Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]  (อ่าน 281056 ครั้ง)

ออฟไลน์ 9nawKIHAE

  • ♥BJYX~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #840 เมื่อ26-11-2018 21:13:11 »

อุ๊ยตายยยยย กำลังอิน กำลังปวดหัวกะคู่หลักอยู่เลยจ้าาา  :hao7:

เจอเลิฟซีนคู่น้องโจ้เข้าไป หักอารมณ์ เบลอเลย 555555
:katai5:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #841 เมื่อ26-11-2018 21:30:41 »

 :m25: :m25: :m25:

ออฟไลน์ ปากกาหมึกซึม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #842 เมื่อ26-11-2018 21:56:03 »

น้องจิงโจ้ โดนพี่เขาหลอกกินเสียแล้ว

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #843 เมื่อ27-11-2018 09:52:02 »

ยิ่งอ่านยิ่งกังวล จะเป็นยังไงต่อไป

สงสารฮาร์ฟ จะเสียใจแค่ไหน ถ้าวินทร์ไม่ได้กลับมา ...

ไม่ชอบภาษิต และไม่ไว้ใจกฤต ดูอ้ำๆ อึ้งๆ ปิดบังบางเรื่อง ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2018 09:56:23 โดย arjinn »

ออฟไลน์ Monnee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #844 เมื่อ27-11-2018 20:26:07 »

 :hao5:สู้ๆนะน้องฮาร์ฟ.. ถ้าพี่วินทร์ไม่กลับมา.. กลัวน้องเป็นซึมเศร้าอ่ะ... คิดไปก่อนก็เจ็บปวดนะเนี่ยยยย.. สายมโน
 :a5:แต่มาเจอตัดบทกะจิงโจ้น้อยเนี่ยยยย... โห.. มาแย่งซีนกันชัดๆ... งั้นนั่งชื่นชม่นี้แป๊บนะ.. เดี๋ยวไปเอาใจช่วยตามหาความจริงในอดีตกันต่อ.. เนอะๆ :z10: :z2:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #845 เมื่อ29-11-2018 19:01:02 »

 :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #846 เมื่อ02-12-2018 23:08:45 »

ทำไมจิงโจ้กับวัฒน์มาแย่งซีนได้ล่ะ

หมดกัน 55555

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #847 เมื่อ03-12-2018 20:44:22 »

พี่วินทร์ เป็นห่วงนะค๊ะ

ออฟไลน์ Monnee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #848 เมื่อ04-12-2018 22:48:53 »

 :pighaun:ใจ.... เป็นกำลังใจนะจ๊ะน้องโจ้.... อะคิอะคิ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #849 เมื่อ08-12-2018 10:53:32 »

สู้นะทั้งสองคน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
« ตอบ #849 เมื่อ: 08-12-2018 10:53:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #850 เมื่อ22-12-2018 12:03:33 »

พาพี่วินทร์-ฮาร์ฟ มาหน่อยค่ะ คิดถึงมาก

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #851 เมื่อ04-01-2019 10:56:19 »

ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆเรื่องนี้มาให้อ่านนะคะ อ่านแล้วได้ความรู้ได้อะไรหลายๆอย่างจากเรืองนี้ค่ะ ถึงแม้จะมีความหม่นๆแต่ก็แซมไปด้วยสีชมพูแต่ชอบมากกกก ชอบมากจริงๆค่ะ มีความสุขมากๆ
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ramnoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Text_book#2 บทที่8 ลั่นทม P.28 [3/11/2561]
«ตอบ #852 เมื่อ06-01-2019 06:39:16 »

อาจารย์ภูมิศิลป์ คนไข้ แล้วก็วิญญาณในร่างวินทร์
นางต้องเกี่ยวข้องกันแน่ๆ


นี่กำลังคิดไปถึงว่าวิญญาณในร่างวินทร์ คือแพทย์ที่ฮาร์ฟเคยฝันถึง ที่ช่วยลุงที่ติดเหล้าก็ได้

ทายถูกด้วยว่า 'กฤต' คือหมอที่ฮาร์ฟเคยเจอตอนเด็ก

แต่อยากรู้จริงๆ ว่า อาจารย์ภูมิศิลป์ แย่งแฟนกฤตจริงมั้ย

หรือว่าเพราะแม่ของกฤตกีดกันก่อนกันแน่

แล้ว กฤตธี คือลูกพลูกับภูมิศิลป์ หรือลูกของกฤต



แต่ประเด็นใหม่ตอนนี่คือ พี่วินทร์ โอ๊ยยย

ไม่เอาแบบนี้ :sad4:

ออฟไลน์ Ramnoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #853 เมื่อ06-01-2019 07:13:16 »

บท 10 คือแบบ อิพี่วัฒนืมันร้ายนะคะท่านผู้ชม :o8:

แล้วโจ้นี่ก็พูดจริงทำจริงเกินนนนน


ส่วนคู่หลัก

อยากให้วินทร์กับกฤตอยู่ด้วยกันได้ทั้งคู่อ่ะ

คือ พอสนิทกันก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย

อยากให้ 2 คนนี้กำจัดพาสออกไปทีเถอะ

นี่อยากรู้แล้วอ่ะ ว่ากฤตธี คือลูกของกฤตใช่มั้ย

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Text_book#2 บทที่10 ลอง P.28 [26/11/2561]
«ตอบ #854 เมื่อ08-01-2019 23:03:40 »

บทที่ 11 ที่ปรึกษา

“หึ!”

นรกรที่กำลังตรวจงานนักเรียนแพทย์เหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่โต๊ะถัดออกไป เขาเหลียวมองซ้ายขวาเห็นสายตาดุๆ ไม่สบอารมณ์ของอนุวัฒน์ที่มองสบมาต่อให้เป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งกับใครอย่างเขาที่สุดยังอดถามออกไปไม่ได้ “ทำเสียงใส่พี่แบบนั้นคืออะไร”

“งอนครับ” อนุวัฒน์ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

นรกรกวาดตามองรอบห้อง เช้านี้พอมาถึงโรงพยาบาลกฤตก็ขอแยกตัวไปทำอะไรคนเดียวเหมือนเมื่อวาน คนอื่นๆ ก็แยกย้ายไปตรวจบ้าง เข้าเคสบ้าง เมื่อไม่นับวินทร์ตอนนี้ทั้งภาควิชาจึงมีแค่เขากับอนุวัฒน์สองคน “แล้วพี่ไปทำอะไรให้นาย”

“ไม่ได้ทำครับ แค่แพ้แล้วพาล” อนุวัฒน์บอก

“อ้าว”

อนุวัฒน์เงียบไปอีกครั้ง นรกรจึงหันกลับมาสนใจงานของตนต่อ แต่ก็พบว่าตัวเองแทบไม่มีสมาธิเลยเพราะคนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะถึงจะไม่พูดอะไรหากก็เหลือบตามามองเป็นระยะจนเขารู้สึกอึดอัด อีกสักพักใหญ่ๆ ต่อมารุ่นน้องที่เป็นคนพูดน้อยพอกันก็เป็นฝ่ายยอมเปิดปากขึ้นมาก่อน

“ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

“ว่ามาสิ”

“ผมซีเรียสนะ”

ได้ยินดังนั้นนรกรก็ปิดเอกสารรายงานในมือพร้อมกับนั่งตัวตรงรอรับฟัง “พูดมาสิ”

“ทำยังไงถึงจะไม่เจ็บครับ”

คิ้วเรียวย่นเข้าหากัน “อะไรคือไม่เจ็บ”

“ก็นั่นแหละ”

“นั่นแหละ…” นรกรทวนคำยังคงไม่เข้าใจจนกระทั่งร่างโปร่งแสงที่นั่งฟังอยู่ด้วยอดสงบปากสงบคำไว้ไม่ไหวต้องเฉลยออกไป

“หมอนี่หมายถึงตอนทำอย่างว่าน่ะ”

“อย่างว่า…” นรกรทวนคำอีกครั้ง เขาคิดไม่ทันเพราะไม่คิดว่าอนุวัฒน์จะเอ่ยถามคำถามในเชิงนี้ พอคำตอบค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในหัว แก้มขาวก็ซับสีเข้มขึ้นและยิ่งเข้มไปอีกเมื่อวินทร์จำกัดความให้ง่ายขึ้น

“เซ็กซ์ไง”

“เฮ้ย!” นรกรอุทาน

อนุวัฒน์ลุกพรวดจากโต๊ะทำงานของตนลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามนรกรทันที “ผมต้องทำยังไงครับ!”

นรกรยกมือกุมขมับแน่น

“พี่ฮาร์ฟ ผมซีเรียสจริงๆ นะ”

“ทำ… ทำไมไม่ไปถามวินทร์เล่า” นรกรหลุดคำตอบออกจากปากได้ในที่สุด

“ไม่เอาหรอก ผมไม่อยากขอความเห็นจากมารหัวใจ”

“เดี๋ยวนะ พี่ตามไม่ทัน ขอพี่ตั้งสติหน่อย” นรกรรำพึง หน้าร้อนไปหมด รู้สึกหูอื้อตาลายที่จู่ๆ รุ่นน้องก็มาปรึกษาปัญหาทางเพศ จะว่าดีใจก็ไม่เชิงที่น้องให้ความไว้วางใจ แต่จะมาเอาอะไรกับคนที่จะพูดอวยพรงานวันเกิดคนอื่นยังต้องพึ่งกูเกิ้ลอย่างเขาล่ะ เขาเหลือบตามองร่างโปร่งแสงข้างๆ ที่นอกจากไม่คิดจะช่วยแล้ว ยังทำหูผึ่งนัยน์ตาพราวรอฟังคำตอบราวกับเป็นคนถามเสียเอง

“ถามแบบนี้แสดงว่าเรียบร้อยกันไปแล้วแน่ๆ เลย” วินทร์พูดอย่างกระตือรือร้น “นายต้องช่วยน้องนะฮาร์ฟ น้องเขาคงไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว”

นรกรเหลือบตาขึ้นมองอนุวัฒน์ที่มองจ้องจริงจัง แล้วก็พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คิดเสียว่ากำลังสอนสุขศึกษาคนไข้ “พี่ขอถามอีกที ที่ไม่ถามวินทร์เพราะเอ่อ… เป็นอะไรนะ”

“มารหัวใจ” อนุวัฒน์ตอบ

“มันยังไงเหรอ” นรกรถามพลางเหล่ตามองร่างโปร่งแสงข้างๆ ที่โบกมือแก้ตัวพัลวันว่าไม่มีอะไรในกอไผ่

“ก็หมอนั่นน่ะ อึกอักอะไรก็วิ่งไปหาพี่วินทร์ ผมหมั่นไส้น่ะครับไม่มีอะไรหรอก” อนุวัฒน์ว่า “ผมหมายความตามนั้นจริงๆ นะครับ พี่ฮาร์ฟเข้าใจนะ” เขาย้ำไปอีกครั้งเพราะเกรงว่าคำพูดตัวเองจะไปสร้างความร้าวฉานให้คนอื่น

“เข้าใจ” นรกรพยักหน้า “แล้วหมอนั่นที่นายพูดถึงคือ…”

“ก็หมอนั่นน่ะแหละ ไอ้โจ้ไง”

“ตกลงว่าพวกนายสองคน…”

“ถึงจะไม่อยาก แต่เรื่องนี้ผมต้องขอบคุณคำแนะนำของพี่วินทร์ เพราะเขาผมก็เลย… เอาเป็นว่าเราเข้าเรื่องกันเถอะพี่ฮาร์ฟ ตกลงผมต้องทำยังไงเวลามีอะไรกันอีกฝ่ายถึงจะไม่เจ็บ”

“ของแบบนี้มันอยู่ที่กึ๋นและลีลาส่วนตัวนะไอ้น้อง” วินทร์ชิงตอบเสียก่อน

“คือแบบ… ผมก็ผ่านมาเยอะพอตัวนะ ไอ้เจลหรือโลชั่นอะไรที่เขารีวิวว่าดีผมก็ลองมาหมดแล้ว ที่ผ่านมามันก็เวิร์คนะพี่ แต่ทำไมคราวนี้มันไม่เวิร์คล่ะ”

นรกรสูดลมหายใจเข้าลึกอีกรอบ รู้สึกเวียนหัวในขณะที่วินทร์ดูกระตือรือร้นอยากช่วยตอบมาก “เรื่องนี้นายควรไปถามวินทร์จริงๆ นะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ถาม” อนุวัฒน์ย้ำ “แล้วผมว่าถามคนมีประสบการณ์ตรงอย่างพี่ฮาร์ฟน่าจะเวิร์คสุด… นอกเสียจากว่าพี่วินทร์เป็นพวกบ่มีไก๊ ได้แต่ทฤษฎีแต่ภาคปฏิบัติห่วยแตกมาก”

“ตกลงนี่แกจะมาปรึกษาหรือหาเรื่องกันวะไอ้วัฒน์” วินทร์เปลี่ยนท่าทีเป็นถกแขนเสื้อเตรียมวางมวย “แกว่าใครห่วยวะ”

นรกรเริ่มหูอื้อจริงๆ แล้วตอนนี้ และดูท่าเขาต้องให้ความเห็นอะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์ไม่งั้นอนุวัฒน์คงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่

“บอกเคล็ดลับผมหน่อยสิครับ” อนุวัฒน์ขอร้อง

“จัดไปอย่าให้เสียฮาร์ฟ” วินทร์ว่า “เล่าให้ละเอียด อธิบายให้ครบจบทุกกระบวนท่าเลย”

นรกรมองลอดแว่น นึกอยากจับผีถ่วงน้ำจริงๆ ก็วันนี้แหละ เขาพยายามไม่สนใจวินทร์และค่อยๆ เรียบเรียงคำพูดตอบไป “เคล็ดลับมีไหมฉันไม่รู้หรอก”

“อ้าว”

“พูดกันตามตรงมันไม่เคยไม่เจ็บนะ…”

“นี่ที่รักพูดจริงเหรอ” วินทร์ชะโงกหน้าเข้ามาถามแทรก

“แล้วพี่ฮาร์ฟทำยังไงครับ ทนเหรอ?”

“อย่าเพิ่งขัดฉันได้ไหมทั้งสองคนเลย” นรกรพูดเสียงเฉียบ ทั้งคนและผีปิดปากสนิทในทันที “คือมันเป็นความเจ็บที่ไม่ต้องทนน่ะ เพราะมันจะรู้สึกอย่างอื่นมากกว่า”

“เสียว?” อนุวัฒน์ถาม

“รู้สึกดี” นรกรกลั้นใจแก้คำให้ใหม่

“แล้วมันต่างกันยังไงครับ”

“ต่างสิ” นรกรตอบ “เพราะมันมีความใส่ใจและความรักอยู่ด้วย… ถ้านายถามหาเคล็ดลับจากฉัน คำตอบของฉันก็คงเป็นสิ่งนี้ล่ะนะ”

“สรุปว่าไม่ใช่โฟกัสแค่เรื่องของลีลา แต่ผมต้องโฟกัสกับอย่างอื่นด้วยสินะ”

“อืม” นรกรพยักหน้า “นายต้องค่อยเป็นค่อยไป และคอยสังเกตการตอบสนองของอีกฝ่ายด้วย ไม่ใช่ห่วงแต่ว่าจะทำให้เสร็จอย่างเดียว”

“ขอบคุณมากครับพี่ฮาร์ฟ” อนุวัฒน์บอก “ผมขอถามอีกอย่าง แล้วในกรณีนี้วิธีง้อแบบไหนเวิร์คสุด คือมันไม่ยอมพูดกับผมตั้งแต่เมื่อคืนแล้วน่ะ อ้อ! ผมไม่เอาดอกไม้นะ ผมเสี่ยวสู้พี่วินทร์ไม่ได้”

“ขอโทษ” นรกรบอก “ฉันไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายและเข้าใจยาก แค่ขอโทษอย่างจริงใจฉันก็พร้อมให้อภัย แต่สำหรับจิงโจ้แค่นี้จะถูกใจหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ”

“โอเคครับผมจะลองดู ขอบคุณนะครับ นี่ผมนอนเครียด คิดไม่ตกมาทั้งคืนเลยเนี่ย” อนุวัฒน์บอกพร้อมกับลุกพรวดขึ้น “อ้อ! เกือบลืม ผมขออะไรพี่ฮาร์ฟอย่างหนึ่ง พี่ฮาร์ฟห้ามบอกพี่วินทร์นะว่าผมมาปรึกษาเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีน่ะ พี่เข้าใจนะ”

“ฮาร์ฟไม่ต้องเล่าหรอก เพราะฉันได้ยินเต็มสองหูเลยจ้า~” วินทร์ทำกอดอกล้อเลียน

“ผมไปก่อนนะครับ ไว้วันหลังมีอะไรผมจะมาถามใหม่” พูดจบอนุวัฒน์ก็รีบร้อนออกไป

“ยังจะมีวันหลังหลังอีกเหรอ” นรกรก้มหน้าลงซบกับท่อนแขนอย่างหมดแรง

“แต่ว่าเมื่อกี้ที่รักทำได้ดีมากเลยนะครับ พี่ให้สิบเต็มสิบเลย”

“พี่วินทร์รีบกลับมาเป็นศิราณีเองเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว” นรกรโอดครวญออกมาจากวงแขนของตัวเอง

“ศิราณีอะไร นายก็ได้ยินแล้วนี่นาว่าไอ้วัฒน์มันไม่ปรึกษาฉัน” วินทร์ว่า

“นั่นสินะ”

วินทร์มองคนที่ตอบเองเขินเองอย่างเอ็นดูแล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ “นี่… ตกลงว่าเจ็บเหรอ… จนถึงตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่เหรอ ทำไมนายไม่ยอมบอกฉันล่ะ”

“นี่ก็อีกคน” นรกรหันหน้าหนีไปอีกทาง “ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ อย่าให้ผมพูดซ้ำบ่อยๆ ได้ไหม”

“แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าไม่เจ็บเลยน่ะ เอ้า! นี่ฉันก็ซีเรียสนะ คบกันมาสองปี เรามีอะไรกันเฉลี่ยสัปดาห์ละ3-4 วัน คูณสองปี ก็ราว 384 วัน แต่ถ้านับเป็นครั้งก็จะมากกว่านี้อีกเกือบเท่าตัว ทำไมเรื่องแบบนี้ฉันถึงไม่เคยรู้เลยล่ะ”

“ไม่ต้องมาเก็บสถิติกับเรื่องแบบนี้ก็ได้มั้งครับ”

“ต้องทำสิ” วินทร์ยืนกราน “สงสัยฉันต้องทำวิจัยแล้วล่ะ ใช้ทั้งวิธีศึกษาย้อนกลับและเก็บข้อมูลไปข้างหน้าควบคู่กัน”

“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องจริงจังไงครับ”

“ก็…”

“ถ้ามันทนไม่ไหว ผมจะทนได้ยังไงตั้งสองปี มากกว่า 384 ครั้งครับ” นรกรตัดบท “แทนที่จะกลุ้มว่าทำยังไงไม่ให้เจ็บ คิดหาวิธีที่จะได้ทำอีกครั้งก่อนดีกว่าไหมครับ”

วินทร์มองคนที่ก้มหน้างุดพูดอยู่กับมือของตัวเอง สาบานได้เลยว่าถ้ายังมีเนื้อหนังมังสาจังหวะนี้เขาไม่ทนแน่ๆ

“ยังไงผมก็เป็นกลุ่มทดลองกลุ่มเดียวอยู่แล้วนี่… หรือไม่จริงครับ” นรกรพูดต่อไม่ออกเมื่อเหลือบสายตาขึ้นมาเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ห่างไปไม่ถึงคืบ ยิ้มหวานกับนัยน์ตาพราวระยับทำให้เขาต้องหลบสายตาหนีอีกครั้ง

“ที่รักพูดถูกทุกอย่างเลยครับ”

“บอกแล้วไงว่าห้ามเรียก” นรกรบอกอ้อมแอ้มเพื่อเปลี่ยนเรื่องและไม่ให้บรรยากาศมันเงียบจนเกินไป

“แต่ตอนนี้อยู่กันแค่สองคนนะ”

“ห้ามเรียกที่ทำงานด้วย”

“กฏมาตอนไหน ที่รักอย่าตั้งเองมั่วๆ สิ ไม่งั้นฉันจะเอามั่งนะ”

“อะไรครับ”

“ฉันจะเพิ่มรอบวันที่นายไปขึ้นเตียงช้า”

“มีแรงทำก็เชิญ”

“งั้นไม่ใส่ถุง”

นรกรหันควับมาทันที “มันล้างยากนะครับ”

“เดี๋ยวฉันล้างให้ นายจะงอแงทำไม”

“แล้วมันเคยได้ล้างอย่างเดียวสักครั้งไหมล่ะครับ”

“แหมมม~ ก็ที่รักน่ารักขนาดนี้ใครจะอดใจไหวล่ะ”

นรกรย่นปากใส่ จนใจจะต่อล้อต่อเถียง เขาสะบัดศีรษะแรงๆ ครั้งหนึ่งเพื่อเรียกสติก่อนเปิดรายงานของนักเรียนแพทย์ขึ้นมาตรวจต่อ

ฝ่ายวินทร์ก็ไม่คิดจะรบกวนอีก เขาเท้าคางมองดูคนรักทำงานไปเงียบๆ ได้นั่งเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ แบบนี้มันก็ดีแต่คงจะดีมากกว่าถ้าจะเป็นกำลังกายช่วยแบ่งเบาภาระงานต่างๆ ให้ได้ด้วย ตาคมเหลือบลงมองมือตัวเองพลางครุ่นคิดถึงวิธี เขาต้องทำยังไง… จะมีทางไหนที่จะยื้อเวลาออกไปได้ แต่ก็คิดไม่ออกเขาเก็บซ่อนความผิดหวังไว้ในใจแล้วส่งยิ้มให้นรกรแทน

********************************TBC**********************************

ออฟไลน์ Monnee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Text_book#2 บทที่11 ที่ปรึกษา P.29 [9/01/2562]
«ตอบ #855 เมื่อ08-01-2019 23:36:18 »

 :a5: :a5: :a5: :a5:
ตัดฉับฉับ.. มาหย่อนให้อยากแล้วจากไป..... อ๊าคคคคค.....  :ling1:  กลับมาได้ไหมมมม.. กลับมาต่ออีกได้ไหมมมม.. คนดี :ling3:

ออฟไลน์ Ramnoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Text_book#2 บทที่11 ที่ปรึกษา P.29 [9/01/2562]
«ตอบ #856 เมื่อ09-01-2019 03:49:35 »

เหมือนจะหวานนะ แต่โคตรหน่วง
เวลาก็เหลือน้อยแล้ว ถึงจะช่วยให้กฤตหลุดพ้นก็ไม่รู้ว่าวินทร์จะกลับเข้าร่างเดิมได้รึเปล่า

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Text_book#2 บทที่11 ที่ปรึกษา P.29 [9/01/2562]
«ตอบ #857 เมื่อ09-01-2019 21:15:38 »

หน่วงจนอยากร้องไห้

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Text_book#2 บทที่11 ที่ปรึกษา P.29 [9/01/2562]
«ตอบ #858 เมื่อ09-01-2019 22:25:09 »

 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Text_book#2 บทที่11 ที่ปรึกษา P.29 [9/01/2562]
«ตอบ #859 เมื่อ14-01-2019 15:05:13 »

ตกลงนี่คือกลับมาไม่ได้ใช่มั๊ย!  :ling2: :ling2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Text_book#2 บทที่11 ที่ปรึกษา P.29 [9/01/2562]
« ตอบ #859 เมื่อ: 14-01-2019 15:05:13 »





ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Text_book#2 บทที่11 ที่ปรึกษา P.29 [9/01/2562]
«ตอบ #860 เมื่อ19-01-2019 20:36:16 »

บทที่ 12 ความจริงอีกด้าน

“เมื่อเช้าไปไหนมาเหรอครับ” นรกรถามคนที่นั่งกินข้าวเที่ยงอยู่ด้วยกัน

“ธุระ” กฤตตอบพลางตักข้าวใส่ปาก ช่วงนี้เขาทำตัวดี จนนรกรวางใจปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นบางครั้ง

“ขอคำตอบที่เฉพาะเจาะจงมากกว่านี้หน่อยครับ”

“ไปนั่งรำลึกความหลังมา” กฤตอธิบายเพิ่ม

“แล้วได้อะไรบ้าง” วินทร์เป็นฝ่ายถามบ้าง

“ก็ไม่มีอะไรมาก อย่างที่เขาพูดกันน่ะแหละว่าเรื่องที่อยากลืมกลับจำเรื่องที่อยากจำกลับลืม ดูเหมือนฉันจะนึกออกแต่เรื่องที่ไม่จำเป็นทั้งนั้นเลย”

“เช่นอะไร” วินทร์ถามต่อ

“สมัยที่ฉันเป็นนักเรียนแพทย์น่ะ” กฤตเริ่มต้นเล่า “ตอนไปวนวอร์ดจิตเวช คนไข้คนหนึ่งที่ฉันดูแลอยู่ป่วยด้วยโรคซึมเศร้าแกชื่อลุงชวน ลุงชวนเป็นลุงแก่ๆ คนแถวบ้านบอกว่าปกติแกไม่เคยกินเหล้า ขยันทำมาหากิน แต่ตั้งแต่ลูกเมียโดนรถชนตายก็กลายเป็นไอ้ขี้เหล้า พอเมาแล้วก็อาละวาด ทำร้ายตัวเองแล้วก็ทำร้ายคนอื่น เพื่อนบ้านจับมาส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษา ฉันพยายามรักษาลุง ใช้ความรู้ทุกอย่างเท่าที่มีแต่มันก็ไม่สำเร็จ ลุงไม่ยอมเปิดใจให้ฉัน หนักกว่านั้นคือลุงไม่ยอมกินยา แล้วสุดท้ายลุงก็ฆ่าตัวตายสำเร็จ… การที่ฉันช่วยลุงไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับฉันฆ่าลุงหรอก”

“ไม่หรอกครับ คุณทำเต็มที่แล้ว ตอนนั้นคุณก็ยังเป็นนักเรียนแพทย์เองด้วย” นรกรบอก

กฤตส่ายหน้า “ลุงชวนผูกคอตายตอนเจ็ดโมงเช้า เวลาที่ฉันจะไปเยี่ยมแกทุกวัน แต่วันนั้นฉันตื่นสาย… ตั้งแต่ขึ้นฝึกงานมาเกือบปีฉันไม่เคยไปสายเลยสักครั้ง แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว… ฉันไปถึงตอนเจ็ดโมงสิบนาที… ภาพร่างของลุงที่ห้อยลงมาจากหลังคาในห้องน้ำตอนฉันเดินไปตามยังติดตามาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าเพียงแต่วันนั้นฉันไม่ตื่นสาย หรือฉันวิ่งเร็วกว่านั้นสักนิด ฉันอาจจะ… ไม่สิ! ฉันคงช่วยลุงได้ทัน หรือบางทีลุงอาจจะเกลียดฉันมากก็ได้นะถึงได้เลือกตายตอนที่ฉันจะไปหา”

นรกรหันไปสบตากับวินทร์ ไม่รู้จะพูดปลอบยังไงดี
กฤตทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะพูดต่อ “หลังจากเกิดเรื่องนี้ฉันก็เดินหงุดหงิดไปเจอพลู”

“ท่าทางคุณจะชอบวิชาจิตเวชมากนะครับ” นรกรพยายามชวนคุย “วันก่อนที่ไปแกรนด์ราวน์คุณก็ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ดี”

“ชอบมากเลยล่ะ ถ้าใช้ทุนจบก็ตั้งใจจะกลับมาเรียนเฉพาะทางด้านจิตเวชนี่แหละ เพราะฉันอยากจะมีความรู้เยอะๆ จะได้กลับมาช่วยคนที่มีปัญหาได้… จะได้ไม่มีใครต้องตายแบบลุงชวนอีก แต่ฉันก็ทำไม่สำเร็จ” กฤตถอนหายใจ “มานั่งนึกดูชีวิตฉันไม่ประสบความอะไรสำเร็จสักอย่างทั้งเรื่องที่อยากเป็นหมอ เรื่องคนรัก บุญคุณพ่อแม่ก็ยังไม่ได้ทดแทน ดราก้อนบอลก็ยังไม่ได้ดู” เขาพยายามพูดติดตลก “ดูเหมือนฉันมีเรื่องติดค้างเต็มไปหมดเลยนะเนี่ย”

“งั้นเรามาแก้กันไปทีละเรื่องนะครับ” นรกรที่เงียบฟังอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมกับเลื่อนโทรศัพท์ที่เปิดหน้าจอค้นหาค้างไว้ไปตรงหน้า มันเป็นโปรแกรมหนังเรื่อง dtagonball supet broly ที่กำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้ “เราไปดูหนังกัน”

กฤตหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเหลือบตามองวินทร์ที่หลิ่วตามาให้ ทั้งสองคุยกันด้วยสายตาอย่างเป็นอันรู้กัน
“ฉันไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมนายหลงหมอนี่นักหนา”

“ดูปากนะ… คนนี้ของฉัน” วินทร์ทำปากขมุบขมิบตอบกลับไป

“ตกลงจะไปดูไหมครับ” คนที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนนินทาถาม

“ไปสิไป” วินทร์รีบตอบแทน “เดี๋ยวนายจองที่นั่งแบบฮันนีมูนซีทนะฉันจะได้ดูด้วย แล้วจองที่นั่งปกติให้หมอนี่ต่างหากอีกที่หนึ่ง”

“สองมาตรฐาน” กฤตพ่นลมออกจมูก

“สองที่ไหน กับนายฉันแบ่งได้ไม่ต่ำกว่าสิบมาตรฐานเลยล่ะ” วินทร์กระซิบ “โรงหนังเงียบๆ มืดๆ น่ะมันน่ากลัวนะโดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่นั่งข้างๆ”

“ฉันว่ามีแต่นายน่ะแหละที่น่ากลัว” กฤตตอบ

“เอาเป็นว่าเดี๋ยวหนังเข้าโรงแล้วผมจะจองให้นะครับ” นรกรแทรกขึ้นเพื่อไม่ให้สองคนเขม่นกันไปมากกว่านี้ “แล้วเย็นนี้ผมต้องไปธุระต่อ ทั้งสองคนอยู่บ้านกันดีๆ นะ”

“ธุระอะไรเหรอ” วินทร์ถาม

“เป็นงานประชุมเรื่องยาตัวใหม่ที่โรงพยาบาลเรากำลังจะนำเข้ามาใช้  พร้อมกับเลี้ยงขอบคุณปีใหม่ไปในตัวด้วยน่ะครับ จัดที่โรงแรมใกล้ๆ นี่เอง” นรกรตอบพลางเปิดรายละเอียดที่ส่งมาทางข้อความในโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน

“อย่าบอกนะว่าเป็นยาของบริษัทที่เจ้าหมอนั่นกำลังนำเสนอขายเราอยู่” วินทร์หมายถึงภาษิต

“ใช่ครับ” นรกรตอบ “คุณพ่อยังสองจิตสองใจอยู่เพราะยาตัวนี้เป็นยาที่พัฒนามาจากยาตัวเดิมที่ใช้อยู่ ราคาค่อนข้างแพงมากเมื่อเทียบกับสรรพคุณที่เพิ่มมา แต่ก็อยากลองฟังรายละเอียดอีกสักครั้งก่อนตัดสินใจ… จริงๆ งานนี้พ่ออยากไปเอง แต่เพราะพ่อเป็นโรคหัวใจอยู่ แม่เลยไม่อยากให้กินเหล้า กลับบ้านดึกน่ะครับ อาจารย์ภูมิศิลป์ก็ไม่ว่างเลยมาขอให้ผมช่วยไปแทนน่ะครับเพราะต้องมาสรุปให้พ่อฟังว่าจะเซ็นอนุมัติไหม”

“แล้วนายไหวนะฮาร์ฟ” วินทร์ถามด้วยรู้ว่านอกจากจะไม่สันทัดงานเลี้ยงอะไรแบบนี้แล้ว ความทนต่อแอลกอฮอล์ของนรกรยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของชายไทย ไม่สิ! ต่ำกว่าคนทั่วไปอีกด้วย

“ครับ” นรกรพยักหน้าทั้งที่ยังดูลังเล

“เดี๋ยว…” วินทร์ยังไม่ทันจะพูดอะไรนรกรก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“พี่วินทร์ไม่ต้องตามมานะครับ”

“ทำไมล่ะ”

“ก็มันเป็นงานเลี้ยง ผมคงต้องคุยกับคนอื่นบ้าง แล้วก็คงไม่ดีถ้าจะให้พี่วินทร์ตามไปเฉยๆ โดยไม่คุยด้วย”

“ไม่เป็นไรฉันชินแล้ว”

“แต่ผมไม่ชินนี่นา”

“นายก็เอาหมอนี่ไปด้วยสิ” วินทร์พยักเพยิดไปทางกฤตที่รีบยืดอกขันอาสาทันที

“เรื่องปาร์ตี้ไว้ใจพี่ได้”

“ผมไม่อยากให้เขาไปด้วย”

“ทำไมล่ะ”

“คนต้องเข้ามาทักเรื่องที่ป่วยเยอะแน่ๆ พี่วินทร์ยิ่งเป็นที่รู้จักอยู่ บางคนผมก็ไม่รู้จัก ผมไม่อยากวุ่นวาย เพื่อเป็นการตัดปัญหาเขาไม่ต้องไปน่ะดีแล้ว ส่วนพี่วินทร์ไม่ต้องไปเพราะเหตุผลที่ผมบอกไปแล้ว และจะได้อยู่เฝ้าเขาด้วย”
วินทร์หน้ายู่แต่ก็ยอมตอบตกลง “เอาแบบนั้นก็ได้”

(ต่อข้างล่างค่ะ)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Text_book#2 บทที่11 ที่ปรึกษา P.29 [9/01/2562]
«ตอบ #861 เมื่อ19-01-2019 20:46:04 »

(ต่อตรงนี้ค่ะ)

เย็นวันนั้นหลังจากขับรถกลับมาส่งวินทร์กับกฤตที่คอนโด นรกรก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดออกไปงานเลี้ยง ทิ้งให้สองหนุ่มอยู่ด้วยกัน

เวลาผ่านไปจนเริ่มดึกพอสมควรจู่ๆ กฤตก็พูดขึ้นกับคนที่นั่งดูทีวีสบายใจเฉิบ “นี่นายน่ะปล่อยแฟนไปคนเดียวแบบนี้มันดีแล้วจริงๆ เหรอ”

“ทำไม” วินทร์ถามกลับ

“นายน่าจะคิดได้นี่นาว่าคนที่ควรเฝ้าไม่ใช่ฉัน แต่เป็นแฟนนายมากกว่า”

“ไม่ต้องมาคิดแทนพวกเราหรอกน่า”

“ก็ไม่ได้อยากคิดแทนหรอกนะ ถ้าไม่ได้บังเอิญรู้มาว่าแฟนนายโกหก”

วินทร์ค่อยหันหน้ามา “เรื่องอะไร”

“เรื่องที่ไปกินเลี้ยงนั่นไง” กฤตตอบ “ที่บอกว่าไม่อยากให้นายไปเพราะไม่อยากให้นายเซ็ง แต่จริงๆ แล้วเขาจะไปกับไอ้ผู้แทนยาคนนั้นต่างหาก”

“แล้วนายรู้ได้ยังไง”

“เมื่อเย็น ตอนที่จะกลับบ้าน ฉันเห็นรุ่นน้องนายที่ชื่อวัฒน์กับโจ้น่ะ คุยกันเรื่องอยู่เวรวันนี้ ลักษณะไม่เหมือนคนจะไปงานเลี้ยงเลย แล้วฟังจากที่แฟนนายพูด ก็ดูเหมือนว่าทั้งพ่อแม่นายกับอาจารย์อีกคนก็ไม่ได้ไป”

“ก็แค่ไปคนเดียวแล้วเกี่ยวอะไรกับหมอนั่น” วินทร์ว่า

“เมื่อกี้ตอนลุกไปเข้าห้องบังเอิญไปเห็นไอ้นี่เข้า” กฤตหันหน้าจอโทรศัพท์ที่อยู่ในมือซึ่งเป็นเครื่องใหม่ของวินทร์ที่นรกรเพิ่งซื้อให้เมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาให้ดู “ฉันเห็นมันสั่นๆ เลยหยิบมาดู มันบอกให้สแกนลายนิ้วมือ แล้วพอแตะไปปุ๊บภาพมันก็เด้งขึ้นมาปั๊บ… ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูนะ”

วินทร์จ้องเขม็งไปที่หน้าจอโทรศัพท์ซึ่งเป็นภาพคนรักของตนถ่ายคู่กับหนุ่มหน้าตี๋ในลักษณะเซลฟี่ในงานเลี้ยง หากสิ่งที่ทำให้ตกใจมากกว่าคือภาพนั้นถูกส่งผ่านมาทางแอปพลิเคชั่นไลน์ในชื่อของนรกร เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของโทรศัพท์ถึงได้ให้คนอื่นเข้ามายุ่มย่ามได้ถึงขนาดนี้ “มีรูปอื่นไหม หรือมีข้อความอะไรอีก”

“มันต้องเปิดยังไงล่ะ” กฤตถามกลับ

วินทร์ชะโงกหน้าเข้ามาอธิบาย “กดปุ่มข้างบน… นั่นแหละ แล้วเลื่อนขึ้นลงดูสิ”

“ดูเหมือนจะมีรูปเดียวนะ” กฤตว่าหลังจากลองทำตาม “จะเอายังไง จะให้ฉันส่งข้อความกลับไป โทรหา หรือว่าจะไปตามไหม”

“ไม่ล่ะ” วินทร์ตอบ “หมอนั่นคงแกล้งทำเป็นขอถ่ายรูปด้วยโดยใช้มือถือฮาร์ฟแล้วพอตอนจะให้ส่งรูปให้ก็แกล้งทำเป็นกดผิดส่งมาหาฉันเพื่อยั่วให้ฉันโกรธเฉยๆ น่ะ อีกอย่างฮาร์ฟก็บอกไม่ให้ฉันไป ฉันก็จะไม่ไป เขาคงมีเหตุผลของเขา บางครั้งงานประชุมมันก็งานเล็กๆ น่ะ ใช่ว่าจะต้องยกโขยงกันไปทั้งหมดแล้วก็ไม่ใช่มีแค่คนของที่เราที่ได้รับเชิญ แต่คนจากมีโรงพยาบาลหรือหน่วยงานอื่นมาร่วมด้วย”

“ฟังดูมีเหตุผลดี แต่เป็นฉัน ฉันไม่โอเคว่ะ” กฤตไหวไหล่ “แล้วแต่นายนะ ก็แค่พูดในมุมมองของฉันให้ฟังเฉยๆ… เฮ้ยๆ มีอะไรส่งมาอีกแน่ะ” เขาอุทานพร้อมกับหันภาพมาให้ดู

มันเป็นภาพเสื้อเชิ้ตสีพื้นเรียบๆ ที่ถูกถืออยู่ในมือข้างหนึ่ง ซึ่งวินทร์จำได้ทันทีว่ามันเป็นเสื้อของใครโดยไม่ต้องพึ่งการเลื่อนกลับไปดูภาพที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ และครั้งนี้ฉากหลังที่โผล่มานิดหน่อยนั้นเปลี่ยนไปห้องที่มีเตียงนอนหลังใหญ่

“เปลี่ยนใจไหม” กฤตถามอีกครั้ง

วินทร์ไม่ตอบ ได้แต่นั่งนิ่ง นัยน์ตาเครียดเขม็ง สองมือกำเป็นหมัดแน่น

OOOOOO

หลังจากส่งภาพเสร็จ ภาษิตก็กดลบประวัติการคุยทั้งหมดเพื่อไม่ให้เหลือหลักฐานให้ทางนี้เห็น เขากระหยิ่มกับตัวเองที่แผนสำเร็จ ทีแรกก็คิดว่าจะใช้โทรศัพท์ตัวเองส่งเองแต่แบบนี้น่าจะสะใจมากกว่า ถึงจะเจ็บใจหน่อยๆ ที่รหัสปลดล็อกของโทรศัพท์เครื่องนี้จะเป็นวันเกิดของคนที่เขาเพิ่งส่งข้อความหา แต่ก็ถือว่าไม่เสียแรงที่หาข้อมูลของอีกฝ่ายมาเป็นอย่างดี

“ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะครับ”

เสียงของนรกรดังขึ้นด้านหลัง ภาษิตรีบวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะตรงที่เจ้าของวางทิ้งไว้แล้วหันไปตีหน้าซื่อให้คนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ “ไม่เลยครับ ผมเองต่างหากที่ทำให้คุณลำบาก เพราะไม่ทันระวังผมเลยทำไวน์หกใส่เสื้อคุณเปื้อนหมดเลย”

นรกรก้มลงมองเสื้อตัวใหม่ที่สวมใส่อยู่พอดีว่าฝั่งตรงข้ามของห้องจัดเลี้ยงซึ่งอยู่ในโรงแรมนั้นเป็นร้านขายเสื้อผ้าพอดี ภาษิตที่อยากไถ่โทษจึงรีบไปซื้อมาให้เขาเปลี่ยนเพื่อจะกลับไปประชุมต่อได้ วินทร์จะต้องบ่นหูชาแน่ๆ เรื่องที่ไม่ระวังแต่มันเป็นเหตุสุดวิสัยเพราะตอนนั้นเขามีเรื่องให้คิดหนักอยู่ คือเรื่องที่พี่เพ็ญโทรกลับมา

“สวัสดีค่ะ” เสียงปลายสายทักทาย “พอดีเห็นว่าโทรมาหลายรอบมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ"

“นั่นพี่เพ็ญใช่ไหมครับ”

“ค่ะ ใช่ค่ะ”

“ผมชื่อนรกรนะครับเป็นหมอที่ทำงานโรงพยาบาลเดียวกันครับ”

“แล้วคุณหมอโทรหาพี่มีธุระอะไรคะ”

“คือผมอยากทราบเรื่องคุณพลูเพื่อนพี่เพ็ญน่ะครับ พอดีมีคนรู้จักมาถามหา”

“คนรู้จักของคุณหมอคือใครเหรอคะ” เพ็ญย้อนถาม

“เอ่อ… เพื่อนของคุณกฤตน่ะครับ”

ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้นปลายสายเสียงเปลี่ยนไปทันที “นี่คุณหมอล้อพี่เล่นเหรอคะ”

“เปล่าครับ… ผมไม่ได้…”

“คนตายไปตั้งนานแล้วจะมาอะไรกันอีก ฝากบอกเพื่อนคุณกฤตอะไรนั่นของคุณหมอด้วยว่าปล่อยให้เธอหลับให้สบายเถอะค่ะ อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย แค่นี้เธอก็น่าสงสารมากพอแล้ว”

“เดี๋ยวนะครับพี่เพ็ญพูดเรื่องอะไร… คุณพลูเสียแล้วเหรอครับ”

“หลังจากจัดงานศพคุณกฤตได้ไม่นานค่ะ”

นรกรอึ้งไปทันที “เอ่อ… ผมขอเสียมารยาทถามหน่อยได้ไหมครับว่าทำไมเธอถึงไม่ไปงานศพคุณกฤต”

“เธอไปค่ะ” เพ็ญตอบ “เธอไปทุกวันเลย แต่ทำได้แค่ยืนร้องไห้อยู่หน้างานเพราะแม่คุณกฤตไม่ให้เข้างาน เดิมคุณแม่ก็เกลียดเธอมากอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องขึ้นก็ยิ่งไปกันใหญ่ ให้คนจับเธอลากออกจากงานเหมือนหมูเหมือนหมาแถมยังด่าทอไม่มีชิ้นดี ทั้งที่เธอก็แค่อยากไปเห็นหน้าคุณกฤตเป็นครั้งสุดท้ายก็เท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่พี่ก็ห้ามแล้วแท้ๆ ว่าจะไปทำไมในเมื่อเลิกรากันไปแล้ว”

นรกรเหมือนโดนเหวี่ยงหมัดใส่จนมึนไปหมดกับความจริงอีกด้านที่เพิ่งได้รับรู้ โดยเฉพาะกับประโยคสุดท้ายที่พี่เพ็ญบอกเรื่องจดหมาย

“ตอนไปทำงานที่ต่างจังหวัด พลูเขียนจดหมายหาเขาทุกวัน แต่เป็นเขาต่างหากที่ไม่เคยตอบเธอเลย สิ่งเดียวที่เธอได้รับมาคือซองสีชมพูใส่การ์ดงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงอีกคน”

“พี่เพ็ญแน่ใจนะครับ… คือผมหมายถึงว่า…”

“ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดหรือว่าแกล้งกันเล่นแน่นอนค่ะ” เพ็ญยืนยัน “ในจดหมายมีข้อความบอกเลิกมาด้วย และมันเป็นลายมือเขาไม่ผิดแน่ค่ะ”

จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้เชื่อใจกฤตร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากว่าเรื่องที่โกรธแค้นกันนั้นเป็นความจริง เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องโกหกเรื่องจดหมาย เรื่องการ์ดแต่งงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องไม่ไปงานศพ

และในขณะที่กำลังพยายามรวบรวมความคิดอยู่นั้นภาษิตก็เข้ามาสะกิดจากทางด้านหลัง ทำให้เขาตกใจหันไปชนกันจนเครื่องดื่มหกแล้วก็โดนพามาที่นี่นี่แหละ


“เรารีบกลับไปในงานกันเถอะครับ” นรกรบอก

“ไม่ต้องรีบหรอกครับ คุณนั่งพักที่นี่อีกสักหน่อยดีกว่า สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย” ภาษิตกล่าว

“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ แค่มีเรื่องคิดนิดหน่อย” นรกรบอกความจริงครึ่งเดียว เพราะคงจะฟังดูไม่ดีถ้าจะให้พูดตรงๆ ว่าเขาเป็นคนเกลียดงานเลี้ยงและสถานที่ที่มีคนเยอะๆ “แล้วผมต้องไปสรุปการประชุมวันนี้ให้อาจารย์สรวิชญ์ฟังด้วย”

“เดี๋ยวผมอธิบายให้คุณฟังเองทีหลังก็ได้ครับ”

นรกรอึกอักเพราะเท่าที่ได้ฟังมาเขาคิดว่าผลการรักษาที่คนไข้ได้รับกับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มมันไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ ในเมื่อมียาอีกตัวที่สามารถทดแทนกันได้และราคาถูกกว่าที่บริษัทของภาษิตนำเสนอ ถ้าเขาทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนเรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหา แต่ในเมื่อคนไข้ส่วนใหญ่ที่เขาดูแลนั้นใช้สิทธิ์การรักษาของรัฐและไม่ได้มีเงินทองมากมายที่จะจ่ายได้ในระยะยาวขนาดนั้น

ดูเหมือนภาษิตจะอ่านความเงียบนั้นออก “ท่าทางคุณก็ไม่เห็นด้วยเหมือนคุณพ่อของคุณสินะ”

นรกรย่นคิ้ว พอลองมาคิดทบทวนดูแล้วที่พ่อของเขาไม่มางานนี้ก็คงไม่ใช่แค่เพราะปัญหาสุขภาพ แต่ไม่มาเพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่เซ็นอนุมัติแน่นอน แม่จึงมาขอร้องเขาให้มาแทนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทมากกว่า 

เขาเหลือบตามองภาษิตที่ดูมีสีหน้าผิดหวังไปถนัดและค่อยๆ เดินไปนั่งลงข้างๆ “ผมขอโทษนะครับ”

“มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ จะทำอย่างไรได้ก็ของมันไม่ดีจริงๆ นี่นา” ภาษิตกล่าว “แต่ถึงอย่างนั้นหน้าที่ของผมคือนำเสนอขาย ถ้าขายไม่ได้ ทำยอดไม่ถึงผมก็คงถูกหัวหน้าตำหนิแล้วนี่ก็จะสิ้นปีแล้วผมยังทำสัญญาซื้อขายกับที่ไหนไม่ได้เลยอาจจะมีผลต่อการทำสัญญาจ้างงานปีหน้าด้วย… ตอนนี้พ่อผมก็ป่วยอยู่ด้วยถ้าโดนให้ออกจริงๆ คงแย่เลย”

ภาษิตถอนหายใจยืดยาวแล้วก็เงียบไป นรกรขยับตัวอย่างอึดอัดเพราะไม่รู้จะพูดหรือจะปลอบว่าอะไร ก็เป็นทางนั้นเองที่ทำลายความเงียบขึ้นมา

“ผมขอโทษนะครับที่เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาพูดให้คุณฟังเยอะแยะเลย มันเป็นปัญหาของผมที่ต้องแก้ไขเองแท้ๆ… ขอโทษนะครับ”

“พ่อคุณป่วยเป็นอะไรหรือครับ” นรกรถาม

“เป็นโรคธาลัสซีเมียน่ะครับ พ่อเข้าออกโรงพยาบาลตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ตอนเด็กๆ เวลาเห็นพ่อป่วยทรมานไม่หายสักที ตอนเลือดจางมากๆ จนต้องให้เลือดก็หอบกันสองคนพ่อลูกมากินนอนอยู่ที่โรงพยาบาล เป็นช่วงเวลาที่ลำบากใช้ได้เลยล่ะครับ”

“แล้วคุณแม่คุณล่ะครับ”

“แม่ผมเสียตั้งแต่ตอนผมเกิดแล้วครับ” ภาษิตบอก “ผมอยู่กับพ่อสองคน”

“เสียใจด้วยนะครับ” นรกรกล่าวเสียงแผ่ว

ภาษิตรีบโยกมือว่าไม่ถือสาพร้อมทั้งเล่าต่อ “ตอนที่มาเฝ้าพ่อ พวกคุณพยาบาลใจดีกับผมมาก พ่อบอกว่าแม่ผมก็เป็นพยาบาลเหมือนกัน ใส่ชุดขาวสวยเหมือนนางฟ้าเลย ตอนนั้นผมเคยคิดอยากเป็นหมอด้วยนะเพราะอยากทำงานสายวิชาชีพเดียวกับแม่แล้วก็อยากรักษาพ่อให้หาย”

“แล้วทำไมคุณถึงไม่เป็นล่ะครับ”

“พ่อผมไม่อยากให้เป็นน่ะสิครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ดูท่าพ่อจะเกลียดหมอมากจนถึงขั้นประกาศว่าถ้าผมไปสอบหมอจะไล่ออกจากบ้านเลยนะ ผมก็เลยเบนเข็มมาเรียนเภสัชฯ แล้วก็มาทำงานที่บริษัทยาแทน จริงๆ อยากทำพวกงานวิจัยครับแต่ตำแหน่งเต็ม บริษัทเสนองานนี้ให้เพราะขาดคน ผมเลยทำไปก่อนครับดีกว่าอยู่ว่างๆ เพราะที่บ้านต้องใช้เงินเยอะ แล้วเนื้องานก็ทำให้ได้เรียนรู้ข้อดีข้อเสียของยากับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็ไม่เลวเท่าไหร่ครับ” ภาษิตเล่าไปยิ้มไปก่อนจะหันมาสบตานรกรพร้อมกับหยอดทิ้งท้าย “แต่ถึงไม่ได้เป็นหมอ ขอมีแฟนเป็นหมอก็ยังดีนะครับ”

สายตาที่มองมาลึกซึ้งเสียจนนรกรต้องรีบหลบตา “ผมมีแฟนอยู่แล้วนะครับ”

ภาษิตถอนหายใจ “ผมไม่อยากเห็นคุณเถียงแทนผู้ชายห่วยๆ พรรค์นั้นเลยให้ตายสิ!”

“พี่วินทร์ไม่ใช่ผู้ชายห่วยๆ” นรกรพูดขึ้น “เขาอาจไม่ใช่คนที่เพอร์เฟค แต่เขาก็เป็นคนที่ผมเลือกแล้ว”

“ผมไม่เถียงกับคุณเรื่องนี้หรอก ยังไงผมก็คงไม่ชนะอยู่ดี” ภาษิตว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืน “เรากลับไปที่งานกันเถอะครับ  ออกมาก็นานมากแล้ว”

ในระหว่างที่นรกรเดินตามหลังภาษิตออกไป ภาพเด็กชายที่ต้องวิ่งเข้าวิ่งออกโรงพยาบาลตั้งแต่เด็กซ้อนทับขึ้นมาบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม เขาเองก็เข้าออกที่นี่ตั้งแต่เด็ก โตขึ้นมาก็ยังทำงานที่นี่ได้เห็นความลำบากของผู้ป่วยและครอบครัวมามาก นั่นทำให้นรกรเข้าใจความจำเป็นจองภาษิตและรู้สึกใจอ่อนขึ้นมา ถึงจะยังไม่แน่ใจนักแต่ตอนที่กำลังจะแยกกันเขาก็ลองพูดออกไป

“เรื่องยาน่ะครับคุณพาส”

“ทำไมหรือครับ”

“ถ้าหากคุณสามารถนำเสนอข้อดีของมันได้อีกสักนิดหรือว่าทางบริษัทคุณสามารถลดราคาสินค้าลงมาอีกสักสักหน่อยให้ใกล้เคียงกับยาตัวเดิมที่ใช้อยู่ได้ผมอาจช่วยคุณพูดกับศาสตราจารย์สรวิชญ์ให้ลองคิดดูอีกทีได้นะครับ”

“เรื่องราคานี่คงยากครับ แต่ผมจะลองปรึกษากับหัวหน้าดู” ภาษิตกล่าวด้วยสีหน้าแช่มชื่นขึ้น “ขอบคุณมากนะครับ คุณเป็นคนดีจริงๆ”

“ไม่หรอกครับ ผมก็แค่มองถึงประโยชน์ของคนไข้เป็นสำคัญมากกว่า เพราะถ้ามันช่วยได้จริง ราคายาเทียบกับราคาชีวิตแล้วผมคิดว่ามันคุ้มค่าอยู่ แต่บังเอิญว่าคนทุกคนไม่ได้กำลังทรัพย์มากขนาดนั้น เอาไว้เป็นทางเลือกให้คนที่พร้อมก็ไม่น่าเสียหายอะไร”

ภาษิตยิ้มกว้าง “คุณดีกับผมขนาดนี้ ผมก็ตัดใจจากคุณไม่ได้สักทีน่ะสิครับ”

“แล้วทำไมผมต้องทำเรื่องไม่ดีกับคุณเพื่อให้คุณตัดใจจากผมด้วยล่ะครับ” นรกรถามกลับ

“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือครับ”

คิ้วเรียวย่นเข้าหากัน “ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับตรรกะนี้เท่าไหร่”

“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะครับ”

นรกรเงียบไปอึดใจเพื่อเรียบเรียงคำพูด “ผมคิดว่า… ถ้าคนสองคนจับมือกันแน่นพอแค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ”

“ถ้างั้นคุณคงไม่เคยได้ยินคำว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนสินะครับ” ภาษิตพูดยิ้มๆ “แล้วก็…”

“แล้วก็อะไรครับ”

“มือที่สามน่ะมันไม่ได้จำเป็นต้องแทรกตรงกลาง แต่เข้าข้างๆ ก็ได้นะครับ”

“เข้าข้างๆ” นรกรทวนคำ “ยังไงครับ”

“ก็แบบนี้ไงครับ” พูดจบภาษิตก็อาศัยจังหวะที่นรกรไม่ทันได้ตั้งตัวยื่นหน้าเข้าไปหอมที่ข้างแก้ม

“คุณ…”

“ฝันดีนะครับ” ภาษิตกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป

นรกรกุมแก้มข้างที่โดนขโมยสัมผัสแน่น ความร้อนจากริมฝีปากยังคงไม่จางเช่นเดียวกับแก้มขาวที่ซับสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกไม่ดีพอๆ กับที่รู้สึกผิดต่อคนรัก เขาพยายามใช้มือถูเพื่อลบรอยนั้นออกไปพลางหมุนตัวจะกลับไปขึ้นรถบ้างเมื่อเสียงเรียกชื่อดังขึ้น

“ฮาร์ฟ”

นรกรสะดุ้งเบาๆ กับความดุที่เจือมาในน้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยนั้น เขาค่อยหันไป

คณิณยืนกอดอกจ้องเขม็งอยู่ไม่ไกล เขาเองก็ได้รับเชิญให้มาร่วมประชุมในงานนี้ด้วย บังเอิญเดินออกมาเข้าห้องน้ำแล้วหลบมายืนคุยโทรศัพท์กับภรรยาก็หันมาเห็นเข้าพอดี “ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“ผม…”

“ฉันเห็นตั้งแต่ต้นจนจบน่ะแหละ” คณิณพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ตั้งแต่ตอนไหนครับ”

“ตอนที่พวกนายเดินออกมาจากห้องจนกระทั่งมายืนหอมแก้มกันตรงทางเดินพร้อมกับบอกลาฝันดีครับ” คณิณว่า

“พี่ปอเข้าใจผิดนะครับ”

“ฉันว่าฉันเข้าใจถูกนะ” คณิณสวนกลับ “ระหว่างนายกับวินทร์มันยังไงกันแน่ ทางนั้นก็เพิ่งจะมีข่าวฉาวไป ส่วนนายก็…”

“ผมบอกว่าพี่ปอเข้าใจผิดไงครับ” นรกรย้ำคำเดิม “เขาทำไวน์หกใส่เสื้อผมก็เลยพามาเปลี่ยน เห็นว่านี่เป็นห้องพักที่บริษัทจองเผื่อไว้สำหรับพนักงานที่บ้านอยู่ไกล”

“แล้วที่เขาหอมแก้มนายเมื่อกี้ล่ะ”

“ผมแค่ไม่ทันระวังตัว”

คณิณเลิกคิ้ว “ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเชื่อ แต่มุกนี้ใช้ไม่ได้กับคนที่เคยคบกับนายมาถึงสามปีแบบฉัน… ขนาดเป็นแฟนกันแล้วจะจับมือยังยาก แล้วนี่ต้องขาดความระวังตัวขนาดไหนถึงพลาดให้เขาทำได้ถึงขนาดนั้น”

“ผมก็แค่…”

“นายจะเลิกหรือจะคบใครฉันไม่ว่าหรอกแต่ช่วยทำให้มันถูกต้องหน่อย แบบนี้มันทำเหมือนต่างคนต่างมีชู้แล้ว…”

“พี่ปอกำลังเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนะครับ”

คณิณยกมือขึ้นกอดอกมองคนที่เถียงเขาเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “แล้วนี่ไอ้วินทร์ไปไหนทำไมไม่มากับนาย”
“พี่วินทร์ยังไม่หายดี ผมเลยไม่อยากให้เขามาออกงานครับ”

คณินย่นคิ้ว เป็นอีกครั้งที่คำตอบนั้นฟังดูเข้าที แต่เวลาที่พูดโกหกนรกรจะไม่ยอมสบตา ถึงตอนนี้อีกฝ่ายจะไม่หลบตาเขา หากเขาก็เห็นเงาของความกังวลที่ซ่อนอยู่ข้างหลังนัยน์ตาสีอ่อนนั้น คณิณลดมือที่กอดอกไว้ลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง “ฟังนะฮาร์ฟ”

“ครับ”

“ฉันไม่ได้หึง ไม่ได้หวงแต่ฉันเป็นห่วง ในฐานะผู้ชายคนนึงที่เคยรักนายมากและตอนนี้ก็ยังรักอยู่แม้จะไม่ใช่ในสถานะเดิมก็ตาม” คณิณพูดพลางวางมือลงบนไหล่และบีบเบาๆ ครั้งหนึ่ง “ฮาร์ฟ นายไม่ได้อยู่คนเดียว นายยังมีฉันนะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่ามีปัญหาอะไรนายสามารถปรึกษาหาฉันได้ทุกเรื่อง ขอแค่นายพูดมาฉันพร้อมรับฟังและช่วยนายเสมอ เหมือนที่นายกับวินทร์ช่วยฝน และลูกของฉัน”

นรกรมองตาคนตรงหน้า แวบหนึ่งในหัวใจที่เหมือนย้อนวันกลับไปเป็นน้องปีหนึ่งที่มีปัญหาอะไรก็วิ่งไปหาพี่ปีสองแล้วบอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันอัดแน่นอยู่ในใจนับตั้งแต่วันที่วินทร์โดนรถชนออกมา แต่ตอนนี้เขาทำแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“ขอบคุณครับ” นรกรตอบ พยายามส่งยิ้มกลับไปให้อีกฝ่ายเบาใจทว่ามันก็ดูแห้งเหี่ยวเต็มที “แต่ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ”

คณิณถอนหายใจ ไม่มีทางใดเลยที่เขาจะเปิดปากคนปากหนักที่ชอบเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวได้ เขาจึงยื่นข้อเสนอใหม่ที่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ปฏิเสธ “พรุ่งนี้ฉันจะพาสายฟ้ากับสายรุ้งไปฉีดวัคซีน นายกับวินทร์ช่วยเคลียร์คิวตอนเที่ยงให้ว่างไว้ด้วย ฉันกับฝนอยากเลี้ยงข้าวขอบคุณพวกนายน่ะ”

“ผมไม่…”

“ถ้านายไม่ได้โกหกฉันเรื่องที่ว่าไม่เป็นอะไร แค่กินข้าวด้วยกันแค่นี้ไม่น่ามีปัญหานะ” คณิณรีบพูดขึ้นก่อน

นรกรจึงต้องตอบตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ครับ”

“เจอกันที่ร้านมิดไนท์นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาลูกฉีดวัคซีนเสร็จฉันจะโทรหาอีกที”

“ครับ”

พอตกลงกันได้คณิณก็บอกลา นรกรขับรถกลับบ้าน ระหว่างที่ลิฟต์วิ่งขึ้นมาที่ห้อง เขาก็พยายามไล่ความกังวลออกจากหัว และปั้นหน้าให้เป็นปกแล้วเปิดประตูเข้าไป

“ฮาร์ฟเกิดอะไรขึ้น ทำไมกลับมาดึกป่านนี้”

หากทันทีที่ได้ยินเสียงความพยายามที่จะทำให้เหมือนไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นก็แทบจะพังลงง่ายดาย เพราะผู้ชายคนนี้คือคนเพียงคนเดียวที่เขาอยากจะแชร์ทุกๆ เรื่องให้ฟัง ยิ่งเห็นร่างโปร่งแสงโผเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วงก็อยากจะจับมือแล้วนั่งเล่าให้ฟังว่างานประชุมเครียดแค่ไหน ความอึดอัดที่ต้องทนอยู่กับคนหมู่มากในงานเลี้ยง เรื่องที่โดนภาษิตขโมยหอมแก้ม รวมทั้งเรื่องที่โดนคณิณเห็นและเข้าใจผิดไปกันใหญ่ แต่อีกใจก็คิดว่ามันเล็กน้อยเกินไปที่จะทำให้วินทร์ต้องมากังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่เล่า

“ไม่มีอะไรครับ ผมขอตัวไปนอนก่อนนะ”

“ไม่มีอะไรแล้วหลบตาฉันทำไม นายมีอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า”

นรกรหยุดฝีเท้า เป็นเรื่องยากที่จะโกหกคนที่อยู่ด้วยกันเกือบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง เขากัดปากแน่น สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหันไปหา “ปิดบังเรื่องอะไรครับ”

วินทร์กวาดตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหยุดลงที่เสื้อซึ่งไม่ใช่ตัวที่ใส่ไปแล้วตวัดขึ้นสบสายตา เขาไม่ได้โกรธแต่เขาต้องการคำอธิบาย หากนรกรก็เอาแต่เงียบ เขาจึงพูดเลี่ยงๆ “ก็หน้าตานายดูอิดโรยขนาดนั้น แค่ไปกินเลี้ยงทำไมถึงดูแย่ขนาดนี้”

“ผมแค่เหนื่อยน่ะครับ ไม่มีอะไร”

“เจอหมอนั่นหรือเปล่า”

“ใครครับ”

“ภาษิต”

นรกรนิ่งไปอึดใจ “ไม่ครับ ไม่เจอ”

“เหรอ แปลกนะที่หมอนั่นไม่มา” วินทร์พึมพำ

“ผมขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนนะครับ” นรดรตัดบท และในตอนที่กำลังจะเดินสวนวินทร์ไป อีกฝ่ายก็พูดขึ้น

“รู้อะไรไหมฮาร์ฟ คำโกหกที่หอมหวานมันเจ็บกว่าความจริงที่ขมขื่นเยอะเลยนะ”

นรกรไม่ถามหรือตอบรับใดๆ เขาเพียงแค่เงียบและเดินเข้าห้องไป ซึ่งวินทร์ทำได้แค่ยืนมองตามหลังไปเท่านั้น

“ความเชื่อใจมันก็เหมือนกับแก้วน่ะแหละ” กฤตที่แอบมองดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ เอ่ยขึ้น “ดูแข็งแรงแต่เพียงแค่กระทบเบาๆ ก็ร้าวเสียแล้ว… ทั้งเปราะบางและก็ทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก”

*************************************************** TBC***************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2019 01:16:57 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
งุ้ย..ยยยย ปัญหาทับซ้อน    :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Monnee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai1: :katai1: :katai1:
โอ๊ยยยยยย.. น้องฮาร์ฟคะ.. อย่าทำให้เรื่องมันกดดันซิคะลู๊กกกก.... โดนรังแกเราต้องฟ้องนะคะลูก.. ฟ้องทุกคนเลยค่ะ.. ผู้ๆทั้งหลายรอบตัวพร้อมช่วยเหลือเสมอนะคะ.. ให้เวลานอนคิด1คืนนะคะ.... ตื่นมาแล้วฟ้องให้หมดเลยนะคะ.. หลายหัวดีกว่าหัวเดียวแน่นอน.เพราะปัญหาไม่ใช่จองเราผู้เดียว.เราจะคิดเองเออเองไม่ได้นะคะ...  :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ฮาร์ฟ นายจะเก็บกดไปทำไม จะเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวทำไม บ้าที่สุด

ออฟไลน์ tkaekaa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สงสารฮาร์ฟ เลือกที่จะเก็บไว้หมด แบบนี้ไม่ได้นะลูก

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อะไรกันๆคุยกันสิอย่าคิดแทนคนอื่น :katai1:

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ไม่เอาแบบนี้ รู้สึกเสียใจ

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
โอยยยยยย คนอ่านจะทนไม่ไหวแล้วค่ะ
เข้าใจกันไวๆนะคะ

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ไม่เข้าใจอ่ะ แบบฮารืฟควรคุยควรเล่าอะไรบ้างนะ นี่คบกันมาตั้งนานแล้วอ่ะ กับเรื่องพวกนี้ควรคุยกันนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด