Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]  (อ่าน 279414 ครั้ง)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
«ตอบ #720 เมื่อ15-05-2018 23:05:16 »

ดีใจ..ยังแอบมาดูความเคลื่อนไหวเสมอ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แต่จะกลับมาพร้อมมาม่าชามโตจริงๆหรา...โอว โนว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2018 23:38:00 โดย ืniyataan »

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
«ตอบ #721 เมื่อ15-05-2018 23:08:38 »

 :a5:  เกิดอะไรขึ้นกับพี่วินทร์เหรอ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
«ตอบ #722 เมื่อ15-05-2018 23:28:09 »

เฮ้ย ไม่นะ พี่วินทร์ต้องไม่เป็นอะไร

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเครียด
อ่านแล้วกลัว อ่านแล้วกังวลตลอด
แต่เราชอบมาก ...

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
«ตอบ #723 เมื่อ15-05-2018 23:49:57 »

ดีใจที่ได้อ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
«ตอบ #724 เมื่อ16-05-2018 08:53:33 »

มาเกาะรอด้วยคน  :z2:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
«ตอบ #725 เมื่อ16-05-2018 09:32:28 »

พี่วินนนนนน ม่ายยยยยย

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
«ตอบ #726 เมื่อ16-05-2018 16:35:03 »

ง่า พี่วินทร์จะไม่เป็นไรมากใช่ไหม  :serius2:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
«ตอบ #727 เมื่อ16-05-2018 18:29:41 »

ม่ายนะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
«ตอบ #728 เมื่อ16-05-2018 19:55:53 »

พี่วินทร์จะตายรอบสองเหรอ  :ling1: :ling1:

ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
«ตอบ #729 เมื่อ16-05-2018 20:57:43 »

บทที่ 2 Awake

เกิดความอลม่านขนาดย่อมๆ ขึ้นในหอผู้ป่วยอาการหนักวิกฤตเมื่ออาจารย์แพทย์จบใหม่ผู้เป็นที่รักของทุกคนถูกนำมาพักรักษาตัว ทั้งเพื่อนร่วมวิชาชีพและอาจารย์ท่านอื่นที่อยู่ต่างสาขาซึ่งพากันมาช่วยให้การรักษานับตั้งแต่ได้รับการยืนยันชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุ มาจนถึงห้องฉุกเฉินจนกระทั่งถูกส่งตัวมาเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดที่นี่ต่างผลัดกันวิ่งเข้าวิ่งออกคนแล้วคนเล่า ทุกคนต่างระดมสมองและใช้การตรวจวินิจฉัยต่างๆ ทุกวิธีที่จะนำไปสู่การรักษาได้

แต่ไม่ว่าจะพยายามเช่นไร ก็ไม่อาจทำให้คนที่นอนอยู่ในห้องหมายเลข 4 นั้นฟื้นขึ้นมาได้เลย

ศาสตราจารย์สรวิญช์กับภรรยามาถึงห้องเป็นคนท้ายๆ คนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับกันไปเกือบหมดแล้วเพราะตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้อีกนอกจาก ‘รอ’ เท่านั้น

ทั้งสองมองผ่านกระจกเข้าไปในห้องหมายเลข 4 เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่คล้ายกับหลับอยู่เฉยๆ หากในปากนั้นถูกสอดท่อช่วยหายใจ ใส่สายให้น้ำเกลือและอุปกรณ์เพื่อติดตามค่าสัญญาณชีพต่างๆ เต็มไปหมด พวกเขาหันมองหน้ากัน มันช่างเป็นภาพที่เคยคุ้นตาที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกครั้งเลยจริงๆ และเมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องยิ่งได้เห็นภาพที่ไม่อยากเห็น คือลูกชายคนเดียวของพวกเขาที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียง

วิมลภาหันไปสบตาสามี เธอพูดอะไรไม่ออกและเลือกที่จะเดินอ้อมไปดูคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องบนเตียงใกล้ๆ ใบหน้านั้นซีดเผือดอีกทั้งมือก็เย็นเชียบราวกับคนไม่มีชีวิตทั้งที่สัญญาณชีพปกติ ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูสวนทางกันไปหมด

“เป็นไงบ้างลูก” ศาสตราจารย์สรวิชญ์เอ่ยปากถาม ปกติเขาเป็นคุณพ่อที่แสดงอารมณ์ไม่เก่ง ซ้ำยังปากยังไม่ค่อยไม่ตรงกับใจ แต่วันนี้เขาไม่ต้องใช้ความพยายามเลยสักนิดเผื่อทำให้น้ำเสียงที่แข็งกระด้างนั้นอ่อนโยนลง

“ผล CT พบสมองส่วนหน้าช้ำเล็กน้อย เอ๊กซเรย์ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีกระดูกชิ้นไหนหัก ผลเลือดทุกอย่างปกติครับ” นรกรตอบไปก็รู้สึกเกลียดตัวเองไปพร้อมๆ กัน เกลียดที่มีสมองอันชาญฉลาดซึ่งรู้ทุกอย่าง และเขาก็มีดวงตาที่มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่ไม่ว่าจะความสามารถไหนก็ช่วยคนบนเตียงไม่ได้สักอย่าง ในเมื่อมันไม่มีอะไรผิดปกติให้เขารักษา และไม่เห็นวิญญาณของวินทร์ด้วย

“อืม” ศาสตราจารย์สรวิชญ์พยักหน้า เขาอ่านผลการตรวจทุกอย่างมาอย่างละเอียดละออดีแล้วก่อนเข้ามาคุยกับลูกชาย และคำถามที่ย้อนถามต่อมาก็เป็นคำถามที่เขาก็กำลังถามตัวเองอยู่เหมือนกัน

“แล้วทำไมเขาไม่ฟื้นครับพ่อ” นรกรคาดหวังว่าจะได้รับการอธิบายเชิงทฤษฎีหรือผลงานวิจัยอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะจากปากอาจารย์ด้านศัลยกรรมประสาทและสมองที่เขานับถือ หากตอนนี้ศาสตราจารย์ได้ถอดเสื้อกาวน์ของครูแพทย์วางทิ้งไว้แค่หน้าประตู เหลือแค่คนเป็นพ่อคนหนึ่งที่เดินเข้ามาปลอบโยนลูกชาย

“พ่อไม่รู้”

นรกรเม้มปากแน่นพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำ

“แต่ถ้าสิ่งที่เขาบอกกับพ่อไม่ใช่เรื่องโกหก” ศาสตราจารย์สรวิชญ์พูดต่อ “สิบสองปีก่อนเขาตื่นขึ้นมาเพื่อมาหาลูก พ่อคิดว่าครั้งนี้เขาก็คงทำแบบนั้นเหมือนกัน”

นรกรเงยหน้าขึ้นสบตาคนเป็นพ่อ “ทำไมพ่อถึงมั่นใจแบบนั้นครับ”
“เปล่า พ่อไม่ได้มั่นใจ แต่พ่อเชื่อใจ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์บอกพร้อมกับยื่นมือออกไปบีบบ่านรกรครั้งหนึ่ง “และพ่อคิดว่าฮาร์ฟคงจะทำสิ่งนี้ได้ดีกว่าพ่อในตอนนั้นอีก... อยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้เขานะลูก เรื่องงานเรื่องสอนไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการให้เอง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้ อย่าทำให้ทุกคนต้องลำบาก...”

“ปกติไม่ดื้อกับพ่อไม่ใช่เหรอ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์กล่าว “ถือซะว่าเป็นของเยี่ยมไข้นะ ไม่ต้องห่วงหรอกไว้เขาฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ พ่อเอาคืนหนักแน่”

“ขอบคุณครับ” นรกรยกมือไหว้

หลังจากพ่อกับแม่ออกไปก็ไม่มีมีใครมาเยี่ยมวินทร์อีก ทำให้ห้องนั้นกลับมาเงียบเชียบมีเพียงเสียงตีลมจากเครื่องช่วยหายใจที่ดังเป็นจังหวะ คุณพยาบาลเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงว่าต้องการเพิ่มไหมพร้อมกับรีบบอกว่าให้อยู่นานเท่าได้ที่ต้องการทั้งยังช่วยปิดม่านให้เพื่อความเป็นส่วนตัว

นรกรสอดมือเข้าใต้ผ้าห่มและกำมือข้างหนึ่งของวินทร์ไว้ตลอด ไม่ใช่แค่ต้องการบอกให้รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้เขารู้สึกไม่ไว้ใจอะไรเลยแม้แต่กราฟที่แสดงอัตราการเต้นของหัวใจ เขาแค่อยากสัมผัสให้ได้มากขึ้นอีกนิดถึงจะเป็นแค่แรงเต้นของชีพจรที่มากระทบโดนปลายนิ้วว่าวินทร์ยังอยู่กับเขาจริงๆ ไม่ได้หนีไปไหน

ระหว่างที่นั่งรอให้วินทร์ฟื้นอยู่เงียบๆ นั้นนรกรก็คิดอะไรหลายอย่าง มีสิ่งหนึ่งที่เป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆ ทั้งที่ตัวเองก็รู้ในระเบียบข้อนี้ดี หากพอเจอเข้ากับตัวมันก็ทำให้เขาจุกจนพูดไม่ออกไปเหมือนกัน เมื่อมีการนำส่งคนไข้ที่ไม่รู้สึกตัวมายังโรงพยาบาลจะต้องมีการตามหาญาติให้เร็วที่สุดเพื่อแจ้งข่าวและให้มาช่วยทำหน้าที่ตัดสินใจแทนคนไข้ วินทร์ซึ่งพ่อแม่เสียหมดแล้วและไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก จึงไม่สามารถตามคนเหล่านั้นมาได้ แล้วตอนนั้นเองที่ตัวเขาซึ่งทุกคนรู้ดีว่ามีสถานะเป็นคนรักและอยู่ด้วยกันมานานพอสมควร ซึ่งเขาควรเป็นคนที่สามารถมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนได้ แต่ตามกฏหมายแล้วเขาไม่อาจทำอะไรได้เลย สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ส่งเอกสารคืนคุณพยาบาลที่ยิ้มแห้งๆ อย่างรู้สึกผิดมาให้ก่อนจะขอตัวไปทำการพิมพ์ลายนิ้วมือแทน

นี่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นรกรรู้สึกว่าไม่อยากขยับไปไหน เพราะตอนนี้ดูเหมือนแทบไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเขากับวินทร์เชื่อมโยงกันไว้เลย และเพียงแค่ปล่อยมือหรือละสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียวคราวนี้วินทร์อาจจากเขาไปไม่กลับมาเลยก็ได้

นั่งไปสักพักเขาก็ลุกขึ้นชะโงกตัวเหนือคนที่นอนหลับตาพริ้ม คอยดูแลจัดผ้าห่มให้ทั้งที่มันก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนอะไร ใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามปลายคางที่หนวดเคราเริ่มขึ้นเป็นตอแข็งที่เขาสัญญาว่าจะโกนให้เมื่อคืน แตะเรื่อยไปจนถึงริมฝีปากที่เขาชอบอิดออดเวลาจะโดนจูบ นึกถึงอ้อมแขนสุดท้ายที่เขาสะบัดทิ้งก่อนจะเดินหนีไปขึ้นรถตอนอยู่ที่วัดและนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทะเลาะกันก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ

ถ้าหากรู้ว่านั่นจะเป็นจูบสุดท้าย เขาจะไม่ปฏิเสธเลยแม้จะต้องยอมบาปไปด้วยกัน
ถ้าหากรู้ว่าเมื่อคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน เขาคงไม่รีรอที่จะกลับไปขึ้นเตียง
ถ้าหากรู้ว่ากอดนั้น... อาจจะเป็นการกอดกันครั้งสุดท้าย เขาคงจะกอดให้แน่นและยาวนานที่สุด
ถ้าหากว่า... มันไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัวอีกครั้งล่ะ
ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้ว วินทร์ไม่กลับมา...

นรกรกัดฟันลงบนริมฝีปากจนห้อเลือด บอกตัวเองหนักแน่นว่าห้ามร้องไห้เด็ดขาดเพราะวินทร์ยังไม่ตาย เขาจะไม่ทำเหมือนกับว่าวินทร์กำลังจะจากเขาไป เขาต้องเข้มแข็งและรอวันที่วินทร์จะกลับมา

นรกรใช้มือเสยผมที่ลู่ลงมาปรกหน้าผากคนที่นอนหลับอยู่ให้เข้าที่ อย่างน้อยวินทร์จะต้องดูดีตอนที่ทุกคนมาเยี่ยม พรุ่งนี้เช้าเขาจะกลับบ้านไปเอาที่โกนหนวดอันที่ใช้ประจำมาและจะแวะซื้อลิปมันมาด้วยที่ร้านสะดวกซื้อมาด้วย

“รีบตื่นได้แล้วนะครับ ผมรออยู่นะ” 

เขากระซิบที่ข้างหูก่อนจะกดริมฝีปากลงกลางหน้าผากครั้งหนึ่งแล้วนั่งลงที่เดิมก่อนจะเผลอฟุบหลับไปทั้งที่ยังกุมมืออีกฝ่ายไว้แบบนั้น
.
.
.
.
.
“ที่นี่ที่ไหน” วินทร์ถามกับตัวเอง ตอนนี้ที่ๆ เขาอยู่มันมืดสนิทจนมองไม่เห็นแม้มือของตัวเอง  เขาเดินสะเปะสะปะไปตามทางที่ราวกับไม่มีจุดหมายเรื่อยๆ แล้วตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคยกระซิบขึ้นข้างหู

“รีบตื่นได้แล้วนะครับ ผมรออยู่นะ”

“นั่นเสียงฮาร์ฟนี่นา นายอยู่ที่ไหนน่ะ” เขาร้องเรียกพร้อมกับวิ่งไปทางที่น่าจะเป็นที่มาของเสียง เขาวิ่งไปเรื่อยๆ เร็วที่สุดเท่าที่สองเท้าจะมีกำลังพาไปได้ แล้วเขาก็เห็นจุดแสงสีทองเล็กๆ ที่สว่างเรืองๆ ตรงสุดทาง แสงที่เขาเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เขาวิ่งเข้าหาไปมันอย่างไม่ลังเล

“ตื่นสิฮาร์ฟ ฉันกลับมาแล้ว”

นรกรสะดุ้งตื่น เขาตกใจเล็กน้อยที่ตัวเองเผลอหลับไปและพยายามรวบรวมสติเข้าด้วยกัน นัยน์ตาสีอ่อนจับจ้องไปยังฝ่ามือที่เขาจับไว้ทั้งคืนมันไม่ได้ดูอ่อนระโหยโรยแรงหากกำลังเกาะกุมมือเขาไว้เช่นกัน หัวใจเต้นแรงขึ้นทันที เขารีบมองไล่ไปตามลำแขน ผ่านหน้าอก ไปจนถึงใบหน้าของคนบนเตียงที่กำลังลืมตาและมองมาที่เขา

“หมอวินทร์ฟื้นแล้วเหรอคะ” พยาบาลประจำห้องไอซียูที่เดินเข้ามาดูเป็นระยะร้องทักขึ้น และรีบเรียกเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ให้มาช่วยกัน

นรกรชักมือที่จับไว้แน่นออกและลุกขึ้นยืนหลบฉากเพื่อให้พวกเธอได้ทำงานกันอย่างเต็มที่

หลังจากที่หลับไปหนึ่งวันเต็มๆ วินทร์ก็ฟื้นขึ้นมาราวกับปาฏิหาริย์ และสามารถถอดท่อช่วยหายใจออกได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

“เป็นไงบ้าง” ศาสตราจารย์สรวิชญ์กลับมาเยี่ยมพร้อมกับภรรยาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ยินดีต้อนรับกลับมาอีกครั้งนะ”

“ขอบคุณครับ” วินทร์ตอบ

“ดูเงียบๆ ไปนะ ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าจ๊ะ” วิมลภาที่สังเกตเห็นความผิดปกติถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรครับผมแค่เจ็บคอนิดหน่อย” วินทร์บอกพลางยกแก้วน้ำอุ่นที่พยาบาลเตรียมไว้ให้ขึ้นจิบ “เอ่อ... แล้วคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องไปทำงานเหรอครับวันนี้”

“ปากดีแบบนี้หายแล้วล่ะคุณ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์หันไปพยักเพยิดกับภรรยา “เพิ่งสอนเสร็จน่ะ พอดีฮาร์ฟส่งข่าวว่าคุณฟื้นแล้วเลยรีบแวะมาดูอาการ เห็นแบบนี้ค่อยเบาใจไปเยอะ อยากกลับบ้านหรือยังล่ะ”

“ก็อยากกลับแล้วครับ แต่ไม่แน่ใจว่าหมอเขาจะให้อยู่ดูอาการอะไรอีกหรือเปล่า” วินทร์ตอบ

“ถ้างั้นกลับเลยไหมล่ะ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์ถาม “เดี๋ยวผมอนุญาตเอง”

“จะดีเหรอครับ”

“จะกลัวอะไรล่ะ กลับไปบ้านก็มีหมอส่วนตัวเฝ้าอยู่ทั้งคนนี่” ศาสตราจารย์สรวิชญ์ว่า “หรือคุณไม่เชื่อใจลูกชายผม”
ได้ฟังดังนั้นวินทร์ก็หันไปมองคนที่นั่งอยู่อีกด้านของเตียงพร้อมกับส่งยิ้มให้ “ขอบคุณครับ ผมอยากกลับบ้านจะแย่แล้ว”

oooooo
   
เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา วินทร์ก็กวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟา “ในที่สุดก็ได้กลับบ้านสักที ไม่มีที่ไหนดีเท่าบ้านเราอีกแล้วเนอะ”

“ครับ” นรกรตอบ

“เป็นอะไรทำไมเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ ฉันหายดีได้กลับบ้านแล้วนายไม่ดีใจเหรอ” วินทร์ทำเสียงตัดพ้อพร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปหา ใช้สองแขนวางบนไหล่แล้วโอบรอบตัวไว้หลวมๆ “ไม่คิดถึงกันเลยเหรอ... หืมมม แต่ฉันคิดถึงนะ ขอจูบทีนึงสิ” กระซิบที่ข้างหูก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้

และตอนที่ริมฝีปากกำลังจะสัมผัสกันนั่นเอง นรกรก็ยกมือขึ้นปิดปากอีกฝ่ายไว้ พร้อมกับจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง

“เป็นอะไร หรือว่างอนอะไรฉันอีกเหรอ” วินทร์พยายามง้อทั้งที่คิดว่าตัวเองไม่ได้ผิดอะไร

นรกรลดมือลงก่อนจะหยิบท่อนแขนที่วางพาดอยู่บนบ่าทั้งสองข้างออกจากตัวแล้วถอยหลังห่างออกไปสองก้าว เขายังคงมองสบตาอีกฝ่ายไว้แล้วกล่าวออกไป “คุณเป็นใครกันแน่ครับ”

“นายเป็นอะไรฮาร์ฟ ฉันก็วินทร์แฟนนายไง” เขามีสีหน้าตกใจไม่น้อยกับท่าที่ที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า วินทร์พยายามจะเดินเข้าไปหา แต่อีกฝ่ายก็ถอยหลังหนีแบบก้าวต่อก้าวจนเขาจนใจที่จะตาม

“คุณไม่ใช่พี่วินทร์” นรกรบอกเสียงดังฟังชัด “ร่างกายคุณอาจเป็นพี่วินทร์ก็จริง แต่วิญญาณไม่ใช่”

“นี่นายจะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะ!” วินทร์เริ่มเสียงดัง “มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ก็ฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้านายนี่ยังไง”

“ไม่ใช่ครับ” นรกรพูดซ้ำ “เพราะพี่วินทร์ตัวจริงยืนอยู่ตรงนี้ต่างหาก” พร้อมกับชี้มือไปตรงที่ว่างข้างตัว แต่ในสายตาของเขามีร่างโปร่งแสงร่างหนึ่งซึ่งตามมาตั้งแต่ตอนอยู่โรงพยาบาลยืนอยู่

“ฮาร์ฟ!” ร่างโปร่งแสงหรือวินทร์ตัวจริงร้องเสียงดัง “ถ้าเห็นกันก็ส่งสัญญาณบอกกันบ้างสิ นายรู้ไหมว่าทำฉันใจเสียแค่ไหน ตอนที่เห็นนายนอนจับมืออยู่กับหมอนั่นน่ะ แถมเรียกแทบตายก็ไม่สนใจ”

“ผมเองก็ตกใจไม่แพ้พี่วินทร์น่ะแหละ ที่ลืมตามาเห็นคนอื่นอยู่ในร่างพี่วินทร์” นรกรบอก “แล้วผมจะบอกใครได้ล่ะ ว่านี่ไม่ใช่พี่วินทร์ โรงพยาบาลเราไม่มีหมอสายไสยศาสตร์เสียด้วยไม่งั้นผมคงโทรตามให้มาช่วยแล้ว สุดท้ายก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยพากลับมาบ้านก่อนนี่ไงครับ”

“มุกนี้เฉียบ” วินทร์หัวเราะชอบใจกับคำว่าหมอสายไสยศาสตร์ การที่นรกรยังมองเห็นและพูดคุยกับเขาได้นั่นทำให้โล่งใจจนเกือบจะลืมไปว่าปัญหาจริงๆ คือการที่ร่างของเขาถูกวิญญาณดวงอื่นแย่งไป

“โอ้ นี่นายมองเห็นหมอนั่นจริงๆ สินะ” วิญญาณที่อยู่ในร่างวินทร์ว่า

“ไม่ใช่แค่พี่วินทร์ แต่ผมเห็นทุกอย่างรวมทั้งรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของคุณด้วย” นรกรบอก “แล้วนี่คุณมาสิงร่างพี่วินทร์ได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

“น่าสนใจนี่” วิญญาณในร่างวินทร์ตอบ “ฉันก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมถึงดีดหมอนี่ออกไปได้ง่ายนัก บางทีอาจเป็นเพราะมีคนมีความสามารถพิเศษอย่างนายอยู่ด้วยก็ได้ เคยได้ยินมาว่าคนพวกนี้มักดูดกินพลังงานชีวิตคนที่อยู่รอบตัว”

“ฮาร์ฟไม่ได้ดูดพลังชีวิตอะไรฉันทั้งนั้น” วินทร์แทรกขึ้น “มันน่าจะเป็นเพราะฉันเคยมีประสบการณ์เฉียดตายมาแล้วครั้งหนึ่งมากกว่า ก็เลยทำให้นายมาสิงได้ง่ายๆ ไม่ได้เกี่ยวกับฮาร์ฟเลยสักนิด”

“เห ปกป้องกันดีจังเลยนะ ชักสนุกซะแล้วสิ”

“บอกความต้องการของคุณมา” นรกรรีบดึงเข้าเรื่อง “คุณเป็นใครแล้วต้องการอะไรกันแน่ถึงได้มาสิงพี่วินทร์แบบนี้”

“ฉันต้องการร่างกาย”

“ไม่มีปัญหา ผมจะไปตามหาร่างคุณให้”

“ฉันไม่ได้อยากตามหาร่าง” วิญญาณในร่างวินทร์บอก “ฉันรู้ดีว่าร่างของฉันอยู่ที่ไหน มันบาดเจ็บสาหัสจนทนพิษบาดแผลไม่ไหวและถูกเผาไปหลายสิบปีแล้ว”

“แล้วคุณต้องการอะไร”

“ฉันก็บอกพวกนายไปแล้วไง” วิญญาณในร่างวินทร์บอก “ฉันแค่อยากได้ร่างของหมอนี่... ฉันต้องการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”

*****************************************TBC************************************************

Talk

คืนค่ะ!
แลดูเอาไว้นานจะเราจะกลายเป็นคนใจร้ายไปจริงๆ 555
ตอนนี้ร้อนมากนะขอบอกระวังมือพอง เพราะเรากลับมาใช้วิธีแต่งสดลงสดในมือถือแบบเดิมอีกแล้ว(หาเรื่องเป็นoffice syndromeอีกรอบ หลังจากรักษาหายไปแล้ว555)

ตอนต่อจากนี้ไป อาจจะไม่ยาวมากดูไม่สมศักดิศรีเราเท่าไหร่นะคะ (ปกติตอนหนึ่งของเราตั้งไว้ที่ 9-12 หน้า) เพราะเราได้รับคอมเมนต์มาพอสมควรเรื่องการตัดเวลาไปมาในภาคที่แล้ว และอันนี้ก็จะมีการดัดเวลาไปมาอีกเช่นกัน เลยจะลองปรับดูนิดหน่อยจะได้อ่านได้ง่ายขึ้น และเราก็คิดว่าอาจจะมีข้อดีตรงที่ไม่กดดันตัวเองมากด้วยความยาวที่ลดลง

เราไม่ได้ลืมCheckmateนะคะยังคงแต่งคู่กัน จะลงสลับๆ กันไป แต่อันนี้อาจจะไวกว่านิดนึงด้วยเหตุผลอย่างที่บอกไปว่ามันติดอยู่ในใจเรานานแล้ว ดังนั้นพวกฉากหรือคำบรรยายมันจึงค่อนข้างลื่นไหลกว่า

ปล.ขอพูดนิดนุงว่าที่แต่งเยอะๆ นี่ไม่ได้ว่างนะคะ แค่อยากลองชาเลนจ์ตัวเองดู มันก็สนุกดีแล้วก็คิดว่าคนอ่านคงสนุกไปกับเราด้วย ถึงเวลานอนจะลดลงก็ตาม555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2018 09:25:10 โดย leGGyDan »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Text_book#2 บทที่1 Sign P.24 [15/05/2561]
« ตอบ #729 เมื่อ: 16-05-2018 20:57:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #730 เมื่อ16-05-2018 21:24:01 »

ผีในโรงพยาบาลมาสิงวินทร์หรือเปล่า ดูเหมือนจะรู้จักฮาร์ฟ วินทร์ พอสมควร ฟื้นมาถึงได้เนียนเชียว

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #731 เมื่อ16-05-2018 21:32:35 »

อยากกลับมามีชีวิต
โดยแย่งร่างคนอื่นนะหรือ
 :m16: :m16:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #732 เมื่อ16-05-2018 21:59:14 »

อ่า หมอวินทร์ของเจ้ ทำไมกลายเป็นวิญญาณอีกแล้ว -,-

ออฟไลน์ tkaekaa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #733 เมื่อ16-05-2018 22:24:13 »

 :hao7: เร่ร่อนเป็นสิปปีมาแย่งร่างหมอวินทร์ได้ไงนี่

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #734 เมื่อ16-05-2018 22:38:35 »

อูยยยยยย.......มีวิญญาณเร่ร่อนมาสิงร่างวินทร์    o22 o22 o22
เป็นคนอื่นคงไม่มีใครรู้   :fire: :fire: :fire:
แถมเนียนจะลวนลามฮาร์ฟซะด้วย
ดีว่าเป็นฮาร์ฟ เลยรู้  ไล่ก็ไม่ไป  :z6:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2018 20:06:28 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #735 เมื่อ16-05-2018 22:45:26 »

อ้าว


ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #736 เมื่อ16-05-2018 22:49:14 »

โอยยยยยย จะนอนหลับมั้ยเนี่ย
ตาค้างเพราะความอยากรู้ต่อเลยค่า *_*

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #737 เมื่อ16-05-2018 23:32:24 »

 o12 o12 o12

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #738 เมื่อ16-05-2018 23:55:23 »

เรื่องนี้น่าติดตามก็เพราะแบบนี้
เวลาอ่านก็ต้องค่อยๆ อ่าน
และมักจะต้องกลับไปอ่านย้อนตลอด
นี่ว่าจะกลับไปอ่านตั้งแต่ต้น
ว่าแต่อิที่มาสิงนี่ ใคร?
ทำไมเป็นแบบนี้ ต้องพาเข้าวัด
สงสารพี่วินทร์ ต้องลอยไปลอยมา

รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #739 เมื่อ17-05-2018 03:13:38 »

โอ๊ย ทำไมเป็นแบบนี้ ฮือ อยู่นอกร่างนาน ๆ จะไหวมั้ย แล้วจะไล่วิญญานนี่ไปยังไง แล้วจะกลับเข้าร่างยังไง วิญญานนี้น่าจะตามมาระยะนึงแล้ว เลยรู้ข้อมูลของสองคนนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
« ตอบ #739 เมื่อ: 17-05-2018 03:13:38 »





ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #740 เมื่อ17-05-2018 07:22:29 »

ต้องแย่งร่างกลับมายังไงละทีนี้  o22 o22

ออฟไลน์ Naamtaan22

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #741 เมื่อ17-05-2018 20:37:36 »

ตายค่ะ บอกได้เลยว่าค้างคาใจทุรนทุรายจนเกือบดิ้นตาย อีกแล้วคุณทำให้นักอ่านอย่างเราติดกับคุณเหมือนเดิมค่ะ ยังคงสไตล์เดิมมาแบบมีปมชวนให้คิดภาษาสวยแถมลื่นไหลนึกเห็นภาพตามได้ไม่ยาก แค่เริ่มก็สนุกแล้วชวนติดตามมากค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #742 เมื่อ19-05-2018 17:14:56 »

 :a5:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Text_book#2 บทที่2 Awake P.25 [16/05/2561]
«ตอบ #743 เมื่อ20-05-2018 16:52:22 »

บทที่ 3 Fate

“คุณเป็นใครครับ” นรกรถาม

“ตอนนี้ฉันก็เป็นเจ้าหมอนี่ไง” วิญญาณตอบกวน

“คุณจะไม่ออกจากร่างพี่วินทร์จริงๆ เหรอครับ”

“เซ้าซี้อยู่นั่นแหละ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ออก... พวกแกอยากให้ฉันออกนักเหรอ ได้!” วิญญาณตนนั้นบอกก่อนจะหันมองซ้ายขวาเห็นมีดปอกผลไม้เล่มหนึ่งวางอยู่จึงหยิบมาจ่อที่ข้างคอตัวเอง

“เฮ้ย! ไอ้ผีบ้านั่นแกคิดจะทำอะไรน่ะ!” วินทร์ร้องเสียงดัง

“ใจเย็นๆ นะครับ วางมีดลงก่อนมีอะไรเราค่อยพูดค่อยจากันก็ได้” นรกรพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“อยากให้ฉันออกไป มีวิธีเดียวคือทำให้ร่างนี้หยุดลมหายใจอีกครั้ง… หรือพูดง่ายๆ ก็คือฆ่าหมอนี่ทิ้งซะ” มันบอกพร้อมกับกดคมมีดลงบนผิวเนื้อจนเลือดไหลซิบ “อยากให้ทำอย่างนั้นไหมล่ะ”

“หยุด! ผมบอกให้หยุดไง!”

“ไม่อยากได้ร่างคืนแล้วหรือไง” วิญญาณหัวเราะหึในลำคอก่อนจะโยนมีดลงบนพื้นตรงหน้านรกรอย่างแรง “ฉันไม่ออก และถ้าพวกแกอยากได้ร่างนี้คืนนักทางเดียวก็คือฆ่าฉันให้ตายเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้ซะ!” แล้วมันก็หัวเราะร่วนอย่างสะใจราวกับคนวิกลจริตก่อนจะเดินไปนั่งแผ่หราอยู่บนโซฟา “ฉันจะอยู่ในร่างนี้ และจะอยู่ที่นี่ด้วย”

“ไอ้ผีเฮงซวยเอ๊ย!” วินทร์สบถ

“พี่วินทร์ใจเย็นๆ นะครับ” นรกรกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันสองคนพร้อมกับก้มลงเก็บมีดเอาไปไว้ไกลๆ มือ “ผมจะหาทางช่วยพี่วินทร์ให้ได้ เราลองไปหาอาจารย์องค์อินทร์กันไหมครับ” นรกรออกความเห็น เขาแค่คุยกับผีได้แต่ไล่ไม่เป็น และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาผีพวกนี้ก็ไม่ได้กลัวพระหรือเครื่องรางของขลังเสียด้วย

วินทร์เงียบไปอึดใจ “ก็คงต้องพึ่งเขาแล้วล่ะ”

“แต่ว่าเราจะเอายังไงกับเขาดีล่ะครับ” นรกรถามเสียงเครียดพลางพยักเพยิดไปยังคนที่หยิบรีโมททีวีขึ้นมาพลิกดูอย่างสนอกสนใจ “จะปล่อยไว้แบบนี้เหรอครับ”

“ตามที่มันบอกว่าอยากได้ร่างกับที่อยู่ มันคงไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายกับร่างของฉันหรอก เอาเป็นว่านายไปเก็บพวกของมีค่าใส่กุญแจล็อกไว้ดีๆ ก่อนละกัน เดี๋ยวมันขโมยหรือทำพังไปจะแย่”

“ได้ครับ”

“ตามสบายนะ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง” วิญญาณหันมาโบกมือให้ในขณะที่นรกรเดินวนไปรอบๆ ห้องเพื่อเก็บข้าวของสำคัญซึ่งมีแค่ไม่กี่ชิ้นอย่างคอมพิวเตอร์โน้ตบุคเพราะมีรายงานกับแผนการสอน และเอาสมุดบัญชีกับบัตรต่างๆ มาเก็บไว้กับตัว นอกจากนั้นในห้องก็มีแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วๆ ไปก่อนจะคว้ากุญแจรถมินิคูเปอร์

ในขณะที่กำลังจะออกจากห้องนรกรก็ยังคงลอบมองร่างของวินทร์ที่กำลังกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปมาอย่างเป็นกังวล ไม่แน่ใจว่าควรจะทิ้งไว้แบบนี้ดีไหมจนกระทั่งวินทร์พยักหน้าให้ไปเขาจึงยอมปิดประตูในที่สุด หากก็ไม่ลืมล็อกกุญแจห้องจากด้านนอกไว้ด้วยเป็นการป้องกันอีกชั้น อย่างน้อยก็จะได้อุ่นใจว่าเมื่อกลับมาร่างของวินทร์จะยังอยู่ในห้อง

oooooo

รถมินิคูเปอร์สีฟ้าเมทัลลิคเลี้ยวมาจอดลงหน้าบ้านทรงไทยสองชั้น นรกรเปิดประตูก้าวลงจากรถ นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบมองไปบนยอดกาแลตรงจั่วหลังคามีกาตัวใหญ่เกาะอยู่ นัยน์ตาสีอำพันของมันจับจ้องมาที่พวกเขา

นรกรรู้สึกใจคอไม่ดีชอบกล เขาหันไปหาร่างโปร่งแสงของวินทร์ที่มีสีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก แล้วก็คิดได้ว่าตอนนี้ตัวเองต้องเข้มแข็ง เขาจะมาทำตัวเหลาะแหละให้วินทร์ต้องเป็นห่วงอีกไม่ได้ เขาสูดลมหายใจเข้าจนสุดเพื่อตั้งสมาธิก่อนจะออกเดินนำเข้าไปในบ้าน

กว่าจะขึ้นมาบนบ้านได้ก็ผ่านพิธีกรรมรมธูปเหมือนครั้งก่อน ซึ่งทำเอานรกรไอโขลก ตาแสบร้อนไปหมด

ชายในชุดนุ่งขาวห่มขาวผู้ซึ่งทำหน้าที่ต้อนรับแขกพาพวกเขาเดินผ่านชานบ้านที่วันนี้ไม่มีใครเข้าไปยังห้องด้านในที่เต็มไปด้วยเครื่องรางของขลังซึ่งเขาเคยมาเมื่อครั้งก่อน

“ว่าไงพ่อหนุ่ม” ร่างทรงเจ้าของหนวดทรงนายจันทร์หนวดเขี้ยวในชุดสีขาวปลอดทักทาย “มาเยี่ยมหากันทั้งทีทำไมมาในสภาพนี้ล่ะ”

“ไหนว่าดูดวงแม่นไงครับ แล้วมาถามผมทำไม” วินทร์ว่า

“พี่วินทร์” นรกรเอ็ดเบาๆ มาขอร้องให้เขาช่วยยังจะปากดีอีก

“ก็เพราะรู้น่ะสิถึงได้ถาม” อาจารย์องค์อินทร์เว้นวรรคไปพร้อมกับจ้องตาร่างโปร่งแสงตรงหน้าเพื่อเป็นการทวงถามถึงคำที่เคยคุยกันไว้เมื่อสิบสองปีก่อน “ฉันเตือนพ่อหนุ่มแล้วไม่ใช่เหรอ ตั้งแต่ตอนนั้น ว่ากลับมาแล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง และเป็นพ่อหนุ่มเองที่ยืนยันว่าจะกลับมา ในเมื่อพ่อหนุ่มเชื่อมั่นว่านี่คือพรหมลิขิต ทั้งที่มันคือกรรมลิขิตแท้ๆ”

“พูดมากไปแล้วนะครับ” วินทร์กระซิบลอดไรฟัน

“หมายความว่าไงครับ” นรกรรีบแทรกขึ้น “ที่บอกว่าเป็นกรรม…”

“กลับกันเถอะฮาร์ฟ ดูท่าว่าเขาจะช่วยอะไรเราไม่ได้หรอก” วินทร์ตัดบทพร้อมกับกลับหลังหันเดินไปที่ประตู

นรกรมองร่างโปร่งแสงที่หยุดยืนรออยู่แล้วหันกลับมาหาร่างทรงที่นั่งประสานมือมองดูพวกเขาอยู่ นึกเสียดายที่อุตส่าห์มาถึงที่นี่แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง มีเรื่องอยากจะถามต่อว่าที่ทั้งสองคุยกันนั้นมีความหมายอะไรกันแน่ หากสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเชื่อใจวินทร์

“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ อ้อ! แล้วอาทิตย์หน้าอย่าลืมมาหาหมอตามนัดนะครับ เดือนก่อนคุณก็ผิดนัดผมมาครั้งหนึ่งแล้ว” นรกรทิ้งท้ายก่อนจะรีบก้าวยาวๆ ไปหาวินทร์

“ยังจะห่วงเรื่องมาไม่มาตามนัดอีกนะ” วินทร์ดุไม่จริงจัง หนักไปทางเอ็นดูเสียมากกว่า

“ก็พอดีผมนึกขึ้นได้นี่ครับ”

“พ่อหนุ่มยังจำได้ใช่ไหม วิธีตัดกรรมที่เคยบอกไป” อาจารย์องค์อินทร์พูดตามหลัง

วินทร์ก้าวสะดุดทันที “เรื่องไร้สาระแบบนั้นใครจะไปจำ” เขาพูดเสียงดังก่อนจะเดินจ้ำพรวดลงบันไดไป

ลงมาถึงรถวินทร์ก็พุ่งเข้าไปนั่งตรงตำแหน่งข้างคนขับ นรกรเปิดประตูตามขึ้นมา เขากดปุ่มสตาร์ทรถเตรียมจะเข้าเกียร์ขับออกไป แต่แล้วก็เปลี่ยนใจดับเครื่องและหันไปหาร่างโปร่งแสงที่ดูหงุดหงิดพิกล อีกทั้งการที่ทำตัวเสียมารยาทถึงขนาดเดินหนีมาแบบนั้นมันก็ดูไม่ค่อยสมเป็นคนที่ชอบเผชิญหน้าอย่างวินทร์เท่าไหร่ “พี่วินทร์ เล่าให้ผมฟังสิครับว่านี่มันเรื่องอะไรกัน”

วินทร์ทำเป็นหันไปมองวิวนอกหน้าต่างทั้งที่รถยังไม่ได้เคลื่อนตัวไปไหน “ไม่มีอะไรหรอกฮาร์ฟ เรื่องมันตั้งนานมาแล้ว”

“มันต้องมีสิ มาถึงป่านนี้แล้วพี่วินทร์จะปิดผมทำไมครับ บอกมาสิว่ามีอะไรเราจะได้ช่วยกันแก้ไข”

วินทร์เงียบไปอึดใจ เคยตั้งใจว่าจะให้มันเป็นความลับติดตัวที่ตายตามเขาไปในสักวัน แต่ในเมื่อสักวันที่ว่านั้นมันมาถึงเร็วกว่าที่คิด เขาก็คงไม่มีทางเลี่ยงอีกแล้ว วินทร์หันหน้ากลับมาช้าๆ สบนัยน์ตาสีอ่อนที่เขาหลงรักมานานหลายปี ยังคงรู้สึกลำบากใจที่จะพูดหากก็ค่อยๆ เล่าออกไป “สิบสองปีก่อน วันที่ฉันเลือกว่าจะอยู่หรือไป… เขาบอกฉันว่าทั้งบุญและกรรมของฉันชดใช้กันหมดแล้ว จะไปเกิดใหม่เพื่อสะสมบุญหรือจะกลับมาก็ได้ แต่ถ้าเลือกที่จะกลับมาก็เท่ากับฉันยอมให้เอาห่วงมาผูกคออีกครั้ง”

“ห่วงที่ว่านั่นคืออะไรครับ” นรกรถามต่อ

วินทร์เงียบไปอีกครั้ง เนิ่นนานทีเดียวกว่าจะพูดต่อ “นายเคยได้ยินคำโบราณคำหนึ่งไหมที่ว่า ‘น้ำตาทำให้คนตายมีห่วง’”
นรกรพยักหน้าช้าๆ

“ตอนนั้นฉันเหมือนคนตายไปแล้วฮาร์ฟ และฉันเลือกที่จะกลับมาเพราะฉันทนเห็นน้ำตานายไม่ได้”

นรกรนิ่งไปเมื่อเข้าใจความหมายของมัน เขารู้ว่าวินทร์ต้องผ่านความลำบากอะไรมาบ้างเพื่อมาเจอกับเขา แต่ที่เขารับรู้มานั่นคงไม่ถึงครึ่งของความจริงที่วินทร์ต้องเผชิญสินะ

“ไม่ต้องรู้สึกผิดฮาร์ฟ อย่าคิดมาก ไม่มีความสุขใดได้มาฟรีๆ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันยอมแลกมามันแสนคุ้มค่า เพราะมันทำให้ฉันได้มาเจอและรักกับนาย” วินทร์บอก

“ถึงว่าสิ พี่วินทร์ดูตกใจก็จริงที่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้แต่ก็ไม่ได้โวยวาย หรือกังวลมากอย่างที่ควรจะเป็น ที่แท้ก็พอจะรู้อยู่แล้วนี่เอง”

วินทร์พยักหน้า “ก็เตรียมใจมาตลอดล่ะนะ เพราะฉันไม่รู้ว่าเวลาที่ได้คืนมาอีกครั้งมันเหลือมากน้อยแค่ไหน นี่คือเหตุผลที่ฉันอยากอยู่กับนายให้มากที่สุด จนบางครั้งก็เยอะเกินไปจนดูไร้สาระบ้าง ขอโทษนะถ้าทำให้อึดอัด ฉันมันคนเห็นแก่ตัวน่ะ”

“แต่เรายังมีทางแก้ใช่ไหม วิธีตัดกรรมที่อาจารย์บอก”

วินทร์พยักหน้า

“บอกผมมาสิครับว่าวิธีที่ว่าคืออะไร” นรกรถาม “บอกมาครับ ผมยอมทำทุกอย่างเลยถ้ามันจะช่วยพี่วินทร์ได้”

“ไม่ต้องลำบากหรอกฮาร์ฟ”

“ไม่ลำบากอะไรเลยครับ” นรกรบอกหนักแน่น “ถ้าหากพี่วินทร์ยังยืนยันว่าการพบกันของเราคือพรหมลิขิต ผมก็จะทำแน่ใจว่านั่นไม่ใช่ห่วงกรรม แต่มันคือคำสัญญาของเรา” เขาพูดพร้อมกับขยับแหวนเงินบนนิ้วนางข้างซ้ายที่แทบไม่เคยถอดออกจากนิ้วนับจากวันที่ได้รับมาจากคนตรงหน้า

วินทร์หลุบตาลงมองแหวนเงินที่เป็นคู่กันบนมือของตนก่อนจะตวัดขึ้นสบตานรกร แววตามุ่งมั่นจริงจังที่จะช่วยเขาให้ได้ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี มันก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจนนิดเดียว

ความรู้สึกตื้นตันเอ่อล้นขึ้นเต็มหัวใจ ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ชีวิตถึงจุดตกต่ำเขายังมีใครสักคนที่อยู่เคียงข้างเขา ทว่า ก็กลับมีอีกคำถามผุดขึ้นมาในใจ ว่าแล้วเขาจะต้องทำให้คนที่เขารักต้องมาทนลำบากเพื่อเขาอีกสักกี่ครั้งกัน

เมื่อรู้แล้วว่าคงไม่มีใครช่วยได้ตามคำพระที่ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ระหว่างเดินทางกลับบ้านทั้งสองก็ลองขบคิดหาวิธีไปเรื่อยๆ
“แล้วเราจะทำยังไงให้หมอนั่นยอมออกจากร่างฉันในเมื่อมันบอกว่าอยากมีชีวิต แล้วร่างเก่ามันก็โดนเผาไปแล้ว...หาร่างให้ใหม่เหรอ งั้นเราลองไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ห้องฝากศพไหมเผื่อว่าจะมีพวกศพไร้ญาติอะไรแบบนี้” วินทร์เสนอ

“ไปถึงที่นั่นถ้าไม่โดนแช่แข็งก็ฉีดฟอร์มาลีน” นรกรว่า “แบบนั้นใช้ไม่ได้หรอกครับ และพอลองคิดตามหลักแล้ว ถ้าสมองขาดออกซิเจนนานเกินสี่นาทีจะถูกทำลายไปเรื่อยๆ แบบนั้นผมว่าต่อให้วิญญาณเข้าร่างได้ก็ฟื้นมาในสภาพพิการหรือเป็นผักอยู่ดี ซึ่งเจ้าผีนั่นก็คงไม่ยอมแน่ๆ ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากรู้คือทำไมมันถึงเลือกพี่วินทร์มากกว่า”

วินทร์นิ่วหน้านึกอยู่อึดใจ “หล่อ”

“อย่ามาตลกครับ” นรกรว่า นึกอยากหยิกให้เนื้อขาดจริงๆ ถ้าหากว่าทำได้ละก็

“ก็ฉันคิดไม่ออกแล้วนี่นา” วินทร์ถอนหายใจ “เราลองมองโลกในแง่ดีนะ พอกลับไปถึงบ้านมันอาจจะออกร่างฉันไปแล้วก็ได้”

“แบบนั้นจะดีได้ยังไงครับ พี่วินทร์ไม่ได้ฟังที่ผมพูดเรื่องสมองตายเพราะขาดออกซิเจนเลยใช่ไหม”

“วันนี้อาจารย์ดุจัง ลูกศิษย์กลัวจนหัวหดแล้วนะครับ” วินทร์จุ๊ปากพร้อมกับหลิ่วตา นั่นทำให้ใบหน้าที่เคร่งเครียดของนรกรผ่อนคลายลงบ้าง ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุเขายังไม่เห็นนรกรยิ้มเลยสักครั้ง แล้วนับจากนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกบ้างก็ไม่รู้ หลังจากฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลเมื่อสิบสองปีก่อนตัวเขาค่อนข้างทำใจไว้เยอะแล้วจริงๆ อย่างที่บอกไป แต่เขาไม่ได้ทำใจและทำใจไม่เลยถ้าต้องมาเห็นคนที่รักต้องมาเป็นทุกข์เพราะเรื่องของเขา

ทั้งสองเดินมาหยุดหน้าประตูห้อง นรกรกำลังไขประตูเตรียมจะเข้าไป วินทร์ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

“ฮาร์ฟอย่าเพิ่งเข้าไป”

“มีอะไรเหรอครับ”

“ฉันได้กลิ่นแปลกๆ นายรออยู่ตรงนี้แหละเดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูก่อน”

“แบบนั้นจะรอได้ยังไงครับ ถ้าเกิดเจ้าวิญญาณนั่นมันทำอะไรกับร่างพี่วินทร์ล่ะ” นรกรไม่ฟังคำทัดทานและเปิดประตูพรวดเข้าไป นัยน์ตาสีอ่อนกวาดมองไปรอบๆ รวดเร็ว ในห้องตรงส่วนพื้นที่รับแขกทุกอย่างดูปกติดี มีแค่ทีวีที่ถูกเปิดทิ้งไว้ แต่ไม่มีร่างของวินทร์นั่งอยู่ตรงโซฟาเหมือนครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนออกไป “หายไปไหนนะ”

“ฮาร์ฟ นายรออยู่ตรงนี้แหละ” วินทร์พยายามคว้าตัวคนตัวเล็กกว่าแต่ก็คว้ามาได้เพียงความว่างเปล่า เขากำหมัดแน่นด้วยความขัดใจก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ตามหลังนรกรที่เดินไปทางห้องครัว “ฮาร์ฟ! รอด้วย อย่าไปคนเดียวสิ”

สิ่งที่นรกรกลัวที่สุดคือการที่วิญญาณร้ายนั่นจะทำร้ายร่างของวินทร์ เขาจึงมองหาที่เก็บมีดเป็นที่แรก เห็นมีดทุกเล่มยังอยู่ครบดีในช่องเสียบก็ถอนหายใจไปเปลาะหนึ่ง กำลังจะเดินออกจากครัวไปหาในห้องอื่นหูก็แว่วได้ยินเสียงกุกกักมาจากด้านใน เขาละสายสายตาจากมีดหันไปมองหาต้นตอของเสียงซึ่งมาจากหลังประตูตู้เย็น

ระยะหลังมานี้วินทร์ค่อนข้างชอบทำอาหารเป็นพิเศษและเน้นไปทางอาหารเพื่อสุขภาพ เขาจึงลงทุนซื้อตู้เย็นแบบสองประตูคู่ขนาดยี่สิบคิวไว้เพื่อใช้แช่ของสดที่เขาซื้อมาตุนไว้มากมายมีทั้งผัก ผลไม้ ปลาเป็นตัวๆ และอกไก่แช่แข็งอีกหลายแพค

ภาพที่นรกรเห็นทีแรกคือประตูถูกเปิดคาไว้ และเพราะตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้ว ข้างนอกเริ่มเป็นเวลาโพล้เพล้ อีกทั้งในห้องก็ไม่ได้เปิดไฟสักดวง แสงไฟสีขาวจากในตู้เย็นจึงส่องกระทบให้เห็นเงาสีดำทอดยาวไปบนพื้น เขาค่อยๆ เดินอ้อมไปด้านหลังอย่างระแวดระวัง และภาพที่ปรากฏสู่สายตานั้นแทบทำให้เขาล้มทั้งยืน

ตั้งแต่จำความได้ เขาเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นมาทั้งชีวิต ทั้งภูติผี วิญญาณเร่ร่อน หรือสัมภเวสีที่มาในสภาพสวยงามและไม่น่าพิศมัย ซึ่งเขาชินชากับภาพเหล่านี้แล้ว แต่ไม่ใช่กับภาพวิญญาณที่อยู่ในร่างของคนที่เขารักนั่งยองๆ อยู่บนพื้น ใบหน้าเลอะเศษอาหารมอมแมม สองมือถือชิ้นเนื้อไก่ดิบและกัดกินอย่างตละตะกลาม รอบตัวมีเศษซากของที่มันกินเหลือทิ้งไว้เต็มพื้นทั้งกระดูก ปลาที่ถูกแทะจนแหว่งวิ่น เปลือกไข่แตกกระจายเละเทะ

“คุณ... ทำ... อะไร” นรกรพยายามตั้งสติถามออกไป

วิญญาณในร่างวินทร์ค่อยๆ หันกลับมามองเขาด้วยนัยน์ตาขวางๆ ของมัน แล้วโยนกระดูกไก่ที่แทะเนื้อจนหมดทิ้งลงพื้นก่อนจะแลบลิ้นเลียปากที่เป็นคราบมันและลุกขึ้นยืน “ฉัน... หิว...” เสียงนั้นเป็นของวินทร์ก็จริงแต่ก็แหบแห้งจนน่ากลัว มันค่อยๆ สืบเท้าเข้ามาหาเขาช้าๆ

“ฮาร์ฟอันตราย ถอยไป อย่าไปยุ่งกับมัน” วินทร์พยายามเรียกแต่นรกรไม่ฟังเขาทิ้งร่างวินทร์ไว้แบบนี้ไม่ได้

“ถ้าหิวผมทำอะไรให้กินไหม... กินสดๆ ท้องจะเสียเอานะครับ”

“อาหารเหรอ” มันถาม

“ใช่ครับ ผมจะทำอาหารให้” นรกรพูดซ้ำ “คุณบอกว่าอยากกลับมามีชีวิต... อยากเป็นคนไม่ใช่เหรอ คนเป็นๆ เขาไม่กินของดิบๆ กันหรอกนะครับ”

“แต่... ฉัน... หิว...”

“ก็กำลังจะทำให้นี่ไงครับ วางลงก่อนสิ” นรกรพยายามปะเหลาะ “นะครับ”

“จริงนะ”

“ผมจะโกหกทำไมล่ะครับก็คุณสิงร่างพี่วินทร์อยู่” นรกรบอก “เอางี้เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาคุณไปอาบน้ำอาบท่าก่อนนะครับ ชุดเปื้อนหมดแล้ว แล้วระหว่างนี้ผมจะทำอาหารให้กิน ตกลงนะ”

มันเคี้ยวปากแจ๊บๆ อย่างช่างใจก่อนจะตอบรับ “อย่าโกหกล่ะ”

“ห้องน้ำอยู่ด้านใน ของในนั้นใช้ได้ตามสบาย แล้วผมจะเตรียมชุดใหม่สะอาดๆ ไว้ให้นะครับ”

แล้วมันก็เดินดูดนิ้วที่เปรอะเปื้อนผ่านหน้านรกรไปทางห้องน้ำ

คล้อยหลังวิญญาณร้าย ร่างโปร่งแสงก็ถอนหายใจเสียงดังแล้วหันไปหาคนใจกล้า “นายนี่มันสุดยอดจริงๆ แต่ฉันขอร้องล่ะอย่าทำแบบเมื่อกี้บ่อยๆ นะฉันหัวใจจะวาย”

“สบายมากครับ พี่วินทร์อย่าลืมสิว่าผมอยู่กับพวกนี้มาแต่เด็กนะ” นรกรบอก “พี่วินทร์ไปเฝ้าหมอนั่นไว้เถอะ ผมจะเก็บของ”

“แล้วนายจะทำอะไรให้มันกิน เละเทะเสียขนาดนี้”

“โทรศัพท์มีไว้ทำไมครับ เดี๋ยวผมสั่งพวกเดลิเวอร์รี่มาส่งเอาก็ได้”

“พ่อคนฉลาด” วินทร์บอกก่อนจะพุ่งไปทางห้องน้ำ ตอนนั้นเองที่เขานึกขึ้นได้ว่าจดเบอร์ของร้านอาหารตามสั่งหน้าคอนโดไว้และหันกลับมาเพื่อจะบอก ทว่าภาพที่เขาเห็นกลับไม่ใช่คนใจกล้าที่ยืนเจรจากับผีเมื่อสักครู่ แต่เป็นแค่ผู้ชายตัวผอมบางคนหนึ่งที่นั่งคุกเข่าลงกับพื้น มือซึ่งกำลังยื่นออกไปเก็บกวาดของทิ้งสั่นน้อยๆ จนเจ้าตัวต้องดึงมากำไว้แน่นให้หายสั่น วินทร์เม้มปากแน่น อยากโผเข้าไปปลอบหากก็พูดอะไรไม่ออกและเขาคิดว่านรกรเองก็กำลังพยายามไม่ทำตัวอ่อนแอให้เขาเห็น ดังนั้นการที่เขาเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปอาจจะเป็นการดีเสียกว่า

อึดใจต่อมาวิญญาณในร่างวินทร์ก็อาบน้ำเสร็จใส่ชุดนอนออกมา ทันทีที่เห็นอาหารบนโต๊ะมันก็พุ่งเข้าใส่และกินเอาๆ ราวกับตายอดตายอยากมาหลายปี

“เติมข้าวอีกไหมครับ”

“เอามาอีก” มันคำรามพร้อมกับทำท่าจะเข้ามากระชากหม้อหุงข้าวไป

นรกรรีบคว้าหลบพร้อมกับกล่าวเสียงเฉียบ “อยู่แบบมนุษย์ครับ”

วิญญาณในร่างวินทร์ทำหน้าขัดใจ แต่ก็ยอมยื่นจานเปล่าให้ตักข้าวใส่ เอาทำวินทร์ตัวจริงที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ต้องแอบปิดปากหัวเราะ แฟนเขานี่แน่นอนจริงๆ จะว่าไปตัวเขาเองก็โดนปราบซะอยู่หมัดเลยนี่นา นี่ถ้าหากนรกรคุยกับเจ้าผีนี่รู้เรื่องได้จริงๆ ก็คงจะดีสินะ
พอเห็นวิญญาณดูเริ่มจะอารมณ์ดี นรกรก็ลองเลียบเคียงถาม “คุณชื่ออะไรครับ”

“จะรู้ไปทำไม” วิญญาณว่า “ตอนนี้ฉันก็เป็นไอ้วินทร์ แฟนแกไง”

“เราคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอครับ”

“ไม่!” วิญญาณตอบ “เพราะแกกำลังจะหาทางไล่ฉันออกจากร่างนี้”

“ก็มันไม่ใช่ที่ๆ คุณควรอยู่นี่ครับ” นรกรบอก “ไม่คิดจะไปสู่สุขคติเหรอครับ”

“ไม่! ถ้าฉันคิดจะทำแบบนั้นฉันคงไปนานแล้วล่ะ” พูดจบมันก็กระแทกจานข้าวลงบนโต๊ะจนมันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ “อิ่มแล้วฉันจะนอนล่ะ” มันลุกขึ้นแล้วตอนนั้นเองที่ทำท่าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้และหันกลับมาคว้าต้นแขนนรกรแล้วออกแรงดึงให้ลุกตามมาด้วยกัน

“แกจะทำอะไรน่ะปล่อยฮาร์ฟเดี๋ยวนี้นะ!” วินทร์ตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้าไปขวาง พยายามจะกระชากตัวทั้งสองให้แยกออกจากกันแต่ก็คว้าอะไรไม่ได้เลย

“แกจะไปนอนด้วยกันไหมล่ะ หืมมมม ที่รัก”

นรกรออกแรงขืนตัวไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี “ผมจะนอนโซฟา” เขาพูดเสียงดังฟังชัด “แล้วจำไว้ด้วยว่าผมไม่ใช่แฟนคุณ”
ได้ยินดังนั้นมันก็ปล่อยมือแล้วเดินกระทืบเท้าเข้าห้องไป วินทร์หันไปชูนิ้วกลางใส่ตามหลังก่อนจะหันมาดูนรกรที่กำลังลูบแขนซึ่งเป็นรอยจ้ำแดงรูปมือชัดเจน “เจ็บมากไหม”

“นิดหน่อยครับ”

“ฉันเป่าให้นะ” วินทร์บอกพร้อมกับทำแก้มป่องอมลมไว้เต็มแล้วเป่าใส่ท่อนแขนพร้อมกับทำปากขมุบขมิบท่องคาถามั่วๆ ไปด้วย นาทีนี้เขาคงทำได้ดีที่สุดแค่นี้แหละ “ดีขึ้นไหม”

“ครับ” นรกรหัวเราะคิกคักกับท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของร่างโปร่งแสง

วินทร์มองดูคนตรงหน้า ถึงนี่จะยังไม่ใช่ยิ้มที่สดใสนักอย่างที่เขาคาดหวังจะได้เห็นแต่มันก็เป็นยิ้มแรกของนรกรในรอบวัน “ดึกแล้ว นายเองก็ไปอาบน้ำนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”

เดินเข้าไปในห้องน้ำเห็นเสื้อผ้าที่วิญญาณในร่างวินทร์ถอดทิ้งไว้วางกองอยู่หลังประตู เขาค่อยๆ หยิบมันขึ้นมามันเป็นเสื้อสีครีมตัวที่เขาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตั้งหลายปีมาแล้วจนคอเริ่มเปื่อย หากเจ้าตัวก็ยังชอบเอามาใส่บอกว่าเสื้อเก่าใส่สบาย แต่เขารู้ว่าวินทร์แค่ชอบเพราะเขาซื้อให้ มาตอนนี้โดนเจ้าผีนั่นทำเสียเละเทะจนไม่คิดว่าเอาไปซักหลายๆ ครั้งแล้วก็จะใส่ได้อีก

ขอบตาทั้งสองร้อนผ่าว นรกรกัดปากจนห้อเลือด เขากลั้นใจดันความอ่อนไหวที่กำลังจะทะลักอกมากลับลงไปซ่อนให้ลึกที่สุดในหัวใจพร้อมกับเก็บเสื้อผ้าชุดนั้นทิ้ง... พอไล่เจ้าผีนั่นไปได้ แล้ววินทร์กลับมาเป็นวินทร์ของเขาเมื่อไหร่ อย่าว่าแค่เสื้อตัวเดียวเลย เขาจะเผาเสื้อทุกตัวที่เจ้าผีนั่นสัมผัสทิ้งแล้วเหมาซื้อของใหม่หมดทั้งร้านมาให้วินทร์เลย

หลังจากอาบน้ำเสร็จนรกรก็หอบผ้าห่มมาที่โซฟาในห้องรับแขก เขากราบพระแล้วล้มตัวลงนอนมองฝ้าเพดานในความมืดโดยมีร่างโปร่งแสงของวินทร์นั่งเหยียดขาพิงอยู่บนพื้นข้างๆ ฟังจากเสียงกรนที่ดังออกมาเจ้าวิญญาณไม่รู้หัวนอนปลายเท้านั่นคงหลับปุ๋ยไปแล้ว แต่เขายังไม่ง่วงเลยสักนิด ทั้งที่แทบไม่ได้นอนมาร่วมสามวันแล้ว

“แล้วพรุ่งนี้เราจะเอายังไงกับเจ้าผีนี่ดีครับ” เขาถาม

“ก็คงต้องใช้มุกขังไว้ที่บ้านเหมือนเดิม” วินทร์บอก “นายจะหอบไปทำงานด้วยยังไงล่ะ เจ้าผีนี่ไม่ได้มารยาทดีเหมือนฉันนะ ดูท่าทางตอนมันกินสิ โคตรน่าขยะแขยงเลย”

“เขาคงอดอยากมานาน” นรกรกระซิบ “พรุ่งนี้ผมจะลองไปถามพี่สาวในห้องล็อกเกอร์ดูเผื่อเธอจะช่วยอะไรได้”

“นี่นางยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกเหรอ” วินทร์ถาม
“ก็เห็นนั่งแอบมองน้องๆ เปลี่ยนชุดอยู่” นรกรบอก “จะว่าไป... พี่วินทร์เคยเห็นผู้หญิงตรงบันไดทางขึ้นระหว่างชั้นสองกับชั้นสามไหมครับ”

วินทร์ทำหน้านึกอยู่อึดใจ “เคยเดินสวนกันตั้งแต่สมัยนู้นแน่ะ แต่ไม่เคยคุยด้วย ฉันก็บอกนายแล้วนี่นาว่าไม่มีผีที่ไหนยอมคุยกับฉัน... มีอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่าจะแนะนำให้รู้จักน่ะ” 

“พี่วินทร์อยากรู้จักไหมล่ะครับ”

“จะบ้าเรอะ!” วินทร์เอ็ดเบาๆ “ฉันกลัวผีนะ ไม่เอาหรอก”

“แต่ผมเห็นเธอดูเป็นห่วงเป็นใยพี่วินทร์นะ” นรกรบอก “ตอนนั้นเธอก็เป็นคนกระชากขาผมแล้วบอกว่าพี่วินทร์กำลังจะไป ผมก็เลยวิ่งออกไปหาที่สวนถึงจะไม่ทันก็เถอะ แล้วเมื่อวันก่อนตอนที่ผ่าตัดเลิกดึกน่ะ เธอก็ขึ้นมาหาเหมือนกับจะบอกอะไร แล้ววันที่พี่วินทร์เกิดอุบัติเหตุเธอก็ร้องไห้ด้วยล่ะ”

คิ้วเข้มย่นเข้าหากัน “เธอน่าจะเป็นห่วงนายมากกว่า ไม่ได้เป็นห่วงอะไรฉันหรอก”

“ทำไมถึงคิดแบบนั้นละครับ”

“ก็นายมีแต่ผีรักนี่นา”

“จริงเหรอครับ ผมไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย”

“จริงสิ อย่างน้อยก็มีคนนึงที่นั่งอยู่ตรงนี้ไง”

นรกรเหลือบตามองร่างโปร่งแสงนี่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ แก้มขาวซับสีเข้มขึ้นเล็กน้อย คนอะไรขนาดเหลือแค่วิญญาณยังทำให้เขาใจเต้นได้ เขารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่อีกฝ่ายจะทำให้เขาเลือดลมสูบฉีดไปมากกว่านี้ “นอนไม่หลับน่ะ ร้องเพลงให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ”

“เอาแต่ใจจัง แฟนใครเนี่ย” วินทร์บอกพร้อมกับชะโงกตัวไปกดจูบลงหน้าผากแล้วกลับมานั่งลงตามเดิมก่อนจะค่อยขยับริมฝีปากฮึมฮัมเพลงในลำคอ

นรกรยกมือขึ้นจับหน้าผาก มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกเย็นวูบเหมือนโดนลมพัด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงอุ่นในใจเขาเสมอ เขาค่อยๆ ขยับตัวหันตะแคงข้างเพื่อมองดูร่างโปร่งแสงนั้นให้ชัดๆ ก่อนจะค่อยๆ ปิดตาลงพาใจล่องลอยไปกับเนื้อเพลงที่วินทร์ร้องและผล็อยหลับไปในที่สุด พร้อมกับคำภาวนาจนสุดหัวใจ ว่าเมื่อแสงของวันใหม่กลับมาจะพาเอาความหวังกลับคืนมาให้พวกเขาด้วย

*****************************************TBC************************************************

Talk
ตอนนี้แต่งยากตรงที่ พาอารมณ์ไปสุดไม่ได้สักทาง จะให้เศร้าจนน้ำตาไหลพรากไปเลยก็ไม่ได้เพราะทั้งคู่อยู่ในจุดที่พยายามจะเข้มแข็งเพื่อกันและกัน เป็นครั้งแรกที่เขียนๆ ไปละแบบ... วินทร์เอ๊ย มุกเสี่ยวแกนี่แป่กจังว่ะ แกจะเล่นแบบนี้จริงๆ เหรอวะ... แล้ววินทร์ก็คงหันมายิ้มแห้งพร้อมกับบอกว่า 'ทำสิ ถ้ามันจะทำให้ฮาร์ฟยิ้มได้'

 ปล. ช่วงนี้ถ้าอัพถี่อย่าเพิ่งเบื่อเก๊านะ เก๊าอยากจะผ่านจุดเศร้านี้ไปเร็วๆ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #744 เมื่อ20-05-2018 18:42:25 »

อึดอัดจัง ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย แงๆๆ

ออฟไลน์ Poompim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #745 เมื่อ20-05-2018 18:44:57 »

 :sad4: :sad4: :sad4: ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า ขอให้ทั้งคู่ผ่านเรื่องนี้ไปเร็วๆๆด้วยเทิด เฮ้อออออ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #746 เมื่อ20-05-2018 20:15:45 »

กำจริงๆ  กรรมเวรแท้ๆ  ได้ผีปอบ  :fire: :fire: :fire:

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #747 เมื่อ20-05-2018 21:12:09 »

อัพถี่ๆ เลยจ้า รออ่าน  :call:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #748 เมื่อ21-05-2018 10:51:54 »

มาอัพทุกนาทีเลย..ยยยย อยากผ่านไปให้ไวยิ่งกว่า..หัวใจจะวาย  :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #749 เมื่อ21-05-2018 12:14:51 »

สู้ๆนะ
ผ่านมาม่าไปเร็วๆเถอะ
สงสาร

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด