บทที่ ๓๗
คอย(ครึ่งหลัง ๒๐% จ้า
)
“ถ้าไปกับผมคงไม่เป็นไรมังครับหม่อมย่า”
เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากหน้าประตู หม่อมดาราชะงักมือที่เงื้อขึ้นเตรียมฟาดหลานรัก เลอมานหันไปตามต้นเสียง
“ท่านพ่อ!”
เมื่อสองเดือนก่อนการมาเยือนของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชยังความอื้ออึงไปทั่วท้องทุ่ง แต่หากหนนี้ ทรงเสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์ เงียบเชียบไร้พิธีรีตองวุ่นวาย ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าแม้กระทั่งหม่อมดาราหรือตัวเลอมานเอง
ไม่รู้เพราะต้องการความเป็นส่วนพระองค์ หรือเพราะไม่อยากโหมไฟข่าวคาวของบุตรอันเป็นที่รักไปมากกว่านี้ มิมีผู้ใดหยั่งรู้ได้
“ผมมารับชายเล็ก” พระองค์ตรัสเรียบง่าย ถอดหมวกวินสันออกวางบนโต๊ะเล็กข้างเตียง “เตรียมตัวเรียบร้อยหรือยังล่ะเรา พรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้วนะ”
“เตรียมตัวอะไรกัน!” หม่อมดาราพ่นลมออกจมูก ถือโอกาสฟ้อง “ร่ำๆ จะออกไปหาครูจัญไรนั่นท่าเดียว!”
“เล็กแค่อยากไปงานศพยายของเพื่อน!”
“อาจารย์ปรีชาเล่าให้ฟังหมดแล้วล่ะ” ทรงเอนกายพิงพนักเก้าอี้ นวดหว่างขนงขมวดมุ่น “ก็ไปสิ เอ.. เขาเผากี่โมง” ประโยคหลังนี่ทรงหันไปถามอาจารย์ปรีชาที่ยืนเยื้องออกไป
“สี่โมงเย็นพะย่ะ..”
“ไม่ได้นะ!” เสียงแหวแทรกขึ้น “ถ้าไปเจอครูเลวนั่นจะทำอย่างไร ไหนจะขี้ปากชาวบ้านอีก”
พระพักตร์เปี่ยมล้นด้วยเมตตาทอดเนตรบุตรชายเพียงคนเดียว ดวงตาสีน้ำตาลรื้นน้ำมองสบมา เจ้าตัวดี.. ทำให้พ่อเครียดแสนเครียด แต่ก็แสนสงสารจับพระหทัย
“ผมอยู่ทั้งคน ใครกล้าก็ลอง” ท่านชายตรัสเด็ดเดี่ยวพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนหันหาผู้เป็นมารดา “ห้ามคนไม่ให้ไปงานศพบาปกรรมนะครับหม่อมย่า”
ได้ยินดังนั้น เลอมานก้มลงกราบแทบบาทผู้เป็นบิดา ทิ้งหยดน้ำตาไว้ที่รองบาทท่าน
ยายจ๋า.. ในที่สุดเล็กก็ได้ไปกราบลายาย..
***************************
สายน้ำเย็นฉ่ำขันหนึ่งราดรดลงมา จ้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนาวจนสั่น สายน้ำชะล้างเอาเส้นผมที่เพิ่งโกนออกลงไปกองรวมกันที่ฝ่าตีน ผ่านไปห้าหกขัน เส้นโลมาบนหัวจ้อยก็ไม่เหลือสักเส้นไม่ว่าจะผมหรือคิ้ว
กำนันเสริมยื่นผ้าขนหนูมาให้เช็ดหน้าเช็ดตา จ้อยหันมองพี่สิงห์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกัน ผมพี่คงหนากว่าจึงเสร็จช้ากว่า เสียงเข้มร้องโวยวายเมื่อปอยผมที่ถูกโกนร่วงเข้าตา จนถูกพ่อแพ่นกบาลเข้าให้ โทษฐานที่จะเป็นเณรอยู่รอมร่อแล้วยังไม่รู้จักสำรวมกายวาจา
ใช่แล้ว.. พี่สิงห์บอกว่าจะบวชหน้าไฟเป็นเพื่อนจ้อย
ตอนพี่มาบอก จ้อยไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าพี่จะบวชหรือไม่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใจจ้อยได้
กำนันเตรียมจีวรไว้ให้เสร็จสรรพ จ้อยกับพี่สิงห์ที่หัวโล่งเตียนทั้งคู่ประนมมือประคองผ้าไตรเข้าไปหาพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อให้กราบ อัญชลี วันทา อภิวาทแล้วกล่าวเป็นภาษาบาลีให้จ้อยกับพี่ว่าตาม พี่อุกอักขลุกขลักนิดหน่อยตามประสาคนห่างวัดห่างเจ้า
ทว่าจนถึงขั้นตอนใกล้บวชเสร็จ ครองผ้าเหลืองกันเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ หลวงพ่อถามว่ายินดีบวชใช่ไหม พี่ตอบยินดีบวชครับเสียงดังฉะฉาน
จ้อยกลับนิ่งไป ไอ้สิงห์..เอ๊ย เณรสิงห์ถึงกับก้มลงดูหน้าน้องว่าหลับในไปแล้วหรือไร สักอึดใจ.. เสียงยินดีครับ ก็เปล่งออกมาจากริมฝีปากแผ่วหวิว
เณรจ้อยก้าวออกจากโบสถ์ จีวรสีส้มตัดกับผิวขาวจัด ตรงข้ามกับเณรพี่ ผิวคล้ำล่ำสันเป็นมัดกล้ามใหญ่บึกเหมือนใครจับวัวเปลี่ยวมานุ่งผ้าเหลือง ถึงจะออกจากงานกุลีมาช่วยแม่ดูแลโรงสีแล้วแต่ร่องรอยกรากกรำก็ยังเลือนรางบนหลังไหล่ เสร็จพิธีพอดีได้เวลาฉันเพล พระและเณรศีลไม่เท่ากัน จึงไม่ได้นั่งฉันอาหารร่วมกัน เณรสิงห์กับเณรจ้อยถูกจัดให้แยกวงออกมานั่งฉันกันเพียงสองรูป
ท่ามกลางวงภัตตาหารคาวหวาน จ้อยอดคิดถึงยายอีกไม่ได้จริงๆ พูดให้ถูกคือไม่มีวินาทีไหนเลยที่จ้อยไม่คิดถึงยาย จ้อยนึกอยากบวชให้ยายมาตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าต้องมาบวชจูงราชรถเข็นโลงศพยายอย่างนี้
เณรจ้อยหันมองโลงศพยาย อีกสักครู่จะมีพิธีเคลื่อนศพไปตั้งที่เมรุ จะมีการจัดพิธีให้ลูกหลานขอขมาศพ จ้อยยอมขึ้นไปก็ได้ แต่จ้อยจะไม่กล่าวคำขอขมา กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง อะโหสิกัมมังโหตุ จ้อยจะไม่ขออโหสิกรรมต่อยาย จ้อยไม่อยากให้ยายยกโทษให้จ้อยเช่นเดียวกับที่จ้อยไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองชั่วชีวิต จ้อยจะขอชดใช้หนี้กรรมนี้ทั้งในชาตินี้และทุกภพทุกชาติไป
อาจารย์ประพนธ์กระหืดกระหอบมาบอกกำนันเสริมว่าเดี๋ยวหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชกับคุณชายเลอมานจะมา เล่นเอากำนันตาเหลือก เจ้าเสด็จมากะทันหันไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้จะเตรียมต้อนรับทันรึ อาจารย์ประพนธ์บอกว่าท่านมารับลูกชายกลับพรุ่งนี้ เห็นยายช้อยมีพระคุณต่อเลอมานจึงประสงค์ให้เกียรติมา เป็นการเสด็จส่วนพระองค์ ไม่ต้องมากพิธีรีตอง
ถ้อยสนทนาลอยมาเข้าหู เณรสิงห์ตักขนมจีนแกงไก่เข้าปากแล้วถอนใจพรู “เพื่อนเราจะจากไปเสียแล้ว นึกแล้วก็ใจหาย”
จ้อยรับรู้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ใครจะมา..ใครจะไป..ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของจ้อยอีกต่อไป
เณรตัวโตมองน้องเห็นนั่งเหม่อนิ่ง ถ้าไม่ติดว่าครองผ้าเหลืองอยู่ก็จะแกะปลาทูในวงภัตตาหารวางลงจานข้าวให้อยู่หรอก ได้แต่กระซิบบอกเณรน้องให้ฉันข้าวเสียบ้าง วันนี้ต้องร่วมพิธีอีกมากมายกว่าจะได้กินข้าวอีกทีก็ตอนสึกหลังเสร็จพิธีเผานู่น เดี๋ยวจะพาลเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน
จ้อยกลับมองจานข้าวตรงหน้านิ่งงัน ราวกับตัดขาดจากทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ไปแล้ว
****************************
หม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชเสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์ ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า กำนันและภรรยาไม่ได้เตรียมตัวถึงกับเลิ่กลั่ก แต่ทรงไม่ถือพระองค์แม้สักน้อย นั่งเก้าอี้ไม้สักตัวเดียวกันกับผู้ว่าฯอย่างเป็นกันเอง
ใครมันจะไปคิดว่างานประชุมเพลิงยายแก่ชาวนาคนหนึ่ง จะมีเชื้อพระวงศ์ยศหม่อมเจ้าเสด็จมาเป็นองค์ประธานในงาน อย่าว่าแต่กำนันเสริมกับคุณนายพูนทรัพย์เล้ย พวกชาวบ้านที่เหลือก็พากันเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกเลยสักคน พวกอ้ายอีที่จ้องชะเง้อคอยาวเฝ้าดูหน้าประตูวัดว่าคุณชายเลอมานจะเสด็จมาร่ำลาครูคนึงผัวเขาหรือเปล่าก็พากันคอหดเป็นแถบๆ
เลอมานกับท่านพ่อมาถึงตอนหนังหน้าไฟเล่นแล้ว ตกสี่โมงเย็นราวๆนั้น บรรดาแขกเหรื่อเตรียมจะขึ้นวางดอกไม้จันทน์เผาหลอก ท่านตั้งใจมาแค่ทันเวลาเผาเพราะไม่อยากให้เลอมานนั่งเป็นขี้ปากชาวบ้านนานนัก
มโหรีปี่พาทย์ประโคมขลัง หนังสดหน้าเมรุเล่นบทเบญจกายแปลง เรื่องราวของหนุมานกับนางเบญจกาย ตอนคู่รักพลัดพรากจากกัน เสียงซอ เสียงปี่ โทนรำมะนา เคล้าเสียงหญิงสาวขับร้องเอื้อนเป็นทำนองโหยไห้วังเวงจับใจ
เมื่อไรจะได้มาเยือน เมื่อไรจะได้มาเยือน ดั่งดวงเดือนขาดดารา..
ขาดเจ้าดังพี่ขาดจิต ขาดเจ้าดังพี่ขาดจิต ขาดชีวิต ขาดชีวา..
เหมือนฝันเพียงชั่วคืน ตกใจตื่นนองน้ำตา เอย.. หม่อมราชวงศ์เลอมานดูสง่างามนักโดยเฉพาะเมื่ออยู่เคียงข้างหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชผู้เป็นบิดา เมื่อมาอยู่ในชุดสูทกางเกงสแล็คสีดำ ผิวที่ขาวอยู่แล้วของคุณชายเล็กยิ่งขาวผ่องขึ้นไปอีกราวจะเรืองแสง ผมสีน้ำตาลอ่อนหวีเสยลงน้ำมันเรียบร้อย บนตักมีช่อดอกไม้จันทน์วางไว้
ทว่า.. โดยไม่มีใครเห็น โดยไม่มีใครรู้.. เสี้ยวหน้าคมคายพยายามมองหาชายคนรัก ในวันนี้อาจารย์น่าจะอยู่ในชุดขาวปกติ เครื่องแบบสีขาวที่ข้าราชการต้องใส่เมื่อร่วมพิธีการสำคัญ ชุดสีขาวในงานสีดำ โดดเด่นมองหาง่ายอยู่แล้ว แต่เลอมานเห็นเพียงอาจารย์ปรีชาวิ่งวุ่นทั่วงาน เห็นเพียงอาจารย์ประพนธ์ อาจารย์วิรัชยืนจับกลุ่มอยู่หน้าเมรุ
ไร้วี่แววอาจารย์คนึง
อาจารย์ของเล็ก.. อาจารย์อยู่ไหน..
เขาไม่อาจลุกจากที่นั่งเพื่อไปเดินหา แม้ท่าทางเหลียวซ้ายแลขวาก็มิสมควรทำอย่างยิ่ง เล็กไม่อยากให้ใครตำหนิถึงพ่อ ไม่อยากให้ใครหมิ่นพระเกียรติ แค่ท่านพามาก็ถือว่าเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้แล้ว
ได้เวลาประชุมเพลิง หม่อมราชวงศ์หนุ่มขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ตามหลังท่านพ่อ มือขาวกราบลงตรงโลงยายช้อย แสนรักแสนอาลัย ขอบพระคุณในทุกอย่างที่ยายเคยมอบให้ และขอให้ดวงวิญญาณของยายเดินทางไปสู่สุคติ เล็กจะไม่มีวันลืมมืออบอุ่นที่วางลงบนหัวในคืนนั้นชั่วชีวิต ร่างโปร่งบางก้าวลงจากเมรุ เห็นสันติ สง่า ยืนแจกของชำร่วยอยู่ตีนบันได ไม่มีคำทักทายใดนอกจากรอยยิ้มเฉกเช่นเพื่อนมีให้กันแต่ครั้งก่อน
ของชำร่วยเป็นยาดมหลอดขาวห่ออยู่ในถุงตาข่ายมัดเชือกดำแสนเรียบง่าย เลอมานอาสาช่วยเพื่อนแจก และพยายามมองหาอาจารย์คนึงในเวลาเดียวกัน
เหล่าคณาจารย์ ข้าราชการ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านร้านตลาด พ่อค้าแม่ขาย คนคุ้นหน้าคุ้นตาทยอยขึ้นไปจนหมด จนท้ายขบวนคนเริ่มซา จึงเห็นอาจารย์คนึงเดินลงบันไดมา ไม่ใช่ชุดขาวปกติ แต่เป็นเพียงเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงสีดำ
อาจารย์เดินตรงมาหาเหมือนเห็นเขาอยู่ก่อนแล้ว เลอมานเสียอีกที่มองใบหน้าที่แสนคิดถึงอย่างเพริดไป สายตาใครต่อใครมองมาอย่างจ้องจับผิด ราวกับรอคอยฉากเด็ดนี้มานานแล้ว หม่อมราชวงศ์หนุ่มน้อยพยายามรักษากริยาสุดระงับ มีคำพูดในอกมากมายอยากเอื้อนเอ่ยออกไป เล็กคิดถึงอาจารย์เหลือเกิน อาจารย์สบายดีไหม ทำไมดูวูบไป กินข้าวบ้างหรือเปล่า ทำไมไม่ใส่ชุดข้าราชการสีขาวเหมือนคนอื่น พรุ่งนี้เล็กจะจากไปแล้ว ถ้าเล็กจะเขียนจดหมายถึงอาจารย์ต้องจ่าหน้าซองที่อยู่โรงเรียนฝึกหัดครูหรือที่ไหน และ.. ชั่วชีวิตนี้เราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกหรือไม่
แต่ไม่มีคำใดเลยหลุดจากปาก มีเพียงสายตาที่จ้องมองกัน เลอมานน้ำตาคลอเอ่อ หัวใจสั่นไหว เพียงเสี้ยววินาทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกัน ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคนหนึ่งส่งของให้คนหนึ่ง อาจารย์รับยาดมของชำร่วยแล้วหันหลังจากไปเงียบๆ
หนุ่มน้อยใจเต้นระส่ำ ไม่ใช่เพียงอาจารย์ที่ได้รับของไป ในอุ้งมือที่กำแน่นจนสั่นสะท้าน เขาได้รับกระดาษพับเล็กๆ กลับคืนมาจากมือใหญ่นั้นด้วย
เหมือนมีใครจุดเทียนขึ้นในคืนมืดมน หนุ่มน้อยเก็บกระดาษพับทบไม่ใหญ่เกินเหรียญสลึงนั้นใส่กระเป๋ากางเกง ไม่มีแก่ใจยื่นของชำร่วยให้ใครอีกเลย
**********************
(แค่เนี้ยะ!
)
แค่นี้ก่อนนะคะ แห่ะๆ บอกตามตรงว่าอัพเอาตัวรอด แก้ขัดไปก่อนนิยายจะปลิว โอ๊ยยยย ใครถีบพี่
จะพยายามหาเวลามาอัพต่อในเร็ววันค่ะ
ขอบคุณมากๆ ที่ยังติดตามกันอยู่น๊า แหม..พอมีข่าวเล้าจะลบนิยายดอง กล่องข้อความดอกไม้แทบระเบิดเลยค่ะ
ขอบคุณทุกแรงกดดัน..เอ๊ย ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ
รักคนอ่าน
ดอกไม้
๒๔ มี.ค. ๖๒