#ญอผู้หญิงโศกา
ตอนที่ 13
จุดเปลี่ยน
‘กูถามจริงนะ มึงคบกับไอ้แจ็คใช่ปะวะ?’
‘ยิ่งกว่าผัวเมียแล้วนะแบบนั้น 5555555555’
‘ถ้าเป็นคู่เกย์จริง ๆ กูลงว่าไอ้เท็นรุก’เด็กหนุ่มขาดเรียนสามวันเพื่อใช้เวลาไปกับการนอนก่ายหน้าผากในคอนโดห้องเล็ก ๆ ที่ก่อนหน้านี้แม่ซื้อให้เพียงเพราะเหตุผล ‘ที่นี่ใกล้โรงเรียน เผื่อเท็นขี้เกียจนั่งแท็กซี่กลับบ้านจะได้ไม่เหนื่อยมากเนอะลูก’ ซึ่งนั่นเป็นเหมือนการโยนอ้อยเข้าปากช้าง เพราะถ้าหากเขาอยากเกเรเมื่อไหร่ก็แค่นอนโง่ ๆ บนเตียงโดยไม่ต้องลุกขึ้นแต่งตัวไปโรงเรียน
ไม่อยากคุยกับใคร แต่เท็นก็ฉลาดมากพอที่จะหาเหตุผลมาอ้างเมื่อไอ้แจ็คโทรมาถามว่าหายไปไหน เพราะสุดท้ายคำว่าไปต่างจังหวัดกับแม่มันก็ยังใช้ได้ อีกทั้งไม่ต้องทนซ้อมทีมตอนกลางคืนอีกด้วย
ตลอดเวลาสามวันเด็กหนุ่มสับสนว้าวุ่นจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน เพราะคำถามที่เต็มไปด้วยการเหยียดเพศซึ่งถ้าเท็นแสดงออกว่ายอมรับกับเรื่องเกย์ได้คนเหล่านั้นก็พร้อมจะเข้าใจว่าเขา ‘เป็น’
‘ถ้าไม่จริงอย่างที่พวกนั้นพูดก็ไม่เห็นต้องคิดมากอะไรเลยนี่?’ ใช่ มันก็ถูก แต่พอคิดว่าคนทั้งโรงเรียนอาจมองแบบนั้นเขาก็ปล่อยไปเฉย ๆ ไม่ได้ เท็นไม่อยากเป็นตัวประหลาดในสายตาคนอื่นไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ คำว่าเกย์มันรุนแรงเกินกว่าจะแบกรับไว้หลังจากมีโอกาสเข้าไปยืนในสปอตไลท์จนใคร ๆ ต่างก็ให้ความสนใจ มันคงไม่ดีแน่ถ้าหากคนที่ชื่นชอบเขาจะเปลี่ยนไปเพราะข่าวลือบ้า ๆ นั่น การเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงต่อการโดนกลั่นแกล้งไม่ว่าจะทางคำพูดหรือสายตามันก็แย่ทั้งนั้น
ระหว่างขาดเรียนก็สร้างไอดีใหม่ไปฝึกเล่นอย่างหนัก เขาลุกออกจากหน้าโต๊ะคอมแค่ตอนจะเข้าห้องน้ำและตอนนอนเท่านั้น เท็นไม่เคยรู้สึกสกปรกขนาดนี้กระทั่งลดระดับสายตาลงมองถ้วยชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่กินเสร็จแล้วแต่ไม่ยอมเอาไปทิ้ง
เขากำลังถูกกลืนกินด้วยการเริ่มเป็นคนในแบบที่ไม่ชอบ มันกัดหร่อนทีละนิดเหมือนโรคร้ายและสักวันเด็กผู้ชายคนนี้จะต้องเปลี่ยนไปจนลืมว่าเมื่อก่อนเคยเป็นอย่างไร
หากขาดเรียนนานเกินกว่ากำหนดที่บอกเพื่อนไว้คงต้องเกิดคำถามอีก ดังนั้นเท็นจึงพยายามฝืนตัวเองลุกจากเตียง กว่าจะไปถึงเก้าโมงเศษ ๆ ทุกสายตาให้ความสนใจทางนี้แต่ก็โชคดีที่ไม่ได้มองเพราะเหยียดหยัน เท็นรู้สึกดีกับการถูกรักแม้ว่าจะทำเรื่องแย่ ๆ ลงไป
เขาถอนหายใจกับปฏิกิริยาของตนเองที่มีต่อเพื่อนตั้งแต่เห็นหน้ากัน ทั้งการทักทายที่แค่พยักหน้าให้บวกกับถามคำตอบคำจนอีกฝ่ายคงสังเกตได้ไม่ยากถึงความผิดปกติซึ่งเกิดขึ้นกับตัวเขา เท็นไม่อยากเป็นแบบนี้ทุกอย่างมันกดดันให้ผลักไสไอ้แจ็คออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกนินทาว่าร้าย
กระทั่งพักเที่ยงสมาชิกทีม Numb2r ยกเว้นพี่ตั้บได้นัดกันว่าจะคุยเรื่องแข่งรอบหน้าซึ่งต้องหาทางรับมือทีมฝั่งตรงข้ามอย่างจริงจังเพราะฝีมือทางนั้นค่อนข้างเก่งไม่ใช่เล่น
และเท็นตั้งใจว่าจะลาออกจากทีมวันนี้
มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะออกจากเซฟโซน ออกจากจุดที่คิดว่าตนเองไม่มีความสามารถ ไม่เก่งเหมือนคนอื่น พอกันทีกับการเอาแต่ให้ไอ้แจ็คปลอบใจว่าการเล่นเกมมันต้องค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ไอ้ธีร์ดีแต่พูดเหยียดหยาม เขาจะทำให้ไอ้เวรนั่นรู้ว่าต่อให้เล่นทีหลังก็เก่งได้ และจะทำได้ดีกว่าด้วย
“มึง เย็นนี้ไปดูหนังกัน”
ทันทีที่ถึงโรงอาหารเจ้าของผมสกินเฮดก็คว้าไหล่เขาเอาไว้ เท็นคงไม่ได้คิดไปเองว่าวันนี้ไอ้แจ็คผิดปกติตั้งแต่รอยยิ้มบนใบหน้ายันคูปองลดราคาเครื่องดื่มในมือ หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงตอบตกลงทันทีและตั้งตารอให้ถึงบ่ายสี่โมงเพื่อที่จะสะพายเป้ไปสยามกับเพื่อนสนิท
แต่มันสายไปแล้ว
แจ็คยิ้มเก้อมองเพื่อนสนิทที่แกะมือเขาออกพร้อมแววตาไม่คุ้นเคย มันทั้งเรียบเฉย ว่างเปล่าจนวูบหนึ่งทำให้เขารู้สึกใจหาย
นักเรียนมากมายกำลังทยอยกันเข้าไปจับจองที่นั่งเพื่อกินมื้อเที่ยง และแจ็คก็ยังคงรอคำตอบซึ่งเขาหวังว่าไอ้เท็นจะตกลง แต่ผ่านไปเป็นนาทีแล้วอีกฝ่ายก็ยังเฉย
“ที่กูติดมึงไว้น่ะ จำได้ไหม?” แจ็คไม่ใช่คนชอบพูดซ้ำสอง แต่ถ้ามันจะเตือนความจำเพื่อนได้ก็คงไม่เสียหายอะไร อีกอย่างมันคงไม่แปลกถ้าไอ้เท็นจะน้อยใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านไปมันคือความผิดของเขาทั้งหมดที่ปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิดมาขนาดนี้
“...”
เท็นรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำตั้งแต่วินาทีแรกที่ตัดสินใจแกะมืออีกฝ่ายออก พอเอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้มีความกล้ามากพอที่จะปฏิเสธคนที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ในชีวิตได้ แต่อีกใจก็อยากให้อีกฝ่ายเรียนรู้ความผิดหวังเสียบ้าง
และระหว่างที่กำลังลังเลว่าจะตัดสินใจอย่างไร เขาก็ถูกกดดันโดยสายตาเพื่อนกลุ่มนั้นที่นั่งกินข้าวอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้
‘กูถามจริงนะ มึงคบกับไอ้แจ็คใช่ปะวะ?’
‘เกย์’
“เท็น?”
“เออใช่ ๆ ที่มึงติดกูไว้ตอนนั้น”
เท็นหวังว่าการแสดงละครตบตาคราวนี้จะได้ผล แต่นั่นก็เป็นเพียงความต้องการที่หลีกหนีความจริงไม่ได้ว่าต่อให้เขาจะพยายามกลบเกลื่อนอย่างไร อีกฝ่ายก็ดูออกอย่างง่ายดายอยู่ดีว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องจริง
“โทษทีว่ะ แต่กูคงไปด้วยไม่ได้”
“ทำไมวะ ไม่ว่างเหรอ?”
ว่างสิ ว่างขนาดเอาเวลาไปคิดเรื่องโง่ ๆ จนกลายเป็นแบบนี้แล้ว
“งั้นพรุ่งนี้เป็นไง แวะกินกล้วยกล้วยก่อนแล้วค่อยคิดว่าจะดูหนังเรื่องไหน ดีไหม?”
ไอ้แจ็คก็ยังคงพยายามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ากำลังฝืน น่าตลกดีที่ตอนนี้เด็กหนุ่มทั้งสองคนไม่หลงเหลือความเป็นธรรมชาติให้กันแล้ว จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าอีกฝ่ายมายืนตรงหน้าเขาและพูดมันให้เร็วกว่านี้... เรื่องที่กลัวถูกว่ามองเป็นเกย์มันจะกลายเป็นแค่เรื่องไร้สาระไปหรือเปล่า?
“มีอะไรกันวะ?”
ไอ้ตัวปัญหาระดับโลกเดินเข้ามาถามหลังจากเห็นว่าเขากับไอ้แจ็คหยุดยืนตรงนี้โดยที่ยังไม่ไปหาโต๊ะนั่งกินมื้อเที่ยง เท็นคิดว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะยิ้มรับสีหน้าวอนตีนของไอ้ธีร์ เพราะหลังจากนี้จะไม่มี TEN1O คอยเล่นตำแหน่งรองมือรองตีนให้อีกแล้ว
“มึงมาก็ดีแล้ว กูมีเรื่องจะบอก”
“ว่า?”
อย่าไปกลัว ก็แค่ทำในสิ่งที่ไอ้ธีร์กล้าทำกับคนอื่นจนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมันก็ไม่เห็นจะรู้สึกผิดเลยสักครั้ง และถ้าหากเขาจะทำบ้างก็คงไม่เสียหายอะไรถ้าเทียบกับสิ่งที่มันทำมาตลอด
“กูคงต้องออกจากทีมแล้วว่ะ”
สีหน้าไอ้ธีร์เกินความคาดหมายไปหน่อย ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายคงไหวไหล่หรือขานตอบตกลงแล้วเดินจากไปทำเรื่องไร้สาระแบบที่ชอบทำ แต่ตอนนี้มันกำลังเบิกตากว้างขณะสบตากับเขาราวกับไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
ไอ้แจ็คก็เช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นสันดานเสีย ๆ ของเขามันกลับรู้สึกอยากประชดประชันมากกว่าหันกลับไปรู้สึกผิดกับเพื่อน
‘ขาดเขาคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก’
‘ใช่ไหมล่ะ?’
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ มึงถึงอยากออก?”
เป็นคำถามของไอ้แจ็คที่มาก่อนคำอธิบายของเขา เด็กหนุ่มตัวสูงสามคนยืนคุยกันอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีใครห่วงว่าคาบบ่ายกำลังใกล้จะเข้ามาถึงแล้วและยังไม่มีใครได้แตะมื้อเที่ยงสักคำ แต่เท็นคิดว่าควรพูดให้จบตอนนี้เพราะจะได้อึดอัดแค่ครั้งเดียว ดีกว่าอมน้ำลายไว้ในปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจนต้องทนไปเรื่อย ๆ
“แม่กูอยากให้เรียนวิดวะอะ พวกมึงก็รู้ใช่ไหมว่าผลการเรียนกูมันไม่ดีเท่าไหร่ พอถึงจุด ๆ หนึ่งกูก็นึกได้ว่าอนาคตมันสำคัญ”
“แต่ทีมเรากำลัง --”
ไอ้ธีร์พูดไม่จบก็ถูกไอ้แจ็คดันไหล่ห้ามไว้เสียก่อน หลังจากนั้นพูดอะไรออกไปบ้างเขาเองก็จำไม่ได้ มันพร่าเบลอเหมือนทุกอย่างหยุดความเคลื่อนไหวเพียงเพราะตัดสินใจทำบางสิ่งลงไปทั้งที่ลึก ๆ ไม่ต้องการอย่างนั้น
มีเพียงสิ่งเดียวที่จำได้ก็คือสีหน้าและแววตาไอ้แจ็คซึ่งเต็มไปด้วยคำถาม คนตรงหน้าไม่ได้เหนี่ยวรั้งหรือพูดหว่านล้อมว่าบางทีมันอาจจะมีหนทางสำหรับการตั้งใจเข้าคณะที่ต้องการและแข่งเกมไปพร้อม ๆ กันได้
แต่ไอ้แจ็คก็เอาแต่มองอยู่อย่างนั้น มองโดยไม่พูดอะไร กระทั่งคำพูดประโยคสุดท้ายหลุดออกมาจากปากเขาซึ่งมันคือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต
“ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องเล่าแล้วนะ กูไม่อยากรู้แล้ว”
*
“ย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“โห นานแล้ว”
“คนเดียวเหรอ หรือว่ายังไง?”
“เปล่า เมียกูล่องหนอยู่ตรงนั้นน่ะ ถ้าใส่แว่นสามมิติก็จะมองเห็น”
แจ็คมองหน้าไอ้คนกวนตีนพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม แม้จะหมดไปลังนึงแล้วแต่ทั้งคู่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหลับหรือแหกปากร้องเพลงอย่างที่คนเมาเป็นกัน และมันก็เป็นอีกครั้งที่เขาหวนนึกถึงอดีต
จากที่เคยนอนมองดาวบนผืนหญ้าแต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นฟูกนุ่ม ๆ ราคาแพง หากไอ้เท็นบอกว่าทั้งคู่นั่งไทม์แมชชีนมาอนาคตก็คงเชื่อได้ไม่ยาก เพราะแจ็คยังจำกลิ่นหญ้า กลิ่นเหงื่อบนเสื้อนักเรียน และสีหน้าคนข้าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
“ไม่เหงาหรือไง?”
“มึงรู้ว่ากูจะตอบแบบไหน แล้วทำไมถึงยังถาม?”
“เผื่อเหล้าจะทำให้มึงงัดปากพูดออกมาได้กูก็เลยลองดู” แจ็คหัวเราะในลำคอพลางเปิดเบียร์กระป๋องใหม่
“กูมีหมากับแมวเป็นเพื่อนแล้ว”
การไม่ตอบก็คือการให้คำตอบ แจ็คคิดอย่างนั้น
“ทำไมมึงถึงทำงานบริษัทเกม?”
ชายหนุ่มผมยาวเพียงหันไปมองคนที่นั่งพิงประตูกระจกอยู่ข้างตัวพลางฉายแววตาสงสัยว่าอะไรที่ทำให้เกิดคำถามนี้
“มึงเคยบอกว่าอยากเป็นนักร้อง” เท็นจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันเสาร์ และเขาถามอีกฝ่ายระหว่างนั่งเล่นกีต้าร์ในบ้าน
“กูเสือกขี้อายก่อนก็เลยไม่ได้ส่งเดโมไป”
ชายหนุ่มผมเทาแค่นหัวเราะกับคำตอบที่โคตรแถ แต่ก็ไม่แปลกใจที่ไอ้แจ็คเลือกตอบเลี่ยง ๆ มากกว่าจะอธิบายทุกอย่าง เขาไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เรื่องนี้เท็นรู้ดี
“นั่นคือความฝันวัยเด็ก แต่พอโตขึ้นกูก็แค่มองเห็นความฝันแบบใหม่ มันก็แค่นั้น”
แต่สุดท้ายมันก็เล่าให้เขาฟัง
เท็นหันไปมองอีกคนที่ยกกระป๋องเบียร์ดื่มพลางถอนหายใจเอาความสุขจากการได้ลิ้มรสความสดชื่นออกมา เขารู้สึกว่าวันนี้มันยาวนานมากตั้งแต่นาทีแรกที่ไปหาไอ้แจ็คถึงบ้าน กระทั่งไปดูหนังกับน้องแพรว หรือตอนนี้ที่ใช้เวลาละเลียดดื่มเอาความขมกลบความอุ่นในใจ
“แล้วมึงล่ะ ทำไมถึงอยู่ตรงนี้ทั้งที่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าชอบเกม?”
“...”
เขาควรตอบอย่างไรกับคำถามที่ถ้าอีกฝ่ายใช้เวลาคิดสักนิดก็คงนึกออกได้ว่าเพราะเหตุใด TEN10 ถึงมีชีวิตในวงการเกม ชายหนุ่มผมเทาเพียงยกเบียร์ดื่มเพื่อทิ้งให้ความเงียบทำงาน ถึงการนั่งอยู่ด้วยกันจะเป็นเรื่องที่เขาต้องการ แต่ถ้าให้พูดความจริงไปก็คงไม่ดี
“กูก็แค่ขี้เกียจออกไปทำงานข้างนอก”
“เหรอ?”
“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง?”
“มันเป็นหน้าของคนที่อยากรู้ว่าระหว่างไม่ได้เจอกันมึงคิดอะไร มึงใช้ชีวิตแบบไหนจนกว่าจะถึงวันนี้?”
“เมาแล้วเหรอ เริ่มถามลงลึกละนะ”
แจ็คยิ้มขำกับความจริงที่ว่าเขาเริ่มจะข้ามเส้นที่ทั้งคู่พร้อมใจกันขีดเอาไว้ แต่แล้วอย่างไร เบียร์ที่ดื่มเข้าไปจนต้องวิ่งฉี่มันห้ามความอยากรู้ที่มีอยู่ไม่ได้แล้ว
“กินไปตั้งขนาดนี้ไม่เมาก็ไม่รู้จะให้ว่าไง ถ้ามึงยังไม่ตอบแล้วกูหลับไปก่อนก็ปลุกด้วยล่ะ”
กวนตีน ไอ้แจ็คกำลังกดดันให้เขาพูดชัด ๆ
“ตลกดี ปลายปีก่อนยังทำท่าจะต่อยกันทุกครั้งที่เห็นหน้าอยู่เลย”
“นั่นมึงกับไอ้ธีร์มากกว่ามั้ง”
“แต่มึงกำหมัด กูเห็น”
“ก็ตอนนั้นปากมึงมันน่าต่อย”
“เหรอ แล้วตอนนี้ล่ะ?”
ไอ้เท็นไม่ควรถามลองใจตอนที่เขาดื่มเบียร์ไปเยอะขนาดนี้ และแจ็คไม่อยากรู้สึกดีกับแววตาที่มองมาเหมือนคาดหวังอยากให้เขาตอบว่า ‘ไม่แล้ว’
“ก็ยังอยากต่อยอยู่”
“อ้าว จะเอาไหมล่ะ แลกกันคนละหมัดแล้วรอดูว่าใครจะช้ำนานกว่ากัน?” ไอ้ลิงหัวเทาไม่พูดอย่างเดียว มันถลกแขนเสื้อขึ้นพร้อมเบ่งกล้ามโชว์
“ต่อยกับเด็กปัญญานิ่มกับมึงสู้ให้กูไปนั่งดมขี้แมวอีมูนดีกว่า”
“เรียกลูกกูดี ๆ หน่อย มันมีหัวใจนะ”
“แล้วมึงล่ะ มีไหม?” ก็ถ้าเก่งเรื่องถามลองใจนักก็ต้องเจอเอาคืนบ้าง ซึ่งไอ้เท็นก็ค้างอยู่ท่าวางก้าม พลางขมวดคิ้วมองเหมือนพยายามใช้ความคิด
“ไม่มีก็ตายดิ ถามโง่ ๆ”
“มุกไม่ฉลาด น่าผิดหวังจริง ๆ”
“ทำเป็นพูดนะมึงนะ ตอนงานแต่งก็ทำหน้าเหมือนจะคะย่อนของเก่าออกมาทุกครั้งที่หันมาเจอกู แล้วดูตอนนี้สิ มึงกำลังนั่งกินเบียร์อยู่ในบ้าน TEN10 ผู้ได้รางวัลคนเหี้ยสิบปีซ้อน”
“นี่ไม่ต้องง้างปากมึงก็ด่าตัวเองแทนกูแล้วเหรอ?” เท็นไม่ใช่คนชอบด่าตัวเอง กลับกันแล้วยังรักการถูกชมเสียด้วยซ้ำ แต่อยู่ ๆ เขาก็นึกสนุกขึ้นมาเพียงเพราะว่ามันทำให้อีกฝ่ายหัวเราะได้
“เขาเรียกยอมรับความจริง กูไม่ใช่ไอ้ธีร์นะที่จะหลับหูหลับตาคิดว่าตัวเองเป็นคนดี”
“ถ้าตอนนั้นไม่เถียง แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว”
“จะสักแค่ไหนกัน?”
“เอาเป็นว่าทุกวันนี้มีคนทำให้มันเชื่องได้ อยากลองไปพิสูจน์เองกับตัวไหมล่ะ?”
“มึงอยากเห็นกูกับมันฆ่ากันตายหรือไง?” เท็นค้างอยู่ในท่ายกเบียร์ขึ้นดื่มพลางชำเลืองมองคนข้าง ๆ
“กลัวเปล่า?”
“กูเนี่ยนะกลัวไอ้ธีร์?” ให้ตายเถอะว่ะ ชายหนุ่มผมเทาแค่นหัวเราะกับคำท้าทายที่ย้อนเวลากลับไปเมื่อปีก่อนก็ได้คำตอบแล้วว่าเขาถนัดงานปั่นหัวไอ้เวรนั่นแค่ไหน
“ถ้ากูโทรตามให้มันมาที่นี่มึงจะ...?”
“ถีบมึงตกระเบียงก่อนเลยอันดับแรก”
ดูมัน... ทีงี้ล่ะหัวเราะใหญ่เชียวนะ
*
“เท็น”
ไม่น่าแปลกใจนักที่คนเรียกชื่อเขาคือแฟนสาวของเพื่อนสนิท เด็กหนุ่มเพียงยิ้มเล็ก ๆ ระหว่างสบตากับเธอก่อนจะลากเก้าอี้ออกให้ ซึ่งเจ้าของแก้มสีระเรื่อก็เดินมานั่งด้วยกันเหมือนทุกครั้งที่ ‘บังเอิญ’ ผ่านมาเห็นเขานั่งอยู่ตามลำพังที่ร้านกล้วยกล้วย
“มานั่งคนเดียวอีกแล้ว”
“ไม่รู้สิ เหมือนรู้ว่าถ้ามาตรงนี้จะได้เจอใครบางคน ก็เลยมานั่งโง่ ๆ แบบไม่มีจุดหมาย” คนได้ยินคำหวานเม้มปากกลั้นยิ้มพลางเบือนสายตาไปอีกทาง เท็นเท้าศอกมองภาพเดิม ๆ อีกครั้งเพราะอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีดีอะไร ทำไมไอ้แจ็คถึงได้หลงรักนัก?
“แล้วเจอหรือยัง?”
“อืม เจอแล้ว” เด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วถูกสัมผัส และก็เป็นอีกครั้งที่บลูยอมให้มืออุ่น ๆ ของผู้ชายคนนี้เข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึก
“ถ้าอย่างนั้น... เค้าไปไหนแล้วล่ะ?”
“อืม... เหมือนจะแอบอยู่แถว ๆ นี้นะ” เด็กหนุ่มเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายหดคออย่างขลาดอาย
เด็กสาวรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าเสียให้ได้กับอาการใจเต้นแรงที่แจ็คก็ไม่เคยทำให้เป็นแบบนี้ บลูรู้แก่ใจดีว่าเท็นคือไฟที่ไม่ควรเข้าใกล้ แต่ความเหงาและคำหวานที่ออกมาจากปากอีกฝ่ายมันก็ทำให้เธอพ่ายแพ้แก่ความผิดชอบชั่วดีในที่สุด
“ถ้าเค้าหายไปนานแบบนี้เท็นก็จะรอไปเรื่อย ๆ เหรอ?”
“ไม่แน่” เด็กหนุ่มแสร้งขมวดคิ้วขณะจ้องหน้ากับคนข้างตัว ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ ๆ อีกครั้งเพื่อทำให้เธอตายด้วยน้ำมือเขาไวขึ้น “ก็ถ้าบลูไปดูหนังกับเรา...”
“...”
“เรื่องคน ๆ นั้นก็ช่างหัวมันแล้ว”
“แต่...”
“บลูไม่อยากดูหนังกับเราเหรอ?”
“เปล่านะ คือ --”
“อ่า เข้าใจแล้ว บลูเป็นแฟนไอ้แจ็คนี่นะ จะไปดูหนังกับเราได้ยังไง อีกอย่างคงไม่มีใครอยากไปทำเรื่องแบบนั้นกับคนที่ไม่ได้ชอบหรอก”
“เท็น...”
“เดี๋ยวเราโทรหาน้องมอห้าคนนั้นดีกว่า บลูรู้จักใช่ไหมน้องคนตัวผอม ๆ สวย ๆ ที่เดินกับเราวันนั้น”
“ไม่เอา อย่าพูดแบบนี้ได้ไหม...”
ให้ตาย... คราวนี้เธอเป็นฝ่ายจับไม้จับมือเขาว่ะ
ไหนจะดวงตาคู่นี้ที่มองมาเหมือนอยากอธิบายว่ารู้สึกดีกับเขาเสียยิ่งกว่าอะไรนี่ด้วย สาบานได้ว่าเท็นอยากออกตัวปกป้องอีกฝ่ายจนเนื้อเต้นทุกครั้งที่ถูกไอ้พวกนั้นเอาไปยำในวงเหล้า แต่ยิ่ง ‘บังเอิญ’ เจอกันบ่อยเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ยิ่งแสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็นว่าผู้หญิงแบบนี้ไม่ควรได้รับความรักดี ๆ จากใครเลยสักนิด
“เราจะไปดูหนังกับเท็น เพราะงั้นอย่าไปกับคนอื่นเลยนะคะ...”
ไม่ควรเลย
*
ทุกคนเข้าใจได้ถ้าหากไอ้เท็นอยากให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนมากกว่าเกมที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าไร้สาระ ดังนั้นจึงไม่มีใครรั้งเรื่องที่มันขอออกจากทีมกะทันหัน แต่การขาดคนไประหว่างอยู่ในการแข่งขันก็เป็นเรื่องหนักหนาพอสมควร เพราะ Numb2r ต้องหาคนเข้าทีมใหม่และต้องฝึกซ้อมหนักกว่าที่เคยเพราะถ้าหากเข้ากันไม่ได้ แผนจะเอาชนะทีมฝั่งตรงข้ามก็คงเป็นเรื่องยากโข
แต่ถึงอย่างนั้นไอ้เท็นก็ยังอยู่ใน TeamSpeak ตลอดระหว่างที่ทีมกำลังซ้อมกัน มันช่วยแนะนำให้คนที่มาแทนตำแหน่งตนเอง อีกทั้งยังช่วยออกความเห็นว่าจะต้องวางแผนรับมือทีมฝั่งตรงข้ามอย่างไรก่อนจะแยกตัวไปอ่านหนังสือ
พักนี้เขาเริ่มมีปากเสียงกับบลูเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แจ็ครู้ว่ามันเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่สามารถดูแลใส่ใจเธอได้ตามที่ควรจนวูบหนึ่งมีความคิดว่าไม่อยากมีแฟนแล้ว เพราะแค่จัดการเรื่องที่บ้านกับเรื่องตัวเองก็เหนื่อยเต็มที ถ้าต้องมาเจอสงครามประสาทโดนประชดประชันซ้ำ ๆ ความเป็นคนดีของเขาก็คงแบกรับความรักครั้งนี้ไว้ไม่ไหว
แจ็คอยากบอกเลิกบลูให้จบ ๆ อย่างน้อยเธอก็จะได้ไปเจอคนใหม่ที่พอดีกว่า เขาไม่อยากให้เธอทนอยู่กับผู้ชายที่ไม่เหลืออะไรแม้กระทั่งเวลาใส่ใจแฟน แต่พอบอกว่า ‘เราลองห่าง ๆ กันดูไหม?’ บลูก็ร้องไห้กอดเขาไว้แน่นพร้อมขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า
เธอสะอึกสะอื้นจนเหมือนจะขาดใจ และพอเห็นอย่างนั้นใครจะกล้าบอกเลิกได้ สุดท้ายแจ็คก็ต้องทนอยู่กับความรู้สึกผิดกับทุกสิ่งทุกอย่าง มันไม่มีอะไรดีขึ้นสักนิด เพราะถ้าหันไปใส่ใจแฟนก็ทำให้เสียเวลาเอาไปสร้างรายได้เพิ่ม แต่พอทำงานหาเงินก็ไม่มีเวลาให้อะไรสักอย่าง
เหมือนได้สิ่งหนึ่งก็ต้องแลกกับสิ่งหนึ่ง จนเกิดคำถามว่าทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตอยู่เพื่ออะไร?
แค่รอดไปวัน ๆ หรือว่ามีเป้าหมายที่ดีกว่า?
เด็กหนุ่มผมสกินเฮดหยุดยืนอยู่หน้าบ้านกลางดึก มองประตูม้วนที่ถูกพ่นสีโดยคนมือบอนที่อยากโชว์ความสามารถโดยไม่รู้จักที่รู้จักทาง แจ็คแง้มประตูหน้าบ้านขึ้นเพียงเล็กน้อยแล้วคลานเข้าไปเพราะไม่อยากให้ใครต้องตื่นเพราะการมาของเขา พอปิดประตูลงก็เห็นพ่อนอนเมาอยู่บนโซฟาไม้เก่า ๆ ที่เคยบ่นว่าแข็งจนแทบนอนไม่ได้
แจ็คแวะขึ้นไปหาแม่ก่อนจะเข้าห้องตนเอง มันเหมือนกับทุกครั้งที่เขามักจะเห็นเธอนั่งรีดผ้าจนดึกดื่นโดยมีวิทยุเครื่องเล็ก ๆ เปิดคลออยู่เป็นเพื่อน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เห็นรอยยิ้มของแม่ มันก็คงนานมากพอที่เขาจะปิดประตูลงแล้วกลับไปห้องตัวเองเพราะการทักทายยามเช้าหรือก่อนนอนมันไม่มีผลอะไรกับปฏิกิริยาของแม่
เธอมักจะทำหน้ามึนตึง เหนื่อยล้า และโกรธทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตต้องดิ่งลงมาอยู่ในจุดนี้
หลังจากอาบน้ำจนได้ความสดชื่นเรียบร้อยแจ็คก็หยุดยืนมองน้องอีกสองคนที่หลับไปแล้วและนั่นหมายความว่าเขาต้องเบาเสียงให้มากที่สุด คืนนี้ก็ยังเหมือนเดิม เริ่มจากเตรียมแผนการสอน ซ้อมทีม และถ้ายังเหลือเวลาก็ค่อยอ่านหนังสือจนกว่าจะทนฝืนง่วงไม่ไหว
ความฝันใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าหากได้เงินรางวัลครั้งนี้เขาคงเอาให้พ่อไปเช่าแท็กซี่มาขับหรือไม่ก็เอาไปลงทุนกับอะไรสักอย่างที่ต้องเห็นเม็ดเงินชัด ๆ ไม่ใช่ลงกับขวดเหล้าอย่างที่เป็นอยู่
อยู่ ๆ ฝนก็ตกอย่างหนักลงมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เด็กหนุ่มผมสกินเฮดจึงลุกไปปิดหน้าต่างเพราะมันคงไม่ดีแน่ถ้าหากว่าละอองฝนจะเข้ามาจนทำให้เด็กน้อยอีกสองคนต้องป่วย แต่ผ่านไปเกินนาทีแล้วเขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น มองหยดน้ำนับล้านที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้าจนทำให้นึกถึงใครอีกคนที่อยู่ห่างไกลจากตรงนี้
คุณกำลังโทรออก...‘ไอ้หน้าหมา’
ระหว่างกังวล เป็นห่วง กลัวว่าเพื่อนจะเครียดหลังจากถูกกดดันให้อ่านหนังสือเพราะเรื่องคณะที่อยากเข้าเรียน ตอนนั้นแจ็คไม่รู้เลยว่าคนที่เรียกว่าเพื่อนสนิทกำลังพาแฟนของเขากลับไปที่คอนโดเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากเปียกฝน
และสองคนนั้นก็ทำเรื่องที่เขาไม่คาดคิด... ซึ่งนั่นไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียว
(ต่อด้านล่างนะคะ)