ตอนที่ 4 กระทิงพังกรง
ผ่านมาสามวัน ผมยังทำตัวซี้ดซ้าดเหมือนเดิม เช้าตื่นมาห้ำหั่นกับตัวเอง สายไปเรียน ตกเย็นกิ๊กสาว แต่ให้แมงเม่าบินเข้ากองไฟเถอะ เพราะตอนนี้ผมกำลังจะทิ้งเหยื่อแสนสวยของตัวเองเพียงเพราะเหลือบไปเห็นใครบางคนเดินเล่นอยู่ในห้างเดียวกัน
ตอนแรกกะจะไม่ใส่ใจ แต่ตาผมก็ละไปจากมันไม่ได้
“มีอะไรเหรอคะพี่พล เห็นมองไปทางนู้นหลายรอบแล้ว” น้องบีปีสองถามเสียงใส ชะเง้อคอมองตาม แต่ไม่มีใครในรัศมีสายตาเธอหรอก เพราะตอนนี้ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเดินลับหายเข้าไปในร้านหนังสือแล้ว น้องบีควงแขนผมไว้ ผมละสายตากลับมามอง กะว่าถ้าไม่เห็นมันอีก จะเลิกสนใจแล้ว หันไปมองอีกทีก็เห็นมันโผล่เข้ามาในจักษุอีก
“น้องบีคะ พี่พลขอทำตัวเลวทิ้งน้องบีสักวันจะได้ไหมคะ พอดีพี่เจอเพื่อน มีธุระจะคุยกับมัน น้องบีจะใจร้ายเก็บพี่ไว้ไหม” ผมออดอ้อน น้องบีทำหน้ากระเง้าไม่จริงจัง
“ใครจะไปห้ามได้ล่ะ ใช่สาวๆ หรือเปล่า” น้องบีชะเง้อคอมอง ผมบุ้ยปากไปทางคนที่คว้าหนังสือมาหอบเพิ่มอีกเล่ม น้องบีพยักหน้า
“อ๋อ พี่ฝุ่น มาคนเดียวมั้ง” น้องเขารู้จักคนกลุ่มผมทุกคนครับ แต่คนกลุ่มผมไม่รู้จักน้องกันหรอก สาวๆ จะไม่ทำตัวสนิท หากพวกผมไม่เปิดโอกาส
ผมพยักหน้า บอกลาน้องไปนิดหนึ่ง โบกมือ เดินกึ่งวิ่งไปยังคนที่คว้าหนังสือมาใส่มือเพิ่ม ไม่รู้มันจะซื้ออะไรนักหนา ได้ข่าวว่างานหนังสือล่าสุด มันก็หมดไปหลายพัน
ตอนแรกว่าจะตะโกนทักแบบเดิม แต่ผมกัดปากหยุดเสียงไว้ เคลื่อนตัวช้าๆ ไปใกล้มันแทน ตอนนี้มันอยู่แผนกบริหารธุรกิจ หอบหนังสือไว้แนบอกสามสี่เล่ม ดึงเล่มใหม่มาพลิกเปิดอ่านปกหลัง พลิกอ่านด้านในนิดๆ แล้วก็วางถ้าไม่ถูกใจ หยิบเล่มใหม่มาเปิดดู ผมยืนห่างจากมันประมาณศอกกว่าๆ ซึ่งมันยังไม่รู้ตัว
ใจผมอยากเอ่ยทัก แต่ปากปิดสนิท
ผมขยับไปยืนขนาบอยู่ด้านหลัง ใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากเรือนร่างมัน
“ฝุ่น…” ผมกระซิบเรียกข้างหู มันสะดุ้งเฮือกพลิกหันมามอง หนังสือเกือบร่วงหลุดมือ มันพยายามประคองไว้
“ควาย มาเงียบตกใจหมด”
ตอนนี้ตัวผมแทบจะแนบติดตัวมันกับชั้นหนังสือแล้ว มันคงไม่ติดใจอะไร เพราะด้านหลังผมมีคนเบียดเดินผ่านไปพอดีจนผมต้องเบียดมันติดชั้นหนังสือมากขึ้น พอคนเดินผ่านไปผมถึงได้ขยับไปยืนห่างๆ
“มาเงียบห่าไร กูเรียกตั้งแต่อยู่หน้าร้านแล้ว มึงเสือกเข้าวิเวกเอง”
มันขมวดคิ้วคำนวณสิ่งที่ผมโป้ปด
“เหรอ โทษที”
ไมหลอกง่ายงี้วะ นรกกินกบาลกูตาย
“มาคนเดียวเหรอมึง” ผมหันมองไปรอบๆ เผื่อมีเพื่อนคนอื่นตามมาด้วย
“คนเดียว อยากได้หนังสือใหม่”
“จากงานหนังสือหมดแล้วไงมึง”
มันส่ายหัว
“อยากได้เพิ่ม”
ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจ ไม่ใช่พวกบ้าอ่านบ้าหาความรู้แบบมันอยู่แล้ว มันหยิบหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ใส่กองที่อกมันมากขึ้น ผมดึงมาถือเองทั้งหมด
“มานี่ กูช่วยถือ”
“ไม่เป็นไรมึง กูถือได้”
“อย่าลีลาน่า กูหิว”
มันคงจะค้านว่าทำไมไม่ไปหาอะไรกินเอง แต่ก็เงียบปาก เดินเลือกไปอีกสองสามชั้น อย่าให้มันได้สิงร้านหนังสือครับ ทั้งที่ผมยืนทนโท่ถือหนังสือที่กองสูงขึ้นเรื่อยๆ มันก็ยังไม่หยุดเลือก กระทั่งเล่มสุดท้าย มันหันมามองหน้าผม
“จริงๆ เอาไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนก็ได้ ถือทำไมให้เมื่อย”
“ไม่บอกกูก่อนหน้า” ผมตำหนิ มันยักไหล่ ยิ้มนิดๆ
แม่ง มันแกล้งผมเปล่าวะ มึงอย่าให้กูได้แก้แค้นมึงบ้างก็แล้วไป
มันแบ่งจากผมครึ่งหนึ่ง หอบไปจ่ายเงิน ห้าพันกว่าตามคาด เรายืนรอให้เขาห่อปก ผมแย่งมันมาถือทั้งสองถุง มันมองหน้า
“กูอยากออกกำลังกายระหว่างเดินเล่น แทนเวท”
มันคลายหัวคิ้วลง พยักหน้า
“ตามใจ” มันก้มหัวให้พนักงานนิดหนึ่ง ส่วนผมยิ้มหวานจนพนักงานหน้าแดง
“อยากกินอะไร” มันถามไม่ได้หันมามอง กวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาร้านที่อยากกิน
“มึงอยากกินไร”
มันขมวดคิ้วคิด จริงๆ มันชอบอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ แบบมาเร็วเคลมเร็ว แต่ผมมันพวกชอบกินแบบลีลา
“หาไรง่ายๆ กินก็ได้มั้ง” มันมองไปยังร้านอาหารไทยสไตล์เดิม
“งั้นไปร้านนู้นกันดีกว่า” ผมชี้ไปร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง ฝุ่นหันมามอง
“มึง งบกูหมดไปกับหนังสือเยอะแล้ว เดี๋ยวไม่พอใช้จนถึงสิ้นเดือน”
“มื้อนี้กูเป็นเจ้ามือเอง จริงๆ กะจะเลี้ยงสาว แต่มีเหตุให้ต้องแยกกันระหว่างทาง”
“มึงก็เก็บไว้เลี้ยงมื้อหน้าดิ”
“ก็กูอยากกินอ่ะ”
มันอ้าปากจะเถียง
“มึงแน่ใจนะ มาเรียกร้องเก็บเอากับกูไม่ได้นะ”
“แน่ใจ กูอยากกิน มึงก็รู้ กูชอบอาหารญี่ปุ่น” รวมถึงสาวญี่ปุ่นด้วยครับ มันพยักหน้าเดินนำเข้าร้านนั้นไป
“หนักไหมมึง กูแบ่งถือ”
“ตัดครึ่งเอาตัวมึงมาใส่แทนดีกว่า เวทที่ไหนให้เบา”
มันพยักหน้า ไม่นานพนักงานก็เดินออกมารับ เป็นร้านแบบสั่งเป็นจานครับ ร้านนี้อร่อย ผมเคยพาสาวๆ มากินแล้ว บรรยากาศเหมาะกับการมาเกี้ยวสาวดี เราได้โต๊ะติดกำแพง ผมวางหนังสือลงกับพื้น พนักงานในชุดกิโมโนหน้าตาจิ้มลิ้มวางเมนูให้ตรงหน้า ชม้ายตาให้ผมนิดหนึ่ง ผมเห็นบ่อยครับน้องคนนี้ เล็งอยู่เหมือนกัน ผมขยิบตาให้นิดหนึ่ง เธอหน้าแดงก่ำ
“จะกลับมารับเมนูอีกรอบนะคะ”
ผมพยักหน้า ฝุ่นมันไม่สนใจอะไร กวาดไล่ดูเมนู
“เคยมาร้านนี้รึยัง”
“เคยแล้ว”
“อันไหนอร่อย”
“ทุกอย่าง”
มันพยักหน้า ก้มลงไปเลือกต่อ ถ้าผมบอกอร่อย จะไม่มีใครเถียงเด็ดขาด ร้านนั้นต้องอร่อยจริง แต่ถ้าไอ้กู้มันบอกอร่อย เชื่อได้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะมันปากจระเข้ กินได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า ของบูดมันก็กินมาแล้ว พวกเราพากันท้องเสียระนาว มันเสือกเฉยๆ กระเพาะนรกมาก
พนักงานคนเดิมเดินกลับมา มันสั่งอาหารจานเดียวขนาดพอกระเพาะมันตามคาด ผมสั่งไปสองสามอย่าง เอาเมนูฮิตๆ ที่คิดว่ามันน่าจะชอบ ที่นี่บริการเร็วครับ ไม่เกินสิบนาทีทุกอย่างก็มาวางไว้บนโต๊ะเพียบ ผมหักตะเกียบแยกออกจากกันดังเปาะ มันหักบ้าง แต่ดันแตก กำลังจะเรียกพนักงาน ผมยื่นของตัวเองให้แทน แย่งอันหักมาถือไว้ ยกมือเรียกให้แทน มันรับไปถือ
น้องคนเดิมเข้ามา
“พี่ขอตะเกียบหน่อยครับ” ผมชูอันที่หักให้น้องดู น้องยิ้มหวาน ก้มหัว เดินหายไปแล้วเดินกลับมายื่นเซตใหม่ให้อย่างแช่มช้อย ฝุ่นเอาตะเกียบเคาะหัวผมเบาๆ
“กะล่อน”
ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจ ฉีกตะเกียบออกจากซอง แยกออกดังเปาะสวยงาม เลื่อนจานของกินไปกลางๆ โต๊ะ
“ช่วยกูกินหน่อย ปกติมันต้องกินกันสองคน”
“แล้วสั่งมาทำไมเยอะแยะ สั่งจานเดียวแบบกูก็ได้”
“ก็กูอยากกิน มึงก็รู้นิสัยกู”
มันพยักหน้า ผมจิ้มกิน มันก็จิ้มกินอย่างอื่นจากจานผมด้วย
“ไอ้นี่อร่อยแฮะ”
ผมเดาถูกเผง มองปลายตะเกียบมันที่ชี้อยู่
“แน่นอน นี่เมนูโปรดกูเลย”
เราสองคนพากันล้างจานด้วยตะเกียบจนเกลี้ยง ผักสักเส้นยังแทบไม่เหลือ เพราะมันคลุกซอสที่เขาราดมา อร่อยจริงอะไรจริง
ผมกับฝุ่นพากันนั่งตีพุงดังปุ
“อร่อยให้ตาย”
ผมหัวเราะหึๆ ใส่
“วันหน้าถูกสาวทิ้งเมื่อไหร่ กูจะชวนมากินอีก”
“งั้นขอให้สาวทิ้งบ่อยๆ”
ผมหัวเราะหึๆ กัดปากเบาๆ
“เอาล่ะ ไปเดินย่อยกันดีกว่า”
“ของหนักจะตาย ยังมีอารมณ์เดินรึไง รีบกลับหอกันดีกว่า”
“ใครถือ” ผมถาม
“มึง”
“งั้นอย่าบ่น กูอยากเดินย่อย อยากออกกำลังกายด้วย”
มันพยักหน้าไม่เถียงอะไร พอออกจากร้านอาหารญี่ปุ่น เราก็พากันเดินเล่นไปเรื่อยๆ แวะร้านรองเท้ากับเสื้อนิด แบรนด์โปรดเดิมๆ ของพวกผมนั่นแหละ มันสอยได้เสื้อกล้ามมาตัวหนึ่ง ดูท่าน่าจะใส่สบาย“แทนตัวเก่า ย้วยหมดแล้ว”
“บางทีกูก็คิดว่าเสื้อมึงเป็นผ้าขี้ริ้ว”
มันหันมามองผมค้อนๆ ผมหมายถึงเสื้อกล้ามตัวโปรดสีครีมของมัน ซักแล้วซักอีกจนผ้าลุ่ย แต่เห็นมันบอกว่าใส่สบาย ตัวนี้ใกล้เคียงกันครับ ของผมไม่ซื้ออะไรเพิ่ม เพราะทุกอย่างมีครบแล้ว
“เข้ามาร์ตหน่อยไหม อยากได้ของใช้เพิ่ม”
ผมพยักหน้า เข้ามาร์ตดีขึ้นหน่อย มันลากรถเข็นมา ผมวางหนังสือลงในนั้น
“อ้าว ไม่เล่นเวทแล้วเหรอ”
“กูมีของที่อยากดูเหมือนกัน ถือไว้จะดูสะดวกได้ไง”
มันพยักหน้าเข้าใจ ผมทำหน้าที่เข็น เดินดูของตามมันไปติดๆ การมาซื้อของที่ไม่ได้ลิสต์รายชื่อไว้แต่แรก จะทำให้ได้ของที่ไม่ได้ตั้งใจเยอะมาก ผมซื้อครีมโกนหนวดอันใหม่ มันซื้อด้วยเหมือนกัน แต่คนละยี่ห้อ
พอเรียบร้อยก็แยกกันจ่ายเงิน คราวนี้ผมไม่ทำตัวเก่งถือเองทั้งหมด ผมถือหนังสือมัน ส่วนมันถือของจากมาร์ตทั้งหมด
ชวนกันกลับหอ มือผมแดงเถือกเพราะความหนักของหนังสือ ผมรีบสลัดเสื้อผ้า ครอบครองห้องน้ำก่อน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ฝุ่นอาบต่อ ข้าวของมันจัดเรียงเรียบร้อย ยกเว้นของผมที่วางไว้บนโต๊ะ ผมคว้ารีโมตทีวีมากดเปิด ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงตะแคงข้างดูทีวี ไม่นานมันก็ออกมา
ผมกดไล่ดูไปเรื่อยๆ ไม่เจอช่องถูกใจสักที มันเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ตอนนี้มันมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันเอว ผมละสายตาจากจอทีวีไปมอง แผ่นหลังมันมีหยาดน้ำเกาะไว้ไม่กี่เม็ด มันเปิดตู้เสื้อผ้า ควานหากางเกงนอนมาใส่ ดึงผ้าเช็ดตัวออก
ผมกัดปากเบาๆ อารมณ์บางอย่างพุ่งขึ้นนิดๆ อยากละสายตาหนี แต่ตาผมจ้องค้างอยู่บนแผ่นหลังเพรียวๆ นั้น มันคว้าเสื้อยืดมาใส่ ปกปิดแผ่นหลังที่ผมกำลังจ้องค้างออกไป มันเดินเอาผ้าไปผึ่งเหมือนเดิม เดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กลิ่นสบู่จากตัวมันลอยคลุ้ง ผมกลืนน้ำลาย สั่งใจให้สนใจภาพเคลื่อนไหวในจอสี่เหลี่ยมมากกว่า แต่กลิ่นสบู่นั้นวิ่งมาปาดจมูกผมเหมือนเด็กแว้นวอนหาเรื่องให้เจ็บตัว
ผมกดรีโมตแรงเลื่อนไปช่องอื่น
“เดี๋ยว! ขอกูดูนี่ก่อน” มันรีบแย่งคืนไปกดกลับ มันนั่งอยู่ปลายเตียง หันหลังให้ ตามันจ้องภาพในนั้นเขม็ง ส่วนผมนั่งดูแผ่นหลังของมันไป
“โห สมัยนี้คนไทยทำได้ทุกอย่างเนอะ” มันออกความเห็นหลังดูจบ โยนรีโมตคืน
“ใจ”
ผมรับมากดไล่ดูแบบไม่ใส่ใจ พอไม่มีอะไรก็ปิด
“อ้าว ไม่ดูต่อล่ะ”
“เบื่อ” ผมโยนรีโมตคืนให้มัน “กูนอนละ ราตรี”
“อือ” มันไม่ใส่ใจอะไร หยิบรีโมตไปเก็บ ลากเก้าอี้ออกนั่ง คงหวังจะอ่านหนังสือต่ออีก ผมดึงผ้าห่มมาห่ม ปิดตาลง สั่งใจให้หลับ บังคับไม่ให้รู้สึกอะไรมากไปกว่านี้
แต่อารมณ์ผม ถ้ามันได้พุ่งแล้ว ดับยากครับ ผมตวัดผ้าห่มออก ว่าจะเข้าห้องน้ำ แต่หยุดกึกมองไปยังแผ่นหลังของคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
กระทิงเปลี่ยวในตัวผมเริ่มชนกรงนิดๆ ผมกัดกรามแน่น ลุกออกจากเตียง เดินพรวดพราดไปอุ้มมันยกออกจากโต๊ะเรียนมาวางโครมไว้บนเตียง มันมองผมหน้าตื่น
“เป็นบ้าอะไรของมึง!!”
ผมไม่ตอบ ซุกหน้ากับซอกคอมันแรง
“พล! ไอ้บ้า ไอ้กระทิง กูจะอ่านหนังสือ”
“กูไม่ไหวแล้วฝุ่น”
“มึงก็ช่วยตัวเองไปสิ”
มันพยายามจะดันหัวดันมือผมออก ผมไม่เถียงไม่พูดอะไรอีก เคลื่อนปากสูดดมกลิ่นตัวมันไปทั่วทั้งซอกคอ งับติ่งหูเบาๆ มันต่อยท้องผมแรงจนจุก ผมรีบจับมือนั้นไว้ กดติดพื้นเตียง ใช้ปากทำหน้าที่เลื่อนชายเสื้อมันขึ้น ขยี้ปากกับหน้าท้องเลื่อนสูงไปที่แผงอก ขบกัดยอดอกมันอย่างหิวกระหาย ฝุ่นอึกอักจะครางก็ไม่คราง จะห้ามก็ไม่ห้าม ผมตวัดปลายลิ้นฉวัดไปเฉวียนมาเรียกเสียงครางมันแทนเสียงอึกอัก มือไม้ที่กำลังขัดขืนอยู่เริ่มระทวย แข้งขาที่ถีบถองดันผมออกเริ่มเคลื่อนไหวช้าลงเรื่อยๆ
ผมจัดการรูดเสื้อผ้าออกจากตัวมันจนหมดไม่ต่างกับของตัวเอง ซุกหน้าฟอนเฟ้น
“เบา…” มันสั่งเสียงพร่า ตัวสั่นเทิ้ม ผมหายใจฟืดฟาด กลัดมันเต็มที่
“พล…” มันพยายามเรียกสติ ผมไม่ฟังฟ้าฟังฝนอะไรทั้งนั้น บดขยี้มันด้วยมือ ขบกัดมันด้วยปากจนผิวมันขึ้นสี ผมรู้ว่ามันเจ็บ แต่ผมมันพวกซาดิสม์ระดับหนึ่ง ยิ่งได้ยินเสียงมันครางเจ็บผสมครางเย้ายวน ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ผม น้องผมปวดเป่ง ร่ำร้องให้ผมสังหารกินเหยื่อตรงหน้า แต่ผมอยากลิ้มรสร่างกายมันด้วยปากก่อน มันเลิกขัดขืนมานอนครางอย่างเดียว
ผมยกขามันขึ้นพาดไหล่ข้างหนึ่ง เคลื่อนตัวเชื่อมร่างของเราไว้ ผมคำรามอย่างหิวกระกระหาย ลืมสิ้นทุกอย่าง
“บอกให้เบาไงเล่า!” มันตบหน้าผมดังฉาดตอนผมเสือกไสเข้าไปแรง ผมแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ขยับตัวเข้าไปแรงขึ้นจนมันผวา เข้าได้เมื่อไหร่ อย่าหวังว่ามันจะได้ออกจากถ้ำได้อีกถ้ายังไปไม่ถึงสวรรค์
มันคงรู้ตัวดี แล้วฝุ่นก็ถูกกระทิงเปลี่ยวอย่างผมไล่ขวิดอีกเกือบค่อนคืน
ผมสะลึมสะลือลืมตาตื่นตอนรุ่งสาง เหยื่อผมนอนตะแคงหันหลังให้อย่างเคยโดยมีผมกอดก่ายไว้บนตัวเกือบครึ่ง ตอนแรกจะขยับออก แต่ผมเปลี่ยนใจกระชับกอดมันแน่นขึ้น มันคงรู้สึกตัวตอนผมขยับ น้องผมตื่นขึ้นมาเคารพธงชาติตรงตามเวลาเป๊ะๆ มันขยับจะลุก แต่ผมรั้งไว้ คลุกปากกับหัวไหล่มันเบาๆ สูดกลิ่นไอผิวเนื้อที่ผมไล่ดมมาเกือบค่อนคืน กลิ่นสบู่หายไปแล้ว เหลือแต่กลิ่นไอผิวเนื้อมันเท่านั้น
“ปล่อย กูจะไปอาบน้ำ”
“อืม ขอสักสิบนาทีนะ” ผมไม่ขอเปล่า จับขามันยกขึ้นจะเชื่อม มันขยับหนี
“ถ้ามึงดิ้น กูจะแปลงร่างเป็นกระทิง ชั่วโมงเดียวเอาไม่อยู่แน่”
มันชะงัก กัดปากแน่น ดวงตาฉายแววไม่พอใจ ผมลอบยิ้ม ยกขามันขึ้น คุ้ยน้ำบ่อน้อยเข้าไปเบิกทาง จับน้องผมเคลื่อนที่เข้าไปช้าๆ
มันยังนอนตะแคงข้างนิ่งๆ ปล่อยให้ผมทำดีๆ มีเพียงมือมันเท่านั้นที่บีบที่นอนแน่น มันคงอึดอัด พอเข้าไปได้ ผมขยับเคลื่อนไหวตัวช้าๆ ฝุ่นครางออกมาแผ่วๆ ผมสูดดมซอกคอ เกลี่ยแก้ม ก่อนขยับลุกขึ้นทำดีๆ ฝุ่นจ้องตาผม ดวงตามันเชื่อมนิดๆ
อารมณ์ตอนเช้าๆ ของผู้ชายถูกกระตุ้นง่ายอยู่แล้ว ของมันเองก็เต็มที่แล้วเหมือนกัน ผมเลื่อนมือไปเกลี่ยน้องมันเล่น
“อย่านานพล กูไม่อยากเดินเป๋ไปเรียน”
ผมพยักหน้า มีเรียนเช้าด้วยกันทั้งคู่ด้วย ผมเร่งจังหวะกะเวลาไว้สิบนาทีตามที่บอกจริงๆ พอให้ได้เหงื่อ
ผมซบหน้ากับหน้าอกมันเบาๆ ดึงลมหายใจกลับคืน มันเองก็ไม่ต่าง หอบหนักเลย
ผมค่อยๆ ดึงตัวเองออก มันขยับเคลื่อนลงจากเตียง เดินตัวเปล่าไปคว้าผ้าเช็ดตัว น้ำสีขาวขุ่นของผมจากภายในของมันไหลร่วงเป็นทางอาบขาสู่พื้น มันชะงักก้มดู หันมองมาทางผมตาเขียว ผมยักไหล่
“มึงไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวกูทำความสะอาดเอง”
มันพยักหน้า เดินหายเข้าห้องน้ำไป ผมลุกไปคว้าทิชชูเปียกมาเช็ดตามที่บอก คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันเอว รอคิวเข้าห้องน้ำ
ไม่เกิน 15 นาทีมันก็ออกมาตามเดิม ผมเดินเข้าไปอาบต่อ ต้องรีบครับเพราะสายแล้ว ผมใช้เวลาอาบเร็วมาก พอเรียบร้อยก็เห็นมันนั่งอ่านหนังสือรอ ผมคว้าเสื้อผ้ามาใส่ลวกๆ พอผมเรียบร้อย เราก็พากันเดินออกจากห้องไป
ฝุ่นทำทุกอย่างเหมือนปกติ แต่ผมชักไม่ปกติแล้ว
ปกติผมไม่เคยใส่ใจกลิ่นสบู่มัน แต่วันนี้ผมได้กลิ่นตลอด หัวใจเต้นแรงพิลึก
พวกแมทโบกมือไหวๆ เรียก ผมพยักหน้า วิ่งตาม
“ฝุ่น ทำไมเดินแบบนั้นวะ”
ไอ้นี่ก็ตาไวจริงๆ ผมก็ไม่ได้เปลี่ยวแบบเมื่อคืนหรอกครับ แต่ก็นะ ขนาดก็ไม่ใช่น้อยๆ เล่นเอามันเดินเป๋นิดๆ ฝุ่นไม่ตอบ แต่ผมยิ้มแหะๆ ให้ เป็นอันว่ารู้กัน
“ติดใจใหญ่นะมึง”
“แค่ออกรบยามเช้านิดหน่อย”
มันพยักหน้าไม่ว่าอะไร พากันเดินเข้าคณะไป
ตกเย็นพวกเรารวมกลุ่มกันอีกรอบ ยกเว้นฝุ่นที่ยังไม่เลิก ดิวและไวท์ติดกิจกรรม พวกผมต้องพากันนั่งรอเพราะวันนี้นัดสังสรรค์ “อ่ะนี่มึง เอานี่ไปให้เมียมึงหน่อย มันขอไว้นานล่ะ กูเพิ่งนึกได้” ไอ้กู้มันโยนนามบัตรของร้านหนังสือมือสองมาให้ ผมพยักหน้า หยิบใส่กระเป๋าเสื้อ
“ไม่เถียงสักคำเลยนะมึง” แมทผลักหัวผมเบาๆ
“เถียงเรื่องไร” ผมถามงงๆ
“เอ้า ก็ไอ้กู้มันบอกว่าเอาไปให้ ‘เมีย’ มึงหน่อย มึงก็รับมาหน้าตาเฉย”
ผมขมวดคิ้ว ยักไหล่
“ก็มันจริง”
“แล้วเมียมึงยอมรับมึงเป็นผัวรึยัง”
“เมียกูความจำสั้นว่ะ ต้องให้ย้ำบ่อยๆ” ผมคุยเล่นหัว พวกมันพากันโห่ฮิ้วว
“เพราะงั้นเมื่อเช้า มึงเลยเตือนความจำมัน จนมันเดินเป๋มาเรียนใช่ไหม”
“แค่สิบนาทีเอง”
พวกมันพากันหัวเราะ มีสาวๆ เดินผ่าน พวกเราพากันแซวไม่จริงจัง ตราบจนสามคนนั้นพากันเดินมา
“กว่าจะเสด็จมาได้นะพวกมึง พวกกูหิวกันจนไส้จะขาดอยู่แล้ว”
“หิวหรืออยากดื่ม” ไวท์ถามกลับอย่างรู้ทัน
“ทั้งคู่ เร็วๆ” ไอ้กู้มันเร่ง พวกเรารีบขนขบวนกันไปที่บ้านไอ้ไวท์ทันที (วันนี้ปลอดผู้ใหญ่ครับ)
แวะซื้อเครื่องดื่มกันหน้าปากซอย ก่อนเฮโลเดินเข้าบ้านมันไป พอเรียบร้อยพวกเราก็ตั้งวงเซิ้ง
เซิ้งจริงๆ ครับ
กินเหล้า เอาขวดเปล่ามาเคาะ ร้องได้ทุกเพลง ตั้งแต่หญิงลียันเลดี้กาก้า ผมก็บ้าบอตามคนอื่นไป มีคนเดียว
ในกลุ่มที่ไม่แตะของมึนเมาแต่ก็ตามมากินด้วยคือฝุ่น มันนั่งกินน้ำผลไม้ของมันไป หยิบกับแกล้มมาโยนใส่ปาก
พอเริ่มเมา ผมก็เริ่มเลื้อยตามสันดาน ลากคนไม่เมามานั่งตรงหน้า มันโวยวายใหญ่ แต่ผมไม่สน
“เอ้า พวกเรา ยกแก้วให้คู่บ่าวสาวหน่อย”
พวกมันยกแก้วขึ้นเหนือหัว โห่ฮิ้ว ผมยกตาม กระดกเหล้าเข้าปาก ฝุ่นพยายามจะถอยหนี แต่ยิ่งหนี ผมยิ่งล็อกมันไว้ในอ้อมแขนแน่นขึ้น พวกเพื่อนๆ ผมไม่พากันใส่ใจ ลุกขึ้นดิ้นแด่วๆ
“มึงจะกินก็กินไปดีๆ อย่ามาระรานกูพล”
“อืม กูเปล่าระรานมึงซะหน่อย” ปากไปทางมือไปทาง ปากไปทางหมายถึง ปากผมอยู่ที่หลังคอมัน ส่วนมืออยู่แถวๆ หน้าท้อง
“เอาเว้ยเฮ้ย ต่อไปนี้ ทุกคนจะได้ชมวิธีการสมสู่ของกระทิงเปลี่ยว” ไอ้กู้มันกำมือคล้ายไมค์จ่อไว้ใต้ปาก ผมหัวเราะหึๆ งับติ่งหูฝุ่นเบาๆ มันรีบผลักหัวผมออกแรงจนผมหน้าหงาย ก่อนดีดตัวกลับมางับมันใหม่
“เว้ย ถอยไป!!” มันโวยวาย
“เอาล่ะครับ ฝ่ายแดงมีท่าทีว่าจะรุกคืบ ฝ่ายน้ำเงินออกสเต็ปหนี แย็บขวานิด ซ้ายหน่อย แต่ฝ่ายแดงเรา สิงห์กระทิงเปลี่ยว มีพลังเหนือกว่า รับหมัดได้อย่างง่ายดาย ฝ่ายน้ำเงินหนุมานคลุกฝุ่นศิษย์ชาเย็นออกสเต็ปเท้า ตามด้วยหมัดขวา ฝ่ายแดงรับไว้ได้อย่างสวยงาม” ไอ้กู้มันก็พากย์ของมันไป ในขณะที่ผมก็ออกสเต็ปไล่งับ ไล่จับ ไล่เล็มมัน ส่วนมันก็โต้กลับทำเอาผมเจ็บไปหลายหมัด แต่คนเมาครับ ความอดทนย่อมมีสูงกว่า
ตอนนี้ผมกอดมันไว้ในอ้อมแขนแน่นด้วยสองมือ ผมนั่งพื้น ฝุ่นนั่งหน้า มือผมผลุบหายเข้าไปในเสื้อมัน ปากผมซุกซอกคอมันไว้
“มึง กูว่าถ้ามึงเงี่ยน แนะนำเข้าห้องไปก่อนป่ะ” เจ้าบ้านถีบขาผมแรง ผมส่ายหัวไปมา จริงๆ ผมไม่คิดจะทำอะไรหรอกครับ ยังอยากกินเหล้าอยู่ แต่ขอเลาะเล็มมันไปหน่อยเถอะ ตอนนี้ฝุ่นเลิกดิ้นแล้ว นั่งอยู่เฉยๆ ให้ผมเล็ม
“มึงซวยเองที่ได้มันเป็นเมต”
“สนใจเปลี่ยนกับกูไหมล่ะ”
แมทมันส่ายหัว
“กูยังไม่อยากเป็นเมียมัน” มันชี้นิ้วทั้งที่ยังถือแก้วใส่หน้าผม ผมยกนิ้วกลางให้มันที
“กูก็ไม่อยากได้มึงเป็นเมียเหมือนกัน คงอ้วกพิลึก”
มันยกเท้าถีบผมอีกรอบ
เวลาผ่านไปอีกร่วมสองชั่วโมง ผมเริ่มอาศัยไหล่ของฝุ่นเป็นที่พักคาง มันก็ไม่ว่าอะไร หรือเลิกว่าไปแล้ว เพราะถึงไงก็สู้ผมไม่ได้
ผมเลื่อนมือจากหน้าท้องมันสูงไปที่อก คลึงหัวนมมันเบาๆ ภายในเสื้อ มันเลื่อนมือมาจับมือผมไว้ หันมากระซิบข้างหู ตอนนี้แต่ละคนเริ่มเอนแล้วละครับ ปกติพวกเราจะเมาแล้วนอนเกลื่อนกันที่นี่แหละ
“พล กูไม่ไหวแล้วนะ พอเถอะ” เหมือนมีเสียงแก้วแตกดังเพี๊ยะในหัว ผมเพิ่งสังเกตว่าตัวมันสั่นแค่ไหน ไม่รู้มันนั่งอดทนกับการเล้าโลมตลอดของผมมานับสองชั่วโมงได้ไง และผมก็ควรจะช่วยให้มันเลิกทรมานได้แล้วใช่ไหม ไอ้ไวท์ไอ้เจ้าบ้านเป็นคนสุดท้ายที่ยังมีสติ แต่ในที่สุด มันก็ล้มลงนอนพับ ไม่มีใครได้สติแล้ว จริงๆ ผมน่าจะล้มไปนานแล้วตามเพื่อนๆ แต่วันนี้กินน้อยกว่า เพราะมัวแต่นั่งเล็มหนังเมียแทนหนังหมู สภาพที่เห็นตอนนี้ แผ่นดินไหวก็ไม่มีใครรู้ตัวครับ ผมอาศัยจังหวะที่ทุกคนหลับ เลื่อนมือไปจับน้องมันภายใต้ร่มผ้า ซึ่งตอนนี้ ฝุ่นยอมให้ผมจับดีๆ น้องมันตื่นเต็มที่แล้ว เอียงคอให้ปากผมฝังได้ถนัดๆ
“ที่นี่ ไม่ได้นะ”
“อืม พวกมันหลับกันหมดแล้ว”
“ไม่เอา” มันเถียง ผมไม่ฟัง คลี่ปลดน้องตัวเองออก ดึงกางเกงมันออกนิดๆ แล้วจัดการยกมันขึ้นมานั่งเชื่อมร่าง
“อย่าพล เห็นใจกูบ้าง”
“ซี้ด แต่กูไม่ไหวแล้ว” คำพูดเห็นแก่ตัวของผมดังออกมาเบาๆ จับมันนั่งหน้าทิศทางเดียวกัน
“ขยับสิฝุ่น นะเมียรัก” ผมกระซิบพร่า จับมันพลิกหันหน้าเข้าหาตัว ผมนั่งหันหลังพิงกำแพง ฝุ่นมองหน้าผม ผมเห็นหน้ามันไม่ชัดเท่าไหร่ ตอนแรกคิดว่ามันจะขัดขืนไม่ยอม แต่ผมว่ามันคงเกิดอารมณ์สุดๆ แล้วเหมือนกัน ถึงได้ขยับตัวกลืนกินผม
ฝีมือสอบตกแน่ๆ เก้กังน่าดู ผมขยับปรับจังหวะให้มันนิดหนึ่ง สักพักมันก็เริ่มพลิ้ว กอดคอผมแน่น ผมนี่แทบจะคลั่งตาย ตามองเพื่อนๆ ที่หลับไม่รู้เรื่อง สองมือประคองเอวมันไว้
ตื่นเต้นให้ตาย ถึงจะเคยว่าวกันต่อหน้า แต่ไม่เคยที่ผมจะทำแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนสักที ถึงพวกมันจะไม่รู้ตัวก็เถอะ
“อืม ดีมาก” ผมชม สติพร่าเลือน สิ่งที่ผมรับรู้ได้ มีเพียงความเสียวสะท้าน อ้อมกอดจากวงแขนมัน ความสุขลึกๆ ในหัวใจ โดยเฉพาะเมื่อยามที่ผมกระซิบเรียกมันว่า…
“เมียรัก”
มันรู้สึกดีในหัวใจยังไงพิกล
To be Con
LOVE YOU คนอ่าน
xxxxx
พลเริ่มรู้สึกดีกับฝุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว รอคอยวันที่ความรู้สึกจะพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความรัก บางฉากพลก็รุกฝุ่นบ้างเล็กๆ น้อยๆ แม้จะยังไม่รู้ตัว
ถ้าไม่ใส่ใจก็จะคิดว่าพลทำไปงั้นๆ อย่างตอนหิ้วหนังสือให้ฝุ่น หรือตอนตะเกียบฝุ่นหักแล้วพลยื่นของตัวเองไปให้ (เป็นความรู้สึกอยากปกป้องและอยากดูแล)
ชอบนิยายเรื่องนี้มากเลย เป็นเรื่องที่เขียนไว้นานแล้ว เขียนไว้ก่อนเขียน Hate Love อีก เพียงแต่ตอนนั้นเขียนไปได้แค่ 7 ตอนแล้วต่อไม่ติด แต่ด้วยความที่ว่ามันสนุกมาก กลับไปอ่านกี่ทีกี่ทีก็สนุก จึงไม่ทิ้ง พยายามที่จะแต่งต่อมาตลอด กระทั่งมาต่อติดเมื่อปลายปีที่แล้ว ระหว่างเดินทางไปผจญภัยกับผู้ร้ายข้ามแดน
ดีใจที่ไม่ทิ้งเรื่องนี้ไปเสีย อ่านกันให้สนุกนะ เลิฟยูออลลลลลล
+++++++++++++++++++++++++++++++
ติดแท็ก #จับเพื่อนทำเมีย เมื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้นะคะ