ตอนที่ 15
คุณเคยสัมผัสปุยนุ่นหรือเปล่า?
หรือคุณเคยทานอะไรสักอย่างที่มีรสสัมผัสนุ่มๆไหม?
จงจินตนาการความนุ่มนั่นไว้ แล้วธาราจะบอกให้ว่าริมฝีปากของติณณ์น่ะ นุ่มกว่านั้นอีก
ไม่เพียงแค่รสสัมผัสที่น่าบดขยี้ให้ปากบวมเจ่อเท่านั้น รสชาติหวานๆจากครีมนมที่เคลือบริมฝีปากก็ยังเข้าได้ดีกับความนุ่มนิ่ม ธาราขบดูดกลีบปากอย่างไม่เร่งรีบเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเจ้าตัวว่าจะขัดขืนอะไรหรือไม่ ถ้าไม่เต็มใจเขาจะยอมปล่อยไปแต่โดยดี หากแต่เด็กดีของเขายังคงนิ่งงัน อนุญาตให้ธาราไล้เลียริมฝีปากสีน่ากินนี้ไม่หยุด
เด็กหนุ่มหลับตาปี๋พลางกัดฟันแน่นเพราะความตื่นตระหนกกับประสบการณ์ใหม่ ซึ่งนั่นทำให้ธาราไม่สามารถสอดลิ้นเข้าไปสำรวจความหวานข้างในโพรงปากได้
"อ้าปากหน่อย เด็กดี" เสียงทุ้มกระซิบชิดริมฝีปาก
"ทำไมล่ะค— อื้อ..."
คนไร้ประสบการณ์สะดุ้งตัวเมื่อลิ้นของอีกฝ่ายชอนไชเข้ามาข้างใน ธาราได้ยินเสียงอะไรสักอย่างที่คาดว่าน่าจะเป็นเสียงไอศกรีมหล่นลงกระทบโซฟาราคาแพง แต่เขาไม่ได้ไยดีมันสักนิด เขาสนใจลิ้นน้อยๆที่กำลังจะชิมรสนี้ต่างหาก
หวาน ใช่ โพรงปากนี้เต็มไปด้วยความหอมหวานรสไอศกรีมนมที่เพิ่งทานไป แต่มันกลับอร่อยขึ้นเยอะเมื่อรสนั้นมันมาอยู่ในโพรงปากนี้
ติณณ์ตกใจอย่างมากเมื่ออยู่ๆอาธารก็สอดลิ้นเข้ามาจนต้องเผลอผลักอีกฝ่ายออก แน่นอนว่ามันไม่มีประโยชน์ นอกจากอาธารจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแล้วแถมยังจับเขาล็อคแน่นกว่าเดิมอีก
"ฮื้อ!"
เสียงเล็กครางได้แต่ในลำคอเพราะโดนครอบครองริมฝีปากอยู่ สาเหตุที่ต้องทำให้ร้องออกมาคงมาจากการที่ลิ้นใหญ่นั้นกวาดควานความหวานตรงเพดานปาก ไล้เลียวนไปวนมาจนธาราสัมผัสได้ว่ามือเล็กๆนั่นกำลังจิกบ่าเขาแน่น เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่กลับรู้สึกได้ใจ ไม่รอช้ารีบส่งลิ้นไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆนั้น ดูดดึงบ้าง ตวัดไปมาบ้าง ติณณ์ไม่ได้ตอบรับสัมผัสโดยการจูบตอบ แต่เป็นการจิกเสื้อเชิ้ตของเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆจนเกรงว่ามันจะขาดเอา
ธารายอมถอนจูบออกมาทั้งๆที่กำลังเพลิดเพลินกับความอร่อย เพราะเด็กเอาแต่ร้องอื้ออึงประท้วงและตะกุยหน้าอกของเขาราวกับแมวดีดดิ้น นั่นคงเป็นเพราะเจ้าตัวหายใจไม่ทันกับจูบนี้ ดูได้จากการที่คนตัวเล็กหอบหนักเหมือนไปวิ่งมาสิบรอบแบบนี้
"เต้าหู้จืดๆอะไรกัน" ธาราว่าพลางคลอเคลียกับพวงแก้มใส "ออกจะหวานขนาดนี้"
ไม่ทันได้ตอบอะไรก็โดนบดเบียดริมฝีปากเข้ามาอีกแล้ว ทั้งๆที่ธาราก็จูบใครต่อใครมามาก แถมใครต่อใครที่ว่านั้นก็จูบเก่งไม่แพ้เขาเลยสักคน ต่างกับติณณ์ที่ไร้การตอบรับโดยสิ้นเชิง แต่เขาไม่นับว่าเป็นจูบที่แย่ กลับเป็นจูบที่เขาติดใจเสียจนหยุดไม่ได้ ความหอมหวาน ความไร้เดียงสา ความละอ่อนของผิวเนื้อทำให้เขาหยุดรังแกริมฝีปากนี้ไม่ได้จริงๆ
มือสากถือโอกาสลูบไล้เอวบางๆที่สุดจะเนียนมือ นิ้วโป้งไล้วนส่วนโค้งเว้าจนร่างบางตัวสั่นระริก แม้ไม่ได้เห็นด้วยตาแต่ก็สัมผัสได้ว่าร่างกายนี้คงจะน่ามองและน่าโลมเลียไม่น้อย ต่อให้จินตนาการล้ำเลิศแค่ไหนก็คงไม่ชัดเจนเท่าตาเห็น มือใหญ่เคลื่อนจากผิวกายนุ่มๆไปที่ชายเสื้อแล้วเลิกมันขึ้นเพื่อเตรียมปลดเปลื้องอาภรณ์ กระทั่งเด็กน้อยรับรู้ได้ถึงอากาศเย็นจัดที่กระทบผิวเนื้อ
เพี๊ยะ!! "!!!"
เสียงมือเล็กกระทบลงบนมือปลาหมึกดัง
เพี๊ยะจนธาราต้องละตัวออกมาอย่างขาดตอน เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำพลางเช็ดน้ำลายที่เลอะตรงมุมปากก่อนจะมองคนตรงหน้าที่ดูท่าทางตกใจไม่แพ้กัน แต่ติณณ์ตกใจยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกถอดเสื้อ
มันเร็วเกินไปสำหรับติณณ์
หัวใจของธาราหล่นไปตรงตาตุ่มเพราะถูกปฏิเสธทางร่างกาย เด็กน้อยเม้มปากแน่น ทำตาหลุกหลิกอย่างไม่รู้ว่าจะวางสายตาไว้ตรงไหน เขามองออกว่าติณณ์ทำตัวไม่ถูก และคาดเดาว่าเขาคงจะล้ำเส้นมากเกินไปจนถึงคราวที่แมวตัวนี้ต้องวิ่งหนีเขาแล้วหรือเปล่า?
"ติณณ์ อาขอโทษ"
"ม...ไม่เป็นไรครับ"
"..."
"..."
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบจนน่าอึดอัด
ไม่น่าเลย ไม่น่าใจร้อนเลยจริงๆ ยังไม่ได้จีบเพื่อเอาหัวใจเขาก็เล่นไปชิมร่างกายอีกฝ่ายเสียแล้ว มันข้ามขั้น มันผิดขั้นตอนสำหรับเด็กคนนี้ คงจะตกใจจนมองหน้าอาธารคนนี้ไม่ติดแล้วหรือเปล่า หมดความไว้วางใจผู้ใหญ่คนนี้แล้วหรือไม่ รู้สึกเกลียดขี้หน้ากันไปหรือยัง
"ติณณ์อยากกลับบ้านไหม"
"...!?"
"ถ้าอยากกลับบ้านบอกอาได้เลยนะ เดี๋ยวจะช่วยขนของ ถ้ามองหน้าอาไม่ติดล่ะก็—"
"ทำไมติณณ์ต้องกลับบ้านด้วยล่ะครับ"
"อาทำเรื่องไม่ดีกับติณณ์"
"มันไม่ดีหรอครับ ติณณ์ไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย"
"!?"
"ติณณ์แค่...ตกใจเท่านั้นเอง ไม่เคยถูกใครทำแบบนี้เลยทำตัวไม่ถูก" ติณณ์หลุบตาต่ำ "แต่ไม่ใช่ว่าห้ามทำนะครับ ทำได้ แต่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปได้ไหมครับ ติณณ์ปรับตัวช้า"
เด็กคนนี้ไม่ได้รังเกียจการกระทำเมื่อกี้อย่างนั้นหรือ...
"หมายความว่ายังไง"
"ก็คือระหว่างนี้จะทำอะไรกับติณณ์ก็ได้ แต่ยังไม่ถอดเสื้อได้ไหมครับ"
ธาราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เขาหมายถึงทำไมติณณ์ไม่โกรธกับการกระทำที่เกินเลยนั้น นอกเหนือเสียจากว่าเต็มใจ
หรือว่าเด็กนี่ชอบเขาอยู่แล้ว?
"ติณณ์ชอบอาหรอ ถึงได้ยอมแบบนี้"
"!?"
ติณณ์ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตกใจเรื่องไหนก่อนดี ระหว่างเรื่องที่อาธารทำแบบนี้กับตัวเอง หรือเรื่องที่อาธารรู้ถึงความลับในใจตัวเองแล้ว ทุกอย่างมันตีกันในหัวไปหมดเลย จนไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อไป หรือต้องวางไม้วางมือไว้ตรงไหน แม้กระทั่งสายตาของตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะโฟกัสไปที่จุดไหนดี
ธารามองเด็กน่ารักที่ดูท่าทางตกใจเมื่อเขาพูดคำนั้นไป แก้มที่เคยแดงจัดมันกลับขึ้นสีมากกว่าเดิมจนลามไปถึงใบหู ริมฝีปากที่เคยถูกบดขยี้เอาแต่อ้าปากพะงาบๆเหมือนต้องการจะพูดบางสิ่งแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา อาการเหล่านี้ไม่ใช่อาการที่อ่านยากแม้แต่น้อยสำหรับธารา
อวัจนภาษาที่ชัดเจนนั้นทำเอาธาราใจชื้นขึ้นมาทันใด...
"ที่จริงก็พอรู้คำตอบแล้วล่ะ..." เรียวนิ้วเชยคางมนขึ้นมาให้มองหน้ากันดีๆ "งั้นอาก็ไม่ต้องจีบแล้วสิเนี่ย"
"เอ้ะ?" จากที่ไปต่อไม่ถูกอยู่แล้ว ติณณ์ยิ่งเอ่ยอะไรออกมาเป็นประโยคไม่ได้
"จะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ติณณ์ต้องการอาใช่ไหม? และอาก็ต้องการติณณ์มากๆเหมือนกัน หัวใจเราต้องการกันและกันถูกไหม ติณณ์ตามทันไหม?"
"ม...ไม่ทันครับ"
"หืม?"
"ทำไมอาธารถึงต้องการติณณ์ ทั้งๆที่ติณณ์ไม่มีอะไรเลย" เขาคิดว่าต้องทำตัวน่ารักแบบถุงเงินให้อาธารมาหลงรักก่อนสิ ถึงจะมาต้องการเขาได้ เพราะก่อนหน้านั้นติณณ์ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ แล้วอาธารจะมาชอบคนจืดๆ น่าเบื่อๆอย่างเขาได้ยังไง
"ไม่มีอะไรกัน รู้ไหมว่าอามองเรามาตั้งนานแล้ว บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเราน่ะน่ารัก"
"ไม่เห็นจะน่ารักเลย— อื้อ!" ประโยคขาดหายเพราะอาธารสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากอีกแล้ว
"ห้ามพูดว่าตัวเองไม่น่ารัก ติณณ์น่ารักมาตลอดแต่ติณณ์ไม่รู้ตัว และไม่ได้มีแค่อาคนเดียวที่มองว่าเราน่ารัก" ก็ทั้งไตรภพ ทั้งเด็กฝึกงานคนนั้นน่ะสิ "แต่ที่อาไม่แสดงออกมาขนาดนั้นเพราะกลัวว่ามันจะไม่ดีกับติณณ์ เราก็รู้ใช่ไหมว่าเรายังเป็นผู้เยาว์"
"...รู้ครับ"
"นั่นแหละเป็นเหตุที่อาไม่ได้แสดงออกมาให้รู้ว่าเราน่ะน่าให้ความรักมากแค่ไหน และบวกกับอาคิดอะไรบางอย่างมากเกินไป จนลืมว่าสิ่งแรกที่ควรทำคือจีบเราอย่างชัดเจน แต่จะค่อยๆเป็นค่อยไป และตอนนี้อาได้ข้ามขั้นไปหน่อยนึง เราน่าฟัดเกินไปจริงๆนะติณณ์ รู้ตัวบ้างไหม"
"อ่า..."
"พูดให้อามั่นใจหน่อยได้ไหม ว่าติณณ์พร้อมเริ่มความสัมพันธ์นี้กับอา"
"ความสัมพันธ์แบบนี้หมายถึงยังไงครับ"
"แบบคู่รักไง พูดง่ายๆก็คือเป็นแฟนกันนะ"
"เอ่อ..." ความจริงเขาชอบอาธารมากๆเลยนะ แต่พอเอาเข้าจริงๆติณณ์กลับรู้สึกกลัวโดนทิ้งอีกรอบอยู่ลึกๆ กลัวจะโดนบอกเลิก กลัวนั่นกลัวนี่เต็มไปหมด
"นะ ให้โอกาสอาหน่อยได้ไหมคนดี อาชอบเรามากจริงๆนะ"
"คือ..."
"ขอร้องนะติณณ์" เขาจุมพิศลงบนหลังมือเล็กนั่น "เชื่ออาสักครั้งได้ไหม อยากเป็นคนดูแลเรานะ"
"งั้น..." ถ้าเป็นอาธารคนนี้ ติณณ์คิดว่ามันก็น่าจะคุ้มที่จะลองเสี่ยงดู "ติณณ์พร้อมครับ"
"ชื่นใจจัง ยังไม่ทันจีบก็ได้หัวใจติณณ์มาแล้ว" ธาราอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มแดงๆนั่นเป็นรางวัล "ที่เหลือก็คงต้องจีบอย่างอื่นสินะ"
"อะไรหรอครับ?"
"จะอะไรเล่า" เสียงทุ้มกระซิบชิดริมฝีปาก "ก็ต้องจีบร่างกายเราต่อไง..."
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไปหมดจนติณณ์ตกใจ กว่าสมองจะประมวลผลได้ว่าอะไรเป็นอะไร เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงเช้าวันต่อมา
คำว่า'จีบร่างกาย'ไม่ได้อยู่ในพจนานุกรมของเขา หรือพจนานุกรมเล่มไหนๆเลย พอถามความหมายกับอาธารก็โดนยิ้มล้อเลียนใส่ สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า ร่างกายของเขาจะถูกละเอียดชิมทีละนิด ถูกแทะโลมทีละหน่อยเพื่อให้ได้ปรับตัวกับสัมผัสแปลกใหม่ จวบจนกว่าติณณ์จะอนุญาตให้'กิน'อย่างเป็นทางการ
อย่างเช้าวันนี้ เด็กหนุ่มไม่ได้ตื่นขึ้นเพราะเสียงที่อาธารคอยเรียกปลุกอย่างเคย แต่เป็นสัมผัสอุ่นชื้นที่พยายามขบเม้มทั้งริมฝีปากบนและล่างของคนสติไม่เต็มร้อย อาธารบอกว่านี่คือมอร์นิ่งคิส ติณณ์เคยได้ยินคำๆนี้ และพอเคยเห็นในหนังฝรั่งอยู่บ้าง แต่ในหนังเขาแค่จุ๊บๆกันแปปเดียวนี่นา ไม่ใช่สอดลิ้นเข้ามาเข้ามาในปากและบดจูบอย่างนานจนปากบวมเจ่อแบบนี้
ที่สำคัญ ติณณ์หายใจตามไม่ทัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเขานั้นอ่อนหัดเอง หรืออาธารจูบเก่งเกินไป
"อึก—อือ อ...อาธาร เดี๋ยวจะสายเอานะครับ" คนอ่อนหัดพยายามเบือนหน้าหนีตอนที่คนมากประสบการณ์ยังคงจุมพิตไม่เลิก แม้ว่าสถานที่นี้คือในรถ และพอเปิดประตูลงไปก็คือโรงเรียน ติณณ์กลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า
"อะไรกัน ยังไม่อิ่มเลย"
ติณณ์รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหน้าแดงมากๆ เพราะรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่ไม่ต่ำนักบริเวณใบหน้า อาธารโน้มลงมาขบกัดริมฝีปากล่างเน้นๆอีกทีหนึ่งด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะยอมปล่อยเหยื่อที่ทั้งน่ารักและน่าสงสารเข้าโรงเรียนไป
สองขาเรียวเลี้ยวไปที่ทิศทางของห้องน้ำชาย เขาอยากจะเช็คสภาพตัวเองว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง หน้าแดงมากไหม ปากบวมเจ่อหรือเปล่า มีเลือดซิบตรงริมฝีปากล่างหรือไม่ ติณณ์ต้องทำตัวไม่ถูกแน่ๆถ้าใครถามว่าไปทำอะไรมาถึงได้หน้าดำหน้าแดงขนาดนี้
แต่แล้วก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อเห็นเหตุการณ์บางอย่างข้างๆห้องน้ำชาย...
จะไม่อ้อมค้อมอะไรให้เสียเวลา ติณณ์เห็นโต้กำลังจูบกับน้องผู้หญิงสักคนนึง อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกขนาดนั้นหรอก เพียงแต่เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์สดๆแบบนี้ต่างหาก
ดูเหมือนการที่ติณณ์มาเยือนสถานที่ลับของสองคนนั้นทำให้โต้รู้สึกตัวขึ้นมาก่อน ฝ่ายชายตกใจเล็กน้อยเมื่อมีบุคคลที่สามมาเจอเข้า น้องผู้หญิงดูหน้าซีดและเอาแต่ก้มหน้าก้มตาราวกับว่าอับอาย
"อ...เอ่อ...น้องอ้อม หนูกลับไปที่ห้องเรียนก่อนนะคะ"
โต้เป็นคนเคลียร์สถานการณ์ให้ไม่ดูน่าอึดอัดไปกว่านี้ ติณณ์กะพริบตาปริบๆก่อนจะทำสีหน้าเหมือนคนไม่ได้เห็นอะไรมาก่อน นี่มันอะไรกัน ทำไมช่วงนี้เจอแต่อะไรจูบๆ...
"ไอ้ติณณ์ มึงอย่าไปบอกใครนะเว้ย"
"อือ"
"คือกูคบกับเขาอย่างลับๆอะ น้องบอกว่ายังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องระหว่างกูกับเขา ฉะนั้นมึงเหยียบให้มิดเลยนะ ขอร้อง"
"รู้แล้วน่า"
"ดีมาก น้องเขาขี้อายไงเลยยังไม่อยากเปิดตัว น่ารักดีนะมึง แต่เสียดายนิดหน่อยตรงที่ว่าน้องไม่จูบตอบกูเลย น่าจะไม่เคยล่ะมั้ง"
ห้ะ?
จูบตอบ??
ต้องจูบตอบด้วยหรอ??? "ม...มันต้องจูบตอบด้วยหรอ"
"ก็เออดิ ถ้าต่างฝ่ายต่างรุกแม่งโคตรฟินเลยนะเว้ย จูบอยู่ฝ่ายเดียวมันก็จะเซ็งนิดๆอะ"
ติณณ์ไม่เคยจูบตอบเลย แล้วแบบนี้อาธารจะเซ็งเหมือนกันไหม...
"แล้วจูบตอบนี่ต้องทำยังไง"
"ก็ไหลไปตามอารมณ์อะ อย่างไปคิดมาก ให้สถานการณ์มันพาไป"
"ขอแบบละเอียดๆ เป็นขั้นเป็นตอนหน่อยได้ไหม"
"แล้วนี่มึงจะอยากรู้ไปทำไมวะเนี่ย" โต้หรี่ตามอง "เออๆ ก็เอาลิ้นดันๆดุนๆลิ้นเขาอะ แบบเกี่ยวกันไปเกี่ยวกันมาอะไรแบบนั้น"
ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!!
"ทำไมต้องจูบตอบด้วยล่ะ?"
"ก็บอกไปแล้ว จูบคนเดียวมันเซ็ง"
"สอนกูหน่อยดิ"
สอนในทีนี้ ติณณ์หมายถึงให้อธิบายในเชิงทฤษฎีให้ละเอียดและเห็นภาพมากกว่านี้
แต่โต้คิดไปไกลถึงเชิงปฏิบัติ...
"ห้ะ!!" โต้เบิกตากว้างจนแทบหลุดจากเบ้า "มึงบ้าปะเนี่ย มึงใช่ไอ้ติณณ์เพื่อนกูหรือเปล่า มึงเป็นใครวะ!"
"อะไรของมึง แค่สอนเนี่ยนะ"
"ไม่ได้ๆๆๆๆ กูไม่นิยมกินเพื่อนตัวเอง เดี๋ยวนะ นี่มันไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือมึงจะอยากรู้ไปทำไม จะไปจูบตอบกับใคร??" เขาว่าพลางเหลือบไปเห็นริมฝีปากบวมๆของอีกฝ่าย "แล้วนี่มึงไปทำอะไรมาปากถึงได้บวมเจ่อขนาดนั้น หน้ามึงก็แดงแจ๊ด อย่าบอกนะว่า..."
"ห...ห้ะ" คนที่ลืมเรื่องการเข้าไปส่องกระจกในห้องน้ำถึงกับต้องยกมือมาแตะริมฝีปากตัวเอง
"มึงไปจูบกับใครมา!!!!"
"ม...ไม่มี"
"โกหกตาใสๆ! มิน่าล่ะถึงได้อยากรู้เรื่องจูบนัก มึงมีแฟนแล้วหรอ หรือไปแอบคุยกับใคร เขามาหลอกมึงหรือเปล่า มันเป็นใครบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลย!!" ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา เขาไม่เคยเห็นติณณ์มีแฟนและสนใจเรื่องพวกนี้เลย ถ้ามีคนหวังร้ายมาหลอกเพื่อนของเขาขึ้นมาจะทำยังไง
"ไม่มี ไม่มีจริงๆ" ติณณ์ไม่ได้อยากโกหก แต่เรื่องแบบนี้มันบอกคนอื่นได้ง่ายๆที่ไหนกันเล่า "มึงพูดไม่รู้เรื่องแล้ว งั้นกูขึ้นตึกก่อนนะ"
"ไอ้ติณณ์!!"
อยู่ๆไอ้ติณณ์ก็วิ่งหนีไปเลย วิ่งด้วยความเร็วที่โต้เองก็คว้าไว้ไม่ทัน ทิ้งให้เขาคิดมาก มโนภาพคณานับพัน เพื่อนเขามันเรียนเก่งก็จริงแต่เรื่องพวกนี้มันไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย ถ้าโดนหลอกขึ้นมาจะทำยังไง ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนไม่ดีล่ะ ถ้าถูกทำร้ายร่างกายล่ะ ถ้าถูกข่มขืนล่ะ ถ้า—
เขาต้องรีบโทรบอกผู้ปกครองมัน!!
"สวัสดีครับคุณอาธาร ไม่ทราบว่าสะดวกคุยไหมครับ"
[อือฮึ สะดวกครับ มีอะไรหรือเปล่าโต้]
"คุณอาพอจะทราบไหมครับว่าติณณ์มีแฟนหรือยัง หรือพักนี้สุงสิงกับใครจนผิดปกติหรือเปล่า"
[หืม ไม่มีนะครับ ทำไมหรือ?]
"คือเมื่อกี้อยู่ๆมันก็มาให้ผมสอน เอ่อ สอนจูบตอบน่ะครับ ซึ่งปกติมันไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย อีกอย่างนึงปากมันดูบวมๆเจ่อๆผิดปกติ หน้าก็แดงผิดปกติเหมือนเพิ่งโดนจูบมาอย่างนั้นแหละ ผมถามมันแล้วว่าแอบซุกใครไว้ มันก็ไม่ตอบ ถ้ามีขึ้นมาผมก็อยากเช็คว่าไว้ใจได้ไหม"
ไว้ใจได้สิ เพราะคนๆนั้นก็คือธาราเองไง...
[เดี๋ยวก่อน แล้วอยู่ๆติณณ์ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลยน่ะหรือ?]
"อะ...อ่า จริงๆแล้วมันบังเอิญมาเห็นผมจูบกับแฟนพอดี ก็เลย..."
รู้ตัวแล้วสินะเด็กน้อย ว่าอะไรควรเป็นอะไร
แต่ให้คนอื่นสอนจูบทั้งๆที่ก็มีอาธารที่พร้อมจะสอนทุกอย่างอยู่แล้วเนี่ยมันใช้ได้ที่ไหนกัน น่าจับตีให้ก้นแดงชะมัด [โอเค อาเข้าใจแล้ว ไว้จะถามให้ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ จะดูแลให้อย่างดี]
ธารากดวางสายเพื่อจบบทสนาทนา มุมปากยกยิ้มขึ้นพลางควงปากกาในมืออย่างสำราญใจ
อยากกลับบ้านจนแทบจะอดใจไม่ไหวแล้วสิ...
(ต่อข้างล่างน้า)