"ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH  (อ่าน 211520 ครั้ง)

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
มาแล้วคร๊าบบบ กำลังจะลงตอนต่อไปให้คร๊าบ

ส่วนเรื่องที่พี่น้องเค้าจะแย่งกันมั้ย ใครคู่ใคร

หรือจะมีตัวละครอื่นโผล่มาอีก ต้องติดตามไปเรื่อยๆค่ะ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 7 

กรณ์เดินมาหยุดอยู่กลางบ้านด้วยความรู้สึกแปลกๆ ลืมนึกไปเลยว่าในบ้านมันมีสามห้อง แล้วจะจัดสรรปันส่วนยังไงนี้.. ครั้นจะนอนกับวิชญ์ภาสก็คงน่าเกลียดเพราะกรณ์เอ่ยปากไม่ได้ คงต้องนอนกับกฤษฏิ์เพราะดูจะเข้าเค้ามากที่สุดแล้ว จะได้สบายใจทั้งสามฝ่าย ...

“ แยกย้ายกันดีกว่านะ..เดี๋ยวออกมาทานข้าวกันแล้วไปดูผารังนก..” กฤษฏิ์เอ่ยเสนอ ..เปิดประเด็นหลังจากที่ทุกคนตกอยู่ในความเงียบมากว่าหนึ่งนาที...

กรณ์เดินก้าวเข้ามาเพื่อยื่นมือไปรับกระเป๋าจากวิชญ์ภาส..แต่ก็ลืมไปจริงๆ ว่ากระเป๋าใบนั้นใช่จะมีสัมภาระของเขาคนเดียวสักที่ไหน...ยังมีเสื้อผ้าของวิชญ์ภาสอยู่อีกด้วย ..กฤษฏิ์กับหมอหนุ่มมองดูด้วยความรู้สึกแปลกๆในท่าที..เพราะตอนที่กรณ์ยื่นมือไปรับ วิชญ์ภาสก็ชักกระเป๋ากลับ..

“ ผมไม่ชอบนอนคนเดียว..” นั่นคือคำตอบของวิชญ์ภาสก่อนเขาจะเดินมาจับแขนกรณ์..


“ งั้นกฤษฏิ์นอนห้องกฤษฏิ์ดีกว่า ..อาหมอนอนอีกห้องหนึ่งโอเคไหม..” กฤษฏิ์หน้าเจื่อนสีลงทันที พลางหันมาขอความช่วยเหลือจากหมอพิสิษฐ์โดยไว


“ ครับๆ..” ชายหนุ่มร่างหนั่นพยักหน้ารับแล้วรีบเดินแยกออกจากสถานการณ์อึมครึมตรงหน้าอย่างไม่รีรอ ..เมื่อกฤษฏิ์และหมอพิสิษฐ์ลับเข้าไปในห้องที่เหลือเรียบร้อยแล้ว กรณ์เลยหันมาเล่นงานอีกคนที่เกาะแขนเขาอยู่ ..


“ จะทำอะไร ฉีกหน้าฉันเหรอ..” กรณ์ถามเสียงแข็ง จ้องมองอีกคนอย่างเอาเรื่อง...

“ ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ..ก็ผมไม่ชอบนอนคนเดียวจริงๆนี่..หรือคุณจะให้ผมนอนกับคุณกฤษฏิ์..ทำอย่างนั้นคุณก็ว่าผมอีก ถ้าไปนอนหมอนั่น..ผมก็สยองตาย” วิชญ์ภาสให้เหตุผลจริงจัง ไม่เกรงกลัวสายตาที่ถลึงมองมาเลยสักนิด ..
“ ปล่อยมือได้แล้ว..” กรณ์เหลือบมองต่ำไปยังมือที่เกาะแขนเขาอยู่.. แต่เมินเสียเถอะที่วิชญ์ภาสจะยอม..จากที่เกาะแขนไว้หลวมก็เปลี่ยนมาโอบร่างที่หน้าแข็งหน้าชาใส่เขา

“ ทำอะไร..”

“ ทำไมคุณชอบดุผมนัก..ผมยังไม่ทำอะไรเลยนะ..” วิชญ์ภาสถามขึ้นด้วยเสียงน้อยใจเล็กๆ กับท่าทีเย็นชา ต่อให้กรณ์จะอ่อนให้เขา จะไม่ต่อต้านขัดขืนยามโดนสัมผัส แต่ความเย็นชาที่ปรากฏใช่ว่ามันจะลดหายไปเสียทีเดียว ทุกครั้งยังปะปน ยังหลงเหลือจนวิชญ์ภาสแทบชินชา ..

“สิ่งเลวๆที่แกทำไว้..คิดเหรอว่าฉันจะยกโทษให้ง่ายๆ..” กรณ์เงยหน้าขึ้นมองอีกคน..

“ ผมไม่เคยคิดให้คุณยกโทษเพราะการที่เราเป็นอะไรกัน..”

“ เป็นอะไร..” กรณ์ชักตะกุกตะกัก ในคำว่าเป็นอะไรกัน ที่วิชญ์ภาสเอ่ยออกมาเมื่อครู่ เพราะมันแปลว่าอะไรมีหรือที่กรณ์จะไม่เข้าใจ มีหรือที่กรณ์จะไม่รับรู้...


“ ก็เป็นอยู่ทุกวันนี่ไง...” วิชญ์ภาสยืนยันในสิ่งที่พูดด้วยการสัมผัสแผ่วบางบนหน้าฝาดปลั่ง ..มันทำให้กรณ์เริ่มร้อน และหายใจไม่ออก..ทุกครั้งที่เกิด ..เรี่ยวแรงจะหายราวถูกสูบออกจากกาย ราวถูกสายลมพัดผ่านละพรากจากร่าง ..กรณ์ไม่ชอบเลยจริงๆ..

“ ปล่อยได้แล้ว..อึดอัดจะตาย..” กรณ์จำต้องเลี่ยงออกจากสิ่งที่เป็นก่อนทุกอย่างจะกลืนกินเข้ามากกว่านี้ ทุกครั้งที่เขามองตาวิชญ์ภาส เขามักเห็นภาพของน้องชายที่หลับใหลไม่ได้สติปรากฏขึ้นมากทุกครั้ง ..แล้วเขาจะเป็นอะไรกับวิชญ์ภาสได้เหรอ...

“ เข้าห้องดีกว่า..” วิชญ์ภาสส่ายหน้าไม่ยอมปล่อยร่างที่เขากอด..พลางโอบพากรณ์ให้เข้าไปภายในห้องที่เหลืออย่างทุลักทุเล ..เพราะกรณ์นั้นขืนตัวไม่ยอมเดินง่ายๆ แต่สุดท้ายก็ลากเข้าไปจนสำเร็จ... กว่าเมฆหมอกจะห่างหาย ร่างกายอาจหมดลมหายใจไปเสียก่อน ..

ทำไมต้องเธอ...


ก็มันไม่อยากรู้ ก็มันไม่อยากรัก ไม่มีเวลาที่จะคิด ที่จะสนใจ แต่พอได้เจอะเธอ ก็ดูชีวิตมันผิดเพี้ยนไป ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ ไม่ชอบเลย

เมื่อไรที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็น (เธอ)ไม่เข้าใจ

นี่ตัวฉันเองหรือ เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ หมดความเข้มแข็งและเหตุผล ไปอย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะเธอนั้น ที่ยังมาหาเข้ามาค้นใจ และฉันก็เลยเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ

เมื่อไรที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็น (เธอ)ไม่เข้าใจ

เมื่อไรที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็น (เธอ)ไม่เข้าใจ ชีวิตต้องมาเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ....


ความรู้สึกของกรณ์ในเวลานี้..ไม่ต่างจากเพลงที่เขาเคยชื่นชอบเมื่อหลายปีก่อน ..ง่ายดาย เจ็บปวด ..และสับสน ..ทำไมเขาต้องเผลอใจ ..ทำไมต้องเป็นวิชญ์ภาส ..ทำไมต้องเป็นคนที่ทำร้ายน้องชายเขาให้เจ็บปวดล่ะ...


. ตอนเที่ยงน้าหนุ่มหัวหน้าคนงานก็จัดการเสิร์ฟอาหารทะเลสดๆ เป็นเครื่องเที่ยงต้อนรับเจ้านายเจ้าของเกาะอย่างมากมาย ..ในแถบนี้การประมงจะอุดมสมบูรณ์อยู่มาก..เพราะวิถีการทำประมงแบบอนุรักษ์ที่ประมุขคนเก่าของคฤหาสน์สายลมได้วางรากฐาน ใช้หลักการพึ่งพิงและเอื้ออาทรต่อธรรมชาติ ..ทำให้หมู่เกาะรังนกนอกจากเป็นทรัพย์อนันต์ทางบก ยังเป็นสินอเนกทางน้ำอีกประการ

ดูนายน้อยของเกาะอย่างกฤษฏิ์จะถูกใจมาก..นานแล้วสินะที่ไม่ได้มาเกาะแห่งนี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ความสุข ความสงบ และความสวยงาม หากกาณฑ์ไม่ป่วยเจ้าน้องเล็กคงสนุกกว่านี้..ในบรรดาสามคนพี่น้องกฤษฏิ์ค่อนข้างสนิทกับกาณฑ์มาก..เพราะอายุไล่เลี่ยกัน..ต่างจากกรณ์ที่โตกว่าคนอื่นๆ ต้นปีหน้ากรณ์จะครบยี่สิบห้าปี...กาณฑ์เพิ่งจะสิบเก้า ส่วนกฤษฏิ์อ่อนกว่าพี่คนรองหนึ่งปี..ด้วยความใกล้กันของอายุเลยค่อนข้างเข้าใจและสนิทกัน..

“ เดี๋ยวเราจะไปไหนกันเหรอน้าหนุ่ม..ผาหลังเขานี่เปิดหรือยัง กฤษฏิ์อยากไปเก็บรังนก..” กฤษฏิ์หันไปถามหัวหน้าคนงานที่กำลังยกอาหารเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ..

“ ยังไม่ได้หรอกครับคุณหนูช่วงนี้ นกมันเพิ่งวางเชื้อยังไม่ได้ขึ้นรูปอะไร คงต้องรอปลายปีหน่อย ช่วงนี้อากาศมันเปลี่ยนแปลงบ่อยเลยทำให้อะไรๆผิดคาดไปหมด ..ถ้าจะเที่ยวผมว่าลองไปดูน้ำตากลางเกาะดีกว่าไหม.. เมื่อวาน..ไอ้เหน่งกับไอ้เมี้ยน..มันเข้าไปถางทางต่อรางน้ำ เห็นบอกว่าน้ำกำลังเยอะได้ที..เลยสวยกว่าเดือนไหนๆ..” ชายผิวคล้ำเอ่ยขึ้นพลางตักข้าวใส่จานคุณหนู ..


“ เสียดายจัง ..กฤษฏิ์ไม่ได้เอากล้องมาด้วย แต่ไม่เป็นไรมีมือถือนี่..ถึงไม่ชัดแต่ก็ดีกว่าไม่ได้ถ่าย” กฤษฏิ์ยิ้มรับ..แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ปีนผาเก็บรังนกอย่างที่เคยทำตอนสมัยเด็ก แต่การมาเที่ยวครั้งนี้ก็ใช่จะเสียเปล่า ..น้ำตกกลางเกาะ หนึ่งในสถานที่สวยงามที่ใครต่อใครอยากมาเยี่ยมชม..ใครจะรู้ว่าธรรมชาตินั้นได้รังสรรค์ความสวยงามด้วยตัวของมันเอง.. เกาะกลางทะเล ..แต่กลับมีธารน้ำจืดไหลวน..ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ...

“ รีบๆกินเถอะ..พูดมากจริงเรานี่..ลืมไปแล้วเหรอว่าเวลากินข้าวห้ามพูด เดี๋ยวได้ติดคอพอดี..” กรณ์เอ่ยเตือนเจ้าน้องคนเล็กที่ช่างเจื้อยแจ้วเจรจา..


“ ครับ..” กฤษฏิ์ยิ้มรับกับคำของพี่ชาย ก่อนจะหันไปสนใจกุ้งมังกรตัวใหญ่..ที่เพิ่งจับมาจากกระชังเลี้ยงตรงท้ายเกาะ...ความสดความใหม่ไม่ต้องพูดถึง..


“ แกะยากจริง..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ..แต่คนนั่งข้างกลับได้ยิน..วิชญ์ภาสหันมาแล้วเลื่อนจานของคนตัวบางเข้ามาวางด้านหน้าของตน ลงมือแกะเจ้ากุ้งตัวใหญ่ให้กฤษฏิ์อย่างไม่คิดอะไร แต่การกระทำของเขากลับทำให้คนนั่งหัวโต๊ะถึงกับหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ ..


“ ขอบคุณครับ..” กฤษฏิ์ยิ้มรับ..ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเองก็ถูกพี่ชายเคืองเข้าแล้ว... หลังทานอาหารเสร็จกรณ์ก็ลุกพรวดเดินนำทั้งหมดออกจากบ้านโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฝ่ายวิชญ์ภาสก็รีบเดินตามมาอย่างสงสัยว่าอีกคนเป็นอะไรไป ก่อนออกจากห้องยังดีๆกันอยู่เลย แล้วไหงกลายเป็นเคืองเขาอีกล่ะนี่..


“ เป็นอะไรไปหรือเปล่า..”วิชญ์ภาสถามเสียงแผ่ว เพียงให้ได้ยินกันแค่สองคน ..


“ เปล่า..” กรณ์ตอบเสียงแข็งแล้วสาวเท้าให้เร็วกว่าเดิมอย่างเซ็งๆ..กฤษฏิ์และหมอพิสิษฐ์รีบเดินตามอย่างเป็นห่วง เริ่มรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลระหว่างสองร่างที่เดินนำไปข้างหน้า ...กรณ์เกลียดตัวเองตอนนี้จริงๆ ..เกลียดที่ทุกการกระทำของอีกคนที่เขาแค้น สามารถทำให้เขาอ่อนไหว สามารถทำให้เขาสับสน ..ตลอดทุกอารมณ์ที่สามารถบังเกิดเพราะคนข้างกาย ...


ภาพเบื้องหน้าที่แสนยิ่งใหญ่หยุดความขุ่นมัว ความสงสัยทั้งหมดของทุกคนเอาไว้..ธารน้ำตกขนาดกลางที่ไหลบ่ามาจากเขาเล็กๆด้านหลัง..คือต้นน้ำสำคัญหล่อเลี้ยงชาวเกาะแห่งนี้...แอ่งน้ำสีมรกตขนาดใหญ่ ดูแล้วก็น่าว่ายไม่ใช่เล่น..สวยงาม ยิ่งใหญ่ และตรึงใจ...


“ ถ่ายรูปกันดีกว่า..” กรณ์เสนอ ..เพื่อยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้น..พลางเอ่ยชวนคนอื่นๆให้เข้ามายื่นรวมกันโดยเขายืนหน้าสุดยื่นมือไปสุดแขนเพื่อเก็บภาพได้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้


“ คุณโกรธอะไรผมหรือเปล่า..” วิชญ์ภาสกระซิบข้างหูเมื่อมีโอกาสได้ยืนใกล้ๆ...


“ เปล่า..” กรณ์หันไปตอบเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้สองคนด้านหน้าได้ยิน แต่มันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่กฤษฏิ์กดปุ่มชัตเตอร์ของโทรศัพท์มือถือ...ภาพแรกระหว่างกรณ์กับวิชญ์ภาส ..หาใช่ภาพคู่ แต่มันดูไม่ต่างอะไรจากคู่รักที่กำลังง้องอนกันอยู่..กฤษฏิ์เลื่อนมาดูด้วยความรู้สึกแปลกใจ บวกทำใจ...เฮ้อ.. สายตาที่วิชญ์ภาสมองกรณ์ในรูปทำให้เขาพอจะมองอะไรออกแล้วล่ะ...จากที่สงสัยว่ากรณ์เป็นอะไร จากที่ไม่สับสนว่ากรณ์เคืองใคร ..ภาพนั้นก็บอกทุกอย่างได้ดีที่สุดแล้ว..


กรณ์โกรธที่วิชญ์ภาสแกะกุ้งให้เขาใช่ไหม..


“ แต่คุณโกรธผมอยู่ชัดๆ..” วิชญ์ภาสไม่ยอมให้ทุกอย่างค้างคาอยู่อย่างนี้...เขาต้องการพูดให้รู้เรื่องพูดให้เข้าใจ แต่กรณ์กลับไม่ต้องการรับฟัง..


“กฤษฏิ์..พี่กลับก่อนนะ..เบื่อ..” กรณ์เชิดหน้าหันไปบอกน้องชายที่ยืนอึ้งเล็กน้อย...พร้อมร่างบางเพรียวลมเดินออกจากน้ำตกกลับไปทางเก่าที่เดินมา...วิชญ์ภาสจะเดินตามไปแต่กลับโดนกฤษฏิ์ยึดแขนไว้ก่อน

...
“อาหมอ..เดี๋ยวกฤษฏิ์มานะ..” กฤษฏิ์หันไปบอกคนตัวสูงที่ยืนมองเหตุการณ์ต่างๆอยู่ แล้วพาวิชญ์ภาสเดินหลบไปอีกทางหนึ่งเพื่อคุยบางสิ่งบางอย่างกับคนตัวหน้าใส ...เป็นร่มไม้ใหญ่ห่างจากน้ำตกประมาณสามสิบเมตรเห็นจะได้ ..

“ มีอะไรเหรอครับ..”


“ พี่วิชญ์รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้พี่กรณ์กำลังโกรธ..”


“ รู้..แต่ไม่เข้าใจว่าโกรธอะไร ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณกรณ์เขาโกรธเลยนะ..” วิชญ์ภาสพยักหน้ารับอย่างเหนื่อยอ่อน ทำไมเขาต้องไปชอบคนใจหินอย่างกรณ์ด้วยนี่...


“ พี่กรณ์คงไม่พอใจเรื่องบนโต๊ะอาหาร...กฤษฏิ์ขอพูดตรงๆเลยแล้วกันนะ..ว่าพี่กรณ์ไม่พอใจที่พี่วิชญ์มาทำดีกับกฤษฏิ์ ..พี่วิชญ์อาจคิดว่าพี่กรณ์ไม่พอใจเพราะกลัวพี่วิชญ์จะมาทำกับกฤษฏิ์ แบบที่..กฤษฏิ์ขอโทษนะ.. แบบพี่กาณฑ์..แต่จริงๆ กฤษฏิ์ว่าพี่กรณ์คงไม่พอใจเพราะกลัวพี่จะไปสนคนอื่นมากกว่า..” กฤษฏิ์อึกอักเล็กน้อย ยามพูดถึงสิ่งผิดพลาดที่วิชญ์ภาสเคยทำไว้ในอดีต


“ ...ผมไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นเลย....ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำไว้ในอดีตมันเลวร้ายจะไม่น่าให้อภัย แต่ทุกวันนี้ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกสิ่งมันดีขึ้น”


“ พี่ชอบพี่กรณ์แล้วใช่ไหม..” กฤษฏิ์คาดคั้นความจริง อยากฟังจากปากวิชญ์ภาสให้แน่ชัด ..เพราะมันจะช่วยให้กฤษฏิ์ตัดใจได้เด็ดขาด ขอเพียงวิชญ์ภาสบอก..สถานะทางใจที่เคยเผลอไผลไปกับวิชญ์ภาส ..จะกลับไปสู่จุดเริ่มต้น แค่คนรู้จักกันทันที..


“ ..ผมไม่รู้ว่าผมจะพูดอย่างนั้นได้หรือเปล่า .แต่ผมไม่เคยรู้สึกแคร์ใครมากเท่าคุณกรณ์มากก่อน ..รู้สึกกังวลทุกครั้งที่คุณกรณ์ไม่สบายใจ ไม่ชอบเวลาเขาตีหน้าบึ้ง ไม่พอใจเวลาเขาเฉยชากับผม..มันอาจจะเรียกว่าความรัก...บางทีผมอาจรักเขาเข้าแล้ว..หากรักสามารถทำให้แค้นจบสิ้น ผมก็พร้อมจะรักทั้งหมดของหัวใจ..”


“ พี่กรณ์เป็นคนใจแข็ง ..ตราบใดที่พี่กาณฑ์ยังไม่ฟื้น ..ก็คงยากที่พี่จะละลายน้ำแข็งในใจพี่กรณ์ได้..ทุกอย่างมันยังคลุมเครือเกินจะเข้าใจ ทางเดียวที่พี่จะทำให้พี่กรณ์ใจอ่อนได้..คือต้องรอให้พี่กาณฑ์ฟื้น และเคลียร์ทุกอย่างกับพี่กาณฑ์ให้จบ...เพราะตราบใดที่พี่กาณฑ์ยังเจ็บปวด..พี่กรณ์จะไม่มีวันยอมทำตามใจตัวเอง..” กฤษฏิ์เสนอด้วยความรู้สึกจริงใจ ..ขอบคุณที่วิชญ์ภาสพูดความจริง ขอบคุณที่ไม่ได้โกหก...

“ ผมหวังว่าโอกาสของผมคงจะพอมีบ้าง..”


“ กฤษฏิ์ว่ากลับกันดีกว่า...ป่านนี้พี่กรณ์คงโกรธใหญ่แล้ว..” กฤษฏิ์ยิ้มรับให้กับพี่ชายคนใหม่ ..ต่อไปหลังจากนี้เขาจะทำใจให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวิชญ์ภาสดำเนินไปเพียงเท่านี้... หากกรณ์มีความสุขเขาก็ควรจะยินดีไม่ใช่เหรอ ...ความรักไม่เคยทำร้ายใคร ..มีแต่คนเรานี่แหละที่ใช้ความรักมาทำร้ายกัน ..

“ อ้าวอาหมอไปไหนแล้วนี่..สงสัยจะกลับแล้ว ..เรากลับบ้านกันดีกว่า” กฤษฏิ์เอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาหน้าน้ำตกก็ไม่เจอใครเลยชวนวิชญ์ภาสกลับ..

อีกฝากหนึ่ง...ของชะตา..

เหมือนใครกำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของคนบางคน ..หมอหนุ่มที่แอบเดินตามกรณ์มาอย่างเป็นห่วง เดินเข้ามาหยุดนั่งข้างๆอีกคนที่หลบมาทำใจอยู่ริมโขดผาด้านข้างๆ ...มันเป็นทางแยกก่อนจะถึงบ้าน...
“ มาทำอะไรตรงนี้ครับคุณกรณ์..”


ผ่านไปอีกตอนเป็นยังงัยกันบ้างค่ะ
ขอแอบหยอดนิดหนึ่ง ตอนหน้า outdoor 
:L2:

kom-kamol

  • บุคคลทั่วไป
ชอบครับ เป็นกำลังใจให้ครับผม  o13

charus

  • บุคคลทั่วไป
สงสารก็แต่น้องคนกลาง
 :z10: :z10:


nanao

  • บุคคลทั่วไป
เหอ ๆ ตอนหน้า outdoor ด้วยอ่ะ

ว่าแต่เค้าทำอะไรกันหรอ *0*

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
:z3: คุณหมอจะเข้ามาทำให้รักกลายเป็นกี่เส้านี่  :z3:

:+vitamin+:

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] "ฟ้า" (...แค้
«ตอบ #37 เมื่อ26-05-2009 20:49:04 »

มาอ่านค่ะ
รอ outdoor เอิ้กๆ

แอบเชียร์คุณหมอให้คู่กับกฤษฏิ์  :o8:

มาต่อเร็วๆน้า

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
รอตอนต่อไปน้า มาเร็วๆๆๆๆๆๆ o13

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
แหม แหม แหม มีแต่คนมารออ่าน outdoor ทั้งนั้นเลยนะ

อาจจะผิดหวังก้อได้นะเพราะมันไม่ถึงขนาด nc อะไรหรอก

แค่กรุบกริบพอชุ่มชื่นเท่านั้นเอง ลองไปอ่านดูละกัน รู้สึกยังงัยบอกกันบ้างเน้อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 8

“ มาทำอะไรตรงนี้ครับคุณกรณ์..”


“ อาหมอ..” กรณ์เงยหน้าคนตัวสูงที่เดินก้าวเข้ามาใกล้เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองทะเลเบื้องหน้าที่ห่างออกไปอย่างสับสน..

“ เป็นอะไรหรือเปล่า...”


“ เปล่า..” กรณ์ตอบเบาๆ.. เหมือนไม่อยากจะพูดอะไรออกมา ..หมอพิสิษฐ์นั่งลงข้างๆ และไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ.. คนอย่างกรณ์คิดอะไรก็เก็บเอาไว้ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหาความจริงจากคนใจแข็ง..หากกรณ์จะพูด กรณ์ก็พูดออกมาเอง ...


ทั้งสองนั่งเงียบมาข้างกันจนเวลาล่วงเลย...ไอ้ครู่ใหญ่.. ท้องฟ้าที่เคยสดใสเริ่มแปรปรวน มีเมฆครึ้ม

“ ผมว่ากลับกันดีกว่า เดี๋ยวฝนตกแล้วจะแย่..” หมอหนุ่มเสนอ ซึ่งกรณ์ก็เห็นดีด้วยกับคำของหมอพิสิษฐ์..แต่ขณะที่คนร่างบางกำลังลุก..ก็เกิดอาการเซเพราะนั่งนานไปหน่อย..เลือดเลยเลี้ยงไม่เต็มปรี่เต็มปลั่ง.. เท้าบางเลยไถลไปกับพื้นที่ยุบยาบจนล้มลง..


“ คุณกรณ์เป็นอะไรหรือเปล่า..” หมอพิสิษฐ์รีบวิ่งเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง...


“ ไม่เท่าไหร่..แต่ปวดๆ..เท้า”กรณ์ส่ายหน้า เพื่อให้อีกคนได้คลายกังวล ..รู้สึกปวดแปลบตรงส่วนข้อเท้าที่ไถลพื้นเมื่อครู่นี้...


“ ท่าจะพลิกนะครับ..” มือแกร่งวางจับอย่างมีความรู้ และพอจะเดาอาการได้ถูก..ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือพากรณ์กลับบ้านให้เร็วที่สุด กลางป่ากลางไพรอย่างนี้ จะหาเครื่องไม้เครื่องมือก็คงลำบาก...


“ ลุกไหวไหมครับ..”

“ ..” กรณ์พยักหน้าเล็กน้อย แต่เมื่อพยายามจะยืนแรงก็แทบหมดเพราะความเจ็บปวดที่เข้ามาแทนที่..สุดท้ายเลยโดนหมอพิสิษฐ์ตวัดกายขึ้นอุ้มอย่างรวดเร็ว



“ อย่าทำอย่างนี้เลยอาหมอ..” กรณ์รู้สึกแปลกๆ กับการกระทำนี้..


“ คุณเจ็บอยู่นะ..” หมอพิสิษฐ์บอกเสียงเข้ม รีบสาวเท้าเดินไปทิศเบื้องหน้าด้วยความห่วงใย เวลานี้เขาไม่มีใจมาคิดแทะ คิดโลมอีกฝ่ายหรอก... กรณ์สำคัญที่สุด.. ฝีเท้าแกร่งกำลังเร่งทำเวลากับฝนฟ้าที่ใกล้จะตก..ดีนะที่ระยะทางมันไม่เท่าไหร่ ..ไม่กี่นาทีก็ถึงบ้าน



ฝ่ายกฤษฏิ์กับวิชญ์ภาสที่กลับมาก่อนถึงกับร้อนใจ ..โดยเฉพาะรายหลังที่ห่วงกลัวว่ากรณ์จะเป็นอะไรไปอีกตลอดชั่วโมงที่ผ่านมาก็ยังไม่นั่งลงเลย ..ได้แต่เดินวน รอคอยอย่างไร้จุดหมาย... แต่แล้ววิชญ์ภาสก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นคนของเขาอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน...ใบหน้าที่ทอประกายความห่วงใยแปรเป็นขึงขังอย่างน่ากลัว...


หมอพิสิษฐ์อุ้มกรณ์เข้ามาในบ้าน พร้อมทั้งหาหยูกหายามาทาบรรเทาความเจ็บ ..ตามหลักที่เคยร่ำเรียนมา... วิชญ์ภาสได้แต่ยืนมองอย่างทำอะไรไม่ได้.. เขารู้สึกเหมือนถูกแปลกแยก รู้สึกเหมือนเป็นใครสักคนที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของกรณ์..


“ ขอบคุณอาหมอมาก..ถ้าไม่ได้อา..คงแย่..” กรณ์บอกเสียงแผ่ว..ก่อนที่กฤษฏิ์จะพยุงพาไปพักในห้องอย่างรวดเร็ว ..นอกห้องจึงมีเพียงหมอพิสิษฐ์ที่ถูกเคืองอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ..สายฝนที่พร่าพร่ำลงมาทำให้ทุกสรรพเสียงอื่นใดถูกกลบจนหมดสิ้น..


“ พี่ไปไหนมา..รู้ไหมว่าพี่วิชญ์เป็นห่วงแค่ไหน..” เมื่อพากรณ์ก้าวเข้ามานั่งบนเตียงได้สำเร็จ...กฤษฏิ์ก็เอ่ยปากถามพลางยกเอาชื่ออีกคนมาเสริม


“ ช่างหัวมันสิ..” กรณ์ข่มความจริงในใจ...พลางกระชากเสียงตอบ


“ เฮ้อ..ไม่รู้แล้ว ..คนเขาเป็นห่วง ไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ กฤษฏิ์ไปดีกว่า..” กฤษฏิ์ส่ายหน้ากับอาการแข็งกระด้างยามชื่อของวิชญ์ภาสปรากฏออกมา ..กรณ์นี่นะ...เมื่อเห็นว่ากฤษฏิ์เดินออกมาวิชญ์ภาสเลยรีบเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างห่วงใยอีกคน ..เขาแทบจะเป็นจะตายเมื่อรู้ว่ากรณ์ยังไม่กลับ จะไปตามก็ถูกกฤษฏิ์ห้ามไว้เพราะกลัวจะสวนกันอีก.. การนั่งรอโดยไร้จุดหมาย มันช่างทรมานเข้าได้มากมายสิ้นดี...



“ คุณเป็นไงบ้าง..ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า..” วิชญ์ภาสนั่งลงตรงปลายเตียง พลางเอ่ยถามด้วยความห่วงใย



“ จะเป็นจะตายมันก็เรื่องของฉันแกไม่เกี่ยว..” เพราะยังกรุ่นๆในอารมณ์ เรื่องบนโต๊ะอาหารเลยทำให้กรณ์เลือกจะใช้ทิฐิมากกว่าความรู้สึกจริงๆในใจ .. มันยากนักที่จะเก็บอาการ ..แต่กรณ์ก็ทำได้แนบเนียนจนวิชญ์ภาสไม่อาจจับผิดได้..

“ ทำไมจะไม่เกี่ยว..”


“ อย่ายุ่งเลย..ฉันจะนอนแล้ว..” กรณ์เบี่ยงตัวไม่อยากสนใจคนปลายเตียง ..พลางตั้งท่าจะล้มตัวนอน แต่ก็ถูกหนึ่งเสียงขวางเอาไว้เสียก่อน


“ ทำไม..ผมจะยุ่งไม่ได้ หรือต้องเป็นไอ้หมอนั่นถึงยุ่งได้..” วิชญ์ภาสกระชากเสียงถาม อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน มันดูน่ากลัวจะกรณ์ตกใจไม่น้อย.. พักหลังมานี้ วิชญ์ภาสอ่อนโยน และเอาใจกรณ์อย่างมาก แต่เวลานี้ปีศาจร้ายที่หลับใหลกำลังถูกความหึงหวงกระชากออกจากอารมณ์ส่วนลึก

“ ออกไปจากห้องฉัน..” กรณ์กราดตอบอย่างไม่กลัวเกรง..แต่ร่างบางก็กลับถูกกระชากให้เข้ามาใกล้..พร้อมริมฝีปากที่ซุกไซ้ไล้ดะอย่างกระหาย...


“ ออกไป..” กรณ์ตวาดซ้ำ.. รวบรวมแรงที่มีแล้วผลักให้วิชญ์ภาสออกห่างพร้อมทั้งฝ่ามือที่ฟาดตามเป็นระลอกสอง แรงที่ส่งมาหาได้เจ็บช้ำมากมายเท่าภายในหัวใจ ..วิชญ์ภาสห่วงกรณ์แทบเป็นแทบตาย แต่กลับได้รับการตอบแทนเช่นนี้หรือ..


“ ใช่สิ..ผมมันเลว..มันไม่ได้สำคัญอะไรต่อคุณเลย” วิชญ์ภาสชะงักกลางอากาศเจ็บปวดอย่างหาสาเหตุระงับมิได้ ..เขาดึงกายที่ทาบทับอีกคนขึ้น แล้วเดินลงส้นออกจากห้องไปทันที... ร่างหนั่นหนาเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงฟ้ากลัวฝน..ฝ่าความหนาวเหน็บที่สาดลงมาจากเบื้องบนด้วยความสับสน..



“ พี่กรณ์..เกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่วิชญ์เดินออกไปอย่างนั้นล่ะ..” กฤษฏิ์รีบวิ่งเดินเข้ามาถาม เพราะห้ามวิชญ์ภาสยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ฟัง..จึงมาถามเอาความจริงจากพี่ชายแทน


“ มันจะเป็นจะตายก็ช่างหัวมัน ...”



“ พี่กรณ์..จะไม่มีเหตุผลไปหรือเปล่า ..พี่วิชญ์เขาห่วงพี่แค่ไหน ทำไมถึงทำอย่างนี้ล่ะ..” กฤษฏิ์รับรู้ได้ถึงความห่วงใย และห่วงหาที่วิชญ์ภาสถ่ายทอดออกมาในระหว่างที่ยังนั่งรอ กรณ์กลับมา... แต่สายตาว่างเปล่า ที่แฝงรอยเจ็บปวดเมื่อครู่ ..มันทำให้กฤษฏิ์กลัว..กลัวว่าวิชญ์ภาสจะทำอะไรบ้าๆลงไป...


“ พี่กรณ์จะอยู่นี้ก็ตามใจ..ถ้าไม่ไปตามพี่วิชญ์กับกฤษฏิ์...กฤษฏิ์จะไม่มีวันคืนพี่วิชญ์ให้อีก..จะให้พี่วิชญ์ทำให้กฤษฏิ์เจ็บปวดอย่างที่พี่กาณฑ์เจอ ..จะทำให้พี่ได้รู้ว่าพี่เป็นคนผลักกฤษฏิ์ให้ลงนรก..” กฤษฏิ์งัดไม้เด็ดขึ้นมาสู้ พลางเดินฝ่าฝนออกจากบ้านไปตามวิชญ์ภาสที่ทิ้งห่างไปหลายนาที.. กรณ์ได้แต่นั่งสะอึกไม่นึกว่าน้องชายจะกล้าพูดถึงขนาดนี้...หากกฤษฏิ์จะเจ็บ ..แสดงว่าเขามีส่วนใช่ไหม...


กรณ์ตัดสินใจพยุงกายขึ้นจากเตียงอย่างเร่งรีบ...ไม่ได้...เขายอมไม่ได้... ในใจอีกส่วนก็บอกเขาให้เดินออกไป เดินไปเพื่อพาวิชญ์ภาสกลับมา...



“ จะไปไหนคุณกรณ์..”


“ อาหมอ..ไปตามกฤษฏิ์หน่อยนะ..” กรณ์ไหว้วานอีกคน พลางกระเผลกเท้าเดินออกไปจากผ่าน ฝ่าสายฝนเป็นคนที่สาม... ความเจ็บปวดที่เท้าดูจะไร้ผลไปเสียสนิท เมื่อใจมีอิทธิพลเหนือสิ่งอื่นใดๆ.. กรณ์เดินไปตามทางที่ค่อนข้างแฉะและลำบาก... เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาเองกำลังตกอยู่ในแผนของน้องชายตัวเล็ก...


ทันทีที่กรณ์เดินลับไปทางเดียวกับวิชญ์ภาส ..กฤษฏิ์ก็เดินออกจากที่ซ่อนแล้วกลับไปบ้านทันที.

“คุณกฤษฏิ์..” หมอพิสิษฐ์ที่เดินมาตามชะงักเล็กน้อย ..


“ กลับบ้านกันดีกว่า...” กฤษฏิ์ยิ้มให้พร้อมปากที่สั่นไปมา... ความหนาวเหน็บที่เกิดทำให้ร่างบางคว้าเข้ากอดอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างเร็ว



“ อาหมอ..กฤษฏิ์กอดหน่อยนะ..หนาวชะมัด..” กฤษฏิ์บ่นเบาๆ..ก่อนที่แขนแกร่งของอีกคนจะกระชับให้ความอุ่น.. กฤษฏิ์ในเวลานี้ก็เป็นได้มากที่สุดก็แค่เด็กขี้อ้อน ดวงตาห่วงหาของหมอหนุ่มยังคงทอดไปในเส้นทางที่กรณ์เดิน.. แต่ก็ต้องตัดใจพากฤษฏิ์กลับบ้านไปก่อนที่อีกคนจะเป็นอะไรไป..



ส่วนวิชญ์ภาสที่เดินออกมาจากบ้านเมื่อหลายสิบนาทีก่อน..ก็มาหยุดอยู่ใต้ร่มไม้ตรงส่วนกลางเกาะ..ทางไปน้ำตกนั่นแหละ...เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนี้ ..ภายในใจรู้สึกสับสน..ไม่เข้าใจ ..ทั้งยังน้อยใจที่เขาไม่เคยมีความสำคัญอะไรต่อกรณ์เลย ..ความแค้นที่กรณ์มีมันคงมากมายเกินกว่าความดีที่เขาทำจะลบล้าง..หากกรณ์จะแค้น เขาก็ขอทรมานตัวเองเสียดีกว่า ...


กรณ์เดินมาตามเส้นทางเก่าด้วยสัญชาตญาณของความคิด เวลานี้ความเจ็บปวดเหมือนชาชินจนเลือนหายไร้ความรู้สึก..เดินมาสักครู่ใหญ่ก็เห็นใครที่เขาออกมาตามกำลังนั่งกอดอกตากฝนอยู่...



“ เป็นบ้าอะไรถึงได้มานั่งตากฝนอย่างนี้..” กรณ์กระชากเสียงถามฝ่าสายฝน... จนคนที่หลับตาอยู่พานจะเข้าใจไปว่านี่คือฝัน ...วิชญ์ภาสลืมตาขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่ากรณ์จะเดินออกมาตามเขา.. ร่างสูงยืนขึ้นทันทีรีบปรี่เข้าหาอีกคน..


“ คุณ..คุณจริงๆด้วย..”ความดีใจจากส่วนไหนก็ไม่รู้ ..รวมรั้งจนแปรเปลี่ยนออกมาเป็นหยดน้ำตา..วิชญ์ภาสคว้าร่างที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้าเข้ามากอดอย่างดีใจ ..พลางพากรณ์ไปหลบอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่เมื่อครู่... กรณ์ยินยอมเดินตามโดยง่ายไม่ขัดขืนใด..ๆ


“ ผมนึกว่าจะไม่ได้เห็นคุณอีกแล้ว..” วิชญ์ภาสเปรยเบาๆ ..เมื่อร่างของทั้งสองนั่งลงกับพื้น..คนตัวใหญ่ดึงให้กรณ์ที่ร่างแบบบางกว่าขึ้นมานั่งบนตักเขา..พลางซุกไซ้แขนไปรั้งร่างเล็กไว้อย่างสุดหวง ..



“ บ้าแกแล้ว..ลำบากฉันจนได้..”



“ ผมดีใจที่อย่างน้อยคุณก็ไม่ปล่อยผมไว้..”


“ ถ้ากฤษฏิ์..” กรณ์ตั้งท่าจะปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้วิชญ์ภาสเข้าใจไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงใจของกรณ์ก็แอบห่วงวิชญ์ภาสอยู่เหมือนกัน..

“ อย่าพูด..ผมขอร้องว่าอย่าพูดให้ผมเข้าใจไปอย่างนี้เถอะนะ..” วิชญ์ภาสร้องห้ามเสียงสั่น..มันเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่เขารู้สึกเช่นนี้.. ชายหนุ่มทรงเสน่ห์ ที่เอาแต่หลอกฟันคนอื่นมาหลายปี..แต่กลับเจอพิษรักทำให้อ่อนแอ แค่กรณ์ไม่พอใจ ..วิชญ์ภาสก็แทบบ้าจนเดินฝ่าฝนออกมาอย่างไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ..


“ ช่างแกล่ะกัน..” กรณ์ยินยอมไม่สาวความต่อ..รับรู้ได้ถึงความเสียใจจากอีกร่างที่ถ่ายมา..เมื่อศีรษะทุยๆเปียกน้ำเลื่อนมาซบที่ซอกคออุ่นๆก็ทำให้กรณ์สะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยินยอมให้เป็นไปเช่นที่วิชญ์ภาสต้องการ..

“ คุณหนาวไหม..” หลังสงบสติอารมณ์ได้..วิชญ์ภาสก็เอ่ยถาม...


“ ..” กรณ์พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมร่างที่ถูกกระชับถ่ายไออุ่นมากขึ้น...ตอนนี้เขาไม่อยากจะสนใจอะไร ไม่อยากจะให้เรื่องยุ่งยากและสับสน ..สัมผัสที่มีอยู่ตรึงตรามากมายกว่าไออุ่นใดในโลก...กรณ์กำลังเผชิญหน้ากำลังการต่อต้านความรู้สึกตัวเองอีกครั้งแล้วเหรอนี่...


“ คุณกรณ์..” เสียงแผ่วข้างหูทำให้กรณ์หันมองคนพูดเล็กน้อย.. ก่อนจะได้ท้วงอะไร ริมฝีปากของกรณ์ก็ถูกสัมผัสจากอีกคนอย่างรวดเร็ว..แต่มันกลับนุ่มนวลละมุนกว่าจูบใดๆ..



“ ผมคิดว่าผมชอบคุณเข้าแล้วจริงๆ..” วิชญ์ภาสยอมเผยความรู้สึกที่เขามีออกมาอย่างชัดเจน ..เขาไม่อยากปกปิด ไม่อยากหลบซ่อนอีกแล้ว..


“คือ..” กรณ์ชะงัก ..รีบหลบสายตาที่มองมาด้วยความตื่นเต้น.. เขารับรู้ได้ทันทีว่าใบหน้าขาวๆร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ..ใจสั่น ..ใจเต้น แทบทะลุ..


“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสเรียกกรณ์อีกครั้ง


“ อะไรอีก..” เสียงนั่นคล้ายจะบ่นเบาๆ แต่กลับไม่ได้เป็นเช่นที่แสดง..กรณ์กำลังแก้เขินด้วยการข่มเสียงให้ดังกลบ ..


“ ผมเข้าไปได้ไหม..” คำถามที่เอ่ยเชิงวอน..มันดูนุ่มนวล สุภาพ และจริงใจ มากกว่ากระหายใคร่ได้...

“ เข้าไปไหน..”



“ในตัวคุณ..” คำที่ตอบกลับมาทำให้หน้าของกรณ์แดงซ้ำอีกรอบ..



“ จะบ้าเหรอ..กลางป่านี่นะ..” กรณ์แย้งเสียงขุ่น.. เขากำลังจะบอกอะไรเหรอ ถ้าไม่ใช่กลางป่าเขาจะยอมงั้นสิ...วิชญ์ภาสยิ้มเบาๆ..ก่อนจะเริ่มวางริมฝากอิ่มไปบนต้นคอขาวๆ..มือข้างหนึ่งก็เลื่อนเข้าไปดึงเจ้าเสื้อยืดที่วิชญ์ภาสเลือกให้ตอนเช้าออกอย่างรวดเร็ว


“ ทนหน่อยนะครับ..” วิชญ์ภาสกระซิบบอกเบาๆ...ก่อนจะกระตุกเชือกกางเกงเลของตนออก.. และไม่ลืมยื่นมือไปจัดการให้กับกรณ์ที่เริ่มเปลือยเปล่าเพราะความต้องการ ..แม้จะอาย ..แต่เมื่อถูกวิชญ์ภาสสัมผัสมันก็พร้อมจะเดินร่วมทางไปอย่างไม่อิดออด...


“ ที่ผมพูดเมื่อกี้..ผมพูดจริงๆ.. ผมชอบคุณนะคุณกรณ์..” วิชญ์ภาสย้ำอีกครั้งก่อนจะจับความมั่นคงที่หมายมาดจะลงหลักปักฐานในส่วนรับที่เหมาะเจาะ.. อีกมือของวิชญ์ภาสก็ประคองกรณ์ให้ค่อยๆนั่งลงทาบทับความร้อนแรงในกายเขา..มันค่อยๆเลื่อนครอบอย่างนุ่มนวล...


ลิ้นสากเลื่อนไล่..บนยอดอกสีชมพูอ่อนอย่างว่องไว..จนกรณ์ต้องบิดตัวเร่าๆ เพราะความซ่านที่สะท้านทั้งส่วนบนส่วนล่าง...


“ อื้อ...” เสียงหวานที่ลอดผ่านริมฝีปากดูจะปลุกอารมณ์ของวิชญ์ภาสให้เพิ่มมากขึ้น ..ชายหนุ่มรวบรวมแรงที่มีทั้งหมด..


“ โอบคอผมไว้นะครับ..อ่า..” วิชญ์ภาสบอกเสียงสั่น..เพราะความหนั่นหนาที่เสียดรัดกับความร้อนแรงของสองกาย ..กรณ์ยินยอมทำตามอย่างง่ายดาย..ไม่ว่าวิชญ์ภาสจะพาไปไหน..กรณ์ก็พร้อมจะไปทุกที่... เมื่อแขนเรียวโอบคอของวิชญ์ภาสไว้มั่น..ร่างสูงก็ยกคนที่นั่งอยู่ด้านบนขึ้นยืน..ท้าฟ้า ท้าลม.....


“ คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ผมมีความสุขแค่ไหน..” วิชญ์ภาสพูดไปขณะที่ร่างกายยังคงเคลื่อนไหว...กรณ์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยไม่กล้ามองวิชญ์ภาสตรงๆ..


“ ..อื้อ...” กรณ์ถูกสัมผัสอีกครั้งตรงริมฝีปาก..พร้อมลิ้นร้อนที่เปิดง้างเข้าไปสัมผัสความอ่อนนุ่มภายในด้วยความหลงใหล... ทั้งฝน ทั้งฟ้าดูไม่มีอิทธิพลใดต่อสองร่างที่ถ่ายทอดความปรารถนาให้กันแก่กัน...มากมาย กว่าเวลาจะผ่านเข้ามากั้น...

..เมื่อการเดินทางสุดท้ายปรากฏขึ้น..วิชญ์ภาสก็จัดการประคองอีกคนให้นั่งลงบนกางเกงที่ถอดวางไว้กับพื้น..หลังแกร่งเอนลงอิงกับต้นไม้ด้านหลัง..โดยมีกรณ์นั่งลงอยู่บนตัก..ส่วนเชื่อมต่อของสองกายยังคงปักหลักในส่วนรับไม่แปรผัน...พร้อมจะเริ่มต้นศึกครั้งใหม่ได้ทุกเวลา ..

..กรณ์ที่เหนื่อยหอบเอนร่างบางที่อีกคนหลงใหลลงซบบนเรือนกายที่แข็งแกร่ง..มีมืออีกคนเอื้อมมาโอบเอวบางประสานกันไว้ทางด้านหลังอย่างพอเหมาะพอเจาะ.. ตกลงระหว่างทั้งสองคืออะไรกันแน่นี่...

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 :o8: :-[  เหอๆๆๆๆน่ารักทั้งคู่   สู้ๆๆๆ   รอตอนต่อไปค่ะ   ขอบคุนค่า o13 :t3:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
กรีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส  :pighaun:

nanao

  • บุคคลทั่วไป
ยอม ๆ ทำตามใจตัวเองได้แล้วคุณกรณ์ *-*

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
โฮะๆๆๆ  :mc4: :mc4:  :z1:

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
มารอค่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 

doomare

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ

กลางป่า กลางเขา :oo1: :oo1:

แถมฝนตกอีก

ช่างไม่กลัวฟ้าผ่าเอาซะเลย

ชอบๆๆ ซะงั้น :-[

Catrina

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งมาอ่าน แล้วก็ติดเลย
ตอนล่าสุดนี่ ช่างไม่กลัวฟ้าผ่าซะจริงๆ
มาต่อเร็วๆนะคะ
 :pig4:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
kitty  ยังมีที่น่ารัก กุ๊กกิ๊กอีกเยอะ ต้องติดตามค่ะ

pongsj  กรีสดังขนาดนี้แสดงว่าชอบใช่มั้ย 55555

SomLove  จะให้กรณ์ทำตามใจตัวเองต้องรออีกซักระยะ น้องยังไม่ฟื้นเลยนะ

THIP  ขอบคุณค่ะ เข้ามาอ่านทุกตอนเลย

doomare  แหม แหม แค่ฟ้าฝนจะกลัวทำไม ถ้าใจต้องการ หุ หุ

Catrina  ยินดีตอนรับค่ะ ตามกันไปจนจบนะค่ะ


คนอ่านชอบ คนแต่งปลื้ม คนโพสก็ดีใจ  :L2:

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
มารอค่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 9

กรณ์ที่เหนื่อยหอบเอนร่างบางที่อีกคนหลงใหลลงซบบนเรือนกายที่แข็งแกร่ง..มีมืออีกคนเอื้อมมาโอบเอวบางประสานกันไว้ทางด้านหลังอย่างพอเหมาะพอเจาะ.. ตกลงระหว่างทั้งสองคืออะไรกันแน่นี่...

“ คุณเหนื่อยไหม..”

“ ไม่เหนื่อยบ้าสิ..” กรณ์ตอบอย่างลืมตัว..ทำให้คนที่กอดเขาอยู่มีความสุขใช่น้อย แม้มันจะยังเลือนรางไม่ต่างจากความฝัน แต่วิชญ์ภาสจะทำให้ทุกอย่างมันค่อยๆชัดเจนเอง ...ร่างสูงรวบเสื้อผ้าของกรณ์มาแต่งให้อีกคนอย่างรวดเร็ว ส่วนเขาก็ไม่รอช้า...

“ ผมแบกคุณกลับดีกว่า..” วิชญ์ภาสเสนอ...

“ ไม่เอา..”

“ ผมไม่ยอมให้คุณต้องเจ็บไปมากกว่านี้หรอก..” วิชญ์ภาสส่ายหน้าไม่ยินยอม..ดึงมือออกนั้นมาไพล่ไหล่ของเขา แล้วย่อกายลง...เพื่อให้อีกคนได้ขึ้นขี่หลัง.อย่างที่หวัง.. วิชญ์ภาสกระชับช่วงต้นขาของคนด้านหลังให้เข้ามาเล็กน้อย เพื่อง่ายต่อการแบก..

“ หนักไหม..”อาจเพราะลมที่พัดมาแรงเกินไป หรืออาจเพราะฝนที่หนาวเหน็บจนเก็บไปฟุ้งซ่าน ..ทำมันให้คนปากแข็ง แสนเย็นชาปริปากเพื่อถามอีกคนด้วยน้ำเสียงกังวล..

“ คุณตัวเบาจะตายไป..” วิชญ์ภาสส่ายหน้าเบาๆ.. ปล่อยมือข้างหนึ่งจากต้นขาของกรณ์มาชั่วครู่เพื่อดึงแขนของกรณ์ให้ต่ำลงมาอีก..จนหน้าของกรณ์เลื่อนมาคลออยู่ใกล้กับหน้าของอีกคน ...วิชญ์ภาสจึงยอมเลื่อนมือกลับไปจับต้นขาของคนที่แบกอยู่..

“ ทนหน่อยนะครับ..เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว..” วิชญ์ภาสบอกเบาๆ กับคนที่แนบหน้ากับเขาอยู่..ใครจะรู้ล่ะว่าตอนนี้ใบหน้าหวานๆมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างอิ่มใจ ..แต่วิชญ์ภาสคงไม่มีทางมองเห็น...

ชายหนุ่มแบกพาประธานแห่งบ้านสายลม..กลับมายังบ้านพักในเวลาต่อมา...กฤษฏิ์และหมอพิสิษฐ์ต่างพักอยู่ในห้องของแต่ละคน ปล่อยให้ทั้งบ้านเป็นเวลาส่วนตัวของกรณ์กับวิชญ์ภาสโดยแท้...

“ คุณถอดเสื้อก่อนนะเดี๋ยวจะเป็นหวัด..” เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องวิชญ์ภาสก็แบกพากรณ์ไปวางไว้ในห้องน้ำอย่างเบามือ..ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายออกอย่างสุภาพ จากนั้นก็เอื้อมไปจัดการกับกางเกงเลที่เปียกฝน...

มือแกร่งตวัดผ้าขนหนูผืนหนามาคลุมกายที่เริ่มสั่นเบาๆ.

.. วิชญ์ภาสจัดการเปิดน้ำอุ่นจากเครื่องลงในอ่างอย่างรวดเร็ว ระหว่างรอน้ำเต็มก็หันมาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกเพราะสภาพมันไม่ได้แตกต่างอะไรจากกรณ์นัก.. คนที่นั่งอยู่ถึงกับเบือนหน้ามองไปทางอื่น...ในกายเริ่มร้อนเพราะความตื่นเต้น แม้จะเห็นกันจนหมดไส้หมดพุง แต่ทุกครั้งมันก็มักเกิดอาการนี้ขึ้นเสมอ.

..
..” เป็นอะไรไปครับ..หน้าคุณแดงมาก..” วิชญ์ภาสที่หยิบมาอีกผืนมาพันกายปกปิดส่วนซ่อนเร้นเรียบร้อย ก็หันกลับมาสนใจกรณ์ที่ยังคงนั่งรออยู่..

“..เปล่า..” กรณ์ส่ายหน้าเล็กน้อย ...


“ เท้าคุณเป็นไงบ้าง...” วิชญ์ภาสเห็นว่ากรณ์ปฏิเสธเลยไม่อยากคาดคั้น เพราะรู้ซึ้งดีว่าวิสัยของกรณ์นั่นเป็นยังไง..เขาเลือกจะหันไปให้ความสนใจกับข้อเท้าที่พลิกเป็นอันดับต่อมา...เจ้าของร่างสูงหนั่นค่อยๆลดลงนั่งลงคุกเข่ากับพื้นห้องน้ำ...ยื่นมือไปประคองเท้าของกรณมาวางไว้บนหน้าตักอย่างเบามือ..

“ โอ๊ย..” ความเสียวแปลบที่หายไปกลับมาอีกครั้ง..กรณ์ลืมไปด้วยซ้ำว่าขาเขายังเจ็บอยู่..

“ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณต้องเจ็บ..เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จผมจะไปหายามาทาให้ใหม่..” มือแกร่งลูบไปบนข้อเท้าเรียวอย่างไม่นึกรังเกียจ เมื่อทุกส่วนในร่างกายคือส่วนประกอบของคนที่รัก ..เขาก็พร้อมจะรับมัน ..อย่างสุดหัวใจ..

“ น้ำเต็มแล้ว..” กรณ์ที่เริ่มไปไม่เป็นจำต้องร้องบอก ..เป็นช่วงเวลาเดียวกับน้ำเริ่มปริ่มอ่าง..

“ ครับ..” วิชญ์ภาสเงยขึ้นมอง..แล้วลุกขึ้นยืนข้างๆอ่างน้ำ..พลางยื่นมือไปไล่วนอยู่ภายในเมื่อวัดอุณหภูมิดู..เมื่อเห็นว่าอุ่นได้ที่แล้ว..จึงหันมาสนใจคนที่นั่งรออยู่...วิชญ์ภาสค่อยประคองให้กรณ์ยื่นขึ้นก่อนจะตวัดผ้าเช็ดตัวที่ปกปิดร่างกายออก แล้วอุ้มร่างเปล่าที่ปรากฏร่องรอยแดงเพราะวิชญ์ภาสหลายที่..ค่อยๆหย่อนลงในอ่างอย่างสุดรัก..จากนั้นก็จัดการผ้าเช็ดตัวของตนบ้าง..เขาไม่รอช้าถลาลงไปอย่างเร่งรีบ..อ่างใบใหญ่กับคนสองคน...

“ ดีขึ้นไหม..”

“..” กรณ์พยักหน้ารับอย่างอายๆ..มันเป็นครั้งแรกที่อาบน้ำร่วมกับคนอื่น แถมคนตรงหน้ายังเป็นคนที่ทำให้ใจกรณ์หวั่นไหวอีก..ทุกอย่างเลยเลยเถิดไปใหญ่..

“คุณกรณ์..”

“..” กรณ์ชะงักมองหน้าคนที่เรียกชื่อเขา... แต่เพียงเสี้ยววินาทีร่างที่ยึดหัวหาดอยู่อีกฝั่งของอ่างก็โผเข้ามาใกล้สุดใกล้..ริมฝีปากของคนหน้าหล่อวางกดลงบนปากเรียวบางของกรณ์เบาๆ... มือบางยกขึ้นยันอกแกร่งตามสัญชาตญาณ...

“ เจ็บอยู่เลย..” กรณ์บอกเสียงแผ่วเหมือนเขาจะรู้ว่าวิชญ์ภาสต้องการอะไร..


“ ..” วิชญ์ภาสยิ้มรับในความน่ารักของอีกคน..ประทับริมฝีปากลงบนหน้านวลปลั่งฝาดชมพูอย่างหลงใหลไปอีกครั้ง ...

“ ครับ..”

มือของคนตัวหนั่นเอื้อมหยิบสบู่เหลวมาเทบีบและตีฟองในมือให้ฟู่ฟ่อง..ค่อยๆชโลมฟอกลงบนกายบางของอีกคนอย่างทะนุถนอม...ไม่ว่ามือของวิชญ์ภาสจะแตะตรงไหน กรณ์ก็มักสะดุ้งทุกคราว... ใบหน้าเริ่มร้อนแดงอย่างห้ามมิได้..เมื่อสองกายมีความรู้สึกที่คล้าย เมื่อสองกายมีหนึ่งอารมณ์ที่เหมือนกัน... รัก.. เกิดขึ้นแล้วใช่ไหม


หลังจากจัดการให้กรณ์เสร็จ..วิชญ์ภาสก็ชโลมสบู่ลงบนกายหนาที่แข็งแกร่งด้วยกล้ามเนื้อบ้าง..แต่มิวายยกมือของอีกคนมาวางทาบบนอกของตน..กรณ์เหลือบตามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย..เมื่อพบว่ามือแกร่งที่กำลังจับข้อมือของกรณ์ลากพาให้ลูบไล้ไปตามลำตัวที่หนั่นแน่น...

“ หนาวแล้ว..” กรณ์บอกเสียงสั่นก่อนที่ความเขินอายจะดำเนินไปมากกว่าเดิม

...
“ ครับ..เราขึ้นกันดีกว่า..” วิชญ์ภาสหัวเราะเบาๆ ในท่าทีหวาดๆของกรณ์.. เขารวบร่างบอบบางขึ้นยื่น แล้วกวักน้ำจากอ่างขึ้นไล่ฟองสบู่ออกจนหมด

..แล้วจัดการหาผ้าเช็ดตัวมาห่อกายบางไว้อย่างถนอม..มันไม่ต่างจากคืนก่อนที่วิชญ์ภาสจะอุ้มพาคนในอ้อมอกกลับไปส่งบนที่นอน ก่อนจะกอดกันบนที่นอนแสนหนานุ่ม... ร่างเปล่าที่ไร้สิ่งปกปิด..เบียดชิดหาไออุ่นของกันและกัน.. มันไม่ได้ล่วงเลยไปไกลเช่นครั้งก่อนๆ..วิชญ์ภาสอยากให้คนที่เขารักได้พักผ่อน...

“ ฝันดีนะครับ..” วิชญ์ภาสบอกเบาๆ..ก่อนจะผละกายลุกขึ้นไปแต่งตัว..และเดินไปหยิบยาบรรเทาความเจ็บปวดมาทาให้กรณ์...มือกร้านวางลงอย่างเบาบาง..พยายามมอบสัมผัสที่นุ่มนวลที่สุดเพราะไม่อยากให้กรณ์ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว..

‘เพราะผมแท้ๆ...ข้อเท้าคุณถึงบวมขนาดนี้’ วิชญ์ภาสพึมพำเพียงลำพังในใจ .. ระหว่างที่สายตายังคงจ้องมองข้อเท้าที่เกิดการอักเสบ เพราะฝืนเดินออกไปตามวิชญ์ภาสเมื่อหลายชั่วโมงก่อน... ไหนจะต้องตากฝนกันอีกเป็นชั่วโมง ..ประสบการณ์วันนี้เขาจะไม่ลืมเลือนเลย .. ขอบคุณจริงๆที่ฟ้าทำให้เขาเป็นคนเลว ..เพราะหากเขาไม่เลว..เขาก็จะไม่มีทางได้เจอกรณ์...


“หนาวจัง..” เสียงสั่นๆจากคนที่หลับตาทำให้วิชญ์ภาสชะงักตื่นจากความคิด..เงยหน้าขึ้นก็เห็นนัทเริ่มหน้าซีด ตัวสั่นเทา..อาการชักไม่ค่อยดี..

“ มีอะไรเหรอครับ..” หมอหนุ่มเดินก้าวมาเปิดประตูห้องอย่างสงสัย..เมื่ออยู่ๆวิชญ์ภาสก็มาเคาะประตูห้อง

“ คุณหมอมียาไหมครับ..คุณกรณ์ไม่ค่อยสบาย..”


“ ยาเหรอ..ผมพกมาแต่พวกพาราฯ แต่ถ้าไม่หนักหนาอะไรก็กินกันไข้ไว้ได้ครับ..” หมอพิสิษฐ์ชะงักเล็กน้อยเพราะน้ำเสียงที่ออกมาจากคนตรงหน้า ดูจะจริงจังจริงใจห่วงใยกรณ์อย่างมาก... พิสิษฐ์พยักหน้ารับแล้วเดินกลับไปหยิบกล่องยาพาราเซตามอลในกระเป๋าสะพายที่พกมา..

“ นี่ครับ..”

“ ขอบคุณครับหมอ...” วิชญ์ภาสยิ้มให้เบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของกรณ์อย่างห่วงใย.. ดวงตาคู่เรียวจากหมอหนุ่มตัวสูงดูจะอาลัยอาวรณ์ใช่น้อย.. ทำไมเขาถึงไม่ใช่เจ้าของผู้ครองร่างกาย และหัวใจกรณ์นะ..ทำไมคนที่เดินเข้ามาด้วยความแค้นถึงได้มีสิทธิเข้าใกล้กรณ์ล่ะ...

“ อาหมอ..”

“ เอ้าคุณกฤษฏิ์มาตั้งแต่ตอนไหนนี่.. แล้วนั่นจะหอบหมอนไปไหนเหรอ..” หมอพิสิษฐ์หันกลับมาทางต้นเสียงที่เรียกเขา สังเกตเห็นคนตัวบางร่างอ่อนแอ้นในชุดสีฟ้าลายตุ๊กตาก็อดจะยิ้มไม่ได้... มือเรียวกำลังกอดหมอนหนุนใบใหญ่ไว้แน่น..

“ กฤษฏิ์นอนด้วยสิ..”

“ ฮะ..” พิสิษฐ์เบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำนั้น..


“ ฝนตกหนักจะตาย...อาก็รู้ว่ากฤษฏิ์ไม่ค่อยถูกโรคกับ..เอ่อ.. ไม่พูดดีกว่า ..กฤษฏิ์นอนด้วยนะ..กฤษฏิ์ไม่กล้านอนคนเดียว...” กฤษฏิ์ยิ้มให้เจื่อนๆ สายตาหวาดๆมองกวาดไปซ้ายขวา บรรยากาศตอนนี้มันน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร ทั้งฝน ทั้งลม ไหนจะท้องฟ้าที่เริ่มมืดมิด..เฮ้อๆ...( บรรยากาศเสียตัวชัดๆ..)


“ ตามใจครับ..” พิสิษฐ์ยิ้มให้เบาๆ..แล้วเดินนำกฤษฏิ์ก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ..ร่างสูงล้มลงบนเตียงขนาดกลางอย่างเร็ว ถ้าเป็นคนทั่วไป..คงนอนได้อย่างสบายๆสองคน แต่หมอพิสิษฐ์ทั้งสูงทั้งใหญ่เลยกินที่ไปมากกว่าครึ่ง ...

“ โห..อาหมอ..แกล้วกฤษฏิ์ป่ะนี่..” เด็กหนุ่มบ่นโอด เมื่อพื้นที่ของเตียงเหลืออยู่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย..แต่จะทำไงได้ล่ะ.. กฤษฏิ์มาพึ่งใบบุญของอีกคนนี่ จำต้องล้มลงนอนในที่ที่เหลืออยู่อย่างเลือกไม่ได้..

.
...ฟู่ๆ ... ปัง


“ เฮ้ย..” เสียงลมที่พัดเข้ามา กระทบบานหน้าต่างเข้าจนเสียงดัง...กฤษฏิ์กระโดดโหยงโผเข้ากอดอีกร่างที่นอนแผ่อยู่ข้างกาย...

“ ไม่มีอะไรสักหน่อยคุณกฤษฏิ์..”


“ ก็กฤษฏิ์กลัวนี่..” เสียงของคนตัวบางชักสั่น.. กฤษฏิ์ไม่ค่อยชอบบรรยากาศอย่างนี้เลย มันดูน่าประหวั่น แสนเหงา และอ้างว้าง ...

“ งั้นก็นอนเถอะ..อย่าคิดอะไรมากเลยครับ..” หมอพิสิษฐ์ให้เบาๆ... แล้วดึงร่างที่กอดเขาอยู่ให้ใกล้มากขึ้นกว่าเดิม... เจ้าร่างบางนอนหนุนอยู่บนอกหนาของหมอหนุ่มอย่างวางใจ ...

แต่ระหว่างทั้งสองในเวลานี้ก็เป็นได้มากที่สุดแค่ความเอ็นดู... รึเปล่านะ


วิชญ์ภาสเดินกลับมาในห้องพร้อมแก้วน้ำในมือ...เดินตรงมายังเตียงเพื่อดูอาการของอีกคนที่ไข้เริ่มจับ... คนตัวโตวางแก้ววางยาไว้กับโต๊ะ ข้างๆ ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ..วางมือไล้ไปบนหน้านวลเพื่อวัดอุณหภูมิ..


“ ทานยาก่อนนะครับจะได้รู้สึกดีขึ้น..” เสียงแผ่วโยนที่ดังลอดเข้ามาในโสตประสาท ปลุกกรณ์ให้ลืมตาขึ้นมองโดยอัตโนมัติ...

“ ..อือ..” กรณ์พยักหน้าเบาๆ.. โดยมีอีกคนเข้าช่วยพยุงจากด้านหลังให้ลุกขึ้นนั่งอย่างไม่ยากสักเท่าไหร่..ตัวบางๆถูกดังให้อิงไปเอนซบด้านหลังที่มีอกแกร่งรองรับ

...พร้อมกับยาที่ส่งมาให้กรณ์ทานเข้าไป..


“.. ..” กรณ์รับยาเข้าใส่ปาก แล้วรีบดื่มน้ำตามทันที...แต่เพราะมือไม้ที่เริ่มไร้เรี่ยวแรงที่ให้แก้วน้ำไม่มั่นคงจะมีบางส่วนเลอะออกมาจากมุมปาก...


“...” เห็นดังนั้นพ่อคนตาสวยก็วางมือลงบนหน้ากรณ์..เช็ดน้ำที่เปื้อนออกอย่างสุภาพ ก่อนจะวางร่างกรณ์ลง..กับพื้นเตียงเช่นเดิม...


“ คุณนอนเสียนะจะได้หายเร็วๆ..” วิชญ์ภาสยิ้มให้กับคนป่วย ..แล้วเดินไปล้างมือล้างไม้ในห้องน้ำ..ปล่อยให้กรณ์นอนคิดอะไรเพียงลำพัง... ความสับสน..ความปวดร้าว หรือจะความรู้สึกผิด.. ทุกอย่างกำลังรุมเล่นงานกรณ์อย่างพร้อมพรัน ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็หนีไม่พ้น ..เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับบางสิ่งที่ไม่สมควรใช่หรือเปล่า ..กรณ์คิดอะไรไปสักพักก็ผลอยหลับไปเพราะฤทธิ์ยาและอาการป่วย...


**


สายฝนที่สาดกระทบ..จากเบื้องนอก..หากได้กระเด็นกระดอนเข้ามาภายในห้องเลยสักนิด...แม้กระนั้นความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้นในใจคนหลับตา...


วันนั้น ..วันที่เขากลายเป็นเจ้าชายนิทรา..กาณฑ์กลับมาจากมหาวิทยาลัยหลังเห็นวิชญ์ภาสเดินควงกับเด็กคนใหม่ แล้วได้รู้จากกลุ่มเพื่อนว่า เขาเป็นเพียงหมากในการเล่นเกมสนุกๆของวิชญ์ภาสก็เพียงเท่านั้น ..ในวันที่หัวใจแตกสลาย เพราะความเชื่อมั่น และความรักที่เคยมีมลายไปจนสิ้น..วันนั้นกาณฑ์กลับมายังสายลมเพื่อรักษาบาดแผล ..แต่เขาก็เจ็บหนักเกินกว่าสิ่งใดจะเยียวยา...กาณฑ์เดินอย่างไร้เรี่ยวแรงท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ.. 3 เดือนแล้วสินะที่เขาหลับไปอย่างไร้สติ...

น้องคนกลางของบ้านเดินมาสลบอยู่ตรงลานน้ำพุหน้ามุขของคฤหาสน์...นานหลายชั่วโมงกว่าใครจะมาพบ..นับตั้งแต่วันนั้นกรณ์ก็เริ่มสืบความจริงจากกลุ่มเพื่อนของกาณฑ์..รวมถึงไดอารี่ออนไลน์ที่กาณฑ์เขียนระบายในวันสุดท้ายก่อนจะกลับจากกรุงเทพฯ ..ในนั้นระบายสิ่งต่างๆไว้มากมาย แม้จะไม่ระบุชื่อคนที่ทำร้าย แต่หากคนที่ได้ใกล้ชิด ได้สนิทกับกาณฑ์ก็จะรู้ทันทีว่าคนสุดร้ายคนนั้นคือ ..’พี่วิชญ์’ หนึ่งในหนุ่มหล่อของมหาวิทยาลัย ..ฉายา

คาสโนว่าร้อยเล่ห์ ..โดยมีโต้งเป็นเพื่อนคู่หู..


กาณฑ์ไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาสามเดือนที่เขาหลับไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง... นานแล้วสินะ..นานจริงๆ ...แต่ใครจะรู้ว่าคนหลับใหลคิดว่ามันผ่านไปแค่ชั่วเสี้ยววินาที...

..” อื้อ..” เสียงงัวเงียที่ลอดผ่านริมฝีปากแห้งปลุกให้หญิงสาวที่นั่งเฝ้าอาการถึงกับสะดุ้ง..

“ คุณกาณฑ์..” หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ เมื่อร่างที่ไร้สติมานานเริ่มเคลื่อนไหว ..และนี่คือสัญญาณของความยุ่งยากอย่างแท้จริง ..ในที่สุด ..เวลาของกาณฑ์ก็เริ่มต้นอีกครั้ง จะกำหนดของใครไม่สำคัญ ..แต่เวลานี้ ฟ้าสีสดใสจะเปิดออกอีกครั้ง พร้อมบทใหม่ของความเจ็บปวดในใจใครหลายๆคน ...

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
kitty  ขอโทษนะค่ะให้รอนานไปหน่อยไม่รู้ว่าหลับไปหรือยัง เดี๋ยวจะลงให้อีกละกันว่างพอดี55555

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 10  

ร่างเพรียวบางที่หลับใหลไปเพราะฤทธิ์ยาและความเหนื่อยล้าจากการสอดประสานของสองกาย ค่อยๆขยับไปมาด้วยความรู้สึกสบายตัวมากกว่าเมื่อวาน ..เพราะพิษไข้ที่รุมเร้าทำให้ส่วนต่างๆนั้นดูเหนื่อยอ่อนจนเมื่อยไปหมด.. กรณ์ยันกายที่นอนอยู่ขึ้นนั่ง..คว้าหมอนที่ใช้หนุนนอนตลอดคืนขึ้นมาวางรองไว้ด้านหลัง..


“ ตื่นแล้วเหรอครับ..รู้สึกยังไงบ้าง..” คนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ..รีบเดินเข้ามาหาอีกคนโดยทันที..ร่างสูงนั่งตรงพื้นเตียงใกล้ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าอีกคนที่มองมาทางเขาด้วยความห่วงใย

“ ..ไม่เป็นไร..” กรณ์ตอบอย่างเสียไม่ได้..นับวันเขาก็เหมือนเด็กไปมากขึ้นทุกที..เวลาอยู่กับวิชญ์ภาสอารมณ์ของเขาสามารถรวนเรได้ตลอดเวลา .ทุกการกระทำของอีกคนสามารถทำให้นัทเคลื่อนไหวได้มากมายทางความคิด...


“ ก็ดีแล้วครับ..ผมนึกว่าคุณจะเป็นอะไรไปอีก..” เสียงแผ่วดังเข้ามาใกล้จนกรณ์เริ่มใจเต้น..สัมผัสแรกของวันเริ่มต้นด้วยการจูบทักทายจากอีกร่าง...


“ คุณไปอาบน้ำดีกว่านะ...เอ่อ..ผมว่าผมเช็ดตัวให้ดีกว่าคุณเพิ่งหายป่วย ยังคงไม่มีแรงหรอก..” วิชญ์ภาสบอกขึ้น แต่ก็นึกได้ว่าคนตรงหน้าเพิ่งหายเลยไม่อยากให้กรณ์ต้องลำบากเดินเข้าไปจัดการเอง..


“ ไม่ต้องอาบเองได้...” กรณ์ส่ายหน้าขัดขืน...ตอนนี้เขาก็รู้สึกสบายตัวขึ้นกว่าเดิมแล้ว จะมาสำออยลีลาให้อีกคนปรนนิบัติ ดูจะไม่ใช่วิสัยของกรณสักเท่าไหร่นัก...

เพราะคำยืนยันที่ดูหนักแน่นเลยทำให้วิชญ์ภาสค้านอะไรไม่ได้..สุดท้ายเลยจำต้องยอมให้กรณ์ก้าวเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำตามลำพัง..ส่วนเขาก็เดินออกไปนอกห้องเพื่อหาอะไรให้กรณ์ได้ทานรองท้อง..


..วิชญ์ภาสชะงักเท้าเล็กน้อย เมื่อเห็นคนตัวบางน้องชายของคนที่เขาตกหลุมรักเดินออกมาจากห้องหมอหนุ่มร่างสูง...กฤษฏิ์หันมาเห็นพอดีเลยต้องรีบแก้ตัวก่อนที่วิชญ์ภาสจะเข้าใจผิด


“..กฤษฏิ์ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คิดนะ..”



“ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย..” วิชญ์ภาสยิ้มให้เบาบาง..ในความคิดก็รู้สึกเอ็นดูกฤษฏิ์ไม่ต่างจากน้องจากนุ่ง เลยอยากจะเย้าอีกฝ่ายดูบ้าง..แต่ทำได้ไม่เท่าไหร่กรณ์ก็เดินออกมาจากห้อง วิชญ์ภาสเลยต้องเลิก...ขืนกรณ์ไม่พอใจที่เขาไปทำดีกับกฤษฏิ์อีก..รับรองได้งอนกันอีกยกแน่...


“ คุณออกมาทำไมครับ..ยังไม่หายป่วยเลย..”วิชญ์ภาสเดินรุดเข้าไปเกาะแขนคนที่เพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จอย่างห่วงใย..


“ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย...” กรณ์บ่นเบาๆ แล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะอาหาร


“ เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้ทานนะ..” วิชญ์ภาสบอกเบาๆ..แล้วเดินตรงไปทางครัวเล็กๆของบ้าน..หยิบจับ ข้าวของอย่างชำนิชำนาญ เพราะมีแม่เพียงคนเดียว เลยทำให้นิสัยหลายอย่าง ..รวมถึงเอาการเอางาน..ทำให้วิชญ์ภาสทำอะไรได้หลายอย่าง..

..ข้าวต้มร้อนๆ..สำหรับคนป่วยถูกยกมาวางอยู่ตรงหน้าอย่างเอาใจ..

“ ทานสิครับ..กำลังร้อนๆอยู่เลย..” วิชญ์ภาสขยับเก้าอี้มานั่งใกล้อีกคน..แล้วเอ่ยบอก


“..”


“..งั้นผมป้อนดีกว่า..” วิชญ์ภาสบอกพลางยื่นมือไปหยิบช้อนในชาม แต่กรณ์ก็คว้าเอาไว้เสียก่อน เขาเป็นไข้นะไม่ใช่มือหัก... วิชญ์ภาสมองตามอย่างไม่ถือสาอะไร ..เขาชินเสียแล้วล่ะ แค่กรณ์ยอมรับความหวังดีที่เขาต้องการแสดงออกก็เพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างเขา... เขารู้ดีว่ากว่ากรณ์จะอ่อนลงจนไม่เหลือเค้าของความร้ายกาจคงอีกนาน แต่เมื่อหัวใจของเขาเปิดรับอีกคนก็เท่ากับเขาจะทนรอ..รอให้ได้มาซึ่งความเข้าใจ และทัศนคติใหม่ในการมองเขา...


“ ตอนนี้ฝนยังไม่หยุดตกเลย..ท่าทางกว่าจะได้กลับก็คงเย็นแน่เลย..” กฤษฏิ์ที่เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะพร้อมแก้วไข่ลวกใบเหมาะมือเอ่ยขึ้น... มือเรียวคนแก้วสีสวยในมืออย่างรวดเร็ว...


แต่เจ้าเด็กน้อยจะรู้หรือเปล่านะว่ามันทำให้อีกสองคนร่วมโต๊ะรู้สึกยังไง.


.
“ยิ้มอะไร..” กรณ์เอ่ยถามเสียงแข็ง ..ดูก็รู้ว่าวิชญ์ภาสกำลังคิดพิเรนทร์อะไรอยู่..ไข่ลวกงั้นเหรอ.. กรณ์ก้มหน้ากินข้าวต้มด้านหน้าของตนต่ออย่างเคืองๆ..จากนั้นก็รีบลุกขึ้นกลับเข้าห้องโดนมีอีกคนเดินตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว หมอพิสิษฐ์ที่เพิ่งเดินออกจากห้องทำหน้างงๆ.. นี่เหวี่ยงกันตั้งแต่เช้าอีกแล้วเหรอคู่นี้..


“ ระเบิดลงอีกแล้วเหรอครับ..”


“ ไม่รู้สิ..กฤษฏิ์เองยังงงเลย... กฤษฏิ์ก็ว่ากฤษฏิ์ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะ...แค่เดินถือไข่ลวกมาแล้วมาร่วมโต๊ะ อยู่ๆพี่วิชญ์ก็ยิ้ม พี่กรณ์ก็โกรธ..ไม่รู้จริงๆว่าทำอะไรผิดไปนี่..” กฤษฏิ์บ่นอย่างเหนื่อยใจก่อนจะตักไข่ในแก้วขึ้นทาน ..หมอหนุ่มที่เดินออกมาถึงกับหน้าสลด...จะหมายความว่าอะไรอีกล่ะ..ถ้าไม่ใช่เรื่องราวที่ผ่านมาของเมื่อคืน..หมอพิสิษฐ์นั่งลงตรงข้ามกฤษฏิ์อย่างเหนื่อยๆ..



‘เป็นไรไปอีกคนนี่..ชักเพี้ยนไปใหญ่แล้วบ้านนี้.’กฤษฏิ์บ่นกับตัวเองในใจ ไม่รู้จริงๆว่าวันนี้มันวันอะไรทำไมแต่ละคนถึงได้แสดงท่าทีแปลกๆออกมากัน...

ฝ่ายวิชญ์ภาสที่เดินตามอีกคนเข้ามาในห้องก็รีบ..ดึงอีกร่างที่ตึงตังปรวนแปรเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว...เอาอีกแล้ว..ต่อให้จะมากกว่านี้วิชญ์ภาสก็ไม่เคยรู้สึกจะเบื่อที่จะง้อเลยสักนิด..

“ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรอย่างนั้นสักหน่อยนะ..”


“..” กรณ์ยังคงเงียบไม่พูดอะไร ..แต่ก็ไม่ได้ดิ้นออกจากอ้อมอกของอีกฝ่าย ..อ้อมอกอันอบอุ่นจนกรณ์คิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าหากวันหนึ่งกาณฑ์ฟื้นขึ้นมาเขาจะเป็นยังไง.. เขาจะทำร้ายน้องชายของตัวเองซ้ำอีกครั้งหรือเปล่านะ..เขาไม่แน่ใจ..


“ ปล่อยได้แล้ว..อีกนานกว่าฝนจะตก..ง่วงนอน..” กรณ์บ่นเบาๆ..วางมือลงบนท่อนแขนที่เกาะเขาให้ปล่อยมือออกจากเอวบาง แต่วิชญ์ภาสก็ไม่ยินยอม..กลับตวัดร่างของอีกคนกระเตงขึ้นแล้วถาขึ้นเตียงนุ่มๆพร้อมกัน..มันทำให้กรณ์ใจหายใจคว่ำไม่น้อยกับการกระทำ..


“ ทำบ้าอะไรนี่..”


“..ผมจะนอนเป็นเพื่อนคุณไงครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มให้กับคนหน้าบึ้ง..บรรจงจูบลงกลางหน้าผากอีกคนอย่าวแผ่วบางก่อนจะพริ้มตาหลับลงโดยไม่มีคำพูดใดๆ.. กรณ์เงยหน้าขึ้นมอง..จะพลิกหนีก็ทำไม่ได้.. สุดท้ายเลยปล่อยลเลยตามเลย นอนซบอกของอีกคนลงง่ายดาย...


‘...แกรู้บ้างไหม..ว่านับวันการกระทำของแกมันกำลังจะมัดฉันจนดิ้นจากแกไปไม่ได้...’ เสียงร้องที่ก้องสะท้อนดัง คงมีเพียงหัวใจดวงน้อยๆของกรณ์เท่านั้นที่ได้ยิน ..ภาระที่ต้องแบกรับตั้งแต่อายุน้อยๆ.. ความเจ็บปวด ความเสียใจ และความผิดพลั้ง..แต่ครั้งนี้มันควรอยู่ตรงไหนของคำว่าความรู้สึกล่ะ...

ตอนเย็นของวัน..น้าหนุ่มก็มาตามทุกคนเพราะว่าฝนหยุดตกได้สักระยะหนึ่งแล้ว..ไอ้เมี้ยน กับไอ้เหน่งคนงานของเกาะกุลีกุจอมาหยิบจับข้าวของของนายไปเก็บที่เรืออย่างรวดเร็ว ..ขากลับขึ้นฝั่งใหญ่ค่อนข้างใช้เวลามากกว่าเดิมสักหน่อยเพราะต้องควบคุมความเร็วให้อยู่ในระดับพอเหมาะ..คลื่นทะเลหลังฝนตกยังค่อนข้างแรงเลยต้องระวังสักหน่อย...


พอฟ้าเริ่มมืดทั้งหมดก็กลับมาถึงฝั่งใหญ่..

หารู้เลยว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างรอคอยทุกคนอยู่...


บ้านหลังใหญ่กำลังเปิดอ้าเพื่อต้อนรับความเจ็บปวดครั้งใหม่ ที่ใครหลายคนไม่คาดคิด.. ทั้งสี่เดินก้าวเข้ามาภายในบ้านอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร.. วิชญ์ภาสนั้นตัวติดกับคนตัวบางเจ้าของบ้านยังกับอะไรดี.. โลกในตอนนี้มีเพียงกรณ์และก็กรณ์..แต่วินาทีถัดจากนี้ไปชีวิตของเขาจำต้องเปลี่ยนไป...


“ กลับมาแล้วเหรอพี่กรณ์..” เสียงใสจากใครบางคนที่กรณ์แทบจะหลงลืมดังขึ้นมาจากทางห้องนั่งเล่นด้านข้าง ทุกสายตาหันไปมองอย่างสงสัย.. ร่างโปร่งของน้องชายคนกลาง กับเลขาฯสาวผิวสีน้ำผึ้งเดินออกมาด้วยกัน ..


“ กาณฑ์..” กรณ์กับวิชญ์ภาสตกอยู่ในอาการตะลึงไม่แตกต่างจาก หมอพิสิษฐ์และกฤษฏิ์..( อันนี้โอเว่อร์ไปนิดหนึ่งนะ... ความจริงคนไข้ที่เป็นเจ้าชายนิทรานานๆ..พอฟื้นขึ้นมายังไม่สามารถเดินไป เคลื่อนไหวได้ ตลอดจนสมองบางส่วนก็จะประมวลผลช้า.. ต้องใช้กายภาพบำบัดถึงจะกลับมาเป็นสภาพปกติ..เรื่องนี้ มีร์ติ๊ต่างเองอย่าถือสาเลยนะจ้า..)



“ พี่วิชญ์..” แต่เสียงที่ตอบกลับมา..กลับเป็นชื่อของคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างกรณ์...ความทรงจำสุดท้ายของกาณฑ์คือบ้านหลังสีขาว..ท่ามกลางสายฝน.. เมื่อวานเขาตื่นขึ้นเพราะแรงฝนที่สาดซัด.. สุนีย์ที่อยู่ข้างคอยเล่าเรื่องเล็กๆน้อยๆให้ฟัง ทำให้น้องชายคนกลางรู้ว่ากรณ์ไปที่เกาะรังนก...แต่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าวิชญ์ภาสจะอยู่ที่นี่..



“..พี่วิชญ์มาหากาณฑ์ใช่ไหม...พี่วิชญ์ไม่ทิ้งกาณฑ์แล้วใช่ไหม..” เสียงที่เริ่มเลื่อนจากระดับสดใสเป็นขมขื่นดังขึ้นพร้อมร่างเพรียวที่วิ่งเข้ามากอดอีกคนที่ยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก.. ทุกคนตกอยู่ในอาการตะลึงไม่แตกต่าง จะมีก็เพียงกรณ์เท่านั้นที่รู้สึกโกรธ..


ความจริง..


มันถึงเวลาแล้วใช่ไหมที่กรณ์ต้องรับความจริง ..ผู้ชายที่ทำให้เขาหวั่นไหว แท้จริงแล้วเป็นของของน้อง แท้จริงแล้วไม่ควรที่เขาจะยุ่งเกี่ยว ..ร่างบางที่เพรียวลมเดินกระแทกเท้าขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างโกรธเกรี้ยว..เขาเกลียด..เกลียดตัวเองจริงๆที่เผลอใจ..


“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสผละจากร่างที่กอดอยู่อย่างรวดเร็ว รีบวิ่งตามกรณ์ไปท่ามกลางความสงสัยของกาณฑ์.. ทุกคนในบ้านล้วนรู้ว่าเกิดอะไร ..รู้ว่าระหว่างกรณ์กับวิชญ์ภาสมีอะไรไปถึงขั้นไหน แต่กาณฑ์ที่หลับใหลไปนานไม่รู้.. และกรณ์ก็ไม่มีวันที่จะให้น้องได้รู้ความจริงเด็ดขาด..


“ คุณกรณ์หยุดก่อน..” วิชญ์ภาสวิ่งขึ้นมาทัดแล้วคว้าร่างที่เดินกระแทกเท้าเข้ามากอด...


“ ปล่อยมือฉัน..แล้วกลับไปหาน้องกาณฑ์ซะ...ถ้าไม่อยากให้แม่แกต้องเจ็บปวด..ก็ทำตามที่ฉันบอก..” เสียงเย็นชาที่หายไปนานแสนนาน เกาะลึกเข้าไปถึงใจคนฟัง..ท่อนแขนเรียวแกร่งจำต้องปล่อยอย่างอ่อนแรง..เขาจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อกรณ์เอาแม่ของเขามาขู่..ครั้งก่อนก็เห็นชัดแล้วว่ากรณ์ทำจริงๆไม่ได้โกหก...


“ คุณไม่มีทางบังคับผมได้..ในเมื่อผมบอกแล้วว่ารู้สึกยังไง..ผมก็จะใช้ทุกวิถีทางทำให้มันเป็นความจริง..” วิชญ์ภาสบอกเสียงหนักแน่นก่อนจะหมุนตัวกลับเดินลงไปด้านล่าง..ที่มีกาณฑ์นั่งรออยู่..คนอื่นๆก็นั่งรออย่างลุ้นๆกับการกระทำ.. วิชญ์ภาสจะเลือกยังไง..เขาจะเดินทางไหน ..แต่ที่สำคัญเขาไม่มีทางปล่อยกรณ์ไปแน่นอน..

“ พี่วิชญ์..รู้จักพี่กรณ์ด้วยเหรอ..”


“ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ..พี่กับคุณกรณ์เ..” วิชญ์ภาสเดินก้าวเข้ามานั่งลงตรงข้าม.. หมายจะบอกความจริงออกไปให้หมด แต่กฤษฏิ์ก็รู้ตัวเสียก่อนไม่ยอมให้เรื่องเป็นเช่นนั้น..กฤษฏิ์รู้ดีว่าหากวิชญ์ภาสทำ..กาณฑ์จะเจ็บซ้ำ..และที่สำคัญหากกาณฑ์เจ็บวิชญ์ภาสนั่นแหละที่ต้องเจ็บอีกระลอก..เพราะกรณ์จะเกลียดวิชญ์ภาสมากขึ้น..


“ กฤษฏิ์ว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรเลยดีกว่า...หิวจะแย่อยู่แล้ว..ไปหาอะไรกินดีกว่า..” กฤษฏิ์เข้ามาคว้าแขนพี่ชายแล้วพาลุกขึ้นตรงไปยังโต๊ะอาหาร..สุรีย์รีบก้าวเข้ามาช่วยพยุงอีกแรง.ทำให้กฤษฏิ์สามารถปลีกตัวออกมาได้.. คนร่างบางลากวิชญ์ภาสออกไปยังมุมที่ห่างออกไปเพื่อคุยกับเขา

“ คุณกฤษฏิ์ห้ามผมทำไมล่ะ..”


“ จะบ้าเหรอ..พี่อยากให้พี่กรณ์เกลียดพี่มากกว่าเดิมหรือยังไง..ถ้าพี่กาณฑ์รู้ตอนนี้คงเสียใจไม่น้อยแน่..” กฤษฏิ์ออกปากเตือนสติอีกคนเพราะไม่อยากให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตไปกว่านี้


“ แต่คุณจะให้ผมทนต่อไป..ทนทำดีเหมือนเป็นการโกหกน้องกาณฑ์ต่องั้นเหรอ..คุณไม่คิดเหรอว่ามันรังแต่จะทำให้เขาเจ็บมากขึ้น จะช้าจะเร็วเขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าผมกับคุณกรณ์เป็นอะไรกัน.. หากยังโกหกก็เท่ากับทำร้ายเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะ” วิชญ์ภาสบอกไปอย่างที่เขาคิด...เขาไม่อยากเป็นคนเลวอีกแล้ว ที่ผ่านมาในอดีตก็มากเกินไปแล้ว

“ ให้เวลาสักระยะเถอะนะ..ค่อยๆให้พี่กาณฑ์รู้ อย่าโถมให้รู้ในคราวเดียว..กฤษฏิ์ไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวดอีกแล้ว..ถือว่ากฤษฏิ์ขอร้องเถอะนะ” น้ำเสียงที่คล้อยสั่นเพราะความหวาดหวั่นที่เกิด..ทำให้วิชญ์ภาสต้องสะอึกและหยุดคิดตามคำขอของกฤษฏิ์..

... แต่จะให้เขาห่างกรณ์..เขาไม่ยอมหรอก...

ชายหนุ่มกำลังตัดสินใจ .. กำลังเลือกเส้นทางเดินที่ดีที่สุดสำหรับทุกชีวิต...ที่แน่ๆ เขาไม่ยอมเสียกรณ์ไปแน่นอน..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2009 05:32:28 โดย LoveNineTeen »

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 :serius2: จาเลือกอารัยดีเนี่ยยยยยยยย   มารอตอนต่อไปจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ o13

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ตื่นขึ้นมาทำไมเนี่ย เฮ้ออออออออออออออออออออ

nanao

  • บุคคลทั่วไป
อ๊าก ฉาก NC จะหายไป >,<

ฟ้ารีบส่งใครก็ได้มาคู่นายกาณฑ์ที


ขอบคุณคร้าบ สำหรับสองตอนเลย

ออฟไลน์ nutjung19

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดด "ฟ้า"    :L1:



ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆ   :L2:



ขอบคุณค่ะที่เอามาลงให้ได้อ่าน

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
kitty  เลือกใครก้อน่าจะรู้กันอยู่แล้ว แต่วิธีการนี่ซิมันน่าสนใจนะ

pongsj  ตื่นมาทำให้ทุกอย่างมันจบงัยค่ะ ไม่ดีหรอ

SomLove  NC จะหายไปหรอ ใครบอก 55555555555555555

nutjugh19  แฟนคลับเก่าของน้องมีร์ใช่มั้ย ชอบเรื่องนี้แล้วเรื่องอื่นอ่ะชอบป่ะ จะได้เอามาลงอีก



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :L2:

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
มารอตอนต่อไปจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :o8: :t3:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 11

วิชญ์ภาสและกฤษฏิ์เดินกลับไปร่วมโต๊ะอาหารกับคนเพิ่งหายป่วย...ทันทีที่มาถึงกาณฑ์ก็กวักมือรุ่นพี่ที่เคยฝากบาดแผลให้มานั่งใกล้ๆ..วิชญ์ภาสอิดออดแล้วเดินไปนั่งลงข้างสุรีย์แทน ..ชายหนุ่มกำลังจะแสดงให้รู้ว่าความหวังกับความจริงควรแยกให้ออก ..

.
“ พี่นั่งตรงนี้ดีกว่า..นั่งตรงนั่นเบียดกาณฑ์เปล่าๆ..” วิชญ์ภาสตอบไปอย่างกึ่งๆกลางๆ ..เพราะสายตาของกฤษฏิ์ที่ส่งมาเลยทำให้เขาเลือกจะถนอมน้ำใจของอีกคนไว้..อย่างไรเสียเขาก็ไม่อยากให้กรณ์ต้องเกลียดเขามากกว่าเดิม เขาจะอดทนเพื่อให้ช่วงเวลาเลวร้ายที่เป็นผ่านพ้นไปเสียที...

“ ว่าแต่พี่วิชญ์มาที่นี่ได้ยังไงเหรอ...”


“ พอดี..เอ่อ...พี่ผ่านมาเท่านั้นเองเพิ่งรู้ว่ากาณฑ์ไม่สบายเลยแวะมาเยี่ยม ...” วิชญ์ภาสเกือบจะหลุดบอกความจริงว่าโดนกรณ์จับมา แต่สุดท้ายก็เลือกจะโกหก...


“ ว่าแต่พี่วิชญ์นอนที่ไหนนี่...กาณฑ์เดินรอบๆก็ไม่เห็นว่าห้องเปิดใหม่สักห้องเลย..” เจ้าของบ้านคนกลางเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้จ้องจะจับผิดอะไรแค่ถามเพราะอยากรู้ก็เท่านั้นเอง...


“ เอ่อ...อ๋อพี่วิชญ์เพิ่งมานะ..ใช่สินุ่นให้จัดห้องไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง..” กฤษฏิ์ถึงกับสะอึกเพราะไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ก่อน ...หันไปถามสาวใช้ที่กำลังนั่งฟังอย่างลุ้น..ดีหน่อยที่แม่นี่หัวไวเลยเออออห่อหมกรับคำเจ้านายอย่างไม่มีพิรุธ...

“ เอ่อ..เรียบร้อยแล้วค่ะ..”


“ ถ้าเรียบร้อยแล้วพี่ขอตัวก่อนนะ.....” วิชญ์ภาสได้ทีรีบปลีกตัวทันที..ตอนนี้เขาอยากพูดกับใครคนนั้นมากที่สุด ..ทำไมชะตาถึงได้โหดร้ายกับเขามากอย่างนี้....เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ หรือบาปกรรมที่เคยทำกำลังย้อนรอยกลับมาสนองเขาใช่ไหม...


“ ครับ..” กาณฑ์ละล่ำละลั่ก ..เพราะยังไม่กล้าจะรั้งวิชญ์ภาสไว้....


“ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ..ทุกคนเหมือนกำลังมีเรื่องปิดบังกาณฑ์อยู่..” หลังจากวิชญ์ภาสเดินลับขึ้นชั้นสองของบ้านไป..กาณฑ์จึงหันไปคาดคั้นกับคนร่วมโต๊ะที่เหลือ...

“ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ... ทานเถอะค่ะ..” สุรีย์เอ่ยบอกเสียงราบ... พยายามรักษาอาการให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้..กาณฑ์ยังไม่พร้อมที่จะรับรู้อะไรทั้งสิ้น..เวลานี้คงต้องให้เขาค่อยๆรู้ทีละนิด ..หากบอกในทีเดียว บางทีอาจเจ็บหนักเสียยิ่งกว่าเดิมแน่..ๆ


“ ..” กาณฑ์นั่งนิ่งสงบไปสนใจอาหารตรงหน้า... แม้จะไม่ได้คำตอบ แต่เขาก็ไม่กล้าจะซักไซ้อะไรต่อ เพราะไม่มีใครเลยสักคนที่จะกล้าพูดอะไรออกมา... แต่ทำไมเขาจะไม่รู้สึก..พี่วิชญ์ต้องมีอะไรปิดบังแน่นอน..แววตาที่เคยมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง..เวลานี้กาณฑ์กลับไม่เจอมันอีกแล้ว...


ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องเดิมที่เขาอาศัยมากว่าสองเดือน...


“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสบอกเสียงแผ่ว พลางยกมือขึ้นเคาะประตูห้องของพี่ใหญ่แห่งบ้านสายลมอย่างประหม่า ..วิชญ์ภาสได้แต่บอกตัวเองในใจว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยกรณ์ไป ไม่ยอมให้อะไรต้องมาทำให้ทั้งสองแยกกัน...


“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสเคาะต่อเพราะไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะเดินมาเปิดเลยสักนิด.. ชายหนุ่มยืนรออยู่สักพักจนชักหงุดหงิด ..เลยต้องยกไม้ตายขึ้นมาขู่..

“ ถ้าคุณไม่มาเปิดผมจะตะโกนให้ลั่นบ้านเลย...” วิชญ์ภาสบอกเสียงเข้ม..ไม่ทันจะได้พูดจบประโยคประตูห้องก็เปิดออกอย่างที่คนตัวสูงต้องการ..เวลานี้เจ้าของห้องอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยแล้ว.


“ มีอะไร..”


“ ผมก็จะมานอนไง..” วิชญ์ภาสบอกเสียงราบ ..แล้วเดินก้าวเข้ามาในห้องพร้อมทั้งคว้าร่างเจ้าของบ้านอย่างกรณ์เข้ามากอดอย่างว่องไว..เท้าของคนตัวใหญ่เอื้อมผลักให้บานประตูปิดลง ยังไงวันนี้เขาต้องพูดกับกรณ์ให้รู้เรื่อง ปล่อยไว้อย่างนี้..รังแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้กันและกันเพิ่มมากขึ้น..


“ ปล่อย..” น้ำเสียงที่เย็นชาส่งผ่านจนสร้างความประหวั่นพรั่นใจแก่คนตัวหนั่น..ทำไมเขาต้องยืนอยู่ในจุดนี้ด้วย ทำไมเขาต้องยืนอยู่ในสถานภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะกลับก็มีแต่สร้างความเจ็บปวดให้คนรอบข้าง..

“ คุณก็รู้ว่าอะไรมันเป็นอะไร..ผมรักน้องกาณฑ์ไม่ได้...”


“ ทำไมจะไม่ได้..” กรณ์กระชากเสียงถามอย่างโมโห ..โมโหคนที่กอดเขา ..โมโหตัวเองที่เผลอใจให้ศัตรูตัวร้ายหมายเลขหนึ่ง..เขาเองก็อึดอัดไม่แพ้ใคร...

“ ผมชอบคุณ คุณก็รู้...”

“ แต่ฉันเกลียดแก..” กรณ์บอกอย่างเยือกเย็น..เขาเจ็บจริงๆ เจ็บที่ต้องพูดโกหกออกไป แต่เขาจะทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาต้องดูแลหัวใจของน้องๆ ..หัวใจอันบอบช้ำ..กรณ์จะเห็นแก่ตัวไม่ได้เด็ดขาด..

“ ผม่ไม่เชื่อ...ต่อให้คุณเกลียดผมจริง แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้...อย่าผลักให้ผมไปรักคนอื่นเลยนะ..” น้ำเสียงอ้อนวอนที่ลอดดังใกล้หู อดจะสะท้อนในห้วงลึกของจิตใจมิได้..

“ ถ้ารักฉัน..แกก็อย่าทำร้ายน้องกาณฑ์..เพราะถ้าน้องเจ็บ ฉันก็เจ็บ..” กรณ์ยื่นข้อเสนอที่ทำให้วิชญ์ภาสถึงกับสะอึก..มันไม่ต่างอะไรจากทีแรก แต่ครั้งนี้กรณ์เอาตัวเองมาเป็นข้อต่อรอง มาเป็นเงื่อนไขที่ใช้บีบบังคับให้วิชญ์ภาสต้องห่างไปอยู่กับคนอื่น

“ ถ้าแค่นี้ยังทำให้ไม่ได้...ก็ไปจากบ้านหลังนี้เสียเถอะ” กรณ์บอกต่อ..พร้อมเปิดโอกาสให้วิชญ์ภาสเดินกลับออกไป..อย่างไรเสียกษณฑ์ก็ฟื้นแล้ว.. หากวิชญ์ภาสจากไป กาณฑ์อาจเสียใจ..แต่ก็คงน้อยกว่าที่รู้ว่าวิชญ์ภาสกำลังตกหลุมรักพี่ชายของเขาอยู่... คงดีกว่าเป็นไหนๆ..

“ ขอแค่คุณอย่าผลักผมออก..แค่นี้...ผมจะทำตามที่คุณบอก ..แต่อย่าไล่ผมไปไหน..” วิชญ์ภาสไม่ยอมเสียหรอกที่จะเดินออกจากสายลมตามคำบอกของกรณ์..เขาจะพิสูจน์ จะทำให้เห็นว่าหัวใจของเขาไม่อาจแบ่งไปเพื่อใครคนอื่น เขาจะทำให้เห็น...


“ ปล่อยฉันสิ..”


“ ผมขอแค่ตอนที่เราอยู่ด้วยกันได้..ตอนที่เราอยู่กันสองคน..ผมขอทำแบบนี้ ขออยู่ใกล้ๆ..ผมสัญญาว่าหากไม่ใช่เวลานี้ผมจะทำตามที่คุณบอก..” เสียงที่แผ่วดังดูจะติดสั่นๆคลอจนกรณ์เริ่มใจเสีย ..เขาเองก็ไม่อาจจะพูดอะไรมาก.. เขาเองก็ไม่อาจจะแสดงออกอะไรออกไป..ได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้แขนแกร่งโอบกอดเข้าไว้อย่างนี้..

เวลาของสองคน..เวลาที่อยู่กันแค่สองคน...


“ พอรึยัง..ง่วงแล้ว..” หลังจากที่ถูกกอดมากว่าสิบนาที..กรณ์ก็เอ่ยปากขึ้น..ทันทีที่พูดร่างเขาก็ถูกตวัดขึ้นจากพื้น และถูกอุ้มไปวางไว้บนเตียงหลังเดิมอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ร่างของอีกคนจะล้มลงมาตามๆกัน..ร่างที่อยู่เหนือกว่าก้มลงมาใกล้อย่างเช่นทุกครั้ง..


..มือเรียววางยันอกหนั่นของอีกฝ่ายเบาๆ..

“ อย่าทำร้ายกาณฑ์นะ..” กรณ์เอ่ยเบาๆ.คล้ายจะเตือนอีกคนที่กำลังจะเดินล้ำเส้นความสัมพันธ์ ..วิชญ์ภาสชะงักกับสิ่งที่ได้ยินแล้วพลิกลงมานอนข้างๆแทนจะเดินหน้าต่อในสิ่งที่อยากจะทำ..


“ นอนเถอะครับ..” วิชญ์ภาสบอกเสียงราบ..แล้วรับตาลงข้างๆอีกคน..เขาไม่มีสิทธิ์แล้วใช่ไหม สิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของร่างของอีกคน ไม่มีสิทธิ์ใดๆ จนกว่ากาณฑ์จะรู้เรื่อง.. จนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง.. ทรมาน ..มันทรมานจริงๆ..

ตลอดคืน..กรณ์ใช้ความคิดหมดไปกับเรื่องของทั้งสาม..หากกรณ์ยังยอมอยู่ในวังวนแห่งนี้เขาเองนั่นแหละที่ต้องเจ็บปวด... เช้าวันถัดมากรณ์รีบลุกจากที่นอนก่อนที่วิชญ์ภาสจะตื่น..หยิบเสื้อผ้าติดมือไปสองชุดแล้วลงจากห้องไปโดยทันที..เขาต้องเดินหน้า...จะกลับหลังมาพะว้าพะวงอีกไม่ได้...ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเผลอ.. หากไกลอาจทำใจได้...

“ ผมขอแค่ตอนที่เราอยู่ด้วยกันได้..ตอนที่เราอยู่กันสองคน..ผมขอทำแบบนี้ ขออยู่ใกล้ๆ..ผมสัญญาว่าหากไม่ใช่เวลานี้ผมจะทำตามที่คุณบอก..”


ถ้าหากไม่ได้อยู่ด้วยกัน..

“ คุณกรณ์จะรีบไปไหนคะ..” เลขาฯสาวที่ลงมาช่วยแม่บ้านประจำสายลม..เดินออกมาจากครัวก็เหลือบเห็นเจ้านายหนุ่มกำลังเดินลงมา..เลยเอ่ยถาม

“ ไปบริษัท..ฉันจะไปนอนที่นั่นสักสองสามคืนนะ..”


“ เอ๊ะ..” สุรีย์มีสีหน้าสงสัย..


“ ฉันไม่อยากให้น้องกาณฑ์ต้องเจ็บ..” กรณ์บอกเสียงเศร้าก่อนจะเดินออกจากบ้านไปด้วยใจมาดมั่น ..เขาต้องผ่านไปให้ได้ ผ่านไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง ...


“ คนเราจะหนีอะไรก็หนีได้..แต่จะหนีความจริงคงเป็นไปได้ยาก...” สุรีย์เอ่ยขึ้นหลังจากร่างของเจ้านายหนุ่มเดินออกไปแล้ว.. เธอเองก็เจ็บปวดไม่ต่างจากคนอื่นๆ... หญิงสาวถอนหายใจออกอย่างหน่ายเหนื่อยก่อนจะหันไปสนใจกับอาหารที่นำมาขึ้นโต๊ะ..


“ ใครออกไปไหนแต่เช้าเหรอ..”

“ คุณกรณ์ออกไปบริษัทค่ะ..” สุรีย์เอ่ยตอบน้องชายคนเล็กของบ้าน...

“ เวรกรรมอะไรไม่รู้เนอะ... ไม่รู้ว่ากฤษฏิ์คิดผิดคิดถูกที่ขอให้พี่วิชญ์โกหกต่อ..แต่ถ้าไม่ทำทุกอย่างก็จะเลวร้ายมากขึ้น กฤษฏิ์ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องข้างหน้ามันจะเดินต่อไปยังไง หากมีคนดีๆเข้ามาช่วยพี่กาณฑ์หลุดออกจากความฝันมันคงจะดีไม่น้อย..” เจ้าเด็กน้อยวัยสิบแปดนั่งลงเปรยสิ่งที่ติดค้างในใจของตนอย่างไม่คิดอะไร..แต่มันกลับสะท้อนลึกเข้าไปในใจของสุรีย์... หรือหญิงสาวควรเลือกเดินไปข้างหน้า เลือกทำตามใจ..เพราะหากหล่อนทำสำเร็จทำกับทุกหัวใจจะไม่เจ็บปวด...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด