☻ Love Secret พี่น้องแล้วไง....ถ้าใจรักกัน ☻ 30/03 ☻ [Ch.12] ค่าเสียหาย ☻
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☻ Love Secret พี่น้องแล้วไง....ถ้าใจรักกัน ☻ 30/03 ☻ [Ch.12] ค่าเสียหาย ☻  (อ่าน 65476 ครั้ง)

ออฟไลน์ GMJeam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อันอัน กลีบมาได้แล้วลูก

ออฟไลน์ Arzumi

  • #เจ้าหนูจาไม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาม่าลังนึงเตรียมซดทั้งเดือน ฮืออ :hao5:

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
เรื่องมันเศร้า
อันเดรสรีบกลับด่วนนน

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
ความลับที่ 8.2 การกลับมา

       “คุณตั้งโอ๋มาแล้วเหรอค่ะ เชิญข้างในเลยค่ะ”เลขาหน้าห้องทำงานของผู้เป็นพ่อเดินมาทักเมื่อเห็นเขาหอบแปลนของงานโฆษณาที่จะทำให้กับบริษัทของพ่อรุ่มร่าม

   เพราะว่ารถติดมากกว่าที่คิดเอาไว้ทำให้ค่อนข้างจะใช้เวลาไปมากกับการเดินทางทำให้มาสายและรีบร้อนอย่างที่เห็น

   “ครับ ขอโทษทีที่มาสายนะครับ”ตั้งโอ๋หันไปขอโทษเลขาหน้าห้องทำงานของประธานบริษัททัวร์รายใหญ่


   “ขอโทษนะครับ พอดีรถ มันติด อะ เอ่อ”กำลังจะอธิบายก็ชะงักสายตาเข้ากับดวงตาคมกริบคู่สีน้ำตาอ่อนที่ไม่ต่างอะไรกับ
ของผู้เป็นพ่อ



   “เป็นถึงเข้าของบริษัท แต่ดันมาสาย ไม่ได้เรื่องเลยนะครับ”เสียงคล้ายหยอกเย้าถามพร้อมกับริมฝีปากหยักยกยิ้มมุมปาก

   หัวใจดวงเล็กกระหน่ำเต้นรัวราวกับผืนกลองที่กำลังถูกตีอย่างไม่ปราณี

   “อะ อัน อัน”เขาเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาคล้ายกับกำลังหลุดเข้าไปในภวังค์

   “เจอกันตั้งนาน ใจคอจะยืนอยู่ตรงนั้นรึไงครับ….พี่ชาย”

   

   “อ่า โทษที”เขาแก้ตัวก่อนจะหอบม้วนกระดาษและแปลนงานวางกองลงบนโต๊ะทำงานกลางห้อง

   เขาปลายตามองสำรวจน้องชายอยู่วูบหนึ่งอย่างเก็บรายละเอียดก่อนจะหลบสายตา

   รูปร่างของน้องชายเปลี่ยนไปเยอะมากน้องชายที่อยู่ในชุดสูทดูสุขุม จากที่สูงอยู่แล้วก็สูงใหญ่กว่าเดิมพอพอกับผู้เป็นพ่อ
ใบหน้าที่เคยเกลี้ยงเกลาก็มีเคราขึ้นมาเล็กน้อยดูคมเข้ม น้องชายดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากจนเขาแทบจะจำไม่ได้



   “เอ่อ แล้วพ่อล่ะ”เขาถามเมื่อความเงียบเริ่มเข้าปรกคลุม

   “พ่อให้ผมรับหน้าที่นี้ไปทำแทน”

   สรรพนามแทนตัวทำให้ตั้งโอ๋หัวใจกระตุกวูบ

   “งั้นเหรอ แล้ว เอ่อ กลับมาเมื่อไรล่ะ”เขาถามแก้เก้อ มือสาละวนกับม้วนกระดาษที่ตอนนี้ไม่มีสมาธิจะคิดว่าม้วนไหนมี
ข้อมูลอะไรบ้าง

   “ใจเย็นๆ ผมไม่รีบ”มือที่ควานหาแปลนงานถูกหยุดเอาไว้ด้วยมือใหญ่ของน้องชาย

   เหมือนกับถูกกระแสไฟอ่อนๆช๊อตจนเกือบสะดุ้ง

   “อ่า นั่นสิ พี่ขอโทษที”

   “กลับมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้วล่ะ แต่ดูเหมือนว่าพี่จะยุ่งมาก”น้องชายบอก ใจก็นึกโกรธเคืองที่อาทิตย์หนึ่งแล้วที่กลับมา แต่
ไม่มีวี่แววของพี่ชายเลยแม้แต่เงา

   “ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เลย สงสัยว่าพี่จะยุ่งจริงๆ ขอโทษด้วยนะ”เขาขอโทษอีกครั้งพลางชักมือกลับมาแล้วหลุบตาลงมองพื้น



   “พ่อได้บอกเกี่ยวกับคอนเซปไว้รึเปล่า ว่าอยากได้แบบครอบครัว”เขาเริ่มเปิดประเด็นงานเพราะเริ่มอึดอัดกับสายตาที่ดูห่าง
เหินคู่นั้น

   “บอกไว้แล้ว แต่ ผมไม่ต้องการแบบนั้น”

   “ทำไมล่ะ”คอตอบของอันเดรสทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมาด้วยความงุนงง


   “ผมอยากจะได้โฆษณาที่เหมือนกับยี่สิบปีที่แล้ว”

   “แต่นั่นมันตอนที่เราถ่ายกันนี่”

   “ใช่ ผมอยากให้โฆษณาออกมาเป็นแบบภาพของการเปลี่ยนแปลงที่ยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้”

   “จริงสิ อืม ความคิดนี่ก็โอเค แล้วเอ่อ นักแสดงล่ะ”พี่ชายถามพลางจดแผนงานที่ได้ฟังพร้อมกับใช้ความคิด แต่ก็ยังอดที่
จะประหม่าไม่ได้กับสายตาของน้องชาย

   “ผมอยากได้นักแสดงชุดเดิม หวังว่ามืออาชีพอย่างพี่คงจะไม่มีปัญหา”

   “แต่”

   ตั้งโอ๋ชะงัก มองใบหน้าที่นิ่งเฉยของน้องชาย ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่น้องชายต้องการ นั่นก็หมายความว่า จะต้องมีเขาที่อยู่ใน
โฆษณาครั้งนี้ด้วย

   “คิดว่าบริษัทโฆษณาที่น่าเชื่อถือจะทำได้ไม่ยากนะครับ”

   “แต่พ่อจะยอมเหรอ แล้วอัน อัน เอ่อ อันเดรส จะสะดวกเหรอ”เขาถามเสียงเบา

   “ไม่มีปัญหา ผมบอกพ่อเอาไว้แล้ว จากนี้ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของพี่ไปจัดการเรื่องสถานที่และเวลา”

   “จะเอางั้นก็ได้”เขาตอบรับ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธกับสิ่งที่น่าอึดอัดนี้อย่างไร

   มือขาวพยายามเพ่งสมาธิและจดโน้ตลงในสมุดพลางขมวดคิ้วมุ่น

   เขาไม่ได้เตรียมใจมารับเรื่องราวเซอไพรส์เช่นนี้สักหน่อย

   แล้วอีกอย่าง ช่องว่างที่มีมากกว่าเมื่อก่อนทำให้คิดไม่ออกเลยว่าจะทำตัวยังไงดี

   “อ้อ เห็นว่าพ่อให้บ้านหลังนั้นเป็นของขวัญเรียนจบกับพี่ มันยังอยู่ดีใช่ไหม”

   คำถามน้องชายทำให้ชะงักมือ

   “อืม ยังอยู่เหมือนเดิม”

    ใช่ เขาเก็บของทุกอย่างในห้องของน้องชายเอาไว้เหมือนเดิม และดูแลมันเป็นอย่างดี

   “งั้นเหรอ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว พี่จะอยู่ต่อก็ได้นะครับ เผื่อจะจดอะไรเพิ่มเติม”

   “อ้อ ไม่หรอก พี่คงจะกลับไปคิดแพลนใหม่ที่ออฟฟิตกับคนอื่นๆ”

   “งั้นก็ตามสบายนะครับ”

   น้องชายพูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมกับความเงียบงันที่เข้ามาปรกคลุม

   ตั้งโอ๋ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อความอึดอัดคลายลง



   ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงกับความห่างเหินที่เกิดขึ้นทั้งที่อยู่ใกล้ชิดขนาดนี้

   ขอบตาที่เหือดแห้งจู่ๆก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆเอ่อขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว ใบหน้าขาวสะอาดเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ

   จู่ๆน้ำตามันก็เอ่อออกมาเอง นี่เขาเป็นอะไรไป




   “เฮ้ นึกว่าวันนี้จะไม่กลับเข้ามาอีกแล้ว”แขกประจำของออฟฟิตขนาดเล็กแบบโฮมออฟฟิตทักทายเจ้าของพื้นที่ที่หอบงานเข้ามาด้วยสภาพหนักใจ

   “มีอะไรอีกล่ะครับ”เขาถามอย่างปลงตกเมื่อนักแสดงรุ่นพี่ที่ร่วมงานกันมานานเดินเข้ามากอดคออย่างสนิทสนม

   “ก็จะมาของานเจ้าของบริษัทโฆษณาทำสักหน่อย พอดีมันว่างๆ”สกายยิ้มเมื่อแขนที่เกี่ยวเอาไหล่ของตั้งโอ๋ถูกปัดออก
อย่างเคย

   ตั้งโอ๋เดินเข้าไปที่โต๊ะตัวเองมุมห้องทำงานแล้วรื้อเอกสารที่วางอยู่เต็มโต๊ะออกมาแล้วยื่นเอาเอกสารที่หาจนเจอให้กับสกา
ยอย่างรู้งาน

   แขกที่ไม่ได้รับเชิญแต่กลับเป็นแขกประจำอย่างสกายชอบเข้ามาและวางท่าทีว่ามาของานทำ แต่ที่จริงแล้ว งานที่เจ้าตัว
มาทำท่าทีเป็นขอก็เป็นงานที่เจ้าตัวมั่นใจว่าจะได้รับเลือกจากผู้ว่าจ้างอยู่ก่อนแล้วตลอด

   “เส้นใหญ่ก็แบบนี้”สกายยักไหล่แล้วหันไปยิ้มกับพนักงานคนอื่นๆ

   ที่ก็รู้กันดีกว่านักแสดงนายแบบหนุ่มที่กำลังนิยมคนนี้ไม่ได้มาของาน แต่หาขออ้างมาใกล้ชิดและก่อกวนเจ้าของบริษัท
ด้วยการมารับงานที่ได้ทำต่างหาก



   “เฮ้อ”ตั้งโอ๋ถอนหายใจ

   ถามว่ารำคาญไหมก็รำคาญ แต่มันชินไปแล้วกับการที่มีนักแสดงรุ่นพี่คนนี้คอยมาป่วนออฟฟิตของเขา

   “เป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า”

   “เปล่าสักหน่อย”ตั้งโอ๋ตอบ

   “งั้นก็ ไปกินข้าวเย็นกันไหม วันนี้ไม่มีคิวงาน”

   “ไม่เอา ต้องคิดแพลนงานใหม่ แล้วจะเอาอะไรอีกไหม ถ้าไม่เอาอะไรก็กลับไปได้แล้ว ขี้เกียจมีข่าวไร้สาระ”

   “ไร้สาระที่ไหน ออกจะเป็นความจริง”

   “เป็นความจริงที่ไหน ถ้าไม่ออกไป ผมจะบอกพนักงานว่าห้ามให้พี่เข้ามาที่นี่อีกแล้วนะ”ตั้งโอ๋ขู่

   “โอเค ก็ได้ ยอม ว่าแต่งานอะไร”สกายยกมือทำท่ายอม

   “งานโฆษณาของพ่อน่ะ”

   “โอ้ แล้วทีมงานเป็นอะไร”

   “ครอบครัว”

   “อืม น่าสนใจดี แล้วนักแสดงล่ะ”

   พอถูกถามคำถามแทงใจดำก็ทำเอาชะงักมือที่กำลังเก็บโต๊ะที่รกให้เข้าที่เพื่อเตรียมเริ่มโปรเจกใหม่

   “แล้วเมื่อไรจะกลับล่ะครับ ผมไม่มีสมาธิทำงานแล้วนะ”ตั้งโอ๋เงยหน้าขึ้นบอก

   “โอเค งั้นก็ได้ ไว้พรุ่งนี้มาใหม่”

   “ตามใจ”ตั้งโอ๋ถอนหายใจ ไม่ว่าไม่เคยห้าม แต่ห้ามแล้วไม่เคยฟังต่างหาก”

   
   เขาไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้จะต้องทำยังไง จะวางตัวยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าครอบครัว ในเมื่อสิ่งที่อยู่ในใจมันแทบจะเอ่อล้นออกมา


   แล้วก็เป็นตามดั่งที่คาดเอาไว้ นิตยสารข่าวซุบซิบประจำเดือนก็ยังคงมีข่าวซุบซิบของเขากับดาราหนุ่มรุ่นพี่อย่างสกายที่ยัง
คงมีอยู่เรื่อยๆ

   ถึงจะเป็นกรอบเล็กๆที่อยู่เกือบจะท้ายเล่มหรือกลางเล่มบ้างในบางเดือนเพราะมันเป็นข่าวที่ยังไม่มีความแน่ชัด จึงเป็น
ประเด็นที่หลายคนเริ่มชินกับมัน

   เขาวางนิตยสารลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบบอร์ดกับม้วนแพลนงานที่เตรียมเอาไว้เพื่อเข้าไปคุยที่บริษัทของพ่ออีกที

   นานมากแล้วจนจำไม่ได้เลยว่านานๆครั้งจะกลับบ้านครั้งหนึ่ง จากหลายวันเป็นอาทิตย์ แล้วยิ่งช่วงนี้งานรัดตัวทำให้ไม่ค่อย
มีเวลาให้บรรดาพ่อๆที่ค่อนข้างจะเริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว

   แต่จะให้ทำยังไงได้ ถ้าให้เลือกระหว่างโดนคนแก่งอนกับการที่ทำตัวไม่ถูกเมื่อยู่ต่อหน้าน้องชาย เขาคงเลือกอันแรก

   แต่กับเรื่องงานมันคงจะเลี่ยงกันไม่ได้



   ร่างสูงโปร่งผิวขาวติดผู้เป็นพ่อที่มีเชื้อสายเวียดนามถอนหายใจอยู่หน้าประตูห้องทำงานของพ่อบุญธรรมก่อนจะหันหลังใช้
หลังดันประตูเข้าไปข้างใน

   “นึกว่าวันนี้จะมาสายซะอีกนะครับ”น้องชายเงยหน้าทัก พลางวางนิตยสารเล่มเดียวกับที่เขาอ่านเมื่อก่อนที่จะออกมาลงบน
โต๊ะ

   ตั้งโอ๋มองวันแวบหนึ่งอย่างแปลกใจ เพราะปกติคนอย่างน้องชายจะไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

   แต่อย่างว่า ระยะเวลาห้าปีมันมากพอที่จะทำให้คนเราเปลี่ยนกันได้

   เช่นเดียวกับระยะห่างที่เปลี่ยนไปเช่นกัน

   “พอดีว่ากลัวรถติด ก็เลยออกมาเร็วน่ะ”

   เขาหันไปบอกกับน้องชายที่นั่งแทนที่ของพ่อ น้องชายที่ได้รับคำสั่งให้เรียนรู้งานเพื่อที่จะเป็นคนสืบทอดกิจการต่อไป

   

   
   ตั้งโอ๋อธิบายแผนงานที่วาดเอาไว้ให้อันเดรสฟังโดยที่ความอึดอัดยังคงไม่คลายลง

   กำหนดการและสถานที่ถูกอธิบายและนัดหมายเอาไว้อย่างเป็นกิจจะลักษณะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีผู้ว่าจ้างหลาย
รายถึงได้ไว้ใจบริษัทน้องใหม่แห่งนี้ให้ทำงานให้

   “งั้นเรื่องที่พักเดี๋ยวพี่จะแจ้งให้อีกทีนะ”

   “เอาตามที่สะดวกก็แล้วกัน”

   น้องชายตอบ เขาหลุบตาเก็บแผนงานที่ถูกแก้ไขจนจนเรียบร้อยให้เข้าที่ ก่อนจะเหลือบมองไปยังนิตยสารเล่มคุ้นเคย

   อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

   “อ่านข่าวซุบซิบด้วยเหรอ”

   “นี่น่ะเหรอ” น้องชายหยิบนิตยสารเจ้าปัญหาขึ้นมา “แฟนพันธ์แท้เลยล่ะ พอดีเห็นมันวางขายอยู่ที่ร้านหนังสือที่มาดริก ก็
เลยลองซื้อมาอ่าน มีอะไรน่าสนใจอยู่เยอะกว่าที่คิด”น้องชายแสยะยิ้มมุมปากคล้ายกับกำลังแฝงอะไรอยู่ในคำพูด

   ตั้งโอ๋ชะงักมือชั่วครู่ก่อนจะเก็บของต่อ หากน้องชายบอกว่าอ่านเป็นประจำล่ะก็ ข่าวซุบซิบที่เกี่ยวกับเขาคงจะรู้หมด

   “งั้นพี่กลับก่อนนะ ต้องไปเตรียมงานอื่นอีก”

   “ตามสบาย”น้องชายผายมือไปทางประตูเป็นมารยาทด้วยท่าทีเหินห่าง



   



   ตั้งโอ๋กลับมายังโฮมออฟฟิตที่เป็นสถานที่ตั้งของบริษัทโฆษณาเล็กที่ก่อตั้งขึ้นมาด้วยเงินเก็บจากการทำงานของตัวเอง

   เขาหยิบกระดาษขึ้นมาร่างแพลนงานที่เพิ่งได้รับหัวข้อมาใหม่ แต่สมองที่ควรจะคิดเรื่องงานมันกลับหนักอึ้งจนคิดอะไรไม่
ออก

   เขากุมขมับตัวเองอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่รู้เลยว่าควรจะจัดการกับชีวิตของตัวเองยังไงดี

   มันเหมือนมีคนที่เขาไม่รู้จักก้าวเข้ามาใกล้ชิดกับเขาทั้งที่คนคนนั้นคือคนที่เคยใกล้ชิดมาก่อน

   ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมาก พนักงานต่างก็กลับไปกันหมดเหลือแค่เขาที่ยังคงอยู่ทำงานต่อ

   “นึกว่าจะไม่อยู่ซะแล้ว”เสียงทักของแขกที่ไม่ได้รับเชิญดังขึ้นพร้อมกับร่างของเจ้าตัวแทรกผ่านประตูเข้ามาในสำนักงาน

   “นี่มันเวลาเลิกงานแล้วนะครับ ยังจะมากวนกันอีก”

   “ไม่ได้มากวนสักหน่อย เอาไอ้นี่มาให้ แวะซื้อมาจากข้างทาง”สกายยกถุงที่มีประบอกข้าวหลามลายกระบอกอวดพลางยิ้ม
เผล่

   “ถ่อมาจนได้”

   ทั้งที่มีงานถ่ายแบบต่างจังหวัดมาเหนื่อยๆควรจะพักผ่อนแต่ก็ดันถ่อสังขารมาก่อกวนเขา   

   “งั้นก็เอามานี่ แล้วก็กลับไปนอนพักผ่อนได้แล้วครับ ผมจะทำงาน”ตั้งโอ๋รับถุงของฝากมา

   “แล้วตั้งโอ๋เถอะ ไม่กลับไปพักผ่อนรึไง ดูเหนื่อยๆ วันนี้ไปดินเนอร์กันไหม”

   “ไม่เอา”ขืนไปคงมีหวังมีข่าวแย่ๆหลุดออกมาอีกตามเคย

   ไม่เข้าใจว่าข่าวพวกนี้มันยังคงอยู่ได้ไงทั้งที่เขาปฏิเสธไปจนนับครั้งไม่ถ้วน

   อาจจะเพราะคำพูดกำกวมของสกายเวลาให้สัมภาษณ์ทำให้คนอื่นต่างก็คิดกันไปไกลไม่จบไม่สิ้น

   “น่า ไปเถอะ ปฏิเสธมาหลายรอบแล้ว”สกายเดินเข้าไปด้านหลังของเจ้าของใบหน้าที่ดูเหนื่อยอ่อนแล้วนวดลงบนไหล่
อย่างเอาใจ

   “ผมบอกว่าไม่ก็ไม่สิ แล้วก็อย่ามาแตะตัวกันง่ายๆ ผมไม่ชอบ ทำไมต้องให้พูดซ้ำ”

   “ไม่เห็นจะเป็นอะไร ไม่มีใครเห็นสักหน่อย ไม่เห็นจะต้องกลัวเป็นข่าวขนาดนั้นก็ได้ มานี่”ไม่พูดเปล่า แต่ก็ยังออกแรงนวด
ไหล่ให้เจ้าของพื้นที่

   “บอกว่าไม่ก็ไม่สิ ถ้ายังพูดยากก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”ตั้งโอ๋หันไปบอก แต่การหันไปก็ทำให้รู้ว่าตัวเขากับนักแสดงรุ่นพี่ใกล้ชิด
กันมากแค่ไหน จนต้องถอยงานหลังไปชิดกับโต๊ะทำงาน

   “ได้ไง แล้วพี่จะเอางานที่ไหนทำล่ะ อย่าเครียดเลยไปเลย ผ่อนหลายแล้วไปดินเนอร์กัน”สกายเดินเข้ามาจนตั้งโอ๋จนใกล้
แล้วจับลงชนหัวของเขาแล้วลูบอย่างเบามือ

   “ก็บอกว่าไม่เอา อย่ามะ”

   ยังไม่ทันจะพูดได้จบประโยคเสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างของคนที่ไม่คาดคิดว่าจะมาปรากฏกายขึ้นเรียกให้เขาและสกาย
หันไปมอง

   

   ตั้งโอ๋ดันสกายออกด้วยความเคยชินและตกใจ ดวงตาคมกริบที่มองมาทำให้หัวใจหล่นวูบจนแทบจะกองลงกับพื้น

   “อะ เอ่อ มีอะไรรึเปล่า”ตั้งโอ๋ถามน้องชายที่อยู่ในชุดสูทดูสุขุมเดินเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งเฉย

   “เห็นว่าลืมไอ้นี่เอาไว้ เลยเอามาให้เผื่อต้องการจะใช้ แต่ก็คงมาผิดเวลา”น้องชายตอบพร้อมกับวางกระเป่าเงินใบคุ้นตาลง
บนโต๊ะทำงานของพี่ชาย

   “ขอบคุณนะที่อุตส่าห์เอามาให้”

   “ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ขอโทษที่มารบกวนเวลา”



   แล้วน้องชายก็เดินออกไป ไม่กี่ประโยคที่พูดออกมาจากปากได้รูปนั้น แต่ความเหินห่างและความเจ็บปวดที่ก่อขึ้นมาในใจ
มันมีมากเกินที่เขาจะห้ามมันเอาไว้ได้

   “นั่น อันเดรสเหรอ”สกายถาม

   “อืม”

   “เฮ้ โตขึ้นตั้งเยอะ เรียนจบแล้วสินะ ไม่เห็นตั้งนานคิดถึงเมื่อก่อนตอนที่เจ้านี่ชอบทำท่าทางหวงพี่ชาย”

   “จะหยุดพูดได้รึยัง จะไปดินเนอร์กันใช่ไหม งั้นก็ไปสิ จะได้หยุดพูดสักที บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่จ่าย”ตั้งโอ๋ตัดบทก่อนที่
สกายจะถามซักไซ้เกี่ยวกับตัวน้องชายของเขาไปมากกว่านี้

   น้องชายที่เขาแทบจะไม่รู้จักเลยในเวลานี้

   “จริงสิ จะไปจริงๆนะ โอเค พี่จ่ายก็ได้ครับ งั้นไปกันเลย”

   สกายมีท่าทีระริกระรี้ก่อนจะรีบช่วยนักแสดงรุ่นน้องเก็บของ

   ในขณะที่ตั้งโอ๋ถอนหายใจให้กับการตัดสินใจของตัวเอง

   คงไม่พ้นมีข่าวอีกตามเคยหากมีปาปารัชซี่มาเจอเข้า แต่ก็ดีกว่ามีสกายมาก่อกวนเวลาทำงาน และที่สำคัญเขาเองก็ไม่มี
กระจิตกระใจที่จะคิดอะไรเกี่ยวกับงานตอนนี้เลย

   ต่อให้กลับไปพักผ่อนก็คงจะคิดมากจนนอนไม่หลับ



================================================================
แฟนเพจของโซอึนจ้า


อะโลห้าาาาาาาาาา อาหารญี่ปุ่นซองน้อยๆ ว่ายาวแล้วนะ สิบกว่าหน้า นักใครชอบใครก็เชียร์กันนะจ๊ะ มาดูกันว่าลมเพรชหึงมันจะเป็นยังไง โอ๋จะเจ็บอีกไหม แล้วอันจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2015 04:34:11 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เดาทางอันเดรไม่ออกเลยมันจะมีอะไรซ่อนไว้อ่ะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ต้องให้สกายมายั่วโอ๋บ่อยๆซะแล้ว
เผื่อจะมีบางคนหึง อิอิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :เฮ้อ:

ตั้งโอ๋ไม่รุ้ใจตัวเองซักที มันน่าหงุดหงิดตรงนี้นี่ล่ะ

หรือรุ้แล้วแต่ไม่ยอมรับ??

ออฟไลน์ Rabbitongrass

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เอาใจช่วยให้พี่ตั้งโอ๋ชนะเเคมเปณโฆษณามาม่าจะได้คัดเมนเทอร์สกายออก

อ้าวผิดหรองั้นพิมพ์ใหม่

อันอันวางหมากมายด์เกมผิดไปหมดเลย ... ไม่งั้นคนได้เป็นคนที่นักข่าวซุบซิบว่ากิ๊กกันกับพี่โอ๋ไปเเล้ว
ยิ่งเล่นไปขวางทางหมดเเบบนี้ก็โดนต่อต้านหมดสิ ถ้าเล่นมายด์เกมให้น้อยกว่านี้หรือว่าเข้มเเละรุนเเรงน้อยกว่านี้คงได้เเน่ๆ
อันๆเอ้ยน้องต้องวางเเผนใหม่เเล้วหละพี่โอ๋เขาเริ่มเปิดใจให้เเล้วนะ

ส่วนตัวคิดว่าสกายคงเหมือนบีตอนที่ตัดน้ำหวานออก สกายกำลังเล่นเกมส์เพราะคนชอบปฎิกิริยาน้องหวงพี่เเต่อันๆดันหึงจริง
ส่วนตอนที่พี่น้องเขาเเยกกันอยู่นางคงสัมผัสได้ว่าคนพี่คงจะตรอมใจถึงได้เเวะของานเเละขอTeenตั้งโอ๋บ่อยๆ

ถ้าเดาเรื่องสกายถูกขอรางวัลเป็นผัวลูกครึ่งหล่อๆเข้มๆเร้าใจซักคน ... ให้สกายละกัน

ปล.โอ๋กับอันๆเข้าจะกิ๊กกันผิดตรงใหนพี่น้องกัน(ทางสายเลือดเเละดีเอ็นเอ)ก็ไม่ใช่ ตัวร้ายที่จะเลนประเด็นนี้คงได้รองเท้าฟรีกลับบ้านเต็มคันรถจากเเม่ยก โอ๋-อันๆชัวร์
ปล.2ท้ายซีซั่นนี้ขอตอนพิเศษเปิดใจช่วงที่ห่างกัน(สัมภาษ์พ่อเเม่ได้ด้วยก็ดี)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GMJeam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ


อ๊ะอ๊ะ ก่อนอ่าน เอาทิชชู่มาเตรียมก่อน

ความลับที่ 9 หัวใจดวงเดิม (18+)


   ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ความคิดของเขาไม่ได้อยู่ที่อาหารมื้อหรูที่อยู่ตรงหน้าแต่อย่างใด

   ตั้งโอ๋ละเลียดจานอาหารอิตาลีในร้านอาหารหรูไม่ไกลจากบ้านของตน

   เขาเลือกที่จะทิ้งรถเอาไว้ที่ออฟฟิตแล้วมากับนักแสดงรุ่นพี่เพื่อตัดปัญหาการถูกตื๊อและไม่ต้องกลับไปคิดมากอยู่ที่บ้านคนเดียว

   “ไม่อร่อยเหรอครับ”สกายถาม

   “เปล่า แค่ไม่ค่อยหิว”ตั้งโอ๋ตอบแบบขอไปที

   ถึงแม้ว่าจะพยายามไม่ทำตัวเด่น แต่คนรอบข้างก็คอยมองมาเป็นระยะด้วยความที่ทั้งสองคนเป็นดาราดังกันทั้งคู่ อีกทั้งยัง
มีข่าวในเชิงชู้สาวกันอีกด้วย



   มืออาหารผ่านไปได้ด้วยดีแต่ไม่ค่อยจะครึกครื้นเหมือนบรรยากาศรอบข้างสักเท่าไร

   “ให้พี่ไปส่งนะครับ”สกายรีบเสนอตัวเมื่อพากันเช็คบิลแล้วเดินออกมายังหน้าร้าน

   “ไม่เอา เดี๋ยวผมไปแท็กซี่ก็ได้”

   “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย อีกอย่าก็เป็นทางผ่าน ให้พี่ไปส่งดีกว่า ดึกแล้วมันอันตราย”

   “ตามใจ”

   พอถูกรบเร้าเข้าก็เริ่มที่จะรำคาญเหนื่อยใจที่จะขัด ถึงจะขัดใจเรื่องที่บอกว่าดึกแล้วอันตราย ผู้ชายอย่างเขามันน่าจะกลัว
อันตรายรึยังไง

   ให้ตายเถอะ!! จนป่านนี้เขายังไม่รู้เลยว่านักแสดงรุ่นพี่อย่างสกายทำไมถึงชอบเข้ามายุ่งย่ามในชีวิตเขาได้ทุกวี่ทุกวัน

   ผ่านมาได้เกือบยี่สิบปีแล้วมั้งที่รู้จักกันจากงานโฆษณาครั้งแรกของเขา

   

   รถสปอร์ตคันหรูที่มีเพียงไม่กี่คันในประเทศถูกขับมาเทียบหน้าบ้านหลังขนาดไม่พอดีสำหรับครอบครัวเล็กๆ หากแต่บ้าน
หลังนี้กลับมีเขาอาศัยอยู่เพียงแค่คนเดียว กับสิ่งของที่ยังคงกลิ่นอายของน้องชายที่เขาเก็บรักษามันเอาไว้เป็นอย่างดี

   ตั้งโอ๋กล่าวขอบคุณห้วนๆก่อนจะเปิดประตูรถลงออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย

   “แล้วจะลงมาทำไม”ถามสกายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเปิดประตูรถเดินตามลงมา

   “ใจคอจะไม่เชิญเข้าไปกินน้ำหน่อยเหรอ”

   “เมื่อกี้ไม่ได้กินมารึไงครับ ผมอยากพักผ่อน วันนี้ไม่อยากรับแขก”บอกไปตรงๆ เพราะรู้ว่าคนคนนี้ไม่เคยโกรธเขาเป็นเรื่อง
เป็นราวอยู่แล้ว

   “นิดนึงก็ได้ นะครับ”

   “ไม่เอา จะไปไม่ไป ถ้าไม่ไปก็อยู่คุยกับมันนี่ตรงนี้แหละ”พูดถึงสุนัขโกลเด้นสีน้ำตาลอ่อนที่ปกติชอบมาตะกายประตูเมื่อได้
กลิ่นเขา แต่วันนี้กลับเงียบผิดปกติ

   เจ้ามันนี่เป็นสุนัขที่เป็นลูกของกีกี้ที่เป็นสุนัขของพ่อบุญธรรมอีกทีหนึ่งซึ่งตอนนี้มันตายไปนายแล้ว เหลือแต่รุ่นลูกี่ตอนนี้ก็
เริ่มแก่แล้วเหมือนกัน

   “ใจร้ายเหมือนเดิมเลย ไปก็ได้ พรุ่งนี้พี่มารับนะครับ ไหนไหนก็จอดรถทิ้งไว้ที่ทำงานแล้วนี่”

   “ไม่เอา ไปเองได้ ไม่มีงานรึไง”

   “ไม่มี แต่มีตอนบ่าย พรุ่งนี้พี่มารับนะครับ บาย ฝันดี”

   พอจะเอ่ยปากปฏิเสธ ก็ถูกดึงเข้าไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัวแล้วถูกริมฝีปากของนักแสดงรุ่นพี่ฉกจูบลงบนหน้าผาก

   แล้วรีบหนีขึ้นรถแล้วขับออกไป

   ให้ตายสิ!! เขาเบื่อแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงกับสกายว่าให้เลิกทำแบบนี้สักที

   เขาไขกุญแจรั้วบ้าน แต่ก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก จึงได้เกิดความสงสัยว่าทำไมมันถึงไม่ได้ล็อก หรือว่าเขาลืมล็อกก่อนจะออก
ไปกันแน่

   อีกอย่างเจ้ามันนี่ก็หายไปไหน ไม่เห็นวิ่งมาตะกายเขาเหมือนทุกที



   “มันนี่”เขาเรียกพลางมองหา


   พอเดินไปที่ศาลาในสวนก็เห็นก้านมันกำลังส่ายหางอยู่ไวไว เหมือนกับกำลังเล่นอยู่กับใครจึงได้เดินไปดู

   แล้วขาก็ต้องตกใจเมื่อเจ้ามันนี่โกเด้นตัวโตกำลังเล่นอยู่กับหนึ่งในเจ้าของของมันเมื่อนานมาแล้ว

   “ไงครับ คิดว่าวันนี้วันนี้จะไม่กลับมาซะแล้ว”น้องชายทักพลางยิ้มมุมปากคล้ายกับกำลังเย้ยอยู่เล็กๆ

   “เอ่อ คือ รอนานไหม ทำไมไม่บอกพี่ก่อนว่าจะมา”

   “เห็นบอกว่ายังเก็บทุกอย่างเอาไว้อยู่เลยกะว่าจะมาเอา ไม่คิดว่าจะไปต่อกัน”น้องชายพูดแฝงความนัยน์ก่อนจะลุกออกมา
จากศาลาแล้วเดินมายืนอยู่ตรงหน้าพี่ชาย

   ตั้งโอ๋หลุบตาหลบนัยน์ตาคมกริบที่จ้องลงมา ขนาดตัวของเขากับอันเดรสต่างกันจากเมื่อห้าปีที่แล้วลิบลับ ตอนนี้เขาสูงแค่
หัวไหล่ของอันเดรสได้

   “เข้ามาสิ ขอโทษนะที่พี่กลับมาช้า ไม่รู้ว่าจะมาน่ะ”

   เมื่อความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้งทำให้ต้องหาเรื่องคุยเพื่อคลายความอึดอัด

   “ไม่เป็นไร ก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนกุญแจประตูบ้าน”

   “อือ พอดีพี่ทำหาย เลยให้ช่างมาเปลี่ยนใหม่ ว่าแต่กินอะไรมารึยัง”เขาถามพลางเปิดประตูให้น้องชายและเจ้าโกลเด้นที่
ส่ายหางคุ๊กดิ๊กไม่หยุดเดินเข้ามาข้างใน



   “ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”อันเดรสบอกพลางมองไปรอบๆตัวบ้าน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีการต่อเติมหรือปรุงแต่งใดใด
เพิ่มเติม

   “พี่ไม่อยากเปลี่ยนน่ะ อยากให้ทุกอย่ามันเหมือนเดิม”ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดที่พูดออกไปนั้นแฝงความนัยน์บางอย่าง

   

   “ของบางอย่างมันก็ไม่จำเป็นจะต้องเหมือนเดิมก็ได้นี่ครับ ถ้าเปลี่ยนเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง”

   “นั่นสินะ ขึ้นข้างบนกันเถอะ พี่ไม่แน่ใจว่าจะหาเจอไหม ของบางอย่างมันพี่เก็บใส่ไว้ในลัง อาจจะต้องใช้เวลาหานาน
หน่อย ว่าแต่มาเอาอะไรล่ะ”

   พูดไปพลางเดินนำขึ้นบันไดไปชั้นบน ทิ้งให้เจ้าหมาที่พึ่งเจอเจ้านายที่ไม่ได้เจอกันนานนั่งกระดิกหางไปมา

   “มาเอาของสำคัญที่ทิ้งเอาไว้น่ะ แต่เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าของนั้นจะยังเป็นของผมอยู่รึเปล่า”

   น้องชายตอบเมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนห้องใหญ่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แม้แต่ผ้าปูที่นอนที่ถูกเอาไปซักเปลี่ยนแทบทุก
อาทิตย์จนสีมันเริ่มซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

   แกร๊ก!!

   เสียงล็อกประตูทำให้พี่ชายสะดุ้งเล็กๆ

   ภาพความทรงจำเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นในห้องนี้ยังคงวนเวียน และเมื่อไรก็ไม่แน่ใจที่ความทรงจำนั้นกลับกลายเป็นความ
ทรงจำเดียวที่ทำให้หัวใจดวงเล็กๆสั่นไหวทุกครั้งที่คิดถึงมัน

   “ลองดูเอานะ ถ้าบอกว่าไม่แน่ใจพี่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเริ่มหาจากตรงไหนก่อน”ตั้งโอ๋ตอบทั้งที่ยังหันหลังให้น้องชาย

   รู้ตัวอีกที ลมหายใจร้อนผ่าวก็เป่ารดต้นคอทางด้านหลัง

   “ผมเองก็ไม่รู้จะหาเจอรึเปล่า แต่ต้องดูอีกทีว่าของนั่นยังเป็นของผมอยู่รึเปล่า”

   น้องชายกระซิบในระยะประชิดข้างทำเอาพี่ชายขนลุกเกรียว ตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเมื่อสัมผัสได้ว่าน้องชายอยู่ใกล้แค่ไหน



   “ให้พี่ ชะ ช่วยหาให้ไหม”เขาถามเสียงเริ่มขาดหาย มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น

   “แน่ใจนะว่าจะช่วยหา มั่นใจแล้วเหรอครับว่าจะหามันเจอ”

   “อะ อือ พี่ไม่ได้เก็บอะไรทิ้งเลย”

   “งั้นก็ดี แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจว่ามันจะยังอยู่”

   “แล้วอะไรล่ะ”ถามเสียงเบา ขาทั้งสองข้างรู้สึกอ่อนแรงแทบจะทรงตัวไม่อยู่

   “อยากรู้งั้นเหรอ”เสียงกระซิบดังข้างหูก้องกังวานพร้อมกับมือใหญ่ทั้งสองข้างจับเข้าที่บั้นเอว

   ร่างกายสั่นสะท้านไปชั่วคราวและเกร็งตัวเมื่อถูกดึงไปจนแผ่นหลังชิดอก

   “อันเดรส พี่ว่า เราเริ่มหากันเลยดีกว่านะ เดี๋ยวจะดึกเอา”เขาผละออกมาจากน้องชายแล้วเดินไปยังกล่องเก็บขอที่มุมห้อง

   ตั้งหน้าตั้งตาก้มหน้ายกลังออกมาเปิดทำทีหาสิ่งของทั้งที่ไม่รู้ว่าของนั่นคืออะไร

   “กับเขาไปกันได้ดีสินะ”น้องชายพูดแล้วเดินไปหย่อนตัวลงบนเตียงมองดูแผ่นหลังพี่ชายที่ยังคงขะมักเขม้นกับการรื้อของ
ในลังพลางมองอย่างไม่พอใจที่พี่ชายผละออกไป

   “หือ? หมายถึงอะไรเหรอ”พี่ชายชะงักมือเล็กน้อยก่อนจะค้นเอาของชิ้นเล็กๆที่ถูกเก็บเอาไว้ออกมา



   “กับสกายน่ะคบกันสินะ”

   ในที่สุดน้องชายก็อดไม่ได้ที่จะเปิดประเด็นที่ค้างคาใจมานาน

   “ทำไม ถึงถามแบบนั้นล่ะ ก็ปกตินี่”ตอบแล้วเดินไปยังอีกฝั่งห้องเพื่อยกเอาลังถัดไปมารื้อดู

   “ก็แค่ถามดูน่ะ”

   ขณะที่กำลังเดินไปหยิบลังใส่ของที่อยู่อีกมุมห้อง น้องชายที่นั่งอยู่บนเตียงก็ดึงแขนเอาไว้ให้หยุดชะงัก

   “มีอะไรเหรอ พี่ว่าจะไปหาที่ลังนั้นดูเผื่อจะเจอของที่ตามหา”

   เป็นอีกครั้งที่ตอบน้องชายพลางหลบตาที่มองมา ทำให้น้องชายเริ่มขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจที่พี่ชายเอาแต่หลบตา
ตลอดเวลา



   “อยากรู้ไหมว่าหาอะไร”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายที่ก้มหน้าหลบตา

   “ละ แล้วหาอะไรล่ะ”

   “แล้วอยากจะช่วยหาไหมล่ะครับ…พี่ชาย”

   “อะ อื้อ ก็ต้องช่วยอยู่แล้ว”ตั้งโอ๋ตอบพยายามควบคุมน้ำเสียง

   แขนที่ถูกมือใหญ่กุมเอาไว้รู้สึกร้อนผ่าวจนแทบจะละลาย

   “ดี งั้นก็ช่วยผมพิสูจน์หน่อยก็แล้วกันว่าของนั่นยังเป็นของผมอยู่รึเปล่า”

   พูดจบ แขนก็ถูกดึงกึ่งกระชากอย่างแรงจนไม่ทันได้ตั้งตัว


   มันเร็วมากจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ร่างกายถูกคร่อมทับเอาไว้ด้วยร่างที่ใหญ่กว่าของน้องชาย

   แขนทั้งสองข้างของน้องชายยันลงไปบนที่นอนหลังใหญ่กันไม่ให้หลบหนีไปได้

   “ดะ เดี่ยวสิ อื้อ”ยังไม่ทันจะไถ่ถาม

   ริมฝีปากร้อนผ่าวก็ฉกจูบและลุกล้ำเข้ามา มันร้อนราวกับเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำ

   มือทั้งสองกำเสื้อเชิ๊ตสีดำสนิทของน้องชายแน่นอย่างตกใจพลางเบิกตากว้าง

   ลิ้นร้อนผ่าวสอดแทรกเข้ามาทำให้สะดุ้งตัว และหลับตาแน่น

   “อื้อ ดะ อื้อ”พยายามจะหันหนีแต่ก็ถูกมือข้างหนึ่งบังคับเอาหรอบหน้าเอาไว้ให้ตอบรับจูบที่เริ่มจะรุนแรงขึ้นเมื่อขัดขืน

   มือพยายามผลักดันน้องชาย เพราะยังคงตกใจกับเรื่องที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว

   ที่ห้องนี้ ที่เดิมที่เคยถูกทิ้งเอาไว้

   แต่น้องชายที่ตัวใหญ่และแข็งแรงกว่านั้นกลับไม่สะทกสะท้านทั้งยังออกแรงกวาดต้อนและดุนดึงเอาลิ้นพี่ชายหนักหน่วง
กว่าเก่า

   ความรู้สึกไม่พอใจเกิดขึ้นอยู่เต็มอกของอันเดรส เขาไม่ชอบปฏิกิริยาต่อต้านของตั้งโอ๋เลย

   ไม่ชอบใจกับข่าวที่ลงเกือบทุกเดือนในนิตยสาร ไม่ชอบใจที่พี่ชายที่ควรจะเป็นของเขาปล่อยให้คนอื่นเข้ามาใกล้อย่าง
ง่ายดาย



   ตั้งโอ๋เริ่มต่อต้านจนอ่อนแรง ลิ้นที่ถูกต้อนจนจนมุมก็ตอบรับราวกับเป็นสิ่งที่คุ้นเคยดีไปซะแล้ว

   มือที่ผลักไสก็เปลี่ยนเป็นขยำเข้ากับเสื้อเชิ้ตจนยับยู่ยี่

   และเมื่อท่าทีของเขาอ่อนลง รู้สึกตัวอีกที มืออุ่นจนเกือบร้อนก็สอดเข้ามาภายใต้เสื้อของเขา มันทำให้เขาสะดุ้งเฮือกอีก
ครั้ง



   “ปล่อยนะ”ตั้งโอ๋รวบรวมแรงที่มีผักน้องชายออกอย่างตกใจ

   เขากลัว กลัวว่าจะเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง เหมือนเดิมที่จะต้องถูกทิ้งเอาไว้ตามลำพัง

   “อย่าทำนะ!!”เขาพูดเสียงดังจนเกือบตวาดเมื่อน้องชายเงยหน้ามองชั่วครู่ก่อนจะทำทีไม่สนใจแล้วละมือปดกระดุมเสื้อของ
เขา

   “ก็บอกว่าให้หยุดไง!!”

   คราวนี้อันเดรสชะงักนิ่ง แล้วเงยหน้าที่แสดงถึงความไม่พอใจจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพี่ชาย

   “ทำไม นอนกับมันไปแล้วรึไง ถึงได้ไม่ยอมผมน่ะ”

   น้องชายพูดถ้อยคำที่ทำเอาตัวชาไปทั้งตัว ดวงตาสีดำสนิทสั่นไหวทันทีราวกับผืนน้ำที่ถูกก้อนหินกระทบ

   “อะ อะไรนะ หมายความว่าไง”ถามออกไปเสียงสั่นพลางยันตัวลุกขึ้น

   “คงจะนอนกันแล้วสินะ ถึงได้ทำท่าทางแบบนี้”

   เพี๊ยะ!!

   “จะบ้ารึไง!!”

   และก็เป็นอีกครั้งที่ลงมือทำร้ายน้องชาย

   “งั้นก็ขอพิสูจน์หน่อยแล้วกัน!!”สิ้นเสียงก็กดเอาตัวพี่ชายแนบลงกับผืนเตียงแล้วใช้ลำตัวทาบทับเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนี



   “จะทำอะไรน่ะ ไม่เอานะ มะ อื้อ”ดวงตาสีดำสนิทเบิกกว่างพลางส่ายหน้า

   กรอบหน้าถูกมือใหญ่บังคับเอาไว้ไม่ให้เบือนหนีแล้วตอบรับจูบที่แทบจะหลอมละลายอีกรอบ

   ไม่เอาแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว เขาได้แต่คิดพยายามดันตัวน้องชาย แต่ก็ได้แค่ดิ้นรนโดยที่อีกฝ่ายไม่สะทดสะท้าน

   ถ้าจะให้เป็นเหมือนครั้งที่แล้วคงทนไม่ได้ จะให้ถูกทิ้งเอาไว้แล้วใช้ชีวิตเหมือนกับต้องพยายามลืมเรื่องที่ติดข้างอยู่ในใจ
อีกครั้ง มันทำไม่ได้

   ไม่เอาอีกแล้ว!!

   เสื้อที่ใส่อยู่ถูกถอดและดึงรั้งจนเผยให้เห็นแผ่นอกเรียบเนียน มือใหญ่ของน้องชายกวาดต้อนและลูบไล้ไปทั่วจนรู้สึกร้อน

   ปลายยอดทั้งสองข้างถูกรุกเร้าให้ตอบรับอย่างไม่จำยอมจนมันชูชันท้าสายตาคมกริบที่มองอยู่อย่างจาบจ้วง

   และละริมฝีปากออกมาชิมเอายอดสีอ่อนที่ดึงดูดสายตาแทน

   “อื้อ ยะ อย่า”ร้องห้ามด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า

   ขาทั้งสองข้างถูกบังคับให้แยกออกแล้วแทรกด้วยลำตัวสูงใหญ่แทน

   “อยู่เฉยๆ”น้อยชายพึมพำพลางกัดเม้มยอมที่กำลังสั่นระริก

   “ฮึก ยะ หยุดสิ”

   มือที่สั่นเทาพยายามดันหัวน้องชายออกจากยอดที่กำลังถูกดึงดัน

   ความรู้สึกวูบวาบในช่องท้องเริ่มเกิดขึ้น เมื่อถูกเล้าโลมอย่างหนักหน่วง กางเกงและกางเกงชั้นในถูกดึงรั้งออกไปพร้อมๆ
กันจนตอนนี้แทบจะเปลือยเปล่าหากไม่มีเสื้อที่ยังใส่ติดอยู่ถึงแม้จะไม่ช่วยปิดบังอะไรก็ตาม

   “บอกให้ ยะ หยุดไง”น้ำเสียงที่สั่นพร่าวอนขอให้น้องชายหยุด

   กระบอกตาทั้งสองข้างเริ่มร้อนผ่าวเมื่อมีน้ำอุ่นๆเอ่อจนแทบจะล้นออกมา

   “ฮึก พี่บอกให้หยุดไง ไม่เอาแล้ว ไม่อยากถูกทิ้ง ไม่อยากโดนทิ้งอีกแล้ว ฮึก หยุดสักที”

   ในที่สุดสิ่งที่กักเก็บเอาไว้พร้อมกับความเจ็บปวดก็พรั่งพรูออกมา

   น้ำใสๆที่เป็นตัวแทนของความรู้สึกไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง มือที่จับน้องชายเอาไว้สั่นเทาจนยากที่จะควบคุม

   “ฮึก ไม่เอาแล้ว ฮึก ไม่อยากถูกทิ้ง พี่ไม่อยากถูกทิ้ง อย่า ฮึกทำเลย”

   คำพูดที่อยากจะพูดเมื่อเจอหน้าถูกบอกออกไปจนหมด

   น้องชายชะงักนิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกระตุกวูบ ความรู้สึกผิดมันเริ่มเกิดขึ้นมาอีกครั้ง

   “อะ จะเจ็บ”

   ร่างกายสะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วแข็งขืนสอดเข้ามาข้างในกาย ดวงตากลมเบิกกว้าง น้ำตายังคงไหลไม่หยุดและจิกลงบนไหล่
น้องชายแน่นอย่างเกร็งตัว

   น้องชายไม่ยอมหยุดอย่างที่บอก ซ้ำยังทำต่อไปด้วยท่าทีที่หงุดหงิดกว่าเดิม

   ช่องทางเบื้องหลังถูกเตรียมพร้อมด้วยนิ้มที่แข็งแก่ง สอดเข้าออกอย่างหนักหน่วงจนกายอันเล็กเริ่มพองตัวจากการถูก
โลมเล้า

   “อะ อือ”

   “หายเจ็บรึยัง”น้องชายกระซิบพลางมองพี่ชายที่ยกมือปิดตาเอาไว้ พยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

   กางเกงเนื้อดีถูกถอดออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี แก่นกายที่แข็งขืนพอขยายจนตึงแน่น เตรียมพร้อมแล้วจ่อเข้าที่ช่อง
ชายที่ถูกเตรียมเอาไว้

   “อะ อึก ยะอย่านะ ไม่เอาแล้ว บอกว่าอย่าทำ ไง ไม่อยากถูกทิ้งอีกแล้ว หยุดสิ อึก อ๊ะ”

   น้องชายไม่หยุดตามที่ห้ามแต่กลับดันกายเข้าไปจนสุดและเริ่มขยับแก่นกายแข็งขืนเข้าออกในช่องทางที่บวมจนเกือบปริ
แตก

   “อะ  อัน ฮึก ไม่เอา ฮึก มะ ไม่ไหวแล้ว”

   ถึงจะร้องห้าม แต่ความวาบหวามที่เกิดขึ้นก็ทำให้อารมณ์ที่ปะทุแทบจะถูกปล่อยออกมาเมื่อถูกกระตุ้นหนักขึ้น

   กายข้างหน้าถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งจับและขยับสอดรับกับท่อนเนื้อที่ขยับเข้าออกในช่องทาง

   มือใหญ่อีกข้างจับเข้าที่บั้นเอวสอบไว้แน่นแล้วดึงรั้งเข้ามารับกับแก่นกายที่กระแทกเข้าหา

   ขาทั้งสองข้างอ้าออกเพื่อตอบรับเอากายสอบเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว

   “ฮืม ดีไหม”น้องชายคำรามอย่างพึงพอใจ พยายามที่จะกระตุ้นให้พี่ชายรู้สึกดีไปด้วย

   “อะ มะ ไม่ไหว อัน อัน พี่จะ อะ อื้อ”ในที่สุดสิ่งที่ใจต่อต้านแต่กายกลับตอบรับก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าท้อง
ของน้อง

   ความลามกทำเอาพี่ชายตาโต มองสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้

   เขามองหน้าน้องชายด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ น้ำตาเริ่มเหือดแห้งทิ้งเอาไว้แต่ตาที่แดงก่ำ

   “อะ มะ ไม่ใช่นะ พี่ไม่ได้”ปฏิเสธพลางทำท่ากุลีกุจอเช็ดน้ำอุ่นร้อนที่ปล่อยออกมาเลอะตัวน้องชาย

   มือที่ที่กระวนกระวายถูกจับเอาไว้

   “ไม่ต้องหรอก อยู่เฉยๆก็พอ”

   สิ้นเสียง น้องชายก็ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ความขุ่นเคืองใจมันเหือดหายเมื่อพี่ชายได้พรั่งพรูคำพูดต่างๆออกมาทำให้ใจ
ที่เข้มแข็งถูกสะกิดจนมันสั่นไหวอีกครั้ง

   “อะ อึก พอแล้ว ไม่เอาแล้ว นะ พี่ไม่ อ๊ะ”

   แล้วก็ถูกดันให้นอนราบลงอีกครั้ง คราวนี้น้องชายโน้มตัวเข้าหาแล้วจูบลงบนขมับ

   สะโพกถูกยกให้สูงขึ้นกายแข็งร้อนที่ค้างอยู่ข้างในขยับตามอย่าลามก

   อันเดรสเริ่มกระแทกเข้าออกอีกครั้ง แล้วพรมจูบลงบนหน้าพี่ชายที่คิดถึงมาโดยตลอด

   พี่ชายหน้าแดงและหลบตาหนีด้วยท่าทีเขินอาย หยดน้ำตาที่ค้างคาอยู่ที่หางตาถูกจูบซับด้วยริมฝีปากอย่างอ่อนโยน
ทำเอาพี่ชายสั่นสะท้าน

   “อะ พี่ ไหวอีกแล้ว อัน อัน พอ แล้ว”

   ความเดียงสาของพี่ชายทำให้อารมณ์ที่เก็บซ่อนเอาไว้นานปะทุขึ้น ทำให้อดใจไม่ไหว กระแทกกายหนักหน่วงจนพี่ชายตัว
คลอนไปตามแรง

   “ดะ เดี่ยว ไม่เอา อื้อ จะ อื้อ ไม่ไหว อะ”

   เสียงกระแทกยามสะโพกหนากระทบกับบั้นท้ายกลมกลึงฟังดูลามกยิ่งปลุกกระตุ้นอารมณ์ให้มากขึ้น

   อันเดรสคำรามในลำคอพลางกัดฟันกรอด กายเริ่มเกร็งเครียด เช่นเดียวกับพี่ชายที่จิกเล็บลงบนแขนแข้งแรงแน่น ตัวสั่น
คลอนไปตามแรง



   เสียงคำรามครั้งสุดท้ายของน้องชายดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงร้องราวกับจะขาดใจของพี่ชายที่กรีดร้องเมื่อทนกับสิ่งที่กักเก็บ
เอาไว้ไม่ไหว

   สายน้ำอุ่นร้อนจัดถูกพ่นเข้าไปในกายที่ตอดรัดถี่ยิบ เช่นเดียวกับที่ถูกปล่อยจนรดหน้าท้องน้องชายอีกครั้ง

   กายที่ทาบทับทิ้งตัวลงบนกายขาวสะอาดชื้นเหงื่อทั้งที่แก่นเนื้อเหนียวชื้นยังคงไม่ถูกถอนออก

   พี่ชายหอบระรัวคล้ายกับจะขาดใจตัวยังไม่หายสั่นเทา




   “ทำไมล่ะ ทำไมต้องทำอีกแล้ว ฮึก ไม่อยากโดนทิ้ง ไม่อยากโดนทิ้งอีกแล้ว”ตั้งโอ๋เบือนหน้าหนีจมูกโด่งที่คลอเคลียอยู่ที่
พวงแก้มแดงเรื่อ

   แต่คำตอบที่ได้จากน้องชายคือจูบอันแผ่วเบาจรดลงบนแก้มแทน

   “ทำไมต้องทิ้งกันไปด้วย ฮึก ทำไมล่ะ ตอบมาสิ ว่าทำไม พี่ทำผิดอะไร ทำไมต้องทิ้งพี่ไป พี่ ฮึก ไม่อยากโดนทิ้งอีกแล้ว
ทำไม ถึงใจร้ายอีกแล้ว”

   



   “รัก”

   คำตอบที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินทำเอาหัวใจดวงเล็กเต้นระรัว

   มันแผ่วเบาราวกับจะหายไปในอากาศ แต่กลับกึกก้องอยู่ภายในหู

   กายที่ถูกทาบทับสั่นเทิ้มอีกครั้ง น้ำตาที่เหือดแห้งไหลออกมาอีกรอบยากที่จะหยุด

   “อะ อะไร ทะทำไม ล่ะ”

   ดวงตาสีดำสนิทหันมาจ้องตอบและมองลุกเข้าไปในดวงตาของน้อง



   “คิดถึง”

   น้องชายกระซิบ





   “อะ พะ พี่ไม่เข้าใจ”

   “คิดถึงอันไหม”อันเดรสกระซิบถาม

   “คิดถึงสิ พี่คิดถึง ฮึก มากมาก”พูดพลางปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

   “แล้วรักล่ะ รักบ้างไหม”

   คราวนี้เป็นคำถามที่ทำให้ชะงัก ก่อนจะตอบออกไป

   

   “รักแบบที่ไม่ใช่พี่น้อง”คำถามถูกเพิ่มเติมทำให้ดวงตาสีดำสนิทสั่นระริก

   “ว่าไงล่ะ รักไหม”

   พอถูกรบเร้าเอาคำตอบก็ทำให้ใจยิ่งสั่นเข้าไปใหญ่

   “รักอันไหม แบบที่อันรักโอ๋”

   สรรพนามแทนตัวเปลี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเก่าทำเอากายร้อนวูบ


   “มะ ไม่รู้”

   ตอบไปทั้งที่ยังคิดหาคำตอบไม่ออก

   รู้แค่ว่าคิดถึง คิดถึงจนแทบบ้า เสียใจจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร อยากจะให้กลับมา

   อยากจะอยู่ข้างๆกัน จะด้วยฐานะอะไรก็ยอม ขอแค่ให้อยู่ด้วยกัน



   “ฮะ ฮึก อัน อะ อะไรน่ะ”พี่ชายสะดุ้งเฮือก


   ไม่รู้ตัวว่าคำตอบที่ไม่ได้ปฏิเสธได้ปลุกเร้าน้องชายให้มีสุขขึ้นจนมันปะทุออกมาทางภาษากายอีกครั้ง

   “รักโอ๋นะ ไม่อยากเป็นพี่น้อง”อันเดรสกระซิบ กายที่แฉะชื้นอยู่ภายในแข็งกร้าวและถูกขยับเข้าออกอีกครั้ง

   พี่ชายหน้าแดงขมวดคิ้วมุ่นอย่างตกใจ

   “อัน อัน พี่ไม่เอา ไม่ไหว อีกแล้ว”

   ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่อันเดรสกลับไม่ยอมฟังและจับเอาเอวพี่ชายไว้แน่นแล้วกดกายสอดเข้ไปจนลึก

   ร่างกายเล็กกว่าสั้นสะท้าน สะดุ้งสุดตัว มันลึกจนต้องจิกเล็บเท้าลงกับผ้าปูที่นอนจนมันยับ

   เสียงครางอื้อยิ่งปลุกอารมณ์ของคนได้ยินให้ทวีมากขึ้น

   ถึงจะยังไม่ได้รับคำตอบที่ทำให้สมหวัง แต่ก็ไม่ได้รับการปฏิเสธเหมือนก่อนหน้า

   จากนี้ไป เขาพร้อมแล้วที่จะดูแลพี่ชายคนนี้ พี่ชายที่เขาหลงรัก

   เขาไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเจอกับอุปสรรคอะไรอีก แต่เขาจะไม่ยอมทิ้งเอาคนที่เขารักเอาไว้อีกแล้ว

   


============================================================

บอกเลย ว่าไม่ถนัดกับฉากแบบนี้
ไม่รู้ว่าจะจบเรื่องนี้ได้ก่อนสิ้นปีรึเปลล่า
จะพยายาม จะได้ขึ้นเรื่องใหม่ ได้เร็วๆ
ปอลิง ใครจำลาเต้ได้บ้าง ลูกของรามิเรสกับธนพัฒน์
ใครที่อ่านภาคของพ่อๆน่าจะจำได้น๊าาาา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2015 03:04:57 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ Tequila

  • I am a follower KiHae.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ๊ายยยยยยย อันรักโอ๋ มันแบบมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกิงก่องแก้วมากกกก เขินอ่ะพูดเลย  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
โอ๋น่าจะท้องได้นะ เสียดาย อือิ ลูกออกมาต้องหน้าตาขั้นเทพแน่ๆ :hao6:

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หาข้ออ้างการหนีหน้า การเมินดีๆ นะอันอัน

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
เอาแล้ว เปิดใจกันแล้ว รอดูเหตุผลที่อันเดรสทิ้งโอ๋ไป
ปล.เรื่องสกายโอ๋น่าจะปฏิเสธให้จริงจังสิ ถ้าทำไม่ได้อันเดรสจัดการเอง

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
น้องอันทำดีมากลูกรักก็บอกว่ารัก

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อันอัน กลับมาแล้วก็อย่าทำให้ตั้งโอ๋เสียใจอีกนะ ดูแลกันดีๆ

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เอาลาเต้มาให้สกาย จะได้เลิกวุ่นวายกับโอ๋ซะที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
เอาลาเต้มาให้สกาย จะได้เลิกวุ่นวายกับโอ๋ซะที

จัดไปปปป

ออฟไลน์ GMJeam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ๋ อัน ลูก
รักกันเนอะ

ออฟไลน์ Naeon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Arzumi

  • #เจ้าหนูจาไม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อันอัน อย่าหื่นมากนักซี่  :hao6: สงสารตั้งโอ๋โหน่ยยย  :pighaun:

ออฟไลน์ viewier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
อันเอ้ยยยยย เย็นชาอยู่นานนน ในที่สุดก็เสร็จจนได้
พี่โอ๋ไหวมั้ยลูกกกก โดยจัดหนักเลย
รอมาต่ออยู่ค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
อันๆมันร้ายเหมือน มาตนพ่อมัน
เล่นจนได้ :hao6:
คราวนี้ทำไง

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
หาคำตอบดีๆนะอันเดรสที่หายหัวไปน่ะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คิดถึงอัน-โอ๋ จังเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด