‘
17th Night : ปาร์ตี้วันเกิด
“ทำแบบนี้ไม่น่ารักนะคร้าบคุณ”
ประโยคแรกที่อเนกพูดกับตุลย์พลางส่ายหน้าตอนที่กลับมาตัวเปียกซก นอกจากเขาจะแก้ตัวกับฝ่ายนั้นไม่ขึ้นแล้ว เรื่องก็ยังไปถึงหูศานนท์อีกจึงจบด้วยถูกต่อว่าไปพอประมาณ
ก่อนที่เช้าวัดถัดมา อเนกจะส่งเขาที่มหาวิทยาลัย โดยมีฝ่ายนั้นจับตาแบบคุมเข้ม ส่วนชายสองคนที่เขาเจอเมื่อวาน เข้ามาคุยกับอเนกในตอนเช้าแค่พักเดียว แล้วก็หายหน้าไปทั้งวัน
เขารู้ว่าศานนท์มีแผนอะไรสักอย่างที่ตั้งใจปิดเป็นความลับ แต่เขาก็มีแผนเหมือนกัน...ประตูข้างยิมใกล้กับค่ายมวย เป็นตรอกเชื่อมออกไปสู่ถนนใหญ่ ปกติแล้วมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้นักศึกษาเข้าออกทางดังกล่าว
แต่ตุลย์เป็นสตาฟกิจกรรม นั่นเขาทำให้ได้สิทธิ์พิเศษในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างที่นักศึกษาทั่วไปไม่สามารถใช้งานได้ ประจวบเหมาะกับเย็นนี้มีแข่งบาสเกตบอลที่ยิมพอดี
เขามีกุญแจ... ที่ต้องการก็แค่จังหวะเหมาะๆ“พี่เอก เย็นนี้ผมจะอยู่ดูบาส”
เขาทรุดตัวลงบนม้าหินฝั่งตรงข้าม ที่ประจำที่อเนกชอบนั่งรอ พลางซดกาแฟทื่ซื้อติดมือมาเมื่อเที่ยงหลังแยกกับเพื่อน
“อ้าว ไม่หนีตามเพื่อนไปฉลองวันเกิดแล้วเหรอครับ?” เจ้าของสีหน้าทะเล้นยักคิ้วให้ทีเหมือนลองเชิงเขา ตุลย์ก็เบ้ปาก
“ผมโดนเคอร์ฟิว ถึงต่อให้พูดอะไรไป พี่ก็ไม่พาผมไปอยู่ดี”
“ถูก” อเนกชี้นิ้วใส่เขาเหมือนตอนคำถามในรายการเกมโชว์ถูก “แล้วจะอยู่ถึงกี่โมงล่ะครับ”
“คงจนกว่าเกมจะจบครับ”
ฝ่ายนั้นหยักหน้าเข้าใจก่อนจะขาน ‘อื้มๆ’
“งั้นเดี๋ยวจะเล่นหมากรุกรอ”
ตุลย์มองกล่องพลาสติกใสบรรจุตัวหมากรุกที่ตั้งอยู่ซ้ายมือของอเนก ก่อนจะถอนหายใจ ตั้งแต่ถูกสั่งให้มาตามติดเขาทุกวี่ทุกวัน อีกฝ่ายก็มักจะหาอะไรมาทำฆ่าเวลา
แรกๆ ก็เล่นโทรศัพท์ อ่านหนักสือพิมพ์ วาดรูปเล่นใส่สมุดฉีก หลังๆ เจ้าตัวคงเบื่อถึงได้ซื้อเลโก้มาต่อบ้าง งัดชิ้นโทรศัพท์มาประกอบใหม่บ้าง และล่าสุดก็คือ เล่นหมากรุก...
...คนเดียว เรียกว่าเป็นวิวัฒนาการของงานอดิเรกอย่างแท้จริง
“งั้นผมไปยิมนะครับ”
ตุลย์ขอตัวกับอเนกก่อนจะลุกขึ้นตรงไปยิมก่อน โดยที่ฝ่ายนั้นเก็บของ เดินตามหลัง แล้วย้ายก้นมานั่งแปะบนม้าหินที่มีตารางหมากรุกหน้าทางเข้ายิมแทน
แน่ล่ะ ก็เมื่อวานเขาทำซะได้เรื่อง อเนกคงระแวงเป็นธรรมดาโอ้เอ้อยู่ข้างนอกพักหนึ่งจนเกมเริ่ม ตุลย์จึงเข้าไปนั่งที่สแตนด้านใน แต่การอยู่นิ่งๆ เป็นเรื่องลำบากสำหรับคนที่กำลังเป็นกังวลว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนหรือไม่อย่างเขา นั่งขยุกขยิกได้ราวสิบนาที เขาก็ลุกอย่างคนมีความอดทนต่ำ ก่อนจะแทรกตัวผ่านผู้ชมที่เริ่มทะยอยกันเข้ามาจับจองทีด้านในเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วออกไปที่ประตูด้านหลังยิม
ตุลย์หยุดใกล้ๆ ทางออก สอดส่องให้แน่ใจว่ามีแค่นักศึกษาประปรายเท่านั้น เขาถึงทำตามแผนต่อด้วยการเดินเลาะทางเดินปลอดคนมาจนใกล้ถึงค่ายมวย
น่าแปลกใจก็ตรงที่ตลอดทางไม่เห็นเงาคนของศานนท์เมื่อวานหรือเนกเลย นั่นทำให้เขาระแวง แต่ก็ได้เพียงเก็บความสนใจไว้ในใจ
ทันทีที่มาถึงประตูเป้าหมาย เขาก็หยิบกุญแจไข ความรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นขโมยที่อาจจะถูกจับคาหนังคาเขาเมื่อไหร่ก็ได้ ทำเอาไขผิดๆ ถูกๆ อยู่พักจนเริ่มโมโหตัวเอง
แกร๊ก!ประดุจเสียงแห่งอิสระภาพ พอปลอดล็อคกุญแจได้ ตุลย์ก็คว้าประตูเหล็กเปิดทันที
“เฮ้ย!”
เขาสะดุ้งเฮือก หลุดปากอุทานเมื่อมือปริศนาวางบนไหล่ ครั้นพอกลั้นใจหันกลับไป ก็เจอกับคำถามสั้นห้วนแบบโทนเสียงระนาบเดียว
“ไปไหน?” เต้ถามหน้าตาย
โธ่เว้ย! ตกใจหมดไอ้หมอนี่! เขาลืมไปสนิทว่าหลังเลิกเรียนเป็นเวลาซ้อมมวยปกติของฝ่ายนั้น
“มีเรื่องต้องไปทำ อย่ายุ่ง” ตุลย์ปัดมือออกติดรำคาญ แต่ถูกเต้คว้าต้นแขนไว้อีกรอบ
“นายไปไม่ได้”
“ไปได้ เพราะฉันมีกุญแจ ประตูค่ายก็ไม่ได้ไว้สำหรับนักมวยใช้อย่างเดียว ปล่อยน่า!”
เขายื้อ แต่แรงที่มากกว่าของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเล่นชักเย่อบนแขนตัวเอง
“โธ่เว้ย ปล่อย! คนยิ่งรีบๆ อยู่ มีนัดสำคัญ!”
“ฉันให้ไปไม่ได้”
“ทำไม นายเป็นพ่อฉันหรือไง!?”
“เขาสั่งให้นายอยู่ที่นี่”
“ห๊ะ” สรรพนามต้องสงสัย ทำให้ตุลย์ขมวดคิ้วแน่น “ ‘เขา’ คือใคร?”
ตุลย์จ้องตาฝ่ายนั้น แต่นอกจากเต้จะไม่ให้คำตอบแล้ว ยังหลบตาและลากเขาออกมาให้ห่างจากประตูเหล็ก เขาอ้าปากจะถามซ้ำด้วยความไม่เข้าใจ แต่วินาทีต่อมาก็ถึงบางอ้อ เมื่อลำดับเหตุการณ์ในหัวเริ่มประติดประต่อกันเป็นเรื่องเป็นราวสอดรับกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
เต้ตามเขาติดแจมาเป็นเดือนๆ และจู่ๆ ก็หายไปตอนอเนกเข้ามา ไม่ใช่เพราะอเนกเป็นไม้กันหมาให้เขา แต่...
“นายก็เป็นคนที่ศานนท์สั่งให้ตามดูฉันสินะ?”
“ใช่”
นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมอเนกถึงปล่อยเขาเดินเพ่นพานไปทั่ว โดยไม่กลัวว่าเขาจะหนี
ยิ่งพอนึกไปถึงคนต้นเรื่องอย่างศานนท์ ตุลย์ก็อดฉุนนิดๆ ไม่ได้ ปากบอกจะไม่ยุ่งเรื่องที่มหาวิทยาลัยของเขาแท้ๆ แต่สุดท้ายก็ส่งคนมาสอดแนม
...คุณนี่มัน!
“เฮ้ย นายจะโทรหาใคร!?” ตุลย์ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เต้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดในขณะที่มืออีกข้างยังกำต้นแขนเขาไว้เหนียวหนึบ
“พี่เอก”
“ไม่”
ตุลย์เอี้ยวตัวฉกโทรศัพท์จากมือเต้ แต่อีกฝ่ายตอบสนองไวกว่าด้วยสัญชาตญาณนักมวย เขาถึงทำได้แค่จับข้อมือฝ่ายนั้น ออกแรงขืนไว้เผื่อท่วงเวลา
“นายฟังฉัน!”
“.......”
เต้เลิกคิ้ว ตอนที่เขาสบตาอีกฝ่ายตรงๆ
“นายจำผู้หญิงที่ร้องไห้วันที่ฉันมีเรื่องกับกายได้หรือเปล่า...? เธอชื่อจีจี้ วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ และตอนนี้เธอก็รออยู่ที่ร้านอาหาร”
“.......”
“กายชอบเธอ และการที่คนโด่งดันในด้านลบๆ อย่างฉันไปสนิทกับเธอ มันทำให้หมอนั่นไม่พอใจ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงคอยหาเรื่องฉัน”
“.......”
“จีจี้ชอบละครเวที ผ่านรอบคัดเลือกก็แล้ว แต่ไม่ได้แสดง นั่นเพราะการมี ‘ฉัน’ ทำให้หมอนั่นอันตรายต่อเธอด้วย เธอถึงต้องมาเป็นสตาฟกิจกรรม แล้วยังไง? หนีมาฝ่ายกิจกรรม แต่สุดท้ายก็ยังมาเจอปัญหาคาราคาซังเดิมๆ เหมือนคืนที่นายมีช่วยฉันอีก”
“.......”
“ฉันมันตัวสร้างปัญหา...” ตุลย์เม้มปากเบาๆ ถึงตรงนี้เต้ก็ลดโทรศัพท์ลง เห็นได้ชัดว่าสนใจฟังในสิ่งที่เขากำลังเล่า
“แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อฉันมีเพื่อนที่ไว้ใจได้อยู่เท่านี้ ฉันแค่อยากสร้างความทรงจำอะไรดีๆ ให้เธอบ้าง ไอ้ที่มันนอกเหนือกว่าประสบการณ์เฮงซวยที่แล้วมา แผนฉันก็เตรียมไว้แล้ว เหลือแค่ต้องไปถึงที่นั่น”
“ฉันปล่อยนายคนเดียวไม่ได้” น้ำเสียงห้วนผ่อนลง
“งั้นก็ไปกับฉัน นายมีหน้าที่ดูแลฉันไม่ใช่หรือไง? อีกอย่าง... นายน่าจะเข้าใจที่สุดว่า ‘เพื่อน’ มีความหมายขนาดไหน”
ตุลย์ยืนกรานด้วยแววตาแน่วแน่ สบตากันอยู่ได้ครู่ เต้ก็เป็นฝ่ายเสหลบ แล้วถอนหายใจหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปม เห็นได้ชัดว่ากำลังลังเล
แต่ยังไม่ทันได้ที่อีกฝ่ายจะได้ตกลงปลงใจ เขาก็เหลือบไปเห็นหลังไวๆ ของหนึ่งในคนของศานนท์พุ่งพรวดออกมาจากด้านหลังยิม
วินาทีนั้นตุลย์ไม่เหลือเวลาให้คิด เขาดึงแขนตัวเองคืนจากเต้ แต่แล้วกลับถูกอีกฝ่ายผลักตัวผ่านประตูเข้าไปในตรอกเวลาไล่เรี่ยกัน
“ไปเจอกันหน้าถนนใหญ่!”
ตุลย์ออกวิ่งตามที่อีกฝ่ายบอก ไม่รู้ว่าคนของศานนท์เห็นเขาหรือไม่ แต่นั่นไม่สำคัญเมื่อขาทั้งสองข้างก้าวมาถึงหน้าถนนใหญ่ จังหวะเดียวกันกับที่บิ๊กไบค์คนหนึ่งพุ่งพรวดพราดออกมาจากซอยฝั่งตรงข้าม คนขับดูเร่งรืบเอาเรื่อง เพราะมือข้างหนึ่งยังถือหมวกกันน็อค เขาจึงเห็นหน้าชัดว่าเป็นเต้
“ขึ้นมา!”
พอรถจอดเลียบแนวฟุตบาตอย่างรีบๆ ตุลย์ก็เหวี่ยงขาขึ้นคร่อมทันที ก่อนคนขับจะเร่งเครื่องยนต์ออกไป
----------------------
ถึงจะจัดว่าเป็นรถที่มีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ แต่การต้องเสียเวลารอสัญญาณไฟสี่แยกอยู่พักใหญ่ๆ ก็ทำให้พวกเขามาถึงห้างสรรพสินค้าตอนที่จวนจะใกล้เวลานัดเต็มแก่ แม้จะพูดได้เต็มปากว่าเร็วกว่าปกติในช่วงเวลาที่จราจลคับคั่งเช่นนี้ก็ตาม
เต้วนรถมาจอดไว้ที่ชั้นสี่ซึ่งเป็นที่จอดเฉพาะสำหรับบิ๊กไบค์ เรียกว่าใหญ่โตกว้างขวางกว่าซองจอดมอเตอร์ไซค์ปกติอยู่โข
“ชั้นหก”
ลงจากรถปุ๊บ ตุลย์เข้าเดินลิ่วๆ เข้าไปในตัวอาคารอย่างคร้านจะสนใจคนเบื้องหลัง
หมดประโยชน์แล้วก็เขาก็ไม่คิดจะพูดจาเกลี่ยกล่อมประจบสอพลออะไรกับเต้ให้เปลืองน้ำลายอีก
พวกเขาขึ้นลิฟท์แก้วมายังชั้นหกซึ่งเป็นชั้นที่ตั้งของร้านคาเฟ่ที่ตุลย์นัดกับเพื่อนไว้ ครั้นพอมองเขาไปก็เห็นว่าโต๊ะริมติดกระจกถูกจับจองโดยแม็ก และกลุ่มเพื่อนสาวของจีจี้อีกสองคน
“รออยู่นี่” ตุลย์สั่ง
“ไม่ได้ ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา...”
...ฉันตายแน่ท้ายประโยคของเต้กลืนหายไป เมื่อตุลย์โพล่งขัด
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า! นายพูดอย่างกับวันนี้มีผู้ก่อการร้ายบุกยึดห้าง ติดนิสัยตื่นตูมมาจากคุณศานนท์หรือไง? อย่าตามมา! เพราะตอนนี้เพื่อนฉันคิดว่านายเป็นสโตกเกอร์กันหมด”
“ได้ไง?”
คนฟังย่นคิ้วเหมือนไม่เชื่อ ตุลย์ก็กรอกตา
“นายคิดว่าไอ้การตามติดคนอื่นเป็นแหน มันเป็นพฤติกรรมที่คนปกติเขาทำกันเหรอ? ตอนนี้แค่เห็นหน้านาย ฉันก็สยองแล้ว นายอยู่ตรงนี้แหละ”
เขาตัดบท แน่ใจว่าพูดชัดเจน แต่จะพอก้าวเท้าเดินต่อ คนเบื้องหลังก็ดื้อด้านเดินตามประหนึ่งว่าฟังไม่เข้าใจศัพท์
หมอนี่มันซื่อบื้อหรือไงเนี่ย!?“เถอะน่า! รอตรงนี้ เดี๋ยวเสร็จแล้วฉันออกมา”
“......”
“แค่แป๊บเดียว โอเค๊?” ตุลย์ต่อรองเมื่อเต้แสดงออกว่าดึงดันจะตามให้ได้ “ให้พื้นที่ส่วนตัวฉันบ้างเหอะ”
ประเมินคำพูดเขาอยู่ชั่วอึดใจ เต้ก็พยักหน้าเบาๆ
“ก็ได้”
ตุลย์ผงกหัวตอบอย่างขอไปที ก่อนจะตรงเข้าร้าน ไปยังโต๊ะที่เพื่อนนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ แล้วพบว่าคนสำคัญสำหรับเซอร์ไพร์ซในวันนี้ได้หายไป
“จี้ล่ะ?”
“ก็กูนึกว่ามึงจะมาไม่ทัน เลยให้เพื่อนพาจี้ออกไปช็อปปิ้งถ่วงเวลาก่อน เฉียดฉิวชิบหาย”
แม็กห่อไหล่ทำหน้าสยอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ พิมพ์อะไรสักอย่างใส่โปรแกรมแชทลงไป
“กูบอกละ กำลังให้พามา”
คุยอะไรกันต่ออีกนิดหน่อย จวบจนเพื่อนที่อยู่กับจีจี้ส่งข้อความกลับมา แม็กและเขาก็ลุกขึ้นไปคุยกับพนักงานหลังเคาท์เตอร์ โดยเพื่อนผู้หญิงที่เหลือนั่งรอรับสาวเจ้าอยู่ที่โต๊ะ
เนื่องจากได้ติดต่อวางแผนเตรียมเซอร์ไพร์ซไว้กับทางร้านล่วงหน้าแล้ว ทุกอย่างจึงดำเนินไปอย่างเป็นระบบระเบียบ พนักงานเริ่มจุดเทียนบนเค้ก ในขณะที่แม็กเข้าไปหยิบลูกโป่งยักษ์บรรจุแก๊สหลังร้าน ที่เจ้าตัวอุตส่าห์ดั้นด้นไปซื้อมาตามคำแนะนำของเขา
ทันทีที่จีจี้เดินเข้ามาถึงโต๊ะ เพื่อนคนเดิมก็ส่งข้อความให้สัญญาณ จากนั้น พนักงานค่อยๆ เดินออกมาจากหลังร้าน ร้องเพลงวันเกิดตามจังหวะปรบมือ ตามด้วยแม็กเดินถือลูกโป่งออกมา และตุลย์ถือเค้กที่มีเทียนส่องสว่างปักอยู่
แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู... แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู...สีหน้าของจี้เลิ่กลั่กในทีแรก แต่พอร้องไปได้ครึ่งเพลงเธอก็เริ่มหัวเราะและปาดน้ำตาไปด้วยพร้อมกัน จวบจนเพลงสิ้นสุดพร้อมกับเสียงปรบมือของเหล่าบรรดาผู้มีส่วนร่วมในเซอร์ไพร์ซครั้งนี้ ตุลย์ก็วางเค้กปอนด์เล็กลงด้านหน้าหญิงสาว
“เป่าเร็วๆ!”
ถูกเพื่อนสาวยุอย่างตื่นเต้น เธอก็ก้มหน้าเป่าเทียน
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย”
“ขนาดนี้อะไรเล่า ก็วันเกิดจี้ทั้งที” แม็กเสริม
คาดไม่ถึงว่าอยู่ๆ จีจี้จะลุกขึ้นกอดฝ่ายนั้นแน่น เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับยืนตัวแข็งท่ามกลางเสียงโห่ของเพื่อนคนอื่นๆ
“ขอบคุณมากๆ นะ แม็ก”
เธอว่า และไม่ลืมที่จะไล่กอดเพื่อนๆ ไปทีละคนพร้อมคำขอบคุณ จนมาถึงตุลย์เป็นคนสุดท้าย
“ขอบคุณที่เป็นเพื่อนที่ดีมาตลอดนะ”
“ขอบคุณเหมือนกันครับ” เขากอดตอบ
จีจี้ยิ้มให้ทีหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปหาแม็ก เห็นว่าฝ่ายนั้นหน้าแดงไปถึงหูจนเพื่อนคนอื่นเริ่มแซว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามขำๆ ว่า ‘เป็นอะไรหรือเปล่า?’ ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ
“เป็นอะไรที่ไหน! สบายดี กินเค้กกันดีกว่า” แม็กทิ้งตัวนั่งแล้วหัวเราะฮ่าๆ กลบเกลื่อน เป็นอาการเคอะเขินแบบที่ตุลย์เห็นไม่บ่อยนัก
เขาตั้งใจจะอยู่คุยต่อสักหน่อย แต่พอมองย้อนกลับไปหน้าร้านก็เห็นว่าเต้กำลังเดินเข้ามาตาม เขาไม่มีทางเลือกนอกจากขอตัวกับเพื่อนแล้วเกี่ยวเต้ตัว ลากแขนอีกฝ่ายออกไปนอกร้านพร้อมกัน
“อะไรเล่า ฉันบอกว่ารอแป๊บนึงไง” ตุลย์ขู่เสียงเบา เห็นได้ชัดว่าสีหน้าเต้ดูไม่ผ่อนคลายเท่าไหร่
“เราต้องไปแล้ว”
“แต่ฉันยังไม่เสร็จธุระ”
เขาขมวดคิ้ว แต่ถูกเต้คว้าแขน
“นายต้องมากับฉัน มีคนมองเราอยู่”
----------------------
คุณศานค่าตัวแพงค่ะ ตอนนี้ไม่ออก ถถถถ ล้อเล่นน้า
ติชมได้เหมือนเดิมนะคะ รักนักอ่านทุกคน
ตามจริงแล้วเมลล่าว่าจะไปสอนพิเศษ แต่ไปๆ มาๆ จมอยู่กับนิยายเฉยเลย 5555+ เพราะใจนึงก็อยากเขียนให้จบ
จริงๆ แล้วทุกคนนอาจจะยังไม่รู้แต่เรื่องนี้ดำเนินมาเกินครึ่งแล้วน้า
เมลล่าคำณวนไว้ว่าน่าจะจบที่ราวๆ 30 ตอน ไม่น่าเกินไปกว่านี้ค่ะ
เราน่าจะไปถึงช่วงสุดท้ายของเรื่องกันตอนที่ราวๆ 20-21 ไปปิดปมที่ราวกับ 28-30 เจ้าค่ะ
เอ๊ะ ใบ้ไทม์ไลน์ทำไม 55555+
สำหรับตอนหน้า จะมีคนมองอยู่จริงหรือไม่ และคนมองจะเป็นใคร
หรือเป็นคนของคุณศานนท์อีกแล้ว
เอ๊ะๆๆๆ !
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ลืมบอกว่า เร็วๆ นี้จะมีตอนพิเศษคั้นน้า ส่วนจะเป็นตอนพิเศษของใครโปรดติดตามเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณนักอ่านทุกทั่น #กราบแบบเบญจางค์