VAMPIRE PROBLEM ;w; #10
“..ดิออน”
ผมเรียกดิออนเสียงเครือ รู้สึกถึงน้ำตาที่คลอเบ้าก่อนจะเจ็บท้องซะอีก
“พี่ครูซ!!!”
แต่ดูเหมือนคนที่ตกใจกว่าผมก็คือน้องชายผมเนี่ยแหละ ร้องลั่นจนหูผมแทบแตก
ส่วนผมเหรอ
“…อึก”
จะร้องไห้ยังร้องไม่ออกเลย แงงงง
ผมน้ำตาแตกตอนที่เห็นเลือดพุ่งจากท้องตัวเองยังกับน้ำพุ เพราะไม่คิดไม่ฝันมาก่อนจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับน้องครูซ แวมไพร์ที่รักโลกและโลกรักอย่างผม เจ็บตัวมากสุดที่เคยโดนคือประตูหนีบตอนร่างค้างคาวนะ!
ผมเอามือกุมท้องตัวเอง แต่ก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไร เลือดยังทะลักอาบมือผม จนผมอดคิดไม่ได้ว่า ผมต้องกินเลือดเหยื่ออีกกี่คนถึงจะพอ
“..บ้าเอ๊ย”
ผมได้ยินดิออนสบถ ก่อนที่มันจะดึงมีดออกให้เลือดผมทะลักมากกว่าเดิม
“แก!!!”
น้องชายผมคำรามเสียงดังลั่น ทำท่าจะพุ่งเข้าไปฟัดกับดิออนอีก แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่ๆ จึงใช้แรงทั้งหมดของตัวเองที่เหลืออยู่น้อยนิดในการกระชากคอเสื้อแม็กซ์เอาไว้
“ไม่เอา แม็กซ์” ผมพูดเสียงสั่น พยายามประคองสติตัวเอง “กลับบ้านไปซะ”
“ไม่มีทาง!” แม็กซ์ตะคอกใส่ผม ตาแดงก่ำกว่าเดิมด้วยความโกรธ “มันทำพี่ขนาดนี้ ผมจะยอมได้ยังไง!!”
“ฟังพี่”
ผมพูดเสียงเข้ม จ้องตาน้องชายตัวเองนิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้มั้ง ที่ผมทำตัวแบบพี่ชายจริงๆ ให้น้องเห็น
“กลับบ้านซะ”
“…”
แม็กซ์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่ก็ไม่กล้าพูด เพราะผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“ตามหาพี่ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ก็เจอแล้ว ตอนนี้นายก็กลับบ้านไปซะ”
“..แต่”
“ไป!!!”
ผมตะคอกใส่น้อง แล้วใช้พลังแวมไพร์บังคับให้น้องกลับร่างค้างคาว ซึ่งปกติพลังผมก็ไม่สามารถบังคับน้องได้หรอก แต่ดูเหมือนว่าน้ำมนต์บ้าๆ ของพวกวาติกันทำน้องผมเจ็บตัวพอตัว เพราะน้องผมคงร่างแวมไพร์ไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
แม็กซ์ในร่างค้างคาวพยายามจะโวยวาย แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับพลังแวมไพร์ของผมที่ผมสะกดให้น้องกลับบ้านโดยมีสมุนค้างคาวตัวจิ๋วของผมทั้งสามตัวช่วยประคองกลับไป
กี้ๆๆ
น้องด่าผมไม่หยุด แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะแค่ยืนตอนนี้ผมยังยืนแทบไม่ไหวเลย
“..ใจร้ายจังนะ”
ผมหัวเราะแผ่วๆ ตอนที่เห็นดิออนเดินเข้ามาใกล้ และเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เคยเตะตาผมในระยะตั้งแต่สามร้อยเมตรด้วยความชื่นชม
ยังหล่อเหมือนเดิมแฮะ แต่มันดูโตขึ้นมากๆ ดูโตกว่าผมที่อายุสามสี่ร้อยปีอีก แต่ที่โดดเด่นไปกว่านั้นคือชุดนักบวชวาติกันสีดำของมันใส่แล้วหล่อมาก
“..จะบังน้องนายทำไม”
ดิออนก้มมองผม สีหน้าดูเฉยชาจนผมอดรู้สึกเจ็บลึกๆ ไม่ได้
มันหลอกผมเหรอ?
“ถ้าจะมีใครสักคนในสมาคมตาย ให้ผมตายเองยังดีกว่า”
ผมหัวเราะเสียงแผ่ว หลับตายอมจำนนต่อหัวหน้าวาติกันร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาใกล้
มันจบแล้วสินะ ชีวิตค้างคาวไร้สาระไปวันๆ ของผม
จุ๊บ
“…?”
ผมลืมตามองมันอย่างงุนงง ตอนที่ถูกจูบเบาๆ ที่ริมฝีปาก ก่อนที่จะตกใจกว่านั้นไปอีกก็ตอนที่ดิออนรวบเอวผมขึ้นอุ้ม แล้วพาผมหนีไปที่ไหนสักที่
“จะพาผมไปฆ่าหมกป่าเหรอ”
ผมน้ำตาแตกตอนที่ดิออนพาเข้าไปหลบในกระท่อมอะไรไม่รู้ ถึงมันจะจุ๊บให้ผมตายใจ แต่ผมก็ไม่ตายใจหรอกนะ! ผมร้องไห้งอแงไม่หยุดตอนที่ถูกมันวางบนแคร่ แล้วบนพื้นมีขวานเก่าๆ ที่น่ากลัวมากวางอยู่
ฮึก ถึงมันจะเหมือนจะฉากลูกสาวกำนันโดนโจรลักพาตัวมา แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกดิออนทำมิดิมิร้ายหรอก มันต้องเอาผมมาสับกินแล้วปิ้งกินแน่ๆ เลยอ่ะ แงงงง
“แงงง ไหนบอกว่าวาติกันไม่กินค้างคาวไง”
ผมยกมือขึ้นปิดตา ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว ทำไมทุกคนต้องใจร้ายกับน้องครูซด้วย!
“กินบ้าอะไร ลืมตาได้แล้ว”
ดิออนแงะมือผมออก แล้วรวบตัวผมมานั่งบนตักมัน ก่อนที่ใช้แรงมหาศาลของมันรั้งคอผม จนหน้าผมแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับคอมัน
“กินซะ”
“เอ๋?”
ผมครางในลำคองงๆ แต่สัญชาตญาณแวมไพร์ของผมก็ทำให้ผมงับคอมันไปแล้วเรียบร้อย
อร่อย.. นี่แหละเลือดที่ผมตามหามานาน!
ผมหลับพริ้ม เผลอฝังเขี้ยวลงไปในคอดิออนลึกกว่าเดิม กลืนเลือดอุ่นๆ ของมันไม่หยุด ซึ่งผมก็ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองถูกดิออนลูบหัวเบาๆ อยู่
กินไปสักพักใหญ่ๆ จนอาการเจ็บแผลที่ท้องผมทุเลาลง ผมก็ผละออกโดยไม่ลืมที่จะเลียเก็บเลือดที่เลอะเทอะตามคอดิออนให้อย่างมีมารยาท
จากที่เจ็บเหมือนจะตาย ตอนนี้คือผมสดชื่นมาก บอกตามตรงว่าเลือดของพวกสายเลือดบริสุทธิ์นี่ควรจะเป็นโอท็อปของพวกวาติกันส่งขายให้แวมไพร์อ่ะ รับรองว่ารวยเละ
“หายเจ็บรึยัง”
“อื้อ”
ผมหน้าแดงนิดๆ ตอนที่ได้ยินดิออนถามผมเสียงนุ่ม คือไม่ได้เจอมันนาน ผมก็คิดถึงอ่ะ ผมซุกตัวกับตัวของมันที่ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่ารอบล่าสุดที่เจอกันมาก จนผมไม่แน่ใจว่ามันได้ตำแหน่งผู้นำตระกูลหรือนักเพาะกายระดับชาติกันแน่ ถึงได้ตัวบึ๊กขนาดนี้
หรือจริงๆ เป็นผมเองที่ตัวเล็กเกินไปก็ไม่รู้
“ว่าแต่ นายอายุเท่าไหร่แล้วอ่ะ”
ผมถามดิออนด้วยความอยากรู้ เรื่องนี้คาใจผมมานานแล้ว
“สามสิบห้า”
ผมตาโตทันที เพราะล่าสุดที่เจอกันดิออนอายุประมาณยี่สิบเอ็ดยี่สิบสอง นี่ผมไม่ได้เจอมันมาเป็นสิบปีเลยเหรอ! นี่มันจะไวเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่ผมรู้สึกว่าผ่านไปไม่กี่ปีเองตอนอยู่ในสมาคม
ก็อย่างว่าละนะ พวกแวมไพร์อย่างผมมันอายุยืนเกิน เวลาเลยไม่ค่อยเป็นเรื่องสำคัญกับชีวิตสักเท่าไหร่
“..นายเพิ่งหนีออกมาได้ปีนี้เหรอ”
ผมครางฮื่อตอนที่ดิออนมาจูบต้นคอผมบ้าง อีกทั้งยังแกล้งกัดเบาๆ ให้ผมสะดุ้งเล่นอีก และแน่นอน แวมไพร์ใจง่ายอย่างผมไม่คิดจะขัดขืนหรอก อย่าลืมสิว่าผมคิดถึงดิออนจะตายชัก
ผมขยับตัวเอาแขนคล้องคอกับดิออน แล้วประคองหน้ามันขึ้นมาจูบ ซึ่งมันก็ตอบรับผมอย่างดี จูบผมแรงจนผมรู้สึกเจ็บปาก
“..อื้อ ผมเพิ่งได้ใบอนุญาตน่ะ”
ผมขยำเสื้อนักบวชสีดำของมันจนยับยู่ยี่และหอบแฮ่ก ให้ตายเหอะ ถ้าพ่อมาเห็นผมสภาพนี้ ผมต้องโดนพ่อปิ้งแน่ๆ เลย ก่อนที่ผมจะสะดุ้งตอนที่ถูกมืออุ่นๆ ของดิออนลูบหน้าท้องผมที่ตอนนี้กลับมาเนียนเหมือนเดิมแล้ว
“ยังเจ็บอยู่ไหม”
“นิดหน่อย”
ถึงการเป็นแวมไพร์จะมีข้อเสียมากมาย แต่ก็มีข้อดีมากมายเหมือนกัน เพราะพวกแวมไพร์อย่างผมถ้าได้เลือดดีๆ อย่างดิออนมากิน ร่างกายจะฟื้นฟูไวมาก หน้าท้องผมตอนนี้เลยเรียบเนียนสุดๆ
“จริงๆ นายไม่ต้องบังน้องนายด้วยซ้ำ”
ดิออนใช้นิ้วเช็ดเบ้าตาผมที่ยังมีน้ำตาคลออยู่นิดๆ
“ไม่บังได้ไง นั้นน้องผมนะ!”
ผมโวยวายใส่ดิออนที่ขมวดคิ้วใส่ผม
“ก็ฉันไม่ได้จะแทงน้องนายจริงๆ ซะหน่อย”
“ไม่แทงบ้าอะไร ท้องผมเป็นรูเลย!”
ให้เกียรติเลือดผมที่ทะลักออกมาหน่อยเถอะ
“ก็ไม่ได้จะแทงจริงๆ ฉันแค่จะใช้จังหวะที่น้องนายหลบ สาดน้ำมนต์ใส่อีกรอบ ก็แค่นั้นแหละ”
ถามจริงนี่น้ำมนต์หรือน้ำวันสงกรานต์ ถึงได้สาดเอาๆ แบบนี้
ผมขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจนัก แต่ก็เอาเหอะ ถ้าดิออนไม่ได้คิดจะฆ่าน้องชายผมก็แล้วไป ค่อยคุยกันได้หน่อย
“อื้อ เดี๋ยวก่อน ดิออน คุย คุยกันก่อน!”
ผมดันหน้าดิออนที่เข้ามาไซร้คอออกมา เพื่อพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกันก่อน จริงๆ ผมก็ไม่มีปัญหากับการที่มันจะนอนกับผมหรอก แต่ที่ผมมีปัญหาคือผมต้องเคลียร์เรื่อง ‘เทศกาลล่าปีศาจ’ ที่มันจัดก่อน!
ขืนไม่รีบคุยเรื่องนี้ พ่อผมคงได้แห่แวมไพร์ในสมาคมมาช่วยผมกันพอดี เพราะน้องผมก็คงจะถึงสมาคมเร็วๆ นี้
“อะไร”
มันพูดเสียงขุ่น สีหน้าหงุดหงิดสุดๆ แต่ที่หงุดหงิดกว่าคงจะเป็นอะไรแข็งๆ ที่แทงก้นผมเนี่ยแหละ
“นายจัดเทศกาลนี่ทำไมอ่ะ รู้ไหมว่าผมเคยเกือบโดนปิ้งด้วย!”
เทศกาลป่าเถื่อนนี่สมควรยกเลิกไปได้แล้วบอกตามตรง ขนาดเทศกาลล่ามนุษย์ที่พวกแวมไพร์เคยจัดกันมาเป็นร้อยๆ ปี ยังถูกสมาคมยกเลิกให้เข้ากับยุคสมัยเลยนะ!
“เขาสั่งให้จัดก็ต้องจัดสิ”
ดิออนมันกัดนิ้วผมเบาๆ ก่อนที่จะผลักผมให้ไปนอนบนแคร่ ส่วนมันก็ตามมาขึ้นคร่อมผม ซึ่งตัวของมันก็ใหญ่มากจนผมมองอะไรแทบไม่เห็นเลย
“ไม่จัดไม่ได้เหรอ ผมไม่อยากให้มีใครตายนะ”
ผมซึ่งเป็นแวมไพร์ที่รักสันติที่สุด พยายามไกล่เกลี่ยให้กับชาวไม่ใช่มนุษย์ทุกคน
“มันเป็นมติของตระกูล ฉันจะไปทำอะไรได้”
ดิออนหัวเราะเสียงแผ่ว แววตาดูเศร้าลงนิดๆ
“ต่อให้ฉันเป็นผู้นำแล้วก็จริง แต่คนที่คุมจริงๆ ก็คือพวกผู้อาวุโสในตระกูลอยู่ดี”
“แย่จัง ผมกะว่าจะให้ดิออนเป็นคนเซ็นสัญญาสงบศึกให้กับสมาคมสักหน่อย” ผมหัวเราะแล้วลูบหน้าดิออนที่ถึงจะดูอายุมากขึ้น แต่ก็ยังดูดีอยู่ดี หนำซ้ำยังทำให้มันดูสุขุมขึ้นด้วย
ผมขมวดคิ้วตอนที่นึกถึงคำว่าอายุมากขึ้น
จริงสิ ผมลืมไปเลยว่าดิออนเป็นมนุษย์นี่นา งั้นก็แปลว่าดิออนก็อาจจะหัวล้านแล้วก็รอยตีนกาขึ้นก่อนผมน่ะสิ แล้วไอ้ฝันร้ายบ้าๆ แบบวันนั้นก็จะเกิดขึ้นจริง
ถึงตอนนั้นผมคงได้กอดดิออนพร้อมกับเสียงกร็อบๆๆ แน่เลยอ่ะ
แค่คิดผมก็รับไม่ได้แล้วอ่ะ แงงงงงงง
“เป็นอะไร”
ดิออนถามผมงงๆ เพราะอยู่ดีๆ ผมก็หงอย ไม่ดี้ด้าเหมือนปกติ
“นายเป็นมนุษย์อ่ะ” พอนึกถึงเรื่องนี้ผมก็ซึมเลย “อีกไม่นาน นายก็คงจะแก่แล้วก็ตาย”
ให้ตายสิ ผมชักจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกคนในสมาคมถึงได้จริงจังกับกฎสามข้อของเหลือเกิน
ถึงผมจะยังไม่ถึงกับรักดิออนก็เถอะ แต่ผมก็โคตรชอบดิออนเลย แค่คิดว่าอีกไม่นานจะไม่มีดิออนให้ผมเล่นด้วย ผมก็จะร้องไห้แล้ว
ชีวิตแวมไพร์มันยาวนานจนน่าเบื่ออ่ะ
ไม่งั้นผมจะออกมาเล่นนอกสมาคมบ่อยๆ ทำไม เพราะในนั้นก็ไม่มีอะไรให้ทำ นอกจากทำภารกิจ ติดต่อนู่นนี่นั่น กับสืบทอดพิธีกรรมโบราณๆ ของพวกแวมไพร์ แต่ที่โดดเด่นที่สุดในช่วงนี้คงจะเป็นการลงทุนเรื่องทำครีมกันแดดที่จริงจังมาก จนผมไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วเป็นสมาคมแวมไพร์ หรือบริษัทครีมกันแดดกันแน่
“ก็จริง”
ดิออนมันพยักหน้ายอมรับง่ายๆ
“งั้นเป็นแวมไพร์ไหม” ผมยิ้มเผล่ใส่ดิออน พยายามขายสุดๆ “นอกจากจะหน้าเด็กแล้ว ยังบินได้ด้วยนะ!”
“สำหรับนาย แวมไพร์คืออะไรกันแน่เนี่ย” ดิออนหลุดขำ แล้วลูบหัวผม
ผมหน้ายู่ “เป็นแวมไพร์สนุกนะ ไม่อยากใช้บ้างหรอ พลังแวมไพร์อ่ะ ตอนเด็กๆ ตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ ผมตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย!”
ถึงการแปลงเป็นค้างคาวครั้งแรกของผมจะทำให้ผมโดนประตูหนีบก็เถอะ แต่ยังไงซะ มันก็มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำเยอะแยะเต็มไปหมด เสียแต่ว่าผมทำเรื่องสนุกพวกนั้นไปหมดแล้วเนี่ยแหละ หลังๆ เลยว่างเกินไม่รู้จะทำอะไร
“ฉันเป็นวาติกันนะ ถ้านายยังไม่ลืม”
ดิออนมองหน้าผม แล้วรั้งมือผมไปถอดชุดมัน ผมพยายามดึงมือตัวเองออก เพราะจำได้ว่ามันห้อยไม้กางเขนเงินเอาไว้ และผมก็ยังไม่อยากแสบมือด้วย
“นายเลิกห้อยไม้กางเขนแล้วเหรอ”
ผมถามมันตอนที่ถอดเสื้อมันสำเร็จแล้ว แต่ไม่เจออะไรเลยนอกจากรอยสักของพวกวาติกันที่อยู่บนหน้าอกมัน ซึ่งผมก็เคยเห็นรอยสักอันเก่ามันมาก่อน และตอนนี้ก็ดูเหมือนจะมีเพิ่มขึ้นอีกอันตรงไหปลาร้ามันที่คุ้นตาเอามากๆ เพราะมันเป็นรอยสักที่ผมเคยเจอในพวกบทเรียนของสมาคมแวมไพร์มาก่อน
รอยสักของพวกหัวหน้าตระกูลวาติกัน
ผมตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะชอบลายนี้มาก เคยอยากไปลองสักดูด้วย แต่กลัวเจ็บบวกกับกลัวโดนพ่อตีเลยไม่ได้สัก
ตอนนี้ผมเลยห้ามมือตัวเองให้ลูบรอยสักดิออนไม่ได้เลย ถึงมันจะทำให้ผมรู้สึกแสบๆ เจ็บๆ ก็เถอะ แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าผมโคตรอยากฝังเขี้ยวทับรอยสักนี้มาก
ให้ตายเหอะ ถ้าผมทำจริง คงจะเป็นการหยามหน้าพวกวาติกันมาก
“อืม ก็เลิกห้อยตั้งแต่รู้จักแวมไพร์”
ดิออนมันจับมือผมที่ถูรอยสักมันจนหวยแทบจะขึ้นมาสามตัวมาจูบเบาๆ จนผมอดรู้สึกเขินไม่ได้
ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมยังมีวาติกันใจดีๆ แบบดิออนหลงเหลืออยู่บนโลกนี้ด้วย คือตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ผมค่อนข้างชินกับการโดนไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตายของพวกวาติกันอ่ะ ไม่ว่าวาติกันรุ่นไหนก็ป่าเถื่อนใจร้ายกับแวมไพร์รักสันติอย่างผมกันทั้งนั้น
“..ดิออน ผมจริงจังนะ”
ผมสบตากับมัน
“เป็นแวมไพร์เถอะ เดี๋ยวผมคุยกับพ่อเอง ถ้าพ่อไม่ยอม นายก็พาผมหนีแค่นั้นแหละ”
ดิออนมันกระพริบตาปริบงงๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“ห้ามขำ! ไม่งั้นผมจะงอนจริงๆ ด้วย!”
มันน่าตลกตรงไหนอ่ะ ก็ผมจริงจังจริงๆ นี่นา เพราะถ้าดิออนเป็นแวมไพร์ ทุกอย่างมันจะง่ายกว่านี้มาก
“ก็นายพูดเหมือนฉันเป็นพวกฉุดลูกสาวกำนัลไปทำเมียเลย”
“ก็พ่อผมดุจริงๆ นี่นา”
Rrrrrrrr
ผมบ่นก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเอง ผมรีบลนลานหยิบขึ้นมาดูเลย และตกใจกว่าเดิมตอนที่รู้ว่าใครโทรมา
‘พ่อ’
โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่น้องเพิ่งให้ผมมาพร้อมเมมเบอร์ให้สั่นไม่หยุด พร้อมกับขึ้นรูปหน้าดุๆ ที่ผมเพิ่งนินทาไป
“แย่แล้ว ดิออน พ่อโทรมา!!!”
คือพ่อกลัวติดต่อผมผ่านพลังแวมไพร์ไม่ได้ไง เลยให้เอามือถือมาด้วย สรุปคือก็ได้ติดต่อกันจริงนะ แล้วผมก็ลืมปิดเสียงโทรศัพท์ด้วย ให้ตายเหอะ
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือพ่อจะเฟสไทม์มา!!! แล้วดิออนมันอยู่ตรงนี้อ่ะ!!! อีกอย่างคือผมก็อยู่ในกระต็อบอะไรไม่รู้ด้วย สรุปแล้วคือนิยายเรื่องนี้มันคือจำเลยรักจริงๆ ใช่ไหม!
ส่วนผมก็เป็นลูกสาวกำนันที่แอบหนีพ่อมาหาผู้ชายแน่ๆ !
จากบรรยากาศดีๆ ตอนนี้คือหายไปหมด ผมลนลานไม่หยุด จะไม่รับก็ไม่ได้ เดี๋ยวพ่อตามมาถึงที่ แต่ถ้ารับก็อาจจะเห็นดิออนอีก ทำยังไงดีวะเนี่ย
ผมผลักดิออนออก แล้วเดินวนรอบห้อง คือในกระต็อบไม่มีอะไรเลยนอกจากแคร่บ้าๆ นี่กับขวาน จะออกไปคุยข้างนอกก็เสี่ยงโดนพวกวาติกันคนอื่นจับได้อีก มีทางเดียวก็คือคุยในนี้ แต่ผมไม่รู้จะเอาดิออนไปซ่อนไว้ไหนเนี่ยแหละ
จะให้มันยืนอยู่หลังโทรศัพท์ก็ไม่ได้ เพราะผมรู้เลยว่าพ่อชอบรู้ทัน น่าจะให้ผมถ่ายให้ดูรอบๆ แล้วเห็นมันพอดีแน่นอน
ผมกลอกตาไปมาจนในที่สุดผมก็คิดออก
“ดิออน นายไปอยู่ใต้แคร่ก่อนไป!”
ผมดึงแขนดิออนที่ยังนั่งงงๆ มองหน้าผม แล้วพยายามยัดตัวใหญ่ๆ ของมันไปซ่อนใต้แคร่ จริงๆ ดิออนก็ดูเหมือนจะไม่อยากทำเท่าไหร่ แต่ก็ยอมมุดไปซ่อนใต้แคร่ตามคำขอของผม
จริงๆ ผมก็สงสารมันนะ แต่สถานการณ์มันฉุกเฉินจริงๆ
ให้ตายเหอะ เหมือนผมซ่อนชู้เลยอ่ะ
“ฮัลโหล พ่อ อ้าว แม็กซ์ ถึงสมาคมแล้วเหรอ”
ผมยิ้มจนตาหยีให้กับพ่อที่หน้าเครียดใส่โทรศัพท์ บนไหล่พ่อมีแม็กซ์ในร่างค้างคาวเกาะอยู่ด้วย
[ ลูกอยู่ไหน? ]
“ผมยังอยู่ในเขตของพวกวาติกัน แต่พ่อไม่ต้องห่วงผมนะ ผมแอบมาซ่อนตัวอยู่ รับรองพวกนั้นหาผมไม่เจอแน่นอน”
คือพ่อไม่ต้องห่วงผมจริงๆ อ่ะ เพราะต่อให้พวกวาติกันหาผมเจอจริง ผมก็จะซุกอยู่ในเสื้อดิออนจนกว่าจะปลอดภัย
[ ถ่ายรอบๆ มาหน่อย กล้องหลังนะ ]
นั่นไง ผมเดาผิดซะที่ไหน ถ้าผมซ่อนดิออนไว้หลังโทรศัพท์คือมีโป๊ะ จะให้มันเดินหนีกล้องเรื่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องอีก
“ก็ไม่มีอะไรอ่ะ พ่อ มันเป็นกระท่อมอะไรไม่รู้เฉยๆ แต่ผมว่าพวกวาติกันไม่น่าสนใจที่นี่ ก็เลยมาหลบ”
ผมพยายามทำตัวดี้ด้าให้พ่อเห็น ให้พ่อสบายใจว่าผมปลอดภัยจริงๆ ไม่โดนจับปิ้งแน่นอน จะว่าไปผมก็อยากให้พ่อเห็นตอนผมสู้กับพวกวาติกันเมื่อกี้นี้มาก คือพ่อมาเห็นต้องน้ำตาไหลด้วยความภูมิใจในตัวผมอย่างแน่นอน
พอเห็นว่าพ่อดูไม่เอะใจ ผมก็นั่งบนแคร่เหมือนเดิมเพราะเริ่มเมื่อยจากยืนนานๆ
“..!”
ผมสะดุ้งนิดๆ ตอนที่อยู่ดีๆ ถูกมือปริศนาจับข้อเท้าผมไปจูบ
[ ตกใจอะไร ]
ให้ตายเหอะ เกือบจะรอดแล้วเชียว
“เปล่าครับ เมื่อกี้นั่งผิดท่านิดหน่อยเลยเจ็บ”
ผมหัวเราะแหะๆ พยายามดึงขาตัวเองออก แต่ก็ไม่วายถูกกัดอีก จนเผลอกลืนน้ำลายเอือกกับอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ
คือผมรู้แหละ มันไม่ใช่เวลาเลย
แต่ผมโคตรอยากจะนอนกับมันเลย
[ งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็รีบกลับมา ]
พ่อผมพูดเสียงอ่อนลง
[ หรือจะให้พ่อส่งคนไปรับ ]
“ไม่เป็นไร พ่อ เดี๋ยวผมกลับเอง”
ผมรีบเบรกเลย แน่นอน ผมยังไม่กลับง่ายๆ หรอก อุตส่าห์ได้ออกมาแล้ว ก็ต้องเล่นก่อนสิ!
[ งั้นถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมานะ แม็กซ์บอกว่าในเขตพวกวาติกันใช้พลังแวมไพร์ติดต่อกันไม่ได้ ]
“ครับ”
ผมพยักหน้าหงึกๆ รอให้พ่อวางสายไป ทุกอย่างก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งอย่างน่าเหลือเชื่อ ให้ตายสิ ถ้ารู้ว่าได้ใบแล้วพ่อปล่อยผมขนาดนี้ ผมตั้งใจสอบไปตั้งนานแล้ว!
“ออกมาได้แล้ว ดิออน พ่อไปแล้วๆ ”
ผมขยับตัวมานั่งกลางแคร่ และหลุดหัวเราะตอนที่เห็นสภาพของดิออนที่ยับเยินมาก
ซึ่งมันก็ตลกมากจนผมหัวเราะไม่หยุด คือสภาพหล่อๆ ของมันหายไปหมดแล้ว หน้ามันคลุกฝุ่นมาก ตามหัวมันก็มีทั้งฝุ่นทั้งหยากไย่เต็มไปหมด ถ้าผมมองไม่ผิดเหมือนจะมีแมงมุมกระโดดอกจากตัวมันด้วย ส่วนชุดนักบวชมันยิ่งน่าสงสาร ฝุ่นเกาะทั้งแถบจนหมดราคาไปเลย
ให้ตายเหอะ นี่ผู้นำตระกูลวาติกันจริงอ่ะ
ผมขำจนปวดท้อง เพราะที่แย่ที่สุดคือสีหน้าของดิออนที่ดูปลงตกกับชีวิตมาก
“ถึงบอกไง ว่าให้เป็นแวมไพร์”
เพราะถ้ายอมตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมาหลบแบบนี้หรอก!
=========
น้อนมาแร้ว
#ห้ามปิ้งค้างคาว