♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 30 ✦ มือที่มองไม่เห็น
ต้องจับกดข้อมือทิวไว้บนเบาะโซฟาในลักษณะขึงพืด จากนั้นก็โน้มตัวลงมาไซร้ซอกคอของทิว ถึงทิวจะเป็นเกย์แต่ก็ไม่ใช่คนตัวเล็กๆ ที่ต้องจะเอาชนะแรงได้ง่ายๆ เมื่อก่อนทิวชอบเล่นเตะฟุตบอลจึงทำให้มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง บวกกับขนาดตัวที่สูสีกับต้องจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องจะขืนใจทิวได้ง่ายๆ
"ไอ้ต้อง กูบอกให้มึงหยุด ได้ยินไหมไอ้ต้อง มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย มึงเป็นบ้าอะไรของมึงวะไอ้ต้อง"
ไม่ว่าทิวจะร้องห้ามอย่างไรก็ไม่เป็นผล ต้องยังคงพยายามใช้กำลังขืนใจทิวอย่างไม่ลดละและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่
"อยู่นิ่งๆ สิวะ มึงจะดิ้นอะไรนักหนา เดี๋ยวมึงก็รู้ว่ากูกับไอ้บูมใครมันจะแน่กว่ากัน"
ต้องคุมสติไม่อยู่แล้ว เมื่อเห็นทิวดิ้นไม่หยุดก็เลยต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้ทิวหยุดดิ้นให้ได้ ไม่รู้ผีห่าซาตานที่ไหนเข้าสิง ต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองก็ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ต้องหันมาใช้มือบีบคอทิว ไม่ได้กะจะให้ทิวตายหรอก แค่จะให้หยุดดิ้นเท่านั้นเพราะทิวแรงเยอะ ถ้าไม่ทำแบบนี้สุดท้ายต้องก็คงจะสู้ไม่ไหว
"ไอ้ต้องมึง แค่กๆๆๆ"
ทิวพูดไม่ออกเพราะต้องบีบคอทิวแน่น ทิวพยายามแกะมือของต้องออกจากคอเพื่อเอาชีวิตรอด เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผลบวกกับสัญชาติรักตัวกลัวตาย ทิวจึงรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีตัดสินใจใช้มือผลักหน้าอกต้องสุดแรงจนต้องกระเด็นไปด้านตรงข้าม ข้าวของบนโต๊ะหล่นกระจัดกระจาย เก้าอี้ล้มระเนระนาดไปคนละทิศละทาง
แล้วทุกอย่างก็เงียบไปสักพัก...
ต้องดูเหมือนจะหายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อรู้เพิ่งทำอะไรลงไป
"ไอ้ต้อง...มึงเป็นบ้าอะไรของมึง มึงจะฆ่ากูหรือไง เสียแรง...ที่กูกับมึงอุตส่าห์เป็นเพื่อนกันมาเป็น 20 ปี ทำไมมึงทำแบบนี้วะไอ้ต้อง"
ทิวพูดไปร้องไห้ไป นี่คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หนักหนาในชีวิตของทิวเมื่อเพื่อนรักที่คบกันมาเกือบยี่สิบปีทำร้ายกันเช่นนี้เพราะความขาดสติ
ต้องได้สติแล้วก็ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นเดินมาหาทิวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาและเอามือลูบคอของตัวเองอยู่
"ทิว...กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ" ต้องบอกด้วยเสียงสั่นเทาและสีหน้าที่บอกว่ารู้สึกผิดอย่างที่สุด
"ไม่ได้ตั้งใจเหรอ ถ้ามึงตั้งใจกูก็คงตายไปแล้วใช่ไหมไอ้ต้อง" ทิวถามเสียงดัง ริปฝีปากสั่นระริก
"ทิว...กูขอโทษ มึงอย่าโกรธกูนะเว้ย ต่อไปกูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วไอ้ทิว มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้ กูขอโทษ"
ต้องบอกพลางร้องไห้เช่นกัน นึกโกรธตัวเองที่เมามายจนขาดสติถึงขนาดนี้ ขาดสติจนเกือบจะฆ่าเพื่อนรักของตัวเองตายคามือไปแล้ว
"ตอนนี้อย่าเพิ่งคุยอะไรกันดีกว่าไอ้ต้อง กูไม่อยากเห็นหน้ามึงตอนนี้"
ทิวพูดแบบนี้ก็หมายความว่าให้ต้องออกไปจากบ้านของทิวก่อนนั่นเอง แม้จะเป็นเพื่อนกันมานาน แม้จะรู้ว่าต้องขาดสติและไม่ได้ตั้งใจ ทิวก็ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ดี ทางที่ดีให้ต้องกลับบ้านไปก่อนดีกว่า
"มึงกลับไปก่อนได้ไหมไอ้ต้อง" ทิวพูดย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นต้องยังคงยืนตะลึงอยู่
ต้องพยายามสบตากับทิวเพื่อจะบอกว่าเสียใจแค่ไหน แต่ต้องก็รู้ว่าทิวคงไม่อยากรับรู้ นี่ต้องทำอะไรลงไป ทำไปได้ยังไง ทิวคงไม่ให้อภัยสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นแน่ๆ เลย ต้องคงทำลายมิตรภาพที่ยาวนานกว่า 20 ปีลงไปเสียสิ้นแล้ว ไม่ต่างจากคนที่เขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า
ต้องเดินคอตกออกจากบ้านทิวไปอย่างช้าๆ ได้แต่ขอโทษทิวในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จะมีประโยชน์อะไร ต้องทำลงไปด้วยตัวเองทั้งหมด ก็คงต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมและผลที่จะตามมาหลังจากนี้ ถ้าทิวจะไม่ให้อภัยต้องก็คงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะร้องขอ
เมื่อต้องกลับไปแล้วทิวก็นั่งชันเข่าร้องไห้อยู่บนโซฟาคนเดียว ดูเหมือนชีวิตจะไม่สามารถหนีหายจากเรื่องราวร้ายๆ ไปได้เลย ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้นเมื่อบูมกลับมา แต่อีกด้านหนึ่ง...มันคือการก่อตัวของพายุลูกใหม่ต่างหาก แล้ววันนี้ จู่ๆ พายุอีกลูกก็ก่อตัวขึ้นและโถมเข้าเล่นงานทิวแบบไม่ให้ตั้งตัวและไม่คาดคิดมาก่อน เพื่อนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้กลับเป็นคนที่ทำร้ายทิวเสียเอง ถึงจะรู้ว่าต้องไม่ได้ตั้งใจ แต่เหตุการณ์เสี่ยงต่อความเป็นความตายเมื่อกี้ก็น่ากลัวเหลือเกิน ต้องไม่น่าทำอย่างนี้เลย
ทิวคิดถึงบูมเหลือเกินในเวลานี้ แต่คงจะบอกเรื่องนี้ให้บูมรู้ไม่ได้ ไม่อยากให้บูมกับต้องผิดใจกัน ไม่อยากจะทำให้เรื่องราวมันวุ่นวายมากขึ้น ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ชักจะวุ่นวายจนชีวิตจะหาความสงบสุขไม่ได้อยู่แล้ว
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
ดูเหมือนเรื่องร้ายๆ สำหรับทิวยังคงไม่หมดเพียงเท่านี้ วันนี้บูมไม่ได้มาทำงานที่สมาคมเพราะต้องไปช่วยพ่อทำงานที่บริษัท พอดีเอิร์ธว่างก็เลยขับรถมาส่งทิวที่บ้านตอนเลิกงาน แต่ก่อนจะกลับเข้าบ้านทิวก็พาเอิร์ธไปหาอะไรกินที่ตลาดโชคชัยสี่ก่อนเพราะเห็นเอิร์ธบ่นหิวมาตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ ดูเหมือนเอิร์ธจะชอบมากทีเดียวเพราะมีของกินให้เลือกหลากหลายจึงกินกันเสียเปรม จุกไปตามๆ กัน
เกือบๆ สองทุ่ม เอิร์ธจึงขับรถมาส่งทิวที่บ้าน พอส่งทิวเสร็จแล้วเอิร์ธก็ต้องวิ่งรถเลยไปอีกหน่อยก็จะเจอแยกในซอยที่พอใช้กลับรถได้ เอิร์ธมองกระจกหลังก็บังเอิญเห็นชายสองยืนอยู่แถวๆ หน้าบ้านของทิว แต่เอิร์ธก็ไม่ได้สนใจนักเพราะคิดว่าคงเป็นคนแถวนี้ พอกลับรถได้แล้วและวิ่งขับผ่านมาทางหน้าบ้านทิวอีกครั้ง เอิร์ธก็เห็นทิวนอนทรุดกองอยู่หน้าบ้าน ด้วยความตกใจจึงรีบจอดรถแล้วลงไปดูทันที
"เฮ้ยทิวเป็นไร ใครทำอะไรอะไรทิวน่ะ"
พอเห็นหน้าตาเนื้อตัวของทิวมีแต่รอยฟกช้ำดำเขียวไปหมดเอิร์ธก็ยิ่งตกใจ
"อะไรเนี่ย เกิดอะไรขึ้น"
"ไม่รู้เหมือนกันน่ะเอิร์ธ เรากำลังไขกุญแจบ้านอยู่ดีๆ ก็มีใครไม่รู้วิ่งเข้ามารุมตีเราใหญ่เลย"
"ไอ้สองคนนั้นแน่ๆ เลย เมื่อกี้เราเห็นแวบๆ ทางกระจกหลัง"
เอิร์ธสันนิษฐาน แต่สองคนนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์หนีไปเสียแล้ว หน้าก็จำไม่ได้ ไม่รู้จะไปแจ้งตำรวจว่ายังไง
"น่าจะใช่"
ทิวตอบพลางพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ได้เพราะรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว เจ็บหลายจุดจนไม่รู้ว่ามีจุดไหนของร่างกายบ้างที่ถูกตี
"เราว่านายไปหาหมอดีกว่า เดี๋ยวเราพาไป"
เอิร์ธบอกแล้วก็ค่อยๆ ช่วยพยุงทิวขึ้นไปนั่งบนรถ คนถูกตีเจ็บเสียจนแทบจะไม่มีแรงเกาะคนที่มาช่วย พอเข้าไปนั่งในรถได้แล้ว เอิร์ธก็หันมาถามทิวที่นั่งโอดโอยอยู่ข้างหน้าด้วยกัน
"ทิวไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่า"
ทิวพยายามนึก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าไปมีเรื่องกับใครตั้งแต่เมื่อไหร่ นอกจาก...แพรว หรือว่า...แม่ของบูม คงไม่ใช่หรอก ทิวไม่ควรจะคิดอกุศลอย่างนั้น สองคนนั้นคงไม่ทำเรื่องอย่างนี้หรอก แล้วใครล่ะ หรืออาจจะเป็นแค่การเข้าใจผิดกันเฉยๆ หรือเปล่า หนี้ก็ส่งไปจนหมดแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหาได้อีก
"ไม่มี...เขาอาจจะจำผิดคนก็ได้ เราก็เลยซวยไป" ทิวพยายามคิดในแง่นั้นเมื่อไม่รู้ว่าจะสงสัยใครดี
"อืม...อาจจะเป็นไปได้ เดี๋ยวเราโทรหาบูมก่อนนะ" เอิร์ธว่าแล้วก็ขับรถออกไปพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาบูมไปด้วย
"บูม...เลิกงานหรือยัง ตอนนี้ผมกำลังจะพาทิวไปโรงพยาบาลนะ"
"ทิวเป็นอะไร ทำไมต้องไปโรงพยาบาล" บูมถามมาด้วยน้ำเสียงตกใจ
"ทิวโดนใครก็ไม่รู้ดักตีเมื่อกี้ ที่หน้าบ้าน พอดีเรามาส่งทิวที่บ้าน แล้วตอนที่เราไปกลับรถ...ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ คนร้ายมันก็ดักตีทิวจนลงไปนอนทรุดเลย"
"อะไรนะเอิร์ธ แล้วทิวเป็นอะไรมากไหม"
เสียงที่ลอดมาทางโทรศัพท์มือถือดังพอที่ทิวจะได้ยินอยู่เหมือนกัน จึงได้รับรู้ความเป็นห่วงเป็นใยของอีกฝ่ายที่มีให้ตนเอง
"ก็ฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัวเลยแหละ แต่ทิวยังโอเคอยู่นะ ผมว่าแขนทิวน่าจะโดนตีหนักสุดเลย" เอิร์ธรายงานไปตามที่เห็น ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะทิวพยายามใช้แขนป้องกันตัวเองไว้
"โอเคๆ เดี๋ยวผมจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย ฝากดูแลทิวหน่อยนะเอิร์ธ"
"ครับๆ ได้ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก รีบตามมาละกันนะครับบูม"
เอิร์ธพูดจบแล้วก็วางสายไป พอเก็บโทรศัพท์เข้าที่เรียบร้อยก็หันมาคุยกับทิวต่อ
"ทิวโชคดีนะ รู้ไหมว่าบูมเขาเป็นห่วงแล้วก็รักทิวมาก"
ทิวหันไปมองเอิร์ธแต่ไม่ได้พูดอะไร เอิร์ธคงพอสังเกตเห็นความอยากรู้ในแววตาของทิวจึงพูดสืบไปว่า
"รู้ไหมว่าบูมเขากลัวพวกเราเข้าใจทิวผิด ก็เลยนัดพวกเราไปคุยด้วย ลีน่ากับแอนเดอร์สันก็ไปด้วยนะ คุยกันอยู่นานเลยแหละ บูมเขาย้ำตลอดเลยนะว่าทิวไม่ใช่มือที่สาม เพราะว่าบูมรักทิวมาตั้งนานแล้ว ก่อนที่จะมาเจอแพรวเสียอีก แต่ก็ถูกพ่อแม่คลุมถุงชน ไม่น่าเชื่อนะว่าสมัยนี้ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีก"
เอิร์ธพูดติดตลกในตอนท้ายๆ
"แล้วพวกนาย...ไม่รังเกียจ...คนที่เป็นแบบเราเหรอ"
ทิวถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ถึงคำด่าของแม่ของบูมที่แสนจะน่าสยดสยองนั้น
"ไม่หรอก...พวกนายก็เป็นคนดี ทำประโยชน์ให้สังคมได้เหมือนๆ กันนี่หว่า เราควรจะรังเกียจพวกคนที่สร้างปัญหาให้สังคมไม่ดีกว่าเหรอ อย่างพวกดาราที่ชอบมีข่าวฉาวๆ พวกนักการเมืองที่โกงบ้านกินเมือง หรืออะไรพวกนี้ เราว่าคนพวกนี้ต่างหากที่พวกเราสมควรจะรังเกียจ ไม่ใช่มารังเกียจพวกนาย จริงไหม" เอิร์ธย้อนถาม
ทิวพยักหน้าพลางยิ้มน้อยๆ แล้วก็ร้องโอ๊ยเพราะเจ็บปาก เอิร์ธเห็นแล้วก็อดขำนิดๆ ไม่ได้แม้ว่าจะรู้สึกสงสารมากก็ตาม
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
เกือบสามทุ่มบูมก็มาถึงโรงพยาบาล น้ำตาแทบจะร่วงเลยทีเดียวเมื่อเห็นสภาพคนรักมีรอยฟกช้ำดำเขียวตามเนื้อตัวและใบหน้าหลายจุด ไม่รู้ว่าไอ้คนพวกนั้นมันโกรธแค้นอะไรทิวนักหนาถึงจะต้องทำกันเจ็บถึงขนาดนี้
"ใครทำอะไรนายน่ะทิว"
บูมถามพลางย่อตัวลงนั่งข้างๆ บนเตียงของทิว สายตาคอยมองสำรวจร่างกายของทิวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทิวต้องเข้าเฝือกแขนข้างหนึ่งเพราะค่อนข้างบวมและเจ็บกว่าอีกข้าง
"ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยเขาคงจะจำคนผิดมั้ง เราไม่เคยไปมีเรื่องกับใครเลย ถือซะว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน"
ทิวบอกด้วยเสียงที่ฟังดูอู้อี้เพราะปากเริ่มบวมเจ่อ
ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ตั้งแต่บูมรู้จักทิวมาก็ไม่เคยเห็นทิวทำตัวเกเรเป็นนักเลงเลย ไม่น่าจะมีเรื่องกับใครจนต้องถูกดักตีอย่างนี้ จะว่าเป็นเจ้าหนี้คนนั้นก็ไม่น่าใช่เพราะบูมก็ช่วยจ่ายเงินส่วนที่เหลือไปหมดแล้ว
"ขอบคุณมากนะเอิร์ธที่ช่วยพาทิวมาโรงพยาบาล"
บูมหันไปบอกเอิร์ธที่ยืนอยู่ข้างหลังเมื่อนึกขึ้นได้ มัวแต่ห่วงทิวเสียจนลืมดูว่ามีใครอยู่บ้าง
"ไม่เป็นไร อ้อ เดี๋ยววิท ลีน่าแล้วก็แอนเดอร์สันจะมาด้วยนะ ใกล้ถึงละ" เอิร์ธบอก
บูมพยักหน้ารับรู้แล้วก็หันมาดูทิวต่อ
"บูมกินอะไรมาหรือยัง" ทิวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
"ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงเราหรอก นายห่วงตัวเองเถอะ แล้วหมอจะให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร"
"รอดูอีกวันสองวัน ถ้าไม่มีอะไรก็น่าจะกลับไปพักที่บ้านได้"
ดูจากสภาพแล้วคนร้ายคงแค่ต้องการสั่งสอนขั้นต้นเท่านั้น ทิวจึงไม่ถึงกับเจ็บหนักมาก แต่ก็เจ็บตัวไปพอสมควร
"นายพักให้เต็มที่นะ ไม่ต้องห่วงงานหรอก ห่วงตัวเองก่อน เราพอจะหาคนมาช่วยทำชั่วคราวได้"
เหมือนบูมจะนึกอะไรได้ก็เลยถามต่อไปว่า "แล้วพวกนั้นมันจะกลับมาทำร้ายนายอีกหรือเปล่าล่ะทิว นายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวก่อนไหม"
"ก็ดีเหมือนกันนะทิว อย่าเพิ่งวางใจไป ผมมีคอนโดอยู่แถวๆ รัชดา ทิวจะไปพักก็ได้นะ ตอนนี้ผมยังไม่ใช้" เอิร์ธเห็นดีด้วย
จะว่าไปแล้วเพื่อนร่วมงานของทิวแต่ละคนก็ล้วนแต่เป็นคนจิตใจดีกันทั้งนั้นเลย โชคดีจริงๆ ที่ทิวได้มาเจอคนดีๆ อย่างนี้
ยังไม่ทันจะได้ตอบ วิท ลีน่าและแอนเดอร์สันก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง พอทุกคนเห็นสภาพของทิวแล้วต่างก็ตกใจกันใหญ่
"เป็นไงบ้างทิว" วิทถามก่อนใครเพื่อน
"Are you okay, Tiew?" แอนเดอร์สันเดินเข้ามาถามด้วยอีกคน
"I'm ok--still alive." ทิวตอบติดตลกว่ายังมีชีวิตอยู่ ไม่ถึงกับตาย
"What happened? Did they mistake you for someone else?"
ลีน่าถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกนั้นเข้าใจว่าทิวเป็นอีกคนหรือเปล่า ข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ก็มาจากที่เอิร์ธบอกนั่นแหละ
"I really have no idea but I just guess so."
ทิวตอบพลางพยายามยิ้มเท่าที่พอจะยิ้มได้ เห็นเพื่อนร่วมงานหลายคนเป็นห่วงและอุตส่าห์มาเยี่ยมถึงโรงพยาบาลก็อดตื้นตันใจไม่ได้ ตั้งแต่ออกจากมหาวิทยาลัยมาแล้วทิวก็แทบไม่เคยได้เจอบรรยากาศที่มีเพื่อนๆ หลายคนแบบนี้อีกเลย
"Oh, that's too bad. I hope you get well soon, friend." แอนเดอร์สันอวยพรให้ทิวหายไวๆ
"Thank you."
ทิวกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ น้ำตาพาลจะไหลให้ได้ที่รู้ว่ามีเพื่อนร่วมงานที่ดีขนาดนี้ ที่ผ่านมาทิวคิดกังวลเสมอว่าเพื่อนร่วมงานคงไม่ค่อยชอบทิวเพราะคิดว่าทิวเป็นมือที่สามระหว่างบูมกับแพรว แต่พอบูมอธิบายให้เข้าใจแล้ว การปฏิบัติตัวของเพื่อนๆ เหล่านี้ต่อทิวก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีจนทิวคาดไม่ถึง
"ขี้แยอีกแล้วนะ"
บูมพูดพลางเอามือไปขยี้หัวทิวเล่นด้วยความเอ็นดู ทิวร้องโอ๊ยเพราะหัวของทิวก็โนจากการถูกไม้ตีด้วย
"ขอโทษๆ เราลืมไป"
บูมรีบร้องบอกอย่างตกใจและหน้าเสียที่ทำให้ทิวต้องเจ็บ
"ไม่เป็นไร...ไม่เจ็บมากหรอก"
ทิวบอกพลางยิ้มและขำเล็กน้อย คนอื่นๆ ก็พลอยขำตามไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผู้ชายกับผู้ชายอยู่ด้วยกันจะมีภาพน่ารักๆ แบบนี้ให้เห็นได้ด้วย ทิวกับบูมช่วยทำให้เพื่อนร่วมงานได้เปิดโลกทัศน์และเห็นความจริงที่คนทั่วไปไม่ได้เห็นในความรักระหว่างชายกับชายมากขึ้น น่าเสียดายที่เรามักมีอคติจนลืมมองเห็นความสวยงามของสิ่งที่เป็นอยู่ ในจำนวนนั้นก็มีบางคนในครอบครัวของบูมรวมอยู่ด้วย
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
บูมกับเอิร์ธช่วยกันเก็บข้าวของที่ขนมาจากบ้านทิวบางส่วนเข้าที่ ส่วนทิวก็ได้แต่นั่งมองอยู่บนเตียงเพราะตัวเองยังเจ็บอยู่ ช่วยอะไรไม่ได้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วบูมก็ให้ทิวมาพักอยู่ที่คอนโดของเอิร์ธชั่วคราวก่อนเพราะยังไม่ไว้ใจในความปลอดภัยของทิว ตอนแรกทิวจะไม่ยอมแต่บูมกับเอิร์ธก็ขอร้องจนทิวต้องมา
"หมดแล้วนะ" เอิร์ธหันมาถามยืนยันกับทิวหลังจากที่เก็บของเข้าที่เรียบร้อยแล้ว
ทิวพยักหน้าพลางยิ้ม "ขอบใจเอิร์ธมากนะครับ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราขอตัวกลับก่อนละกันนะ พอดีต้องไปธุระกับแม่"
"อ้าว...ไม่อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนเหรอ ผมซื้อมาเยอะแยะเลย" บูมร้องถาม
"เอาไว้คราวหน้าละกันครับ ผมติดจริงๆ วันนี้ นี่ไงแม่โทรมาตามละ"
เอิร์ธบอกพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง กดรับแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับโบกมือให้เป็นสัญญาณว่าต้องไปแล้ว โชคดีเหมือนกันที่ทิวออกจากโรงพยาบาลตรงกับวันหยุดพอดี บูมจึงมีเวลาอยู่ดูแลทิวอย่างเต็มที่ได้ทั้งสองวัน
"หิวหรือยัง" บูมหันไปทิวถามหลังจากเดินไปปิดประตูห้อง
ทิวพยักหน้า
"ไปกินข้าวด้วยกันตรงนั้นดีกว่า"
บูมบอกพลางเดินมาช่วยพยุงทิวไปนั่งตรงโต๊ะที่จัดไว้สำหรับนั่งกินข้าวหรือจะคุยกันก็ได้ ห้องของเอิร์ธดูกว้างขวางทีเดียว ราคาคงจะแพงไม่ใช่น้อย
บูมช่วยแกะกับข้าวแล้วจัดใส่จาน ทิวได้แต่นั่งดูตาปริบๆ เช่นเคยเพราะมือข้างหนึ่งยังต้องใส่ผ้าสามเหลี่ยมคล้องแขนเอาไว้อยู่ บูมเห็นทิวมองด้วยสายตารู้สึกผิดก็อดขำไม่ได้ เกือบจะเอามือไปยีหัวทิวอยู่แล้วเชียว แต่พอนึกได้ว่าทิวยังเจ็บอยู่ก็เลยต้องหดมือกลับ
"อย่าคิดมากน่าทิว เมื่อก่อนนายช่วยเราตั้งเยอะตั้งแยะ ให้เราดูแลนายบ้าง ไม่ต้องกลัวหรอก...เดี๋ยวพอนายหายแล้วเราก็จะใช้นายคืนให้เข็ดเลย ดีไหม" บูมสัพยอกในตอนท้าย
"อ้อ กินข้าวต้มไปก่อนละกันนะ จะได้กินง่ายๆ"
บูมจัดแจงอาหารเสร็จแล้วก็นั่งลงข้างๆ ทิวที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"เดี๋ยวเราป้อนนะ"
ทิวทำหน้าตกใจแล้วก็ร้องห้าม
"ไม่เอา...เรากินเองก็ได้"
พอเห็นบูมทำหน้าขอร้องอ้อนวอน ทิวก็เลยต้องยอม
"ก็ได้ แค่วันนี้วันเดียวนะ" มีต่อรองเสียด้วย
บูมหัวเราะชอบใจแล้วก็ค่อยๆ ตักอาหารป้อนทิว
"เป่าก่อนดิ เดี๋ยวก็ลวกปากเราพอดี"
ทิวทักท้วง บูมก็เลยขำแล้วก็เป่าข้าวต้มในช้อนก่อนจะป้อนเข้าปากทิวไป ดูเก้ๆ กังๆ เล็กน้อยเพราะไม่ค่อยได้ทำแบบนี้เท่าไรนัก
"แล้วนายไม่กินข้าวเหรอ"
"เดี๋ยวกิน"
บูมพูดจบก็ตักข้าวป้อนทิวต่อ จนกระทั่งทิวกินข้าวหมดแล้วจึงพาทิวไปนอนที่เตียงแล้วก็กลับมานั่งกินข้าวบ้าง จากนั้นก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย แล้วก็มาดูแลทิวต่อ ปกติบูมแทบจะไม่เคยทำอย่างนี้เลยเมื่ออยู่ที่บ้าน แต่ตอนเรียนที่เมืองนอกต้องทำเองทุกวันก็เลยพอทำได้
"เราอยากอาบน้ำ" ทิวทำเสียงอ้อนเมื่อบูมกลับมา รู้สึกไม่ชอบเลยเวลาเจ็บป่วยแบบนี้แล้วอาบน้ำไม่ได้
"อย่าเพิ่งเลย เอางี้ละกัน เดี๋ยวเราเช็ดตัวให้ นายจะเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยไหม"
"ก็ดีเหมือนกัน"
บูมจึงเดินไปเลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าทิวน่าจะใส่นอนได้สบายๆ หนึ่งชุดมาเตรียมไว้ หลังจากนั้นก็ไปหาชามใบใหญ่ใส่น้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กมาด้วยหนึ่งผืน
"ถอดเสื้อผ้าก่อนนะ" บูมบอก แต่ทิวก็ทำหน้าอิดออด
"ไม่ถอดเสื้อผ้าออกแล้วจะเช็ดตัวยังไงล่ะ จะอายทำไม เราเห็นของนายจนหมดแล้ว"
ทิวจึงต้องยอมให้บูมช่วยถอดเสื้อผ้าออกไป จนเหลือแต่ชุดชั้นในเทาๆ ตัวน้อยๆ พอบูมจะช่วยถอดทิวก็รีบร้องห้าม
"อันนี้เอาไว้ก่อนก็ได้"
บูมขำแล้วส่ายหน้า "นายนี่ เราไม่ทำอะไรนายหรอกน่า เจ็บแบบนี้จะทำได้ยังไง"
แล้วก็หันสบตากับทิวพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม "แต่ถ้านายต้องการก็บอกเราได้นะ เราช่วยได้"
บูมจึงถูกมือข้างที่เหลือของทิวหยิกแขนเข้าให้ เจ็บจนร้องอูยเบาๆ แล้วก็หัวเราะแหะๆ หยอกกันพอหอมปากหอมคอแล้วบูมก็ช่วยเช็ดตัวให้ทิวอย่างทนุถนอมเพราะกลัวจะทำให้ทิวเจ็บตัวมากกว่าเดิม
ระหว่างนั้นทิวก็ถามคำถามหนึ่งที่ทิวอยากรู้และสงสัยมานานแล้ว "บูม...นายเคย..." บูมหยุดและสบตากับทิวด้วยความสงสัย
"นายมีอะไรกับแพรวหรือยัง" ทิวกลั้นใจถามออกไปอย่างเขินๆ แต่มันก็อยากรู้จริงๆ นี่นา
บูมยิ้มเล็กน้อยแล้วก็ถามกลับ "แล้วนายคิดว่าไงล่ะ"
"ก็...ถ้าเคยเป็นแฟนกันก็น่าจะ..."
บูมขำแล้วก็ถามกลับไปว่า "ถ้าจะบอกว่าไม่ล่ะ นายจะเชื่อไหม"
"จริงเหรอ" ทิวทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
"จริงสิ ก็เราไม่ได้รักเขานี่" แล้วบูมก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย "แต่ถ้ากับผู้ชายคนอื่น...ไม่แน่"
เห็นทิวตกตะลึงแล้วบูมก็ขำ สักพักทิวก็ทำหน้าม่อย
"ไม่ต้องเช็ดแล้ว เราจะนอน"
ทำเสียงแบบนี้แสดงว่างอนแน่ๆ เลย บูมไม่ได้เห็นทิวงอนมานานแล้ว สมัยเรียนนั้นทิวเคยงอนบูมอยู่บ้าง โดยเฉพาะตอนที่บูมจีบกับน้องแป๋มอยู่ ทิวงอนจนไม่ยอมพูดกันเป็นอาทิตย์ๆ เลย
"งอนเหรอ ยังขี้งอนเหมือนเดิมนะเนี่ย อ้อ...ขี้หึงด้วย" บูมยิ้มชอบใจแล้วก็ก้มหน้าลงไปใกล้ๆ
"ยังไงเราก็รักนายคนเดียวนะทิว คนอื่นๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่กับนาย...เรารักจริงหวังแต่งนะ"
ทิวยิ้มเขิน บูมจึงขโมยหอมแก้มเบาๆ ก็เลยยิ่งทำให้ทิวเขินไปกันใหญ่ คงจะเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะมีบ้างในตอนนี้ ขอเวลาพักจากเรื่องร้ายๆ ก่อนละกันนะ
TBCขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน