บทที่ 31
พิษผงกระดูกปีศาจกระดูกขาว
ตอนที่ 5 เล่ม 2 (P.5 13/9/58)
จิวชงหยวนก้าวลงจากเรือด้วยความตื่นเต้นหลังจากนั่งตากแดดบนเรือมานานกว่าสามชั่วยามจนกระทั่งถึงชายฝั่งของเมืองฝูเจี้ยน การค้าแถวนี้ต่างครึกครื้นไม่ต่างจากแผ่นดินใหญ่ ร่างโปร่งบางในอาภรณ์สีทองดูมีสง่าราศี ด้านหลังคือลู่เฟยซึ่งในวันนี้อยู่ในชุดสีเขียวใบไม้แก่ ลักษณะทวงท่าเหมือนคุณชายพลัดถิ่นเนื่องจากครั้งนี้เจ้าตัวไม่ได้มีกระบี่ติดตัวมาด้วย
"เจ้าจะไปที่ใดก่อน" ลู่เฟยเอ่ยถามพร้อมก้มหน้ามามอง จิวชงหยวนเหลือบตามองเล็กน้อยแล้วตอบกลับเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน
"ข้าได้ยินว่าแคว้นฝูเจี้ยนมีช่างทำกระบี่ที่ยอดเยี่ยมมาก ข้าเลยอยากให้เขาสร้างกระบี่ให้เจ้าสักเล่มแทนของเก่าที่หักไป"
"อืม" ลู่เฟยตอบรับสั้นๆ จิวชงหยวนหันไปมองคนเงียบแล้วยกยิ้มบาง
"เจ้าไม่ดีใจหน่อยหรือ นี่ข้าพาเจ้ามาสร้างกระบี่เป็นอันดับแรกเชียวนะ" คำถามของจิวชงหยวนทำใหลู่เฟยยกยิ้มบางยกมือลูบศีรษะคนตัวเล็กกว่าอย่างรักใคร่
"สิ่งใดที่เจ้าตั้งใจให้ข้า ข้าย่อมดีใจอยู่แล้ว" จิวชงหยวนหน้าแดงระเรื่ออย่างเก้อเขินรู้สึกว่าช่วงนี้ลู่เฟยจะรุกเขาหนักขึ้นทุกวัน ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินนำหน้าไปโดยมีเสียงหัวเราะในลำคอของคนขี้แกล้งตามหลังมาแว่วๆ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อคิดได้ว่าเขายังไม่รู้ว่าช่างกระบี่อยู่ที่ใด
"ท่านลุง ท่านพอจะทราบช่างกระบี่ชื่อดังเฟิงอวี้ไหมขอรับ" จิวชงหยวนเดินเข้าไปถามพ่อค้าซึ่งขายตะกร้าสานซึ่งอยู่ใกล้เขาที่สุดในเวลานี้
"หืม คุณชายอยากพบช่างตีกระบี่หรอกหรือ เวลานี้เฟิงอวี้ป่วยหนักมาหลายเดือนแล้วจึงหยุดตีกระบี่ไป แต่หากคุณชายอยากพบให้เดินไปทางนั้นแล้วเลี้ยวขวา เดินไปจะเจอสะพานแม่น้ำสายเล็กแล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกทีก็ถึงบ้านของช่างเฟิงอี้แล้ว" จิวชงหยวนพยักหน้ารับและพยายามทำความเข้าใจกับเส้นทางดังกล่าว
"ขอบคุณมากขอรับท่านลุง" จิวชงหยวนกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินไปตามเส้นทางตามที่บอก ทั้งคู่เดินออกนอกหมู่บ้านจนกระทั่งมาเจอบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งซึ่งดูเงียบๆ
ก๊อกๆๆ
จิวชงหยวนเคาะประตูหน้าบ้านหลังใหญ่อย่างมีมารยาท เพียงไม่นานหญิงวัยกลางคนก็เดินออกมาเปิดประตู นางเลิกคิ้วมองพวกเขาอย่างสงสัย
“ท่านมีกิจอันใดกับบ้านข้าหรือ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามดวงตาฉายแววงุนงงเล็กน้อย อาจเพราะนานมากแล้วที่ไม่มีคนมาเคาะประตูหน้าบ้าน
“ข้าเป็นหมอขอรับท่านป้า ข้าได้ยินมาว่าท่านเฟิงอวี้ไม่สบายและเลิกตีกระบี่มานานหลายเดือนแล้ว ข้าจึงอยากมาดูอาการเสียหน่อยขอรับ” จิวชงหยวนยกมือคารวะเล็กน้อยพร้อมกล่าวคำแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มบาง
“พวกท่านกลับไปซะเถอะ ข้าไม่มีเงินจ่ายหรอก” คำประเสธอย่างไร้เยื้อใย ทำให้จิวชงหยวนชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ท่านป้า ข้ามาช่วยรักษาไม่ได้หวังเงินทองของท่านหรอกขอรับ" จิวชงหยวนบอกด้วยรอยยิ้มบาง ทว่าท่านป้ากลับมองอย่างหวาดระแวง
"ใครๆ ก็บอกข้าเช่นนี้ แต่พอเข้าไปกลับรักษาไม่ได้และยังมาเรียกร้องค่าเสียเวลา แบบนี้ข้าจะไว้ใจพวกท่านได้อย่างไร" น้ำเสียงคลางแคลงใจของท่านป้าทำให้จิวชงหยวนหันไปปรึกษากับลู่เฟย
"ท่านป้าจิวชงหยวนปรารถนาที่จะช่วยรักษาเฟิงอวี้โดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน เพียงแต่หากจิวชงหยวนรักษาเฟิงอวี้ได้แล้วข้าแค่อยากให้ตีกระบี่ให้สักเล่ม" ลู่เฟยหันไปบอกตามความเป็นจริง ทว่าคำพูดนั้นกลับทำให้ท่านป้ามีสีหน้าเบื่อหน่ายออกมา
"เอาเถอะ ใครๆ ก็อ้างตนเป็นหมอเทวดาจิวชงหยวนทั้งนั้น หากจะเพิ่มพวกท่านอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แต่ขอบอกก่อนว่าข้าไม่มีเงินให้พวกท่านสักแดงเดียวหรอกนะ” จิวชงหยวนถึงกลับยิ้มแห้ง เพราะชื่อเขามันโหลไปแล้วจริงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ตามคำเชื้อเชิญที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก
ท่านป้าพาเดินลัดเลาะสวนไผ่ที่แห้งแล้งเพราะขาดการเอาใจใส่ อาจเป็นเพราะไม่มีคนมาดูแลแล้ว สภาพบ้านอาจดูใหญ่โตแต่กลับดูวังเวงร้างไร้ผู้คน ทั้งคู่เดินไปจนถึงด้านหลังของบ้านก่อนจะมาหยุดที่ห้องใหญ่ห้องหนึ่ง ท่านป้าเปิดประตูพร้อมให้พวกเขาเข้าไป
จิวชงหยวนมองรอบห้องที่ข้าวของเครื่องใช้ถูกนำไปขายหมดแล้วเหลือเพียงร่องรอยเก่าๆ เท่านั้น บนเตียงนอนมีร่างผอมโซของชายหนุ่มผู้หนึ่งนอนอยู่พร้อมเสียงไอค๊อกแค่ก ใบหน้าผอมแห้งที่หันมาดวงตาลึกโบ๋ดูน่ากลัว ทว่ายังดูออกว่ายังหนุ่ม เขาเลิกขึ้นมองอย่างแปลกใจเพราะช่างเฟิงอี้ที่ได้ยินมาไม่คิดว่ายังอยู่ในวัยหนุ่ม เขาคิดว่าจะแก่มากกว่านี้เสียอีก
"ท่านเฟิงอวี้ข้าพาหมอมาดูอาการท่าน" ท่านป้าบอกคนที่นอนอยู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ท่านป้า ให้กลับไปเถอะข้าไม่มีเงินรักษาหรอก" จิวชงหยวนเดินเข้าไปใกล้ ก้มมองคนป่วยอย่างฉงนเพราะไม่เคยเจอใครอาการเช่นนี้มาก่อน เสียงหัวใจเต้นช้าเร็วตามปกติของคนป่วยธรรมดาแต่จากที่เห็นสภาพกลับไม่เป็นธรรมดาอย่างที่คิด
"ข้าไม่ได้หวังเงินทองจากท่าน สบายใจเถอะ" จิวชงหยวนบอกคนป่วย ก่อนจะขยับไปใกล้ร่างที่นอนโทรมมากขึ้นอีก ลู่เฟยเลิกคิ้วมองอย่างไม่ค่อยชอบใจนักแต่ก็ยืนกอดอกมองจิวชงหยวนตรวจรักษาอาการคนป่วยตรงหน้า จิวชงหยวนจับชีพจรของอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด รู้สึกว่าตัวเองกำลังเจอเรื่องประหลาด
“ท่านมีอาการเช่นไรบ้าง” จิวชงหยวนเอ่ยถามคนป่วยขณะมือยังจับชีพจร เฟิงอวี้เหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีเพราะใบหน้าที่งดงามนั้นทำให้ใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“อยู่ๆ ข้าก็ไร้เรี่ยวแรงและผอมลงทุกวัน ไม่ว่าจะกินข้าวปลาอาหารอย่างไรก็ไม่เป็นผลมิหน้ำซ้ำข้ายังรู้สึกหิวตลอดเวลา” จิวชงหยวนเลิกคิ้วมองอย่างฉงนสงสัยเพราะอาการที่เล่ามานั้นนับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่พบเจอ หรือว่าจะมีปีศาจ แม้จะยังไม่เคยเจอแต่มีเทพเซียนไฉนเลยจะไม่มีสิ่งเหล่านี้
“ก่อนหน้าท่านจะเจ็บป่วย ท่านไปทำสิ่งใดมาหรือ”
“ข้าจำไม่ได้หรอก ข้าป่วยมาหลายเดือนแล้วและไม่ได้ลุกออกจากเตียงมานานกว่าหกเดือนแล้ว” คำตอบที่ได้รับยิ่งทำให้รู้สึกยากต่อการรักษา จิวชงหยวนหันหน้าไปมองลู่เฟยที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตูมองเขานิ่งๆ เช่นกัน
“ตอนนี้ข้าเป็นมนุษย์” ลู่เฟยกล่าวออกมานิ่งๆ เหมือนจะรู้ว่าจิวชงหยวนจะถามอะไร เขาส่งยิ้มแห้งๆ เหมือนคิดได้ในข้อนี้ ก่อนจะหันกลับมามองคนไข้อีกครั้ง
“ท่านมีคนรักหรือไม่”
“เจ้าถามทำไม ข้าไม่มีหรอก” เสียงแหบแห้งที่ตอบกลับมา ท่านป้าจึงรินน้ำชามาให้จิบก่อนจะถอยไปยืนอยู่ห่างๆ เงียบ นั่นทำให้จิวชงหยวนรู้ว่าท่านป้าเป็นเพียงคนรับใช้ที่ภักดีเท่านั้น และที่เขาเอ่ยถามเช่นนั้นเพราะกลัวว่าจะเป็นโรคใจและตรอมใจที่คนรักจากไป
“พวกท่านออกไปก่อนได้ไหม” จิวชงหยวนหันไปขอร้องทั้งคู่ที่ยืนมองเขาอยู่ ความจริงอยากตรวจร่างกายละเอียดมากกว่านี้ แต่ถูกจ้องนานๆ จากสองคนก็ทำให้ไม่มีสมาธิเหมือนกัน แม้จะเคยชินแต่ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าคนป่วยจริงๆ และกลัวว่าลู่เฟยจะทำเสียเรื่อง
“ข้าเชื่อใจเจ้า” ลู่เฟยตอบรับพร้อมเดินจากไป ทว่าคำกล่าวนั้นทำให้เขานิ่งอึ้งไป รู้สึกคิ้วกระตุกอย่างไรชอบกล นี่ขนาดคนป่วยผอมแห้งจนไม่มีแรงลุกขึ้นยังมีหน้ามาหึงเขาอีก
“ท่านป้าออกไปก่อนเถอะ” เสียงของเฟิงอวี้บอกท่านป้า ซึ่งเงยหน้าสบตาเขาครู่หนึ่งก่อนจะยินยอมออกไป จิวชงหยวนก้มมองคนป่วยที่ไม่มีแรงลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมจับชีพจรช่วงลำคอไปด้วย
“ข้าอยากให้ท่านถอดเสื้อเพื่อตรวจดูรายละเอียดมากกว่านี้” จิวชงหยวนบอกคนไข้ที่หน้าและใบหูแดงก่ำแม้จะผอมโซขนาดไหนแต่ก็ยังมองเห็นได้ชัด อีกอย่างตอนนี้เจ้าตัวขาวซีดไปทั้งตัว มือที่เคยหยาบกร้านเพราะตีกระบี่เริ่มจางหายไป
“คือข้าไม่มีแรงถอด” เสียงที่ตอบรับมาแผ่วเบาใบหน้าแดงระเรื่อ จิวชงหยวนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะช่วยถอดเสื้อผ้าออกให้จนหมด สายตากวาดมองตามร่างอย่างพินิจทว่าตอนนี้คนป่วยหลับตาปี่ไปแล้ว เขามองตามอย่างขำๆ มือเรียวจับดูชีพจรตามจุดร่างกาย
“พิษกระดูกปีศาจผงขาวหรือ” จิวชงหยวนพึมพำเมื่อเห็นช่วงขาอ่อนมีรูปกระดูกสีขาวแต้มอยู่ หากไม่ถอดเสื้อผ้าจะไม่มีทางเห็นเป็นอันขาด
“มันคือสิ่งใด” เฟิงอวี้ลืมตาขึ้นมาถามหลงลืมความอายไปชั่วขณะ แม้จะรู้สึกปั่นป่วนช่องท้องแปลกๆ ก็ตาม
“มันคือผงกระดูกของปีศาจกระดูกขาว เจ้าจำไม่ได้หรือว่าก่อนหน้านี้ไปทำอะไรมา” จิวชงหยวนจับตามร่างกายและกดตามจุดต่างดูความเสียหายภายในร่าง ซึ่งดูแล้วเสียหายไปไม่น้อย ร่างกายจะไม่เจ็บแต่จะมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นเพราะเรี่ยวแรงจะหายไปและยังหิวโหยตลอดเวลา
“ข้าจำอะไรไม่ได้เลย แต่ท่านหมอข้ามีโอกาสจะหายหรือไม่” น้ำเสียงและดวงตาที่หม่นแสงมีแววความหวังออกมา จิวชงหยวนยิ้มให้บางๆ
“วิธีรักษาข้าพอมีแต่คงต้องใช้เวลาหน่อยเพราะผงกระดูกขาวเป็นของปีศาจจึงยากต่อการรักษา เจ้าไม่ได้ลองกินน้ำมนต์ที่วัดดูหรอกหรือ”
“ข้าลองมาหมดแล้ว แต่ไม่ได้ผล” คำตอบที่ได้รับทำให้จิวชงหยวนพยักหน้ารับ อาจเป็นเพราะเจ้าของผงกระดูกนี้มีอายุมานานหลายร้อยปี จิวชงหยวนดึงเสื้อมาปกปิดส่วนสำคัญของร่างกายไว้ ก่อนจะหันมาบอกคนไข้ที่จ้องมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“เดี๋ยวข้าจะจดของบางอย่างที่ต้องใช้ให้คนของข้าออกไปซื้อหา จากนั้นข้าจะมาฝังเข็มให้เจ้าก่อน” จิวชงหยวนบอกคนไข้ก่อนจะลุกเดินออกไปด้านนอก เพียงแค่ประตูเปิดสองคนที่ยืนรออยู่ข้างนอกก็หันมามองทันที
“เป็นเช่นไรบ้าง” ลู่เฟยเดินเข้ามาหา จิวชงหยวนยิ้มให้บางก่อนจะหยิบกระดาษเขียนใบสั่งยาให้ลู่เฟยไปหาซื้อมาให้
“เฟินอวี้เป็นอะไร ทำไมต้องใช้พวกแมงป่อง งูเจ็ดสี และตะขาบด้วย” ลู่เฟยเอ่ยถามขณะอ่านใบสั่งซื้อของ
“พิษผงกระดูกของปีศาจกระดูกขาว ข้าจึงอยากได้พวกนี้มาต้มผสมกับยาที่ข้ามี เจ้าก็น่าจะรู้ว่าสมุนไพรจากหุบเขาแห่งเซียนที่ข้าเอามาเริ่มหมดแล้ว และที่ข้ามีตอนนี้ไม่พอจะรักษารายการพวกนั้นจะช่วยข้าได้อีกแรง
“ยาลูกกลอนเจ้าก็ไม่แหลือหรือ”
“ยาพวกนั้นใช้ไม่ได้ผลกับพิษของปีศาจหรอก ข้าเคยอ่านเจอแต่ข้าไม่ได้ปรุงเป็นเม็ดไว้เพราะใช่ว่าจะมีคนเจอง่ายๆ และนี่แสดงว่าเฟิงอวี้ดวงตกสุดๆ ถึงมาเจอพิษชนิดนี้ได้” ลู่เฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พร้อมยกมือขยี้หัวของจิวชงหยวนอย่างรักใคร่ ก่อนจะทะยานออกไปด้วยความเร็ว
“ท่านหมอท่านรักษาท่านเฟิงอวี้ได้จริงหรือเจ้าคะ” ท่านป้าเดินเข้ามาจับมือจิวชงหยวนด้วยความตื้นตัน จิวชงหยวนยิ้มให้บางๆ
“ขอรับท่านป้า แต่คงต้องใช้เวลาสักหน่อยขอรับ แต่ข้าอยากให้ท่านป้าปิดเรื่องนี้เป็นความลับจนกว่าข้าจะไปจากเมืองนี้นะขอรับ”
“เจ้าค่ะ ข้าจะทำตามที่ท่านหมอต้องการเพียงแค่ท่านเฟิงอวี้หายก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ”
“ท่านป้าพอจะทราบไหมขอรับว่าท่านเฟิงอวี้ไปทำอะไรมาก่อนที่จะป่วยหนัก” จิวชงหยวนเอ่ยถามที่ทำให้ท่านป้ามีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย
“เมื่อหนึ่งปีก่อนมีคนของพรรคหมื่นพิษมาให้ท่านเฟิงอวี้ตีกระปีที่ทำมาจากเหล็กไหลพันปีให้ แต่หลังจากทำเสร็จได้หนึ่งเดือนท่านเฟิงอวี้ก็ล้มป่วยลง ข้าไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของพรรคหมื่นพิษหรือไม่เจ้าค่ะ แต่คนที่มารักษาล้วนมีแต่หลอกลวงจนทุกวันนี้ข้าไม่รู้แล้วว่าผู้ใดคือหมอจริงและผู้ใดคือหมอปลอมกันแน่ ข้าวของเครื่องใช้ถูกนำไปขายเพื่อมารักษาแต่ก็ไม่อาจรักษาได้ บ่าวไพร่ก็พากันหนีหายไปหมดเจ้าค่ะ ท่านเฟิงอวี้น่าสงสารมาก บิดามารดาก็ตายจากเหลือทิ้งไว้แค่วิชาความรู้และที่ดินผืนนี้เท่านั้นเจ้าค่ะ ท่าหมอโปรดเมตตาท่านเฟิงอวี้ด้วยเจ้าค่ะ” จิวชงหยวนพยักหน้าเข้าใจกับคำบอกเล่าที่ยาวเหยียดและเป็นครั้งแรกที่ท่านป้าผู้นี้พูดคุยกับเขายาวขนาดนี้ ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อยกับคำอ้อนวอน
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านป้าไปเตรียมหม้อดินไว้ให้ข้าต้มยาเถอะ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปฝังเข็มให้ท่านเฟิงอวี้ก่อน” จิวชงหยวนบอกพร้อมเดินกลับเข้ามาหาคนป่วยอีกครั้ง มือเรียวหยิบถุงย่ามและเข็มที่ใส่กล่องปิดคาถาไว้อย่างซึ่งเป็นของที่อาจารย์ให้มา เขาท่องคาถาภายในใจพร้อมกล่องเปิดออกมาให้เห็นเข็มเงินเรียงรายเป็นพันเล่มอย่างมีระเบียบ ทว่าทุกอย่างอยู่ในสายตาเฟิงอวี้ตลอดเวลา
“ท่านเป็นหมอเทวดาจิวชงหยวนหรอกหรือ” น้ำเสียงอ่อนแรงที่เอ่ยถามทำให้จิวชงหยวนเงยหน้าหันไปมองแล้วยิ้มบางให้
“จะว่าเช่นนั้นก็ได้ แต่ท่านเรียกข้าว่าหมอจิวก็พอ” จิวชงหยวนบอกพร้อมเดินเข้ามาหาก่อนจะเริ่มจับชีพจรต่างๆ ตามร่างกายอีกครั้ง
“ท่านนอนหลับตานิ่งๆ เถอะอีกครึ่งชั่วยามกว่าข้าจะถอดเข็มให้ท่านได้” จิวชงหยวนมองคนลืมตาหน้าแดงด้วยความอายอีกครั้งหลังจากที่เขาเลิกผ้าที่ปิดของสงวนออก เมื่อเห็นคนไข้หลับตาลงอย่างว่าง่ายจึงเริ่มฝังเข็มทันที เริ่มจากจุดหย่งจงใต้จมูก จุดซูหลิน ข้างจมูกและตามมาด้วยจุดเทียนถังตรงหน้าผากและตามด้วยอีกหนึ่งร้อยแปดจุดตามชีพจรของเส้นเลือดที่จะช่วยขับพิษออกมาได้ สองมือลงมืออย่างคล่องแคล่วว่องไวเพียงไม่นานก็ครบหนึ่งร้อยแปดจุด
จิวชงหยวนถอยออกมานั่งมองอยู่ห่างๆ รอดูผลการเปลี่ยนแปลง ก่อนจะหยิบสมุนไพรฟื้นฟูลมปราณและยารักษาพวกปอด ตับไตที่เสียหายมาเตรียมไว้อีกขั้นหนึ่ง ยาที่เขาเตรียมไว้นี้ไม่ได้วิเศษอะไรมากมายแต่ในเมื่อเขาเป็นคนปรุงจึงทำให้มีคุณสมบัติพิเศษขึ้นกว่าคนทั่วไปเท่านั้นเอง
“ผ่านไปครึ่งชั่วยามจิวชงหยวนจึงดึงเข็มออกอย่างคล่องแคล่ว เมื่อดึงเข็มออกจนหมดแล้วจึงยื่นเม็ดยาฟื้นฟูกำลังภายในให้กินอีกหนึ่งเม็ดตามด้วยยารักษาอวัยวะภายในอีกสองเม็ด ร่างผอมโซพยายามลุกขึ้นกินยาจิวชงหยวนจึงช่วยพยุงนั่งพิงหมอนอิงใบใหญ่พร้อมรินน้ำเปล่าให้
และเวลาต่อมาลู่เฟยก็มาปรากฏตัวพร้อมรายการที่สั่ง จิวชงหยวนจึงปล่อยให้คนป่วยพักผ่อน จากนั้นจึงไปห้องครัวเพื่อปรุงยาแก้พิษผงกระดูกขาวโดยเฉพาะ โดยมีลู่เฟยค่อยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆ ส่วนท่านป้าหลังจากที่แนะนำส่วนต่างๆ ภายในบ้านเสร็จแล้วจึงไปคอยดูแลอาบน้ำเปลี่ยนชุดในเฟิงอวี้
จิวชงหยวนหลังจากต้มยาสูตรของตัวเองให้เฟิงอวี้กินพร้อมฝังเข็มทุกวันเป็นเวลากว่าสามวันที่เขาหมกตัวอยู่กับคนไข้จนอาการดีขึ้นลุกนั่งเองได้แล้วและเดินได้บ้างแต่ไม่ไกลมากนัก แม้ที่นี่จะดูวุ่นวายทว่าภายนอกไม่มีคนรับรู้เลยว่าช่างตีกระบี่เฟิงอวี้ได้หายจากอาการป่วยแล้ว เหลือเพียงกินอาหารให้ครบมื้อและอาหารบำรุงร่างกายเท่านั้นก็กลับมาหายดีได้เช่นเดิมแล้ว
“ท่านจะออกเดินทางแล้วจริงๆ หรือ” เฟิงอวี้เอ่ยถามด้วยความเศร้าใจ มองคนที่ช่วยชีวิตตัวเองด้วยความรักและเทิดทูนแต่น่าเสียดายที่ท่านหมอเทวดาผู้นี้มีคนรักแล้วเพราะจากที่สังเกตมาตลอดสามวันที่อยู่ด้วยกัน คนที่ชื่อลู่เฟยจะดูแลและห่วงใยอีกทั้งหึงออกบ่อยๆ
“อืม ข้าอยู่ไหนนานๆ ไม่ได้หรอก แต่เจ้าเองก็อย่าลืมกินยาตามที่ข้าสั่งและอาหารบำรุงร่างกายให้มากๆ ส่วนกระบี่ข้าจะกลับมาเอาอีกครั้งหลังจากที่เจ้าสร้างมันได้” จิวชงหยวนบอกด้วยรอยยิ้มตอนนี้พวกเขายืนอยู่หน้าห้องของเฟิงอวี้เพราะเจ้าตัวยังเดินเหินยังไม่คล่องเพราะเรี่ยวแรงเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน
“ขอรับข้าจะไม่ลืม และข้าจะจะพยายามสร้างกระบี่ให้ท่านอย่างสุดความสามารถ” จิวชงหยวนพยักหน้ารับแล้วบอกด้วยรอยยิ้ม
“คนที่เจ้าจะสร้างกระบี่ให้คือลู่เฟย ไม่ใช่ข้าหรอก” เฟิงอวี้ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆ ตอบรับอย่างเข้าใจ
“รักษาตัวด้วย” ลู่เฟยที่เงียบมาตลอดสามวันบอกสั้นๆ แล้วจูงมือคนงามเพื่อออกเดินทางต่อไป โดยเฟิงอวี้มองตามด้วยรอยยิ้มเศร้า มีวาสนาที่ได้พบเจอแต่กลับไร้วาสนาที่จะได้ติดตาม
“ท่านเฟิงอวี้กลับไปพักผ่อนเถอะนะเจ้าคะ หากท่านหายดีเดี๋ยวท่านหมอจิวกับท่านลู่เฟยต้องกลับมาหาท่านแน่นอนเจ้าค่ะ” เสียงปลอบใจคนที่อยู่เคียงข้างและดูแลตนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้เฟิงอวี้ยิ้มบางก่อนจะเดินไปสวมกอดร่างอ้วนท้วมของท่านป้าเอาไว้ด้วยความรักและเทิดทูน
“ข้าทราบท่านป้า แต่ข้าแค่อยากให้ท่านหมอเทวดาผู้นั้นอยู่ด้วยนานกว่านี้สักหน่อย แม้จะไม่มีวาสนาได้ติดตามแต่ข้าจะรอท่านหมอจิวกลับมารับกระบี่จากข้าอีกครั้ง” เฟิงอวี้พึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินตามแรงพยุงของท่านป้าเข้าไปในห้องนอน พักผ่อนมากๆ ตามคำสั่งเพื่อจะได้หายเร็วยิ่งขึ้น เมื่อนั้นหวังว่าหมอจิวจะกลับมาเยี่ยมเขาอีกสักครั้งในเร็ววัน...
ขอบคุณทุกคอมเมนท์มากเลยนะคะ