28
หลังจากที่เดินเลี่ยงออกมาจากทัชชา กรกฤตก็ตรงไปหาลุงหยก ลุงเสือ และลุงเถิง ที่ยืนคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
“สวัสดีครับคุณลุง” ทั้งสามพยักหน้าให้กับเขา
“ดาราคนนั้นรึเปล่า” ลุงหยกหันไปมองทัชชาที่ยืนเคว้งอยู่ในห้อง ไม่นานป้าหงส์ก็เดินเข้าไปหา ทำให้เขาหายห่วง ที่ประมุขใหญ่ของเยี่ยนหวอออกตัวต้อนรับด้วยตัวเอง
“ครับ”
“เจ่เจ้เข้าไปหาเขาเองแบบนี้ ลุงคงหายห่วงเรื่องดาราคนนี้แล้วล่ะ ตอนแรกยังกังวลอยู่ว่าเขาจะเข้ามาหาผลประโยชน์จากม่อนเหมือนนางแบบคนนั้นไหม” ลุงหยกยิ้มให้เขา ถึงแม้จะอายุมากแล้ว แต่รอยยิ้มสวยๆ ของนางฟ้าแห่งเยี่ยนหวอนี่แทบจะฆ่าเขาได้เลย
“อ่ะ แฮ่ม!!” เสียงกระแอมไอของลุงเสือเรียกสติเขาขึ้นมาทันที
“หึ!!” ลุงเถิงเองก็เหมือนจะหัวเราะให้กับความหวงคนรักของลุงเสือ
“ม่อนเป็นยังไงบ้างครับ” ถึงเขาจะพอรู้ว่าพัสกาญปลอดภัยแล้ว แต่ก็ยังอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
“ปลอดภัยดี แต่คงทำอะไรได้ลำบากในช่วงนี้” ลุงหยกปรายตามองลุงเสือเล็กน้อยก่อนตอบคำถามของเขา
“แล้วเราจะไปเยี่ยมม่อนพร้อมกันเลยไหมครับ หรือทยอยกันไป” กรกฤตถามพร้อมกวาดตาไปรอบๆ ห้อง ญาติพี่น้องของเพื่อนเขามีน้อยเสียเมื่อไร
“ไม่ต้องไปแล้วล่ะ เจมส์โทรมาบอกฉันว่าม่อนอยากกลับมาพักที่โรงแรม เดี๋ยวงานข้างล่างซาลงเมื่อไร คนของพยัคฆ์จะไปรับ” ลุงเถิงบอกแต่สายตากลับมองไปยังทัชชา “หยก เฮียว่า เราเดินไปเตือนหงส์หน่อยดีไหม?”
กรกฤตหันไปมองตามสายตาของลุงเถิง เห็นทัชชานั่งคุยอยู่กับป้าหงส์และคุณยายสุพรรณษา นี่ถ้าเขาเห็นออร่าได้อย่างพัสกาญคงจะได้เห็นรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากชาริสา แม่โบตั๋น และป้าเพ็ญนภาเป็นแน่
“ผมว่า วันนี้คุณทัชคงอยู่รอไอ้ม่อนไม่ได้แล้วล่ะมั้ง ถ้ายังรักชีวิตตัวเองอยู่” เขากลืนน้ำลายลงคออย่างอยากเย็นเรียกเสียงหัวเราะใสๆ จากลุงหยกได้ทีเดียว
“กรไม่ต้องกังวลไปหรอก เอาเป็นว่าลุงจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่” ลุงหยกตบบ่าเขาเป็นเชิงปลอบจากนั้นก็เดินออกจากกลุ่มที่กำลังคุยกันอยู่
“หยกไปแล้ว คุณมีเรื่องอะไรจะบอกกับผม” กรกฤตกำลังสังเกตการณ์ทัชชาอยู่ได้ยินลุงเถิงกำลังจะคุยงานกับลุงเสือจึงคิดจะเดินเลี่ยง และตามลุงหยกไป
“เรื่องที่เกิดกับเจ้าม่อนไม่ใช่อุบัติเหตุเหตุ” กรกฤตยั้งเท้าทันที แล้วหันมาสนใจบทสนทนาของลุงทั้งสอง ลุงเสือมองเขาเล็กน้อยแต่ไม่คิดจะไล่เขาไป
“ในที่เกิดเหตุ คนของคุณพบอะไรน่าสงสัยล่ะสิ”
“ไม้ไผ่พวกนั้น ถูกมัดด้วยสายรัดพลาสติกอย่างหนาแน่น ไม่มีทางที่จะขาดเองได้ คนของผมพบเศษสายรัดเส้นหนึ่งมันถูกตัดด้วยของมีคม”
“ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่น่าจะเป็นการสุ่มทำร้าย แต่เจาะจงต่างหาก ผมว่าเรื่องที่เกิดคราวนี้ ไม่น่าจะเกี่ยวกับเยี่ยนหวอ เจ้าม่อนเก็บตัวมาก จนแทบจะไม่มีใครจำได้อยู่แล้ว ว่าเยี่ยนหวอยังมีทายาทคนเล็กอีกคน”
“ระยะนี้ม่อนได้ไปมีเรื่องอะไรกับใครไหม?” ลุงเสือหันมาถามเขา นี่คงเป็นเหตุผลที่พูดเรื่องพัสกาญต่อหน้าเขา
“ที่กองถ่ายม่อนแทบจะไม่สุงสิงกับใครนอกจากพวกผมกับเพื่อนใหม่อีก 2-3 คน”
“แล้วดาราคนนั้นล่ะ มีใครมาติดพันรึเปล่า?” ลุงเถิงถามบ้าง
“ไม่มีครับ และเท่าที่ผมรู้ ม่อนกับคุณทัชเพิ่งจะมีโอกาสคุยกันตรงๆ ก็วันนี้แหละครับลุงเถิง คุณทัชเขาค่อนข้างระวังตัวเลยคุยกับม่อนผ่านแชท อีกอย่าง ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เพิ่งจะเริ่มต้น คนที่รู้เรื่องของทั้งสองคนในตอนนี้ มีแค่ผมกับยัยแหม่มเท่านั้น”
“ก่อนหน้านี้แหม่มเหมือนจะมีข่าวไม่ค่อยดีเท่าไรใช่ไหม?”
“นิดหน่อยครับลุงเสือ แต่ก็ไม่มีอะไร มันก็แค่กระแสจิ้นของคู่พระนางในละคร” กรกฤตคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับเหล่าแฟนคลับของพราววริศา เพราะระยะหลังนี้ข่าวที่ออกมาส่วนใหญ่จะเป็นข่าวดาราสาวกับแฟนหนุ่มเสียมากกว่า
“ทางผมจะลองสืบดู แล้วจะจัดคนไปดูแลเจ้าม่อน” ลุงเสือพูดคุยกับลุงเถิงอีกสักพัก ก็เดินเข้าไปหาลุงหยก ส่วนลุงเถิงแยกไปนั่งทำงานเงียบๆ คนเดียว กรกฤตจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์เพื่อหาเครื่องดื่มเย็นๆ ดื่มรอเวลาพัสกาญกลับเข้ามา
.........................................................................
รถญี่ปุ่นคันเล็กที่ไม่แตกต่างจากรถทั่วไปตามท้องถนน แล่นเข้ามาจอดที่ใต้คอนโดหรูแห่งหนึ่ง หญิงสาวเจ้าของรถเปิดประตูลงมาพร้อมกระเป๋าเดินทางใบย่อม จากนั้นเธอก็อ้อมไปยังท้ายรถ เพื่อหยิบผ้าคลุมรถและจัดการคลุมรถญี่ปุ่นคันเก่ากลางใหม่ไว้จนมิดชิด
เมื่อจัดการกับรถส่วนตัวของเธอเสร็จ หลินจึงเดินไปยังห้องน้ำใกล้ ๆ ที่จอดรถซึ่งเป็นห้องน้ำสำหรับยามรักษาคความปลอดภัย เธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า ทรงผม พร้อมกับลบเครื่องสำอางค์บนใบหน้าจนเกลี้ยงเกลา เมื่อเธอสำรวจความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว จึงเดินออกมา
หลินเดินตรงไปยังรถสัญชาติยุโรปคันใหญ่ที่มีสปอร์นเซอร์ใจดีให้พราววริศานำมาใช้งานฟรี ๆ เพื่อเป็นการโปรโมทสินค้า เธอจัดการเก็บกระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถก่อนขับรถออกไปรับดาราสาวที่ฟิตเนส
ระหว่างทางเธอได้เปิดวิทยุเพื่อฟังข่าวงานการกุศลไปด้วย แต่ข่าวกลับไม่รายงานในสิ่งที่เธอได้ยินแม้แต่น้อย เธอจึงโทรไปหานักข่าวที่เธอค่อนข้างสนิทด้วย เผื่อจะได้รู้อะไรดีๆ บ้าง
‘สวัสดีค่ะน้องหลิน โทรมาหาพี่แบบนี้มีข่าวอะไรจะให้พี่รึเปล่าเอ่ย’ เสียงคนปลายสายดังลอดลำโพงภายในรถออกมาเมื่อเธอเชื่อมต่อบลูทูธ
“พี่ปูก็รู้นี่ค่ะ ว่าช่วงนี้น้องพราวเขาอยู่ในช่วงเร่งถ่ายละคร ส่วนคุณเตอร์ก็ไปทำงานต่างประเทศ อีกหลายวันกว่าจะกลับ ไว้ถ้าสองคนนี้ว่างไปด้วยกันเมื่อไร หลินจะรีบส่งข่าวนะคะ”
‘ได้เลยจ้าน้องหลินคนดี แล้วนี่โทรหาพี่มีเรื่องอะไรจ้ะ’
“หลินอยากรู้ว่างานแข่งรถการกุศลเป็นยังไงบ้างค่ะ?”
‘อ๋อ เรื่องนี้นี่เอง เสียดายนะคะที่น้องพราวไม่ได้มา งานนี้ถือว่าใหญ่น่าดู คุณหญิง คุณนาย ไฮโซ เซเลปเดินชนไหล่กันเต็มไปหมด’
“แล้วคุณแม่ของพี่เตอร์ล่ะค่ะ?” หลินถามลองหยั่งเชิงดู
‘คุณดาหราขึ้นเวทีช่วงเช้านิดหน่อย พอเสร็จงานตรงนั้นก็ไม่เห็นในงานแล้วนะ คนพวกนั้นพอถ่ายรูปเสร็จก็แยกย้ายกันไปแล้วล่ะ’
“แล้วอย่างนี้พี่ปูได้ข่าวอะไรติดไม้ติดมือมาบ้างไหมค่ะ” เธอแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
‘มีสิจ้า หลินรู้จักดิว กรกานต์ไหม ยูทูปเบอร์ที่กำลังดังอยู่ตอนนี้น่ะ’
“เหมือนเคยได้ยินค่ะ แต่ยังไม่ค่อยรู้รายละเอียด” เธอตอบแบบขอไปที เพราะโปรไฟล์ของชายหนุ่มไม่เป็นที่น่าสนใจสำหรับเธอและพราววริศา เพราะมาจากครอบครัวบ้านๆ ดังได้เพราะหน้าตาและคารมในการรีวิวสินค้าเท่านั้น
‘น้องดิวเขามางานนี้ด้วย มาไลฟ์สดช่วยขายเสื้อ อ่อ! แล้วก็พี่เพิ่งเคยเห็นคุณพัสกาญตัวจริง ยังเด็กอยู่เลย แต่เก่งระดับโลกเลยล่ะ นายแบบ นางแบบที่ได้ทำงานให้คุณพัสแค่งานเดียวก็ถึงกับโกอินเตอร์ไปเลยจ้า...’
“หลินไม่เคยเห็นงานเขาเลยค่ะ เขาเก่งขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ?” ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับพัสกาญทำให้เธอสนใจไม่น้อย
‘คนไทยรู้จักเขาเพราะแบรนด์พัสกาญ แต่ทั่วโลกรู้จักเขาในแบรนด์ YNW ในห้างสรรพสินค้าก็มีช้อปของแบรนด์นี้เยอะแยะไป’
“หลินเพิ่งรู้นะคะว่าเขาเป็นเจ้าของแบรนด์นี้” เธอถามออกมาอย่างสนใจ YNW มีขายอยู่ทั่วโลก ดูเหมือนธุรกิจของพัสกาญจะได้เงินมหาศาลกว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของคุณพหลเสียอีก
‘จะบอกว่าเป็นเจ้าของก็ไม่ถูกค่ะ ต้องบอกว่าเป็นทายาทเสียมากกว่า แต่หลังๆ มานี่ งานที่ปล่อยออกมาเป็นผลงานของคุณพัสทั้งนั้น’
“เหรอค่ะ เก่งจังเลยนะคะคุณพัสกาญเนี่ย แล้วมีข่าวอะไรน่าสนใจอีกไหมค่ะ?’ เธอพยายามจะถามถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับชาริสา
‘นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ น้องหลินหาอ่านออนไลน์ได้เลย คะแนนของผู้ที่เข้าแข่งขัน 10 อันดับแรกก็มีข่าวปล่อยออกมาแล้ว’
“ค่ะ ขอบคุณพี่ปูมากนะคะ เสียดายที่น้องพราวไม่ได้ไป”
‘นั่นสิ ไม่อย่างนั้นพี่คงได้ช่วยลงข่าวน้องพราวให้’
“หลินขอบคุณล่วงหน้าเลยค่ะ หลินต้องวางสายแล้วละคะ น้องพราวออกจากฟิตเนสมาแล้ว” หญิงสาวตัดบทเมื่อเลี้ยวรถเข้ามาจอดในลานจอดของฟิตเนสชื่อดัง
‘จ้า สวัสดีจ้า’
หลินลงจากรถเพื่อเดินเข้าไปภายในฟิตเนส เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นเธอ ก็จัดแจงเอาเครื่องดื่มมาเสริฟทันที
“คุณพราวเสร็จรึยัง?”
“เพิ่งเสร็จได้สักพักค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในห้องแต่งตัว”
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยขอบคุณก่อนหยิบแมกกาซีนขึ้นมาอ่าน หน้าปกเป็นรูปกลุ่มของเหล่านายแบบและนักแสดงจากหลายประเทศ หนึ่งในนั้นมีทัชชาร่วมอยู่ด้วย
หลินเปิดหนังสือไปเรื่อยๆ และพบว่าเสื้อผ้าคอลเลคชั่นชุดนี้ออกแบบโดยพัสกาญทั้งหมด นายแบบทุกคนบรรณาธิการเป็นผู้เลือกให้พัสกาญแอพพรูฟ
“หลินมาแล้วเหรอ เหนื่อยไหม?” หลินเงยหน้าจากแมกกาซีนขึ้นมามองคนที่เดินมายืนค้ำหัวเธออยู่
“อืม กลับเลยไหม หรือจะแวะทานอะไรก่อน”
“ไม่เอาอ่ะ พราวทั้งง่วงทั้งเหนื่อย อยากนอน” พราววริศาวางกระเป๋าลงข้างๆ ที่เธอนั่งก่อนจะเดินนำออกไป หลินจึงคว้ากระเป๋าของดาราสาวแล้วเดินตามไปอย่างเงียบๆ ในหัวเริ่มคิดแผนการบางอย่าง
........................................................................
พัสกาญกลับเข้ามาพักยังโรงแรม โดยที่น้ากล้ากับเฮียเจมส์เป็นผู้พาขึ้นมายังห้องพักส่วนตัวในชั้นบนสุด เขาได้มองไปรอบๆ เพียงครู่เดียว เพราะเขาเลือกที่จะเดินเอง ทำให้ต้องทนกับอาการปวดตุ้บๆ บริเวณแผ่นหลัง
“เฮีย ม่อนขอนั่งพักที่โซฟาก่อนได้ไหม ยังไม่อยากเข้าไปนอน”
“อืม ไหวไหมเรา”
“ม่อนไม่ได้เป็นอะไรมาสักหน่อย แค่เจ็บหลัง”
“ปากเก่งจริงนะเรา” เฮียเจมส์บีบจมูกของเขาไม่เบาเลย จนเขาต้องเอามือปัดออก
“เจ็บ…”
“ทุกคนคงเป็นห่วงม่อน” เฮียเจมส์เปรยขึ้นหลังจากหยุดแกล้งเขาแล้ว
“แล้วตอนนี้ทุกคนอยู่ไหนกันครับ”
“อยู่ที่ห้องป๊ากับม๊า รอเรากลับมานั่นแหละ”
“งั้นเฮียพาม่อนไปหน่อย”
“เมื่อกี้ยังขอพักอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
“ก็ทุกคนเป็นห่วง”
“น้ากล้าคงไปบอกคนที่ห้องนู้นแล้ว นั่งรออยู่นี่แหละ”
พัสกาญรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายเดินมาหาตนเองถึงห้อง และยังไม่ทันจะทักท้วงอะไรประตูห้องเขาก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
ป้าเพ็ญนภากับแม่ช่วยกันประคองคุณยายเข้ามา ตามด้วยชาริสาและก็พ่อของเขา
“ตาม่อน เป็นยังไงบ้างลูก” คุณยายนั่งลงข้าง ๆ เขาพร้อมกับช้อนมือเขาไว้ อีกมือหนึ่งก็ตบเบาๆ ที่หลังมือเป็นเชิงปลอบ
“ไม่เป็นอะไรมากครับคุณยาย” เขาเอนตัวไปซบไหล่คุณยาย เรียกเสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูจากคุณยายและป้าเพ็ญได้ไม่ยาก “ม่อนขอโทษนะครับที่ทำให้คุณยายเป็นห่วง”
“อ้อนได้ขนาดนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะคะคุณษา” ป้าเพ็ญพูดเสียงกลั้วหัวเราะเล็กน้อย เขาจึงขยับนั่งตัวตรงตามเดิมโดยมีเฮียเจมส์ที่ยืนอยู่ด้านหลังโซฟาช่วยประคองพร้อมทั้งยัดหมอนใบนุ่มที่ไม่รู้ไปเอามาตั้งแต่เมื่อไร มารองหลังให้เขา
พอนั่งดีๆ จึงได้รู้ว่านอกจากคนในครอบครัวแล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ กรกฤต รอยยิ้มของทัชชากับสีของออร่าที่ผิดแปลกไปจากคนในครอบครัว มันทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปครู่หนึ่งทีเดียว
“เป็นอะไรรึเปล่าลูก” แม่ของเขามองไปตามสายตาเขาไปยังทัชชา
“ไม่มีอะไรครับแม่ แค่ไม่คิดว่าคนจะเยอะแบบนี้ ม่อนขอโทษคุณลุงกับคุณป้าด้วยนะครับที่เสียมารยา จนต้องให้คุณลุงคุณป้าเป็นฝ่ายมาหาม่อนที่ห้อง” เขากระพุ่มมือไหว้ขอโทษ ลุงเถิง ป้าหงส์ ลุงเสือ ลุงหยก “ผมขอโทษนะครับพี่ภู” เขาหันไปกล่าวขอโทษภูผาที่ยืนเคียงข้างเฮียเจมส์ทางด้านหลังของเขา
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี่เอง” ภูผายื่นมือมายีหัวเขาจนผมยุ่งเหยิง จนโดนเฮียเจมส์ตีเขาที่มืออย่างแรงจนภูผาต้องรีบชักมือกลับ
“อย่าแกล้งน้อง น้องเจ็บอยู่” เฮียเจมส์เอ็ดเสียงดุ
“ม่อนยังเจ็บอยู่เหรอลูก เจ็บตรงไหนบ้างขอยายดูหน่อยซิ” คุณยายที่ได้ยินเฮียเจมส์เอ็ดภูผาถึงกับถามเขาด้วยความเป็นห่วง
“เจ็บหลังครับ แต่คุณยายไม่ต้องดูหรอก แค่ระบมนะครับ ไม่กี่วันก็หายแล้ว”
“ลุงถามกรแล้วนะ ว่าช่วงนี้งานที่เราไปช่วยตากรนั้นไม่มีอะไรมาก ระหว่างนี้ก็พักรักษาตัวซะที่นี่เลยก็แล้วกัน” ลุงเถิงออกความเห็น ซึ่งป้าหงส์ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมอยู่ดูแลน้องเองครับป๊า”
“เจมส์ไม่รีบกลับไร่กับคุณภูแล้วเหรอ?” แม่ของเขาถามขึ้นมาก่อนมองหน้าภูผาเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับน้าตั๋น ถ้าหว๋ายจะอยู่ดูแลน้องม่อน อีก 2-3 วันผมค่อยลงมารับก็ได้ครับ พี่น้องเขาจะได้ใช้เวลาด้วยกันบ้าง”
“หึ!!” ลุงเถิงเหมือนจะหัวเราะเยาะคุณภูผาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว” พ่อของเขาบอกกับทุกคน
“หนูแหม่มจะพักที่ไหนคืนนี้ นอนค้างกับป้าก็ได้นะ” ป้าเพ็ญหันไปถามชาริสาที่นั่งอยู่ข้างๆ
“แหม่มจะขออนุญาตคุยกับม่อนอีกสักครู่ได้ไหมค่ะ?”
“เอาแบบนี้แล้วกัน ให้เด็กๆ เขาอยู่คุยกันไปก่อน ส่วนเรื่องที่หลับที่นอน เดี๋ยวฉันจัดการให้คนเปิดห้องให้” ลุงเถิงพูดขึ้นมาอย่างใจดี แม่ของเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างหากแต่ถูกสายตาปราบของป้าหงส์เข้าจึงได้เงียบไป
“ไปเถอะตั๋น ไหนว่าวันนี้จะนอนกับเฮียยังไงล่ะ?” ลุงหยกเดินเข้ามาจูงมือแม่ของเขาแล้วพาเดินออกจากห้องไป ตามด้วยลุงเสือกับลุงเถิง
“คุณยายพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ ม่อนขอโทษที่ไม่ได้ไปส่ง” เขาหันไปหาผู้มีศักดิ์เป็นยายอีกครั้งพร้อมทั้งน้ำเสียงออดอ้อน
“ช่างอ้อนจริงนะเรา ยายกลับห้องเองได้ นี่ยัยเพ็ญกับยัยหงส์ก็ยังรออยู่”
“ครับ”
หลังจากผู้ใหญ่ออกไปกันหมดแล้ว ในห้องก็เหลือแต่เด็กๆ อย่างพวกเขา ทัชชาจึงรีบเดินหมายจะเข้ามานั่งใกล้ๆ เขา แต่กลับถูกชาริสาขวางไว้แล้วลากให้กรกฤตมานั่งแทน ส่วนด้านข้างเขามีเฮียเจมส์นั่งแทนที่คุณยาย ถัดไปเป็นภูผา
“ให้มันน้อยๆ หน่อยยัยแหม่ม กีดกันจนออกนอกหน้า เมื่อกี้ในห้องโน้นก็ทีหนึ่งแล้ว ไปฟ้องอะไรกับแม่ไอ้ม่อนมันล่ะ เขาถึงได้มองคุณทัชซะตาแทบถลน” กรกฤตที่ถูกดึงให้นั่งลงอย่างแรงอดเอ่ยออกมาไม่ได้
“ก็แค่เล่าเรื่องจริง”
“อย่าบอกนะว่าแหม่มรู้แล้ว” พัสกาญถามออกมา เพื่อนทั้งสองของเขาพยักหน้าให้เป็นการยอมรับ
“รู้เรื่องอะไรกันครับ” ภูผาหันไปถามกรกฤต
“ก็ที่ดาราคนนี้เขาตามจีบเจ้าม่อนยังไงล่ะครับพี่ภู” เป็นเฮียเจมส์ที่เป็นผู้ตอบคุณภูผา
“เฮีย!! ...” เขาได้แต่ร้องเสียงหลง เผลอขยับตัวแรงไปหน่อย จนกระเทือนไปถึงหลังที่บาดเจ็บอยู่ จึงถือโอกาสเอาหน้าซุกอกเฮียเจมส์เอาไว้ เพราะทั้งเจ็บทั้งอาย
“ไอ้ม่อน มึงไม่ต้องมาทำเป็นสำออยอ้อนเฮียเจมส์เลย แค่นี้คุณทัชเขาก็ห่วงมึงจะแย่” เขาได้แต่เงยหน้าขึ้นมองกรกฤตเล็กน้อยก่อนจะเหลือบไปมองทัชชา ไม่เห็นจะมีสีหน้าเป็นห่วงเขาสักนิด มีแต่จะยิ้มขำเขาเสียมากว่า
“เอาล่ะๆ ไม่ทะเลาะกัน” เฮียเจมส์รีบห้ามทัพเสียก่อน “น้องแหม่ม เฮียพอจะเดาออกว่าเราจะคุยอะไรกับเจ้าม่อน เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็ได้”
“แต่พรุ่งนี้แหม่มมีงานนี่ค่ะเฮีย”
“เฮียจะจัดคิวให้แหม่มได้คุยกับเจ้าม่อนเป็นคนแรกเลยดีไหม?”
“ก็ได้ค่ะ” ชาริสารับปากเฮียเจมส์แต่หน้าตาติดที่ยังดูเหมือนไม่ค่อยชอบใจนัก
“แล้วคุณทัชละครับ”
“เอ่อ...ผมยังไงก็ได้ครับ”
“เฮียเจมส์ห้ามให้พวกเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสองนะคะ” ชริสารีบแทรกขึ้นมาทันที
“ยัยแหม่มนี่แกเป็นเพื่อนมันหรือเป็นแม่มันกันแน่ หวงยังกับหมา”
“ไอ้กร ปากแกเหรอเนี่ย”
“พอๆ แยกย้ายได้แล้ว เจ้าม่อนจะได้พัก” เฮียเจมส์เอ่ยห้ามอีกหนก่อนช่วยประคองผมเข้าห้องนอน และไม่วายให้ภูผาช่วยส่งคนทั้งสามออกจากห้องไป
To Be Continued