Years ago 3/3
9 years ago“เนมลูก”
“ครับ”
เนมรับโทรศัพท์จากแม่ที่พักนี้โทรมาหาบ่อยกว่าปกติ
“ทำไมช่วงนี้เนมไม่ค่อยกลับบ้าน”
เนมมองปฏิทินที่บอกว่าใกล้จะจบเทอมสองของปีสุดท้ายแล้ว และหนึ่งปีที่ผ่านมาเนมไม่ได้กลับบ้านที่กรุงเทพเลย เพราะมัวแต่ยุ่งๆกับการฝึกงานและอีกเหตุผลก็คืออยากเปิดโอกาสให้พี่เอกได้กลับบ้านบ้าง เพราะเนมรู้ดีว่าถ้าปิดเทอมเนมขลุกอยู่บ้านพ่อกับแม่คงไม่ได้เจอพี่เอกแน่นอน แต่เนมคิดผิดเพราะที่สุดแล้วพี่เอกก็ไม่ได้กลับไปเหยียบที่นั่น
“เดี๋ยวจบก็กลับแล้วครับ”
พอบอกออกไปแบบนั้นปลายสายก็ถอนหายใจหนัก
“เนม”
แม่เรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ครับ”
“แม่รักเนมนะ”
“เนมก็รักแม่”
“มีอะไรคุยกับแม่ได้ไหม”
เนมกำโทรศัพท์แน่นก่อนจะตอบ
“เอาไว้เนมพร้อมก่อนนะ”
***
“พี่ต่อ ถ้าแผนนี้สำเร็จนะ เนมให้สมุดสรุปข้อสอบไปหมดเลย”
เนมบอกพี่ต่อพลางรื้อของออกจากถุงพลาสติกที่ซื้อมาจากร้านขายของชำด้านล่าง ต่อมองกระป๋องเบียร์สามกระป๋องก่อนจะบ่น
“เหี้ยเนม เอาจริงเหรอวะ”
ว่าแล้วต่อก็มองซ้ายขวาว่าตัวเองล็อคประตูดีรึยัง
“เออดิ”
ต่อถอนหายใจกับรุ่นน้องที่ตอนนี้เรียนอยู่ปีเดียวกัน ก่อนจะกวักมือขอเบียร์
“เอามาย้อมใจกระป๋องนึง”
เนมขำหน้าตาบอกบุญไม่รับของพี่ต่อ
“แผนมึงนี่อย่างกับละครตอนเย็นเลยไอ้ห่า”
คนเด็กกว่าหัวเราะก่อนจะเปิดกระป๋องเบียร์อีกอันแล้วดื่มพอให้เลือดลมสูบฉีด ส่วนอีกขวดที่ซื้อมาเผื่อก็พรมใส่ตัวเองซะ จนเหม็นกลายเป็นไอ้ขี้เมา
“ใช้ภาษาพูดไม่ได้ก็ต้องภาษากายแล้ว”
เจ้าของแผนว่า ต่อขำแห้งพลางลูบแขนตัวเองที่ขนลุกชูชัน
“ไม่ต้องทำมาเป็นขนลุก พี่ต่อเลยที่ชอบสอนอะไรเนมแบบนี้”
“ก็ตอนแรกมึงเป็นคุณหนูกรุงเทพเอาแต่ร้องไห้ กูก็ไม่รู้จะปลอบยังไง”
เนมผิวขาวจัดแล้วตัวจะแดงเร็วมากเมื่อดื่มแอลกอฮอล ต่อมองไอ้คนคิดแผนก่อนจะเก็บเศษซากกระป๋องเบียร์ลงถังขยะไป แผนวันนี้ก็คือเนมเมามากแล้วกลับห้องไม่ได้เพราะไม่มีใครไปส่ง ส่วนพี่ต่อก็เมาเหมือนกันเลยลากกันกลับมาได้แค่นี้ ส่วนรายละเอียดอื่นยังไม่คิด รู้แต่ว่าต่อต้องไปนอนที่ห้องเนทคืนนี้เนมจะได้ยึดเตียงห้องนี้แล้วทำตามแผนตัวเอง
“มันมาทางนี้แล้วพี่ เราต้องไปให้สุด”
เจ้าของแผนว่าส่วนตัวละครในแผนกระพริบตาปริบๆเหมือนกำลังงงว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
“เอาวะ กูจะเอาเกรดสามไปฝากพ่อ”
ต่อปลอบใจตัวเองที่ตอนนี้ขวัญหนีดีฝ่อไปหมดแล้ว
“จะห้าทุ่มแล้วพี่ต่อ”
พี่ต่อผู้ปลงกับชีวิตแล้วพยักหน้ารับพร้อมกับมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบห้าทุ่ม เป็นเวลาที่รูมเมทอย่างเอกเลิกงานพาร์ทไทม์พอดี
“มึงแน่ใจนะว่ากูจะไม่ถูกโยนลงไปชั้นล่าง”
“ชั้นสองเองพี่ต่อ ไม่ตายๆ”
คนเป็นเด็กว่าก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงพี่ต่อแล้วแกล้งนอนคอพับตัวแดง ต่อที่กำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อดีได้ยินเสียงทุบประตู ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงไขกุญแจ คนที่คิดอะไรยังไม่ออกกระโดดขึ้นเตียงทับตัวรุ่นน้องไว้ ยังไม่ทันจะทำอะไรคนที่มาใหม่ก็ย่างสามขุมเข้ามาดึงคอเสื้อแล้วกระชากออก
“ทำเหี้ยอะไร!”
เอกได้กลิ่นเบียร์คลุ้งไปทั่วห้อง เขามองเด็กที่นอนหลับตาขมวดคิ้วอยู่บนเตียงแล้วหันมาชี้หน้ารูมเมทตัวเอง
“อะไรมึง”
ต่อว่าแล้วทำหน้าตามึนๆเหมือนคนพึ่งตื่น
“กูบอกแล้วว่าอย่ายุ่งกับเนม!”
ต่อยักไหล่ก่อนจะตอบ
“น้องมันเมา กูไม่ได้ทำอะไร”
คนที่มาใหม่มองหน้าเพื่อนร่วมห้องก่อนจะบอกเสียงดังจนคล้ายจะตวาด
“มึงก็เมา!”
ต่อชี้หน้าเพื่อนตัวเองกลับก่อนจะบอกบ้าง
“แล้วไงวะ มึงหวงไว้กินเองก็บอกเถอะ”
ว่าแล้วก็เดินเซหัวเสียไปทางประตูก่อนจะปิดแล้วสับขาออกวิ่ง เพราะรู้ว่าขืนอยู่นานอาจจะโดนเพื่อนร่วมรุ่นฆ่าตาย อย่างที่โดนชี้หน้าเมื่อกี้ก็หลอนจนขนหัวลุก เอกมองประตูที่ถูกปิดลงในเวลาเดียวกันเสียงคนที่เมาไม่รู้เรื่องก็ดังขึ้น
“ช่วย..ช่วยเนมด้วย”
“ทำไมทำตัวแบบนี้วะ! ลุกขึ้นมา!”
คนที่ยังโมโหอยู่กระชากแขนน้องขึ้นมา แต่คนที่นอนอยู่เอาแต่งอแงพูดจาไม่รู้เรื่อง
“พี่ต่อ พี่เอกเขาเกลียดเนม เนมอยากกลับห้อง พากลับห้อง”
เนมคิดว่าในสายตาพี่เอกตอนนี้พี่ต่อน่าจะดูเลวลงไปห้าสิบเปอร์เซนต์เลย แต่เดี๋ยวไปสมนาคุณให้ทีหลัง เห็นแกบอกอยากได้โทรศัพท์มือถือไว้จีบสาว
“ลุกขึ้นมา!”
เนมที่โดนบีบแขนจนแดงเริ่มร้องไห้
“เจ็บตรงไหน ลุกขึ้นมาพูด!”
“ฮึก...”
“ร้องทำไม!”
และสุดท้ายก็รู้ว่าที่ร้องไห้ไม่ได้เป็นเพราะเจ็บแขน แต่เพราะลืมตามาเห็นพี่มองอยู่ด้วยความเป็นห่วง แม้พี่เอกจะดุเนมก็รู้ว่าที่จริงแล้วพี่ห่วงเนมแค่ไหน เนมรู้ว่าคนที่คอยช่วยเวลามีเรื่องคือใคร รู้ว่าคนที่คอยเอาข้าวฝากพี่ต่อมาให้คือใคร รู้อยู่ตลอด
“ทำไมปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนี้”
เนมมองซ้ายขวาก่อนจะก้มหน้าแล้วบอกเสียงเบา
“พี่ต่อไปส่งหน่อย”
“อะไรก็พี่ต่อ”
เอกถอนหายใจพร้อมกับปล่อยมือจากอีกคนแล้ววางกระเป๋าตัวเองลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเย็นในตู้เย็น พอเดินออกมาจากตรงครัวก็เห็นว่าอีกคนกำลังปีนลงจากเตียงด้วยความลำบาก
“เนม”
คนเป็นพี่ว่าพร้อมกับใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้ากับคอให้เพราะเห็นว่าเปรอะไปทั้งน้ำตาทั้งเบียร์
“คอไปโดนอะไรมา”
เนมที่ไม่ได้คิดแผนอะไรไว้เยอะงงว่าคอมีรอยอะไร แต่เอกมองซอกคอแดงของน้องที่แดงเป็นปื้นเพราะฤทธิ์ของเบียร์และรอยจ้ำนั้นน่าจะมาจากโดนคนดูด
“ใครทำ"
เนมหลบตาก่อนจะตอบเสียงเบา
“ไม่รู้"
ไม่รู้นี่คือไม่ใช่ไม่รู้ว่าใครทำ แต่ไม่รู้ว่าไปเกาตอนไหนมากกว่าถึงแดงแบบนั้น เจ้าของแผนการที่เริ่มเล่นนอกแผนร้องไห้หลับตาพริ้มก่อนจะค่อยๆคว้าคออีกคนเข้ามากอดแล้วซุกหน้าตัวเองเข้าซอกคออีกคนพร้อมบ่นงึมงำ
“ไปส่งเนมหน่อยนะ พี่เอกเขาเกลียดเนม เนมไม่อยากอยู่ที่นี่"
เอกขมวดคิ้วแน่น ตัวเขาพอรู้ว่าเวลาเนมเมามากๆมักจะไม่มีสติ ตื่นมาถึงกับจำอะไรไม่ได้ก็มี แต่ก็พอรู้เหมือนกันว่าน้องไม่เคยเมาแล้วทำร้ายตัวเองแบบนี้
“ทำอะไร”
คนเป็นพี่พยายามดันตัวออกแต่ก็ทำได้ไม่เท่าไหร่เมื่อมืออีกคนเริ่มไล้เข้าไปในเสื้อและกางเกงเขา เอกก้มลงสูดกลิ่นของอีกคนผ่านผมนุ่มก่อนจะปล่อยให้อีกคนทำตามใจ
“พอใจยัง"
เอกถามเมื่ออีกคนผละใบหน้าออกจากลำคอเขาแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง ตาที่วาววับไปด้วยน้ำตาจ้องเขานิ่ง เอกมองคนที่คุ้นตา จำไว้ได้แล้วว่าทำน้องร้องไห้ไปแล้วกี่ครั้ง จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไอ้อ้วนของเขาโตขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่ร้องนะ"
คนที่ร้องไห้อยู่บอกพี่ที่น้ำตาไหลเป็นสาย เนมที่ร้องไห้จนเกือบไม่มีแรงยันตัวขึ้นแล้วแนบปากตัวเองกับปลายคางของอีกคน ทั้งพยายามใช้มือที่สั่นของตัวเองกอดพี่มันไว้แล้วพูดจาไม่รู้เรื่อง
“พี่ต่อรู้ไหม เนมรักพี่เอกมาหนะ”
เอกไม่ได้พูดอะไรแต่ดึงตัวอีกคนมากอดไว้แน่น ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้น้องจะจำอะไรไม่ได้
...อย่างน้อยก็ขอให้น้องคิดว่ากำลังแค่ฝันไป...
***
“เป็นไงมึง”
ต่อทักเจ้าของห้องที่พึ่งโผล่กลับห้องมาตอนบ่ายด้วยสภาพคนพึ่งตื่น เนมยักคิ้วให้พร้อมกับตอบ
“เสร็จโจร”
“สุดว่ะมึง”
ต่อว่าพร้อมกับตบมือแปะๆ
“เป็นคนดีมันกินไม่ได้พี่”
เจ้าของห้องว่าพร้อมกับถอดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ พอถอดเสื้อออกก็เห็นว่าตัวเป็นจ้ำอย่างกับโดนยุงหาม
“แม่งเอ้ย สมกับทนมานานนะเพื่อนเอก”
ต่อว่าพร้อมกับเบือนหน้าหนี เนมหัวเราะก่อนจะถาม
“เมื่อคืนพี่เอกบอกคอเนมแดงด้วย เหมือนโมโหมากที่โดนพี่ต่อดูด”
พี่ต่อทำหน้างง
“กูไปดูดตั้งแต่เหมื่อไหร่ ไม่ใช่แมงกัดแล้วมึงเกานะ”
“ไม่รู้ว่ะพี่ แต่ได้เรื่องเลย”
ต่อขำแห้งก่อนจะถามต่อ
“แล้วกูจะโดนตีนไหม ต้องย้ายหอไหม”
เนมส่ายหัว
“เนมตื่นมาแล้วทำตัวงงๆเมื่อยๆแบบจำอะไรไม่ได้อ่ะ บอกว่าเมาเลยอยากให้พี่ต่อไปส่งห้องแต่พี่ต่อแบกไม่ไหวเลยนอนกันที่เตียงพี่ต่อเฉยๆ แล้วก็ออกมาเนี่ย”
“แล้วมันว่าไง”
ต่อที่ไม่เชื่อแผนปัญญาอ่อนของรุ่นน้องเลยถาม
“เหมือนอยากพูดแต่ไม่พูด ปกติคนปากหนัก”
ต่อส่ายหน้ากับพวกพี่น้องท้องชนกัน
“แล้วมึงเอาไงต่อ"
“ดูจากเมื่อคืนแล้วมีเรื่องต้องสืบว่ะพี่ แต่พอรู้แล้วว่าพี่เอกหนีเนมไม่พ้นหรอก”
ต่อซี๊ดปากกับความเด็ดขาดของประธานรุ่นปี 4 เรื่องความฉลาดและขี้โกงนี่สอนกันไม่ได้จริงๆ
“จบไปอย่าไปเป็นข้าราชการนะมึง”
“ทำไมวะพี่”
เนมหันมาถามพร้อมกับยืดเส้นยืดสายที่เมื่อยไปทั้งตัว ยิ่งตรงก้นยิ่งเสียดถึงตื่นมาแล้วจะรู้ว่าพี่เอกเช็ดตัวทำความสะอาดให้อย่างดีก็ตาม
“ตัวยักยอกและทุจริตกูว่ามึงนี่แหละเนม”
คนโดนว่าไหว้ขอบคุณกับคำชมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปแบบไม่สนใจอะไร
8 years ago“เอก วันนี้มีคนเข้ามาทำงานใหม่นะ เรียนจบที่เดียวกับเอ็งแต่มาทำฝั่งคอนเซาท์”
เอกที่กำลังทำงานอยู่เงยหน้ามองพี่ช้างที่เป็นเจ้าของบริษัทที่เอกพึ่งเข้ามาทำได้ไม่ถึงสามเดือนก่อนจะตอบรับ
“ครับ”
“ทำไมวิศวะไฟฟ้าย้ายสายมาเขียนโปรแกรมกันเยอะวะ”
พี่ช้างถามต่อ
“จริงๆตอนเรียนก็ต้องเขียนโปรแกรมพี่ แต่เขียนกับ hardware”
“อ่อ พี่ก็พึ่งรู้”
เจ้าของบริษัทว่าก่อนจะเดินออกไป แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรออก
“เออ แปลกอีกอย่างคือนามสกุลเดียวกันกับเอกด้วย”
เอกถอนหายใจอีกครั้ง กะว่าถ้าเจอหน้าจะดีดแก้มน้องมันสักที ตามติดเป็นเงาเลย...
***
“นามสกุลเนมกับพี่เอกแม่งเหมือนกัน กูพึ่งสังเกต”
ธามบอกยูในเย็นวันหนึ่งที่กำลังแก้บัคกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เนม พี่เอก ธามกับยูเป็นเพื่อนเรียนจบรุ่นเดียวกันที่เข้ามาทำงานพร้อมๆกันถึงได้สนิทกัน พี่เอกกับเนมจบมาจากที่เดียวกัน พร้อมๆกับธามกับยูที่จบมาจากที่เดียวกัน สำหรับยูกับธามแล้วพี่เอกเป็นพี่อยู่เกือบสามปีส่วนเนมแก่กว่าปีนึงแต่พอมาทำงานจริงๆก็เป็นเพื่อนกันหมด ยูไล่ดูรายชื่อคนในบริษัทก่อนจะบอก
“จริงด้วยว่ะ”
“แต่หน้าตาคนละโทนเลยนะ ดูไม่สนิทกันด้วย บังเอิญป่าววะ”
ธามว่า
“บังเอิญก็เหี้ยไป”
“เหี้ยไงวะ”
ยูหันมองหน้าหลังให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้วถึงเริ่มพูด
“วันนั้นกูลืมของ กลับมาออฟฟิศตอนสามทุ่มเห็นยืนทะเลาะกันอยู่”
ธามบอกบ้าง
“ทะเลาะอะไรกัน จะว่าไปกูกับน้องก็หน้าตาไม่เหมือนกันนะ ผิวคนละสี”
“ก็น้องมึงผู้หญิงไหมล่ะ”
ธามคิดก่อนจะพยักหน้ารับ
“เออ แต่คุณเนมกับพี่เอกนี่คนละโทนเลยนะ คนนึงเหมือนอาม่าโล้สำเภามา อีกคนเหมือนปู่อยู่แถวพระขโนงเนี่ย”
ยูขำพรืดก่อนจะบอกเพื่อน
“มึงก็เข้าใจเปรียบเทียบนะ”
7 years ago“เนมเข้าไปทำงานที่เดียวกับพี่เอกเหรอลูก”
เนมที่เข้าไปทำงานในเมืองและเช่าอพาร์ทเมนต์อยู่นานๆถึงกลับบ้านทีตอบแม่
“ครับ”
พ่อที่นั่งดูทีวีอยู่หันมาถามเพราะพักนี้ไม่เห็นลูกชายกลับบ้านมาเลย จะว่าไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้วเอกกลับบ้านมานับครั้งได้
“เจ้าเอกเป็นไงบ้าง”
คนเป็นพ่อที่เริ่มแก่ตัวลงถามลูกชายคนเล็ก
“ก็ดีมั้งครับ ไม่ค่อยได้เจอ อยู่คนละแผนก”
“ทำไมไม่บอกพ่อกับแม่เลยว่าทำงานที่เดียวกัน”
แม่ที่กำลังยกจานผลไม้มาให้ถามขึ้น
“เนมรู้นะ”
เนมนั่งลงบนโซฟาข้างกับพ่อที่นั่งอยู่แล้วก่อนจะมองหน้าพ่อกับแม่
“เนมลูก”
แม่เรียกเสียงอ่อนก่อนจะเดินมานั่งเก้าอี้ใกล้กัน
“ทำไมมีอะไรไม่บอกเนมตรงๆ”
คนเป็นพ่อละสายตาจากทีวีมามองลูกเลี้ยงที่รักเสมือนลูกจริงๆ
“พ่อว่าเนมยังเด็ก ไม่อยากให้เราทั้งคู่ตัดสินใจพลาด”
เนมที่พอรู้ว่าพ่อกับแม่คิดยังไงกระพริบตาไล่น้ำตาที่คอยแต่จะไหล แต่เมื่อหันไปมองแม่แม่ก็ร้องไห้ไปแล้ว เนมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย
“รู้กันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
เนมถาม คนเป็นพ่อลูบหัวภรรยาก่อนจะค่อยๆตอบ
“แม่เรากลับบ้านมาเห็นตอนนอนอยู่ด้วยกันในห้อง เนมไม่ได้ล็อคประตู”
“เมื่อไหร่นะครับ”
เนมรู้ว่าพวกเขาคงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้นักแต่ก็ยังย้ำกับคำถามที่ตัวเองอยากรู้มานาน
“ตอนเนมจะสอบเข้าหมอ”
เนมซบหน้าลงกับมือตัวเองเมื่อสิ่งที่คิดไว้ทั้งหมดมันถูก ที่พี่เอกหนีไปเรียนต่างจังหวัดไม่ใช่ว่าพี่เรียนไม่ไหว ไม่ใช่ว่าพี่อยากจะไป
“เนมรู้ว่าพ่อแม่เป็นห่วง”
“แม่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยลูก”
อาจจะเป็นเพราะเรื่องแบบนี้ในสังคมไทยตอนนี้ไม่ได้เปิดกว้างนัก แต่เนมก็แค่อยากเล่าในส่วนของเนมบ้าง ลูกชายคนเล็กของบ้านขยี้ตาก่อนจะค่อยๆพูด
“เนมกับพี่เอกคบกันตั้งแต่เนมอยู่ม.ต้นแล้ว เนมก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เหมือนกัน”
เนมที่ดูร่าเริงอยู่ตลอดในสายตาพ่อแม่เอาแต่ร้องไห้แล้วก็พูดซ้ำไปซ้ำมา
“เนมกับพี่เอกรักกันก่อนที่พ่อแม่จะรักกันด้วยซ้ำ”
6 years ago“เห็นว่าพี่ช้างจะขายบริษัทเหรอวะ”
ธามพูดขึ้นในดึกวันนึงที่พึ่งปิดโปรเจคเสร็จ โปรแกรมเมอร์ห้าคนนั่งดื่มเบียร์ไปคุยกันไป มีแค่เนมที่นั่งดื่มน้ำอัดลมเพราะเดี๋ยวต้องวนรถไปส่งทุกคน
“เออ ออกไหม”
ยูถาม
“บริษัท start-up ก็เป็นแบบนี้แหละ”
เนมบอก เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นบริษัทที่พึ่งไต่เต้าขึ้นมาได้ระดับนึงต้องตัดสินใจว่าจะทำต่อหรือขายทอดตลาดออกไปเพื่อรักษาเงินทุนไว้
“ยูมึงรวยมึงก็ซื้อสิ”
ธามบอกเพื่อนที่พอรู้ว่าบ้านมีเงิน ยูมองเพื่อนก่อนจะส่ายหน้า
“โอโห ให้กูมาเป็นหนี้ตั้งแต่เมียยังไม่มีเลย ไม่ไหว”
“เนมซื้อสิ ขายไม่ถึงสิบล้าน”
ธามหันไปบอกอีกคนที่ดูจะมีชาติตระกูล เนมส่ายหัว
“พูดเหมือนเนมมีเงิน”
“พี่ปูซื้อสิ”
เนมหันไปบอกพี่อีกคนที่น่าจะสนใจทำธุรกิจแบบนี้ พี่ปูที่ถือเป็นพี่ใหญ่ของทีมโปรแกรมเมอร์คิดอยู่สักพักก่อนจะบอก
“หุ้นกันไหมหกคน กูเอาแค่ 30% พอ พวกมึงจะเอาเท่าไหร่ก็รวมมา ที่เหลือกูเอาไปขายต่อเอง”
เอกมองรุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกันมาเกือบปี ก่อนจะถาม
“จะไม่เสียเพื่อนเพราะเงินใช่ไหมพี่"
“ธุรกิจก็ต้องเสี่ยง”
พี่อีกคนในทีมตอบ ยูที่พึ่งทำงานได้ปีเดียวมองหน้าทุกคนก่อนจะถาม
“มันจะไปได้ใช่ไหมพี่”
พี่ปูยิ้ม ก่อนจะบอก
“กูว่าต่อไปงานสายนี้แหละจะมาเร็ว อีกสิบปีพวกมึงคอยดูเถอะ”
“ผมอยากได้สัก 40%”
ทุกคนมองพี่เอกที่อยู่ดีๆก็พูดออกมา เนมขมวดคิ้วแน่นแต่ยังไม่ได้ถามอะไร พี่ปูก็ถามออกมาก่อน
“ไหวเหรอวะ ไหนมึงบอกไม่มีหัวเรื่องบริหาร”
เอกหลุบตาลงต่ำก่อนจะบอกด้วยเสียงราบเรียบ
“ผมยกให้เนมทำ”
***
“ยังไม่กลับเหรอ”
เนมถามคนที่กำลังนั่งทำงานอยู่คนเดียวในตอนเกือบเที่ยงคืนของเย็นวันศุกร์ เนมกำลังจะกลับไปที่อพาร์ทเมนต์แต่เห็นว่าไฟเปิดอยู่ถึงได้เดินเข้ามาดู
“อืม งานค้าง”
คนที่กำลังปวดหัวกับโปรแกรมสารบัญห้องสมุดที่พี่ช้างรับมาตอบ อาจจะเป็นเพราะโตขึ้นพี่เอกกับเนมถึงคุยกันได้เหมือนคนปกติแล้ว แต่ก็คุยกันเหมือนเพื่อนร่วมงานที่ไม่มีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว
“ยูริ ธามกับพวกพี่ปูล่ะ”
เนมมองหาเพื่อนร่วมทีมของพี่เอก
“กลับไปแล้ว”
คนเป็นพี่ตอบ เนมที่กำลังคิดว่าควรกลับเลยนึกได้ว่ามีเรื่องต้องคุยถึงได้เดินเข้ามานั่งในห้องด้วย แต่ก็นั่งอยู่ห่างกัน
“พี่เอกเอาเงินมาจากไหน”
“เงินอะไร”
“ที่เอามาลงทุน”
เนมถามเพราะเนมกับพี่เอกพึ่งจบมาได้ไม่ถึงห้าปี เป็นไปไม่ได้ว่าพี่เอกจะมีเงินหลายล้านเป็นของตัวเองได้
“พ่อให้มา”
คนเป็นพี่เว้นระยะพูดอยู่ครู่นึง
“ให้ไปให้ไกลจากเนม”
เนมมองคนที่กำลังจ้องจอคอมพิวเตอร์อยู่นิ่ง เนมที่พอเข้าใจอะไรมาบ้างแล้วหัวเราะกับตัวเอง
“หนีไปเถอะ หนีแค่ไหนก็จะตาม”
คนเด็กกว่าบอก
“พ่อบอกว่าให้เห็นแก่พ่อกับแม่บ้าง”
เอกที่เก็บเรื่องนี้มาคนเดียวหลายปีตัดสินใจบอกน้องในที่สุด
“แล้วเนมล่ะ”
เอกรู้ว่าน้องต้องพูดแบบนี้ ต้องร้องไห้แบบนี้
“โตได้แล้วเนม”
“โตเหี้ยอะไรวะ!”
และเพราะรู้ดีว่าน้องต้องไม่พอใจ ถึงได้เก็บมันไว้มาตลอด ไม่อย่างนั้นก็จะได้เริ่มทะเลาะกันแบบนี้
“พอแล้วเนม จบเถอะ”
เอกบอกพร้อมกับลุกเก็บของลงกระเป๋า เห็นทีว่าวันนี้คงต้องกลับบ้านแล้ว
“ตลกเหรอ เห็นเนมเป็นอะไรวะ พี่แม่งขี้ขลาด”
เอกมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอีกคนก่อนจะหันออกไปมองวิวข้างนอกหน้าต่าง เอกไม่ได้อยากจะทะเลาะกับน้อง ไม่ได้อยากจะมีปัญหากับที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้อยากจะไปไหนอีกแล้ว อยู่ให้เนมด่าแบบนี้น่าจะเป็นทางที่สาสมที่สุดแล้ว
2 days ago—พี่เอก—
เชื่อเถอะว่าถ้าสิบปีที่แล้วเนมไม่ตามผมไปเรียนต่างจังหวัด เด็กน่ารักคนนึงคงไม่ใช่คนขี้เมาแบบนี้ ผมลากคนที่เมาแล้วไปดักรอตัวเองที่ลานจอดรถกลับมาถึงคอนโดของคุณ ceo ก่อนจะทะเลาะกันเหมือนคนบ้า ในที่สุดแล้วก็ได้แต่ถามตัวเองว่าผมต้องทำน้องร้องไห้ไปอีกนานแค่ไหน แต่รู้ไหมผมดีใจนะ เพราะถ้าถึงวันที่น้องจะไม่ร้องไห้ให้ผมแล้วผมเองคงอยู่ไม่ได้
“ขี้เมาจริงอ้วน”
ผมกดจูบที่กระหม่อมของคนที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเพราะรู้ว่าคราวนี้เนมคงหลับจริงๆ ช่วงนี้เนมทำงานเหนื่อยมากเพราะสามปีที่ผ่านมาบริษัทโตขึ้นเกือบ 300% ต้องหาแผนรับมือให้ดีเพราะธุรกิจมันโตแต่คนดันโตไม่ทัน ผมเห็นพวกพี่ปูที่ออกไปถือหุ้นอย่างเดียวบอกว่าต้องขยายฐานทำงานถือได้เลือกเชียงใหม่เป็นที่แรก ตอนแรกเห็นว่าเป็นยูริที่รับทำงานนี้แต่ไหงที่สุดแล้วเนมถึงขอสลับไปทำงานที่นู่น บางทีเนมคงเบื่อที่จะอดทนกับผมแล้ว...
“พี่เอก”
มือนุ่มควานหาเหมือนกำลังละเมอ ผมดึงตัวอีกคนมากอดไว้ ผมกับเนมไม่ได้มีอะไรกันตั้งแต่สมัยเรียนปีสุดท้าย ผมเคยคิดนะว่าผมคงเลิกกับเนมได้เหมือนคนทั่วไปที่เลิกกับแฟน เราอาจจะเจ็บหน่อยตอนแรกและคงจะเลิกกันได้ในที่สุด แต่เปล่าเลย... เนมยังคงร้องไห้พอๆกับผมที่ยังเจ็บปวด ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าทางไหนกันแน่ที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่ากัน ระหว่างการหนี หรือยอมรับมัน
“ถีบผ้าห่มอีกละ”
ผมบ่นในเรื่องที่ไม่ควรจะบ่นเมื่อเห็นอีกคนถีบผ้าห่มออกเหมือนร้อนทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศยังทำหน้าที่ได้ดี ผมกอดน้องด้วยความรู้สึกผิดลดลงกว่าเดิมกับเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจพ่อกับแม่เรื่องที่อยากให้ออกห่างจากกัน เพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กมากจริงๆ แต่ผมก็ผิดเองที่ไม่ยอมอธิบายอะไรเลย ไม่บอกอะไรเนมยอมรับความเจ็บปวดไว้คนเดียวเหมือนพระเอก แต่รู้ไหม
...คนที่เจ็บกว่าผมก็คือคนที่รักผมมากอย่างเนม...
“ถ้าพ่อรู้พี่คงโดนไล่ออกจากบ้าน”
ผมก้มลงจูบแก้มนิ่มๆอีกครั้ง และก็เฝ้าภาวนาว่าพรุ่งนี้คุณ ceo จะจำเรื่องนี้ไม่ได้อย่างเคย
______
พี่เอกนี่ตามอะไรไม่เคยทันเล้ยยยยย 5555
อันนี้เล่าถึงตอนที่คุณเนมเมาแล้วไปดักรอพี่เอกที่ลานจอดรถค่ะ
เดี๋ยวตอนต่อไปจะมาจบเรื่องพี่เอกกับคุณเนมตอนปัจจุบันที่เชียงใหม่กัน สามตอนไม่ไหวจริงๆ 555