วันที่ 26/4
“นี่การ์ด ไม่ต้องขนาดนั้นเพราะพี่ก็คงไม่เปิดรับสมัครอยู่แล้ว ไม่ต้องถอนตัวให้มันยุ่งยากหรอก”คนอื่นๆ พากันขำๆ กับท่าทีของไอ้การ์ด
“เค้าคุยเรื่องอะไรกันเหรอ”ไอ้เชษฐ์คงทนไม่ไหวเลยต้องมากระซิบถามผม
“อยากมาช้าเองก็ไม่ต้องรู้หรอก”ผมบอกอย่างนึกหมั่นไส้ สงสัยมัวแต่กลับไปง้องอนคืนดีกับแหม๋วมาแน่ๆเลย ว่าแต่แล้วผมจะไปมีสิทธิ์ว่าอะไรมัน
“คบกันมานานหรือยัง”อยู่ๆ พ่อที่เงียบอยู่ตั้งนานก็หันมาพูดขึ้นพร้อมจ้องมองผมกับไอ้เชษฐ์ เห็นเงียบๆ นี่ออกมาแต่ละคำแทบกระอักเลยนะครับคุณพ่อ นี่จะไม่อ้อมค้อมหน่อยเหรอครับ อีกอย่างคำว่าคบกันนี่ ผมกับไอ้เชษฐ์เคยทำแบบนั้นที่ไหนกันเล่า
“คุณพ่อหมายความว่ายังไงเหรอครับ”ไอ้เชษฐ์ดูเหมือนจะไม่เข้าใจที่พ่อผมพูดแต่ก็ดีแล้วเพราะนี่ผมก็รู้ว่าน่าอายเหลือเกินแล้วที่ครอบครัวผมเหมือนพยายามยัดเยียดผมให้ไอ้เชษฐ์ยังไงไม่รู้ แถมไม่รู้ว่าเจ้าตัวเค้าต้องการหรือเปล่า ที่สำคัญถามผมสักคำไหมที่ทำๆ พูดๆกันอยู่เนี่ย
“รู้จักกันมานานหรือยัง”
“พ่อ...”ผมลากเสียงเรียกเพราะคิดว่าชักจะไปกันใหญ่แล้ว ไอ้เชษฐ์เองก็ดูไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าพอผมกำลังพูดอะไร
“ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนปีแรก นี่ก็ 3-4 ปีแล้วละครับ”นี่ตกลงพ่อผมจะเก็บข้อมูลไปทำวิจัยหรือไงกันนะ
“3-4 ปีแล้ว แต่ไม่ยักกะเคยเห็นตี๊ฟพามาที่บ้านเลยนี่ ว่าไงตี๊ฟ”อ้าวแล้วไหง๋มาลงที่ผมเล่าอยากซักอะไรก็ซักไปสิ ผมจะไม่คิดคัดค้านในใจอีกแล้ว ตามสบายเลย
“แล้วทำไมต้องพามาด้วยละพ่อ”ผมพยายามเลี่ยงที่จะตอบ ตอนนี้ผมว่าไอ้เชษฐ์เริ่มเข้าใจสถานการณ์บ้างแล้วเพราะเห็นมันยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“ก็...”
“คุณนี่ชวนคุยอยู่นั่นแหละ ปล่อยให้ลูกๆ เค้าทานฝีมือชั้นให้หนำใจก่อนได้ไหม มาๆ สามสี่จานนั่นส่งมาเดี๋ยวแม่เติมให้”ก็มิวายขายฝีมืออีกแล้วครับคุณนายผม แต่ผมว่าตอนนี้ดูทุกคนคงเริ่มหนังท้องตึงจนจะระเบิดอยู่แล้วมั้งนั่น มองแล้วน่าจะต้องอดทนทานอีกคนละหนึ่งจานก็น่าจะหมดแล้วหวังว่าอย่ามีใครชมรสชาดอาหารอีกนะไม่งั้นมีทำต่อแน่ๆ
“อืมแสดงว่าเอร็ดอร่อยกันแน่ๆ เลยทานจนจะเกลี้ยงแล้ว คุณแม่ว่า คุณแม่ไปทำอะไรมาเพิ่มอีกดี”อ้าวคุณนายยังไม่มีใครชมนะอย่าเพิ่งรีบไปทำเซ่เดี๋ยวก็ได้สำรอกกันพอดีหรอก
“ผมว่าขอเป็นกับแกล้มเล็กน้อยดีกว่านะแม่”ไอ้ต๊าฟเริ่มพูดเข้าหูก็ครั้งนี้แหละครับ
“งั้นเดี๋ยวรอไม่นานคุณแม่จะกลับออกมาพร้อมกับแกล้มรสเลิศนะ แต่ก่อนไปต้องชนแก้วกันหน่อย เอ้า เชียร์ส ไม่หมดแก้วห้ามวางนะ”คนอื่นๆนะ แก้วเบียร์แต่คุณนายแก ดื่มไวน์กันสองคนกับสามีครับ
“คุณแม่น่ารักดีนะ”ตอนนี้จานข้าวเริ่มถูกทยอยจัดเก็บหลงเหลือเพียงแต่แก้วประจำกายของแต่ละคนกับจานกับแกล้มที่ทยอยมาแบบไม่ขาดสาย
“ทำไมอยากมาเป็นลูกชายแม่กูอีกคนหรือไง”อดที่จะประชดไม่ได้ครับ ก็คุณนายผมนี่สิ คำก็ลูกเชษฐ์ สองคำก็ลูกเชษฐ์ จะอะไรขนาดนั้น
“ไม่ได้อยากเป็นลูกชาย อยากเป็นลูกเขยต่างหาก”ไอ้นี่ก็พูดมาได้ แม้จะไม่ดังมากแต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าคนอื่นได้ยินบ้างหรือเปล่า
“บ้า”ผมตอบกลับไปอย่างเหวี่ยงๆ ตอนนี้ทุกคนเริ่มคุยกันออกรสออกชาดมากขึ้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั่นเอง แถมด้วยเสียงแหกปากร้องคาราโอเกะของแต่ละคนอีก ไม่ได้กลัวว่าบ้านข้างๆ เค้าจะรำคาญกันเลย
“ดูท่ากูจะได้ back up ดีแล้วละมั้ง เพราะแม่ยายก็เปิดไฟเขียวให้กูเต็มที่แล้วนิ เราเปิดตัวไปเลยดีไหมเนี่ย”ไอ้เชษฐ์ขยับมากระซิบที่ข้างหูผม จะได้ไม่ต้องตะโกนแข่งกับเสียงร้องอันโหยหวนของบรรดาเพื่อนๆ คนอื่นๆ
“ใครบอกมึงกัน ด่านสำคัญมันอยู่ที่กูต่างหาก”ผมตอบแบบไม่ใส่ใจพร้อมกับทำท่าจะลุกหนี
“แล้วเมื่อไหร่มึงจะใจอ่อน”คนพูดดึงแขนผมไว้ไม่ให้หนีไปได้ แม้ผมจะได้ยินมันพูดแบบนี้ และผมก็รู้สึกดี แต่ว่าเรื่องแหม๋วละ จากที่ผมเคยเจอมาอย่างมาบเอง ต่อหน้าผมเค้าก็ดีกับผมทุกอย่าง แต่พอหลับหลัง มันทำให้ผมต้องคิดให้นานๆ ว่าไอ้เชษฐ์จะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า หรือผมจะคงความสัมพันธ์กับมันไว้แค่เพื่อนอย่างเดิม
“อาจจะไม่มีวันนั้นก็ได้ กูบอกมึงแล้วนิว่าอยากให้เราเป็นเหมือนเดิม”ผมหยุดพูดแค่นั้นเพราะคุณนายผมเรียกเราทั้งสองผ่านไมโครโฟน เสียดังเลย เราทั้งสองเลยต้องลุกไปสบทบกับคนอื่นๆ
“เดี๋ยวคุณแม่กับคุณพ่อจะขอตัวไปนอนก่อนแล้ว ส่วนหนุ่มๆ ก็สนุกสนานกันต่อได้ มีเพียงข้อแม้เดียวว่า ถ้าเครื่องดื่มไม่หมด ปาร์ตี้ห้ามเลิก ถ้าพรุ่งนี้เช้าคุณแม่ตื่นมาพบว่ามีของเหลือ คุณแม่จะวีนให้บ้านแตกเลย”ว่าแล้วไหมละคุณนายผม พวกเพื่อนๆ ผมมองหน้ากันอย่างปลาบปลื้ม เอาเถอะตูจะคอยดู ว่าพวกเมิงจะดื่มหมดไหม
“พวกผมจะรับผิดชอบไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียวเลยครับ”ไอ้การ์ดเสนอตัวเป็นหน่วยกล้าตายแล้วครับงานนี้
“ได้ยินแบบนี้คุณแม่ก็ดีใจแล้ว อีกอย่างอันนี้ขอส่วนตัวกับลูกเชษฐ์นิดนึงแล้วกัน คนอื่นๆ ก็รับฟังไว้ก็ได้คุณแม่ไม่ว่าอะไร”จะอะไรอีกละครับคุณนายผม ไอ้เชษฐ์หันมามองผมพร้อมอมยิ้มก่อนจะส่งยิ้มหวานให้คุณนายผม
“เมื่อไหร่ลูกเชษฐ์จะยกขันหมากมาขอลูกชายแม่ละหือ”เหมือนผมถูกสาปกลายเป็นหินในเสี้ยววินาที คุณนายครับเล่นกันแบบนี้เลยเหรอ กะจะมัดมือชกเลยใช่ไหมครับ
“ขอให้เรียนจบก่อนได้ไหมครับ พอจบแล้วอาจจะขอหมั้นไว้ก่อน พอทำงานทำการมั่นคงแล้วค่อยจัดการให้เป็นเรื่องเป็นราว”ไอ้นี่ก็รับมุกดีเหลือเกิน แต่งานนี้เสียงเฮดังลั่นจากทุกคนเลยครับ ไอ้ผมละอยากจะแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ เลย
“จะยกลูกให้คนอื่นนี่ถามลูกมันดูหรือยังละ ว่ามันยินยอมพร้อมใจหรือเปล่า”สวรรค์ทรงโปรด ใช่แล้วครับคุณพ่อ ผมรักพ่ออีกแล้วว
“คุณไม่ต้องมาขัดชั้น ไปนอนได้แล้ว ลูกๆ ดื่มต่อให้สนุกนะจ๊ะ ส่วนลูกเชษฐ์ก็รีบๆ ยกขันหมากมานะ คุณแม่ไปแล้ว”แล้วคุณนายก็ลากสามีเข้าบ้านไปอย่างทุลักทุเล
“มีความสุขจังเลย”ผมหันควับมองมือที่มาโอบไหล่ผมไว้ก่อนจะหันมองหน้าเจ้าของมือ และพยายามขยับถอยห่างออก แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะมือนั้นเลื่อนต่ำลงมาเป็นโอบเอวผมไว้ไม่ให้ขยับถอยห่างออกได้
“นี่คู่นั้นนะอย่าหวานให้มันมากนัก หมั่นไส้โว๊ย”เสียงไอ้ต๊าฟ หันมาว่าผมกับไอ้เชษฐ์พร้อมด้วยเสียงโห่จากเพื่อนๆ
“กูไปนอนแล้วนะ พวกมึงรับผิดชอบกันให้หมดแล้วกัน ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน”ผมพูดพร้อมส่งสายตาขวางๆ ให้ทุกคน แถมขู่พวกมันหน่อยๆ ว่าต้องดื่มให้หมดแต่จริงๆ มันก็เหลือไม่มากล้วแหละ ยังไงก็คงหมดอยู่ดี
“เดี๋ยวสิรอกันก่อน”ไอ้เชษฐ์ดึงผมไว้อีกแล้ว
“กูง่วงแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก”ผมหันไปบอกไอ้เชษฐ์ซึ่งทำหน้างงๆ ว่าทำไมต้องตื่นแต่เช้า
“เออใช่พี่ว่าเรารีบจัดการให้หมดดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ากันอีก”ไอ้พี่ต๊าฟที่ได้ยินผมพูดก็คงระลึกขึ้นได้เช่นกัน ว่าพรุ่งนี้มีเรื่องให้พวกเราต้องรับมือกันอีก
“ทำไมพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”ทั้งไอ้เชษฐ์ไอ้การ์ดและที่เหลือต่างถามเป็นเสียงเดียวกัน
“พรุ่งนี้ก็รู้เองแหละ”ผมตอบทิ้งเป็นปริศนาให้พวกมันสงสัยเล่นๆ แม้พวกมันจะยังไม่รู้เหตุผลแต่ภายในพริบตาก็พากันจัดการเบียร์จนเกลี้ยง อะไรจะเชื่อคนง่ายปานนั้นเพื่อนๆ ผม แล้วทุกคนก็พากันจรลีจะไปนอนโดยที่ไม่ต้องจัดการเคลียร์ข้าวของที่กองอยู่ เพราะไอ้ต๊าฟบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยมาจัดการก็ได้ ให้รีบไปนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลุกไม่ไหว เพราะนี่ก็ปาเข้าไปจะตีสามอยู่แล้ว
“ตี๊ฟรอก่อน กูไปเอาของที่รถก่อน”นี่ผมก็เกือบลืมไปแล้วนะว่าไอ้เชษฐ์มันยังไม่ได้เอาสัมภาระ ไปเก็บ แล้วผมก็ยังไม่ได้จัดว่าให้มันนอนห้องไหนด้วยนี่หว่า
“ต๊าฟ มึงเอาไอ้นี่ไปนอนห้องมึงด้วยแล้วกัน ห้องอื่นนอนกันห้องละสองคนหมดแล้ว”สมองผมสั่งการอย่างรวดเร็ว
“มึงตามพี่กูไปแล้วกัน”ผมหันหลังเดินเข้าบ้านทันที
“ได้ไง แล้วใครนอนห้องมึง”ไอ้เชษฐ์เอ่ยถามเสียงเข้ม อย่าบอกนะว่ามันจะมาทำเป็นหึงผมเหมือนตอนที่ผมกอดคอกับไอ้การ์ดอีก
“กูคือผู้เคราะห์ร้าย”ไอ้การ์ดตอบเสียงเนือยๆ
“ไม่ได้โว๊ย”ไอ้เชษฐ์ทำท่าจะไม่ยอม ผมเองก็กำลังจะเถียงว่าไม่ต้องมาเรื่องมาก เพราะไอ้การ์ดก็เอาของไปเก็บห้องผมเรียบร้อยแล้ว
“ไอ้ตี๊ฟไม่ต้องพูด ตอนนี้ดึกแล้วเพื่อความรวดเร็วกูจัดให้นะ มึงมานอนห้องกู จะได้ไม่มีข้อกังขาอีก ส่วนเชษฐ์ การ์ดนอนห้องมึงโอเคไหม ใครมีปัญหาอีกรึเปล่า”ไอ้เชษฐ์ยังทำท่าจะไม่พอใจอยู่เหมือนเดิม แต่คงไม่กล้าเถียงไอ้ต๊าฟละมั้งเป็นอันตกลงตามนั้นครับ
“กูขอแปรงฟันก่อนนะ”ผมบอกไอ้ต๊าฟเมื่อมาถึงห้องนอนมัน แต่ไอ้ต๊าฟโบกมือให้ตามสบายประมาณว่ามันไม่คิดจะแปรง ผมจะทำอะไรก็ทำไปเลย ส่วนมันจะนอน ผมจึงเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อที่จะได้นอนหลับอย่างสบาย ไม่นานผมก็เสร็จภารกิจออกมาจากห้องน้ำ เห็นไอ้ต๊าฟคลุมโปงไปเรียบร้อย กะว่าจะถามหานาฬิกาปลุกสักหน่อย
ผมสอดส่ายสายตาหาเองเลยแล้วกัน พอเจอแล้วผมก็ต้องสายหน้าอย่างปลงๆ นี่ตีสามกว่าแล้ว ผมหมุนนาฬิกาปลุกที่เวลา 5.45 น.ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกฝั่งของเตียงและดึงผ้าห่มจากไอ้ต๊าฟมาครึ่งนึง
“อะไรของมึงไอ้ต๊าฟ”พอผมหลับตาหลงไอ้พี่ชายตัวดี ดันหันมาดึงผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอดซะงั้น ละเมอหรือเปล่าเนี่ย
“พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่เหรอ รีบนอนเหอะ”เสียงที่มากระซิบข้างหูผมทำให้ผมรู้ว่างานนี้ผมโดนจัดฉากอีกแล้วใช่ไหม
หายไปหลายวัน เลยมาต่อให้ยาวหน่อยเนอะ
ไปเที่ยวปีใหม่กันมาเป็นไงกันบ้างน้อ