ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน- หมอนิว -
ภาพที่ผมเห็นอยู่เบื้องหน้า คือ คนสองคนกำลังจูบกัน!!
ผมทนมองได้ไม่เกินสองวิ จากนั้นขาของผมก็ก้าวยาวๆ ออกจากร้านทันที นี่เหรอ! สิ่งที่พี่กี้เรียกผมมาเคลียร์! เรียกให้ผมมารับรู้ความจริง! นี่สินะคือความจริง!
คุณอิส…คือ ความจริง!
ส่วนผม…คือ ความหลอกลวง!
พอกันที!!
ผมขับรถออกมาจากสถานที่แห่งนั้นด้วยจิตใจที่เจ็บช้ำ แตกสลาย น้ำตามากมายไหลออกมา… ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว แต่ในขณะเดียวกันมือที่กำพวงมาลัยก็สั่นระริก จนแทบจะควบคุมรถไม่ได้ ในหัวผมมีคำถามมากมาย
ทำกับผมแบบนี้ทำไม?
เพื่ออะไร?
ผมบกพร่องตรงไหนทำไมถึงมีคนอื่น?
ทำไมไม่รู้จักพอ?
เห็นผมเป็นคนโง่มากใช่ไหม?!
ผมอยากจะถามนัก แต่ผมก็ใจไม่แข็งพอที่จะอยู่ถามคำถามเหล่านี้กับพี่กี้ ผมกลัว…กลัวที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น ไม่อยากให้ 'คนนั้น' เห็นความอ่อนแอของตัวเอง ถึงแม้ในใจจะเจ็บมากเพียงใดก็ตาม
ผมเจ็บ เจ็บจนไม่รู้ว่าพาตัวเองกลับมาถึงหอพักแพทย์ได้อย่างไร ผมกดลิฟท์ไปยังชั้นห้องพักของพี่กี้ เปิดประตูบานที่คุ้นเคยเข้าไป เก็บเสื้อผ้า สิ่งของของตัวเองยัดใส่กระเป๋าเป้ที่หยิบติดมือมาจากรถ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรต้องทำยังไงต่อไป นาทีนี้ขออยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนนี้ก่อน เพราะอีกหน่อยพี่กี้ก็คงตามมาง้อผมเหมือนทุกครั้ง และทุกครั้งก็จบลงที่…ผมเข้าใจผิด
แต่คนเรามันคงไม่เข้าใจผิดครั้งแล้วครั้งเล่า กับเรื่องเดิมๆ …ใช่ไหมครับเพื่อป้องกันความใจอ่อนของตัวเอง ผมขอห่างจากพี่กี้ไปตั้งหลักก่อนละกัน ไม่ได้ห่างไปไหนหรอกครับ แค่จะกลับไปอยู่ห้องตัวเอง
ระหว่างที่ผมเดินเก็บของอยู่นั้น ชุดผ่าตัดสีเขียวของพี่กี้ที่เพิ่งส่งซักเสร็จ ก็หลุดจากไม้แขวน ทั้งที่ผมไม่ได้เฉียดเข้าไปใกล้เลย และไม่มีลมพัดเข้ามาด้วย นั่นทำให้ผมชะงักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร แค่เดินไปเก็บขึ้นมาแขวนไว้ตามเดิม
จากนั้น ผมก็เดินไปสำรวจห้องน้ำ ไปหยิบของใช้ส่วนตัวมายัดลงกระเป๋าเป้ แล้วก็ยืนซึมซับบรรยากาศเดิมๆ บรรยากาศเก่าๆ ของเราสองคนไว้ในใจ
ต่อจากนี้…ผมคงไม่ได้เข้ามาห้องนี้อีกแล้ว ทุกอย่างจะถูกเก็บไว้เป็นเพียงความทรงจำที่สวยงาม ครั้งหนึ่งผมเคยมีความสุขมากแค่ไหน เคยยิ้มเคยหัวเราะ เคยมีคนเอาใจใส่ เคยมีคนคอยห่วงใย แต่ต่อจากวันนี้…ทุกอย่างจะไม่มีอีกแล้ว
มันจะกลายเป็น…ความทรงจำที่สวยงามคิดมาถึงตรงนี้ น้ำในตาผมก็ไหลพรั่งพรูออกมาอีก ราวกับทำนบเขื่อนแตก มีเสียงสะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจ
"ฮืออ…นิวรักพี่นะ…ฮืออ…ลาก่อน…"
จบประโยค ผมค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างมั่นคงตรงไปยังประตูหอพัก บอกกับตัวเองว่า…ถ้าก้าวออกไปแล้ว อย่าได้ก้าวกลับเข้ามาอีกนะ ต้องใจแข็งนะ ถ้าเค้ามาง้อ ก็ต้อง…ใจแข็งเข้าไว้
ทันทีที่มือสัมผัสกับลูกบิดเย็นยะเยือกนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามาที่มือถือของผม ผมจึงยั้งมือไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบมือถือขึ้นมากดรับ ซึ่งเป็นเบอร์จากพี่มินนี่…
- หมอกี้ -
วินาทีที่นิวเปิดประตูเข้ามาในร้านคุณอิส แล้วเห็นคุณอิสนอนทับผม โดยที่ปากเราประกบกัน ผมเห็น…นัยน์ตาคู่นั้นมีแววตกใจ และตามมาด้วยความเจ็บปวด ดวงตารีเล็กสั่นระริกรีบเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า แล้ววิ่งออกจากร้านไป
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเบื้องหลังใบหน้านั้น…น้ำในตาคงไหลเปื้อนสองแก้มออกมาราวกับเขื่อนทะลัก น้องคงเจ็บปวดกับภาพตรงหน้ามากๆ …ผมไม่ยอมให้น้องเจ็บไปมากกว่านี้แล้ว
นาทีนี้…ผมต้องตามไปอธิบายทุกอย่างให้น้องเข้าใจผมปล่อยไว้ไม่ได้อีกแล้ว ผมกลัวที่จะเสียน้องไป…ถ้าเสียน้องไป ผมคงทำใจไม่ได้
ผมจึงรีบวิ่งออกจากร้านคุณอิส แล้วขับรถตามน้องออกไปด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยมากนัก แขนขายังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพดี แต่สายตานี่สิ จากการที่ถูกชกเข้าเบ้าตาทำให้มีอาการปวดหนึบๆ จนบางครั้งหนังตาแทบจะปิดลงมา แต่ผมก็ยังฝืน เพราะผมต้องการไปอธิบายให้น้องเข้าใจ
ผมไม่พร้อมที่จะเสียน้องไปจริงๆ …มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ แต่ในใจลึกๆ นั้นบอกผมว่า…หากผมไม่ตามไปตอนนี้ ผมจะเสียน้องไปแน่นอน นั่นทำให้ผมตัดสินใจขับรถออกมา ทั้งที่คุณอิสก็เรียกผมไว้ และเสนอตัวว่าเดี๋ยวจะขับรถไปให้ แต่ผมไม่ฟัง และผมไม่อยากให้นิวเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ ผมจึงขับรถออกมาเองโดยลำพัง
ตอนนี้ผมรู้สึกปวดหัวมากๆ แถมหนังตาก็กำลังจะปิดลงมา แต่ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงโรงพยาบาลมากแล้ว ผมจึงไม่สามารถหยุดรถได้ เพราะคิดว่า…อีกแค่นิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น …นิวอยู่ใกล้ผมแค่เอื้อม…อดทนนะกี้ ต้องอดทน!
นั่นคือสิ่งที่ผมบอกตัวเองในใจ…
หลังจากนั้นผมก็รู้สึกได้รับแรงกระแทกอย่างจัง! หนังตาก็ค่อยๆ ปิดลง พร้อมกับภาพในหัวที่ตัดไปเป็นภาพของนิวกำลังจะเดินจากผมไป…ผมเห็นแค่ด้านหลังของน้อง ผมร้องเรียกน้องหลายต่อหลายครั้ง แต่ร่างนั้นก็ไม่ยอมหันมามองผมสักนิด เอาแต่เดินไปข้างหน้าโดยไม่แม้แต่จะหยุดเพื่อให้ผมก้าวตามทัน หรือไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองผมเลย…
- หมอนิว -
ทันทีที่มือสัมผัสกับลูกบิดเย็นยะเยือกนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามาที่มือถือของผม ผมจึงยั้งมือไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบมือถือขึ้นมากดรับ ซึ่งเป็นเบอร์จากพี่มินนี่
"ฮัลโหล…" ผมกดรับสายด้วยเสียงเบาหวิว พยายามไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ว่ากำลังร้องไห้อยู่
"น้องหมอนิวคะ… ค่อยๆ ฟังพี่นะคะ แล้วก็ทำใจดีๆ ไว้ด้วยค่ะ"
"คะ ครับ มีอะไรเหรอครับ" ผมเริ่มมีสตินิดนึง
"คือว่า…หมอกี้ประสบอุบัติเหตุ เมื่อกี้กู้ภัยเพิ่งโทรมาแจ้งค่ะ"
"…!! …"
"หมอนิว! ยังฟังอยู่ไหมคะ?! "
"คะ ครับ …ที่ไหน อะไรยังไงครับ!?! " วินาทีนี้สติผมมาเต็มแล้วครับ
"สะพานใกล้ๆ โรง'บาล นี่แหละค่ะ กู้ภัยเพิ่งนำตัวออกมาจากรถได้ กำลังจะนำตัวส่งโรง'บาลเรานี่แหละค่ะ อีกหน่อยคงมาถึง ER"
"เดี๋ยวผมลงไปตอนนี้เลย! "
ผมทิ้งเป้ที่เพิ่งเก็บเสร็จไว้แทบเท้า ไม่สนใจใยดีมันซักนิด จากนั้นก็รีบเปิดประตูออกจากห้อง พาตัวเองไปยังห้อง ER ให้ไวที่สุดเท่าที่ขาของผมจะวิ่งไปได้…
ผมรีบวิ่งมายังห้อง ER ก็พบพี่แนนยืนอยู่ก่อนแล้ว คนที่อยู่เวรตอนนั้น คือ ไอ้ตะวัน ผมวิ่งไปดูไอ้ตะวันปั๊มหัวใจพี่กี้ เพราะตอนนี้พี่กี้เสียเลือดมาก จากการสอบถามพี่พยาบาล ได้ความว่ามีกระดูกหักที่แขนและขา ได้ยินแค่นั้น หัวใจผมก็แทบหยุดเต้นตามไปด้วย
ถ้าผมไม่รีบวิ่งออกมาจากร้านคุณอิส พี่กี้ก็คงไม่รีบตามผมออกมา เหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น!
ทุกอย่างเกิดขึ้น…เพราะผมคนเดียว ผมเป็นต้นเหตุให้พี่กี้ต้องเจอกับสถานการณ์อันเลวร้ายนี้
ถ้าพี่กี้ต้องจากไปจริงๆ นั่นก็เป็นเพราะผม ไม่ใช่ใครอื่นเลย…
นาทีนั้น ผมไม่สามารถทำหน้าที่แพทย์ได้เลย ผมไม่สามารถทนดูเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายพี่กี้ได้ น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้ว อยู่ดีๆ ก็ไหลออกมาอีกรอบโดยไม่อายใครแม้แต่น้อย พี่แนนเป็นคนเข้ามากอดปลอบใจผม
"ไม่เป็นไรนะนิว กี้เป็นคนดี เป็นคนเข้มแข็ง กี้ไม่ไปจากเราง่ายๆ หรอก"
"ฮืออ พี่แนน นิวกลัว ฮืออ"
"ไม่เป็นไร เชื่อพี่นะนิว กี้จะต้องไม่เป็นอะไร"
"ฮึก นิวกลัว..นิวกลัวเสียพี่กี้ไป ฮืออ"
"กี้จะต้องไม่เป็นอะไร นิวต้องเข้มแข็งนะ นิวต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นกำลังใจให้กี้ได้สู้ต่อนะ"
"อือ นิวจะพยายาม ฮึก"
"หยุดร้องก่อนนะคนเก่ง…นิวมีเบอร์ที่บ้านกี้ใช่ไหม โทรแจ้งแม่กับป๊ากี้ก่อนนะตอนนี้"
"อือ"
ประโยคของพี่แนนทำให้ผมเริ่มได้สติว่าผมต้องโทรแจ้งที่บ้านพี่กี้ เพราะตอนนี้ยังไม่น่าจะมีคนรู้ ผมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่สองสามครั้งเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง และให้หยุดร้องไห้ พอเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมก็หยิบมือถือออกมาโทรหากรีน ไม่นานกรีนก็รับสาย
"ว่าไงนิว"
"กรีน…กรีนทำใจดีๆ ไว้นะ" เสียงผมเศร้า และเบามาก
"อะไรของแกเนี่ย"
"พี่กี้…เกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่ห้องฉุกเฉินโรง'บาล…กำลังปั๊มหัวใจ"
"ห๊ะ!! "
"แกตั้งสติดีๆ นะ ค่อยๆ บอกป๊ากับแม่"
"แล้วอาการเป็นไงบ้างแก!? "
"50/50 น่ะ ถ้าปั๊มกลับมาได้ก็รอด มีกระดูกหักด้วย แต่แกก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะ…ยังไงพี่กี้ก็ต้องรอด" ประโยคหลังที่ผมบอกกรีน ก็เหมือนกับสร้างความมั่นใจให้ตัวเองไปด้วย
"โอเคแก เดี๋ยวฉันจะค่อยๆ บอกป๊ากับแม่ แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบเข้าไปที่โรง'บาล"
"โอเค แกขับรถดีๆ นะ"
แล้วสายก็ถูกวางไป พร้อมกับที่พี่แนนเดินเข้ามาสะกิดบอกผมว่า ตะวันปั๊มหัวใจเอาพี่กี้กลับคืนมาได้แล้ว! นั่นทำให้ผมยิ้มออกมาจนได้!!
นาทีนั้นโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เป็นสายจากอาจารย์อาร์นั่นเอง
"นิว อยู่ไหน"
"อยู่ ER"
"อยู่กับกี้ใช่ไหม"
"ครับ"
"รู้ใช่ไหมว่ากี้กระดูกหัก"
"ครับ"
"พี่ต้องผ่าตัดให้กี้น่ะ นิวมาช่วยพี่ได้ไหม…ไหวไหม? "
"…ครับ ไหว"
"งั้นตอนนี้มาเตรียมตัวเลยนะ"
"ครับ"
แล้วสายก็ถูกวางไป ส่วนผมนั้น…ยังยืนนิ่ง กำมือถือแน่น จนพี่แนนมาสะกิดอีกรอบ
"มีอะไรรึเปล่านิว"
"ผมต้องไปช่วยอาจารย์อาร์ผ่าตัดให้พี่กี้น่ะ"
"ไหวเหรอแก?! ให้น้องคนอื่นไปแทนไหม?! "
"ไม่! นิวจะเข้าไปช่วยอาจารย์อาร์เอง! "
"แน่ใจนะ?! "
"อืม นิวเป็นคนที่ทำให้พี่กี้เกิดอุบัติเหตุ นิวก็ต้องเป็นคนช่วยให้พี่กี้กลับคืนมา"
"นิวอย่าโทษตัวเองเลย มันไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้หรอก"
"อืม เพราะงั้นนิวต้องไปแก้ไขให้มันดีขึ้น …นิวไปเตรียมตัวแล้วนะพี่ นิวฝากทางนี้ด้วยนะ"
"ไม่ต้องห่วงทางนี้ นิวไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเถอะ พี่เป็นกำลังใจให้ สู้ๆ "
ผมรับคำพี่แนน แล้วรีบตรงไปยังแผนกศัลยกรรม othopedic เพื่อเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัด
สิ่งที่ท้าทายในอาชีพหมออีกอย่างหนึ่ง คือ หากเราต้องทำการรักษาคนใกล้ตัว เราต้องใช้กำลังใจมากกว่าเดิมหลายเท่า เพราะเราจะกดดันตัวเอง อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดในตอนปฏิบัติงานได้ เพราะงั้นสิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือ ต้องทำใจร่มๆ พยายามประคองสติตัวเองให้ปกติที่สุด
ผมเปลี่ยนชุดจากเสื้อกาวน์เป็นชุดสีเขียวของห้องผ่าตัด นั่งรอเขาเข็นพี่กี้เข้ามา ผ่านไปแล้วกว่าสิบนาทีก็ยังไม่เห็น คงกำลังส่งตัวไปเอ๊กซเรย์อยู่ ผมจึงมีเวลานั่งทำใจต่ออีกซักพัก ระหว่างนั้นอาจารย์ต๊ะเดินเข้ามาในห้องพักแพทย์ที่ผมนั่งอยู่
"นิว พี่ขอโทษนะ"
ผมหันไปมองอาจารย์ต๊ะแบบงงๆ ขอโทษผมทำไม?
"ก่อนกี้เกิดอุบัติเหตุ พี่กับกี้มีเรื่องกันนิดหน่อย"
"ห๊ะ?! " ผมงงหนักมากครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!
"เราชกต่อยกัน กี้ก็น่าจะเจ็บหนักอยู่" ผมมองหน้าอาจารย์ต๊ะ ท่าจะจริงครับ เพราะที่หน้าผากกับมุมปากของอาจารย์ต๊ะมีผ้าก๊อซแปะอยู่
"ทำไมอ่ะ"
"หมอคะ หมอกี้มาแล้วค่ะ ทีมก็พร้อมแล้ว เชิญคุณหมอนะคะ"
การสนทนาของเราต้องหยุดชะงักลงเท่านั้นก่อน เพราะพี่พยาบาลมาตามเราให้เข้าห้องผ่าตัดแล้ว อาจารย์ต๊ะจึงได้แต่บอกผมว่า
"เดี๋ยวผ่าตัดเสร็จ พี่เล่าให้ฟังละกัน…ถึงก่อนหน้านี้พวกพี่จะมีเรื่องกัน แต่พี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กี้ต้องเกิดอุบัติเหตุ ยังไงพี่ก็จะช่วยให้เต็มที่นะ"
ผมยิ้มรับคำพูดของอาจารย์ต๊ะอย่างเนือยๆ ผมไม่มีแรงแม้แต่จะยกมุมปากขึ้นยิ้มครับ ทุกอย่างมันหนักไปหมด ทั้งร่างกายและสภาพจิตใจในตอนนี้
พอมาถึงห้องผ่าตัดก็เจออาจารย์อาร์และทีมรออยู่ก่อนแล้ว ผมมองไปที่เตียงเห็นร่างพี่กี้ที่ดวงตาปิดสนิท มีบาดแผลตามร่างกาย และบนใบหน้า นั่นทำให้ก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ ผมต้องอดทนและอดกลั้นไว้ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
เมื่อเช้า…คนคนนี้ ยังยิ้มและหัวเราะให้ผมอยู่เลย
ผมไม่ชิน…ผมรับไม่ได้ที่เห็นพี่กี้นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ปกติต้องเป็นพี่กี้ที่ยืนผ่าตัดให้คนไข้สิ
ผมเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนนิ่งสนิท เอื้อมไปจับมือใหญ่ที่เจ้าตัวชอบใช้มาลูบหัวผม มือนั้นเย็นเฉียบ…ราวกับไร้ลมหายใจ จังหวะนั้นผมอดกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกแล้วครับ น้ำตาผมไหลออกมาอีกรอบ พร้อมกับสะอื้นหนักๆ จนพี่พยาบาลต้องเข้ามากอดปลอบผมไว้
"โอ๋ๆๆ ไม่เป็นไรนะคะหมอนิว เดี๋ยวหมอกี้ก็ฟื้นแล้ว"
"ฮึก ผม..ฮืออ"
"ไม่ต้องพูดอะไรนะคะ คุณหมอไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็ออกไปรอข้างนอกก็ได้ค่ะ ทางนี้มีคุณหมอต๊ะมาช่วยอีกแรงแล้ว ก็น่าจะเอาอยู่แล้วล่ะค่ะ"
"นิวรอข้างนอกก็ได้ ตอนแรกไม่คิดว่าต๊ะจะมาช่วย พี่เลยเรียกนิวมา" อาจารย์อาร์สำทับมาอีกเสียง
"ฮึก ไม่เป็นไร..นิวอยากช่วย..ฮึก..พี่กี้"
"งั้นนิวต้องใจเย็นๆ นะ ถ้าไม่ไหวต้องรีบบอกทีมนะ"
ผมพยักหน้ารับ แล้วกลับออกไปห้องพักแพทย์เพื่อเรียกสติให้ตัวเองอีกครั้ง ผ่านไปประมาณ 10 นาที ผมก็คิดว่าผมดีขึ้นแล้ว จึงเดินกลับเข้าไปห้องผ่าตัด
ภาพที่เห็น คือ พี่กี้นอนหงายกางแขนออก มีผ้าคลุมทั้งตัว ยกเว้นแขนขวาและขาข้างขวาที่หัก มีพี่พยาบาลกำลังทำความสะอาดแผลด้วยผ้าก๊อซที่จุ่ม chlohexidine จากการสอบถามพบว่า ก่อนหน้านี้ได้ block แขนและขาที่หักของพี่กี้ไปแล้ว
เมื่อทำความสะอาดแผลเสร็จ อาจารย์อาร์ก็พูดขึ้น
"พี่จะลงมีดแล้วนะนิว"
"ครับ"
แล้วอาจารย์อาร์ก็ค่อยๆ กรีดลงไปที่ชั้นกล้ามเนื้อแขนของพี่กี้ พยายามหลบไม่ให้โดนเส้นเลือดและเส้นประสาท จากนั้นก็เป็นหน้าที่ผมที่ต้องไปดึง retractors เพื่อเปิดปากแผล และให้อาจารย์หาตำแหน่งกระดูกที่หักให้เจอ ใช้เวลาไม่นานก็พบว่าเป็น Right ulna ที่หัก จากนั้นอาจารย์อาร์ก็ค่อยๆ จัดเรียงกระดูก แล้วก็ทำความสะอาดบริเวณที่หัก เนื่องจากมีชิ้นเนื้อและเศษกระดูกอยู่บริเวณนั้น
ขั้นตอนต่อมาคือ ต้องยึดกระดูกให้ติดกันด้วยแผ่นโลหะและสกรู (Internal fixation*) จากนั้นอาจารย์ต๊ะก็เข้ามาช่วยเย็บปิดชั้นเนื้อเยื่อและชั้นใต้ผิวหนัง ท้ายสุดคือต้องเย็บผิวหนังให้ชนกันเพื่อปิดแผล
ระหว่างที่อาจารย์ต๊ะเย็บผิวหนังที่แขนนั้น อาจารย์อาร์ก็เริ่มการลงมีดที่ขาขวาบริเวณ femur (กระดูกโคนขา) ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับที่ผมก็เริ่มมีสติมากยิ่งขึ้น ผมได้แต่ภาวนาให้การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี…
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง การผ่าตัดก็เสร็จสิ้นลง พร้อมกับที่ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะการผ่าตัดครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ก่อนจะออกจากห้องผ่าตัด อาจารย์อาร์เรียกผมให้หยุดคุยกันก่อน ซึ่งตอนนั้นมีแค่ผมและอาจารย์อาร์ที่ยืนอยู่
"นิวรู้ใช่ไหมว่าโอกาสที่กระดูกจะปิดเองได้มีมากกว่า 90% และอีก 10% กระดูกอาจจะบิดเบี้ยว ทำให้ขยับมือได้ไม่สุด"
"ครับ"
"ถ้ากี้อยู่ใน 10% อาจมีผลต่อการผ่าตัดของกี้นะ"
"หมายความว่า? "
"กี้อาจจะมีปัญหาในการผ่าตัดคนไข้ แต่ก็ไม่ถึงกับผ่าตัดไม่ได้หรอก"
"……"
"ยังไงซะก็ต้องงดผ่าตัดอย่างน้อย 2-3 เดือน นิวก็ดูแลกี้ดีๆ ละกัน กายภาพบ่อยๆ จะได้หายไวๆ "
"ครับ ขอบคุณครับ นิวจะทำให้ดีที่สุด"
คำพูดอาจารย์อาร์ทำให้ผมคิดหนัก เพราะสำหรับหมอศัลยกรรมนั้น แขน ข้อมือ และมือ คือสิ่งที่มีค่าที่สุด! แต่ตอนนี้แขนของพี่กี้มีปัญหาแล้ว โดยที่มีผมเป็นต้นเหตุ นั่นยิ่งทำให้ผมเสียใจมากกว่าเดิม
ถ้าเปลี่ยนเป็นแขนผมแทน…คงจะดีกว่านี้TBC.
*Internal fixation คือ การผ่าตัดใส่โลหะเพื่อยึดตรึงกระดูก ทําได้ทั้งแบบผ่าตัดเปิดให้เห็นรอยแยกของกระดูก หรือใช้วิธีสอดใส่โลหะจากผิวหนังเข้าไปยึดตรึงกระดูก เพื่อให้รอยหักอยู่นิ่งในแนวปกติ ช่วยให้ใช้งานส่วนบาดเจ็บได้เร็วขึ้น โดยไม่เสี่ยงต่อการเคลื่อนของชิ้นที่หักและไม่เจ็บปวดทรมาน ระยะเวลารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยลง และสามารถกลับไปประกอบอาชีพได้เร็วขึ้น
ที่มา
http://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files/51929821/chapter2.pdfTalk : สงสารน้อง ฮือออ แต่งไปก็จะร้องไห้ตามน้องละเด้อ ฮือออ แถมเล่นใหญ่พี่กี้อีกต่างหาก 5555
สำหรับตอนนี้ เราทำการบ้านหนักค่ะ consult หมอ otho ให้อธิบายการผ่าตัดเพื่อให้เราเห็นภาพตาม แล้วเราถึงจะเขียนออกมาได้ ต้องขอบคุณหมอท่านนี้มากๆ (Special thanks) และเรายังไปหาอ่านเพิ่มเติมนะคะ (ตอนเรียนจริงจังขนาดนี้ไหม 555) กลัวเขียนแล้วแป๊ก แต่ถ้ามันแป๊กก็ข้ามๆ ไปนะคะ ให้เข้าใจว่ามันคือนิยาย 5555
สำหรับตอนนี้ก็ฝากด้วยเช่นเคยค่ะ กดหัวใจ โดเนท add shelf และคอมเม้นท์เป็นกำลังใจไรท์บ้างนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่าา (รักมากมาย)