กว่าวิชญ์ภาสจะกลับได้คงต้องรอถึงห้าโมงเย็น วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดมหาวิทยาลัย นักศึกษาปีหนึ่งต้องมาล่ารายชื่อรุ่นพี่ในคณะ เพราะฉะนั้นรุ่นพี่ทุกคนต้องอยู่ร่วมให้น้องๆล่ารายชื่อ เจ้าตัวสูงเลยต้องยอมนั่งจับเจ่า

“ สวัสดีค่ะ..หนูชื่อพรนภัส ชื่อเล่นแพทค่ะ..” หญิงสาวร่างบางผิวขาวเอ่ยทักทายโต้งและวิชญ์ภาสอย่างฉะฉาน ท่าทีและบุคลิกของหล่อนดูจะโดดเด่นและมีความมั่นใจในตัวเองสูง หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่แคล้วเสร็จโต้งหรือไม่ก็วิชญ์ภาส แต่ตอนนี้รายหลังคงถอนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว

“ นี่ค่ะ..” หญิงสาวยื่นสมุดเล่มเล็กๆส่งให้วิชญ์ภาสที่นั่งอยู่ห่างออกไปอย่างจงใจ เล่นเอาโต้งที่ยื่นมือไปรับต้องหน้าแหกและเริ่มรับรู้ถึงความแรงของยัยเด็กสาวตรงหน้า


.. วิชญ์ภาสรับมันมาอย่างเบื่อหน่ายแตกต่างจากชายหนุ่มคนเก่าที่มากเล่ห์และพราวเสน่ห์ เมื่อมือของเขาเปิดสมุดก็พบเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆแนบอยู่ และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้หล่อนส่งสมุดให้วิชญ์ภาสเซ็นแน่ๆ .. วิชญ์ภาสเหลือบมองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรรีบเซ็นชื่อของตัวเองให้แล้วยื่นส่งให้โต้งอย่างเร็ว ..



‘แรงจริงๆยัยเด็กนี่’ โต้งเริ่มคิดในใจเมื่อเห็นแผ่นกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์และอีเมลของเจ้าหล่อนสอดอยู่ พลางเหลือบมองเพื่อนสนิทอย่างขันๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนกระดาษแผ่นนี้คงไม่ได้มาอยู่ในมือของโต้งหรอก ชายหนุ่มเซ็นชื่อตัวเองต่อแต่ไม่ได้แตะต้องกระดาษแผ่นนั้นเช่นเดียวกับเพื่อน .. มีแต่เคยหลอกกินเด็กปีหนึ่ง จะมีก็ครั้งนี้แหละที่เด็กมันอ่อยเสียจนน่าเกลียด

หญิงสาวรับสมุดไปแล้วปรายตาส่งยิ้มหวานให้กับคนหน้าหล่อ..แต่วิชญ์ภาสก็กลับไม่ได้สนใจมองเลยไปอีกทางเล่นเอาเจ้าตัวเสียความมั่นใจไปพอตัว จากนั้นก็ต้องเดินออกไปเพราะมีรุ่นน้องคนอื่นมาขอให้โต้งกับวิชญ์ภาสเซ็นบ้าง ..



“ ท่าทางมันอยากกินมึง” ขณะที่มือตวัดปลายปากกาเสียงห้าวๆของโต้งก็ดังขึ้น


“ ไม่สนใจโว้ย ..ขืนไปยุ่งโดนตีหัวแบะแน่..”



“ กูเพิ่งเห็นมึงสิ้นลายก็วันนี้นี่แหละ ... จะกลับบ้านก็กลับเดี๋ยวกูรับหน้าให้เอง .. สงสารลูกหมาตาดำๆเดี๋ยวมันจะขาดใจตายเสียก่อน ...” โต้งยิ้มส่งให้เพื่อนแล้วออกปากไล่วิชญ์ภาส .. เล่นเอาคนหน้าหมองยิ้มตอบอย่างรวดเร็วแล้วรีบรุดเดินออกจากลานร่มไม้ไปอย่างรวดเร็ว



ท่าทางอารมณ์ที่แสดงเล่นเอาหญิงสาวหน้าหนาถึงกับแค้นเคืองอย่างมากมาย



“ คิดเหรอว่าพี่จะรอดมือแพทได้..” เธอกำกระดาษเบอร์โทรฯไว้แน่น พร้อมดวงตาชิงชังที่มองไปข้างหน้าอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่ .. มือเรียวเอื้อมกดโทรศัพท์ถึงใครบางคนอย่างหมายมาด ในเมื่อหล่อนต้องการไม่มีทางว่าหล่อนจะไม่ได้



คนตัวสูงถึงคอนโดปั๊บก็ขับรถออกต่างจังหวัดปุ๊บ ไม่แม้แต่จะพักหายใจหายคอ ..อย่างว่าความรักมันค้ำตัวค้ำใจเสียขนาดนั้น จะปล่อยให้เสียเวลาเปล่าก็คงไม่ดีนัก ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงเขาก็สามารถมาหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์สายลม



“ คุณกรณ์ยังไม่กลับบ้านเหรอ” นักศึกษาหนุ่มเดินลงจากรถปุ๊บถามหาปั๊บ .. วันนี้บ้านค่อนข้างจะเงียบไปสักหน่อย เพราะกาณฑ์ที่กลับไปเรียนเลือกจะอยู่หอในกรุงเทพฯเช่นก่อนหน้า เขาไม่อึดพอจะเดินทางไปมาระหว่างจังหวัดอย่างคนตัวสูงหรอก


“ ยังค่ะ ..คุณสุรีย์โทรฯมาบอกนุ่นว่า วันนี้คุณกรณ์อาจเลิกดึกหน่อยงานเยอะ..” สาวใช้ร่างอวบตอบกลับไปตามที่ได้ยินมาจากสุรีย์ ..วิชญ์ภาสเลยเดินกลับไปที่รถและมุ่งหน้าไปยังบริษัทที่ทำงานของกรณ์อย่างว่องไว ไม่รู้สินะ ..เขารู้สึกเหมือนตอนนี้ระหว่างทั้งสองคล้ายๆจะมีคำว่าอุปสรรคเข้ามาแผ้วพาน .. เขาทุกข์มันไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้ากรณ์ทุกข์เขาคงไม่มีความสุข



เพียงไม่นานวิชญ์ภาสก็มาถึงบริษัทที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองห่างจากบ้านสายลมราวๆสักสิบกิโลเห็นจะได้ ที่นี่ไม่ได้ห่างจากห้างสรรพสินค้าที่วิชญ์ภาสพากรณ์มาพักผ่อนวันก่อนสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่บริษัทห้างร้าน หรือจะพวกห้างต่างๆก็อยู่ในย่านนี้ ถัดออกไปริมฝั่งทะเลก็มีรีสอรต์ โรงแรมเรียงรายกันไม่ได้ขาด .. แต่ถ้าเทียบเรื่องสถานที่คงไม่มีรีสอร์ตไหนได้เปรียบเท่าสายลมหรอก


“ มาหาใครคะ..” พนักงานประชาสัมพันธ์ตรงล็อบบี้ด้านหน้าเอ่ยถามตามหน้าที่ แม้จะเลยเวลางานมากว่าสองชม.แล้วแต่หล่อนก็ยังปฏิบัติหน้าที่ เนื่องด้วยพนักงานในบริษัทต่างรู้ดีถึงความวุ่นวายที่กำลังเกิดอยุ่ในตอนนี้ ช่วงต้นเดือนอย่างนี้เป็นประจำที่บริษัทต้องมีการประชุมใหญ่จนดึกดื่น

“ คุณกรณ์..”



“ นัดไว้หรือเปล่าคะ..นี่ก็เลยเวลางานแล้ว ถ้าไม่มีคิวดิฉันคงปล่อยให้ขึ้นไปไม่ได้” หญิงสาวตอบไปตามความจริง เพราะหากเธอปล่อยปะละเลยนั่นก็หมายถึงตัวเธอเองแหละที่ต้องรับผิดชอบหากเกิดอะไรขึ้น


“ คือ..ช่างเถอะถ้าคุณกรณ์ลงมาก็บอกว่าผมรออยู่แล้วกัน” คนตาหวานเลือกจะตัดใจและเดินไปนั่งรอคนของเขาตรงมุมอ่านหนังสือตรงโถงด้านหน้า .. เพราะหากเวลานี้กรณ์ประชุมจริงการที่เขาโทรฯไปก็เท่ากับกวนอีกคน จะต่อสายหาสุรีย์ก็คงไม่สมควรเช่นกัน



.. ชายหนุ่มนั่งรออยู่นานจนผล็อยหลับไปอย่างชนิดที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว ..



กว่าการประชุมที่แสนยืดเยื้อจะจบก็ปาเข้าไปสามทุ่มครึ่ง .. ผู้บริหารและพนักงานต่างเริ่มทยอยออกจากห้องประชุมกัน ..



“ คุณกรณ์คะ มีคนมาขอพบค่ะ” หญิงสาวประชาสัมพันธ์ที่รับเรื่องเดินเข้ามารายงานหลังจากกรณ์ออกจากห้องประชุม ด้วยเห็นวิชญ์ภาสยังคงรออยู่จนหลับไปเลยเข้าใจไปว่าต้องมีเรื่องด่วนจึงได้มาบอกด้วย
ตัวเอง



“ ใครเหรอ ..วันนี้ฉันไม่มีคิวแล้วไม่ใช่เหรอสุรีย์” กรณ์เปรยถามอย่างแปลกใจพลางหันไปมองเลขาฯสาวที่ยืนข้างกายอย่างหาคำตอบ



“ ไม่มีค่ะ..” คนผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยตอบ



“ เขารออยู่ตรงล็อบบี้ค่ะ ..มาตั้งแต่ทุ่มแล้ว” หญิงสาวบอกต่อก่อนจะขอตัวลงไปเก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านเช่นคนอื่นๆ.. คนตัวบางเลิกคิ้วมองตามอย่างสงสัย เลยเดินลงมาดูด้วยตาของตัวเองและก็ทำให้รอยยิ้มที่ห่างหายไปทั้งวันปรากฏกลับคืนมา เจ้าตัวสูงจอมหื่นของกรณ์กำลังนอนหลับอยู่บนเก้าอี้รับแขกตรงโถงอ่านหนังสือ สงสัยจะรอนานจนเหนื่อยแน่นอน ..

“นี่..” มือบางสะกิดตรงบ่าของคนที่หลับอยู่เบาๆ เพียงกลิ่นหอม เพียงแรงสัมผัสก็ทำให้สติที่ห่างหายกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่กลมค่อยๆเปิดออกและต้องปรายยิ้มกว้าง เมื่อเห็นคนตาใสกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขามือหนาเอื้อมคว้าร่างที่ยืนอยู่เข้ามาใกล้อย่างเร็ว .. ใบหน้าหล่อๆซุกไซ้ไปบนท้องแบนราบเช่นที่ชอบทำ เล่นเอากรณ์ต้องหน้าแดงยกใหญ่


“ ปล่อยก่อน..” กรณ์บอกเสียงแผ่ว เพราะเวลานี้ไม่ได้อยู่ในที่รโหฐานสองต่อสอง ยังมีสายตาแปลกใจอีกหลายคู่กำลังจ้องมองอยู่ ปกติพนักงานจะคุ้นเคยกับกรณ์ผู้เคร่งขรึมไม่มีสักครั้งที่เป็นเช่นนี้..



“ ทำไมอะครับ..” ตัวต้นเรื่องเงยหน้าขึ้นถามอย่างอ้อนๆ โดยลืมไปเสียสนิทว่าตนอาจเป็นต้นเหตุให้กรณ์ต้องพบกับความยากลำบากในภายภาคหน้า ..


“ที่นี่บริษัทนะ..” กรณ์บอกไป แต่ไม่ได้มีแววขัดเคืองในน้ำเสียงหรือจะเป็นดวงตาเลยสักนิด กลับรู้สึกดีที่วิชญ์ภาสยังคงต้องการเขา ยังคงอยากอยู่ใกล้ๆ .. มือหนาเอื้อมลดลงพร้อมใบหน้าที่ผละออก .. จากนั้นก็เดินเคียงคู่ไปกับคนหน้าสวย เดินไปยังรถที่จอดอยู่ด้านหน้าบริษัท.. ส่วนสุรีย์ก็กลับพร้อมกับคนขับรถประจำตระกูล ..



“ คุณดูเหนื่อยๆนะ..” ขณะที่รถกำลังแล่นไป คนขับหน้าคมก็เปรยขึ้น


“ อย่างนี้แหละ.. สายลมควบคุมในหลายส่วนของธุรกิจ ต้นเดือนผู้จัดการในแต่ละที่จะเข้ามารายงานความคืบหน้า จึงต้องประชุมกันดึกดื่นอย่างนี้ทุกที..” กรณ์ตอบไปราวกับเป็นเรื่องปกติ เขาพบเจอชีวิตแบบนี้มาเนิ่นนานนับตั้งแต่พ่อและแม่เสียไป ..

“ แล้วยังมีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่าล่ะครับ .. หน้าตาคุณไม่ได้บอกผมว่ามีปัญหาแค่นี้นะ..” คนขับรับหน้าที่ถามต่อ เขารู้ตัวดีว่าเขาคงช่วยอะไรกรณ์ไม่ได้มากหรอก แต่อย่างน้อยหากกรณ์ได้พูดได้ระบายออกมาบ้างมันจะทำให้กรณ์โล่งมากกว่าเดิมก็เป็นได้



“ ไม่มีอะไรหรอก .. แล้วนายล่ะไม่เหนื่อยรึไงขับไปขับมาอย่างนี้” กรณ์ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะให้ความสนใจกับการเดินทางข้ามจังหวัดของคนข้างๆบ้าง ..



“ ก็นิดหน่อยครับ แต่ผมได้ตารางเรียนมาแล้วดีที่เป็นปีสี่ตารางเลยไม่เยอะ ส่วนใหญ่ก็มีเรียนครึ่งวัน จะมีเต็มๆก็วันจันทร์นี่แหละครับ” อย่างน้อยตารางเรียนที่ออกมา ก็ช่วยละความกังวลบางส่วนให้วิชญ์ภาสลงได้บ้าง อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป




“ ฉันว่านายกลับไปอยู่บ้านเถอะ..” คำของกรณ์ที่ออกเล่นเอาคนตัวหนาถึงกับชะงัก ..เท้าของชายหนุ่มแตะเบรกเหยียบทันทีจากนั้นก็หันไปมองกรณ์อย่างไม่ชอบใจนัก



“ หมายความว่ายังไง คุณจะไล่ผมเหรอ”

“ เปล่า..รู้หรอกน่าว่าคนอย่างนายไล่ก็ไม่ไปหรอก แต่ฉันว่าถ้าเหนื่อยนักก็ไม่ต้องไปมาหรอก เสาร์อาทิตย์ค่อยมาก็ได้” นั่นคือสิ่งที่กรณ์คิด .. ด้วยภาระและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ความคิดความอ่านในหลายส่วนของเขาแตกต่างจากคนรุ่นเดียวกัน ทั้งที่ความจริงอายุของทั้งสองก็ไม่ได้ห่างกันมาก แต่เหมือนโลกจะไกลกันจนแทบหาไม่เจอ หากไม่มีเรื่องกาณฑ์ทั้งสองคงไม่ได้พบกันเช่นนี้หรอก



“ อย่าพูดเรื่องนี้เลยดีกว่า ..เดี๋ยวจะพาลทะเลาะกันเปล่าๆ” คนขับเอ่ยตัดบท เพราะไม่มีสักวินาทีที่ใจเขาจะคิดอยู่ห่างกรณ์ ..



“ รู้ไหม..ว่าการกระทำของนายมันต้องแบกไปบนบ่าจนตลอด ตอนนี้นายอาจมีความสุขอาจเต็มใจที่จะเหนื่อย แต่ถ้าวันหนึ่งนายเกิดเลิกกลางคันไม่ไปกลับสายลมอย่างที่เคยทำ นายคิดหรือเปล่าว่าคนของสายลมจะคิดยังไง”

“ ถ้าจะมีวันไหนที่ผมไม่ได้กลับมาที่บ้านนั่นหมายความว่าผมมีธุระจำเป็น หรือต้องร่วมงานกับทางมหาวิทยาลัย แต่หากธรรมดาทั่วไปที่ผมไม่ได้กลับมาที่นี่นั่นย่อมหมายถึงว่าคุณอยู่กับผมที่กรุงเทพฯ ..” ดวงตาอันเชื่อมั่นฉายฉานความต้องการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน อย่างว่าวิชญ์ภาสเชื่อในสิ่งที่ใจเขาคิดและมั่นใจว่าหัวใจของตัวเองไม่อาจเต้นเรียกชื่อของใครคนอื่นได้อีกนอกจากคนที่อยู่ตรงหน้า ..


“ ...” ดวงตาคู่เรียวมองสบเข้าไปในตาของอีกคน ก่อนร่างแบบบางจะโน้มเข้าไปกอดร่างอีกคนเอาไว้ ท่ามกลางความสับสน ท่ามกลางความไม่เข้าใจ ..บางทีทั้งสองอาจคงต้องผ่านอุปสรรคอีกสักครั้งสองครั้ง ถึงจะเข้าใจว่าความรักของทั้งสองมีนิยามว่าอะไร



“ ผมไม่ขอให้คุณเชื่อ.. แต่อยากให้คุณมองในสิ่งที่ผมทำเพราะถ้าผมไม่มั่นใจ ผมจะไม่เอ่ยคำเหล่านั้นออกมาเด็ดขาด ผมร้ายกับคนสายลมไว้มาก ผมจะไม่ยอมผิดซ้ำสอง เพราะถ้าผมผิดก็เท่ากับผมกำลังทำร้ายตัวของผมเองด้วย ...” มือหนาเอื้อมกอดร่างของกรณ์ตอบ ...ย้ำทุกความคิดย้ำทุกการกระทำและความมั่นใจ หนทางข้างหน้าจะเป็นบทพิสูจน์ความรักระหว่างทั้งสอง เส้นทางเดินที่ทอดตัวอาจไม่มีเพียงกลีบกุหลาบที่ปริพรม กลางทางอาจเจอขวากหนาม อาจเจออุปสรรค แต่ตราบใดที่มือยังจับกันไว้ สักวันคงถึงปลายทาง



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด