Universe 26th : รอยร้าว
คุณจีนมาอยู่ที่นี่ได้สองสามวันแล้ว ไม่มีอะไรเป็นปัญหา ผมยอมรับว่ารู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะหลังจากที่กลับมาจากโรงพบาบาลในคืนนั้น พี่ภูก็เอ่ยปากยกห้องนอนใหญ่ของพี่ภูเองให้คุณจีน เพราะพักหลังมานี้พี่ภูก็แทบจะมานอนห้องผมเกือบทุกคืนอยู่แล้ว และอีกอย่างคุณจีนเองก็เป็นผู้หญิง แม้จะเป็นแฟนเก่า แต่พี่ภูก็ไม่อยากทำอะไรที่คลุมเครือ เขาอยากให้ทุกอย่างชัดเจน เพื่อตัวคุณจีนเองจะได้ไม่เสียหายด้วย แต่สิ่งที่เธอบอกกับพี่ภูทำเอาผมทำตัวไม่ถูก
‘ภูนอนกับจีนก็ได้นะคะ ยังไงเราก็เคยอยู่ด้วยกัน นอนเตียงเดียวกัน จีนไม่คิดมากอะไร จีนไม่อยากให้ภูลำบากไปนอนเบียดกับเด็กรับใช้ในห้องเล็กๆ แบบนั้น’ ผมชะงัก และเตรียมเดินหนี เมื่อเห็นว่าหัวข้อสนทนามันเริ่มเป็นส่วนตัว แต่พี่ภูกลับรั้งข้อมือผมไว้ และบอกให้ผมอยู่ต่อ
‘ก่อนอื่นเลยนะจีน ไนล์ไม่ใช่เด็กรับใช้และ ผมเองก็คิดว่ามันคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ที่ผมกับจีนจะมานอนห้องเดียวกัน อีกอย่างก็ไม่ได้ลำบากอะไรผมด้วย เพราะปกติผมก็นอนห้องไนล์อยู่แล้ว ห้องนี้ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่หรอก .. ยังไงก็ตามสบายนะจีน’ พี่ภูพูดตัดบทตอนเห็นคุณจีนพยายามจะพูดต่อ เขาพาผมเดินออกมา โดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองเลยสักนิด นั่นทำให้ผมค่อนข้างกังวล กลัวว่าคุณจีนอาจจะไม่พอใจผม และมีปัญหาเกิดขึ้นทีหลัง
แต่ผ่านมาสองสามวันแล้วทุกอย่างก็ยังคงปกติดี จะมีก็แต่พี่ภูที่งานหนักมากขึ้นทุกวัน เขาเริ่มกลับบ้านดึก และไปทำงานเช้าขึ้น บางวันก็หอบงานกลับมาทำที่คอนโด บางคืนถึงกับฟุบหลับไปบนกองเอกสารเลยก็มี
วันนี้ก็เหมือนกัน พี่ภูถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม ผมชะเง้อคอรอเขาแล้วรอเขาอีก จนกระทั่งได้ยินเสียงปลดล็อครหัสที่ประตู ผมยกยิ้มกว้าง ผุดลุกขึ้นยืนเตรียมจะวิ่งไปหาพี่ภูที่ประตู แต่คุณจีนที่นั่งอยู่ใกล้กว่าลุกไปถึงตัวพี่ภูก่อน ผมเลยต้องถอยออกมาเพราะกลัวจะไปชน แล้วโดนขาเธอเข้า
“ภูคะ กลับมาแล้วหรอคะ? ทำไมวันนี้ภูกลับช้าจังคะ?” คุณจีนถามพลางจะเอื้อมมือไปช่วยรับสูทกับเอกสารที่พี่ภูถือกลับมาด้วย แต่พี่ภูส่ายหน้าพลางยิ้มให้เป็นเชิงปฏิเสธ
“งานเยอะน่ะ จีนนั่งเถอะ ข้อเท้ายังเจ็บอยู่ไม่ใช่หรอ” พี่ภูพูดพลางเดินเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่ด้านหลังของคุณจีน ก่อนจะยื่นสูทกับเอกสารในมือให้ และพอผมรับมาเขาก็สวมกอดผมเบาๆ
ผมยืนตัวแข็ง ไม่คิดว่าพี่ภูจะกอดผมต่อหน้าคุณจีนแบบนี้ แต่พอผมจะเอ่ยปากขอให้เขาปล่อย พี่ภูก็จูบเบาที่ไหล่ผม จากนั้นก็พูดในสิ่งที่ทำเอาผมต้องกลืนทุกคำขอของผมลงคอ
“ฉันเหนื่อยมากเลยวันนี้ เหนื่อยมากๆ .. ขอกอดหน่อยนะ”
ผมยิ้มบางๆ ตอนนั้นแทบไม่ได้สนใจเลยว่าคุณจีนจะได้ยินสิ่งที่พี่ภูพูดกับผมหรือเปล่า ผมแคร์และก็เป็นห่วงแค่พี่ภูเลยยกแขนข้างที่ว่างกอดเขาตอบ ผมลูบหลังเขาเบาๆ ให้เขาได้รับรู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ เขาเสมอ
“ว่าแต่พี่ภูทานอะไรมารึยังครับ? พี่ภูชอบดื้อ เวลางานเยอะแล้วก็ลืมทานข้าวตลอด” พี่ภูดันตัวผมออกเมื่อกอดจนพอใจแล้ว
“ยังไม่ได้กิน แต่ไม่ค่อยหิว เหนื่อยมากกว่าอยากนอน” เขาอ้อน “วันนี้ไม่ทำอะไรต่อแล้ว อยากนอนกอดนายเฉยๆ แค่นั้น”
ผมหัวเราะเบาๆ จนตาหยี รู้ทั้งรู้แหละว่าต่อให้ตื๊อยังไงพี่ภูก็ไม่ยอมกินหรอก หนำซ้ำจะทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าเดิมอีกเพราะกำลังเหนื่อย
“ไม่ทานข้าวก็ได้ครับ แต่ดื่มนมสักแก้วก่อนนอนนะไนล์ขอ ไม่งั้นพี่ภูได้นอนท้องร้องทั้งคืนแน่”
“หึ” พี่ภูหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะใช้ก้านนิ้วเคาะปลายจมูกผมเบาๆ “ช่างต่อรองนักนะ… เอ้า กินก็กิน นายเอาไปให้ในห้องนะ ฉันขอไปอาบน้ำก่อน”
“ครับ” ผมยิ้มกว้างที่พี่ภูยอมทำตามที่ผมขอ ก่อนจะดันหลังให้เขาเดินไปทางห้องนอน “งั้นพี่ภูไปอาบน้ำให้สบายตัวรอได้เลย เดี๋ยวไนล์เอาของไปเก็บ แล้วจะเอานมไปให้ครับ”
พี่ภูยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นหน้ามาหอมแก้มผม ผมเองก็แอบทำตัวไม่ค่อยจะถูก ไม่ใช่ว่าไม่ชินที่ถูกพี่ภูกอดหรือหอม แต่ที่ไม่ชินก็คือสายตาของคุณจีนที่มองอยู่ตอนนี้มากกว่า.. มันดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่ หรือบางทีผมก็อาจจะคิดไปเอง
ผมไม่รู้ว่าพี่ภูลืมตัวหรือเปล่าว่าคุณจีนเองก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่เพราะมันคือเรื่องปกติที่เขาทำ เขาก็เลยดูจะไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่ ผมไม่รู้ว่าคุณจีนคิดยังไง แต่สายตาเมื่อกี้ที่เธอมองมาทำให้ผมไม่สบายใจเลยสักนิด
แล้ววันถัดมาสิ่งที่ผมกังวลก็เกิดขึ้น คลื่นลมที่เคยสงบอยู่สามสี่วันก็ก่อตัวเป็นพายุลูกใหญ่ที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะพัดพาไปในทิศทางใด
.
.
.
“ฉันไม่กิน! ฉันไม่ชอบกินของแบบนี้! ไปทำสปาเก็ตตี้มา ฉันอยากกินสปาเก็ตตี้!”
ผมที่กำลังจะทรุดลงนั่งที่โต๊ะอาหารเพื่อทานข้าวพร้อมกับคุณจีนถึงกับชะงัก เพราะจู่ๆ เธอก็พูดเสียงแข็งขึ้นมาพร้อมกับไสจานใส่ข้าวไปด้านข้าง ป้ามลที่กำลังจะหยิบโถข้าวมาตักข้าวให้ ถึงกับเผลอเอามือทาบอก เพราะท่าทางของคุณจีน
“แต่กับข้าวนี่…”
“เอ๊ะ! ก็บอกว่าไม่กินไง! ฟังไม่รู้เรื่องหรอ? หรืออยากให้ฉันฟ้องภูว่าคนรับใช้ที่นี่มันไม่เชื่อฟังกัน!” เธอมองผมด้วยสายตาไม่พอใจและพาลมองขวางใส่ป้ามลไปด้วยอีกคน
“คุณคะ คุณไนล์ไม่ใช่คนรับใช้นะคะ คุณท่านให้คุณไนล์มาดูแลคุณภู คุณไม่มีสิทธิ์พูดกับคุณไนล์แบบนี้นะคะ” ป้ามลเถียงแทนผม โดยที่ผมต้องรีบลุกขึ้นจับต้นแขนของแกไว้
“ป้ามลครับ ใจเย็นๆ นะครับ ไนล์ไม่เป็นไร” ผมพยายามปลอบป้ามล แต่คุณจีนก็ไม่ยอมลดราให้เลย
“เห๊อะ! ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ นี่ปากฉัน ป้ามายุ่งอะไรด้วยไม่ทราบ! เป็นคนรับใช้ก็ทำหน้าที่ของคนรับใช้ไปสิ ทำไมถึงเสนอหน้าทำเกินหน้าที่... ชอีกคนปากมาก” คุณจีนปรายตามาทางผม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหยันๆ “ส่วนอีกคนก็มีบริการเสริมบนเตียง”
“นี่คุณ! มันจะเกินไปแล้วนะคะ!” ป้ามลทำท่าเหมือนจะไม่ยอม ผมเลยต้องรีบกันแกออกไปก่อนที่เรื่องจะลุกลาม
“ป้ามลครับ ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวไนล์จัดการเอง ป้ามลไปดูในครัวเถอะครับ.. นะครับป้า” ผมพยายามขอร้องแม่บ้านของพี่ภูด้วนสายตาอ้อนวอน เพราะไม่อยากให้คุณจีนก้าวร้าวใส่ป้ามลมากไปกว่านี้
เธอจะว่าอะไรผม ผมไม่สนใจหรอก เพราะมีแค่ผมที่รู้ว่าความรู้สึกและความปราถนาดีที่ผมมีให้พี่ภูมันบริสุทธิ์และจริงใจขนาดไหน แต่กับป้ามลที่อายุแทบจะแก่คราวแม่นั้นผมบอกตามตรงว่ารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“แต่คุณไนล์คะ ป้า…”
“นะครับป้า ไนล์ขอร้องนะครับ” ผมกุมมือที่เหี่ยวย่นตามอายุมากุมไว้เบาๆ พร้อมกับยิ้มให้แกบางๆ สุดท้ายป้ามลก็ยอมแพ้ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ก็ได้ค่ะ” ป้ามลหันไปมองคุณจีนด้วยสายตาไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาหาผม “งั้นป้าอยู่ในครัวนะคะ มีอะไรคุณไนล์เรียกป้าได้เลยนะ”
ผมพยักหน้ารับ ป้ามลเลยเดินกลับเข้าไปในครัว ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมกับคุณจีนสองคน
“คุณจีนครับ ผม…”
“ฉันบอกว่าให้เอาอหารพวกนี้ไปเก็บ แล้วทำสปาเก็ตตี้มาให้ฉันใหม่ไง! โง่หรอ? ทำไมต้องให้พูดซ้ำสอง ห๊ะ?!”
คุณจีนตวาดผมลั่น แต่ผมก็ยังพยายามใจเย็น ผมไม่อยากให้มีปัญหา และไม่อยากให้เรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ถึงหูพี่ภูด้วย อะไรที่ยอมได้ผมก็อยากยอม เพราะไม่อยากให้พี่ภูลำบากใจ ยิ่งช่วงนี้เขายิ่งเครียดๆ เรื่องงานอยู่ด้วย
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะทำให้ทานนะครับ แต่ยังไงวันนี้คุณจีนทานอาหารที่มีอยู่ตอนนี้ไปก่อนได้ไหมครับ” ผมพยายามต่อรองแต่สิ่งที่คุณจีนทำ ทำเอาผมพูดไม่ออก
พอผมพูดจบ จู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับถือจานกับข้าวไปทั้งสองมือ เธอตรงไปที่ถังขยะใบเล็กข้างห้องครัว ก่อนจะเทอาหารทั้งสองจานทิ้ง พร้อมกับหันมายิ้มเยาะใส่ผมด้วยท่าทางสะใจ
“ตกลง แกจะไปทำให้ฉันกินได้รึยัง?”
“คุณจีน!”
ผมยอมรับว่าในนาทีนั้นผมโกรธมาก ผมอยู่กับพี่ภูมาสองเดือน แม้แรกๆ พี่ภูจะจงเกลียดจงชังค่อนไปทางไม่ชอบขี้หน้าผมมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเทกับข้าวผมทิ้งลงขยะต่อหน้าต่อตาผมแบบนี้ ไม่กินผมไม่ว่า แต่เททิ้งเหมือนไม่เห็นค่าแบบนี้ ผมรับไม่ได้จริงๆ
ผมพยายามสงบสติอารมณ์ โดยการสูดหายใจเข้าลึกๆ และมองไปยังอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะอีกอย่าง
“ผมยังยืนยันคำเดิมครับ ผมจะทำสปาเก็ตตี้ให้คุณจีนทานพรุ่งนี้” ผมชี้ไปที่อาหารอีกจานที่ยังมีอยู่ “วันนี้คุณต้องทานอาหารที่มี ผมจะไม่ทำให้ใหม่ ขอตัวครับ”
ผมล้มเลิกความตั้งใจที่จะทานอาหารกลางวันร่วมกับเธอ ผมทนไม่ได้มากๆ กับอะไรแบบนี้ เลยตัดสินใจยกจานเปล่าของตัวเองแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว ก่อนที่จะได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณจีนดังตามมาติดๆ
“กรี๊ดดดดดด แก! แก! ไอ้คนรับใช้! ไอ้เหลือขอ! คอยดูนะฉันจะฟ้องภูให้จัดการแก คอยดู!”
ผมส่ายศีรษะด้วยความปวดหัว ใจจริงไม่อยากจะให้พี่ภูมารับรู้เรื่องเล็กน้อยแบบนี้เลย ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าคุณจีนเธอจะกล้าฟ้องจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเธอฟ้องพี่ภูขึ้นมาจริงๆ ผมก็ได้แต่หวังว่าพี่ภูจะเข้าใจ และไม่โทษว่าเป็นความผิดของผม
ซึ่งต่อมาผมก็พบว่ามันเป็นความคิดที่ผิดถนัด
.
.
.
วันนี้พี่ภูกลับดึกไม่แพ้เมื่อวาน ผมเองแม้จะรู้อยู่แล้วเพราะพี่ภูบอกไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ชายทะเลแล้วว่าช่วงนี้พี่ภูจะงานยุ่งและอาจจะกลับบ้านดึก แต่ผมก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
และก็เหมือนภาพเดจาวูเกิดซ้ำขึ้นอีกครั้ง เพราะพอเสียงปลดล็อคประตูดังขึ้น คุณจีนก็ลุกพรวดพราดตรงไปที่ประตู แต่สิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือผมแค่ลุกขึ้นยืนเฉยๆ ไม่ได้เดินไปหาพี่ภู และวันนี้พี่ภูเองก็ดูเหนื่อยจากงานมากยิ่งกว่าเมื่อวานมาก
พี่ภูดูอิดโรยและเหนื่อยอ่อน เหมือนคนที่พร้อมจะหลับตลอดเวลา ผมเชื่อจริงๆ นะว่าพี่ภูงานยุ่ง เพราะขนาดพี่เทมส์เอง แม้เขาจะไม่ค่อยมีเวลาโทรหาผมบ่อยๆ แต่เขาก็จะส่งข้อความมาหาผมตลอดไม่ได้ขาด เพิ่งจะมีสองสามวันนี้แหละที่พี่เทมส์หายไป ถ้าให้เดาก็คงมีสภาพไม่ต่างจากพี่ภูเท่าไหร่หรอก ยิ่งใกล้ช่วงเปิดตัวโครงการมากเท่าไหร่ พวกเขาจะยิ่งวุ่นมากขึ้น
แต่ดูเหมือนคุณจีนจะไม่ได้รับรู้ถึงความเหนื่อยและหงุดหงิดที่พี่ภูแผ่ออกมา เพราะเธอตรงเข้าเกาะแขนพี่ภูทันที
“ภูคะ ภูพาจีนไปหาอะไรทานนอกบ้านได้ไหมคะ?” พี่ภูหันไปหาคุณจีนทันทีเมื่อได้ยินเธอขอแบบนั้น
“ทำไมล่ะ? วันนี้ไนล์ไม่ทำกับข้าวหรอ? ทำไมจีนถึงยังไม่ได้กินอะไร?” พี่ภูละสายตาจากคุณจีนมามองหน้าผมที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะทานข้าว ก่อนที่พี่ภูจะเหลือบไปเห็นกับข้าววางเรียงรายอยู่ เขาก็ขมวดคิ้วมุ่นดูหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม “ก็มีกับข้าววางอยู่บนโต๊ะนี่ แล้วทำไมจีนถึงไม่ไปกินล่ะ จะให้ผมพาออกไปหาอะไรกินข้างนอกทำไม”
“ก็เด็กที่ดูแลภูไม่ให้จีนทานนี่คะ เขาบอกจีนว่าเขาทำให้ภูทานแค่คนเดียว ถ้าจีนอยากทานให้จีนไปทานเองข้างนอก แต่จีนเจ็บขาไปไม่ไหว อีกอย่างจีนต้องทานยาด้วย จีนก็เลยมารบกวนภูแบบนี้”
คุณจีนพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร ในขณะที่ผมถึงกับอึ้งไปเลย นี่มันหนังคนละม้วนชัดๆ ผมพยายามจะอ้าปากแก้ความเข้าใจผิด แต่พี่ภูที่ดูเหนื่อยมากๆ กลับดูไม่อยากรับฟังอะไรทั้งนั้น และตอนนี้เขาก็หงุดหงิดมากจนอยากจะพาลใส่ใครสักคน และคนๆ นั้นก็คงจะหนีไม่พ้นผมเอง
“ไนล์! ทำไมถึงทำแบบนี้ ฉันบอกแล้วใช่ไหมให้นายดูแลจีน ที่ฉันขอนี่มันเหนือบ่ากว่าแรงมากเลยหรอ แค่นี้ฉันยังเหนื่อยไม่พอรึไง?”
“พี่ภูครับ แต่ไนล์ไม่ได้…” เขาโบกมือปัด ราวกับไม่อยากรับฟัง ทำเอาใจผมชา รู้สึกว่าสุดท้ายผมก็เป็นคนที่พี่ภูไม่เคยรับฟังอะไรเลย
ไม่ว่าจะเป็นตอนคุณรัน หรือคุณจีน
ผมต้องมารับผิดเพราะสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำทุกครั้ง ทำไมต้องเป็นผมตลอดเลย ในขณะที่พี่ภูรับฟังทุกคน ผมกลับเป็นคนเดียวที่เขาไม่คิดจะฟังอะไรทั้งนั้น
“จีนไปกินอาหารที่อยู่บนโต๊ะเถอะ วันนี่ผมเหนื่อยผมคงไม่กินอะไรทั้งนั้นล่ะ เดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย จีนก็ไปกินให้อิ่มแล้วกินยาซะนะ”
“ขอบคุณนะคะภู ถ้าจีนไม่ได้ภูจีนคงแย่” เธอเอาหน้าซบแขนพี่ภู พลางปรายตาและยิ้มเยาะใส่ผม แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมเจ็บเท่าที่พี่ภูตบลงเบาๆ บนมือของคุณจีนที่เกาะแขนตัวเองอยู่ ราวกับจะปลอบใจ
“อืม ไม่เป็นไร ผมขอโทษแทนไนล์ด้วยแล้วกัน ปกติไนล์ไม่ได้เป็นแบบนี้ เอาไว้เดี๋ยวผมจะคุยกับเขาให้”
คุณจีนช้อนตามองพี่ภู ก่อนจะผละออกแล้วยิ้มหวานใส่ “ค่ะภู ถ้าภูบอกแบบนี้จีนก็เบาใจ จีนรู้ว่าจีนมาอยู่ที่นี่คงทำให้ภูกับคนดูแลอึดอัด แต่จีนไม่มีที่ไปจริงๆ ขอเวลาจีนสักหน่อยนะคะ”
“อย่าคิดมากเลยจีน ก็ตามที่ผมเคยบอกจีนไว้นั่นแหละ” พี่ภูตัดบท “วันนี้ผมเหนื่อยมาก ขอตัวก่อนนะจีน”
พี่ภูถอยห่างออกจากคุณจีนก่อนจะเดินมาทางผมเพื่อไปที่ห้องนอน เขาสบตาผมเล็กน้อย แววตาของพี่ภูยังคงดูหงุดหงิดและรำคาญใจ เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ผมรู้ว่าท่าทีแบบนี้คือให้ตามไปที่ห้อง ผมเลยเดินตามเขาไปเงียบๆ และทันทีที่ประตูห้องปิดลง น้ำเสียงเฉยชา ใบหน้าเรียบนิ่งจากพี่ภูก็ถูกส่งมาที่พี่ทันที
“มันอะไรกันนักหนา? หรือฉันยังเหนื่อยเรื่องงานไม่พอ? กลับบ้านมาทำไมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกห๊ะไนล์?”
“…” สีหน้าและแววตาที่เหนื่อยอ่อนของพี่ภูทำให้ผมกลืนทุกอย่างลงคอ จากที่เคยตั้งใจไว้ว่าอยากจะพูดทุกเรื่องผมก็พูดไม่ออก เพราะถ้าผมเริ่มพูดผมก็รู้ว่ามันจะไม่จบลงง่ายๆ และก็จะต่อความยาวสาวความยืดมากออกไปอีก
แต่ถ้าผมทน ทุกอย่างมันจะจบแค่ตรงนี้ และพี่ภูก็ไม่ต้องตามแก้ปัญหาวุ่นวายอีก
“ฉันรู้ รู้ว่าจีนเองก็คงทำนายลำบากไม่น้อย ฉันรู้ว่าที่จีนพูดคงไม่ได้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ฉันอยากให้นายช่วย เพราะฉันรู้ว่านายจะช่วยได้.. ยอมๆ จีนหน่อยนะไนล์ ถือว่าซื้อความสบายใจให้ฉันก็ยังดี”
“…” ผมเม้มปากแน่น สิ่งที่พี่ภูขอไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง แม้มันจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่มันก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้
ผมเข้าใจที่พี่ภู แต่มันอดน้อยใจไม่ได้ ที่สุดท้ายก็เป็นผมทุกทีที่ต้องยอม
“ไนล์…” พี่ภูเดินมาจับไหล่ผมทั้งสองข้าง และจังหวะนั้นผมก็ตัดสินใจพูด อย่างน้อยก็เพื่อรักษาความรู้สึกของตัวเอง
“แต่ไนล์ไม่ได้ทำอย่างที่คุณจีนบอก ไนล์หาอะไรให้คุณจีนทานแล้ว แต่เธอไม่ทาน เธอจะให้ไนล์ทำให้ใหม่” ผมพูดเสียงเบาและในตอนนั้นเองพี่ภูก็ดึงผมเข้าไปกอด
ใจที่บอบช้ำเหมือนได้รับการดูแล มันดีขึ้น แต่ก็ยังคงเจ็บอยู่ เพราะสุดท้ายพี่ภูก็ยังคงยืนยันคงเดิม
“ฉันรู้ ฉันถึงได้บอกไงว่าฉันรู้ แต่ก็อย่างที่บอก ช่วงนี้งานฉันเยอะมาก ฉันเหนื่อยมากไนล์ กลับมาฉันก็อยากพักไม่อยากมารับรู้ปัญหาอะไรเพิ่มอีก”
พี่ภูจูบแก้มผมเบาๆ ก่นที่จะขอร้องผมต่อ
ขอร้องในสิ่งที่ผมไม่มีวันปฏิเสธเขาได้ ไม่ว่ากี่ครั้งผมก็ยอมเขาเสมอ
“ทนหน่อยนะไนล์ เดี๋ยวพอจีนดีขึ้นเธอก็จะไปจากที่นี่ ฉันทำใจร้ายไล่เขาไปตอนนี้ไม่ได้ เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรอ?” พี่ภูดันตัวผมออก ก่อนที่จะสบตาผมนิ่ง “ทนเพื่อฉันหน่อย ทำเพื่อฉัน..นะไนล์นะ”
“ก็ได้ครับ ไนล์จะพยายามไม่ทำให้พี่ภูต้องยุ่งยากใจเพราะปัญหานี้อีก อะไรที่ไนล์ยอมคุณจีนได้ ไนล์จะยอมเธอครับ”
“ขอบใจนะไนล์ ขอบใจมาก”
ผมตัดสินใจพยักหน้ารับและบอกว่าจะทำ แค่นั้นพี่ภูก็ยิ้มออก แต่กลายเป็นหัวใจผมหนักอึ้งแทน ผมรู้ตัวเองดีว่าลึกๆ ผมยังน้อยใจพี่ภูอยู่ อาจจะเพราะคุณจีนเป็นแฟนเก่า เป็นคนที่พี่ภูเคยรักมาก เป็นคนที่ไม่ว่ายังไงพี่ภูก็จะยังคงให้ความสำคัญก่อนเสมอ
ผมเลยอดไม่ได้ที่จะคิดน้อยใจ แต่แล้วหัวสมองผมก็ต้องว่างเปล่า เมื่อใบหน้าหล่อเหลาของพี่ภูค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
พี่ภูยื่นหน้ามาประทับริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากผมเบาๆ เขาจูบผมอย่างอ่อนโยน เลาะเล็มริมฝีปากผมช้าๆ ก่อนที่จะสอดลิ้นเข้ามาทันทีที่ผมเผยอริมฝีปากออก เขากวาดลิ้นไปทั่วโพรงปากผม ก่อนจะเกี่ยวกระหวัดลิ้นตัวเองเข้ากับลิ้นผม เสียงจูบและอารมณ์ของเราค่อยๆ ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายขอยอมแพ้ ด้วยการบีบไหล่พี่ภูแน่น เพราะหายใจไม่ทัน
พี่ภูยอมถอนริมฝีปากออก เขามองหน้าผม นัยน์ตายังลุกโชนไปด้วยเพลิงอารมณ์ที่ยังปะทุอยู่ภายใน
“ไปครับพี่ภู ไปอาบน้ำได้แล้ว” พี่ภูพยายามจะยื่นหน้าเข้ามาจูบแก้มผม แต่ผมเบี่ยงหลบ เพราะรู้ดีว่าถ้าผมยอมให้พี่ภูจูบอีก มันต้องเลยเถิดแน่ๆ “ไหนว่าเหนื่อยไงครับ ไปอาบน้ำแล้วจะได้รีบมานอนนะ”
ผมพยายามจับคนตัวโตกว่าหันหลัง แล้วดันตัวเขาให้ออกเดิน แต่พี่ภูกลับอาศัยความตัวใหญ่และแรงเยอะกว่าผม เขาหันมาตวัดตัวผม ก่อนจะช้อนอุ้มขึ้นแนบอก พลางพูดด้วยสีหน้าและแววตาที่ไม่น่าไว้ใจสักนิด
“อาบน้ำกัน อาบพร้อมกันนี่แหละ เดี๋ยวฉันถูหลังให้” น้ำเสียงพี่ภูเจ้าเล่ห์มากจนผมรู้ว่ามันจะไม่จบที่การอาบน้ำเฉยๆ แน่ๆ
“ไม่เอาครับพี่ภู ไหนพี่ภูว่าเหนื่อยไง” ผมแย้งเสียงอ่อน แต่พี่ภูกลับไม่ยอมปล่อย แถมกอดผมแน่นกว่าเดิมอีกต่างหาก
“เหนื่อยน่ะมันเหนื่อยอยู่… แต่สำหรับเรื่องนี้ฉันไหวตลอดแหละ” พี่ภูยิ้มร่าตอนอุ้มผมพาเดินเข้าห้องน้ำ โดยที่ผมเองก็โวยวายง๊องแง๊งไปตลอดทาง ยังดีที่พี่ภูแค่พาผมเข้าไปอาบน้ำจริงๆ แต่หลังออกมาจากห้องน้ำนี่สิ …
เขาฟัดผมจมแทบจมเตียง ไม่รู้ว่าเหนื่อยจริงๆ หรือแกล้งเหนื่อยกันแน่ ทำไม่กับเรื่องแบบนี้เรี่ยวแรงเขาเหลือเฟือตลอดเลย
.
.
.
(อ่านต่อด้านล่าง)