รุ่งเช้า ผมตื่นมาในอ้อมกอดสามีกำมะลอ แทบจะไม่มีการขยับปรับเปลี่ยนตำแหน่ง พี่มันกอดผมไว้ทั้งคืนจริงๆ อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันอยากกอด ไม่ได้กอดเพราะเหงามือเหงาใจ
“ฟู่ววววว” ผมแกล้งเป่าลมใส่หน้ามัน
กลิ่นปากตอนเช้าเนี่ย หึหึหึ
“เหี้ยจ้าวว” นั่นไง ฮ่าๆๆๆๆ
พี่มันขยี้จมูกแล้วปล่อยผมให้เป็นอิสระ
“เดี๋ยวนี้ตื่นสายนะบอส” ว่าแล้วก็ลุกบิดไปมายืดเส้นยืดสาย
“กว่าจะได้นอน” มันบ่น
“ทำไรไม่นอนล่ะ”
“กล่อมลูกชาย กว่าจะหลับ” พูดจบก็ลุกไปเข้าห้องน้ำทันที
ลูกชาย?
ใครวะ?
อ๋ออออออออออ อ่า ไอ่บร้า!!!
วันนี้ทั้งวันก็ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ เราเลือกบริเวณสระว่ายน้ำเพราะวิวดีและสะดวกสบาย แม่สามีเดินมาดูแล้วเชิดใส่ด้วยความหมั่นไส้ คิกๆ แม่จ๋านี่ตลกดีนะ ร้ายก็ร้ายไม่สุด แถมนิสัยเหมือนเด็ก อยากมาเล่นด้วยแต่ก็กลัวเสียฟอร์ม ฮาดีอะ
แต่ผมก็คาดผิดไปนิดหน่อย นึกว่าแม่ผัวจะสิ้นฤทธิ์ไปบ้างแล้ว ที่ไหนได้
“สวัสดีค่ะคุณแม่ น้ำตาลมาเร็วไปมั้ยคะเนี่ย” พี่น้ำตาลเดินเข้ามาแล้วไหว้แม่พี่บั๊คด้วยท่าทางอ่อนน้อม “ดีค่ะพี่บั๊ค” ยิ้มให้สามีผม(?)ด้วยท่าทางขวยเขินนิดๆ พองาม “สวัสดีจ๊ะน้องจ้าว หน้าใสขึ้นนะ” ทักทายผมด้วยทางทางน่ารักเป็นกันเอง
มิน่า แม่สามีถึงได้ชอบนักชอบหนา ก็ถึงพร้อมด้วยกิริยามารยาท อีกทั้งรูปรสกลิ่นและอึ๋มขนาดนี้
พี่น้ำตาลนมโตนั้นโก้จริงๆ วันนี้มาในชุดลูกไม้สีหวานแต่แอบซีทรูตรงร่องอกนิดนึง หน้ายังไม่ทันมองกูก็เหลือบลงต่ำก่อนเลย พี่สาวครับ ตอนนี้ผมอยากโตแล้วครับ ถ้ากินนมเยอะๆ ผมจะโตกว่านี้มั้ยครับ
“อะแฮ่มม” ผัวกระแอมใส่อีกแล้วครับทั่น มันจะอะไรนักหนา ก็มึงไม่กินก็เขี่ยให้กูสิเฮ้ย
“ไม่เร็วหรอกลูก เข้ามาในบ้านดีกว่า ข้างนอกให้พวกคนใช้มันทำกัน” อ่าว นอกจากผมกับลุงแมวแล้ว คนอื่นๆ แม่สามีก็เรียกใช้งานหมด โดยเฉพาะพี่บั๊ค ถึงจะวนเวียนอยู่ข้างนอก แต่เวลาจะหยิบจับทำนั่นทำนี่ แม่สามีก็ออกมาเรียกคุยซะอย่างนั้น สรุปคือทำกันอยู่สองคนแค่ผมกับลุงแมว ก็หมายความว่ากูกับลุงแมวเป็นคนใช้ใช่ไหมซิ
“ตาบั๊ค เข้ามาดูแลน้อง” พี่บั๊คกำลังจะเถียงแต่โดนสกัดไว้ซะก่อน “จะจัดมั้ย ปาร์ตี้ในบ้านนี้น่ะ” พี่บั๊คถอนหายใจแล้วหันมามองผม
“ไปเถอะครับ จ๋าอยู่ได้” ตีหน้านายเอกผู้เสียสละได้อย่างแนบเนียน พี่มันลูบหลังสองสามทีแล้วเดินตามเข้าบ้านไปอย่างว่าง่าย
ตอนนี้สถานที่ก็พร้อมหมดแล้ว เหลือแต่อาหารที่จะมาส่งตอนหกโมง ผมก็เลยชวนลุงแมวแกนั่งพัก
“ลุงแมวๆ” ลุงแกเรียงเก้าอี้รอบๆ โต๊ะยาว ข้างสระว่ายน้ำเสร็จพอดี
“ครับคุณหนู” บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วไม่ให้เรียกแบบนี้ เหาจะขึ้นหัวนะลุง
“ถ้าเรียกคุณหนูอีกที จ้าวจะไม่เล่นกับลุงแมวแล้วนะ” ลุงแกยิ้มโชว์ฟันหลอสามซี่ล่าง
“งั้นลุงเรียกบ่อยๆ ดีกว่าจะได้ไม่ต้องเล่นกับคุณหนู”
“ลุงอะ” ผมงอแงใส่ “ใครๆ ก็ไม่รัก งั้นจ้าวไม่อยู่แล้วบ้านเนี้ย” แกล้งจะเดินหนีแต่แกก็ดึงมือผมไว้ซะก่อน
“โธ่คุณหนู อย่าไปไหนเลย ไม่มีใครรักซะที่ไหน ลุงก็รัก คุณหนูใหญ่ก็ยิ่งรัก” เมื่อก่อนลุงแกเรียกพี่บั๊คว่าคุณหนู พอมีผมเข้ามาแกก็เลยเติมคำว่าใหญ่ให้พี่บั๊คเพื่อป้องกันความสับสน
“แล้วลุงแมวไม่รักเหรอ” ผมจูงแกมานั่งที่เก้าอี้ “ลุงแมวรักจ้าวมั้ยอะ” ลุงแกนั่งลงช้าๆ ที่จริงแกแข็งแรงนะ แต่แกค่อนข้างแข็งแรงแบบสโลวโมชั่น ทำงานทุกอย่างได้หมดแต่ช้าระดับหอยทากเมายาแก้อักเสบ
ลุงแมวยิ้มแล้วบีบแขนผมเบาๆ “ทำไมไม่ถามคุณหนูใหญ่แบบนี้บ้างล่ะครับ”
“ทำไมต้องถามล่ะ ก็เป็นแฟนกัน จะต้องถามว่ารักอีกทำไม” แกล้งเนียนไปเรื่อย
“เป็นแฟนกันรึเปล่าลุงไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าถ้ารักก็บอกเขาไปว่ารัก ถ้าอยากรู้ว่าเขารักรึเปล่าก็ต้องถาม” แน่ะ มาแนวเสงี่ยมศรีอีกแล้ว พวกผู้ใหญ่เขามองเห็นอะไรจากผมกับพี่บั๊คกันแน่นะ ถึงได้ยุให้บอกรักกันและกันเนี่ย
“บางสถานะ จะบอกหรือถามมันก็ไม่มีสิทธิ์น่ะลุง” เผลอบ่นอะไรออกไป หวังว่าลุงแกจะไม่ระแคะระคายหรอกนะ
“ไม่ว่าสถานะไหนก็บอกได้ทั้งนั้นครับคุณหนู มันขึ้นอยู่กับว่า เราบอกความจริงรับรู้ความจริงแล้ว เราจะทำยังไงต่างหาก รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ไม่รู้เขา ไม่รู้เรา รบหรือไม่รบก็แพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง” อื้อหือ มาเป็นซุนวูเทศน์ตั๋งโต๊ะเลย นี่ผมต้องแปลความหมายของพวกผู้ใหญ่ไปทางไหนดีเนี่ย
“เล่าเรื่องพี่บั๊คตอนเด็กๆ ให้จ้าวฟังอีกสิ วันก่อนเล่าแค่ว่าพี่บั๊คขี้แย อะไรนิดอะไรหน่อยก็วิ่งมาฟ้องลุงแมว แถมแอบชอบพี่สาวข้างบ้านที่ตอนนี้เขาแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วแค่นั้นเอง” ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้สึกว่าสมองกำลังโหลดงานหนักเกินไป
“ก็เป็นซะอย่างเนี้ยแหละคุณหนู่น่ะ” ลุงแกบ่นแต่ก็เล่าเรื่องพี่บั๊คต่อด้วยท่าทางมีความสุข แกคงรักของแกมากล่ะ “คุณหนูใหญ่ชอบโดนคุณหนูดินหลอกไปเล่นแผลงๆ อยู่เรื่อย กลับมาก็มาเล่าแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยง บอกว่าจะไม่คบกับคุณหนูดินอีก แต่พออีกวันก็วิ่งไปหาเค้าที่บ้านซะงั้น” ลุงแมวยิ้มขำ “อ้อ บ้านคุณหนูดินก็อยู่ถัดไปอีกสองหลัง หลังที่มีสวนหน้าบ้านใหญ่กว่าเพื่อนนั่นแหละ” อ๋อ พึ่งรู้ว่าบ้านพี่ดินอยู่ใกล้แค่นี้เอง ว่าแต่ ทำไมถึงไม่เคยเดินไปมาหากันเลยล่ะ
“คุณหนูดินที่ว่าเนี่ย เป็นเพื่อนพี่บั๊คที่หน้าตาหล่อๆ ใช่มั้ยครับลุง” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ๆ คนนั้นแหละ คุณแกเป็นลูกชายคนเล็กของคุณแดนสรวง เจ้าสัวใหญ่ รวยระดับหมื่นล้าน”
“แล้วทำไมไม่เห็นเค้าไปมาหาสู่กันเลยล่ะ จ้าวมาอยู่ตั้งนานแล้ว พี่ดินไม่เห็นมาหาพี่บั๊คเลย”
“คุณหนูดินย้ายออกไปอยู่ที่อื่นนานแล้วล่ะครับ” ลุงแมวตอบพลางทำหน้าเศร้า “ตอนนั้นคุณหนูใหญ่ซึมไปหลายวัน กว่าจะกลับมาเป็นปกติก็ตอนที่คุณหนูดินได้ที่อยู่ใหม่และโทรมาบอกนั่นแหละครับ”
“อ๋อ แบบนี้เอง”
“ไปได้แล้วจ้าว!” เสียงพี่บั๊คดังขึ้นด้านหลัง จากนั้นพี่มันก็เข้าไปคุยกับลุงแมวใกล้ๆ “เดี๋ยวถ้าโรงแรมเอาอาหารมาส่ง ลุงแมวบอกให้เอาไปวางที่โต๊ะยาวนู่นเลยนะครับ” ลุงแมวยิ้มโชว์ฟันหลออีกครั้งแล้วพยักหน้า จากนั้นพี่มันก็จูงกึ่งลากผมไปที่โรงจอดรถทันที
“ไปไหนอ่า” ผมทำหน้างง
“ไปรับคนบ้านมึงไง เร็วๆ เดี๋ยวไม่ทัน” ว่าแล้วก็เดินขึ้นอีก
ผมนี่สับขาตามแทบไม่ทัน “ไม่ทันอะไรพี่ พ่อแม่พี่สวยก็อยู่บ้านแหละ ไม่ได้ไปไหนซะหน่อย”
“ขึ้นรถก่อน เดี๋ยวค่อยคุย” ว่าแล้วก็ยัดผมเข้ารถแล้วรีบไปฝั่งคนขับและออกรถอย่างรวดเร็วระดับแข่งแรลลี่ก็ไม่ปาน
“ที่ว่าไม่ทัน กูไม่ได้หมายถึงคนบ้านมึง กูหมายถึงจะหนีน้ำตาลไม่ทัน เดี๋ยวแม่จะยัดเยียดให้มาด้วยอีก” อ่อ งี้นี่เอง
“มาด้วยก็ดีดิ เราจะได้จับถ่วงน้ำซะเลย จะได้ปิดจ๊อบไปหนึ่งเรื่อง”
“ป้ามึงดิ” หูย ด่าป้ากันเลย พี่มันโหมดนี้ก็เท่ดีนะ ผมชอบ
เรามารับพ่อแม่และพี่สวยจากนั้นก็บึ่งรถกลับไปบ้านที่บั๊คทันที วันนี้แม่แต่งหรู ชุดแซกยาวสีเทาเข้ม แต่งซีทรูตรงแขนและขายกระโปรง สวยเรียบหรูดูดี แถมแต่งหน้านิดๆ เล่นเอาพ่อผมประกบไม่ห่าง
สวยแฮะ ไม่คิดว่าแม่จะสวยขนาดนี้ อิๆ ภูมิใจ
พอมาถึงบ้านพี่บั๊คก็เข้าไปที่สระว่ายน้ำกันเลย แม่สามียืนจังก้า รอวีนอยู่ก่อนแล้ว มาถึงนางก็ใส่ชุดใหญ่ทันที
“ทำไมไม่รอน้องก่อนตาบั๊ค น้องบอกจะไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว ทำไมไปก่อน” “คำพูดแม่นี่มันไม่สำคัญแล้วหรือไง” อาฟเตอร์ช็อคก็ยังตามมาไม่หยุด
ขณะที่พี่บั๊คกำลังอึกอัก และผมกำลังจะแก้สถานการณ์ให้ เสงี่ยมศรีก็โพล่งขึ้นว่า..
“สวัสดีค่ะคุณพี่ วันนี้ปากซีดนะคะ สงสัยมัวแต่ยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งจนลืมเช็คสภาพตัวเอง” ยกที่หนึ่งเริ่มได้
“เรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่ยุ่งไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวไปคว้าเอาเผ่าพันธุ์ผักตบชวามารกหูรกตารกชีวิตอย่างที่เห็น วัชพืชยังไงก็เป็นวัชพืชวันยังค่ำ” นี่แค่ทักทายกันนะ ถ้าต่อยกันจริง มีหวังมีคิ้วแตกปากฉีกกันมั่ง
“เอ่อ..ผมหิวแล้วล่ะครับ เราไปนั่งทานอาหารกันดีกว่า” พี่บั๊คตัดบท และทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง ยกเว้นสองสาวที่ยังอยากจะไฝว้กันต่อ
เมื่อถึงโต๊ะอาหาร แม่สามีก็รีบเจ้ากี้เจ้าการลากพี่บั๊คไปนั่งข้างตัวเองแล้วจับพี่น้ำตาลนั่งข้างพี่บั๊ค ผมก็เลยต้องไปนั่งอีกฝั่งที่ตรงข้ามกับพี่บั๊ค แม่ผมชิงมานั่งตรงข้ามแม่พี่บั๊ค พี่สวยเลยนั่งถัดจากผมและพ่อก็นั่งหัวโต๊ะ
เอาล่ะสิ งานนี้มีล้มโต๊ะกันแน่ๆ
“เห็นอะไรมั้ยคะ” แม่สามีเปิดประเด็น “สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก” นั่นไง กูว่าละ
“หมายถึงน้องกับสามีน่ะเหรอคะ” แม่ผมแกล้งทำมึน “แต่ถ้าสมกันยิ่งกว่าคู่ของน้อง ก็คงเป็นลูกคุณพี่กับลูกจ้าวของน้องนะคะ เด็กๆ รักกัน แม่แม่อย่างเราก็ต้องใจกว้าง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความสุขตัวเองเป็นที่ตั้ง จริงมั้ยคะ” หน้าทุกคนดูกระอักกระอ่วน แต่พี่น้ำตาลดูจะนิ่งสุด นางไม่แสดงอาการใดใดนอกจาก ยิ้มหวานให้พี่บั๊ค
การสนทนาหยุดลงเพราะแม่บ้านมาตักข้าวและเสริฟอาหาร เมื่อทุกอย่างพร้อม แม่พี่บั๊คก็ให้รินไวน์เพื่อเตรียมดื่ม “วันนี้เป็นวันดี” นางยืนขึ้นแล้วยกแก้วไวน์ “แม่ขอถือโอกาสเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่” ผมแปลกใจนิดๆ อยู่มาตั้งนานจะมาเลี้ยงต้อนรับอะไรวันนี้ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูน้ำตาล จะมาอยู่บ้านนี้ในฐานะ... แฟนของตาบั๊ค”
เคร้ง!
ช้อนร่วงจากมือใครสักคนแต่ผมไม่ได้สนใจหันไปดูเพราะกำลังอึ้งกับคำพูดแม่พี่บั๊ค
“แม่!” พี่บั๊คเรียกเสียงดัง ทำท่าทางไม่พอใจ ผมจึงสะกิดตีนมันใต้โต๊ะ “แต่..” มันหันมาจะเถียงแต่ผมส่ายหัวปรามเอาไว้ พี่บั๊คจึงถอนหายใจพยายามข่มอารมณ์
เมื่อแม่พี่บั๊คเห็นว่าไม่มีใครขัดจึงได้พูดต่อ “ลูกจะพาใครเข้าบ้านก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของลูก แต่แม่ก็มีสิทธิ์ของแม่ที่จะพาหนูน้ำตาลเข้ามาอีกคน จากนี้ไปคงต้องพิสูจน์กันหน่อย ว่าใครกันแน่ที่คู่ควรกับตาบั๊ค” นางพูดด้วยความเป็นต่อ “ใครคิดว่าดี ใครคิดว่าแน่ก็รับคำท้า แต่ถ้าใครไม่พอใจก็ออกไป” แม่ผมเม้มปากแน่นเตรียมจะไฝว้เต็มที่ แต่ก็พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ “ถ้าไม่มีใครขัดข้อง ก็เชิญดื่มค่ะ” ว่าแล้วก็ดื่มไวน์ขาวจนหมดแก้ว จากนั้นก็มองมาที่แม่ผมอย่างท้าทาย
แม่ผมจ้องแม่พี่บั๊คอยู่ครู่หนึ่งจึงดื่มไวน์จนหมดแก้วเช่นกัน “เอาที่คุณพี่สบายใจค่ะ” พูดจบก็หันมาทางผม นางจิกตาใส่ในลักษณะแปลกๆ “ดื่มเลยลูก ผัวเราแท้ๆ จะแพ้ได้ยังไง สู้เขา! สู้เขา! เอาผัวเรามา!!” ตายล่ะ ลืมบอกว่าเสงี่ยมศรีกินเหล้าแล้วผีออก นางเรื้อนกว่าผมเป็นสิบเท่าจนทุกคนในบ้านต้องคอยเช็คอาหารและเครื่องดื่มไม่ให้มีส่วนผสมของแอลกอล์ฮอล์ นี่คงลืมตัวและพ่อก็คงลืมเตือนด้วยเพราะมัวแต่ช็อคกับคำประกาศของแม่พี่บั๊ค
แม่ดันแก้วไวน์มาใกล้ปากผมแล้วบังคับให้ดื่มจนหมดแก้ว พ่อที่เห็นอย่างนั้นถึงกับกุมขมับ “ตายละข้าวสวยเอ้ย เมาแค่คนเดียวยังไม่ได้นอนกันทั้งบ้าน นี่มาแพคคู่ คืนนี้ บ้านนี้..” คำสุดท้ายของประโยคไอ้สวยมันประสานเสียงกับพ่อเป็นเสียงเดียว “เละ!!”
*****************