chapter 24"พี่ทิศอย่าเงียบสิ บอกมาเลย" ผมรบเร้าให้อีกคนพูด
"อ้อนพี่ก่อนสิ" อีกคนยื่นข้อเสนอ
"พี่ทิศ!"
"ไม่อ้อนก็ไม่บอก" คนตัวสูงว่าอย่างเล่นตัว นั่งทานข้าวสบายใจ
"พี่ทิศบอกหน่อย"เขาปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงอีกนิด แต่สิ่งที่อีกคนให้มาคือการส่ายหัวเชิงบอกว่าใช่ไม่ได้
"พี่ทิศช่วยบอกหน่อยนะ" ใส่คำเพิ่งลงให้ไปดูนุ่มนวลแต่คนตรงหน้าก็ยังเมินเฉย
"พี่ทิศครับ ช่วยบอกหน่อยนะ" คราวนี้เติมหางเสียงลงไปด้วย หวังว่าจะได้นะ แต่เปล่าเลยอีกคนแค่เงยหน้าขึ้นมองแล้วส่ายหน้าเชิงบอกให้พูดใหม่
เอาก็เอาว่ะ ถ้าครั้งนี้ไม่ยอมบอกเขาก็ทำใจถือว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องรู้ก็แล้วกัน
"พี่ทิศครับ นินอยากรู้อ่ะ บอกหน่อยสิ"เขาเอื้อมจับมืออีกฝ่ายแล้วเขย่าเล็กน้อยๆ น้ำเสียงก็ปรับในนุ่มนวลชวนฟังมากที่สุด ยอมแทนตัวเองว่านินเลยตัวเอา!!
เหมือนว่าจะสำเร็จเพราะคราวนี้พี่ทิศที่กำลังตักน้ำซุปเข้าปากชะงัก กึก! ก่อนจะวางช้อนลงเม้มปากแน่น
"นะครับ นะๆๆ บอกหน่อยสิ" พอเห็นว่าเริ่มมได้ผลผมก็อ้อนทันที
จุ๊บ! กึก! จู่ๆคนที่นั่งเม้มปากอยู่ก็โน้มหน้ามาจุ๊บหน้าผากเข้าเสียอย่างนั้น จนเป็นเขาเองที่สะดุดกึก!ทันที
"ฮ่าาาา หน้าแดงง่ายจังนะเรา" พี่ทิศที่เห็นผมชะงักก็เอ่ยแซวทันที
"อย่าสิครับ บอกผมมาก่อนเร็วว่าเราเคยเจอกันที่ไหน?"
"ทานข้าวไปด้วยสิ เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง" พี่ทิศว่ามือก็ชี้ที่จานข้าวผมที่พร่องลงเล็กน้อยอีกคนว่าแบบนั้นผมก็ลงมือตักข้าวใส่ปากรอฟังอีกคนพูด
"เราเคยเจอกันตอนเด็กๆ นินสัก 9 ขวบได้มั้ง" พี่ทิศที่ทานเสร็จแล้วก็รวบช้อนเข้าด้วยกันก่อนเริ่มเล่า
"หื้ม? เด็กขนาดนั้นเลยเหรอ?" ผมว่าผมไม่เคยเจอพี่มาก่อนนะ
"ใช่ตอนเด็กๆเลยนั้นแหละ" พี่ทิศนั่งมองผมแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มือก็ชี้ให้ผมทานข้าวด้วย
"พี่ตั้งใจจะไม่บอกนินหรอก ว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหน่ะ"
"แต่วันนั้น ตอนที่ไปบ้านพี่ จำได้ไหม? ตอนที่นินเล่าว่านินไม่เคยลืมเรื่องเศร้าๆนั้นเลย พี่ก็ตัดสินใจว่าจะบอกนินว่าเราเคยเจอกันแล้ว"
อ่าาา ใช่พอจำได้อยู่ว่าวันนั้นผมเล่าเรื่องพ่อแม่ไป
"กินด้วยสิ อย่ามั่วแต่นั่งฟังอย่างเดียว ทานไปด้วยจะได้ทานยาต่อ"
"พี่ก็เล่าต่อสิ อย่าเล่าๆหยุดๆได้ไหม?" ผมเถียง ตอนนี้ใจผมหวังไว้อย่างหนึ่ง ถ้ามันเป็นอย่างที่หวังจริง
ก็คงเป็นเรื่องดีที่สุดในตอนนี้
"ใจเย็นๆสิ ก็กำลังจะเล่าอยู่นี้ไง" ทศทิศว่าขำๆก่อนจะยกมือมาขยี้หัวผมจนยุ่งกว่าเดิม
"ตอนที่นิน 9 ขวบนินต้องเข้าโรงพยาบาลจำได้ไหม?" จำได้สิเพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมต้องอยู่โรงพยาบาลนานที่สุดแล้ว
ผมพยักหน้างึกงักตอบมือก็ตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากเคี้ยว
"ตอนนั้นพี่เองก็เข้าโรงพยาบาล"
เคร้ง! เสียงช้อนหลุดจากมือผมทันทีที่พี่ทิศพูดประโยคนั้นจบ ใช่ใช่ไหม!? พี่ใช่เขารึเปล่า!?
"ดะ...เด็กที่ หะ..หัวแตก?" ผมถามอีกคนอึ้งๆ เพราะตอนนั้นมีแค่เขาคนนั้นคนเดียวที่มานั่งคุย นั่งเล่นกับผม
"ครับ เด็กที่หัวแตกคนนั้นก็คือพี่เอง" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับมาอย่างอบอุ่นพร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาผมน้ำตาซึม ผมนิ่งไปก่อนจะค้นเสียงออกมา
"จะะ.เจอแล้ว เจอกันแล้ว" ผมร้องตะกุกตะกัก ก่อนจะปล่อยโฮ น้ำตาไหล ตั้งแต่เขาได้รู้จักพูดคุยกับพี่ทิศ เขาก็หวังมาเสมอว่าคนนี้จะเป็นคนๆเดียวกัน
ความรู้สึกที่ส่งถึงกันมันเหมือนกันเกินไป พอรู้ว่าคนนี้คือเพื่อนวัยเด็กที่หายหน้าหายตาไปนาน มันทำให้เขาอดดีใจจนร้องไห้ออกมาไม่ได้
"ครับ เจอกันแล้ว รักกันแล้วด้วยตอนนี้" พี่ทิศว่าอมยิ้มขำๆกับท่าทางขี้แยของผม
ผมยื่นแขนทั้งสองข้างออกไปข้างหน้า ก่อนจะพูดว่า
"ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ? ผมคิดถึงมากๆเลย"
"ฮ่าๆ ได้สิจะกอดนานแค่ไหนก็ได้" พี่ทิศลุกขึ้นจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วเดินเข้ามาสวมกอดผมเช่นกัน
มือหนาลูบหัวผมเบาๆ ผมเองก็ฝั่งหน้าร้องไห้อยู่ที่หน้าท้องแข็งๆของอีกคน
"ไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้วนะนิน" พอพี่ทิศพูดย้ำออกมาอีกครั้ง ผมก็ร้องไห้โฮใหญ่อีกรอบ
"ทะ..ทำไมไม่บอก ฮึก ตั้ง ต..แต่ ฮึอ ฮือ ทีแรก" ผมพูดไปก็ร้องไห้ไป กอดเอวหนาไว้ไม่ยอมปล่อย
"ก็คิดว่าคงลืมไปหมดแล้ว พี่เองก็ตั้งใจจะเริ่มต้นใหม่กับนินอีกครั้ง เรื่องเก่าจำได้ไม่ได้ก็ไม่เห็นจะสำคัญเลย"
"สำคัญสิ! พี่เข้าใจมันสำคัญมากเลยนะ!" ช่วงที่เรานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนมันแย่ เลวร้ายมากๆ มันเหมือนเรากำลังจมลงไปในกองความโศกเศร้าไม่มีใครช่วยดึงขึ้นมา
แต่พอมีคนเดินเข้ามาจับมือแล้วดึงเราขึ้น คนๆนั้นก็ต้องสำคัญกับเรามากสิ คนที่ช่วยให้เรามีแรงเดินต่อไปหน่ะ
"โอเคๆ พี่สำคัญกับนิน พี่เองก็ดีใจ เราต่างเป็นคนสำคัญของกันและกันดีไหม?" พี่ทิศว่าปลอบผม แล้วค่อยๆลูบหลังให้คลายสะอื้น
"อื้อ" ผมรับเสียงอู้อี้
"งั้นคนสำคัญของพี่ปล่อยพี่ก่อน เดี๋ยวพี่ไปเอายามาให้เราทานก่อน โอเคไหม?"
ผมพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยแขนจากเอวหนา พพี่ทิศก้มจูบกระหม่อมผมก่อนจะยกจานข้าวไปวางในซิงค์ แล้วเดินหายไปในห้องนอน ก่อนกลับมาพร้อมยา 2 เม็ด และน้ำ 1 แก้ว เมื่ออีกฝ่ายส่งยามาให้ ผมก็ทานอย่างไม่อิดออด
"ไปนอนพักก่อนไป" พี่ทิศทำท่าจะอุ้มผมอีกครั้งแต่ผมห้ามไว้แล้วขอเดินไปเอง มันติดๆขัดๆ ก้าวขาแต่ละทีก็เจ็บร้าวไปหมด เหมือนช่วงล้างมันจะพัง ทุกการย่างก้าวผมเบหน้าร้องโอดโอย พี่ทิศที่เดินพยุงอยู่ก็บ่นอุบว่าทำไมไม่ยอมให้เขาอุ้มตั้งแต่ที่แรกก็ไม่เจ็บแบบนี้หรอก
พอผมนอนห่มผ้าเรียบร้อย พี่ทิศก้ทำท่าจะเดินออกไป ผมจึงส่งเสียงเรียกไว้ก่อน
"พี่ไปไหน?"
"โทรศัพท์แปบนึง" ผมพักหน้ารับรู้ก่อนจะหลับตาลง
ผมยังไม่ทันจะหลับเจ้าของห้องก็เปิดประตูเข้ามาเดินมาข้างเตียงแล้วลูบหัวผมเบาๆ
"ง่วงก็นอน เข้าใจไหม? ทานยาแล้วก็ต้องพัก"
"อือ ว่าแต่พี่ไม่ไปทำงานหรอ?" ตาผมจะปิดอยู่แล้วแต่ผมอยากฟังต่อว่าที่ผ่านมาพี่หายไปไหนมา
"ไม่ละ ให้พี่ทรายจัดการแทน ของนินพี่บอกลาให้แล้ว" ผมพยักหน้าอืออารับรู้ ผมตบมือลงกับเตียงปุบๆ!
"ว่าไง?" พี่ทิศถาม
"ถะ...ถ้าไม่ไปทำงานแล้ว ก..ก็มานอนนี้ครับ" ผมตบที่เตียงข้างๆตัวอีกครั้ง
"ฮ่าาา ถ้ารู้ว่าบอกแล้วจะน่ารักแบบนี้พี่บอกตั้งนานแล้ว" ว่าจบอีกคนก็เดินกลับมาอีกฝั่งของเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ
"เล่าให้ฟังต่อสิ พี่หายไปไหนมา?" ผมหลับตาลงไปแล้วแต่ปากก็ยังขยับถามไม่หยุด
จุ๊บ! สัมผัสเบาๆแนบลงมาที่ริมฝีปากทำเอาผมสะดุ้งลืมตามองคนที่เพิ่งทิ้งตัวลงนอน
"ช่างถามจริงๆนะ นอนก่อนก็ได้ ตื่นมาค่อยเล่าก็ยังทัน" ทศทิศว่าเมื่อเห็นอยู่ชัดๆว่าเจ้าเด็กป่วยตรงหน้าใกล้จะหลับเต็มทนแต่ก็ยังฝืนอยู่
"พี่เล่ามาก่อนนนนน น" เขาว่าเสียงยาน
"ก็ไม่แปลกที่นินจะจำพี่ไม่ได้ ตอนนั้นพี่โดนโกนผมแถมยังมีผ้าพันแผลปิดอยู่ด้วย"
"อ่าๆ"
"พอพี่ออกจากโรงพยาบาล พ่อก็ส่งพี่ไปนอก ไปดัดนิสัย แต่จริงๆมันก็แผนไว้แล้วนั้นแหละ ว่าพอพี่จบประถมก็ต้องไปต่อนอก แต่ก็พี่เริ่มเกเรเสียก่อนพอออกจากโรง'บาล พ่อเลยตัดสินใจส่งไปเลย" ทศทิศเล่าไปตาก็เหล่มองคนข้างกายที่ตอนนี้หลับตาไปเรียบร้อยร้อยแล้ว แต่ยังพยักหน้ารับรู้
"พ่อพี่ก็กลับมาเยี่ยมนินกับแม่ จำได้ไหม มาเยี่ยมจนแม่นินเสียไปนั้นแหละ" ทศทิศว่าเสียงเศร้าเมื่อคิดถึงช่วงนั้นที่เขาไม่ได้มาอยู่ข้างกายร่างบางตรงหน้า
เขาหยุดเล่าเสียตรงนี้เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าหลับไปเรียบร้อยแล้ว
"จะไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้พี่ก็อยู่ข้างนินเสมอนะ" ทศทิศกล่าวกับร่างเล็กเบาๆก่อนกดจูบลงไปอีกครั้งแล้วดึงคนหลับบุยมากอดไว้ แล้วตัวเองก้หลับตามไป
-------------------------------------
พอผมตื่นลืมตาขึ้นมาก็เจอกับแผ่นอกแกร่งของใครอีกคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ ท่อนแขนหนาตวัดกอดรัดเอวเขาไว้ ผมค่อยๆซุกหน้ากับอกนั้นแล้วขยับหน้าถูไถเบาๆ
อื้มมม ดีใจจริงๆที่เป็นพี่ เขาคิดกับตัวเองก่อนจะซุกหน้าฝั่งลงไปกับอกของใครอีกคน
"นี่ ถ้ายังไม่หยุดเราได้ป่วยยาวแน่ๆ" อ้าวตื่นตั้งแต่เมื่อไร ท่อนแขนยาวก็รัดผมแน่ขึ้นอย่างมั่นเขี้ยว
"ปล่อยก่อนครับ อึดอัด โอ๊ยย เจ็บๆ" ก็พี่ทิศรัดซะจนผมคิดว่ากระดูกจะแตกเสียแล้ว
"อ่ะๆ ปล่อยแล้ว ปวดหัวไหม เมื่อยตัวอยู่รึเปล่า?" พี่ทิศว่าก่อนจะวางมือลงบนหน้าผากผมอย่างต้องการวัดไข้
"ค่อยยังชั่ว ดีนะพี่ให้กินยาไว้ก่อนไม่งั้นเราไข้ขึ้นแน่ๆ เพิ่ง
'รัก'กันมาแล้วยังร้องไห้ขี้แยแบบนั้นอีก" ว่าแล้วก็ยื่นมือมาบีบปลายจมูกผมเบาๆ
"รักอะไรกันเล่า พี่อ่ะ!" พูดเน้นย้ำอยู่ได้
"ไม่รักพี่เหรอ" พอว่ากลับไปนิดนห่อยก็เสียงอ่อยกลับมาเลย เจ้าเล่ห์จริงๆ!
"อะ....อะไรของพี่กัน" เขาท้วงเมื่ออีกคนเริ่มเอียงตัวมาคร่อมเขาไว้แล้ว
"บอกก่อน รักพี่ทิศคนนี้รึเปล่า" ทำไมต้องกระซิบที่ข้างหูด้วย!
"พี่ออกไปก่อนสิ" ผมต่อรอง
"ไม่ บอกก่อนรักไม่รัก?"
"......." ผมไม่ตอบเรื่องแบบนี้จะให้พูดเลยทันที มันก็อายสิ!
"นินว่าไง? รักไม่รัก?" อีกคนถามย้ำ
ผมพยักหน้าตอบหวังว่าอีกคนจะเข้าใจนะ
"พยักหน้าอะไร"
"พี่ทิศอ่ะ" ผมบี้หน้าเมื่ออีกคนมามุกนี้
"เร็วๆ รักไหม?"
เออเอาว่ะ ไม่มีอะไรเสียหายไปมากกว่าร่างกายตอนนี้แล้ว ฮึยๆ!
"
รัก! รักแล้วโอเคไหม ปล่อยได้แล้ว" แค่นี้ก็อายไม่รู้จะเอาหน้าไปไหว้ไหนแล้ว
"โอเค งั้นมา
'รัก' กันเนอะ"
"พี่ทิศ! พอเลย! เรื่องที่หายไปก็ยังเล่าไม่หมดเลยนะ! หยุดเลย!" ผมว่าเสียงขุ่นเมื่ออีกคนทำท่าโน้มตัวมาซุกคอผมอีกรอบ พอผมว่าแบบนั้นคนตัวโตก็หัวเราะร่าอย่างพอใจที่ทำผมหัวเสียได้
ความสุขแบบนี้ผมขอให้มันอยู่ไปนานๆนะครับ.........
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาคุยกันเถอะสวัสดีค่ะ มาแว้ววว
ช่วงนี้เริ่มมาสายขึ้นเรื่อยๆแล้ว ขอโทษที่มาไม่เป็นเวลานะคะ
เรื่องในวัยเด็กค่อยๆทยอยออกมาแล้ว จะได้รู้กันว่านินต้องเจออะไรมาบ้าง
ตอนนี้ก็ปล่อยให้เริงร่ากันไป เพิ่งรักกันมาหนิเนอะ คิคิ
ใครพบเจอข้อผิดพลาดตรงไหนบอกได้นะคะ
สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ คนที่เข้ามาเม้นท์ด้วยขอบคุณมากๆเลยค่ะ