คาถาที่ 19 [100%]หลังจากปิดการขายตั๋วและปิดเครื่องเล่นม้าหมุน เรียวจันทร์ก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเล่นมือถือรอคมเขี้ยวอยู่ในออฟฟิศ ระหว่างนั้นก็พยายามทวนความจำของตัวเองว่าจะต้องบอกคมเขี้ยวเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อตอนกลางวัน เพื่อที่เขาจะได้ระวังตัว
“คุณนาย”
“ทำไมมาตัวเปล่าล่ะ ข้าวฉันอะ” นางทำหน้างอ แต่ไม่ได้จะงอนหรือโกรธ นางแค่หิวท้องร้องโครกคราก
“ผมมารับขึ้นไปกินบนบ้าน” เรียวจันทร์ทำปากว่าอ๋อและพยักหน้าขึ้นลง
“คุณเอื้องล่ะ” คมเขี้ยวทำหน้าหนักใจ พ่นลมหายใจหนักๆ ออกทางจมูก เรียวจันทร์เห็นแบบนั้นก็พอจะเดาได้ว่าการเคลียร์คงไม่ค่อยจะราบรื่นนัก
“โดนตบรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่ แต่ก็เหมือนโดนอยู่ดี” เรียวจันทร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปใกล้คนตัวสูง
“นายเล่นปล่อยให้คาราคาซังมาเป็นปี แทนที่จะคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าไม่ได้รู้สึกอะไร”
“ก็ผมคิดว่าเดี๋ยวคงรู้สึกอะไรด้วย” เรียวจันทร์เกือบจะกลอกตาแรงๆ แต่ก็ทำเพียงแค่ทำปากยื่นหน้าเอือม นางก็อยากจะสอนหรือให้คำคมอะไรดีๆ กับคมเขี้ยวเหมือนกันนะ แต่พอย้อนมองตัวเองแล้วก็คิดว่าอย่าเพิ่งจะดีกว่า
“ผมคิดว่า…” พ่อคาวบอยสไตล์ขมวดคิ้วเข้าหากัน ราวกับกำลังนึกถึงรูปแบบความสัมพันธ์ของตัวเองกับอัจฉราที่ผ่านมาให้ถูกต้องที่สุด
“…เป็นเพื่อนกันไปก่อน เดี๋ยวมันก็มากกว่าเพื่อนไปเอง แต่สุดท้ายมันก็ไม่มากไปกว่าเพื่อนสักที” คมเขี้ยวหน้าสลดลงราวกับเด็กหนุ่มที่ไม่ประสีประสาในความรัก เรียวจันทร์ขยับยิ้มเอ็นดู
“แล้วเคยถามตัวเองมั้ยว่าทำไมไม่รู้สึกไปมากกว่านั้น”
“เอื้องเป็นคนสวย เป็นคนดี มีน้ำใจ แต่ติดตรงที่เอื้องไม่ใช่คนที่ผมอยากจะรู้สึกรัก” เรียวจันทร์พยักหน้ายิ้ม เดินเข้าไปกอดคนตัวโต เอาคางเกยหน้าอกของอีกฝ่ายไว้แล้วแหงนหน้ามองพ่อคาวบอยรูปหล่อของนาง
“นี่ดีนะเนี่ยที่ฉันไม่ได้เข้าหานายแบบเพื่อน ไม่งั้นฉันคงนก เอ่อ หมายถึงแห้วน่ะ” คมเขี้ยวยิ้ม แล้วก็คิดว่าตอนไหนกันที่เขาเลิกพังกำแพงที่เคยกั้นเรียวจันทร์เอาไว้
“คุณไม่ใช่นกหรอก คุณเป็นแรด” เรียวจันทร์ที่กำลังยิ้มๆ หุบยิ้มฉับ เปลี่ยนเป็นหน้าบูด
“เดี๋ยวจะโดนแรดขวิด” คนโดนกอดหัวเราะเบาๆ
“ไป กินข้าวกัน” คนตัวเล็กคลายอ้อมกอดออกจากคนตัวใหญ่ พากันเดินออกไปจากออฟฟิศ
คมเขี้ยวเล่าเรื่องอัจฉราให้ฟังต่อว่า ก็คุยกันเกือบชั่วโมง อัจฉราร้องไห้ เขาก็ได้แต่ขอโทษ และยอมรับว่าเพราะเรียวจันทร์ด้วยส่วนหนึ่งที่ทำให้เขารู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่ได้คิดอะไรกับเอื้องเกินมากกว่าเพื่อนจริงๆ
“ฉันไม่ผิดนะคะงานนี้ ถือว่าฉันเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องด้วยซ้ำ” นางว่าหน้าตาไม่ยอม คมเขี้ยวหัวเราะเบาๆ
“ครับๆ คุณนายไม่ผิด” เรียวจันทร์ยิ้ม เดินเข้าไปเกาะแขนคมเขี้ยว เอาแก้มแนบท่อนแขน
“ถ้าพ่อกับแม่ยังไม่นอน ยังไงทำตัวตามปกติก่อนนะ ผมกลัวพ่อกับแม่ปรับตัวไม่ทัน” เรียวจันทร์พยักหน้าเข้าใจ นางไม่คิดเซ้าซี้ ถ้าตาเขี้ยวกุดอายหรือขี้ขลาดในการเปิดเผยความสัมพันธ์ พี่แกคงไม่หอมแก้มนางตรงม้าหมุนเมื่อหัวค่ำหรอก คนบนม้าหมุนมองกันเต็ม (คมเขี้ยวสังเกตแต่คนต่อแถวซื้อตั๋ว)
“แล้วคุณเอื้องเขากลับยังไงอะ ดินไปส่งเหรอ” คมเขี้ยวย่นคิ้วแล้วส่ายหัวหน่อยๆ
“เขาโทรให้เพื่อนมารับ” เรียวจันทร์พยักหน้าอีกสองสามที เป็นอันว่าจบเรื่องอัจฉราแล้วสำหรับนาง (ในตอนนี้)
ตอนที่ขึ้นมาบนบ้าน ทั้งสองคนก็ทำตัวตามปกติ เรียวจันทร์ไม่ได้เกาะแกะเซาะแซะอะไรกับคมเขี้ยว เพราะพ่อกับแม่ของคมเขี้ยวยังนั่งดูทีวีที่โซฟากันอยู่
“เขี้ยวบอกว่าหลับเหรอหนูเรียว” เรียวจันทร์พยักหน้ารับคำของบัวบูชาอย่างไวโดยไร้พิรุธ
“คุมม้าหมุนเสร็จก็แอบไปงีบค่ะคุณแม่” นางยิ้มแหะ
“นึกว่างอนอะไรไอ้เขี้ยวอีก” คนโดนเมนชั่นถึงย่นคิ้วเล็กน้อยกับความคิดของพ่อที่จ้องจะหาว่าเขารังแกลูกรักของเพื่อนสนิทตัวเอง
“อู๊ย ไม่เลยค่า เดี๋ยวนี้เรียวกับพี่เขี้ยวชอบเกี่ยวก้อยกันมากกว่าทะเลาะตบตี” เรียวจันทร์พยายามไม่ยิ้มมีพิรุธ นางปั้นยิ้มให้ปกติที่สุด
“หือ” เมฆาเลิกคิ้วขึ้นสูง ทำหน้าประหลาดใจ หันไปมองภรรยาที่ทำยิ้มงงๆ อยู่เหมือนกัน
“เอ่อ เดี๋ยวผมพาน้องไปกินข้าวก่อนนะ” คมเขี้ยวตัดบท ดันหลังเรียวจันทร์ให้เดินเข้าไปในโซนครัวด้วยกัน
เมฆากับบัวบูชามองตากันนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกระตุกยิ้มพร้อมกัน หันไปมองสองคนนั้นที่กำลังยืนเถียงกันเบาๆ อยู่ในครัว ลูกชายเพื่อนสนิทน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ลูกชายของเขาสองคนต่างหากที่เขยิบตัวไปยืนติดกับร่างเล็กของหนูเรียวซะแน่นเชียว
“ไม่เอา ฉันจะกินขนมปังปิ้งทาแยม / ใครเขาให้มากินขนมปังตอนนี้ กินข้าวสิ / ฉันนี่แหละให้ตัวเองกิน / ไหนตอนแรกบอกจะกินข้าว / เปลี่ยนใจ จะสี่ทุ่มแล้ว กินข้าวมันหนักไป เดี๋ยวพุงออก / ออกอะไร วันนี้จับไม่เห็นมี / ไม่เอา จะกินหนมปัง…”
เมฆาตามองทีวี แต่ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม บัวบูชามองเรียวจันทร์ที่กำลังทาแยมขนมปังโดยมีลูกชายตัวเองยกเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ แล้วก็ยิ้มบางๆ
.
.
.
.
.
.
“กินเป็นสิบแผ่นแล้ว กินแบบนี้กินข้าวอิ่มกว่าอีก” คมเขี้ยวว่าหน้าดุนิดๆ กับคนที่นั่งกินขนมปังปิ้งทาแยมสตรอว์เบอร์รี่อย่างเอร็ดอร่อยอยู่บนเค้าน์เตอร์ครัว เรียวจันทร์ไม่ตอบโต้ ทำเพียงยักคิ้วหนึ่งที กำลังจะกัดขนมปังเข้าปากอีก ก็นึกถึงประเด็นที่อยากคุยกับคมเขี้ยวได้
“นี่ๆ วันนี้ฉันบังเอิญเดินไปได้ยินอะไรมา” คมเขี้ยวย่นคิ้ว นั่งเอนตัวพิงเก้าอี้ที่เขายกมานั่งใกล้ๆ แม่ตัวดี แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เรียวจันทร์ไปพบเจอมาวันนี้ แรกๆ เขาก็ฟังเฉยๆ แล้วก็เปลี่ยนเป็นหน้าเคร่งเมื่อเรียวจันทร์เล่าให้ฟังแบบละเอียดยิบ เขายกสองแขนกอดอก แววตาคิดหนัก
“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเสียงผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มันไม่คุ้นหูเลย” เรียวจันทร์ว่าอย่างเสียดายที่พยายามแล้วพยายามอีกก็นึกไม่ออกว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร เลยสรุปกับตัวเองว่าคงไม่ใช่คนคุ้นเคยของตัวเอง และเอาเข้าจริงนางก็ไม่ค่อยจะคุ้นกับคนที่เป็นผู้หญิงในฟาร์มนี้เท่าแม่ของคมเขี้ยวอีกแล้ว
“ฉันขอโทษนะที่ไม่เสือกให้มากกว่านี้ ทั้งที่ปกติฉันออกจะขี้เสือก” คมเขี้ยวที่กำลังทำหน้าเครียดถึงกับหลุดขำเบาๆ เรียวจันทร์ยิ้มแฉ่ง กัดขนมปังชิ้นสุดท้ายเข้าปาก เขี้ยวตุ้ยๆ กระเถิบก้นลงจากเค้าน์เตอร์ครัว เดินไปนั่งคร่อมตักคมเขี้ยวที่เจ้าตัวก็อ้าแขนอ้าขารับแม่คุณนายให้นั่งลงบนตักตัวเอง
“ป๋ากับแม่จะไม่ตื่นมาจ๊ะเอ๋เราตอนนี้ใช่มั้ย” คมเขี้ยวส่ายหัวน้อยๆ สองมือลูบบั้นท้ายแสนงอนของเรียวจันทร์อย่างเพลินมือ
“อาทิตย์หน้าเราไม่อยู่ มันจะไม่เป็นการเปิดช่องทางให้คนเข้ามาทำมิดีมิร้ายฟาร์มนายเหรอ” คุณนายว่าเป็นกังวล สองมือลูบสันกรามของคมเขี้ยวเบาๆ
คมเขี้ยวนิ่งไปนิดก่อนที่จะตอบ “ไม่หรอก”
เขาตอบเหมือนไม่คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้ในหัวก็กำลังคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยก็ได้เบาะแสเพิ่มเติมจากเรียวจันทร์ มันอาจจะมีประโยชน์ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหาคนร้าย
“นายว่าคนที่วางระเบิด จะเป็นคนเดียวกับคนนี้มั้ย” คมเขี้ยวมองหน้าเรียวจันทร์นิ่ง แล้วก็ส่ายหัวช้าๆ สองสามที
“ไม่ คนที่วางระเบิด น่าจะเป็นคนนอก ส่วนคนที่ทำร้ายวัว ก็ชัดเจนว่าเป็นคนในฟาร์มตอนที่คุณมาเล่านี่แหละ” คมเขี้ยวหายใจพรู ใบหน้าหล่อตึงเครียดนิดๆ เรียวจันทร์ยกมือขวาลูบหน้าผาก ลากลงมาที่แก้มและเอามือประแก้มสากไว้ ก้มลงหอมแก้มอีกข้างของพ่อคาวบอยดังฟอด
“ถ้าฉันบุกเข้าไปตอนนั้น เราอาจจับนายแม็คได้” เรียวจันทร์ไม่ใช่ไม่กล้าบุกเข้าไปให้ลูกน้องเสี่ยทัพเห็นว่านางได้ยินสิ่งที่หมอนั่นพูดกับชะนีลึกลับนั่นแล้ว แต่มันเป็นเพราะลึกๆ นางกลัวแหละเห็นแก่ตัวต่างหาก
กลัวว่าถ้าเกิดคมเขี้ยวจับลูกน้องเสี่ยทัพได้ มันจะบอกว่าเรียวจันทร์เข้ามาที่นี่ทำไม นางเพิ่งได้ใกล้ชิดกับคมเขี้ยว นางไม่อยากเสียตรงนี้ไป
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้…
“ดีแล้ว เรามีแค่คำพูด ยังไม่มีหลักฐานที่มัดตัวมันได้” คมเขี้ยวนึกโกรธคนงานคนนั้นอยู่เหมือนกัน เขาไม่ได้สนิทคลุกคลีกับคนงานทุกคน เขารับเข้ามาเพราะเห็นว่าคงมาช่วยกันทำงานหนักๆ ในฟาร์มได้ ไม่ได้คิดลึกซึ้งหรือสืบประวัติเทียบเท่าบริษัทระดับโลก ที่นี่ก็แค่ฟาร์มเล็กๆ อยู่กันแบบครอบครัวเท่านั้นเอง
“ตำรวจเขามีความคืบหน้ามั้ย”
“กลับมาจากเดินป่า คงได้อะไรเพิ่มเติม” ตำรวจขอเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ คมเขี้ยวเลยบอกว่าหลังจากเขากลับมาแล้วค่อยเข้ามาคุยกันก็ได้ เขาขอแค่จับตัวคนร้ายที่วางระเบิดให้ได้ก่อน เพราะมันอันตรายกว่าคนที่พยายามตัดช่องทางทำมาหากินฟาร์มเขา
“ฉันตื่นเต้นจัง ไม่เคยเดินป่าเลย ขอโทษนะที่เอาเป็ดไปด้วย เผลอไปเม้าท์ให้นางฟัง นางเลยอยากไปอะ” หึ ไม่ใช่หรอก คุณนายนั่นแหละบังคับให้เพื่อนไปด้วยกัน
“ไม่เป็นไร” คมเขี้ยวยิ้มอย่างใจดี เรียวจันทร์ยิ้มกริ่ม ยื่นหน้าไปจูบคมเขี้ยวหนึ่งทีเน้นๆ ดังหมั่ว
“คืนนี้นอนด้วยกันมั้ย” คมเขี้ยวเอ่ยชวนตาเป็นประกายเล็กๆ
“นายลงไปนอนกับฉันสิ นอนบนนี้ตื่นขึ้นมาคุณป๋ากับคุณแม่จะเห็นได้ง่ายนะ นอนข้างล่างนายยังแกล้งว่าตื่นเช้ามาทั้งชุดนอนได้” คมเขี้ยวยักคิ้วหนึ่งที
“บนนี้แหละ ตื่นสายๆ หน่อย ป๋ากับแม่ก็ออกไปนอกบ้านแล้ว” เรียวจันทร์ทำหน้าคิดสักแปบก่อนจะยักไหล่ตามไปด้วยพยักหน้าขึ้นลงสามที
“แล้วแต่เจ้านายบัญชาเลยค่ะ” คมเขี้ยวยิ้ม ยื่นหน้าไปซุกซอกคอเรียวจันทร์แล้วหอมกลิ่นหอมๆ ไปหนึ่งฟอด และจูบลงบนผิวขาวเนียนละเอียดหนึ่งที
“ก่อนนอนขอแปรงฟันก่อนนะ มีแปรงสีฟันใช่เปล่า”
“ใช้ของผมแหละ” เรียวจันทร์ตาโต
“นายไม่ถือเหรอ”
“ถืออะไร ลิ้นผมเข้าไปเลียในปากคุณหมดแล้ว แค่ใช้แปรงอันเดียวกันเป็นไรไปล่ะ” เรียวจันทร์เม้มปาก กลั้นยิ้มเขิน มองคมเขี้ยวทั้งนึกหมั่นไส้และเขินผสมกัน และสุดท้ายนางก็พ่ายให้กับความเขิน ทิ้งหัวลงบนไหล่ขวาของคมเขี้ยว
“อ๋อย… คำพูดคำจานะ ไม่สงสารหัวใจฉันเลย มันจะเต้นจินตลีลาได้อยู่แล้ว”
“ของผมเต้นบัลเล่ต์” เรียวจันทร์หัวเราะ ดึงหัวตัวเองขึ้นจากไหล่ของคมเขี้ยว
“ไปนอนกันเถอะ อยากโดนนายกอดแล้ว” นางลุกออกจากตักคมเขี้ยวเพื่อให้ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนขึ้นเต็มความสูง คมเขี้ยวเดินจูงมือแม่คุณนายไปทางห้องนอนตัวเองที่จะอยู่ฝั่งมุกหน้าบ้านเห็นวิวในฟาร์ม ส่วนของป๋ากับแม่จะอยู่อีกฝั่งที่เป็นวิวป่าสนกับภูเขา
เรียวจันทร์กวาดตามองห้องนอนคมเขี้ยวที่เปิดประตูเข้าไปก็เจอกับเตียงไม้คิงไซส์อยู่กลางห้อง โซฟาหนังตัวยาวสีดำเข้มไว้นอนเหยียดขาดูทีวีอยู่ใกล้กับประตู ผนังห้องฝั่งตรงข้ามเป็นกระจกที่แบ่งช่องไฟด้วยไม้ เห็นวิวมุมกว้างของฟาร์มทะลุผ่านต้นหูกวางด้านหน้าของบ้าน เฟอร์นิเจอร์ตรงปลายเตียงเป็นแบบบิลด์อิน มีโต๊ะทำงานอยู่ใกล้กับกระจก บนโต๊ะจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ข้างกันฝั่งซ้ายมือของโต๊ะเป็นชั้นวางหนังสือสีดำเข้ม ตัดกับสีน้ำตาลอ่อนของโต๊ะทำงาน ทีวีจอแบนสีดำติดอยู่ผนังปลายเตียง ไว้สำหรับนอนดูทีวีได้สบายๆ
“ห้องน้ำเดินเข้าไปข้างใน ผมรอที่เตียงนะ” คมเขี้ยวชี้ไปทางช่องทางเดินที่ผ่านเตียงไป เรียวจันทร์เดินทะลุเข้าไปก็เจอกับโซนแต่งตัวที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก มีแค่ตู้เก็บเสื้อผ้าสีดำสองตู้ตั้งติดกัน ผนังอีกฝั่งมีราวสีเงินไว้สำหรับแขวนผ้าเช็ดตัว โต๊ะเครื่องแป้งที่ไม่ค่อยมีอะไรตั้งอยู่ในมุมด้านในสุด ประตูห้องน้ำอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เดินเข้ามา นางเปิดเข้าไปและจัดการแปรงฟันให้เรียบร้อย
พอจัดการตัวเองเสร็จก็เดินกลับมาโซนห้องนอน คมเขี้ยวกำลังกดปุ่มปิดม่านสีเทาเข้มอัตโนมัติให้เลื่อนปิดกระจก เขาเดินไปถลกผ้านวมสีเทาอ่อนออก กวักมือให้เรียวจันทร์สอดตัวเข้ามาในผ้านวม พอล้มตัวนอนลงได้ เรียวจันทร์ก็กระเถิบเข้าไปนอนใกล้ๆ เจ้าของห้องนอนที่อ้าแขนรอให้เป็นหมอนหนุนอยู่แล้ว
“ถ้าเมื่อยแขนก็เอาหัวฉันออกนะ เดี๋ยวเลือดไม่เดิน ตัดแขนทิ้งเพราะฉันอีก” คมเขี้ยวยิ้มขำน้อยๆ วางมือลงบนไหล่ขวาของเรียวจันทร์
“อย่าทำมิดีมิร้ายกับฉันนะ”
“ผมมากกว่าที่ต้องพูดแบบนั้น”
“นายพลาดละที่ให้ฉันเข้ามานอนด้วย”
“เฮ้อ ผมเอาภัยมาใกล้ตัวสินะ” เรียวจันทร์เบ้ปาก แหงนหน้าขึ้นไปขบใบหูคมเขี้ยวเบาๆ มือขวาสอดเข้าไปในกางเกงนอนของคมเขี้ยวแล้วคว้าไส้กรอกเขาใหญ่ที่นางอยากกินเต็มมือ
“แน่ะๆ ยัง ยังอีก” เพี๊ย!
คมเขี้ยวดันผ้านวมลงไปข้างล่าง ยกมือซ้ายตีมือเรียวจันทร์ไปหนึ่งที แม่คุณนายหัวเราะคิกคัก ทำท่าจะดึงมือออกจากกางเกง แต่ก็เปลี่ยนเป็นล้วงลึกลงไปลูบคลำฐานของไส้กรอกที่กลมกลึงน่าคลึงเล่นทั้งวี่ทั้งวัน
“จันทร์ไร” คมเขี้ยวกดเสียงลงต่ำ เขม้นมองหน้าสวยๆ อย่างพยายามดุ เรียวจันทร์ยิ้มแป้น ดึงมือออกจากกางเกงนอนของคมเขี้ยว ดึงมือขึ้นมาสูดดมเข้าปอดแรงๆ
“อื้มมม กลิ่นหอมมาก ดมแล้วฟิ๊นฟิน” คมเขี้ยวย่นคิ้วใส่แม่คุณนาย ดึงกางเกงขึ้นตามเดิม เรียวจันทร์นอนลงบนแขนคมเขี้ยวตามเดิม คมเขี้ยวกำลังจะดึงผ้านวมขึ้นห่ม แต่สักพักก็ต้องสู้รบกับมือซนๆ ของคนข้างๆ อีก
“คุณเรียว” เขาว่าเสียงต่ำอีกครั้ง ครางในลำคอฮึ่มๆ เป็นการขู่ แต่เรียวจันทร์ไม่ได้สนสักนิด อีกฝ่ายสอดมือเข้าไปในเสื้อยืดของเขา ลูบไปตามกล้ามท้อง และเลื่อนไปที่หัวนมก่อนจะสะกิดสองสามที เล่นเอาคมเขี้ยวตัวกระตุก หน้าท้องหดเกร็ง
“ซนอีกละ นอนนิ่งๆ ได้มั้ยเนี่ย โอ๊ย โอ๊ะ ซี๊ด…” คมเขี้ยวย่นคิ้ว สีหน้าทรมานเล็กๆ เมื่อเรียวจันทร์จับเสื้อยืดเขาเลิกขึ้นจนถึงหน้าอกแล้วก็ก้มลงดูดเลียหัวนมเขา
“เรียวจันทร์ถ้ายังไม่หยุด เดี๋ยวจะโดน” แม่คุณนายหยุดดูดเลียหัวนมสีเข้ม กระดกหัวขึ้นมองหน้าคมเขี้ยวที่ตอนนี้กำลังกัดฟันขมวดคิ้วแน่น
“โดนไรเหรอ ใช่อย่างที่ฉันอยากโดนรึเปล่าอะ” นางถามเสียงยานหวาน หน้าตากะลิ้มกะเหลี่ย กัดริมฝีปากล่างแน่น เอียงคออย่างยั่วยวน มองคมเขี้ยวอย่างที่พร้อมจะเสียตัวให้เต็มที่ มือขวายื่นไปสะกิดหัวนมของคนที่นอนอยู่เบาๆ สร้างความสยิวเสียวท้องน้อยให้คมเขี้ยว
“ท่าทางจุดอ่อนจะอยู่ที่หัวนมนะเนี่ย คิๆ” คมเขี้ยวถลึงตามองแม่ตัวดี เริ่มคิดว่าเขากำลังพลาดจริงๆ ที่พาเรียวจันทร์มานอนด้วย เพราะแม่คุณนายมือยั้วเยี้ยเหลือเกิน
“นอนเลยๆ” คมเขี้ยวดึงเรียวจันทร์ให้นอนลงบนแขนตัวเอง ก่อนที่จะพลิกให้เรียวจันทร์อยู่ด้านหน้าตัวเองและใช้สองแขนกอดตัวบางๆ เอาไว้แน่น ขาซ้ายก่ายขึ้นตรงสะโพกมน ล็อคขาเรียวจันทร์ไว้ไม่ให้ดิ้นหลุด
“อยู่อย่างนี้ทั้งคืนนี่แหละ จะได้ไม่ดื้อไม่ซนกับตัวผมอีก”
“แหม ว่าแต่เขา อิเหนาดอแข็งเชียวนะ” เรียวจันทร์บิดหน้าไปมองหน้าพ่อไส้กรอกเขาใหญ่ที่ตอนนี้ความใหญ่นั้นกำลังตุงดันบั้นท้ายนางอยู่ คมเขี้ยวรีบเก๊กหน้าเข้มทันที
“ก็ปล่อยให้มันแข็งไปอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวมันก็หาย”
“ไม่เอาจริงเหรอ ฉันใช้ครีมทาผิวแทนเจลได้นะ แก้ขัดไปก่อน ลื่นเหมือนกัน” นางยิ้มกว้างขำด้วยความตลกกับพ่อตัวโตที่กอดนางแน่นเพียงเพราะกลัวนางจะไปปลุกปั่นอารมณ์อีก
“บอกแล้วไงว่าขอละลายพฤติกรรมก่อน เรียนการแสดงมาต้องเข้าใจคำนี้ดิ” เรียวจันทร์หัวเราะคึๆ จนไหล่สั่น คมเขี้ยวมองอย่างหมั่นไส้ ยกขาที่ก่ายสะโพกอีกฝ่ายไว้ออกและใช้มือซ้ายตีดับป้าบ
“โอ้ย!” เรียวจันทร์หยุดหัวเราะหน้าตื่นกับความเจ็บที่มาไม่ทันตั้งตัว
“เป็นสายเอสเอ็มก็ไม่บอก นี่แอบมีห้องเซ็กส์ทอยมหาสนุกเหมือนในนิยายที่ฉันเคยอ่านมั้ยเนี่ย” (นิยายใครนะ -.,-)
“เพ้อเจ้อละ นอนซะทีแม่คุณนาย ไม่งั้นให้กลับไปนอนข้างล่างนะ” คมเขี้ยวแกล้งขู่ ยกขาขึ้นมาไว้ที่เดิม แขนซ้ายกอดร่างเรียวจันทร์ไว้ตามเดิมเช่นกัน
“อะๆ นอนก็ได้ๆ เห็นว่าเป็นคืนแรกของการเข้าหอหรอกนะ เลยจะอนุโลมก่อน” คมเขี้ยวพยายามกลั้นยิ้มขำ แกล้งส่ายหัวทำหน้าระอากลบเกลื่อน
จุ๊บ~
“ฝันดีครับคุณนาย” คมเขี้ยวก้มลงจุ๊บแก้มนวลนิ่มของเรียวจันทร์หนึ่งที เจ้าของแก้มนุ่มบิดหน้ามามองนิดๆ แล้วยิ้มให้ ก่อนจะบิดหน้ากลับไปองศาเดิม
“ฝันดีพ่อเขี้ยวกุด” คมเขี้ยวทิ้งหัวลงนอนบนหมอนตามเดิม กอดหมอนข้างอันใหม่ที่มีชีวิตแสนซุกซนไว้แน่น กำลังพาตัวเองใกล้เข้าสู่นิทราก็ได้ยินเสียงแม่คุณนายดังแว่วมา
“ระวังฉันลักหลับนะ”
“ฮื่อ!!” เรียวจันทร์หัวเราะกับเสียงครางขู่ในลำคอ ก่อนที่จะพยายามพาตัวเองเข้าสู่นิทราเช่นกัน แม้ว่าจะตัวร้อนวูบวาบกับความเป็นชายของพ่อเครางามที่ดันก้นนางอย่างแนบชิดก็ตาม
คมเขี้ยวแอบยิ้มนิดๆ ที่แม่ตัวแสบเงียบไปแล้ว เขายกมือซ้ายขึ้นไปตรงหัวเตียง คลำๆ สักแปบก็เจอสวิตช์ไฟ เขากดปิดไฟในห้องนอน เหลือเพียงแสงไฟสีเหลืองอ่อนนวลตาใต้เตียงที่ส่องกระจายตัวกับพื้นกระเบื้อง แล้วก็เอาแขนมากอดร่างเรียวจันทร์ไว้ตามเดิม
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้
เขายังไม่มีไรกานนนน 55555 อย่าเพิ่งรีบๆ พี่เขี้ยวยังไม่พร้อม แต่ก็แข็งสู้มือคุณนายแม่ตลอดนะ คริๆ ส่วนขุ่นแม่เรียวก็เปรี้ยวเสมอ มือไม่เคยพัก นี่ถ้าถึงเวลานั้น คงเป็นแบบ ยักไม่เพ็ด รึเปล่าคะแม่ 55555
คืนที่เฝ้ารอคอยก็คือแบบ ขุ่นแม่ได้นอนเตียงเดียวกับพี่เขี้ยวอะเนาะ หลังจากที่ต้องนอนคนละเตียง คนละหลังคามานาน วันนี้ได้กระเถิบขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกันละนะ อิๆ แต่กว่าจะได้นอน พี่เขี้ยวก็โดนเต๊าะไปหลายยกเชียว
หายไปห้าวันได้ พอดีติดงานอย่างที่เคยเม้าท์ไว้รอบก่อนค่ะ ตอนนี้เสร็จงานละ เพิ่งเสร็จวันนี้เลยค่ะ จะได้พักสักแปบ แล้วเดี๋ยวงานจะเข้ามาอีก ก็จะรีบอัพรัวๆ
ขอบคุณทุกคนที่รออ่านเรื่องนี้กันอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่รอพบขุ่นแม่กับพี่เขี้ยวเสมอๆ ดีใจนะคะที่รักขุ่นแม่ในแบบที่ขุ่นแม่เป็น ^__^
พบกันตอนหน้าค่า ขอบคุณทุกเม้น ทุกโหวตที่มีให้กันนะคะ
แท็กเรื่องนี้ก็ #WorksTheMagic ไม่ก็ #คมเขี้ยวเรียวจันทร์ ค่ะ