"ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "ฟ้า" (...แค้นหรือรัก...) by MIRARATH  (อ่าน 211636 ครั้ง)

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
ขอบคุนจ้าๆๆ  น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :-[หวานนนนนนจิงงงงงงงงเลยยยย   สู้ๆคุนกรณ์ o13

speedboy

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ยอาหมอหวานอะคร้าบ   


+1  ไเลย  อิอิอิ


 :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ลงเอยแล้วคู่นึง หายห่วงไปหน่อย อิอิ

iamatomicboyz

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านผลงานอื่นๆ ของผู้เขียนด้วยครับ ใครพอทราบบ้าง ขอบคุณล่วงหน้าครับผม  o22

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หมดห่วงงไปคู่หนึ่งแล้ววววววววว  :mc4: :mc4:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
memano  เรื่องของ กรณ กาณฑ์ และ วิชญ์ภาส เดี๋ยวก็เคลียร์กันได้ค่ะ แต่...

SomLove  มาสองแล้วชอบม้ายยย ^__^

kitty  ยังมีหวานกว่านี้อีก น้ำตาลเรียกพี่เลย

Speedboy  ขอบคุณค่ะ

pongsj  คู่อื่นๆก็ไม่ต้องห่วงค่ะ

iamatomicboyz  ผลงานอื่นๆของผู้แต่ง(น้องมีร์)ยังมีอีกหลายเรื่องค่ะ แต่ขอลงเรื่องนี้ให้จบก่อน แล้วจะนำเรื่องมาลงให้ค่ะ

THIP  เดี๋ยวคู่อื่นก็ตามมาค่ะ


ตอบเมนท์แล้ว เดี๋ยวลงตอนต่อไปให้นะ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 17

โอ๊ะ...


กรณ์ถึงกับสะดุ้งตื่นจากความฝันที่เป็นอยู่..ดวงตาคู่งามเปิดออกด้วยความแปลกใจที่อยู่ร่างกายของเขาก็เกิดความร้อนซ่านผ่านไปทั่วอณูขุมขน..


“ ไอบ้า...อ่า ..ทำอะไรนี่..” กรณ์ชะงักตัวเมื่อพบว่าร่างกายของเขาได้รับแรงกระทั้นจากบางส่วนที่ดำเนินไป...เวลานี้คนที่กำลังเสพความรักจากกายและกายโน้มร่างลงมาใกล้จนอกของเขาสัมผัสกับอกของกรณ์..ริมฝีปากเรียวถูกประกบมอบสัมผัสแผ่วบางยามเช้า



“ สวัสดีครับคุณกรณ์..” วิชญ์ภาสพูดด้วยรอยยิ้มแล้วเคลื่อนไหวต่อ... ริมฝีปากอิ่มลากไล้ไปตามแนวลำคอระหง..ฝังสัมผัสของมันเป็นตราประทับแสดงความเป็นเจ้าของอย่างแรงกล้า จนกรณ์ต้องสะดุ้ง..มือแกร่งเริ่มปรนเปรอความสุขให้อย่างว่องไวจนยากจะแก้ไข



จุดสุดท้ายก็สิ้นลงด้วยความซ่านซ่าที่แผดพุ่งออกจากร่าง...


“ ออกไปเลยไอ้ทุเรศ หนักจะบ้า เล่นหื่นแต่เช้าแล้วไอ้บ้าเอ๊ย..” หลังจบสิ้นบทเรียนช่วงเช้า กรณ์ก็รวมแรงยันกายที่ทับเข้าให้พลิกลงนอนข้างๆ แล้วสวดด่าอย่างรวดเร็ว .

.ร่างบางชันกายขึ้นนั่งหมายจะหนีออกจากจุดสุ่มเสี่ยง แต่อีกคนก็ไม่ยินยอมให้มันเป็นไปอย่างที่กรณ์ต้องการ ...ร่างสูงขยับนั่งตามแล้วคว้าร่างของกรณ์มากอดไว้อย่างเร็ว ..ความร้อน หยดเหงื่อ และลมหายใจ...สอดประสานราวเป็นหนึ่งเดียวกัน ..มันยากจะห้า มันยากจะปราม แต่มันคือความสุขที่วิชญ์ภาสได้รับจากกายอีกกาย ที่นับวันจะยิ่งต้านทานเขาน้อยลง น้อยลงเรื่อยๆ...



“ ปล่อยได้ยัง..ร้อนจะตายแล้ว..” กรณ์สะบัดเสียงเล็กน้อย


“ คุณกรณ์...”


“ อะไร..” กรณ์หันกลับไปมองหน้าของวิชญ์ภาสที่ห่างจากเขาไม่เท่าไหร่ แต่กลับได้รับจูบหนักหน่วงส่งตอบกลับมา ..คนตัวบางต้องรีบสะบัดกายออกห่างอย่างเร็ว แต่จะทำได้เหรอในเมื่อวิชญ์ภาสนั้นมือกาวยิ่งกว่าอะไร ..ห่างได้ก็แค่หน้า... แต่ตัวยังชิด ยังติดกัน ..


“วันนี้ว่างไหม..” กรณ์เลิกคิ้วขึ้นมองอย่างสงสัย...


“ ทำไม...”



“ อีกสามอาทิตย์มหาวิทยาลัยของผมจะเปิดแล้ว วันนี้เป็นวันลงทะเบียนแล้วยื่นเอกสาร ..ผมต้องไปส่งข้อมูลด้วยตัวเอง ..” วิชญ์ภาสบอกถึงสิ่งที่เขาต้องทำในวันนี้

“ ก็เรื่องของแกสิ..”


“ เอ้า.. ทำไมพูดอย่างนี้อ่ะ..ผมเรียนไม่จบ ไม่มีเงินเลี้ยงคุณ...ก็ถูกดูถูกแย่สิ...” ใบหน้าคมใสกดลงบนซอกคอขาวแล้วส่ายไปมาราวกับหมั่นเขี้ยว เจ้าคนปากแข็ง ..ทั้งที่ร่างกายนั้นตอบสนองความต้องการของกันและกันได้ดีเลิศ แต่ปากของกรณ์ก็ยังคมกริบไม่มีทีท่าจะลดลงเลยสักนิด...


“ แล้วใครจะให้แกเลี้ยง...ปล่อยมือเลยไป ..อยากไปไหนก็ไป..”



“ ก็คุณเป็นอะไรกับผมล่ะ...ผมมีสิทธิ์จะดูแลปกป้องไม่ใช่เหรอ...ผมรู้ว่ามันอาจดูเป็นการเสียศักดิ์ศรีที่คุณจะยอมให้ผม ยอมให้คนที่เคยทำให้กาณฑ์ต้องเจ็บปวด...แต่ผมอยากดูแลคุณจริงๆนะคุณกรณ์...อยากให้คุณมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นเหมือนน้องๆคนอื่นๆของคุณบ้าง..” อ้อมแขนเรียวแกร่งกระชับกอดให้มั่นขึ้นด้วยแรงรักที่มี อยากส่งผ่านทุกความคิดและความฝันลงไปอย่างมากมาย



เขารู้ดีว่ากรณ์เองก็ใช่จะเข้มแข็งได้ตลอดเวลา


เขารู้ดีว่าบางทีกรณ์ก็อยากจะอ่อนแอ อยากจะร้องไห้... หากมีเขาอยู่ใกล้ๆ เขาจะได้กอดประคอง จะมีบ่ามีไหล่ให้กรณ์ได้ซับน้ำตา จากมีอ้อมอกหนั่นหนาได้ชิดใกล้และอิงแอบ


“ ปล่อยเถอะ” เหมือนโลกของกรณ์หยุดลงในชั่วเสี้ยววินาที..เมื่อความคิดส่วนหนึ่งที่เคยเป็นปมในใจถูกวิชญ์ภาสกระแทกเข้าใส่ ..ความอ่อนแอที่อยากจะแสดงแต่กลับไร้ที่จะระบาย ..



“คุณกรณ์..” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นเบาๆ.. แล้วขยับตัวกรณ์ให้หันมาเผชิญหน้าเขาตรงๆ.. กรณ์หลบสายตาอย่างรวดเร็วแต่ก็ถูกประคองใบหน้าให้ย้อนกลับขึ้นมาดู...



“ ผมเป็นของคุณ...ผมไม่ยอมเป็นของใครอีกเด็ดขาด ... ในทางกลับกันผมก็ไม่ยอมให้คุณเป็นของใคร ต่อให้คุณจะไล่ผมเหมือนหมูเหมือนหมา ผมก็จะไม่มีวันไปจากคุณเด็ดขาด...แม้วันนี้คุณยังไม่รักผม แต่ผมก็ไม่มีวันยอมแพ้หรอกนะ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณต้องรู้สึกอ้างว้างอีก...” ในโลกของความเป็นจริงกรณ์ใช่จะอ้างว้าง ใช่จะโดดเดี่ยว แต่ด้วยภาระอันหนักอึ้งทำให้เรื่องราวต่างๆที่คิดถูกเก็บไว้ในใจเพียงลำพัง

..กรณ์ไม่เคยระบาย ไม่เคยแสดง หน้ากากแห่งความเข้มแข็งแท้จริงเนื้อในของมันมีเพียงคราบน้ำตา..



“ ผมรักคุณ...” คำบอกรักย้ำๆ ซ้ำๆ แต่ครั้งนี้กลับทำให้กรณ์ชะงักได้มากที่สุด... น้ำตาที่ไม่คิดจะไหลก็เอ่ยล้นปรากฏเป็นสายตอนไหนก็ไม่มีใครรู้


“ อย่าร้องไห้สิ...เป็นอย่างนี้ไม่ดีเลยรู้ไหม..” วิชญ์ภาสเผยยิ้มให้กับคนที่เขารัก..พลางเลื่อนริมฝีปากประทับลงบนหยาดน้ำตา หวังว่ามันจะสามารถพาใจให้ลอยไปจากสิ่งที่กลัว.. หวังว่าสองความรู้สึกจะเปิดออกให้กันและกันมากขึ้น ...


“ ฮือๆ...ไอ้หน้าด้านๆ ..ไล่แล้วยังไม่ไป...” กำปั้นเรียวของคนหน้าสวยทุบลงบนอกหนาอย่างแรง ระบายความรู้สึกที่คั่งค้าง.. น้ำตาก็ไหลออกมามากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ..แต่เวลานี้ภายในใจกลับรู้สึกโล่งสบายมากขึ้นกว่าเดิม




“ ผมยอมรับว่าผมหน้าด้าน ..แต่คุณช่วยเชื่อใจผมหน่อยได้ไหมครับ ว่าผมจะพยายามทำให้น้องกาณฑ์หายเจ็บ ผมจะทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิม...ผมรู้ดีว่าตราบใจที่น้องกาณฑ์ยังเสียใจ คุณเองก็ไม่มีวันจะสบายใจ...” นั่นคือคำขอร้อง อ้อนวอน หรือสั่งการกันแน่...



คนตัวบางเงยหน้าขึ้นเพื่อมองดวงตากลมใส..ราวกับจะค้นหาคำตอบ ราวกับจะหามันให้เจอ...


การเชื่อใจ...

การวางใจ


กรณ์นั่งนิ่งไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ...หรือตอนนี้มันถึงเวลาที่เขาต้องลงเดิมพันแล้ว ...มันถึงเวลาที่เขาควรเดินออกจากเกราะคุ้มกายที่สร้างแต่ความเจ็บปวดให้ตัวเอง และคนอื่น ...



“ วันนี้ไปกรุงเทพฯกับผมนะ ไปนอนที่นั่นสักสองคืนแล้วค่อยกลับมาที่นี่...” วิชญ์ภาสสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ก่อนจะบอกในสิ่งที่เขาอยากทำ... บอกในสิ่งที่เขาต้องการ


“ ไปทำไม..”


“… ไปกับผมไง...นะ” วิชญ์ภาสยังไม่ได้ให้คำตอบ ..เพียงดึงร่างที่มองเขาทั้งน้ำตาเข้ามากอดไว้..หวังว่าความรักและความเอาใจใส่ที่เขาแสดงออกจะส่งผ่านถึงใจกรณ์บ้าง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้กรณ์ก็ไม่ได้ขัดขืนอ้อมกอดของเขาแล้ว ..อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้วล่ะ...

“…น้องกาณฑ์ละนุ่น...” ชายหนุ่มตัวสูงเดินลงมาด้านล่างแล้วเอ่ยถาม แม่สาวใช้ที่กำลังขึ้นโต๊ะของเช้านี้...


“ คุณกาณฑ์ไม่สบายค่ะ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คุณสุรีย์เธอสั่งให้นุ่นเรียนคุณกรณ์ตอนเช้านี้...” หญิงสาวเอ่ยพร้อมทั้งเรียงกับข้าวกับปลาไว้บนโต๊ะต่อ ..ส่วนวิชญ์ภาสก็เดินปลีกไปหยิบโทรศัพท์กดถามอาหารจากสุรีย์โดยทันที ...




“ อาการน้องกาณฑ์เป็นยังไงบ้างครับ..” เสียงที่ลอดปลายสายมาจากบ้านสายลม พอจะทำให้สุรีย์รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านมา ..สายตาเรียวคมก็เหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่ยังคงหลับใหลบนเตียงของโรงพยาบาล



“ อาการไม่น่าห่วงอะไรหรอกคะ..เพื่อนหมอพิสิษฐ์เป็นเจ้าของไข้เลยไม่น่ากังวลอะไร ว่าแต่คุณกรณ์ละคะเป็นยังไงบ้างรู้แล้วหรือยัง..” หญิงสาวปรายยิ้มเล็กน้อย เพราะดูจากอาการของกาณฑ์มันไม่ใช่ภาวะอ่อนแอทางร่างกาย แต่เป็นภาวะกดดันทางจิตใจมากกว่า เมื่อรู้ว่าวิชญ์ภาสห่วงก็เลยอดจะวางใจไม่ได้.. แต่ก็นั่นแหละยังมีปัญหาใหญ่อีกมากให้จัดการ ..



“ เดี๋ยวผมจะบอกคุณกรณ์ให้...สายๆจะเข้าไปเยี่ยมนะ..”




“ ค่ะ..” นิ้วเรียวเอื้อมกดตัดสาย ..แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างๆเตียงอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ...เรื่องราวมันชักวุ่นวายไปกันใหญ่ ใครกันนะที่จะแก้ไขเรื่องวุ่นๆครั้งนี้ได้..



“ คุณกาณฑ์น่าจะตื่นได้แล้วนะคะ..ตื่นขึ้นมาเพื่อรับกับความจริงที่เกิดขึ้น พวกเราผิดเองที่เอาแต่ปกปิดและโกหก แต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้คุณสบายใจ ...เราไม่อยากให้คุณต้องอยู่บนความทุกข์ ..โดยเฉพาะคุณกรณ์ที่ต้องทำร้ายตัวเองเรื่อยๆ ทำร้ายคนที่เขารัก ... หากทุกอย่างผ่านไปมันคงจะดี..” เสียงนุ่มบางที่ย้ำกระแส ..เหมือนจะฝังลึกเข้าไปในใจคนฟังอีกครั้ง เสียงที่กาณฑ์แทบจะลืมไป เสียงที่ทำให้เขามีลมหายใจมาจนถึงทุกวันนี้...


ร่างของคนป่วยค่อยๆเคลื่อนขยับอย่างครั่นเนื้อครั่นตัว



เพราะหลับมานานเกินควร ร่างกายเลยเริ่มเมื่อยขบไปตามส่วนต่างๆ...



“ ตื่นแล้วเหรอคะคุณกาณฑ์..” หญิงสาวพยายามวางเสียงให้เป็นปกติ แล้วเอ่ยถามคนเป็นน้องชายของเจ้านายอย่างห่วงใย


“ อืม..ใครโทรฯมาเหรอ..” กาณฑ์เองก็พยายามวางเสียงเป็นปกติเหมือนกัน ...เขาพอจะเดาออกว่าใครคือปลายสายที่โทรฯมาเมื่อครู่ แต่อยากให้สุรีย์เข้าใจไปว่าเขาไม่เป็นไร ...



“ คุณวิชญ์ค่ะ..เดี๋ยวบอกว่าจะมาเยี่ยม..”


“ อืม..” กาณฑ์พยักหน้าเบาๆ แล้วค่อยๆยันกายขึ้นนั่ง หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเลยยื่นมือเข้าช่วยทำให้เขาสามารถลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จ ..



“ ถึงเวลาหรือยังที่กาณฑ์จะได้รู้ความจริง...” ชายหนุ่มปรายตามองคนที่ยืนอยู่...อย่างตั้งคำถามพลางเอ่ยในสิ่งที่เขาสงสัยออกมา หากไม่คิดจะเริ่ม..เขาเองก็ไม่มีวันได้รู้ความจริงเลย เขาไม่อยากใช้ตัวเองเป็นศูนย์รวมของจักรวาลแล้วทำให้คนอื่นๆต้องเดือดร้อน หน้าชื่นอกตรมเช่นที่เห็น ...



“ คุณกาณฑ์อยากรู้...เอ่อ..อะไรล่ะคะ..” หญิงสาวเอ่ยขึ้นหยั่งเชิง ไม่กล้าจะพูดออกไปในทีแรก



“ ทั้งหมด...”




“ ดิฉันเองก็ไม่รู้จะพูดได้มากหรือเปล่า ...แต่ที่รู้คือทุกคนรักคุณกาณฑ์มาก เลยไม่อยากให้คุณกาณฑ์ต้องเจ็บปวดเพราะความจริงที่เป็นอยู่อาจทำให้คุณกาณฑ์รับไม่ได้และต้องป่วยซ้ำ คุณกรณ์เธอเลยเลือกจะทำอย่างนี้ ทำทั้งที่ตัวเธอเองก็ไม่มีความสุข...” มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ..ท่ามกลางความรัก แต่มีรอยช้ำซ้ำลึกถึงความเจ็บปวด ..


.
“ แล้วคิดเหรอว่าการโกหกมันทำให้กาณฑ์ดีขึ้น..” ชายหนุ่มถลึงตามองอย่างเอาเรื่อง ...เขาแค่อยากรู้ อยากรู้ว่าทุกอย่างในรอบสองเดือนกว่าๆที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ...เขามีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอ สิทธิ์ที่จะรับรู้ความเป็นไป




“ คุณวิชญ์รักคุณกรณ์...” นั่นคือความจริง....นั่นคือทั้งหมดของเรื่องราว เพราะแกนกลางที่ทำให้เกิดเรื่องต่างๆในเวลานี้เพราะวิชญ์ภาสนั่นรักกรณ์เข้าแล้วจริงๆ...


“ คนอย่างพี่วิชญ์นี่นะจะรักคนอื่นเป็น..” กาณฑ์แสยะยิ้มอย่างไม่เชื่อสายตา ...ที่ผ่านมาหลายวันเขายอมรับว่าวิชญ์ภาสเปลี่ยนไป พยายามดูแลเขา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชื่อว่าวิชญ์ภาสจะกลับใจ เขาเองก็รู้ดีว่าวิชญ์ภาสเป็นยังไง ..



“ คุณกาณฑ์อาจไม่เชื่อ... ดิฉันเองก็พอรู้ว่าเมื่อก่อนคุณวิชญ์เป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้วจริง หากไม่เชื่อดิฉันคุณกาณฑ์ก็ลองใช่ใจตัวเองรับรู้ดู... คุณกรณ์เธอคงหลุดจากบ่วงทุกข์บ่วงโศกเสียที หากคุณกาณฑ์ไม่ถูกความรักในครั้งก่อนทำร้ายอีกครั้ง...” หวังสูงสุดของหญิงสาว คือให้สายลมกลับมาสู่รอยยิ้มและความสุข แต่นั่นมันจะยากเกินไปหรือเปล่าล่ะ..




“ พี่วิชญ์รักพี่กรณ์ได้..แล้วทำไมถึงรักกาณฑ์ไม่ได้ล่ะ..” เด็กหนุ่มกระชากเสียงใส่ น้ำตาเริ่มไหลอย่างเหลืออด มันเป็นความรู้สึกที่แสดงออกมายากแสนยาก เพราะเวลานี้กาณฑ์หาได้เศร้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความสับสน ความเจ็บปวด ความทรมาน รวมถึงรอยยิ้มผสมปนเป เป็นความรู้สึกที่ตายก็ไม่ได้ จะอยู่ก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่..


“ อย่าเจ็บปวดอีกเลยนะคะคุณกาณฑ์...”



“ แล้วกาณฑ์ล่ะ...แล้วกาณฑ์จะทำยังไง...กาณฑ์มันไม่มีใครต้องการเลยใช่ไหม..” สายน้ำเกลือที่ระโยงรยางค์อยู่ข้างเตียงเริ่มแกว่งไปมาอย่างรุนแรง ... เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนอ้างว้าง รอบตัวมีแต่สิ่งโกหก... แต่พอได้รู้ความจริงก็กลับรู้สึกเคว้งคว้างเข้าไปใหญ่..



“ ไม่ต้องกลัวนะคะ..” หญิงสาวยืนอึ้งอยู่เพียงครู่ก็ตัดสินใจคว้างร่างที่สั่นคลอนและร้องไห้เข้ามากอดปลอบประโลม. .. ใครบอกล่ะว่าเขาไม่มีใครต้องการ ใครพูดล่ะว่าเขาไม่สำคัญ ..อย่างน้อยเธอคนหนึ่งแหละที่จะยืนข้างๆเขา ...

“ อย่าทิ้งกาณฑ์นะ..ๆ”


“ ไม่หรอกค่ะ...ขอแค่คุณกาณฑ์กล้าจะรับความจริง กล้าจะเสียสละเพื่อคนที่เรารักได้มีความสุขแค่นี้ก็พอแล้ว ..ดิฉันไม่ทิ้งไปหรอก..” เธอยิ้มให้เบาๆ..พลางกอดกระชับไว้แนบอกอย่างแน่นแสนแน่น..มือเรียวข้างขวาก็โน้มปลอบประโลมลูบศีรษะคนป่วยอย่างเห็นใจ

ขอให้พรุ่งนี้มีแต่ความรัก..ขอให้มีเพียงความสุขปรากฏ..

speedboy

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มไปในทิศทางที่ดี  อ่านแล้วมีความสุขจังคร้าบ


ขอบคุณนะคร้าบ


 :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
เข็มเริ่มเบนทิศทางไปในทางที่ดีแล้ว

ชิมิ

คงไม่มีไรมาหันให้เข็มเบนกลับไปทางที่แย่เหมือนเดิมอีกนะ

ขอเฝ้าภาวนา  :call:

nanao

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มเข้าใจกันมากขึ้นแล้ว เย่ ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
กานฑ์สู้ๆ เอาชนะใจตัวเองให้ได้  :mc4: :mc4:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
เช้านี้อารมณ์ดี เลยเอามาลงให้อีกดีกว่า


ตอน 18


วิชญ์ภาสเดินกลับขึ้นมาบนห้องด้วยความหนักใจ ..เรื่องใหม่เกิดขึ้นอีกแล้วใช่ไหมนี่.. แต่เขาไม่ยอมแพ้หรอก ยังไงก็ควรไปพบกาณฑ์ให้เร็วที่สุด สิ่งที่ปิดบังมานานควรเผชิญหน้ากับความจริงเสียที.. เขาควรเดินหน้าไม่ใช่มากังวลอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ


หากเขายังไม่มั่นใจในสิ่งที่เริ่ม ..แล้วจะควรค่ากับการรักกรณ์นั่นเหรอ...



ลมหายใจที่สูดเต็มหน่วง..ผ่อนออกอย่างให้กำลังใจตัวเอง ..ชายหนุ่มก้าวเดินเข้าไปภายในห้องห้องเก่า ..ห้องของเขาและกรณ์... ตอนนี้คนตัวบางกำลังแต่งตัวอยู่โต๊ะกระจกภายในห้องเช่นปกติ..เสื้อยืดคอปกสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงขายาวเนื้อนุ่ม..ดูจะเข้ากับกรณ์ไม่น้อย ..



..โอ๊ะ..


กรณ์ชะงักเล็กน้อย ..เมื่อร่างของเขาถูกอีกร่างเดินเข้ามากระทบ..หลังนุ่มเนียนกำลังเบียดชิดกับอกแกร่งผ่านเสื้อผ้าของทั้งสอง..มือของคนตัวสูงเริ่มเลื้อยมาประสานกันที่หน้าท้องของอีกฝ่าย ..กรณ์ไม่ว่าอะไรจัดการทาครีมบำรุงให้ตัวเองเช่นที่ทำทุกวัน...


“ น้องกาณฑ์ไม่สบาย..” วิชญ์ภาสเอ่ยขึ้นเบาบาง..พลางเหลือบมองหน้ากรณ์ในกระจก..


“ อะไรนะ..” กรณ์ถึงกับตกใจ และห่วงใยในทีเดียวกัน

..
“ น้องกาณฑ์รู้ทุกอย่างแล้ว ..ก็เลยไม่สบายแล้วอยู่โรงพยาบาล..” วิชญ์ภาสบอกต่ออย่างใจเย็น เขาเลือกจะอยู่ข้างกรณ์แล้วนี่.. เขาไม่ยอมถอย ..


“ ปล่อย..” กรณ์ชะงักหนักกว่าเดิม รู้สึกห่วงใยน้องชายล้นเหลือ .. แล้วนี่กาณฑ์รู้เรื่องระหว่างเขากับวิชญ์ภาสแล้วเหรอ ... แล้วเขาจะทำยังไง เขาจะเข้าหน้าน้องชายติดหรือเปล่า แล้วเขาจะเดินต่อไปอย่างไร ..




“ อย่าดิ้น... เงียบแล้วฟังผมนะ..” วิชญ์ภาสกระชับอ้อมแขนของตัวเองให้มั่นคงกว่าเก่า... แล้วจ้องมองคนในกระจกด้วยแววตาจริงจังอย่างถึงที่สุด...


“ เดี๋ยวเราไปเยี่ยมน้องกาณฑ์กัน...ผมจะพูดเรื่องของเราเอง...”


“ เรื่องอะไร..” กรณ์กระชากเสียงเบาๆ... แม้จะแข็ง แต่มันก็ไม่ได้ขึงขังเช่นทุกทีที่เขาพูด ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในใจ ..มันคือความประหวั่น ประหม่ามากกว่า ..กลัวไปต่างๆนานา กลัวว่าจะต้องโดนน้องชายเกลียด กลัวโน้นกลัวนี้สารพัด


“ ผมรู้ว่าคุณกำลังกลัวอะไร...ถ้าน้องกาณฑ์จะเกลียดก็ให้เกลียดผม... ขอแค่คุณยอมให้ผมอยู่ข้างๆ...แค่นี้มันก็มากมายเกินพอ ...มันก็มากเกินกว่าที่ผมเคยคิดไว้แล้วล่ะ..” การได้อยู่ข้างๆคนที่รัก..แม้ไม่ได้รักตอบแทน แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเขาปลอดภัย อย่างน้อยก็ได้กลิ่นไอของกาย...



“ ฉัน..”


“ เลิกพูดเถอะครับ ..ทำใจให้สบายๆนะ..ผมขอเวลาสิบห้านาที...เดี๋ยวทานข้าวเช้าเสร็จแล้วเราไปหาน้องกาณฑ์กัน...” วิชญ์ภาสตัดบท..พลางวางริมฝีปากอิ่มบนแก้มเนียนเบาๆหนึ่งทีและผละเดินไปเข้าห้องน้ำที่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่โดยไว.. กรณ์ทิ้งตัวลงบนเตียงด้านหลังอย่างหนักอึ้ง ..



ในช่วงเวลาที่สมองโล่งว่าง ไร้ทางจะเดิน แต่เขากลับรับรู้ถึงความอบอุ่นที่มันแผ่ซ่านจากร่างกายของอีกคน ความอบอุ่นที่มีความรักผลักดันให้เดินหน้า...


“ ช่วยฉันด้วยนะ..” กรณ์เปรยแผ่วๆอย่างอ่อนใจ ...


ถ้ากรณ์ไม่คิดจะแก้แค้นก็คงไม่เริ่มต้น .. แต่ถ้ากาณฑ์ไม่รู้ความจริงเรื่องก็ไม่มีวันจบ ..


“ คิดอะไรอยู่ครับ..” เวลาที่ผ่านไปดูช่างรวดเร็วจนกรณ์ลืมสังเกต .. หนึ่งเสียงที่ลอดดังขึ้นมาทำให้กรณ์ชะงักกายขึ้นนั่งและหันไปมองคนตัวสูงที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกาย .. กล้ามเนื้อที่เรียงตัวได้รูป ปรากฏร่องรอยที่กรณ์ได้ฝากฝังไว้เป็นจุดๆ .. ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ..



“ ครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มรับ แล้วแยกไปตรงตู้เสื้อผ้าใบใหญ่หยิบชุดสบายๆขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว ..ตู้เสื้อผ้าหลังนี้เดิมนี้เป็นของกรณ์ แต่ตั้งแต่วิชญ์ภาสก้าวเข้ามาอยู่ในห้องนี้ ทุกอย่างก็เหมือนถูกแชร์เป็นสองส่วน... โดยที่เจ้าของห้องก็ไม่ได้อิดออดอะไร .



วันนี้เขาคว้าเอาเสื้อเชิ้ตเนื้อโปร่งเบาขึ้นมาสวมกับกางเกงยีนส์ขายาวตัวโปรด...


มือแกร่งค่อยๆจัดการกับกระดุมตรงข้อแขนอย่างงุ่นง่าน ..จนคนที่นั่งมองอยู่ต้องเดินเข้ามาช่วยอย่างรำคาญตา ..


“มา..” กรณ์ส่งเสียงบอกเล็กน้อย .. แล้ววางมือลงกลัดกระดุมตรงแขนที่พับขึ้นมาตามสมัยนิยมอย่างรวดเร็ว .. จากนั้นก็เคลื่อนมากลัดกระดุมตรงแขนขวาให้อีกคน..แต่ขณะนั้นก็ถูกอีกคนโน้มหน้าเข้ามาประทับจูบบนเนิ่นแก้มนวลเช่นที่ชอบทำ..


“ เปลี่ยนน้ำหอมเหรอครับ..” วิชญ์ภาสเลิกคิ้วถามพลางจ้องตาคนที่กำลังง่วนอยู่กับกลัดกระดุมให้เขา..

“ ทำไม..” กรณ์เงยหน้าขึ้นมองหลังจากจัดการให้อีกฝ่ายเสร็จเรียบร้อย .

.
“ เปล่าครับ..ผมแค่รู้สึกแปลกๆเท่านั้น ..กลิ่นเดิมหอมกว่านี้นะ..” วิชญ์ภาสจ้องตาคนตัวเล็กไว้ แล้วยกมือทั้งสองของเขาประคองเอวบางเอาไว้อย่างว่องไว


“ ไม่ชอบก็ปล่อยได้แล้ว..”



“ ไม่ใช่ไม่ชอบ..แต่ผมว่ากลิ่นนี้มันร้อนไป..กลิ่นเดิมมันเย็นๆหอมดี..” วิชญ์ภาสรั้งร่างที่หมายจะเดินออกจาการเกาะกุม..บอกความจริงที่เขาคิดออกไปจนหมด...



“ ปล่อยได้แล้ว..หิวข้าว..” กรณ์ไม่ตอบโต้อะไร รู้สึกเขินๆบอกไม่ถูก ..เขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะจดจำทุกรายละเอียดในตัวเขาได้ขนาดนี้.... มันรู้สึกสุขใจอย่างไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูด ... รู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญของอีกคน



“ ...” วิชญืภาสยิ้มรับในท่าทีเง้างอนของอีกฝ่าย ..เอื้อมมือโอบเอวบางไว้แล้วเดินออกจากห้องด้วยกัน มันเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในท่าที มันทำให้หัวใจพองโตอย่างมากมายกว่าที่เคยเป็น .. ตอนนี้เขาขอเติมพลังใจก่อนเถอะ...เดี๋ยวอาจมีศึกใหญ่ต้องเผชิญอีก..




“ รับอาหารเลยไหมคะคุณกรณ์..คุณวิชญ์..” แม่สาวใช้ประจำบ้านสายลมวิ่งแจ้นออกมารับหน้าอย่างรวดเร็ว ..วันนี้บ้านดูเงียบกว่าปกติ เพราะกาณฑ์ สุรีย์ไม่อยู่ ไหนจะกฤษฏิ์อีกล่ะ...



“ อืม..” กรณ์พยักหน้ารับแล้วเงยหน้ามองอีกคนที่โอบเขาอยู่... ฝ่ายนุ่นก็วิ่งลับเข้าไปในครัวเตรียมกาแฟสำหรับชายหนุ่มทั้งสอง ระหว่างนั้นคนที่โอบกรณ์อยู่ก็แอบขโมยแก้มหอมๆ หนึ่งฟอดใหญ่ถึงยอมปล่อยให้กรณ์ออกห่างจากตัวเอง .. ( ช่วงนี้วิชญ์ภาสกำไรจัด...ฮ่าๆ...)




“ กาแฟค่ะ” หญิงสาวเดินถือกาใส่กาแฟ พร้อมแก้วสองใบวางไว้หน้าชายหนุ่มทั้งสอง ...แล้วบริการอย่างเต็มที่.. อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งของโปรดของกรณ์...กับเครื่องเคียงแบบข้าวต้มที่ขายในตลาดโต้รุ่งกลางคืน ..( เรียกว่าอะไรนี่ลืม...)



“ ขอไข่สักสองใบสิ..”



“ แค่กๆ..” กรณ์ที่กำลังยกกาแฟขึ้นดื่มถึงกับสำลัก..ตอนที่ได้ยินไอ้คนคิ้วหนามันสั่งไข่ลวกเพิ่ม... นี่ในชามก็มีอยู่ใบหนึ่งแล้ว ยังจะสั่งเพิ่มอีกเหรอ...


“ เป็นอะไรมากไหมคุณกรณ์..” นุ่นรีบปรี่เข้ามาใกล้พร้อมทั้งส่งทิชชู่ให้นายหนุ่มทันที..


“ ไปจัดการที่ฉันสั่งเถอะ..เดี๋ยวฉันดูคุณกรณ์เอง..”วิชญ์ภาสโบกมือไล่ให้นุ่นไปทำไข่ลวกมาเพิ่มให้เขาส่วนตัวเขาก็จะดูอาการของกรณ์เอง ...



“ เป็นไงบ้างครับ..”


“ ..” กรณ์ส่ายหน้าเบาๆ แต่ไม่กล้าสบตาคู่กรณี... พูดๆไปก็กระดากปากตัวเอง แต่ก็นั่นแหละเขาไม่สามารถจะหนีความจริงได้หรอก เมื่อคืนก็สัมผัสกันจนเหนื่อยล้า ..มาตอนเช้าก็ถูกปลุกด้วยวิธีแสนพิศดารจากเจ้าตัวสูงอีก...


“ คุณจะเอาด้วยไหม..” วิชญ์ภาสเย้าเบาๆ แต่ก็โดนตาเขียวๆดุๆส่งเป็นคำตอบ จนปลายทางต้องเปิดยิ้มอย่างไม่เคยเป็น ... กรณ์เวลานี้ดูดุแต่มันไม่เข้ากับใบหน้าขาวๆที่ระเรื่อแดงเพราะความอายเลยสักนิด...


“ ครับๆ..ผมไม่แกล้งแล้ว..” วิชญ์ภาสยอมศิโรราบ และเป็นจังหวะเดียวกับที่นุ่นเดินถือชามไข่ลวกออกมาให้วิชญ์ภาสทันที...



“แล้วกฤษฏิ์ไปไหนล่ะ..” เจ้าของบ้านเอ่ยถามแม่บ้านสาว ...เป็นการเบี่ยงประเด็น



“ ตั้งแต่ออกไปกับคุณหมอ..ก็ยังไม่กลับเลยค่ะ..” เธอตอบไปตามความจริงทุกประการ ..เมื่อวานเจ้าหล่อนก็รออยู่จนดึก เมื่อไม่เห็นวี่แววของกฤษฏิ์เลยเข้านอน...


“ ไปหยิบโทรศัพท์มาหน่อยสิ..เดี๋ยวฉันโทรฯหากฤษฏิ์หน่อย” กรณ์พยักหน้ารับ .พร้อมทั้งสั่งการ แม่สาวร่างท้วมรีบย้ายกายของตนไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงเต้ารับอย่างรวดเร็ว..และนำมาส่งให้ประธานของบ้านที่นั่งรออยู่
...
...
...
“ นี่อาหมอ..ปล่อยกฤษฏิ์นะ..โทรศัพท์มาไม่ได้ยินหรือยังไง..” กฤษฏิ์พยายามผลักร่างที่กำลังแทะโลมเขาทางสายตาอย่างรวดเร็ว ..ก็หมอบ้าของกฤษฏิ์ดันอยากทวนความทรงจำ .. อยากรู้ว่าเป็นยังไงตอนนี้กฤษฏิ์เลยกำลังอยู่ระหว่างนรกกับสวรรค์..ร่างกายถูกบางสิ่งบางอย่างเชื่อมต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้...




“ หน่านะ..” เสียงอ้อนที่ไม่เคยได้ยินจากที่ไหน เป็นครั้งแรกที่กฤษฏิ์รู้สึกว่าหมอพิสิษฐ์น่ารักขนาดนี้...



“ อาหมอหื่น..ออกไปเลยไปกฤษฏิ์จะฟ้องพี่กรณ์ด้วย..” กำปั้นลุ่นๆกระแทกลงบนอกหนั่นหนาของหมอหนุ่มทำให้คนที่คุมจังหวะต้องผ่อนปรนยอมให้ร่างบางเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์...



“ ครับ..”


“ กฤษฏิ์อยู่ไหนนี่ทำไมไม่กลับบ้านอีก ...” ปลายสายส่งลอดมาด้วยความห่วงใย..


“ คือเมื่อวานอาหมอเมา..กฤษฏิ์เลยนอนที่นี่...ไว้บ่ายๆกฤษฏิ์จะกลับนะ..” กฤษฏิ์เอ่ยพลางหันไปจ้องคนที่กำลังอมยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ส่งให้เขา..ร่างสูงถอนกายออกอย่างเร็วจนกฤษฏิ์เสียววาบ..แต่ในจังหวะที่เผลอก็กระทั้นสวนเข้ามาในร่างกายอย่างหนักหน่วง


“ อื้อ...อ่า...”

“ เป็นไรไปกฤษฏิ์...”



“ เปล่าๆ....” กฤษฏิ์รีบตอบกลับไปด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น..พยายามฝืนตัวเองไม่ให้ส่งเสียงใดๆรอดผ่านไปถึงปลายสาย .. หมอพิสิษฐ์ได้ใจเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะก้มลงหยอกเย้าตรงอกขาวอย่างสนุกสนาน.. คนถูกกระตุ้นบิดส่ายอย่างกับปลาพ้นน้ำ.. พยายามยังไงเจ้าร่างสูงก็ไม่ออกห่างตัวเองเลยสักนิดสุดท้ายเลยต้องปล่อยให้หมอพิสิษฐ์หยอกเย้าเขาต่อไป


“ อืม..พี่จะโทรฯมาบอกว่ากาณฑ์ไม่สบายถ้าว่างก็ไปเยี่ยมหน่อย..”


“ แล้วเป็นอะไรมากไหม..” เสียงที่ส่งออกมาทำให้คนยิ้มแย้มหยุดการเคลื่อนไหว พลางจ้องหน้ากาณฑ์อย่างหาคำตอบ เพราะเวลานี้ดวงตาคู่ใสดูจริงจังจนหมอพิสิษฐ์ต้องหยุด...


“ เห็นว่าไม่มีอะไรมากแล้ว..”
“ เหรอ..งั้นสายๆ กาณฑ์จะไปเยี่ยมล่ะกัน..” คนได้ฟังผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก... ฝ่ายกรณ์ก็เลือกจะตัดสายไปหลังจากนั้น..กฤษฏิ์ยังแสร้งคุยต่อสักพักจนคนเป็นหมอเผลอ..



“ ตายซะ..ไอ้อาหมอหื่น..” กฤษฏิ์ยันกายออกจากร่างออกฝ่าย ..แล้วกระแทกเท้าลงบนท้องแข็งแกร่งอย่างแรง คนตัวบางคว้าผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที


“ ไม่เล่นอย่างนี้นะ...ยังค้างอยู่เลย..” พิสิษฐ์ที่ล้มลงกระแทกกับพื้นด้านหลัง รีบยันกายขึ้นยืนแล้ววิ่งไปทุบประตูห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ..แกล้งกฤษฏิ์ดีนักสุดท้ายเลยโดนสวนกลับเสียบ้าง ..


“ ไม่ต้องพาพูดกับกฤษฏิ์เลยไอ้หมอหื่น..” กฤษฏิ์กระหยิ่มเยาะอยู่ภายในห้องน้ำ โดยลืมไปเสียสนิทว่าที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์สายลม ..เจ้าของบ้านย่อมมีกุญแจทุกที่ทุกแห่งเพียงไม่นานบานประตูก็ถูกไขเข้ามาท่ามกลางความตกใจของคนร่างเพรียว

“ คิดเหรอว่าจะหนีพ้น...” เสียงห้าวเย้าขึ้นอย่างเหนือกว่า

“ หมอหื่น..”

“ ถึงหื่นก็เป็นสามีเรานั่นแหละ..” หมอพิสิษฐ์ตอบกลับอย่างไม่คิดจะอาย ..แต่ไอ้คำที่ว่ามันกลับทำให้กฤษฏิ์หน้าแดงอย่างรวดเร็ว ..ร่างคร้ามสูงเดินเข้ามาอย่างกับยักษ์ปักหลั่นมันครามครั่นไปด้วยความปรารถที่ปรากฏโฉมอย่างไม่คิดจะเลี่ยง ..

“ หน่านะ..อายังค้างอยู่เลย..” จากเสียงห้าวกลับมาอ้อนใสๆจนกฤษฏิ์ปรับอารมณ์ไม่ทัน .. เฮ้อ...สรุปว่ามันเป็นโชคหรือเคราะห์ของกฤษฏิ์กันแน่ที่ตกเป็นของหมอหนุ่ม.. เพราะตั้งแต่ที่สัมผัสกันจนไฟลุกโชน กฤษฏิ์ก็ยังไม่ได้หยุดพักเลย ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2009 09:31:47 โดย LoveNineTeen »

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 19

กรณ์หันกลับไปสนใจกับอาหารบนโต๊ะอย่างอ้อยอิ่ง .. ในใจเขานึกห่วงน้องชายคนรองมาก แต่ก็กลับรู้สึกละอายใจไม่กล้าไปพบ... ช้อนที่ยกวางๆ อยู่หลายครั้งพอจะทำให้คนที่นั่งเหลือบมองเขาอยู่เดาทางได้ถูก มีหรือที่วิชญ์ภาสจะอ่านคนที่เขารักไม่ออก .. กรณ์เวลานี้แสดงความกังวลออกมาชัดเจน กลัว ห่วง ละอายใจ แต่ละความรู้สึกผสมผสานจนยากจะแยกออก..


ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาดึงมือกรณ์ให้ลุกจากโต๊ะอาหารไป ..เจ้าของบ้านเหลือบมองเล็กน้อย




“ ไปเถอะครับ ..เดี๋ยวแดดจะร้อนกว่านี้..” วิชญ์ภาสบอกเสียงบางแต่กลับหนักแน่นที่สุดในใจคนฟัง ..กรณ์รับเบาๆ แล้วเดินตามขึ้นห้องไปอย่างไม่ขัดขืน นับวันแรงของเขาก็น้อยลงๆ เรื่อยๆ



ทั้งสองออกจากบ้านสายลมในเวลาต่อมา โดยวิชญ์ภาสอาสาขับให้อีกคนนั่งคู่เพราะอยากดูแลเอาใจใส่กรณ์อย่างที่ใจต้องการ




ขณะที่รถกำลังติดไฟแดงอยู่..วิชญ์ภาสก็เหลือบมองอีกคนที่นั่งจับมือไว้แน่น เหมือนมันจะกดๆลงตรงปลายเล็บด้วยสิ กรณ์เวลานี้คงเครียดมากไม่น้อยที่ต้องเผชิญกับความจริงที่เขาหลบหลีกมาตลอดเวลา ..ถึงเวลาแล้วที่ทุกอย่างต้องสะสาง ..ที่สำคัญเวลานี้กรณ์เองก็เผลอใจให้อีกคนข้างกายมากต่อมาก


หากกาณฑ์ขอให้เขาเลิกยุ่งกับวิชญ์ภาสเขาจะทำได้รึเปล่านะ...




..กรณ์สะดุ้งออกจากภวังค์ความคิด เมื่อริมฝีปากหยุ่นๆวางลงบนแก้มของเขาอย่างลงน้ำหนัก..หน้าสวยหวานหันไปมองอีกคนด้วยสัญชาตญาณก็ทำให้ริมฝีปากชมพูอ่อนถูกสัมผัสอย่างรวดเร็ว ...มือเรียวยกขึ้นทุบตรงอกอีกฝ่ายเพราะตอนนี้ทั้งสองกำลังอยู่กลางถนน ไม่ใช่ภายในห้องหับที่เป็นสถานที่ส่วนบุคคล


..
“ ทำบ้าอะไร...ไม่อายรึไง”

“ ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร ..เชื่อผมนะผมไม่ยอมให้เรื่องมันเลวร้ายไปกว่านี้แน่นอน..” หาใช่คำตอบรับในสิ่งที่กรณ์กล่าว แต่เป็นคำตอบรับในสิ่งที่กรณ์คิด




“...” กรณ์พยักหน้าให้เบาๆ ซึ่งมันก็พอจะเรียกรอยยิ้มออกจากใบหน้าอีกฝ่ายได้พอสมควร ..กรณ์เวลานี้ดูไม่ต่างอะไรจากเด็กๆที่ขาดความเชื่อมั่นใจตัวเอง พร้อมจะยืนหลบอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลา



จากนั้นวิชญ์ภาสเลยหันไปสนใจกับการขับรถต่อ ... เพียงสิบนาทีกว่าๆ ทั้งสองก็มาถึงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของจังหวัด ซึ่งรักษาตระกูลสายลมมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ หมอพิสิษฐ์ก็ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้เหมือนกัน แต่วันนี้เป็นวันหยุดเลยไม่ได้มา ยกเว้นจะมีเคสด่วนจริงๆ ...

ก๊อกๆ...




เสียงเคาะตรงหน้าประตูเรียกให้หญิงสาวที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่กับกาณฑ์หันไปมองเล็กน้อย แล้วกลับมามองชายหนุ่มที่นั่งตาแป๋วจ้องจอโทรทัศน์อย่างกับไม่สนใจอะไร




...เจ้าหล่อนเลยเดินไปเปิดประตูโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าแววตาคู่แป๋วมีแวววูบวาบเล็กๆ กาณฑ์เตรียมใจไว้ตั้งแต่ที่ลูกโป่งพูดเมื่อเช้าแล้ว หากยังดึงดันต่อไปเขาต้องทำลายคนรอบกายจะเจ็บปวดมากกว่านี้ ...



“ มากันแล้วเหรอคะ..” สุรีย์เอ่ยขึ้นเสียงเบา ทักทายวิชญ์ภาสและเจ้านายที่ยืนอยู่ข้างๆคนตัวสูง กรณ์พยักหน้ารับเบาๆ แล้วเดินตามหญิงสาวเข้ามาภายในห้อง




“ พี่กรณ์...พี่วิชญ์มาแล้วเหรอ..” กาณฑ์หันไปมองอย่างข่มใจแสร้งถามออกไปด้วยเสียงสดใส รอยคิ้วของกรณ์กระตุกขึ้นเล็กน้อย กำลังรับรู้ได้ว่าน้องชายกำลังโกหก


...เขาเหมือนถูกมีดสักพันเล่มทิ่มแทงร่างกายยิ่งได้เห็นรอยยิ้มที่ฝืนแสดงยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่มากกว่าเดิม




“ คุณกรณ์..” วิชญ์ภาสที่ยืนอยู่ข้างๆ วางมือลงบนเอวบางของอีกคนเบาๆ เพื่อเรียกสติของกรณ์ให้กลับคืนมา หากกรณ์เผลอร้องไห้ตรงนี้เรื่องราวมันอาจจะแย่ไปมากกว่านี้ก็ได้... สิ่งที่วิชญ์ภาสแสดง สายตาแห่งความรักที่เอื้ออาทรให้พี่ชายคนโตของสายลม ล้วนอยู่ในสายตาของกาณฑ์และสุรีย์ทั้งสิ้น..

“ เป็นไงบ้างล่ะ..อาการเป็นไงบ้าง..” กรณ์ฟื้นกลับคืนสู่สติแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงของน้องชายเอ่ยถามอาการราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ...



“ ไม่มีอะไรสักหน่อยโดนฉีดยาไปสองเข็มก็หายแล้ว แต่เพื่อนอาหมอบอกว่าให้นอนพักสักสองวันถึงจะยอมให้กลับบ้าน...” แท้จริงหมอเจ้าของไข้อนุญาตให้เขากลับได้ตั้งแต่ตอนเข้ามาตรวจรอบเช้า แต่กาณฑ์ก็บอกหมอให้อนุญาตให้เขาอยู่ต่อเพราะไม่มั่นใจในอาการของตัวเอง ...เขาขอเวลาสักนิด ขอเวลาทำใจ


“ คือพี่...”




“ อะไรเหรอ..” กาณฑ์เองก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แววตาของกรณ์แสดงออกมาไม่แพ้กัน ...ก่อนที่จะได้ฟังคำอธิบายใดๆจากปากสุรีย์


เขารู้สึกโกรธที่กรณ์หลอกหลวงและปิดบังความจริง แต่หลังจากได้ฟังความโกรธก็บรรเทาลง จนมาได้เห็นสีหน้าที่ฉายวาวความสำนึกผิดยิ่งทำให้เขารู้สึกสงสารพี่ชายจับใจ ...



“ เดี๋ยววันนี้พี่กับคุณกรณ์จะไปกรุงเทพฯ...เราอยากได้อะไรหรือเปล่า” กรณ์อึกอักอยู่นานจนท่าจะไม่ดี บรรยากาศที่เงียบเชียบเกินไปไม่เหมาะในเวลานี้..วิชญ์ภาสเลยเลือกจะเดินเข้ามาแทรกกลางและบอกถึงจุดหมายในวันนี้




“ ไม่อ่ะ..ไว้ถ้าอยากได้อะไรกาณฑ์จะโทรฯไปบอกแล้วกันนะ..” กาณฑ์ส่ายหน้าไปมาคลายจะสลัดความคิดชั่วร้ายที่เคยมีต่อกรณ์ออกไปจนหมด

..เขาผิดเองที่เผลอโกรธกรณ์ แท้จริงกรณ์รักเขามากกว่าใครๆ ทั้งที่ความจริงทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความอ่อนแอของหัวใจกาณฑ์เอง


...ใช่เขาจะไม่รู้ว่าวิชญ์ภาสนั้นมีสมญาเรื่องเจ้าชู้ขนาดไหน แต่เขาก็เลือกจะเล่นกับไฟโดยรู้ดีเสมอว่าผลสุดท้ายไฟมันจะผลาญทำลายกายจนมอดไหม้ แต่ก็ยังอยากจะลองดู



“ คุณกรณ์บอกว่ามีธุระจะคุยกับคุณสุรีย์เรื่องงานไม่ใช่เหรอ..” หลังจากกาณฑ์ตอบกลับมา วิชญ์ภาสเลยหันไปพยักเพยิดกับเลขาฯสาวของกรณ์ ทำให้ชายหนุ่มตัวบางงงไม่ใช่น้อยแต่สุรีย์ก็เข้ามาแก้สถานการณ์ได้ทัน




“ เชิญคุณกรณ์ที่แคนทีนของโรงพยาบาลดีกว่าค่ะ สะดวกกว่า...” หญิงสาวเดินเข้ามาคว้ามือของกรณ์ให้เดินออกไปและปล่อยให้ห้องคนป่วยมีเพียงวิชญ์ภาสและกาณฑ์เพียงเท่านั้น ...หญิงสาวพาเขาพ้นห้องมาได้สองก้าวก็ถูกอีกฝ่ายชะงักมือเอาไว้



“ ฉันอยากฟัง..” กรณ์บอกไปเหมือนจะรู้ว่าวิชญ์ภาสกำลังจะทำอะไร...หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งจึงหยุดยืนข้างๆกับเจ้านายหนุ่มเป็นกำลังใจให้ทุกความเจ็บปวดมลายไปโดยไว ..



ภายในห้องคนป่วยที่บัดนี้มีเพียงชายสองคนอยู่ใกล้กัน ..มือแกร่งของคนอายุมากกว่าวางลงบนศีรษะของกาณฑ์อย่างปลอบประโลม เพียงสัมผัสน้ำตาที่กลั้นมานานก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้


“ หากเรื่องนี้จะมีใครสักคนที่ผิด..พี่อยากให้เราโทษพี่”


“ แล้วทำไม่ล่ะ ทำไมพี่ถึงรักพี่กรณืได้ แต่รักกาณฑ์ไม่ได้...ทั้งที่กาณฑ์กับพี่กรณ์เป็นพี่น้องกัน...” เสียงรำพันที่ดังลอดด้วยความน้อยใจดังขึ้นจากคนป่วย ...



“ พี่ไม่รู้จะอธิบายให้กาณฑ์ฟังยังไง ...แต่คนเราที่ไม่ได้เกิดมาคู่กัน มันก็ไม่อาจเดินไปจนตลอดรอดฝั่งหรอกนะ พี่รู้ว่าเมื่อก่อนทำเลวไว้มากแต่พี่ก็อยากจะเป็นคนรักที่ดี ให้คู่ควรกับคนที่พี่รัก... พี่ไม่ได้โทษว่ากาณฑ์ผิด หรือคุณกรณ์ผิด แต่ทั้งหมดเป็นเพราะพี่เอง ที่พี่รักกาณฑ์ไม่ได้เพราะว่ากาณฑ์อาจมีคนที่คู่ควรกับกาณฑ์อยู่
แล้ว ...”



“ ก็กาณฑ์รักพี่วิชญ์จะให้กาณฑ์รักคนอื่นได้ยังไง..”





“ พี่เข้าใจว่ามันคงลืมได้ยาก ...แต่พี่อยากให้เราเริ่มใหม่ ลองปรับความคิดในการมองพี่ใหม่...มันคงจะดีที่สุดหากเราจบกันด้วยดี พี่ยังเป็นพี่ของเรา ..ยังดูแลเราได้ ..พี่ไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวดกับเรื่องราวครั้งนี้อีกแล้ว แค่นี้มันก็มากเกินพอสำหรับความสับสน..” วิชญ์ภาสพยายามตั้งสติเพื่ออธิบายให้คนฟูมฟายได้เข้าใจ





“ ที่พี่พูดทั้งหมดเพราะพี่ไม่อยากให้กาณฑ์เกลียดพี่กรณ์ใช่ไหม...”



“ ใช่...” วิชญ์ภาสรับหน้าตาเฉย ...




“ พี่แค่อยากให้กาณฑ์รู้ไว้ว่าทุกวันนี้คุณกรณ์เจ็บปวดมากพอกับการกระทำของเขา ...กาณฑ์เคยนึกไหมว่าพี่ของกาณฑ์จะเจ็บปวดแค่ไหน ...ตลอดเวลาคุณกรณ์ไม่เคยมีใครเป็นที่พึ่ง ...แต่ในทางกลับกันยามกาณฑ์ร้องไห้กาณฑ์ก็มีไหล่ของคุณกรณ์ให้ซบ มีคุณกฤษฏิ์ให้ระบายเรื่องราวต่างๆ... พี่ไม่อยากให้คนที่พี่รักต้องเจ็บปวด หากน้องกาณฑ์เกลียดคุณกรณ์ก็ให้โยนความเกลียดทั้งหมดมาไว้ที่พี่ หรืออยากให้พี่ทำอะไรก็บอกมาพี่ยอมทำทุกอย่าง...” วิชญ์ภาสใช้ใจเย็นเข้าสู้กับอีกคน หากเขาร้อนตอบกาณฑ์คงได้เตลิดไปมากกว่านี้แน่นอน ...


“ ถ้ากาณฑ์ขอให้พี่เลิกยุ่งกับพี่กรณ์ล่ะ...”



“ งั้นกาณฑ์ก็ให้พี่ตายเสียดีกว่า...” ไม่ต้องเว้นเวลาให้คิดเลยสักวินาที ..วิชญ์ภาสก็สามารถตอบกลับไปอย่างฉะฉาน เขาเคยบอกไว้แล้วว่าเขายอมเสียทุกอย่างในชีวิตยกเว้นกรณ์ ..เขาไม่มีวันปล่อยมือออกจากคนที่เขารักเด็ดขาด


“งั้นพี่ก็ทำสิ...” กาณฑ์ยิ้มเหยียดแล้วหยิบมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่กับจานมะม่วงลงให้วิชญ์ภาสที่ยืนมองเขาอยู่อย่างรวดเร็ว



“ ถ้าพี่ทำแล้วกาณฑ์สบายใจพี่ก็จะทำ..ขอแค่ให้โยนเกลียดทั้งหมดมาไว้ที่พี่ก็พอแล้ว..” หากเขาต้องเป็นอะไรไป อย่างน้อยก็รู้ว่าคนที่เขารักจะมีความสุข จะไม่ต้องถูกน้องชายที่เอ็นดูเกลียดเอา มือแกร่งรับมือด้ามเล็กมาถือไว้แล้วจดปลายมีดลงบนมือใหญ่อย่างไม่กริ่งเกรง




จดคมที่เริ่มบาดทำให้กาณฑ์หน้าถอดสีอย่างรวดเร็ว ...เพราะพี่วิชญ์ของเขาทำมันลงไปโดยไม่คิดตรึกตรองหรือลังเลเลยสักนิดเดียว ....เลือดสีแดงฉานๆไหลปริ่มท่ามกลางสายตาหลายคู่



“ พอแล้วๆ...” กาณฑ์รีบคว้ามือของวิชญ์ภาสไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่แผลจะมากไปกว่านี้



“ พี่ยอมทุกอย่างขอแค่ให้คุณกรณ์มีความสุข...”



“ บ้าเหรอพี่วิชญ์ ...กาณฑ์จะเกลียดพี่ของตัวเองได้ยังไง พอแล้วๆ” ชายหนุ่มคว้าเอาปลอกหมอนมากดแผลที่เลือดไหลออกมาอย่างห่วงคนตรงหน้ากลัวเลือดจะหมดร่างเสียก่อน ... กรณ์ที่ยืนรออยู่ด้านนอกได้แต่กัดฟันมองอย่างเจ็บปวดมิแพ้กัน ... เขาอยากจะก้าวเข้าไปแต่ขาก็กลับขยับไม่ได้แรงเริ่มน้อยลงเรื่อยๆจนทรุดลงในที่สุด.....



“ คุณกรณ์..” สุรีย์เอ่ยเรียกอีกคนเสียงดังด้วยความตกใจ และทำให้คนในห้องรู้ว่ากรณ์กับหญิงสาวอยู่ตรงหน้า วิชญ์ภาสที่บาดเจ็บดึงมือตัวเองออกจากการกดเลือดของกาณฑ์อย่างรวดเร็วและรีบวิ่งไปตามเสียงที่ดังขึ้น ..เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นกรณ์ล้มลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง...



“ เป็นอะไรไป...” วิชญ์ภาสคว้าร่างที่ทรุดลงมากอดไว้อย่างรวดเร็ว ...ท่าทีและความห่วงใยที่แสดงโดยลืมความเจ็บปวดที่ตนมีทำให้กาณฑ์รู้ซึ้งในคำพูดว่า ‘รัก’ ที่วิชญ์ภาสมีต่อกรณ์อย่างแท้จริง...



“..เปล่า..เจ็บไหม” กรณ์ส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วหันไปสนใจมือของอีกคนที่มีเลือดไหล มันอาบท่าตรงแขนเสื้อของกรณ์จนชุ่ม


...ต่างฝ่ายต่างห่วงอีกคนแม้จะเจ็บจะป่วยเหมือนๆกัน แต่รักที่แสดงออกกลับทำให้ทุกคนได้ประจักษ์โดยเฉพาะกาณฑ์ที่ถึงกับอึ้ง ตอนสุรีย์บอกว่าวิชญ์ภาสรักพี่ชายของเขา ..ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อน้ำหน้าคนตัวสูงสักเท่าไหร่ แต่ภาพที่เห็นก็พิสูจน์ได้ชัดเจนถึงสิ่งที่หญิงสาวกล่าว ..




“ ไปทำแผลกันก่อนดีกว่าคะ...” พยาบาลสาวที่เดินมาพร้อมเสียงเอะอะเอ่ยเสนอ เมื่อเห็นว่าอาการของกรณ์ไม่มีอะไรน่าห่วง เลยบอกให้วิชญ์ภาสไปทำแผลที่มือเสียก่อน ..ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วประคองให้กรณ์เดินเขาไปนั่งพักภายในห้องของกาณฑ์ก่อนจะไปทำแผลตามที่พยาบาลสั่ง...


เวลานี้ภายในห้องจึงเหลือเพียง สุรีย์ กาณฑ์ และกรณ์



“ พี่กรณ์คงได้ยินทุกอย่างแล้วใช่ไหม...” กาณฑ์เอ่ยหยั่งเชิงไปยังพี่ชายที่นั่งห่างออกไป สี่ห้าก้าว ..เสียงของน้องชายปลุกให้กรณ์ฟื้นจากความห่วงใยในตัวอีกคน ดวงตาคู่เรียวมองจ้องน้องชายแล้วพยักหน้ารับโดยไร้คำพูดใดๆออกมา ...


“ กาณฑ์ง่วงแล้ว...แต่ถ้าพี่วิชญ์ทำให้พี่เสียใจกาณฑ์จะไม่สงสารพี่เด็ดขาด..” กาณฑ์ทิ้งตัวลงนอนพร้อมทั้งพลิกกายไปอีกทางแล้วหลับตาลงตัดทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวให้หมดสิ้นไป... กรณ์ยืนอึ้งอยู่หลายวินาทีกว่าจะเข้าใจในสิ่งที่น้องชายพูดน้ำตาที่กักกั้นไหลล้นเอ่ยหน่วยตาอย่างห้ามมิได้....

นี่กาณฑ์ยอมรับแล้วใช่ไหม. .


นี่เขาก้าวผ่านบางสิ่งบางอย่างที่ทิ่มตำหัวใจมายาวนาน แล้วใช่รึเปล่า


“ ขอบคุณ...” กรณ์ปรายยิ้มทั้งน้ำตาแล้วเดินออกจากห้องคนป่วยอย่างวางใจ ..ในที่สุดกำแพงหนาที่กั้นขวางก็ถูกความจริงใจในความรักทลายลงมาจนสิ้น ..ขอบคุณความรักที่ยังงดงามและสวยงามอยู่เสมอ ขอบคุณทุกสรรพสิ่งที่ทำให้ทุกชีวิตยิ้มแย้มให้แก่กันและกัน ..


“ เป็นไงบ้างครับ..” อีกคนที่เพิ่งเดินมาจากห้องทำแผลรีบก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้ากรณ์อย่างรวดเร็ว ...


“ จะไปกันรึยัง..” กรณ์ไม่ได้ตอบในสิ่งที่วิชญ์ภาสถามแต่กลับนอกเรื่องไปอีกอย่าง ...จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว แต่มีหรือที่วิชญ์ภาสจะปล่อยให้กรณ์เดินเพียงลำพัง ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาใกล้แล้วยกมือขึ้นโอบเอวบางไว้ข้างกาย เส้นทางข้างหน้าจะมีทั้งสองเดินไปด้วยกัน ด้วยทั้งหมดของความเชื่อมั่น ด้วยทั้งหมดของความรักและความเข้าใจ แม้เวลานี้กรณ์จะเปิดใจให้อีกฝ่ายเพียงเล็กน้อย แต่วิชญ์ภาสก็เชื่อว่าวันหนึ่งทั้งหมดของหัวใจกรณ์จะเป็นของเขาเพียงผู้เดียว ...


“ ขอบคุณนะคะคุณกาณฑ์ที่เลือกจะมอบรอยยิ้มให้กับคนอื่นๆ..” หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยขึ้นเสียงเบาบาง ..เดินกลับไปนั่งตรงที่ประจำของเธอแล้วปรายยิ้มออกมาอย่างสุขใจ ....

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 20


ช่วงสายหลังจากกรณ์และวิชญ์ภาสกลับไปได้สักพัก.. กฤษฏิ์กับหมอพิสิษฐ์ก็มาเยี่ยมกาณฑ์ที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วง ฝ่ายหมอพิสิษฐ์หลังดูอาการของกาณฑ์ได้สิบนาทีก็ขอตัวไปเคลียร์งานที่คั่งค้างที่ห้องพักของตน ส่วนที่กฤษฏิ์ก็นั่งคุยกับพี่ชายต่อ

“ รู้สึกยังไงบ้างล่ะพี่กาณฑ์ตอนนี้..” เสียงอ่อนโยนของน้องชายคนเล็กเอ่ยถามอย่างห่วงใย กฤษฏิ์อยากให้ทุกคนมีความสุข เขาเชื่อว่าแม้วันนี้กาณฑ์ต้องรู้สึกเจ็บปวด แต่สักวันหนึ่งเขาจะสุขใจมากกว่าทุกข์ที่ได้รับ ร้อยเท่าพันเท่า


“ ก็งงๆ..” นั่นคือคำตอบที่ดูจะกลางที่สุด กาณฑ์จะกล้าพูดออกมาเหรอว่าเขารู้สึกสับสน จนแทบจะบ้า .. มันแปลกตรงที่เขาโกรธกรณ์ที่หลอกเขา แต่กลับไม่ได้โกรธที่กรณ์กับวิชญ์ภาสรักกัน .. แท้จริงหากวันแรกที่เขาตื่นขึ้นจากนิทราแสนยาวนาน เขาควรได้รับรู้ความเปลี่ยนไป เขาควรได้รับรู้ความจริงที่เป็นไป..


แม้มันจะไม่สามารถย้อนคืนไปได้ แต่เขาก็หวังว่าการตัดสินใจของเขาในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่าความสุข ..




“ ขอบคุณพี่กาณฑ์ที่ทำให้ทุกคนมีความสุข..” เจ้าน้องน้อยซบศีรษะลงบนท่อนแขนเรียวของพี่ชายอย่างแสนรัก ขอบคุณที่ความสุขกำลังจะผลิบานในใจของทุกคน



“ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ..เรากลับไปได้แล้วล่ะ พี่ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว..” กาณฑ์ยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องชายอย่างปลอบโยน แล้วออกปากอนุญาตให้อีกคนกลับบ้านได้แล้ว เขาเองก็ไม่ได้เป็นอะไรหนักหนา พรุ่งนี้คงออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ..



“ อืม..งั้นเดี๋ยวกฤษฏิ์ฝากอาหมอถามเจ้าของไข้ให้นะ. .ถ้าหายดีแล้วพรุ่งนี้กฤษฏิ์จะมารับแต่เช้า..” เด็กหนุ่มยิ้มส่งท้ายก่อนร่างบางจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปด้วยความวางใจ กาณฑ์มองภาพนั้นจนประตูปิดลง เขาเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วใช่ไหม เขาทำในสิ่งที่เหมาะสม ..



“ คุณกาณฑ์จะรับอาหารเลยไหมคะ ..เดี๋ยวดิฉันจะไปเรียกพยาบาลให้” หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟาเอ่ยถามขึ้นเมื่อนาฬิกาข้างผนัง บอกเวลาทานอาหารสำหรับคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง ..



“ อืม..” กาณฑ์พยักหน้ารับ ..มองตามร่างหญิงสาวอีกคนที่ห่วงใยและคอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด หญิงสาวผู้ที่เปรียบดังที่พึ่งให้เขาได้ยึดเกาะ ..ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ กัน ขอบคุณสำหรับบางสิ่งบางอย่างที่อาจมองข้าม แต่วันนี้เขาเริ่มจะเห็นแล้วล่ะว่า .. ‘เธอคือสิ่งที่มีค่า ’


ร่างโปร่งของน้องเล็กบ้านสายลมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องพักของหมอหนุ่ม... ก่อนที่จะแยกกันหมอพิสิษฐ์กำชับไว้มั่นว่าหากเยี่ยมกาณฑ์เสร็จ ให้เดินมาหาเขาที่ห้องจะได้กลับบ้านด้วยกัน ... ( ไวไฟจริงหมอพิสิษฐ์นี่..)


..ก๊อกๆ...



กฤษฏิ์เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย เพราะนี่เขาก็เคาะมาเป็นครั้งที่สามแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะเดินมาเปิดเลย สุดท้ายจึงตัดสินใจลองบิดลูกบิดเข้าไปดู ก็พบเพียงโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่า



“ ไหนบอกว่ากลับพร้อมกันไง... ชิ ... อยากไม่อยู่เองนะ กฤษฏิ์กลับบ้านดีกว่า” กฤษฏิ์บ่นกระปอดกระแปด แล้วหันกลับหมายจะเดินออกจากห้อง แต่ทันทีที่จะก้าวร่างของเขาก็ถูกคว้าไว้เสียก่อนพร้อมบานประตูที่ถูกเท้าปิดลง ..ร่างบางถูกกดลงกับผนังห้องอย่างรวดเร็ว



“ นี่...อื้อ..” กฤษฏิ์หมายจะท้วงแต่ริมฝีปากของเขาก็ถูกครอบครองเสียก่อน ..กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงร่างกายที่แข็งแกร่งบอกกฤษฏิ์ได้ชัดว่าคนที่กำลังแกล้งเขาอยู่นี่ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหมอหนุ่มจอมหื่นที่ซ่อนคราบนักบุญเอาไว้...


“ อาหมอบ้า..แกล้งกฤษฏิ์อีกแล้ว..” กำปั้นเล็กทุบลงบนอกหนั่นของคนเจ้าเล่ห์ ที่กำลังปรายยิ้มแพรวพราวส่งตอบกลับมา ...



“ ก็อยากน่ารักเองทำไมล่ะ..”



“ นี่อาหมอ ..ตั้งแต่ได้กฤษฏิ์นี่หื่นขึ้นเยอะเลยนะ..หลบๆได้แล้ว หิวข้าวจนจะกินช้างได้ทั้งตัว” กฤษฏิ์เลิกคิ้วขึ้นค้อนคนหน้าคม แต่คำที่พูดก็กลับทำให้อีกคนยิ้มขันในความน่ารักน่าชังของอีกฝ่าย ..



“ ก็ยืนอยู่ทั้งคน ..อยากกินก็กินสิ..”


“ ไอ้หมอบ้า ..ขืนหื่นไม่เลิกกฤษฏิ์ไม่พูดด้วยแล้ว..” คนถูกล้อหน้าขึ้นสีเพราะความอาย หมายจะเดินออกจากห้องไปให้เร็วที่สุด แต่ก็ถูกขวางด้วยลำแขนแกร่งของอีกฝ่าย ..มือหนาสอดเข้าไปภายใต้เสื้อเชิ้ตที่กฤษฏิ์สวมอยู่หยอกเย้าบางส่วนบางสิ่งที่แสนอ่อนไหว



“ อือ..ไม่เอานะ...อาหมอ..อื้อ..” กฤษฏิ์เริ่มครางสั่นเพราะสิ่งที่สัมผัสมันกำลังสร้างความกระสันพรั่นใจให้คร้ามครั่นจนสั่นไหว ..


“ ทำไมล่ะครับ..”

“ ไม่เอาที่นี่...อื้อ..” กฤษฏิ์พยายามรวบรวมแรงที่มีค้านการกระทำของอีกฝ่าย ...แรงที่มีส่งให้ร่างซึ่งกำลังคุกคามต้องถอยร่น ..



“ ไอ้อาหมอบ้า..กฤษฏิ์โกรธจริงๆแล้ว” กฤษฏิ์ยกนิ้วขึ้นชี้อีกฝ่ายอย่างคาดโทษ... แต่ร่างของเขาก็กลับถูกรวบเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแทน กฤษฏิ์ดิ้นขลุกหมายจะหนีแต่ก็ไม่อาจต้านแรงอีกคนได้เลย ..อ้อมอกแน่นขึ้นจนอุ่นซ่านไปทั้งตัว หมอพิสิษฐ์ตัดสินใจเลิกแกล้งอีกฝ่าย...


“ โธ่..อย่างอนไปเลยแค่แกล้งเล่นเท่านั้นเอง..”



“ แกล้งเล่นเหรอ ..นี่ถ้ากฤษฏิ์เคลิ้มก็หวังเผื่อฟลุคใช่ไหม” กฤษฏิ์ตอบกลับอย่างรู้ทัน ... ไอ้อาการเมื่อกี้มันแกล้งเล่นหรอกนะ ...อารมณ์ที่เคลื่อนไหวใช่จะมีเพียงกฤษฏิ์ แต่หมอพิสิษฐ์ก็สั่นคร้ามไม่แตกต่าง ไม่อย่างนั้นพิสิษฐ์น้อยคงไม่ปูดขึ้นมากระทบหน้าคนตัวบางหรอกมั้ง..


“ รู้ทันจริงๆเลย..แฟนใครนี่” อ้อมอกหนาคลายออก หันมายิ้มให้คนหน้าบึ้งแล้วก้มลงประทับริมฝีปากลงบนปากอีกฝ่ายเบาๆ ..ไม่ได้เรียกร้องรุนแรงเช่นครั้งแรก


“ กลับกันรึยังไหนบอกว่าหิวไง..” พิสิษฐ์เตือนความจำของอีกคนที่หน้าเริ่มคลายปม แล้วเดินออกจากห้องพักของชายหนุ่มไปด้วยกัน ท่ามกลางเส้นทางของรักที่ทอดตัวไปเบื้องหน้า




รถประจำบ้านสายลมแล่นมาตามทางหลวงหลักมุ่งตรงสู่กรุงเทพ ..มหานครแห่งแสงสี


เวลานี้รถคันงามมาจอดอยู่ใต้ร่มเงาทิวสนต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้..



“ ไปนานไหม..” กรณ์เอ่ยถามอีกคนที่ตั้งท่าจะลงจากรถ เขาไม่ค่อยอยากอยู่คนเดียวในเวลานี้เลยเอ่ยถามอีกฝ่าย รู้สึกแปลกๆ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเองก็มากรุงเทพฯอยู่บ่อย ๆ แต่เวลานี้กลับรู้สึกเหมือนตัวมันเบาๆ หากไร้ที่ยึดเกาะก็อาจปลิวหายไปไหนสักแห่ง ..


“ ครึ่งชม.ครับ ..คุณจะไปกับผมไม่” วิชญ์ภาสเอ่ยตอบหันมาจ้องอีกคนที่ช้อนมองเขาด้วยสายตาบางอย่าง ชายหนุ่มจึงเอ่ยชวนอีกคนที่นั่งข้างๆ..



“..”กรณ์รีบพยักหน้าอย่างเร็ว จนทำให้คนข้างกายต้องเผยยิ้มแล้วโน้มหน้าลงสัมผัสเนินแก้มสีระเรื่อแดงอย่างแสนรัก.. กรณ์ผละออกอย่างเร็วเพราะกลัวใครจะมาเห็น ชายหนุ่มเปิดประตูด้านของตนลงไป โดยมีวิชญ์ภาสเดินตามไปติดๆ ...

“ เอ่อ..อยู่ไหนแล้วพี่มาถึงคณะแล้ว” ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆกับกรณ์แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายถึงใครบางคน ...



“ ..”


“ อืม ..ๆ เดี๋ยวเจอกันตรงหน้าห้องนะ..” วิชญ์ภาสรับคำพร้อมนัดหมายกับปลายสาย ..จริงๆ มหาวิทยาลัยแห่งนี้สามารถลงทะเบียนเรียนได้ทางอินเทอร์เนต โทรศัพท์ หรือ SMS แต่เพราะทั้งสามทางมันต้องทำก่อนหน้านี้สองสัปดาห์ มันติดอยู่ในช่วงที่วิชญ์ภาสยุ่งๆ เขาเลยเดินทางมาเองเพราะต้องดูรายวิชาที่ต้องลงเพิ่มอีก...



“ ไปครับ..” วิชญ์ภาสยิ้มให้คนข้างกายที่ยืนมองเขาเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็เดินกันไปตามเส้นทางที่ทอดตัวสู่ตึกของคณะที่ใช้ในการลงทะเบียนเรียนวันนี้...




“ พี่วิชญ์ไปไหนมาคะ..ตามหาแทบแย่นัดว่าจะไปเที่ยวกับเฟย์ไม่ใช่เหรอ..” เมื่อเดินเข้ามาภายในตัวอาคารก็มีสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาใกล้แล้วเกาะแขนพูดกับคนตัวสูงอย่างสนิทชิดเชื้อ กรณ์มองดูอย่างเคืองๆ แต่เขาเองก็รู้ดีว่าอดีตของวิชญ์ภาสนั้นมากเล่ห์ มากกลแค่ไหน ...นี่แหละคืออีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ใจของเขาไม่มั่นใจในรักของวิชญ์ภาสสักที ...



“ปล่อยเถอะ พี่ไม่ว่าง..” ชายหนุ่มแกะแขนที่เกาะออกแล้วเอื้อมไปจูงมืออีกคนที่ยืนข้างๆ เดินแหวกออกไป ..ตลอดทางมีสายตาหลายคู่จ้องมองอย่างฉงน เพราะน้อยมากที่จะเห็นวิชญ์ภาสควงใครชัดเจนขนาดนี้ แถมยังเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปจับกรณ์ก่อนยิ่งทำให้แปลกเข้าไปใหญ่...



“ พี่วิชญ์” เสียงห้าวๆ จากทางด้านหลังทำให้ชายหนุ่มชะงักตัวเล็กๆ.. แล้วหันไปมองต้นเสียงที่คุ้นเคย


“ เอ๊ะใครนี่..กิ๊กใหม่เหรอ น่ารักชะมัด” หญิงสาวตรงหน้ารูปร่างค่อนข้างบาง ผมยาวจนจดกลางหลัง แต่บุคลิกค่อนข้างห้าวแตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอก กรณ์มองตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยจะสนใจสักเท่าไหร่..



“ ลามปาม..” ชายหนุ่มยกมือขึ้นปัดศีรษะหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปรับเอกสารที่เจ้าหล่อนเตรียมมาให้


“ นี่ภารดีลูกสาวของคุณน้าผมครับ ...ส่วนนี่คุณกรณ์” วิชญ์ภาสผายมือแนะนำหญิงสาวร่างบางตรงหน้าให้กรณ์รู้จัก ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองเล็กๆ แล้วยิ้มให้อีกคนตามมารยาท .

..
“ สรุปไม่ใช่กิ๊กเหรอ..” ภารดียังอดสงสัยไม่ได้..


.
“ เมียพี่....พูดมากโดนเตะแน่แก” ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้าไปกระซิบกับอีกฝ่ายเบาๆ ทำให้ภารดีถึงกับเบิกตามองอย่างไม่เชื่อสายตา ..เจ้าหล่อนเคยจำได้ว่าพี่ชายของหล่อนนั้นเจ้าชู้แค่ไหน ขนาดยอมรับว่าเป็นแฟนยังไม่เคยมีสักราย แต่รายนี้ถึงขั้นบ่งสถานะขนาดนี้เลยทำให้หญิงสาวต้องพิจารณาอีกฝ่ายใหม่..



“ ไปกันได้ยัง” เสียงแข็งๆ ดังขึ้นกระแทก กรณ์ไม่ได้ไม่พอใจในท่าทีสนิทสนมของทั้งสอง แต่เขากำลังรับรู้ได้ถึงสัญชาตญาณว่า สองพี่น้องกำลังนินทาอะไรเขาอยู่แน่ แววตาที่พรายขึ้นของภารดีบอกชัดว่ากำลังนินทาเขาอยู่ ..


“ ครับ..ๆ” วิชญ์ภาสพยักหน้ารับเสียงใส ..ท่ามกลางความแปลกใจของแม่น้องสาว



เจ้าหล่อนรู้จักวิชญ์ภาสมาแต่ไหนแต่ไร ชายหนุ่มเคยยอม เคยง้อใครเสียทีไหน
แถมยังไม่ชอบการถูกบังคับเป็นที่สุด แต่เหตุใดชายร่างบางแสนน่ารักตรงหน้าถึงสามารถทำในสิ่งที่วิชญ์ภาสเกลียดได้ทุกอย่าง แถมคนที่ถูกกระทำกลับยินยอมยิ้มกว้าง เหมือนยอมทุกอย่างขอเพียงเป็นบัญชาจากคนหน้าหวาน


“ ร้อนเหรอ..” วิชญ์ภาสเอ่ยถามคนข้างกายอย่างเป็นห่วง...


“ เปล่า” กรณ์ส่ายหน้าเบาๆ ปฏิเสธไป แต่ท่าทางของเขาคงจะน่ารักน่าชังเกินไป ในจังหวะที่เผลอคนตัวสูงก็หันซ้ายหันขวามองรอบๆ ..แล้วแอบหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆ...


“ ฮะ แฮ่มจะสวีทกันก็เลือกสถานที่หน่อยพี่วิชญ์ ... ปาปารัชชี่เยอะจะตาย เดี๋ยวได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัยหรอก..” แม่น้องสาวที่เดินมาด้วยเอ่ยเตือนเบาๆ แต่กลับทำให้กรณ์เริ่มหน้าแดงเพราะไม่คิดว่าภารดีจะเห็น



“ อิจฉาเหรอ..” แต่วิชญ์ภาสกลับไม่สนใจ เพราะรู้ดีว่าน้องสาวไม่ใช่คนปากโป้ง ..



“ เปล้า ..” เจ้าหล่อนแบนปากเล็กๆ แล้วเดินเชิดออกไปด้วยเสียงหัวเราะร่าเริง ปล่อยให้กรณ์ยิ่งเขินเข้าไปใหญ่ แต่ก่อนอะไรๆจะเป็นไปมากกว่านี้คนตัวบางก็ถูกลากให้เดินตามขึ้นไป ตรงห้องลงทะเบียนส่วนในของตึก..



“ อย่าสนใจไอ้ภามันเลย ..มันก็กวนๆ อย่างนี้แหละ” วิชญ์ภาสหันไปยิ้มให้กับคนของตนอย่างปลอบโยน ตอนนี้เขารู้สึกโชคดีไม่ใช่น้อย บางทีอาจจะกลายเป็นคนที่โชคดีที่สุด ..การมีกรณ์เดินอยู่ข้างกายถือเป็นอะไรที่วิเศษมากในความคิด เขาเพิ่งเข้าใจว่าการรักใครสักคนมันเป็นยังไง ...



ใช้เวลาอยู่ที่ห้องลงทะเบียนไม่นาน..ก็เสร็จเรียบร้อยจากนั้นวิชญ์ภาสก็พากรณ์แวะไปเอาของที่คอนโดฯของเขา คอนโดฯหรูใจกลางเมือง ...แต่ใครจะรู้ล่ะว่า ณ ที่นั่น บททดสอบใหม่ของความรักกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2009 09:32:43 โดย LoveNineTeen »

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
แฮปปี้แล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววว

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก  :laugh: ในที่สุดก้อแฮปปี้ แต่จะมีบททดสอบอารัยอีกอ่าๆๆๆ มารอจ้าo13  ขอบคุนจ้าๆๆๆๆๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2009 10:51:35 โดย kitty »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :mc4: จุดประทัดฉลอง คงไม่มีอะไรอีกนะ  :mc4:

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
เอริ่มมมมมมมมมมมม

อ่านมา 3 พาร์ทติด

เราก็ว่ามันไม่น่าจะมีอะไรนะ

แต่บรรทัดสะท้ายนี่ออกแนวแปลก  ๆนะ

ยังจะมีบทพิสูจน์อะไรอี๊กกกกกกกกกกก

แค่นี้ก็จะแย่แล้วนะ

โอ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

nanao

  • บุคคลทั่วไป
อ๊าก จะมีอะไรที่คอนโดอ่ะ >,<


ขอบคุณสำหรับ 3 ตอนรวด ^^

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
โอ้ย มันค้างอย่างแรงงงงงงงเด้เนี่ย

มาต่อด่วนคร้า โอ้ย ค้างๆๆๆๆ คร้า :impress2:

ปล.อย่าได้ที่อยู่บลอคของพี่มีย์อ่ะคร้า มีไหมคร้า ถ้ามีขอได้ไหมคร้า :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2009 18:19:13 โดย k_U_K_K_I_K »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน21

คอนโดที่ว่าตั้งอยู่ในใจกลางเมือง..ห่างจากมหาวิทยาลัยพอสมควร จะพูดไปบ้านของวิชญภาสเองก็พอจะมีฐานะอยู่บ้าง แม้จะไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าอย่างคนของสายลม แต่ก็พอมีกินมีใช้...ตัวห้องเน้นโทนสีเขียวอ่อนตามที่เจ้าของห้องโปรดปราน แต่ใครจะรู้ล่ะว่าบางทีห้องนี้อาจมีสีอื่นแต่งแต้มต่อไปก็เป็นได้..

“ เดี๋ยวผมขออาบน้ำก่อนนะครับ .. คุณจะดูทีวีไหมอยู่ในห้องนอนนะ” วิชญ์ภาสเอ่ยขอตัวพร้อมทั้งเอ่ยบอกที่ตั้งของทีวี เพราะไม่อยากให้กรณ์ต้องนั่งรอแล้วเบื่อ..


“ อืม.” กรณ์พยักหน้าให้บางๆ แล้วเดินก้าวเข้าไปภายในห้องนอนที่เปิดประตูอยู่ ดวงตาคู่เรียวกวาดซ้ายกวาดขวาเล็กๆแล้วเดินไปนั่งตรงโซฟาข้างๆเตียงนอน ห้องนี้ค่อนข้างกว้างจัดแบ่งเป็นส่วนๆ โดยส่วนที่กรณ์นั่งอยู่นี้เป็นโซนนั่งเล่น ปกติชายหนุ่มเจ้าของห้องไม่ค่อยให้คนอื่นเข้ามาในห้องตนสักเท่าไหร่ ยกเว้นเพื่อนสนิทจริงๆ



ใบหน้านวลบางขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อเจ้าของห้องเดินเข้ามา .. ในสภาพที่หมิ่นเหม่เล็กๆ วิชญ์ภาสถอดเสื้อที่ชื้นเหงื่อของตนออกพาดกับบ่าหนา แล้วเดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวที่พับวางไว้


“ ยิ้มอะไร” กรณ์แหวเข้าใส่เมื่อเห็นวิชญ์ภาสอบยิ้ม ..



“ ผมก็แค่คิดว่า ..เดี๋ยวนี้คุณน่ารักขึ้นก็เท่านั้น” วิชญ์ภาสยิ้มให้อย่างไม่ปิดบัง หลังพูดจบก็เดินออกจากห้องนอนไปอาบน้ำทันที ปล่อยให้คนหน้าสวยต้องปรายยิ้มออกอย่างเขินๆ ..นับวันนัทจะน่ารักขึ้นจริงๆอย่างที่วิชญ์ภาสว่า ยิ่งอารมณ์ร้ายๆ แสนเย็นชานั้นหายไปยิ่งทำให้เขาน่ารักขึ้นเป็นกอง
...

แต่เพียงครู่ ..ก็มีเสียงบางอย่างดังลอดมาจากทางหน้าประตู กรณ์เข้าใจไปว่านั้นเป็นเสียงของเจ้าของห้องเลยไม่ได้ใส่ใจ แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันเป็นอะไร ..



“ ใครวะ” เสียงมึนงงจากใครบางคนดังขึ้น ทำให้กรณ์ต้องหันไปมองทางต้นเสียงอย่างสงสัย คนตรงหน้าเป็นชายรูปร่างสูง ขาว แต่ใบหน้านั้นเปื้อนไปด้วยรอยช้ำและคราบเลือดที่กรังตรงมุมปาก ..ดูออกชัดเจนว่าคงไปถูกใครประเคนหมัดประเคนเท้ามาแน่นอน



“สวยว่ะ” เสียงนั้นเอ่ยขึ้นอย่างกระหยิ่ม พลางก้าวเข้ามาหาคนตัวบางอย่างรวดเร็ว ..กรณ์ชะงักกายหมายจะหนีแต่เหมือนทางรอดของเขาจะหมด เมื่อคนตัวสูงก้าวเข้ามาประชิดอย่างรวดเร็ว



“ แกจะทำอะไร..” ร่างบางเริ่มโวยวายอย่างรวดเร็ว ..แต่ร่างของกรณ์ก็ถูกสะกัดก่อนจะหนีได้ หมัดลุ่นหนาพุ่งตรงเข้าหน้าท้องของคนตัวบางจนจุก จากนั้นก็ถูกโยนลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว ...

“ พลาดจากพัทยามา ..ก็เจอกรุงเทพฯเลยเว้ย สวยไม่แพ้กัน” คนรุกล้ำเอ่ยสบถอย่างหื่นกระหาย และก้มลงสัมผัสบนร่างขาวอย่างรวดเร็ว กรณ์แม้จะพยายามปัดออกแต่ก็ไม่อาจสู้แรงชายคนนี้ได้ ในความรู้สึกมีเพียงความรังเกียจ ขยะแขยง ..ความรู้สึกของกรณ์ดูจะต่างจากตอนที่โดนวิชญ์ภาสสัมผัสราวฟ้ากับเหว



“ ไม่นึกว่าไอ้วิชญ์มันจะประเคนมาสวยหยาดขนาดนี้..” หนึ่งเสียงที่ดังขึ้นทำให้กรณ์ตัวชาราวกับถูกกำลังมหาศาลของพลังงานอย่างหนึ่งอย่างใดชาร์ตเข้า .. อะไรกันนี่คำที่ชายด้านบนพูดมันหมายถึงอะไร .. ‘ประเคน ’ อย่าบอกนะว่าที่วิชญ์ภาสทำมาทั้งหมดเป็นเพียงการหลอกลวง และรอวันเอาคืนกรณ์อย่างแสนสาหัส


น้ำตาจากก้นบึ้งในหัวใจเริ่มรินไหลอย่างทำใจไม่ได้... กรณ์นอนนิ่งไม่ปัดป้องราวกับร่างกายของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย



“ หอมฉิบหาย..” เสียงสบถยังคงดังต่อพร้อมเสื้อเชิ้ตตัวบางที่ถูกกระชากออกอย่างเร็ว กระดุมเม็ดแล้วเม็ดเราถูกกระชากออกจนเผยร่างขาวเนียนที่วิชญ์ภาสหลงใหล ..ไม่ใช่สิ แท้จริงแล้วมันถูกหลงใหลจริงๆหรือเปล่าล่ะ



มันยังปรากฏร่องรอยช้ำจากน้ำมือของเจ้าของห้องไม่หาย ..




อารมณ์ของกรณ์หายได้ถูกปลุกตามมือหนาที่สัมผัส หรือจะลิ้นเรียวที่เริ่มตวัดไล่จากต้นคอลงมาตามแนวกลางร่างเลยสักนิด มันมีเพียงความรู้สึกโหวงเหวง ..หากจะผิดก็ผิดที่กรณ์นี่แหละ..



“ สุดยอดจริงๆ ..อะไรจะน่ากินขนาดนี้วะ” คนตัวสูงเอ่ยอีกครั้ง แล้วชันกายที่มีบาดแผลรอยช้ำของเขาขึ้นแล้วค่อยๆถอดเสื้อที่ใส่ออกอย่างกระหายใคร่ได้ ความรู้สึกของกรณ์เหมือนจะด้านชาไปตั้งแต่คำแรกที่คนด้านบนเอ่ย... หากเขาจะต้องเสียใจอีกครั้ง เขาก็จะเก็บมันไว้ให้ลึกสุดใจและไม่มีวันที่จะมอบความเชื่อใจให้ใครอีก แม้แต่คนที่พร่ำบอกว่ารักมานานหลายเดือน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็กลับเป็นเพียงภาพลวงตา




มือหยาบค่อยๆไล่ลงบนท้องเรียวอย่างอย่างเย้า และไล้วนตรงเหนือเนินสะดือของคนตัวบางเล็กน้อย ..ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะฉกลงบนท้องแบนราบ ...กรณ์ก็หลับตาลงรับกับชะตาที่พาให้เขามาเจอ ริมฝีปากบางเรียวกัดเข้าหากันอย่างกั้นเสียง ..ไม่อยากให้มันเล็ดรอดออกมา..กรณ์อยากให้มันถูกคนคนนั้นได้ยินเพียงคนเดียว ..





“ เฮ้ย..” หนึ่งเสียงดังขึ้นอย่างตกใจ ..ภาพตกหน้าทำให้สติของเขาแทบขาด




“ อะไรวะ..อย่าขัดจังหวะดิไปไกลๆเลย” เสียงของคนที่กำลังคุกคามร่างกายของกรณ์อยู่เอ่ยตวัด และหันไปกล่าวกับอีกคนที่ปรี่เข้ามาใกล้ ร่างของเจ้าของห้องกระชากร่างสูงที่กล้าบังอาจมายุ่งย่ามกับคนของเขาออกอย่างรวดเร็ว จนร่างนั้นล้มลงไปกระแทกกับโต๊ะด้านหลัง .. วิชญ์ภาสที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวปรี่เข้าประคองร่างบางที่นอนหลับตาร้องไห้อยู่ ... ร่างสูงดึงคนเจ็บปวดเข้ามากอดไว้อย่างหวงแหน

“ อะไรมึงนี่ทำหมาหวงกล้าเหรอวะ”



“ มึงอย่ามายุ่งกับคนของกูอีก ไอ้พี่ธี” วิชญ์ภาสบอกกราดเสียงแข็ง ..เวลานี้เขาไม่ใช่หนุ่มเจ้าสำราญคนเก่าผู้ไร้ความจริงใจอีกแล้ว บัดนี้หัวใจของเขาถูกคนในอ้อมอกครอบครองจนยากจะถอดถอน




“ อะไรจะหวงขนาดนั้น ปกติเมื่อก่อนมึงได้ปุ๊บก็แบ่งๆ อย่าหวงเว่อร์กูพี่มึงนะ” คนเป็นญาติผู้พี่เอ่ยขึ้นอย่างโมโห สมัยก่อนพอคนเจ้าเสน่ห์ได้คั่วปุ๊บ ก็ตกทอดไปยังคนเป็นพี่ หรือไม่ก็เป็นโต้ง



“ มึงไม่ต้องพูดพล่ามเลย ..ถ้ายังกล้ายุ่งกับเมียกูอีก กูไม่นับมึงเป็นพี่แน่...” วิชญ์ภาสชี้นิ้วขึ้นกราดกับคนที่ยืนมองตาเขม็ง ..เวลานี้เขาห่วงคนในอ้อมอกมากที่สุดกรณ์ยังไม่หยุดร้องไห้ ...แถมร่างกายยังปรากฏรอยแดงขึ้นเป็นจ้ำๆ รอยจากอีกคนที่ไม่มีสิทธิ์



“ ทำเป็นหวง กูกลับไปหาไอ้บอยก็ได้” ธีเอ่ยขึ้นแล้วเดินคว้าเสื้อที่ถอดออกขึ้นมาสวมลวกๆ ..แล้วเดินออกจากห้องไปหาเพื่อนสนิท เมื่อคืนเขาเพิ่งโดนเพื่อนๆในกลุ่มรุมสะกำเพราะเผลอจะไปปล้ำคนน่ารักของกลุ่ม พอมาวันนี้เขาก็จะปล้ำคนของน้องชายอีก..




“ อย่าร้องไห้สิครับ ..อย่าร้องไห้” วิชญ์ภาสขยับให้ร่างบางออกจากตนเล็กน้อย ค่อยๆประคองจับต้นแขนบางไว้อย่างเบามือ ..ใจก็ร่ำร้องกลัวกรณ์จะเป็นอะไรไปมากกว่านี้... กลัวเหลือเกินว่ากรณ์จะเจ็บปวดและทรมาน




“ ..” กรณ์ค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ .. สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่ ความจริงแล้วมันคืออะไร เขาแยกไม่ออกจริงๆว่าความจริงกับความลวงมันต่างกันตรงไหน เขาไม่รู้เลยจริงๆ ...



“ ทำไมไม่สู้ล่ะครับ ทำไมถึงยอมให้เขาทำอย่างนั้น ..รู้ไหมว่าผมกลัวแค่ไหนว่าเขาจะทำร้ายคุณ จะทำให้คุณต้องรู้สึกเจ็บไปมากกว่านี้..” คนตรงหน้าเอ่ยขึ้นเสียงสั่น น้ำตาก็พานจะไหลมาคลอด้วยความสงสารคนที่เขารัก ..เขารักกรณ์มากจริงๆ มากจนกลัวว่าอะไรเล็กๆน้อยๆจะเข้ามาแผ้วพานและทำให้กรณ์ต้องรู้สึกไม่ดี


“ ฉัน..อึก..นึกว่านายเป็นคนให้ ..เขาเข้ามา” กรณ์บอกไปพร้อมเสียงที่คลอสั่น น้ำตายังไหลประสานตลอดทั้งประโยค .


.
“ คุณก็เลยไม่สู้..” วิชญ์ภาสสะอึกไปและถามต่อ



“..” ใบหน้าบางพยักรับเบาๆ กรณ์จ้องมองอีกฝ่ายด้วยน้ำตาที่มากล้นแล้วโผเข้ากอดอีกคนที่ยังคงนั่งนิ่ง มันเป็นครั้งแรกที่วิชญ์ภาสรับรู้ได้ถึงการใกล้กัน



“ ถ้าไม่รักฉันแล้ว..อื้อ..ก็อย่ายก ..อึ..ฉันให้ใครเลยนะ” กรณ์ค่อยๆเอ่ยอย่างติดๆขัดๆ มันยากที่จะเอ่ยออกมา แต่เขากลัวจริงๆ กลัวว่าหากวันหนึ่งเดินทางมาถึง วันที่รักในใจของคนที่กรณ์กอดอยู่หมดไป แล้วกรณ์จะถูกยกไปให้คนอื่นๆ เช่นกับคนที่วิชญ์ภาสเคยควงในอดีต เขาคงทำใจไม่ได้จริงๆ หากต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น



“ อย่าพูดอย่างนี้สิครับ คนที่ควรพูดเป็นผมมากกว่า แค่คุณยอมอยู่ข้างผม ยอมอยู่ในอ้อมกอดของผมแค่นี้คุณก็ให้เกียรติผมมากแล้ว ... ผมต่างหากที่ควรกลัว เพราะผมไม่ใช่คนดีพร้อมไม่ใช่คนที่มีอะไรมากมาย ..หากมีใครเข้ามาในชีวิตอาจทำให้คุณจากผมไป” นั่นคือสิ่งที่เขาเองก็คิดเหมือนกัน ..ชีวิตของกรณ์ยังมีสิ่งสวยงามมากมายรายล้อม เขายังมีสิทธิ์เลือกคนดีๆให้เข้ามามากมาย ..



“ เลิกร้องดีกว่า ..เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานข้างนอกดีกว่า” วิชญ์ภาสตัดสินใจปิดประเด็น เพราะไม่อยากเห็นน้ำตาของกรณ์อีกแล้ว รู้สึกสงสารกรณ์จริงๆที่ต้องร้องไห้ทรมานใจขนาดนี้..หวังว่าความรักความจริงใจที่เขาแสดงออกมันคงจะดีที่สุดสำหรับรักของทั้งสอง



“ อือ” กรณ์พยักหน้ารับพลางยกมือขึ้นป้ายน้ำตาออกไปให้พ้น .. อย่างน้อยเวลานี้เขาก็เชื่อว่าคนตรงหน้าจะยังไม่ห่างเขาไปไหน มันก็น่าแปลกแรกเริ่มของเรื่องราวกรณ์เกลียดคนที่เขากอดเข้าไส้ แต่เวลานี้มันกลับแตกต่างเมื่อละอองของรักไหลวนรอบๆกายของทั้งสอง



“ หน้าคุณน่ะ..เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตานะถึงคุณจะไม่เคยยิ้มให้ผม แต่ผมก็เชื่อว่าเวลานี้คุณยิ้มทุกอย่างจะยิ้มตามแน่ๆ” ชายหนุ่มผละออกจากร่างอีกฝ่ายเล็กน้อย ..แล้วเอ่ยขึ้น ..


..
ร่างสูงชะงักไปเมื่อเวลานี้คนตรงหน้ากำลังส่งประกายยิ้มทอกลับมาให้เขา ครั้งแรกที่รับรู้ได้ถึงหัวใจซึ่งกำลังทำสิ่งดีๆมอบให้กับเขา


“ รู้ตัวไหมนี่ว่าคุณกำลังยั่วผมอยู่นะ..” คนตัวสูงเลื่อนกายเข้ามาใกล้ แล้วสัมผัสริมฝีปากของกรณ์อย่างแผ่วเบาเอ่ยเย้าในหนึ่งประโยคที่ทำให้คนหน้าสวยต้องแปรเป็นหงิกอย่างอัตโนมัติ



“ ผมไม่ล้อแล้ว ..ไปแต่งตัวดีกว่า” วิชญ์ภาสยิ้มรับกับท่าทีนั้นแล้ววางริมฝีปากบนแก้มสวยๆ ก่อนจะเดินจากไปแต่งตัวเพื่อออกไปทานอาหารข้างนอก ..เสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนสีโปรดของเจ้าของห้องถูกบรรจงสวมลง พร้อมกางเกงยีนส์ตัวโปรดที่ไม่ได้ใส่มาหลายเดือน ..ชายหนุ่มเพิ่งพิศตัวเองในกระจกเล็กน้อยก็ปรายยิ้มออก เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเขา .. หน้าที่เคยใสก็หม่นลงเพราะคมแดดริมทะเล แต่มันก็มาพร้อมกับร่างกายที่ดูกำยำขึ้น สมัยก่อนเขาต้องร่อนเข้าฟิตเนสฟิตหุ่นสามวันต่อสัปดาห์ แต่ตั้งแต่ไปอยู่สายลม เขาไม่ต้องพึ่งอะไรพวกนี้เลย กิจกรรมยามค่ำคืนระหว่างเขากับเจ้าของบ้านสายลม สร้างเสริมกำลังกายได้มากเกินกว่าเขาจะรู้ตัว ..


แต่เหมือนรอยยิ้มขันๆในเรื่องราวที่เขาคิดจะแทรกไปถึงกรณ์ที่ เหลือบหันมาอย่างบังเอิญ ..


“ ไปได้รึยัง” คนตัวบางเอ่ยขึ้นเสียงแข็งแล้วเบี่ยงตัวหมายจะเดินออก แม้วิชญ์ภาสจะไม่พูดอะไรออกมาแต่กรณ์ก็กลับรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่อีกฝ่ายคิด .. ร่างของคนหน้าสวยถูกตวัดเข้ามากอดไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปสำเร็จ คนตัวสูงช้อนกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังและหันกรณ์ให้กลับไปมองภาพของเขาและวิชญ์ภาสในกระจก


“ รู้ไหมว่าเมื่อกี้ผมคิดอะไรอยู่..” วิชญ์ภาสเอ่ยถามเสียงร่าเริง ..



“ ไม่รู้ และไม่อยากรู้” กรณ์บอกและหลบสายตาอย่างไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว ..ไม่ใช่มันจะแปลก จะแตกต่าง แต่เขากลับไม่พร้อมจะรับบางสิ่งบางอย่างที่วิชญ์ภาสจะหยิบยื่นให้ ขอเวลาเขาอีกสักนิดขอความมั่นใจให้เขาอีกสักหน่อย เขาขอแค่นี้แหละ..



“ ผมแค่คิดว่า...สมัยก่อนผมต้องเข้าฟิตเนสอาทิตย์ละ 3 วัน แต่ตอนอยู่สายลมไม่ต้องเลย แต่กลับเฟิร์มกว่าช่วงออกกำลังกายเสียอีก..” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มทำให้กรณ์ชะงักเล็กๆ แล้วแกะร่างของตัวเองออกจากเขาให้เร็วที่สุด วิชญ์ภาสได้แต่ยิ้มตามอย่างขันๆในท่าทีน่ารักนั้น .. บ่อยเสียที่ไหนล่ะที่จะเห็นกรณ์ในแบบนี้.. มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่ได้รับสิทธิ์นี้ ..

“ เร็วๆ ช้าอยู่ได้หิวข้าวแล้ว” กรณ์ส่งเสียงบอกเบาๆ เพื่อปิดฉากการสนทนาระหว่างทั้งสองไว้เพียงเท่านี้ รถคันหรูของบ้านสายลมแล่นออกจากคอนโดอย่างไม่เร่งรีบอะไร อย่างไรเสียสองวันนี้ก็เป็นเวลาของทั้งสองโดยแท้จริง วิชญ์ภาสรู้สึกเป็นสุขมากขึ้นเวลาได้อยู่ใกล้อีกคนข้างกาย ..


ร้านที่เขาเลือกไม่ห่างจากใจกลางเมืองสักเท่าไหร่ บรรยากาศในยามนี้ค่อนข้างน่านั่งพอตัว .. ไม่นึกเลยว่ากลางเมืองใหญ่จะมีร้านอาหารที่ร่มรื่นได้ขนาดนี้.. กรณ์เดินเข้ามาภายในร้านพร้อมคนนำทาง ..



“ มาแล้วเหรอวะไอ้วิชญ์..” เสียงห้าวๆของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านข้างของร้าน ..ทำให้ทั้งสองชะงักเท้าพร้อมๆกัน แต่เงาไม้ภายในร้านที่จัดในรูปแบบสวนก็บดบังคนที่ยืนล้ำไปด้านหน้าวิชญ์ภาสสองก้าวไว้เสียมิด จนคนที่เข้ามาทักไม่ทันได้สังเกต


“ มีอะไร..” ชายหนุ่มคิ้วหนาหันไปตามเสียงของเพื่อนแล้วเอ่ยถาม


“ กูอยากเห็นหน้าเด็กใหม่มึงว่ะ... ไอ้พี่ธีแม่งบ่นใหญ่ว่ามึงหวงเว่อร์ เห็นบอกว่าน่ารัก” เสียงกรุ้มกริ่มจากคนตัวสูง ที่ร่างกายค่อนข้างกำยำกว่าวิชญ์ภาสพอตัวเอ่ยถามด้วยความสนใจ



“ อย่ายุ่ง..”



“ อะไรวะ เดี๋ยวนี้หวงเหรอ... กูมีเด็กใหม่โคตรน่ารักเลย ยังไม่ได้เปิดเลย แลกกับมึงเลย กูอยากรู้ว่าเด็กมึงจะเป็นไงบ้าง..” โต้งยื่นข้อเสนอ เพราะคำพร่ำเพ้อของธีทีโทรฯมาหาเขา เลยทำให้โต้งอยากยลโฉมคนน่ารักที่ธีว่าสักครั้ง สมัยก่อนมีอะไรก็แบ่งปันกัน ..อย่างสนุกสนาน แต่ใครจะรู้ล่ะว่าการกระทำของพวกเขามันทำให้ใครหลายคนต้องตกนรกทั้งเป็น ..

“ กูขอเตือนว่าอย่ามายุ่งกับคนของกูอีก..ต่อให้คนของมึงจะดีแค่ไหน กูก็ไม่สน” วิชญ์ภาสตอบไปด้วยสายตามั่นคง สายตาที่โต้งต้องสะอึกเพราะไม่เคยสัมผัสมันเลยสักครั้ง วิชญ์ภาสในเวลานี้ดูแตกต่างจากเพื่อนของเขาเมื่อสองสามเดือนก่อนอย่างสิ้นเชิง



“ไปได้ยัง ..หิวแล้ว” เสียงของกรณ์ที่แหวกฝ่ากระแสทำให้วิชญ์ภาสหันกลับไปมองด้วยรอยยิ้มเอาใจ ..และโต้งที่ยืนใกล้ๆเองก็ต้องเบิกตากว้างมองคนที่เรียกวิชญ์ภาสอย่างไม่เชื่อสายตา ..คนตรงหน้าที่แสนน่ารัก และมีเสน่ห์ แต่โต้งก็จำได้ดีว่าคนคนนี้คือพี่ชายของกาณฑ์ .. โต้งจะกล้าไม่รู้จักเจ้าของบ้านสายลม ประธานบริหารธุรกิจเครือยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยงั้นเหรอ ...

“ ครับ” วิชญ์ภาสยิ้มให้อีกครั้งแล้วเดินเข้ามาใกล้อีกคน ..คนตัวบางเงยหน้ามองเล็กน้อยแล้วเดินต่อไปนั่งในส่วนโถงของร้านอาหาร ..ทิ้งไว้เพียงโต้งที่ยืนมองอย่างสงสัย และแปลกใจ ..ใครจะรู้ล่ะว่าทางเบื้องหน้าระหว่างทั้งสองยังมีบททดสอบอะไรขวางอยู่รึเปล่า



แต่ช่างมันเถอะ เวลานี้มันมีความสุขมากเกินพอแล้วสำหรับคนสองคนที่มีใจให้กัน แม้กรณ์จะยังไม่ปริปากบอกออกมาแต่สักวัน เมื่อรักมันเต็มปริ่มกลางใจ วันนั้นเขาจะเป็นฝ่ายเอื้อนเอ่ยหนึ่งถ้อยคำที่ทำให้วิชญ์ภาสต้องยิ้มรับทั้งวันเอง ..

 
ความจริงของความเจ็บปวดแท้จริงมันจบสิ้น หรือเพิ่งเริ่มต้นกันแน่

อีกไม่กี่ชม.ข้างหน้าอาจมีบางสิ่งบางอย่างที่คนตัวสูงไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้..ภาวนา

ออฟไลน์ iGiG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เพิ่งจะสมหวัง อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปหนอ ขออย่าให้ร้ายแรงเลย  :monkeysad:

ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านไม่ขาดตอนเลยนะค้า ^^

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ขออยู่กับความสุขตอนนี้ก่อนละกันเนอะ อะไรข้างหน้าก็เป็นเรื่องของอนาคต

nanao

  • บุคคลทั่วไป
โหยนึกว่าจะเสร็จซะแล้ว

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
โอ่ย โอ่ย

ช่วยวิชญ์ภาวนาด้วย

อย่าได้มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลยเท้ออออออออออออออ

สาธุ :call:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
อะไรกัน จิตรตกกันหมดเลย

สิ่งที่จะเกิดต่อไปมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ได้นะ

ไปอ่านกันต่อละกัน จะได้รู้ว่ามันคืออะไร หึ หึ


LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอน 22

คนสองคนเดินออกจากร้านท่ามกลางความแปลกใจของใครหลายคน ร้านนี้เป็นร้านของรุ่นพี่โต้ง..แต่เขาก็ชวนชายหนุ่ม วิชญ์ภาส รวมถึงสมัครพรรค์พวกมาร่วมหุ้น มันจึงเป็นที่สังสรรค์หนึ่งของคนในกลุ่ม เป็นเสมือนที่นัดพบกันและกัน


“ดูเพื่อนมึงสิไอ้โต้ง ทำไมเดินตามเด็กนั่นต้อยๆวะ หรือว่ามันจะถอดลายแล้ว” รุ่นพี่ธีหนึ่งในตัวพ่อ เรื่องล่อๆ ลับๆ เอ่ยถามอย่างสงสัย ทุกสายตาในโต๊ะก็เหลือบมองไปยังร่างของทั้งสองที่เดินออกจากร้านพร้อมกัน มันดูจะแปลกไปสักหน่อยกับการกระทำของวิชญ์ภาสที่แสดงออกต่อคนตัวบาง

“ อย่ายุ่งเลย ..ขืนไปยุ่งกับคนของมันได้โดนเตะตายหรอก” โต้งเอ่ยท้วงเพราะรู้ดีว่า เวลานี้วิชญ์ภาสเหมือนจะเปลี่ยนไป อาจเพราะอะไรบางอย่างทำให้เปลี่ยน แต่โต้งคงคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่ทำให้ ซาตานมาดร้ายกลายเป็นเทพบุตรสุดสุภาพแท้จริงแล้วคือ ‘ความรัก’


“ ยิ่งยากๆ กูยิ่งชอบไม่รู้หรือวะ งานนี้มึงถอนตัวแล้วนะไอ้โต้ง เดี๋ยวกูนัดกับไอ้ต้าก็แล้วกัน ขาวๆอย่างนี้แม่งน่าเจี๊ยะชิหาย” ธีเผยยิ้มอย่างกระหาย อะไรที่ยิ่งยาก มันยิ่งท้าทายในความรู้สึก แต่บางสิ่งบางอย่างมันก็ยากเกินกว่าสิ่งใดจะฝ่าฟัน หากจะมีเหตุผลในการเอื้อมถึง คงต้องใช้รักเพียงอย่างเดียว .
.
“ ถ้ามึงอยากตายเป็นศพก็ช่างหัวมึงนะพี่ธี กูเตือนมึงแล้ว”

“ มึงหมายถึงอะไร กูไม่กลัวไอ้วิชญ์หรอกโว้ย” ธีเอ่ยถามอย่างไม่ยี่หระใดๆ

“ กูไม่ได้หมายถึงไอ้วิชญ์มันจะทำอะไรมึง แต่คนที่เดินกับไอ้วิชญ์ตอนนี้มันเป็นพี่ไอ้น้องกาณฑ์ ที่สำคัญตระกูลมันเป็นยักษ์ใหญ่ตั้งแต่ประจวบลงไป ถ้ามึงกล้าแหยมรับรองไอ้มาฟงมาเฟีย บอดี้การ์ดของมันรุมทึ้งมึงจนตายหาซากไม่เจอแน่ เผลอ ป๋ามึง แม่มึงได้พลอยซวยไปด้วย” โต้งเอ่ยเตือนอย่างห่วงใย .. คนอย่างกรณ์นั่นทรงอิทธิพลแค่ไหน แม้กรณ์จะไม่ได้เอ่ยปาก แต่ด้วยบารมีที่พ่อและแม่สั่งสมมาตั้งนานนม ย่อมทำให้คนเคารพรักและนับถืออย่างมาก หากกล้าคิดจะแหยมกับกรณ์และคนของสายลม ก็เท่ากับตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับความตาย


คราววิชญ์ภาสเองก็เกือบตายเพราะแรงแค้นจากคนใต้อิทธิพลและบารมี แต่เพราะกรณ์อยากออกโรงเองเลยทำให้เรื่องราวเดินไปในรูปแบบที่เป็นอยู่ขณะนี้


“ แม่ง..น่ากลัวอย่างนี้กูไม่แหยมล่ะวะ แต่ไอ้วิชญ์มันไม่กลัวตายเหรอนี่” ธีชักประหวาด ตัวเขาเองมันไม่สำคัญสักเท่าไหร่หรอก แต่เขาห่วงพ่อห่วงแม่ ถึงเขาจะไม่ใช่ลูกที่ดีนักแต่ยังไงความรักที่มีต่อพวกท่านก็ไม่น้อยกว่าใครๆ

‘พี่วิชญ์ต้องเป็นของฉัน’ หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่เพิ่งเดินกลับออกมาจากห้องน้ำด้านหลัง เอ่ยขึ้นอย่างมาดร้ายจ้องมองไปยังรถสีดำสนิทที่แล่นออก ..



ทางฝ่ายวิชญ์ภาสกับกรณ์หลังออกจากร้านอาหาร ก็ขับตรงไปยังเส้นทางเบื้องหน้า โดยคนขับไม่รู้เลยว่ากำลังมีอะไรบางสิ่งบางอย่างรอเขาอยู่ บางสิ่งที่เขาไม่คาดคิดและไม่คาดฝัน แต่มันสำคัญยิ่งกว่าลมหายใจใดๆของชายหนุ่มตัวสูง ..


“ เลี้ยวข้างหน้านี่แหละ” กรณ์เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งชี้นิ้วไปยังซอยเบื้องหน้า ..วิชญ์ภาสเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยแล้วหันไปมองคนข้างกายอย่างหาคำตอบ

“ จะไปไหนครับ คอนโดผมตรงไปนี่หน่า” วิชญ์ภาสถามขึ้น เพราะอีกไม่เท่าไหร่ก็ใกล้จะถึงคอนโดของเขาแล้ว อยู่ๆจะให้เลี้ยวไปข้างหน้าทำไม


“ ถามมากจริง” กรณ์แสร้งงอนแล้วหันมองไปข้างหน้า โดยไม่ให้คำตอบใดๆกับวิชญ์ภาสเลย ชายหนุ่มคนขับเลยต้องทำตามประสงค์เพราะไม่อยากให้กรณ์รู้สึกไม่ดีต่อเขาอีก เวลานี้มันอาจดูสับสนและวุ่นวาย ดูเหมือนเขาจะยอมกรณ์แทบทุกอย่าง แต่ใครจะรู้ล่ะว่าบางทีหากวิชญ์ภาสกล้าพูดขอกรณ์เองก็กล้าจะให้ทุกอย่างแก่คนตรงหน้าเหมือนกัน


“ มาหาใครครับ หรือคุณจะทำธุระ” เมื่อรถสีดำคันเก่งจอดสนิทตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง วิชญ์ภาสก็เอ่ยถาม ..บ้านตรงหน้าหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ เป็นบ้านเดี่ยวบนเนื้อที่สักสองร้อยตารางวา ด้านหน้ามีสนามหญ้าเขียวขจี ตอนนี้กำลังมีหญิงสาวนางหนึ่งในชุดสีส้มสด กำลังนั่งเล่นกับสุนัขสามสี่ตัวอย่างสนุกสนาน เงาไม้ที่ปรากฏทำให้เวลานี้รอบๆบ้านดูร่มรื่นและเย็นตาอย่างมาก

“ ตามมาเถอะ ถามมากๆเดี๋ยวให้กลับไปคนเดียวเลย” กรณ์บอกเสียงราบไม่ได้แข็งกระด้างหรือประชดเช่นทุกทีที่ชอบทำ

Aodddddddddddddd.

ชายหนุ่มตัวบางยกนิ้วขึ้นกดเรียกคนในบ้าน แม่สาวผมยาวเลยรีบวิ่งมาเปิดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ สวัสดีค่ะคุณกรณ์ ..คุณวิชญ์” เด็กสาววัยสิบเจ็ดสิบแปดยกมือไหว้ทั้งสอง พร้อมโปรยยิ้มสุดกว้าง แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตัวสูงต้องสงสัย คือเจ้าหล่อนรู้จักชื่อเขาได้ยังไง ..

“ เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ”

“ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะคะ ..เข้าไปข้างในก่อนดีกว่าเดี๋ยวเขียว ไปหาน้ำมาให้ดื่มดีกว่าค่ะ คุณน้าคงอยู่หลังบ้านเดี๋ยวเขียวเรียกให้นะคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างตามวิสัย แล้วิ่งเข้าไปภายในบ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็ว


“ ใครกันครับนี่ แล้วที่นี่ที่ไหนกันผมเริ่มงงไปหมดแล้ว” มือแกร่งเอื้อมไปรั้งเอวของอีกฝ่ายที่หมายจะเดินไปข้างหน้าอย่างสงสัย หากเขาไม่ถามออกไปคงอยู่ไม่ไหวแล้วล่ะ

“ ที่นี่เป็นบ้านของแม่ฉัน ..ตอนแม่แต่งงานก็ย้ายไปอยู่กับพ่อที่สายลม บ้านนี้เลยไม่มีใครอยู่ ส่วนเขียวก็เป็นเด็กที่แม่อุปการะไว้ เมื่อก่อนก็อยู่สายลมนั่นแหละ แต่ยัยนี่มันเด็กหัวดีเลยสอบเข้ากรุงเทพฯได้ตั้งแต่ม.ต้น ฉันเลยให้มาอยู่ที่นี่และดูแลบ้านไปด้วย ..พอใจรึยัง” กรณ์เอ่ยตอบไปอย่างไม่ปิดบัง พลางเอียงคอขึ้นมองเป็นเชิงหาคำตอบว่า การที่เขาตอบเช่นนี้เพียงพอหรือยัง

..จุ๊บ.. ท่าทีของอีกฝ่ายที่กำลังทำ การเอียงคอนิด ดวงตาใสๆ กับริมฝีปากแสนเย้ายวนที่เอื้อนเอ่ยทำให้คนตัวสูงอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ สุดท้ายก็ฉกฉวยความนุ่มนวลด้วยปากของเขาไปอย่างแนบแน่น กรณ์ยกมือห้ามทุบหลังอีกฝ่ายอย่างเร็วเพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่กันแค่สองคน ..

“ ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมขัดจังหวะของใครบางคนทำให้ทั้งสองละออกจากกันอย่างรวดเร็ว.. กรณ์ถึงกับยืนหอบเพราะขาดอาการหายใจไปชั่วขณะผิดกับอีกคนที่ตัวชาราวกับโลกของเขา กำลังสั่นไหวไร้แรงเสถียร ต้นเสียงกระแอมที่ดังขึ้นเมื่อครู่ไม่สำคัญอะไร เท่ากับภาพที่เห็นในขณะนี้

“ แม่..” วิชญ์ภาสเอ่ยขึ้นอย่างไม่คาดฝัน หญิงวัยกลางคนตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นมารดาของเขา มารดาที่ถูกกรณ์กุมตัวไว้เป็นข้อต่อรองตั้งแต่เมื่อสองสามเดือนก่อน ..

“ ทำอะไรคุณกรณ์นี่.. ร้ายจริงๆนะลูก” เสียงทักทายอย่างเอ็นดูทำให้วิชญ์ภาสต้องหันมองอีกฝ่ายอย่างไม่คาดฝัน แม่ของเขาไม่เหมือนคนทุกข์ทรมาน ไม่เหมือนคนถูกทำร้าย หรือเจ็บปวดแต่อย่างใด


“ มองอะไรเล่า ร้อนจะตายอยู่แล้วเข้าบ้านดีกว่า” กรณ์หันมองเล็กๆ แต่ไม่กล้าสบสายตาอีกคนหรอก ชายหนุ่มเหวี่ยงใส่คนของตนเล็กน้อย

“ กรณ์เข้าบ้านก่อนนะน้านา” ชายหนุ่มยิ้มให้เล็กน้อย แล้วเดินอาดๆเข้าบ้านไปเพราะไม่อยากตกอยู่ในสภาพที่เป็น มันเหมือนความร้ายกาจที่เขาสร้างขึ้นมาตลอดเวลาถูกกระชากออก แท้จริงภายในมีเพียงความอ่อนโยนและเมตตา กรณ์ต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องๆ และควบคุมกิจการใหญ่โตมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่ต่างอะไรจากผู้ปกป้อง สัญชาตญาณของอ้อมกอดอันอบอุ่นมีอยู่ในทุกลมหายใจ

.. แล้วจะมีทางหรือที่เขาจะลงมือทำร้ายผู้หญิงไร้ทางสู้ได้


“ แม่ แม่สบายดีหรือเปล่า” วิชญ์ภาสรีบเดินเข้าไปหาแม่ของตนอย่างห่วงใย ตลอดเวลาเขานึกว่าคุณวรางคณาต้องเจ็บปวด ต้องรวดร้าว


“ สบายดีสิ..ตอนนี้แม่ดังใหญ่แล้วนะ” นางยิ้มให้อย่างแพรวพราวแล้วคว้าแขนลูกชายเขาบ้านไปอย่างรวดเร็ว ระยะทางจากหน้าบ้านมายังห้องนั่งเล่นไม่ไกลเท่าไหร่ ..แต่เพียงก้าวแรกที่เขาก้าวเข้ามาเท้าของเขาก็ชะงัก.. ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อ.. ถ้าเขาดูไม่ผิดนั้นมันเป็นภาพมารดาของเขา แต่ดูสวยกว่าตัวจริงมาก

“ นี่ผลงานชิ้นโบว์แดงเลยนะ แม่ได้ค่าถ่ายแบบชุดนี้ตั้งหนึ่งแสนแหนะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกอย่างภูมิใจ มรดกที่สามีทิ้งไว้ก่อนตายก็มีใช้ได้ แต่หากไม่รู้จักใช้วันหนึ่งก็หมด..คุณวรางคณาที่รับบทแม่บ้านมาตั้งแต่แต่งงานเลยอดจะรู้สึกภูมิใจไม่ได้ที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง



“ แม่มันเกิดอะไรขึ้น” วิชญ์ภาสต้องมองมารดาเขาด้วยสายตางุนงงเป็นครั้งที่สอง ..


“ เขียว ...น้ำได้ยังนี่ร้อนจะตายอยู่แล้ว” เสียงของคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาดังขึ้น ..วิชญ์ภาสลืมไปเสียสนิทว่าในห้องใช่จะมีเพียงเขากับมารดา ตอนนี้เขากำลังตกใจกับภาพที่เห็นต่างหาก


“ ค่ะ” แม่เด็กสาวจอมร่าเริงวิ่งมาอย่างรวดเร็ว พร้อมแก้วน้ำสำหรับคนแก้เก้ออย่างกรณ์

“ แม่ยังไม่ตอบวิชญ์เลย”


“ ก็เพราะเพื่อนคุณกรณ์เขาพาแม่ไปแคสบทนะสิ... แล้วลูกไปอยู่ไหนนี่ไม่รู้รึยังไงว่าแม่ได้เล่นละครด้วยนะ แต่กว่าจะแคสผ่านก็เล่นเอ่าเหนื่อยเหมือนกัน ..ทั้งบทร้องไห้ เสียใจ ไหนจะถูกทารุณกรรม แม่ยังแปลกใจไม่หาย ความจริงเรื่องที่เล่นแม่เป็นครูของนางเอกนะ ไม่มีเศร้าไม่มีอะไรเลย” คำของคุณวรางคณาเล่นเอากรณ์แทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง วิชญ์ภาสหันไปมองตัวต้นเหตุอย่างไม่เชื่อสายตา ทั้งหมดที่เกิดมันเป็นเพียงแผนของกรณ์... โธ่ไอ้คนเจ้าเล่ห์



“ มองอะไรเล่า..” กรณ์แหวเข้าใส่เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี

“ ร้ายมากนะคุณกรณ์” วิชญ์ภาสเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับแล้วลุกไปยังอีกฝ่ายที่นั่งตรงข้าม .. ร่างบางถูกฉุดขึ้นให้ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว


“ จะทำอะไรคุณกรณ์นี่ลูก” คุณวรางคณารีบถามอย่างรวดเร็ว ..แต่ทันทีที่พูดจบร่างของกรณ์ก็ถูกอุ้มขึ้นพาดบ่า คนตัวบางทั้งดิ้นทั้งโยนแต่ก็ไม่เป็นผล

“ วิชญ์ขอเวลาไปจัดการกับสะใภ้ของแม่ก่อน ..แล้วเย็นๆค่อยลงมานะ”

“ อะไรนะตาวิชญ์ ..สะใภ้..” คุณวรางคณาเหลือบมองอย่างไม่เชื่อสายตา


“ พูดบ้าอะไร ยังไม่ได้รับอะไรสักหน่อย” กรณ์รีบบอกท้วงก่อนที่คุณวรางคณาจะเชื่อตามนั้น แต่พ่อตัวสูงก็จับคนบทบ่าเขย่าหนึ่งทีเสียงแหวก็เลยหายไป


“ อย่าทำอะไรรุนแรงนะตาวิชญ์คุณกรณ์เขาดีกับแม่มาก” คุณวรางคณาชักห่วง ถ้านางได้อยู่ในสายลมคงไม่มีความรู้สึกเช่นนี้หรอก สองคนนี้ทะเลาะกันแรงกว่านี้หลายเท่าก็มีมาแล้ว แค่นี้มันแค่เบาะๆแบบหมาหยอกไก่ ไก่จิกหมาอะไรอย่างนี้


“ วิชญ์ไม่ฆ่าเมียตัวเองหรอกแม่..” วิชญ์ภาสยิ้มให้แล้วเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงสายตาของสองคู่ที่มองขึ้นไปอย่างห่วงๆ ...


“ คุณกรณ์ของเขียว ..อะไรนี่ ทำไมลูกชายคุณน้าแย่งคุณกรณ์ของเขียวไปล่ะ” เขียวหันไปมองคุณวรางคณาที่ปรายยิ้มเล็กๆอย่างตั้งคำถาม แต่มันไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรล่ะ



“ สุดยอดไปเลยแม่เขียว .. ฉันนึกมาตั้งนานแล้วว่าคุณกรณ์นี่เป็นคนดี ถ้ามาเป็นลูกของฉันก็คงดี ไม่นึกๆ ว่าสุดท้ายจะกลายมาเป็นสะใภ้ของฉัน สุดยอดไปเลยตาวิชญ์ลูกแม่.. อย่างนี้แม่รักตาย..” ท่าทีคุณวรางคณาดูจะสมหวังไม่ใช่น้อย .. ความจริงของความรักขั้นแรกได้ถูกเปิดออกแล้ว ต่อไปจะเป็นเช่นไร ใช้ใจลิขิตรักคงจะดี ..

ทางฝ่ายกรณ์ก็ชักหวั่นสิ่งที่กำลังจะเกิด.. เรื่องราวมันคล้ายๆตอนที่กาณฑ์รู้ความจริงเลย


แต่มันก็เพียงผ่านมาไม่ถึงวันนี่หน่า .. เฮ้อใช่สิ เมื่อวันสองวันก่อนนี่เอง


“ ตกลงจะให้ไปห้องไหน..” วิชญ์ภาสเอ่ยถาม เพราะเขาเองก็ไม่เคยมาบ้านหลังนี้มาก่อน


“ ไม่บอก..ขืนบอกก็เสร็จสิ” กรณ์ตอบกลับอย่างเหนือกว่า แต่เขาจะเหนือกว่าวิชญ์ภาสได้ยังไง ในเมื่อเขาเองได้เผลอใจรักอีกฝ่ายไปแล้ว ..จริงมันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเหนือกว่า หรือใครจะชนะ ..เพราะรักมันมีค่ามากกว่านิยามใดที่เป็นเหตุเป็นผล


“ ไม่บอกก็เสร็จตรงนี้ได้ครับ” วิชญ์ภาสปล่อยร่างที่เขาแบกลงยืน ..แล้วดันร่างของดันติดฝาด้านหลังพร้อมทั้งปรายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าที่เคลื่อนเข้าหาทำให้กรณ์เริ่มหวั่นๆ รู้กันดีหนักหนาว่าวิชญ์ภาสนั้นบ้าบิ่น และระห่ำแค่ไหน

“ ไม่เอาตรงนี้” กรณ์บอกเสียงสั่น ..ขืนเขียวหรือคุณวรางคณาขึ้นมาข้างบน กรณ์จะเอาหน้าไปไว้ไหนล่ะ..


“ แล้วตกลงห้องไหนล่ะครับ” วิชญ์ภาสยกยิ้มอย่างมีชัย เมื่อกรณ์ยอมอ่อนลง ..คนตัวบางชี้ไปยังห้องทางปีกขวาของบ้านแล้วรีบวิ่งนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว ..วิชญ์ภาสที่เพิ่งรู้ตัวพลาดท่าวิ่งตามก่อนที่กรณ์จะปิดประตูลงกลอนจากในห้องได้สำเร็จ ..


“ ถ้าผมไม่ทันคุณ ผมไม่เหมาะจะเป็นคนของคุณหรอก” วิชญ์ภาสยิ้มให้เมื่อร่างของเขาแทรกเบียดระหว่างประตูก่อนจะปิดลงได้สำเร็จ คนตัวบางต้องรีบผละจากที่ตรงนั้นแล้วหมายจะหนีต่อ แต่ก็โดนคว้าร่างไว้ได้ก่อน

กรณ์ถูกโยนลงบนที่นอนด้านหลังอย่างเร็ว ส่วนวิชญ์ภาสก็เอี้ยวตัวกลับไปปิดประตูลงกลอนอย่างเร็ว

“ ห้ามหนีให้ผมลงโทษคุณเดี๋ยวนี้” วิชญ์ภาสยิ้มหื่นส่งให้ ... แผนเยอะเชียวนะคนแสนร้ายของเขา ..

ออฟไลน์ menano

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-0
แหมมมมมมมมมมมมม

กรณ์นี่ก็นะ

อ้างเป็นอ้างตายว่าเอาแม่ของวิชญ์ไปทรมาน

ที่ไหนได้เนอะ

มันเป็นแบบนี้นี่เอง

แถมคุณแม่ของวิชญ์พอรู้ว่าจะได้ลูกสะใภ้ก็ตื่นเต้นใหญ่เลย

5555555555555

แต่ว่าอยากอ่านบทลงโทษแล้วอ่ะ

นะนะ

เออเออ  ลืมไปอ่ะ

ยัยผู้หญิงคนนั้นใครอ่ะ

คนที่พึมพำอยู่คนเดียวน่ะว่า "พี่วิชญ์ต้องเป็นของฉัน" ไรเนี่ยแหละ

ใครก๊านนนนนนนนนนนนนน

มาจากไหนเนี่ย

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
มานั่งรอ ตอนต่อไป หนุกมากเลยคร้า

nanao

  • บุคคลทั่วไป
นายวิชญ์นี่เอ๊ะอะก็จะ...อย่างเดียวเลย

แอบชอบ ฮ่า ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด