บทที่ 16
หลังจากกลับมาจากซื้อผ้า ผมก็กลับมาหัวหมุนกับการเตรียมงานแฟชั่นโชว์ต่อ ทั้งเลือกผ้ามาตัดชุดตามที่ออกแบบไว้ ตระเวนหาผ้าที่เหมาะสมกับแบบมาเพิ่ม คัดเลือกและติดต่อนายแบบนางแบบที่เหมาะกับธีมของชุด ดูสถานที่เพื่อเตรียมติดต่อไว้ก่อนที่จะถึงวันงาน
โชคดีที่ได้ทุกคนในครอบครัวคอยแบ่งเบาในส่วนที่พอจะช่วยได้ อย่างเรื่องติดต่อสถานที่ หลังจากฟังความต้องการของผมแล้ว ป๊ากับเฮียก็ช่วยแนะนำสถานที่ให้เลือกและช่วยจัดการต่อให้ ส่วนนางแบบนายแบบแม่ก็ให้คนช่วยประสานให้ เพราะแม่เคยติดต่อมาเดินแบบโชว์เครื่องประดับมาก่อน
ครั้งนี้นอกจากจะนำเสนอเสื้อผ้าจากร้าน Maneethewa ของผมแล้ว ผมยังอยากจะนำเสนอเครื่องประดับจากร้านกุสุมาอัญมณีของแม่ไปพร้อมๆ กันด้วย
หลังจากผมบอกแม่ว่าจะจัดงานและอยากโชว์ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับพร้อมกัน แม่ก็ให้ผมไปเลือกอัญมณีที่ร้านได้ตามสบาย หรือถ้ายังไม่พอใจก็ให้นักออกแบบเครื่องประดับที่ไว้ใจได้ออกแบบใหม่ให้เข้ากับชุดของผมได้เลย
นอกจากนี้ ยังได้กำลังใจดีๆ จากคล้าว ที่หลังจากติวเสร็จก็มากินข้าวเป็นเพื่อน แล้วก็ลากไม้มาช่วยงานที่พอจะช่วยได้ทุกวัน บางวันถ้าผมว่างก็ช่วยติวภาษาอังกฤษให้ทั้งคู่ บางวันธงรบก็ช่วยติววิชาคำนวณเพิ่มให้
“ข้อนี้ผมทำถูกไหมพี่”
“ตรงนี้ไม่ถูก ต้องย้ายตัวนี้ไปแทนค่าตรงนี้”
“ตรงนี้เหรอพี่”
“ใช่”
“ทำไมมันยากอย่างนี้วะ!”
“ไอ้ไม้!”
“อุย ขอโทษครับพี่รบ” ไม้มันยกมือไหว้ธงรบ เมื่อโดนลูกพี่มันดุ
“ไม่เป็นไร” ส่วนธงรบก็ยิ้มแล้วมองไม้ด้วยแววตาเอ็นดู
ผมยืนมองทั้งสามนั่งติวกันแล้วก็ได้แต่ขำ ไม้มันชอบเผลอหลุดคำหยาบประจำ ทำให้ลูกพี่มันต้องคอยปราม ทั้งๆ ที่ธงรบมันไม่ได้ว่าอะไร พอได้ยินเสียงผมหัวเราะทั้งสามคนก็หันมามองผม คล้าวส่งยิ้มมาให้ ทำให้ผมยิ้มตอบไปโดยอัตโนมัติ
“ทำไมมายืนยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่ตรงนี้”
“มึงสิบ้า” ผมหุบยิ้มฉับแล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้คนชอบกวนประสาท
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” คล้าวถามด้วยสีหน้าห่วงใย เห็นแล้วชื่นใจจริงๆ
“ตอนนี้ยังไม่มีครับ พี่แค่เข้ามาหยิบของ ติวกันต่อเถอะ” ผมยิ้มให้คล้าว แค่ช่วยมาให้เห็นหน้าบ่อยๆ ก็มีกำลังใจมากแล้ว
“เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ สองมาตรฐานชัดๆ” ธงรบมันบ่นเมื่อผมเดินไปใกล้ ผมเลยเอาสมุดที่หยิบมาฟาดมันไปทีด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ย! เจ็บ น้องไม้ครับพี่เจ็บจังเลย” ธงรบหันไปสำออยกับไม้ที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“ตอแหล!”
“หึๆ” คล้าวหัวเราะแล้วมองธงรบอย่างรู้ทัน ส่วนไม้ได้แต่มองทุกคนงงๆ เหมือนประมวลผลไม่ทัน
ตอนนี้ไม้มาติวกับคล้าวทุกวัน พอติวเสร็จก็มาหาผมกันทั้งคู่ ส่วนธงรบก็มาหาผมประจำอยู่แล้ว เลยได้เจอกันตลอด ทำให้ผมรู้ว่าธงรบมันสนใจไม้ เพราะมันแสดงออกชัดเจนไม่ได้ปิดบังอะไร
ผมเลยลากมันไปซักเพื่อให้แน่ใจ เพราะมันไม่เคยสนใจผู้ชายมาก่อน พอธงรบบอกว่าจริงจัง ผมเลยวางใจ ถ้ามันพูดแบบนี้แสดงว่ามันทบทวนความรู้สึกตัวเองดีแล้ว เลยปล่อยให้มันเต๊าะไม้ต่อไป ซึ่งไม้มันก็ดูมึนๆ งงๆ คงคิดว่าธงรบแกล้งเล่นมากกว่า เด็กบื้ออย่างมันตามใครไม่ทันหรอก
เห็นแล้วก็ทั้งขำทั้งเพลีย ไม่รู้จะสงสารใครดี ระหว่างไม้ที่โดนคนอย่างธงรบสนใจ หรือธงรบที่ดันไปสนใจคนซื่อบื้ออย่างไม้
ได้แต่ให้กำลังใจอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ผมส่ายหัวแล้วเดินออกไปทำงานต่อ ปล่อยให้ทั้งสามคนติวกันต่อไป
*******************************************
ผมมองคล้าวเดินออกมาจากห้องลองผ้าด้วยแววตาเป็นประกาย ปกติแค่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนก็ดูดีอยู่แล้วเพราะคล้าวมีรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแข็งแรงสวยงาม อกผายไหล่ผึ่ง บุคลิกดีมีความมั่นใจในตัวเอง พอมาใส่เสื้อผ้าที่ตัดมาพอดีกับรูปร่างแบบนี้ยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่
ผมกวาดสายตาไล่มองทั้งตัวอีกรอบ ก่อนจะขยับเข้าไปจัดปกเสื้อให้ พอสัมผัสผ้าไหมที่เรียบรื่นนุ่มมือก็เผลอลูบตั้งแต่บ่าลงมาเรื่อยๆ มารู้สึกตัวตอนคล้าวต้องจับมือเอาไว้ เพราะลูบต่ำไปจนเกือบถึงเอวแล้ว
เวรแล้วไง ลืมตัว!
พอเงยหน้าไปมองก็เห็นคล้าวยิ้ม แววตาที่มองมาก็วาววับซะจนต้องรีบดึงมือออก
“แฮ่ม! เอ่อ สบายตัวดีไหมครับ”
“แค่กๆๆๆ” เสียงกระแอมไอรอบๆ ตัวทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพัง ยังมีก้าง เอ๊ย! คนในร้านเป็นพยานอีกหลายคน
รู้สึกว่าหน้าร้อนๆ ขึ้นมาเลย
“คำถามชวนคิดมากค่ะคุณแสนขา ว่าแต่น้องคล้าว ‘สบายตัว’ ดีไหมคะ คิกๆๆๆ” จูดี้ที่อยู่ใกล้ๆ เอ่ยปากแซวเป็นคนแรก ทำเอาคนอื่นหัวเราะกันครืน แล้วส่งสายตาล้อเลียนมาจนต้องถลึงตาปราม แต่ก็ไม่มีใครสนใจสักนิด
พอหันไปมองคล้าวก็เห็นมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มขำๆ เห็นแล้วก็รู้สึกเขินมาอีก เลยต้องเปลี่ยนคำถาม
“อึดอัดตรงไหนไหมครับ”
“เอร๊ยยย คุณแสนขา ถ้าน้องคล้าวบอกว่า ‘อึดอัด’ ตรงบางจุดนี่คุณแสนจะช่วยให้น้องหายอึดอัดเหรอค้า” จบประโยคก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากทุกคนอีกระลอกไม่เว้นแม้แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
โว้ย!ไม่ได้หมายถึงอึดอัดแบบนั้น!
ผมหันไปถลึงตาใส่ทุกคนอีกรอบ แต่ก็ไม่มีใครสนใจเหมือนเดิม เลยได้แต่ส่ายหน้าเพลียๆ เอาเถอะ จะล้อ จะแซวก็ตามสบาย เอาที่สบายใจกันเลย!
“หึๆ พอดีแล้วครับ” คล้าวหัวเราะแล้วตอบผม เมื่อเห็นว่าหน้าผมเริ่มจะคว่ำแล้ว
“โอเคครับ ถ้าพอดีแล้วพี่จะได้ไม่ต้องแก้ ว่าแต่..พี่ขอถ่ายรูปไว้หน่อยได้ไหมครับ” ผมส่งสายตาขอร้องไป
“ได้สิครับ” พอได้รับอนุญาต ผมก็ยิ้มกว้าง รีบหยิบมือถือออกมาแล้วจัดท่าทางให้คล้าวก่อนจะกดถ่ายรัวๆ อย่างกับเป็นตากล้องมืออาชีพ
แต่พอสบตากับนายแบบที่มองกล้องด้วยแววตาอ่อนโยนแล้วมือไม้ก็เริ่มสั่น ใจก็พลอยสั่นตามไปด้วย ผมเลื่อนสายตาจากหน้าจอไปสบตากับคล้าวโดยไม่ผ่านหน้าจอ เราทั้งคู่คงสบตากันนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น
“โอ๊ย! เหม็นความรักจังเลยนะคะพี่มิ้น” ถ้าจูดี้เจ้าเก่าเจ้าเดิมไม่เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน
ผมสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว ส่วนคล้าวก็หลุบตาลงมองพื้นแล้วลูบท้ายทอยแก้เก้อ ทีนี้ต่างฝ่ายต่างก็ออกอาการเขิน เพราะลืมตัวว่าไม่ได้อยู่กันสองคนเหมือนเคย ยังดีที่วันนี้ธงรบมันติดธุระเลยลากไม้ไปทำธุระด้วย ไม่งั้นมันคงเข้าทีมจูดี้ร่วมล้อเลียนผมแล้ว
ผมทำเป็นไม่สนใจคำล้อเลียนจากคนในร้าน มือก็กดถ่ายรูปคล้าวต่อไปโดยไม่ต้องจัดท่าทางแล้ว เพราะท่าทางเขินๆ แบบนี้น่าดูกว่าเป็นไหนๆ พอถ่ายจนพอใจแล้วผมก็ปล่อยให้คล้าวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากวัดตัวและตัดชุดเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มให้นางแบบนายแบบทยอยมาลองชุด เริ่มจากนายแบบใกล้ตัวอย่างคล้าวก่อน
ผมกำหนดวันจัดงานไว้เรียบร้อยแล้ว การเตรียมงานค่อนข้างก้าวหน้าไปมากพอสมควร ช่วงนี้ก็ให้นายแบบที่มาลองชุดช่วยสอนเดินแบบให้คล้าวและให้คล้าวซ้อมเดินไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะซ้อมเดินบนเวทีจริงอีกที
“เรื่องฝึกเดินมั่นใจขึ้นหรือยังครับ” ผมถามคล้าวระหว่างที่คล้าวช่วยจับผ้าให้ผมตัดอยู่
“ครับ เท่าที่เห็นพี่ๆ เดินให้ดู เดินแบบผู้ชายไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ เดี๋ยวผมลองซ้อมบนเวทีอีกทีก็น่าจะมั่นใจขึ้นครับ พี่แสนไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะพยายามให้เต็มที่ครับ” คล้าวบอกด้วยสีหน้าจริงจัง เห็นแล้วอดจะยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“ไม่ต้องกดดันตัวเองมากนะ พี่ไม่อยากให้คล้าวเครียด” ผมมองคล้าวด้วยแววตาห่วงใย สาเหตุที่เสนอให้คล้าวมาเดินแบบให้ เพราะผมอยากช่วยคล้าวหารายได้อีกทางเท่านั้น ไม่อยากให้น้องมันกดดันตัวเองมากไป
“ครับ พี่แสนไม่ต้องเป็นห่วง” คล้าวมองตอบมาด้วยแววตาอ่อนโยน
“เด็กดี” เผลอหลุดคำที่อยู่ในความคิดออกไป คล้าวชะงักทันทีก่อนที่หน้าคมๆ นั้นจะเริ่มแดงขึ้นจนลามไปถึงใบหู แต่สายตาไม่ได้ละไปจากสายตาผมเลย
“อะแฮ่ม! รู้สึกว่าวันนี้ในร้านจะมีมดเยอะจังเลยนะคะพี่มิ้นขา” เราสองคนชะงัก ก่อนจะละสายตาไปมองจูดี้ที่เอ่ยแทรกขึ้นมา
“ธรรมดาแหละจ้ะ เพราะวันนี้บรรยากาศแถวนี้มันหวานมากกกก” พี่มิ้นรีบรับมุกทันที ทำเอาทุกคนหัวเราะคิกคักและมองมาด้วยแววตาล้อเลียนเต็มที่
“หักเงินเดือน” ผมบอกเสียงเรียบ
“หูยยยย/โหยยย” เสียงโอดครวญดังขึ้นมาแทนเสียงหัวเราะทันที
“โธ่ คุณแสนขา จูดี้ไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะจริงๆ นะคะ จูดี้แค่ส่งเสียงเตือนเพราะรอใช้ผ้าที่คุณแสนกำลังตัดแค่นั้นเองค่ะ แหะๆ” ผมส่ายหน้าด้วยความระอา ก่อนจะหันกลับมาตัดผ้าเจ้าปัญหาให้
พอส่งผ้าให้จูดี้แล้วผมก็หันกลับมาสบตาคล้าว ก่อนที่เราสองคนจะยิ้มให้กันอีกครั้ง
“อะแฮ่ม/แค่กๆๆ”
คราวนี้ผมทำเป็นเฉย แล้วไงล่ะ ก็คนมันใจตรงกัน จะยิ้มให้กันก็ไม่เห็นแปลก ปล่อยให้บรรดาก้างทั้งหลายไอให้คอแตกตายกันไปเลย!
*******************************************
ผมนั่งมองนายแบบนางแบบที่กำลังซ้อมเดินอยู่บนแคทวอร์กอย่างพอใจ หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาฟิตติ้ง ซ้อมจัดคิว และซ้อมเดินครั้งใหญ่ตอนใกล้จะถึงวันงาน
“ใครเลือกนางแบบให้มึงวะ” ธงรบหันมากระซิบถามผม ระหว่างที่นั่งดูการซ้อมครั้งสุดท้าย ก่อนหน้านี้นี่ผมวิ่งวุ่นอยู่หลังเวที พอทุกอย่างลงตัวแล้วถึงได้ถูกไล่ให้มานั่งดูอยู่ด้านหน้าได้
“ก็ช่วยๆ กันเลือกกับแม่กับคนที่ร้าน มีอะไรรึเปล่า” ผมถามเมื่อเห็นมันทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“คนที่กำลังเดินมานั่นน่ะ กิ๊กเก่ากู” ผมมองตามสายตามันไป ก็เห็นนางแบบที่กำลังเดินมาหน้าเวทีมองมาที่เราสองคนอยู่พอดี
“อืม แล้วไงวะ” ผมถามด้วยความงงว่ามันเกี่ยวอะไรกับคำถามก่อนหน้านี้ด้วย
“เธอไม่ค่อยชอบมึงเท่าไหร่”
“หืม ผู้หญิงคนนี้กูไม่เคยเจอเลยนะ เค้าจะไม่ชอบกูเรื่องอะไรวะ”
“เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ หาว่ากูอยู่กับมึงมากไป ไร้สาระ!”
ฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจ บอกมันไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่ฟังว่าสำหรับคนที่คบหากัน เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างที่มันคิด
“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เค้าคงแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกหรอกน่า”
“กูก็หวังว่างั้น แต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกกูนะ เดี๋ยวกูจัดการให้”
“โอเค ถ้ามีปัญหากูจะรีบฟ้องมึงเลยครับพี่รบ” ผมหันไปทำหน้าทะเล้นใส่มัน ไม่รู้ว่ามันเขินหรือหมั่นไส้ มันเลยผลักหัวผมจนเกือบตกเก้าอี้
หลังจากซักซ้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินกลับเข้าไปช่วยทุกคนเก็บของและเช็คของด้านหลังเวทีต่อ ส่วนนายแบบนางแบบก็เริ่มทยอยกลับ เมื่อเห็นว่านางแบบที่เป็นกิ๊กเก่าธงรบเดินเข้ามาหาธงรบ ผมเลยเดินเลี่ยงไปทางอื่นแทน
พอหันไปเห็นคล้าวกำลังช่วยเก็บของอยู่ ผมก็เดินเข้าไปหา
“เหนื่อยไหมครับ” คล้าวเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้
“ไม่เหนื่อยเลยครับ” ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่ซึมตามไรผมให้อย่างเบามือ ซึ่งคล้าวยืนนิ่งให้ผมเช็ดแต่โดยดี
“อะแฮ่ม! คุณแสนขา จูดี้ก็เนื้อยเหนื่อยเหมือนกันนะคะ” จูดี้ที่ยืนเก็บของอยู่แถวๆ นั้นเอ่ยแซวขึ้นมา เรียกสายตาของคนที่เหลือให้มองตรงมาที่เราสองคนด้วย ผมหยิบกล่องกระดาษเช็ดหน้าที่อยู่ใกล้ๆ ส่งให้
“เอาไปเช็ดเอง”
“โหยยยย ลำเอียง จูดี้ก็อยากให้มีคนเช็ดหน้าให้บ้างอะไรบ้าง”
“เดี๋ยวหนูหาน้ำมะพร้าวมาเช็ดให้ดีไหมคะเจ้ขา” น้องที่อยู่แถวๆ นั้นเอ่ยแซว ทำให้คนอื่นๆ หัวเราะกันครืน ไม่เว้นแม้แต่ผมกับคล้าวด้วย ทำเอาจูดี้ค้อนตาแทบกลับ
“หัวเราะอะไรกัน” ธงรบถามเมื่อเดินมาถึง จูดี้จึงรีบเข้าไปฟ้องธงรบทันที
ผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาอย่างทิ่มแทง พอหันไปมองก็เห็นนางแบบคนนั้นกำลังจ้องมาที่ผมเขม็ง ข้างๆ มีนายแบบคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ เพราะผมถือว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดกับเธอ
ระหว่างทางกลับบ้าน ธงรบบอกให้ผมระวังไว้บ้าง เพราะรู้สึกเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมรับการเลิกราในครั้งนี้สักเท่าไหร่ แถมยังโทษว่าเป็นความผิดของผมอีกด้วย
ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความเพลียและไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงของธงรบหลายๆ คนถึงไม่หนักแน่นกันบ้าง ปกติเวลาธงรบมันคบใคร มันก็คบทีละคน จะเสียอยู่ตรงที่บางครั้งมันให้ความสำคัญกับเพื่อนอย่างผมมากไปเท่านั้นเอง
แต่ถ้าเชื่อใจกันเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สักวันถ้ามันรักคนๆ นั้นหมดใจ มันก็คงจะยกความสำคัญให้คนๆ นั้นอย่างเต็มที่เองนั่นแหละ แต่ไม่มีใครเข้าใจไง มันเลยคบแล้วเลิก คบแล้วเลิกอยู่แบบนี้ ก็ได้แต่หวังว่าถ้ามันจีบไม้ติดแล้วไม้จะเข้าใจมันบ้าง ผมอยากให้มันมีความสุขและมีชีวิตเป็นของตัวเองสักที
*******************************************
เมื่อถึงวันงานทุกคนก็ยุ่งจนหัวหมุนไปหมด อันที่จริงก็ยุ่งตั้งแต่ก่อนวันงานนั่นแหละ เหนื่อยจะแย่ แต่ก็สนุกกับมันมากเหมือนกัน การได้ทำในสิ่งที่เรารักนี่ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็มีความสุข ผมรู้สึกว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักแบบนี้
ผมเดินไปหาคล้าวที่แต่งตัวเสร็จแล้วกำลังยืนรอคิวอยู่ พอเห็นว่าคล้าวมีสีหน้าเครียดๆ เลยเดินไปใกล้ๆ แล้วเรียกคล้าวออกมาก่อน เพราะกว่าจะถึงคิวก็คงอีกสักพัก
“ตื่นเต้นไหมครับ”
“ครับ” คล้าวพยายามส่งยิ้มให้ผม แต่ดูก็รู้ว่าน้องมันเกร็ง ผมเลยเอื้อมมือไปจับมือที่เย็นเฉียบขึ้นมากุมไว้ จ้องตาคล้าวด้วยแววตาจริงจังแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“พี่มั่นใจว่าคล้าวทำได้” คล้าวคลี่ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
“สู้ๆ นะครับ” เมื่อรู้สึกว่ามือคล้าวเริ่มอุ่นขึ้นผมจึงได้ปล่อยมือ
“ขอบคุณครับ ผมจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง” คล้าวใช้มือปัดเส้นผมที่ระใบหน้าให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินกลับไปเข้าคิวเหมือนเดิม แต่ท่าทางที่ดูมั่นใจขึ้นนั้นก็ทำให้ผมได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดู
ผมลุ้นตลอดเวลาให้งานในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ก็ยังมีปัญหาให้แก้ไขกันตลอด ขนาดซักซ้อม นัดแนะกันมาซะดิบดีก็ยังเจอปัญหาอย่างชุดของบางคนคับไปหลวมไป นางแบบบางคนมาช้า ทำให้ต้องแก้ชุด สลับคิวกันให้วุ่น
พอถึงคิวคล้าวผมก็ต้องแอบไปส่องลุ้นตอนน้องมันเดิน คล้าวทำได้ดีจนผมยิ้มปลื้ม พอน้องมันเดินกลับมาก็ได้แต่สิ่งยิ้มไปให้ เพราะไม่สามารถปลีกตัวไปคุยด้วยได้
ตั้งแต่เริ่มงานก็รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด จนเมื่อถึงชุดฟินาเล่นั่นแหละผมถึงได้ถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก ทุกคนมาช่วยจัดเสื้อผ้าให้ผม ก่อนจะไล่ให้ผมเดินขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้ายในฐานะดีไซเนอร์
ผมเดินออกไปรับดอกไม้จากเฮียแผน แล้วส่งยิ้มให้ป๊ากับแม่ที่มองมาด้วยสีหน้าภูมิใจอยู่บริเวณแถวหน้า ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับกล้องจากสื่อที่เราเชิญให้มาร่วมงาน เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์งานในครั้งนี้
หลังจากนั้นก็มีให้สัมภาษณ์แล้วก็ถ่ายรูปต่อกันอีกสักพัก จนเมื่อแขกเหรื่อทยอยกลับ งานจบลงด้วยดีก็รู้สึกว่าหายเหนื่อยขึ้นมาทันที
ผมให้เฮียพาป๊ากับแม่กลับไปก่อน เพราะทั้งสามคนต้องรีบไปงานบวชของลูกเพื่อนสนิทที่อื่นต่อ แต่ก่อนจะไปก็ผลัดกันถามย้ำแล้วย้ำอีกว่าผมจะไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่ได้อยู่ช่วยเก็บของ ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มด้วยความอุ่นใจที่คนในครอบครัวห่วงความรู้สึกของผมมาก่อนเสมอ
“แสนไม่น้อยใจใช่ไหมลูก”
“ไม่เลยครับ แม่ ป๊ากับเฮียไปกันเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงแสน งานก็จบแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เก็บของเอง แสนอยู่ได้ครับ”
“เดี๋ยวรบอยู่เป็นเพื่อนแสนเองครับแม่ แม่กับป๊าไม่ต้องเป็นห่วงครับ” พอธงรบมันบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนผม แม่ถึงได้วางใจ พอครอบครัวผมกลับไปแล้ว มันก็บอกว่าจะเดินไปหาไม้ที่ยืนอยู่แถวหลังๆ คงไม่กล้าเดินเข้ามาหาเรา ผมเลยบอกมันว่าจะเดินเข้าไปด้านหลังก่อน
ผมเดินเข้าไปด้านหลังเวทีก็เห็นทีมงานทุกคนต่างก็เก็บของกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและผ่อนคลาย พอกวาดสายตามองหาคล้าวก็เห็นว่าคล้าวยืนอยู่คนเดียวจึงเดินตรงเข้าไปหา
แต่ยังไม่ทันถึงตัวก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสะดุดอะไรสักอย่างจนเกือบล้มตรงหน้าคล้าว แต่ว่าคล้าวคว้าไว้ทัน และไม่รู้ว่าล้มอีท่าไหนถึงได้อยู่ในท่าที่เหมือนซบกันแบบนั้น
ผมหรี่ตามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกใจ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นกิ๊กเก่าของธงรบนี่นา ผมก้าวต่อไปจนถึงตัวทั้งคู่ พอมาใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าคล้าวพยายามดันร่างเธอออก แต่เธอกลับเกาะแน่นอย่างกับปลิง ผมหรี่ตามองภาพตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถาม
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” พอได้ยินเสียงของผม ผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆ ขยับร่างออกจากร่างของคล้าวอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะใช้มือเกาะแขนของคล้าวไว้แน่น
“เอญ่ารู้สึกปวดข้อเท้าค่ะ” เธอตีสีหน้าเหมือนเจ็บปวดอย่างที่ปากว่า ผมจึงก้มลงไปมองข้อเท้าก็ไม่เห็นเห็นมีอะไรผิดปกติ รอยบวมรอยแดงสักนิดก็ไม่มี เห็นแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าถ้าแสดงเก่งขนาดนี้ทำไมไม่ไปเป็นนักแสดง คงจะรุ่งกว่าเป็นนางแบบเยอะ ผมเงยขึ้นมามองหน้าเธอแต่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนคล้าวก็มองมาที่ผมด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ไปนั่งดีกว่าครับ คุณจะได้พักขา ” พอได้ยินคล้าวบอก จูดี้ก็รีบไปลากเก้าอี้มาวางแล้วก็แกะมือเอญ่าออกจากแขนคล้าวแล้วประคองให้นั่งลงบนเก้าอี้อย่างรวดเร็ว
“นั่งเลยค่ะ จะได้รีบๆ หาย แล้วจะได้รีบๆ กลับ” จูดี้พูดด้วยรอยยิ้มหวานเจี๊ยบก่อนจะหันมาสบตาผมเหมือนรู้กัน
“เอาน้ำแข็งประคบหน่อยไหมครับ เอ... หรือจะไปโรงพยาบาลดี” ผมถามยิ้มๆ
“นั่นน่ะสิครับ เดี๋ยวผมพาไปเองก็ได้” ธงรบเดินเข้ามาพร้อมกับไม้แล้วถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่เสียงเรียบสนิท
“ไม่เป็นไรค่ะ ได้นั่งพักแล้วรู้สึกดีขึ้นมากเลย” เอญ่ารีบบอก ฟังแล้วก็อยากจะกลอกตา แต่มันจะดูไม่สุภาพ เลยได้แต่ยิ้มเหมือนไม่รู้เท่าทันแล้วถาม
“แล้วนี่คุณเอญ่าจะกลับยังไงครับ มีคนมารับรึเปล่า”
“เดี๋ยวผมไปส่งเองครับ” เสียงใครคนหนึ่งแทรกขึ้นมาตอบแทนเจ้าตัว พอหันไปมองก็คุ้นๆ ว่าจะเป็นนายแบบคนหนึ่งที่มาร่วมเดินแบบในครั้งนี้
“สรัญ” เอญ่าเรียกด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“สวัสดีครับคุณแสน” ผู้ชายคนนี้มองเอญ่าแว่บหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้ผมและธงรบด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
“สวัสดีครับ” ผมตอบกลับตามมารยาท สรัญก็ยิ้มรับก่อนจะหันไปสนใจเอญ่า
“ไปครับเอญ่า เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง” พูดจบก็ไม่รอให้เจ้าตัวตอบ รีบประคองนางแบบสาวจากไปทันที ผมได้แต่มองตามด้วยความงง ตกลงเขาเข้ามาช่วยผมใช่ไหม? พอหันมาสบตาธงรบก็เห็นมันทำหน้างงไม่แพ้กัน ก่อนมันจะยักไหล่เหมือนจะบอกว่าช่างมันเถอะ
พอเคลียร์เรื่องนี้แล้วเราก็ช่วยกันเก็บของต่อ ผมพาทีมงานไปเลี้ยงข้าวพร้อมทั้งลากคล้าวกับไม้ไปด้วย หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ค่อยนัดเลี้ยงใหญ่อีกทีวันหลัง เพราะวันนี้เหนื่อยกันมากแล้ว
“น้องไม้มานั่งข้างหน้ากับพี่สิครับ” ยังไม่ทันได้ขึ้นรถธงรบมันก็หันไปบอกให้ไม้มานั่งข้างคนขับ ผมหันไปมองไม้ก็เห็นน้องมันหันไปสบตากับลูกพี่มัน ก่อนที่มันจะผงกหัวให้คล้าวแล้วเดินมานั่งหน้าตามคำขอ
ท่าทางแบบนี้ดูท่าแล้วธงรบน่าจะมีหวัง ผมแอบยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะเปิดประตูก้าวไปนั่งด้านหลังกับคล้าวอย่างอารมณ์ดี
“เหนื่อยไหมครับ” ผมถามคล้าวเมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เหนื่อยครับ สบายมากกว่าทำนาเยอะเลย” คล้าวตอบยิ้มๆ ทำให้ผมอดจะยิ้มตามไม่ได้ ระหว่างที่ธงรบมันเปิดไฟในรถหาของอยู่ ผมเห็นว่ามีคราบดำๆ ติดอยู่ที่แก้มคล้าวก็เลยหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วขยับเข้าไปเช็ดให้ พอสะอาดแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะชะงักเมื่อสบตากับคล้าวพอดี
ผมเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเราอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนเห็นเงาของตัวเองในดวงตาคล้าวชัดเจน ตาคมๆ ของคล้าวมองมาด้วยแววตาอ่อนโยนซะจนผมรู้สึกเหมือนจะละลาย
คล้าวเอื้อมมือมากุมมือที่ถือผ้าขนหนูไว้ก่อนจะเอียงหน้าซบกับมือของผม กิริยาที่เหมือนจะอ้อนนั้นทำให้หัวใจผมเหมือนจะเหลวเป็นน้ำ
น่ารักเกินไปแล้ว!
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมที่ดังขึ้นทำให้เราสองคนสะดุ้งขึ้นมาทันที พอหันไปมองที่มาของเสียงก็เห็นธงรบเอี้ยวตัวมาหรี่ตามองเราทั้งคู่ ส่วนไม้ก็มองเราตาปริบๆ
“ลืมกันรึเปล่าครับ ว่าไม่ได้อยู่กันสองคน ยังมีมนุษย์อยู่ตรงนี้อีกสองคนนะครับเพื่อน มึงเห็นกูเป็นอากาศธาตุเหรอ แหมมมม สร้างโลกส่วนตัวแบบไม่เกรงใจกันเลยนะ” ฟังแล้วก็ได้แต่ถลึงตาให้มัน พอหันไปมองคล้าวก็เห็นกำลังลูบท้ายทอยแก้เขินอยู่ ขนาดหน้าด้านๆ อย่างผมยังรู้สึกว่าหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาเลยนับประสาอะไรกับน้องมัน
“หึๆ นานๆ จะเห็นมึงเขินซะที เป็นบุญตาจริงๆ” ธงรบมองมาด้วยสีหน้าล้อเลียน เลยถลึงตาใส่มันไปอีกที
“เงียบน่า หาของเจอยัง ออกรถไปเลยไป”
“หึๆๆ” มันยังคงหัวเราะในลำคออย่างน่าหมั่นไส้ ผมเลยขยับไปฟาดแขนมันแรงๆ ไปสองที
“โอ๊ย! เขินแล้วต้องรุนแรงด้วย”
“เอาอีกทีไหม”
“พอๆ แขนกูแดงแล้วเนี่ย ไม้ครับ พี่เจ็บ” มันยื่นแขนไปให้ไม้ดู ทำหน้าเหมือนเจ็บเสียเต็มประดา เห็นแล้วหมั่นไส้จนอยากจะซัดแรงๆ อีกหลายๆ ที
“ตอแหล ไม้อย่าไปสนใจมันครับ แค่นั้นไม่สะเทือนหนังหนาๆ ของมันหรอก”
“แหะๆ” ไม้มันหัวเราะเหมือนทำอะไรไม่ถูก
“เป่าให้พี่หน่อยสิ” ฟังแล้วได้แต่กลอกตา
“มึงเป็นเด็กอนุบาลรึไง” แต่มันไม่ได้สนใจผมสักนิด ยังคงยื่นแขนไปให้ไม้แล้วก็จ้องกดดันน้องมันอยู่อย่างนั้น ไม้มันแขนแล้วมองหน้าธงรบ ก่อนจะเหลือบมามองผมที่มองอย่างสนใจว่าไม้จะรับมือกับธงรบยังไง
“เอ่อ เดี๋ยวมันก็หายแล้วพี่ ผมโดนกระทืบหนักกว่านี้ยังไม่เจ็บเลย”
“เหรอ” อันนี้ลูกพี่มันถามเสียงเรียบ
“แหะๆ เจ็บหน่อยก็ได้” พอได้ยินคำตอบลูกน้อง คล้าวก็ส่ายหน้าด้วยความระอา
แต่ก่อนไม้มันไปมีเรื่องกับวัยรุ่นบ้านอื่นแล้วโดนกระทืบมาประจำ สาเหตุหนึ่งก็เพราะหน้าตามันกวนตีนอย่างเป็นธรรมชาติ วัยรุ่นบ้านอื่นเห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ หรือบางทีมันก็มีน้ำใจไม่เข้าเรื่อง ชอบไปช่วยเพื่อนๆ ในหมู่บ้านเวลามีเรื่องจนพลอยโดนกระทืบมาด้วย กลับมาทีไรก็วิ่งโร่มาให้คล้าวทำแผลให้ทุกที
“ไปเถอะ น้องๆ จะได้กลับไปพักผ่อน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ผมตัดบท เพราะรู้สึกเพลียๆ ขึ้นมาเหมือนกัน ซึ่งธงรบก็ยอมขับออกไปแต่โดยดี
หลังจากส่งน้องๆ เรียบร้อยแล้ว ผมก็ย้ายมานั่งข้างคนขับแทน บรรยากาศในรถตกอยู่ในความเงียบ เพราะผมกำลังนึกถึงนางแบบที่ชื่อเอญ่าคนนั้น
“มึงว่าเธอคิดจะทำอะไรวะ” ผมหันไปถามธงรบอย่างคิดไม่ตก
“ไม่รู้กูเดาไม่ถูก แต่มึงก็ระวังไว้หน่อยแล้วกัน” ธงรบขมวดคิ้วมุ่นเหมือนกำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
“อืม มึงไม่ต้องเป็นห่วง กูดูแลตัวเองได้”
“กูขอโทษด้วยที่เอาปัญหามาให้มึง” ธงรบเหลือบมามองผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“มึงไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย จะขอโทษทำไม อีกอย่าง มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย จริงๆ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ผมพยายามคิดในแง่ดี
“กูก็หวังว่าอย่างงั้น”
อืม ผมก็หวังว่าอย่างนั้นเหมือนกัน
*************************************************************************
ตอนแรกคิดว่าจะให้จบภายใน 20 ตอน แต่ดูๆ แล้วน่าจะยัง ถถถ
ยังไงก็อยู่เป็นเพื่อนกันไปก่อนนะคะ
************************************************************************* ☼ iceman555 ต้องจัดการคนบีบแตรค่ะ ไม่รู้เรื่อง 55555
☼ k2blove มาค่ะ มาหวานต่ออีกตอน ก่อนที่จะ....แค่กๆๆๆ โปรดติดตามตอนต่อไป 55555
☼ suikajang ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า ดีใจที่ชอบนะคะ ฝากพี่แสนกับน้องคล้าวด้วยค่ะ ส่งก้อนหินไปกราบแนบอกงามๆ 55555
☼ aoihimeko มาเหม็นความรักต่ออีกตอนค่ะ 55555 ส่วนฉากรัก คงอีกสักพักกกก อีเว้นท์เยอะกันเหลือเกิน แค่กๆๆ ธงรบนี่ไม่เนียนจริงๆ คนจับได้หมดแล้วววว
☼ puiiz
☼ PsychePie ใช่ค่ะ ถ้าน่ารักกว่านี้คงมีปล้ำ แค่กๆๆๆๆ
รักคนอ่านทุกคนค่า
[/color]