Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]  (อ่าน 279158 ครั้ง)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #750 เมื่อ21-05-2018 18:55:02 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Cappello

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #751 เมื่อ22-05-2018 02:43:16 »

ปวดจายยยย  :hao5:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #752 เมื่อ22-05-2018 07:40:43 »

จับมือผ่านมันไปด้วยกัน  :a2: :a2: :a2:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #753 เมื่อ22-05-2018 15:40:54 »

รักยังอยู่

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #754 เมื่อ23-05-2018 00:47:07 »

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ไม่น่าผ่านมาเห็นเลยยย

น่าจะรอให้ผ่านไปหลายๆตอนก่อน

ฮืออออออ

สงสารฮาฟฟฟฟ พี่วินด้วย

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #755 เมื่อ23-05-2018 13:41:21 »

สงสารน้องฮาร์ฟจังเลยค่ะ ขอให้ไล่ผีบ้าไปได้เร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ Milk2537

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #756 เมื่อ23-05-2018 14:06:16 »

อ่านเล้าเป็ดมานานแล้วแต่ไม่เคยสมัครสมาชิค นี้มาสมัครเพราะจะบอกว่า...อ่านเรื่องนี้อยู่นะ ให้เค้าได้รักกันสงบๆหน่อย งืออออ  :o12:แล้วก็ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  o13

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #757 เมื่อ23-05-2018 14:38:15 »

โอ้ยยย...อิผี!!!  ผีนั่นมันเป็นใคร  งื้ออออ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #758 เมื่อ23-05-2018 18:48:59 »

อัพถี่เลยค่ะ เป็นห่วงทั้งคู่จริงๆ

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #759 เมื่อ23-05-2018 23:04:51 »

ความรู้สึกแรกตอนเห็นว่ามีภาคสองมาต่อด้วยคือดีใจมาก
แต่พออ่านๆ ไปกลับเศร้าเลย แง้ๆๆๆๆ
สงสารฮาร์ฟมากๆ นุ้งรับบทหนักมาก
เอาอิตาผีไม่ดีนี่ออกไปให้ห่างจากนุ้งเดี๋ยวนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
« ตอบ #759 เมื่อ: 23-05-2018 23:04:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #760 เมื่อ25-05-2018 11:02:05 »

พอเห็นว่ามาต่อเลยรีบเข้ามาอ่าน
เจอมาม่าชามโตเลย     :hao5:
สงสารฮาฟ ไอ้ผีบ้ารีบๆออกไปเลยนะ  :angry2:
มาต่อเร็วๆนะคะใจจะขาดด  :monkeysad:

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #761 เมื่อ27-05-2018 00:15:40 »

ขนาดตอนพิเศษยังตื่นเต้นเลยนะคะ พี่วินทร์เราเป็นพระเอกสุดเศร้าแห่งปีได้มั้ยนะ

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #762 เมื่อ04-06-2018 23:12:01 »

รู้สึกค้างคา สงสานวินทร์จริงๆ

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #763 เมื่อ08-06-2018 11:09:48 »

ใช้เวลานานมากกกกกก กว่าจะอ่านจบ
ชอบในความมีมิติของตัวละครแต่ละตัว บุคลิกของแต่ละคนมันมีที่มาที่ไปทั้งหมด
ฮาร์ฟเป็นตัวละครที่มีรายละเอียดเยอะมาก และมีสีสันต์มากๆ คนหนึ่ง มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ชื่อจริง ชื่อเล่นที่มันแสดงถึงความละเอียดอ่อน เอาใจใส่ของครอบครัว แต่ครอบครัวของฮาร์ฟโดยเฉพาะพ่อ แสดงออกแบบผิดๆ ไปหน่อย โดยเฉพาะวิธีการเลี้ยงดู แต่โชคดีที่ท้ายที่สุดกลับมาเข้าใจกันได้ ผมชอบตัวละครตัวนี้มากๆ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #764 เมื่อ16-06-2018 21:59:32 »

บทที่ 4 บ้าน

คืนนั้นนรกรฝัน มันไม่ใช่ฝันร้ายแต่ก็ไม่ใช่ฝันที่ดีนัก แค่เรื่องราวในวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง

ย้อนกลับไปสมัยเขายังเป็นเด็ก ตอนที่เริ่มรู้ว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็มองเห็น เขาถูกพ่อกับแม่พาไปรักษา เด็กน้อยที่เอาแต่นั่งก้มหน้าไม่อยากคุยกับใครเพราะไม่รู้ว่านี่คนหรือผี เบื่อที่ต้องตอบคำถามเดิมๆ ว่า “ยังเห็นอยู่ไหม” และสิ่งที่เกลียดที่สุดก็เห็นจะเป็นยาเม็ดขมบาดคอซึ่งโดนบังคับให้กินวันสามเวลาหลังอาหาร

เด็กชายตัวผอมบางนั่งอยู่ที่ระเบียง ตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบลงมองเม็ดยากลมๆ ที่แอบกำแน่นอยู่ในมือ เขาเบะปากใส่ก่อนจะเหลือบมองซ้ายขวาเห็นว่าปลอดคนก็ตั้งท่าจะปาทิ้ง

แล้วตอนนั้นเองที่จู่ๆ ชายหนุ่มในชุดกาวน์สั้นก็เดินมานั่งลงข้างๆ

มันเป็นเรื่องปกติที่โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์จะมีนักเรียนแพทย์ขึ้นฝึกงาน เด็กชายแอบมองทางหางตา เพราะเกิดในครอบครัวอาจารย์แพทย์เขาจึงคุ้นเคยกับนักเรียนแพทย์เป็นอย่างดี ชายหนุ่มคนนี้ก็เหมือนกับนักเรียนแพทย์คนอื่นๆ

...สดใส เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นหมอที่ดีและเป็นอนาคตของชาติ...

เขาเหยียดขาที่ดูยาวเหลือเกินไปข้างหน้าและสบสออกมา

“ให้ตายสิพับผ่า!”

ใช่ซะที่ไหน! เครื่องหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวขมวดเป็นก้อนเหมือนคนไม่ได้ถ่ายมาสามวัน นอกจากจะพูดไม่เพราะแล้วยังมานั่งนินทาคนไข้คนอื่นเสียงดัง คงคิดว่าเขาเป็นเด็กได้ยินอะไรไปก็คงไม่เข้าใจ

“ตาลุงเตียงสามโคตรน่าเบื่อเลย ยาเยอไม่ยอมกินแล้วจะหายไหมเนี่ย เมื่อเช้าฉันก็เพิ่งจับได้ว่าแอบซุกยาไว้ข้างแก้มแล้วแอบไปบ้วนทิ้ง แบบนี้จะหายไหมเนี่ย มันน่าจับมัดแล้วเอายากรอกปากจริงๆ… นี่เจ้าหนูน่ะ”

นรกรสะดุ้งโหยง ไม่คิดว่าจะโดนเรียก เขารีบกำยาในมือแล้วเอาไปซ่อนไว้ข้างหลัง

“เด็กใหม่เหรอเราเพิ่งเคยเห็นหน้า”

นรกรพยักหน้าครั้งหนึ่ง

นักเรียนแพทย์คนนั้นย่นปาก “เห~ ตัวแค่นี้ป่วยซะแล้ว… เฮ้อ~ คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้นี่นะ เอาน่า! ก็แค่ป่วยนิดหน่อย เชื่อฟังหมอ กินยาแป๊บๆ เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้วล่ะ”

หลังจากวันนั้น จากที่ไม่สนใจใคร เขาก็เริ่มแอบมองนักเรียนแพทย์คนนั้นทะเลาะกับลุงเตียงสามบ่อยๆ
“นี่ลุงแอบอมยาไว้ข้างแก้มอีกแล้วเรอะ! ผมบอกให้กินทำไมไม่กินเล่า ตาลุงขี้เหล้าเอ๊ย!”

“ข้าไม่กิน  หมออยากกินก็กินเองสิวะ!”

“ผมบอกให้กินไง นี่ลุงไม่อยากหายดีกลับบ้านเร็วๆ หรือไง!”

พวกเขาทะเลาะกันเสียงโหวกเหวกโวยวายทุกวัน จนเกือบจะเป็นเรื่องปกติของที่นี่

ในสายตานรกร นักเรียนแพทย์คนนี้นั้นช่างตรงกันข้ามกับอาจารย์แพทย์ผู้ที่เลี้ยงดูเขามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งกายที่เรียบร้อย พูดจาสุภาพ และบุคลิกที่น่าเชื่อถือ เขาดูไม่ใกล้เคียงกับคนที่จะมาเป็นหมอที่ดีเลยสักนิด แต่ในความแตกต่างนั้นก็ทำให้นรกรเลิกมองไม่ได้สักที

เช้าวันหนึ่งในอีกหนึ่งเดือนต่อมา จู่ๆ เสียงโหวกเหวกนั้นก็เงียบไปจนน่าใจหาย นรกรแอบย่องไปดูและเห็นนักเรียนแพทย์คนเดิมนั่งเหม่ออยู่บนเตียงหมายเลขสาม

“เจ้าหนู”

นรกรหันไปเห็นลุงเจ้าของเตียงมายืนอยู่ข้างๆ นึกแปลกใจว่าทำไมวันนี้ลุงพูดดีกับคนอื่นได้และดูหน้าตาแจ่มใสกว่าทุกวัน

“ฝากขอบคุณหมอคนนั้นหน่อย ที่มาเป็นเพื่อนคุยให้ตาลุงขี้เมาคนนี้ทุกวัน”

นรกรหันไปมองนักเรียนแพทย์คนนั้นอีกครั้ง

“หลายเดือนก่อน เมียกับลูกสาวฉันโดนรถชนตายน่ะ ฉันเลยกลายเป็นคนสำมะเลเทเมา พยายามทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเพื่อนบ้านทนไม่ไหวเลยจับมาส่งโรงพยาบาลน่ะ” ลุงบอก “เขาอยากให้ฉันหายจากโรคซึมเศร้า บังคับให้ฉันกินยา เอาแต่บอกว่าชีวิตเราต้องไปต่อ แต่หมอยังเด็กคงไม่รู้ว่าชีวิตคนเราน่ะถ้าไม่มีจุดหมาย ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใครก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเหมือนกัน”

นรกรพยักหน้าตามเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

“ฝากบอกหมอให้ด้วยนะ ลุงไปล่ะ”

“ลุงได้กลับบ้านแล้วเหรอครับ”

ลุงหันมายิ้มให้พร้อมกับชี้มือไปที่ประตู นรกรมองตามไปเห็นผู้หญิงกับเด็กสาวยืนอยู่จะถามว่าสองคนนั่นเป็นใครแต่พอหันกลับมาลุงก็หายไปเสียแล้ว เขามองไปที่เตียงหมายเลขสามเห็นนักศึกษาแพทย์คนนั้นยกหลังมือขึ้นเช็ดหน้าเร็วๆ ก่อนจะกระโดดลงจากเตียงแล้วเดินกลับไปทำงานต่อ

นรกรได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้นไป ไม่ได้คิดจะตามหรือพูดอะไร เพราะเขาเองก็อยากกลับบ้านแล้วเหมือนกัน
.
.
.

“ฮาร์ฟตื่นเถอะ... ฮาร์ฟ...”

เสียงเรียกชื่อทำให้นรกรลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยชะโงกเงื้อมอยู่เหนือตัว เขาเอื้อมมือออกไปคล้องรอบคอร่างสูงใหญ่ตามความเคยชิน “เช้านี้มีอะไรกินครับ”

“ฮาร์ฟ! ตั้งสติก่อน นั่นมันไม่ใช่ฉัน!”

นรกรกะพริบตาอีกครั้ง เมื่อใบหน้านั้นเข้ามาใกล้ในระยะประชิดพอและสายตาปรับโฟกัสได้เขาก็ร้องเสียงหลง ยิ่งได้เห็นมือที่กำลังยุ่มย่ามไปทั่วร่างกายเขาก็รีบรวบคอเสื้อที่หลุดลุ่ยแล้วกระโดดหนีลงจากโซฟา “นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ!”

“จะร้องโวยวายทำไมก็เรื่องปกติไม่ใช่เหรอ”

“ปกติอะไรกันวะ!” ร่างโปร่งแสงของวินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ โวยวาย

“ก็ไอ้นี่มันตั้งจะให้ทำยังไงล่ะ ฉันก็ต้องหาทางเอาออกสิ” มันชี้มือไปที่กางเกงนอนซึ่งโป่งนูนขึ้นมาชัดเจน

นรกรหน้าแดง ในขณะที่วินทร์กุมขมับแน่น ไม่รู้ว่าที่คึกนั่นจะโทษเจ้าผีบ้านี่ดีหรือเป็นเพราะความเคยชินของร่างกายตัวเองกันแน่

“ก็ไปเอาออกเองสิเว้ย! มายุ่งอะไรกับแฟนคนอื่นเล่า”

“แกลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้เขาก็เป็นแฟนฉันด้วย” มันหันมาพูดหน้าตาเฉย

นรกรปล่อยให้ทั้งสองคนทะเลาะกันแล้วก็แอบหลบฉากหนีออกมาอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วผลัดให้เจ้าวิญญาณที่สิงอยู่ในร่างวินทร์เข้าไปอาบบ้าง ระหว่างนั้นเขาก็รีบคว้ากุญแจรถแล้วชิ่งออกจากคอนโดไปโดยไม่ลืมล็อกประตูจากด้านนอก

“หวังว่าวันนี้กลับบ้านไปจะไม่เจอฉากแบบหนังสยองขวัญเมื่อวานอีกนะครับ” ระหว่างที่เดินราวน์หอผู้ป่วยรอบเช้านรกรก็ยังอดเป็นห่วงเรื่องของวินทร์ไม่ได้

“นั่นสิ”

“จนป่านนี้แล้ว มันยังไม่ยอมบอกเราเลยว่ามันเป็นใครกันแน่ เอาแต่พูดว่าอยากมีชีวิตๆ ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ...” นรกรชะงักไปเพราะที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ร่างโปร่งแสง แต่มีนักเรียนแพทย์กลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้วย

ทุกคนพาทำหน้าตาประหลาดและสบตากันเร็วๆ ก่อนจะยกมือไหว้ “สวัสดีครับอาจารย์”

“สวัสดี” นรกรรีบตอบรับ

“เมื่อกี้อาจารย์คุยอยู่กับใครเหรอครับ...” นักเรียนแพทย์คนหนึ่งถามขึ้น

นรกรหน้าเสีย “เอ่อ... ก็...”

“บ่นว่าจู่ๆ ฉันก็หายไปไหนไม่รู้สิ” ร่างโปร่งแสงข้างกายกระซิบ

“อาจารย์วินทร์ไง” นรกรรีบพูด “ก็เมื่อกี้เดินคุยมาด้วยกันดีๆ แล้วนี่เดินหายไปไหนเสียแล้วล่ะ ให้ฉันคุยคนเดียวอยู่ได้”

“อ้อ” นักเรียนแพทย์พยักหน้า

“ได้ข่าวว่าอาจารย์วินทร์เกิดอุบัติเหตุ ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมครับ”

“ขอให้หายเร็วๆ นะคะ พวกเราเป็นห่วง”

“อืม” นรกรตอบ “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ ไว้จะบอกเขาให้”

นักเรียนแพทย์พากันสวัสดีอีกครั้งก่อนจะเดินเลี้ยวไปอีกทาง นรกรยกมือทาบอกอย่างโล่งอกก่อนจะรีบเปิดกระเป๋าเพื่อหาหูฟังเอามาสวมหลอกๆ ไว้เหมือนสมัยก่อน

“ขอโทษนะ ฉันทำให้นายลำบากอีกแล้ว” วินทร์พูดเสียงเศร้า

เขาใช้เวลาอยู่หลายปีเพื่อทำให้คนที่ชอบแยกตัวอยู่คนเดียว ไม่สุงสิง ไม่พูดจากับใครๆ กลายเป็นคนร่าเริงที่เข้ากับคนอื่นได้ และมาวันนี้ก็กลายเป็นเขาเองที่ทำให้นรกรกลับมาเป็นตัวประหลาด ที่ดูแปลกแยกในสายตาคนอื่นอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงเลี่ยงที่จะไม่พูดไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้าหรือส่ายหน้าให้แทนเวลาที่นรกรคุยด้วย

“ผมใส่หูฟังแล้ว คนอื่นดูไม่ออกหรอก” นรกรพูดราวกับอ่านใจเขาออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“แต่นายก็ไม่ควรใส่หูฟังเดินไปเดินมานะ” วินทร์กระซิบ “ตอนนี้นายไม่ใช่นักเรียนแพทย์ หรือแพทย์ประจำบ้านเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ... นายเป็นอาจารย์แล้วนะฮาร์ฟ”

“ผมมีบลูทูธนะครับ”

“ก็ไม่สมควรอยู่ดี” วินทร์ตัดบท “นายตั้งสมาธิกับงานเถอะ ฉันจะเดินตามนายไปเงียบๆ นี่แหละ... ไม่งั้นฉันจะกลับบ้านไปเฝ้าเจ้าผีนั่นแทนนายจะได้ไม่ต้องมาพะวักพะวนเรื่องฉัน”

“ผมไม่ชวนคุยแล้วก็ได้ครับ” นรกรรีบบอก “แต่อยู่ด้วยกันนี่แหละครับ แบบนี้ผมอุ่นใจกว่า”

“ฮาร์ฟ” เสียงเรียกดังมาตามทางเดิน นรกรหันไปเห็นศาสตราจารย์สรวิชญ์กับภรรยาจึงเดินเข้าไปหา

“เมื่อกี้คุยอยู่กับใครเหรอ” ผู้เป็นพ่อถาม

“พี่วินทร์ครับ” นรกรจับสายหูฟังที่ต่ออยู่กับโทรศัพท์ก่อนจะรีบดึงออกยัดใส่กระเป๋าเสื้อ “วันนี้ผมให้เขานอนพักอยู่บ้านน่ะครับ”

“อาการเป็นไงบ้างล่ะ”

“ก็ดีครับ”

“เหรอ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์พยักหน้า “ไม่มีอาการผิดปกติอะไรแน่นะ ตอนที่คุยกันวันก่อนพ่อว่าเจ้าวินทร์มันดูเอ๋อๆ แปลกๆ ยังไงชอบกล ปกติถึงจะชอบกวนประสาทพ่อ โดยการเรียกว่าอาจารย์พ่อบ้าง แต่จู่ๆ มาเรียกคุณพ่อคุณแม่มันก็ยังไงๆ อยู่”

“สมกับเป็นอาจารย์พ่อ สายตาเฉียบคมจริงๆ เลยครับ” ร่างโปร่งแสงของวินทร์บอกพร้อมกับยกนิ้วให้

“แต่คุณก็ไม่ได้ถืออะไรนี่คะ” วิมลภาว่า

“ก็ไม่ได้ถือ แต่รู้สึกว่ามันแปลกไง” ศาสตราจารย์สรวิชญ์หันไปพูดกับภรรยา “ผมคิดถึงเรื่องพฤติกรรมเปลี่ยนจากสมองกระทบกระเทือนหรือมีเลือดออกอะไรพวกนี้น่ะ นี่ก็จะสี่สิบแปดชั่วโมงหลังเกิดเหตุแล้วให้มาสแกนสมองซ้ำสักหน่อยก็ดีนะ กันไว้ดีกว่าแก้”

“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง ผมจะบอกเขาให้”

“แล้วเดือนหน้าที่พ่อจะทำบุญใหญ่ที่บ้านไปพร้อมๆ กับงานเกษียณน่ะตกลงแกจะเอายังไง” ศาสตราจารย์สรวิชญ์ถาม “จะมาหรือเปล่า”

“พ่อจะไม่ทำงานแล้วจริงๆ เหรอครับ”

“จริงๆ พ่อก็ถึงวัยมาหลายปีแล้วนะ นี่ก็อาศัยว่าอยู่มานานเลยขอช่วยราชการเขามาตลอด นี่เห็นว่าอะไรๆ มันก็เข้าที่เข้าทางไปเยอะแล้ว คลื่นลูกเก่าไป คลื่นลูกใหม่มา ถึงเวลาที่พ่อต้องหลบไปพักแล้วให้พวกลูกๆ ทำหน้าที่แทนแล้วล่ะ” ถึงปากจะพูดแบบนั้นหากก็มีกระแสของความเสียดายปนมากับน้ำเสียงของศาสตราจารย์สรวิชญ์ “อาจารย์ภูมิศิลป์เขาก็เป็นคนเก่งที่ทุ่มเทเพื่องานมาตลอด คิดว่าคงทำหน้าที่หัวหน้าภาคได้ดี ลูกก็ช่วยเขาดูแลน้องๆ แล้วถ้าเห็นใครมีแววก็รีบจีบมาช่วยกันสานงานต่อนะ”

“ผมเล็งอนุวัฒน์ไว้ครับ”

“อืม... เจ้าวัฒน์น่ะเหรอ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์นึก “เป็นคนฉลาด หัวไว แต่วันๆ พ่อไม่ค่อยเห็นเขาพูดเลยออกแนวขรึมๆ เสียมากกว่า ให้มาสอนจะไหวเหรอ”

“ผมเคยเห็นเขานั่งหลังขดหลังแข็งช่วยติวให้เจ้าโจ้อยู่ครับ ไม่เคยได้ยินเหมือนกันว่ามีทริคหรือวิธีการสอนอะไรยังไง แต่ดูจากคะแนนที่ดีขึ้นผิดหูผิดตาหลังจากที่สอบตกครั้งก่อนของเจ้าโจ้แล้ว ผมคิดว่าวัฒน์สอนดีทีเดียว” นรกรบอก “ยังไงผมจะลองคุยกับเขาดู ได้ผลเป็นยังไงจะมาเล่าให้พ่อฟังนะครับ”
ศาสตราจารย์สรวิชญ์พยักหน้า “ฝากด้วยนะ... แล้วตกลงจะมาหรือเปล่างานที่บ้านน่ะ”

“ขอผมคิดดูก่อนได้ไหมครับ”

“ธีร์ก็มาด้วยนะ เห็นว่าจะพาแฟนกับหลานมาด้วย” วิมลภารีบบอกด้วยท่าทางตื่นเต้น

“ดีจังเลยครับ ไม่ได้เจอกันมาปีนึงแล้วมั้ง ครั้งล่าสุดก็ตอนงานแต่งเลย ธีร์นี่มีลูกทันใช้จริงๆ นะครับ”

“อืม” ศาตราจารย์สรวิชญ์พยักหน้า

นรกรเงียบไปเมื่อฉุกใจคิดขึ้นได้ เขายังไม่แน่ใจว่าพ่อจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการที่เขาไม่สามารถมีหลานให้อุ้มได้อยู่หรือเปล่า จริงๆ แล้วงานทำบุญบ้านเป็นงานที่เขาไม่ชอบและมักจะหลบเลี่ยงทุกครั้งเพราะนอกจากจะต้องเจอหน้าญาติๆ แล้วสิ่งที่เขาไม่ชอบจนถึงขั้นเกลียดเลยคือคำถามจุกจิกส่วนตัวที่มักจะตามมาทุกครั้ง ตอนยังเด็กก็จะออกแนว “เทอมนี้ได้เกรดเท่าไหร่” “สอบได้ที่เท่าไหร่ของชั้น” พอเรียนขึ้นชั้นมัธยมหรือมหาวิทยาลัยก็กลายเป็น “จะเรียนต่อที่ไหน” “เป็นหมอสายอะไร” และตอนนี้เขาเดาได้เลยว่าคงหนีไม่พ้นคำถาม “มีแฟนหรือยัง” กับ “จะแต่งงานเมื่อไหร่” ยิ่งถ้าธีร์พาภรรยากับลูกสาวมาด้วย เขาคงต้องตอบคำถามนี้จนเบื่อแน่ๆ
แล้วจู่ๆ นรกรก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ว่าเขาไม่มีวันตอบคำถามสองข้อหลังนี้ได้ นั่นทำให้เขาหน้าเจื่อนไปทันที

“ขอโทษครับ” จู่ๆ เขาก็พูดออกไปเพราะรู้สึกว่าจำเป็นต้องพูด

ศาสตราจารย์สรวิชญ์หันไปสบตากับภรรยาก่อนจะบอก “ไม่เป็นไรลูก” แล้วคนเป็นพ่อก็เงียบอย่างตรึกตรองอยู่อึดใจก่อนจะล้วงมือลงในกระเป๋าและหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา

นรกรมองพวงกุญแจรถที่ผู้เป็นพ่อส่งมาให้ “ทำไมเหรอครับ”

“ก็รถพังยับขนาดนั้นจะซ่อมยังไงล่ะ ถึงซ่อมได้พ่อก็ไม่ไว้ใจให้เอาไปขับอีกอยู่ดี จะซื้อใหม่เลยก็คงไม่ไหวใช่ไหมล่ะ ได้ข่าวว่าคันนั้นก็ยังผ่อนไม่หมด ระหว่างนี้ก็ให้วินทร์มันใช้รถพ่อไปก่อนก็ได้ ช่วงนี้พ่อไม่ได้ใช้รถทำอะไรอยู่แล้วไปไหนมาไหนกับแม่เขาตลอด ถึงจะเก่าไปหน่อยแต่ก็ยังขับได้ดีนะ... รับไปสิ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์เขย่าพวงกุญแจในมือเป็นการย้ำถึงเจตนา

“อาจารย์พ่อใจดีเกินไปแล้วนะครับ” ร่างโปร่งแสงของวินทร์ที่ยืนอยู่ข้างพึมพำในลำคอ รู้สึกซาบซึ้งใจในความหวังดีที่มีให้มาเสมอ

“ขอบคุณครับ” นรกรกำลังจะยื่นมือไปรับก็มีอีกมือที่ไวกว่าคว้าไปเสียก่อน

“ขอบคุณคุณพ่อมากนะครับ”

นรกรหันควับไปมองพร้อมๆ กับร่างโปร่งแสงข้างกายที่ยกมือขึ้นชี้หน้าคนที่เพิ่งมาถึง

“นี่แกมาได้ไงวะเนี่ย!”

“นั่งรถเมล์จากคอนโดมาโรงพยาบาล กว่าจะถึงใช้เวลานานพอดูเลย” คนที่เพิ่งมาถึงหยักยิ้มมุมปาก “ขอบคุณคุณพ่อมากๆ เลยนะครับที่อุตส่าห์ให้ยืมรถ”

“เพิ่งคุยกับฮาร์ฟเห็นว่าให้นอนพักอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มาทำอะไรล่ะ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์ถาม

วิญาณญาณในร่างวินทร์เหลือบมองนรกรที่ยืนงงพูดไม่ออกก่อนยิ้มกว้างอย่างร่าเริง “ก็อยู่บ้านเฉยๆ มันน่าเบื่อนี่ครับ ผมเองก็แข็งแรงดีแล้วเลยคิดว่ามาช่วยฮาร์ฟทำงานที่โรงพยาบาลดีกว่า”

“ดีๆ ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆ อย่าเพิ่งหักโหมล่ะ เคสไหนที่ต้องผ่านานๆ ก็ให้อาจารย์คนอื่นเขาช่วยผ่าให้ไปก่อน ไม่ต้องเกรงใจหรอก ทุกคนเข้าใจดี มีอะไรเราต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”

“ขอบคุณนะครับ”

“พ่อกับแม่ไปก่อนนะฮาร์ฟ”

“ครับ” นรกรรีบยกมือไหว้

ทันทีที่พ่อกับแม่เดินคล้อยหลังไปนรกรก็หันไปหาคนที่กำลังยืนพินิจดูพวงกุญแจรถในมือ ถึงศาสตราจารย์สรวิชญ์จะบอกว่าเป็นรถคันเก่าแต่ก็เป็นเบนซ์รุ่น C class สุดรักสุดหวงที่ถนอมดูแลอย่างดี

“พ่อนายนี่ขับรถหรูเป็นบ้า” มันกระหยิ่มยิ้มย่อง

นรกรยื่นมือไปจะฉวยพวงกุญแจรถคืนแต่มันก็เอี้ยวตัวหลบได้ทัน “เอาคืนมา”

“เรื่องอะไรจะคืน พ่อนายให้ฉันเองกับมือเลยนะ”

“อาจารย์พ่อไม่ได้ให้แก เขาให้ฉันต่างหาก!” วินทร์ว่า

“แล้วแกรับมาเองกับมือไหมล่ะ” มันควงกุญแจหมุนเป็นวงด้วยปลายนิ้ว “อุ๊ย! โทษทีลืมไปว่าแกหยิบจับอะไรไม่ได้ แถมพวกเขาก็เขามองไม่เห็นหัวแกอีกต่างหาก”

“แล้วนี่คุณออกมาได้ยังไง” นรกรถาม “ผมจำได้ว่าล็อกประตูดีแล้วนี่”

“ก็โทรลงไปหาคนดูแล ทำเสียงเศร้าเล่าว่าโดนแฟนลืมทิ้งไว้ทั้งที่ยังอยู่ในห้องน้ำให้ช่วยมางัดกุญแจออกกับทิปเงินไปอีกนิดหน่อยแค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว”

“แล้วแกเอาเงินจากไหน” นรกรถามต่อ

“จากไหนน่ะเหรอ” มันทำเป็นนึกก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง “นี่ไง… ว่าแต่ทำไมในนี้มีทุกอย่างยกเว้นเงินวะ ที่เป็นปึกๆ นี่ใบเสร็จทั้งนั้น ได้ข่าวว่าเป็นหมอศัลย์ไม่ใช่เหรอ ก็ไม่น่าจะจนนะหรือว่าแกเป็นพวกขี้งกไม่ยอมให้เงินค่าขนมแฟนวะ”

“เอาคืนมา!” นรกรพยายามแย่งกระเป๋าสตางค์ของวินทร์คืน แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ไม่สำเร็จ

“อย่าใจร้ายกับแฟนนักสิ นี่ใจคอจะขังให้อยู่แต่ในห้องไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลยเหรอจ๊ะ”

“ต้องให้ย้ำกี่ทีว่าคุณไม่ใช่แฟนผม!” นรกรพูดลอดไรฟัน “เอาคืนมา ทั้งกุญแจรถแล้วก็กระเป๋าสตางค์ด้วย”

“อยากได้ก็มาแย่งเอาสิ”

ในที่สุดนรกรก็คว้าข้อมือมันไว้ได้ ในขณะที่กำลังพยายามแกะพวงกุญแจรถออกจากนิ้วที่คล้องแน่นไว้ใครคนหนึ่งก็ส่งเสียงเรียก

“ฮาร์ฟ! วินทร์! ทำอะไรกันอยู่น่ะ” คณิณปรากฏตัวขึ้นที่สุดทางเดินพร้อมกับรีบก้าวยาวๆ ตรงมาหา
นรกรอึกอัก ตกใจว่าควรจะพาวินทร์ที่โดนผีสิงนี่หลบไปทางอื่นดี หรือจะอยู่คุยกันอันไหนจะดูมีพิรุธน้อยกว่า คนที่กำลังยื้อแย่งของอยู่ก็อาศัยจังหวะนั้นรวบข้อมือนรกรแล้วดึงบิดไปด้านหลังทำเสมือนว่าโอบเอวไว้อยู่

“ไม่อยากให้มีพิรุธก็ตามน้ำไปสิ” มันกระซิบ “หรืออยากให้ทุกคนคิดว่าหมอนี่เป็นบ้า ผีเข้าก็ตามใจ”

นรกรกัดฟันแน่น คณิณเดินเข้าใกล้มากขึ้นทุกทีเขาจึงต้องจำยอม “พี่ปอเป็นพี่รหัสผม พูดกับเขาดีๆ ล่ะ” เขากระซิบบอก

“หายดีแล้วเหรอไง ถึงมาทำงานได้” คุณหมอเฉพาะทางโรคหัวใจทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ดีขึ้นเยอะแล้วครับพี่ปอ” มันตอบ “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ”

คณิณย่นคิ้วกับคำพูดคำจาที่สุภาพมากกว่าปกติ “นี่นายยังสมองไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางสินะ”

“ก็ยังมีเบลอๆ บ้างนิดหน่อยครับ”

“เรียกปอเฉยๆ ก็พอ มาพี่เพ่ออะไร แล้วก็ไอ้คับเคิ้บอะไรนั่นอีกฟังแล้วจั๊กจี้หูพิกล เรารุ่นเดียวกันนะ”

“ได้สิปอ”

คณิณเงียบไปอึดใจก่อนจะหันไปหานรกร “พี่ว่าอย่าเพิ่งให้มันมาทำงานสักพักจะดีกว่าไหมฮาร์ฟ”

“ก็ห้ามแล้ว แต่เขาดื้อจะมาครับ เอ่อ… พี่ปอมาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” นรกรพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติและชวนคุยเรื่องอื่น

“อ้อ” คณิณทำหน้านึกขึ้นได้ “พอดีน้องนายเพิ่งเขียนใบปรึกษาอาการเคสมา ที่นอนอยู่ไอซียูน่ะเห็นว่าผ่าตัดไปเมื่อวันก่อน แล้วจู่ๆ วันนี้คลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็น AF แถมความดันก็ตก เลยอยากให้ช่วยไปดูหน่อย นี่กำลังจะไปพอดีเจอนายระหว่างทาง”

“เคสไหนครับผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“เคสชื่อกฤตธีน่ะ” คณิณบอก “เพิ่งมีอาการเช้านี้นี่แหละ น้องคงเห็นนายยุ่งๆ อยู่เลยไม่อยากกวน… จะไปด้วยกันไหมล่ะ”

“ได้ครับ”

“แล้วนายล่ะวินทร์ จะไปด้วยกันไหม” คณิณหันไปถาม

“เอ่อ…” นรกรพยายามตัดบทแต่ไม่รู้จะอ้างอะไร หากเจ้าผีดูจะหาทางหนีไล่ให้ตัวเองได้ดี

“ไม่ดีกว่า ฉันยังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะ ยังไม่ค่อยอยากคิดอะไรให้หนักหัว ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”

“พักเยอะๆ ล่ะ” คณิณบอก “ไปกันเถอะฮาร์ฟ”

“ครับ”

“ดูท่าจะไม่ใช่แค่พี่รหัสธรรมดาสินะ” มันรำพึงพลางเหลือบตามองท่าทีของวินทร์ที่ยังยืนอยู่ข้างๆ

“ก็พี่รหัสน่ะแหละ” วินทร์บอก

“หรือจะเป็นแฟนเก่า… โอ๊ะ! ท่าทางฉันจะเดาถูกสินะ”  มันตบมือชอบใจที่เห็นสีหน้าของร่างโปร่งแสงเปลี่ยนไปทันควัน

“แล้วนี่แกจะไปไหน” วินทร์ถาม

“ก็ได้รถใหม่มาเลยจะไปลองขับดูเสียหน่อย ใบขับขี่ก็หาเจอแล้ว ว่าแต่แกจะไปด้วยกันไหมล่ะ หรือจะตามแฟนไป” มันถาม “แต่ฉันว่าแกรีบตามสองคนนั้นไปดีกว่า ไม่เฝ้าไว้เดี๋ยวถ่านไฟเก่าก็คุหรอก”

วินทร์ไม่ตอบแต่เดินแยกตัวไปทางที่นรกรเพิ่งเดินไปกับคณิณ

“หึ” มันหัวเราะในลำคอ “ต่อหน้าแสดงออกว่ารักกันนักหนา สุดท้ายก็ไม่ไว้ใจกันอยู่ดี”

มันเดินเล่นเตร็ดเตร่ไปตามทางพลางมองป้ายหาทางไปลานจอดรถก็มีคนเข้ามาทักอีก

“อ้าว อาจารย์วินทร์เป็นยังไงบ้างคะ”

มันหันไปตามเสียง นึกรำคาญใจว่าหมอนี่มีคนรู้จักเยอะแยะไปหมด แต่พอเห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มในชุดกาวน์สั้น ผมดำยาวถูกมัดเป็นหางม้าไว้ด้านหลังก็ค่อยยิ้มออก… แบบนี้ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย

“ได้ข่าวว่าอาจารย์โดนรถชน หนูใจคอไม่ดีเลย แต่พอเมื่อวานไปเยี่ยมคุณพยาบาลก็บอกว่าอาจารย์กลับบ้านไปแล้ว นี่หายดีแล้วเหรอคะ”

ดูจากท่าทางเอียงอายกับสายตาหวานที่มองมาทำให้มันรู้สึกว่าเธอคนนี้แอบมีใจให้ชายหนุ่มที่มันขโมยร่างมา แล้วตอนนั้นเองที่มันคิดเรื่องสนุกๆ ขึ้นได้ มันค่อยเดินเข้าประชิดตัวเธอช้าๆ พร้อมกับเอ่ยเสียงนุ่ม “พี่ครับ”

“คะ”

“เรียกผมว่าพี่วินทร์ก็พอครับ อย่าเรียกอาจารย์เลยมันฟังดูเหินห่างพิกล”

เธอกะพริบตาถี่ๆ ด้วยไม่เชื่อหูสามสี่ครั้ง “ก็ได้ค่ะ… พี่วินทร์”

“แล้วน้องชื่ออะไรครับ” มันถาม “ขอโทษทีนะ พอดีพี่สมองกระทบกระเทือนเลยยังงงๆ อยู่น่ะ จำอะไรไม่ค่อยได้”

“ต่ายค่ะ”

“ชื่อน่ารักสมตัวจังเลยนะคะ” มันบอกพลางยิ้มโปรยเสน่ห์และก็ดูจะได้ผลกับคนที่แอบมีใจอยู่แล้ว

“ตอนพี่วินทร์กลับมาเป็นอาจารย์ใหม่ๆ แล้วยังหาที่พักไม่ได้หนูเคยชวนพี่วินทร์ไปพาที่บ้านพักของหนูด้วย จำได้หรือยังคะ”

“เหมือนจะจำได้นิดๆ ล่ะ เอ… แล้วทำไมตอนนั้นพี่ถึงปฏิเสธน้ำใจของคนน่ารักๆ อย่างหนูไปละคะ”

“ก็พี่วินทร์บอกว่าจะไปอยู่กับอาจารย์ฮาร์ฟไงคะ”

“อืม” มันครางในลำคอ “แล้วถ้าตอนนี้พี่จะขอแก้ตัว ไม่รู้ว่าจะยังว่างไหม”

“หมายถึงห้องนั่นเหรอคะ”

“หมายถึงตัวน้องต่ายน่ะค่ะ” มันกล่าวเสียงนุ่มพร้อมกับวางมือลงบนไหล่ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมขึ้นมาม้วนเป็นวงเล่น “วันนี้พอจะมีเวลาว่างไปทานข้าวกับพี่ไหมคะ”

หญิงสาวใจสั่น ถึงจะรู้ว่าไม่ควรกับการไปท่านข้าวกับแฟนคนอื่น แต่เขาเป็นคนชวรและเธอก็แค่ไปกินข้าว ไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย

“เงียบ แปลว่าตกลงนะคะ” มันรีบมัดมือชกซึ่งดูอีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจส่งมือให้เขามัดเอง

(ต่อข้างล่างค่ะ)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #765 เมื่อ16-06-2018 22:09:25 »

(ต่อตรงนี้ค่ะ)

หลังจากถูกเจ้าของใหม่พาขับตะลอนไปทั้งวัน รถเบนซ์สีบรอนซ์เงินก็ขับวนเข้ามาจอดตรงตำแหน่งที่จอดรถประจำตำแหน่งหัวหน้ากองศัลยกรรมอีกครั้ง

หากจนเวลาล่วงไปนานโข รถก็ยังไม่ถูกดับเครื่องและก็ยังไม่มีใครก้าวลงจากรถ

“ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวนะคะ” หญิงสาวกล่าวกับคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นอาจารย์หนุ่มที่แอบหลงรัก

“วันหลังขอไปเลี้ยงอีกได้ไหมคะ”

หญิงสาวยังมีท่าทางลังเล แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหาย “ก็… ได้ค่ะ”

“ไปจริงๆ เหรอคะ หลอกให้พี่ดีใจเก้อหรือเปล่าเนี่ย”

“จริงสิคะ หนูจะหลอกพี่วินทร์ทำไมล่ะ”

“ถ้างั้นพี่ขอมัดจำไว้ก่อนได้ไหมคะ”

“มัดจำ?” หญิงสาวเอียงคอถามด้วยท่าทางใสซื่อ เมื่อมือใหญ่ค่อยเลื่อนจากพวงมาลัยรถยนต์มาวางลงบนตักตัวเอง เธอไม่ได้ขัดขืนเช่นเดียวกับตอนที่เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้


หลังราวน์รอบเย็นเสร็จ ทีมแพทย์ศัลยกรรมประสาทและสมองหรือที่คุณพยาบาลชอบเรียกว่า ‘แก๊งลูกหมี’ ด้วยขนาดตัวที่ไม่มีใครยอมใคร ก็พาร่างกายที่หิวโซเดินลงจากตึกมาหาของกิน

“นั่นรถอาจารย์สรวิชญ์ไม่ใช่เหรอครับ” แพทย์ประจำบ้านปีหนึ่งทักขึ้น “เย็นป่านนี้แล้วยังไม่กลับอีกเหรอ”

คนอื่นๆ พากันหันไปมองและขานรับ “เออใช่ๆ”

“ทำไมจอดติดเครื่องทิ้งไว้ไม่ลงมาสักที อาจารย์แกเป็นอะไรหรือเปล่า” น้องปีหนึ่งตั้งข้อสังเกตต่อ

“เหมือนผมเคยได้ยินแว่วๆ มาว่าอาจารย์เป็นโรคหัวใจหรือเปล่า ที่หลายปีก่อนสลบไปที่บ้านต้องเอารถโรงพยาบาลออกไปรับมาน่ะ” แพทย์ประจำบ้านหันไปถามพี่ใหญ่ของตนที่มีสีหน้าหงุดหงิดด้วยความหิว

“เหมือนเคยมีเรื่องแบบนั้นตอนฉันอยู่ปีหนึ่ง” จิงโจ้บอกก่อนที่สมองซึ่งเริ่มอ่อนเพลียด้วยภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจะประมวลผลถึงความน่าจะเป็นได้ “เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า… เราลองไปดูกันหน่อยไป”

แล้วแก๊งลูกหมีก็รีบวิ่งกรูกันไปที่รถด้วยความเป็นห่วง บางคนถึงกับรีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์โทรห้องฉุกเฉินเตรียมไว้ เผื่อได้เรียกใช้งาน

“อาจารย์ครับ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ!”

ทุกคนมองผ่านฟิล์มกระจกที่ค่อนข้างทึบเข้าไปและพร้อมใจกันร้องเสียงดังเมื่อเห็นชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังกอดรัดกันอย่างไม่อายผีสางเทวดาหน้าไหน
และยิ่งดังขึ้นไปอีกเมื่อเห็นเต็มตาว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร

“เฮ้ย! พี่วินทร์!!!”

OOOOO

“นี่มันเรื่องอะไรกันตอบผมมาสิ!” เสียงตวาดของศาสตราจารย์สรวิชญ์ดังลอดออกมาจากหลังบานประตูห้องทำงานส่วนตัวแม้ว่ามันจะปิดสนิท

บรรดาแก๊งลูกหมีผู้พบเห็นเหตุการณ์พากันกระจุกตัวแอบฟังอยู่ด้านนอก และมองตากันประหลกๆ ไม่มีใครอยากให้เรื่องมันบานปลาย แต่เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดันร้องไห้โวยวายขึ้นมาว่าโดนลวนลามป้ายความผิดทั้งหมดให้วินทร์ หากฝ่ายจำเลยก็หาได้ทุกข์ร้อนไม่ เพียงตอบด้วยท่าทียียวนว่า “มีปัญหาก็ไปฟ้องพ่อเธอสิ”

แล้วเรื่องมันก็ถึงหูศาสตราจารย์สรวิชญ์ในอีกสิบนาทีต่อมา แล้วทุกคนก็ถูกเรียกตัวมาสอบสวน

นรกรเพิ่งจะเดินเข้าห้องไปสวนกับหญิงสาวที่เดินปิดหน้าร้องไห้ออกมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน แล้วหลังบานประตูห้องเชือดที่เงียบมาตลอดก็ระเบิดลงนี่แหละ

“พวกแกมาแอบฟังอะไรกัน” อนุวัฒน์ที่เพิ่งจบหมาดๆ กอดอกถามน้องๆ ที่กระจุกตัวสอดรู้สอดเห็นจนน่าเกลียด

“คือพวกเราเป็นห่วง…”

“เป็นห่วงหรือเสือก เอาให้แน่” อนุวัฒน์ถามย้ำ “ไอ้โจ้! แกน่ะตัวดีเลย แทนที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆ ดันมานำหน้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง… ทุกคนแยกย้ายไปทำงานได้แล้ว!” เขาพูดเรียบๆ แต่เด็ดขาดในน้ำเสียง น้องๆ พากันยกมือไหว้และหลบฉากไปคนละทาง ยกเว้นก็แต่เจ้าตัวหัวหน้าขบวนการ “ยังไม่ไปอีก”

“ก็ผมเป็นห่วง” ถึงจะฟังดูเหลือเชื่อแต่จิงโจ้ก็พูดจากใจ “จริงๆ นะพี่วัฒน์ ผมว่ามันแปลกๆ คนอย่างพี่วินทร์น่ะนะจะนอกใจพี่ฮาร์ฟ ผมเฝ้าดูสองคนนี้เขาจีบกันมาตั้งสี่ห้าปี ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ต่อให้ทะเลาะกันแล้วจะทำประชดกันพี่วินทร์ก็ไม่น่าทำแบบนี้”

“แล้วแกเห็นอะไรมาล่ะ” อนุวัฒน์ถามกลับ

“ก็…” จิงโจ้อ้ำอึ้ง

“มันเป็นเรื่องของคนสองคน” อนุวัฒน์บอก “ถ้าแกเข้าไปยุ่งอีกคนมันจะกลายเป็นมือที่สาม… เข้าใจที่ฉันพูดไหม”

จิงโจ้หน้าบูด “มั้ง”

“ไม่ต้องมามั้ง แล้วก็ไปได้แล้ว มัวแต่ห่วงคนอื่นตัวเองจะสอบบอร์ดอยู่อีกไม่กี่วันยังอ่านหนังสือไม่ถึงไหนเลยนะเราน่ะ” พูดจบอนุวัฒน์ก็คว้าคอเสื้อจิงโจ้แล้วลากออกไป

“แล้วนี่พี่วัฒน์จะลากผมไปไหน”

“ไปติวไง” อนุวัฒน์ว่า “คืนนี้จะเอาให้หนักเลย”

“นี่มันเรื่องอะไรกันตอบผมมาสิ!” ศาสตราจารย์สรวิชญ์ถามย้ำเมื่อยังไม่ได้คำตอบจากชายหนุ่มที่นั่งไขว้ห้างอยู่ตรงหน้าโดยไม่มีทีท่าสลด

“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ” นรกรที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบออกรับแทน

“เข้าใจผิดอะไรฮาร์ฟ คนเขาเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง” ศาสตราจารย์สรวิชญ์พูดดังขึ้นอีก “ผมผิดหวังในตัวคุณนะหมอ”

“ก็ไม่ได้ขอร้องให้มาคาดหวังอะไรสักหน่อย” มันตอบหน้าตาเฉย

“นี่คุณ...”

“ฟังนะครับคุณพ่อ จะมาโทษผมฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เพราะจริงๆ แล้วฝ่ายเริ่มก่อนมันลูกชายคุณพ่อน่ะแหละ วันก่อนก็นอกใจผมไปหาไอ้ผู้แทนยาอะไรนั่นทั้งคืน วันนี้ทั้งวันก็ไปขลุกอยู่กับแฟนเก่าที่ชื่อปออะไรนั่นไม่งั้นผมคงไม่ไปหาคนอื่นแก้เหงาหรอก” มันโกหกหน้าตาย

“นี่แกพูดเรื่องอะไรวะ!!!” ร่างโปร่งแสงของวินทร์ที่ยืนฟังอยู่ด้วยปรี่เข้ามาจะชก แต่ก็ทำได้แค่ต่อยลม มันหันไปยักคิ้วทำกวนประสาทใส่ก่อนจะพูดต่อ

“เอาจริงๆ น้องคนนั้นเขาก็สมยอมเองนะ เด็กอะไรใจง่ายชะมัด แล้วยังจะมาร้องไห้คร่ำครวญว่าผมลวนลาม ตอแหลจริงๆ”

มาถึงตรงนี้ถึงอยากจะแก้ตัวแทนแต่นรกรก็พูดไม่ออกแล้ว เขาได้แต่ยืนกำมือที่สั่นเทาแน่น ในขณะที่แม่ของเขาซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยยกมือขึ้นกุมขมับคล้ายจะหน้ามืด

ศาสตราจารย์สรวิชญ์ชี้มือไปที่ประตู “ออกไป! ไปให้พ้นหน้าผมเดี๋ยวนี้”

นรกรเดินเข้าไปสัมผัสไหล่ด้วยความเป็นห่วง “พ่อครับ ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวโรคหัวใจกำเริบ...”

“แกด้วยฮาร์ฟ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์หันมาตวาดลั่นพร้อมกับปัดมือลูกชายทิ้ง “ออกไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้”

“คุณคะ” วิมลภาลุกขึ้นมาช่วยปรามแต่ก็ดูท่าจะไม่ประสบผลเพราะสามีของเธอเมื่ออารมณ์ขึ้นแล้วก็ไม่ยอมลงง่ายๆ

“ฉันคิดผิดจริงๆ ที่ยอมแกเรื่องนี้ ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าไอ้พวกรักร่วมเพศเนี่ยมันวิปริต มันหาความจริงใจอะไรไม่ได้หรอก”

วิมลภาหน้าเสีย เธอรู้ว่าสามีโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าจะพูดแรงขนาดนี้ “คุณพูดเกินไปแล้วนะคะ”

“ไม่เกินไปหรอก!” ศาสตราจารย์สรวิชญ์ประกาศลั่น “จำคำฉันไว้ให้ดีนะฮาร์ฟ ถ้าแกยังอยากเป็นลูกบ้านนี้ต่อไป ไปเลิกกับไอ้หมอนั่นซะแล้วก็เลิกทำตัวแบบนี้ด้วยฉันขายขี้หน้าคนอื่นเขา”

“คุณคะ...” วิมลภาหน้าซีด เธอพยายามคว้ามือที่ยกขึ้นชี้หน้าด่าลูกชายไว้แต่ก็สู้แรงสามีไม่ได้ “ใจเย็นๆ ค่ะค่อยพูดค่อยจากันก่อน”

นรกรกัดฟันแน่น “ขอโทษครับพ่อ ผมรู้ว่ามันอธิบายยากแต่ว่าเรื่องนี้ ไม่ใช่ความผิดพี่วินทร์เลย ถ้าพ่อจะโกรธเรื่องที่ผมเป็นแบบนี้ผมก็คงทำอะไรไม่ได้เพราะนี่คือตัวผม... ขอโทษนะครับที่ทำให้ผิดหวัง”

“ถ้าแกยังไม่เลิกแก้ตัวแทนมันก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่ออีก”

คำพูดจุกคาอยู่ที่อก ริมฝีปากบางสั่นระริก “ผม…”

“ฮาร์ฟพอเถอะ” ร่างโปร่งแสงของวินทร์กระซิบ “ขอโทษพ่อนายซะ ไม่ต้องมารับผิดแทนฉัน”

“แต่นี่มันไม่ใช่ความผิดพี่วินทร์เลยนะครับ” นรกรโพล่งตอบออกไป ยิ่งทำให้ศาสตราจารย์สรวิชญ์โกรธจนเลือดขึ้นหน้า

“นี่แกยังปกป้องมันอยู่อีกเหรอ!”

“ฮาร์ฟ… พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” วินทร์ย้ำ

“ไปเลย! แกไปอยู่กับไอ้สารเลวนี่เลย แล้วไม่ต้องมาเหยียบบ้านฉันอีก”

“ฮาร์ฟ รีบขอโทษพ่อนายก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่สิ” วินทร์บอกอย่างร้อนใจแต่ก็ไม่มีใครมองเห็น เพราะในสายตาของทุกคนสิ่งที่พวกเขาเห็นคือคนทำความผิดที่กำลังนั่งยิ้มเยาะอยู่

“บ้าน…” นรกรมองหน้าพ่อกับแม่ แล้วจู่ๆ ภาพความฝันเมื่อคืนก็ย้อนกลับมาในหัว ถ้าเพียงแต่เขาจะสามารถอธิบายให้ใครๆ ได้รับรู้ในสิ่งที่เขามองเห็นก็คงจะดี แต่ถ้าเขาพูด… เขาจะไม่ได้กลับบ้าน ดังนั้น เขาควรเลือกที่จะเงียบเหมือนที่ผ่านๆ มาสินะ

เขาเหลือบตาไปมองร่างโปร่งแสงข้างตัว วินทร์กำลังพยายามโน้มน้าวให้เขาขอโทษและพูดจาดีๆ
ใช่… วินทร์พูดถูก เขาควรจะขอโทษและพูดจาดีๆ

นรกรยกมือขึ้นไหว้ “ผมขอโทษนะครับพ่อ ขอโทษนะครับแม่” แล้วหันไปคว้ามือคนที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้น “พี่วินทร์ครับเราไปกันเถอะ”

“นี่แก!” คนเป็นพ่อคำรามลั่น “แล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ!”

นรกรฟังและจดจำทุกคำพูด เขาไม่ได้คิดเนรคุณ เพียงแต่เขาเลือกแล้วว่าจะกลับ ‘บ้านหลังไหน’

“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่” นรกรถามเมื่อเดินพ้นออกมาจากห้อง

“เอาคืนเรื่องที่ขังฉันไว้ในห้องวันก่อนไงล่ะ ส่วนที่เหลือก็… นะ” มันไหวไหล่ครั้งหนึ่ง “เด็กมันยั่วแล้วฉันก็เก็บกดมาตั้งนาน”

“ฮาร์ฟ นี่มันเรื่องอะไรกัน” คณิณที่ได้ยินเรื่องที่เขาลือกันรีบมาหาด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ปอ” นรกรรีบบอก เขาเข้าใจในความหวังดี แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์นี้

คณิณมองหน้าคนที่นัยน์ตาแดงก่ำค่อนข้างมั่นใจว่าที่ไปเค้นถามจากจิงโจ้ไม่ใช่เรื่องโกหก เขาหันไปกระชากคอเสื้อตัวต้นเหตุ “ไอ้วินทร์! ฉันเคยบอกแกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าแกทำฮาร์ฟร้องไห้ฉันไม่ให้อภัยแกแน่ๆ”

“เคยพูดตอนไหนเหรอ?” มันถามกวน

“แก!”

“แล้วนี่แกเป็นใครทำไมต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจแทนด้วยวะ อ้อ! ลืมไปว่าเป็นแฟนเก่า มาทำเป็นห่วงเป็นใยกันแบบนี้อยากได้คืนหรือไง ถ้างั้นก็เอาไปสิฉันเบื่อแล้ว แต่ว่าคิดจะเอาอะไรน่ะก็คิดดีๆ หน่อยนะ เดี๋ยวจะมีปัญหากับลูกเมียที่บ้าน” มันพูดเดาเรื่องไปส่งๆ กะว่าต้องมีมั่วถูกบ้าง แล้วมันก็ดันไม่พลาดเลยเสียด้วย

“ไอ้นี่!” คณิณเงื้อหมัดขึ้นสุดแขน วินทร์ที่ยืนมองอยู่แอบลุ้นว่าให้โดนจังๆ สักหมัดแทนส่วนที่เขาทำไม่ได้ ในขณะที่นรกรยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ เขาพุ่งเข้าไปคว้าแขนคณิณไว้แน่น

“พี่ปอ หยุดเถอะครับ ผมขอร้อง หยุด!” นรกรบอก “พี่วินทร์เขาแค่ป่วยครับ ผมขอร้องหยุดเถอะ”

“ฮาร์ฟ! นี่มันทำกับนายขนาดนี้แล้วนายยังปกป้องมันอีกเหรอ”

“ผมขอนะครับพี่ปอ อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ”

คณิณฮึดฮัดในลำคอแต่ก็ยอมปล่อยมือ “ฉันเห็นแก่ฮาร์ฟหรอกนะไม่งั้นแกตายแน่”

“พูดอย่างกับกลัวนักนี่” มันยังไม่เลิกกวน “เอาสิ! โกรธนักจะฆ่าฉันเลยก็ได้ แล้วลูกเมียแกจะได้โดนตราหน้าว่ามีผัวมีพ่อเป็นฆาตกรเพราะไปทะเลาะแย่งเมียคนอื่น แถมเมียคนอื่นนั่นยังเป็นผู้ชายเสียด้วย”

คณิณหันมาเงื้อหมัดใส่อีกครั้ง “ไอ้เหี้...”

“พี่ปอไปเถอะครับผมจัดการเอง” นรกรตัดบท “ได้โปรด… นะครับ”

คณิณหันไปมองหน้านรกรถึงจะโมโหจนสุดทนแต่ก็ยอมรามือ เขากวาดตามองอดีตคนรักที่ตอนนี้เหลือความสัมพันธ์แค่น้องชายคนสำคัญ “มีอะไรโทรหาฉันได้นะฮาร์ฟ” แล้วตบไหล่นรกรครั้งหนึ่งก่อนจะเดินจากไป

“เก่งแต่ปากนี่หว่า” มันพูดไล่หลัง

“คุณต้องการอะไรกันแน่ครับ” นรกรหันไปผลักอกถามด้วยความอัดอั้นตันใจ “บอกผมมาสิว่าคุณต้องการอะไร ทำไมถึงต้องทำกับพี่วินทร์... ทำไมถึงทำกับเราแบบนี้ พวกเราไปทำอะไรให้คุณเหรอ”

“พวกแกไม่ได้ทำอะไรหรอก แค่หมั่นไส้น่ะ เห็นรักกันปานจะกลืนน่าขยะแขยงเป็นบ้า ดูสิลองเป็นแบบนี้แล้วยังจะรักกันลงหรือเปล่า” มันบอกพร้อมกับผลักอกคืน ด้วยเรี่ยวแรงที่มากกว่าทำให้นรกรหงายหลังล้มลงกับพื้น

วินทร์รีบถลาเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง “ฮาร์ฟเจ็บไหม”

“หึ! น่าสมเพชว่ะ คนกับผี ฉันว่าแกรีบยอมรับว่าตัวเองตายไปซะ แล้วก็ไปเกิดใหม่ซะเถอะ อย่ามาวนเวียนเป็นผีเร่ร่อนอยู่แถวนี้เลย” มันทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อน! นั่นคุณจะไปไหนอีก” นรกรพยายามจะลุกตามเพราะกลัวว่ามันจะไปก่อเรื่องอีก แต่ความเจ็บจากการล้มรั้งตัวไว้ให้ลุกตามไปไม่ทัน

“ช่างมันเถอะฮาร์ฟ” วินทร์บอก “นายเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม”

“ไม่ครับ” นรกรโกหก เขารู้สึกเจ็บแปลบตรงข้อเท้าขวาและฝ่ามือข้างขวาก็แสบนิดหน่อยเพราะครูดไปกับพื้น เขาฝืนลุกขึ้นยืน และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นกังวลไปมากกว่านี้

“แล้วนี่นายจะไปไหน” วินทร์ถาม

“ก็ไปตามหมอนั่นไงครับ จะปล่อยไปได้ยังไงเดี๋ยวมันก็เอาร่างพี่วินทร์ไปทำเรื่องไม่ดีอีก”

“ช่างมันเถอะฮาร์ฟ” วินทร์บอก “เราคงทำอะไรไม่แล้วล่ะ เรื่องมันไปตั้งขนาดนี้แล้ว”

“ผมถึงได้ต้องไปลากตัวมันกลับมานี่ไงครับ ให้มันมาขอโทษทุกๆ คน”

“นายคิดว่ามันจะยอมเหรอ”

“ก็ลองดูก่อน”

“ไม่ต้องเสียเวลาหรอก”

“แต่เรายังไม่ได้ลองเลยนะครับ”

“แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาละฮาร์ฟ ถึงมันจะขอโทษคนจะให้อภัย ยังไงฉันก็ยังกลับเข้าร่างไม่ได้อยู่ดี”
“ก็ยังดีกว่าให้ใครมาว่าร้ายพี่วินทร์ ทั้งที่พี่วินทร์ไม่ได้ทำนะครับ”

“ไม่ได้ทำตรงไหน ก็นั่นมันร่างฉันทุกคนก็เห็นแบบนั้น”

“แล้วจะให้ผมทำยังไง” นรกรถาม

“ฉันก็บอกให้ช่างมันนี่ไง!” วินทร์บอก “ที่นายควรทำไม่ใช่ไปตามมัน แต่ไปขอโทษพ่อกับแม่นาย ขอให้ท่านอภัยให้… ฟังนะฮาร์ฟ กว่านายจะทำความเข้าใจกับพวกท่านได้ใช้เวลาตั้งกี่ปี อย่าให้มันมาพังลงในเวลาไม่กี่นาทีเพราะฉัน”

“ก็พี่วินทร์ไม่ได้ทำอะไรผิด” นรกรย้ำ “ถ้าผมทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าผมยอมรับว่าพี่วินทร์ทำผิดจริงๆ ซึ่งผมทำไม่ได้”

“ได้สิฮาร์ฟ ตอนนี้ฉันเป็นผีนะ แล้วไอ้ผีบ้านั่นมันก็เอาร่างฉันไปแล้ว”

“ก็แค่ชั่วคราว ยังไงผมก็ช่วยพี่วินทร์ให้ได้ หรือว่าพี่วินทร์ไม่เชื่อใจผม”

“ไม่ใช่ไม่เชื่อฮาร์ฟ แต่นายต้องยอมรับนะว่าตอนนี้ฉันเป็นผี”

“ผมน่ะยอมรับได้มาตั้งนานแล้วครับ” นรกรบอกหนักแน่น “แต่ว่าเรื่องตอนนี้มันต่างออกไปตรงที่มันก็แค่ชั่วคราว ผมจะหาทางเอาร่างพี่วินทร์คืนมาให้ได้… หรือต่อให้เอาคืนมาไม่ได้ผมก็ยังรักพี่วินทร์เหมือนเดิมอยู่ดี… เชื่อผมสิครับ ผมทำได้”

“ขอบคุณนะฮาร์ฟ” วินทร์บอก “แต่ตอนนี้ดึกแล้ว แล้ววันนี้นายก็เจออะไรมาเยอะเหลือเกิน กลับบ้านไปพักก่อนนะ หมอนั่นน่ะช่างมันก่อนอย่างน้อยถ้ามันยังอยากมีชีวิตมันคงไม่เอาร่างฉันไปทำปู้ยี่ปู้ยำถึงตายแน่ๆ เรื่องวันนี้ไม่รู้พรุ่งนี้จะกระจายไปถึงไหนยังไง เรากลับไปพักตั้งหลักกันก่อนดีกว่านะ”

นรกรเริ่มคล้อยตามทั้งที่ไม่ค่อยเต็มใจ “ก็ได้ครับ”

(ต่ออีกนิดค่ะ)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: Text_book#2 บทที่3 Fate P.25 [20/05/2561]
«ตอบ #766 เมื่อ16-06-2018 22:18:54 »

(ต่อนะคะ)

ทั้งสองเดินไปที่รถเพื่อขับกลับบ้าน นรกรกำลังจะไขประตูรถเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มตรงหลังเสา

“นั่นใครน่ะ” นรกรตะโกนถามออกไป คนในเงามืดจึงค่อยๆ ก้าวออกมาตรงแสงไฟให้เห็นตัว

“ผมเองครับ” ภาษิตร้องบอก “ขอโทษนะครับถ้าทำให้ตกใจ”

“อ้าว คุณพาส... มาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ตรงนี้ครับ”

“เปล่าครับ ผมแค่เพิ่งนำเสนอยาเสร็จน่ะครับกำลังจะกลับบ้านเหมือนกัน รถผมจอดอยู่ตรงโน้นน่ะครับ” ภาษิตบอกพลางพยักเพยิดไปทางรถญี่ปุ่นสีแดงดูโฉบเฉี่ยว

“งั้นผมขอตัวนะครับ”

ภาษิตเริ่มลนลาน เขาไม่อาจบอกได้ว่ามาดักรอเพราะอยากคุยด้วย และตอนนี้เขาต้องหาเรื่องคุยเพื่อยืดเวลาอยู่ด้วยกันแม้จะเพียงเล็กน้อย “เดี๋ยวครับ”

“มีอะไรเหรอครับ”

“คือ… คุณฮาร์ฟไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าตาดูซีดๆ จัง”

“เอ่อ… เปล่านี่ครับ”

ภาษิตกวาดตามองไปทั่ว พยายามหาเรื่องคุยแล้วเขาก็เห็นรอยถลอกเล็กๆ ตรงฝ่ามืออีกฝ่าย “แล้วนั่นมือคุณไปโดนอะไรมาครับขอผมดูหน่อย”

นรกรดึงมือหลบ ไม่ใช่แค่ภาษิตแต่เขาไม่อยากให้วินทร์เห็น “แค่ถลอกนิดเดียวเองครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“ไม่ได้นะครับ ต้องทำแผลก่อน สำหรับหมอศัลย์มือคือสมบัติล้ำค่าไม่ใช่เหรอครับ” ภาษิตบอกพร้อมกับคว้ามือนรกรไว้แน่น “ขอผมดูหน่อยนะครับ”

“ไหนว่าไม่เป็นอะไรไงฮาร์ฟ” วินทร์ทำเสียงดุ “แบมือออกมา”

“แค่ถลอกเองครับ” นรกรบอกอ้อมแอ้มพร้อมกับค่อยๆ แบมือออกเห็นรอยหนังขาดเป็นริ้วๆ มีเลือดไหลซิบสามรอยขนานกันพาดผ่านกลางฝ่ามือ

“ก็ไม่เล็กเท่าไหร่นะครับเนี่ย” ภาษิตอุทาน ในขณะที่ร่างโปร่งแสงกอดอกฉับ

“มันน่าดุไหมเนี่ย!”

“ในรถผมมีพวกแผ่นปิดแผลมาด้วย คุณฮาร์ฟรอสักครู่นะครับ” ภาษิตบอกแล้วรีบวิ่งกลับไปที่รถคว้าขวดน้ำและแผ่นปิดแผลกลับมาด้วยความรวดเร็ว
เขาเทน้ำล้างเศษฝุ่นเศษผงออกจากแผล ใช้กระดาษทิชชูซับเบาๆ จนแห้งแล้วดูแลปิดแผลให้

“เป็นผลิตภัณฑ์พัฒนาใหม่ของบริษัทครับ เป็นแผ่นฟิล์มมีความยืดหยุ่นสูง มีรูระบายอากาศขนาดนาโนทำให้ออกซิเจนผ่านเข้าสู่ผิวหนังได้และในขณะเดียวกันก็กันน้ำได้อย่างดีเยี่ยมด้วยนะครับ”

“ขายของเก่งอีกแล้ว” วินทร์กระซิบ

“อยากให้แผลหายไวๆ ต้องใส่ยา แต่ถ้าจะให้หายเร็วกว่าต้องใส่ใจนะครับ”

วินทร์ย่นปาก ทำหน้าบูด “ใจเย็นนะ นี่แฟนฉัน”

นรกรรีบชักมือกลับ “ขอบคุณนะครับ”

“ผมว่าคุณฮาร์ฟไม่สบายจริงๆ นะครับ เหมืนจะตัวรุมๆ” ภาษิตบอกพร้อมกับคว้าแขนนรกรกลับมาอีกครั้งแล้วใช้หลังมืออังไปรอบๆ “ตัวร้อนจริงๆ ด้วย แบบนี้ขับรถไหวเหรอครับ ให้ผมไปส่งไหมครับ”

“ไม่เป็นครับอย่าลำบากเลย” นรกรรีบปฏิเสธ

“แต่มือคุณเจ็บแบบนี้ขับรถลำบากนะครับ แถมยังป่วยอีก ไปคนเดียวถ้าหากอาการคุณแย่ลงกลางทางจะทำยังไงละครับ ให้ผมไปส่งนะครับ” ภาษิตไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“แต่ว่า…”

“ให้เขาไปส่งเถอะฮาร์ฟ” วินทร์บอก

“แต่ว่า...”

“นายเดินกะเผลกตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ตอนล้มขาคงเคล็ดนิดหน่อยใช่ไหม” วินทร์ว่า “เหยียบเบรกเหยียบคันเร่งผิดไปจะทำยังไง อันตรายจะตาย ให้เขาไปส่งน่ะแหละ”

ได้ฟังดังนั้น นรกรจึงจำยอม “ขอรบกวนด้วยนะครับ”

OOOOOO

หลังจากกลับมาถึงห้อง นรกรก็เดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง พบว่าตามตู้และลิ้นชักโดนเจ้าผีบ้านั่นรื้อจนเละเทะตามที่คาด ระหว่างที่กำลังจัดแจงเก็บของอยู่นั่นเองเขาก็เห็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่นอนเอ้งเม้งอยู่ตรงมุมหนึ่ง มันเป็นของขวัญวันเกิดจากวินทร์ผู้ซึ่งเป็นคนเซอร์ไพรซ์อะไรเล็กๆ ไม่เป็น และเพราะว่ามันตัวใหญ่จนล้นเตียง จะวางตรงไหนก็ดูเกะกะไปหมดเขาจึงขออนุญาตเอามันไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า

นรกรจับเจ้าหมี ‘วินนี่’ นั่ง ด้วยขนาดใหญ่โตของมันมันจึงนั่งได้ตัวตรงโดยไม่ต้องพิงอะไร เขานั่งยองลงและเอานิ้วจิ้มจมูกโตๆ ของมันเล่น

“นึกยังไงถึงซื้อตุ๊กตาตัวเท่าหมีให้ผู้ชายอายุสามสิบกว่าครับ” นรกรถามร่างโปร่งแสงที่นั่งอยู่ข้างกัน

“เพราะผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนก็เลยอยากให้” วินทร์ตอบ

คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากัน “นี่ตอบตรงคำถามแล้วเหรอครับ”

“ก็นายชอบว่าฉันเป็นหมี แล้วเจ้าวินนี่ก็ตัวเท่าฉัน เลยกะว่าจะเอาไว้ให้นายกอดแทนฉันเวลาที่ฉันเข้าเวรไงจะได้ไม่เหงา"

“แต่สุดท้ายคนบางคนกลับบ้านมาก็หงุดหงิดหึงหมีแล้วจับมันโยนลงเตียงทุกที”

“นายไม่เข้าใจความรู้สึกฉันตอนเปิดประตูห้องเข้ามาแบบงัวเงียๆ แล้วเห็นอะไรตะคุ่มๆ ตัวใหญ่ๆ นอนอยู่ข้างๆ นายสินะ” วินทร์ว่า “ครั้งแรกที่เห็นนี่เกือบช็อกตายคิดว่านายนอกใจ”

นรกรหัวเราะคิกคัก “ใครจะไปทำแบบนั้นครับ มีพี่วินทร์เป็นแฟนแค่คนเดียวนี่ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ใครจะไปกล้ามีตั้งสองคน”

“อะไร ฉันทำให้นายปวดหัวเหรอ” วินทร์ถาม “มั่นใจนะว่าไม่เคย แต่ถ้าปวดตรงอื่นน่ะคงมีบ้าง”

คิ้วเรียวย่นเข้าหากัน “ปวดตรงไหนครับ”

“ตรงไหนก็ตรงนั้นแหละ”

“ตรงนั้นที่ว่าน่ะตรงไหนล่ะครับ” นรกรยังไม่หายสงสัย

“ก็บางวันตอนเช้าที่ตื่นมาร้องหายาพาราน่ะ นายปวดตรงไหนล่ะ หืม”

“ก็ตรง…” แก้มขาวซับสีเข้มทันทีที่เข้าใจเรื่องที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ “พี่วินทร์!”

“กว่าจะเก็ต เล่นมุกกับนายนี่บางทีก็เหนื่อยไปนะ”

“คนลามก” นรกรว่าพลางลุกขึ้นยืน แล้วตอนนั้นเองที่เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ทั้งสองมองหน้ากัน “มันกลับมาแล้วเหรอ”

แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตู แต่คนที่ยืนอยู่กลับเป็นหนุ่มหน้าตี๋ที่เพิ่งมาส่งเขาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

“คุณพาสลืมอะไรหรือครับ”

“ขอโทษที่มารบกวนอีกรอบนะครับ” ภาษิตบอกเขินๆ พร้อมกับยื่นถุงพลาสติกในมือที่หอบหิ้วมาให้ “ผมกลัวว่าคุณจะป่วยจนไม่มีแรงทำกับข้าว พอคิดแบบนั้นแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลยซื้อโจ๊กมาให้ ส่วนนี่แผ่นแปะไข้ลดกับวิตามินครับ จริงๆ พวกอาหารเสริมมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ยี่ห้อนี้ผมเคยขายอยู่สรรพคุณเขาดีจริงๆ มีพวกสารแอนตี้ออกซิเดนท์กับวิตามินซีสูงมาก... เอ่อ ขอโทษนะครับที่พูดมากไปนี่ไม่ใช่เวลาขายของสักหน่อย เอาเป็นว่าหายเร็วๆ นะครับ”

นรกรรับมาพร้อมกับกล่าว “ขอบคุณครับ”

“เอ่อ... ผมขอโทษนะครับถ้าหากว่าเป็นการละลาบละล้วงมากเกินไป คือจริงๆ ผมได้ยินมาเรื่องหมอวินทร์น่ะ...”

“เขาแค่ไม่สบายน่ะ” นรกรตัดบท

“ผมยอมรับว่าผมชอบคุณครับ” ภาษิตสารภาพตรงๆ ทำให้คนฟังหน้าร้อนขึ้นทันที “แต่ว่า... ผมก็ชอบเวลาที่พวกคุณอยู่ด้วยกัน แววตาที่หมอวินทร์มองคุณมันมีแต่ความจริงใจ คือ... ผมพูดก็แปลกๆ สินะครับ เอาเป็นว่าไม่ว่าพวกคุณจะทะเลาะอะไรกัน ผมก็ขอให้พวกคุณปรับความเข้าใจกันได้เร็วๆ นะครับ... แต่ถ้ามันไม่สำเร็จผมก็หวังว่าคุณจะเอาผมไว้เป็นตัวเลือกสำหรับปลอบใจนะครับ... ขอบคุณครับ” เขาพูดรัวเร็ว

นรกรหน้าร้อนฉ่า ทั้งเขินทั้งตกใจที่โดนจู่โจมตรงๆ “ผม...”

“ขอโทษนะครับที่พูดอะไรแปลกๆ” ภาษิตรีบบอก “ผมกลับก่อนดีกว่า… ฝันดีนะครับ” แล้วเขาก็รีบก้าวเร็วๆ จากไป

นรกรมองจนหนุ่มหน้าตี๋หายเข้าไปในลิฟต์จึงดึงประตูปิดและหันมามองร่างโปร่งแสงที่ยืนกอดอกหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ

“ไปกินข้าว กินยาแล้วไปนอนซะ”

“ไม่หึงเหรอครับ” นรกรถามคนที่ยืนตีหน้าขรึม

“มาก” วินทร์พูดลอดไรฟัน “แล้วสภาพนี้ฉันทำอะไรได้ล่ะ… นายรีบไปกินข้าวกินยาแล้วนอนเถอะ อาการยังไม่หนักมาก พรุ่งนี้จะได้หาย หมู่นี้นายนอนน้อยจริงๆ น่ะแหละ ร่างกายมันถึงได้อ่อนแอแบบนี้ไง”

“ก็ผมกลัวนี่นา”

“กลัวไอ้ผีบ้านั่นทำร้ายเหรอ”

นรกรส่ายหน้า “ผมกลัวว่าระหว่างที่ผมหลับ พี่วินทร์จะหายไป”

“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

“ก็ขนาดคุยโทรศัพท์กันอยู่ดีๆ พี่วินทร์ยัง…” แล้วเสียงของนรกรก็ขาดหายไป

ร่างโปร่งแสงยกแขนสองข้างขึ้นโอบรอบตัวร่างเล็กกว่าไว้ “ถึงจะกอดไม่อุ่น แต่สัญญาว่าจะไม่ทิ้งไปไหนนะ”

นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบขึ้นสบดวงตาที่มองมา วินทร์โกหก สำหรับเขามันยังอบอุ่นเสมอ ไม่ใช่ที่ร่างกายแต่เป็นหัวใจ

สายตานี้แหละที่ทำให้เขามั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาไม่ได้สู้อยู่เพียงลำพัง มันทำให้เขามั่นใจว่าจะผ่านมันไปได้ และถึงสุดท้ายแล้วเขาจะทำไม่สำเร็จก็ยังมีที่ให้เขานั่งพักเสมอ รอจนเขามีแรงพร้อมจะกลับมาสู้ใหม่

และที่นี่แหละ คือบ้านของเขา ตราบที่วินทร์ยังยืนเคียงข้างเขา เขาก็พร้อมจะเป็นบ้านให้วินทร์เหมือนกัน

**********************TBC*********************

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #767 เมื่อ17-06-2018 03:30:25 »

ผีบ้าร้ายกาจมาก สงสารฮาร์ฟอีกแล้ว
ขอให้ได้ร่างพี่วินทร์กลับมาไวๆค่ะ

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #768 เมื่อ17-06-2018 07:18:05 »

ดีใจจังมาต่อแล้ว สงสารทั้งคู่เลย รีบมาต่อตอนหน้าไวๆ น๊า  :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #769 เมื่อ17-06-2018 11:24:27 »

เมื่อไหร่จะคลี่คลาย..สมกับเป็นผีร้ายจริงๆ :m16: :m16: :m16:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
« ตอบ #769 เมื่อ: 17-06-2018 11:24:27 »





ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #770 เมื่อ17-06-2018 19:49:44 »

ฮาร์ฟวินสู้ๆ  :a2: :a2:

ออฟไลน์ Cappello

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #771 เมื่อ18-06-2018 01:57:58 »

อีผีบ้าาา ขอให้ไม่ได้ผุดได้เกิด ทำให้คนรักกันต้องแยกกันเป็นมันบาป รู้ตัวม้ายยย ขัดใจๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #772 เมื่อ18-06-2018 06:32:40 »

โอ๊ยยยยย  อิผีบ้า  :m31:
เอาร่างพี่วินไปทำแบบนั้น  :angry2:
สงสารฮาร์ฟมากกกกก  :sad4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #773 เมื่อ18-06-2018 10:03:24 »

ผีร้ายที่มาเข้าร่างวินทร์ ต้องมีอะไรที่ทำให้ไม่อยากไปอย่างที่ควรจะไป
คงเหมือนๆลุงขี้เมา ที่ไม่ยอมกินยา
เพราะที่บ้านไม่มีใครรออยู่อีกแล้ว
เอาใจช่วยฮาร์ฟ วินทร์ ให้พบทางออกไวๆ

แอบคิดว่าคนไข้กฤตธี ที่พี่ปอให้ฮาร์ฟช่วยไปดู
จะเป็นคัวตนของไอ้ผีร้ายที่มาป่วนวินทร์
คงมีอะไรสักอย่างที่จะช่วยเรื่องนี้ได้   :z3:

ชอบพาสนะมาได้จังหวะทีเดียว
ทั้งช่วยดูแล แถมสารภาพรักฮาร์ฟซะด้วย
แต่วินทร์ไม่ชอบด้วยแน่ๆ   :angry2:
วินทร์  ฮาร์ฟ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #774 เมื่อ18-06-2018 17:32:57 »

มีลางสังหรณ์ว่าวิญญาณที่มาสิงคือวิญญาณที่นรกรเห็นว่าอยู่ข้างหลังหมอพาสไม่ก็เกี่ยวกับหมอพาสแน่ เรื่องดีมาก รอติดตามต่อไปนะ

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #775 เมื่อ19-06-2018 02:08:12 »

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

จะไม่คิดอะไรทั้งนั้นนนน
นอกจากรอตอนต่อไป

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #776 เมื่อ19-06-2018 16:01:20 »

โอยยยยย อิผีบ้า!!  ดูมันทำแต่ละอย่างสิ ถ้าพี่วินทร์กลับมาเป็นคนเดิมนี่ชื่อเสียงที่สั่งสมมาไม่ป่นปีัไปหมดแล้วเหรอ? สงสารหมอฮาล์ฟ บอกใครก็ไม่ได้ ยิ่งซีนหมอต้องมาเก็บซากของสดที่มันกินเละเทะไว้ โอ๊ยยย ใจบางเลยอ่ะ งืออออออ สงสารหมอออ

คุณ leGGyDan มาลงภาคต่อห้องนิยายจบแล้วแบบนี้ เราเลยต้องแวะมาดูห้องนี้บ่อยขึ้น จะติดตามให้กำลังใจเสมอนะคะ รีวิวช้าไม่ว่ากันน้าาา ปกติจะสิงอยู่ห้อง Boy's love story เป็นหลัก ห้องนี้นานๆจะแวะเข้ามาหานิยายเก่าๆ อ่านสักที / ต้องแวะมาบ่อยขึ้นละ  :mew1:

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #777 เมื่อ26-06-2018 14:40:57 »

สงสารทั้งสองคนเลย จะทำอย่างไรต่อไปล่ะนี่

ออฟไลน์ Guy_BLove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #778 เมื่อ26-06-2018 21:09:56 »

เกลียดอิผีนั่นน แง
สงสารทั้งคู่เลยยยยย :ling1:

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Text_book#2 บทที่4 บ้าน P.26 [16/06/2561]
«ตอบ #779 เมื่อ30-06-2018 19:22:23 »

ผีคือผชที่ฮาร์ฟโดนเรียกไปดูอาการแน่ๆ อยากให้คนแต่งตั้งกระทู้ใหม่ดีมั้ยคะ เพราะเราจะตามง่ายเพราะมันเด้งมาหน้าแรก ในนิยายจบแล้วไม่ค่อยมีคนเข้ามาเท่าไหร่ อยากให้คนมาเห็นเยอะๆว่าคนแต่งแต่งภาค2 สู้ๆนะคะตามต่ออออ สงสารวินมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด