☻ Love Secret พี่น้องแล้วไง....ถ้าใจรักกัน ☻ 30/03 ☻ [Ch.12] ค่าเสียหาย ☻
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☻ Love Secret พี่น้องแล้วไง....ถ้าใจรักกัน ☻ 30/03 ☻ [Ch.12] ค่าเสียหาย ☻  (อ่าน 65412 ครั้ง)

ออฟไลน์ aelfy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
ความลับที่ 7 ก้าวก่าย+พังกำแพง

(ไม่อยากอ่านซ้ำผ่านสีน้ำเงินไป แต่ถ้ากันลืมก็อ่านสีน้ำเงินด้วยเนอะ)

   หลังจากวันนั้นที่ตั้งโอ๋และน้องชายต่างสายเลือดอย่างอันเดรสได้ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องลงไป
   
สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกันมีเพียงความเงียบงัน ที่ต่างฝ่ายต่างหันหลังให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับว่าสิ่งๆนั้นๆไม่ได้มีตัวตนอยู่ในความเป็นจริง

   ความรักความผูกพันที่มียังคงดำเนินต่อไปตามเดิม แต่ถึงแม้ภายนอกมันจะบอกว่าทุกอย่างที่เป็นอยู่นั้นมันยังคงเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น หากแต่รอยแยกบางๆนั้นได้เกิดขึ้นอยู่ในความรู้สึกส่วนลึกของพี่ชาย ที่มองว่าเรื่องนี้มันไม่ควรจะเกิด

   ร่างสูงโปร่งตามแบบฉบับนิยมกำลังนั่งทบทวนบทเรียนอย่างคร่ำเคร่งอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างมีสมาธิ ต่างจากน้องชายที่มักจะใช้เวลาว่างทำในสิ่งที่ตนชอบทำโดยไม่คำนึงถึงอะไร

   “ทำอะไรน่ะ”ตั้งโอ๋ถามน้องชายเมื่อเจ้าตัวสูงใหญ่นั่นทิ้งตัวลงมานั่งใกล้จนเรียกว่าชิดแทบจะไม่มีช่องว่าง

   “ก็ไม่ได้ทำอะไรนิ”น้องชายตอบเสียงเรียบพลางยักไหล่

   ทั้งที่นั่งเบียดจนแทบจะสิงกับพี่ชาย

   “ออกไปหน่อยสิ นั่งเบียดแบบนี้พี่อ่านหนังสือไม่ได้”ตั้งโอ๋พูดเสียงแข็ง ตั้งใจว่าจะดุน้อง แต่ก็ทำไม่ลงคอสักที

   “ก็อ่านๆไปสิ เอานี่ กินนมจะได้สูงๆ”

   แก้วนมที่อุ่นเสร็จเรียบร้อยจนควันกรุ่นถูกวางลงบนโต๊ะเรียกให้พี่ชายหันไปมองหน้าคนที่จู่ๆก็ลุกขึ้นมาเอาใจแปลกๆ

   “มองอะไร”

   “ปล่าวนี่ แค่ปกติพี่เป็นคนทำ”คนพี่

   “ก็เห็นอ่านหนังสืออยู่ อย่าถามมาก กินๆไปเถอะ”

   “รู้เเล้วน่า พูดห้วนจริงเลย”

   ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ดีใจที่น้องชายเอาใจใส่จนถึงกับยิ้มหน้าบานออกมา

   

   หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าครอบงำอีกครั้ง มีเพียงเสียงทีวีที่เปิดเบาจนแทบไม่ได้ยินดังคลอกับเสียงเครื่องปรับอากาศ

   อากาศในยามดึกอุณหภูมิรอบตัวเริ่มต่ำลง ความหนาวเย็นเริ่มก่อตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อสองพี่น้องเมื่อทั้ง
คู่กำลังนั่งชิดใกล้แลกเปลี่ยนไออุ่นผ่านผิวกาย

   จมูกโด่งคลอเคลียลงบนต้นคอขาวจัดของพี่ชายสูดดมเอากลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆที่เจ้าตัวชอบใส่เข้าปอด

   แต่มันคงจะไม่พอสักเท่าไรทำให้จมูกนั้นไล่ลากไปบนผิวเนื้ออุ่นๆทำเอาคนที่กำลังทำสมาธิอ่านหนังสือสะดุ้งเฮือกขึ้นมา

   “ทะ ทำอะไรน่ะ พี่จั๊กจี้นะ อันอัน”พี่ชายพูดไปพลางทำท่าขนลุก

   “หอม”น้องชายพึมพำ ยังไม่หยุดลากจมูกไปมาบนซอกคอพี่

   “อะไร ถ้าอยากหอมแบบนี้ก็ใช้เหมือนเหมือนกันซี่ จะได้ไม่ต้องมาดม”

   “ไม่เหมือนกันสักหน่อย”อันเดรสแก้ แล้วยกมือขึ้นกอดเอวพี่ชายอย่างเอาแต่ใจ

   “เอ่อ อันอัน พี่ว่าปล่อยก่อนดีกว่านะ”

   “ไม่เอา”น้องชายปฏิเสธอย่างเอาแต่ใจ

   ยิ่งใกล้ชิดยิ่งรู้สึกว่าต้องการพี่ชายคนนี้มากขึ้น นับวันความรู้สึกที่มียิ่งทวีมากขึ้นเป็นเท่าตัว และไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุด

   ความต้องการที่จะครอบครองเอาไว้เป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียวนั้นมันเอ่อล้นอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจจนแทบจะกดมัน
เอาไว้ไม่อยู่

   ไม่อยากทำให้พี่ชายเสียใจ

   แต่ก็ไม่อาจจะฝืนความต้องการของตัวเองได้ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันช่างรุนแรงจนยากที่จะต้านทาน



   “อันอัน”ตั้งโอ๋เรียกเสียงเบาโหวง เมื่อน้องชายกอดตัวเองแล้วนิ่งไปทั้งที่ใบหน้าซุกลงที่ซอกคอของเขา

   “หอม”

   ดูเหมือนว่าน้องชายจะไม่ฟังที่เขาเรียกเลยสักนิด

   “อันอัน ถ้าง่วงก็ขึ้นไปนอนก่อนก็ได้นะ”

   “พูดมากน่า”

   ว่าแล้วคำนี้ต้องมา

   “นี่ อันอัน ปล่อยพี่ เดี๋ยวพี่เก็บของก่อน จะได้ไปนอนพร้อมกัน โอเคไหม”

   “อืม”

   ทีอย่างนี้ล่ะยอมง่ายๆ ดูก็รู้ว่าอยากให้เขาไปนอน แต่ก็ไม่ยอมพูด เพราะว่ารู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่ยอมเลิกอ่านหนังสือง่ายๆ
เพราะอยู่ในช่วงแอดมิชชั่นเข้ามหา’ลัย



   ระหว่างที่เก็บของเจ้าตัวก็นั่งดูรายการทีวีไปเรื่อยเปื่อยตามปกติ แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวน้องชายที่ร้อยวันพันปีไม่เคยดูข่าวบันเทิง
วันนี้จะดันเปิดดูซะงั้น

   “นี่หมายความว่าไง”

   ยังไม่ทันที่ประเด็นข่าวที่กำลังนำเสนอจะจบดี เสียงแข็งๆของน้องชายก็ถามขึ้นมาอย่างที่คาดเอาเอาไว้เล่นเอาพี่ชายได้แต่
ทำหน้าแหย

   ก็รู้อยู่หรอกว่าน้องชายไม่ชอบเพื่อนร่วมวงการอย่างสกายที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่เด็กๆ

   แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมอันเดรสถึงไม่ชอบสกาย ถึงจะถามหาเหตุผลไปบ่อยๆเจ้าตัวก็ไม่เคยตอบ

   “พี่เห็นว่างานมันไม่ยาก ก็เลยรับมาน่ะ ไม่ได้เสียเวลาอะไร”ตั้งโอ๋ยิ้มแหยกับประเด็นข่าวที่ว่าจะเอานักแสดงโฆษณานมเสริม

อาหารเด็กเมื่อสิบกว่าปีก่อนชุดเดิมมาแสดง

   ครั้งนี้เป็นหัวข้อของนมเสริมอาหารสำหรับวัยรุ่นที่กำลังจะเปิดตัว คอนเซปที่นักแสดงเก่าก็เพื่อชักจูงให้โฆษณาดูน่าเชื่อถือ
แล้วก็ดึงความสนใจจากผู้ชมให้รอดูความเปลี่ยนแปลงของนักแสดงแต่ละคน

   “ทำไมต้องรับงานนี้ ไหนบอกว่าอ่านหนังสือไม่มีเวลาไง”น้องชายเริ่มหน้าตึง

   “ผู้ใหญ่เขาขอมาน่ะ จะไม่ทำก็น่าเกลียด”ตั้งโอ๋ตอบไปตามความจริง

   มองดูน้องชายที่กำลังแสดงถึงท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน

   “ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้นักแสดงเก่า ใครจะรู้ว่าเป็นตัวจริงหรือไม่จริง”

   “แต่นั่นมันเป็นงานนะอันอัน ถึงมันจะเป็นวงการมายา แต่บางครั้งการที่เราซื่อสัตว์ต่อคนดูมันก็เป็นเรื่องดี”

   “ไม่ได้ ไปยกเลิกงานซะ”

   “อันอัน พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ แล้วอีกอย่างพี่ไม่จำเป็นจะต้องขออนุญาตเรา”ตั้งโอ๋เริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้าง

   “ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้”

   “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่ไม่รู้ว่างานนี้จะผ่านรึเปล่า เพราะโฆษณาตอนนั้นพี่แสดงเป็นผู้หญิง ตอนนี้พี่ก็โตแล้ว ทางผู้ใหญ่เขไม่
ค่อยแน่ใจ เลยแค่เรียกพี่ไปลองแต่งตัวดูแล้วก็ถ่ายโปรไฟล์ใหม่แค่นั้น ได้ไม่ได้ต้องอีกทีหนึ่ง”เขาพยายามอธิบาย

   ทำให้น้องชายหยุดคิด

   “ยังไงก็ไม่ได้ ต่อให้ผ่านก็ไม่ให้เล่น”แต่ก็เหมือนจะไม่สำเร็จเมื่อน้องชายยังคงยืนยัน

   “อย่าเอาแต่ใจได้ไหม พี่ไม่อยากให้อันอันทำตัวเป็นคนที่คอยตัดสินใจเรื่องของพี่นะ”

   “แล้วไง ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่บอกไว้ก่อนว่ายังไงก็ไม่อนุญาตให้รับงานนี้เด็ดขาด”


   “พูดไม่รู้เรื่อง พี่ไปนอนดีกว่า”

   พอเถียงน้องชายไม่ได้ก็เลยเดินหนีขึ้นมาชั้นบน

   เสียงตึงตังลงฝีเท้าของน้องชายเดินตามมาติดๆ

   “อย่ามาเดินหนี”เสียงแข็งกระด้างเรียกเอาไว้พร้อมกับแรงดึงทำให้ถลาเข้าไปหาน้องชายจนเกือบจะชน

   “อันอัน!!”ตั้งโอ๋เรียกเสียงแข็งขึ้นมาบ้าง

   รู้สึกว่าน้องชายไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ทั้งที่ตอนเด็กๆก็ดูน่ารักคอยเชื่อฟังแท้แท้ แต่โตมากลับเอาแต่ใจและคอยก้าวก่ายเข้า
มาตัดสินใจเรื่องต่างๆของเขาตลอด

   ดวงตาคมจ้องมองดวงตาแข็งกร้าวไม่กระพริบ ความไม่พอใจเริ่มก่อขึ้นมาข้างใน เมื่อน้องชายที่เอาแต่ใจไม่ยอมถอยง่ายๆ

   “ไปยกเลิกงานซะ”

   “ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้ว่าจะผ่านไหม ต้องรอดูอีกที”

   “ถึงยังไงก็ไม่ได้ บอกปฏิเสธเขาไปไม่ต้องไปแคสอะไรทั้งนั้น”

   “ไม่ได้หรอก ทางผู้ใหญ่เขาขอมา พี่ไม่อยากให้เขาผิดหวัง”ตั้งโอ๋ปฏิเสธพลางเบือนหน้าหนีน้องชาย

   ไม่อยากจะพูดอะไรรุนแรงไปกว่านี้ กลัวว่ากระทบจิตใจของน้องชาย แต่วันนี้รู้สึกว่าความมีเหตุผลของอีกฝ่ายนั้นกลับไม่มีเลย
สักนิด

   “ไม่เห็นต้องไปแคร์ แค่บอกไปว่าไม่ทำก็จบ”

   “อันอัน!! พี่ไม่ได้เป็นพวกที่ชอบเอาแต่ใจเหมือนเด็กแบบอันอันนะ จะได้ไม่สนใจใครน่ะ”คราวนี้ตั้งโอ๋ทนไม่ไหวถึงได้ดุน้อง
ชายไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่น้องชายพูดออกมา

   “แล้วยังไงล่ะ อยู่เฉยๆก็ได้นี่ ถ้ากลัวว่าไม่มีเงินใช้เดี๋ยวเลี้ยงเอง เดี๋ยวจะรีบเรียนให้จบ รีบทำงานแล้วจะเลี้ยงเอง ไม่ต้องไป
ทำงานงี่เง่าแบบนั้นอีก”อันเดรสตอกกลับ

   ซึ่งนั้นทำให้คนฟังไม่ชอบใจอย่างรุนแรงในสิ่งที่น้องชายพูดออกมา

   ใบหน้าขาวซีดเผือดเหมือนกับไม่เชื่อหูตัวเอง

   “แล้วมันเพราะอะไรล่ะ ทำไมพี่ถึงจะทำงานนี้ไม่ได้ ทำไมพี่ต้องบอกปฏิเสธเขาทั้งที่พวกเขาหวังในตัวพี่ ทำไมพี่ต้องทำตาม
ที่อันอันบอก มันเพราะอะไรล่ะ ทำไมพี่จะต้องเลิกทำในสิ่งที่พี่คิดว่าดีแล้วต้องทำตัวไร้ค่าแบบที่อันอันอยากให้พี่เป็น บอกพี่มาสิ ว่า
เพราะอะไร”

   

   อันเดรสได้แต่นิ่งมองดูพี่ชายพูดในสิ่งที่รู้สึกออกมา

   ใบหน้าคมเข้มได้ฉายแววอ่อนลงแต่ก็ยังไม่ลดละฐิถิที่มีอยู่ มือที่จับแขนพี่ชายอยู่บีบแน่นอย่างไม่พอใจ

   ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าคนตรงหน้านั้นไม่ได้เป็นของของตัวเอง และกำลังถอยหลังห่างออกไปทุกทีเข้ามากัดกินข้างใน
จิตใจ

   “เพราะโอ๋เป็นของอันไง ของอันคนเดียว”

   เสียงที่เบาราวกับกระซิบดังแว่วผ่านข้างมาในโสตประสาต

   หากแต่มันเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจเหมือนเดิม

   “ดูเหมือนอันจะยังไม่เข้าใจ ว่าพี่ไม่ใช่สิ่งของ”

   ตั้งโอ๋บอกด้วยน้ำเสียงเบาโหวง มือเล็กกว่าดึงมือน้องชายออกจากแขนตัวเอง

   ทั้งรู้สึกไม่พอใจแล้วก็รู้สึกเสียใจที่น้องชายไม่เข้าใจสักทีว่าเขาไม่ใช่สิ่งของและไม่ใช่ของของใคร

   “ทำไมล่ะ มันดีกว่าอันตรงไหน”อันเดรสถาม

   “ถ้ามันที่อัน หมายถึงคือพี่สกายล่ะก็ เขาไม่ได้ดีไปกว่าใครหรือด้อยไปกว่าใคร แล้วอีกอย่าง พี่บอกแล้วว่าอย่าเรียกใครว่า
มัน”

   “ไม่ทำไม่ได้รึไง”

   “ดูเหมือนเราจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะอันเดรส”

   พี่ชายพูดจบก็เดินเข้าห้องนอนของตัวเองไปแล้วปิดประตูลงกลอนก่อนที่น้องชายจะแทรกตัวเข้ามา

   ร่างสูงโปร่งยืนพิงประตูห้องนอนอย่างอ่อนใจ ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกเข็มนับพันทิ่มแทงหัวใจมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

   ทำไมอันเดรสถึงต้องทำเหมือนกันว่าเขาต้องให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่าคนอื่น ทั้งที่ปกติแล้วเขาก็ให้ความสำคัญกับอัน
เดรสมากพอสำหรับคำว่าพี่น้อง

   แล้วทำไมเจ้าตัวถึงยังต้องการที่จะก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา จนรู้สึกได้ว่าน้องชายถลำลึกเข้ามาในชีวิตส่วนตัวขงเขาเกิดกว่า
จำเป็น



   ทั้งที่ปกติจะคุยกันรู้เรื่อง ทั้งที่ไม่เคยโกรธเคืองกัน แต่ทำไม เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้

   มันเกิดขึ้นจากอะไรกัน

   ความเอาแต่ใจของน้องชาย?

   ความที่น้องชายเข้ามาก้าวก่ายในชีวิตมากเกินไป?

   หรือว่าความสับสนใจใจของตัวเองที่กำลังเกิดขึ้น?

   รอยร้าวเล็กที่อยู่เกิดอยู่ในก้นบึ้งของจิตสำนึกมันกำลังแตกออก



   เขาควรจะทำยังไง กับน้องชายที่พยายามจะก้าวข้ามความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่นี้

   ควรหันหลังให้กับสิ่งที่น้องชายต้องการ หรือว่าทำเป็นมองไม่เห็นแล้วกลับไปเป็นเหมือนเก่าทั้งที่ข้างในใจก็ยังคงค้างคา





   หลายวันผ่านไปช้าราวกับเป็นเดือนเป็นปี จากที่พูดคุยกันอย่าสนิทสนมกลายเป็นเข้าหน้ากันแทบไม่ติด

   เพราะว่าตัวเขาเองไม่ยอมให้กับน้องชาย ซึ่งปกติแล้วจะเป็นฝ่ายที่ยอมเองตลอด

   ทว่าครั้งนี้มันต่างออกไป เขากำลังสับสนว่าสิ่งที่น้องชายกำลังต้องการทำอยู่นั้นเขาควรจะยอมมันเหมือนเรื่องอื่นๆหรือไม่



   จนถึงวันที่ต้องถ่ายโปรไฟล์ใหม่สำหรับโฆษณาตัวนี้โดยเฉพาะ การแต่งหน้าและการเลือกเสื้อผ้าค่อนข้างต้องพิถีพิถันทำให้
ใช้เวลานานมากกว่าการถ่ายโปรไฟล์ทั่วไปหลายเท่าตัว

   จนเวลาได้ล่วงเลยเข้าไปค่อนคืน นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่ง ถึงจะห่วงว่าน้องชายอาจจะโกรธที่เขาหายไปโดยที่ไม่บอก

   แต่หลายวันที่ไม่ได้พูดกันทำให้เข้าหน้ากันไม่ติดเลยไม่ได้บอกอะไรเอาไว้ก่อนหน้า

   รถของผู้จัดการส่วนตัวอย่างดาหลาจอดลงพร้อมกับคำล่ำลา

   การถ่ายโปรไฟล์เป็นไปอย่างล่าช้าเพราะต้องหามุมกล้องที่ค่อนข้างหายากเพราะต้องแต่งเป็นเด็กผู้หญิง

   แต่ก็เป็นไปได้ด้วยดีและสมบูรณ์ตามที่ทางผู้ใหญ่ต้องการ

   ตั้งโอ๋เปิดประตูเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีที่อ่อนเพลียทั้งที่อยู่ในชุดนักเรียน

   ไฟในบ้านปิดหมดทำให้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจที่ไม่ต้องมาเจอหน้าน้องชายที่ไม่ค่อยอยากจะเจอตอนนี้

   หากรู้ว่าเขาหายไปไหนมาโดยที่ไม่บอก แล้วรู้ว่าไปทำอะไรมามีหวังได้ทะเลาะกันอีกครั้ง

   “ไปไหนมา!!”




มีต่อนะ

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
16122
น้ำเสียงที่ฟังดูไม่พอใจทำให้สะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองน้องชายที่นั่งอยู่ที่โซฟาในส่วนของห้องนั่งเล่น

   “พี่ไปถ่ายโปรไฟล์มาน่ะ ขอโทษที่ลืมบอก”ตั้งโอ๋พยายามพูดในแบบปกติก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นบันไดไป

   แต่ยังไม่ทันที่เท้าจะเหยียบบันไดขั้นแรกแขนก็ถูกดึงจนเซมาด้านหลังปะทะกับคนเป็นน้องจนเกือบล้ม

   “ทำอะไรน่ะ จะบ้ารึไง”พี่ชายเอ็ดอย่างไม่ค่อยพอใจในการกระทำของน้อง

   “ก็แล้วยังไง บอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าไม่ให้ทำ”

   “พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่รึไง อันเดรส ปล่อยแขนพี่ พี่จะไม่คุยถึงเรื่องนี้อีก เพราะยังไงพี่ก็ไม่คิดว่าจะต้องให้ใครมา
ตัดสินใจแทน”

   พูดจบตั้งโอ๋ก็ปัดแขนน้องชายออก

   แต่มือที่แข็งราวกับคีบเหล็กของน้องชายบีบลงบนแขนของเขาแน่นขึ้น

   ร่างกายถูกดึงให้เดินตามขึ้นไปชั้นบนอย่างทุลักทุเล พยายามที่จะดึงแขนออกและยื้อเอาไว้ แต่ก็ไม่เป็นผลในเมื่อตอนนี้เขาสู้
แรงโมโหของน้องชายไม่ได้เลย



   เขาถูกดึงเข้ามาในห้องนอนของน้องชายที่ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัดแทนที่จะเป็นห้องของตัวเอง

   พี่ชายถูกผลักให้หงายลงไปบนเตียงหลังใหญ่ตามด้วยร่างใหญ่กว่าของน้อยชายคร่อมทับแล้วใช้แขนกักตัวพี่ชายเอาไว้ไม่ให้หนี

   นัยน์ตาของคนน้องกำลังวาวโรจน์อย่างไม่พอใจ และดูท่าครั้งนี้มันจะมากกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น

   “อะไรน่ะอันเดรส”พี่ชายถามเสียงแทบจะหายไปกับอากาศเมื่อเสื้อนักเรียนตัวขาวถูกปลดกระดุมออกด้วยมือของน้องชาย

   “  ”


   “อันเดรส พี่ถามว่าจะทำอะไร”คราวนี้สีหน้าเริ่มวิตกเมื่อน้องชายไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

   “  ”

   “หยุดสิ อันเดรส พี่ถามว่าจะทำอะไร!!”พี่ชายเริ่มเสียงดังอย่างเป็นกังวนเมื่อกระดุมเสื้อนักเรียนถูกปลดจนหมด

   “  ”

   “หยุดสิ อันเดรส พี่บอกให้หยุดไง!!”

   เพี๊ยะ!!

   เป็นฝ่ายพี่ชายที่ฟาดฝ่ามือลงใบบนใบหน้าคมเข้มในแบบฉบับของลูกครึ่ง

   ริมฝีปากได้รูปเม้มเป็นเส้นตรงดวงตาสีดำสนิทเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป

   เขาได้ทำร้ายน้องชายของตนเองลงไปแล้ว

   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของน้องชายกำลังวูบไหว ใบหน้านั้นหันข้างไปตามแรงกระทบแล้วหยุดนิ่งอย่างไม่เชื่อตัวเอง

   เสียงเครื่องปรับอากาศดังแทรกอยู่ระหว่างกลางความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วครู่

   “ต้องเป็นมันใช่ไหม”เป็นน้องชายที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เบาโหวงและสั่นพร่า

   “พะ พูดอะไรน่ะ”

   “ต้องเป็นมันใช่ไหม ถึงจะทำแบบนี้ได้น่ะ!!”น้องชายตวาดเสียงดังแล้วใช้มือสองข้างตรึงไหล่ของพี่ชายกดไว้กับผืนเตียง

   “พูดอะไรน่ะอันเดรส!!พี่ไม่เข้าใจ ลุกออกไปจากตัวพี่”

   “ไม่ อย่าหวังเลยว่าวันนี้จะปล่อยไปเหมือนกับที่แล้วมา”

   พูดจบริมฝีปากของน้องชายก็ฉกจูบลงบนริมฝีปากได้รูปของพี่ชาย

   แรงบดเบียดและแรงขัดขืนทำให้ความเจ็บแล่นพล่านเข้ามาในโพลงปากพร้อมกับกลิ่นคราวเลือดที่คลุ้งออกมา

   “อื้อ ปะ  อื้อ”ตั้งโอ๋พยายามที่จะผลักไสน้องชายให้ออกไปจากการคุกคามที่น่าตกใจครั้งนี้

   ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทลงอย่างตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

   มือหนาข้างหนึ่งปล่อยให้ไหล่พี่ชายเป็นอิสระและเอื้อมลงมาปลดเข็มขัดกางเกงพี่ชาย

   “อื้อ มะ ไม่”พี่ชายพยายามที่จะแย้งและใช้มือข้างที่เป็นอิสระผลักไสไม่ให้น้องชายได้ทำในสิ่งที่ต้องการ

   กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินถูกปลดออกแล้วรูดลงผ่านเรียวขายาวแล้วโยนลงบนพื้นอย่างไม่ใยดีพร้อมๆกับชั้นในสีขาวที่กำลังถูก

ดึงออก

   เรียวปากหยักน้องชายพยายามที่จะดูดดึงริมฝีปากได้รูปให้เปิดออกและสอดปลายลิ้นเข้าไปอย่างทุลักทุเล

   เขาพยายามที่จะขัดขืนในสิ่งที่น้องชายกำลังทำ มันเป็นสิ่งที่ผิดและไม่ควรที่จะเกิดขึ้น


   แต่โทสะของน้องชายมันมีมากเกินไปที่จะต่อต้าน อีกทั้งขนาดร่างกายที่แตกต่างกัน

   ชุดชั้นในได้ถูกรูดตามออกไปแล้วเหวี่ยงทิ้งไปที่มุมห้อง มีเพียงเสื้อนักเรียนตัวบางเท่านั้นที่เหลือติดกาย แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
เมื่อกระดุมทั้งหมดมันถูกปลดออกไปนานแล้ว

   พอเห็นว่าพี่ชายไม่ได้สวมเสื้อกล้ามทับข้างในดวงตาคมสีอ่อนก็ยิ่งแข็งกร้าวขึ้นอย่างหึงหวงกว่าเก่า เขายันตัวถอนจูบออก
และถอดเสื้อของตัวเองออกทิ้งให้พี่ชายได้มองตามด้วยความตกใจปนหอบอยู่ภายใต้ร่าง

   “อย่านะอันเดรส”เขาส่ายหน้าห้ามน้องชาย

   เรียวขาถูกจับแยกออกกว้างให้ร่างกายสูงกว่าเข้าไปและกดตรึงเอาสิ่งที่กำลังแข็งขืนเบียดเข้ากับสะโพกมน

   “อันเดรส หยุด พี่บอกให้หยุดไง”มือทั้งสองข้างผลักออกน้องชาย

   “อย่ามาเรียดตัวเองว่าพี่ทั้งที่ไม่ใช่!!มันน่ารำคาญ”เสียงแข็งกร้าวตวาดดังอีกครั้งทำให้พี่ชายสะดุ้งและชะงักอย่างตกใจ

   ดวงตากลมพยายามกลั้นเอาน้ำตาที่เอ่อจนเกือบจะล้นขอบตาเอไว้แล้วมองน้องชายอย่างไม่เชื่อสายตาด้วยภาพที่กำลังเบลอ

   “อะไรกัน ทำไมล่ะ เราเป็นพี่น้องกันไม่รึยังไง”

   “นั่นโอ๋คิดไปเองคนเดียว โอ๋เป็นของอัน เป็นของอันคนเดียว ใครก็จะมาแตะไม่ได้”

   เขาพูดพร้อมกับขยับกายปลดกางเกงตัวเอง

   “มะ ไม่ใช่ พี่ไม่ใช่สิ่งของ พี่ไม่ใช่ของของใคร”

   พูดทั้งที่เสียงสั่นพร้อมกับส่ายหน้า

   เขาไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจสิ่งที่น้องชายทำ ไม่แม้แต่เข้าใจในสิ่งที่น้องชายกำลังคิด

   “ยะ อย่านะ อันเดรส”เขาพูดเสียงแผ่ว

   ขาถูกจับให้แยกออกจากกันจนกว้าง น้องขายเอื้อมมือไปที่หัวเตียงเพื่อหยิบเจลหล่อลื่นที่มีติดเอาไว้แต่ไม่เคยคิดที่จำใช้

   ขวดเจลถูกเปิดออกและถูกเทลงที่ช่องทางของพี่ชายด้วยท่าทีที่เย็นชา

   “อันเดรส หยุดนะ”ตั้งโอ๋พยายามปัดมือน้องชายออก

   “เงียบไปเถอะน่า!! ต่อไปนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามมาแตะโอ๋ทั้งนั้น มีแต่อันเท่านั้นที่แตะได้คนเดียว”

   พูดจบริมฝีปากน้องชายก็บดจูบลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้รุนแรงกว่าเดิมเป็นหลายเท่า

   มือข้างหนึ่งจับใบหน้าพี่ชายเอาไว้ไม่ให้เบือนหนีจูบของตัวเอง

   เรียนลิ้นร้อนผ่าวซอกซอนเข้าไปเกี่ยวพันเอาลิ้นพี่ชายอย่างบัลดาลโทสะ

   เขาเกลียดความสัมพันธ์ที่งี่เง่าที่เป็นตัวขวางกั้นระหว่างเขากับอีกฝ่าย ความสัมพันธ์ที่คอยเป็นกำแพงกั้นเอาไว้ไม่ให้ได้แตะ
ต้องพี่ชายทั้งที่ใจนั้นอยากที่จะคว้าเอาร่างนั้นเข้ามากอดในแบบที่คนรักทำกัน
   เรียวนิ้วชุ่มของเหลวพยายามที่จะแทกเข้าไปในช่องหลีบทั้งที่พี่ชายกำลังดิ้นพล่าน แต่ก็ถูกจับตึงเอาไว้

   พร้อมกับรสจูบเร่าร้อนชักจูงให้ทำตาม

   นิ้วแรกชำแรกเข้าไปได้โดยง่ายตามด้วยนิ้วที่สองที่เริ่มจะคับแน่นทำให้พี่ชายนิ่วหน้าทั้งน้ำตาที่ใกล้จะไหลออกมาจากหน่วย
ตาเต็มทน

   มือขาวบีบไหล่น้องชายแน่น เรียวลิ้นถูกบังคับให้คล้อยตาม

   กายด้านหน้าถูกเล้าโลมเสียงสีด้วยกายที่แข็งตึงของน้องชายจนมันทั้งร้อนและเริ่มหยัดกายขึ้นมาตั้งชันตอบรับสิ่งที่ชักจูง

   เสียงครางแผ่วเบาในลำคอเริ่มดังขึ้นแทนเสียงต่อต้านที่ดังอยู่ก่อนหน้า

   นิ้วที่สามพยายามแทรกเข้าไปอย่างยากลำบากดีที่มีเจลหล่อลื่นเป็นตัวช่วยทำให้ช่องทางที่เคร่งเครียดนั้นผ่อนคลายตัวลง

   ร่างกายที่ต่อต้านของพี่ชายเริ่มที่จะอ่อนยวบลงกับที่นอนอย่างอ่อนแรงได้แต่ใช่เรี่ยวแรงที่มีเล็กน้อยพยายามดันอกน้องชาย
ให้ออกห่าง

   อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นอยู่ด้านหน้ามันเริ่มทวีมากขึ้นเมื่อถูกเล้าโลมทั้งด้านหน้าและด้านหลังทำให้ครางออกมาเสียงเบา

   หมดหนทางแล้วที่เขาจะห้ามและหลีกหนีการคุกคามที่ไม่ได้ยินยอมในครั้งนี้

   ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงคล้ายกับไม่อยากจะเห็นในสิ่งที่ไม่ต้องการ

   “ฮึก”

   ร่างกายมีกล้ามเนื้อแต่พอดีสะดุ้งเฮือกเกร็งตัวขึ้นมาทันทีเมื่อช่องทางด้านหลังกำลังถูกดันด้วยสิ่งที่ทั้งแข็งและร้อนราวกับ
เหล็กนาบไฟ และมันกำลังพยายามที่จะเข้ามาข้างในตัวของเขา

   “มะ ไม่ ไม่นะ”เขาส่ายหน้าลืมตาขึ้นมองน้องชายที่มองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน

   มันเพราะอะไรกันแน่ถึงทำให้เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น

   กายอันใหญ่โตของน้อยชายพยามยามดันเข้ามาทั้งที่ช่องทางนั้นกำลังตึงเครียดและไม่ยอมโดยง่าย

   “อย่างเกร็ง”น้องชายสั่งพร้อมกับโน้มตัวเข้าหาพี่ชายแล้วใช้มือจับใบหน้าของพี่ชายให้อยู่นิ่งแล้วจูบปลอบประโลม

   มืออีกข้างลูบไล้ไปบนกายเนียนนุ่มของพี่ชายอย่างเบามือเพื่อที่จะปลุกเร้าทั้งที่กำลังโถมกายเข้าใส่อย่างอึดอัด

   ริมฝีปากหยักถอนออกมาแล้วซุกลงบนซอกคอขาวอย่างอ่อนโยนทิ้งให้พี่ชายนอนอ่อนแรงและจิกเล็บลงบนลาดไหล่อย่างหวาดกลัว



   ในที่สุดร่างกายใหญ่โตของน้องชายก็เข้าไปได้จนสุดในขณะที่พี่ชายได้แต่นิ่วหน้าอย่างทรมาน

   กายแข็งแรงค่อยๆดึงออกจนเกือบสุดแล้วดันเข้าไปใหม่จนมิด จากแผ่วเบาเริ่มเป็นหนักหน่วงและรุนแรงขึ้น

   “ฮะ ฮึก อะ อัน อือ”พี่ชายครางเสียงแผ่วจิกเล็บลงบนไหล่หนา

   ลำตัวสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก กายด้านหน้ารู้สึกตึงแน่นทั้งที่ภายในร่างกายนั้นรู้สึกหน่วงและรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

   เสียงน้องชายคำรามในลำคอและโน้มตัวลงมากอดและจูบซับลงบนหน้าผากทำให้ร่างกายเริ่มผ่อนคลายลงมาบ้าง

   แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดตอบโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว

   กำแพงบางๆที่เคยขวางกั้นเอาไว้บัดนี้มันได้ถูกทำลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี

   มีเพียงเศษซากแห่งความสัมพันธ์ที่เหลือเอาไว้ดูต่างหน้าให้ได้รู้สึกผิดต่อเท่านั้น





   


   รุ่งเช้าร่างสูงของน้องชายได้ลุกขึ้นจากที่นอนโดยที่ไม่ต้องมีใครปลุกเหมือนวันก่อนๆ

   เพราะเขาไม่ได้นอนเลยต่างหาก

   เขามองดูพี่ชายที่หลับสนิททั้งที่กายเปลือยเปล่า บนร่างกายขาวโพลนมีรอยที่บ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของอยู่เต็มไปหมด

   ในที่สุดเขาก็ได้ทำมันลงไป

   

   ในช่วงปลายภาคเรียนชั่วโมงเรียนของรุ่นพี่มัธยมศึกษาปีที่หกได้จบลงเร็วกว่าช่วงชั้นอื่นๆทำให้มีวันปิดเรียนเร็วกว่าเพื่อที่จะ
เตรียมตัวแอดมิดชั่นเข้ามหา’ลัย

   น้องชายแต่งตัวไปโรงเรียนโดยที่ทิ้งเอาพี่ชายนอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง

   แต่ก็ไม่ลืมที่จะเตรียมอาหารเช้าแบบง่ายและยาแก้ปวดกล้ามเนื้อและแก้อักเสบเอาไว้ให้

   ถึงจะอยากอยู่เคียงข้าง แต่ก็เชื่อว่าความเป็นตัวของตัวเองของพี่ชายนั้นจะก่อให้เกิดถิฐิที่ทำให้ไม่สามารเข้าหน้ากันได้ง่าย

   อันเดรสเลือกที่จะถอยมาก้าวหนึ่งเพื่อให้พี่ชายได้ปรับตัวกับกำแพงที่ถูกพังลงไปตามลำพัง

   แต่เขาไม่รู้เลยว่าเขากำลังจะสูญเสียสิ่งที่ตัวเองรักแบบผิดๆไป



   เมื่อกลับมาจากโรงเรียนพร้อมกับถุงที่เต็มไปด้วยของโปรดของพี่ชาย แต่ทว่าก็ต้องพบกับความว่างเปล่า

   ห้องแล้วห้องเล่าที่เปิดออกก็ไม่พบกับพี่ชาย

   มีเพียงโพสอิทสีสดแปะเอาไว้บนโต๊ะว่าจะไปค้างบ้านเพื่อนเพื่อติวหนังสือ

   อันเดรสทุบมือลงบนโต๊ะอย่างเจ็บใจเมื่อระยะห่างที่คิดว่าถูกทำให้แคบลงมันกลับกว้างยิ่งขึ้น



   ทั้งที่คิดว่าบางทีพี่ชายอาจจะต้องการเวลา จึงห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปตามตัวเหมือนครั้งก่อนๆ

   แต่สองวันผ่านไปใจที่เป็นกังวลอยู่แล้วยิ่งทวีความกังวลมากข้นเมื่อพี่ชายนั้นไม่แม้แต่จะกลับมาเอาเสื้อผ้าหรือของจำเป็นเลย
สักอย่าง

   จนวันที่สาม อันเดรสตัดสินใจที่จะเคาะประตูบ้านเพื่อนสนิทของพี่ชาย

   คนแล้วคนเล่าจนครบ แต่ก็ไม่เจอ นั่นทำให้เขายิ่งรู้สึกทั้งเสียใจและหงุดหงิดไปพร้อมๆกัน

   เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้

   หงุดหงิดที่พี่ชายนั้นถอยห่างมากทุกที

   วันที่สี่ก็ยังไม่มีวี่แววของพี่ชายจนพ่อทั้งสองเริ่มสงสัย

   แต่คำตอบที่ว่าไปติวบ้านเพื่อก็ทำให้พ่อทั้งสองนั้นคลายความเป็นห่วงลง

   แต่กับเขามันไม่เลยสักนิด

   อันเดรสยิ่งไม่พอใจหนักขึ้น เขาไม่ชอบที่พี่ชายนั้นตีตัวออกห่างเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

   เขายอมที่จะเสี่ยงพังทลายกำแพงไม่ใช่เพื่อต้องการให้พี่ชายถอยห่างออกไปอย่างนี้

   


   จนวันที่หกก็สมใจกับที่แอบดักรอเพื่อนพี่ชายแล้วสะกดรอยตามไปที่คอนโดที่ไม่คุ้นตา

   พอตามขึ้นไปก็พบพี่ชายเปิดประตูรับเพื่อนเข้าไปนั่นยิ่งทำให้อารมณ์ไม่พอใจพุ่งสูงขึ้นเมื่อรู้ว่าพี่ชายกำลังหลบหน้าและ
พยายามหนี

   ชั่วโมงกว่าที่ยืนรออยู่ที่มุมสุดของทางเดิน ในที่สุดเพื่อของพี่ชายก็ออกมา

   อันเดรสหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วเคาะประตูห้องที่อยู่ด้านหน้า

   หัวใจกำลังเต้นรัวอย่างไม่พอใจ เขาไม่พอใจที่ถูกตีตัวออกห่าง แต่ก็เสียใจที่ทำร้ายพี่ชายลงไป

   “ลืมอะไร อะ อันอัน”เสียงเรียกชื่อหลุดออกมาราวกับว่าไม่คาดคิดมาก่อน

   ประตูไม้สีขาวรีบปิดลงทันทีที่ตั้งสติได้ ทว่ามือของน้องชายก็กั้นเอาไว้ก่อนที่จะแทรกตัวเข้าไปภายในห้องคอนโตห้องเล็กที่
มีเฟอร์นิเจอร์อยู่ไม่มากนัก



   “ทำไมไม่กลับบ้าน”น้อยชายถามเสียงแข็งพยายามไม่เข้าไปเขย่าตัวพี่ชายเพื่อระบายอารมณ์ที่มันปะทุอยู่ตอนนี้

   “พี่กำลังติวอยู่ กลับไปเถอะ พี่จะอ่านหนังสือ”น้ำเสียงเรียบนิ่งตอบกลับมาพยายามไม่ให้สั่นเครือ

   “กลับไปด้วยกัน”

   มือหนาฉุดเอาแขนพี่ชายแล้วออกแรงดึง

   “อย่ามาแตะพี่นะ!!”

   ตั้งโอ๋สะบัดมืออันเดรสออกอย่างตกใจเมื่อจู่ๆก็ถูกสัมผัส

   สัมผัสของน้องชายที่เขารักอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่สุดท้ายความรักที่มอบให้ก็ถูกพังลงอย่างใยดี

   “ขอโทษ”คำขอโทษถูกเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา

   “ไม่ต้องมาขอโทษหรอก พี่จะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ดังนั้นพี่จะลืมมันไป คิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น”



   “มันไม่ใช่เรื่องผิดพลาด!!โอ๋เป็นของอัน มันไม่ใช่เรื่องผิดพลาดสักหน่อย อย่ามาพูดเองเออเองไปคนเดียว”น้องชายตรง
เข้าไปคว้าไหล่พี่ชายมาเขย่าอย่างเหลืออด



   “อะ ปล่อย อันเดรส ทำไมมันจะไม่ผิดพราดล่ะในเมื่อเราสองคนเป็นพี่น้องกัน”

   “ไม่ใช่ เราไม่ใช่พี่น้อง บอกแล้วไงว่าอย่าคิดไปเอง”

   “ทำไมจะไม่ใช่ ในเมื่อพี่เป็นพี่ชาย”

   “ไม่ใช่ โอ๋ไม่ใช่พี่ชาย โอ๋เป็นของอัน”อันเดรสปล่อยแขนออกจากไหล่พี่ชายแล้วพูดเสียงแผ่ว

   “พี่ไม่ใช่สิ่งของนะอันเดรส พี่ไม่เคยเป็นสิ่งของของใคร กลับไปเถอะ พี่ไม่อยากคุยกับเราแล้ว”ตั้งโอ๋หันหลังให้

   ดวงตาทั้งสองข้างกำลังเอ่อล้นไปด้วยน้ำใสใสคลอหน่วยตาจนเกือบจะล้นออกมาเต็มทน

   เขาเงยหน้าขึ้นมองเพดานสีขาวอย่างเจ็บใจในความคิดที่มันกำลังตีรวนอยู่ในใจตอนนี้

   เขาควรจะทำยังไง ในเมื่อความรักที่มีต่อน้องชายมันกำลังจะเปลี่ยนไป ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ผิด


   “อันไม่เคยคิดอยากได้พี่ชาย”

   คำพูดสุดท้ายที่อยากจะพูดได้พูดออกจากปากไป

   ทั้งที่อยากจะเข้าไปปลอบกอดไหล่ที่สั่นเทานั้นเอาไว้ แต่ก็เลือกที่จะถอยออกมา


   ประตูไม้สีขาวถูกปิด มันถูกใช้กั้นเป็นกำแพงระหว่างพี่ชายและน้องชายที่อยู่คนลำฟากของประตู

   ความคิดระความรู้สึกกำลังจะถูกเปลี่ยนแปลง

   น้องชายนั้นเจ็บปวดกับความห่างเกินที่ถูกสร้างขึ้นมาแทนกำแพงที่ถูกพังลงไป

   พี่ชายกำลังสับสนกับความรู้สึกที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว



   ไม่ใช่แค่ระยะห่างของความสัมพันธ์เท่านั้นที่กำลังจะเกิดขึ้น

   ระยะทางก็เช่นกันมันกำลังจะห่างจากคนละฟากประตูเป็นคนละฟากของโลก

   โดยที่คนหนึ่งตั้งใจอีกคนไม่ตั้งใจ



================================================================

ห่ะ อะไระนะ ท้องอืด ใครกินมาม่าเข้าไป ไม่มีเล๊ย ไม่มี
หายไปนานจนได้ คนอ่านลืมกันหมดเเหล่ว 55+
มัวแต่พี่ยักษ์ จนพี่ยักษ์ได้ลูกแฝดไปแล้ว ถึงกลับมาได้

แฟนเพจของโซอึนจ้า

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
คนนึงใจร้อนอีกคนไม่เข้าใจตัวเอง

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :mew5: :mew6:ทำมายยยย สื่อกันไม่ตรง ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกันสักหน่อย ทำมายยยยยย

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ทำไมเป็นงี้ แล้วนี่โอ๋จะไปเรียนต่างประเทศใช่ไหม??
อันเดรสก็เหอะ โอ๋ไม่ใช่สิ่งของ รักก็บอกว่ารักดิ่ ทำมายยยยยยยยย ไม่จริงงงงงงง

ออฟไลน์ MENTA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ GMJeam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โถ่ เด็กๆ ของป้า
ขอให้ผ่านพ้นไป

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
รักก็บอกว่ารักจะปากแข็งกันไปทำไมในเมื่อก็ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ ซะหน่อย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew5:  คุยกันดีๆนะเด็กๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Sakurai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 ทำไมมันมาม่ากระชากตับไตเยี่ยงนี้  o22

ออฟไลน์ am_am

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ท้องอืดดดดดด  :hao5:#พังชามมาม่า

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
 :z3:
ตามจริงไม่อยากให้มาม่าเลย
แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้
งือออออ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Eldorado

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ติดตามอยู่น้าา มาต่อไวๆนะคะ^^

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
ความลับที่ 8 ความทรงจำ


   กว่าจะทำใจให้พาตัวเองกลับบ้านได้ก็ผ่านไปจะเกือบอาทิตย์ ก่อนจะถึงวันจบการศึกษาอีกแค่ไม่กี่วัน

   ตั้งโอ๋เดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ด้วยร่างกายที่อ่อนเพลียเต็มทน อาจเป็นเพราะการนอนไม่หลับที่เกิดจากการเครียดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

   พยายามอยู่เกือบจะทุกวันที่จะบอกว่ามันเป็นเรื่องผิดพลาด ถึงแม้ว่าลึกๆจะคิดหวังว่ามันไม่ใช่ก็ตาม

   “อ้าวกลับมาแล้วเหรอค่ะตั้งโอ๋ ป้าก็นึกว่าจะไปส่งอันเดรสซะอีก”แม่บ้านทักทำให้ตั้งโอ๋เลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย

   “ส่งไปไหนครับป้า ทำไมตั้งโอ๋ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”

   “ตายจริง ไม่รู้จริงจริงเหรอค่ะเนี่ย ก็คุณพ่อกับคุณกุ้ยช่ายพาหนูอันเดรสไปส่งที่สนามบินเพื่อจะไปเรียนต่อที่สเปนไงค่ะเห็นว่าจะไปอยู่กับคุณปู่คุณย่า”แม่บ้านสูงวัยตอบกลับด้วยท่าทีตกใจ
   

   แต่คนที่น่าจะตกใจมากกว่าก็คือคนที่พึ่งจะรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่างหาก

   จากที่พึ่งจะเข้าบ้านมาไม่ถึงนาทีก็รีบวิ่งออกไปเพื่อเรียกรถแท็กซี่ไปยังสนามบินทันที

   เขาไม่รู้ว่าทำไมจะต้องไปตามน้องชายกลับมา ทั้งที่ใจยังไม่อยากจะเจอหน้า

   แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากจะเห็นหน้ากัน ไม่อยากอยู่ไกลกัน ไม่อยากห่างกันไปไกล

   ทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่ ทั้งที่พยายามทำใจที่จะยอมรับมัน แต่น้องชายกลับเลือกที่จะหนี

   มันเป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้เด็ดขาด



   ที่สนามบินเต็มไปด้วยผู้คนมากมายเดินสวนไปมา มันค่อนข้างจะดึงดูดใจหากมีใครสักคนวิ่งผ่าฝูงคนเพื่อจะตามหาพ่อกับน้องชาย และยิ่งสำคัญคนคนนั้นเป็นดาราวัยรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่จะมีคนคอยมองตามและยกกล้องหรือมือถือขึ้นมาเก็บ
ภาพเอาไว้

   สายตาคู่ดำสนิทสอดส่ายตนเจอพ่อทั้งสองจึงได้เข้าไปหาและหยุดหอบด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งร่ายกายที่ยังพักผ่อนไม่เพียงพอ

   “อันอันล่ะป๋า อันอันไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงหอบพลางสอดส่ายสายตาหาน้องชาย

   “อันเดรสเพิ่งจะเดินเข้าไปเมื่อกี้นี้เอง มีอะไรรึเปล่าตั้งโอ๋ ไหนอันเดรสบอกว่าติวหนังสือกับเพื่อนมาไม่ได้ไง”กุ้ยช่ายถามลูกชาย

   “มะ อันอัน ไปได้ไง ไปไหน อันอันไปไหน”เขาละล่ำละลักถามพลางเขย่าแขนผู้เป็นพ่อ

   “ก็ไปสเปนไง อะไรกัน ไหนอันเดรสบอกว่าปรึกษากับเราแล้ว”คราวนี้มาตินเป็นฝ่ายถามบ้าง

   “ไม่ ฮึก ไม่รู้เลย ทำไมถึงหนีไป”

ทั้งที่เป็นฝ่ายทำร้ายเขาเอง ทั้งที่เป็นคนเริ่มต้นเอง แต่ทำไม

   “ใจเย็นๆตั้งโอ๋ จู่ๆจะมาร้องไห้ คนมองเต็มไปหมดแล้ว”

   “ทำไมต้องหนีกันไปด้วย ทำไมล่ะ”เขา”เขาพึมพำกับตัวเอง



   วันคือผ่านหลายวันเป็นหลายเดือน ไปในบ้านที่เหลืออยู่เพียงเขาคนเดียว ห้องนอนห้องเดิม เตียงๆเดิม แต่ไม่มีใครมานอนเบียด
เหมือนเก่า

   แก้วน้ำที่เข้าเซ็ตกัน โซฟาที่เคยนั่งด้วยกัน ทีวีที่เคยดูด้วยกัน ตอนนี้มันเหลือเพียงแต่เขาคนเดียวที่ใช้มันและอยู่กับมันด้วยความ
เหงาที่เข้ามาครอบงำ


   ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกล่วงล้ำเข้ามาในฝั่งกำแพงที่สร้างเอาไว้ แต่กลับถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง


   จากนักเรียนก็กลายเป็นนักศึกษา เขาเลือกที่จะเรียนคณะที่เกี่ยวกับการทำโฆษณาโดยตรงเพื่อที่จะมีบริษัทโฆษณาเล็กๆเป็นของ
ตัวเอง


   ต่างจากอีกคนที่ตอนนี้อยู่ไฮสคูล ความโดดเด่นจากฐานะและหน้าตาทำให้มีเพื่อนมากมายรายล้อม


   เขามีโอกาสที่จะไปหาอีกฝ่ายตอนวันคริสต์มาส แต่ก็ถูกเมินและไม่สนใจ มีเพียงคำทักทายที่เป็นทางการเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนใน
ครอบครัว



   จากสนิทสนมกลายเป็นเหินห่างและหมางเมิน มันทำให้หัวใจของเขาราวกับถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมอีกครั้งและอีกครั้งจนแหลกไม่
เหลือชิ้นดี



   อีกครั้งที่เขาไปหาอีกฝ่ายก็คือวันปิดเทอมฤดูร้อน เขาหวังว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงจากระยะเวลาที่มากขึ้น เขาหวังว่ามันจะกลับ
มาเป็นเหมือนเก่า



   แต่มันไม่มีอีกแล้ว ไม่มีน้องชายคนเดิม ไม่มีอันอันคนเดิม มีเพียงอันเดรสผู้ที่ไม่เคยมองเขาหากไม่จำเป็น อันเดรสผู้ที่กลายเป็น
คนอื่นไปแล้ว



   เพียงสองครั้งเท่านั้นที่เขาไปหาน้องชายพร้อมๆกับพ่อทั้งสอง สองครั้งที่แทบจะไม่มีการพูดคุยต่อกัน



   คนเป็นพ่อได้แต่ปลอบว่าน้องอาจจะอยู่ในช่วยวัยต่อต้าน แต่มันไม่ใช่เลย อันเดรสกำลังเกลียดเขา



   กำลังจะทิ้งเขาให้อยู่คนเดียว กว่าจะทำใจให้ยอมรับและอยู่กับมันได้ เขาต้อใช้เวลานาน ต้องใช้เพื่อเป็นตัวช่วยเพื่อให้ลืมเรื่องราว
ที่เกิดขึ้นไปชั่วขณะ





   ต้องปฏิเสธครอบครัวและรับงานมากขึ้นจนแทบจะไม่มีเวลาไปคิดฟุ้งซ่าน วันและเวลาหมดไปกับการเรียน และก็งาน



   เส้นทางในวงการมายาเริ่มชัดเจนมากขึ้น ชื่อเสียงในการแสดงที่สั่งสมมายิ่งทำให้มีโอกาสได้รับมาที่เติบโตขึ้น ยากมากขึ้น



   จากเดือนกลายเป็นปี จากปีกลายเป็นหลายปี เรื่องราวที่ยากจะลืมเริ่มถูกเก็บเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ


   ความทรงจำที่คิดว่าเลวร้ายที่สุดกลับกลายเป็นความทรงจำที่ดีที่และถูกเก็บฝังเอาไว้ในความคิด



   “ยินดีด้วยนะ”

   “ยินดีด้วยจ้า”

   “ยินดีด้วยค่ะ”

   ถ้อยคำยินดีของแขกที่มาร่วมงานในวันเปิดบริษัทโฆษณาตามที่เขาฝันเอาไว้

   ในที่สุดมันก็เป็นจริงสักที สิ่งที่เขาพยายามมาตลอด

   แขกมากมายทั้งในวงการและนอกวงการรวมถึงญาติพี่น้องต่างก็มาร่วมแสดงความยินดี

   ถึงแม้ว่าแขกที่มาร่วมงานจะมากันมากมาย แต่ใจก็ไม่วายนึกถึงน้องชายที่ไม่เจอหน้ากันมานาน

   ผ่านไปห้าปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ห้าปีที่เขาถูกทอดทิ้ง ห้าปีที่ต้องอยู่ลำพัง

   เขารู้มาว่าอันเดรสเรียนจบปริญญาตรีภายในระยะเวลาสองปี ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจสำหรับเขาเลยสักนิด เพราะเขารู้ดีว่า
อันเดรสนั้นเป็นเด็กฉลาดแค่ไหน

   จะว่าเด็กก็คงจะไม่ใช่แล้วสิ ในเมื่อตอนนี้อันเดรสอาจจะโตเป็นหนุ่มไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนกัน

   เพียงแค่คิดก็ทำให้เขาหลุดเข้ามาอยู่ในภวังค์ทิ้งให้แขกที่มาร่วมงานสะกิดเรียกอีกครั้ง

   “ยินดีด้วยนะครับ ตั้งโอ๋”ดาราหนุ่มหล่อลูกครึ่งมาดเท่อย่างสกายยื่นช่อดอกไม้มาตรงหน้าเรียกให้ตั้งโอ๋ยิ้มกว้างตอบรับอย่างช่วย
ไม่ได้

   ถ้าหากอันเดรสยังอยู่ตอนนี้ สกบายจะเข้าใกล้เขาได้ไหม? เขาได้แต่ถามในใจแล้วรับช่อดอกไม้มาถือเอาไว้

   “ถ่ายรูปหน่อยค่ะ สกาย ตั้งโอ๋”นักข่าวที่มาร่วมงานส่งเรียกบอก

   ทำให้เขากันไปมองกล้องพร้อยกับสกายที่ขยับตัวเข้ามาใกล้

   แต่มันอาจจะใกล้เกินไปรึเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจ ลำตัวของเขาถูกมือหนาของเพื่อนร่วมวงการตั้งแต่สมัยเด็กโอบไปจนเซชิด

   พร้อมกับแก้มริมฝีปากของอีกฝ่ายชิดเข้ามาที่แก้มทำให้ดวงตาของเขาเบิกออกกว้างอย่างตกใจ

   เรียกเสียงนักข่างที่รอถ่ายรูปหัวเราะกันครื้นเครง

   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สกายทำแบบนี้ จนกลายเป็นข่าวซุบซิบว่าเป็นคู่รักกัน แต่เขามองว่ามันเป็นการหยอกล้อกัน ถึงแม้ว่ามันจะ
เป็นการหยอกกัน แต่เขาก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเลย ความรู้สึกมันแตกต่างกับสิ่งที่น้องชายทำโดยสิ้นเชิง

   ป่านนี้เขาก็ยังไม่คิดที่จะลืมมัน สัมผัสที่แตกต่างจากของคนอื่นโดยสิ้นเชิง



===============================================================

สั้นไปรึเปล่าาาาา หนีไปนอนแปบ เช้าแระ


ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ มะลิลา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เอาอีก เอาอีก :z3:
อยากอ่านต่อแล้ว

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อันอันไม่รีบกลับมา โอ๋โดนฉกไปแน่ๆ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อันอันพยายามหักใจสินะ

ฮืออออ

ถ้าตั้งโอ๋ยังไม่ยอมรับใจตัวเอง อันอันก็คงไม่กลับมาแล้วอ่ะ :call:

ออฟไลน์ MENTA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อันเดรส รีบกลับมานะ

ออฟไลน์ Malila

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อันอันเป็นไงบ้างงง  หนักเหมือนกันเลยสิ

สงสารทั้งคู่เลย :sad4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อันอันรีบกลับมาเถอะ สงสารตั้งโอ๋นะ รีบกลับมา

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อันเดรส เรียนจบแล้วก็รีบกลับมานะ ไม่งั้นตั้งโอ๋อาจใจอ่อนกับคนอื่นแน่ๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ Jupiter(Zeus)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
กลิ่นมาม่าโชยมา ไม่เอานะ ไม่เอา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด