"ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH  (อ่าน 211612 ครั้ง)

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 12


กาณฑ์ที่เพิ่งเดินลงมาถึงกับชะงัก...


“ ทุกคนโกหกอะไรเรากันแน่..” ชายหนุ่มพึมพำอย่างสับสน..ทำไมเขาต้องลงมาช้าขนาดนี้..ทำไมเขาต้องลงมาตอนที่กฤษฏิ์พูดประโยคสุดท้ายเท่านั้น.. เขาน่าจะลงมาเร็วๆ จะได้รู้เสียทีว่าภายในสายลมปกปิดอะไรเขากันแน... ชายหนุ่มเดินลงมาจากด้านบนด้วยความราบเรียบ .. เพราะจากการสังเกตพฤติกรรมคนรอบข้าง คงไม่มีใครกล้าเอ่ยปากบอกความจริงกับเขาหรอก.. แล้วมันมีอะไรปิดบังอยู่งั้นเหรอ ..ความลับอะไรกันแน่ที่เขาพลาดไปในระหว่างที่เป็นเจ้าชายนิทรา ...

“ เอาพี่กาณฑ์..ลงมาแล้วเหรอ..” กฤษฏิ์เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงราบเรียบปกติ... ไม่ได้ระแวงเลยว่ากาณฑ์จะเดินลงมาได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้...


“ อืม..” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ แล้วเดินมานั่งลงใกล้ๆกับน้องชายคนเล็กของบ้าน...


“ จะรับอะไรไหมคะคุณกาณฑ์..” เลขาฯสาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยถาม...



“ ขอกาแฟล่ะกันฮะ..” ชายหนุ่มตอบไปน้ำเสียงราบเรียบ ..ฝ่ายหญิงสาวก็เดินกลับเข้าไปภายในครัวเพื่อจัดการในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ .. ความรักจะหยุดตรงคำว่าอะไรกันแน่..เจ็บปวด เสียใจ ทรมาน หรือจะเป็นสมหวัง ..

“ แล้วพี่วิชญ์ล่ะ ?”


“ ยังไม่ตื่นหรอกมั้งครับ...”



“ งั้นพี่ไปตามดีกว่า ..จะได้ลงมาทานข้าวเช้าด้วยกัน..” กาณฑ์ตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่กฤษฏิ์ก็ไวกว่ารีบบอกเสียงใส ขืนกาณฑ์ขึ้นไปตามก็รู้กันพอดีว่าวิชญ์ภาสนอนอยู่ห้องเดียวกับกรณ์..


“ พี่กาณฑ์นั่งลงดีกว่า เพิ่งหายป่วย..กฤษฏิ์กำลังจะขึ้นไปข้างบนพอดีเดี๋ยวกฤษฏิ์ตามให้ดีกว่านะ..” ร่างบางปรี่มาจับแขนพี่ชาย แล้วกดให้กาณฑ์นั่งลงกลับทีก่อนจะขันอาสาขึ้นไปตามวิชญ์ภาสให้เอง ...


“ ก็ได้..” กาณฑ์พยักหน้าเบาๆ.. และเป็นจังหวะเดียวกับที่สุรีย์เดินถือกาแฟมาส่งให้เขา ..เจ้าร่างบางน้องน้อยรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนก่อนที่กาณฑ์จะเปลี่ยนใจ..มือเรียวตั้งวงเคาะลงบนบานประตูห้องพี่ชาย ..ที่กลายเป็นห้องของอีกคนในตอนนี้


ก๊อกๆ...


เสียงประตูที่ดังขึ้น ปลุกให้คนเหนื่อยล้าตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย..วิชญ์ภาสลุกจากที่นอนไปยังประตูห้องด้วยความรู้สึกมึน..ๆ เมื่อคืนเอาแต่ห่วงกรณ์ เลยทำให้นอนดึกไปสักหน่อย ..วันนี้เป็นวันแรกที่วิลญ์ภาสค่อนข้างจะตื่นสาย..

“ ครับ..มีอะไรหรือเปล่า..”


“ อ๋อ..เอ่อพี่เป็นไงบ้างทำไมตื่นสายล่ะ.พี่กาณฑ์ถามหากฤษฏิ์เลยมาตามให้..” น้องชายคนเล็กของบ้านเอ่ยปากถามอีกคนที่ยืนงงๆ.. วิชญ์ภาสเหมือนจะจับอาการบางอย่างบนสีหน้าของกฤษฏิ์ได้..ดวงตาคู่กลมเหลือบมองไปรอบห้องหนึ่งครั้งก่อนจะหันมาถามกฤษฏิ์ด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง ..


“ คุณกรณ์ล่ะครับ..”


“ เอ่อ..” กฤษฏิ์เริ่มหน้าถอดสี..เพราะเหมือนสิ่งที่เขาพูดออกไปอีกฝ่ายจะไม่สนใจเลยสักนิด.. หากวิชญ์ภาสรู้ว่ากรณ์ไปแล้ว จะเป็นยังไง..


“ อะไรครับ..คุณกรณ์ล่ะ..” วิชญ์ภาสดูจะร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด แววที่เคยงัวเงียเมื่อนาทีก่อนแปรเป็นกระจ่างและหมายจะรู้ความจริงจากปากของคนร่างบาง


“ พี่กรณ์ไปทำงานแล้ว..”



“ ทำงาน..นี่มันก็ก็ยังเช้าอยู่นะ..ปกติคุณกรณ์ออกจากบ้านตอนแปดโมง ..นี่คุณกรณ์ไปไหนกันแน่..” วิชญ์ภาสจับสังเกตจากการตอบของอีกฝ่าย ..ตอนนี้ท่ากะไม่ผิดก็คงจะเจ็ดโมงกว่าๆเท่านั้นเอง...



“ คือ...พี่กรณ์..เอ่อ...พี่ลงไปข้างล่างดีกว่าไหม..”


“ ..บอกน้องกาณฑ์ด้วยนะครับว่าผมไม่ว่าง...”


“ แล้วพี่ทำอะไรเหรอ..” กฤษฏิ์เอ่ยถามอย่างหวั่นๆ... เพราะเริ่มรับรู้แล้วล่ะว่าอีกคนนั้นเป็นเช่นไร ..วิชญ์ภาสยอมโอนยอมอ่อน หากกรณ์ยอมอยู่ในกติกาและคำขอร้อง แต่เวลานี้กรณ์กำลังเล่นเล่ห์หลีกหนีเขาไป ..

“ ผมจะไปหาคุณกรณ์แล้วถามความจริงเอง..” วิชญ์ภาสบอกเสียงหนักแน่น จนทำให้กฤษฏิ์ชักหวั่น เพราะหากเป็นเช่นนั้น กาณฑ์ก็จะรู้ความจริง ...


“ พี่ใจเย็นก่อนดีกว่าไหม..”


“ ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่า..ผมไม่ชอบนอนคนเดียว ..ถ้าวันนี้คุณกรณ์ไม่กลับมานอนที่บ้าน ผมจะตามไปที่ทำงาน..” วิชญ์ภาสบอกเสียงดังฉะฉาน


..เขาไม่ยอมให้เกมเป็นไปในรูปนี้หรอก.. เขาไม่ยอมเสียกรณ์ไปเด็ดขาด...ทำไมอีกฝ่ายต้องหนี ต้องปิดโอกาส..กรณ์จะรู้บ้างไหมว่ามันทำให้วิชญ์ภาสเจ็บมากแค่ไหน


“ คือ..ใจเย็นหน่อยนะพี่วิชญ์...คือ กฤษฏิ์ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี..แต่ถ้าพี่ตามไปที่บริษัทจริงๆ พี่กรณ์ต้องโกรธมากแน่ๆ ..เผลออาจจะไม่กลับมาที่บ้านอีกเลยก็ได้นะ..อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากเลย...”



“ ผมยอมให้มันเป็นเรื่อง...ผมยอมรับว่าผมเห็นแก่ตัว แต่ครั้งนี้ผมมั่นใจที่สุดแล้วว่ามันจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ..แม้น้องกาณฑ์ต้องเจ็บ แต่ผมจะพยายามทำให้เขาลืมผม จะทำให้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่ทำไมคุณกรณ์ต้องทำอย่างนี้ด้วยล่ะ..” คนหนักแน่นเริ่มเรรวนจนเสียงสั่น... มันเจ็บปวดจริงๆ... เพราะการเจ็บมันซ่านไปถึงใจหาใช่เพียงร่างกาย วิชญ์ภาสเลยทรมานมากมายอย่างนี้..



“ ...คือ..กฤษฏิ์ว่าพี่โทรฯไปหาพี่กรณ์ดีกว่า อย่าไปที่บริษัทเลยนะ...เลือกโทรฯไปก่อนคงจะดีเดี๋ยวกฤษฏิ์จดเบอร์ให้..” กฤษฏิ์ยื่นข้อเสนอสุดท้ายที่ดูดีที่สุดในเวลานี้..เขาไม่อยากให้ใครต้องเจ็บ ..เขาไม่อยากให้ใครต้องทรมาน แต่เรื่องจริงกับความต้องการมันต่างกันสิ้นดี..เมื่อคนเราไม่สามารถเลือกทางเดิน ..เมื่อคนเรายังต้องกังวลถึงสิ่งรอบข้าง เพราะเราไม่ใช่เอกภพหนึ่งเดียวของโลก.. แต่ยังมีอีกหลายร้อยหลายพันกาแลคซี่ในจักรวาลแห่งนี้...


“ ก็ได้ผมจะเชื่อคุณสักครั้ง..” วิชญ์ภาสพยักหน้าก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำใจให้เย็นลง..กฤษฏิ์เดินตามเข้ามาแล้วจดเบอร์โทรศัพท์ของกรณ์ส่งให้อีกคน ...หลังจากนั้นคนตัวเพรียวก็เดินออกจากห้องปล่อยให้วิชญ์ภาสได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง...


...
...
...


.. กรณ์เหลือบมองโทรศัพท์ดังขึ้น... เมื่อพบว่าเป็นเบอร์โทรฯที่บ้านเลยกดรับอย่างไม่คิดอะไร ..เขาไม่นึกมาก่อนว่าวิชญ์ภาสจะได้เบอร์มาเลยไม่ทันระวัง...


“ มีอะไรเหรอ..”


“ คุณกรณ์..” เสียงแผ่วที่ลอดดังเข้ามา ทำให้แรงที่จะถือโทรศัพท์แทบจะหล่นหายไป.. แต่กรณ์ก็แข็งใจถือต่อเพื่อฟังอีกฝ่าย


“ มีอะไรฉันต้องทำงาน...”


“ ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าผมไม่ชอบนอนคนเดียว ..ถ้าวันนี้คุณไม่กลับมาที่บ้าน...ผมจะทำให้คุณต้องเสียใจซ้ำสอง..” จากความแผ่วบางกลับกลายเป็นเย็นราบ จนยะเยือกเข้าไปถึงใจคนฟัง...เมื่อกรณ์ไม่ทำตามที่วิชญ์ภาสขอ ..วิชญ์ภาสเลยเลือกจะขู่อีกฝ่าย...แต่ใจจริงก็ทำได้แค่ขู่หากกรณ์ไม่ทำตามเสียอย่างวิชญ์ภาสจะทำอะไรได้..


“ พูดพล่ามอะไร..”


“ ถ้าวันนี้คุณไม่กลับบ้านผมจะไปนอนกับคุณกฤษฏิ์...แล้วจะเรียกให้น้องกาณฑ์มาเห็น..”


“ ไอ้...” กรณ์ถึงกับตัวชาในสิ่งที่อีกคนพูด...


“ ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณกฤษฏิ์..แต่ในเมื่อผมบอกคุณดีๆคุณไม่เคยคิดจะฟัง ไม่เคยคิดจะสนใจ ผมก็ต้องทำ..แค่ผมขอเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน แค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อวันแต่คุณกลับเลือกจะหนีไป..ผมไม่ยอมเด็ดขาด...”


“ ...” กรณ์สั่นแทบจะตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง มือบางขว้างโทรศัพท์ในมือออกให้พ้นตัวจนชนกับผนังห้องและแหลกไม่มีชิ้นดี... จากความโกรธ จากความแข็งกระด้าง ก็ปรากฏน้ำตาออกมาอย่างมากมาย ..กรณ์เกลียดความอ่อนแอ เกลียดความไม่มั่นคงของอารมณ์


เขาควรทำอย่างไร ...ในเมื่อส่วนหนึ่งของใจก็ไม่อยากจะวิ่งหนีอ้อมกอดของอีกคน

แต่ในฐานะของคนเป็นพี่ กรณ์ก็ทำร้ายคนเป็นน้องไม่ได้จริงๆ...

เขาใช้เวลาทำอารมณ์อยู่นานกว่าชั่วโมงก่อนจะกดโทรศัพท์ตั้งโต๊ะไปยังใครบางคน ....

“ อาหมอเหรอ...วันนี้ว่างหรือเปล่ากรณ์มีเรื่องจะพูดด้วย..” กรณ์เลือกต่อสายถึงใครคนนั้น ..บางทีหากกรณ์ใกล้ชิดกับหมอพิสิษฐ์อาจทำให้ปัญหาต่างๆลดลงก็ได้..กรณ์ต้องแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าใจเขาไม่ได้มีวิชญ์ภาสอยู่เลย ...แต่นั่นมันก็เป็นเพียงภาพลวงตาจะหลอกได้นานสักแค่ไหน ..


“ งั้นเย็นนี้อาหมอมารับกรณ์ที่ทำงานได้ไหม..” ..กรณ์เอ่ยขอเสียงอ่อน...

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
ขอบคุนจ้าๆๆ  เหอๆๆๆๆๆๆ วิชญ์ภาสสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ   :o8:  มารอตอนต่อไปจ้าๆๆๆ o13

ออฟไลน์ nutjung19

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
แอบมั่นไส้ คุณกรณ์ จะผิดม้ายยย  o18








ปล.เรื่องอื่นของมีร์ก็ชอบค่ะ สรุป ชอบทุกเรื่อง  :-[

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

B4U_BoA

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดด


คิดถึงเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


รออ่านๆต่อออออ

อยากอ่านเรื่องอื่นด้วยง่ะ แงงง

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :m15: ฟื้นมาทำไม  :m15:

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 :z2:  มารอจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
มาแล้วคร๊าบบบ จะพยายามลงหลายๆตอนนะ



ตอน 13


ด้วยเพราะช่วงนี้กาณฑ์เพิ่งหายป่วย...กรณ์เลยมอบหมายหน้าที่ดูแลชายหนุ่มให้กับหญิงสาว..เธอได้รับอนุญาตให้เข้างานที่บริษัทตอนสายของวัน..ช่วงเช้าๆอย่างนี้เลยชวนกาณฑ์ออกมาเดินเล่นที่สนามเพื่อทำกายภาพบำบัด..ร่างกายที่ไม่ได้เคลื่อนไหวนานๆ ..ย่อมขาดเลือด และการหล่อเลี้ยงที่ดี... ยิ่งเมื่อวานกาณฑ์ทำอะไรตั้งหลายอย่างเลยทำให้ร่างกายค่อนข้างปรับตัวยาก..เวลานี้หญิงสาวเลยค่อยๆพาเขามาเดินตรงทางเดินที่มีราวเล็กค้ำพยุง..ด้านล่างโปรยหินกรวดมนไว้เป็นระยะ..เพื่อบำบัด และกระตุ้นเส้นประสาทตรงฝ่าเท้า


“ เป็นยังไงบ้างคะคุณกาณฑ์ เหนื่อยเหรอคะ..”


“ เปล่าหรอก...แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง.. แค่สงสัยว่าระหว่างที่กาณฑ์หลับไปสองเดือนมันเกิดอะไรกับสายลมหรือเปล่า ทำไมกาณฑ์ถึงรู้สึกเหมือนรอบตัวมีแต่การปิดบังก็ไม่รู้..” กาณฑ์เลือกจะปริปากในบางประโยคที่ทำให้สุรีย์ถึงกับชะงัก..เจ้าหล่อนกำลังตัดสินใจ ..กำลังเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เธอควรทำใช่ไหม ..เพื่อความสุขของทุกคน..


“ ดิฉันว่าเราเดินทางโน้นดีกว่าไหมคะ ..น้าชิดเพิ่งจัดสวนใหม่สวยทีเดียว..” ร่างบางผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยชวน ..แล้วเดินเข้ามาพยุงอีกคนออกจากรางทางเดินที่สร้างขึ้น.. และในจังหวะที่กำลังพยุงกาณฑ์พ้นจากทางลาดหินกรวดมน.. สุรีย์ก็เลือกจะทำในบางสิ่งที่สมควร..เธอแสร้งสะดุดขาตัวเองจนเสียหลัก..และล้มลงที่พื้นโดยมือที่คล้องพยุงแขนอีกฝ่ายได้ดึงร่างกาณฑ์ตกลงมาด้วย...


“ โอ๊ย..” สองเสียงร้องอย่างพร้อมพลัน.. แต่คนที่เจ็บกว่าน่าจะเป็นสุรีย์มากกว่า เจ้าหล่อนรับร่างอีกคนที่ล้มมาทับเต็มๆ..ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันแทบจะจับลมหายใจของอีกฝ่ายได้...


“ เป็นอะไรหรือเปล่าคุณกาณฑ์..” เสียงแผ่วหวานเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน และในนาทีนั้นก็ทำให้กาณฑ์ถึงกับตัวชา สะอึกไปด้วยบางสิ่งบางอย่างในความทรงจำ... โลกของเขาเหมือนถูกดึงหลุดจากความจริง เหมือนถูกบางสิ่งที่หายไปทบทวน...

“ เป็นอะไรไปคะ”


‘ เสียงนี้...ทำไมมันคุ้น..เสียงของใคร...เสียงนี้มันคุ้นมาก... แล้วทำไมมันนึกไม่ออกนะ... ทำไม..ทำไม..’ มือของคนป่วยยกขึ้นกุมศีรษะอย่างรวดเร็ว ร่างที่คร่อมทับพลิกลงไปนอนหงายตรงสนามหญ้าอย่างสับสน..


“ คุณกาณฑ์ๆ..เป็นอะไรไปคะ เป็นอะไรไป..” หญิงสาวได้สติรีบลุกขึ้นนั่งและจับร่างที่ดิ้นไปมา ..ไร้เสียงร้องใดๆออกจากปากของกาณฑ์ จะมีก็เพียงอาการกุมขมับดิ้นไปมาอย่างทรมาน...


“ คุณกาณฑ์ๆ..” หญิงสาวคว้าร่างที่สั่นเทิ้มเข้ามากอดไว้ด้วยความห่วงใย... และไม่กี่วินาทีต่อมาร่างที่สั่นไปมาก็หยุดลง และสลบในอ้อมอกของคนที่บางกว่า ...


“ น้าชิดๆ...” หญิงสาวส่งเสียงเรียกคนสวนประจำคฤหาสน์ที่อยู่ในบริเวณนั้น เพื่อช่วยพากาณฑ์กลับขึ้นตึกใหญ่.. กฤษฏิ์ที่กำลังอ่านหนังสือชั้นล่าง โดยมีคนหน้าหล่อที่หงุดหงิดมาตั้งแต่ตื่นรีบเดินตามขึ้นไปดูอาการของคนป่วยโดยไว...

หลังจากนั้นไม่นานหมอพิสิษฐ์ที่ถูกโทรฯตามก็มาถึงยังบ้านหลังงาม..


“ อาการก็ไม่มีอะไรมาก..ช่วงนี้เพิ่งหายป่วยเลยอาจมีภาวะแทรกซ้อนเข้ามาบ้าง..ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก แค่ให้ทานอาหารให้ตรงเวลา ..แล้วอย่าเคลื่อนไหวมาก ..ก็น่าจะพอแล้ว...” หลังตรวจคลื่นหัวใจ ..และฉีดยาบำรุงให้กับคนป่วยหมอหนุ่มก็ลุกขึ้นจากเตียง


“ ขอบคุณครับอาหมอ...วันนี้วันเสาร์มีงานหรือเปล่า กฤษฏิ์จะชวนไปดูหนัง อยู่บ้านเบื่อๆไม่มีอะไรทำ..” หลังจากอาการของพี่ชายอยู่ในระดับที่วางใจได้ กฤษฏิ์ก็เอ่ยปากชวนคนสูงกว่าอย่างเซ็งๆ..จะชวนวิชญ์ภาสก็เกรงจะเป็นเรื่องใหญ่อีก ไหนจะพี่กาณฑ์ หรือจะเป็นพี่ใหญ่.. สุรีย์นั้นไม่ต้องพูดถึงยังไงก็ต้องอยู่ดูแลพี่ชายคนกลาง ..กฤษฏิ์เลยออกปากชวนอีกคนที่ดูจะเหมาะสมที่สุดแล้ว...

“ ได้ครับ แต่ช่วงเย็นผมต้องไปรับคุณกรณ์นะ..” หมอพิสิษฐ์พยักหน้ารับ แล้วบอกถึงกำหนดการในตอนเย็นของเขา ..ซึ่งสิ่งที่หมอหนุ่มบอกก็เหมือนจะประกาศให้คนร่วมห้องคนอื่นรู้อีกด้วย .. วิชญ์ภาสถึงกับหน้าเสียเดินกระทืบเท้าออกจากห้องไปด้วยความโกรธ..เริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างในความสัมพันธ์..เสียงกระทืบที่แสนหนักดังขึ้นจนปลุกให้คนหลับใหลรู้สึกตัว... แต่เพราะอาการครึ่งๆกลางๆระหว่างสติกับอาการมึนงง เลยทำให้เขาเลือกจะนอนนิ่ง...


ด้านกฤษฏิ์เองก็หน้าเจื่อนลงไม่น้อย ..ตอนนี้กฤษฏิ์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับหมอพิสิษฐ์ไปมากมายเท่าไหร่หรอก..แค่รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย.. ที่กังวลแท้จริงคือเรื่องของพี่ชายคนโตมากกว่า ..มันจะอีรุงตุงนังมากเกินไปแล้ว...


“ อาหมอรู้ใช่ไหมว่าพี่วิชญ์โมโหอะไร” กฤษฏิ์เปรยถาม ..เพราะหมอพิสิษฐ์เองก็พอจะรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายทั้งสอง กับชายหนุ่มหน้าหล่อขวัญใจสาวๆคนนั้น


“ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิด..ผมแค่ไปรับคุณกรณ์ก็เท่านั้นเอง บางทีคุณกรณ์อาจจะมีธุระก็ได้..” คนร่างหนั่นในชุดเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเอ่ยตอบอย่างราบเรียบ .. พิสิษฐ์ไม่ได้หวังให้กรณ์รัก หรือสนใจในตัวเขา..แต่เขาเองก็อยากได้โอกาส อยากได้อยู่กับกรณ์บ้าง...


“ แต่พี่วิชญ์ไม่คิดอย่างนั้น..จะให้เขาคิดยังไงที่คนของเขาเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้าน แล้วพอตกเย็นก็ให้คนอื่นไปรับอย่างนี้...” เด็กวัยสิบแปดเริ่มขึงขัง รู้สึกไม่พอใจการกระทำของคนตรงหน้าไม่น้อย ..แต่กฤษฏิ์หารู้เลยว่าคำที่เขาเอ่ยออกมันดันเข้าไปกระทบโสตประสาทของใครบางคนที่นอนอยู่


‘คนของพี่วิชญ์...’


“ ผมไม่รู้ว่าคุณกฤษฏิ์พูดอะไร..นี่ก็สายมากแล้ว เราจะไปกันหรือยังครับ ผมไม่อยากไปรับคุณกรณ์สาย..”



“ กฤษฏิ์เกลียดอา..คนเห็นแก่ตัว..” ร่างบางยกมือขึ้นผลักอีกฝ่ายเต็มแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนที่ร่างบางซึ่งแบกรับเรื่องราวต่างมากมายจะวิ่งออกไปด้วยความสับสน ... เขาเป็นแค่เด็กอายุสิบแปด เป็นแค่น้องคนเล็กที่อยากจะเห็นทุกคนมีความสุข แต่เหมือนจะไม่มีใครให้ความร่วมมือเลยสักคน ..


“ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะคุณหมอ..” หญิงสาวที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรก ลงจากเตียงมาพยุงอีกคนให้ลุกขึ้น ..



“ ผมขอตัว..” พิสิษฐ์ก้มหน้าลาแล้วเดินออกจากบ้านสายลมด้วยความงุนงง.. และสับสน ..เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนมันเจ็บในส่วนลึกๆยามโดนอีกคนพูดว่าเกลียด ยิ่งเห็นใบหน้าที่คล้ายกับคลอน้ำตายิ่งทำให้พิสิษฐ์รู้สึกเจ็บไปมากกว่าเดิม...

“ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เรื่องราวร้ายๆอย่างนี้จะยุติสักที..” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในเหตุการณ์หันกลับมาดูอีกคนที่นอนอยู่ พร้อมทั้งเปรยในบางสิ่งที่ทำให้กาณฑ์อยากค้นหาคำตอบ ..สายลมที่แสนร่มรื่นกำลังเกิดอะไรกันแน่ เหตุใดทุกคนถึงเหมือนไม่มีความสุข..เหตุใดทุกคนเหมือนกำลังแบกรับบางสิ่งบางอย่างที่สร้างความทรมานแก่ร่างกาย ..



เมื่อถึงเวลานัด..หมอหนุ่มก็ขับรถมารับอีกคนอย่างตรงเวลา ..


ในตอนนี้พิสิษฐ์ขอเลือกจะลืมทุกความสับสน ขอเลือกจะเห็นแก่ตัวบ้าง..การที่เขาได้อยู่ใกล้ๆอีกคน การที่ได้เห็นหน้ากรณ์ใกล้ๆ ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง แม้จะรู้ว่าโอกาสของเขาแทบไม่มี...


“ ขอบคุณนะครับที่มาทานอาหารเป็นเพื่อน...”

“ พูดอะไรอย่างนั้นคุณกรณ์... ผมเสียอีกที่ต้องขอบคุณ..” คนร่างสูงยิ้มกว้าง ส่งสายตาจริงใจมากยังกรณ์ที่กำลังคิดอะไรวุ่นวาย ...รอยยิ้มตรงหน้าอาจละลายใจสาวๆหรือใครหลายคน ..สายตาจริงใจที่ส่งมาอาจทำให้ใครคนอื่นใจอ่อน แต่กับกรณ์มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย... ภาพของใครคนนั้นเลื่อนเข้ามาซ่อนอยู่แทบจะทุกวินาที..ยิ่งกรณ์หนีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเจอมากขึ้นเท่านั้น ...


“ นี่ก็ดึกมากแล้ว...กรณ์ว่าเรากลับกันดีกว่าไหม..”

“ ก็ได้ครับ..” คนที่กำลังมีความสุขถึงกับหน้าถอดสี..เพราะดูออกได้ง่ายดายว่ากรณ์กำลังมีเรื่องกลุ้มใจอยู่ ไม่ว่าเขาจะชวนคุยหรือ หมอหนุ่มขับรถมาส่งกรณ์ที่สายลมด้วยความรู้สึกเศร้า..


“ จะเป็นอะไรไหม ..ถ้ากรณ์จะขอให้มารับกรณ์พรุ่งนี้อีก..” กรณ์เอ่ยขึ้นก่อนจะก้าวลงจากรถ..ยังไงเขาก็ควรประกาศให้วิชญ์ภาสได้รู้สักที ว่าเขาไม่มีทางทำร้ายน้องชายเด็ดขาด...


“ ได้ครับๆ...” คนขับรีบรับอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่ากรณ์จะเปลี่ยนใจงั้นแหละ... จากนั้นกรณ์ก็เดินลงจากรถอีกฝ่ายพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่... ในที่สุดเขาก็กลับมานอนที่บ้านจนได้.. เขากลัวจริงๆ กลัวว่าวิชญ์ภาสจะทำอย่างที่พูด.. แม้จะหนี แต่เขาก็กลับไม่กล้าหนีจนสุดโลก.. บ่วงพันธะที่ผูกมัดเขาไว้มันแข็งแรงเกินกว่าจะหลีกลี้..


กรณ์เดินขึ้นมาตามบันไดที่ทอดยาว...


และมาหยุดอยู่ตรงห้องนอนของเขาและใครคนนั้น... นานหลายนาทีกว่าที่กรณ์จะกล้าเปิดประตูเดินเข้าไป... ภาพที่เห็นคือห้องนอนที่ว่างเปล่า ไร้เงาของใครคนนั้น.. ในใจของกรณ์นึกถึงคำขู่ที่วิชญ์ภาสลั่นไว้เมื่อตอนเช้าเลยทำให้นึกโกรธเดินหุนหันออกจากห้อง และมุ่งหน้าไปหาน้องชายคนเล็กทันที...



ก๊อกๆ ... มือเรียวระดมเคาะห้องของกฤษฏิ์เป็นระวิง..ในใจก็นึกโกรธเจ้าคนหน้าหล่อที่ตามรังควาญและกล้าทำในสิ่งที่พูดจริงๆ...


“ ครับๆ..ใครนี่..” เสียงที่ลอดมาจากภายในดูจะกระหืดกระหอบไม่น้อย ..ก็คนหน้าประตูเล่นเคาะราวกับไฟไหม้ขนาดนี้ จะไม่รีบก็ใจเย็นเกินไปหน่อยแล้วล่ะ....

“ มีอะไรเหรอพี่..”


“ มันอยู่ไหน...” เสียงที่กัดฟันลอดเย็นทำให้กฤษฏิ์นึกกลัวพี่ชายร่างบางของตนเสียยิ่งกว่าอะไร ..ร่างนั้นผลักกฤษฏิ์ออกแล้วเดินก้าวเข้าไปภายในห้องนอนชายที่กำลังยืนงงอยู่.. แต่กรณ์ก็กลับไม่พบตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาร้อนใจขนาดนี้...


“ พี่วิชญ์ไม่ได้อยู่นี่สักหน่อย เห็นตอนทานข้าวเย็นบอกว่าจะรอพี่..อยู่ในสวนมั้ง..” กฤษฏิ์บอกเสียงราบพยายามไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เพราะรู้ดีว่ากรณ์ตอนนี้คงรู้สึกเก้อไม่น้อย ..อาการโกรธที่แสดงรุนแรงจนแทบสลบเมื่อรู้ว่าเข้าใจผิด..ร่างบางมองหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะกระทืบเท้าตึงตังลงไปชั้นล่างของบ้าน..


“ หึงนี่หว่า..” กฤษฏิ์เปรยเบาๆกันตัวเอง แล้วรีบวิ่งไปยังระเบียงตรงชานทางชั้นสองเพื่อลอบสังเกตคนในสวน... ตอนนี้พ่อคนหน้าหล่อที่ใครๆ มักละลายยามพบเห็นกำลังนั่งอยู่บนชิงช้าอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ..ถ้าพูดให้ถูกน่าจะเรียกว่านั่งหลับมากกว่า ..เพราะถ้ารู้ตัวคงรีบเดินเข้าไปหากรณ์ตั้งแต่มาถึงเมื่อหลายนาทีก่อนแล้วล่ะ...


ร่างเพรียวลมของเจ้าของบ้าน ..ประมุขสายลมเดินมาหยุดอยู่ตรงชิงช้าในสวนอย่างเหนื่อยใจ ..รู้สึกตลกตัวเองไม่น้อยที่สามารถโกรธเป็นพายุ และหายไปเป็นเพียงสายลมอ่อนในชั่วเสี้ยววินาที.. คนตรงหน้าดูจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว...

“ นี่..” กรณ์หยุดยืนแล้วเรียกอีกคนที่กำลังนั่งหลับเอนหลังกับชิงช้าตัวใหญ่...

“ อื้อ..” วิชญ์ภาสพยักหน้ารับเสียงงัวเงีย ..เพราะเสียงที่ปลุกเรียกมันไม่ใช่เบาๆ ..ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด มันคือโทนเสียงที่แสนคุ้นเคย โทนเสียงที่ทำให้เขาร้อนรุ่มราวกับไฟผลาญ และแปรเปลี่ยนเป็นลำธารที่เย็นชื่น ในชั่ววินาทีไม่แตกต่าง


“ ตื่นแล้วก็ดี...” กรณ์บอกเสียงราบแล้วหมุนตัวหมายจะกลับเข้าไปข้างใน ..แต่เขาก็ช้ากว่าอีกฝ่าย..เมื่อวิชญ์ภาสได้รู้ว่าคนที่มาปลุกคือคนที่ทำให้เขานั่งหงุดหงิด งุ่นง่านมาตลอดวัน..สติที่พร่าไปกลับมาครบบูรณ์อีกครั้งแล้วรีบรวบร่างอีกคนที่กำลังจะเดินออกไปด้วยความห่วงหา..หากเลือกได้เขาอยากจะให้ทุกอย่างหยุดลงเพียงเท่านี้ ..ไม่ต้องมีวินาที หรือเข็มนาฬิกา ไม่ต้องมีการเคลื่อนไหว มีเพียงหัวใจที่เต้นดังแทบกัน..กรณ์คงสัมผัสได้ว่าตอนนี้ใจของเขากำลังเต้นแรงแค่ไหน

..กล้ามเนื้อตรงอกหนั่นกำลังแนบชิดกับแผ่นหลังที่นุ่มเนียน...


“ ผมนึกว่าต้องนอนคนเดียวเสียแล้ว..” คำที่กระซิบแผ่วเหมือนจะปล่อยให้ผ่าน ... แต่กลับซ่านลึกเข้าไปถึงใจคนฟัง ... แต่ก็นั่นแหละ กรณ์ไม่มีทางอ่อนลงในขณะที่กาณฑ์ยังถูกความจริงหลอกลวงอยู่อย่างนี้หรอก..


“ ฉันไม่อยากให้น้องต้องตกนรกก็เท่านั้น..” คำเย็นชาแสนแข็ง แต่กลับสั่นไหวกว่าสิ่งใดๆที่เคยเอ่ยมา กรณ์พยายามแล้ว พยายามจะฝืนใจ พยายามจะทำให้ตนได้เข้มแข็ง แต่เขาก็หลุดแสดงความอ่อนแอผ่านกระแสสั่นที่ออกมาอยู่ดี...

“ คุณรู้ไหม..ว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเสียใจมากที่ได้ยินประโยคนี้จากปากคุณ ..แต่วันนี้มันกลับทำให้ผมดีใจ ...”


“ ดีใจ..” กรณ์เริ่มตัวชา...หรืออีกฝ่ายจะปล่อยมือจากเขาไป และทำตามอย่างที่กรณ์ขอไว้จริงๆ... ทำไมเวลานี้เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง ..ทำไมเวลานี้เขากลับรู้สึกไม่อยากให้วิชญ์ภาสไปดูแลกาณฑ์ล่ะ.. ทำไม ..ทำไมความรู้สึกนี่ถึงเกิดขึ้นมา ..เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ..ไม่เข้าใจ .. ทำไมเขาถึงเป็นคนเป็นแบบนี้..


“ คุณโกหกไม่เก่งเลยนะ..” วิชญ์ภาสปรายยิ้มเล็กน้อย แล้วปล่อยมือกรณ์ออก..ก่อนที่จะตวัดร่างที่ยืนนิ่งให้ลอยขึ้นมาอยู่ในอ้อมอก...จากนั้นก็เดินอุ้มกรณ์เข้าไปภายในบ้าน โดยที่อีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาใดๆขัดขืน .. จนมาถึงหน้าห้องนอน..วิชญ์ภาสก็ปล่อยอีกคนลงยืนแล้วเอื้อมบิดประตูเข้าไป...

ร่างกรณ์เดินก้าวเข้าไปก่อน. ..โดยมีวิชญ์ภาสตามหลังเข้าไป..

“ พี่วิชญ์..” กาณฑ์เรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ.. ในจังหวะที่เขาเดินออกมาจากห้องตัวเอง เพื่อลงไปหาน้ำดื่มที่ชั้นล่าง ก็กลับเห็นคนที่เขารักเดินเข้าไปในห้องของพี่ชาย ..หากเขามาเร็วกว่านี้สักหน่อยคงทันได้เห็นร่างของพี่ชายที่ถูกอีกฝ่ายโอบอุ้มแน่นอน...

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 14

ร่างของกรณ์ถูกอุ้มขึ้นอีกครั้งก่อนที่คนตัวสูงจะพาเขาเดินก้าวเข้าไปภายในห้องน้ำ ..


“ จะทำอะไร..”


“ คุณกลับมาเหนื่อย ๆ น่าจะอาบน้ำหน่อย..” วิชญ์ภาสบอกเสียงบาง ..ไม่พูดถึงสิ่งที่ผ่านมาในหนึ่งวันที่ผ่านเลยสักนิด..เขาเอื้อมมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่คนตรงหน้าใส่ แต่กรณ์ก็ตะปบมือนั้นไว้อย่างรวดเร็ว


“ อาบเองได้..”



“...” วิชญ์ภาสยิ้มให้ แล้วดึงมือกรณ์ออกก่อนจะปลดกระดุมกรณ์ต่อโดยไม่สนใจคำทัดทาน ..เจ้าของร่างจึงต้องยืนนิ่งด้วยความเซ็ง เพราะรู้ดีว่าห้ามยังไงวิชญ์ภาสก็ไม่ยอมฟังเขาหรอก .. กรณ์เลยต้องปล่อยให้อีกคนทำอย่างที่ใจต้องการ ... เพียงครู่ร่างของเขาก็เปลือยเปล่าไร้สิ่งใดๆปกปิด..กรณ์ก้าวเข้าไปนั่งแช่ในอ่างน้ำที่เปิดน้ำไว้ตั้งแต่แรกด้วยความงุนงง ..เพราะวิชญ์ภาสดูจะไม่โกรธหรือแสดงท่าทีใดๆ อันบอกความไม่พอใจออกมาเลย ..


“ ..” เพียงไม่กี่วินาทีถัดมา อีกร่างก็ถอดเสื้อผ้าแล้วลงแช่น้ำกับกรณ์อย่างราบเรียบ... ดวงตาเรียวรีเหลือบจ้องคนตรงข้ามอย่างไม่เข้าใจ ..สับสน งุนงง และกังวล...เขาควรทำยังไง เขาควรเดินไปทางไหน มันไร้ทางออกจริงๆ งั้นเหรอ ทำไมต้องอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้ด้วย...



“ ผมรักคุณ..” วิชญ์ภาสมองกลับไปในคนที่กำลังจ้องเขาอยู่..แล้วเอ่ยหนึ่งคำที่ทำให้กรณ์ถึงกับชะงัก.. ครั้งก่อนตอนได้ยินว่าชอบเขาก็ตื่นเต้นหนัก พอครั้งนี้ใจเลยสับสนมากกว่าเก่า เพราะเสียงที่บอกมามันจริงจัง จริงใจ เช่นทุกที..จะต่างก็ตรงความเศร้าที่ปรากฏ ..หากวิชญ์ภาสคุกเข่าขอ..กรณ์จะยอมให้เขาอยู่ข้างๆไหม..


“ เลิกพูดเถอะ..ถ้ารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริง” กรณ์กัดฟันพูดทำร้ายใจของอีกฝ่าย..



“ ในเมื่อผมรัก..มันก็หมายถึงผมจะรัก ไม่ว่าจะมีเหตุผลสักร้อยสักพันอย่างมันก็ไม่สามารถทำให้ผมเลิกรักได้... อีกอย่างผมมันก็เป็นคนเลว ไม่ได้ดีเหมือนคนอื่นๆ..ผมไม่ใจกว้างพอที่จะเสียสละเพื่อคนอื่นหรอกนะ..” วิชญ์ภาสบอกเสียงเย็นก่อนจะทะลึ่งกายขึ้นยืน แล้วเดินออกจากห้องน้ำไปทิ้งให้คนที่นั่งแช่ถึงกับสะอึก.. เขาทำร้ายวิชญ์ภาสมากเกินไปหรือเปล่า


เมื่อก่อนเขาโทษว่ากาณฑ์เจ็บเพราะวิชญ์ภาสร้าย...แต่เวลานี้เขากำลังเดินย้อนรอยเท้าที่วิชญ์ภาสย่ำไว้ก่อนหน้า..


เขากำลังสร้างบาดแผลครั้งใหม่ให้วิชญ์ภาสใช่ไหม...

แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างสุดจะห้าม ..ทรมาน จนเกินกว่าที่เขาจะปกปิดได้อีก..หวังว่าสายน้ำที่สาดลงมาจากฝักบัวจะกลบเกลื่อนน้ำตาที่ไหลประสาน จะสามารถทำให้เขาลืมความเจ็บปวด...


ร่างเปล่าเปลือยที่งดงามด้วยพราวน้ำ..ลุกขึ้นจากอ่างแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดวางมาพันกาย..ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยความหนักใจ


...ร่างสูงที่เดินออกมาก่อน..เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว..และกำลังนอนอยู่บนเตียงหลังเดิม..แต่วิชญ์ภาสก็เลือกจะหันหน้าไปอีกทางเพื่อไม่ให้มองกลับมาที่อีกคน...กรณ์จ้องมองด้วยความรู้สึกเจ็บปวด แล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง..มันทรมานนะกับสถานะที่ไม่อาจเลือก


..มันเจ็บปวดมากมายเกินกว่าเขาจะเก็บไว้เพียงลำพัง.. ทุกก้าวย่างเจ็บปวด.. แต่กรณ์ก็ต้องก้าว...ร่างเขาล้มลงบนเตียงใกล้ๆอีกคนที่หันหลังให้...



“ ถ้าฉันจะขออ่อนแอสักวัน..ฉันจะผิดหรือเปล่า..” กรณ์พูดเสียงสั่นกับร่างที่หันหลังให้ ..เลือกจะกระโจนลงในกองบาปของหัวใจสักครั้งหนึ่ง..เมื่อเขาขยับกายเข้าใกล้อีกคนจนไร้ช่องว่าง..กรณ์ซบหน้าที่เปียกน้ำตาลงบนแผ่นหลังอีกคนอย่างเจ็บปวด..



..วิชญ์ภาสชะงักกับการกระทำของอีกคนที่กำลังกอดเอวเขาอยู่ อีกทั้งใบหน้าชื้นน้ำตาก็กำลังซบอิง..เขาขยับจะหันไปมองแต่ก็โดนหนึ่งเสียงห้ามไว้เสียก่อน..


“ อย่าหันมา...อย่าหันมามอง..” กรณ์บอกเสียงสั่น รู้สึกเกลียดตัวเองจริงๆที่เป็นเช่นนี้ ทั้งที่บอกตัวเองให้เดินหน้าแต่สุดท้ายก็ไม่อาจเดินไปจนถึงปลายทาง


“ คุณเคยคิดไหมว่าการที่ปิดบังอย่างนี้มันมีแต่จะทำให้กาณฑ์เจ็บปวดมากกว่าเดิม..ถ้าผมจะบอกเขาว่าผมรักคุณ ..คุณคิดไหมว่ามันดีกว่าเขาจะมารู้ทีหลัง..” วิชญ์ภาสบอกไปในสิ่งที่เขาคิด..เขาไม่ชอบใจเลยที่เห็นกรณ์เจ็บปวดอย่างนี้ ..แต่เขาจะมีสิทธิ์อะไรในเมื่อกรณ์เองก็ไม่ได้เอ่ยปากขอร้อง ไม่ได้เอ่ยปากขอออกมา ..


“ อย่าพูด..อย่าพูดออกมาถ้าไม่อยากให้ฉันเกลียดมากกว่าเดิม...”



“ ...” วิชญ์ภาสรับรู้ถึงความเสียใจ ..เขาเองก็ไม่อยากให้กรณ์เป็นอย่างนี้เลย หากเขาทำให้กรณ์มั่นใจได้มากกว่านี้สักหน่อยก็คงดี... ร่างสูงพลิกกายไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วเกินกรณ์จะห้าม...


“ อย่าหนีได้ไหม..อย่าหนีเลย” คำขอร้อง คำสั่ง หรืออะไรกัน..


“ ..ฉันทำร้ายน้องไม่ได้..” หนึ่งคำที่บอกทำให้โลกของวิชญ์ภาสแทบทลายเมื่อจบคำ กรณ์ก็พลิกกายที่แสนล้าไปอีกทาง ปล่อยให้ช่องว่างระหว่างทั้งสองปรากฏ .. หากเป็นคนอื่นคงเลือกจะหยุด หรือเดินออกไป แต่สำหรับวิชญ์ภาสมันไม่ใช่ เขาเขยิบเข้าไปใกล้ แล้วดึงร่างแบบบางนั้นมาชิดตัว..กอดไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่มี...


“ นอนเถอะ..ผมไม่อยากเห็นคุณต้องเสียใจไปมากกว่านี้แล้ว...” คำกระซิบข้างหูที่แสนอ่อนโยน ..เหมือนจะเรียกน้ำตาให้ไหลออกมามากกว่าเก่า แต่ก็นั่นแหละ... เวลานี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาของสองหัวใจ คงต้องใช้ระยะทางอีกสักหน่อยกว่าที่ทุกอย่างจะลงตัว กว่าที่ทุกอย่างจะดีขึ้น ...

เช้าวันนี้ไม่ได้ต่างอะไรเช่นเมื่อวาน ..กรณ์ลุกออกจากห้องไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะไม่อยากตื่นมาเห็นวิชญ์ภาสที่ส่งสายตาละห้อยเฝ้ามอง ... ชีวิตของเขาขอเลือกไปข้างหน้า พอกันที..เมื่อวานเขาอ่อนแอมากจริงๆ มากจนเดินเลยเส้นที่ขวางกั้น ..


“ ไปไหนเหรอพี่..รีบออกแต่เช้าเลย..” น้องชายคนเล็กๆที่กำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่ตรงสนามหน้าบ้าน ..รีบวิ่งเข้ามาหยุดใกล้ๆ แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย..( แต่จริงๆ กฤษฏิ์ก็พอรู้อยู่แล้วล่ะว่ากรณ์กำลังหนีอะไร..แค่อยากเอ่ยถามเป็นพิธีก็เท่านั้น...)

“ ไม่มีอะไรหรอกไปธุระ..” กรณ์ตอบเพียงผ่านไปที


“ พี่กรณ์..”


“ หืม...” กรณ์เงยหน้ามองน้องชายที่ตัวสูงกว่าด้วยความสงสัย ..เพราะน้ำเสียงที่กฤษฏิ์กำลังใช้ในเวลานี้ดูจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่กับการกระทำของพี่ชาย ...


“ พี่คิดว่าจะปิดเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหน ... กฤษฏิ์เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ กับการที่ต้องตีหน้าซื่อหลอกพี่กาณฑ์ไปวันๆ ..ทำไมเราไม่มาช่วยคิดแล้วแก้ปัญหา ดีกว่าที่พี่จะหนีอย่างนี้...” กฤษฏิ์บอกเสียงอ่อน เริ่มเหนื่อยใจสิ่งที่เผชิญมันไม่ใช่ภัยร้ายจากนอกบ้าน แต่กลับกลายเป็นเพลิงโหมที่คนในครอบครัวก่อกันเอง

...
“ พี่ไม่เข้าใจว่ากฤษฏิ์จะพูดอะไร..” กรณ์แกล้งตีหน้างง แต่แท้จริงไม่อยากจะตอบคำถามของน้องชายมากกว่า กฤษฏิ์นั้นได้เชื้อฉลาดมาจากกรณ์ไม่น้อย ยามที่พี่ชายคิดหรือพูดอะไร กฤษกิ์จึงมักสังเกตและพบพิรุธหากในใจของกรณ์มีบางสิ่งบางอย่างที่หมายปิดบัง


“ พี่จะไม่ให้พี่กาณฑ์รู้จริงๆเหรอว่าพี่กับพี่วิชญ์เป็นอะไรกัน...” กฤษฏิ์ชั่งใจแต่ก็เอ่ยถามออกไปด้วยความหนักแน่น ..มันอาจดูร้าย หรือแย่ แต่ถ้าไม่ถามมันก็จะติดหนักในใจของกฤษฏิ์ไปตลอด..


.
“ พี่กับมันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย..” กรณืชะงัก...แต่ก็แสร้งทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ตอบน้องชายกลับไปด้วยความราบเรียบ ..แต่นั่นก็ทำให้ใครอีกคนที่เดินตามกรณ์มาถึงกับหน้าถอดสี...ที่ผ่านมาเขาไม่มีความสำคัญอะไรกับกรณืเลยใช่ไหม เขามันก็แค่คนชั่วๆคนหนึ่งที่กรณ์ต้องการแก้แค้นแทนกาณฑ์... ใช่ไหม..


“ คนที่แตะเนื้อต้องตัวกัน ..นอนด้วยกัน แล้วมีอะไรกัน เขาไม่เรียกว่าเป็นอะไรกันเหรอ...” กฤาฏิ์สบถออกมาด้วยอารมณ์ที่เกินจะห้าม กรณ์นั้นรั้นเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก รั้นจนน่าจับตีก้นหากเป็นเด็กๆ...


“ กฤษฏิ์...ใครสั่งใครสอนให้พูดจาอวดดีจองหองแบบนี้ออกมา” กรณ์ถึงกับตวาดอีกคนด้วยความโมโห ..แท้จริงเขากำลังกลัวมากกว่าโกรธ... ความกลัวเป็นพื้นฐานในใจมนุษย์ เป็นอารมณ์แรกที่ฝังอยู่ในสารพันธุกรรม และเวลานี้ความกลัวของกรณ์กำลังใช้ความแข็งกระด้างแสดงออกมา..ใช้มันเป็นเกราะเพื่อปกป้องเขาออกจากความกลัว และความอ่อนแอ


“ กฤษฏิ์ไม่ได้อวดดี ..แต่พี่ก็น่าจะรับฟังบ้างสิ..ถ้าไม่พูดความจริงออกมา ปัญหาจะแก้ได้เหรอ..”

“ พี่ก็กำลังแก้ปัญหาอยู่นี่ไง...” กรณ์ตอบกลับพลางถลึงตามองน้องชายอย่างไม่พอใจ


“ ด้วยการใช้อาหมอมาเป็นเครื่องมืองั้นเหรอ...” กฤษฏิ์ตอบกลับอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เหมือนจะมีรอยสั่นแว่วผ่านมาในคำพูด...


“ กฤษฏิ์...มันเรื่องส่วนตัวของพี่..”


“ พี่รู้ไหมว่าพี่กำลังผลักน้องของพี่ให้ตกนรกทั้งเป็น ... ไม่ใช่พี่กาณฑ์ที่จะเจ็บปวดกับสิ่งที่พี่กำลังทำ แต่กฤษฏิ์เองก็กำลังจะตกนรกเพราะมือของพี่เอง...” กฤษฏิ์สะบัดหน้าที่เริ่มเปื้อนน้ำตาแล้ววิ่งกลับไปเข้าในบ้านด้วยความเจ็บ.. ครั้งก่อนเขายอมเดินออกก็เพราะรู้ว่าวิชญ์ภาสรู้สึกเช่นไร แต่พอครั้งใหม่ที่ใจเริ่มโอนเอนให้กับคนที่ผูกพันมายาวนาน กรณ์ก็กลับเดินเข้ามาเกาะแขนพิสิษฐ์เพื่อดึงเป็นเครื่องมือ...


“ กฤษฏิ์..” กรณ์ร้องเสียงหลง หันมองตามร่างน้องชายไปแต่ก็กลับเจออีกหนึ่งสายตามองมาด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน


“ ผมเคยบอกคุณแล้วว่าผมเป็นคนเลวที่เห็นแก่ตัว ..อย่าทำให้ผมหมดความอดทน เพราะถ้าถึงเวลานั้นผมจะไม่เหลือความหวังที่หล่อเลี้ยงลมหายใจของน้องกาณฑ์อีกแม้แต่วินาทีเดียว...” วิชญ์ภาสบอกเสียงเย็น แล้วเดินหันกลับไปด้วยความเสียใจ .. เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างอะไรจากของไร้ค่าที่เจ้าของไม่ต้องการ ... เขาพยายาม เขาพยายามแทบทุกทางแต่ทำไมกรณ์ถึงไม่ยอมให้ความร่วมมือ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับกรณ์...



ใช่สิเขามันก็แค่คนเลวคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง...จะมีความหมายอะไร..คิดไปก็ได้แต่น้ำตาไหล.. เขาไม่เคยอ่อนแออย่างนี้มาก่อน ไม่เคยคิดเลยว่าความรักที่เขาเคยล้อเล่นมาตลอดกำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขา



กาณฑ์ที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองถึงกับชะงักเมื่อเห็นน้องชายคนเล็กกำลังวิ่งร้องไห้มาทางตน ..ชายหนุ่มเลยออกปากถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย


“ กฤษฏิ์เป็นอะไร ใครทำให้ร้องไห้..”




“ กฤษฏิ์ง่วงนอน..” น้องชายร่างบางเบี่ยงประเด็นแล้วเดินเลี่ยงจากพี่ชายไปทันที..ปล่อยให้กาณฑ์ยืนงงอยู่หลายวินาทีก่อนจะเดินต่ออย่างสงสัย แต่ร่างของเขามีอันต้องชะงักเป็นครั้งที่สองเมื่อเห็นคนที่เขารักกำลังเดินมาด้วยท่าทางเศร้าซึมที่สำคัญก็มีน้ำตาไหล ไม่แตกต่างอะไรจากน้องชายคนเล็ก...


“ พี่วิชญ์..พี่วิชญ์เป็นอะไรไป..” กาณฑ์เดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยถาม..


“ พี่ไม่เป็นอะไร..แค่ง่วงนอน..” วิชญ์ภาสเงยหน้าขึ้นสบตาอีกคนที่ยืนอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเลี่ยงประเด็นต่างๆที่สามารถกระทบใจของเขาในเวลานี้..แล้วจึงเดินกลับขึ้นห้องนอนไปทิ้งให้กาณฑ์ได้แต่ยืนมองด้วยความสงสัย

“ มันเกิดอะไรกับบ้านหลังนี้กันแน่...” กาณฑ์เดินต่อไปด้วยความสับสน ..แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นพี่ชายของตนที่กำลังยืนร้องไห้อยู่หน้าสนาม ...ชายหนุ่มหมายจะเดินเข้าไปทักแต่กรณ์ก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปเสียก่อน ...

เพียงเวลาหนึ่งนาทีแต่เขากลับเห็นคนสามคนที่เขารักกำลังร้องไห้...
เจ็บปวดอะไรกันเหรอ.. ทำไมเขาไม่มีสิทธิ์รู้เลยล่ะ...

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
ขอบคุนจ้าๆๆๆๆ กรณ์ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  แต่ก้อรักสู้ๆๆคุณกรณ์  o13   มารอตอนต่อไปปปปปปปปป :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






kom-kamol

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ทุกตัวละคร รวมคนแต่งด้วยนะครับ  o13

chatkub

  • บุคคลทั่วไป
มาต่ออีกไวๆนะครับ

ชอบๆๆต่อได้เยอะดี

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
เรื่องนี้สนุกจังเลยอ่ะ

เพิ่งได้เข้ามาอ่าน

ไม่รู้ว่าจะสงสารใครดีเนอะ

รู้สึกว่าตัวละครทุกตัวน่าสงสารหมดเลยอ่ะ

ทั้งวิชญ์ กรณ์ กฤษฏ์ กาณฑ์ คุณหมอ คุณสุรีย์

น่าสงสารทุกคนเลยเนอะ

ยังไงก็มาต่ออีกนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

nanao

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อไวมากมาย ^^


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :monkeysad: ใจร้าย เจ็บปวดด้วยกันทุกคน  :monkeysad:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
กรณ์นั้นแหละ มัวแต่กลัว

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
หุหุหุหุหุหุ :z2:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
kitty  เฮ้อ...เกิดเป็นคุณกรณ์มันลำบากจริงๆ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็เจ็บเนอะ มาช่วยกันให้กำลังใจดีกว่า

kom-kamol  ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ พี่จะบอกน้องมีร์ให้นะค่ะ

chatkub  จะรีบลงให้นะค่ะ

menano  สงสัยจะเศร้ากัน สงสารกันใหญ่เลย อีกไม่กี่ตอนก็หวานแล้ว

SomLove  มาต่อให้ไวแล้วไม่ชอบหรอเค้ามาต่อให้ช้าก็ได้นะ 555555

THIP  ต้องมีเจ็บบ้าง ปวดบ้างค่ะ หวานอย่างเดียวเลียนตายนะ

pongsj  "เพราะว่าใจกลัว กลัวความเจ็บช้ำ" เลิกกลัวเมื่อไหร่ก็.....555555


LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อกันเลยค่ะ

ตอน 15

วันนั้นหมอพิสิษฐ์มารับกรณ์ที่ทำงานอีกครั้ง.. และเป็นเช่นนี้แทบทุกวันจนครบสองสัปดาห์.. มันเป็นช่วงที่วิชญ์ภาสทรมานไม่น้อย เพราะกรณ์หลบหน้าเขาตลอดอีกฝ่ายยอมกลับมานอนที่ห้อง ยอมให้วิชญ์ภาสกอด ยอมให้หอม แต่ถามอะไรก็ตอบสั้นๆ ทำราวกับเป็นซากศพเดินได้...



แต่พออยู่ต่อหน้าหมอพิสิษฐ์ กรณ์ก็พูดจ้อ จนวิชญ์ภาสนึกน้อยใจ...แต่ใครจะมองออกล่ะว่านี่เป็นเพียงการฝืนใจ ... กรณ์กำลังพยายามอย่างยิ่งยวดให้วิชญ์ภาสได้รู้ ว่าเขาไม่ได้มีความสำคัญต่อใจกรณ์เลยสักนิด...



กฤษฏิ์ที่มองดูจากอีกฝากได้แต่สงสารพิสิษฐ์เงียบๆ.. แต่ในเมื่อเขาเตือนแล้วพิสิษฐ์ไม่ฟัง มันก็จนปัญญา...



ใครจะนึก ใครจะรู้ หรือใครจะฝัน ว่าวันสุดท้ายของความลับกำลังจะถึงกาลจบสิ้น ..



ในระยะสองสัปดาห์ที่ผ่าน ..วิชญ์ภาสคอยอยู่ดูแลกาณฑ์เป็นเพื่อนสุรีย์ที่ต้องรับหน้าที่ทั้งสองอย่าง ทั้งงานที่บริษัท กลับมาก็มาคุยเป็นเพื่อนจนทั้งสองเริ่มถูกคอกัน.. แต่กาณฑ์ก็ยังอยากให้วิชญ์ภาสได้รับรู้และอยู่ร่วมวงด้วยทุกครั้ง วันนี้ก็เช่นทุกทีแต่พิเศษหน่อยก็ตรงที่กฤษฏิ์ไม่ได้ออกไปไหน อยู่ร่วมวงด้วย.

..
ตั้งแต่วันที่พูดกับกรณ์ครั้งนั้น กฤษฏิ์ก็ดูซึมไปอย่างเห็นได้ชัด จนใครอีกคนที่กำลังสับสนในตัวเองต้องเป็นห่วง ..ถึงขนาดมารับกฤษฏิ์ออกไปทานข้าวด้วยกันเมื่อสามวันก่อน ...


‘เป็นอะไรไปหรือเปล่าทำไมหน้าตาดูเศร้า เห็นคุณสุรีย์บอกว่าไม่สบาย...เดี๋ยวเย็นนี้ผมมีนัดกับคุณกรณ์ เลยพาคุณกฤษฏิ์มาก่อน ...’


‘ กฤษฏิ์ก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ... อามีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมกฤษฏิ์จะได้กลับเสียที.. นัดพี่กรณ์ไว้ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะไปไม่ทันนะ’ กฤษฏิ์บอกขึ้นแล้วลุกเดินออกจากร้านอาหารไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนคนตัวสูงผิวเข้มถึงกับหน้าเสีย ..หมอพิสิษฐ์กำลังมีความสุขกับการได้อยู่ใกล้กับกรณ์ แต่เขาก็ตระหนักดีว่าความรู้สึกของกรณ์เพียงใช้เขากันวิชญ์ภาสออกไป ..ยิ่งใกล้กรณ์มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสังเกตเห็นใครอีกคนที่เคยสดใสร่าเริงดูไร้ชีวิตชีวามากขึ้นเท่านั้น ..


จนวันนี้เขาก็ถึงกับทนความอัดอั้นและเป็นห่วงเป็นใยในตัวกฤษฏิ์ไม่ไหว ต้องไปรับอีกคนมาทานข้าวด้วยกัน.. แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความว่างเปล่า ตลอดเวลาที่นั่งรถมาด้วยกัน กฤษฏิ์ก็พูดน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย มาถึงร้านไม่ถึงสองนาทีก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว .. มันทำให้หมอหนุ่มร้อนรุ่มราวไฟผลาญได้มากต่อมาก.. ร้ายกาจเสียจริงความรู้สึกเช่นนี้...


“ เตาพร้อมแล้วค่ะ..” แม่สาวร่างอวบ ..คนใช้ประจำบ้านหลังสายลมเดินเข้ามาบอก พร้อมน้าชิดที่ยกเตาไฟฟ้าสำหรับทำบาร์บีคิวสนามมาวางไว้.. ด้วยเพราะเห็นคนในบ้านเศร้ากันมากเกินไป กาณฑ์ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ( เพราะหาหลักฐานไม่เจอ..) เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง..



บรรยากาศกลางสนามเริ่มต้นขึ้น..ด้วยท่าทีเฉยชาของกฤษฏิ์กับวิชญ์ภาส ... ที่รู้ว่าวันนี้กรณ์ก็คงไปทานข้าวกับพิสิษฐ์เช่นวันที่ผ่านๆ ... แต่จะให้ทำใจได้เหรอ ...



รถยนต์สีดำคันเดิมของหมอหนุ่มแล่นเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังงามเช่นทุกวัน แต่วันนี้พิสิษฐ์ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะหยุดบางสิ่งบางอย่าง ... คำนั้นของกฤษฏิ์ยังก้องในหัว..คำว่าเกลียด.. ทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงมัน ทำไมเขาต้องเจอมัน ...


..หากไม่อยากโดนเกลียด ก็อย่าทำในสิ่งที่กฤษฏิ์เกลียด..


“ ขอบคุณครับที่มาส่ง...” กรณ์บอกลาเช่นทุกวัน ..แล้วเดินลงจากรถหมายจะเดินเข้าบ้านไป แต่พิสิษฐ์ก็เปิดประตูตามแล้วเรียกกรณ์ไว้ก่อน ..


“ คุณกรณ์..” เสียงที่ลอดบอก เหมือนจะผ่านการทบทวนเรื่องราวหลายสิ่งมาอย่างนี้.. พิสิษฐ์ควรต้องเลือกเดินออกจากความหวังที่ไม่มีทางเป็นจริง และใช้หัวใจมองบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้น ...เขายอมรับกับตัวเองว่าเขาไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่าทำไมถึงเกิดความรู้สึกนี้... ในตอนที่อยู่กับกรณ์เขารู้สึกมีความสุข และพอใจ แต่มันต่างกับตอนที่เขาโดนกฤษฏิ์กอดไว้.



.เวลานี้นั้นเขาได้รับรู้ถึงแรงบีบของหัวใจที่มากมายเกินกว่าพลังใดจะหักห้าม มันซ่านลึกลงจนทำให้เขาประทับใจ แต่ไม่เคยนึกสงสัย.. จนวันที่เห็นกฤษฏิ์เมินเฉย และไม่ร่าเริงเช่นก่อนเก่า วันนั้นพิสิษฐ์ถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่บางทีอาจไม่ถูกต้อง ...


คนที่นั่งทานอาหารกันตรงสนามหันมามองอย่างสงสัย..สองคนที่ห่างออกไปไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีหลายสายตาจับจ้องอยู่...


“ มีอะไรเหรอ ..อาหมอ..”


“ ผมว่าบางที ผมไม่ควรมารับคุณอีก...” พิสิษฐ์บอกไปเสียงตะกุกตะกัก...


“ ทำไมล่ะครับ หรือกรณ์รบกวนเวลาของอามากเกินไป ถ้าอย่างนั้นเราเจอกันเฉพาะวันหยุดก็ได้..” กรณ์เลิกคิ้วมองอย่างตั้งคำถาม ..


“ ผมว่าบางทีสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มันไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด... ผมรู้ว่าคุณกำลังใช้ผมทำอะไรบางอย่าง ..ผมยอมรับว่าผมมีความสุขแม้จะเป็นการหลอกตัวเอง ..แต่มันก็สุข ...แต่พอผมได้ลองมองสิ่งรอบๆกาย ก็พบว่าผมเป็นคนที่เห็นตัวที่สุด...ผมคงไม่อาจหลอกตัวเองได้อีก..” พิสิษฐ์สารภาพ ...



“ แต่กรณ์...” กรณ์ตั้งท่าจะค้าน เมื่อเกราะคุ้มกายชั้นดีกำลังจะเดินห่าง แล้วกรณ์จะทำยังไงต่อจากนี้ล่ะ.. เขาไม่รู้ตัวว่าควรเดินต่อไปอย่างไร หากไม่ใช่พิสิษฐ์มาเป็นตัวกั้นขวาง...



“ ผมยินดีเป็นที่ปรึกษาสำหรับคุณทุกเวลา ...แต่อย่าทำอย่างนี้อีกเลยนะ..” พิสิษฐ์ยกมือขึ้นจับแขนของคนร่างบางอย่างใคร่ขอร้อง .. ภาพที่ห่างออกไป ทำให้ทั้งหมดตรงส่วนสนามไม่ได้ยิน เลยมองเห็นแต่การกระทำ...



แม้การกระทำจะสำคัญกว่าคำพูด แต่เวลานี้มติของลักษณะกำลังบิดเบือนความหมายแท้จริงที่ทั้งสองกำลังกระทำไปจนสิ้น...



“ กรณ์..กรณ์ขอเวลาหน่อยได้ไหม...ขอแค่ผ่านช่วงนี้..” กรณ์ดึงดันไม่ยอมแพ้.. เขาจำต้องยอมรับในที่สุดว่าที่ทำลงไปทั้งหมดมันเป็นเพียงภาพลวงตา ..ร่างบางที่เริ่มอ่อนแอโผเข้ากอดอีกคนที่จับบ่าเขาอยู่.. กรณ์ไร้ที่พึ่งจริงๆ..ด้วยความเป็นพี่ใหญ่ ด้วยภาระมากมายที่ต้องรับผิดชอบ เขาจึงไม่สามารถแสดงความรู้สึกแท้จริงออกมาได้


แต่กรณ์คงไม่รู้เลยว่าจุดจบของทุกสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อวิชญ์ภาสที่นั่งทนอยู่นานถึงกับเกิดโทสะ เมื่อเห็นหมอพิสิษฐ์กำลังกอดกรณ์อยู่ ..ร่างสูงลุกขึ้นเดินตรงไปท่ามกลางทุกสายตา ...


“ พี่วิชญ์..” กฤษฏิ์ส่งเสียงเรียก แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเมื่อวิชญ์ภาสเดินต่อไปเรื่อยๆ ...จนคนร่างบางต้องรีบวิ่งตาม


...ร่างสูงของวิชญ์ภาสเดินตรงมายังกรณ์อย่างรวดเร็ว ..วิชญ์ภาสดึงร่างสูงที่กอดคนของเขาออกแล้วกระแทกหมัดหนักลงไปจน ร่างของหมอพิสิษฐ์เซไปชนกับกระโปรงรถด้านหลัง..ส่วนร่างของกรณ์ก็ถูกเข้ามาในอ้อมกอดของเขา


“ แก..ทำบ้าอะไร..” กรณืที่ถูกเหวี่ยงมาตามแรงกระชาก..หยุดอยู่ภายในอ้อมอกของวิชญ์ภาสที่กำลังโกรธจัดเพราะเจอภาพบาดตาเข้าจริงจัง..



“ หุบปากไป...คุณยังต้องเคลียร์กับผมอีกเยอะ..” วิชญ์ภาสบอกเสียงเย็น ก่อนจะหันไปมองหมอพิสิษฐ์ที่ยืนอึ้งด้วยสายตามาดร้าย ..วิชญ์ภาสบอกแล้วว่าเขาเป็นคนเลวที่เห็นแก่ตัว ..เขาจึงไม่จำเป็นต้องสวมมาดสุภาพบุรุษอีกต่อไป ที่ทนมาก็มากเกินพอแล้ว

..นับจากนี้เขาจะไม่ทน...

“ ปล่อยนะไอ้บ้า..ปล่อย..” กรณ์ดิ้นขลุกไม่ยอมหยุดนิ่ง จนพิสิษฐ์ยืนอยู่จะเข้ามาช่วย เพราะยังไงเขาก็อยากให้ใช้เหตุผลมากกว่า ที่สำคัญเขาอยากจะบอกวิชญ์ภาสว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับกรณ์เช่นเมื่อก่อนแล้ว แต่สถานการณ์แบบนี้ ร้อยทั้งร้อยวิชญ์ภาสไม่มีทางยอมฟังแน่ๆ..


“ ผมขอเตือนนะคุณหมอ...อย่ายุ่งกับคนของผมอีก..” วิชญ์ภาสมองกลับไปและประกาศออกมาอย่างไม่เกรงฟ้ากลัวดิน ..มันเป็นจังหวะที่กฤษฏิ์มาถึงพอดี จะเข้าห้าม..แต่พอได้ยินอย่างนั้นเลยต้องหยุดนิ่ง.. ฝ่ายกาณฑ์ที่ต้องการรู้ความจริงเลยเลือกเดินเข้ามาสมทบ ..แต่ยังห่างอยู่พอสมควร ...


“ ใครเป็นคนของแก..ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้บ้า..ปล่อย....” กรณ์ตวาดลั่นด้วยความโกรธที่วิชญ์ภาสกล้าทำอย่างนี้ ..กรณ์ยังไม่ได้สังเกตว่าด้านหลังน้องชายตัวบางยังมีใครยืนอยู่..กาณฑ์จ้องมองภาพนั้นอย่างเจ็บปวด ดีที่ข้างกายมีสุรีย์คอยพยุง ไม่งั้นคงล้มลงไปแล้ว...

“ คุณยังไม่รู้ตัวอีกใช่ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน..”


“..ปล่อยนะ...บอกให้ปล่อย แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับแก...ด้ว...อื้อ...” กรณ์สะบัดอย่างแรงแต่กลับไม่อาจต้านทานแรงที่ส่งมา... ร่างของเขาถูกกอดแน่นขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก.. ยิ่งเขาสั่งมากเท่าไหร่วิชญ์ภาสก็ยิ่งหมดความอดทนมากขึ้นเท่านั้น ..ประโยคสุดท้ายที่ดังลอดออกมาจึงไม่สมบูรณ์ด้วยเพราะคนตัวบางถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายปิดไว้เสียแล้ว

...ร่างที่สั่นอยู่ถึงกับนิ่งเพราะไม่คิดว่าวิชญ์ภาสจะกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นๆ.. แต่หากกรณ์รู้ว่าตรงนั้นมีน้องชายที่เจ็บปวดยืนมองเขาคงไม่ยอมอยู่เฉย ..


น้ำตาของกาณฑ์ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ยืนมองอย่างฝืนใจ...



“ คงรู้แล้วใช่ไหมว่าเป็นอะไรกัน..” วิชญ์ภาสบอกขึ้นหลังจากถอนริมฝีปาก..ร่างที่เขากอดอยู่ถูกตวัดขึ้นอุ้มแล้วเดินลับเข้าไปภายในบ้านหลังงามทันที....




“ คุณกรณ์หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้นะ..”

“ อาเป็นอะไรหรือเปล่า ...” กฤษฏิ์กัดฟันเอ่ยถามอีกคนที่ยืนมองภาพนั้น...ด้วยเป็นห่วง ...แม้จะห้ามใจไม่ให้คิดถึง ไม่ให้สนใจแต่เห็นพิสิษฐ์เป็นอย่างนี้ก็อดจะห่วงไม่ได้..


“ เปล่า..” เขาเมินหน้าหนี..แล้วเดินกลับไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างๆทันที.. กฤษฏิ์ชักเห็นท่าไม่ดีก็เลยเปิดประตูด้านข้างคนขับพร้อมขึ้นไปนั่ง ..ตอนนี้หัวใจมันสั่งให้เขาต้องทำเช่นนี้...


“ ผมขออยู่คนเดียวได้ไหม..” พิสิษฐ์เอ่ยขึ้น .. เขาไม่ได้เสียใจที่เห็นกรณ์โดนวิชญ์ภาสลากไป แต่เสียใจที่ทำให้เรื่องมันวุ่นมากกว่าเดิม..ชายหนุ่มจึงอยากขอเวลาให้ตัวเขาเองบ้าง อยากอยู่เพียงลำพังคิดอะไรเงียบๆเพียงคนเดียว แต่กฤษฏิ์กลับไม่ยอม แล้วแข็งท่าจนพิสิษฐ์ต้องพาอีกคนไปด้วย ...

..กาณฑ์ที่มองอยู่ถึงกับหมดแรงเมื่อทุกอย่างจบสิ้น..


“ ทำไมทุกคนต้องโกหกกาณฑ์ด้วย..” เสียงสุดท้ายดังขึ้นพร้อมทั้งร่างที่สิ้นสติไป ...


“ น้าชิด ..นุ่น ..มาช่วยกันพาคุณกาณฑ์ไปโรงพยาบาลหน่อย..” หญิงสาวหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ร่วมเหตุการณ์พลิกผันครั้งใหญ่อย่างเร่งร้อน ... คนสวนร่างบึกวิ่งเข้ามาใกล้แล้วช้อนกายที่บางกว่าขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย ก่อนจะพากาณฑ์ขึ้นรถไปโรงพยาบาล...

“ จะให้เรียนคุณกรณ์ไหมคะ..” นุ่นเอ่ยถาม

“ ไม่ต้องหรอก..ปล่อยให้คุณกรณ์กับคุณวิชญ์เคลียร์กันให้เสร็จก่อนเดี๋ยวฉันจะไปเฝ้าคุณกาณฑ์ที่โรงพยาบาลเอง ... พรุ่งนี้เช้าตอนคุณกรณ์ตื่นก็เรียนไปแล้วกันนะ..” คนผิวสีน้ำผึ้งส่ายหน้าให้กับคนรับใช้สาวร่างอวบ แล้วเดินกลับขึ้นห้องตัวเองเพื่อเตรียมเสื้อผ้าไปนอนเฝ้ากาณฑ์ที่ชิดพาล่วงหน้าไปก่อน ...

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
ขอบคุนจ้าๆๆๆๆๆๆๆ   เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  คุนกรณ์สู้เค้า   o13  สงสารกาณฑ์  :sad11:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2009 23:20:36 โดย kitty »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






nanao

  • บุคคลทั่วไป
นายกาณฑ์อย่าเป็นอะไรไปอีกนะ

ขอบคุณคร้าบ มาลงไวทันใจมากมาย  o13

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

และแล้วความอดทนของวิชญ์ก็ถึงกาลสิ้นสุดแล้ว

เป็นไงเล่าไม่ยอมบอกแต่แรก

ให้เห็นเองกับตารู้สึกจะหนักกว่ามั้ยเนี่ย

เฮ้อออออออออ

สงสารกาณฑ์ได้อีกอ่ะ

จริง ๆ ก็สงสารทุกคนเลยนะเนี่ย

เอาเป็นว่ารอตอนหน้าจ้า

อยากรู้จริงว่าจะเคลียร์กันยังไงน้า

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เอาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววไงล่ะ เป็นเรื่องเลยคราวนี้

doomare

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกกกก

ไม่ได้เข้าบอร์ดหลายวัน

เรื่องคืบหน้าไปตั้งเยอะ

มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นเต็มไปหมด

ในที่สุดความรักของอีกคู่ก้เริ่มผลิบาน :กอด1:

ถ้าน้องกานเข้าใจอะไรๆง่ายๆเหมือนกฤษฎิ์ก้ดีซิ

รอตอนต่อไปว่าพระเอกจะทำอะไรกับกรณ์ คงไม่ลงเอยที่เตียงน่ะ อิอิ เพราะชอบบบบบบบบบบบบ :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :monkeysad: จากจุดเริ่มต้นหมุนไปเป็นวงกลมไปสู่จุดเริ่มต้นของปัญหาอีกครั้ง  :monkeysad:

ออฟไลน์ iGiG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ ติดเลย
ขอบคุณมากๆค่ะที่เอาเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน

สงสารทุกฝ่ายเลย โดยเฉพาะน้องกาณฑ์ อย่าเป็นไรน้า  :monkeysad:

titchro

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :mc4:

~~!!

 :impress2:

เค้าคุ้นๆ เรื่องนี้น๊ะ ฮี่ๆๆ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ใกล้แล้วค่ะ เรื่องที่ทุกคนสงสัยว่าจะจบยังงัย จะเคลียร์ยังงัย

ไม่กี่ตอนก็เคลียร์ค่ะ แต่มันยังไม่จบง่ายๆนะยังมีเรื่องราวอีกเยอะค่ะ

ไปอ่านกันต่อเลยค่ะ.........................................



ตอน 16


ทันทีที่บานประตูห้องถูกปิด..วิชญ์ภาสก็โยนร่างที่เขาอุ้มลงกระแทกกับเตียงอย่างโมโห... เวลานี้เขาหมดความอดทนจริงๆ หมดซึ่งทุกอย่าง หากยังทนเขาต้องเจ็บมากกว่านี้..


“ โอ๊ย..” กรณ์ร้องขึ้นเมื่อหลังของเขากระแทกเตียง แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ ..ร่างอีกคนก็ล้มลงมาทับอย่างแรง... คนตัวหนั่นคร่อมขึ้นมาบนร่างที่เริ่มถอยหนี.. แต่ทางของกรณ์จะมากมายแค่ไหนกันเชียว..เมื่อด้านหลังมีเพียงพนักหัวเตียงที่กั้นอยู่...


“ อย่าหนี..” วิชญ์ภาสบอกราบเรียบ..


“ ออกไป..อย่ามายุ่งกับฉัน..” กรณ์แข็งเสียงเพื่อพูดกับอีกฝ่าย ตอนนี้เขายอมรับว่ากลัววิชญ์ภาสจริงๆ..ตลอดเวลาสองเดือนกว่าๆที่เจอกันมา ครั้งนี้วิชญ์ภาสดูน่ากลัวกว่าครั้งไหน ๆ.. วิชญ์ภาสไม่เคยทำร้าย ไม่เคยตวาดเขาแรงๆ แต่วันนี้กรณ์กลับเจอมาทุกอย่าง...


“ คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า ...เป็นไอ้โง่ที่เอาแต่รักคุณไปวันๆ...” วิชญ์ภาสเริ่มรำพัน พร้อมทั้งซุกริมฝีปากไปยังลำคอสวยที่หดร่นเพราะไม่อยากให้อีกคนได้สมใจ


“ ..ฉันเคยบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าฉันเกลียดแก.....”



“...งั้นเหรอ..” วิชญ์ภาสแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว..ก่อนจะกระชากเสื้อที่กรณ์ใส่จนขาดวิ่น..มือหนาาเอื้อมจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองที่เหลืออย่างไม่รอช้า จนเหยื่อที่มองมาต้องเกิดอาการสั่น..


“ จะทำอะไร..”


“ ผมจะเตือนสถานภาพระหว่างคุณกับผมให้มันแน่ชัดกว่าเดิม...” วิชญ์ภาสบอกเบาๆ..แล้วจัดการตรึงแขนของคนที่พยายามจะบ่ายเบี่ยงด้วยแขนของเขาเอง ...กรณ์เริ่มดิ้นไม่อยากตกในสภาพที่เป็นอยู่.... หากจะมีอะไรกันเขาก็อยากให้วิชญ์ภาสใจเย็นลงกว่านี้ อยากให้ทุกอย่างมันเดินกลับไปเป็นเหมือนก่อน



แต่กรณ์จะมีสิทธิ์เรียกร้องเหรอ ในเมื่อเขานั่นแหละที่เลือกเดินทางนี้เอง...



เหงื่อกาฬเริ่มชุ่มโชกทั้งสองกาย..มันมากขึ้นเมื่อร่างของวิชญ์ภาสได้เคลื่อนไหวท่วงท่าพร้อมอีกกายที่ถูกความหนั่นแน่นของอารมณ์เชื่อมต่อ... ร่างแกร่งที่เริ่มคร้ามสีเพราะแรงแดดริมทะเลลดลงใกล้ๆ จนแทบชิดกับอกของกรณ์... มือเรียววางยันไว้ตามสัญชาตญาณ


“ คุณใจร้ายมากนะ..กล้าดียังไงที่ให้คนอื่นแตะตัว..” วิชญ์ภาสบอกเสียงบาง... มันไร้ความเย็นชา โกรธกริ้ว หรือไม่พอใจเช่นเมื่อสิบนาทีก่อน...



“ มันเป็นสิทธิ์ของฉัน ..”



“ มันก็เป็นสิทธิ์ของผม ..ที่จะหวงเมียของตัวเอง...” วิชญ์ภาสจ้องตาอีกคน พร้อมทั้งเน้นในประโยคที่เขาเชื่อมั่น ...



“ใครเป็น...อื้อ...” กรณ์ตั้งท่าจะค้านสิ่งที่วิชญ์ภาสพูด..แต่อีกฝ่ายก็มาเหนือเมฆด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายจนกรณ์ต้องสั่นซ่านด้วยความต้องการที่ไหลวนมากขึ้น...


“ ผมเป็นพวกขี้หวงเสียด้วย...ยิ่งเป็นอะไรที่ผมรัก ผมไม่ชอบให้ใครมาแตะต้อง...ถ้าสิ่งนั้นผมรัก ผมจะปกป้องดูแลอย่างดี...”


“ ..อื้อ....อ่...” นัทสั่นอีกครั้งเพราะแรงที่ส่งมาจากส่วนล่างของร่างกาย ..มันเพิ่มมากขึ้นจนเร็วแรงและเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวทุกการเคลื่อนไหว ...แต่อารมณ์ของกรณ์ต้องสะดุดเมื่ออยู่ๆร่างของเขาก็ถูกเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทาง.. วิชญ์ภาสสอดแขนแกร่งเข้าไปตรงร่องบ่า แล้วดึงหัวไหล่ทั้งสองเพื่อส่งแรงให้ร่างของกรณ์ลุกขึ้นตาม ก่อนที่เขาจะพลิกเป็นฝ่ายที่นั่งอยู่ด้านล่าง ..มีร่างของกรณ์อยู่ด้านบน..



...ร่างของทั้งใกล้กันมากจนแทบจับลมหายใจ...




“ จะทำอะไร..” กรณ์แทบลืมไปเลยว่า แต่ก่อนเขาก็ใช้ท่านี้เป็นบ่วงทรมาน ..จนเมื่อวิชญ์ภาสเลือกจะรักกรณ์เพื่อยุติทุกอย่าง ร่างกายของทั้งสองก็แปรเปลี่ยน .. เพราะเวลานี้วิชญ์ภาสรักกรณ์เข้าจริงๆ.. ไม่ใช่รักเพราะใจสั่งให้รักเช่นเมื่อก่อน ยิ่งสัมผัส ยิ่งหลงใหล ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งผูกพัน



“ คุณรักผมได้ไหม..” คำถามที่รู้ดีว่าอาจไม่มีคำตอบเอ่ยขึ้น กับอีกคนที่มองกลับมา ..เวลานี้แขนหนั่นของคนตัวสูงเอื้อมไปกอดประสานตรงด้านหลังของกรณ์แล้ว แรงกดทำให้ร่างของเขากับกรณ์ชิดกันมาขึ้น... อุณหภูมิที่ร้อนผ่าว ร่างกายที่มีหัวใจเต้นระรัว...


“ ...” กรณ์เสมองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าตอบคำถามนี้จริงๆ...



“ ทำไมเราถึงรักกันไม่ได้ล่ะ...”


“ เพราะฉันเกลียดแกไงล่ะ...” กรณ์ตอบไปด้วยใจที่เริ่มปวดร้าว...แม้มันจะทำให้วิชญ์ภาสต้องเจ็บ แต่คนอย่างวิชญ์ภาสไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ ขอแค่เขาเห็นโอกาสเขาก็จะทำจนถึงที่สุด แม้ผลสรุปเขาจะไม่ใช่ผู้ชนะ แต่อย่างน้อยก็ทำดีที่สุดแล้ว..



“ แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก.. ผมจะทำให้คุณพูดว่ารักต่อหน้าผมให้ได้..” แววตาเชื่อมั่นจากคนตัวหนาทำให้กรณ์ต้องสะอึกอีกระลอก.. เขาเกลียดความเชื่อมั่นในตานี่จริงๆ.. ทำไมเขาถึงไม่มีมันบ้างล่ะ ..ทำไมเขาถึงไม่กล้าเท่าครึ่งหนึ่งของวิชญ์ภาส ..หากกล้าทุกอย่างคงไม่จบเช่นที่เป็น ..


“ มันเรื่องของแก..”


“ มันเรื่องของเราต่างหากล่ะ...ที่ผ่านมาเพราะผมเห็นแก่คุณกฤษฏิ์ ..เห็นแก่คุณเลยยอมให้เรื่องราวมันเป็นไปอย่างนั้น แต่นับจากนี้ผมจะไม่เห็นแก่ใครทั้งนั้น ..ผมจะเห็นแก่ตัว...” แท้จริงมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่วิชญ์ภาสกล่าวหรอก ..การที่เขาบอกเช่นนี้ก็เท่ากับเขาจะมีสิทธิ์แตะต้อง มีสิทธิ์ได้ใกล้กรณ์โดยไม่ต้องกังวลสิ่งใดๆ .. หากเลือกได้เขาก็จะไม่ทำในสิ่งที่คนที่เขารักไม่ชอบ ...



“ หน้าด้าน..”


“ ขอบคุณครับที่ชม ..ผมจะหน้าด้านมากกว่านี้อีกถ้าคุณกล้าให้ใครมาแตะตัวอีก.. ผมเตือนคุณแล้วนะ ถ้ามีครั้งต่อไปผมปล้ำคุณตรงนั้นแน่ ..ไม่ลากมาจัดการในห้องหรอก...” วิชญ์ภาสยิ้มรับอย่างไม่เกรงกลัว กลับชื่นใจเสียอีกที่กรณ์ตอบกลับมาเช่นนี้.. มันดีกว่าที่โดนเมินเฉยเป็นไหนๆ... อย่างน้อยก็รู้ว่ากรณ์เองก็มีอารมณ์ มีความรู้สึก ที่สำคัญยังมีจิตใจไม่ต่างอะไรไปจากเขา ...



“ ไอ้ ..ไอ้...อื้อ..” กรณ์ถลึงตาคู่เรียวเข้าใส่ จะด่าให้สาใจแต่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนก็ถูกครอบครองเสียก่อน ..พร้อมมือแกร่งทั้งสองที่เข้ากระชับช่วงสะเอวบาง แล้วค่อยๆ ขยับโยกตัวกรณ์ขึ้นลง..ปรนเปรอความปรารถนาที่สัมผัสกันของสองกาย ...



กำปั้นเล็กๆที่ระดมทุบอยู่กลางหลังจำต้องหยุดมือ เมื่อความเสียวซ่านนั้นคืบคลานแทบทุกรูขุมขน ..นิ้วเรียววางจิกลงบนผิวคร้ามแสง ..ระบายความต้องการที่กำลังเดินทางอยู่...


“ อย่างนี้สิครับ...ถึงน่ารัก..” วิชญ์ภาสผละยิ้มอย่างมีชัย..เมื่อร่างบางที่กำลังถูกมือของเขาควบคุมจังหวะขึ้นลงเริ่มอ่อนแรงจนไร้การต้านทาน ..แถมยังร่วมมือสร้างความหฤหรรษ์พร้อมเพรียงกับคนชำนาญการอีกด้วย ...



“ แก..อื้อ..” กรณ์เบิกตาคาดโทษ แต่แรงกระทั้นที่แทรกเข้ามากลับทำให้เขาต้องคืนคำด่าลงคอ ..และแปรเป็นเสียงครางออกมาทดแทน แม้จะพยายามจะสะกัดกั้น แต่ทุกครั้งที่โดนสัมผัสกลับทำให้ใจเปิดกว้าง และยอมให้อีกฝ่ายจูงพาไปในที่ที่รู้กันแค่สองคน



“ ผมรักคุณนะ..อ่า..” วิชญ์ภาสขยับกายของเขาพรวดพราด..จากร่างที่นั่งอยู่บนตักก็ถูกผลักลงนอนด้านหลัง พร้อมคนที่ใกล้จะถึงปลายสุดของอารมณ์ยันกายขึ้นกับพื้นเตียง แล้วเหวี่ยงแรงรักที่มากมายลงไปด้วยความรวดเร็ว

“ ...” สิ้นการเคลื่อนไหวสองกายก็ล้มลง..อย่างอ่อนแรง ..เหงื่อที่ชุ่มโชกเบียดเสียดจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใครต่อของใคร แต่ก็นั่นแหละ..มันจะสำคัญอะไรในเมื่อเวลานี้ลมหายใจของทั้งสองใกล้จะเป็นหนึ่งเดียว มันรอคอยเพียงวันเวลาที่กรณ์จะเปิดใจก็เท่านั้นเอง ..

“รู้ตัวไหม..ว่าปากคุณนี่ทำผมเจ็บมาหลายครั้งแล้ว ..ถ้าผมหน้าไม่ด้านพอคงตายกันพอดี... ปากคุณเหมาะกับเสียงครางมากกว่าเสียงด่านะ...” นิ้วแกร่งยาวไล้ไปตามโครงหน้าของคนที่เหนื่อยหอบ ..กรณ์ลืมตามองอีกฝ่ายที่ใบหน้าห่างจากเขาไม่เท่าไหร่ด้วยสายตาฉุนๆ..


“ ไอ้ทุเรศ..”



“ ขอบคุณ...ไปอาบน้ำดีกว่าท่าทางคุณจะเหนื่อยแล้ว..” วิชญ์ยิ้มส่งเป็นคำตอบ ..แล้วรวบรวมแรงที่มียกกายที่นอนอยู่ด้านล่างเดินหน้าสู่ห้องน้ำของทั้งสอง ... กรณ์ยินยอมโดยดีเพราะเริ่มหมดแรงจะต่อปากต่อคำ ไม่ว่าจะพูดจะว่ายังไง อีกคนก็ไม่สะทกสะท้าน ..ด่าเอง เหนื่อยเอง ...เป็นอันว่าระหว่างอาบน้ำคนใจแข็งก็โดนมอบสถานะ ตอกย้ำความสัมพันธ์อีกหนึ่งรอบพร้อมกับคำบอกรักที่ดังขึ้น .. มันก็น่าแปลกที่กรณ์รู้สึกยินดีมากมาย ยามได้ยินคำนั้นออกจากปากของคนที่ปากบอกว่าเกลียด ..แต่ใจแอบหวั่นไหว



สองกายที่เปล่าเปลือยล้มลงบนที่นอนหลังเดิม ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา..เบียดเสียดมอบความอบอุ่นให้แก่กันและกัน ..อย่างมิอาจแยกห่าง ..


“ อึดอัดจะบ้า...” กรณ์เปรยอย่างขัดใจเมื่อแขนแกร่ง...ดึงร่างเขาเข้ามากอดไว้..


“ คุณน่าจะทำตัวให้ชินได้แล้ว...ยังไงผมก็ไม่มีวันปล่อยคุณไป..” วิชญ์ภาสกระซิบบอก ..พร้อมทั้งกดกระชับริมฝีปากของเขาลงบนขมับอีกฝ่ายเบาๆ.. เป็นการจบสิ้นสงครามบนเตียงระหว่างทั้งสอง ...



*****************


เจ้าคนร่างบางตัวเพรียว ..ถึงกับถอนใจอย่างเหนื่อยหนัก.. อ่อนจะยกเจ้าน้ำสีสวยแฝงความร้อนแรงเข้าบ้าอย่างเบื่อๆ... ก็ดูคนตรงข้ามเขาสิเลยกรอกน้ำเมาขนานแรงเข้าปากยังกับน้ำเปล่า ... จะพูดจะเตือนยังไงก็ไม่ยอมฟัง ..ดีนะที่เขาทู่ซี้ขึ้นรถมาด้วย ไม่อยากนั้นหมอหนุ่มได้ตายคาผับนี้แน่นอน ...


“ กลับกันได้รึยัง ..กฤษฏิ์ง่วงแล้วนะ..” กฤษฏิ์กระชากเสียงถาม ..เพราะรู้สึกไม่พอใจลึกๆ.. เขากำลังเข้าใจไปว่าหมอหนุ่มกำลังดื่มเหล้าประชดรัก.. ประชดที่กรณ์โดนทำเช่นนั้น ..แต่ใครจะรู้เลยว่ามันไม่ใช่ ..เขาแค่กำลังสับสน กำลังกลัวและขาดความกล้าก็เท่านั้นเอง ..


“ อื้อ..” หมอพิสิษฐ์พยักหน้าให้อย่างมึนๆ.. แล้วหยิบแบงค์พันสองใบออกจากกระเป๋าวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมกลับบ้าน ...



“ เอากุญแจมาให้กฤษฏิ์ดีกว่า ขืนอาขับได้ถูกจับก่อนแน่..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ.. แล้วเอื้อมมือไปหยิบกุญแจในมือของหมอหนุ่มอย่างรวดเร็ว ..ทั้งสองเดินออกจากร้านด้วยความลำบากพอตัว ..เพราะความมึนเมาของหมอตัวสูงเลยทำให้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ..เดินชนโต๊ะ จนเก้าอี้จนหน้าขา หน้าแขนเขียวไปหมด.. กว่ากฤษฏิ์จะลากมานั่งบนรถได้ก็หลายนาทีอยู่เหมือนกัน ...



“ เมาไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย..” กฤษฏิ์บ่นอย่างเหนื่อยๆ .. แล้วเหยียบคันเร่งมุ่งหน้ากลับบ้านพักของหมอพิสิษฐ์โดยไว...เขาเองก็เคยไปนั่งเล่นที่บ้านของพิสิษฐ์หลายครั้ง เลยค่อนข้างคุ้นและรู้จักเป็นอย่างดี..




ปึก.. เสียงบางอย่างดังขึ้นใกล้ๆ.. ก่อนความรู้สึกต่อมาจะบอกให้กฤษฏิ์ได้รับรู้แรงกดตรงไหล่บางของเขา .. หมอพิสิษฐ์ที่มึนๆเพราะอาการเมาวางศีรษะลงบนบ่าของเขา ..


“ ทำอะไรนี่อาหมอ..อย่าแกล้งกฤษฏิ์นะ..ใกล้จะถึงบ้านแล้ว..” กฤษฏิ์บอกไป...เพราะเริ่มรู้สึกใจเต้นแปลกๆ ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้ รถได้พุ่งลงข้างทางก่อนถึงจุดหมายกันพอดี



“ รังเกียจผมเหรอ... อื้อ..ใช่สิ..ผมมันไม่ดี..” น้ำเสียงอู้อี้บ่นออกอย่างน้อยใจ แล้วร่างสูงก็พาตัวเองกับไปนั่งพิงกับเบาะข้างคนขับอย่างเซ็งๆ...


“ เป็นอะไรไปนี่..อกหักจนเพี้ยนใช่ไหม..” กฤษฏิ์เปรยกลับ .. และหันไปตั้งสมาธิกับการขับรถต่อ... เพียงไม่นานรถคันเดิมก็มาจอดอยู่หน้าบ้านสีขาว ..หลังพอเหมาะ... กฤษฏิ์เดินลงจากรถเพื่อไปไขกุญแจเปิดรั้วสีขาว ...แล้ววิ่งกลับมาขับรถเข้าไปจอดด้านในอย่างคุ้นเคย ...



บ้านหลังนี้หมอพิสิษฐ์อยู่เพียงลำพัง ..พ่อและแม่ของเขาเสียไปตั้งนานแล้ว..ดีที่อดีตประมุขของสายลมได้ช่วยเหลืออุปการะทางการเรียนจนจบหมอ... เขาจึงค่อนข้างเคารพและให้เกียรติคนของบ้านสายลมอย่างมาก..เวลานี้ สายลมจึงเปรียบเหมือนญาติที่เขาเหลืออยู่..


เมื่อรถเข้ามาจอดได้ที่.. กฤษฏิ์ก็เดินลงแล้วไปปิดประตูรั้วไว้อย่างเก่า ท่าทางคืนนี้เขาคงนอนที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้...



ร่างบางลากหมอหนุ่มก้าวเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเล ...ก่อนจะผลักร่างนั้นให้ล้มลงบนเตียงนุ่มอย่างเหนื่อยหนัก.. ก็ตัวใหญ่มากกว่ากฤษฏิ์เกือบเท่าตัว เลยทำให้คนตัวเล็กค่อนข้างเหนื่อยไม่น้อย ..



“ ทำให้กฤษฏิ์เป็นแบบนี้แล้วยังกล้าเป็นภาระอีกเน้อ..คนเรา..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ.. แต่ก็เดินไปหาผ้าชุบน้ำมาทำความสะอาดใบหน้าให้คนเมา... ถึงจะไม่พอใจที่พิสิษฐ์ใกล้ชิดกับกรณ์ แต่กฤษฏิ์ก็ไม่อาจเห็นคนที่เขาผูกพันต้องเจ็บ ตอนที่หมอพิสิษฐ์โดนวิชญ์ภาสชก กฤษฏิ์ก็นึกห่วงอย่างมากยิ่งเห็นอีกฝ่ายดื่มเหล้านักใจก็ห่วงโน้นนี่มากมาย ...



“ เฮ้ย..” ขณะที่ความคิดกำลังเลื่อนลอยไปถึงเรื่องต่างๆ ..กฤษฏิก็ถึงกับร้องเมื่อร่างของเขาถูกดึงเข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว ... จากที่นอนทับพิสิษฐ์อยู่ด้านบนก็ถูกพลิกให้ล้มลงด้านล่างโดยมีอีกคนแปรเปลีย่นตำแหน่ง.. ดวงตาคู่คมคร้ามแสงไฟเปิดออกอย่างว่องไว



“ อาหมอ..เป็นไรนี่.. นี่กฤษฏิ์นะไม่ใช่พี่กรณ์..” มือเรียววางลงบนหน้าอีกฝ่ายแล้วตบเรียกสติเบาๆ.. แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็กลับทำให้เด็หนุ่มถึงกับตัวชา ..ริมฝีปากเรียวบางสีสดที่ไม่เคยมีผู้ใดได้ครอบครองถูกสัมผัสอย่างร้อนแรง .. คนด้านบนแทรกซุนลิ้นเรียวก้าวล่วงไปในความสดใส ...



อื้อ... กฤษฏิ์เริ่มดิ้นระดมมือลงบนหลังแกร่งของอีกฝ่ายที่ดูจะไม่สะท้านใดๆ...




“ ไอ้หมอบ้า..นี่กฤษฏิ์นะ..ไม่ใช่พี่กรณ์อย่าเอากฤษฏิ์เป็นเครื่องระบาย เป็นตัวแทนคนอื่นนะ..” เมื่อผลักริมฝีปากหนาออกได้สำเร็จ กฤษฏิ์ก็ตวาดลั่นห้อง .. รู้สึกโกรธที่โดนทำเช่นนี้ แม้เขาจะรู้สึกผูกพัน จะรู้สึกเผลอใจให้กับหมอพิสิษฐ์ แต่นั้นต้องมาจากความรักของอีกฝ่ายด้วย ..กฤษฏิ์ไม่ยอมเป็นตัวแทนของใครเด็ดขาด ...


“ เพราะรู้ว่าเป็นคุณกฤษฏ์นะสิ..ผมถึงทำ..”


“ เมาใช่ไหมนี่..” กฤษฏิ์เบิกตากว้าง เมื่อได้รับคำตอบ ..แต่เขาก็ไม่อาจตกตะลึงได้นานสักเท่าไหร่ เมื่อร่างกายของทั้งสองเริ่มเคลื่อนไหว ..แม้จะพยายามขัดแต่แรงที่น้อยกว่าก็ไม่อาจสู้หมอพิสิษฐ์ได้.. ความต้องที่คร้ามฟ้าครั่นฝนแทรกกายเข้าไปอย่างที่กฤษฏิ์มิอาจปราม



“ อาหมอบ้า.. กฤษฏิ์เจ็บนะโว้ย..” กฤษฏิ์ร้องลั่นอีกครั้งเมื่อร่างกายของเขาถูกรุกล้ำจากสิ่งแปลกปลอมนอกร่างมันเป็นความรู้สึกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน



“ ..อย่าทำอย่างนี้อีก...อย่าทำเหมือนผมไม่มีตัวตน..” คนที่เคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่วเอ่ยเตือน สายตาจริงจังมองย้อนกลับมาที่กฤษฏิ์อย่างน้อยใจ ... เขาเกลียด เกลียดการเมินเฉย เกลียดความเศร้าซึมที่กฤษฏิ์แสดง หมอพิสิษฐ์ยอมเป็นทุกอย่างให้กับกฤษฏิ์ ยกเว้นสิ่งที่ไร้ตัวตน ...



“ อย่าแรงสิ..อาหมอบ้า..กฤษฏิ์เจ็บนะ..” มือเรียววางยันตรงอกหนั่นที่ปรากฏไรขนเล็กๆชโลมเหงื่ออย่างระบายความเจ็บปวด.. มันเป็นครั้งแรกกับคนที่กฤษฏิ์เข้าใจไปว่ารักพี่ชายของเขา ..


“.. ผม.. ผม...” เสียงห้าวเริ่มติดขัด เมื่อการเคลื่อนไหวเริ่มร้อนแรง .. เหงื่อพรายท่วมทาสองร่างอย่างสุดจะห้ามปราม .. เมื่อจบการเคลื่อนไหวครั้งแรกด้วยการปลดเปลื้องพันธะของร่างกาย ..กฤษฏิ์ก็ถูกจับเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางเพื่อเริ่มการทำงานครั้งใหม่


ที่ทำให้สองร่างเหนื่อยอ่อนได้มากเสียยิ่งกว่ามาก...



แสงของยามสายเดินทางมาถึง..พร้อมความร้อนที่เริ่มโลมเลียผิวกายแน่นตึงอย่างจงใจ ... ดวงตาที่แสนหนักค่อยๆเปิดออกอย่างยากลำบาก..เพราะแสงที่ส่องเข้ามาดูจะจ้าเกินไปจึงต้องกะพริบปรับสภาพอยู่นานหลายครั้ง


“ อืม...มึนชะมัด...” หมอหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับอย่างมึนๆ.. รู้สึกชาๆ ตรงหัวไหล่และแขนข้างขวาอย่างมากจะขยับก็ทำไม่ได้เพราะเหมือนมีอะไรติดอยู่..


“ เฮ้ย..” พิสิษฐ์ชะงักตัวอย่างเร็ว เมื่อพบว่ามีอีกร่างนอนหนุนแขนเขาอยู่ เพราะแรงที่ขยับทำให้กฤษฏิ์ที่กำลังฝันค้างถึงกับตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย

“ โอ๊ย..กฤษฏิ์เจ็บนะ..ทำอะไรนี่..” เด็กร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจที่ถูกปลุกขึ้น ... เขาค่อยๆขยับร่างแล้วยันตัวขึ้นนั่งอย่างงงๆ.. ดวงตาคู่ที่ปิดอยู่เปิดออก แล้วก็พบว่าหมอหนุ่มข้างกายก็ตื่นขึ้นแล้ว ..


“ เป็นอะไรไปนี่..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ..

“ เกิดอะไรขึ้น...ทำไมคุณกฤษฏิ์มาที่นี่ล่ะครับ..” พิสิษฐ์เอ่ยถามอย่างสงสัย ..เพราะสติในยามค่ำคืนที่พ้นผ่านดูจะเลือนรางเกินไป.. แต่ใครจะรู้ว่าคำถามที่บอกกลับทำให้อีกคนถึงกับสะท้อนใจ ...กฤษฏิ์หันหน้าหนีอย่างรวดเร็วเพราะรู้สึกเจ็บๆที่ถูกล่วงเกินโดยที่อีกฝ่ายขาดสติ


“ เปล่านี่..ไม่ได้..อือ.. ไม่ได้มีอะไรสักหน่อยก็แค่เมา ..กฤษฏิ์เลยนอนที่นี่..”กฤษฏิ์พยายามข่มเสียงของเขาอย่างอย่างเข้มแข็ง ..


“ แต่...”


“ กฤษฏิ์บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร...” กฤษฏิ์กระชากเสียงใส่.. แล้วลุกขึ้นจากที่นอนทันที.. ดีนะที่เมื่อวานก่อนจะหลับเขาลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่.. ชุดนอนตัวโคร่งของหมอหนุ่มเลยถูกไม้แขวนหน้าตาน่ารักยึดครอง ...



พิสิษฐ์ล้มลงเอนหลังกับพนักเตียงอย่างสับสน ..ก่อนจะกวาดตามองรอบๆห้องอย่างทวนความจำ.. สิ่งที่เห็นตรงปลายเตียงคือเสื้อผ้าที่เขาใส่เมื่อวาน กับเสื้อผ้าของกฤษฏิ์ถูกถอดกระจัดกระจาย ..



“ เมื่อคืน..” พิสิษฐ์สบถอย่างนึกได้..ความฝันอันแสนหวาน ที่ได้รุกรานและครอบครองร่างกายที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บยามถูกเมินเฉยปรากฏขึ้นอีกครั้ง . หมอหนุ่มดึงกายที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินมาหยุดตรงหน้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ..เป็นจังหวะเดียวกับที่กฤษฏิ์เดินออกมาพอดี


“ หลีก..กฤษฏิ์จะกลับบ้านแล้ว..” กฤษฏิ์ก้มหน้าไม่ยอมสบตากับอีกฝ่าย เพราะกลัวหมอหนุ่มจะรู้ความจริงที่เกิดขึ้น


“ ทำไมถึงยังบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...”


“ ถ้าอาหมอจะรับผิดชอบเพราะมันเกิดจากความผิดพลั้ง ..กฤษฏิ์ว่าอย่าพูดถึงเลย..กฤษฏิ์ไม่เห็นจะแคร์อะไรเลยกับเรื่องพรรค์นี้..” กฤษฏิ์ตอบกลับไป เพราะดันเข้าใจว่าพิสิษฐ์สำนึกผิดอยากจะรับผิดชอบ .. หากได้ตัว แต่ไม่ได้หัวใจ กฤษฏิ์ย่อมไม่ยินดี...

“ ..อย่างน้อยก็น่าจะบอกผมบ้าง..”



“..กฤษฏิ์กลับนะ..เดี๋ยวจะให้คนที่บ้านมารับ..” กฤษฏิ์ไม่สนใจคำพูดของคนที่ยืนขวาง .. เดินแทรกตัวหมายจะหนีออกจากสถานการณ์บีบบังคับให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ถูกพิสิษฐ์คว้าไว้ได้ก่อนจะกดให้ร่างบางเลื่อนชิดติดผนัง ตามด้วยริมฝีปากอิ่มหนาที่วางประทับลง จนคำพูดที่หมายจะกล่าวถูกลบกลืนออกไปจนสิ้น.. กฤษฏิ์ดิ้นพล่านน้ำตาก็พานจะไหลเพราะเจ็บปวด.. เจ็บกับอารมณ์ที่ไม่อาจระบุว่าเป็นความทุกข์หรือความสุข .. แท้จริงมันอาจคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างนรกกับสวรรค์ก็เป็นได้.. ความสุขเคลือบยาพิษ ... แม้จะสุขแต่ก็ทรมานแสนสาหัส ..

“ อย่าเล่นอย่างนี้สิ... จะไม่ให้อารับรู้เลยหรือไง...” สรรพนามที่ใช้ถูกเปลี่ยนไป ...ราวกับพูดต่อหน้าเด็กน้อยที่ทำผิด ..

“ อานั่นแหละอย่าเล่นแบบนี้..กฤษฏิ์ไม่ใช่ตัวแทนของพี่กรณ์นะ..” กฤษฏิ์บอกเสียงสั่น..น้ำตายังคงไหลไม่หยุดหย่อน ..


“ เลิกร้องนะ..เลิกร้อง... อาไม่เคยใช้ใครแทนใคร ... เพราะเข้าใจไปว่าเป็นฝันอาถึงกล้าทำทุกอย่างที่คิดกล้าแสดงความต้องการออกมาจนหมด... รู้ไหมว่าดีใจแค่ไหนที่มันเป็นความจริง ไม่ได้เป็นแค่ฝัน..” พิสิษฐ์สารภาพความจริงออกมา .. แท้จริงความหวาบหวามที่ซ่านลึกถึงภายในคือความจริง ไม่ใช่อณูของฝันอย่างที่เข้าใจ ..

“ พูดอะไร ..”



“ ก็พูดเรื่องของเราไง...วันนี้วันเสาร์...ไปดูหนังกันไหม..” พิสิษฐ์ยิ้มให้พร้อมทั้งเปลี่ยนเรื่องใหม่ที่ทำให้กฤษฏิ์ถึงกับงง ... แทบจะตามอารมณ์ไม่ถูก...

“ คือ..”

“ อาบน้ำดีกว่า ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว..” คนร่างสูงลากกฤษฏิ์ที่ยังอึ้งๆ งงๆเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ..แล้วลงมือปลดเสื้อผ้าของทั้งสองออกอย่างรวดเร็ว ..กฤษฏิ์ชักสั่นเพราะเริ่มหวาดหวั่นกับสิ่งที่เกิด เวลานี้หมอพิสิษฐ์สติครบร้อยไม่ได้มึนเมาอย่างเมื่อคืน จึงไม่รู้ว่ามันจะออกหัวหรือก้อย ..

“ มองอะไร...ทำอย่างกับไม่เคยเห็น” รอยยิ้มอ่อนโยนส่งทอให้.. แล้วจับร่างกฤษฏิ์ที่ยืนอายๆ เข้ามากอดไว้.. มือแกร่งเอื้อมบิดน้ำตากฝักบัวให้สาดลงมากระทบสองกายที่ถูกกัน .. มันก็น่าแปลกที่ทั้งสองใกล้กันจนแทบจะกลืนกลั่นรวมเป็นเนื้อเดียว ... ความผูกพันที่ให้กันตั้งแต่ยังเด็กๆทำให้กฤษฏิ์ไม่ปฏิเสธอ้อมกอดที่มอบให้...จะเป็นยังไงเขายังให้คำตอบตัวเองไม่ได้.. รู้แต่เพียงเวลานี้...เขาวางใจอ้อมอกนี้เป็นที่สุด...



เป็นงัยบ้างค่ะตอนนี้ชอบมั้ย  :L2:

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มาต่อตูดพอดีเลย

ตอนนี้ชอบนะรู้สึกเหมือนว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้นบ้างแล้ว

อย่างน้อยวิชญ์ก็ไม่ยอมแพ้สู้ให้ขาดใจตายกันไปข้างหนึ่ง

ดูสิว่ากรณ์จะทำยังไงได้อีกเนอะ

แถมคู่ของกฤษฎิ์ก็ดูเหมือนอะไรๆจะลงตัวขึ้นเนอะ

เหอเหอ ก้อเหลืออยู่คนเดียวแหละ

ได้ข่าวว่าเข้าโรงบาล

เฮ้ออออออออ ขอให้กาณฑ์ทำใจได้เร็ว ๆ ละกันเนอะ

รอตอนหน้าจ้า  :กอด1:

nanao

  • บุคคลทั่วไป
โหยมาทั้งสองคู่เลย *0*

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด