22.ยูริเป็นคนอิ่มทิพย์
--พาโชค--
‘เจ้ต้องมาประชุมแทนเพราะมึงไม่อยู่เนี่ย’
ผมก้มมองข้อความจากกล่องแชทของออฟฟิศที่กรุงเทพก่อนจะยิ้มเพราะเห็นว่าพี่เจนส่งรูปตอนประชุมมาให้โดยมีพี่ยักษ์กำลังนั่งก้มมองมือถืออยู่ในห้องประชุมที่ตัวผมเองเข้าไปหลายต่อหลายครั้ง ผมส่งสติกเกอร์ให้พี่เจนแล้วสลับไปที่แชทส่วนตัวของหัวหน้าเก่าก่อนจะส่งข้อความไปหา
’อู้งาน’
ทางนั้นเปิดอ่านในทันทีก่อนจะส่งรูปตัวการ์ตูนทำหน้าเบื่อๆมาให้พร้อมกับคำถาม
‘ตื่นแล้วเหรอแว่น’
ผมยิ้มก่อนจะตอบ
‘ตั้งนานแล้ว'
‘ดีมาก’
คนที่กรุงเทพตอบกลับมาก่อนจะเงียบไป ผมที่แต่เดิมไม่ติดโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกวันนี้ต้องตื่นมาส่งสติกเกอร์กลับให้พี่ยูที่ส่งสวัสดีวันจันทร์จนถึงวันอาทิตย์มาให้ทุกวันตามประสามุมลุงๆของพี่แก เราคุยกันน้อยมากในแต่ละวันเพราะต่างคนต่างทำงาน อย่างวันนี้หลังจากส่งสติกเกอร์หมีหน้าบึ้งไปให้ตั้งแต่ตอนประชุม พี่ยูก็พึ่งตอบกลับมาอีกทีในตอนเกือบเที่ยง
‘ตั้งใจทำงานนะแว่น’
***
“ออฟฟิศต้องติดฟิล์มกระจกแล้วธาม แดดแรงมาก”
บ่ายวันนี้ผมออกมากินข้าวข้างนอกกับคุณเนมและพี่ธาม ผมเริ่มทำงานที่เชียงใหม่ได้สามอาทิตย์แล้ว เวลาผ่านไปเร็วจนรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ยังไม่ได้ไปไหนเลย ผมที่มาช่วยเทรนงานให้ทีมเชียงใหม่รู้สึกว่าทำงานกับคนนั้นยากกว่าเขียนโปรแกรมอยู่หลายเท่า
“ผมก็ว่างั้น ปวดตา”
พี่ธามตอบคุณเนมที่บ่นเรื่องแดดทะลุกระจกเข้ามาในออฟฟิศทุกวัน
“ติดม่านได้ไหมครับ”
ผมถาม
“แล้วจะทำกระจกเท่ๆไว้ทำไมล่ะพาโชค”
คุณเนมพูดถึงโฮมออฟฟิศใหม่ที่ถูกออกแบบผสมด้วยไม้และกระจกเป็นส่วนใหญ่ ตอนดูก็สวยดี แต่คงไม่เหมาะกับพระเทศไทยเท่าไหร่เพราะแดดแรงจนเกินไป ให้ติดม่านก็คงไม่สวยแบบที่คุณเนมบอก
“แต่โลเคชันเราน่าเปิดร้านกาแฟมากเนอะพาโชค”
ผมพยักหน้ารับก่อนที่พี่ธามจะขัด
“ถ้าเปิดก็น่าจะเป็นร้านที่แปดในซอยนี้แล้ว”
เพราะเชียงใหม่ร้านกาแฟและคาเฟ่เยอะมากจริงๆ ก่อนหน้านี้ก่อนที่จะติดชื่อบริษัทก็แอบมีคนมาด้อมๆมองๆเยอะเหมือนกัน เพราะคิดว่าเป็นร้านกาแฟหรือไม่ก็ co-working space เปิดใหม่
“เนมว่าเดี๋ยวทำบาร์ข้างล่างดีกว่า เป็นมุมทำงานหน้าเครื่องชงกาแฟ”
คุณเนมที่ไม่ได้ฟังพี่ธามเลยเสนอความคิดเห็นขึ้นมา ซึ่งผมไม่เคยเห็นว่าไม่มีความเห็นของคุณเนมอันไหนที่ไม่เคยเกิดขึ้น เข้าทำนองว่าพูดจริงทำจริง พี่ธามหันมาสบตากับผมเพราะเหนื่อยกับโปรเจค decoration ของคุณเนม ผมนั่งกินข้าวไปด้วยฟังพวกเขาคุยกันไปด้วย
“ทีมสยามไปถึงไหนแล้ว”
“วันนี้ยูริเข้าไปตรวจรับงานกับผู้รับเหมาแล้ว”
คุณเนมบอกก่อนจะวกกลับมาเรื่องที่เชียงใหม่ต่อ
“แล้วธามรู้ไหมว่า IOS dev จะเข้ามาวันไหน”
“IOS ผมจ้างซีเนียร์คนนึงจูเนียร์อีกคน แต่ไม่มาทั้งคู่เลย”
“ธามให้ไปเท่าไหร่”
“ซีเนียร์ให้ 75k เขาขอ 90k”
“คนไทย?”
“ฝรั่งครับ ต้องจัดการวีซ่าให้เขาด้วย”
“เหนื่อยว่ะ”
ผมแอบเหนื่อยแทนคุณเนมที่หาคนมาเท่าไหร่ก็ไม่ครบเสียที ซึ่งไม่รู้งานสายอื่นเป็นแบบนี้หรือเปล่า แต่งานฝั่ง developer ที่ไทยคือหาคนทำงานยาก ยากยิ่งกว่านั้นคือหายังไงให้ได้คนเก่ง เพิ่มเงินให้ก็แล้ว สวัสดิการก็แล้ว ออฟฟิศสภาพแวดล้อมดีก็แล้ว flexible time ก็แล้วยังหาคนไม่ได้ พี่ธามถอนหายใจก่อนจะบอก
“ผมว่าจะไปคุยกับพี่เอกเผื่อแกมีคนรู้จักเพราะเราหากันมา 3 เดือนแล้วนะคุณเนม ตั้งแต่อยู่กรุงเทพ”
พี่ธามบอก คุณเนมหันมามองผมเหมือนขอความเห็นซึ่งผมเองก็บอกไปตรงๆ
“ไม่ชวนพี่เอกมาอยู่นี่ดูล่ะครับ ที่กรุงเทพหาคนใหม่น่าจะง่ายกว่า”
แต่คุณเนมกลับปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่!”
ผมขำเพราะเห็นอยู่ว่าพี่เอกกับคุณเนมตีกันบ่อยอย่างกับเด็ก พี่ธามมองหน้าบอสก่อนจะบอกบ้าง
“ผมว่าคุณเนมควรลดอคตินะ”
“ถ้าธามอยากทำงานกับพี่เอกมากธามก็กลับไป เดี๋ยวผมจะเอายูริมาแทน”
เจ้านายบอกด้วยท่าทางเอาแต่ใจ
“เอ้า พี่ผิดเหรอพัช”
ผมหัวเราะ ก่อนจะส่ายหัว
“แล้วบ้านที่พาโชคอยู่โอเคไหม”
คุณเนมเปลี่ยนเรื่องแทบจะทันที ผมขำก่อนจะตอบ
“ก็ดีครับ”
ที่บอกว่าก็ดีเพราะตัวผมเองเคยชินกับการอยู่คนเดียวแถมพี่มันยังทิ้งรถไว้ให้ใช้อีกคัน คือสบายกว่านี้ก็ไม่ต้องทำงานแล้ว
บ่ายวันนี้หลังจากกินข้าวแล้วผมก็ทำงานลากยาวตั้งแต่บ่ายจนถึงหกโมงเย็น เปิดอ่านแชทอีกทีก็หลังเลิกงานแล้วพึ่งเป็นว่าอีกคนส่งอะไรมา
‘เดี๋ยวพี่ไปยิมนะแว่น'
ถึงจะอยู่คนละที่แปลกดีเหมือนกันที่กลับรู้สึกว่าผมกับพี่ยูสนิทกันมากกว่าเดิมเสียอีก
‘หูยยย กล้าม'
ผมพิมพ์ไปขำไปก่อนจะวางมือถือเพื่อไปนั่งดูบอล
‘พรุ่งนี้ไปรับที่สนามบินหน่อย’
ผมเหลือบมองการแจ้งเตือนจากโปรแกรมแชทสีเขียวก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาปลดล็อคก่อนจะตอบกลับในตอนที่บอลจบแล้ว
‘สนามบินหน่อยอยู่ที่ไหนครับ ไม่เคยได้ยิน’
ไม่ทันไรคนที่บอกให้ไปรับก็ตอบกลับมา
‘พาโชค’
แค่เรียกชื่อเฉยๆผ่านตัวหนังสือยังขนลุกขนาดนี้ ถ้าอยู่ใกล้ๆผมคงโดนเจ้าของบ้านทำหน้าโหดๆใส่
‘กี่โมงๆ’
ผมถามก่อนที่คนทางนั้นจะโมโห เดี๋ยวจากเรื่องเล็กๆจะได้กลายเป็นเรื่องใหญ่
’ถึงแปดโมง’
ผมกดดูรูปโปรไฟล์ของอีกคนที่ไม่รู้เปลี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก่อนเป็นรูปถ่ายเต็มตัวไกลๆแบบดูไม่ออกว่าเป็นใคร แต่รูปตอนนี้เป็นรูปอยู่ในยิมใส่เสื้อกล้ามคอลึกโชว์แขนล่ำๆแถมยังยิ้มกว้างน่าหมั่นไส้
“กดรีพอร์ตรูปตรงไหนวะเนี่ย แม่งอนาจาร”
เพราะผมมัวแต่บ่น คนที่โชว์กล้ามเลยส่งข้อความใหม่มา
‘อ่านแล้วไม่ตอบ?'
‘รับทราบ’
ผมรีบตอบ เพราะขืนไม่ทันใจเดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าของบ้านตัวจริงมาถึงแล้วจะโดนสวดยาว ขนาดไม่อยู่ผมยังรู้เลยว่าพี่มันจะบ่นอะไร
‘อยากได้อะไรไหม’
ผมนึกอยู่หน่อยก่อนจะพิมพ์ ‘ไม่’ ลงไปบนหน้าต่างแชทแต่ไม่ทันไรก็ลบข้อความนั้นทิ้งแล้วพิมพ์ข้อความใหม่ลงไปเพราะความอยากกวนตีนล้วนๆ
‘อยากได้พี่’
ผมนั่งขำก๊ากพลางคิดไปว่าอีกฝั่งน่าจะหัวร้อนไปแล้ว และพรุ่งนี้คงจะมาบ่นเป็นยักษ์เหมือนเดิม แต่ผิดคาดเมื่อโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือสั่นเป็นเจ้าเข้า
’หัวหน้าโทรมาอย่ารับ video calling…’
ผมกระพริบตาปริบๆมองหน้าจอที่มีหน้าลูกพี่เก่าโชว์หราพร้อมกับชื่อที่ตัวเองเซฟไว้
“เหี้ยแล้ว”
ผมกดปุ่มรับสายก่อนจะเห็นว่าคนปลายสายกำลังยิ้มหวานจนน่าขนลุก
“อยากได้อะไรนะครับ บอกพี่สิ”
คนปากดีอย่างผมเมื่อครู่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากทั้งพยายามยิ้มแหยให้ปลายสาย ผมอยากจะตบปากตัวเองจริงๆ
“พี่ยู..."
“เก่งจังตอนไม่เห็นหน้าเนี่ย"
ปลายสายพูดกลั้วหัวเราะ แต่แววตากลับไม่ไม่ได้ดูตลกเท่าไหร่ ผมเงียบพร้อมกับมองใบหน้าที่คุ้นตาแต่ไม่ได้เจอกันสักพักแล้ว ยอมรับว่าคิดถึงพี่มัน คิดถึงมากแม้ลึกๆแล้วจะรู้ว่าต่างคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง และผมเองก็เป็นคนเลือกที่จะมาทำงานตรงนี้เอง
“มองหน้าทำไม"
อีกคนว่าพร้อมกับยักคิ้วให้
“ผมมองจอ”
ผมแก้ตัวทั้งๆที่กำลังมองไหล่กว้างที่ดูเหมือนไม่ได้สวมเสื้อ และดูเหมือนพี่มันจะรู้ทันถึงได้แพลนกล้องลงไปต่ำถึงหน้าท้องและวีคัทที่กลับมาสวยเหมือนตอนแรกๆที่เจอ ผมลอบกลืนน้ำลาย ...ผมแม่งเกลียดตัวเองเวลาแบบนี้จริงๆ...
“อนาจาร"
ผมบอกหร้อมกับหลบตาอีกคนที่กำลังจ้องหน้าจออยู่
“คิดอะไรลามกๆอยู่ป่าวแว่น"
ผมที่รู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงหูแดงไปหมดส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไปนอนไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย ค่อยๆขับรถนะ"
พี่ยูบอกพร้อมกับกดปิดกล้องไปโดยไม่มีการบอกฝันดี แต่กลับรู้สึกว่า…
“แม่งเอ้ย คนกำลังจะหลับ"
คนที่กำลังเตรียมพร้อมจะนอนอย่างผมมีอารมณ์กับผู้ชายไม่ใส่เสื้อ นี่มันมาถึงจุดนี้ได้ยังไงวะ
***
ผมตื่นมาอีกทีเมื่อนาฬิกาปลุกบอกเวลาหกโมงเช้า ก่อนจะจัดการตัวเองอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วขับรถมาที่สนามบินทั้งๆที่จริงๆแล้วยังง่วงมา เพราะเมื่อคืนยังหลอนอยู่กับรอยยิ้มพี่มันจนนอนแทบจะไม่หลับ
“จอดรถไหน”
เราไม่ได้สวัสดี กอด หรือทักทายกันเหมือนคนอื่นๆ แต่แค่ผมมองหน้าเขาผมกลับรู้สึกว่าสามอาทิตย์ที่ผ่านมามันมีความหมายมากจริงๆ
“กุญแจครับ"
ผมยื่นกุญแจให้เจ้าของรถที่สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์พร้อมกับแบกเป้อีกใบมาจากกรุงเทพ ผมไม่ได้ถามว่าเขามาทำไม มาหาผม แค่กลับบ้านหรือว่ามาทำงาน ผมแค่เดินนำอีกคนไปยังลานจอดรถ
“สติไม่มาเหรอแว่น เช้าเกิน?"
พี่มันเดินมาใกล้ก่อนจะโอบเอวผมเข้าไปชิดตัว ผมมองหน้าด้านข้างของลูกพี่เก่าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จนมาถึงรถเก๋งคันสีขาวที่พี่ยูหามาไว้ให้ใช้ ผมเดินไปนั่งฝั่งข้างคนขับเพื่อปล่อยให้เจ้าของรถตัวจริงขับเอง พี่มันสอดตัวเข้ามาในรถก่อนจะสตาร์ทรถ แต่แทนที่จะออกรถกลับดึงเกียร์ไว้ที่เกียรว่าง ผมมองมือใหญ่ก่อนจะมองหน้าพี่มัน
“เมื่อคืนนอนกี่โมง"
พี่ยูถามก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้ กลิ่นน้ำหอมของผมที่พี่มันขโมยไปใช้ให้ความรู้สึกต่างกันกับที่อยู่บนตัวผมโดยสิ้นเชิง มันหอม เย็นแต่หวาน
“ตี1”
ผมตอบห้วนๆทั้งพยายามทำตัวเองให้ปกติทั้งๆที่รู้ตัวว่าไม่ปกติตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
“ก็ไม่ดึกนะ"
คนที่นั่งอยู่เบาะอีกตัวยกแขนขึ้นมาจับที่ต้นแขนผม และทันทีที่ความร้อนของเขาโดนตัวผม ผมก็รู้แล้วว่าตัวเองอาจจะไม่ไหว เขายิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“แต่เมื่อคืนพี่ไม่ได้นอนเลย มองหน้าพัชแล้วเงี่ย-"
มือของผมยกมือขึ้นไปปิดปากพี่มันไว้เพราะรู้ว่าจะพูดอะไร แต่พี่ยูกลับค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกโด่งของเขาชิดกับจมูกของผม ที่สุดแล้วก็จรดปากลงมาจูบทั้งๆที่มือมือผมกั้นไว้ แต่ก็ต้านไว้ได้ไม่นานนัก เพราะผมเองก็อยากจูบเขาเหมือนกัน
กลิ่นบุหรี่และรสลิ้นของอีกคนทำผมมึน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มือของผมสอดเข้าไปในเสื้อยืดของอีกคนแล้วลูบหน้าท้องแข็งแรงของอย่างหลงใหล เสียงจ๊วบจ๊าบทำผมอายแต่ก็ไม่ได้อยากจะหยุด ผมลืมตาและปล่อยให้พี่มันกวาดลิ้นเข้ามา ทั้งยังช่วยดูดริมฝีปากที่เริ่มเป็นสีช้ำของอีกคน เสียงหายใจหอบของพี่มันดังขึ้นข้างๆหูเมื่อริมฝีปากคู่นั้นเปลี่ยนจากดูดปากผมมาขบเข้าที่ติ่งหูแทน เสื้อของผมถูกเลิกขึ้นอย่างมักง่ายเพื่อให้มือใหญ่ลากผ่านและขยำในทุกๆที่ที่สามารถจับได้ น่าอกแบนราบผมของผมถูกเฟ้นและถูกนิ้วของพี่มันสะกินจนเป็นไตแข็ง
“พี่ยู ไม่"
ผมพยายามดันไหล่ของอีกคนไว้เมื่อริมฝีปากของพี่มันก้มลงดูดที่หน้าอกผมจนเป็นรอยแดง เพราะผมรู้ดีว่ามันคงจะไม่จบแค่นี้
“แว่น พี่ไม่ไหว"
มือผมถูกมือใหญ่จับแล้วไปวางบนเป้ากางเกงยีนส์เข้ารูปสีซีดที่โป่งนูนจนเป็นรอยชัด
“ช่วยหน่อยนะครับ"
จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่รถจอดอยู่ในมุมอับของชั้นที่ไม่ค่อยมีรถ และจอดแบบเอาหน้ารถหันเข้าหากำแพง ผมเงยหน้ารับจูบอีกครั้งพร้อมกับรูดซิบกางเกงของพี่มันลง ร่างกายของพี่ยูนั้นน่าหลงใหล ไหล่กว้างและแขนแข็งแรงทำให้ผมแพ้ตั้งแต่แรก ผมค่อยๆล้วงมือลงไปตามรอยวีคัทแล้วช่วยอีกคนตามคำขอ ในขณะเดียวกันร่างกายส่วนบนของผมถูกมือใหญ่ลากผ่านจนร้อนผ่าว มือที่ลูบอยู่เอวผมในตอนแรกยกขึ้นมาจับริมฝีปากที่บวมเจ่อ พี่มันมองผมนิ่งก่อนจะจับท้ายทอยของผมกดลงบนตัก ผมไม่ได้โง่ขนาดที่ว่าไม่รู้ว่าคนขี้บังคับหมายถึงอะไร
“เหี้ย แม่งเสียว"
เสียงสบถหยาบคายดังขึ้นเมื่อลิ้นของผมแตะเข้าที่ส่วนกลางลำตัวของพี่มัน ผมเลียส่วนที่เปียกชุ่มเหมือนแมวเวลาเลียขนม ก่อนจะครอบปากลงไป
อาจจะเพราะผมเป็นคนหัวดีถึงได้รู้ว่าต้องทำยังไงอีกคนถึงจะพอใจแม้ผมจะไม่เคยทำมาก่อนก็ตาม เสียงหอบหายใจแรงทำผมย่ามใจ ผมรูดริมฝีปากขึ้นลงพร้อมกับเก็บฟัน ก่อนจะช้อนตามองอีกคนเมื่อพี่มันเริ่มกดหัวผมให้สิ่งที่อยู่ในปากผมดันแน่นอยู่ตรงกระพุ้งแก้ม ผมเมื่อยปากแต่ยอมรับว่าตื่นเต้นฉิบหาย หัวผมผลุบขึ้นลงพร้อมกับค่อยๆรู้สึกตัวว่าของตัวเองกำลังตื่นตัว
“พัช อ้าปากอีก"
คนที่เอาแต่หอบหายใจหนักเมื่อครู่บอกผมก่อนจะเด้งเอวสวนขึ้นมา รสคาวของน้ำใสๆกลบไปทั่วทั้งปาก ผมครางอือในลำคอเมื่อรู้สึกว่าของพี่มันเข้ามาลึกจนเกินไป
“เมีย ดูดให้หน่อย"
สรรพนามธรรมดาแต่หยาบคายอยู่ในทีทำให้ผมตื่นตัวอย่างแปลกประหลาด ผมดูดอย่างที่อีกคนบอกให้ทำก่อนจะได้รสชาติเค็มปนคาวไหลเข้ามาในคอ สิ่งใหญ่โตคับปากกระตุกอยู่หลายครั้ง น้ำสีขาวขุ่นไหลเข้าคอบ้างไหลออกมาตามมุมปากของผมบ้าง จุดสุดยอดมันแค่ไม่กี่วินาที แต่ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อผมถูกช้อนคางขึ้นมา ผมไอจนน้ำหูน้ำตาไหล พี่มันหยิบทิชชู่มาเช็ดปากเช็ดหน้าให้ก่อนจะจับผมจูบอีกครั้ง
“ทำดี เดี๋ยวพี่ให้รางวัลนะแว่น”
แม้ผมจะมองไม่เห็นหน้าตัวเองและไม่กล้ามองหน้าพี่ยูแต่ผมก็รู้ว่าพี่มันกำลังพอใจมากและผมเองก็คงหน้าแดงมากในตอนนี้
***
ผมที่ปวดแก้มและพูดอะไรไม่ออกมองเข็มไมล์ที่สูงขึ้นไปถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผมไม่ชอบให้พี่ยูขับรถเร็วแต่ผมเดาได้ว่าเราจะถึงบ้านในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ผมจำไม่ได้ว่าเราล็อคประตูบ้านไปหรือยัง รู้ตัวอีกทีคือเรากำลังจูบกันอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่พึ่งสั่งมาเมื่อวีคที่แล้ว แล้วในระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าระหว่างเดินไปปิดม่านชั้นล่างกับเดินขึ้นไปชั้นบนอะไรเสียเวลามากกว่ากันเจ้าของบ้านตัวจริงก็ดึงกางเกงยีนส์รัดรูปพร้อมกับบอกเซอร์ของผมลงแล้วโถมตัวลงมา ผมรู้ว่าพี่ยูมือหนักแต่ไม่เคยรู้ว่าพี่จะใจร้อนแบบนี้
“เดี๋ยวพี่ยู"
ผมร้องบอกเมื่อถูกจับให้คว่ำหน้าแล้วดึงสะโพกขึ้นให้ลอยเด่น ท่อนล่างเปลือยทำให้รู้สึกโหวงจนน่าอาย แต่ส่วนที่แข็งจนปวดหนึบของตัวเองกลับทรยศความเขินอายของเจ้านายมัน ผมได้ยินเสียงฉีกซองถุงยาง น้ำหล่อลื่นจากซองถูกปาดลงบนด้านล่างผมจนเย็นวาบ นิ้วยาวๆของพี่มันสอดเข้าออกจนตัวผมชา
“อ้าขาหน่อย"
พี่มันบอกพร้อมกับให้มือทั้งสองข้างตะปบไว้บนก้นของผม สิ่งที่ถูกส่งเข้ามาในตัวผมทั้งแข็งและใหญ่จัด ผมแนบหน้าลงบนโซฟาพร้อมครางฮือเพราะมันทั้งจุกและเสียด มันสอดเข้ามาแค่ครึ่งเดียวเหมือนรอให้ร่างกายผมเข้าที่ สุดท้ายแล้วพี่มันถึงดึงสะโพกผมเข้าหาตัว
“อื้อ เบา"
ตอนนี้ท่อนล่างของผมแนบสนิทกับหน้าขาแข็งแรงของอีกคน พี่มันบดและควงสะโพกจนผมรู้สึกว่าไม่ได้ปวดตึงแล้วจึงค่อยๆขยับสะโพก ความคับแน่นที่ผลุบเข้าออกจากข้างหลัง เสื้อที่ยังไม่ถูกถอด กางเกงยีนส์ที่ยังเกาะอยู่ที่ขาทำผมทรมาณ แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังไม่อยากที่จะเสียเวลาถอดมัน เช่นเดียวกับพี่ที่ยังมีเสื้อผ้าอยู่บนตัวครบทุกชิ้น เซ็กส์ที่รีบร้อนและกระหายทำผมหอบกระเส่า เหงื่อผุดพรายค่อยๆไหลลงจากร่างกายสู่โซฟาหนัง ร่างกายที่แข็งจนปวดหนึบของผมปลดปล่อยโดยไม่ต้องจับเมื่ออีกคนเร่งควบสะโพก
ผมพยายามกลั้นเสียงร้องแต่ก็ช่วยไม่ได้เมื่อมันเกินจะทนไหว พี่มันกดสะโพกแช่ไว้นิ่งเมื่อเสร็จสมอีกรอบ ไม่นานนักก็ค่อยถอนร่างกายตัวเองออกไปพร้อมกับดึงถุงยางอนามัยที่เต็มไปด้วยน้ำขาวขุ่นทิ้ง ผมทิ้งตัวนอนคะแคงลงบนโซฟาหนังที่ปกติเย็นเฉียบแต่วันนี้กลับร้อนระอุเพราะอุณหภูมิของผมกับเจ้าของบ้าน ผมที่กำลังหอบหนักถูกจับดึงกางเกงออกแล้วยกตัวนั่งพิงโซฟา
“อีกรอบนะแว่น"
ผมที่กำลังนั่งบนโซฟาถูกจับอ้าขากว้างพร้อมพาดบ่าแข็งแรงของพี่มันที่ลงไปนั่งอยู่บนพื้น หนวดที่เริ่มขึ้นไถไปทั่วหน้าท้องของผมในขณะที่ริมฝีปากร้อนไล่กดจูบบริเวณนั้นให้เป็นรอย
“เหี้ย"
ปฏิกิริยาอัตโนมัติของผมบอกให้หุบขาเมื่อปากอีกคนครอบลงบนน้องชายที่มันพึ่งอ่อนตัวลง แต่สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่ชันเข่าขึ้นแล้วไขว้ขาที่ตอนนี้วางอยู่บนบ่าอีกคน กลายเป็นว่าหน้าอีกคนแนบชิดกับหน้าท้องผม พี่มันยิ้มกริ่มพร้อมกับใช้มือลูบที่หน้าอกผมแรงๆและปากก็ยังทำหน้าที่ได้ดี ผมจับผมดำขลับที่หนาจนติดมือ เอาจริงๆคือแม่งเสียวจนผมยกก้นไม่ติดโซฟา ขาของผมที่แหกกว้างสั่นจนเหมือนคนที่ใกล้จะล้มเต็มที รู้แล้วว่าทำไมพี่มันถึงบอกให้ดูด เพราะในตอนที่พี่มันห่อปากดูด ผมก็เสร็จจนตาพร่าไปหมด ถ้าไม่มีพนักพิงของโซฟาผมคงละลายติดกับพื้นไปแล้ว
— ศศิน --
เขาว่ากันว่าคนที่คบกันได้มักศีลเสมอกัน ในกรณีของผมกับพาโชคคงไม่ถูกนักเพราะน้องมันเป็นคนดีกว่าผมเยอะ ที่ถูกน่าจะเป็นเซ็กส์เสมอกันมากกว่า ถ้าใครบอกว่าเรื่องเซ็กส์ไม่สำคัญกับชีวิตคู่ผมขอเถียงสุดใจ
ผมกลืนน้ำคาวของอีกคนลงไปจนหมดอย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงทำให้น้องขนาดนี้ ก่อนจะมองรอยแดงบนหน้าท้องของอีกคน มองร่างกายอ่อนเปลี้ย ถ้ากินพาโชคเข้าไปได้ในตอนนี้ผมก็คงทำ ท่านั่งชันเข่าของคนบนโซฟาทำให้เห็นก้นกลมขาวๆที่มีรอยมือและมองเห็นรอยจีบสีแดงที่พึ่งผ่านศึกไปรอบแรกลอยเตะตา ผมยิ้มเมื่อของตัวเองแข็งขึ้นมาอีกรอบทั้งๆทีเสร็จไปสองครั้งแล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่เหนื่อย แต่ผมแค่มักมากและอนาจารอย่างที่พาโชคบอกเท่านั้นเอง
ผมรู้ว่าครั้งนี้จะผมจะไม่รีบร้อน ผมจะสอดย้ำตรงนั้นที่แดงอยู่แล้วให้หนักๆ ผมจะทำให้รูแคบๆนั้นขยายให้เท่าขนาดของผม แต่ตอนนี้คงต้องช่วยน้องแว่นถอดแว่นและเสื้อที่เกะกะออกก่อน
“ไปข้างบนกัน"
ผมบอกอีกคนหลังจากที่ถอดเสื้อยืดชุ่มเหงื่อของตัวเองและพาโชคออกแล้ว พวกเราเปลือยทั้งตัวภายในบ้านที่ล็อคไว้แล้วอย่างดี ผมก้มลงไปจูบแล้วอุ้มอีกคนขึ้นมาง่ายๆเพราะพาโชคตัวนิดเดียวถ้าเทียบกับผม แต่ถึงแม้จะผอมก้นกลมๆของพาโชคนุ่มและแน่นจนผมบีบติดมือ ทั้งจุกบนหน้าอกก็ชูเด่นท้าลิ้นผมเหลือเกิน
“อย่ากัด อื้อ"
อีกคนว่าทั้งๆที่ขยำหัวผมเหมือนไม่อยากให้ผละออก ผมมองหน้าของลูกน้องเก่าที่อายุน้อยกว่าเกือบสิบปี สาบานเลยว่าเด็กเนิร์ดคนนี้ยั่วมากกว่าเด็กเจนโลกที่ผมเคยเจอมาทั้งหมด ผมก้าวขึ้นบันไดด้วยความเคยชินก่อนจะวางเด็กของตัวเองลงบนเตียงแล้วไถลตัวลงไปแนบตัวขาวๆของน้องมัน
เราจูบกันแบบไม่รู้เบื่อ ผมพลิกตัวลงนอนบนเตียงแล้วให้อีกคนทำหน้าที่ของตัวเองบ้า พาโชคที่รู้งานอยู่แล้วจูบไล่จูบที่ซอกคอผมก่อนจะไล่ลงมาถึงหน้าอกและหน้าท้องของผมที่ดูเหมือนน้องแว่นจะชอบที่สุด
“กัดพี่เหรอแว่น"
ผมถามเมื่ออีกคนพยายามใช้ฟันงับที่หน้าอกข้างซ้ายของผม มือที่ว่างของผมบีบก้นอีกคนที่เต็มไม้เต็มมือ ผมแกล้งสอดนิ้วกลางเข้าไป คนที่เลื้อยอยู่บนร่างหายผมสะดุ้งก่อนจะมองนิ่ง
“มองอะไรครับน้อง"
ผมถามกวนตีนพร้อมกับบีบปากเล็กๆที่มู่ทู่นั่นเล่น สิ่งที่ผมรู้คือพัชถึงจะดื้อไปบ้างแต่น่ารักมากโดยเฉพาะเวลาอยู่บนเตียง น่ารักจนกลัวว่าจะไปน่ารักแบบนี้กับคนอื่น ผมหยิบเจลที่ซื้อมาด้วยปาดลงไปจนชุ่มทั้งๆที่ตัวเองนอนหงายให้น้องมันนั่งทับเล่นและไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือแค่อยากยั่ว เด็กมันถึงยกตัวขึ้นแล้วกดตัวเองลงมาค้างเติ่งไว้แค่ให้หัวข้องชายผมผลุบเข้าไปแล้วก็หันหน้าไปอีกทางเหลือให้ผมมองแค่แผ่นหลัง เอวบางและก้นสวยๆ ผมบีบแล้วแบะก้นขาวๆออกพร้อมกับดึงให้อีกคนนั่งลงจนสุด
“อื้มม”
โชคดีที่เสร็จไปสองรอบแล้ว ไม่อย่างนั้นแค่ยัดลงไปด้วยท่าแบบนี้คงทำผมแตกแบบไม่ต้องทำอะไร ไอ้ตัวเล็กขยับขึ้นลงเนิบนาบซึ่งไม่ได้ดั่งใจผมเอาเสียเลย ผมปล่อยให้น้องมันแกล้งนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นนั่งซ้อนหลังแล้วกระแทกเหมือนคนหื่นจนหน้ามืดตามัว แต่คงไม่แค่เหมือนเพราะผมหื่นจริงๆ ตัวขาวๆ ก้นแน่นๆทำให้ผมฮีทขึ้นอย่างง่ายดาย
“อื้อ พี่ยู ผมไม่ไหว”
เสียงครางที่เหมือนพยายามกลั้นไว้ทำผมสติแตก ผมจับอีกคนนอนหงายลงและกระแทกจนเหงื่อไหล
อุณหภูมิ 20 องศาของห้องแอร์เย็นฉ่ำผิดไปกับร่างกายของเราที่เหงื่อไหลโชก พาโชคที่แดงไปทั้งตัวขาอ้ากว้างทั้งใช้มือเรียวช่วยตัวเอง อีกมือพยายามดันหน้าท้องของผมไว้เพื่อให้ลดสปีดแต่ไม่ได้ผลเมื่อผมยิ่งกระแทกตัวเข้าไปเพราะเห็นหน้าตาน่ารักของเด็กมันกำลังหยาดเยิ้ม ไม่ทันไรตัวเล็กๆก็กระตุก ส่วนที่เชื่อมต่อกับผมบีบตัวแล้วคลายออกสลับกันอย่างรุนแรง ผมที่เริ่มทนไม่ไหวสอดตัวกระแทกเข้าไปจนสุด ปิดปากล่างให้แนบแน่นแล้วก็ปิดปากบนด้วยจูบ เหมือนร่างกายของเรามัดรวมกัน ช่องทางที่บีบร่างกายผมหนึบร้อนผ่าว
“ข้างในนะ"
ผมที่ตั้งใจไม่สวมถุงยางในรอบนี้กดสะโพกย้ำอยู่สองสามทีก่อนจะอัดตัวเองเข้าไปในร่างกายของอีกคน เราหายใจหอบ ผมแนบตัวลงจูบน้องอีกรอบ พัชเหมือนจะผล็อยหลับในตอนแรกดันตัวผมออกแม้แรงจะไม่ค่อยจะมีแล้ว
“เอาออก"
ผมดึงตัวออกแล้วคว้าทิชชูแถวนั้นมาเช็ดคำความสะอาดและคว้านน้ำตัวเองออกให้หมด ขาสั่นๆของพาโชคทำเอาผมยิ้มกริ่ม ก่อนจะล้มตัวลงกอดตัวของอีกคนไว้แนบอก เด็กมันหันมากอดตอบ รอยแดงรอบคอขาวๆของพาโชคทำผมกลืนน้ำลายอีกอึกใหญ่ แต่แค่ร่างก่ายตอนนี้เหนื่อยจนเกินไปแล้ว
***
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายกว่าๆเมือพาโชคพยายามดึงแขนผมออกจากตัว
“อะไร”
ผมถามคนที่ทำหน้าบูด
“แว่นผมล่ะ”
“อยู่ข้างล่าง"
คนที่ตามหาแว่นทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นแต่ก็ไม่ลุกสักที
“เดี๋ยวพี่ลงไปเอาให้”
ผมบอกคนที่น่าจะลุกได้แต่คงเดินยังไม่ไหว เด็กนั่นหันมามองผมหน้าหงอยๆ
“อาบน้ำไหวไหม จะได้ไปกินข้าวกัน"
ในขณะที่ผมลุกขึ้นสวมผ้าเช็ดตัวแล้วอีกคนยังนอนทำหน้าหงอยอยู่เลย
“เจ็บเหรอ"
พาโชคพยักหน้า ผมยิ้มกว้างให้พร้อมกับหัวเราะก่อนจะดึงอีกคนขึ้นมากอด กลิ่นเหงื่อผสมน้ำหอมจากอีกคนทำให้ผมไม่อยากไปไหน แต่ก็ต้องพาเด็กแว่นไปอาบน้ำและลากไปกินข้าวเพราะนัดคุณเนมไว้ จริงๆนัดไว้ตั้งแต่เที่ยง แต่โทรไปบอกว่ายังไปไม่ได้เพราะเห็นน้องมันยังเหนื่อยมากอยู่
ผมมาถึงร้านที่นัดไว้เกือบบ่ายสาม พาโชคที่เดินไหวแล้วค่อยๆก้าวขาเข้าร้านอาหารไทยบรรยากาศดี ผมเดินซ้อนหลักเด็กเข้าไปเพราะกลัวน้องล้ม พอมาถึงคุณเนมก็เหยียดยิ้มให้อย่างคนรู้ทัน
“อิ่มมาแล้วไม่ใช่เหรอยูริ ยังจะกินอีก?”
นี่คือคำทักทายของบอสใหญ่ที่เป็นเจ้ามือมื้อนี้
“พี่ยูกินข้าวมาแล้วเหรอ"
พาโชคหันมาถามผมตาแป๋ว ผมดึงคอเสื้อที่กว้างอยู่หน่อยของน้องมันขึ้นเพราะกลัวคุณเนมจะสำรวจเด็กของผมด้วยสายตา
“ยูริมันอิ่มทิพย์”
ผมยักคิ้วให้คุณเนมที่เหน็บแนมตามประสา ก่อนจะลูบหัวทุยๆของเด็กแว่นเบาๆ
“ยังไม่อิ่มหรอก”
ผมตอบทั้งพาโชคที่กำลังงงและคุณเนมที่จ้องผมจนเกือบพรุน