ความลับที่ 5 ไม่เข้าใจ
“อันอัน เอ่อ มารับพี่เหรอ”
ตั้งโอ๋ถามเสียงเบา ขณะยืนนิ่งอยู่หน้าประตูคอนโดของเพื่อนร่วมชั้น
ยอมรับว่ารู้สึกตกใจไม่น้อยที่จู่ๆก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นตอนเวลาสี่ทุ่มแบบนี้
ครั้งแรกคิดว่าเพื่อนที่กลับไปก่อนแล้วกลับมาเพราะลืมของไว้ แต่ดันกลับกลายเป็นน้องชายอย่างอันเดรสที่ยืนหน้าบึ้งอยู่หน้าประตูห้อง เดือดร้อนเจ้าของห้องยืนหน้าแห้งๆอยู่ข้างๆเขา
“สี่ทุ่มแล้ว ทำไมยังไม่กลับ”เสียงทุ้มห้วนถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
อีกทั้งสีหน้าที่ยังบอกบุญไม่รับอีก ทำเอาตั้งโอ๋ได้แต่ยิ้มแห้งๆตามเพื่อนร่วมชั้นไปติดๆ
“เอ่อ อันเดรส นี่ตั้ม เพื่อนพี่ เจ้าของห้อง”ตั้งโอ๋แนะนำ
“ถามว่าทำไมสี่ทุ่มแล้วยังไม่กลับ”
“พี่ยังติวบทนี้ไม่จบเลย อีกอย่าง อันอันจะมาทำไม ทำไมไม่นอนไปเลย พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่รึไง”
“ก็ใช่ แต่มาตาม มันดึกแล้ว”
“อะไร นี่มันแค่สี่ทุ่มเอง อีกอย่างพี่ก็โตแล้ว อันอันเป็นเด็กออกจากบ้านมาดึกดื่นมันอันตราย”
“อันตรายอะไร ใครกันแน่ที่อันตราย มืดค่ำป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน ไปเก็บของ กลับบ้านกันได้แล้ว”
“แต่พี่ยังไม่จบบทเลยนะ อย่ามาบังคับพี่นะอันอัน”
“ไปเก็บของ”
“พี่ไม่เก็บ อันอันกลับไปก่อนเถอะ อย่ามาทำนิสัยแบบนี้ พี่ไม่ใช่เด็กนะ พูดรู้เรื่องกันบ้างสิ”
“ตั้งโอ๋ เราว่า กลับก่อนก็ได้ ไม่เป็นไร”ตั้มเมื่อเห็นว่าพี่น้องเริ่มเปิดศึกย่อมๆอย่างไม่ยอมกันก็พูดขัดขึ้นมา แต่ก็ต้องหลบตาน้องชายของเพื่อนที่สะบัดมามองวูบหนึ่ง พลางยิ้มแหยๆ ไม่มีใครไม่รู้ว่าน้องชายของเพื่อนคนนี้หวงพี่ชายมากแค่ไหน ครั้งแรกก็ไม่รู้หรอกว่าจะขนาดนี้ วันนี้พอได้มาเห็นก็เชื่อเลย ว่ามันแบบนั้นอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ
“กลับบ้าน”
“แต่พี่ยังติวไม่จบนะ”
“แล้วคนอื่นล่ะ ไปไหนหมด ไหนว่าติวกันหลายคน”อันเดรสมองผ่านเข้าไปในห้องไม่เห็นใครนอกจากตั้งโอ๋กับเพื่อนคนนี้ก็ยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิม ใบหน้าคมขมวดคิ้วมุ่นพลางจ้องหน้าเพื่อนของพี่ชายเขม็งอย่างจับผิด
“กลับกันไปหมดแล้ว”
“แล้วทำไมโอ๋ไม่กลับ”
“ก็พี่อยากติวบทนี้ให้จบก่อนไง ใช่ไหมตั้ม”ตั้งโอ๋พูดพลางหันยักคิ้วเพื่อนให้เออออด้วย โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าเพื่อนพยายามฝืนยิ้มแค่ไหน
“ตั้งโอ๋ พอดีว่า เรานึกขึ้นได้ว่า วันนี้การ์ตูนที่เราดูอยู่มันออนแอร์วันนี้ อีกเดี๋ยวก็มาแล้ว ตั้งโอ๋กลับไปกับอันเดรสก่อนก็ได้นะ เราพึ่งนึกได้ แหะแหะ”
“อ่าว จริงเหรอ แล้วก็ไม่บอก งั้นไว้พรุ่งนี้ค่อยติวต่อแล้วกัน ขอบคุณที่ติวให้เรานะ”ตั้งโอ๋บอกอย่างเกรงใจพลางเดินไปเก็บหนังสือที่วางอยู่ไม่กี่เล่มขึ้นมา
“กลับกันได้แล้ว ชักช้าอยู่ได้”
“อ่าว แล้วใครจะไปรู้ล่ะ อันอันก็เถอะ ทำไมชอบมาตามอยู่เรื่อย เรากลับแล้วนะตั้ม”ตั้งโอ๋พอเก็บของเสร็จก็บอกลาตั้ม
“อืม ไม่เป็นไร กลับกันดีดีนะ”
“อืม แล้วเจอกัน”
“อันอัน ทำไมต้องมาตามพี่ด้วย พี่ไม่เข้าใจ พี่โตแล้ว อีกอย่างพี่ต้องเตรียมสอบเข้ามหาลัย มันก็ต้องติวบ้างเป็นธรรมดา”
“มันดึกแล้ว”
“ดึกอะไร นี่มันพึ่งจะสี่ทุ่ม”
“แล้วทำไมไม่ติวที่บ้าน”อันเดรสถาม พลางมองไปนอกหน้าต่างรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นอยู่บนถนนยามดึก
“พี่ไม่อยากรบกวนอันอัน”
“เคยบอกตอนไหนว่ากวน คิดเองเออเอง”
“อ่าว แล้วใครจะไปรู้ล่ะ พี่ไม่อยากให้อันอันลำบากใจเวลาที่พี่พาเพื่อนมาบ้าน”
“คราวหลังก็ติวที่บ้านเยแหละ จะพาใครมาก็ได้ มีอะไรก็ถามก่อน ไม่ใช่คิดเองเออเอง มันลำบากคนอื่น”
“ลำบากอะไร ก็ไม่เห็นมีใครขอให้มาตามสักหน่อย”
ตั้งโอ๋บอกเสียงห้วนพลางจ้องมองเสี้ยวหน้าหล่อคมของน้องชาย ที่มีไฟถนนสีส้มพาดผ่านบนใบหน้าอย่าขัดใจ
ในใจมันรู้สึกดีไม่น้อยที่น้องชายเอาใจใส่เขา ทั้งที่ไม่ได้มีความผูกพันทางสายเลือด แค่ทว่า ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นระหว่างกัน ทำให้คำว่าสายเลือด ไม่ได้เป็นตัวกั้นช่องว่างระหว่างกันเลยสักนิด
อาจจะมีบางครั้งที่น้องชายคนนี้ทำเกินไปบ้าง แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะความคิดที่ยังเด็กของน้องชาย ที่อาจจะทำให้เขาไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่จะโกรธเคืองน้องชายคนนี้จริงจังสักครั้ง
“คนอื่นเขาเป็นห่วง”
“ก็ไม่ได้ไปไหนไง อยู่กับเพื่อน”
“กับเพื่อนก็ไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปกับอัน เข้าใจไหม”อันเดรสหันมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของพี่ชายอย่างจงใจ
“เข้าใจแล้ว ทำอย่างกับตัวเองเป็นพี่แล้วคนอื่นเป็นน้องไปได้”ตั้งโอ๋พูดพลางเบือนหน้าหนีสายตาของอันเดรสที่มองมา
สายตาที่ไม่เข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร รู้เพียงแค่ว่าไม่อาจที่จะตอบรับแล้วสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นได้
“อันอัน ดูอะไรดึกดื่น”ตั้งโอ๋ถามเสียงเบาหลังจากอาบน้ำเสร็จก็เดินลงมาจากห้อง ผ่านห้องนั่งเล่นเห็นว่าน้องชายยังดูทีวีอยู่
“ดูหนัง แล้วลงมาทำอะไร ทำไมไม่นอน มันดึกแล้ว”อันเดรสตอบโดยที่ยังไม่ละสายตาจากทีวี
“ว่าคนอื่นดึก ตัวเองก็ดึกเหมือนกัน เอานมร้อนไหม จะได้ทำเผื่อ”
“อืม”
“อ่ะนี่ นมร้อน ระวังหกล่ะ”ตั้งดอ๋ยื่นแก้มนมร้อนที่พึ่งอุ่นเสร็จให้อันเดรสที่มัวแต่จ้องมองทีวี
“รู้แล้วน่า แล้วนี่อะไร ทำไมไม่ใส่เสื้อ”อันเดรสพอหันมาเห็นพี่ชายที่เปลือยท่อนบนใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวถามเสียงแข็งด้วยท่าทีที่ไม่พอใจทันที
“ทีตัวเองยังใส่กางเกงนอนตัวเดียวได้เลย แล้วมาดุพี่ทำไมเนี่ย”
“ใครสั่งใครสอนให้ใส่กางเกงตัวเดียวเดินในบ้านแบบนี้”
“อ่าว ทีอันอันยังทำได้ พี่ก็ต้องทำได้ดิ อีกอย่างพี่ก็โตกว่าอันอัน”ตั้งโอ๋วางแก้วนมลงทั้งสองแก้วบนโต๊ะ แล้วยกมือขึ้นกอดอกจ้องมองน้องชาย เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง
ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องชายต้องหงุดหงิดมากมายแบบนี้ทั้งที่ตัวเองก็ใส่กางเกงนอนตัวเดียวเดินในบ้านเหมือนกัน
“ไปใส่เสื้อ”
“ไม่เอา อันอันก็ไปใส่ก่อนสิ”
“อย่ามาดื้อ ไม่ชอบ บอกให้ใส่เสื้อก็ไปใส่”
“อะไร ทำไมพี่ต้องฟังอันอัน พี่โตกว่าอันอันตั้งเยอะ อันอันทำได้พี่ก็ต้องทำได้สิ อีกอย่างพี่ก็ร้อน”
“จะไปใส่เสื้อดีดีหรือต้องให้บังคับ”
“บังคับอะไร พี่โตแล้ว อันอันน่ะ ต้องไปใส่เสื้อ เดี๋ยวก็เป็นปอดบวม”ตั้งโอ๋พูดพลางสะบัดหน้าใส่อย่างไม่พอใจ ยิ่งคุยกันก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนน้องชายข่มอยู่ยังไงยังงั้น
“มั่นใจแล้วรึไง ที่พูดว่าโตแล้วน่ะ”อันเดรสหันมาถามเสียงขุ่นพลางจ้องมองใบหน้าขาวที่กำลังจ้องมองตนอย่างไม่ลดละ
“ก็โตแล้วน่ะสิ พี่โตกว่าอันอันเยอะ อันอันต่างหากที่ต้องเชื่อฟังพี่ ไม่ใช่มาสั่งพี่”
“หึ”
“หึอะไร ตัวเองเป็นเด็กแท้แท้ ทำตัวอย่างกับพวกแก่แดด”
“งั้นเหรอ ไหนขอดูหน่อยสิ ว่าโตที่บอกว่าโตแล้วน่ะ โตจริงไหม”อันเดรสพูดเสียงพร่าพลาง
ดวงตาคมสีเข้มจ้องมองแผ่นอกขาวของพี่ชายที่ไหวไปตามแรงหายใจ ยอดสีอ่อนชูอวดรับสายตาเป็นตัวดึงดูดอย่างดีทำให้ไม่อาจจะละสายตาออกไปได้
“อะไร ดูอะไร”ตั้งโอ๋พออันเดรสเขยิบตัวเข้ามาใกล้ก็ถามอย่างสงสัยพลางถอยหนีเมื่อคิดว่าระยะห่างที่เว้นเอาไว้มันเริ่มจะลดน้อยลงขึ้นไปทุกที
“เตือนอีกครั้ง จะไปใส่เสื้อดีดีตามที่บอกหรือว่าจะอยู่ตรงนี้เพื่อยืนยันว่าตัวเองโตแล้ว”
“มะ ไม่ไป พี่โตแล้ว อันอันนั่นล่ะที่ต้องไปใส่เสื้อ”
“พูดเองนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้”อันเดรสพูดพลางโน้มใบหน้าเข้าหาใบหน้าขาวที่กำลังจ้องมองมาอย่างตื่นตระหนก ทั้งที่ยืนยันคำตอบ แต่ดวงตาสีดำสนิทกลับสั่นระริก คล้ายกำลังหวั่นไหว
“อะ อะไร ใกล้เกินไปแล้ว”ตั้งโอ๋บอกเสียงสั่นพลางถอบหลัง ยกมือขึ้นดันแผ่นอกร้อนผ่าวของอันเดรสออกจากตัว
แต่ก็เหมือนกับเรี่ยวแรงไม่เป็นใจ หรือว่าคิดอะไรไม่ออก ถึงได้ถูกดันล้มลงไปนอนบนโซฟาตัวยาวแล้วถูกคร่อมทับแทน
หัวใจดวงเล็กเต้นโครมคราว ความรู้สึกสับสนเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ใบหน้าขาวร้อนผ่าวโดยที่ไม่รู้ตัว
ร่างสูงโปร่งสะดุ้งเบาเบาเมื่อมือร้อนทาบผ่ายลูบไล้ลงที่เอวของตน ร่างกายที่มือนั้นทาบลงกลับรู้สึกว่ามันร้อนขึ้นโดยที่ตนไม่รู้
สาเหตุ
“อันอัน”เสียงเรียกที่แหบพร่าอย่างควบคุมไม่ได้ดังออกมา ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเรียก ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ผลักน้องชายออก
รู้แค่ว่าหัวใจของตัวเองสับสนจนแทบไม่อยากจะรับรู้อะไร ได้แต่จ้องมองดวงตาที่กำลังมองร่างของตัวเองด้วยสายตาที่ทำให้รู้สึกกระดากอายอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมกัน คำถามนี้ได้แค่ผุดขึ้นในหัวซ้ำไปซ้ำมาเวลาที่มือร้อนนั้นลูบไปทั่วตัว ความจุกหน่วงเริ่มก่อขึ้นที่กลางลำตัวอย่างไม่เคยรู้สึก
“รู้สึกแล้วสินะ”เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูคล้ายเป็นตัวกระตุ้นอย่างดี ราวกับถูกหยอกล้อให้ได้อับอาย
“อะ อันอัน”ตั้งโอ๋หลับตาลงเมื่อริมฝีปากของอันเดรสประทับจูบลงบนเปลือกตา
ทั้งที่มันไม่ใช่สิ่งที่พี่น้องพึงกระทำ แต่ทำไม หัวใจกลับไม่ต่อต้าน แต่กลับยอมรับในสิ่งที่กำลังเป็นอยู่
“ทะ ทำอะไรนะ”ตั้งโอ๋ถามเสียงดังอย่างตกในเมื่อกางเกงถูกร่นลงผ่านข้อเท้าออกไปทำให้รู้สึกถึงความเย็นวาบผ่านช่วงขา
มือผอมตะปบเข้ากับส่วนกลางลำตัวอย่างตกใจทันที พลางมองดูน้องชายที่คุกเข้าคร่อมตัวเอง ใบหน้าสีเข้มขึ้นสีพลางหอบหายใจติดขัดผิดสังเกต
“อยู่เฉยๆน่า”
“อันอัน จะทำอะไร”ตั้งโอ๋กระถดตัว ปิดของลับของตัวเองอย่างตื่นตระหนกเมื่อน้อยชายพยายามจะดึงมือตัวเองออก
“หึ มีดีเหมือนกันนะเนี่ย”เสียงแหบพร่าพูดอย่างหยอกเย้าเมื่อดึงมือของเขาออกมาได้
ตั้งโอ๋หน้าแดงก่ำพลางเบิกตากว้างเมื่อเห็นส่วนนั้นของตัวเองกำลังตั้งชันอย่างไม่เคยเป็น ปลายยอดมีน้ำอุ่นใสปริ่มออกมาอย่างน่าอาย
“ปล่อยนะ อย่ามอง อันอันปล่อยมือพี่”ตั้งโอ๋พยายามดึงมือตัวเองออกจากมือของอันเดรสที่กุมเอาไว้
“จะอายทำไม มีเหมือนกัน ไหนขอดูหน่อยว่าโตจริงหรือว่าแค่คุย”สิ้นเสียงทุ้มต่ำ ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างถูกใจ
มือหนากอบกุมเข้าที่ส่วนแข็งขืนสีอ่อนอย่างเบามือ ความแข็งขืนกระตุกรับอย่างพึงพอใจ ต่างจากเจ้าของที่กำลังตกใจ
มือที่ถูกปล่อยกุมไหล่น้องชายพลางจิกลงอย่างแรง ความรู้สึกวูบในท้องน้อยมันมันแล่นเข้ามาจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
เรียวปากบางขบเม้มพยายามกลั้นเสียงที่เริ่มรู้สึกว่าคุมไม่อยู่เอาไว้ ใบหน้าขาวซุกลงกับแผ่นอกร้อนของน้อยชายอย่างไม่รู้ตัว
ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำให้รู้สึกมีสุขจนไม่อาจที่จะขัดขืนได้ ความรู้สึกผิดถูกลบเลือนไปจนหมดเมื่อริมฝีปากร้อนจูบประทับลงบนแก้มตัวเองราวกับต้องการที่จะปลอบประโลม
“อือ อันอัน พี่ไม่ไหว อ๊ะ ปล่อยนะ”ตั้งโอ๋บอกเสียงแหบพลางจิกเล็บลงบนลาดไหล่ของน้องชาย
“อืม อีกนิดนึง”อันเดรสกระซิบพลางเร่งมือเร็วขึ้นทำให้คนที่กำลังทุรนทุรายอยู่ใต้ร่างเกร็งตัว กอดรัดเขาแน่นกว่าเก่า
“มะ ไม่เอาแล้ว ไม่ไหว”ตั้งโอ๋ร้องบอกอย่างเหนื่อยหอบ ความรู้สึกที่ราวกับว่าวที่โลดโผนอยู่กลางอากาศกำลังทำให้รู้สึกว่าตัวเองทรมานแทบจะขาดใจ
“ไม่เป็นไร เด็กดี”อันเดรสกระซิบปลอบ
“อื้อ อัน อัน พี่จะ อื้อ อื้อ แล้ว”
“ปล่อยมาเลย”
“ไม่เอา อ๊ะ ปล่อย ไม่ไหว อัน อัน พี่ อ๊ะ”เสียงหอบหายใจ กับเสียงหวีดร้องของตั้งโอ๋ดังขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขาดใจ
เมื่อส่วนนั้นมันรู้สึกอัดอั้นราวกับกำลังจะระเบิดออกมา ไม่นานเรียวนิ้วยาวก็จกลงบนลาดไหล่ของน้องชาย ก่อนเสียงหวีดร้องจะขาดหายไป ตามด้วยเสียงหอบหายใจที่ถี่รัว กับตาที่ปรือลงอย่างหมดแรง
“เด็กดี”เสียงปลอบกระซิบข้างหูพลางจูบลงบนขมับ
“ทำไม ทำแบบนี้”ตั้งโอ๋พยายามลืมเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาถามน้องชายด้วยน้ำเสียงที่หอบเบาเบา
“คราวหลังก็อย่าดื้อ”
“หมายความว่าไง”ตั้งโอ๋ถามพลางหน้าแดงเมื่ออันเดรสกำลังเอมหยิบทิชชู่มาเช็ดกับน้ำอุ่นร้อนที่เปรอะไปทั่ว
ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงจนรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว น้ำสีขุ่นที่ถูกปล่อยออกมาเปรอหน้าท้องของเขาจนเต็มไปหมด อีกทั้งหน้าท้องของอันเดรสก็ยังไม่เว้น
“เคยทำเองบ้างไหมเนี่ย”
“อะ อะไร ก็ต้องเคยสิ”ตั้งโอ๋พอถูกถามอย่างนั้นก็รีบตอบทันที คำถามที่เหมือนกับเยาะเย้ยกันเห็นเห็น ใครจะไปแก่แดดเหมือนตัวเองกัน
“แน่ใจนะว่าเคยแล้ว หึหึ ไหนบอกว่าโตแล้ว ไม่เห็นจะเหมือนพี่บอกสักนิด”
“อะไร ก็บอกว่าโตแล้วไง อีกอย่าง ใครสอนให้ทำอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาทำให้คนอื่น” ตั้งโอ๋ผลุดลุกขึ้นกอดอก ถดตัวหนีพลางยกมือขึ้นมาปิดของสงวงของตัวเองอย่างหวงแหน ทั้งที่ไม่มันไม่ทันแล้วก็ตาม
“ไม่เห็นเป็นไร”
“มันจะไม่เป็นไรได้ไง แล้วอย่าไปทำอย่างนี้กับใครล่ะ มันไม่ดีนะรู้ไหม”ตั้งโอ๋บอกพลางเอื้อมหยิบกางเกงขาสั้นมาใส่ พยายามบังคับมือไม่ให้สั่น
“ก็รู้แล้วน่า ก็ทำกับโอ๋คนเดียวนี่ล่ะ เคยทำกับใครที่ไหนล่ะ”
“ละ แล้วก็ ห้ามมาทำแบบนี้กับพี่อีก พี่ไม่ชอบ”
“แน่ใจนะว่าไม่ชอบ”
“กะ ก็ไม่ชอบน่ะสิ กะ กินนมแล้วก็ ไปนอนได้แล้ว”
“ไม่รับปาก”
“หมายความว่าไงที่ไม่รับปาก”ตั้งโอ๋หันไปถามพลางยกแก้มนมขึ้นดื่มด้วยมือที่สั่นเทา ใบหน้าขาวแดงก่ำ ยายามไม่สบตาน้องชาย
ไม่รู้จะมองหน้ากันยังไง สิ่งที่กำลังทำอยู่มันไม่ใช่เรื่องที่พี่น้องจะต้องทำกัน
อยากจะลุกหนีไปใจแทบขาด แต่เรี่ยวแรงกลับไม่มีเอาซะดื้อๆ รู้ว่าน้องชายกำลังจ้องมองอยู่ด้วยสายตาที่ตัวเองไม่อาจระบุว่ามันต้องการจะสื่ออะไร
เพียงแต่ว่า หัวใจเขาเองมันก็กำลังสับสนเกินกว่าที่จะรับรู้อะไรไปมากกว่านี้
ความโกรธที่พึงมีมันกำลังถูกลบหายไปด้วยความผูกพันที่มีมานาน
ตอนนี้เขาควรจะต้องโกรธน้องชายคนนี้ แต่ทำไมถึงทำได้ไม่ลงคอ อาจจะเพราะความรักที่เขามีต่ออันเดรสมันมากเกินไปจนยอมน้องชายได้ทุกอย่าง
รักจนให้อภัยได้ในทุกทุกสิ่ง
“วันไหนที่โอ๋ไปกับคนอื่น อันจะไม่รับปากว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
“ทำไมล่ะ ทำไมพี่ถึงไปกับคนอื่นไม่ได้”ตั้งโอ๋ถามขึ้น ดวงตาสีดำสนิทสั่นไหว หัวใจที่พยายามนิ่งสงบกลับถูกสั่นครอนขึ้นมาอีกครั้งด้งยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ
“เพราะโอ๋เป็นของอัน จะไม่แบ่งให้ใคร”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รู้สึกจะหายไปนานนะเออ แหะแหะ ยังมีคนจำได้ไหมน้อ ว่ามีเรื่องนี้อยู่
คนเขียนแอบอู้ไปเป็นโอตาคุมาพักใหญ่
ยังไงก็ขอบคุณคนที่ติดตามนะคร้าาา ขอบคุณที่ไม่ลืมกันจ้าา