บทที่ 1 ปฐมบทละครชีวิต
ในโบสถ์ใหญ่สีขาวตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง มีการจัดพิธีแต่งงานแห่งปีของดาราหนุ่มและผู้กำกับชื่อดังแห่งวงการมายาที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ เนื่องจากสาเหตุของการแต่งงานที่รวดเร็วดุจสายฟ้าเป็นเพราะข่าวฉาวที่ส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วเมืองหลวง
"ท้องแหละไม่งั้น ไม่รีบแต่งขนาดนี้หรอก"
"อยากจับคนรวยมากกว่า อาชีพนักแสดงไม่มั่นคงนี่นา"
"ก็จริงนะมีผัวรวยดีกว่าเป็นไหนๆ"
เสียงกระซิบกระซาบดังไปทั่วทั้งงานวิวาห์สุดหรู คำครหาต่างๆ มากมายถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเครื่องมือตัดสินชีวิตของ พลลภัตม์ ภัชรภิรมย์ นักแสดงหนุ่มที่กำลังอยู่ในช่วงดังพลุแตก จากการแสดงละครที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการบันเทิง เขาได้คบหาดูใจกับ เรวัต อรรถจิรานันท์ ผู้กำกับชื่อดังที่มีฐานะร่ำรวยติด 1 ใน 10 ของประเทศ
แม้จะคบหาดูใจกันได้เพียงปีกว่าๆ แต่ทั้งคู่ก็ตัดสินใจเข้าพิธีวิวาห์ ประกาศเป็นคู่สมรสที่จะร่วมใช้ชีวิตด้วยกันฉันท์สามีภรรยา เหตุผลที่ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานเนื่องจาก
พัดตั้งท้องได้ 2 เดือนกว่า
ในสมัยปัจจุบันการตั้งท้องในเพศชายไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่ เนื่องจากหลายสิบปีก่อนเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตายกันไปจำนวนมาก ทำให้จำนวนประชากรในประเทศลดลงมากที่สุดมากในประวัติศาสตร์ ทางการแพทย์จึงเกิดไอเดียฝังมดลูกให้กับกลุ่มรักร่วมเพศเพื่อสร้างโอกาสในการสร้างชีวิตใหม่ให้กับคนรักเพศเดียวกันที่ต้องการตั้งครรภ์ได้
แม้เรนจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้เนื่องจากเขายังไม่อยากผูกมัดตัวเองไว้กับชีวิตของใคร เขายังอยากที่จะใช้ชีวิตรักสนุกเป็นตัวของตัวเองต่อ แต่เมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มตั้งท้อง ทางพ่อและแม่ก็รีบเร่งให้เขารับผิดชอบชีวิตของพัดเพราะพ่อกับแม่ของเขานั้นต้องการเพียงแค่ทายาทที่จะมาสืบสกุลต่อจากเขาก็เท่านั้น
งานวิวาห์ในวันนี้จึงได้เกิดขึ้นท่ามกลางเหตุผลของบรรดาผู้ใหญ่
"โดยที่ท่านทั้งสองมีเจตจำนงที่จะสมรสกัน ขอให้ท่านจับมือขวาของกันและกัน และแสดงความสมัครใจต่อหน้าพระเจ้าและพระศาสนจักรของพระองค์"
สิ้นเสียงของบาทหลวง พัดจึงยื่นมือไปจับมือขวาของเรนเอาไว้ เขาน้ำตาคลอและกระชับมือหนาของอีกฝ่ายให้แน่นยิ่งขึ้น ส่งผ่านความรัก ความไว้ใจให้แก่กัน
"ผมนายเรวัต อรรถจิรานันท์ ขอรับคุณพลลภัตม์ ภัชรภิรมย์ เป็นภรรยา และขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและในยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่"
"ผมนายพลลภัตม์ ภัชรภิรมย์ ขอรับคุณเรวัต อรรถจิรานันท์ เป็นสามี และขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยาสุขและในยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่"
"ความสมัครใจที่ทั้งท่านสองได้แสดงต่อหน้าพระศาสนจักรนี้ ขอพระเจ้าทรงพระเมตตา ทำนุบำรุงให้เข้มแข็งและประทานพร แก่ท่านทั้งสองอย่างอุดมสมบูรณ์ สิ่งที่พระเจ้าได้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน มนุษย์อย่าได้แยกจากกันเลย"
"อาเมน"
เสียงปรบมือดังขึ้นก้องกังวานไปทั่วโบสถ์หลังใหญ่เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน มันเปี่ยมไปด้วยความยินดีและชื่นชม
แต่ใครจะคิดว่านั้นคือการเปิดฉากโรงละครชีวิตเรื่องใหญ่ ที่จะนำมาซึ่งความสูญเสีย
15 ปีผ่านไป
ไม่ได้ไวจนเกินไปและไม่ได้นานจนขาดใจ พวกเขามีครอบครัวที่สมบูรณ์เพียบพร้อมทั้งพ่อแม่และลูก
พัดและเรนมีลูกชาย 2 คนด้วยกัน คนโตอายุ 15 ปีกำลังขึ้นม.3 ส่วนคนเล็ก อายุไล่เลี่ยกันคือ 12 ปีกำลังเข้าม.1 ตามพี่ไปติดๆ วันนี้คือวันแรกของการเปิดภาคเรียนใหม่ของลูกๆ ทั้งสองคน พัดจึงต้องลุกมาเตรียมอาหารตั้งแต่เช้า
ที่จริงตลอดเวลา10กว่าปี เขาก็ทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว
"หอมจังครับ วันนี้แม่ทำอะไร"
"แกงจืดครับ น้องภาไปตามพี่ภีมมาทีสิครับ"
เขาตอบรับและสั่งลูกชายคนเล็กให้ไปตามพี่ชายตัวโตมาทานอาหารเช้า พลางตักแกงจืดที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายลงในถ้วยและเริ่มจัดโต๊ะอาหาร รอลูกชาย
"แม่! พี่ภีมตื่นสาย"
"ขี้ฟ้อง!"
เสียงทะเลาะกันดังแว่วมาเข้าหูของพัด เขาจึงลุกขึ้นเดินตามไปหาที่มาของเสียงบนบ้านชั้นสองห้องสุดท้าย
"มีอะไรกันครับ เอะอะอะไรกัน"
"พี่ภีมยังแต่งตัวไม่เสร็จเลยครับ ตื่นสายชัดๆ" คนตัวเล็กเท่าเอวของเขาได้ทีรีบฟ้องใหญ่ว่าพี่ชายตัวดีตื่นสายเป็นเหตุให้ตอนนี้ยังจัดการตัวเองไม่เรียบร้อย
"โอเคครับ น้องภาลงไปรอแม่ที่โต๊ะอาหารก่อนนะ"
"เอาให้หนักเลยนะแม่ แบร่" แลบลิ้นเยาะเย้ยคนพี่เสร็จเจ้าตัวเล็กของบ้านก็รีบแจ้นวิ่งลงไปรอยังชั้นล่างทันที ไม่วายโดนเขาตะโกนไล่หลังว่าให้ระวัง อย่าวิ่งซนเป็นลิงทโมนแบบนี้
"ภีมเสร็จหรือยัง"
"กำลังเสร็จกางเกง"
"สายตั้งแต่วันแรกไม่ดีเลยนะ"
"รู้แล้วน่าแม่" เด็กชายอายุ15ส่งเสียงตอบรับแบบขอไปที เขาไม่ได้สนใจอะไรมากอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่มีน้องเกิดมาแม่ก็แทบเข้มงวดและกดดันเขาในทุกๆเรื่อง เทอมที่แล้วเกรดเขาตกลงแค่ 0.5 แม่ก็งดให้เขาเล่นคอมและโทรศัพท์
เขารู้ว่าเขาต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเจ้าภา
แต่เขาก็ต้องการใช้ชีวิตในแบบที่เขาอยากใช้บ้าง
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในตอนเช้าเป็นไปอย่างเรียบง่ายและธรรมดา พวกเขารับประทานอาหารเช้าด้วยกันสามคน
เพราะคนที่เป็นเสาหลักของบ้านอย่างเรวัตไม่ได้อยู่บ้านมา 4 วันแล้ว
"ภีมน้องไปเข้าโรงเรียนเดียวกับเราแล้ว ทุกเย็นพาน้องกลับบ้านด้วยนะลูก"
"แม่ ไอ้เตี้ยมันกลับเองได้น่า"
"พี่อยากหนีแม่เที่ยวมากกว่าอะดิ"
"ไอ้เตี้ย!" ภีมพลสบถคำหยาบใส่ภาณิน น้องชายของตนเพราะมันบังอาจมารู้ทันความคิดของเขา
หลังจากนั้นก็เกิดสงครามย่อมๆ กันขึ้นบนโต๊ะอาหาร ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องคอยห้ามสงครามครั้งนี้
"พอกันเลยทั้งคู่"
"..."
"..."
"แม่ขอสั่งให้พาน้องกลับมาด้วยทุกเย็น ตามนี้นะครับ"
ภีมถอนหายใจด้วยความอารมณ์เสียที่ต้องคอยดูแลน้องชายที่น่ารำคาญคนนี้ ทั้งๆ ที่มันก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ดูอย่างเขาสิ ตอนขึ้นม.1 แม่ยังให้กลับบ้านเองได้เลย
"แล้วพ่อจะกลับมาวันไหนครับแม่ ภาคิดถึงพ่อแล้ว"
เด็กน้อยตัวเล็กไม่ได้สนใจพี่ชายของเขาอีกต่อไปแต่กล่าวไปถึงผู้เป็นบิดาของตนที่ไปถ่ายงานละครอยู่ต่างจังหวัดถึง 4 วัน 4 คืนด้วยกัน
"คุณพ่อจะกลับมาวันนี้ครับ"
"จริงเหรอครับ" เด็กน้อยถามด้วยความตื่นเต้น
"ครับ เดี๋ยวภาไปโรงเรียนกลับมาก็จะเจอคุณพ่อแล้วครับ"
"เย่ๆ" ได้ยินผู้เป็นแม่บอกแบบนั้นเขาก็ชูมือขึ้นกู่ร้องด้วยความดีใจที่จะได้พบหน้าบิดาอีกครั้ง
"รีบทานข้าวกันก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสายนะ"
"ครับ" เด็กน้อยตอบรับเสียงใสพลางรีบรับประทานอาหารก่อนที่จะไปโรงเรียนไม่ทัน
"ตั้งใจเรียนนะครับ ตอนเย็นรับน้องกลับด้วยนะภีม"
"ครับ"
พัดขับรถมาส่งลูกๆถึงหน้าโรงเรียนก่อนถึงเวลาเข้าแแถว เขาบอกลาลูกชายคนเล็กและหันไปกำชับกับลูกชายคนโตว่าเย็นนี้ต้องพาน้องกลับบ้านด้วยกัน ก่อนที่จะออกรถเพื่อที่จะไปซื้อของสดที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเอามาเตรียมไว้ทำอาหารตอนเย็นจะได้ไม่ต้องออกจากบ้านอีกให้เสียเวลา
ระหว่างที่กำลังเดินเลือกซื้อของเตรียมทำอาหารเย็นอยู่นั้น เขาก็คิดเมนูอาหารไปพลางๆ เพราะวันนี้จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง คนในครอบครัวของเขาแต่ละคนเลือกน้อยกันซะที่ไหน
เรนไม่กินกุ้งและอาหารทะเลอื่นๆ เพราะเขาแพ้
ภีมไม่ชอบบล็อคโคลี่เพราะกลิ่นของมัน
ภาไม่ชอบอาหารสจัดเพราะเขากินเผ็ดไม่ได้
เขาต้องเลือกเมนูให้ถูกปากทุกคนในบ้านมันทั้งยากและปวดหัว ตั้งแต่ที่เขาผันตัวออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวและไม่ได้รับงานแสดงอีกเลยตอนนี้ก็ 10กว่าปี มาแล้ว เขาไม่ปฏิเสธเลยว่าคิดถึงงานแสดงเอามากๆ แต่ถ้าเขาไม่ทำหน้าที่ดูแลทุกคนในบ้านเขาก็จะโดนครอบครัวฝั่งสามีตำหนิเอาได้ว่าบกพร่องในหน้าที่ภรรยา
เขาจึงตัดสินห่างจากวงการตั้งแต่ตั้งท้องภาณิน
"พัด"
"นิ่ม!?"
ระหว่างที่กำลังเลือกซื้อของอยู่นั้นเขาก็ถูกเสียงเล็กดึงความสนใจไปหาเจ้าตัว ผู้หญิงที่สูงพอๆกับเขา ผิวขาวสว่างและใส่แว่นกันแดด ร้องทักเขา เขาจำได้ทันทีเลยว่าเป็นเธอ
นิมานลดา ปัญสินภพ นางเอกสาวเพื่อนรักของเขาที่ไม่ได้เจอกันมานาน
"โอ้ยคิดถึงมากเลยเนี่ย"
"เหมือนกันนั่นแหละ" เขากอดตอบรับอ้อมแขนของเพื่อนสาวที่สนิทกันด้วยความโหยหา เพราะไม่ได้เจอกันนานเลยมีเรื่องให้คุยกันเป็นพิเศษ
พวกเขากำลังนั่งกันอยู่ที่ร้านกาแฟกลางห้างดังมีสายตามากมายสอดส่องมองมาที่พวกเรา
"คนมองเต็มเลย ดีใจนะเนี่ยได้มานั่งกินกาแฟกับนางเอกดัง"
"ในอดีตย่ะ ตอนนี้ 30 กว่าแล้วมั้ย"
"5555แต่ก็ยังสวยอยู่นะ"
"ปากหวาน" พวกเขาพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานเพราะอีกฝ่ายยังรับงานในวงการบันเทิงอยู่ทำให้ เวลาว่างของพวกเราไม่ตรงกันสักที
"แล้วนี่มาซื้อของไปทำกับข้าวเหรอ"
"ใช่ๆ วันนี้พ่อของพวกแสบจะกลับมาจากถ่ายงานน่ะ เลยมาซื้อของไปทำอาหาร"
"..."
"ไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันมา 4 วันแล้วนะ" ในขณะที่เขากำลังพูดถึงอาหารมื้อนี้ สายตาของเพื่อนสนิทก็เปลี่ยนไป
มันเหมือนไม่แน่ใจในอะไรบางอย่าง
"พัด"
"นิ่มมีอะไรหรือเปล่า"
"..." นิมานลดาใช้สมองคิดไตร่ตรองถึงเรื่องที่จะพูด ว่าสมควรหรือไม่
เธอไม่อยากก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวของเพื่อนสนิท
"ไม่มีๆ คิดถึงหลานจังไม่เจอนานแล้ว"
"โตขึ้นเยอะแล้วนะ สูงกว่าน้านิ่มแล้วมั้ง"
"ถ้าสูงกว่าฉัน ก็สูงกว่าเธอด้วยนั่นแหละย่ะ"
เธอเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาแล้วตัดสินไม่พูดถึงเรื่องของครอบครัวของพลลภัตม์
เพราะเธอไม่อยากเป็นคนไปยุแยงให้ครอบครัวเขาแตกกัน
บางทีเธออาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้
(ต่อ)
"แล้วนี่จะซื้ออะไรอีกไหม"
"ไม่แล้วล่ะ เราว่าจะกลับเลย" เขาซื้อของที่ต้องการครบหมดแล้วและกลัวว่าจะกลับไปไม่ทันสามีของเขากลับมาที่บ้านเลยตัดสินใจที่จะกลับทันที
"แหม่ๆ อยากรีบกลับไปหาพี่เรนล่ะสิ"
"ก็ใช่ แหะๆ" เขาตอบพลางยิ้มเอียงอาย เขาน่ะติดเรวัตมากยิ่งกว่าอะไร แค่ไม่ได้เจอกัน 4 วันก็แทบจะบ้าอยู่แล้ว
"งั้นแยกกันเลยก็ได้นะ" เขาพยักหน้าแล้วก็บอกลานิ่ม ก่อนที่จะเดินลงไปยังลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะขับรถกลับไปที่บ้าน
Rrrrrrrrrr
ระหว่างทางไปลานจอดรถ เครื่องมือสื่อสารทรงสี่เหลี่ยมในมือก็สั่นขึ้นมา ปรากฏเป็นเบอร์ของสามีที่เขาเฝ้ารอเป็นคนโทรเข้ามา
"ครับพี่เรน" เขากดรับสายพลางขานเรียกอีกฝ่าย
"ตอนนี้อยู่ไหนพี่กลับมาบ้านไม่เจอใครเลย" เสียงปลายสายติดเหนื่อยล้า
"ตอนนี้พัดอยู่ที่ห้างครับ กำลังจะกลับบ้านแล้ว พี่เรนอยากทานอะไรไหมครับ พัดจะได้ซื้อไปทำให้ทาน" เขาตอบรับอีกฝ่ายพลางถามด้วยความห่วงใย เสียงเรวัตติดเหนื่อยขนาดนั้นที่กองถ่ายละครคงถูกใช้งานอย่างหนักเป็นแน่
"ไม่ต้องหรอก พี่ง่วงมาก อยากพักมากกว่า"
"โอเคครับ พัดกำลังกลับไป" เขาอยากให้ปลายสายได้พักผ่อนจึงไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก จึงวางสายไป
เมื่อกลับมาถึงบ้าน พัดก็ตรงเอาวัตถุดิบทำอาหารเย็นสำหรับรับประทานทั้งครอบครัวไปเก็บในตู้เย็น และเดินเข้าไปคนที่เขารอเจอหน้ามาตลอดทั้ง 4 วัน ขาเรียวก้าวเข้าไปในห้องนอนชั้นสองที่อยู่ตรงข้ามห้องของลูกชายคนเล็กอย่างช้าๆ เขาเห็นร่างหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม หน้าตาครามคมกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนใหญ่
คิดถึง...คิดถึงเหลือเกิน
เขาจดจ้องดวงหน้าคมอยู่สักพักใหญ่ จึงก้มลงไปประทับริมฝีปากเข้ากับปากหนาของคนตัวสูง เขาคงเสพติดพี่เรวัตมากเกินไป อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากห่างไปไหนเลย เมื่อลักหลับคนที่นอนสลบอยู่จนพอใจแล้ว เขาจึงหันมาจัดการเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายถอดไว้อย่างลวกๆพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ทิ้งไว้ข้างเตียง
เขาเดินเสื้อเชิ้ตสีขาวที่นอนราบอยู่กับพื้นห้องขึ้นมาเพื่อออกไปใส่ตะกร้าผ้าให้เรียบร้อย แต่เขาก็เจอเข้าบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ มือเรียวล้วงลงไปหยิบมันขึ้นมา
ก้อนกระดาษที่ถูกขย้ำเอาไว้
พัดค่อยๆคลี่มันออกดูว่าเจ้ากระดาษใบนี้มันคืออะไร แต่คำตอบของคำถามที่อยู่ในใจทำให้เขาลืมหายใจ
ใบเสร็จค่าที่พัก...ลงวันที่รับเงินคือวันนี้
เขาสับสนไปหมด ทำไม? ถึงมีใบเสร็จค่าที่พักของโรงแรมในกรุงเทพอยู่ในกระเป๋าเสื้อของสามีเขา ทั้งๆ ที่เมื่อ 4 วันก่อนจนถึงเมื่อเช้าเรวัตควรเพิ่งกลับมาจากถ่ายงานที่ต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ
มือเรียวขย้ำใบเสร็จเก็บไว้ที่เดิมแล้วจึงเดินออกมาจากห้องนอน พัดต่อสายหาทีมงานในกองถ่ายที่เขารู้จักทันที
รอไม่นานปลายสายก็รับโทรศัพท์
"ฮัลโหลค่ะ พี่พัดมีอะไรเหรอคะ"
"ฟ้าพี่ถามอะไรหน่อยสิ ว่างไหม"
"ได้ค่ะ"
"กลับมาถึงกรุงเทพตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ" เขาตัดสินใจถามคำถามที่ค้างคาในใจออกไปแต่เขาก็กลัว
กลัวคำตอบที่มันจะเป็นแบบที่เขาคิด
"ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ พี่พัดมีอะไรหรือเปล่าคะ"
ใจของเขากระตุกวูบทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ มันชาขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงเส้นผม
"พี่พัดคะ"
"..." ทำไม
"พี่พัด"
"..." ทำไมเรวัตถึงไม่บอกเขา
"พี่พัดค่ะ!" เขาสะดุ้งหลุดจากภวังค์เมื่อโดนปลายสายร้องเรียกชื่อของเขาเสียงดังพร้อมถามว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า เขาตอบกลับไปว่าไม่มีอะไรและเอ่ยขอบใจอีกฝ่ายก็จะวางสายไป ตอนนี้เขาไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อไป ร่างกายเหมือนหมดแรง ได้แต่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ในห้องนั่งเล่น ใช้ความคิดไตร่ตรองถึงเหตุผลที่สามีของเขาไม่กลับบ้านทันทีที่กลับมาจากทำงาน
เรวัตโกหกเขา
เมื่อวานเรวัตไม่กลับบ้าน
เรวัตไปนอนโรงแรม
เรวัตมีคนอื่น?
คิดมาถึงตรงนี้ อยู่ๆ ใจของเขาก็ปวดหนึบขึ้นมาทันที คนที่เขารักและไว้ใจจะกล้าหักหลังเขาขนาดนี้เลยเหรอ เขาพยายามหาเหตุผลต่างๆ มาลบล้างความคิดนี้ออกไปจากหัวแต่ก็ไม่มีอะไรมาลบมันไปได้เลย
"แม่!" แรงเขย่าที่รุนแรงปลุกสติเขาให้ตื่นจากความคิด ภาณินยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใช้สองแขนจับที่ไหล่ของเขาและส่งสายตาสงสัยมาให้
"แม่เป็นอะไร ภาเรียกตั้งนานทำไมไม่ตอบ" ภาณินเอ่ยถามมารดาออกไป เขาและพี่ชายกลับมาถึงบ้านเมื่อกี้นี้ แต่เห็นแม่นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าโทรทัศน์ เขาทั้งเรียกทั้งตะโกนแต่แม่ก็ไม่ได้สนใจเขาเลย
"แม่คิดอะไรเพลินๆ น่ะลูก" พัดเอ่ยตอบลูกชายตัวน้อยพลางดึงเจ้าลูกชายเข้ามาหอมแก้มทั้งสองข้าง
"ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะครับ?"
"ไม่เร็วนะครับตอนนี้ 16.30 แล้วนะ"
พัดตกใจนิดหน่อยที่ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว เขานั่งจมอยู่ในความคิดมาตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้
เขาเอ่ยไปบอกให้ลูกไปทำการบ้านพักผ่อน ส่วนตัวเขาก็แยกไปเตรียมอาหารเย็นสำหรับวันนี้
"ภาลูก...ไปตามคุณพ่อกับพี่ภีมมาทานข้าวหน่อยครับ"
"ได้ครับ" เด็กชายละความสนใจจากการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ที่กำลังทำอยู่ ลุกขึ้นเดินไปชั้นสองเพื่อไปเรียกพ่อและพี่ชายลงมารับประทานอาหารพร้อมหน้ากัน
"ภาคิดถึงพ่อมากเลย"
"อ้อนเอาอะไรอีกล่ะเราน่ะ ฮ่ะๆๆๆ" เรวัตพูดพลางหัวเราะมองเด็กตัวเล็กเกาะแขนแล้วเอาแก้มมาถูบริเวณไหล่ของเขา เรียกสายตาเอ็นดูจากเขาได้เป็นอย่างดี
"ไม่อยากได้อะไรสักหน่อย"
"ใช่เหรอครับ อีกสามวัน วันเกิดใครน้า" เรวัตเอ่ยกระเซ้าลูกชายคนเล็กบนโต๊ะอาหารเรียกหน้ามุ้ยของเด็กชายตัวน้อย
"ภาแค่อยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ก็พอแล้วครับ ไม่ได้อยู่ด้วยกันหลายปีแล้ว"
พัดคิดตามที่ภาณินพูดสองสามปีมานี้ สามีเขาทำงานหนักมากๆแทบไม่มีเวลาให้ลูกเลยในวันเกิดจนทำให้เจ้าตัวเล็กน้อยใจอยู่หลายครั้ง
"แล้วพี่ล่ะไม่อยากอยู่ด้วยหรือไง"
"ใครจะไปอยากอยู่กับพี่ภีมกัน แหวะ" เรวัตมองพี่น้องทะเลาะกันแล้วก็นึกเอ็นดู แต่สายตาของเขาก็ไปตกยังร่างบางที่นั่งอยู่ตรงข้าม พลลภัตม์นั่งเหม่อลอย
เหมือนในหัวกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ตลอด
"พัด"
"..."
"พัด"
"คะ ครับ" เขาสะดุ้งที่จากความคิดเงยหน้ามองเรวัตที่ร้องเรียกเขา
"เป็นอะไร"
"เปล่าครับ" พัดส่งยิ้มให้อีกคนแล้วลงมือรับประทานอาหารต่อ พยายามไม่คิดถึงเรื่องที่พบเจอมาวันนี้ ไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ
เมื่อทานอาหารเสร็จสามคนพ่อลูกก็แยกย้ายกันเข้าห้องไปแล้วเรียบร้อย เหลือเพียงพัดที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะอาหารและล้างจานช้อนส้อมอยู่ในครัว ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ เขาแขวนผ้ากันเปื้อนไว้กับราวก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของตนเอง
มือเรียวเปิดประตูเข้ามาในห้องแต่กลับไม่เจอร่างของสามีที่เขารัก หูของเขาพลันได้ยินเสียงน้ำที่ดังมาจากห้องอาบน้ำทำให้เขารู้ว่า เรวัตกำลังชำระล้างร่างกายอยู่ในนั้น เขาเดินมานั่งลงที่ปลายเตียงพลันเหตุการณ์เมื่อตอนเที่ยงก็วิ่งเข้ามาในหัวของเขา เขาที่คิดทบทวนอย่างดีแล้ว ไม่มีวิธีไหนจะดีไปกว่าการถามออกไปตรงๆ
บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิด
Rrrrrr
เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงดังขึ้น
แต่มันไม่ใช่ของเขา...
สมองของเขาเกิดการประมวลผลขึ้นมาว่าในโทรศัพท์ของเรวัตมันต้องมีบางอย่าง บางอย่างที่ตอบความสงสัยในใจของเขาได้ มือเรียวยาวเอื้อมไปคว้าเครื่องมือสื่อสารสี่เหลี่ยมของสามีแล้วเปิดหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมา แสงสว่างของหน้าจอโทรศัพท์ทำให้เขาเห็นอะไรบางอย่าง
มีแจ้งเตือนข้อความเข้าล่าสุด
แต่โทรศัพท์ของสามีเขาดันต้องใส่รหัสผ่าน
สมองของเขาพยายามนึกว่าเรวัตจะตั้งรหัสอะไร
วันเกิดเจ้าตัว...ไม่ใช่
วันเกิดเขา...ไม่ใช่
วันครบรอบ...ไม่ใช่
วะ....
"คุณทำอะไร" พัดที่สนใจแต่โทรศัพท์ของสามีจนไม่ได้ยินเสียงปิดน้ำและเสียงเปิดประตูห้องน้ำเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้เรวัตกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำพลางจ้องมาที่เขา
...
- TBC -
ยัยนิ่มไปรู้ไรมาาา ทำไมไม่บอก!
ติชมให้ด้วยนะครับ อยากอ่านเมนท์ทุกคนนะ
จะได้มีกำลังใจ ฝากพูดคุยติดแท็ก #เกมนอกใจ ในทวิตด้วยนะครับ