ตอนที่ 13บ้านไม้สองชั้นหลังเดิมกับเมื่อคืนที่ผมมาให้บรรยากาศแตกต่างกันเพราะมันดูไม่น่ากลัวเท่า ตอนเช้าแบบนี้มีแดดส่องร่ำไรรอดผ่านใบไม้หนาจากต้นไม้ต้นใหญ่ให้ความสดชื่นและยังรู้สึกเย็นชื้นจากน้ำค้างที่ยังเหลืออยู่ ผมพยายามมองรอดผ่านรั้วไม้และต้นไม้เข้าไปถึงบ้านไม้ด้านในแต่ยังไม่พบใครสักคน จะกดออดหน้าบ้านก็กลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของคนในบ้านเพราะวันนี้ก็เป็นวันหยุด แม้ที่ผมมาเช้าแบบนี้เพราะคำสั่งจากพ่อตาก็ตามหรือผมจะโทรหามิคก่อนดี ผมเลือกโทรหาคนรักจึงหยิบโทรศัพท์กดโทรออกหามิคแต่ได้ยินสัญญาณว่าเจ้าของยังไม่เปิดเครื่องและมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เมื่อคืนนี้ผมกลับถึงบ้านก็พยายามโทรหามิคแต่ก็ติดต่อไม่ได้แบบนี้มันทำผมกังวลมากกลัวว่ามิคจะโดนพ่อตัวเองต่อว่าหรืออาจถึงขั้นบังคับให้มิคเลิกติดต่อกับผม ผมกดโทรออกซ้ำอีกครั้งและผลมันก็เป็นเหมือนเดิม ผมยืนกระวนกระวายอยู่หน้าบ้านมิคอยู่นานจึงตัดสินใจจะกดออดแต่ก็มีเสียงดังขึ้นมาซะก่อน
“นั่นใคร มายืนลับๆล่อๆล่ะ อ้อ นายชินกรณ์นี่เอง” เสียงเข้มติดดุของพ่อตาผมดังขึ้นและท่านก็จำผมได้
“สวัสดีครับคุณพ่อ เอ้ย คุณลุง” ผมยกมือไหว้ทำความเคารพทันที และผมก็ใจชื้นขึ้นเมื่อท่านรับไหว้ผมแม้ตาจะจ้องผมเขม็งก็ตาม และตาคู่นี้มันทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งให้ท่านได้สำรวจ ส่วนผมก็แอบสำรวจท่านเหมือนกันใบหน้าดุมีคิ้วเข้ม จมูกโด่ง ปากหนา ตาคมดุ โดยรวมแล้วไม่มีอะไรเหมือนมิคเลย
“พ่อใครมาครับ อ้าว คุณ หรือว่าคุณชินกรณ์ ใช่มั้ยครับ” มีเสียงผู้ชายแทรกออกมาก่อนที่ผมจะเห็นตัว เป็นชายหนุ่มตัวโตเกือบเท่าผมแต่ตัวบางกว่ามีผมสั้นเกรียน ดูท่าแล้วคงยังเรียนอยู่และมีใบหน้าคล้ายคลึงกับพ่อตาผม ถ้าผมเดาไม่ผิดคงเป็นน้องชายของมิค
“ครับ เรียกพี่ว่า ‘พี่ฟิน’ ก็ได้”
ผมยิ้มผูกมิตรให้กับชายหนุ่มเพื่อหาพวก แต่สิ่งที่ผมได้กลับมาคือหน้านิ่งและสายตามองสำรวจไม่ต่างจากพ่อตาเลย นี่หมายความว่าผมต้องรับศึกหลายด้านซินะ จากยิ้มกว้างที่ส่งไปเริ่มค่อยๆหุบลงความเงียบปกคลุมเราสามคน
“พ่อลูกนี่ยังไง หายมากันทั้งคู่ อ้าว แล้วมายืนทำอะไรกันจ๊ะ” เสียงหวานของผู้หญิงคนนี้เหมือนเสียงกรรมการห้ามศึกเงียบระหว่างผมและพ่อตากับน้องเขย เพราะมันเรียกสายตาพวกเราให้หันไปมอง
ภาพผู้หญิงวัยเลยกลางคนไปแล้วมีใบหน้าหวานละมุนจิ้มลิ้ม ตาโตมีแววหวาน จมูกโด่งพองาม ผิวผุดผ่อง ผมเห็นแล้วไม่ต้องเดาเลยเพราะความคล้ายคลึงที่มีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของคนที่ผมรักนั่นเอง ผมยกมือไหว้ผู้สูงอายุและลุ้นว่าท่านจะมีปฏิกิริยาแบบไหนจะเหมือนกับสองคนแรกรึเปล่า และผมก็โล่งใจเพราะท่านยิ้มหวานส่งมาให้ผมและยิ้มนี้มันทำให้ผมคิดถึงยิ้มหวานของคนรักเพราะมันถอดแบบกันมาเลยล่ะ จนอดยิ้มกว้างตามไม่ได้
“ใครล่ะเนี่ย ใช่ ‘ฟิน’ มั้ยจ๊ะ” ผมรับคำท่านยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้เคารพว่าที่แม่ยาย
“อืม แบบนี้นี่เอง ฮึๆๆ”
แม่ยายผมมองผมแบบสำรวจตรวจตราแต่ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าพ่อตาและนายแม็คมากนัก ด้วยรอยยิ้มน้อยๆอย่างคนใจดีที่เหมือนมิคและตาพราวเป็นประกายแบบนี้ แต่คำพูดท่านหมายความว่ายังไงกัน ‘แบบนี้’ นี่มันแบบไหนกัน ผมก้มมองตัวเองว่าเสื้อติดกระดุมครบมั้ย หรือลืมรูดซิบรึเปล่า หรือรองเท้าผมขาดกันนะ
“ไปๆ เข้าบ้านกันได้แล้วพ่อ ตาแม็ค ฟินไปลูก” แม่ยายผมท่านไปดึงพ่อตาให้เดินตามและกวักมือเรียกทั้งผมและแม็ค ผมจึงเดินตามท่านทั้งสองและปิดท้ายด้วยนายแม็ค ผมรับรู้ถึงสายตาที่จับจ้องจากข้างหลังมันทำให้ผมเกร็งและเย็นวาบทั่วทั้งแผ่นหลัง
ภายในบ้านไม้หลังไม่ใหญ่นักชั้นล่างนั้นมีเฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ซะส่วนใหญ่ บริเวณรับแขกมีโซฟาไม้ตัวใหญ่และโต๊ะกลางที่มีดอกกุหลาบสีเหลืองใส่แจกันตั้งอยู่ พ่อตาแม่ยายผมนั่งลงที่โซฟาตัวนั้นส่วนผมที่ยืนอยู่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองนั่งตรงไหนมันทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของคนรักแบบนี้ ไอ้ผู้ชายมาดแมนมั่นใจตัวเองมันไปหลบอยู่ที่ไหนในตัวผมกันนะเหลือแต่เด็กชายตัวน้อยต่อหน้าครูฝ่ายปกครองคนนี้เท่านั้น ผมหาตัวช่วยมองไปรอบบ้านไม่เห็นร่างเล็กของคนที่คิดถึงเลยไม่รู้ว่าอยู่ไหนตื่นรึยังแล้วจะรู้มั้ยว่าผมมาถึงแล้ว
“มองอะไรล่ะครับ พี่ฟิน” เสียงดังขึ้นข้างหลังผมมันทำเอาผมเกือบสะดุ้งก็เพราะมัวแต่มองหามิคลืมไปว่ามีแม็คยืนอยู่ด้วย
“แม็ค! ฟินนั่งก่อนสิจ๊ะ” แม่ยายผู้หญิงเพียงคนเดียวในนี้ที่ดูเหมือนว่าใจดีกับผมที่สุด ดุนายแม็คและหันมายิ้มเรียกให้ผมนั่งโซฟาไม้ตัวเล็กข้างกัน ผมนั้นไม่รอช้านั่งข้างท่านทันทีและมีนายแม็คนั่งฝั่งตรงข้ามผม
“นายชินกรณ์ ชั้นจะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ นายเป็นแฟนกับมิคใช่มั้ย” พ่อตาเรียกชื่อผมเต็มยศและถามคำถามแรกให้ผมนิ่งอึ้ง
ผมสบตาท่านก็พบกับสายตานิ่งไม่ได้แสดงความโกรธหรือไม่พอใจส่งมาเหมือนที่ผมคิดไว้ ผมคงต้องแสดงความจริงใจให้ท่านได้รู้ว่าผมนั้นคิดยังไงกับลูกของท่าน ความกลัวความวิตกที่มีแต่แรกเลือนหายไปและเริ่มมีความมั่นใจมาแทนที่ ผมสบตาแน่วแน่ส่งไปให้ท่านและผมพร้อมแล้วที่จะตอบทุกคำถาม ก่อนส่งยิ้มและตอบในสิ่งที่ท่านถามมา
“ครับ ผมกับมิคเราเป็นแฟนกัน”
“ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะ คุณไม่อายเหรอที่จะบอกใครต่อใครว่ามีมิคเป็นแฟนน่ะเพราะดูท่าแล้วชั้นว่านายน่าจะมีผู้หญิงดีๆให้เลือกเยอะนะ”
“ครับ ผมไม่นึกอายที่จะบอกใครว่ามีมิคเป็นแฟน และคุณลุงไม่น่าจะดูถูกลูกตัวเองนะครับ เพราะคุณลุงน่าจะรู้ว่ามิคเป็นคนดีและมีดีแค่ไหน ผมต่างหากที่อาจจะไม่ดีพอสำหรับมิคแต่ยังดีที่มิคให้โอกาสผม” ใบหน้าท่านยังนิ่งและจับจ้องมาที่ผมไม่เปลี่ยนแต่แววตาเหมือนมีแววพอใจออกมาแวบหนึ่งแล้วจึงกลับมานิ่งดั่งเดิม
“ตอนนี้นายก็พูดได้ต่อไปอาจเบื่อลูกชั้นก็ได้ แล้วตอนนั้นมิคจะทำยังไง”
“ตอนนี้ผมรักมิคครับและพูดได้เลยว่าผมก็ไม่เคยรักใครมาก่อนไม่รู้ว่าคนที่รักกันเค้าต้องเป็นแบบไหน ผมคงต้องเรียนรู้ที่จะรักมิคอีกมากและไม่รู้ว่าอนาคตเราจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้ผมอยากขอโอกาสคุณลุงคุณป้าให้ผมได้พิสูจน์และเรียนรู้ไปพร้อมกับมิคนะครับ ผมสัญญาได้ข้อเดียวว่าผมจะทุ่มเททุกอย่างและทำให้ดีที่สุดผมเชื่อว่าขอเพียงมีมิคเคียงข้างอุปสรรคขนาดไหนเราจะต้องผ่านมันไปได้”
ผมพูดสิ่งที่อยู่ในใจถ่ายทอดความจริงใจผ่านน้ำเสียงที่มั่นคงให้พ่อแม่ของคนรักได้เห็นถึงความจริงใจที่ผมมีต่อลูกของท่านทั้งสอง และหวังว่าท่านจะเข้าใจและยอมรับความรักของเรา เมื่อผมพูดไปแล้วก็กลั้นใจรอฟังว่าท่านจะคิดอย่างไรกับสิ่งที่ผมพูด คุณแม่ที่นั่งติดกับผมไม่ได้พูดอะไรปล่อยให้คุณพ่อซักถามอยู่ฝ่ายเดียวแต่แรกนั้นท่านมีรอยยิ้มติดใบหน้าตลอดเวลาและยิ่งยิ้มมากขึ้นเมื่อผมพูดจบ ส่วนน้องชายนายแม็คนั้นยังนั่งนิ่งไม่ยิ้มแต่แววตาลดความแข็งกระด้างลงแล้ว และคุณพ่อ
ตาของผมนั้นท่านยังนั่งนิ่งหน้าไม่ผิดไปจากแม็คและดูเหมือนท่านจะคิดอะไรอยู่ในใจ ผมหวังว่าท่านจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดออกไป
“ดี ตอนนี้ถือว่าชั้นรับรู้ความสัมพันธ์ของนายและลูกมิค แต่บอกไว้ก่อนในอนาคตถ้านายทำมิคเสียใจไม่ว่าเรื่องอะไรนายเตรียมตัวไว้ได้เลย” พ่อตาผมพูดเสียงนิ่งและแสยะยิ้มเมื่อจบประโยค
ผมได้เห็นภาพท่านแบบนี้มันมีสองความรู้สึกปนกัน ความรู้สึกแรกคือดีใจที่ท่านยอมรับความสัมพันธ์ฉันท์คนรักของผมกับมิค และอีกหนึ่งความรู้สึกคืออาการเย็นวาบตั้งแต่หัวลงไปปลายเท้ากับรอยแสยะยิ้มของท่าน ดังนั้นใบหน้าผมตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากสองความรู้สึกปนกันจะยิ้มก็ยิ้มได้ไม่เต็มที่เพราะปากมันสั่นหัวคิ้วขมวดมุ่น และมันคงเป็นภาพที่ตลกสำหรับคุณแม่ยายของผม
“ฮิๆๆ พอแล้วค่ะคุณกต ดูซิตาฟินทำหน้าไม่ถูกแล้ว ฮิๆๆ เอาล่ะขอแม่พูดบ้างนะปล่อยให้ลูกผู้ชายเค้าพูดกันมานานแล้ว” ใบหน้าหวานของแม่ยายผมยังมีรอยยิ้มส่งมาให้ผมอยู่เมื่อท่านหันมาทางผมทั้งตัว
“ฟิน แม่จะลองไว้ใจฝากมิคไว้กับฟินนะลูก ไหนๆลูกแม่ก็เลือกแล้ว ความรักไม่มีผิดมีถูกจะเพศไหนยังไงแม่ก็รับได้ขอแค่ลูกแม่มีความสุขก็พอ ดังนั้นต่อไปนี้แม่ขอให้ฟินทำให้ได้อย่างที่พูด และเมื่อสุดท้ายฟินกับมิคจะไปกันไม่ได้แม่ก็ไม่ว่าเพราะเชื่อว่าทั้งสองคนได้เลือกแล้วและทำดีที่สุดแล้ว” ยิ้มหวานยังมีอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาที่ท่านพูด
“ผมขอบคุณคุณลุงคุณป้านะครับที่ให้โอกาสผม”
ผมยกมือไหว้ขอบคุณท่านอย่างดีใจและจริงๆอยากสวมกอดคุณแม่ยายยิ้มสวยคนนี้แน่นๆด้วยซ้ำ เพราะประโยคยาวๆที่ท่านพูดมันเหมือนเป็นคำตัดสินให้ผมกับมิคได้คบกัน ส่วนคุณพ่อตายังนั่งนิ่งไม่มีค้านคำพูดของท่าน ดูก็รู้แล้วว่าใครมีอำนาจมากที่สุดในบ้านแม้คุณแม่ยายจะให้คุณพ่อตาผมเป็นคนออกหน้าก่อนก็ตาม
“ฟินต่อไปก็เรียกพ่อกับแม่แทนคุณลุงคุณป้านะจ๊ะ”
“นี่คุณดา” คุณพ่อคงอยากค้านที่คุณแม่ยายให้ผมเรียกแบบสนิทชิดเชื้อแบบนี้ แต่เมื่อเจอยิ้มหวานส่งไปให้เท่านั้นท่านก็เงียบไม่พูดต่อ ได้แต่ถอนใจเฮือกหนึ่งแทนและหันไปมองทางอื่นที่ไม่มีหน้าผมอยู่
ผมได้แต่แอบยิ้มไม่ให้ท่านเห็นถ้าเห็นนอกจากจะไม่ได้คบกับลูกชายท่านแล้วและคงไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้แน่ เพราะผมเห็นท่านมองไปที่ปืนยาวที่แขวนไว้ที่ข้างฝาบ้านจนต้องแอบกลืนน้ำลายตามหวังว่ามันมีไว้โชว์เท่านั้นคงไม่มีลูกกระสุนนะนั่นน่ะ
“เดี๋ยวแม่ไปเตรียมอาหารเช้าต่อดีกว่า แม็คไปตามพี่เค้าลงมาไปป่านนี้กระวนกระวายแย่แล้วมั้ง ฮิๆๆ เอ่อฟินลูกนั่งรอมิคอยู่นี่ล่ะนะคุยกับพ่อไปพลางๆก่อน” แม่ยายใจดีของผมพูดเสร็จก็เดินเข้าครัวไปทันที
ปล่อยผมไว้กับเสือสองตัว เฮ้ย อย่าให้คนที่ผมเปรียบเทียบว่าเป็นเสือรู้เชียวไม่งั้นผมคงเหลือแต่กระดูก เสือหนุ่มนายแม็คลุกขึ้นคงจะไปตามที่รักของผมที่คงโดนห้ามลงมาตอนที่เราคุยกัน ก่อนแม็คเดินผ่านผมไปมันก้มลงกระซิบเบาข้างหูผม
“ผมจะจับตาดูพี่ไว้ ระวังตัวให้ดี” แล้วมันก็เดินผ่านผมขึ้นบันไดไป
นี่ถ้ามีเด็กคนอื่นมาขู่ผมแบบนี้นะมันคงไม่รอดมือรอดเท้าของผมแน่ แต่นี่ว่าที่น้องเมียที่ดูท่าจะหวงพี่ชายมากด้วยเลยให้อภัยแถมยังอยู่ต่อหน้าพ่อตาด้วยจะทำอะไรก็ไม่สะดวก ผมหันไปยิ้มให้พ่อตาที่ยังนั่งอยู่ที่ตอนนี้หยิบหนังสือพิมพ์ตรงหน้าออกมากางอ่าน และผมคงหมดความหมายไปแล้วในสายตาท่าน แต่ก็ดีเพราะผมยังรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่คอยจับจ้องมา ผมเผลอถอนใจยาวออกมาและมันก็เรียกสายดุของพ่อตาผมให้กลับมาล็อกเป้าหมายนั่นก็คือผมอีกครั้ง ก็ได้แต่ยิ้มส่งไปให้ท่านแทน และเหมือนระฆังช่วยชีวิตเมื่อเสียงหวานที่ผมรอคอยดังขึ้น
“ฟิน”
มิคหนุ่มน้อยของผมเดินส่งยิ้มบางมาให้และเหลือบไปมองพ่อของตัวเอง มิคเดินไปนั่งกับพ่อและโอบกอดเอวหนาแน่นซบหน้ากับอกท่าน เหมือนเด็กน้อยขี้อ้อนมันจึงเรียกรอยยิ้มเอ็นดูให้เกิดจากผมและคนที่โดนกอด รอยยิ้มของพ่อตาทำเอาผมอึ้งเพราะตั้งแต่เจอหน้าผมเพิ่งได้เห็นมันครั้งแรกเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่มีไว้มอบให้กับคนที่ท่านรักเท่านั้น
“พี่จำภาพตรงหน้านี้ไว้ ถ้าวันไหนพี่ทำให้ภาพนี้หายไปผมไม่เอาพี่ไว้แน่” เสียงเข้มข้างหูดังขึ้นมันมาจากไอ้ยอดชายนายแม็คตัวแสบที่ตั้งใจขู่ผมและให้ผมได้ยินเท่านั้น ผมจึงจับต้นแขนไอ้น้องตัวดีไว้และกระซิบเสียงหนักแน่นไปให้มันได้ยิน
“พี่สัญญา แต่อย่าปีนเกลียวไอ้น้อง” ผมตบหลังแกร่งไปทีแบบให้สัญญาและแอบขู่มันกลับ เพราะถึงไงผมก็ไม่คิดทำร้ายมิคอยู่แล้วผมก็รักของผม แต่จะปล่อยให้น้องมันขู่เอาก็ใช่ที่จึงขอกำหราบเล็กๆไปสักหน่อย แม็คมองหน้าผมนิ่งไม่พูดอะไรและเดินไปนั่งขนาบพี่ชายตัวเอง ตอนนี้มิคจึงอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อกับน้องชาย
“คุยกันเรียบร้อยดีใช่มั้ย” หลังจากอ้อนพ่อตัวเองแล้ว มิคก็เลือกที่จะหันมาถามผม
“ครับเรียบร้อยดี” ผมตอบและยิ้มกว้างส่งให้มิคได้สบายใจ มิคก็พยักหน้ายิ้มแป้นอย่างดีใจมาให้
ผมมารู้ทีหลังว่าเมื่อคืนหลังจากพ่อตาผมมาเจอเราอยู่ในรถและไล่ผมกลับไปแล้ว ที่บ้านนี้ก็เรียกประชุมเรื่องลูกชายคนโตมีแฟนเป็นผู้ชาย สายตาของผู้ใหญ่นั้นเราไม่สามารถปิดอะไรได้ท่านมองเราก็รู้แล้วว่าคบกันแบบไหน และสงสัยมานานว่าลูกต้องแอบมีแฟนแต่ยังไม่ได้บอกทางบ้านเท่านั้น เมื่อมาเจอตัวเป็นๆหลักฐานมีให้เห็นมิคจึงโดนซักฟอกอย่างละเอียด และยอมรับว่าคบกับผมเป็นแฟน ทีแรกมิคก็กลัวว่าที่บ้านจะรับไม่ได้แต่ผิดคาดที่ทุกคนไม่โวยวายแต่กลับนิ่งและอยากคุยกับผมว่ามีอะไรดี อยากรู้ว่าผมเป็นคนแบบไหนที่ทำให้ลูกชายท่านยอมคบกับผู้ชายด้วยกัน และจากผลลัพธ์วันนี้ผมคงผ่านเกณฑ์ของท่านแล้วถึงยอมให้เราคบกันได้ และเมื่อคืนมิคโดนห้ามไม่ให้เปิดโทรศัพท์และห้ามลงมาข้างล่างจนกว่าเราจะคุยกันเสร็จ ถึงตอนนี้ผมก็ได้แต่โล่งใจที่ทำให้ครอบครัวคนรักยอมรับความสัมพันธ์ของเราได้ แม้พ่อตาจะนิ่งขรึมไม่ได้พูดดีๆกับผมและน้องเมียที่เอาแต่ขู่ แต่วันนี้แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้วและเวลาก็จะพิสูจน์ทุกอย่างเอง
........................................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
นายฟินก็ฝ่าด่านอรหันต์พ่อตาและน้องเมียมาจนได้แม้จะแอบเสียววาบ
กับปืนที่แขวนอยู่ ฮุๆๆ แต่ถ้าไม่ได้ท่านแม่ยายนายฟินคงแย่นะเนี่ย
ตอนหน้ามีหวานแบบตาร้อนนิดๆติดตามความหวานของทั้งคู่ได้วันพฤหัสฯนะคะ
ปล.+1และเป็ดให้แล้วน้ากับทุกเม้นท์ที่มีให้ ^^
สำหรับการติดตามนะคะ